Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ่านสร้างสุข 8 อุบัติการณ์นิตยสารเด็กในเมืองไทย - ในโลก

อ่านสร้างสุข 8 อุบัติการณ์นิตยสารเด็กในเมืองไทย - ในโลก

Description: อ่านสร้างสุข 8 อุบัติการณ์นิตยสารเด็กในเมืองไทย - ในโลก

Search

Read the Text Version

อบุ ัตกิ ารณ นติ ยสารเด็กในเมอื งไทย-ในโลก

สารบัญ คุยเปิดเล่ม ๔ คำนำเสนอ ๖ ปฐมบทการพิมพ์ในเมอื งไทยสู่โลกนิตยสาร ๑๑ ๑๒ • จุดเรม่ิ ตน้ การพมิ พใ์ นสยาม ๑๔ • ก้าวแรกนิตยสารของคนไทย ๑๘ • ก้าวแรกของสามัญชนคนหนงั สอื พมิ พ์ ๒๑ • บางส่ิงบางอยา่ งกบั การเปิดศักราชใหมข่ องนิตยสารไทย ๒๗ • โลกของนติ ยสารไทยกับการเกดิ นติ ยสารเด็ก เปิดมิติ ‘อา่ นเล่นเป็นอ่านเรียน’ ในยคุ ตั้งไขข่ องนติ ยสารเดก็ ไทย ๓๓ ๓๖ • มอี ะไรใน เด็กไทย นกั เรยี น หนังสือพิมพ์เดก็ และ ดรุณเกษม ๔๓ • นักเรียน เล่มเดียวท่ี ‘โดนใจ’ เดก็ ไทยยคุ กอ่ น ๔๗ • ‘อ่านเลน่ เป็นอา่ นเรยี น’ ตามหลักการของสมอง

อุบตั กิ ารณน์ ิตยสารเด็กในโลก ๕๗ • นิตยสารเด็กเลม่ แรกของโลก : เบกิ ทางจากวงการศาสนา ๕๘ • ทศวรรษแห่งบทบาทนิตยสารเดก็ : เพ่ือเดก็ และครอบครวั เดก็ หญิง เดก็ ชาย ๕๑ • นักเขียนใหญ่ในนิตยสารเด็ก : ถนนสายจินตนาการข้ามศตวรรษ ๖๕ • นติ ยสารเดก็ ในสหรฐั อเมริกา : จากแวดวงศาสนามาสภู่ าคเอกชน ๗๑ • นติ ยสารเดก็ คณุ ภาพเต็มเลม่ บนถนนสายรว่ มศตวรรษ ๗๕ • บนเส้นทางสองศตวรรษ : มีหลกั ไมลใ์ ห้คนทำนติ ยสารเด็ก ๘๐ พิมพ์คร้ังท่ี ๑ : กันยายน ๒๕๕๔ จำนวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม บรรณาธิการ : สดุ ใจ พรหมเกดิ บรรณาธกิ ารประจำฉบบั : รศ.ถริ นันท์ อนวชั ศริ วิ งศ์ เขียนโดย : ถริ นันท์ อนวชั ศิริวงศ์ พิรุณ อนวชั ศริ ิวงศ์ : ศนู ย์วจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมการอา่ น บรรณาธิการฝา่ ยศลิ ป์ : วฒั นสนิ ธ์ุ สวุ รตั นานนท์ ภาพ : ธนั ยนนั ท์ ฉัพพรรณรงั ษ ี กองบรรณาธิการ : ยุวดี งามวทิ ย์โรจน,์ วิลาสีนี ดอนเงิน, ชุตมิ า ฟูกลิน่ , คณิตา แอตาล วไิ ล มีแกว้ สุข, จฑุ าพร ยอดศรี ประสานการผลติ : พวงผกา แสนเข่อื นสี, ชญชนญั เอีย่ มช่นื จัดพมิ พแ์ ละเผยแพร่ : แผนงานสร้างเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น ไดร้ ับการสนบั สนนุ จาก สำนักงานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ๔๒๔ หมูบ่ ้านเงาไม้ ซอยจรญั สนทิ วงศ์ ๖๗ แยก ๓ ถนนจรัญสนทิ วงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศพั ท์ : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ โทรสาร : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ กด ๓ Website : www.happyreading.in.th, E-mail : [email protected] Facebook : http://www.facebook.com/happy2reading Twitter : http://www.twitter.com/happy2reading พิมพท์ ่ี : แปลนพร้ินต้งิ จำกัด โทรศพั ท์ ๐-๒๒๗๗-๒๒๒๒

คยุ เปิดเล่ม ปีน้ีมีเร่ืองดีๆ ตอบรับ “วาระการอ่านแห่งชาติ” อยู่หลายเรื่องหลายราว นบั จาก... - กรุงเทพฯ ได้รับการประกาศให้เป็น เมอื งหนังสือโลก : Bangkok World Book Capital จากองค์การยูเนสโก - สำนักงานส่งเสริมการอ่าน กศน. สนับสนุนท้ังงบประมาณและเดินหน้า อย่างต่อเน่ืองทำใหท้ ง้ั ๗๗ จังหวดั มแี กนนำอาสาสมัครสง่ เสริมการอา่ นครบทกุ จังหวัด และขณะนี้กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่หลากหลายเริ่มผลิดอกออกผล สอดคล้องบรบิ ทและวถิ ขี องชมุ ชน - หนว่ ยงานหลกั ทางดา้ นการศกึ ษา คอื สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ขน้ั พืน้ ฐาน (สพฐ.) กระทรวงศกึ ษาธิการ, สำนกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) และสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จะได้ริเร่ิมโครงการ “อ่านสร้างสุขใน โรงเรียน” ดว้ ยเล็งเหน็ ว่า การจะบ่มเพาะนิสยั รักการอ่าน จำต้องเรม่ิ จากการอา่ น ที่มาพรอ้ มความสุข ความเพลิดเพลิน - ฯลฯ

เรื่องราวการกำเนิดนิตยสารเด็กจากยุคบุกเบิกท้ังในเมืองไทยและของโลก จาก อา่ นสร้างสุข เล่ม ๘ น้ี ทำให้เราไดเ้ หน็ ร่องรอยของหวั ใจและแก่นแกนของ การก่อเกิดว่า หนังสือ-นิตยสารควรเป็นไปเพ่ือส่งเสริมการอ่านให้แก่เด็กๆ ได้ สัมผสั สจั จะ ความงาม ความจรงิ และความรกั ให้เด็กๆ ของเรา เดก็ ๆ ของ โลก รกั ทั้งบา้ น รกั ประเทศ ฯลฯ โดยไมล่ ะเลยจนิ ตนาการ และความสอดคล้อง ของธรรมชาตแิ ละสมองของเด็กแตล่ ะวัย จงึ จะเป็นการอา่ นทีม่ คี ณุ คา่ มคี วามหมาย สร้างวัฒนธรรมการอ่านให้เกิด ขึ้นได้จรงิ สุดใจ พรหมเกดิ ผู้จดั การแผนงานสร้างเสริมวฒั นธรรมการอ่าน

คำนำเสนอ เม่ือระบบการพิมพ์แบบสมัยใหม่เกิดขึ้นหรือเคล่ือนเข้าไปในสังคมใด ส่ิงท่ี ตามมากค็ อื การเกดิ ขนึ้ ของสอื่ สง่ิ พมิ พ์ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ มกั เปน็ สอ่ื สงิ่ พมิ พร์ ายคาบ หากแต่ในการบันทึกประวัติศาสตร์การส่ือสารมวลชนก็มักเรียกว่า หนังสือพิมพ์ ซ่ึงในหลักวิชาการด้านวารสารศาสตร์ยุคต่อมานิยามสิ่งพิมพ์ในลักษณะน้ันว่า นติ ยสาร (magazine) หรือ วารสาร (periodical) ยุคของการบุกเบิกนิตยสารในเมืองไทย คือในสมัยรัชกาลท่ี ๕ (คำว่า นติ ยสาร หรอื วารสาร ยงั ไมม่ ี และแม้ในภายหลังก็นยิ มเรยี กกันวา่ หนังสือพิมพ์ เป็นส่วนใหญ่) เรียกได้ว่าเกิดข้ึนจำนวนไม่น้อย กล่าวคือ ในรัชกาลที่ ๕ มี นติ ยสารเกดิ ขนึ้ ราว ๕๐ ฉบับ และเพิม่ ขึน้ เป็นทบทวใี นสมัยรชั กาลที่ ๖ คอื เกิด นติ ยสารหัวใหมข่ ้ึนอีกราว ๑๓๐ ฉบบั และในช่วงสมยั รชั กาลท่ี ๗ มีนติ ยสารเกดิ ใหม่มากขนึ้ กวา่ รอ้ ยละ ๑๐ คอื ประมาณ ๑๕๐ ฉบับ ในจำนวนนีม้ ีนติ ยสารหลาก หลายประเภท หากแตใ่ นจำนวนทัง้ หมดกวา่ ๓๐๐ ฉบบั นั้น มนี ติ ยสารเพ่อื เดก็ และเยาวชน (ที่ผลิตโดยภาคเอกชน) ตลอดช่วงสามรัชกาล เพียง ๔ ฉบับ เทา่ น้นั และ สามในส่ฉี บับมีอายไุ มถ่ ึงขวบปดี ดี กั !

เกดิ อะไรขน้ึ ? นิตยสารเด็กที่มีชื่อว่า เด็กไทย, หนังสือพิมพ์เด็ก และ ดรุณเกษม มี โอกาสได้เกดิ ข้นึ มาแล้ว ทว่ายังหัดเดนิ ไปได้ไม่กีก่ า้ วกล็ ้มฟบุ ลงไปเสียก่อน มเี พียงฉบบั เดียวคอื หนงั สอื พมิ พ์นักเรยี น ท่เี ยาวชนนกั อา่ นให้การต้อนรบั เป็นอยา่ งดี อยไู่ ด้ ๔ ปี กอ่ นจะเลกิ กิจการไป ปล่อยใหเ้ ดก็ ๆ หันซา้ ยหนั ขวามอง หานิตยสารเล่มโปรดของพวกเขาวา่ หายไปไหนเสียแลว้ นับแต่ฉบับปฐมฤกษ์ของนิตยสารเด็กฉบับนี้ กับการก้าวเดินไปได้ไกลท่ีสุด ของนิตยสารเด็ก (นอกรั้วโรงเรียน) ประดามี ในรอบร้อยปีนับต้ังแต่มีระบบการ พิมพ์สมัยใหม่ในเมืองไทย หนังสือพิมพ์นักเรียน ได้เปิดมิติใหม่แห่งการเรียนรู้ และการอ่าน ที่เรียกได้ว่าเป็นหลักการสำคัญของการทำนิตยสารเด็กเลยก็ว่าได้ น่นั คือ หลกั การทำ “ใหก้ ารเรยี นเป็นการเล่น ให้การเล่นเปน็ การเรียน” การพินิจพิเคราะห์ในรายละเอียด ว่าด้วยการแทรกตัวเข้ามาสู่บรรณพิภพ ของนิตยสารเด็ก และมิติทัศน์อันน่าสนใจของการทำนิตยสารเพ่ือเด็กในยุคต้ังไข่ ของนติ ยสารเดก็ เมอื งไทย ไดน้ ำเสนอไวใ้ นงานเขยี น ๒ เรอ่ื ง ของ “อา่ นสรา้ งสขุ ” ฉบับน้ี - “อุบัติการณ์นิตยสารเด็กในเมืองไทย-ในโลก” คือเรื่อง “ปฐมบท การพิมพ์ในเมืองไทยสู่โลกนิตยสาร” กับเรื่อง “เปิดมิติ ‘อ่านเล่นเป็น อา่ นเรยี น’ ในยคุ ตง้ั ไข่ของนติ ยสารเดก็ ไทย”

และเพอ่ื ใหค้ วามรอบรูข้ องเรากวา้ งขวางย่งิ ข้นึ จึงได้นำพัฒนาการนติ ยสาร เด็กระดับโลกมาเสนอไว้เป็นอีกหนึ่งเร่ืองด้วย คือเร่ือง “อุบัติการณ์นิตยสาร เด็กในโลก” แน่ละ เจ้าแห่งสื่อส่ิงพิมพ์ยุคใหม่ก็ไม่พ้นไปจากสหราชอาณาจักร ซึ่งเริ่มมีนิตยสารฉบับแรกในปี ๑๘๒๔ (พ.ศ. ๒๓๖๗) ส่วนทางฝั่งสหรัฐอเมริกามี นิตยสารเด็กฉบับแรกในอีกสองปีต่อมา ลักษณะเช่นเดียวกันของท้ังอังกฤษและ อเมรกิ าสมยั แรกๆ คอื นติ ยสารเกดิ ขน้ึ จากแวดวงศาสนา ความตนื่ ตวั ของโรงเรยี น สอนศาสนาวันอาทิตย์ ทำให้แต่ละนิกายก็มีนิตยสารเด็กของตนเอง แล้วค่อยๆ ขยายแวดวงออกไปสสู่ ำนักพิมพ์เอกชน นติ ยสารเดก็ ในตา่ งประเทศ ขยับกา้ วไปพรอ้ มๆ กบั การเกิดองค์ความร้อู นั สำคัญย่ิงในการทำนิตยสารเพื่อเด็ก ว่าเป็นเรื่องท่ีมีความละเอียดอ่อน ไม่ใช่การ ยัดเยียดอบรมสั่งสอน หากแต่ต้องมีศิลปะวิธีที่จะส่ือสารกับเด็ก ให้เด็กได้รับ ความเพลิดเพลิน ได้เรียนรู้อย่างแยบยล อยากติดตามเรื่องสนุกๆ (เรื่องสนุก เหลา่ นน้ั กลายมาเป็นวรรณกรรมอมตะของโลกหลายต่อหลายเรื่อง) และที่สำคัญไม่ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน ต้องมีพ้ืนท่ีสำหรับเด็กในการแสดงออก ตา่ งๆ และทำใหเ้ ดก็ รสู้ กึ วา่ นน่ั คอื สอื่ ของเขา อาณาจกั รอนั แสนสขุ ของเขาอยใู่ นนน้ั ด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากผู้อ่าน ปรับปรุงอยู่ไม่รู้คลาย อย่างต่อเนื่องและ กระตือรือร้น ทำให้นิตยสารแต่ละเล่มมีอายุยืนยาวกว่ากึ่งศตวรรษขึ้นไป และ บางเล่มยืนยงได้ยาวนานขา้ มศตวรรษเลยทีเดียว

เราได้สิง่ ที่เรยี กว่า “ตำรับ - milestone” ในการพัฒนานิตยสารที่ดีสำหรบั เดก็ และเยาวชน หลกั การหลายๆ ประการ ยงั เปน็ คมั ภรี ส์ ำหรบั ยคุ นไ้ี ดเ้ ปน็ อยา่ งดี หากแตต่ ้องประยกุ ตใ์ หส้ อดคล้องกับยคุ สมยั และสอดรบั กบั แตล่ ะวฒั นธรรม เหลียวมองวันวานผ่านนิตยสารเด็ก มองนิตยสารเด็กของวันวาน ท้ังของ ไทยและของโลก เราคงจะได้เห็นบางสิง่ บางอยา่ งท่ีเปน็ “best practice” ทีห่ ยิบ จับมาใช้ประโยชน์ได้ในการส่งเสริมระบบหนังสือและการเรียนรู้ด้วยหนังสือ ตลอดจนการสร้างเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ นของทกุ ฝ่ายทเี่ กย่ี วขอ้ ง คงไม่ใช่เพียงเพื่อให้การที่ยูเนสโกมอบรางวัลเกียรติยศแก่กรุงเทพมหานคร ให้เป็นเมืองหนังสือโลก (World Book Capital) ประจำปี ๒๕๕๖ สมศักด์ิศรี แหง่ รางวลั ทีไ่ ดร้ บั เท่านัน้ แต่เพ่อื ใหเ้ ดก็ และเยาวชนรักการอ่าน ผ้คู นในสังคมมีวฒั นธรรมท่ผี ูกพนั กับ การอา่ น นีต่ ่างหากที่เปน็ เกยี รติยศอนั แท้จรงิ ของรางวัลเมอื งหนงั สอื โลก ! ถริ นนั ท์ อนวชั ศริ วิ งศ์ พริ ุณ อนวัชศิรวิ งศ์ ศนู ย์วจิ ัยและพัฒนานวัตกรรมการอา่ น

“เพื่อเข้าใจได้ในพริบตาวา่ เราคืออะไร และอยู่ทใ่ี ด เราอา่ นเพอ่ื เข้าใจ หรือเพอื่ เร่มิ ต้นที่จะเข้าใจ... การอ่านกเ็ ช่นเดยี วกับการหายใจ เป็นหนา้ ทท่ี ีจ่ ำเป็นของพวกเรา” อลั แบรโ์ ต มงั เกล ยอดนกั อ่าน เจ้าของผลงาน โลกในมือของนกั อ่าน

ปฐมบทการพิมพ ในเมืองไทยส่โู ลกนิตยสาร

จดุ เร ม่ิ ตน้ การพมิ พใ์ นสยาม ปลายสมยั รัชกาลที่ ๓ แหง่ ราชวงศ์จกั รี เป็นสมยั ทเี่ ทคนิคการพมิ พเ์ ร่ิมเผย แพร่เข้ามาสู่ประเทศไทย เริ่มจากกลุ่มมิชชันนารีที่เข้ามาสอนศาสนา ได้พิมพ์ หนังสือคำสอนศาสนาออกเป็นภาษาไทย ผู้ริเริ่มการพิมพ์ในประเทศไทย คือ หมอบรัดเล (Dan Beach Bradley) ซง่ึ นำแทน่ พมิ พ์มาใชใ้ นกรงุ เทพฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๘ และเร่ิมใช้พมิ พ์เปน็ ครั้งแรกในปถี ัดมา พ.ศ. ๒๓๘๒ หมอบรดั เลรบั จา้ งพมิ พ์แผน่ ประกาศของทางราชการเรอื่ งหา้ ม สูบฝิ่น นับเป็นเอกสารส่ิงพิมพ์ทางราชการฉบับแรก ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๘๗ หมอบรัดเลได้พิมพ์หนังสือรายคาบขึ้นขาย ชื่อว่า หนังสือจดหมายเหตุ หรือ บางกอกรคี อรเ์ ดอร์ (Bangkok Recorder) ถอื เปน็ หนงั สอื พมิ พฉ์ บบั แรกของไทย และเป็นรากฐานของการกำเนดิ นิตยสารและหนงั สือพมิ พข์ องไทยในเวลาต่อมา สมยั รชั กาลท่ี ๔ นอกจากโรงพมิ พ์ของหมอบรัดเลทค่ี ลองบางหลวงแล้ว ก็ ยังมีโรงพมิ พ์ของครูสมธิ (Samuel John Smith) ส่วนโรงพิมพ์ของไทยที่มฐี านะ เปน็ โรงพิมพ์หลวง คือ โรงพิมพ์อกั ษรพิมพการ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้า อยู่หัวทรงโปรดให้ตั้งขึ้นในพระบรมมหาราชวัง และเร่ิมพิมพ์ ราชกิจจานุเบกษา ออกมาใน พ.ศ. ๒๔๐๑ มีลักษณะเป็น “หมายประกาศ” ลงพิมพ์ประกาศข้อ บังคับต่างๆ ของทางราชการให้ราษฎรได้ทราบ (ในช่วงแรก ไม่มีกำหนดออก  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

แดน บชี แบรดลีย์ หรือ หมอบรัดเล ผู้นำเข้าการพมิ พ์ ในเมอื งไทย เมอ่ื ๑๗๖ ปีก่อน แน่นอน แต่เป็นจดุ เร่ิมตน้ ของ ราชกจิ จานเุ บกษารายสปั ดาห์ ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ ซึง่ จัดว่าเปน็ วารสารทางราชการฉบบั แรก) ก้าวแรกนติ ยสารของคนไทย นิตยสารฉบับแรกท่ีเปน็ ของคนไทย ดรุโณวาท ของพระองคเ์ จ้าเกษมสนั ต์ โสภาคย์ เป็นนิตยสารรายสัปดาห์ ออกระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๑๗ - ๒๔๑๘ (สมัย รัชกาลที่ ๕) การที่กล่าววา่ ดรโุ ณวาท เปน็ นติ ยสารไทยฉบับแรกก็เพราะว่า เปน็ หนังสือรายคาบท่ีมีกำหนดออกแน่นอน และเป็นหนังสือท่ีไม่ใช่หนังสือของทาง ราชการ หากแตม่ ีเนือ้ หาหลากหลายเรอ่ื งอยู่ในฉบับเดียวกนั รวมท้ังเรอ่ื งของทาง ราชการด้วย

ใต้หัวช่ือนิตยสาร “ดรุโณวาท” น้ัน พิมพ์บอกไว้ว่า “เปนหนังสือ จดหมายเหตุรวบรวมข่าวในกรุงแลต่างประเทศ แลหนังสือวิชาการช่างต่างๆ ภอเปนท่ีประดับปญั ญาของคนหนุ่ม ตพี มิ พอ์ อกอังคารละหน” เน้ือหาภายในเลม่ นอกจากเรือ่ งราชการแลว้ กม็ เี รอ่ื งต่างประเทศ มีสภุ าษติ สอนใจ บทกวี โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน บทละคร นิทาน รวมท้ังแจ้งความ โฆษณาสินค้า เหตุผลในการออกนิตยสารฉบับนี้ ปรากฏในวัตถุประสงค์ที่ตีพิมพ์ ไว้ในเลม่ แรก ดังน ้ี  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

“หนังสอื ราชกจิ จานุเบกษา ซ่ึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหเ้ จ้าพนักงาน พิมพ์ในโรงพิมพ์ในพระบรมมหาราชวัง แล้วจำหน่ายไปก่อนแก่พระบรม วงศานุวงศแ์ ละข้าราชการผู้ใหญ่ผ้นู ้อยและคนตา่ งๆ น้ัน เป็นคุณประโยชนแ์ ก่ คนเป็นอันมาก แต่ราชกิจจานุเบกษาคำน้ีแปลว่า เพ่งดูตามราชการใหญ่น้อย ก็ซึ่งจะเอาเร่ืองนอกราชการ คือ ข่าวต่างประเทศ และข่าวบอกราคาสินค้า และการเลหลัง เป็นต้น มาลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาของหลวงนั้นหา สมควรไม่ เพราะจะผิดจากคำแปลของราชกิจจานุเบกษานั้นไป ข้าพเจ้าจึง พร้อมใจกับพระองค์เจ้าพ่ี พระองค์เจ้าน้อง และข้าราชการท่ีได้หารือกัน คิด ทำหนงั สือขน้ึ อีกอย่างหนงึ่ ใหช้ อ่ื ว่า “ดรุโณวาท” แปลว่า คำสอนของเดก็ หนมุ่ ให้เปน็ ฉบับอนโุ ลมตามราชกิจจานุเบกษาขนึ้ อีกเร่ืองหนึ่ง...” ดรุโณวาท เล่ม ๑ นำเบอร์ ๑ วันองั คาร เดอื น ๘ แรมเกา้ ค่ำ ปจี อ ฉอศก จลุ ศักราช ๑๒๓๖ (พ.ศ. ๒Ù๑๗) ในเวลาน้ัน พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ องค์เจ้าของนิตยสาร ทรงมี พระชนมายุเพียง ๑๘ พรรษา เทา่ นนั้ จากวัตถปุ ระสงค์ของนิตยสารจะเห็นไดว้ ่า การท่ีทรงริเริ่มออกนิตยสารน้ีก็เป็นเพราะความต้องการท่ีจะสื่อสารเรื่องราว ความรู้ ความบนั เทิงไปยงั ผอู้ ่านน่ันเอง

อน่ึง ภาพลายเส้นแบบการ์ตูน “เด็กผมจุก” ร้อยเรียงเป็นตัวอักษรภาษา ไทย อ่านได้ว่า “ดรุโณวาท” นั้น คงนับเป็นนิมิตหมายของการเป็นหนังสือพิมพ์ ภาษาไทยโดยคนไทยฉบับแรกแห่งสยามประเทศ “เด็กผมจุก” จึงมีฐานะท่ีเป็น การ์ตูนตัวแรกท่ีปรากฏบนหนังสือพิมพ์ของคนไทย ทำให้เกิดความบันดาลแก่ หนงั สือพมิ พห์ รือนิตยสารในสมัยตอ่ ๆ มา รวมทงั้ การท่ีหนงั สือพมิ พ์ The Nation ฉบับปฐมฤกษ์ได้นำมาเป็นสัญลักษณ์ของหนังสือพิมพ์ โดยฝีมือวาดเส้นของอรุณ วัชระสวสั ดิ์ เมอ่ื ๔๐ ปีกอ่ น  | อบุ ัตกิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ กิจการนิตยสารได้ขยายตัวข้ึนมาก และมีนิตยสาร เกิดข้ึนหลายประเภท เช่น นิตยสารทั่วไปที่มุ่งให้ความรู้และความบันเทิง ได้แก่ ว™ริ ≠าณวิเศษ (๒๔๒๗) ของหอพระสมดุ วชิรญาณ สยามไมตรี (๒๔๔๐) ของ พระยาสงิ หฬสากร สยามประเภทสนุ ทโรวาทพเิ ศษ (๒๔๔๑) ของ ก.ศ.ร.กหุ ลาบ ตุลยวภิ าคพจนกจิ (๒๔๔๒) และ ศิรพิ จนภาค (๒๔๕๑) ของ ต.ว.ส.วัณณาโภ หรือ เทียนวรรณ ลักวิทยา (๒๔๔๓) ของเจ้าพระยาธรรมศักด์ิมนตรี (สน่ัน เทพหสั ดนิ ทร ณ อยธุ ยา) ∂ลกวิทยา (๒๔๔๓) และ ส”รา≠วิทยา (๒๔๔๙) ของหลวงวิลาศปริวัตร (เหลี่ยม วินทุพราหมณกุล) วิทยาจารย์ (๒๔๔๕) ของ สามคั ยาจารยส์ มาคม และ ทวปี ≠í ≠า (๒๔๔๗) ของรัชกาลท่ี ๖ เม่ือยังทรงเปน็ สมเด็จพระบรมโอรสธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ฯลฯ นิตยสารสำหรับผู้หญิง ไดแ้ ก่ นารีรม (กอ่ น ๒๔๔๙) ของพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื มหศิ รราชหฤทยั บ”รุงนารี (ประมาณ ๒๔๕๐) ของ ต.ว.ส.วณั ณาโภ ® นิตยสารสำหรับคนอ่านเฉพาะกลุ่มฉบับแรกของโลกตีพิมพ์ในกรุงลอนดอน เมอื่ พ.ศ. ๒๒๗๔ (สมัยพระเจ้าท้ายสระ) ชื่อ นติ ยสารสุภาพบุรษุ (The Gentleman’s Magazine) เลิกกิจการไปเมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๐ ® นิตยสารสำหรับผู้บริโภคฉบับแรกของโลกคือ นิตยสารสกอต (The Scots Magazine) ตพี ิมพใ์ นสกอตแลนด์ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๒๘๒ ซึง่ ตรงกบั สมัยพระเจ้าอยหู่ ัวบรมโกศ และยังคงตีพิมพอ์ ย่จู นถงึ ในปจั จบุ นั

กา้ วแรกของสามัญชนคนหนังสอื พิมพ ์ พึงตราไว้ในประวัติบรรณพิภพของไทยว่า ก.ศ.ร.กุหลาบ คือสามัญชน คนแรก ทรี่ เิ รม่ิ ออกหนงั สอื พมิ พภ์ าษาไทยชอ่ื “สยามประเภทสนุ ทโรวาทพเิ ศษ” เผยแพร่ฉบับแรกในวันท่ี ๓ ธันวาคม ๒๔๔๐ นอกจาก ก.ศ.ร.กุหลาบ จะมีช่ือ เสียงว่าเป็นสามัญชนคนแรกที่ออกหนังสือพิมพ์ เขียนหนังสือแสดงความคิดเห็น ทางการเมืองแล้ว เขายังนำเอาเรื่องราวจากหนังสือที่หาอ่านได้ยากมาตีพิมพ์เผย แพร่ด้วย เนื้อหาของ สยามประเภทฯ ประกอบด้วย ข่าว ความรู้ บทวิพากษ์ วิจารณ์ อีกท้ังเร่ืองราวประวัติศาสตร์และโบราณคดี จากพื้นฐานการเป็นนักอ่าน ตัวฉกาจ ในยคุ สมัยทีห่ นังสืออยใู่ นแวดวงจำกดั ประการสำคัญ สยามประเภทฯ ยังนับเป็นต้นแบบของสื่อหนังสือพิมพ์ท่ีมี บทความวิพากษ์วิจารณ์สังคมยุคน้ันที่ผู้คนเร่ิมถูกครอบงำจากวัฒนธรรมตะวันตก อย่างแหลมคม และเตม็ ไปดว้ ยสมุ้ เสียง เสยี ดสปี ระชดประชนั ด้วย การเขยี นบทความ วิพากษส์ ังคม เสยี ดสีชนช้ันสูงทท่ี ำตัวฟÑุงเฟอÑ อกี ทัง้ ยงั มแี นวคดิ แบบพวกหวั กา้ วหนา้ ซง่ึ ได้รบั อทิ ธิพลจากตะวันตก จงึ เปน็ ทเ่ี พ่งเล็งจากทางการ  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเด็ก ในเมอื งไทย-ในโลก

อารมั ภะวัณณะนา หรอื คำนำของบรรณาธกิ าร สยามประเภทสนุ ทโรวาทพเิ ศษ บอกรายละเอยี ดของนิตยสาร วา่ ออกทกุ วนั พระ ผบู้ อกรับเป็นสมาชกิ ปลี ะ ๑๐ บาท เท่ากับในปีกอ่ นๆ แตจ่ ะไดร้ ับจำนวนเลม่ มากขึน้ “เงนิ บำรุงคงเดิม ไมข่ ้ึน แต่สมุดข้ึนทวเี พ่ิมเติม ให้อกี เดือนละ ๑ เล่มดว้ ย เปนเดอื นละ Ù เล่ม สยามประเภทปีที่ Ù นี้ จะมีเรอ่ื งพิเศษพสิ ดาร เป็นการประหลาดอศั จรรย์หว่นั ไหว ควรทผี่ ู้อา่ น...” ผศู้ กึ ษาประวตั กิ ารพมิ พข์ องไทย ชใี้ หเ้ หน็ วา่ กอ่ นยคุ ดรโุ ณวาท ทหี่ มอบรดั เล มิชชันนารีชาวอเมริกัน (Dan Beach Bradley) ได้ออกหนังสือพิมพ์ไทย ช่ือ บางกอกรีคอร์เดอร์ น้ัน ว่ากันตามจริงแล้ว หนังสือพิมพ์ (รายคาบ) ที่จัดทำ ขึ้นแบบตะวนั ตก แมแ้ ตว่ นั ท่เี รมิ่ ออกสสู่ าธารณะก็เป็นวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๓๘๗ ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐอเมริกา แต่เป็นสิ่งพิมพ์ที่เขียนด้วยตัวอักษรไทย เน้ือหา เน้นข่าวสารการเมือง ดงั นั้น จึงกลา่ วไดว้ ่า ดรโุ ณวาท เปน็ จุดเช่อื มตอ่ ของการ หนงั สอื พมิ พใ์ นประเทศไทย จากยคุ บาทหลวงมาสเู่ จา้ นายในราชสำนกั ซงึ่ นอกจาก พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์แล้ว ยังมีสมเด็จเจ้าฟÑาภาณุรังษีสว่างวงศ์ และ เจ้านายคนอื่นๆ ที่ทำหนังสือพิมพ์เป็นงานอดิเรก เผยแพร่อยู่เฉพาะในร้ัวในวัง 9

เนื้อหาสว่ นใหญ่จะเปน็ การสอน และให้ความบันเทงิ ต่อมาไม่นานนกั หนังสือยุค เจ้านายก็ส้ินสุดลง ก่อนไปยังสามัญชนซ่ึงมี สยามประเภทสุนทโรวาทพิเศษ เป็นฉบบั แรก กลา่ วคอื ก.ศ.ร.กหุ ลาบ สามัญชนสยามขนานแท้ยคุ รชั กาลที่ ๕ ท่ไี มม่ ียศ ศกั ดิ์ นับเปน็ ลกู ชาวบ้านธรรมดาๆ คนแรกทอี่ อกหนงั สอื พิมพ์ภาษาไทย เผยแพร่ ฉบบั แรกในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๔๔๐ ท่ีสำคัญคอื สยามประเภทฯ ยังนับเปน็ ตน้ แบบของสื่อหนังสือพิมพ์ท่ีมีบทความวิพากษ์วิจารณ์สังคม นำเร่ืองท่ีคนท่ัวไปไม่มี โอกาสได้อา่ น ได้เข้าถึง มานำเสนอดว้ ยลีลาเฉพาะตัว จนเป็นที่มาของคำวา่ “ก”ุ และถกู ทางราชสำนักเรียกไปสอบ ชยั อนันต์ สมุทวณชิ นักวิชาการสาขารฐั ศาสตร์ ผซู้ ึ่งได้ศึกษาชวี ติ และงาน ของ ก.ศ.ร. กหุ ลาบ ไดก้ ล่าวถึงคุณูปการของ ก.ศ.ร.กุหลาบ ดังนี้ “งานของ ก.ศ.ร.กุหลาบที่พิมพ์ในสยามประเภทหลายเรื่องก็ได้เป็นเค้า เงอื่ นสำคัญของการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ ทัง้ ในสมัยที่ ก.ศ.ร.ยังมชี วี ติ อยแู่ ละใน สมัยต่อๆ มา ดังเช่นกรณีของ ฟ.ฮีแลร์ สอบถามเรื่องราวสมัยพระนารายณ์ เป็นตน้ ก.ศ.ร.เป็นนักเลงหนังสือคนสำคญั ในสมัยที่สยามยงั ไม่มีผรู้ หู้ นงั สอื และ อ่านหนังสือมากนัก เว้นแตใ่ นวงแคบๆ อาจกลา่ วได้วา่ ก.ศ.ร.กุหลาบเปน็ ทาง เลือกแหง่ ความร้อู กี ทางหนงึ่ นอกเหนอื ไปจากทมี่ าแห่งความรู้ที่จำกดั วงเฉพาะ ของทางราชการ”  | อบุ ตั กิ ารณ์นิตยสารเด็ก ในเมืองไทย-ในโลก

บางส่งิ บางอย่างกับการเปดศักราชใหมข่ องนติ ยสารไทย ดงั ไดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ นบั เปน็ ยคุ นติ ยสารทที่ ำโดยคนไทย ซง่ึ เป็นเจ้านายสมยั ต้นรชั กาลท่ี ๕ เริ่มจาก ดรโุ ณวาท และอกี ราวสบิ ปตี อ่ มากม็ ี วชิรญาณ และ วชริญาณวิเศษ ซึ่งเกิดจากความต้องการจะส่ือสารของเจ้านาย และข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ในรั้วในวัง ด้วยข้อจำกัดทางเทคนิคและสภาพแวดล้อม ของสมัยนั้น นิตยสารจึงมิได้ไปสู่มวลชน จำนวนผู้บอกรับเป็นสมาชิกของ นติ ยสารในชว่ งนปี้ ระมาณ ๓๐๐ เลม่ ตอ่ ฉบบั และเรมิ่ สมู่ อื ของเอกชนโดยสามญั ชน คนสำคัญคอื ก.ศ.ร.กหุ ลาบ และในช่วงทศวรรษ ๒๔๔๐ น้ีเอง ท่ีมีนิตยสารเกิด ขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมุ่งเสนอเน้ือหาให้ความรู้ ความบันเทิง ในรูปแบบของ เรื่องส้ัน นิยาย เช่น นิตยสาร ลักวิทยา, ถลกวิทยา, วิทยาจารย์, ทวีปัญญา เป็นต้น ส่วนใหญ่ผู้จัดทำมักเป็นกลุ่มท่ีเรียกกันว่า “หัวนอก” หรือหัวสมัยใหม่ ของยคุ สมัยน้ัน ผู้สนใจภูมปิ ัญญาไทยในหนงั สือเก่าสามารถค้นควา้ ได้จากเว็บไซต์ หนงั สอื เก่าชาวสยาม หรือ www.siamrarebooks.com ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ซ่งึ เริ่มเปดิ ตัวเมื่อกลางปีกลายนเี้ อง นิตยสารท่ีถือได้ว่าเป็นต้นตำรับของนิตยสารเพ่ือการศึกษาและวงการครู ได้แก่ วิทยาจารย์ นิตยสารท่ีเสนอแนวคิดก้าวหน้าแก่สตรีเล่มแรก ได้แก่

บ”รุงนารี นิตยสารการเมืองแนวก้าวหน้าภาคพลเมืองเล่มแรก ได้แก่ ตุลย วิภาคพจนกิจ (รายปักษ์ ช่วง ๒๔๔๒-๒๔๔๙) และต่อมาคือ ศิริพจนภาค (รายเดอื น ชว่ ง ๒๔๕๐-๒๔๕๑) ท้งั สองฉบับนี้เป็นของทนายความนักหนงั สอื พมิ พ์ คนสำคัญ คือ ต.ว.ส.วัณณาโภ สว่ นฉบับทเี่ น้นเร่อื งอ่านเลน่ หรือความบนั เทิงเปน็ สำคญั คอื ส”รา≠วทิ ยา ของครเู หลย่ี ม (นามปากกา “นายสำราญ”) หรอื หลวง วลิ าศปรวิ ตั ร ผู้ลือนามจากนิยายเรอ่ื ง “ความไมพ่ ยาบาท” ลองสัมผัสตัวอย่างข้อเขียน ทัศนะ คอลัมน์ ภาพประกอบ ฯลฯ ใน นติ ยสารยุคบกุ เบิกดู :- ตัวอย่างการเ™≠ิ ™วนใÀâผอ⟠่านเขียนมารว่ มแกศâ พั ทว์ นิ ิจฉยั ด้วยเม่อื วันพฤหศั บดี ท่ี ๒๙ เดือนตลุ าคม รัตนโกสนิ ทร์ศก ๑๑๐ กรรม สัมปาทกิ สภาหอพระสมุดวชริ ญาณ ได้ออกศัพทว์ นิ ิจฉยั บทท่ี ๒ ว่า “ตระหนี”่ มีผแู้ กส้ ่งมา ๖๑ บท ไดป้ ระชมุ ตัดสนิ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ พฤศจกิ ายนน้ี ตกลงคำที่ ไดร้ ับรางวัลคอื แกว้ า่ ตระหนี่ คอื “โตงเตงโตงเวา้ กนิ แตข่ องเขา ของเราเก็บ ไว”้  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

แลคำแก้นอกจากน้ี ท่ีว่าดีควรลงได้อีกหลายบท ได้เลือกลงคราวนี้ ๓๐ บท คอื Ç.. ยาขนานหน่ึง เข้ามักได้หนักห้าตำลึง ฤษยาตำลึงหน่ึง อดทนห้าตำลึง ดื้อตำลงึ หน่ึง มารยาทห้าตำลงึ รคู้ ดิ ห้าตำลงึ เหยี้ มเกรยี มสามตำลงึ โสมมหา้ ตำลงึ หนา้ ด้านสามตำลงึ บอบาทหน่ึง โง่บาทหนงึ่ เขา้ เหน็ กะตวั หนักเท่ายา สำหรบั วางแก้มนุษย์ ใหก้ ลายเปนภตู เฝาÑ ทรัพย์ ดีนัก..... (งานเขียนจากผอู้ ่าน อธบิ ายคำวา่ “ตระหน่ี”) ตวั อยา่ งขâอเขยี นวา่ ดวâ ยรส™าติของอาÀาร รสเคม็ เปนรสเจือด้วยธาตรุ ้อน มคี ณุ วเิ ศษสำหรับเจอื ปนรสอน่ื ให้มีกำลงั ที่จะขับให้รสอ่ืนแหลมข้ึน แลเปนรสซาบซ่านตลอดผิวหนัง กับท้ังเปนหัวหน้า ของรสทั้งปวงในกับเข้า(กับข้าว) เปนรสสำหรับรักษาของเน่าแลคุมธาตุมิให้ เสีย สมานรักษาลำไส้กัดเมือกคาวทั้งปวงให้น้อยไป เปนของสำหรับย่อย อาหารให้ละเอียดได้โดยเร็ว เปนรสล่ออาหารจูงให้อร่อยมีน้ำลายมากขึ้น ทำให้อกชุ่มช่ืน แลล่อให้อยากน้ำ ทั้งขับธาตุน้ำให้แล่นไปทั่วร่างกายโดยเร็ว เพราะฉนัน้ จึ่งทำใหอ้ ยากนำ้ บอ่ ยๆ (วชิรญาณวเิ ศษ ปที ี่ ๗ ฉบบั ที่ ๕ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๓๕)

ตวั อยา่ งจากขอâ เขียนของเทียนวรรณ บทความใน ตุลวภิ าคพจนกิจ เร่อื ง “โรคของแผน่ ดนิ ” เทียนวรรณเขยี น ถึงเจ้านายเสนาบดีลงมาถึงข้าราชการทุกระดับ “ประพฤติผิดพระราชกำหนด กฎหมาย ใช้อำนาจอันไม่ชอบ ทุจริตในใจตน มิได้เมตตาจิตแก่ผู้น้อย และ เพ่ือนมนษุ ย.์ .. มไิ ดม้ หี ิริโอตตปั ปะ ธรรม เกรงบาปหรอื กลวั กรรม มงุ่ แต่จะหา ลาภยศใส่ตนในทางทุจริต กลับความจริงให้เป็นเท็จ กลับความเท็จให้เป็น จริง” ขณะเดียวกันก็วิพากษ์วิจารณ์โรคของสามัญชนว่า ฝูงราษฎรเป็นคนโง่ เขลา ปราศจากสติปัญญาวิชาความรู้... เต็มไปด้วยการเล่นพะนันอันไม่เป็น ประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติ ศาสนาและบา้ นเมืองของตน นอกจากน้ียังเสนอความคิดเก่ยี วกบั การพัฒนาบ้านเมอื งว่า การทีจ่ ะเรียก ว่าบ้านเมืองเป็นชาติท่ีศิวิไลซ์ได้นั้น ควรจะเริ่มก้าวแรกด้วยการเลิกประเพณี หมอบคลาน ก้าวท่ีสองด้วยการเลิกทาส และก้าวท่ีสามด้วยการรีบหาทางให้ ประชาชนมสี ว่ นในการปกครองประเทศ คือการจัดตั้งรฐั สภาขนึ้ ดังคำกลอน ไพรเ่ ป็นพนื้ ยืนรอ้ งทำนองชอบ ตามระบอบปาลิเมนต์ประเดน็ ขำ แม้นนง่ิ ชา้ ล้าหลังยงั มทิ ำ จะตกตำ่ น้อยหน้าเวลาสาย (จาก ตุลวิภาคพจนกจิ โดย เทียนวรรณ ๒๔๔๘)  | อบุ ตั กิ ารณ์นติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

(ซ้าย) ปก ทวปี í≠≠า เลม่ ๖ พ.ศ. ๒ÙÙ๙ ฉบบั พิมพข์ นึ้ ใหม่ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๗ ในวโรกาสวัน คล้ายวนั สวรรคตรชั กาลที่ ๖ ครบ ๕๙ ปี (ขวา) วทิ ยาจารย์ ฉบับปี พ.ศ. ๒Ù๗๒ ในสมยั รัชกาลท่ี ๗ สว่ นหนง่ึ ของคำกลา่ วของบรรณาธกิ าร ในยคุ ทยี่ งั ไมม่ คี ำวา่ นิตยสาร และบรรณาธิการ ในภาษาไทย บอกสรรพคุณของ ส”รา≠วิทยา “ออกทันใจท่ีสุด สนุกที่สุด, ถูกท่ีสุด, ธรรมดาหนังสอื แมก็ กาซีนชนดิ อื่น ถึงแพงกว่าของเรา แล้ว ก็จะมีเร่ืองเบื่ออ่าน ไม่สนุกตลอดเล่มทุกคราว ไป แต่หนังสือสำราญวิทยา จะชวนใจให้ท่านอ่าน ตลอดเล่ม อ่านทวนครั้งหน่ึง หรือสองคร้ังแทบไม่ เบื่อเช่นนี้ จึงเข้าอยู่ในจำนวนไม่แพงเลย ก็เปรียบ เหมือนซื้อเข้าสารถังหนึ่งก็โดยราคาแพงแล้ว มหิ นำซำ้ ก็เสียไปเสียครงึ่ หนง่ึ แต่รับสำราญวิทยา จะเหมอื นว่าซ้ือ

ภาพประกอบและคอลัมน์สนุกๆ ใน ส”รา≠วทิ ยา “สลั ลาโป” (บทสนทนา) เขา้ สารถังหน่ึงโดยราคาถกู แลว้ กลบั กินอะหรอ่ ย แลกินไดด้ ีหมดด้วย เช่นนี้จึงว่า เปน็ ราคาถกู แท้ นายเหล่ียม (เอดเิ ตอร)์ ตรอกโบถพราหมณ์ กรงุ เทพฯ” ออกทุกครึ่งเดือน (รายปักษ์) เริ่มออกต้ังแต่ วันท่ี ๑ มกราคม ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙) ๑ ปี มี ๒๔ ตอน (ฉบับ) ราคาปลกี ฉบับละ ๑๒ อัฐ หากรับ ๑ ปี จำนวน ๒๔ ฉบับ ราคา ๗ บาท ถ้าครึ่งปี จำนวน ๑๒ ฉบบั ก็ ๔ บาท ราคา เหล่านี้ รวมค่าไปรษณีย์แล้ว  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมืองไทย-ในโลก

โลกของนติ ยสารไทยกบั การเกดิ นติ ยสารเดก็ ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งมีนิตยสารเกิดข้ึนจำนวนมาก ทั้งโดยทาง ราชการและภาคเอกชน มีนิตยสารเพ่ือกลุ่มผู้อ่านต่างๆ แต่ยังไม่มีนิตยสาร สำหรับเด็กนอกร้ัวโรงเรียน กล่าวคือ นิตยสารสำหรับเด็กเกิดขึ้นในสมัยน้ีก็มี เฉพาะที่เป็นหนังสือในโรงเรียน เพียง ๓ ฉบับ เท่าน้ัน ได้แก่ จดหมายเหตุ ·สงอรุณ (๒๔๓๕ - รายเดือน) ของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย กุมารวิทยา (๒๔๓๘ - รายสัปดาห์ ออกได้เพียงช่วงระยะสั้นๆ) ของโรงเรียนราชกุมาร และ กุลสัตรี (๒๔๔๙ - รายเดือน ออกได้ช่วงระยะส้ันๆ) ของมหามกุฎราชวิทยาลัย และขยายตัวสู่โรงเรียนอ่ืนๆ ได้แก่ ราชินี อัสสัมชัญ เทพศิรินทร์ สวนกุหลาบ เบญจมบพติ ร กรงุ เทพครสิ เตยี น ในสมยั รชั กาลที่ ๖ บางฉบบั มอี ายตุ อ่ เนอ่ื งนานปี และบางฉบบั นบั ได้วา่ มีบทบาทสำคญั ในการสร้างอนุชนและเจียระไนเพชรเม็ดงาม สบู่ รรณพภิ พ นิตยสารสำหรบั เด็กไดม้ โี อกาสเกดิ ข้นึ ราว ๒% แต่ครนั้ ถงึ ช่วงสมยั รัชกาลท่ี ๗ มีนิตยสารเกิดใหม่มากขึน้ คอื ราว ๑๕๐ ฉบับ หากแต่ในจำนวนน้ไี มม่ ีนติ ยสารเพื่อเด็ก และเยาวชนของชาติเลย !

ส่วนนิตยสารสำหรับเด็กและเยาวชนนอกรั้วโรงเรียนเล่มแรก เกิดขึ้น ภายหลัง (ในช่วงรัชกาลที่ ๖) เป็นนิตยสารท่ีจัดทำโดยภาคเอกชนคือ เด็กไทย (๒๔๖๔) ของโรงพิมพ์เจริญผล ส่วนนิตยสารสำหรับเด็กท่ีมีชื่อเสียงมากในยุค แรกๆ คือ หนังสือพิมพ์นักเรียน (๒๔๖๕) ของนายแช เศรษฐบุตร หากแต่ พมิ พ์อยเู่ พยี ง ๓-๔ ปี กเ็ ลกิ กจิ การไป ต่อมามี หนังสือพิมพ์เด็ก (๒๔๖๖) ของ นายเพียว แต้ตระกูล และในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ สวัสดิ์ จุฑะรพ ได้จัดทำนิตยสาร ดรุณเกษม แตก่ เ็ ลิกไปในปีเดียวกนั เหล่าน้ีคือจำนวนอันน้อยนิดของนิตยสารเด็ก บนแปลงปลูกต้นนิตยสารใน บา้ นเราทมี่ คี วามคกึ คกั ในยคุ นน้ั กลา่ วคอื ในสมยั รชั กาลท่ี ๖ มนี ติ ยสารเกดิ ใหมร่ าว ๑๓๐ ฉบับ นิตยสารสำหรับเด็กได้มีโอกาสเกิดขึ้นราว ๒% แต่ครั้นถึงช่วงสมัย รัชกาลที่ ๗ มนี ิตยสารเกดิ ใหมม่ ากขึน้ คือราว ๑๕๐ ฉบับ หากแต่ในจำนวนน้ี ไมม่ นี ิตยสารเพื่อเด็กและเยาวชนของชาติเลย !  | อบุ ตั กิ ารณน์ ิตยสารเด็ก ในเมอื งไทย-ในโลก

หนังสือที่ออกเป็นรายคาบอย่างสม่ำเสมอ จะมีคำเรียกกว้างๆ ว่า นิตยสาร ซึ่งเป็นคำที่มาจากศัพท์คำว่า นิตย (สม่ำเสมอ) กับคำว่า สาร (เนื้อหา) คำวา่ “นิตยสาร” (Magazine) จงึ หมายถึง สิง่ พิมพท์ ี่มีกำหนดระยะ เวลาออกไวแ้ นน่ อน เช่น รายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน รายสองเดือน ราย สามเดือน เป็นต้น การออกเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และมีช่ือที่ใช้เรียกแน่นอน โดยจะตีพิมพ์บทความและเร่ืองราวต่างๆ ไว้ในเล่มเดียวกัน เขียนโดยผู้เขียน หลายคน เน้ือหาสาระภายในมีหลายเรื่องหลายแบบรวมกัน จัดเป็นคอลัมน์ หรอื แบง่ สว่ นเฉพาะ อาจมบี ทความทใ่ี หค้ วามรหู้ รอื แสดงความคดิ เหน็ มคี วามรู้ และความบันเทิง ความรู้มักเป็นไปในลักษณะที่ให้ความรอบรู้ มีการหารายได้ จากการวางขายท่วั ไป ผู้อา่ นบอกรับเป็นสมาชกิ และหารายได้จากการโฆษณา นิตยสาร จัดว่าเป็นส่ือส่ิงพิมพ์ประเภทแรกที่เกิดข้ึนในเมืองไทย ถือว่า เป็นสถาบันสำหรับการรวบรวมเก็บรักษา และเผยแพร่ข่าวสารที่มาจากแหล่ง ต่างๆ ของสังคม ท้ังยังทำหน้าที่เป็นเสมือนครู ให้ความรู้แก่ประชาชน ให้ ความบันเทิงใจ และยังทำหน้าท่ีเป็นเสมือนเวที หรือส่ือกลางในการแสดง ความคิดเห็นต่อประเด็นเร่ืองราวต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนในสังคม เป็นส่ือที่เอ้ือต่อการ ใช้ความคิดตา่ งๆ และยังให้บรกิ ารทางธุรกจิ หรือสาธารณประโยชน์ 9

หากพิจารณาเนื้อหาในนติ ยสาร จำแนกอยา่ งกว้างๆ ได้เปน็ ก. นติ ยสารข่าว (News Magazines) นิตยสารประเภทน้ี มีการเสนอ เร่ืองราวคล้ายกับหนังสือพิมพ์ โครงสร้างของการนำเสนอจะมีลักษณะแบบ อธบิ ายขา่ ว สรุปข่าว วิจารณ์ขา่ ว จะเป็นการใหข้ อ้ เท็จจรงิ ท่ีผอู้ า่ นร้เู รือ่ งในราย ละเอียดมากกว่าที่ได้จากการอ่านจากหนังสือพิมพ์ มีเนื้อหาค่อนข้างหนักใน ด้านของการเมอื ง เศรษฐกจิ สังคม และการศกึ ษา เน่อื งจากนติ ยสารประเภท น้ีมีเน้ือหาหลักคือ ข่าวสารการบ้านการเมือง ในสัดส่วนที่พอๆ กับเนื้อหาเชิง บนั เทงิ โดยท่ัวไปนติ ยสารมักจะมลี ักษณะผ่อนคลาย มีศิลปะการเลา่ เร่ือง ไม่ นิยมเขยี นในลกั ษณะตำรา เวน้ แต่จะแทรกอยเู่ ป็นบางสว่ นของเล่ม ข. นิตยสารเ™ิงวรรณกรรม (Literary Magazine) เป็นนิตยสารที่มี เนื้อหาประกอบด้วยเร่ืองส้ัน บทกวี นวนิยายเป็นตอนๆ เร่ืองแปล บทความ ตอบปญั หา ฯลฯ นติ ยสารประเภทน้ี ไดแ้ กน่ ิตยสารต่างๆ โดยทวั่ ไปซ่งึ อาจจะ เน้นแงม่ ุมต่างๆ ทางด้านวัฒนธรรม ภาษา บันเทิงคดี สุนทรยี ภาพ ฯลฯ ในยุคก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง นิตยสารต่างๆ จะเรยี กตัวเองวา่ เปน็ “หนงั สือ” หรือ “หนังสอื พมิ พ”์ เพราะในยคุ น้ันยังไม่มคี ำว่า “นติ ยสาร” เกดิ ขึน้ ในภาษาไทย การจดั ทำหนงั สือทั่วไปทกุ ลกั ษณะ ไมว่ า่ จะเป็น “ราย” อะไร กต็ าม จะเรยี กเหมือนกันหมดว่าเป็น “หนงั สือ” หรอื ไมก่ ็ “หนังสอื พมิ พ”์ แม้ รชั กาลที่ ๖ จะทรงบญั ญัตคิ ำว่า “วารสาร” ขึน้ ใช้ในความหมายทม่ี าจากภาษา  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

อังกฤษว่า Periodical แล้วก็ตาม แต่ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าใครทำหนังสือแบบ ไหนก็ตาม มักจะเรียกรวมกันว่า “ทำหนังสือพิมพ์” ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าบ่อเกิด ของการเป็นนักเขียน นกั ประพันธ์ นกั หนงั สือพิมพ์ แต่ดงั้ เดมิ นนั้ ถอื เปน็ ภาวะ เดยี วกัน ไม่แยกกันเหมอื นอยา่ งปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปในทางวารสารศาสตร์ มีคำศัพท์อยู่ ๒ คำที่มักใช้ใน ความหมายคาบเกยี่ วกนั สำหรบั เรยี กสงิ่ พมิ พซ์ ง่ึ ออกตามกำหนดเวลาทแี่ นน่ อน เชน่ กัน คอื คำว่า นติ ยสาร ซงึ่ มาจากภาษาองั กฤษว่า Magazine และคำว่า วารสาร ซึง่ มาจากคำวา่ Periodical บางครง้ั ก็ใชค้ าบเกยี่ วกัน แตโ่ ดยทั่วไป แล้วหากใช้กับหนังสือรายคาบของทางการ หรือหนังสือรายคาบทางวิชาการ จะใช้คำว่า “วารสาร” ซึ่งครอบคลุมถึง วารสารวิชาการ (Journal) หนังสือ ประกาศ (Bulletin) วารสารวิจารณ์ (Review) และ หนังสือชุด (Serial) ปัจจุบันนี้แม้ส่ิงพิมพ์นั้นจะไม่ได้ใช้กระดาษจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม แต่อยู่ใน อินเตอร์เนต็ กเ็ รียกวา่ นิตยสาร หรือวารสาร ตามลกั ษณะเนือ้ หาที่สอ่ื สารใน ฉบับนนั้ ๆ

...โลกของหนงั สอื มีอะไรมากมายใหค้ ้นหา การเปิดบานประตูสโู่ ลกกว้าง-โลกของนักอ่าน จงึ เป็นโลกแหง่ การเรยี นรู้ โลกแห่งการแสวงหา แม้ก้นบึง้ อารมณค์ วามคิดของตนเอง กอ็ าจพบไดจ้ ากหนังสือ ถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์ - พริ ณุ อนวชั ศิริวงศ์ จาก “ละครสรา้ งนกั อา่ น Readers Theatre”

เปดิ มติ ิ ‘อา่ นเล่นเปนอ่านเรยี น’ ในยุคตั้งไขข่ องนติ ยสารเด็กไทย

เม่ือมองย้อนไปข้างหลัง ว่าด้วยเส้นทางของนิตยสารในบ้านเรา ในส่วนที่ เป็นนิตยสารสำหรับเด็กและเยาวชน ชื่อของนิตยสารต่อไปน้ีจะปรากฏไล่เรียง จากสมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงสมัยรัชกาลที่ ๗ อันเป็นช่วงของการ “ตั้งไข่” ของ นิตยสารเด็ก ซ่ึงนับว่ามีอยู่จำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนิตยสารท่ีเกิด ขึ้นในยุคสมัยนั้นๆ และส่วนที่เป็นนิตยสารที่ผลิตสำหรับเด็กและเยาวชนท่ัวไป โดยเอกชน มีเพียง ๑ ใน ๔ เท่านั้น ครั้นมาดทู ี่อายขุ องนติ ยสารแตล่ ะเล่มของภาคเอกชน ก็ย่งิ จะเห็นตวั เลขอนั นอ้ ยนดิ เขา้ ไปอกี กลา่ วคอื ๓ ใน ๔ ฉบับ มีอายุไม่ถึงหนึ่งปี ไดแ้ ก่ เด็กไทย, หนงั สอื พิมพเ์ ดก็ และ ดรณุ เกษม มีเพียงฉบบั เดียวคือ นักเรียน ที่จำหนา่ ย ได้ราว ๔ ปี และเป็นนิตยสารเด็กของเอกชนท่ีได้รับความนิยมสูงสุดบนเส้นทาง สายนติ ยสารเดก็ ของไทยในยุค “ตั้งไข่” ต่อไปน้ีคือรายนามนิตยสารสำหรับเด็กเล่มต่างๆ ของ โรงเรียน สว่ นราชการ และเอกชน • ในสมัยรัชกาลที่ ๕ จดหมายเหตแุ สงอรุณ ของโรงเรยี นวัฒนาวิทยาลยั (๒๔๓๕) กมุ ารวิทยา ของโรงเรียนราชกมุ าร (๒๔๓๘) กุลสตั รี ของมหากฎุ ราชวิทยาลยั (๒๔๔๙)  | อบุ ตั กิ ารณ์นติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

• ในสมัยรชั กาลท่ี ๖ อัสสมั ชัญอุโ¶ษสมัย ของโรงเรยี นอัสสัมชญั (๒๔๕๗) เดก็ ไทย ของโรงพิมพเ์ จริญผล (๒๔๖๔) ลูกเสือสยาม ของกองการลูกเสือ กรมพลศกึ ษา กระทรวงธรรมการ (๒๔๖๕) นกั เรียน ของนายแช เศรษฐบุตร (๒๔๖๕) สวนกุหลาบวทิ ยา ของโรงเรยี นสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั (๒๔๖๕) แถลงการศกึ ษาเทพศริ นิ ทร์ ของโรงเรยี นเทพศิรินทร์ (๒๔๖๕) หนงั สือพิมพเ์ ด็ก ของนายเพียว แต้ตระกลู (๒๔๖๖) เบญจมานสุ าส์น ของโรงเรยี นวัดเบญจมบพติ ร (๒๔๖๗) • ในสมัยรัชกาลท่ี ๗ ดรุณเกษม ของนายสวสั ดิ์ จฑุ ะรพ (๒๔๖๙) ราชินบี ำรุง ของโรงเรยี นราชินี (๒๔๗๐) ยพุ ราชวิทยา ของโรงเรียนประจำมณฑลพายพั ยุพราชวิทยาลัย (๒๔๗๑) นิตยสารเด็กของไทยที่ผลิตโดยเอกชน มีโฉมหน้าเป็นอย่างไรบ้าง ตั้งไข่ และเดนิ ไปไดก้ ่กี ้าว จะได้กลา่ วกันต่อไป

มอี ะไรใน เดก็ ไทย นกั เรยี น หนงั สือพมิ พเ์ ดก็ และ ดรุณเกษม นิตยสารเด็กของไทยท่ีดำเนินการโดยเอกชนในช่วงระยะเวลาราว ๔๐ ปี นอกจากจะมีเพียงแค่ ๔ ฉบับ เท่านน้ั และ ๓ ใน ๔ ยังมอี ายุไมถ่ ึงปี มีเพยี ง ฉบับเดียวท่ีก้าวข้ามผ่านไปได้ ๔ ปี และยังได้ท้ิงร่องรอย “หมุด” สำคัญของ บรรณาธกิ รกจิ นิตยสารเพอ่ื เดก็ ทส่ี รา้ งสรรค ์ นิตยสารแต่ละเล่มเปน็ อย่างไร ขอแจกแจงรายละเอยี ดให้ไดท้ ราบกัน :- เด็กไทย ของโรงพิมพ์เจริญผล กำหนดออกรายเดือน เร่ิม ๑๕ สิงหาคม ๒๔๖๔ และเลิกในปีเดียวกัน เด็กไทย ถือเป็นนิตยสารสำหรับเด็กเล่มแรกของไทย ซ่ึง เอกชนเปน็ ผู้ดำเนนิ การ บรรณาธิการได้แจ้งความมุ่งหมายว่า ความประสงค์ของการออก เด็กไทย น้ี ข้อใหญ่ใจความมีอยู่ว่า “เพ่ือให้ความเพลิดเพลินมีอยู่ในระหว่างเด็กด้วยกัน อยา่ งหนึ่ง เพ่ือเปดิ โอกาสใหส้ หายของเราซึง่ ใครใ่ นการเขียนแตง่ สง่ เร่ืองมาลงอ่าน กันฟังอย่างหน่ึง สรุปความเพ่ือให้เป็นสหายของเด็กไทยโดยแท้จริง การเตือนใจ ในขอ้ ทเี่ หน็ ควรจรงิ ๆ กม็ อี ยู่บา้ งฉันทส์ หาย ไมม่ ากก็น้อย”  | อบุ ตั ิการณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

นิตยสารเล่มน้ีมีขนาดใกล้เคียงกับ ๑๖ หน้ายกพิเศษ (๑๕.๕ คูณ ๑๙.๕ ซม.) จำนวน ๓๒ หนา้ เน้ือหาภายในเลม่ มเี ร่ืองตน่ื เตน้ ผจญภยั นิทานสภุ าษติ ขำขัน เรื่องให้ความรู้ ธรรมชาติวิทยา เรื่องของเด็กต่างประเทศ สิ่งละอัน พนั ละน้อยเก่ยี วกบั ภาษาไทย ปญั หาทดลองสมอง คติภาษิตสอนใจเดก็ เร่อื งทล่ี ง ยาวประมาณ ๔ หน้า ไม่แจ้งชื่อผู้เขียน นอกจากเป็นเร่ืองท่ีแปลและเรียบเรียง จากตา่ งประเทศ ภาพประกอบคอ่ นขา้ งนอ้ ย เปน็ ภาพลายเสน้ ขาว-ดำ สนั นษิ ฐาน ว่าเป็นนิตยสารท่ีจัดทำเพียงคนเดียว เพราะไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนคนอื่น นอกจาก “นายนพ” เท่านั้น และนานๆ คร้ังจึงลงชื่อกำกับไว้ นอกจากน้ีภาพบนปกของ เด็กไทย เล่มแรก เป็นภาพผู้ชายกำลังน่ังพิมพ์ดีด และมีคำบรรยายใต้ภาพว่า “บรรณาธิการเขายุ่งอยู่คนเดียว” นกั เรยี น กำหนดออกรายปักษ์ทุกวันท่ี ๑ และวันที่ ๑๕ ของเดือน เร่ิมออก ๑ ตุลาคม ๒๔๖๕ และเลกิ ไปเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ เปน็ นิตยสารที่ได้รบั ความนิยมแพร่ หลายในยุคนนั้ นักเรยี น มีจุดมุ่งหมายเพอ่ื ชว่ ยในการศกึ ษาของเด็ก นกั เรียน และลกู เสือ ท่ัวไป “...ไม่มีทางใดจักเรียนได้ดีเท่าเรียนจากหนังสือ หนังสือย่อมให้ความรู้ ความฉลาด ความสามารถแก่ผู้อ่านได้มากมาย...หนังสือพิมพ์นักเรียนน้ีไม่ใช่

ตำราโดยตรง แต่มุ่งหมายจักให้เป็นหนังสือช่วยในการเรียน มีลักษณะสมดัง สภุ าษิตของครวู า่ “ให้การงานเปน็ การเล่น ให้การเลน่ เปน็ การงาน” และ “ใหก้ าร เรยี นเป็นการเล่น ให้การเล่นเปน็ การเรียน”...” ด้วยหลักการนี้ เน้ือหาใน นักเรียน จึงลงเรื่องที่เก่ียวกับความรู้และเรื่องท่ี เป็นสารประโยชนแ์ ก่เดก็ นักเรยี นชาย หญงิ และลูกเสอื เร่ืองท่เี ป็นคติและสนุก ขบขัน ออกปัญหาต่างๆ ให้ทาย เป็นการฝึกฝนความรู้ กับรับตอบวิชาความรู้ ท่ัวไป และการสะกดการันตก์ ย็ ดึ ตามแบบปทานกุ รมของกระทรวงศึกษาธิการ  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมอื งไทย-ในโลก

และท่ีเป็นความตั้งใจของผู้จัดทำนิตยสารเล่มน้ีคือ การมีเนื้อหาที่แตกต่าง ไปจากนิตยสารท่ีออกตามโรงเรียนโดยทั่วไป มีการเสนอเรื่องและคอลัมน์ต่างๆ เช่น สขุ วิทยา ไขภาษา วทิ ยาสงเคราะห์ เลขวธิ ลี ดั ถาม-ตอบปัญหา ข้อสอบไล่ ต่างๆ เรื่องชวนหวั นทิ าน เร่ืองอ่านเล่น หลักจรรยา ภาษติ ปลกี เพื่อชว่ ยอบรม และให้คติแก่เด็ก นอกจากนี้ได้จัดคอลัมน์สนทนากับผู้ปกครอง สนทนากับ นักเรียน อันจะเป็นกระจกสะท้อนความนึกคิดของท้ังพ่อแม่ผู้ปกครองและเด็ก ขา่ วและเร่ืองนา่ รสู้ ำหรับลูกเสือ คอลัมน์ตอบปัญหาชงิ รางวัล ประกวดเรียงความ ชิงทนุ การศึกษา เปน็ ต้น นติ ยสารเลม่ นเี้ ปน็ ท่ีนยิ มกันมากในหมูผ่ ูอ้ า่ นทง้ั เด็กและผใู้ หญ่ ประกอบกับ บรรณาธิการเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นชาย หญิง และลูกเสือ สง่ ความคิด ความเห็น และเขียนเรื่องมาลงเพ่ือเป็นการฝึกฝนวิชาความรู้ท่ีได้เรียนมา และขอเชิญ ผู้ปกครอง ครอู าจารย์ส่งความคดิ เห็นหรือเรอ่ื งมาลง จึงมผี ู้ทรงคณุ วุฒิเขียนเร่อื ง ส่งมาร่วมด้วย อาทิ พระยาอนุมานราชธน หลวงสารานุประพันธ์ พระเวรเวทย์ พิสิฐ นายชติ บรุ ทัต และ นาคะประทปี เป็นตน้ Àนงั สือพมิ พเ์ ด็ก ของนายเพียว แต้ตระกูล กำหนดออกรายทศ เริ่มออกคร้ังแรกเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๖๖ และเลกิ ไปในปีเดียวกัน 9

บรรณาธิการได้แจ้งความประสงค์ในการออกไว้ว่า “ปฏิสนธิของนิตยสาร เล่มนี้ก็เพ่ือต้องการจะรวบรวมข่าวสาร วิทยาการ คตินิยาย ความเห็นและข่าว กิจการต่างๆ ท่ีเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ เป็นเครื่องบันเทิงใจและเป็นเคร่ืองตุน ความรู้แก่เด็กทั่วไป” นิตยสารเล่มนี้หนา ๓๐ หน้า (ไม่สามารถหาได้ในปัจจุบัน นอกจากในรปู ของไมโครฟลิ ์ม) เนื้อหาในเลม่ ประกอบดว้ ย ขา่ ว ความร้ปู ระกอบการเรียน เชน่ ภาษาไทย คำนวณ-พิสูจน์ ภูมิศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญ ความรู้อันจะเป็นประโยชน์ต่อ ลกู เสอื เตร็จวทิ ยา (เกร็ดความร)ู้ บทกลอน เรื่องอา่ นเล่นส้ันๆ ประเภทนวนยิ าย เกยี่ วกบั ความกลา้ หาญ หรอื เรอื่ งแปลและเรยี บเรยี งจากตน้ ฉบบั ภาษาตา่ งประเทศ คอลัมน์ถามปัญหาข้อสอบซ้อมอย่างง่ายๆ ซ่ึงผู้ตอบถูกจะได้รับรางวัลทุนเล่า เรียนเพอื่ ปลกุ ใจให้เกิดมมี านะ และมคี อลัมน์คำถาม-คำตอบขอ้ สงสัยตา่ งๆ ของ นักเรียน นอกจากน้ียังเปิดรับเรื่องและความคิดเห็นท่ัวไปของนักเรียน ถ้าเร่ืองใด ได้รับการพจิ ารณาลงพิมพผ์ ูเ้ ขยี นก็จะไดร้ ับนิตยสารเล่มนไี้ ปอ่านฟรี ดรุณเกษม เปน็ นติ ยสารรายปกั ษ์ ของนายสวสั ดิ์ จฑุ ะรพ เรม่ิ ออกเปน็ ครง้ั แรกเมอื่ วนั ที่ ๑๕ ตลุ าคม ๒๔๖๙ และเลกิ ไปในปเี ดยี วกนั  | อบุ ตั ิการณ์นติ ยสารเดก็ ในเมืองไทย-ในโลก

นิตยสารเล่มนี้ถือกำเนิดจาก หนังสือดรุณเกษม ซ่ึงแพร่หลายไปตาม โรงเรยี นหลายแห่ง บรรจุเรื่องบันเทิงคดี เกรด็ วทิ ยา กวี นยิ าย และความรู้ ฯลฯ ซ่ึงจัดทำโดยชาวคณะท่ีเป็นเยาวชน และจากความนิยม หนังสือดรุณเกษม นี้ จึงเป็นแรงสนับสนุนให้คณะผู้จัดทำออกนิตยสารในชื่อเดียวกันนี้ข้ึน โดยมี วัตถุประสงค์ให้เป็นนิตยสารเริงรมย์ สำหรับนักเรียนชายและหญิง ภายในเล่ม เสนอเร่ืองบันเทิงคดีท้ังส้ันและยาว ไทยและเทศ ฯลฯ ตามลักษณะของนิตยสาร แนวบันเทงิ คดี (literary magazine) เพ่ือส่งเสรมิ ความรดู้ า้ นอกั ษรศาสตร์ แลก เปลย่ี นความรู้ซง่ึ กันและกันตามโอกาสและความสามารถทจี่ ะทำได้ “สรรพบรรดา เรือ่ งราวที่บรรจใุ นเลม่ คณะจะพยายามไม่ให้มีเรอ่ื งในเชิงเสยี ดสีระหว่างคณะหรือ บุคคลลงเป็นอนั ขาด” ลักษณะรปู เลม่ ขนาดพ็อกเกต็ บุคä (๑๒.๕ คณู ๑๗.๕ ซม.) จำนวนหน้าไม่ แนน่ อน ราว ๒๐๐ หน้า เน้ือหานอกจากประกอบด้วย เรอื่ งสน้ั นวนิยายเรอื่ งยาว ที่เขียนข้ึนเองหรือแปลมาจากต้นฉบับภาษาต่างประเทศ และคอลัมน์ ‘สรวล เกษม’ ซึ่งเป็นคอลัมน์ขำขันประจำฉบับแล้ว ในด้านความรู้ มีเร่ืองวิธีรักษา สุขภาพ ความรู้รอบตัว คำประพันธ์ และคอลัมน์ตอบปัญหาและรับฟังความคิด เห็นของผู้อ่าน ภาพประกอบภายในเล่มมีท้ังภาพลายเส้นและลายสกรีน ฉบับละ ไม่นอ้ ยกวา่ สีภ่ าพ นักวาดภาพประจำไดแ้ ก่ สวัสดิ์ จุฑะรพ

ในเวลาต่อมา นิตยสารเล่มน้ีได้แปรไปเป็นหนังสือสำหรับนักอ่านผู้ใหญ่ มากกว่าเด็ก ผู้เขียนเร่ืองให้มีจำนวนมาก และเป็นนักประพันธ์ท่ีมีช่ือเสียง เป็นท่ีรู้จัก ได้แก่ แม่อนงค์ ม.ชูพินิจ ร.วุธาทิตย์ อาษา พรานบูรพ์ ศรีบูรพา ป.บูรณศิลปิน ฯลฯ ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตลอดสมัยรัชกาลท่ี ๗ ไม่มีนิตยสาร เดก็ ออกเลยแมส้ ักฉบบั เดียว และในสมัยรัชกาลท่ี ๘ ก็มีนิตยสารสำหรับเด็กเพยี ง ฉบับเดียวเท่านั้น คือ อุดมพัน∏์ รายสัปดาห์ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยนายลมูล พนู วทิ ยากจิ ซงึ่ มจี ดุ เนน้ เพอ่ื ความบนั เทงิ สำหรบั เดก็ แตก่ ไ็ มอ่ าจกา้ วเดนิ ไปไดไ้ กล และเส้นทางสายนิตยสารเด็กก็ร้าง ว่างเว้น ไม่มีนิตยสารใดๆ กระท่ัง ทศวรรษ ๒๕๐๐ จึงได้เกิดนิตยสารเด็กที่เต็มรูปเต็มร่างบนแผงหนังสือและการ อ่านของเด็กและเยาวชน อันได้แก่ ™ัยพƒกษ์ กâาวหนâา ดรุณสาร วีร∏รรม ·สตนดาร์ด©บับเยาว™น เป็นอาทิ ก่อนจะกลายเป็นเพียงตำนานให้ได้กล่าว ขานถงึ ...  | อบุ ตั กิ ารณ์นิตยสารเด็ก ในเมอื งไทย-ในโลก

นักเรยี น เล่มเดยี วท ่ี ‘โดนใจ’ เดก็ ไทยยุคก่อน ในยคุ ตง้ั ไขน่ ติ ยสารเดก็ ของไทย แมจ้ ะมนี ติ ยสารสำหรบั เดก็ จำนวนนอ้ ยเลม่ และแตล่ ะเลม่ กย็ งั มอี ายแุ สนสน้ั มเี พยี งเลม่ เดยี วทก่ี า้ วเดนิ ไปได้ ๔ ปี เปน็ นติ ยสาร ที่โดดเด่นเป็นที่ติดใจคนรุ่นอาจารย์เปล้ือง ณ นคร (ปรมาจารย์ทางภาษาไทย - บรรณาธิการ ชัยพƒกษ์ ยุคต่อมา) ม.ร.ว. เสนีย์ และ ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช สองพ่ีน้องอดีตนายกรัฐมนตรี เม่ือครั้งคนในรุ่นนั้นยังเยาว์วัย คือนิตยสารเล่มท่ี มีชื่อว่า หนังสือพิมพ์นักเรียน เป็นนิตยสารท่ีควรค่าแก่การนำแนวคิดแนวทาง บางประการมาพินิจดูกัน เพ่ือการส่งเสริมฟูมฟักให้เกิดนักอ่านรุ่นใหม่ๆ ในยุคท่ี พยายามจะทำให้การอ่านเปน็ วัฒนธรรมของชาตใิ ห้ไดอ้ ยา่ งทกุ วนั นี้ นบั จากกำเนดิ ของ นกั เรยี น ปหี นา้ นติ ยสารเพอื่ เยาวชนเลม่ นจ้ี ะมอี ายุ ๙๐ ปี ใครสนใจรูปลักษณ์ของหนังสือสร้างเยาวชนเล่มน้ี ติดต่อขอชมได้ที่ พิพิธภัณฑ์ อัยการไทย ช้ัน ๑๑ อาคารอัยการ ถนนรัชดาภิเษก (ติดกับศาลอาญา) เขต ห้วยขวาง กทม. (นักเรียนสวนกุหลาบคนหน่ึงในสมัยน้ันได้บอกรับเป็นสมาชิก ซง่ึ ทางสำนกั พมิ พส์ มนาคณุ ดว้ ยการพมิ พร์ วมเลม่ ใหท้ กุ ๆ ๔๘ ฉบบั (ตอ่ ๒ ป)ี โดย เย็บเล่มเป็นปกแข็งสีแดงสดสวย ทำให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน และทายาท ของท่านผู้น้ันได้เก็บรักษาต่อมา จนได้มอบให้พิพิธภัณฑ์อัยการไทยบำรุงรักษาไว้ เพ่อื ให้อนุชนยคุ น้ีมโี อกาสได้อา่ นและศกึ ษา)

นกั เรียน ฉบบั ที่ ๑ ปีท่ี ๑ (วนั ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒Ù๖๕) ในยุคน้ันผู้สนใจหนังสือเพื่อส่งเสริมเด็กและเยาวชน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก หนังสือพมิ พ์นักเรียน เพราะเปน็ นิตยสารท่โี ดดเด่น เป็นสื่อกลางระหวา่ งนักเรียน ลกู เสอื ผปู้ กครอง และประชาชนทว่ั ไป เรม่ิ ตพี มิ พ์ ฉบบั ท่ี ๑ ปที ่ี ๑ วนั ที่ ๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ทโ่ี รงพมิ พห์ นงั สอื พมิ พไ์ ทย โดยสำนกั งานบางกอกบรรณกจิ ใกลส้ กี่ กัÍ พระยาศรี ถนนเจรญิ กรุง จงั หวัดพระนคร (กทม.ในปจั จบุ ัน) นายแช เศรษฐบตุ ร เปน็ เจา้ ของ บรรณาธกิ าร ผจู้ ดั การ วางจำหนา่ ยในราคาฉบบั ละ ๗ สตางค์ คา่ รบั ปลี ะ ๑ บาท ค่าสง่ ๗๕ สตางค์ ต่างหาก มีจำหน่ายปลีกและสง่ ท่ี “นายเงกä ชวน โรงหนงั บางลำภู” ประตูใหม่ จงั หวัดพระนคร คำนำในฉบบั แรก มสี าระท่ีก้าวล้ำกาลสมัย  | อบุ ตั กิ ารณ์นติ ยสารเดก็ ในเมืองไทย-ในโลก

“นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้ว ไม่มีทางใดจักเรียนได้ดีเท่าเรียนจาก หนังสือ หนงั สือยอ่ มใหค้ วามรู้ ความฉลาด ความสามารถแก่ผอู้ า่ นไดม้ ากมาย นักเรียนท้ังหลายจึงต้องเป็นคนรักใคร่พอใจในการอ่านหนังสือ และต้อง ประกอบด้วยองค์แห่งการเรียน ๔ ประการ จึงจะสมแก่ที่เป็นนักเรียนได้ บรบิ รู ณ์ องคแ์ หง่ การเรยี น ๔ ประการนี้ เปน็ คาถาปรากฏอยทู่ ปี่ ระกาศนยี บตั ร ของนกั เรยี น วา่ ส.ุ จ.ิ ปุ. ล.ิ และมีคำโคลงให้จำความได้งา่ ย ดังน้ี ส.ุ เสาวนิตถอ้ ย ทง้ั ผอง จิ. เจตนาตรอง ตรคี ้น ปุ. จฉาไตส่ วนลอง เลาเลส ลิ. ขิตขอ้ คำตน้ เกี่ยงแก้ กนั ลมื หนังสือพิมพ์นักเรียนนี้ไม่ใช่ตำราโดยตรง แต่มุ่งหมายจักให้เป็นหนังสือ ช่วยในการเรียน มีลักษณะสมดังสุภาษิตของครูว่า “ให้การงานเป็นการเล่น ให้การเล่นเป็นการงาน” และ “ให้การเรียนเป็นการเล่น ให้การเล่นเป็นการ เรียน” เหตุน้หี นงั สือพิมพน์ ักเรียนจึงมเี ร่ืองอา่ นเล่น ตลกขบขนั เบด็ เตลด็ และ เจือไปด้วยคติวชิ ชาการ เป็นดังหนงั สือ “อา่ นเลน่ เปน็ อ่านเรียน” เพราะฉะนนั้ หนังสอื พิมพ์นกั เรยี นจงึ ควรเหมาะแก่นกั เรียน และนักเรยี นควรจะมหี นงั สอื นี้ไว้ อา่ นเล่นอ่านเรยี น เช่อื วา่ จะได้รับประโยชน์สมราคาเปน็ แน่นอน”

มีผู้ตีความว่า คำนำน้ี (ซ่ึงคาดว่าเขียนโดยบรรณาธิการ) ได้ฝากแง่คิดไว้ ว่า ในการท่ีจะทำกิจการใดไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการเรียน จงอย่าทำอย่าง เดยี ว ใหท้ ำควบคู่กนั คือ ทำงานด้วยเล่นด้วย และเรยี นดว้ ยเลน่ ดว้ ย ซึง่ จะตอ้ ง ทำความเขา้ ใจใหด้ วี า่ มไิ ดห้ มายถงึ การทำอะไรๆ แบบไมจ่ รงิ จงั แตน่ า่ จะหมายถงึ ทำแตล่ ะอยา่ งใหพ้ อดีๆ ตามหลักสายกลาง แง่คิดน้ียังใช้ไดใ้ นปัจจบุ นั ทงั้ ในเมือง ไทยและตา่ งประเทศ จะเหน็ ไดจ้ ากหนว่ ยงานตา่ งๆ จดั กจิ กรรมกฬี า นนั ทนาการ (recreation) สำหรับคนที่ทำงาน ส่วนสถาบันการศึกษาต่างๆ ก็จัดหลักสูตร พลศกึ ษาบา้ ง นนั ทนาการบา้ ง ควบคู่ไปกบั วชิ าการ แต่ในแง่ของผู้ท่ีมีความเข้าใจในเรื่องของสมองกับการเรียนรู้ ซึ่งมีการ ค้นคว้ากันอย่างจริงจังในระยะเวลาไม่เกินย่ีสิบปีมานี้ ได้พบสาระสำคัญของการ เรยี นรู้ประการหนึ่งคอื คนเราจะเรยี นรู้ไดด้ เี ม่ือรสู้ กึ สนุก หรอื เพลดิ เพลิน หรอื เมอื่ อย่ใู นภาวะทผ่ี อ่ นคลาย ดว้ ยหลกั การนี้ การท่ไี ด้ทำอะไรสนกุ ๆ เหมือนเล่น น่ัน แหละคือการเรียนรู้ การได้อ่านอะไรที่ยังให้เกิดความเพลิดเพลินเจริญใจ น่ัน แหละคือการเรยี นร้ทู ี่ไดผ้ ลทส่ี ดุ ดงั นนั้ “ใหกâ ารเรียนเป็นการเล่น ใหâการเล่น เป็นการเรียน” จงึ เปน็ หลักของการเรยี นรแู้ บบท่ีเรยี กในยุคนวี้ า่ “Edutainment” (การเรยี นรทู้ ผ่ี า่ นความบันเทงิ )  | อุบตั ิการณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมืองไทย-ในโลก

‘อ่านเล่นเปน อ่านเรียน’ ตามหลกั การของสมอง ว่ากันด้วยหลักวิชาการประสาทวิทยา สมองของคนเราจะทำงานได้ดีเม่ือ เราอยใู่ นภาวะที่ผอ่ นคลายและไม่เครยี ด ปกตเิ มอื่ สมองรับข้อมูลโดยผา่ นประสาท สัมผัสท้ังห้า คือ ตา หู จมูก ล้ิน ผิวกาย ข้อมูลเหล่านั้นจะเข้าไปท่ีก้านสมอง ก่อน จากน้ันจึงถูกส่งไปท่ีธาลามัส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมองชั้นนอก เพื่อแยก ขอ้ มลู ข่าวสารก่อนจะสง่ ไปยังส่วนอื่นๆ เชน่ เมอื่ เวลาเราอ่านหนังสอื ธาลามสั จะ ส่งข้อมูลไปยังเปลือกหุ้มสมองหรือซีรีบรัล คอร์เท็กซ์ ส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการแปล สัญลักษณ์(ตัวหนังสือ) ซีรีบรัล คอร์เท็กซ์ จะแยกแยะว่าจะทำอย่างไรกับข้อมูล เก็บไว้ช่ัวคราวหรือส่งต่อไปเก็บไว้ท่ีหน่วยความจำถาวร การถ่ายทอดข้อมูลจะข้ึน อยกู่ ับภาวะอารมณใ์ นขณะนัน้ ด้วย หากอยู่ในสภาวะที่เครียด ต่อมอะดรีนัลจะหลั่งสารและส่งผ่านประสาท ออกมา ซ่ึงมีทั้งอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล การเครียดอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ คอร์ติซอลสะสมและจะยับย้งั การทำงานในการส่งกระแสประสาท การทำงานของ สมองกจ็ ะทำงานได้ไมเ่ ต็มท่ี การเรยี นท่เี คร่งเครยี ด เดก็ ๆ ตอ้ งหนา้ น่ิวคว้ิ ขมวด กับการร่ำเรียนเขียนอ่าน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมได้ไม่เต็มท่ี นี่ยังไม่นับว่าก่อให้เกิด ผลลัพธท์ างลบแกเ่ ด็กท่เี ห็นว่าการเรียนเปน็ ยาขมหม้อใหญ่

สภาวะทางอารมณ์จึงมีความสำคญั ต่อการเรยี นรู้ ซ่งึ หมายถงึ การรับรู้ และ การเกบ็ ข้อมลู ของสมองเปน็ อย่างมาก ฉะนั้นจึงกลา่ วได้อยา่ งเตม็ ปากว่า การอ่าน ท่ใี หค้ วามเพลดิ เพลนิ เจริญใจ จะก่อให้เกดิ การเรยี นร้ไู ด้เป็นอยา่ งดี ผรู้ ไู้ ดเ้ ปดิ มติ คิ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั กลไกทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสมอง วา่ เกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร อธิบายได้ว่า การนำข้อมูลทุกชนิดเข้าสู่สมอง ถ้าผ่านอารมณ์ความรู้สึก ฮปิ โปแคมปัส ซ่งึ เปน็ สมองส่วนความจำ จะส่งความรูท้ ง้ั หมดเข้าส่รู ะบบความจำ ถาวรของสมอง ถ้าไม่มีอารมณ์มากำกับการเรียนรู้ หรือไม่เกิดความรู้สึกร่วม สมองส่วนที่เรียกวา่ อมกิ ดาลา ซึง่ เป็นส่วนที่กอ่ ใหเ้ กิดอารมณ์ตา่ งๆ ท่อี ยู่ใกลก้ บั ฮิปโปแคมปสั ก็จะไม่ส่งสญั ญาณไปยังฮิปโปแคมปสั แต่จะย้ายข้อมูลนี้ไปสู่หนว่ ย ความจำชั่วคราว ซึ่งมีระยะเวลาท่ีคงอยู่ในสมองประมาณ ๗-๘ นาที จนถึงราว ๓ วนั แลว้ กจ็ ะลบเลอื นไป แตห่ ากขอ้ มลู นนั้ ๆ สนกุ นา่ ตน่ื เตน้ กระทบใจ อมิกดาลาจะส่งสัญญาณไปยังฮิปโปแคมปัส ซึ่งจะแปลขอ้ มลู น้วี า่ มคี วามสำคัญ ฮปิ โปแคมปัสกจ็ ะส่ง ข้อมูลไปยงั พ้นื ผิวสมองหรือคอร์เท็กซ์ ซึง่ เปน็ สมองส่วน คิดและบันทึกเป็นความจำระยะยาวหรือความจำถาวร กลายเป็นคลังขอ้ มลู ในสมองตอ่ ไป* * ผูส้ นใจอา่ นเพม่ิ เตมิ ได้จาก การ์ตูน มหศั จรรย์·ห่งการพ≤ั นา สมอง·ละการอ่าน จัดพิมพ์โดยสถาบันการ์ตูนไทย มูลนิธิเด็ก ๒๕๕๓  | อบุ ตั กิ ารณน์ ติ ยสารเดก็ ในเมืองไทย-ในโลก

นติ ยสาร นกั เรยี น ใชห้ ลกั การผลติ ใหเ้ ปน็ หนงั สอื “อา่ นเลน่ เปน็ อา่ นเรยี น” จงึ ทำใหถ้ กู ใจผอู้ า่ นรนุ่ เยาว์ และยนื ยงอยไู่ ดห้ ลายปี นา่ เสยี ดายทห่ี ลกั การอนั กา้ วลำ้ นำความคิดของยุคสมัยนั้นไม่ได้รับการพัฒนาให้ผลิดอกออกผล ต่อยอด ขยาย กิ่งก้านใบให้เติบใหญ่ออกไป อย่างมีความเข้าใจจริงจัง โดยภาคส่วนต่างๆ ที่มี บทบาทสง่ เสรมิ ระบบหนงั สอื และการอ่านของเด็กและเยาวชน หลักการนี้อาจพูดใหม่ในหมู่ผู้ทำงาน ท่ีวาดหวังจะสร้างเสริมวัฒนธรรม การอ่านให้เติบใหญ่ในสังคมได้ว่า การอ่านหนังสือที่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน เปน็ บ่อเกดิ ของการสร้างนิสยั รกั การอา่ น กเ็ ราไดร้ ู้แล้ววา่ ในการทำงานของสมอง การเรยี นรทู้ ไี่ ม่ผ่านอารมณ์ กจ็ ะ ไมช่ ่วยให้สมองเกดิ การพฒั นา หรือการจำได้หมายร้นู ัน่ เอง ถึงตรงนี้ เรากเ็ ขา้ ใจ ไดเ้ ลยวา่ การได้เล่น หรอื ได้อ่านอะไรท่เี หมอื นเล่นๆ เด็กถึงชอบ และจดจำส่งิ ท่ี ได้น้ันไปยาวนาน เพราะสนกุ ถงึ ใจ ไดอ้ ารมณ์ เมอ่ื เปน็ เชน่ นแี้ ลว้ หากเราเอาอะไร “ดๆี ” ใส่ เข้าไปในหนังสอื เดก็ ๆ จะไดเ้ รยี นร้ไู ดน้ า่ อศั จรรย์สกั เพยี งใด เราเสียโอกาสไปค่อนศตวรรษแล้ว ท่ีไม่ได้ทำความเข้าใจ ทำการทดสอบ ทดลองการสื่อสารแบบ “อา่ นเลน่ เปน็ การเรียน” กบั เด็กๆ ท้ังทม่ี ีการเบิกทางเอา ไวแ้ ลว้ ในยุคแรกเร่มิ ตั้งไข่นติ ยสารเด็ก 9