อ่านสร้างสุข : บทกวีกลางดวงใจ พิมพ์คร้ังที่ ๑ : มิถุนายน ๒๕๕๘ จ�ำนวนพิมพ์ : ๒,๐๐๐ เล่ม บรรณาธิการประจ�ำฉบับ : ชมัยภร แสงกระจ่าง บรรณาธิการ : สุดใจ พรหมเกิด ผู้ช่วยบรรณาธิการ : วิลาสินี ดอนเงิน บรรณาธิการฝ่ายศิลป์ : ปาจรีย์ พุทธเจริญ ภาพ : ชมัยภร แสงกระจ่าง กองบรรณาธิการ : ชุติมา ฟูกล่ิน, ปนัดดา สังฆทิพย์, วิลาสินี ดอนเงิน, คณิตา แอตาล, วิไล มีแก้วสุข, จันทิมา อินจร, จิระนันท์ วงษ์มั่น, นิศารัตน์ อ�ำนาจอนันต์ ประสานการผลิต : ชุติมา ฟูกล่ิน จัดพิมพ์และเผยแพร่ : แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้รับการสนับสนุนจากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ๔๒๔ หมู่บ้านเงาไม้ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๗ แยก ๓ ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ โทรสาร : ๐-๒๘๘๑-๑๘๗๗ E-mail : [email protected] Website : www.happyreading.in.th Facebook : http://www.facebook.com/happy2reading , Twitter : http://www.twitter.com/happy2reading พิมพ์ที่ : แปลนพร้ินท์ติ้ง จ�ำกัด โทรศัพท์ : ๐-๒๒๗๗-๒๒๒๒
คยุ เปดิ เลม่ กว่า ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ที่ชาวอียิปต์เช่ือว่าการเขียนบทกวีลงไปบดผสมน้�ำด่ืม พลังอันลึกลับของบทกวี จะช่วยรักษาให้หายจากความเจ็บป่วยได้ ชาวกรีกโบราณก็มีวิธีการเขียนบทกวี แล้วน�ำไปวางไว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธ์ิ เพ่ือเยียวยาภาวะทางจิตใจ เช่นเดียวกับชาวโรมันที่บ�ำบัดผู้ป่วยด้วยการให้อ่านบทกวีกับและวรรณกรรมการละคร เด๋ียวน้ีวงการแพทย์สมัยใหม่เปิดใจยอมรับพลังบ�ำบัดของบทกวี (Poetry therapy) มากขึ้น เม่ือพบว่า บทกวีคือศิลปะแห่งการเยียวยาในแบบที่ยาเข้าไม่ถึง จนเกิดเป็นสมาคมบทกวีบ�ำบัดแห่งชาติ (The Nation Association for Poetry therapy (NAP) สหรัฐอเมริกา) ขึ้นแล้ว ฯลฯ อ่านสร้างสุข ฉบับ บทกวีกลางดวงใจ ขอขอบคุณคุณชมัยภร แสงกระจ่าง ท่ีน�ำห้วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ มาคัดสรรบทกวีท่ีซึมซับดื่มด�่ำอยู่กลางดวงใจของใครต่อใครหลายคน มาบันทึกไว้ในเล่มนี้ คนรุ่นก่อนเก่าอาจได้ผ่อนคลายกับการฟื้นเสียงแห่งกวี ที่ไม่เคยริบหร่ีไปจากความทรงจ�ำ และคนรุ่นเยาว์ ก็จะได้ลิ้มลองสัมผัสความสุขหลากรสแต่ละบทได้ด้วยตัวเอง ส�ำหรับผู้ท่ีกระหายใคร่รู้ว่า “บทกวี” เป็นพลังสร้างสุข พลังรักษาสุขภาวะทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ ได้มากเพียงไร “อ่านสร้างสุข” ฉบับที่ ๑๐ : “บทกวี พลังรักษ์สุขภาวะ กาย ใจ และจิตวิญญาณ” ก็น�ำมา เรียบเรียงให้อ่านกันด้วยแล้ว สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
สารบญั คยุ เปิดเล่ม ๓ กท็รมู้วา่าขไอฟง,บทท่ขี กอวบกี ฟล้าา งดวงใจ ๘๖ วิมานทราย, พอควันจาง ๙ เคพุกียหงนมังือสตือีน,,กแวมีน้เิพมนฆธด์ไ�ำทยยังรแ่วรมขสอบมันย�้ำ:เงบินท วิเคราะห์และสรรนิพนธ์ ๑๑๑๐ เ๒ป๕ิบ๑ข๐้าวจ ากเล่มยามเช้า ๑๑๒๓ คลาว,ามกเลรับียตงเารลื่อะงปตัตีนร, ด อกไม้จะบาน ๑๑๗๔ อหังการ์ของดอกไม้, หิ่งห้อย ๑๘ ทนิ่รอางศจก�ำกรันุงเมกา่า,, บพทอสใจุดใทห้า้สยุขขอ งนิยายรัก ๒๑๙๐ นแดิรา่ ศวัยกดรุงรเุณก่าข,อนงชิรีวาศิตก, รกุง�ำเเกน่าิด กวี ๒๒๒๑ เตพ�ำลตงาชตา�ำตใจิ, ,ภรา้อษนาก ับเย็น ๒๒๓๔ สมน�้ำหน้า, วันเกิด ๒๗ เอปีศิดาหนน, ังนสิรือา,ศกกรรุงะเทกุ่ม่าแ บน ๒๒๘๙ หเพนียทงาคงวแาหม่งเหคอลยื่อทนาไกห,ว,เธหอนผทู้เปาง็นแทหี่ร่งักหอ ยทาก ๓๓๑๐ ใแคมร่พคิมือพค์ใรจู,,บในนลนาานมอขโอศงกคว ามรัก ๓๓๒๓ ความรัก(๑), อกหัก ๓๔ คหนวาังมสรือัก-ด, อฟก้าไหมล้-ังสฝานยน �้ำ-ความรัก, ชีวิต...ถ้าเหมือนเรือ ๓๓๗๘ เหหลตาุทกี่รหักล,ายหบลทากกหลลอานยจบาทกกมล.อลน.ปจิ่นากมมาล.ลา.กปุลิ่น, หมลาลากากหุลลา ยบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล ๓๔๙๐
หลากหลายบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล, มัน ๔๑ นคักวาเดมินมเืดรรือะ,หตว�ำ่านงดานาวน,กจพุดญจาบไขฟอง ปริญญาชน ๔๔๒๓ บทน�ำ เล่ม๑ (ไพรมหากาฬ), จุดมืด ๔๔ มขอองงกแู-ตข่แองง่ดสีเู,ถติดา,บไอมด่ม-ีเตสาียดงีล มหายใจ ๔๔๗๘ ไรหวมมเแรท่ือ้ทงส่ีแ้ันม่ทกอร,ะธดาังรงศากิลลปีบ์ ไหน, ต่ืนเถิดเสรีชน ๔๕๙๐ คอิส�ำนระ�ำ แจลาะกเสเลร่มี, นเพ้�ำพลุ,งเแถดื่อ่นปแรหะ่งพสันถธากบรัน ๕๕๒๑ ความฝันที่ชนบท, กดหัวประชาชน ๕๓ สร�ำิบลสึกี่ตทุลวาน, รกอุหยลเทาบ้าแแหห่ง่งวแิถผี ่น๒ด๐ินป ี ๑๔ ตุลา, หยดน้�ำเจ้าพระยา ๕๕๗๔ เนจิร้าาพศรกะรยุงาเถกึง่าฝ, ั่งสโรข้างง,สเะรพือาเพนล ง ๕๕๘๙ เรจัก้า,ขภุนาทษอางร,ักวร รคทอง ๖๖๑๐ กูจะเป็นขบถ, ลืมฉันทลักษณ์บ้างก็ได้ ๖๒ บฟทอเงพเวลลงาเ,หนแมือ่ส ุสาน, ดาวรู้ไหม ๖๖๓๔ อจานฤิจกจอานด่ีาตเ,สียดดูถาูกยศ,ิลกปวะีน ิพนธ์ ๖๖๗๘ โวลักกท,ะเปลณ, ิธปาณนิธกาวนี กวี ๗๖๙๐ เสียเจ้า, พวกเรา ๗๑ กเรวาีปชุบระดช้วายชในดแ,หข่งออบารฟเม้าขเนลีิยบ,ทอเรงาช ุบด้วยใด ๗๗๒๓ อบยรรู่เพณ่ือาอนะุกไรรม, คิดถึง ๗๗๔๕
ทม่ี าของบทกวกี ลางดวงใจ ข้าพเจ้าได้ยินค�ำบ่นเร่ือง เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบกลอน ไม่อ่านกลอนมานานมากแล้ว แต่ก็คิดเสมอว่า เป็นเร่ืองของยุคสมัย เด็กๆ ในยุคหนึ่งๆ ย่อมมีเร่ืองราวและบรรยากาศเป็นของตนเอง สมัยข้าพเจ้า กลอนรักที่มีฉันทลักษณ์โดดเด่นเป็นท่ีประจักษ์ แม้แต่ในมหาวิทยาลัยก็มีการแข่งขันกลอนสด ทั้งยังข้ามออกไปแข่งระหว่างมหาวิทยาลัยด้วย แต่กาลเวลาเหล่าน้ันผ่านไปเนิ่นนานแล้ว และสังคม สมัยใหม่ก็ไม่ได้มีบรรยากาศแบบเดิมอีกแล้ว การเข้ามาของวัฒนธรรมชาติอาเซียน จ�ำนวนประชากร ที่เพิ่มมากข้ึน ตลอดจนโลกท่ีเคล่ือนท่ีเร็วไปด้วยเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่ ท�ำให้บรรยากาศ ของกาพย์กลอนเปลี่ยนไป บทกวีถูกเก็บข้ึนไปบนห้ิงมากข้ึน ความคุ้นชินและการน�ำมาใช้ลดลง วันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ไปร่วมงานวรรณกรรม ได้พบกับคุณสุดใจ พรหมเกิด ผู้ปรารภว่า น่าจะมีการรวบรวม วรรคทองของบทกวีไทย อยากให้เด็กไทยรู้จักบทกวีดีๆ ของไทย ว่าแล้วเธอก็ยุให้ข้าพเจ้าคัดสรรบทกวีที่ชอบ และจ�ำได้จนอาจเรียกได้ว่าอยู่ในดวงใจ แล้วเราสองคนก็ตั้งช่ือว่า บทกวีกลางดวงใจ ข้าพเจ้ายื่นเง่ือนไขว่า ขอคัดสรรเอง เป็นล�ำดับต้น ส่วนต่อจากนั้น ทางคุณสุดใจจะเอาไปให้ใครท�ำอะไรอีก หรือคัดเลือกเพ่ิมเติม หรือตัดออก หรือให้ความเห็นชอบ ข้าพเจ้าก็ยินดี คุณสุดใจก็ตกลง จากน้ัน ข้าพเจ้าก็เร่ิมนึกถึง บทกวีท่ีจ�ำได้ และเริ่มท�ำบันทึกไปทีละบทสองบท ท้ังท่ีจ�ำได้ และที่ต้องค้นคว้า เพิ่มเติม จนกระทั่งได้ครบ ๑๐๘ บท (หรือชิ้น) ตามท่ีตกลงกันไว้ บางชิ้นยาวเต็มบท เพราะไม่รู้จะตัดตรงไหน บางชิ้นก็ตัดมาแต่เฉพาะวรรคทอง 6 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
สรุปรวมแล้ว บทกวีที่รวมอยู่ในเล่มน้ีเป็นบทกวีกลางดวงใจของใครหลายคนท่ีข้าพเจ้าจ�ำได้ อาจมี อีกมากมายหลายบท ข้าพเจ้าไม่ได้คัดมาเพราะต้ังใจให้ยุติแค่ ๑๐๘ บท แต่เพ่ือเป็นนัยยะว่ายังมี กวีดีๆ เป็นพันๆ บท ให้ได้ไปหามาอ่านต่อ บางบทอาจโบราณ ก็เป็นเพราะอยากให้คนรุ่นหลังรู้จัก เมื่อข้าพเจ้าส่งต้นฉบับให้ดู คุณสุดใจเป็นกังวลเรื่องการขออนุญาต ข้าพเจ้าจึงบอกให้คุณสุดใจท�ำหนังสือ ขออนุญาตโดยตรง ยกเว้นบางบทท่ีติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้ ก็ถือโอกาสขออนุญาตไว้ ณ ท่ีน้ี ด้วยเหตุ ท่ีเป็นการพิมพ์เผยแพร่เพื่อประโยชน์ต่อแวดวงวรรณกรรม มิได้น�ำไปจัดจ�ำหน่าย จึงมั่นใจว่าท่านผู้เป็น เจ้าของลิขสิทธิ์จะยินดีท่ีผลงานเหล่านี้ได้มีโอกาสส่งผ่านถึงมือคนรุ่นหลัง ข้าพเจ้าหวังว่า ๑๐๘ บท นี้จะหล่อหลอมจิตใจของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เยาว์ให้อ่อนโยนข้ึน และสามารถส่งต่อความอ่อนโยนนั้นไปยังคนรุ่นต่อๆ ไปได้เป็นอย่างดี ชมัยภร แสงกระจ่าง ผู้คัดสรรและรวบรวม สิงหาคม ๒๕๕๗ 7 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
มันเป็นบาปสำ�หรับการรับรู้ แต่เมื่อมาถึงจุดสุดขอบฟ้า ถ้าหากเธอยังอยู่กับความหลง มีเพียงหญ้ากลีบฉ่ำ�น้ำ�ค้างใส ก้าวไปกับความอ่อนไหวไม่มั่นคง ประดับท้องทุ่งกว้างเวิ้งว้างไกล และพะวงว่าที่นี่จะมีภัย ที่วาดไว้ในฝันนั้นไม่มี ทางข้างหน้าหนทางจะว่างเปล่า สงสารขวัญฉันมาคว้างระหว่างฝัน แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้ มิควรดั้นด้นฟ้ามาถึงนี่ ที่ตรงโน้นมีหุบเหวมีเปลวไฟ จะฝันถึงถิ่นไหนต่อไปนี้ ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน เมื่อรู้ดีแล้วว่าฟ้าไม่งาม กรวิก (ชนิดา เดชาฤทธิ์) กรวิก (ชนิดา เดชาฤทธิ์) จากบท “ก็รู้ว่าไฟ” จากบท “ที่ขอบฟ้า” จากเล่ม บทกวีคัดสรร ชุดที่ ๑ จากเล่ม นิล 8 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
แล้วก็ได้พบกันในวันนี้ เธอหยุดยั้งนั่งพักสักน้อยหนึ่ง พร้อมกับมี “คนอื่น” ยืนอยู่ใกล้ อย่าเคียดขึ้นแค้นเคืองเรื่องขัดขวาง ทุกสิ่งที่ประจักษ์ตาสาแก่ใจ พอคลื่นลมสงัดสนิทดูทิศทาง เรายิ้มให้อย่างคนจนถ้อยคำ� พอควันจางสร่างหมอกค่อยออกเรือ ความเป็นคนอย่างเราก็เท่านั้น โกวิท สีตลายัน ได้แต่ฝันและฝันวันยังค่ำ� ชื่อบท “พอควันจาง” อยากตัดพ้อต่อว่าใคร...คนใจดำ� จากเล่ม ธารทอง แต่ที่ทำ�คือหลบเมื่อสบตา กรวิก (ชนิดา เดชาฤทธิ์) จากบท “วิมานทราย” จากเล่ม นิล 9 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
กรรมกรจะกร้าวกล้า อนิจจาเมฆคล้ำ�ดำ�แท้แท้ และชาวนาจะกร้าวฉกรรจ์ อุตส่าห์แรขอบน้ำ�เงินเพลิดเพลินได้ กรรมกรต้องโรมรัน อันคนเราถึงเศร้าโศกเพียงไร และชาวนาต้องเริงแรง ก็เบาใจเมื่อเขารู้เท่าทุกข์ ยิ่งร้าวยิ่งลึกซึ้ง ครูเทพ (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี) ถึงสายเลือดที่ไหลแดง ชื่อบท “แม้เมฆดำ�ยังแรขอบน้ำ�เงิน” ยิ่งกลั่นยิ่งกร้าวแกร่ง จากเล่ม โคลงกลอนครูเทพ ยิ่งกร้านกร้าวยิ่งกรากกรำ� คันธนู จากบท เพียงมือตีน จากเล่ม นาฏกรรมบนลานกว้าง 10 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ฉันติดคุกครั้งนี้ชั่วชีวิต ลูกแม่ เพราะทำ�ผิดคิดรักตัวอักษร เมื่อแม่ให้ขนมหวานแก่ลูก ถูกคุมขังตั้งแต่เช้าจนเข้านอน ผลไม้บนต้นก็หวาน ขอวิงวอนโปรดอย่ามาประกัน ใบไม้วันนี้แสงแดดฉาย คุกหนังสือคือโซ่ทองที่คล้องล่าม กิ่งก้านวันนี้สั่นไกวตามลม คุกหนังสือคือความงามแห่งความฝัน ลูกแม่ แม่อุ้มลูก คุกหนังสือคือโซ่ทองคล้องชีวัน นั่งเล่นใต้ต้นไม้ตรงนี้ คุกหนังสือคือสวรรค์ฉันรักเธอ จ่าง แซ่ตั้ง แคน สังคีต จากเล่ม กวีนิพนธ์ไทยร่วมสมัย : จากบท คุกหนังสือ บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์ จากเล่ม หนังสือที่ระลึกงานศพพิมล แจ่มจรัส 11 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คน คอยรถเมล์โดยสารประจำ�ทาง...........................ที่กรุงเทพฯ จ่าง แซ่ตั้ง ๒๕๑๐ จากเล่ม ยามเช้า 12 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เปิบข้าวทุกคราวคำ� จงสูจำ�เป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน ข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำ�บากเข็ญ เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน น้ำ�เหงื่อที่เรื่อแดง คือน้ำ�แรงอันหลั่งริน สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำ�ซาบฟัน จิตร ภูมิศักดิ์ บทชื่อ “เปิบข้าว” ชื่อบท วิญญาณหนังสือพิมพ์ (คำ�เตือน...จากเพื่อนเก่าอีกครั้ง) (ใช้นามปากกา กวี ศรีสยาม) ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย ๒๕๐๗ 13 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
โอ้รสทุกข์ทรมานการคอยเอ๋ย คือจงมีตีนไว้ยืนหยัด คนไม่เคยไหนจะซึ้งถึงมันหนอ มีปากกัดฟันทนคำ�คนหยัน เปลี่ยวและเหงา เศร้า เขินจนเกินพอ มีใจซื่อแสนดีมีศีลธรรม์ หัวใจพ้อเพรียกรับเธอกลับมา มีหน้าอันบางไว้ให้รู้อาย น้ำ�หนึ่งหยดรดลงตรงแก้มซีด จินตนา ปิ่นเฉลียว มันเหมือนกรีดใจหม่นจนผวา ชื่อบท “กลับตาละปัตร” ฉันรู้แล้วรสหนึ่งที่ตรึงตรา จากเล่ม ดอกหญ้าสีชมพู การอำ�ลาร้าวฤดีอย่างนี้เอง จินตนา ปิ่นเฉลียว จากบท “ลา” จากเล่ม ดอกหญ้าสีชมพู 14 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
15 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
16 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
จึงขอคารวะตีนสะอาด ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน ที่ด้านดาดเดินกรำ�งานดำ�ปี๋ บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ ที่ไม่ข้ามคนล้มข่มคนดี สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่ และตีนที่บางกว่าหน้าบางคน แน่วแน่แก้ไข จุดไฟศรัทธา จินตนา ปิ่นเฉลียว เรียนรู้ต่อสู้มายา จากบท “ความเรียงเรื่องตีน” ก้าวไปข้างหน้า เข้าหามวลชน จากเล่ม ดอกหญ้าสีชมพู ชีวิตอุทิศยอมตน ฝ่าความสับสน เพื่อผลประชา ดอกไม้บานให้คุณค่า จงบานช้าช้า แต่ว่ายั่งยืน ที่นี่และที่อื่นๆ ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน จิระนันท์ พิตรปรีชาว จากเพลง “ดอกไม้จะบาน” 17 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
สตรีมีสองมือ แล้วฉันเลือกเป็นหิ่งห้อย มั่นยึดถือในแก่นสาร แทนดาวลอยสูงศักดิ์อัครฐาน เกลียวเอ็นจักเป็นงาน จึงมีปีก มีความหวัง อหังการ มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ มีสิทธิผ่านมุมอับอันลับดาว สตรีมีสองตีน จิระนันท์ พิตรปรีชา ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน จากบท “หิ่งห้อย” ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน จากเล่ม ใบไม้ที่หายไป มิหมายมั่นกินแรงใคร จิระนันท์ พิตรปรีชา จากบท “อหังการ์ของดอกไม้” จากเล่ม ใบไม้ที่หายไป 18 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
คว้างคว้างใบไม้ปลิว ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก ละลิ่วหล่นลงสู่ดิน แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน เอื่อยเอื่อยธารไหลริน และจะเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน มิรู้สิ้น ณ แห่งใด ตราบรักอันแจ่มกระจ่างเลือนร้างไกล เปรียบดังชีวิตนี้ นิยายรักยืดยาวของเรานั้น มิมีที่จะพักใจ คงไร้วันสดชื่นขึ้นบทใหม่ อ้างว้างร้างฤทัย หมดความหมายที่จะรอกันต่อไป จวบชีพดับลงลับสูญ เพราะเปลวไฟรักดับลงกับตา จุลลดา ภักดีภูมินทร์ (ม.ล.ศรีฟ้า มหาวรรณ) เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร (เฉลิม รงคผลิน) ท่องจำ�กันมา ชื่อบท “บทสุดท้ายของนิยายรัก” จากเล่ม ใบไม้แห่งนาคร 19 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เสน่หาอาลัยทั้งใหลหลง แม้มิได้เป็นดอกกุหลาบหอม ชีวิตปลงเป็นทาสไม่อาจหนี ก็จงยอมเป็นเพียงลดาขาว หัวใจเอ๋ยนึกน่าเป็นราคี แม้มิได้เป็นจันทร์อันสกาว ถึงเพียงนี้แล้วยังหวังดังนิพพาน จงเป็นดาวดวงแจ่มแอร่มตา เขาจะอยู่อย่างไรใจเป็นห่วง แม้มิได้เป็นหงส์ทะนงศักดิ์ คอยถามทวงสายลมที่พรมผ่าน ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา โอ้วันคืนเหลือเกินช่างเนิ่นนาน แม้มิได้เป็นน้ำ�แม่คงคา เพราะเลือกงานแทนรักจึงหนักใจ จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น ชนิดา เดชาฤทธิ์ จินตนา ปิ่นเฉลียว จาก นิราศกรุงเก่า ชื่อบท “พอใจให้สุข” บทอาขยานสำ�หรับเด็กชั้นมัธยม ๒ 20 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย เชิญรังสรรค์วรรณศิลป์รินน้ำ�ทิพย์ พลังใหม่เข้มแข็งแกร่งกล้า ไพเราะลิบแลละลานในธารฝัน พากเพียรเรียนรู้โลกา แก้วกิ่งฟ้าผกาดาวพราวอำ�พัน เปลี่ยนแปลงสู่อาริยะยุค ราวพู่กันเนรมิตยอดจิตรกร แรงอรุณหนุ่นเนื่องเรืองล้ำ� เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร (เฉลิม รงคผลิน) แรงดรุณจักนำ�สันติสุข ชื่อบท “กำ�เนิดกวี” มืดมนอนธกาลทานทุกข์ จากเล่ม จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย มือสองจักปลุกประกายพลัน ทวีปวร (ทวีป วรดิลก) จากบท “แด่ วัยดรุณของชีวิต” จากเล่ม จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย 21 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
โอ้พิษเอ๋ยพิษสวาทประหลาดล้ำ� คนเขียนกลอนเขาค่อนว่าอาภัพ เป็นทั้งน้ำ�และทั้งไฟไม่จบสิ้น ฝากชีพกับความจนความหม่นไหม้ ทั้งขมหวานหว่านปลื้มให้ดื่มกิน ถูกของเขาเราจะคิดเอาผิดใคร พอชุ่มลิ้นแล้วก็หลอนเป็นร้อนรน อย่างดีก็ร้องไห้ปลอบใจตัว ทวีสุข ทองถาวร ทวีสุข ทองถาวร จาก นิราศกรุงเก่า จาก นิราศกรุงเก่า 22 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
อยากลบรอยเท้าเปื้อนพื้นเรือนหอ ชื่อว่าสูรย์ก็ต้องแสงแรงมหันต์ ลบภาพคู่เคียงคลอกันต่อหน้า ชื่อว่าจันทร์ก็ต้องเห็นแสงเย็นอ่อน ยิ่งอยากลบยิ่งกระจ่างไม่ร้างลา แต่ความจริงสิ่งหนึ่งพึงสังวร เห็นตำ�ตาจึงจำ�ไว้ตำ�ใจ ตายด้วยร้อนมันไม่ร้ายเหมือนตายเย็น ทวีสุข ทองถาวร นภาลัย ฤกษ์ชนะ (สุวรรณธาดา) ชื่อบท “ตำ�ตาตำ�ใจ” ชื่อบท “ร้อนกับเย็น” จาก หนังสือที่ระลึกงานศพ ทวีสุข ทองถาวร จากเล่ม ดอกไม้ใกล้หมอน 23 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง เอกลักษณ์ศักดิ์ไทยมิใช่ทาส แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง เอกราชรู้ได้ในภาษา ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง เอกวัจน์อรรถรสพจนา จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง เอกปัญญาผู้คิดลิขิตไว้ นภาลัย สุวรรณธาดา นภาลัย สุวรรณธาดา ชื่อบท “เพลงชาติ” ชื่อบท “ภาษา” จากเล่ม ดอกไม้ใกล้หมอน จากเล่ม ดอกไม้ใกล้หมอน 24 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
25 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
26 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
รู้ก็รู้ว่าเขามีเจ้าของ วันเกิดลูก เกือบคล้าย วันตายแม่ ถึงเขามองเขาก็เห็นเป็นคนอื่น เจ็บท้องแท้ เท่าไร ก็ไม่บ่น ใจยังไม่ห้ามใจให้กล้ำ�กลืน กว่าอุ้มท้อง กว่าคลอด รอดเป็นคน ตาจะฝืนได้อย่างนี้กี่เวลา เติบโตจน บัดนี้ นี่เพราะใคร อย่านะอย่าหวั่นไหว... ใจห้ามขาด แม่เจ็บเจียน ขาดใจ ในวันนั้น ใจตวาดแล้วไยใจผวา กลับเป็นวัน ลูกฉลอง กันผ่องใส ตาร้องไห้ใจก็ตามไปห้ามตา ได้ชีวิต แล้วก็เหลิง ระเริงใจ สมน้ำ�หน้าหัวใจร้องไห้เอง ลืมผู้ให้ ชีวิต อนิจจา นภาลัย สุวรรณธาดา นภาลัย สุวรรณธาดา ชื่อบท “สมน้ำ�หน้า” ชื่อบท “วันเกิด” จากเล่ม ดอกไม้ใกล้หมอน จากเล่ม ดอกไม้ใกล้หมอน 27 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ในฟ้าบ่มีน้ำ� ภาพคืนวันพระจันทร์พริ้มน้ำ�ปริ่มเขื่อน ในดินซ้ำ�มีแต่ทราย ลงลอยเลื่อนเรือนักรักภาษา น้ำ�ตาที่ตกราย นั่งท้าวแขนบรรสารขานสักวา คือเลือดหลั่งลงโลมดิน ชนะกลอนแพ้ตาจึงปราชัย สองมือเฮามีแฮง นิภา บางยี่ขัน เสียงเฮาแย้งมีคนยิน จาก นิราศกรุงเก่า สงสารอีศานสิ้น อย่าทรุดสู้ด้วยสองแขน พายุยิ่งพัดอื้อ ราวป่าหรือราบทั้งแดน อีศานนับแสนแสน สิจะพ่ายผู้ใดหนอ “นายผี” (อัศนี พลจันทร์) ชื่อบท “อีศาน” จากเล่ม บทกวีนายผี 28 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
หนังสือ เธอตายเพื่อจะปลุกให้คนตื่น คำ�ต่อคำ�นี่แหละคือสื่อภาษา เธอตายเพื่อผู้อื่นอีกหมื่นแสน มือต่อมือนี่แหละมีชีวิตชีวา เธอคือดินก้อนเดียวในดินแดน หน้าต่อหน้านี่แหละหนอใจต่อใจ แต่จะหนักและจะแน่นเต็มแผ่นดิน เปิดหนังสือเพื่ออ่านงานความคิด เราจะยืนหยัดเหยียดให้เสียดฟ้า เปิดชีวิตเพื่ออ่านความฝันใฝ่ เราจะลุกขึ้นท้าภูผาหิน เปิดทางทองเพื่ออ่านการก้าวไกล กระชากฟ้าห่าโหดโขมดทมิฬ เปิดทางชัยเพื่ออ่านสันติธรรม ฉีกเป็นชิ้นกระทุ่มขยี้ให้บี้แบน เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อบท “เปิดหนังสือ” ชื่อบท “กระทุ่มแบน” จากเล่ม ตากรุ้งเรืองโพยม จากเล่ม เพียงความเคลื่อนไหว 29 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
นกอยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้า การเกิดต้องเจ็บปวด ปลาอยู่น้ำ�ย่อมปลาเห็นน้ำ�ไม่ ต้องร้าวรวดและทรมา ไส้เดือนไม่เห็นดินว่าฉันใด ในสายฝนมีสายฟ้า หนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจม ในผาทึบมีถ้ำ�ทอง ฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสม ชื่อบท “หนทางแห่งหอยทาก” แต่วันหนึ่งความเน่าในเปือกตม จากเล่ม ตากรุ้งเรืองโพยม ก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัว เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อบท “เพียงความเคลื่อนไหว” จากเล่ม เพียงความเคลื่อนไหว 30 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ในหญ้ารกนั้นมีทาง ยังไม่เคยเอ่ยว่า “รัก”เลยสักหน เปลี่ยวอ้างว้างไร้คนเดิน แต่ในใจฉันเปี่ยมล้นด้วยรักยิ่ง ทากน้อยจึงทาเงิน ไม่เคยมีทีท่าว่ารักจริง เป็นเงางามวะวามไว้ แต่ทุกสิ่งที่กระทำ�คือความรัก รอว่าสักวันหนึ่ง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งตะวันอันอำ�ไพ ชื่อบท “เธอผู้เป็นที่รัก” จะเกรี้ยวกราดและฟาดไฟ จากเล่ม ตากรุ้งเรืองโพยม ประลัยหญ้าลงย่อยยับ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ 31 ชื่อบท “หนทางแห่งหอยทาก” จากเล่ม ตากรุ้งเรืองโพยม บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ใครคือครู ครูคือใครในวันนี้ อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า ใช่อยู่ที่ปริญญามหาศาล หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้ ใช่อยู่ที่เรียกว่าครูอาจารย์ เต็มอยู่ในความว่างกว้างและไกล ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน ครูคือผู้ชี้นำ�ทางความคิด เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน ชื่อบท “บนลานอโศก” ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร จากเล่ม คำ�หยาด ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อบท “ใครคือครู” จากเล่ม ตากรุ้งเรืองโพยม 32 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
หาดทรายนิ่มพิมพ์ใจใครคนหนึ่ง น้ำ�ตารินไหลพร่างอย่างเงียบเงียบ คนผู้ซึ่งแสนรักเธอหนักหนา มันเย็นเฉียบเหมือนเชือดให้เลือดไหล ทุกเม็ดทรายคือคำ�จำ�นรรจา ทั้งปวดลึกร้าวทั่วเนื้อหัวใจ หนักกว่าฟ้าหนากว่าน้ำ�ล้ำ�แผ่นดิน วันทำ�ไมจึงมืดยืดยาวนัก เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อบท “แม่พิมพ์ใจ” ชื่อบท “ในนามของความรัก” จากเล่ม คำ�หยาด จากเล่ม คำ�หยาด 33 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
อยากให้โลกหยุดลงที่ตรงนี้ เมื่อเขาหักอกเราต้องเศร้าโศก หยุดเวลานาทีที่ปรารถนา จงแก้โรคอกหักด้วยรักใหม่ อยากแหงนหน้ายิ้มรับกับฟากฟ้า จะกี่ครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไร เพื่อบอกว่า...วันนี้ฉันมีรัก เพราะความรักยิ่งใหญ่ในทุกครั้ง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อบท “ความรัก (๑)” ชื่อบท “อกหัก” จากเล่ม ให้เธอทั้งหมดเท่าที่มี จากเล่ม ไม่รู้เลยว่ารัก 34 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
35 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
36 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ความรัก ไม่ต้องการ แค่วันเดียว กลับมาหาเธออีก...ที่รัก ความรัก ไม่ต้องเกี่ยว กับวันไหน แม้เธอจักต้องการฉันหรือไม่ ความรัก ไม่ต้องมี เวลาใด มาด้วยความรักท้นล้นฤทัย ความรัก ไม่ต้องใช้ ให้ใครชี้ มาเพื่อให้โลกประจักษ์ว่ารักจริง ความรัก ไม่ต้องมี ข้อวิจารณ์ ประยอม ซองทอง ความรัก ไม่ต้องการ การกดขี่ ชื่อบท “ฟ้าหลังฝน” ความรัก ไม่ต้องให้ ใครตราตี จากเล่ม สุดสงวน ความรัก ไม่ต้องมี เส้นพรมแดน เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อบท “ความรัก” จากเล่ม อยากจะบอกว่ารักสักเท่าฟ้า 37 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ดอกไม้สวยรวยสีมีกลิ่นหอม ในโลกนี้มีสิ่งต้องวิ่งแข่ง ย่อมจักย้อมจิตระทดให้สดใส ถ้าหย่อนแรงราข้อต่อเข้าบ้าง เมื่อไม้สิ้นกลิ่นสีลงทีไร ก็จะแพ้แย่ยับถึงอับปาง จะดอมได้ก็แต่ช้ำ�ระกำ�กรม อย่าหมายร่างเราจะอยู่สู้หน้าใคร สายน้ำ�เหนือเมื่อบ่ามาหน้าน้ำ� ชีวิตเราเหมือนเรือเมื่อออกท่า ก็ชุ่มฉ่ำ�ชีพชื่นคลายขื่นขม ต้องรู้ว่าค่ำ�นี้นอนที่ไหน แต่น้ำ�กว้างกลางทะเลทั้งคลื่นลม ต่อรุ่งเช้าก้าวอีกขั้นมรรคาลัย รักจะชมมักจะช้ำ�ระกำ�ทรวง กว่าวันชัยสมประสงค์ถือธงชู ประยอม ซองทอง ประยอม ซองทอง ชื่อบท “หนังสือ- ดอกไม้- สายน้ำ�-ความรัก” ชื่อบท “ชีวิต..ถ้าเหมือนเรือ” จากเล่ม สุดสงวน จากเล่ม สุดสงวน 38 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ที่รักดาวพรางพร่างกลางฟ้ากว้าง อันอำ�นาจใดใดในโลกนี้ เพราะเหมือนต่างเทียนทองส่องทางฝัน ไม่เห็นมีเปรียบปานการศึกษา ที่รักฟ้าคราแจ้งแสงตะวัน สร้างคนหาค่ามิได้ในโลกา เพราะแสงนั้นเน้นหวังให้ยั่งยืน ขึ้นจากผู้ที่หาค่าไม่มี ที่รักน้ำ�กว้างไกลสุดสายเนตร ม.ล.ปิ่น มาลากุล เพราะเป็นเหตุชุบกมลให้ชนม์ชื่น หลากหลายบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล ที่รักสีมืดหมองของกลางคืน จาก Permalink : เพราะช่วยกลืนทุกข์ใจได้ชั่วยาม http://www.oknation.net/blog/mettapc ประยอม ซองทอง ชื่อบท “เหตุที่รัก” จากเล่ม สุดสงวน 39 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
“...ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้ กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น ทั้งคนมีคนจนแต่ต้นมา ดอกออกคราวไร งามเด่น ใช้ภาษาไทยทั่วทุกตัวตน งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม เด็กตะโกนกึกก้องร้องเรียกแม่ เริ่มใช้คําไทยแท้มาแต่ต้น ม.ล.ปิ่น มาลากุล ไม่มีต่างภาษามาปะปน หลากหลายบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล ทุกทุกคนก็สุขสบายใจ จาก Permalink : ม.ล.ปิ่น มาลากุล http://www.oknation.net/blog/mettapc หลากหลายบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล จาก Permalink : http://www.oknation.net/blog/mettapc 40 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ชาติยืนยงคงอยู่เพราะครูดี เพื่อจะกินเรื่อยไปไม่ต้องอด สำ�คัญนักหน้าที่เรามีอยู่ เพื่อปรากฏ “เกียรติ” อยู่ชูศักดิ์ศรี งานก่อสร้างห้างหอยากพอดู เพื่อสุขในทาง “กาม” คงความมี แต่งานครูยากยิ่งกว่าสิ่งใด จึงผลที่สุดนั้นมันก็ “โกง” ม.ล.ปิ่น มาลากุล ปิยพันธ์ จัมปาสุต หลากหลายบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล ชื่อบท “มัน” จาก Permalink : จากเล่ม เงาสะท้อน http://www.oknation.net/blog/mettapc 41 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ความมืดระหว่างดาวต่อดาวนั้น ริ้วขบวนเหยียดยาวแห่งสาวหนุ่ม เมื่อถูกแรงแสงตะวันมันก็หนี เสื้อครุยคลุมสวมร่างอย่างเหมาะสม แต่ความมืดระหว่างใจนั้นไม่มี เคลื่อนสู่เกลียวคลื่นคลั่งของสังคม หนทางที่ขับไล่มันได้เลย แล้วก็จมทีละคน...ทีละคน ปิยพันธ์ จัมปาสุต ปิยพันธ์ จัมปาสุต ชื่อบท “ความมืดระหว่างดาว” ชื่อบท “จุดจบของปริญญาชน” จากเล่ม เงาสะท้อน จากเล่ม เงาสะท้อน 42 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
นักเดินเรือต้องมุ่งทะเลหลวง ครั้งกระโน้นนานแล้ว ครั้งนั้น เกียรติภูมิทั้งปวงจึงเจิดจ้า ใครขานคำ�กัน-จะฝ่าข้าม เมื่อผ่านลมคลื่นผ่านกาลเวลา ร้อยผาพันภูจะเต้าตาม ต้องพบเห็นนกฟ้า-อย่างแน่นอน ฯ ทางทอดอันวาววามวะวาววาว พนม นันทพฤกษ์ จะเป็นนกบี่เบ --แม้เหว่ว้า ชื่อบท “นักเดินเรือ” จะจิตใจหาญกล้า – จะแกร่งกร้าว จากเล่ม ทะล ป่าภู และเพิงพัก แม้ทางทึบจักยืดระยะยาว ใครกันบอกว่า-จะก้าว จะฝ่าไป—ฯ พนม นันทพฤกษ์ ชื่อบท “ตำ�นานนกพญาไฟ” จากเล่ม ทะล ป่าภู และเพิงพัก 43 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ณ ที่ใดดวงใจไม่ไหวหวั่น ความมืดหว่างเดือนดาวพราวเวหาส ขอฝ่าฟันอุปสรรคและขวากหนาม ธรรมชาติสร้างสรรค์บันดาลให้ ถึงสิ้นชาติวาสนาชะตาทราม แต่จุดมืดอยู่หว่างกลางหทัย จะฝากนามโลกให้รู้กูก็ชาย เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์จุดมันเอง พนมเทียน พิบูลย์ชัย พันธุลี ชื่อบท “บทนำ� เล่ม ๑ (ไพรมหากาฬ)” ชื่อบท “จุดมืด” จากเล่ม เพชรพระอุมา จากเล่ม นิล 44 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
45 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
46 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
อันความจริง “ของกู” มิได้มี หมู่นกจ้อง มองเท่าไร ไม่เห็นฟ้า แต่พอเผลอ “ของกู” มี ขึ้นจนได้ ถึงฝูงปลา ก็ไม่เห็น น้ำ�เย็นใส พอหายเผลอ “ของกู” ก็หายไป ไส้เดือนมอง ไม่เห็นดิน ที่กินไป หมด “ของกู” เสียได้ เป็นเรื่องดี หนอนก็ไม่ มองเห็นคูถ ที่ดูดกิน สหายเอ๋ย จงถอน ซึ่ง “ของกู” คนทั่วไป ก็ไม่ มองเห็นโลก และถอนทั้ง “ของสู” อย่างเต็มที่ ต้องทุกข์โศก หงุดหงิด อยู่นิจสิน ของเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ทุกนาที ส่วนชาวพุทธ ประยุกต์ธรรม ตามระบิล เพราะไม่มีของใครที่ไหนเอย ? เห็นหมดสิ้น ทุกสิ่ง ตามจริงเอย พุทธทาส อินทปัญโญ พุทธทาส อินทปัญโญ ชื่อบท “ของกู-ของสู” ชื่อบท “ตาบอด-ตาดี” จากเล่ม คำ�กลอนสอนธรรม จากเล่ม คำ�กลอนสอนธรรม 47 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา เดือนต่ำ�ดาวตกนกร้องไห้ จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่ ไร้ซึ่งสรรพเสียงสำ�เนียงใด เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู ไม่มีแม้ความเคลื่อนไหวของสายลม ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย ต้นมะขามสนามหลวงง่วงหงอย จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว หญ้าแพรกมดตะนอยนิ่งก้ม อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย แลฟ้าเห็นฟ้าผะอืดผะอม เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย ภูเขาทองท่านก็ซมเหมือนฟกช้ำ� ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง ไพบูลย์ วงษ์เทศ พุทธทาส อินทปัญโญ ชื่อบท “ไม่มีเสียงลมหายใจ” ชื่อบท “มองแต่แง่ดีเถิด” จากเล่ม หมายเหตุร่วมสมัย จากเล่ม คำ�กลอนสอนธรรม 48 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
แม่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตั้งใจนัก ต้นนทีที่แคว้นใกล้แดนสรวง เรี่ยวแรงรักแม่ใช้เพื่อใฝ่ฝัน ไศลหลวงแลเลื่อมเงื้อมเวหา อีกสาวไหมด้วยมือซื่อสัตย์นั้น ชนขนานนามคีรินทร์ “จินตนา” ทั้งทอมันละเมียดละไมใช้เวลา หลั่งธารมาชุบชนบนแดนดิน สื่อวิญญาณผ่านมือสู่เส้นไหม เหนือบรรพตสดใสน่าใหลหลง ถักเส้นใยแต่ละเส้นเป็นเนื้อผ้า กวีสรงสนานในธารศิลป์ ตีนที่ใช้กระตุกกี่คือชีวา โปรยสุคนธ์ปนมาในวาริน มือที่คว้ากระสวยวาดคือชีวิต อบอวลกลิ่นหอมกรุ่นถึงรุ่นเรา ไพวรินทร์ ขาวงาม มะเนาะ ยูเด็น ชื่อบท “ไหมแท้ที่แม่ทอ” ชื่อบท “ธารศิลป์” จากเล่ม ม้าก้านกล้วย จากเล่ม ธารทอง 49 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
คือน้ำ�ผึ้ง คือน้ำ�ตา คือยาพิษ ตื่นเถิดเสรีชน คือหยาดน้ำ�อมฤตอันชื่นชุ่ม อย่ายอมทนก้มหน้าฝืน คือเกสรดอกไม้คือไฟรุม หอกดาบกระบอกปืน คือความกลุ้มคือความฝัน นั่นแหละรัก หรือทนคลื่นกระแสเรา รยงค์ เวนุรักษ์ รวี โดมพระจันทร์ จากเล่ม รวมเรื่องสั้น กระดังงากลีบไหน ชื่อบท “ตื่นเถิดเสรีชน” จากเล่ม ตื่นเถิดเสรีชน 50 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
Search