Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ่านสร้างสุข 7 สู่รุ่งอรุณของหนังสือโรงเรียน

อ่านสร้างสุข 7 สู่รุ่งอรุณของหนังสือโรงเรียน

Description: อ่านสร้างสุข 7 สู่รุ่งอรุณของหนังสือโรงเรียน

Search

Read the Text Version

• เมอ่ื การศกึ ษาขยายออกไป จงึ มพี ระราชดำรทิ จ่ี ะแยกการจดั การศกึ ษาออก จากกรมทหารมหาดเลก็ โปรดเกล้าฯ ให้ตง้ั กรมธรรมการขนึ้ เป็นกระทรวง นับแต่ น้นั มาการศกึ ษาของไทยก็ขยายออกไปส่รู าษฎรอย่างแทจ้ รงิ • ในชว่ งปี พ.ศ. ๒๔๓๐ - ๒๔๗๐ หนงั สอื สำหรับเดก็ ของไทยมวี ิวฒั นาการไป อยา่ งรวดเรว็ มาก เนื่องจากการเปลย่ี นแปลงทางการศกึ ษา • ด้านบันเทิงคดีของไทยน้ัน แต่เดิมเขียนเป็นร้อยกรองโดยได้เค้าเร่ืองจาก ชาดกและนิทานพ้ืนเมือง บันเทิงคดีร้อยแก้วในระยะแรกส่วนใหญ่แปลจากภาษา อังกฤษโดยตรง ต่อมาจึงใช้เพียงโครงเร่ืองและดัดแปลงตัวละครและฉากให้เป็น ไทย เมอื่ มีการเปล่ยี นแปลงประเทศตามแบบตะวนั ตกในสมัยรัชกาลท ี่ ๕ เจ้านาย และข้าราชการได้ไปศึกษาวิชาการในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษมี เป็นจำนวนมาก บุคคลเหล่านี้ได้ถ่ายทอดบันเทิงคดีของตะวันตกเป็นภาษา ร้อยแก้ว แตเ่ ป็นทีน่ ิยมอา่ นเฉพาะในหมู่ผู้มกี ารศกึ ษาดีและในวงสงั คมช้ันสงู ส่วน ชาวบ้านยังนิยมอา่ นกลอนอย่ ู • มีการประกวดหนังสือสำหรับเด็ก คือ การประกวดหนงั สือแสดงพระพุทธ ศาสนาสำหรบั สอนเดก็ ตามพระราชดำรขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๗) ดำเนินการโดยราชบณั ฑติ ยสถาน ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๔๗๑ เปน็ ตน้ มา  | กำเนดิ หนงั สือเดก็ ของไทยสรู่ งุ่ อรณุ ของหนังสอื โรงเรียน

เปน็ การประกวดแตง่ หนงั สอื เพอื่ รบั พระราชทานรางวลั และพมิ พพ์ ระราชทานในงาน พระราชพธิ ที รงบำเพญ็ กศุ ลวสิ าขบชู า หนงั สอื ทไ่ี ดร้ บั รางวลั ในปแี รกคอื พทุ ธมามกะ แตง่ โดยสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระวชริ ญาณวโรรส และในปตี อ่ มา (๒๔๗๒) เรอ่ื งทไ่ี ด้รับรางวัลคือเรอื่ ง ศาสนคณุ แตง่ โดย ม.จ. หญิงพนู พิศสมัย ดิศกุล • เมื่อความเร่งด่วนในการผลิตตำราของกระทรวงศึกษาธิการเร่ิมลดลง ประกอบกับตลาดหนังสือหันไปสนใจนวนิยายสำหรับผู้ใหญ่ เร่ิมต้ังแต่ป ี พ.ศ. ๒๔๗๒ เปน็ ตน้ มา เป็นเหตุให้หนงั สอื เดก็ ออกส่ตู ลาดน้อยลง • ผลงานของกระทรวงศึกษาธิการในระยะหลังของยุคน้ีก็คือหนังสือชุด นทิ านปญั ญาสชาดก เมอ่ื ป ี พ.ศ. ๒๔๗๔ เปน็ เรอ่ื งจากชาดกทนี่ ำมาเขยี นใหง้ า่ ยขนึ้ สำหรบั เด็ก • ในสมัยรัชกาลท ่ี ๗ การศึกษาของชาวไทยขยายตัวมากยิ่งขึ้น จำนวน ผู้อ่านออกเขียนได้มีมากขึ้นตามลำดับ แต่ผู้มีอาชีพในทางการเขียนหนังสือยังมี ฐานะไม่สู้ดีนัก จนได้ช่ือว่า “นักประพันธ์ไส้แห้ง” หนังสือพิมพ์รายวันมีภาค บันเทงิ คดมี ากขน้ึ มีนิยายแปลหรือทำเสมือนแปลจากภาษาจนี นวนยิ ายแปลจาก ภาษาอังกฤษ ซึง่ มีทั้งเรือ่ งอิงพงศาวดารและอน่ื ๆ

“มีความมงั่ คั่งอยู่ในหนังสือมากกวา่ สมบัติโจรสลัดท้ังหมด “ วอลท์ ดิสนีย์ นักสรา้ งสรรค์การ์ตูนระดับโลก

รุง่ อรุณของหนังสือโรงเรียน : เพาะนกั อ่าน หว่านเมล็ดพนั ธ ุ “นักเขยี น” สบู่ รรณพภิ พ

ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในยุคเริ่มต้นการศึกษาแผนใหม่ในประเทศไทย ซ่ึง นับเป็นบทบาทท่ีสำคัญมากในการส่งเสริมอ่านและการเขียนของเยาวชน คือการ ผลิตหนังสือหรือนิตยสารข้ึนเพื่อเด็กนักเรียนของโรงเรียนต่างๆ และบ้างก็เพ่ือ ผู้อ่านนอกโรงเรยี นดว้ ย โดยดำเนินการขึน้ ภายในโรงเรยี น เริ่มจากคณะครูมิชชันนารีอเมริกันของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย (เดิมชื่อ โรงเรียนกลุ สตรวี ังหลัง) จัดทำ จดหมายเหตแุ สงอรุณ (๒๔๓๕) เปน็ หนังสอื พิมพ์ นักเรียนท่ีกำหนดออกเป็นรายเดือน จัดว่าเป็นนิตยสารฉบับแรกสำหรับเด็กท่ีเกิด ขึ้นในโรงเรียนเล่มแรก และเป็นแนวทางให้มีนิตยสารเกิดขึ้นในโรงเรียนอื่นๆ อีก ในเวลาต่อมา ไดแ้ ก่ - กมุ ารวทิ ยา (๒๔๓๘) ของโรงเรียนราชกุมาร - กลุ สัตรี (๒๔๔๙) ของมหามกุฎราชวิทยาลัย - สตรีพจน์ (๒๔๕๖) ต่อมาเปล่ยี นชอ่ื เปน็ ราชนิ บี ำรงุ (๒๔๗๐) ของโรงเรยี นราชนิ ี - อสั สัมชัญอุโฆษสมยั (๒๔๕๗) ของโรงเรยี นอสั สัมชัญ - สวนกหุ ลาบวทิ ยา (๒๔๖๕) ของโรงเรียนสวนกหุ ลาบ - แถลงการศึกษาเทพศริ นิ ทร์ (๒๔๖๕) ของโรงเรยี นเทพศิรนิ ทร ์ - เบญจมานสุ าสน์ (๒๔๖๗) ของโรงเรยี นเบญจมบพิตร - คอลเลซ์นวิ ส์ (๒๔๖๗) ของโรงเรยี นกรงุ เทพคริสเตียนวิทยาลยั  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ งุ่ อรณุ ของหนงั สอื โรงเรยี น

- ปรินสร์ อยแยล (๒๔๗๐) ของโรงเรียนปรนิ ส์รอยแยลส์ มณฑลพายพั (เชยี งใหม่) - ยุพราชวทิ ยา (๒๔๗๑) ของโรงเรียนยพุ ราชวทิ ยาลัย มณฑลพายัพ (เชียงใหม)่ ฯลฯ หนังสือรายคาบ หรือท่ีในสมัยต่อมาเรียกว่า “นิตยสาร” ของโรงเรียน ตา่ งๆ ในยคุ สมัยกว่ารอ้ ยปมี าแลว้ ก่อนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองสรู่ ะบอบ ประชาธิปไตย คือเกลียวคลื่นที่มีบทบาทต่อสายธารพัฒนาการของวงการหนังสือ ของไทย หนังสือของโรงเรียนหลายฉบับ คือขุมพลังในการสร้างนักอ่านท่ีมีคุณภาพ ให้สังคม และยังเป็น “เวที” สร้างนักเขียนให้ได้ก้าวเดินออกไปสู่ถนนสายบรรณ พิภพ และกลายเป็นนักเขยี นแถวหนา้ ของประเทศในกาลตอ่ มา อย่างน้อยที่สุด นิตยสารโรงเรียนดังต่อไปน้ี ได้ทำแล้วซ่ึงคุณูปการท่ีเรียก ไดว้ า่ เปน็ “best practice” ของยคุ สมยั นนั้ กว็ า่ ได ้ หากแตโ่ รงเรยี นใดจะนำมาเปน็ “ตน้ แบบ” อยา่ งนอ้ ยกน็ กั เรยี นหรอื เดก็ และเยาวชนนน่ั แหละจะไดร้ บั คณุ านปุ ระโยชน ์

จดหมายเหตุแสงอรุณ : แสงแ รกแหง่ อรุณของนิตยสารเพ่ือเด็ก จดหมายเหตุแสงอรุณ หรือชื่อเต็มว่า DAYBREAK จดหมายเหตุ แสงอรุณ เป็นนิตยสารที่จัดทำขึ้นในโรงเรียนฉบับแรก โดยคณะครูของโรงเรียน วฒั นาวิทยาลัย (เดมิ ชอื่ โรงเรยี นกลุ สตรีวงั หลัง) ออกเป็นรายเดือน เร่มิ ฉบบั แรก เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๓๕ (ร.ศ. ๑๑๐) ริเรม่ิ โดย ศาสนทูต จอหน์ เอ. เอกิน (John A. Eakin) มชิ ชันนารคี ณะเพรสไบทีเรียน และทำหน้าทเี่ ปน็ บรรณาธกิ าร ในระยะแรก จดหมายเหตุแสงอรุณ ออกถึง เดือนเมษายน ๒๔๔๖ (ร.ศ. ๑๒๑) แล้ว หยดุ ไปชว่ั คราว จากนั้นได้ออกใหมอ่ ีก ครั้งในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๐ (ร.ศ. ๑๒๕) ต่อมาใช้ช่ือบนปกวา่ แมค เอซิน วัฒนาวิทยา (แต่ยังมีคำว่า “จดหมายเหตุแสงอรุณ” เป็นอักษรตัว เล็กบนปก) จัดทำถึงปีท่ี ๓๕ (ไม่นับ ช่วงที่หยุดไปประมาณ ๓ ปี) เม่ือเร่ิม  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ ุ่งอรณุ ของหนังสอื โรงเรยี น

ปีท ี่ ๓๖ (พ.ศ. ๒๔๗๓) เป็นต้นมา ได้เปล่ียนชื่อนิตยสารเป็น วัฒนาวิทยาลัย ออกเปน็ รายเดอื น ถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เปลี่ยนเปน็ ราย ๓ เดอื น ครน้ั พ.ศ. ๒๔๙๒ ก็เปลย่ี นรูปแบบไปเปน็ รายปี กลายเป็นหนงั สอื อนสุ รณป์ ระจำรุ่นของนกั เรียนทีจ่ บ หลักสตู รในแต่ละปไี ป จดหมายเหตุแสงอรุณ แม้จะเป็นนิตยสารที่จัดทำข้ึนในโรงเรียน ทว่ามุ่ง กลมุ่ เปา้ หมายเพ่ือผูอ้ ่านทั่วไป ความมุ่งหมายในการจดั ทำนั้น บรรณาธกิ าร (เจ. เอ. เอก ิน) ได้แจง้ ไวใ้ นฉบบั แรกดงั นี้ ข้าพเจ้าเอดิเตอร์ ได้คิดจัดแจงเรื่องราวซึ่งจะนำมาลงในหนังสือ จดหมายเหตุแสงอรุณนี้ คัดเลือกหาเรื่องท่ีพอจะเปนคติบ้าง กับเร่ือง ในคริสศาสนาบ้าง เปนข่าวความสำคัญท่ีต่างประเทศบ้าง และ ธรรมเนียมบา้ นเมอื งที่ผิดกนั กบั ธรรมเนียมเมอื งสยามนี้ กับเหตกุ ารณ์ อนั แปลกปลาด ซึง่ มีอยตู่ ามประเทศอื่นๆ กับวิชาการต่างๆ คอื เร่ือง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ วชิ าไฟฟÑา ลม อากาศ และจะมีคำส่งั สอน เตือนสติให้รู้จักลักษณะการประพƒษติ์ พอจะรักษาตัวให้พ้นจากโรค ไภยตา่ งๆ ให้มคี วามสขุ สบายจำเรญิ มากข้ึนจรงิ แท้ และเรอื่ งเปนคณุ เปนประโยชน์ ซงึ่ จะไดน้ ำมาลงในจดหมายเหตนุ ก้ี ย็ ังมีอย่อู ีกมาก จะ คดิ ให้สมควรกันกบั ท่านผ้เู สยี ทรัพย์ท่ปี ระสงค์หาความรู้ เหตุการณอ์ นั ดี มาเปนเครอ่ื งสำหรบั ที่ชว่ ยตกแต่งสตปิ ญั ญาใหไ้ พโรจนย์ ่งิ ข้ึน

ข้าพเจา้ คดิ จะมรี ปู ภาพพมิ พ์ลงในจดหมายเหตนุ ด้ี ้วย แต่การนน้ั ยงั ไม่ สำเรจ็ จะตอ้ งขอทุเลาไวก้ ่อน ต่อภายหลังจงึ จะมีรปู ภาพ คือรปู สัตว์ ต่างๆ อันแปลกปลาดท่ีมิได้มีอยู่ในเมืองน้ี มีอยู่แต่ตามประเทศอ่ืนๆ นัน้ อน่ึง หนังสือจดหมายเหตุแสงอรุณนี้เปนคราวแรกออก ซึ่งออกแต่ เพียงเดือนละคร้ังหน่ึงก่อน ถ้าเห็นว่าการน้ีจำเริญดีขึ้น ต่อภายหลัง จึ่งจะได้ออกเดือนละสองครั้ง ซึง่ ข้าพเจ้าไดค้ ิดการน้ีข้นึ ทีม่ ิได้หวังผล ประโยชน์กำไรในการน้ีไม่ คิดแต่จะให้ส่ิงซึ่งเปนคุณเปนประโยชน์แก่ ท่านทั้งปวง เพราะดังน้ัน จึ่งมิได้คิดราคาให้มากเหลือเกิน คิดราคา เพียงปลี ะบาทหนงึ่ แต่พอช่วยเสยี คา่ กระดาษคา่ พิมพ์เทา่ น้ัน ถา้ ท่าน ผู้ใดท่ีอยใู่ นแขวงกรงุ เทพฯ จะต้องการหนงั สอื จดหมายเหตแุ สงอรุณนี้ ตงั้ แตส่ บิ แผน่ ขน้ึ ไป กจ็ ะไมค่ ดิ เอาคา่ แสตมปด์ ว้ ย จะใหค้ นนำหนงั สอื นี้ ไปสง่ จนถึงบา้ นแห่งท่าน ข้าพเจ้าขอให้ท่านท้ังปวงผู้ท่ีได้รับจดหมายเหตุแสงอรุณตั้งแต่คราว แรกน้ี จะไดโ้ ปรดชว่ ยปา่ วประกาศใหแ้ กค่ นทง้ั ปวงทไ่ี มท่ ราบการนดี้ ว้ ย เพ่อื จะให้แสงอรณุ น้ีแผไ่ ปท่ัวตลอด ส่องสว่างไปทุกแหง่ ทุกตำบล (จดหมายเหตุแสงอรณุ : มกราคม ร.ศ. ๑๑๐)  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ ุ่งอรณุ ของหนงั สือโรงเรยี น

มีประจักษ์หลักฐานการเปิดให้นิตยสารเล่มนี้เป็น “พ้ืนท่ี” ของการเขียน ดงั ปรา กฏใน “คำนำของเอดเิ ตอร”์ ในฉบับเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๐ ขา้ พเจา้ ตงั้ ใจวา่ ครง้ั นจ้ี ะอสุ า่ หจ์ ดั การใหด้ กี วา่ แตก่ อ่ น เชน่ จะใหม้ เี รอื่ ง ตา่ งๆ มากขนึ้ ทง้ั เปน็ เรอ่ื งทดี่ มี ปี ระโยชนท์ ง้ั นน้ั และจะพมิ พแ์ สงอรณุ ให้เป็นเลม่ ใหญก่ วา่ แตก่ ่อนด้วย ครั้งน้ีตามท่ีได้ตกลงกัน ข้าพเจ้าและพวกครูอเมริกันจะเป็นผู้จัดหา เรื่องต่างๆ แล้วจะมีผู้ช่วยซึ่งเป็นชาวสยามเรียบเรียงตามสำนวน โวหารแห่งภาษาชาวสยาม เพ่ือให้ท่านทั้งหลายผู้รับแสงอรุณได้อ่าน โดยความพอใจสบาย ข้าพเจ้าตั้งใจจะสืบค้นเรื่องต่างๆ จากนอก ประเทศบา้ ง ในประเทศบา้ ง กบั ท้งั จะมผี ู้ส่งขา่ วในหัวเมืองต่างๆ ใน กรุงสยามนี้ ส่งข่าวมารวมกันในหนังสือพิมพ์แสงอรุณทุกๆ เดือนไป และเรือ่ งตา่ งๆ นั้นจะเปน็ เรื่องมคี ุณประโยชนแ์ ละเป็นเรอ่ื งสำคญั ควร อ่านควรทราบ เพ่ือความพอใจของท่านท้ังหลายท่ีมิเสียเงินเปล่าใน การรบั แสงอรณุ ข้าพเจ้าขอแจ้งความต่อท่านท้ังหลายเป็นพิเศษว่า แม้ท่านผู้หนึ่งผู้ใด มีโอกาสแต่งเร่ืองต่างๆ ท่ีมีประโยชน์แก่บ้านเมืองก็ดี แก่บุคคลก็ดี 9

เป็นเรื่องน่าฟังก็ดี ส่งมายังข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะลงพิมพ์ให้เสมอ เมอ่ื เหน็ สมควร และเมอ่ื สน้ิ ปหี นง่ึ ๆ ทา่ นผใู้ ดไดฝ้ ากเรอื่ งมคี ณุ ประโยชน์ มาลงพิมพ์มากกว่าเพอ่ื นแล้ว จะได้รับรางวัลเปน็ ที่ระฦกของแสงอรุณ ในการที่ท่านส่งมานี้ แม้ท่านผู้หน่ึงผู้ใดไม่ได้รับรางวัลก็ดี ท่านยังได้ รับความขอบใจอันสงู สุดของแสงอรุณ... (จดหมายเหตแุ สงอรณุ : เมษายน ร.ศ. ๑๒๕) เน้ือหาในช่วงแรกแบ่งเป็น ๗ หมวด คือ กิจการแห่งโลกทั่วไป (ข่าวใน ประเทศและต่างประเทศ) ธรรมจริยา วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ ประวัติบุคคล สำคญั ในโลก ข่าวสามัญและข่าวพเิ ศษตา่ งๆ (ขา่ วโรงเรยี น) และเรื่องขำขัน ตอ่ มาเมอ่ื แหมม่ โคล์ (Miss Edna S. Cole) เปน็ ครใู หญข่ องโรงเรยี นและเปน็ บรรณาธกิ าร ไดป้ รับปรุงขนาดรปู เล่มและเนื้อหา ประกอบดว้ ย ข่าวตา่ งประเทศ วิทยาศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เยาวชนของประเทศตา่ งๆ คตนิ ิทาน และมีคอลัมน์ กิจสำหรับสตรีเป็นคอลัมน์ประจำ ลงนวนิยายเร่ืองยาวและเรื่องน่ารู้สำหรับสตรี นอกจากนกี้ ็เรม่ิ ลงภาพประกอบ  | กำเนดิ หนงั สือเดก็ ของไทยสูร่ งุ่ อรณุ ของหนงั สอื โรงเรยี น

เมื่อเปลี่ยนมาเป็น “วัฒนาวิทยา” ตามชื่อโรงเรียนในป ี ๒๔๗๓ ได้ระบุ วัตถุประสงค์ไว้ว่า “เพื่ออุปการะแก่ผู้ที่ใฝ่ใจในจริยศึกษา ท้ังเป็นคติสำหรับพ่อ บ้านแม่เรือน อันเป็นทางนำมาซึ่งความรู้รอบตัว มีสุขวิทยาอนามัย และกิจ สำหรบั สตรีเป็นอาทิ” (วฒั นาวิทยา : เมษายน ๒๔๗๓) ครนั้ เมื่อออกเป็นราย ๓ เดือน ในป ี ๒๔๗๕ เปน็ ต้นมา (ออกปีละ ๔ ฉบบั คือ เดือนมิถุนายน กันยายน ธันวาคม และมีนาคม) มีนางสาวเกื้อ ศาลิคุปต ์ เป็นบรรณาธิการ เนอ้ื หาประกอบด้วย เรอื่ งท่ใี ห้ความร ู้ คตสิ อนใจ ความบนั เทิง คำประพันธ์ประเภทโคลง กลอน คอลัมน์ข่าวโรงเรียน และคอลัมน์ท่ีเปิดโอกาส ให้นักเรียนผู้มีใจรักในด้านการประพันธ์เขียนส่งมา นับได้ว่านิตยสารเล่มน้ีได้ทำ หน้าทเ่ี ปน็ สนามของนกั เรียน ดังขอ้ ความตอนหนงึ่ ในคอลมั น์บรรณาธิการแถลง ...หนังสือวัฒนาวิทยาของเรานี้ เปรียบเหมือนบันไดคั่นแรกของการ เขียนหนังสือ จะให้ดีเย่ียมทีเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้ คงต้องมีท่ีผิดบ้าง แต่ผิดเช่นนั้น ท่านเรียกว่าผิดเป็นครู ซึ่งเป็นช่องทางท่ีจะให้เราใช้ ความพยายามยง่ิ ๆ ข้นึ ประเทศของเรายงั ต้องการคนท่เี ขียนหนงั สอื ดีๆ สำหรับแตง่ ตำรบั ตำราตา่ งๆ อกี มาก ขอให้นกั เรยี นมีความเพยี ร ฝกñ หดั เขียนเรอื่ งสง่ มาเถิด... (วัฒนาวิทยา : กันยายน ๒๔๗๕)

ทา่ นผหู้ นง่ึ ไดพ้ ดู โทรศพั ทไ์ ปเชญิ หมอยามาใหต้ รวจบตุ รเ์ ลก็ ๆ ของหลอ่ นโดย ความกระวนกระวายใจเปนอนั มาก เมอ่ื หมอไดฟ้ งั ดงั นนั้ กถ็ ามวา่ “บตุ รข์ องแมเ่ ปนอะไรจะ้ ?” ทา่ นผหู้ ญงิ นนั้ ตอบวา่ “เขากลนื หมกึ เขา้ ไปทงั้ กระปกุ แนจ่ ะ้ ” ทา่ นหมอจงึ ถามตอ่ ไปวา่ “แลว้ แมแ่ กไ้ ขอยา่ งไรหรอื เปลา่ จะä ?” หล่อนตอบว่า “ฉันก็แก้ไขบ้างเหมือนกันละจ้ะ คือฉันให้เขารับประทาน กระดาษซบั เขา้ ไปสามแผน่ จะ้ ” จดหมายเหตแุ สงอรณุ พƒษภาคม ๒๔๕๑ อยา่ งมหางา่ ย “นแี่ กอา้ งวา่ แกเปนคนชา่ งแตง่ หนงั สอื หรอื ?” “ขอรบั ผมแตง่ หนงั สอื ชอื่ “วธิ ตี า่ งๆ สำหรบั หาเงนิ เลย้ี งชพี ” “ “ยงั งน้ั ยงั ตอ้ งมาเทยี่ วขอทานอกี ” “กน็ เ่ี ปนวธิ หี นง่ึ อยา่ งไรเลา่ ขอรบั ” จดหมายเหตแุ สงอรณุ กรกฎาคม ๒๔๕๖  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ ่งุ อรณุ ของหนังสอื โรงเรียน

ความคดิ ทเี่ หมาะ มารดา “หน ู กระตา่ ยของเจา้ นะ เอาใหเ้ ดก็ คนนน้ั เสยี ไมด่ หี รอื สงสารมนั เปน็ ลกู กำพรา้ พอ่ กไ็ มม่ ”ี บตุ ร ์ (กอดกระตา่ ยไวแ้ นน่ ) “แมจ่ าã เอาพอ่ ใหเ้ ขาไปแทนกระตา่ ยไมไ่ ดห้ รอื ?” จดหมายเหตแุ สงอรณุ กรกฎาคม ๒๔๕๖ เยนเตอลแมนผหู้ นง่ึ ไปรบั ประทานอาหารในโฮเตล็ แหง่ หนง่ึ นงั่ คอยอยชู่ วั่ โมง เตม็ ๆ ได้ของรับประทานแต่สองส่ิง พอเจา้ บãอยเดนิ เขา้ มา ก็ว่าขนึ้ กับมันว่า “ขอ สลดั มะเขอื เทศ” บอã ย “ไดข้ อรบั ” เยนเตอลแมน “น ี่ ในเวลาที่ไปเอากับข้าว เอ็งต้องเขียนโปสคäาดมาส่งข่าว คราวบา้ งนะ” จดหมายเหตแุ สงอรณุ กรกฎาคม ๒๔๕๖ จดหมายเหตุแสงอรุณ ของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย นับเป็นนิตยสาร โรงเรยี นฉบบั แรกทใ่ี หแ้ นวทางในการจดั ทำนติ ยสารของโรงเรยี นอนื่ ๆ ในระยะตอ่ มา

กุลสัต รี : ปฐมฤกษเ์ พือ่ โรงเรียนสตรีและนักเรียนสตรี กลุ สตั รี นติ ยสารของมหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั กำหนดออกเปน็ รายเดอื น เรมิ่ ออก เมอ่ื เดอื นเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๙ มหี ลวงจนั ทรามาตยเ์ ปน็ บรรณาธกิ าร จดุ มงุ่ หมาย ของการออกนิตยสารฉบับน้ี ก็เพื่อสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนักเรียน นับเป็น นติ ยสา รเพอ่ื นกั เรยี นสตรฉี บบั แรกของไทย ดงั บรรณาธกิ ารแจง้ ไวใ้ นคำนำฉบบั แรก เวลาน้ีสังเกตดูหนังสือไทยได้เจริญข้ึนโดยรวดเร็ว ผิดกว่าเวลาที่ล่วง เลยมาแล้วสองสามปีเป็นอันมาก กระทรวงธรรมการได้จัดการก้าว  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ งุ่ อรณุ ของหนงั สอื โรงเรียน

ออกไปเสมอโดยไดจ้ ดั ตั้งโรงเรยี นแผต่ ลอดไปตามหวั เมอื ง เปน็ วธิ อี นั ดี ที่จัดเอาวดั เป็นโรงเรียน และเลอื กพระเป็นผูอ้ ปุ การะและปกครองเป็น ขั้นๆ ต้ังแต่ส่วนน้อยตลอดไปถึงส่วนใหญ่ ...เมื่อประชาชนได้เห็นผล ของการเล่าเรียนเจริญขึ้นดังน้ีแล้ว ต่างก็พากันออกหนังสือพิมพ์ ตา่ งๆ เพอ่ื เปนการอดุ หนนุ เปîดเผยความสว่างแหง่ วชิ าใหก้ ระจายออก ทั่วไป แต่หนังสือพิมพ์เหล่านั้นล้วนเป็นหนังสือสำหรับชายส่วนเดียว ยังหาสมควรแก่เวลาไม่ เพราะบัดนี้โรงเรียนสำหรับสตรีก็ได้ผุดแทรก ขึ้นโดยรวดเร็วเหมือนกัน แม้ถึงกรมศึกษาจะยังไม่จ้องตามองดูใน เวลาน้ีมากนัก ก็คงจะผุดทวีขึ้นตามธรรมดาแห่งความนิยม เพราะ ประชาชนได้เห็นผลเปนพยานในการอันน้ีมากขึ้นแล้ว การก้าวหน้า ของโรงเรยี นสตรีก็คงรกุ รบั มากข้นึ ตามลำดบั เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงคิดพิมพ์หนังสือสำหรับสตรีขึ้นอีกอย่างหนึ่ง โดยความอุดหนุนของหญิงนักเรียนท้ังหลาย ให้ชื่อหนังสือนี้ว่า “กุล สัตรี” หมายความว่า หญิงผู้ดีหรือหญิงผู้มีตระกูลดี คือหญิงสุภาพ จะออกเปนรายเดอื นๆ ละครงั้ ตามกำลังทีค่ าดว่าพอจะทำได้ แตถ่ า้ มีผูอ้ ดุ หนนุ รับซ้ือพอ... (กลุ สัตรี : เมษายน ๒๔๔˘)

เน้ือหาท่ีนำมาลงนั้นไม่จำกัด ส่วนใหญ่เป็นเร่ืองอ่านเล่น และความรู้ใน เรื่องทั่วๆ ไป เช่น “การปกครองของจีน” หรอื “การเขยี นหนงั สอื ” มสี ุภาษิต คำ เตอื นสติ นิทาน เร่อื งขบขนั และตำราเบ็ดเตล็ด และความรู้เฉพาะสำหรับผหู้ ญิง เช่น “หน้าท่ีของหญิง” “ธรรมจริยานารี” โดยเน้นว่า ต้องไม่เป็นตำราชั้นสูงซึ่ง เหลือวิสัยท่ีนักเรียนชั้นเล็กๆ จะเข้าใจได้ สำหรับเรื่องอ่านเล่นมักเป็นเร่ืองใกล้ ตัวผู้หญงิ เชน่ เร่ืองความรัก เร่ืองครอบครัว หรือมตี วั ละครตวั เอกเป็นผู้หญงิ ซง่ึ นับว่าเป็นเร่ืองที่มีเน้ือหาเก่ียวกับผู้หญิงและเพ่ือผู้หญิงอย่างชัดเจน นอกจากน้ียัง เสนอให้โรงเรียนสตรีท้ังหลายแสดงความคิดเห็นและประกาศรายงานในหน้า นิตยสารน้ีได้ทุกโรงเรียน และยินดีรับเร่ืองที่นักเรียนสตรีเขียนส่งมาเพ่ือพิจารณา ลงพิมพ์ (ถ้าเร่ืองของผู้ใดได้ลงพิมพ์ จะได้รับรางวัลคือ ยกเว้นไม่เก็บค่าหนังสือ และจะได้รบั หนงั สอื อา่ นเป็นพิเศษ) กุลสัตรี ไม่เพียงแต่นับเป็นปฐมฤกษ์ของนิตยสารสำหรับโรงเรียนและ นักเรียนหญิงเท่านั้น ยังนับเป็นนิตยสารผู้หญิงฉบับแรกอย่างแท้จริง เพราะบรรจุ เน้อื หาเกย่ี วกบั ผ้หู ญิงและเพื่อผู้หญิงอยา่ งชดั เจน แต่มอี ายุเพยี ง ๒ ปกี เ็ ลกิ ไป  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสู่รงุ่ อรณุ ของหนงั สือโรงเรยี น

ขายกลุ สัตร ี ! แม่เอยä !! บรรดาหนงั สือสำหรบั ผ้ชู ายก็มแี ลว้ ความสนกุ ของผู้ชายกม็ แี ล้ว ผหู้ ญิงก็เกิด มามาก แลว้ มากกว่าผู้ชายเสียอีก ผหู้ ญงิ จะต้องมีหนงั สอื อา่ นบา้ ง จะตอ้ งมคี วาม สนุกบ้าง ขอท่านจงซื้อหนังสือกุลสัตรีอ่านเถิด จะรับประกันว่าจะให้สนุกตามแต่ จะได ้ แลจะใหม้ เี รอื่ งโก้ๆ อา่ นดว้ ย ทง้ั ท่านชายเม่ือหยากรู้ความแหง่ สตั รี กไ็ ม่มี สิ่งใดจะช่วยให้รู้การหญิงดีกว่ารับกุลสัตร ี เพราะจะมีฝีปากหญิงแลวิชาหญิงอยู่ ด้วย จนชั้นวิชาการระหว่างสามีภรรยาปกครองบ้านช่องก็มีด้วย แลการเล้ียงบุตรี บตุ รากม็ ีดว้ ย เพราะฉะนน้ั ดฉี นั จึงขอร้องว่า “ขายหนงั สอื ร้อนๆ เน้อ !!” วชิ าชายกม็ ี หญิงก็ม ี ฟังเสนาะ เพราะด ี กุลสัตร ี รอ้ นๆ เน้อ !! ราชนิ ีบำรงุ : ส่อื สรา้ งเสรมิ คุณภาพผหู้ ญงิ ยุคใหม่ นิตยสารของโรงเรียนราชิน ี เกิดข้ึนโดยพระปรีชาสามารถของ ม.จ.หญิง พจิ ิตรจิราภา เทวกุล อาจารย์ใหญ่และผู้จัดการโรงเรยี นราชนิ ี และราชินบี น โดย ริเร่ิมออกหนังสือของโรงเรียน ช่ือ สตรีพจน์ ขึ้นเป็นคร้ังแรก พ.ศ. ๒๔๕๖ เพื่อ สง่ เสริมใหค้ รูและนกั เรยี นคน้ ควา้ หาความรู้ เพาะนสิ ัยรกั การอา่ น และเป็นเวทใี ห้ นักเรียนหญิงมีความชำนาญในการเขียนทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ส่งผลงานมา

ลงพมิ พ์ในหนังสอื เล่มน ้ี ตอ่ มาเปลย่ี นชื่อเปน็ ราชินีบำรุง เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๗๐ พิมพ์ เผยแพร่จนถงึ สงครามโลกครั้งท่ี ๒ จงึ ยตุ ิ เนอ่ื งจากปัญหาการขาดแคลนกระดาษ การศึกษาของผู้หญิงมีความสำคัญอย่างไรในยุคสมัยน้ัน ม.จ.หญิงพิจิตร จิราภา ได้ทรงนำเสนอทัศนะด้วยการนิพนธ์เรื่องต่างๆ ลงหนังสือของโรงเรียน เพ่ือสร้างเสริมคุณภาพของเยาวชนหญิงที่กำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้หญิงแถวหน้า ของยุคสมัยต่อมา นอกจากน้ียังทรงส่งไปพิมพ์ในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ภายนอกด้วย ดังเช่นบทความเร่ือง “การศึกษาของโรงเรียนผู้หญิง” ลงพิมพ์ในหนังสือ ดุสิต สมติ ฉบบั พิเศษ พ.ศ. ๒๔๖๓ ใน ราชินีบำรุง นอกจากเร่ืองชวนอ่านเพื่อส่งเสริมความรอบรู้และคุณภาพ ชวี ติ แก่นกั เรยี นหญิง นติ ยสารฉบบั น้ยี งั ได้เริม่ มี นวนยิ ายหรอื เรือ่ งยาวสำหรับเดก็ ลงพิมพ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๓ ต่อเน่ืองกันไป โดยได้อิทธิพลจากเร่ืองของต่าง ประเทศ ได้แก่เรื่อง ชีวิตเด็กน้อย และ ความลึกลับในรถตู้ กล่าวได้ว่าเป็น นิตยสารทบี่ กุ เบกิ วรรณกรรม(เพือ่ )เยาวชน  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ ุ่งอรณุ ของหนังสือโรงเรียน

อัสสัมชญั อโุ ฆษสมัย : จากครฝู ร่งั ถึงนักเรยี นไทย กอ้ งไกลในกระแสกาล อสั สัมชญั อุโ¶ษสมัย (Echo de lû Assomption) นติ ยสารของโรงเรยี น อสั สัมชัญ เริม่ ออกครัง้ แรกในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ กำหนดออกราย ๓ เดือน เนอ้ื หาแบง่ เปน็ ๒ ส่วน คอื สว่ นท่ีเปน็ ภาษาฝรง่ั เศสและภาษาองั กฤษ กบั ส่วนที่เป็นภาษาไทย ในส่วนภาษาไทยเป็นข้อเขียนท่ีให้ความรู้ท่ัวไปและคำสอน ทางศาสนา มีเรอื่ งอา่ นเลน่ ประเภทนิทาน นวนยิ าย กวภี าค ขา่ วโรงเรยี น ความรู้ รอบตวั และเรื่องขำขนั ขา่ วกิจกรรมโรงเรียนและขา่ วบคุ คล มภี าพประกอบเป็น ภาพถา่ ยขาวดำ สว่ นเร่ืองอ่ืนๆ บางเร่อื งมภี าพลายเสน้ ขาวดำประกอบ 9

เรื่องท่ีนำมาลง ส่วนใหญ่คณาจารย์ของโรงเรียนเป็นผู้เขียน และเปิด โอกาสให้นกั เรยี นร่วมเขยี นด้วย โดยเฉพาะคอลัมน์ “กวีภาค” ผูจ้ ัดทำได้กำหนด ลกั ษณะคำประพนั ธ์และหวั ข้อใหน้ ักเรยี นเขยี นสง่ มา ครคู นสำคญั ทมี่ บี ทบาทตอ่ การสง่ เสรมิ การประพนั ธแ์ กเ่ ยาวชนไทยในยคุ นน้ั คอื เจษฎาจารย์ ฟ. ฮแี ลร์ ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเปน็ นกั บวชคณะภราดาเซนตค์ าเบรียล ๑ ใน ๕ ท่านแรก ที่เดินทางมาเมืองไทยเพื่อรับงานด้านการศึกษาของโรงเรียน อัสสมั ชญั ท่านไดพ้ ยายามศกึ ษาภาษาไทยจนแตกฉาน จนสามารถทีจ่ ะแต่งตำรา เรียนใหก้ ับนักเรยี นของท่าน สอนให้นกั เรยี นรกั บทกวี ร้จู กั และรูร้ ักในโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เพื่อให้เด็กไทยรักในภาษาไทย และรักในมรดกแห่งการประพันธ์ ของไท ย ดงั ปรากฏใน อุโฆษสมยั “ปราชญห์ นหลังแตง่ หนงั สอื มีช่ือเสยี ง ใช่แต่เพยี งหยิบปากกาข้นึ มาเขยี น ตอ้ งหมน่ั ตรกึ ศึกษาตำราเรยี น ทง้ั พากเพยี รถามครู อ่าน ดู ฟัง โคลงศรีปราชญ์ เชิงกลอนสุนทรภ่ ู ถา้ ตรองดูของทา่ นเพราะเสนาะขลัง ดสู มเรอื่ งแต่เบื้องต้นจนเอวงั ความไม่บงั เคม็ เด็ดดงั เมด็ เกลือ ตอนเด็กพูด คำละมา้ ยคลา้ ยเดก็ พูด ถา้ ตอนทูตสมสง่ายิ่งกว่าเสือ ตอนละหอ้ ย พลอยสมเพชนำ้ เนตรเจอื ดสู มเน้ือสมตวั ทุกท่วั นาย ถ้อยก็งามความไม่ลบั กระชบั ชิด ตีสนทิ หลับตาเหน็ เหมอื นเช่นหมาย ถูกระบอบชอบจรงิ ทัง้ หญงิ ชาย แสนเสยี ดายเราไม่เอาอยา่ งเขาเอย”  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยส่รู งุ่ อรณุ ของหนังสือโรงเรยี น

อัสสัมชัญอโุ ฆษสมยั อย่ใู นบรรณพภิ พกว่า ๒๕ ป ี จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ก็ หยดุ ไป ต่อมาโรงเรียนมีการออกนิตยสารช่ือ แดง-ขาว อยู่ระยะหน่ึง จากน้ันก็ได้ ออก อุโฆษสาร (ECHOES) ในป ี พ.ศ. ๒๔๙๕ (ฉบบั ท่ี ๑ วันท ่ี ๑๕ สิงหาคม) นักเรียนช้ัน ม. ๘ นาม สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ได้รับการโหวตเป็นเอกฉันท์ให้เป็นบรรณาธิการ (อันเน่ืองมาจากก่อนหน้าน้ันได้ออกนิตยสารรายสะดวก ยวุ วทิ ยา ในห้องเรียนชน้ั ม. ๖ ทำให้ชือ่ เสียงเลื่องลอื กนั ในโรงเรียน) ...ปัจจุบัน สุลักษณ ์ ศิวรักษ์ คือนักคิดนัก เขยี น ผู้ไดร้ บั สมญานามวา่ “ปัญญาชนสยาม” แถลงการศกึ ษาเทพศริ ินทร์ : แปลง เพาะต้นกลา้ “นักประพันธ”์ นิตยสารของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ซ่ึงออกเม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๕ โดยมีหลวง สำเร็จวรรณกจิ (บญุ เสขะนนั ท)์ ครูผู้เชย่ี วชาญด้านภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นบรรณาธิการ (ผลงานการแตง่ หนงั สือของหลวงสำเร็จวรรณกจิ ทคี่ นในยคุ หลัง

รจู้ ักกนั เปน็ อย่างดี คือ นิทานรอ้ ยบรรทดั ๖ เลม่ ทก่ี ระทรวงศึกษาประกาศใหใ้ ช้ เปน็ แบบเรยี นเมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๑) จากรายชื่อนักประพันธ์ไทยเรืองนามในยุคก่อน หลายท่านเคยศึกษาจาก โรงเรียนเทพศิรนิ ทร์ ได้แก่ กุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรบี ูรพา), ม.จ.อากาศดำเกงิ รพีพัฒน์, สด กูรมะโรหิต, มาลัย ชูพินิจ (แม่อนงค์, เรียมเอง), อบ ไชยวส ุ (ฮิวเมอริสต์), สันต์ ท.โกมลบุตร (สันต์ เทวรักษ์), โชติ แพร่พันธ์ุ (ยาขอบ), เปล้อื ง ณ นคร (นายตำรา ณ เมืองใต)้ ในบรรดานักประพันธม์ ีชอื่ น้หี ลายท่าน ไดฝ้ ากฝีมอื ไวใ้ น แถลงการศกึ ษาเทพศริ นิ ทร์ และหนงั สอื ทีอ่ อกกนั ในหอ้ งเรียน ดว้ ยการพิมพ์ดีดและกระดาษโรเนยี ว ด้วยหัวใจและไฟฝนั ... ดงั จะไดก้ ล่าวถึงนักเขียนตวั อย่าง ท่ผี ่าน “เวท”ี หนังสอื ในหอ้ งเรียน และ ในโรงเรยี น สู่บรรณพภิ พ  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยส่รู งุ่ อรณุ ของหนงั สอื โรงเรยี น

“ศรบี ูรพา” กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ : บุคคล สำคญั ของโลกทางศิลปวฒั นธรรม ในป ี พ.ศ. ๒๔๖๕ ขณะท่ีกำลงั เรียนอย่ชู ้ัน ม.๖ (อายุ ๑๗ ป)ี กุหลาบ สาย ประดิษฐ์ ได้เร่ิมแสดงออกทางการประพันธ์ โดยการออกหนังสือในห้องเรียนช่ือ ศรเี ทพ รว่ มกบั เพอ่ื นรว่ มชน้ั บางคน ม ี ม.จ. อากาศดำเกงิ และ ชะเอม อนั ตรเสน เป็นต้น เป็นแบบใช้เคร่ืองพิมพ์ดีด จะออกมากี่ฉบับก็ไม่อาจทราบได้ ทราบแต่ เพียงว่าออกมาจนกระทั่งส้ินปี ใช้นามปากกาว่า “ดาราลอย” เป็นส่วนใหญ ่ เขียนเนอ้ื เรอ่ื งในเลม่ ...ครปู ระจำช้นั ม.๖ ในเวลานัน้ คือ หลวงสำเรจ็ วรรณกิจ (บญุ เสขะนนั ท์) ที่ลือเลอ่ื งเชี่ยวชาญภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใหก้ ารสนับสนุนทางการประพนั ธ์ เปน็ พิเศษ... แววทางการประพนั ธ์เริม่ ฉายแสงแรงกลา้ ขนึ้ อกี เมอื่ ขึ้นมาอยู่ชั้น ม.๗ ในป ี พ.ศ. ๒๔๖๖ การออกหนังสือประจำห้องเรียนก็ยังคงทำอยู่อีก ช่ือว่า เทพคำรน เป็นแบบพมิ พด์ ดี ออกได้ ๔ - ๕ ฉบบั กเ็ ปล่ยี นชือ่ เปน็ ศรสี ัตตคาม ออกจนถงึ สน้ิ ป ี ช่วงนีก้ ุหลาบได้ปล่อยฝีมือการเขียนออกสนามบา้ งแล้ว ผลงานส่วนใหญจ่ ะ เปน็ บทกวี และเรอื่ งอา่ นเลน่ ทำนองตลกๆ บา้ ง นามปากกาที่ใช้ก็มี “ดาราลอย” “ส.ป.ด.กุหลาบ” และเร่ิมใช้ “ศรีบูรพา” เป็นคร้ังแรกในการเขียนบทความให้ หนงั สือพมิ พ์ ทสวารบันเทิง

ปีรุ่งขนึ้ คือ พ.ศ. ๒๔๖๗ ก็ไดเ้ รยี นชัน้ ม.๘ อนั เปน็ ชัน้ สงู สุดของโรงเรียน ไม่ปรากฏว่ามีการออกหนังสือประจำห้องอีก แต่ผลงานเขียนเริ่มมีมากขึ้นเป็น ลำดบั ผลงานทีก่ ลา่ วถงึ กนั อยเู่ สมอ คือ “ต้องแจวเรือจ้าง” เปน็ กลอนหก ใชช้ ่ือ ว่า นายกหุ ลาบ สายประดิษฐ์ ระบุกำกับด้วยว่าอยู่ ช้ันมัธยม ๘ ข. เขียนให้กับ หนังสือของโรงเรียน ที่ช่ือว่า แถลงการศึกษาเทพศิรินทร์ ฉบับเดือนธันวาคม ๒๔๖๖ (หม่อมเจ้าอากาศดำเกิงฯ ก็มีงานแปลเร่ือง “เอนีวา ซองครัวต์” ลงใน ฉบบั นีด้ ้วย) “ศรบี รู พา” เปน็ นามปากกา ที่ โกศล โกมลจันทร์ (เจ้าของนามปากกา “ศรเี งนิ ยวง”) เจา้ ของสำนักรวมการแปลในสมัยนั้นเป็นผู้ต้ังชื่อให้ และเป็นช่ือท ่ ี นักอา่ นปจั จบุ ันรจู้ กั กันเป็นอยา่ งด ี กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ์ มี ผ ล ง า น ม า ก ม า ย ทั้ ง ใ น ด้ า น การเมือง ศาสนา ปรัชญา สงั คม วชิ าการ นวนยิ าย เรอ่ื ง ส้ัน เร่ืองแปล บทกวี โดยใช ้ ชื่อจริงและนามปากกา ว่า “ศรีบูรพา” “อสิ รชน” “อบุ าสก” “มะกะโท” “ดอกประทมุ ” เป็นต้น  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ งุ่ อรณุ ของหนังสอื โรงเรยี น

ขา้ งหลังภาพ โปสเตอรภ์ าพยนตร์ ปี ๒๕๒๘ และ ๒๕๔๔ โปสเตอรล์ ะครเพลง ฉบับพิมพค์ รัง้ แรก ปี ๒๕๕๑ ปี พ.ศ. ๒๔๗๒ “ศรีบรู พา” ได้ชกั ชวนเพอื่ นนกั เขยี นรว่ มร่นุ มารวมกลุ่มกนั เรยี กช่อื ว่า “คณะสุภาพบรุ ษุ ” ออกนติ ยสารรายปักษ์ชือ่ สุภาพบุรษุ เขารับหน้าที่ เป็นบรรณาธิการ สร้างปรากฏการณ์ใหม่แก่วงการหนังสือ ได้รับความนิยมอย่าง กว้างขวางจากนักอ่านในยุคน้ัน กระทั่งต้นป ี ๒๔๗๓ ได้หันเหเข้าสู่วงการ นกั หนงั สอื พมิ พ ์ โดยคำเชญิ ของฝา่ ยกองอำนวยการหนงั สอื พมิ พ ์ บางกอกการเมอื ง ในตำแหนง่ บรรณาธกิ ารหนังสือพิมพร์ ายวัน บางกอกการเมือง กุหลาบ สายประดษิ ฐ์ หรอื “ศรบี ูรพา” เปน็ ผูท้ ี่มบี ทบาทสำคัญตอ่ วงการ หนงั สือพมิ พแ์ ละการประพนั ธไ์ ทยโดยตลอด

สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยได้จัดต้ังรางวัล “ศรีบูรพา” เพื่อมอบให้ แกน่ ักประพนั ธผ์ ้มู ผี ลงานดีเด่น และมีแนวคิดเพ่ือสันตสิ ังคม เปน็ ประจำทุกปี นับ ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ จนถึงปัจจบุ นั น้ี ผลงานวรรณกรรมท่ีคนรุ่นหลังยังกล่าวขานถึงอยู่ไม่รู้วายคือ ข้างหลังภาพ และ แลไปข้างหน้า นวนยิ ายชั้นเย่ียมทีต่ ้องอย่ใู นชัน้ หนังสือของนักอา่ น ในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี ชาตกาล กุหลาบ สายประดิษฐ์ ในวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๘ องค์การศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องให้ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ “ศรีบูรพา” เป็น บุคคลสำคัญของโลก ม.จ.อา กาศดำเกงิ : เปิดโลกและชวี ติ ดว้ ย ละครแห่งชวี ติ ม.จ.อากาศดำเกิง รพีพัฒน์ เป็นนักเรียนร่วมรุ่นกับกุหลาบ สายประดิษฐ์ ท่ีโรงเร ียนเทพศริ ินทร์ ดงั กหุ ลาบไดเ้ ล่าถึงท่านอากาศฯ ว่า “...ข้าพเจา้ รูจ้ ักกับหม่อมเจา้ อากาศดำเกงิ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ทา่ นมา จากโรงเรียนอัสสมั ชญั มาตง้ั ตน้ การเรยี นที่เทพศริ ินทร์ในชน้ั มัธยม ๔ เราได้เรียนร่วมชั้นเดียวกันมาตราบกระท่ังถึงชั้น ๗ แล้วหม่อมเจ้า อากาศดำเกิงก็จากเราไปยังยุโรปเพือ่ ศึกษาวชิ ากฎหมาย…  | กำเนดิ หนังสอื เดก็ ของไทยสู่รุ่งอรณุ ของหนงั สอื โรงเรยี น

ในฐานะที่ขา้ พเจา้ กบั หม่อมเจ้าอากาศฯ มนี สิ ยั ต้องกนั ในทางเป็นผู้รกั หนงั สือมาตง้ั แต่อยูโ่ รงเรยี น ดังนั้น ขา้ พเจา้ จึงร้เู หน็ ถึงการเคลอ่ื นไหว ของท่านในทางนอี้ ยู่มาก หม่อมเจา้ อากาศดำเกงิ ได้เร่มิ แสดงอัธยาศยั ว่าจะเป็นนักเขียนสืบไปภายหน้า ตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ช้ันมัธยม ๖ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ทางโรงเรียนได้ดำริออกหนังสือพิมพ์ แถลงการ ศึกษาเทพศิรินทร์ หม่อมเจ้าอากาศฯ ได้นำชีวิตของท่านออกสนาม เป็นครง้ั แรกด้วยเร่ือง เอนีวา ซองครัวต์ ในหนังสอื แถลงการศึกษา เทพศริ นิ ทร์ ฉบบั ประจำเดอื นธนั วาคม ๒๔๖๖ ในปเี ดยี วกนั หมอ่ มเจา้ อากาศฯ ไดแ้ ปลเรอ่ื งสน้ั ๆ อกี สองสามเรอื่ ง สง่ ไปในหนงั สอื รายเดอื น ศพั ทไ์ ทย โดยใชน้ ามปากกาวา่ “วรเศวต” ในการตง้ั ตน้ เขยี นเรอ่ื งเหลา่ น้ี หมอ่ มเจา้ อากาศฯ ใช้วธิ แี ปลจากเรอ่ื งตา่ งประเทศทัง้ สิน้ เปน็ เรอื่ งทมี่ ี ถ้อยคำสำนวนคมคายพอใช้สำหรับในสมัยนั้น และเมื่อคิดว่างาน เหลา่ นนั้ เปน็ งานของเดก็ หนมุ่ อายเุ พียง ๑๘ ปี ก็ต้องนบั ว่าหม่อมเจา้ อากาศดำเกงิ ไดเ้ ริ่มชวี ติ การประพันธข์ องทา่ นไว้อย่างเรียบร้อย...” แม้ว่าการไปศึกษาท่ีประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาของราชนิกุลหนุ่ม ผู้น้ีจะไม่ประสบความสำเร็จ หากแต่กลับสร้างชื่อเสียงอย่างมากจากการเขียน นวนิยายเร่ือง ละครแห่งชีวิต โดยอาศัยประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับ

นักหนงั สอื พมิ พ์องั กฤษเป็นวัตถุดิบ หนังสือทพ่ี ิมพ์ ๒,๐๐๐ เลม่ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ราคาสูงถงึ เล่มละ ๓.๕๐ บาท ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว และพิมพใ์ หม่อกี หลาย ตอ่ หลายครัง้ นับเปน็ ความสำเร็จของนักประพนั ธกรหนุม่ ที่สงั คมใหค้ วามสนใจ “การศึกษาที่ดีและการสำเร็จในกิจการต่างๆ ที่อาจทำให้เราเป็นคน ใหญ่โตในภายหน้า ไม่ใช่แต่จะไปอยู่มหาวิทยาลัยอย่างเดียว ผู้ที่มี การศึกษาท่ีดีไม่ใช่ผู้ท่ีได้รับโอกาสไปเรียนตามมหาวิทยาลัย แต่เป็นผู้ ท่ีสามารถจะเรียนได้ไม่ว่าที่ไหน ผู้ที่ไม่ต้องมีครู ผู้ที่มีความสามารถ มีสมองที่จะเรียนได้ด้วยตนเองไม่ว่าอยู่ท่ีไหน โดยใช้หนังสือเป็น มัคคุเทศก์และเป็นคร”ู  | กำเนดิ หนังสอื เด็กของไทยสู่รงุ่ อรณุ ของหนงั สอื โรงเรยี น

นคี่ อื หนงึ่ ในขอ้ ความจาก ละครแหง่ ชวี ติ หนงั สอื ทมี่ อี ายขุ ยั กวา่ ๘๐ ป ี มกี าร ตพี มิ พม์ าแลว้ กว่า ๓๐ ครั้ง และเปน็ หนึ่งในหนงั สอื ๑๐๐ เลม่ ทีค่ นไทยควรอ่าน สด กรู มะโรหิต : ผสู้ ร้างอาณาจักรจรรโลงวรรณกรรม นักเขียนไทยผู้มีผลงานเขียนหลากหลาย ท้ังสารคด ี เรื่องส้ัน นวนิยาย นวนิยายแปล บทละครเวท ี และบทภาพยนตร์ นอกจากน ้ี ยังเป็นเกษตรกรที่ พยายามนำแนวคดิ เก่ียวกบั กจิ การสหกรณไ์ ว้เปน็ จำนวนมาก สด กรู มะโรหติ ในวยั เดก็ ตอ้ งยา้ ยตามบดิ าไปตามจงั หวดั ตา่ งๆ และเขา้ เรยี น ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ถึงมัธยม ๘ ในช่วงมัธยมปลายเป็นนักเรียนรุ่นราวคราว เดียวกบั กุหลาบ สายประดษิ ฐ์ (ศรบี รู พา) โชต ิ แพร่พันธุ์ (ยาขอบ) และหมอ่ ม เจา้ อากาศดำเกิง รพีพฒั น ์ ช่วงที่ศึกษาท่ีโรงเรียนเทพศิรินทร์ ความสนใจด้านหนังสือของสด กูรมะ โรหิต ฉายแววเดน่ ชดั โดยเขาได้ร่วมกับเพ่ือนๆ ทำหนงั สอื ดรุณสาส์น ซงึ่ อาศยั การพมิ พ์ดีดออกมาให้อ่านกันในชน้ั เรยี น มเี พอ่ื นๆ ร่วมกนั เขียนหลายคน ได้แก่ สนิท เจริญรัฐ เพ็ง โสมนะพันธ ์ คนอ่ืนๆ ได้แก่ ยาขอบ และกุหลาบ สาย ประดษิ ฐ์ กเ็ ข้าร่วมดว้ ย แววนักประพันธข์ องเขาปรากฏออกมาในงานเขียนหลาก หลาย ไมว่ า่ จะเป็นบทกว ี เรื่องส้นั นวนยิ าย เรือ่ งแปล รวมทงั้ ถา่ ยภาพประกอบ 9

ตลอดจนออกแบบปก จนแทบจะทำหนังสอื ทั้งฉบับไดด้ ้วยตัวเอง ตอ่ มาก็ไดม้ ีงาน เขียนหลายชิ้นได้ลงพิมพ์ใน แถลงการศึกษาเทพศิรินทร์ ซึ่งเป็นนิตยสารท่ีได้รับ ความสนใจจากผู้อ่านไม่น้อย ทั้งที่เป็นการพิมพ์แบบโรเนียว ต่อมาจึงได้เข้าสู่ ระบบโรงพมิ พ ์ ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๔๗๐ ไดร้ บั ทนุ จากเสนาบดกี ระทรวงธรรมการ ใหไ้ ปศกึ ษา ยังมหาวิทยาลัยปักก่ิง ในระหว่างศึกษาอยู่ที่ปักก่ิง ได้เขียนนวนิยายเกี่ยวกับชีวิต ต่างแดน ส่งมาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ประชาชาติ เช่น เร่ือง ปักกิ่งนครแห่ง ความหลัง คนดีท่ีโลกไม่ต้องการ เมื่อหิมะละลาย มีผลงานแปลและบทความ ศรนิ ทิพย์ ศริ ิวรรณ และชนะ ศรีอบุ ล ในภาพยนตร์ ขบวนเสรีจนี  | กำเนดิ หนงั สอื เดก็ ของไทยสรู่ งุ่ อรณุ ของหนังสือโรงเรยี น

ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมจำนวนมาก ผลงานท่ีมีการนำไปสร้างเป็น ภาพยนตร์ได้แก่เรอื่ ง ระยา้ และ ขบวนเสรจี ีน ซ่ึงได้รับรางวลั ตุกä ตาทอง สาขา บทประพันธ์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) ประจำป ี พ.ศ. ๒๕๐๒ จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการเขียนและหนังสือพิมพ์ท้ังในและ นอกประเทศ ทำให้สด กูรมะโรหิต มุ่งม่ันสร้างอาณาจักรหนังสือขึ้นที่โรงพิมพ์ อกั ษรนิต ิ สี่แยกบางขนุ พรหม ออกหนงั สือ เอกชน เป็นนติ ยสารรายสปั ดาห ์ และ ตอ่ มาก็สรา้ งนิตยสารอกี ฉบับหน่ึงช่ือ สวนอักษร รายสัปดาห ์ เพื่อสรา้ งสรรคเ์ วที นักเขียนเก่า-ใหม ่ จากน้ันยังได้ทำนิตยสารรายเดือนอีกชื่อ ศิลปîน นิตยสารแนว วรรณกรรม หรือ Literary Magazine ทั้งสามฉบับนี้มี สด กูรมะโรหิต เนียน กูรมะโรหิต (นักเขียน-ผู้เช่ียวชาญภาษาจีน ภรรยาของสด) และ น.ประภาสถิต เป็นบรรณาธกิ ารตามลำดบั จากงานหนังสอื ทดี่ ำเนนิ การทำใหส้ ามารถผนกึ กำลงั กบั เพอื่ นๆ ก่อตัง้ “จกั รวรรดิศิลปนิ ” หรอื อกี นัยหน่ึงคืออาศรมหนังสือขนาดใหญ่ เพอ่ื ต่อสู้กับพวกนายทนุ ที่ขูดรีดนักเขยี น หนงั สอื ในห้องเรยี น หนงั สอื ในโรงเรียน หนงั สอื ของโรงเรียนสู่โลกการอ่าน ภายนอก ไม่เพียงเพาะนิสัยรักการอ่านให้กับนักเรียนเท่าน้ัน ยังหว่านเมล็ดพันธุ์ รักการเขียนให้กับเยาวชนอีกจำนวนไม่น้อย

นอกเหนอื ไปจากนกั เขยี นตวั อย่างทไ่ี ดก้ ลา่ วไปแลว้ ในคา่ ยของนกั เรียนเกา่ เทพศิรินทร์ ก็ยังมีอีกหลายท่านท่ีได้เมล็ดพันธ์ุรักการเขียนติดตัวไป “ศรีบูรพา” เคยเลา่ ถงึ เพอ่ื นรว่ มโรงเรยี นคอื ชะเอม อนั ตรเสน และ สนทิ เจรญิ รฐั ทไี่ ดร้ ว่ มงาน กันในสำนักรวมการแปล (สำนักงานนี้มี โกศล (บุญเติม) โกมลจันทร์ เจ้าของ นามปากกา “ศรีเงินยวง” เป็นผู้อำนวยการ และได้ต้ังนามปากกาให้ชะเอมว่า “ศรีเสนันตร์” ให้สนทิ ว่า “ศรสี รุ ินทร”์ และตั้งใหก้ หุ ลาบว่า “ศรบี ูรพา”) เกย่ี วกับ การเขยี นในระยะแรกๆ ของมติ รสหายว่า “...ในบางคราวพวกเขาบางคนกส็ ง่ บท กวีท่ีเป็นโคลงหรือกลอนส้ันๆ ไปยังหนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์สยาม โดยทาง ไปรษณีย์ ...บางทีก็ส่งเรื่องชวนหัวหรือความรู้เบ็ดเตล็ดไปยัง หนังสือพิมพ์ นักเรียน...บางคนก็นำเรื่องไปส่ง หนังสือพิมพ์นักเรียน ด้วยตนเอง... การเขียน หนงั สอื เปน็ การเขียนเพ่อื เกยี รตแิ ละเพอ่ื บันเทิงใจ มิใชเ่ พ่อื วชิ าชีพ...” หนงั สอื หรอื นติ ยสารโรงเรยี นฉบบั อนื่ ๆ กไ็ ดส้ รา้ งนกั เขยี นนกั ประพนั ธเ์ ชน่ กนั ดังเช่น “สันต์ เทวรักษ์” (นามเดิม บุญยืน โกมลบุตร) ซ่ึงเรียนท่ีโรงเรียน อัสสัมชัญ แผนกภาษาฝร่ังเศส จนจบมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ อันเป็นชั้นสูงสุดของ โรงเรยี นขณะนั้น เม่อื พ.ศ. ๒๔๖๗ งานเขยี นเร่อื งแรกท่ีทำให้ “สนั ต์ เทวรกั ษ์” เริ่มมชี อ่ื เสยี งคอื เรอ่ื งสัน้ เดย๋ี ว นกขมน้ิ ลงพมิ พใ์ นนิตยสาร ไทยใหมว่ นั อาทิตย์ (“ศรบี รู พา” เป็นบรรณาธกิ าร)  | กำเนดิ หนังสอื เดก็ ของไทยสู่รุ่งอรณุ ของหนังสอื โรงเรียน

นวนิยายเร่ืองต่างๆ ได้แก ่ ถ่านไฟเก่า เถ้าแห่งความรัก แก้วสารพัดนึก ฯลฯ ผลงานของเขาจัดได้ว่ามีแบบฉบับการใช้สำนวนแปลกใหม่แห่งยุค นอกจากน ี้ ยงั กำกับภาพยนตร์เร่ือง แมย่ อดสร้อย เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ เหตจุ ูงใจให้ “สนั ต ์ เทวรักษ์” เขียนหนังสอื คือการเห็นแบบอย่างนักเขียน รุ่นก่อนผลิตผลงานเขียนเป็นที่ต้องใจ จึงมีความประสงค์จะเป็นนักเขียนบ้าง เริ่มเขียนหนังสือต้ังแต่อายุได ้ ๑๘ ป ี โดยเขียนเรื่องลงพิมพ ์ ในหนังสือ อัสสัมชัญอุโฆษสมัย นิตยสารราย ๓ เดือน ของโรงเรยี นอัสสมั ชัญ ด้วยนามปากกา “บ. โกมลบตุ ร” เรื่องท่ีตีพิมพ์มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับสารคดีประวัติ ศาสตร์สากล วิชาการภาษาอังกฤษและฝร่ังเศส ข่าวสารทางการเมืองในประเทศและต่างประเทศ ฯลฯ การมีผลงานได้ตีพิมพ์ในหนังสือของ โรงเรียนจึงเป็นรอยประทับให้เกิดความภาค ภูมิใจ และกล้าก้าวออกไปสู่เส้นทาง สายนำ้ หมึกอยา่ งองอาจในโลกกวา้ ง ในยุคน้ัน กล่าวได้ว่าหนังสือของโรงเรียน ห ล า ย เ ล่ ม จั ด ว่ า เ ป็ น นิ ต ย ส า ร ที่ มี อ า ยุ ยื น ย า ว

โดยเฉพาะ จดหมายเหตแุ สงอรุณ ราชินบี ำรงุ และ อโุ ฆษสมยั ต่างพิมพเ์ ผยแพร่ นับเนื่องได้ร่วม ๓๐ ปี ในขณะท่ีนิตยสารเด็กของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น เด็กไทย (๒๔๖๔) ของโรงพิมพ์เจริญผล ซึ่งเป็นนิตยสารเล่มแรกท่ีจัดทำขึ้นนอก ร้วั โรงเรยี น หนงั สือพิมพน์ กั เรียน (๒๔๖๕) ของนายแช เศรษฐบุตร แตพ่ มิ พ์อยู่ เพยี ง ๓ - ๔ ปี กเ็ ลิกกจิ การไป ต่อมามี หนงั สอื พมิ พ์เด็ก (๒๔๖๖) ของนายเพียว แต้ตระกลู และในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ สวัสด์ิ จฑุ ะรพ ได้จัดทำนติ ยสาร ดรณุ เกษม แตก่ เ็ ลิกไปในปีเดียวกนั วันวานบนถนนสายหนังสือของเมืองไทย วัฒนธรรมสร้างเสริมการอ่านได้ หยั่งรากลงสูเ่ ด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ผ่านหนงั สอื ทอ่ี อกเป็นประจำของ โรงเรียน กับหนังสือที่นักเรียนได้มีโอกาสสร้างสรรค์กันในห้องเรียน ซึ่งก็เทียบได้ กับท่ียุคน้ีเรียกกันว่า “หนังสือทำมือ” ในสมัยท่ีเคร่ืองพิมพ์ดีด การโรเนียว จัด หน้าเย็บเล่มก็เรียกว่าหรูแล้ว หากได้มีโอกาสเขียนลงในหนังสือที่พิมพ์ จำนวนมากๆ ด้วยระบบการพิมพ์เล็ตเตอร์เพรส (ตัวตะกั่ว) ก็ถือว่าได้มีโอกาส ก้าวสู่ “เวทีนำ้ หมึก” ท่สี รา้ งความภาคภมู ใิ จให้ยงิ่ ยวด  | กำเนดิ หนงั สือเดก็ ของไทยสรู่ ุ่งอรณุ ของหนงั สือโรงเรียน

“พื้นท่ีส่ือสาร” ด้วยส่ือหนังสือ หัวใจของเยาว™น ครูที่มีสายตา นโยบายของผู้บริหาร : คือองค์ประกอบในการสร้างและเสริมวัฒนธรรมการ อา่ น-การเขียน วนั น ้ี เราจะลอง “Back to the Future - กลบั ส่อู นาคต” ดว้ ยเรยี นรจู้ าก อดีตที่เคย “หยั่งรากฝากใบ”เอาไว้แล้ว ก็คงจะดีไม่น้อย จะนำแนวคิดแนวทาง ของหนังสือในห้องเรียน หนังสือโรงเรียน หนังสือนักเรียนสู่สังคม ฯลฯ ไป ประยกุ ต์เพอ่ื สร้างเสรมิ วฒั นธรรมด้านหนงั สอื ทท่ี ้าทายสังคมทุกวนั น้ีอยู่ เชอื่ วา่ จะ ได้รบั ความชน่ื ชมยนิ ด ี สนบั สนนุ เชือ่ ว่ายังมีครดู ีทีร่ กั หนงั สอื และรักนกั เรียนอย่าง หลวงสำเรจ็ วรรณกจิ เจษฎาจารย ์ ฟ. ฮแี ลร ์ ทา่ นหญิงพจิ ิตรจริ าภา และอีกหลาย ท่านในโรงเรียนตา่ งๆ เชอื่ วา่ เราจะมนี กั เรียนที่กา้ วสู่การเปน็ พลเมอื งของชาติและ ของโลกท่ีมคี ณุ ภาพ จากการได้มโี อกาส อา่ น และ เขียน “ส่ือ” ท่มี ีความหมาย และให้ความสขุ แกช่ ีวติ

รายการหนังสอื อา้ งองิ กฤษณา ผลชีวิน. “การวิเคราะห์เนื้อหาหนงั สอื สำหรับเดก็ อายตุ ง้ั แต่ ๖-๑๒ ปี ท่ีพมิ พ์ใน ประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๙” วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญา อกั ษรศาสตร์มหาบณั ฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ๒๕๒๔. กล่อมจติ ต์ พลายเวช. “วิวฒั นาการหนงั สือสำหรับเด็กของไทย” ใน งานสปั ดาห์หนังสอื แหง่ ชาติ ๒๕๒๒. เจือ สตะเวทิน. สุนทรภู่, สุทธิสารการพิมพ์ ๒๕๑๖. ณรงค์ ทองปาน. การสรา้ งหนงั สือสำหรบั เดก็ . เอกสารนิเทศการศึกษา ฉบบั ที่ ๒๕๐ ภาค พัฒนาตำราและเอกสารวิชาการ หน่วยศึกษานเิ ทศก์ กรมการฝึกหัดครู ๒๕๒๖. นวลจันทร์ รตั นากร, ชตุ มิ า สจั จานันท์ และมารศรี ศวิ ลกั ษณ์, ปกิณกะเรือ่ งหนงั สือใน สมัยรัตนโกสินทร์. ม.ป.ท. ๒๕๒๔. (พิมพ์เน่ืองในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕) นิศา ชูโต และกล่อมจิตต์ พลายเวช. สภาพและแนวโน้มหนังสือเด็ก. สำนักงานเสริม สรา้ งเอกลักษณข์ องชาติ ๒๕๒๗. นิศา ชูโต, กล่อมจติ ต์ พลายเวช และกานต์มณี ศกั ดเ์ิ จรญิ . การวิเคราะหเ์ นือ้ หาหนังสอื อ่านสำหรับเด็ก. รายงานการวิจัยเสนอคณะกรรมการอุดมการณ์แห่งชาติ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔. บุญเหลือ เทพสุวรรณ, ม.ล. “หัวเลี้ยวของวรรณคดีไทย” วรรณไวทยากร (วรรณคดี) สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย ๒๕๑๔. 86 | กำเนดิ หนงั สอื เด็กของไทยสู่รงุ่ อรุณของหนงั สอื โรงเรียน

เปล้ือง ณ นคร “การทำหนังสืออ่านสำหรับเยาวชน” เอกสารประกอบการสัมมนาใน รายงานการสัมมนาเรื่องหนังสืออ่านสำหรับเด็ก กลุ่มอายุ ๑๑-๑๖ ปี : ๒๘ พฤศจิกายน - ๑๓ ธันวาคม ๒๕๐๙. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๑๐. หน้า ๕๑-๕๘. พรทิพย์ วินิจสาร, “การศึกษารูปแบบและวิเคราะห์เนื้อหาวารสารภาษาไทยสำหรับเด็ก” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั ๒๕๒๓. พฒั นาหนังสอื ,ศูนย์ กรมวิชาการ. การสง่ เสรมิ และพัฒนาหนงั สือการต์ ูนไทย. ๒๕๓๔. รญั จวน อนิ ทรกำแหง. วรรณกรรมสำหรบั เด็กและวัยรนุ่ . ดวงกมล ๒๕๑๗. ศริ ิ พุทธมาศ, “การเมืองกบั การแต่งแบบเรียนของครเู ทพ” (ส่วนหนงึ่ ของวทิ ยานพิ นธ์เรอ่ื ง “แนวคิดทางด้านการเมืองของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)” ปริญญานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๕๒๙) ครุปรทิ ศั น.์ ปีที่ ๑๒, มนี าคม ๒๕๓๐ หน้า ๒๐-๓๑. สมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยธุ ยา,คุณหญิง. “บทกลอนสำหรบั เดก็ ๆ ” เอกสารประกอบการ สัมมนา ในการสัมมนาเร่ือง “การจัดทำหนังสือสำหรับเด็ก” ๑๗-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕, สมาคมภาษาและหนงั สือแห่งประเทศไทย ๒๕๑๕. สิทธา พินิจภูวดล และคณะ. ความรู้ทั่วไปทางวรรณกรรมไทย. คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง ๒๕๑๕. เสนยี ์ วลิ าวรรณ. ประวตั วิ รรณคด.ี วฒั นาพานชิ ๒๕๑๘. กำเนดิ หนังสือเด็กของไทยสรู่ ่งุ อรณุ ของหนงั สอื โรงเรยี น | 87

แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีบทบาทหน้าท่ีในการประสานกลไก นโยบาย และปัจจัยขยายผล จากทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ให้เอื้อต่อการขับ เคล่ือนการสร้างเสริมพฤติกรรมและวัฒนธรรมการอ่าน ให้เข้าถึงเด็ก เยาวชน และ ครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงหนังสือและกลุ่มที่มีความต้องการ พิเศษ คณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอ่าน ประธาน : รศ.นพ.ปญั ญา ไข่มุก กรรมการ : ดร.อมรา ปฐภิญโญบรู ณ์ กรรมการ : คุณเข็มพร วิรณุ ราพันธ ์ กรรมการ : รศ.ดร.วิลาสนิ ี อดุลยานนท ์ กรรมการและเลขานกุ าร : คุณสุดใจ พรหมเกิด รว่ มสนับสนุนการขบั เคล่อื นนโยบาย โครงการ และกจิ กรรมเพื่อสรา้ งเสรมิ ใหเ้ กดิ พฤติกรรม และวฒั นธรรมการอา่ นเพือ่ สังคมสขุ ภาวะกับเราได้ที่ แผนงานสร้างเสรมิ วั≤นธรรมการอ่าน ๔๒๔ หมู่บา้ นเงาไม้ ซอยจรัญสนิทวงศ ์ ๖๗ แยก ๓ ถนนจรญั สนทิ วงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท ์ : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ โทรสาร : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ กด ๓ Website : ww.happyreading.in.th, E-mail : [email protected] Facebook : http://www.facebook.com/happy2reading Twitter : http://www.twitter.com/happy2reading