Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานผู้ตรวจราชการ รอบที่ 2 ปี2561

รายงานผู้ตรวจราชการ รอบที่ 2 ปี2561

Published by kengjung31, 2020-06-25 00:22:10

Description: รายงานผู้ตรวจราชการ รอบที่ 2 ปี2561

Search

Read the Text Version

รายงานผลการตรวจราชการ การตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมนิ ผล การจัดการศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการ รอบที่ ๒ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เอกสารท่ี 14/2561 กลุ่มนโยบายและแผน สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1

คานา เอกสาร การรายงานผล การตรวจราชการ การตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ กรณปี กติ รอบที่ 2 ประจาปงี บประมาณ พ .ศ. 2561 ฉบบั น้ี จดั ทาข้นึ เพอ่ื รายงานผลการ ดาเนนิ ตามกรอบประเดน็ นโยบายตัวชว้ี ดั จานวน 10 นโยบายประกอบ นโยบายที่ 1 การยกระดับคณุ ภาพการศึกษา นโยบายท่ี 2 การจัดการศึกษาปฐมวัย นโยบายท่ี 3 การพฒั นาทักษะภาษาอังกฤษ นโยบายที่ 4 การพฒั นาทักษะ การคดิ วิเคราะห์ นโยบายท่ี 5 การเพิ่มสัดสว่ นผู้เรยี นสายอาชีพ นโยบายที่ 7 การพัฒนาจดั การศึกษาโรงเรียนขน าด เลก็ นโยบายที่ 8 การอ่านออกเขยี นได้ นโยบายที่ 9 การส่งเสรมิ คุณธรรมจริยธรรมในสถานศกึ ษา นโยบายท่ี 13 การพฒั นาครทู ้ังระบบ นโยบายที่ 14 การพฒั นาผู้เรยี นและเยาวชนผา่ นกระบวนการลกู เสอื และยวุ กาชาด สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ขอบคุณผูบ้ ริ หารการศึกษา ผูบ้ รหิ าร สถานศกึ ษา บุคลากรทุกคน ทม่ี ีส่วมรว่ มในการรวบรวมขอ้ มลู วิเคราะห์ สงั เคราะห์ สรุปรายงานผล ตามนโยบาย ดังกลา่ วขา้ งตน้ ประสบผลสาเรจ็ ด้วยดี สานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1

สารบัญ หนา้ ข้อมูลพ้ืนฐาน 1 นโยบายที่ 1 การยกระดับคณุ ภาพการศึกษา 5 นโยบายท่ี 2 การจัดการศึกษาปฐมวยั 17 นโยบายที่ 3 การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ 20 นโยบายท่ี 4 การพัฒนาทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 26 นโยบายที่ 5 การเพ่ิมสดั สว่ นผเู้ รยี นสายอาชีพ 31 นโยบายท่ี 7 การบริหารจัดการศึกษาโรงเรยี นขนาดเลก็ 33 นโยบายที่ 8 การอา่ นออกเขยี นได้ 36 นโยบายท่ี 9 การส่งเสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมในสถานศึกษา 46 นโยบายที่ 13 การพัฒนาครูทัง้ ระบบ 47 นโยบายท่ี 14 การพฒั นาผเู้ รยี นและเยาวชนผ่านกระบวนการลกู เสือและยุวกาชาด 53 ภาคผนวก - ผลงานที่นาเสนอ - ขา่ วประชาสมั พนั ธ์

สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 นายอภิรักษ์ อม่ิ จิตอนสุ รณ์ ผู้อานวยการสานักงานเขตพน้ื พืน้ การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นายสมเกียรติ ปงจนั ตา นายประสิทธ์ิ พรมศรี นายสมคิด ธรรมสทิ ธ์ิ นางวรางคณา ไชยเรอื น รองผอู้ านวยการเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1

ผอู้ านวยการกลุ่ม/หนว่ ย สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นางวัลยา ปุกมณี นายนรินทร์ สกณุ า นายเอกฐสิทธ์ิ กอบกา กลมุ่ สง่ สรมิ การจดั การศึกษา หนว่ ยตรวจสอบภายใน กลุม่ นเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล นายเสรี เสมพูล กลมุ่ บริหารงานบุคคลและกล่มุ พฒั นาบุคลากร นางสาวศริ นิ ารถ หมูเทพ นางชีวพร สุรยิ ศ นางอรพิณ กองคาบตุ ร กลุ่มอานวยการ กลมุ่ นโยบายและแผน กลุ่มบรหิ ารงานการเงินและสินทรัพย์ และกลุ่มส่งเสรมิ การศกึ ษาทางไกลฯ

3 ขอ้ มูลพื้นฐาน สถานทีต่ ้งั สานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ต้ังอยูหํ มูทํ ่ี 12 ถนนลาปาง – งาว ตาบลพชิ ยั อาเภอเมอื งลาปาง จังหวดั ลาปาง รหัสไปรษณีย๑ 52000 เวบ็ ไซตส๑ านกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 www.lpg1.go.th พ้นื ที่รับผิดชอบ สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 มีหนา๎ ท่ีสงํ เสริม สนับสนุนการจัดการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐานในเขตพ้ืนท่รี บั ผิดชอบ 4 อาเภอ ได๎แกํ อาเภอเมืองลาปาง อาเภอหา๎ งฉตั ร อาเภองาว และอาเภอ แมํเมาะ มตี าบลรวม 41 ตาบล จานวนสถานศึกษาในสงั กดั 120 โรงเรยี น (117 โรงเรียน 3 สาขา) ขอ้ มลู บุคลากรในสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 1. จานวนบุคลากรในสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ตาแหน่ง จานวนบุคลากรในสานักงาน เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา ผูอ๎ านวยการ สพป.ลาปาง เขต 1 1 รองผ๎อู านวยการ สพป.ลาปาง เขต 1 4 ศกึ ษานเิ ทศก๑ 11 บคุ ลากร 38(ค) 37 ลูกจ๎างประจา 13 พนกั งานราชการ 2 อัตราจา๎ ง 5 รวมท้ังส้นิ 73

4 2. จานวนบคุ ลากรในสถานศกึ ษาสงั กัด สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ตาแหน่ง จานวนบุคลากรในสถานศึกษา ผูอ๎ านวยการโรงเรยี น 86 รองผูอ๎ านวยการโรงเรียน 8 ข๎าราชการครู 908 ลกู จา๎ งประจา 67 พนักงานราชการ 17 ลูกช่ัวคราว 468 1,554 รวมทั้งส้นิ 3. จานวนนักเรียนจาแนก เพศ ระดับช้ันเรยี น ปี 2561 สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ระดับชน้ั ชาย หญิง รวม อนบุ าล 1 433 453 886 อนุบาล 2 739 694 1,433 อนบุ าล 3 764 839 1,603 รวมกอํ นประถมศึกษา 1,936 1,986 3,922 ประถมศึกษาปที ่ี 1 1,051 961 2,012 ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 1,009 938 1,947 ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 948 956 1,904 ประถมศึกษาปีท่ี 4 976 902 1,878 ประถมศึกษาปที ี่ 5 981 999 1,980 ประถมศึกษาปีท่ี 6 1,040 932 1,972 รวมประถมศกึ ษา 6,005 5,688 11,693 มัธยมศึกษาปที ี่ 1 200 197 397 มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 221 202 423 มัธยมศึกษาปที ่ี 3 196 193 389 รวมมัธยมศกึ ษาตอนต๎น 617 592 1,209 รวมกํอนประถมศกึ ษา – มัธยมศึกษาตอนต๎น 8,558 8,266 16,824

5 นโยบายท่ี 1 การยกระดับคณุ ภาพการศึกษา ประเดน็ นโยบายการตรวจราชการฯ: 1.1 การยกระดบั คะแนน O-NET 1.1.1 การตรวจสอบ/วเิ คราะหจ์ ุดออ่ นจดุ แขง็ ท้ังรายกลุ่มสาระและรายสาระ (ตวั ชีว้ ัด) ตวั ช้ีวัด : สถานศกึ ษา ได้ตรวจสอบ/วเิ คราะห์จดุ อ่อนจดุ แขง็ ทัง้ รายกลุ่มสาระและรายสาระ (ตัวช้ีวดั ) ร้อยละ 100 ผลการดาเนินการ 1. ผลการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม มีความกา้ วหอนยา้ ่างไร การดาเนินงานของสถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศึกษา จานวน มีการตรวจสอบ/ จดั กจิ กรรม กาหนดเป้าหมายการ (สังกดั ) สถานศกึ ษา วเิ คราะห๑จุดออํ นจดุ การเรยี นการสอน ยกระดบั คําเฉลย่ี แขง็ ผลการทดสอบ และแกป๎ ญั หา O-NET สพป.ลาปาง เขต 1 ท้ังหมด จดุ ออํ นเพ่อื พฒั นา O-NET จดุ แขง็ รายสาระ จานวน ร๎อยละ จานวน รอ๎ ยละ จานวน รอ๎ ยละ 96 96 100 96 100 96 100 2. หนว่ ยงานมีวธิ กี าร/ปจั จยั ใดที่สามารถดาเนนิ การให้บรรลุผลสาเร็จตามประเด็นการตรวจ ติดตาม หรอื เกดิ ผล กระทบทางบวกแกผ่ เู้ รยี น อย่างไรบ้าง ดาเนนิ การประชุมชแ้ี จงแนวทางการดาเนนิ งานในรปู แบบของการนเิ ทศ ติดตาม โดยใชก๎ ระบวน การ นเิ ทศ APICE ซ่ึงจะใหผ๎ ร๎ู ับผิดชอบงานกลุมํ งานวดั และประเมินผล (ระดบั เขตพน้ื ท่ีการศึกษา) และครผู ูส๎ อนท่ี รับผิดชอบงานวชิ าการ และในแตํละกลุํมสาระการเรยี นรู๎ (ระดับสถานศึกษา) ดาเนนิ การศึกษาวเิ คราะห๑สภาพ (Assessing Needs = A) โดยการตรวจสอบ/วิเคราะหจ๑ ุดอํอน จดุ แข็งผลการทดสอบ O-NET วาํ มีสาระ/ มาตรฐานการเรียนรู๎ใดบา๎ งท่ตี ่ากวําคําเฉลยี่ ของประเทศ และจะต๎องดาเนินการแกไ๎ ข/พัฒนาบ๎าง สรุปผลดงั น้ี - ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 กลมุํ สาระท่ีมีคะแนนเฉล่ยี เกินร๎อยละ 50 กลํมุ สาระท่มี คี ะแนนเฉล่ียต่าร๎อยละ 50 ภาษาไทย (50.12) 1)ภาษาองั กฤษ (40.29) 2)คณติ ศาสตร๑ (40.94) 3)วทิ ยาศาสตร๑ (41.61) สาระการเรยี นรู๎ มาตรฐานการเรยี นรทู๎ ี่ควรเรงํ พฒั นา เนอ่ื งจากคะแนนเฉลีย่ ระดบั เขตพื้นทีต่ า่ กวําคะแนน ภาษาไทย วทิ ยาศาสตร๑ เฉลี่ยระดับประเทศ คณติ ศาสตร๑ - ภาษาอังกฤษ 1)มาตรฐาน ว 7.2 2)มาตรฐาน ว 6.1 มาตรฐาน ค 3.1 -

6 - ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 กลุมํ สาระทม่ี ีคะแนนเฉลย่ี เกินรอ๎ ยละ 50 กลํมุ สาระทีม่ คี ะแนนเฉลี่ยต่าร๎อยละ 50 - คณิตศาสตร๑ (25.08) ภาษาองั กฤษ (27.84) วทิ ยาศาสตร๑ (32.14) ภาษาไทย (48.31) สาระการเรียนรู๎ มาตรฐานการเรียนร๎ูที่ควรเรงํ พัฒนา เนอื่ งจากคะแนนเฉลีย่ ระดบั เขตพ้นื ทต่ี ่ากวําคะแนน ภาษาไทย เฉล่ยี ระดับประเทศ วทิ ยาศาสตร๑ 1) มาตรฐาน ท 1.1 คณติ ศาสตร๑ 2) มาตรฐาน ท 3.1 3) มาตรฐาน ท 5.1 ภาษาอังกฤษ 1) มาตรฐาน ว 2.1 2) มาตรฐาน ว 7.1 3) มาตรฐาน ว 4.2 4) มาตรฐาน ว 6.1 5) มาตรฐาน ว 4.1 6) มาตรฐาน ว 5.1 1) มาตรฐาน ค 1.4 2) มาตรฐาน ค 1.1 3) มาตรฐาน ค 5.2 4) มาตรฐาน ค 5.1 5) มาตรฐาน ค 1.2 6) มาตรฐาน ค 3.2 7) มาตรฐาน ค 2.1 8) มาตรฐาน ค 4.2 1) มาตรฐาน ต 1.3 2) มาตรฐาน ต 2.2 3) มาตรฐาน ต 1.2 4) มาตรฐาน ต 1.1 5) มาตรฐาน ต 2.1 3. ปัญหา/อุปสรรคท่เี กดิ ขน้ึ จากการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ติดตาม - 4. ขอ้ เสนอแนะของหน่วยงาน -

7 5. ตน้ แบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) เร่ือง/กิจกรรมและรายละเอยี ด รายชื่อ ทีต่ ั้ง ของต๎นแบบหรอื แบบอยาํ งท่ีดี หนํวยงาน/สถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาลลาปาง อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง การตรวจสอบ/วิเคราะห๑จดุ อํอน โรงเรียนวัดบ๎านสกั อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง จุดแขง็ ท้ังรายกลมุํ สาระและ โรงเรยี นกอรวกพทิ ยาสรรค๑ อาเภอแมํเมาะ จงั หวดั ลาปาง รายสาระ (ตัวชี้วัด) 1.1.2 การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน และแกป้ ญั หาจุดออ่ น เพ่ือพฒั นาจุดแข็งรายสาระ(ตัวช้วี ัด) ตัวชว้ี ัด : สถานศกึ ษา ได้จัดกจิ กรรมการเรียนการสอน และแก้ปญั หาจดุ อ่อน เพ่อื พฒั นาจุดแขง็ รายสาระ (ตวั ชี้วดั ) รอ้ ยละ 100 ผลการดาเนนิ การ 1. ผลการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มคี วามก้าวหอนย้า่างไร ในแตํละสถานศึกษาไดม๎ ีการแก๎ปญั หาการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน โดยใชก๎ ระบวนการวจิ ัยใน ช้นั เรียน ทง้ั นไ้ี ด๎ดาเนนิ การใหส๎ อดคล๎องกบั ธรรมชาตขิ องรายวชิ า/มาตรฐานการเรยี นร๎ู/ตัวช้วี ดั 2. หนว่ ยงานมวี ิธีการ/ปัจจัยใดทีส่ ามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแก่ผู้เรยี น อย่างไรบา้ ง 1) วางแผนการยกระดับคณุ ภาพ O-NET 1.1) วางแผนการดาเนินงาน รํวมกับทีมบริหาร (ผอู๎ านวยการ สพป.ลาปาง เขต 1 รองอานวยการ สพป.ลาปาง เขต 1 ผ๎อู านวยการกลุมํ ) คณะกรรมการ กตปน. ศึกษานิเทศก๑ สพป.ลาปาง เขต 1 ทุกคน 1.2) จัดสรรงบประมาณให๎โรงเรยี นทีม่ คี ะแนนเฉลยี่ O – NET ในภาพรวมตา่ กวาํ ร๎อยละ 50 โรงเรียนประถมศึกษา(อนบุ าล–ป.6) จานวน 62 โรงเรียนๆละ9,500 บาท เป็นเงนิ 589,000 บาท โรงเรยี น ขยายโอกาสทางการศึกษา (อนบุ าล – ม.3) จานวน 23 โรงเรียนๆละ 14,000 บาท เปน็ เงนิ 322,000 บาท รวม 85 โรงเรยี น เป็นเงิน 911,000 บาท เพื่อนาไปพฒั นา/สร๎างนวัตกรรมแกป๎ ญั หาการเรยี นรู๎ โดยใช๎ กระบวนการวิจัยในช้นั เรียน เครอื ขาํ ย 1.3) ประชมุ สัมมนาประธานเครอื ขาํ ย ผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษา และครูผ๎สู อนในแตํละกลมํุ 2) เรํงรดั ให๎ทุกโรงเรยี นมฐี านขอ๎ มูลคุณภาพและผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของผ๎เู รียนเป็นรายบคุ คล ระดับโรงเรยี น และระดบั เขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา 2.1) ประชาสมั พนั ธแ๑ ละแจง๎ ใหผ๎ บู๎ รหิ ารโรงเรียน และครูผ๎ูสอน ดาเนนิ การจัดทาฐาน ขอ๎ มลู คุณภาพและผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของผเู๎ รียนเปน็ รายบุคคล ระดับโรงเรยี น 2.3) ศกึ ษานเิ ทศกแ๑ ละบุคลากรทเี่ ก่ียวขอ๎ งในแตลํ ะกลํุมเครอื ขําย ดาเนนิ การจัดทา ฐานข๎อมูลคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายบคุ คล ระดับโรงเรียน และระดับเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา 3) นิเทศ ตดิ ตามสถานศึกษากลมํุ เป้าหมาย โดยใช๎กระบวนการนิเทศ APICE Model นอกจากนี้ สพป.ลาปาง เขต 1 มีการจดั กิจกรรมเพื่อเสริมจุดแข็งผลการทดสอบ O-NET ของ สถานศึกษาโดยใช๎กระบวนการนิเทศ APICE Model ดังนี้ 1. ศกึ ษาสภาพ และความตอ๎ งการ (Assessing Needs = A) ศกึ ษานิเทศก๑ ผบู๎ ริหารสถานศึกษา ครผู สู๎ อน และบคุ ลากรที่เก่ียวข๎องดาเนนิ การศึกษาสภาพ และวเิ คราะห๑ผลการดานนิ งานตํางๆ เชนํ

8 1) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดบั ชั้นเรียน 2) ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนระดับชาติ (O-NET) 3) การวางแผนการจัดกจิ กรรม เชํน การจดั ทาหนวํ ยการเรียนรู๎ การพฒั นา/จดั ทาแผนการ จดั การเรียนร๎ู การการพฒั นา/ผลิตสอ่ื การเรียนการสอน การสร๎างเครื่องมือวัดและประเมินผล 4) การจดั กิจกรรมการเรียนรู๎สผํู ๎เู รยี น 5) การใช๎สือ่ การเรียนร๎ูประกอบการจดั กจิ การเรียนการสอน 6) การวดั และประเมนิ ผลผ๎ูเรยี น 2. การวางแผน (Planning : P) ศึกษานเิ ทศก๑ ผบ๎ู รหิ ารสถานศกึ ษา ครูผู๎สอน และบคุ ลากรท่ี เกีย่ วข๎อง ดาเนินการวางแผนการนิเทศ กากับ ติดตามรวํ มกัน เชํน 1) กาหนดตัวชวี้ ัด (KPI) 2) จัดทาส่อื และเครอื่ งมือการนิเทศ ติดตามการยกระดับคณุ ภาพO-NET 3) จดั ทาคลงั เครือ่ งมือและคลงั ข๎อสอบตามโครงสร๎างข๎อสอบ (Test Blueprint) O-NET 4) จดั ทาปฏิทนิ การนิเทศ ตดิ ตามการยกระดบั คณุ ภาพO-NET 3. การให๎ความร๎ูกอํ นการนเิ ทศ (Informing = I) ประชุมเชิงปฏบิ ัติการให๎ความร๎ู เกย่ี วกบั 1) การวิเคราะหข๑ ๎อสอบตามตัวชีว้ ดั และมาตรฐานการเรยี นรู๎และโครงสรา๎ งข๎อสอบ (Test Blueprint) O-NET 2) การจดั กิจกรรมและประเมนิ ตามศตวรรษท่ี 21 3) การสร๎างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผลตามสภาพจริง 4) การสรา๎ งเครอ่ื งมือตามแนวทาง PISA 5) การแก๎ปัญหาการเรียนรู๎ โดยใช๎กระบวนการวิจยั ในชนั้ เรยี น 6) การจดั กจิ กรรมและประเมนิ การอาํ น คดิ วิเคราะห๑ และเขียน 7) STEM Education 8) การสงํ เสรมิ ทักษะการเรียนรู๎และการแกป๎ ัญหาการเรยี นรู๎ โดยใชแ๎ บบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการเรยี นรู๎ ภาษาไทย คณติ ศาสตร๑ วิทยาศาสตร๑ และภาษาองั กฤษ 9) การศกึ ษาทางไกลผาํ นดาวเทียม DLTV และ DLIT 4. ดาเนินการนเิ ทศแบบโคช๎ (Coaching = C) ดาเนนิ การการนิเทศแบบโค๎ช (Coaching = C) โดยเน๎นโรงเรยี นเปน็ ฐานผ๎นู ิเทศ ประกอบด๎วย ทมี บริหาร คณะกรรมการ กตปน. ศึกษานเิ ทศก๑ ประธานเครอื ขําย ผ๎บู ริหารสถานศกึ ษา ครผู ูส๎ อนวิชาการ และ บคุ ลากรทเ่ี กี่ยวข๎องรํวมกนั นเิ ทศ ตดิ ตาม สถานศกึ ษาในสงั กดั จานวน 12 กลํุมเครือขําย โดยใช๎โรงเรียนเป็นฐาน ตามบริบทการบรหิ ารการจดั การศกึ ษาภายใตข๎ อ๎ จากัดตํางๆของสถานศึกษา ในการนเิ ทศโรงเรยี นในแตลํ ะกลมํุ เครือขาํ ย ผน๎ู เิ ทศ ได๎ใช๎กระบวนการ PLC .ในการนิเทศแบบ โค๎ช (Coaching = C) แกํครูผู๎สอน 4 กลมํุ สาระการเรยี นร๎ภู าษาไทย คณิตศาสตร๑ วิทยาศาสตร๑ และภาษาอังกฤษ (ผ๎รู บั การนิเทศ) ทเ่ี น๎นการยกระดับคุณภาพของผู๎เรยี น ซ่งึ ให๎ให๎ครผู ูส๎ อน ดาเนนิ การ ดงั น้ี 1) วเิ คราะห๑ปัญหาของผ๎ูเรยี น 2) เลอื กแนวทางในการแกป๎ ัญหา 3) กาหนดเปา้ หมายความสาเรจ็ 4) วางแผนการแก๎ปญั หา 5) ดาเนนิ การแก๎ปัญหาตามแผนทว่ี างไว๎ ในแตํละกจิ กรรมทไ่ี ดก๎ าหนดไว๎ 6) วเิ คราะห๑ สรุปผลการดาเนินงาน 7) แลกเปล่ยี นเรียนร๎เู ลาํ ถงึ ความสาเร็จ และขอ๎ เสนอแนะในการดาเนนิ งาน

9 5. การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating = E) ดาเนนิ การประเมินผลการนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม ดังนี้ 1) รวบรวม วเิ คราะห๑ สังเคราะห๑ผลการนิเทศ 2) ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการนเิ ทศ กากับติดตาม ผลการพัฒนา เก่ยี วกับความร๎ู ความเขา๎ ใจ การวางแผน/ออกแบบการเรียนรู๎ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน การใช๎สื่อ/แหลงํ การเรียนร๎ู การวดั และ ประเมินผล 3) สรุปและจัดทารายงานผลการนิเทศ ติดตาม 4) จดั กจิ กรรมแลกเปลย่ี นร๎ู PLC ของครผู ส๎ู อน 4 กลํุมสาระการเรียนรู๎ภาษาไทย คณิตศาสตร๑ วทิ ยาศาสตร๑ และภาษาอังกฤษ 5) มอบเกียรตบิ ัตรรางวัลแกํสถานศกึ ษาทม่ี ีคําเฉลยี่O-NET สูงกวาํ ระดบั ชาติ จานวน 38 โรงเรียน คดิ เป็นร๎อยละ 36.19 3. ปัญหา/อปุ สรรคทเี่ กิดขน้ึ จากการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม - สื่อหรือนวัตกรรมของครผู ๎สู อนในโรงเรียนทมี่ ีผลการประเมินไมบํ รรลคุ าํ เปา้ หมาย พบวํา ยังไมสํ ะทอ๎ น กบั ปญั หาหรอื จุดออํ นทพ่ี บในแตลํ ะมาตรฐานการเรยี นรู๎ 4. ข้อเสนอแนะของหน่วยงาน - ควรพัฒนาและสงํ เสรมิ ใหค๎ รผู ู๎สอนผลิตส่ือหรอื นวตั กรรม เพ่อื นามาใชใ๎ นการแกไ๎ ขปัญหาในแตํละ มาตรฐานการเรียนร๎ู ทเ่ี ปน็ จุดออํ น และแก๎ปญั หา โดยใชก๎ ระบวนการวิจัยในช้นั เรียน 5. ตน้ แบบหรอื แบบอย่างท่ีดี (Best Practice ๓ ลาดับแรก) เร่ือง/กจิ กรรมและรายละเอยี ด รายช่อื ท่ตี ง้ั ของต๎นแบบหรอื แบบอยาํ งท่ีดี หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศกึ ษา การแกป๎ ญั หาการจัดการเรียนรู๎ โรงเรียนอนบุ าลลาปาง อาเภอเมอื ง จังหวดั ลาปาง โดยใชก๎ ระบวนการวจิ ยั ใน โรงเรยี นวัดบา๎ นสกั อาเภอเมอื ง จงั หวดั ลาปาง ชั้นเรียน โรงเรยี นกอรวกพิทยาสรรค๑ อาเภอแมเํ มาะ จงั หวดั ลาปาง 1.1.3 การกาหนดเป้าหมาย การยกระดับค่าเฉล่ีย O-NET ตามแนวทางกาหนด มาตรฐานการศึกษา ของสถานศึกษา ซงึ่ ออกตามกฎกระทรวงว่าด้วยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร การประกันคณุ ภาพการศึกษา ตัวช้ีวัด : สถานศึกษา มีการกาหนดเปา้ หมาย การยกระดับคา่ เฉลีย่ O-NET ตามแนวทางกาหนดมาตรฐาน การศึกษาของสถานศกึ ษาซงึ่ ออกตามกฎกระทรวงวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์และวธิ กี าร การประกันคุณภาพการศึกษา รอ้ ยละ 100 1. ผลการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ติดตาม มีความก้าวหอนยา้ า่ งไร สถานศกึ ษา ร๎อยละ 100 ไดม๎ ีการกาหนดเป้าหมาย ในการยกระดบั คําเฉลีย่ O-NET สงู ข้นึ ร๎อยละ 3 จากปีการศกึ ษาท่ีผาํ นมา ผลการดาเนนิ งานดงั น้ี - ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 (จานวนโรงเรยี นท่เี ปรียบเทยี บ 96 โรง) คะแนนเฉลยี่ เพ่มิ ขึ้นรอ๎ ยละ 3 ขึ้นไป คะแนนเฉล่ียเพ่มิ ขน้ึ ไมถํ ึงร๎อยละ 3 คะแนนเฉล่ียเพิ่มขึ้น(พฒั นาการสงู ขนึ้ ) จานวน รอ๎ ยละ จานวน ร๎อยละ จานวน ร๎อยละ 19 18.27 10 9.62 29 27.88 - ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 (จานวนโรงเรียนท่ีเปรียบเทียบ 23 โรง) คะแนนเฉล่ียเพ่ิมข้ึนรอ๎ ยละ 3 ขึ้นไป คะแนนเฉลยี่ เพ่ิมข้นึ ไมํถงึ ร๎อยละ 3 คะแนนเฉลย่ี เพมิ่ ขนึ้ (พัฒนาการสงู ขึน้ ) จานวน รอ๎ ยละ จานวน ร๎อยละ จานวน ร๎อยละ 6 26.09 6 26.09 12 52.17

10 2. หนว่ ยงานมีวิธีการ/ปัจจัยใดทส่ี ามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม หรอื เกิดผล กระทบทางบวกแก่ผเู้ รยี นอยา่ งไรบ้าง สพป.ลาปาง เขต 1 ได๎ดาเนินการวางแผน (Planning : P) เกีย่ วกบั การกาหนดคาํ เป้าหมาย ตัวชวี้ ดั (KPI) ผรู๎ ํวมวางแผน ประกอบด๎วย ศกึ ษานเิ ทศก๑ ผ๎บู ริหารสถานศกึ ษา ครูผส๎ู อน และบคุ ลากรทเี่ กย่ี วขอ๎ ง 3. ปัญหา/อปุ สรรคทเ่ี กิดข้ึนจากการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม - สถานศกึ ษาทม่ี ผี ลการประเมนิ ไมํเปน็ ไปตามคาํ เป้าหมายที่กาหนด สวํ นใหญํเปน็ โรงเรยี นขนาดเล็ก มีครูไมํครบชั้น 4. ข้อเสนอแนะของหน่วยงาน - ควรพฒั นาและสงํ เสรมิ ครูผส๎ู อนในการแก๎ไขปัญหาในมาตรฐานการเรยี นร๎ทู ่คี วรเรํงพัฒนา โดยใช๎ กระบวนการวจิ ยั ในชั้นเรยี น 5. ต้นแบบหรอื แบบอยา่ งที่ดี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) เรอื่ ง/กจิ กรรมและรายละเอียด รายชือ่ ที่ต้งั หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา ของต๎นแบบหรอื แบบอยํางทด่ี ี หนํวยงาน/สถานศกึ ษา มกี ารจัดกจิ กรรมทเี่ นน๎ ผ๎ูเรียน วดั พระเจา๎ น่งั แทนํ อาเภอเมอื ง จงั หวัดลาปาง อาเภอห๎างฉัตร จงั หวัดลาปาง เปน็ สาคัญ แก๎ปญั หาการเรียนร๎ู โรงเรยี นเมืองยาววทิ ยา อาเภอแมเํ มาะ จังหวดั ลาปาง โดยใช๎กระบวนการวจิ ัยใน ชั้นเรยี น และมคี าํ เปา้ หมาย โรงเรียนกอรวกพทิ ยาสรรค๑ สงู กวาํ ร๎อยละ 3 และมกี าร พัฒนาการจากปีการศกึ ษา2559 ๑.๒ การยกระดับคะแนนเฉล่ยี PISA ๑.๒.๑ การเตรยี มความพร้อมของครเู พื่อรองรับการทดสอบPISA (เชน่ การศกึ ษาเรยี นรูแ้ บบทดสอบ PISA)ตัวช้วี ดั : สถานศึกษาทกุ ระดบั ได้เตรยี มความพร้อมของครูเพื่อรองรับการทดสอบ PISA (เชน่ การศกึ ษา เรยี นรแู้ บบทดสอบ PISA) รอ้ ยละ ๑๐๐) ผลการดาเนินการ 1. ผลการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม มคี วามก้าวหนา้ อยา่ งไร ครูผู๎สอนกลุํมเป้าหมายระดบั ชน้ั ม.๓ จานวน ๒๓ โรงเรยี นๆละ ๓ คน รวม ๖๙ คน มกี ารศกึ ษาเรียน แบบทดสอบ PISA เพอ่ื การนาไปสกํู ระบวนการพัฒนาผู๎เรยี น ใหม๎ ีความพรอ๎ มรบั การประเมนิ ในระดับสถานศกึ ษา ใน ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ ครบทุกคน/ทกุ โรงเรยี น ในสังกดั (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๒. หน่วยงานมีวิธีการ/ปัจจยั ใดท่สี ามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแกผ่ เู้ รียน อย่างไรบ้าง ๒.๑. กาหนดใหค๎ รูผส๎ู อนกลมํุ เป้าหมายระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนต๎น ของโรงเรียนขยายโอกาสทาง การศึกษา จัดทาแผนการพฒั นาการเตรียมความพร๎อมสาหรบั การประเมนิ ผลนกั เรียนนานาชาติ PISA ๒๐๑๘ ระดับ สถานศึกษาภายในเดอื น พฤษภาคม-กรกฎาคม ๒๕๖๑

11 ๒.๒. ครูกลํมุ เป้าหมายสงํ แผนการพฒั นา ผเ๎ู รียนเพอ่ื การเตรียมความพรอ๎ มสาหรับการประเมนิ ผล นกั เรยี นนานาชาติ PISA ๒๐๑๘ ระดบั สถานศึกษา ภายใน ๑๘ เดือน พฤษภาคม ๒๕๖๑ ครบทกุ โรงเรยี น (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๒.๓ ครกู ลํมุ เปา้ หมายศึกษาแนวข๎อสอบ ในด๎านการรู๎เร่ืองด๎านการอําน การรเ๎ู รื่องคณิตศาสตร๑ และการรูเ๎ รื่องวิทยาศาสตร๑ ตามแนวทางข๎อสอบ PISA ระบบออนไลนค๑ รบทุกโรงเรยี น (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๒.๔. ครูกลุํมเปา้ หมาย นาความร๎ูความเขา๎ ใจและดาเนนิ การตามแผนการพฒั นา และตามนโยบาย การใชร๎ ะบบออนไลน๑ข๎อสอบ PISA ไปสูกํ ระบวนการพฒั นาการสอนใหม๎ ีความพร๎อมระดับสถานศกึ ษา ไดต๎ ามแนวทาง ทีก่ าหนดภายในเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม ๒๕๖๑ ครบทุกโรงเรยี น (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๒.๓. ศึกษานเิ ทศก๑ทุกกลํมุ เครือขาํ ย นิเทศติดตาม ให๎ขอ๎ แนะนาการพฒั นาการสอน กบั ครูผู๎สอน ท้ัง ๓ รายวิชา กลมุํ เปา้ หมาย โดยการนิเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ไดใ๎ ชก๎ ระบวนการนเิ ทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ในขน้ั ท่ี ๑ ศกึ ษาสภาพ และความต๎องการ (Assessing Needs = A) วิเคราะหข๑ อ๎ มูลสารสนเทศที่ เกย่ี วข๎อง ข้ันท่ี ๒. วางแผน การดาเนินงานพฒั นาเพื่อยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาการวางแผน (Planning : P) รวํ มกนั ทัง้ ระดบั เขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา และระดบั สถานศกึ ษา ทกุ โรงเรียน/ทุกกลุมํ เครือขําย ตามแผนการพัฒนาผูเ๎ รียนเพื่อการ เตรียมความพร๎อมสาหรับการประเมนิ ผล PISA ๒๐๑๘ ระดบั สถานศึกษา ครบทกุ โรงเรียน (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๓. ปัญหา/อุปสรรคที่เกดิ ข้ึนจากการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม - ไมํมี - ๔. ขอ้ เสนอแนะของหนว่ ยงาน - ไมํมี – ๕. ต้นแบบหรือแบบอยา่ งท่ีดี (Best Practice ๓ ลาดับแรก) เรื่อง/กิจกรรมและรายละเอียด รายชื่อ ที่ต้ัง ของตน๎ แบบหรอื แบบอยาํ งทดี่ ี หนํวยงาน/สถานศึกษา หนวํ ยงาน/สถานศึกษา อาเภอห๎างฉตั ร จังหวดั ลาปาง ๑. ดาเนินการพฒั นาผเ๎ู รียน ให๎มคี วาม พรอ๎ ม สอดคล๎องตามผลการวเิ คราะห๑ ข๎อมลู สารสนเทศท่เี กยี่ วขอ๎ ง ในระดับ สถานศกึ ษา เนน๎ การฝกึ ทักษะการ สอบตามแนว PISA ให๎สอดคล๎องกบั ปัญหาความตอ๎ งการของผเ๎ู รียน ๒. การสรา๎ งแรงจงู ใจในการฝึกทกั ษะ ให๎ผเ๎ู รียนด๎วยเทคโนโลยี ICT ,Computer Based Assessment เมืองยาววิทยา ๓.สอนในชวั่ โมงกจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลาร๎ู สัปดาห๑ละ ๑ ชัว่ โมง ตํอ รายวิชา (ชวํ งวัน/เวลา ไมํตรงกันใน แตลํ ะรายวิชา) ๔.นกั เรียนฝกึ ปฏบิ ัติ/ฝึกทักษะการ สอบตามแนว PISA เองนอกเวลาเรียน

12 เรอื่ ง/กจิ กรรมและรายละเอยี ด รายชื่อ ท่ตี งั้ ของต๎นแบบหรือแบบอยํางทด่ี ี หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศึกษา อาเภองาว จงั หวดั ลาปาง ๕.บูรณาการความรูเ๎ สรมิ ในช่วั โมง อาเภองาว จงั หวัดลาปาง เรยี นภาษาไทย คณิตศาสตร๑ และ วทิ ยาศาสตร๑ ๖.ผู๎บรหิ ารฯ มกี ารนเิ ทศภายในและ ใหก๎ ารสนับสนุนการพฒั นาผเู๎ รียน ใน ระดับสถานศกึ ษา ๑. ดาเนินการพฒั นาผเ๎ู รยี น ใหม๎ ีความ พรอ๎ ม ฝกึ ทกั ษะการสอบตามแนว PISA สอดคลอ๎ งกับปัญหาความ ตอ๎ งการของผเ๎ู รียน ๒. บรู ณาการความรเ๎ู สริมในชวั่ โมง เรียนภาษาไทย คณติ ศาสตร๑ และ วทิ ยาศาสตร๑ ๓.สอนในชั่วโมงกิจกรรมลดเวลาเรยี น แมํแปน้ วิทยา เพม่ิ เวลารู๎ สปั ดาหล๑ ะ ๑ ชวั่ โมง ตอํ รายวิชา (ชวํ งวนั /เวลา ไมตํ รงกันใน แตลํ ะรายวชิ า) ๔.เปิดโอกาสใหผ๎ ูเ๎ รียนฝึกปฏบิ ตั ิ/ฝกึ ทกั ษะการสอบตามแนว PISA เอง นอกเวลาเรยี นตามความสนใจ ๑. ดาเนินการพฒั นาผเ๎ู รยี น ฝกึ ทักษะ การสอบตามแนว PISA สอดคลอ๎ งกบั ปัญหาความต๎องการของผู๎เรยี น และ สอดคลอ๎ งตามผลการวเิ คราะห๑ข๎อมูล สารสนเทศทีเ่ กี่ยวข๎อง ในระดับ สถานศึกษา ๒. สอนในชั่วโมงกจิ กรรมลดเวลา เรยี นเพ่มิ เวลาร๎ู สัปดาหล๑ ะ ๑ ช่วั โมง บ๎านบอํ หอ๎ ตํอรายวชิ า (ชวํ งวัน/เวลา ไมํตรงกนั ในแตํละรายวชิ า) ๓.บรู ณาการเสรมิ ความรู๎ เทคนิค วิธกี ารสอบตามแนว PISA ในชัว่ โมง เรียนปกติ

13 ๑.๒.๒. การปรบั กระบวนการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับการทดสอบ PISA ตวั ช้ีวดั : สถานศึกษาที่เปดิ สอนช้นั .๓ม ไดป้ รบั กระบวนการเรยี นการสอนท่สี อดคล้องกบั การทดสPอISบA รอ้ ยละ๑๐๐ ผลการดาเนนิ การ 1. ผลการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ติดตาม มคี วามกา้ วหน้าอย่างไร โรงเรียนได๎จดั ทาแผนการพฒั นาผเ๎ู รยี น ระดบั สถานศึกษา โดยบรู ณาการกบั แผนการจัดการเรียนรู๎ และการเพ่มิ เวลาร๎ู ในรายวชิ าท่ีตนเองรบั ผดิ ชอบ ได๎ครบทุกโรง(เรรอ๎ ยี ยนละ๑๐๐ ) ๒. หน่วยงานมีวิธกี าร/ปจั จยั ใดทสี่ ามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม หรอื เกิดผล กระทบทางบวกแกผ่ ูเ้ รยี น อยา่ งไรบ้าง สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ กษา ดาเนินการนิเทศเพอ่ื ยกระดับคุณภาพการศกึ ษา โดยใช๎ กระบวนการนเิ ทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ขัน้ ท่ี ๑ ศึกษาสภาพและความต๎องการ(Assessing Needs = A) วิเคราะห๑ขอ๎ มูลสารสนเทศที่เกี่ยวขอ๎ ง ในขนั้ ท่ี ๒. วางแผน การดาเนนิ งานพฒั นาเพ่อื ยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาการ วางแผน (Planning : P) ขน้ั ท่ี ๓. การให๎ความร๎ูกอํ นการนเิ ทศ (Informing = I) ขนั้ ที่ ๔. นิเทศ เพ่ือยกระดับคณุ ภาพ การศกึ ษา โดยใชก๎ ระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ในขนั้ การนิเทศแบบโคช๎ (Coaching = C) ค๎นหา จุดอํอนด๎วยการกากบั ติดตาม สร๎างแรงจงู ใจใหผ๎ ๎ูเรยี น ไขขอ๎ ขอ๎ งใจอยาํ งเปน็ ระบบ และข้ันท่ี ๕.การประเมนิ ผลการ นิเทศ (Evaluating = E) เพ่อื ให๎สํงผลตอํ การปรบั กระบวนการเรียนการสอนท่สี อดคล๎องกับการทดสอบ PISA ของ สถานศกึ ษาที่เปิดสอนในช้นั ม.๓ ครบทกุ โรงเรียน (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๓. ปญั หา/อปุ สรรคท่ีเกิดข้นึ จากการดาเนินการ - ไมํมี - ๔. ขอ้ เสนอแนะของหน่วยงาน - ไมํมี – ๕. ต้นแบบหรอื แบบอย่างที่ดี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) เรือ่ ง/กิจกรรมและรายละเอยี ด รายชอื่ ท่ตี ั้ง หนวํ ยงาน/สถานศึกษา ของต๎นแบบหรือแบบอยํางทด่ี ี หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา อาเภอหา๎ งฉตั ร จงั หวดั ลาปาง ๑. ฝึกกจิ กรรม โดยบูรณาการกบั แผน การจดั การเรยี นรู๎ และการเพม่ิ เวลารู๎ ในรายวิชาที่ตนเองรับผดิ ชอบ สอดคลอ๎ งกบั การทดสอบ PISA โดย ใช๎ ตัวอยํางขอ๎ สอบจาก internet ให๎ นักเรยี นได๎ฝกึ กจิ กรรม พอ่ื เสริมสรา๎ ง ประสบการณ๑การทดสอบตามแนวทาง เมืองยาววทิ ยา ของการทดสอบ PISA ๒. นาเทคโนโลยี ICT มาประยกุ ต๑ใช๎ใน การเรียนการสอน/การทดสอบ ตาม แนวทางของการทดสอบ PISA

14 เร่ือง/กจิ กรรมและรายละเอียด รายชื่อ ที่ตัง้ หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา ของต๎นแบบหรือแบบอยํางทดี่ ี หนํวยงาน/สถานศึกษา อาเภองาว จงั หวัดลาปาง ๓. สอนตามผลการวเิ คราะหข๑ ๎อมูล อาเภองาว จงั หวดั ลาปาง สารสนเทศที่เกยี่ วขอ๎ ง ในระดับ สถานศึกษา ๔. สรา๎ งแรงจงู ใจให๎ผูเ๎ รยี นด๎วย เทคโนโลยี ICT ,Computer Based Assessment ๑. ดาเนินงานตามแผนพัฒนาเพ่อื ยกระดับคณุ ภาพการศึกษา ระดับ สถานศกึ ษา ๒. พัฒนาผเู๎ รยี นตามปัญหาความ ตอ๎ งการของผูเ๎ รียน ๓. ใช๎ตวั อยํางขอ๎ สอบจาก internet ให๎นกั เรยี นได๎ฝกึ กิจกรรมการเรยี นการ แมแํ ปน้ วิทยา สอนเพือ่ เสริมสร๎างประสบการณ๑การ ทดสอบตามแนวทางการทดสอบ PISA ๔. บรู ณาการกับแผน การจัดการ เรยี นรู๎ และการเพ่มิ เวลารู๎ ในรายวชิ าท่ี ตนเองรับผิดชอบ ๑. ใชต๎ ัวอยํางข๎อสอบจาก internet ใหน๎ กั เรียนได๎ฝึกกิจกรรมการเรียนการ สอนเพอ่ื เสรมิ สรา๎ งประสบการณ๑การ ทดสอบตามแนวทางการสอบ PISA ๒.บรู ณาการกับแผนการจัดการเรียนร๎ู และชวั่ โมงการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลาร๎ู ในรายวชิ าทีต่ นเองรบั ผดิ ชอบ บ๎านบอํ หอ๎ ๓.ดาเนินงานตามแผนพฒั นาเพือ่ ยกระดับคุณภาพการศึกษา ระดับ สถานศกึ ษา ๔.ดาเนนิ การตามผลการวเิ คราะห๑ ข๎อมูลสารสนเทศท่เี กี่ยวขอ๎ ง ในระดับ สถานศกึ ษา

15 ๑.๒.๓ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนใหน้ กั เรียนฝกึ ทาแบบทดสอบตามแนวทางของ PISA ตัวชีว้ ดั : สถานศึกษาเปดิ สอนชน้ั ม.๓ ไดจ้ ัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนเพือ่ เสริมสรา้ งประสบการณก์ ารทดสอบ ตามแนวทางของการทดสอบ PISA แกผ่ เู้ รยี น ร้อยละ ๑๐๐ ผลการดาเนินการ ๑. ผลการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ติดตาม มีความกา้ วหอนย้า่างไร ๑.๑. ใช๎ตัวอยาํ งขอ๎ สอบจาก internet ใหน๎ ักเรยี นไดฝ๎ ึกกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่อื เสริมสรา๎ งประสบการณ๑การทดสอบตามแนวทางของการทดสอบ PISA ครบทุกโรงเรยี น (ร๎อยละ ๑๐๐) ๑.๒. ฝกึ ทักษะใหผ๎ ู๎เรยี นทาการทดสอบ PISA ในข๎อสอบตวั อยาํ งท้งั ๓ รายวชิ าตามระบบของ การสอบทางออนไลน๑ ครบทุกโรงเรยี น (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๑.๓. ครูผสู๎ อนอธบิ ายเหตุและผล โดยการนาเทคโนโลยี ICT มาประยุกต๑ใช๎ในการเรียนการสอน ในกระบวนการทดสอบ ตามแนวทางของการทดสอบ PISA ครบทกุ โรงเรียน (ร๎อยละ ๑๐๐) ๑.๔. พฒั นาและฝึกทักษะผ๎เู รียน ตามผลการวิเคราะห๑ขอ๎ มูลสารสนเทศท่ีเกยี่ วข๎อง ในระดับ สถานศกึ ษา และตามปญั หาความต๎องการของผู๎เรียน ในระดบั สถานศกึ ษา ครบทกุ โรงเรยี น (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๑.๕. สร๎างแรงจูงใจในการฝกึ ทักษะผเ๎ู รียน ดว๎ ยกระบวนการทดสอบจากแนวตวั อยํางข๎อสอบ ทางเทคโนโลยี / ICT ครบทุกโรงเรียน (รอ๎ ยละ ๑๐๐) ๒. หน่วยงานมวี ธิ กี าร/ปัจจัยใดทสี่ ามารถดาเนินการให้บรรลุผลสาเร็จตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแกผ่ ้เู รยี น อยา่ งไรบา้ ง สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ กษา ตดิ ตามการดาเนินการของสถานศึกษา อยาํ งตํอเนอื่ งโดยดาเนนิ การ นิเทศเพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาโดยใชก๎ ระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ใน ขนั้ ที่ ๔. นเิ ทศ เพื่อยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษา โดยใชก๎ ระบวนการนเิ ทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ในขัน้ การนิเทศแบบโค๎ช (Coaching = C) ค๎นหาจดุ อํอนด๎วยการกากบั ตดิ ตาม สร๎างแรงจูงใจให๎ผูเ๎ รียน ไขขอ๎ ขอ๎ งใจอยาํ งเปน็ ระบบ และ ขน้ั ที่ ๕.การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating = E) เพ่อื ให๎สํงผลตํอการปรับกิจกรรมการเรยี นการสอนท่สี อดคลอ๎ ง กบั การทดสอบ PISA ของสถานศึกษาทเี่ ปิดสอนในชน้ั ม.๓ ไดค๎ รบทกุ โรงเรยี น (ร๎อยละ ๑๐๐) ๓. ปญั หา/อุปสรรคที่เกิดข้ึนจากการดาเนนิ การ จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนเพอื่ เสริมสร๎างประสบการณก๑ ารทดสอบตามแนวทางของการทดสอบ PISA แกผํ ูเ๎ รยี น คอื ในบางโรงเรยี นท่อี ยูํในพ้นื ทส่ี ญั ญาณ Wifi ระบบInternet ไมํแรงและไมํเสถียร ทาใหก๎ ารสอน/ การฝึกทกั ษะการสอบโดยระบบออนไลน๑ ไมสํ ามารถดาเนินการได๎ ๔. ขอ้ เสนอแนะของหน่วยงาน ในระดบั สถานศกึ ษา โดยใช๎ ระบบเว็บแห๎งหรอื การดาวน๑โหลด ตัวอยาํ งขอ๎ สอบจาก internet มาเกบ็ ไวใ๎ น External Hard Disk เพ่ือใหผ๎ ๎เู รยี นได๎ฝกึ ทักษะตามความเหมาะสม

๕. ต้นแบบหรอื แบบอยา่ งทีด่ ี (Best Practice ๓ ลาดับแรก) 16 ทตี่ ง้ั เรื่อง/กิจกรรมและรายละเอยี ด รายช่อื หนํวยงาน/สถานศกึ ษา ของตน๎ แบบหรือแบบอยํางที่ดี หนํวยงาน/สถานศึกษา อาเภอห๎างฉัตร จงั หวดั ลาปาง ๑. กิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือ อาเภองาว จงั หวัดลาปาง เสริมสรา๎ งประสบการณก๑ ารทดสอบตาม อาเภองาว จงั หวัดลาปาง แนวทางของการทดสอบ PISA เพอ่ื ให๎ ผเ๎ู รียนไดฝ๎ ึกทกั ษะในชํวงเวลาการลดเวลา เรียนเพม่ิ เวลารู๎ ๒. กจิ กรรมการสรา๎ งแรงจงู ใจในการฝกึ ทักษะให๎ผูเ๎ รียนด๎วยเทคโนโลยี ICT , Computer Based Assessment ๓. การรวมกลุมํ สนใจผเู๎ รียน เพื่อฝกึ เมืองยาววิทยา ทักษะประสบการณก๑ ารทดสอบตาม แนวทางของการทดสอบ PISAในวันหยุด ทโ่ี รงเรียน ๔. การรวมกลุมํ เพื่อน เพอื่ ฝึกทกั ษะ ประสบการณก๑ ารทดสอบตามแนวทาง ของการทดสอบ PISAนอกเวลาเรยี นหรือ วนั หยดุ ทบี่ ๎านของนกั เรยี นทมี่ ีความพรอ๎ ม ในระบบ Computer และ Internet ๑.กจิ กรรมการเรยี นการสอนเพื่อ เสรมิ สร๎างประสบการณ๑การทดสอบตาม แนวทางของการทดสอบ PISA เพอื่ ให๎ ผู๎เรียนไดฝ๎ กึ ทักษะในชํวงเวลาการลดเวลา เรยี นเพ่ิมเวลาร๎ู ๒.กจิ กรรมการสร๎างแรงจูงใจในการฝกึ แมแํ ปน้ วทิ ยา ทกั ษะใหผ๎ ๎เู รยี นดว๎ ยเทคโนโลยี ICT ๓. การรวมกลมุํ สนใจผู๎เรยี น เพื่อฝกึ ทักษะประสบการณก๑ ารทดสอบตาม แนวทางของการทดสอบ PISAในวันหยุด ทโ่ี รงเรยี น ๑.กิจกรรมการเรียนการสอนเพอ่ื เสริมสร๎างประสบการณก๑ ารทดสอบตาม แนวทางของการทดสอบ PISA เพ่อื ให๎ ผเ๎ู รียนไดฝ๎ ึกทักษะในชวํ งเวลาการลดเวลา เรียนเพม่ิ เวลาร๎ู บ๎านบํอห๎อ ๒.กิจกรรมการสรา๎ งแรงจงู ใจในการฝึก ทกั ษะให๎ผเ๎ู รียนดว๎ ยเทคโนโลยี ICT

17 2. นโยบาย : การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ประเดน็ นโยบายการตรวจราชการฯ : การเข้าถึงโอกาสทางการศกึ ษาปฐมวัย ตวั ชวี้ ัด 1 : สัดส่วนนกั เรียนปฐมวยั (3 – 5 ป)ี ต่อประชาชรกลมุ่ อายุ 3 – 5 ปี ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 90 จานวนนักเรยี นปฐมวยั (อนุบาล 1-3 และเดก็ เล็ก) และจานวนสถานศกึ ษาท่เี ปดิ สอนระดบั ปฐมวัย ปกี ารศึกษา 2561 จานวน หนวํ ยงาน/สถานศึกษา สถานศึกษา จานวน นักเรยี นปฐมวยั สถานศึกษาท่มี ีระบบ (สังกัด) ท่ีเปิดสอน ประชากร (อนุบาล 1-3 และ ป้องกันภัยทั้งภายในและ ภายนอกสถานศกึ ษา ระดบั วัยเรียน เด็กเล็ก) ปฐมวยั อายุ 3-5 ปี ท้งั หมด (คน) (แหงํ ) จานวน รอ๎ ยละ จานวน รอ๎ ยละ สพป. ลาปาง เขต 1 88 9,134 3,922 43 88 100 หมายเหตุ: จานวนประชากรวัยเรียน อายุ 3-5 ปี ใช๎ข๎อมูลจากสานกั ทะเบยี นราษฎร๑ของแตลํ ะพื้นที่ ทม่ี าข๎อมลู ศูนยท๑ ะเบียนภาค 5 จงั หวัดลาปาง ณ วันที่ 30 ธนั วาคม 2560 จากตารางจานวน นกั เรียน ที่เข๎าเรยี นระดบั ปฐมวยั ในพืน้ ทบ่ี ริการมจี านวนรอ๎ ยละ 43 ทง้ั นีอ้ าจเป็นเพราะ 1. มีสถานศกึ ษาตํางสงั กดั และตํางหนํวยงานรวมอยูํ เชนํ ศูนย๑พฒั นาเดก็ เล็กขององคก๑ ารปกครอง สํวนทอ๎ งถิ่น สถานรับเล้ยี งเดก็ เอกชน ฯลฯ ทร่ี ับเด็กปฐมวัยเขา๎ เรยี น 2. มกี ารเคลือ่ นย๎ายถ่นิ ฐานติดตามผ๎ปู กครอง โดยไมํยา๎ ยช่อื ออกจากทะเบยี นราษฏร๑ 3. สพป.ลป.เขต 1 สารวจประชากรวยั เรยี นท่ีครบเกณฑ๑ ตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาภาคบงั คบั สวํ นเดก็ ปฐมวัย จะเป็นการเข๎าเรียนเพ่อื เตรยี มความพร๎อมกํอนเข๎าเกณฑ๑การศกึ ษาภาคบงั คบั ตัวช้วี ดั 2 : สถานศึกษามีการจัดทาระบบปอ้ งกันท้ังภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ร้อยละ 100 ผลการดาเนินการ 1. ผลการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ติดตาม มคี วามกา้ วหนา้ อยา่ งไร สพป.ลาปาง เขต 1 ได๎กาหนดเปน็ นโยบายให๎สถานศึกษาทุกแหํงในสังกดั จัดทาคูํมอื แนวทางปฏบิ ตั แิ ละ มาตรการรกั ษาความปลอดภัยของสถานศึกษา คดิ เป็นร๎อยละ 100 ดังนี้ 1) ด๎านอาคารสถานที่ 1. ศกึ ษาสภาพทวั่ ไปของโรงเรียน ชุมชน ความเข๎มแขง็ ของเครือขาํ ยเพ่ือวิเคราะห๑ความเส่ียงจาก การเกดิ อุบตั เิ หตุ อุบตั ิภัย และภยั จากสภาพแวดลอ๎ ม 2. ตรวจสอบโครงสรา๎ งและสํวนประกอบอาคารอยํางสม่าเสมอ 3. มกี ารแตํงต้งั บุคลากรในการดแู ลรักษาอาคารสถานที่ 4. โรงเรียนกาหนดมาตรการหลกั เพอื่ ป้องกนั และแกไ๎ ข 5. กาหนดเวลาและผรู๎ ับผิดชอบอยํางชดั เจนและสามารถปฏิบตั ิได๎ 6. จัดทาปา้ ยขอ๎ ควรระวังด๎านความปลอดภัยในจุดอันตราย 7. ดูแล ซอํ มแซมสวํ นประกอบอาคารใหอ๎ ยํใู นสภาพท่ีปลอดภยั 8. จดั ให๎มีเจา๎ หนา๎ ทต่ี ัดแตงํ กง่ิ ไม๎ใหอ๎ ยํใู นสภาพที่ปลอดภยั อยเูํ สมอ 9. จัดให๎มีแผนการป้องกันและการเคล่อื นยา๎ ยกรณเี กดิ เหตฉุ ุกเฉนิ

18 2) ด๎านอปุ กรณเ๑ ครอ่ื งใชต๎ าํ ง ๆ 1. ตรวจสอบเครอ่ื งมอื เคร่อื งใชแ๎ ละอุปกรณ๑ตาํ ง ๆ กํอนใช๎ทุกครั้ง 2. หา๎ มใช๎เครอ่ื งมือ เครอ่ื งใช๎ และอปุ กรณ๑ตาํ ง ๆ ท่ชี ารดุ 3. แนะนา สาธิต และควบคมุ การใช๎อยํางถกู วิธีตามประเภทของอุปกรณ๑ 4. จัดเก็บเครอ่ื งมอื เครื่องใช๎ อปุ กรณใ๑ นที่เกบ็ ทกุ คร้ังอยาํ งเปน็ ระเบียบปลอดภัย 5. กากบั ดแู ลนกั เรยี นในการใชเ๎ คร่ืองมือ เครอ่ื งใช๎ อุปกรณ๑ใหถ๎ กู ตอ๎ งเหมาะสมกับประเภทกิจกรรม 3) ด๎านเคร่อื งเลํน 1. หลีกเล่ยี งการจดั ซอ้ื อุปกรณ๑กีฬาหรอื เคร่ืองเลํนท่ีอาจกอํ ให๎เกดิ อันตรายไดง๎ ําย 2. หลีกเลยี่ งการจัดกจิ กรรมทีเ่ กย่ี วขอ๎ งกับการปีนต๎นไม๎ 3. แตํงตงั้ ครูเวรประจาวนั คอยควบคมุ กากับ ตดิ ตามดูแลการรกั ษาความปลอดภัยตลอดท้ังวัน 4. จดั ใหม๎ ีผูร๎ บั ผดิ ชอบปฐมพยาบาลเบื้องต๎นและนาสงํ สถานพยาบาล 5. จัดใหม๎ ีความร๎แู ละแนวทางปฏิบัตแิ กํนักเรยี นในกรณีท่ีพบวตั ถุ สง่ิ แปลกปลอม ซึง่ อาจเปน็ วตั ถุระเบิด หรือวัตถอุ ันตราย 4) ด๎านการรับสํงนกั เรยี นและการจราจร 1. โรงเรยี น ผปู๎ กครองและชมุ ชน รํวมมอื กนั กาหนดมาตรการรับ สํงนักเรียนตอนเช๎าและเลกิ เรียน 2. จัดครเู วรประจาวนั ตรวจเชค็ นกั เรยี นที่มผี ู๎ปกครองมารับ 3. แนะนาการเดินแถวกลับบา๎ นและใหพ๎ ีด่ แู ลนอ๎ ง 4. ทากจิ กรรมเกยี่ วกับการฝึกปฏบิ ัติตามกฎจราจร 5. จัดครเู วรและนกั เรียนคอยรบั สํงนกั เรียนที่ประตเู ข๎าออก 5) ดา๎ นโภชนาการ สพป. ลาปาง เขต 1 มีนโยบายและรูปแบบการจัดอาหารกลางวนั ในโรงเรยี นเพ่อื สงํ เสริม สนบั สนุน ให๎โรงเรียนพฒั นาคณุ ภาพอาหารกลางวันในโรงเรยี นเพือ่ ให๎สอดคลอ๎ งกับภาวะเศรษฐกิจโดยคานึงถึง ปริมาณและคณุ คาํ ทางโภชนาการให๎ได๎มาตรฐานโภชนาการ สขุ าภิบาลและอาหารปลอดภยั ดงั น้ี 1. สรา๎ งความตระหนักให๎ผ๎ูบริหารโรงเรียนและครูผร๎ู บั ผิดชอบอาหารกลางวันและผูป๎ ระกอบการ 2. จัดหาวิทยากรใหค๎ วามรู๎เกี่ยวกบั โภชนาการในการดาเนนิ งานอาหารกลางวัน 3. มีการบรหิ ารจดั การและดาเนินงานของสถานศกึ ษาเก่ยี วกบั การดาเนินโครงการอาหารกลางวนั โครงการ อาหารเสรมิ (นม) โครงการสงํ เสริมผลผลติ เพื่อโครงการอาหารกลางวนั โครงการพัฒนาระบบสุขาภบิ าลอาหารที่ดีใน โรงเรยี น และโครงการพฒั นาระบบนา้ ด่มื สะอาดในโรงเรยี นสนบั สนนุ ใหบ๎ ุคลากร ครู แมํครวั แมคํ า๎ นักเรยี นใหม๎ ี ความรูเ๎ กี่ยวกบั โภชนาการ 4. สํงเสรมิ มกี ารจดั ซอื้ และจัดจ๎างหาวตั ถดุ บิ ในทอ๎ งถน่ิ เพือ่ เป็นเมนอู าหารสาหรบั เด็กนักเรยี นให๎หมุนเวียน ปรมิ าณเพยี งพอและมีคณุ คําทางโภชนาการ 5. โรงครัว โรงอาหาร ร๎านคา๎ อปุ กรณ๑ วตั ถุดบิ ผาํ นเกณฑส๑ ขุ าภบิ าลอาหารและอาหารปลอดภัย 6. การเตรยี ม ปรุงประกอบอาหาร มีปริมาณเพยี งพอ การล๎าง หน่ั ปรุง การจัดเกบ็ อาหารสุก ดิบ แห๎ง ให๎ถูกหลักสขุ าภิบาลอาหาร รวมท้งั การตักอาหารตามธงโภชนาการ 7. มีกิจกรรมการเรยี นร๎ูแบบบรู ณาการทั้งในและนอกหอ๎ งเรยี น 8. สงํ เสรมิ และสนบั สนนุ ให๎มโี ครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน 9. พฤตกิ รรมการกนิ ของนักเรียน มคี วามพึงพอใจ มนี สิ ยั ในการบริโภค และมที กั ษะในการเรียนรู๎ ด๎านโภชนาการ 10. ผูบ๎ ริหารโรงเรียนและครทู ่ีรบั ผิดชอบอาหารกลางวันมีการกากบั ติดตาม ประเมินคุณภาพ อาหารทกุ เดือน 11. สํงเสริมการมีสวํ นรํวมของชุมชนและผูป๎ กครอง

19 12. แตงํ ตง้ั คณะกรรมการกากบั นเิ ทศ และติดตามผลและประเมินโครงการเกษตรเพอื่ อาหารกลางวนั เปน็ ประจาทกุ ปี เพือ่ ติดตามการดาเนนิ งานในการดาเนนิ การเงินทุนหมนุ เวียนอาหารกลางวนั และดแู ลการใช๎ โปรแกรมอาหารกลางวนั (Thai School Lunch) 6) ด๎านสขุ อนามยั 1. สรา๎ งความตระหนกั ให๎กบั ผ๎ูบรหิ ารโรงเรียน ครอู นามัย และใหค๎ วามร๎เู กย่ี วกบั สขุ บญั ญัติ 10 ประการ ให๎กบั นกั เรยี น 2. มีการเฝา้ ระวัง ปอ้ งกัน ควบคุมและจดั การอาหารเปน็ พษิ ในโรงเรยี นและดูแลภาวะโภชนาการในเด็ก นักเรยี น มกี ารช่ังน้าหนกั และวดั สวํ นสงู ให๎ได๎มาตรฐาน มกี ารแปรผลและแจง๎ ผลภาวะโภชนาการให๎ผ๎ูเกยี่ วข๎องมีการ วิเคราะหข๑ ๎อมูลภาวะโภชนาการและนาไปใช๎ในการวางแผนสํงเสริมโภชนาการ 3. การพัฒนาสุขนิสัย โดยการใชบ๎ นั ทกึ สขุ ภาพนกั เรียนรายบุคคล มีโครงการหรอื โครงการสุขภาพทีย่ งั เป็น ปัญหาและตอ๎ งแกไ๎ ข มหี ๎องพยาบาลท่ีได๎มาตรฐาน การดแู ลสขุ ภาพชํองปาก การแปรงฟัน สะอาดอยํางมคี ณุ ภาพเพ่ือ ปอ้ งกันฟนั ผใุ นโรงเรียน นกั เรยี นมกี ิจกรรมทางกายทกุ วันอยํางนอ๎ ย วนั ละ 60 นาที 4. อนามัยสงิ่ แวดลอ๎ มในโรงเรยี น ตอ๎ งมหี ๎องสว๎ มสะอาด เพียงพอ ปลอดภยั การจัดการขยะ การควบคุม แมลง และสัตวน๑ าโรค ความสะอาดปลอดภัยของอาหารสถานท่แี ละบรเิ วณโรงเรยี น 5. การจัดการคณุ ภาพอาหารโภชนาการ มกี ารใหโ๎ ปรแกรม Thai School Lunch มกี ารพฒั นาศักยภาพ ผป๎ู ระกอบอาหารกลางวันในโรงเรยี นและการจัดและบริการอาหารให๎ไดม๎ าตรฐาน โภชนาการ 6. ประสานความรวํ มมอื ใหโ๎ รงเรียน ไมคํ วรจดั หาขนมหวาน และไมํขายขนมกรุบกรอบของขบเคีย้ ว นา้ อดั ลมและอาหารทม่ี โี ซเดยี มจากเกลอื และผงชูรส ซึง่ จะมีผลทาใหเ๎ ดก็ ทเ่ี จรญิ เตบิ โตทาให๎มีปัญหาสขุ ภาพสํงผลให๎ เด็กอาจเป็นโรคทางกายและจิตใจ มกี ารเรยี นรชู๎ า๎ ฉุดการพัฒนาความฉลาดของเดก็ วยั เรียน 7. สํงเสรมิ ใหค๎ วามรู๎เกยี่ วกบั การซ้ือ การรับประทานอาหาร การลา๎ งมอื โดยบรษิ ัทคอลเกต มอบสบูํ ลา๎ งมอื ยาสีฟนั วธิ ลี ๎างมือ 7 ข้ันตอน การแปรงฟันให๎ถกู วิธี 8. มีคณะกรรมการกากับนิเทศติดตามผลโครงการอาหารกลางวัน สร๎างความเขา๎ ใจในการดาเนนิ การ ภาวะโภชนาการ พัฒนาศักยภาพของผปู๎ ระกอบการอาหารกลางวัน และการจัดและบรกิ ารอาหารให๎ได๎มาตรฐาน โภชนาการ ดแู ลการใชโ๎ ปรแกรมอาหารกลางวัน (Thai School Lunch) อยํางตํอเน่อื ง 2.หนว่ ยงานวิธีการ/ปัจจยั ทส่ี ามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเดน็ การตรวจตดิ ตามหรือเกิดผลกระทบ ทางบวกแก่ผู้นักเรยี น อย่างไรบ้าง 1. เนน๎ ยา้ ให๎มกี ารเรยี นการสอนเกยี่ วกบั การอยอํู ยํางปลอดภยั ในห๎องเรยี น ในโรงเรยี น ในทอ๎ งถนิ่ และ ระหวํางการเดินทาง และให๎โรงเรยี นต๎องมีแนวทางปอ้ งกันปอ้ งกัน และเฝ้าระวังพาหะของโรค ทีม่ าตามฤดูกาล - การนั่ง เดนิ ยนื หยิบของ ข๎อตกลงเพอ่ื ความปลอดภยั ในห๎องเรยี น - การข้นึ -ลงบันได การเดนิ ไปตามสถานท่ีตําง ๆ - การดูแลและระวงั ตนเองใหป๎ ลอดภัยจากสภาพแวดลอ๎ มท่เี สีย่ งอนั ตราย เชนํ น้า ไฟ แมลง สตั ว๑กัดตอํ ย ขยะ สระน้า ฯลฯ - การปฏบิ ตั ิตนชวํ ยเหลือตนเอง เชนํ เม่ือเกิดอุบตั ิเหตุ มบี าดแผล หลงทาง ตดิ อยํูในรถ - ให๎เด็กได๎ฝึกวิธีการเดินทางบนถนนทม่ี ที างเทา๎ ไมํมที างเท๎า การข๎ามทางม๎าลาย รจู๎ ักสญั ญาณ จราจร ความปลอดภัยในการนั่งยานพาหนะตาํ ง ๆ 2. การจัดสภาพแวดลอ๎ มภายในห๎องเรียน - เพดาน ผนัง พ้ืน มีหน๎าตาํ ง ประตู ทเ่ี ปิดไดท๎ ั้งหมด ปอ้ งกันสตั ว๑ และแมลง มีแสงสวําง เพยี งพอ อปุ กรณต๑ าํ ง ๆ สะอาด - มที ี่วางแก๎วน้าสาหรบั ด่มื ของเด็กแตํละคนอยํางชดั เจน ไมใํ ช๎แกว๎ น้ารํวมกนั รวมทั้งทาความ สะอาดแก๎วนา้ ทุกวัน

20 3. มีบอรด๑ การสอื่ สารกับผป๎ู กครองเกีย่ วกับผลการพฒั นาการของเดก็ หรอื การขอความรํวมมือ ในการดแู ลเด็กให๎มคี วามปลอดภยั 4. มปี ้ายบอกรายการอาหารวันนี้ ตดิ รายการอาหารประจาวนั เพ่ือผ๎ูปกครองจะไดท๎ ราบรายการอาหาร สาหรับเด็ก การจัดอาหารสาหรับเด็ก ควรเปน็ อาหารช้ินเล็ก ๆ ทเี่ ด็กรับประทานได๎ 5. ห๎องน้าสาหรับเดก็ ควรจดั ไวใ๎ นห๎องเรยี น หรอื ใกล๎ห๎องเรยี น และส๎วมควรเป็นขนาดทเ่ี ดก็ ใชไ๎ ดส๎ ะดวก มอี ํางขนาดเลก็ อยํูในระดบั เดก็ ใชง๎ านไดเ๎ อง เพ่ือแปรงฟันลา๎ งหน๎า ลา๎ งมอื 3. ปัญหา/อุปสรรคท่ีเกดิ ข้ึนจากการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม 1. ห๎องเรยี นของเดก็ ปฐมวยั ยงั ไมํถกู สขุ ลกั ษณะ แสงสวํางไมํเพยี งพอ - หน๎าตาํ ง ประตู ไมํได๎ป้องกนั สตั ว๑และแมลงมพี ิษ - สว๎ มเด็กเป็นขนาดใหญํ ห๎องนา้ อยูไํ กล 2. โรงเรยี นสํวนใหญํ ไมไํ ดม๎ ีปา้ ยตดิ รายการอาหารประจาวัน ใหผ๎ ป๎ู กครองได๎ทราบ 3. การจดั และบรกิ ารอาหารของผู๎ประกอบการ ยงั ไมํถกู ตอ๎ งมาตรฐานโภชนาการ 4. ข้อเสนอแนะของหนว่ ยงาน 1. จัดห๎องเรียนให๎ถกู สุขลักษณะ อากาศถาํ ยเท ลมผํานเขา๎ ออกได๎สะดวก มแี สงสวาํ งเพียงพอ หน๎าตาํ ง ประตูตอ๎ งป้องกนั สตั ว๑และแมลงมีพษิ ได๎ 2. หอ๎ งน้า สว๎ มควรเป็นขนาดท่ีเด็กใชไ๎ ดส๎ ะดวก 3. จัดทารายการอาหารสาหรบั เดก็ ลํวงหนา๎ อยํางนอ๎ ย 1 เดอื น โดยการใชโ๎ ปรแกรมอาหารกลางวัน (Thai School Lunch) อยํางตอํ เน่ือง 4. พัฒนาศกั ยภาพผ๎ูประกอบการอาหารกลางวนั ในโรงเรยี น ให๎ทราบคณุ คาํ โภชนาการทางอาหาร 5. จดั เบอรโ๑ ทรศพั ทผ๑ ู๎ปกครอง สถานพยาบาล ตารวจ ดบั เพลงิ ใหเ๎ ห็นชดั เจน เพอื่ ติดตามฉุกเฉนิ ไดท๎ นั ที ๕. ตน้ แบบหรอื แบบอย่างท่ดี ี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) เร่ือง/กิจกรรมและรายละเอียด รายชือ่ ท่ตี ้งั หนํวยงาน/สถานศกึ ษา ของต๎นแบบหรือแบบอยาํ งทีด่ ี หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา อาเภอเมืองจังหวัดลาปาง โรงเรียนตน๎ แบบดา๎ นความปลอดภยั ในสถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาลลาปาง (เขลางค๑รัตนอ๑ นสุ รณ๑) 3. นโยบาย : การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ประเด็นนโยบายการตรวจราชการฯ : 3.1 การขยายผลการอบรมโครงกาBรoot Camp และการจดั การอบรมขยายผลใหโ้ รงเรยี นเครือข่ายขMองaster Trainer (ตามโครงการ Boot Camp) ในสถานศกึ ษา ตวั ช้ีวดั ที่ 1 : ผูผ้ ่านการอบรมโครงการBoot Camp ในสถานศกึ ษาสามารถนาเทคนิคการเรียนการสอนภาษาองั กฤษ ไปใช้ในการสอนรอ้ ยละ 80 ผลการดาเนินการ 1. ผลการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม มีความกา้ วหอนย้าา่ งไร ครผู ส๎ู อนภาษาองั กฤษในสงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ทผ่ี ํานการอบรม พฒั นาครแู กนนาดา๎ นการจัดการเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ ระดบั ภูมภิ าค (Boot Camp) ปีงบประมาณ 2561 รํุนที่ 11-20 ณ ศนู ย๑พัฒนาครูภาษาองั กฤษในระดับภูมิภาค มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งใหมํ จานวน 15 คน (รอ๎ ยละ 100) มีความร๎คู วามสามารถในการนาเทคนิคการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในการจัดการเรยี นการสอนเพอื่ ภาษา การส่ือสาร

21 2. หน่วยงานมวี ิธีการ/ปัจจัยใดทส่ี ามารถดาเนนิ การให้บรรลผุ ลสาเร็จตามประเดน็ การตรวจตดิ ตาม หรอื เกิดผล กระทบทางบวกแก่ผูเ้ รยี น อย่างไรบ้าง 2.1 ประชาสมั พันธ๑เชิงรกุ ใหค๎ รผู ส๎ู อนภาษาอังกฤษในสงั กัดสมคั รเขา๎ รับการอบรม Boot Camp ในระดบั ภูมิภาคทงั้ หนังสือราชการ กลมํุ Line ครูผู๎สอนภาษาอังกฤษ โทรศัพท๑สอบถาม และติดตามด๎วยตนเอง 2.2 ประสานงานกบั ผจ๎ู ัดการศูนยอ๑ บรมพัฒนาครูดา๎ นการจดั การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ (Boot Camp) ระดับภูมภิ าคในการสํงครทู ส่ี มัครใจเข๎ารบั การอบรมตามระยะเวลาท่ีกาหนด 2.3 จัดสํงครผู ๎ูสอนภาษาองั กฤษเข๎ารบั การพัฒนาตามโครงการพฒั นาครูแกนนาภาษาอังกฤษในระดบั ภมู ภิ าค (Boot Camp) ณ ศูนย๑พฒั นาครูภาษาอังกฤษในระดบั ภูมิภาค มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชียงใหมํ 2.4 นิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานของครูผส๎ู อนภาษาองั กฤษทีผ่ าํ น การพัฒนาตามโครงการพัฒนาครแู กนนาภาษาองั กฤษในระดับภูมภิ าค (Boot Camp) ทุกคนตามแนวทางการสอน ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ตามแนวทางที่ ศนฐ.สพฐ. และ British Council กาหนด ผลทไี่ ด้รบั เชงิ ปรมิ าณ 1.1 ครูผ๎สู อนภาษาองั กฤษที่ผํานการพัฒนาตามโครงการพฒั นาแกนนาภาษาองั กฤษในระดับภมู ภิ าค (BootCamp) ปงี บประมาณ 2561 (รุนํ ที่ 11-17) จานวน 13 คน คดิ เป็นร๎อยละ 100 ได๎รับการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานและสามารถปฏบิ ัตกิ ารสอนได๎อยํางมีประสิทธภิ าพ 1.2 ครผู ูส๎ อนภาษาองั กฤษทผ่ี ํานการพฒั นาตามโครงการพฒั นาแกนนาภาษาอังกฤษในระดับภูมิภาค (Boot Camp) ปีงบประมาณ 2560 และ 2561 จานวน 35 คน คิดเป็นร๎อยละ 100 เข๎ารวํ มกิจกรรมแลกเปลยี่ น เรียนรูแ๎ ละถอดบทเรยี นจากการพัฒนาเพอื่ ใชส๎ าหรบั การขยายผลการอบรมในปีงบประมาณตอํ ไป ผลท่ไี ดร้ ับเชิงคุณภาพ 2.1 ครูผูส๎ อนภาษาองั กฤษทผ่ี าํ นการพฒั นาตามโครงการพฒั นาครแู กนนาภาษาองั กฤษในระดบั ภมู ิภาค (Boot Camp) มีความรู๎ ความเขา๎ ใจ และสามารถปฏิบตั กิ ารสอนภาษาอังกฤษโดยใช๎ภาษาอังกฤษเพ่อื การสื่อสาร (Communicative Approach) ได๎อยาํ งมีประสทิ ธภิ าพ 2.2 โรงเรยี นทีม่ ีครผู ๎สู อนภาษาองั กฤษทผ่ี ํานการพฒั นาตามโครงการพัฒนาครแู กนนาภาษาองั กฤษในระดับ ภูมภิ าค (Boot Camp) มกี ารพฒั นาการจัดการเรียนการสอนภาษาองั กฤษทเี่ นน๎ การใช๎ภาษาอังกฤษเพื่อการสอ่ื สาร มากยิง่ ขึน้ อันสงํ ผลใหผ๎ ู๎เรยี นไดร๎ ับการพฒั นาทักษะภาษาองั กฤษและสามารถใช๎ภาษาองั กฤษในการสือ่ สารใน ชีวิตประจาวันได๎ 2.3 สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 มหี ลกั สตู รในการอบรมขยายผลการพฒั นา ครผู ู๎สอนภาษาองั กฤษตามแนวทางของโครงการพัฒนาครแู กนนาภาษาองั กฤษในระดบั ภูมิภาค (Boot Camp) สาหรบั ปงี บประมาณตอํ ไป จุดเด่น/จดุ พัฒนา/ขอ้ คน้ พบอืน่ ๆ จากการนิเทศฯ 1. จุดเดน่ จุดเดํนในการจดั กจิ กรรมการเรียนรูข๎ องครผู ๎สู อนภาษาองั กฤษท่ีผาํ นการพัฒนาตามโครงการพฒั นาครู แกนนาภาษาองั กฤษระดับภมู ิภาค (Boot Camp) ทีไ่ ด๎จากการสังเกตการสอน มดี งั น้ี 1) ครผู ส๎ู อนภาษาอังกฤษมีการเตรยี มการสอนและส่อื การเรียนรูเ๎ ปน็ อยํางดี ทาใหก๎ ารจดั กิจกรรม มคี วามราบรื่นและบรรลุวัตถุประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 2) ครมู คี วามมัน่ ใจในการใช๎ภาษาอังกฤษในการส่ือสารกบั นักเรยี น และมกี ารอธิบายข้ันตอน การปฏิบตั กิ จิ กรรมใหก๎ บั นกั เรยี นอยาํ งชดั เจน 3) ครูจดั กจิ กรรมการเรยี นร๎ูทส่ี งํ เสรมิ ทักษะการสือ่ สารอยาํ งหลากหลาย ทาใหน๎ กั เรยี นให๎ ความสนใจในกิจกรรมและรวํ มกิจกรรมอยาํ งทั่วถงึ

22 4) ครูมกี ารให๎ขอ๎ มูลป้อนกลบั ท้ังด๎านภาษาและดา๎ นเนอื้ หาแกนํ ักเรียนอยํางเหมาะสม 5) ครูบริหารจัดการเวลาเรียนในแตลํ ะขนั้ ตอนการสอนไดเ๎ ปน็ อยํางดี 2. จดุ พฒั นา จุดพัฒนาในการจดั กิจกรรมการเรยี นรูข๎ องครผู ส๎ู อนภาษาองั กฤษทผ่ี าํ นการพฒั นาตามโครงการพฒั นา ครูแกนนาภาษาองั กฤษระดับภูมภิ าค (Boot Camp) ทไี่ ด๎จากการสงั เกตการสอน มีดังนี้ 1) ในการอธบิ ายขัน้ ตอนการทากจิ กรรมครูควรใช๎ประโยค/คาทสี่ ้ันและงาํ ยตอํ การเขา๎ ใจของ 2) นักเรยี น (Keep Instruction Short and Simple : Kiss) และใชค๎ าถามในการตรวจสอบความ เขา๎ ใจ (ICQs) หรอื การสาธิต (Demo) เพ่อื ตรวจสอบและเสรมิ สร๎างความเข๎าใจของนักเรียนกอํ นการเร่มิ กจิ กรรมการ กาหนดชิ้นงาน/ภาระงานในข้ันของ production ควรเปน็ ชนิ้ งาน/ภาระงานทีส่ ามารถประเมนิ ผูเ๎ รยี นตาม วัตถปุ ระสงค๑การเรียนรู๎เป็นรายบุคคลได๎ 3) ในข้ันตอนของการ Wrap up ครคู วรใหข๎ ๎อมูลป้อนกลับทั้งด๎านภาษาและเนือ้ หา และสรปุ บทเรียนสาคัญทนี่ กั เรยี นได๎เรยี นรูใ๎ นชวั่ โมงนี้ 3. ข้อค้นพบอื่น ๆ จากการจดั กจิ กรรมแลกเปล่ียนเรียนรูข๎ องครูผส๎ู อนภาษาอังกฤษทีผ่ าํ นการพัฒนาตามโครงการ พัฒนาครแู กนนาภาษาองั กฤษระดบั ภมู ิภาค (Boot Camp) ในประมาณ 2560-2561 สรุปได๎ดงั น้ี 1) ส่ิงทีค่ รูผู๎สอนภาษาองั กฤษไดเ๎ รยี นรูเ๎ พิ่มเตมิ จากการเข๎ารํวมการอบรม Boot Camp ได๎แกํ เทคนคิ การใช๎ ICQs, KISS และวธิ กี ารสอนที่หลากหลาย การผลิตสอ่ื การสอนดว๎ ยวัสดุและอปุ กรณท๑ ่ีหาไดง๎ าํ ย การเขยี นแผนการสอนเป็นภาษาองั กฤษ การสร๎างแรงบนั ดาลใจและสรา๎ งความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษใหก๎ ับ ครผู ส๎ู อน หลักการกระต๎นุ ความสนใจเรียนของผู๎เรียน Classroom language Classroom management การสอนโดยใช๎Games, songs and chant 2) การนาความรู๎จากการอบรม Boot Camp สํูหอ๎ งเรยี น ประกอบดว๎ ย การใช๎สือ่ การสอนท่ี สอดคล๎องกบั จดุ ประสงคก๑ ารเรยี นการสอน การจดั การเรยี นการสอนท่เี นน๎ กจิ กรรมดา๎ นภาษาองั กฤษเพ่อื การส่ือสาร ความม่ันใจและความกลา๎ ในการใช๎ภาษาองั กฤษในชน้ั เรียน การจัดกิจกรรมทม่ี คี วามหลากหลาย นําสนใจ เพื่อกระตน๎ุ นักเรยี นใหเ๎ กิดความสนกุ สนานในการเรียน ความชดั เจนในการจดั ลาดับความสาคญั ของเรอื่ งทีจ่ ะสอน การให๎ นกั เรียนไดม๎ ีสวํ นรํวมในกจิ กรรมครบทกุ คน 3) กจิ กรรมทปี่ ระสบความสาเร็จในการนามาประยกุ ตใ๑ ชใ๎ นห๎องเรียนประกอบด๎วยการใช๎Games, songs and chant ในกจิ กรรมการเรียนรู๎ การสอน Phonics การจัดกิจกรรมแบบ Active learning กจิ กรรม Ice breaking และการออกแบบกจิ กรรม Group work / pair work เป็นตน๎ 4) ปัจจัยท่ีสํงผลใหก๎ ารจัดกิจกรรมการเรียนรเ๎ู พอื่ พัฒนาทกั ษะภาษาเพือ่ การสื่อสาร ประกอบดว๎ ย ครูผูส๎ อนปรบั กระบวนการเรยี นเปลยี่ นวธิ กี ารสอน ครูมีการออกแบบและการวางแผนการจดั การเรยี นร๎ตู ามหลกั การ สอนภาษาเพ่ือการส่ือสาร ครผู สู๎ อนมีความมนั่ ใจในการสอนเปน็ ภาษาองั กฤษ ครผู ๎ูสอนกระตน๎ุ ใหผ๎ เ๎ู รยี นทกุ คนมสี วํ น รํวมในกิจกรรมตาํ งๆ อยํางท่วั ถงึ การจัดบรรยากาศการเรียนที่เหมาะสมและเออ้ื ตอํ การเรยี นรูข๎ องผ๎ูเรียนการใชส๎ ือ่ การเรียนการสอนท่ีหลากหลาย มีสสี นั การจัดกิจกรรมท่สี อดคลอ๎ งกับจดุ ประสงคแ๑ ละใชก๎ จิ กรรมการเรยี นรู๎ที่ หลากหลาย และครูมที ัศนคติเชงิ บวกในการสอนภาษาองั กฤษเพ่อื การสือ่ สาร 5) ปัญหาและอปุ สรรคในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู๎ ประกอบดว๎ ย ความรพ๎ู ้ืนฐานและทกั ษะ ดา๎ นภาษาองั กฤษของนักเรยี นแตกตาํ งกนั ความรู๎พื้นฐานเก่ยี วกบั คาศัพทภ๑ าษาอังกฤษของนกั เรียน ความมนั่ ใจใน การพูดภาษาอังกฤษของนักเรียน การจัดกจิ กรรมการเรียนรแ๎ู บบ Activity-based Learning ต๎องใช๎เวลาในการจัด กจิ กรรมมากทาใหค๎ รูควบคมุ เวลาได๎ยาก

23 6) ในบางโรงเรียนโดยเฉพาะโรงเรยี นขนาดใหญํมีจานวนนกั เรยี นตํอหอ๎ งจานวนมากทาใหก๎ าร ควบคมุ ช้ันเรียนและสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรูข๎ องนักเรียนไมํท่วั ถงึ ขนาดของห๎องเรียนไมํเอ้อื ตํอการทากิจกรรมกลํมุ นอกจากนั้น จากการสมั ภาษณ๑ผ๎บู ริหารโรงเรยี นและครูหวั หน๎างานวชิ าการโรงเรยี นดา๎ นการ ดาเนนิ งานของโรงเรียน สรปุ ได๎ดังน้ี 1) ครแู กนนาภาษาองั กฤษที่ผาํ นการอบรม Boot Camp ทุกคน (คดิ เปน็ รอ๎ ยละ 100) ปฏิบัตกิ าร สอนวิชาภาษาอังกฤษในปกี ารศกึ ษาปัจจบุ นั 2) โรงเรยี นทุกโรงได๎ใหก๎ ารสนับสนนุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนของครแู กนนาทผ่ี ํานการอบรม โครงการ Boot Camp ในดา๎ นสื่อและอปุ กรณ๑การสอนโดยการจัดสรรงบประมาณใหก๎ บั ครผู ู๎สอนภาษาองั กฤษ นอกจากนั้นในบางโรงเรยี นยงั ได๎สนบั สนุนงบประมาณในการจัดคํายภาษาองั กฤษ (English Camp) 3) โรงเรียนสํวนใหญมํ กี ารนิเทศ ตดิ ตามครแู กนนาที่ผาํ นการอบรม Boot Camp โดยการพบปพดู คุย เกีย่ วกบั ปญั หา อุปสรรคท่เี กิดจากการเรยี นการสอนและสอบถามความกา๎ วหน๎าในการจดั การเรยี นการสอนเป็น ระยะๆ ในการประชุมครูประจาเดอื นหรือการพดู คุยอยํางไมเํ ปน็ ทางการ 4) ครแู กนนาภาษาองั กฤษท่ีผาํ นการอบรม Boot Camp มกี ารเปล่ียนแปลงพฤติกรรมดา๎ นการสอน โดยมีการจดั กจิ กรรมการเรยี นร๎ไู ดน๎ ําสนใจมากข้นึ และสรา๎ งบรรยากาศใหผ๎ เ๎ู รยี นมีปฏสิ มั พันธ๑กบั ครแู ละเพือ่ นมาก ย่งิ ขน้ึ มากทส่ี ุด รองลงมาคือการสํงเสริมให๎ผ๎เู รยี นสรา๎ งผลงาน/ช้นิ งานที่เกดิ จากการเรียนร๎ภู าษาองั กฤษ สํวนดา๎ นการ นาเสนอความรูใ๎ หมํโดยใหผ๎ เู๎ รยี นสร๎างองคค๑ วามร๎ูและสํงเสรมิ ใหผ๎ ู๎เรยี นนาเสนอผลงาน/ชน้ิ งานท่ีเกิดจากการเรียนร๎ู เป็นภาษาองั กฤษยังอยใํู นระดับน๎อย 5) ครแู กนนาภาษาอังกฤษทผี่ ํานการอบรม Boot Camp สํวนใหญํมกี ารขยายผลความร๎ูโดยการ ขยายผลให๎ครูภายในกลํุมสาระการเรยี นร๎ู ยกเวน๎ โรงเรียนท่มี ีครผู ๎ูสอนภาษาองั กฤษคนเดยี วไมํได๎ดาเนนิ การขยายผล สวํ นการขยายผลให๎ครตู ํางกลํมุ สาระการเรียนร๎ู การจดั อบรมให๎ครภู ายในเครอื ขําย ขยายผล Online ผาํ นชมุ ชนแหงํ การเรียนรู๎อยํางมอื อาชพี (PLC) และการแสดงผลงานการสอนในงานวิชาการ ตําง ๆ ระดับจังหวดั ถงึ ระดบั ชาติ ยังไมํได๎ดาเนินการ 6) โรงเรียนไดร๎ บั ประโยชนจ๑ ากการสํงครผู ู๎สอนภาษาองั กฤษเขา๎ รบั การพฒั นาในโครงการBootCamp พบวาํ ครไู ด๎รับการพฒั นาดา๎ นเทคนิควธิ กี ารเรยี นการสอนมากทีส่ ดุ รองลงมาคอื ครูไดร๎ บั การพัฒนาดา๎ นภาษาอังกฤษ ครูมัน่ ใจในการใช๎ภาษาองั กฤษมากขน้ึ ครเู กิดแรงจูงใจในการพัฒนาการเรียนรู๎ และผ๎เู รียนได๎รับการพฒั นาด๎านทักษะ ทจ่ี าเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 ตามลาดบั สํวนด๎านการเสริมสร๎างบรรยากาศชุมชนแหงํ การเรียนรอู๎ ยาํ งมืออาชพี (PLC) ไดร๎ ับประโยชน๑นอ๎ ยท่ีสุด ผลจากการสมั ภาษณ๑ผูเ๎ รยี นท่ีสอนโดยครูท่ผี าํ นการอบรมตามโครงการพัฒนาครูแกนนาภาษาอังกฤษ ในระดบั ภูมิภาค (Boot Camp) สรุปได๎ดงั นี้ 1) ดา๎ นการเปลย่ี นแปลงวิธกี ารสอนในวิชาภาษาอังกฤษของครู พบวํา ครมู กี ารใช๎สอื่ /นวัตกรรมการ สอนทน่ี าํ สนใจมากท่สี ุด รองลงมาคอื การให๎ผเ๎ู รียนมสี ํวนรวํ มในการเรยี นรท๎ู างภาษา ให๎ผเู๎ รียนมีปฏสิ มั พนั ธก๑ บั ครแู ละ เพอื่ น ใหผ๎ ๎ูเรียนไดเ๎ รยี นรก๎ู ารใช๎ภาษาในสถานการณจ๑ าลอง/เสมือนจรงิ และการให๎ขอ๎ มลู ปอ้ นกลบั หลงั การสอนและ การประเมนิ ผล ตามลาดับ สวํ นการใชว๎ ิธีการทห่ี ลากหลายในการประเมินความรู๎นกั เรียน ครูมีการเปลย่ี นแปลงนอ๎ ย ทีส่ ุด 2) ด๎านโอกาสใชภ๎ าษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร พบวาํ นักเรียนใช๎ภาษาอังกฤษในการส่อื สารในชนั้ เรียนมากทสี่ ดุ รองลงมาคอื กิจกรรมในโรงเรียน สํวนการใชภ๎ าษาอังกฤษในการสือ่ สารในทอ๎ งถน่ิ /สังคม และการเขา๎ รวํ มงานศิลปหัตถกรรมระดับจังหวดั /ประเทศมีโอกาสนอ๎ ยมากหรือบางคนไมํเคยเลย 3) ดา๎ นกจิ กรรมการสอนภาษาอังกฤษ พบวํา นกั เรยี นชอบกิจกรรมเกมมากท่ีสดุ รองลงมาคอื การให๎อํานและแปลภาษาไทยประโยคตํอประโยค การแสดงบทบาทสมมติ และการแสดงสถานการณจ๑ าลองตาม ลาดับ สํวน กจิ กรรมโครงงาน กจิ กรรมการแกป๎ ญั หา และกจิ กรรมการแขํงขนั ดา๎ นภาษาครูใช๎น๎อยมากหรือไมใํ ช๎เลย

24 1) ด๎านทัศนคตติ อํ การเรียนภาษาองั กฤษ พบวํา นกั เรยี นสํวนใหญํชอบวชิ าภาษาองั กฤษเพราะเปน็ วชิ าทีส่ นกุ รองลงมาคอื การเรยี นภาษาองั กฤษมีประโยชน๑ และสามารถนาไปคยุ กบั ชาวตาํ งชาตไิ ด๎ ทาใหเ๎ ข๎าใจเพลง/ ละคร/การต๑ ูน/รายการทวี ภี าษาองั กฤษมากข้ึน และเข๎าใจขอ๎ มลู ภาษาอังกฤษทไ่ี ดจ๎ ากการสืบคน๎ มากข้นึ ตามลาดับ 2) ด๎านการเรยี นรภ๎ู าษาอังกฤษ พบวาํ นกั เรียนสวํ นใหญสํ ามารถฟังขอ๎ ความท่เี ปน็ ภาษาองั กฤษได๎ อยาํ งเข๎าใจมากทส่ี ดุ รองลงมาคือ สามารถพูดภาษาองั กฤษดว๎ ยความม่นั ใจ อาํ นข๎อความ บทความ ส่อื การสอนได๎ เข๎าใจมากขึ้น สวํ นการเขียนขอ๎ ความ บทความ จดหมายและบันทกึ และการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห๑ สงั เคราะห๑ อยูํในระดับนอ๎ ย 3) ด๎านบรรยากาศของห๎องเรียนภาษาองั กฤษท่ีพงึ ประสงค๑ พบวํา นกั เรียนชอบทค่ี รูใจดี/เป็นกนั เอง/ เขา๎ ใจนักเรียน มากที่สดุ รองลงมาคือ ครูใชก๎ ิจกรรมทีห่ ลากหลาย เพ่ือนนักเรียนมโี อกาสชวํ ยเหลอื กนั มากข้นึ ครใู ช๎ ภาษาองั กฤษในการสอนตลอดเวลา นักเรยี นมโี อกาสในการใชภ๎ าษาองั กฤษมากข้ึน ครกู ระตน๎ุ ใหน๎ กั เรยี นใช๎ ภาษาอังกฤษสอ่ื สารในทุกทักษะ และครูใจกวา๎ งยอมรับความคิดเห็นท่แี ตกตาํ ง ตามลาดบั 4) ดา๎ นการเปลยี่ นแปลงหลงั จากเรียนกบั ครูแกนนาท่ีผาํ นการอบรม Boot Camp พบวาํ นักเรียน มีการเปลีย่ นแปลงในด๎านการสื่อสารภาษาองั กฤษด๎วยความมัน่ ใจมากทส่ี ุด รองลงมาคือ การทางานรวํ มกับเพือ่ น ๆ การสร๎างผลงาน/ช้นิ งานท่ีเกิดจากการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ และการนาเสนอผลงาน/ชน้ิ งานเปน็ ภาษาองั กฤษ ตามลาดับ 3.ปญั หา/อปุ สรรคท่ีเกดิ ขึ้นจากการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ติดตาม การจัดอบรมครูผ๎ูสอนภาษาอังกฤษตามโครงการ Boot Camp มรี ะยะเวลาในการจัดไมํเหมาะสม (ระยะเวลานาน 15 วันทาการและอยูํในชํวงระหวาํ งเปดิ ภาคเรยี น) สงํ ผลใหค๎ รผู ูส๎ อนจานวนมากไมํสามารถเข๎ารํวม การอบรมไดท๎ ้ังที่มคี วามสนใจ โดยแยกปัญหาตามขนาดของโรงเรยี นได๎ ดังนี้ 3.1 โรงเรยี นขนาดใหญํทไี่ มํสามารถหาครูสอนแทนได๎ เนื่องจากนโยบายการสอน ภาษาอังกฤษ 5 ชั่วโมงทาให๎ครูผ๎ูสอนภาษาองั กฤษมภี าระงานสอนเพมิ่ มากขนึ้ 3.2 โรงเรียนขนาดกลางและขนาดเลก็ มีข๎อจากดั ดา๎ นจานวนครู หากครไู ปเข๎ารบั การอบรม ระยะเวลา 15 วันทาการ จะสงํ ผลใหก๎ ระทบกับการจัดการเรียนการสอนปกติ ดงั นนั้ ผูบ๎ ริหารโรงเรียนสวํ นใหญํจงึ ไมํ อนุญาตให๎ครูเขา๎ รับการอบรม ๔. ข้อเสนอแนะของหนว่ ยงาน การจัดการอบรมครผู ๎ูสอนภาษาอังกฤษตามโครงการ Boot Camp ควรจดั ในชํวงปดิ ภาคเรียนเพอ่ื มิให๎ ครลู ะทิง้ ภารกิจในการจัดการเรียนการสอนปกติ หรอื เปิดรับสมัครครทู ่ีสนใจเข๎ารับการอบรมชวํ งปดิ ภาคเรยี นเพิ่มขน้ึ ๕. ต้นแบบหรอื แบบอย่างท่ดี ี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) เร่ือง/กิจกรรมและรายละเอยี ด รายช่ือ ท่ตี ง้ั หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา ของต๎นแบบหรือแบบอยาํ งทดี่ ี หนํวยงาน/สถานศกึ ษา อาเภอเมอื ง จงั หวดั ลาปาง อาเภอเมอื ง จังหวดั ลาปาง -การจัดกจิ กรรมเพ่มิ เวลารแ๎ู บบ Active Learning ท่ีมงุํ เน๎น โรงเรียนอนุบาลลาปาง อาเภองาว จังหวดั ลาปาง การพัฒนาทกั ษะภาษาองั กฤษดว๎ ยรูปแบบ GPAS 5 STEPs (เขลางคร๑ ัตนอ๑ นสุ รณ)๑ -การจัดกจิ กรรมเพิม่ เวลารู๎ท่มี ํุงเน๎นการพฒั นาทกั ษะ โรงเรียนบ๎านปงสนุก ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสารภายใตก๎ ิจกรรม“I Love English” โดยนกั เรียนไดฝ๎ กึ ปฏิบตั ิการใชภ๎ าษาองั กฤษ สื่อสารในสถานการณ๑จริงและสถานการณ๑จาลองตําง ๆ ตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา -การพฒั นาทักษะการส่ือสารภาษาองั กฤษดว๎ ยแบบฝกึ โรงเรยี นอนบุ าลงาว (ภาณนุ ยิ ม) ทักษะภาษาและสื่อ ICT

25 ตวั ชี้วัดท่ี 2 : Master Trainer (ตามโครงการ Boot Camp) ในสถานศึกษาสามารถเปน็ ครแู กนนา รอ้ ยละ 80 สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ไมมํ ีครูที่ไดร๎ ับการคดั เลอื กใหเ๎ ปน็ Master Trainer ทค่ี ดั เลอื กโดย สพฐ. และ British Council ประเด็นนโยบายการตรวจราชการฯ : 3.2 การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสรมิ การเรียนรู้ (เชน่ ป้ายช่ือตา่ งๆ ให้มีภาษาอังกฤษควบคู่ภาษาไทย รวมทั้งครู นักเรยี น ได้สนทนาภาษาองั กฤษ วันละ 1 ประโยค) ตวั ชี้วัด : สถานศึกษาสามารถจดั สภาพแวดล๎อมภายในห๎องเรียน และนอกห๎องเรียนเพอ่ื เสริมการเรียนรู๎ ทกั ษะภาษาองั กฤษ รอ๎ ยละ 100 ผลการดาเนินการ 1. ผลการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม มคี วามกา้ วหอนยา้ ่างไร โรงเรยี นในสังกัดสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ทุกโรงเรยี นมีการ จดั สภาพแวดลอ๎ มทัง้ ภายในหอ๎ งเรียนและภายนอกห๎องเรียนเพ่อื สํงเสรมิ การเรยี นรู๎และพฒั นาทักษะภาษาอังกฤษ พรอ๎ มท้ังมีการจดั โครงการ/กิจกรรมเสริมหลักสตู รเพ่ือพัฒนาทกั ษะการใชภ๎ าษาอังกฤษเพ่ือการสอื่ สารใหแ๎ กํผ๎ูเรยี น 2. หนว่ ยงานมีวิธีการ/ปัจจัยใดท่ีสามารถดาเนินการให้บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเด็นการตรวจตดิ ตามหรอื เกดิ ผลกระทบทางบวกแก่ผู้เรียน อย่างไรบา้ ง 2.1 แจง๎ ใหโ๎ รงเรยี นในสังกดั ดาเนนิ การจัดสภาพแวดล๎อมท้งั ภายในและภายนอกหอ๎ งเรยี นเพื่อ สงํ เสรมิ การเรยี นร๎แู ละพัฒนาทักษะภาษาองั กฤษตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ ารทั้งทางหนังสือราชการและ การประชมุ ผู๎บริหารและครใู นสงั กดั 2.2 สํงเสรมิ สนับสนนุ การจัดแหลํงเรยี นรู๎ภายในห๎องเรียน เชํน ปา้ ยนเิ ทศให๎ความรู๎เกีย่ วกบั คาศัพท๑ ภาษาองั กฤษ ปา้ ยช่อื สิง่ ของในหอ๎ งเป็นภาษาอังกฤษ สอื่ การเรียนร๎ูเชนํ บัตรคา บตั รภาพ รวมถึงส่ือ ICT ทใี่ ช๎ใน การจดั การเรียนรูว๎ ชิ าภาษาอังกฤษ และแหลํงเรยี นรภ๎ู ายนอกหอ๎ งเรยี น เชํน ป้ายชื่อสถานที่ /หอ๎ งตําง ๆ ภายใน โรงเรยี นเปน็ ภาษาอังกฤษ รวมถึงการจัดกจิ กรรมสํงเสริมการใช๎ภาษาองั กฤษ เชํน ภาษาอังกฤษวั นละคา /วันละ ประโยคมมุ ภาษาอังกฤษในห๎องสมดุ 2.3 สงํ เสรมิ สนับสนุนการใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศในการจดั การเรยี นรเ๎ู พอ่ื พัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษเชนํ Youtube, Echo English, English 24 และสอื่ ICT อ่ืน ๆ โดยการชี้แจงแนวดาเนนิ การ จดั สรร สื่อ และนิเทศ กากับ ตดิ ตามการใช๎ส่อื เปน็ ระยะ 2.4 สํงเสริมสนบั สนนุ การพัฒนาทกั ษะภาษาอังกฤษเพอ่ื การส่ือสารกับเจา๎ ของภาษา เชนํ โครงการ Brain Cloud, โครงการ SEA Teacher, โครงการรวํ มกบั มลู นธิ ิ Fulbright, โครงการเพ่ือนครเู พือ่ พฒั นา (Peace Corps) ฯลฯ โดยการประสานงานกับหนํวยงาน / องค๑กรตําง ๆ ท่ีให๎การสนบั สนุนเจา๎ ของภาษาในการจดั กิจกรรมใน สถานศึกษา 2.5 นเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการดาเนนิ งานด๎านการจดั สภาพแวดลอ๎ มภายในและภายนอก ห๎องเรยี นเป็นระยะ 3.ปญั หา/อปุ สรรคทเ่ี กดิ ข้นึ จากการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม -ไมมํ ี- ๔. ขอ้ เสนอแนะของหนว่ ยงาน -ไมํม-ี

26 ๕. ต้นแบบหรือแบบอยา่ งที่ดี (Best Practice ๓ ลาดับแรก) เรอ่ื ง/กจิ กรรมและรายละเอยี ด รายชื่อ ทตี่ ั้ง ของต๎นแบบหรอื แบบอยํางท่ดี ี หนํวยงาน/สถานศกึ ษา หนวํ ยงาน/สถานศึกษา โรงเรียนบ๎านทาน โครงการ Brain Cloud Learning โรงเรยี นสบเมาะวิทยา อาเภอแมํเมาะ จังหวดั ลาปาง และโรงเรียนบา๎ นใหมรํ ัตนโกสนิ ทร๑ โรงเรียนบ๎านปงสนุก โครงการ SEA Teacher และโรงเรียนอนบุ าลลาปาง อาเภอเมือง จังหวัดลาปาง (เขลางค๑รัตน๑อนสุ รณ๑) โครงการฝกึ ทกั ษะภาษาองั กฤษกับ ครูอเมริกนั (มลู นิธิฟุลไบรท๑ ) โรงเรียนชมุ ชนบา๎ นฟอ่ นวทิ ยา อาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง 4. นโยบาย : การพฒั นาทักษะการคิดวิเคราะห์ ประเด็นนโยบายการตรวจราชการฯ : 4.1 การจัดกระบวนการเรยี นการสอนเพื่อสง่ เสริมทักษะ การคดิ วเิ คราะห์ ตัวชวี้ ัด 1 : สถานศกึ ษาจัดการบวนการเรยี นการสอนเพอื่ สรา้ งกระบวนการคิดวิเคราะห์ รอ้ ยละ 100 ตัวชี้วดั 2 : สถานศึกษาทม่ี นี วตั กรรมเพ่อื เพิม่ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ก่ผเู้ รียน เพม่ิ ขนึ้ รอ้ ยละ 30 ผลการดาเนนิ การ 1. ผลการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มคี วามกา้ วหอนยา้ า่ งไร สถานศึกษาในสงั กดั ได๎มีการจัดการบวนการเรียนการสอน เพอื่ สงํ เสริมทักษะการคิดแกํนกั เรียน จานวน 96 โรงเรยี น คดิ เปน็ รอ๎ ยละ 100 โดยดาเนินการ ดงั น้ี 1.1 จัดกิจกรรมการเรยี นร๎แู ละพฒั นาทกั ษะการคิด โดยผํานตวั ช้วี ดั /มาตรฐานการเรยี นร๎ู ของแตลํ ะกลมุํ สาระการเรียนรู๎ 1.2 จัดกิจกรรมการเรยี นรแู๎ ละพัฒนาทักษะการคดิ โดยผํานสมรรถนะสาคัญของผเ๎ู รียนตาม หลักสตู รการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ทง้ั ในเรอ่ื งความสามารถในการคิด ไดม๎ กี ารสงํ เสริมความสามารถ ในการคิดวิเคราะห๑ การคดิ สังเคราะห๑ การคดิ อยํางสรา๎ งสรรค๑ การคดิ อยํางมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพ่อื นาไปสํกู ารสรา๎ งองคค๑ วามรหู๎ รอื สารสนเทศเพือ่ การตดั สินใจเก่ยี วกบั ตนเองและสงั คมได๎อยาํ งเหมาะสม นอกจากน้แี ลว๎ ยังไดม๎ ีการสงํ เสริมความสามารถในการแกป๎ ัญหาและอปุ สรรคตําง ๆ ที่เผชิญไดอ๎ ยํางถูกต๎องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของ หลกั เหตผุ ล คุณธรรมและข๎อมลู สารสนเทศ 1.3 จดั กิจกรรมและประเมนิ ผลการอําน คิดวเิ คราะห๑ และเขยี น เพื่อให๎ผู๎เรียนมที ักษะการอําน คดิ วเิ คราะห๑ และเขียนทีด่ ี ภายใต๎กจิ กรรมการสงํ เสริมการอาํ น 1.4 จัดกจิ กรรมทส่ี งํ เสริมทักษะการคิด โดยบรู ณาการกับกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู๎

27 2. หนว่ ยงานมีวธิ กี าร/ปจั จัยใดทส่ี ามารถดาเนินการใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเดน็ การตรวตจดิ ตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแก่ผูเ้ รียน อย่างไรบา้ ง 2.1 สรา๎ งความตระหนกั และความร๎ู ความเข๎าใจเกีย่ วกับการพฒั นาทักษะการคิด แกํ ผ๎ูบริหารสถานศกึ ษาในวาระการประชุมประจาเดือนของกลํุมนิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการศึกษา เพ่ือใหผ๎ ๎บู รหิ าร สถานศกึ ษานาไปวางแผน และออกแบบขบั เคล่อื นการสงํ เสรมิ และพัฒนาทกั ษะการคดิ ในสถานศกึ ษา 2.2 ประชุมสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารดา๎ นการบริหารจดั การ และการจดั กจิ กรรมการเรียนร๎เู พ่ือ พฒั นาทกั ษะการคิดแกผํ ูบ๎ รหิ ารสถานศกึ ษา ครูผู๎สอน และบุคลากรที่เก่ียวข๎อง โดยผาํ นโครงการ /กจิ กรรมของ สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 เชํน - โครงการ/กจิ กรรมการพัฒนาหลกั สูตร การวัดและประเมนิ ผล - โครงการสงํ เสรมิ สนบั สนนุ พัฒนาการจัดการศกึ ษาปฐมวยั 2.3 นิเทศ ติดตามการพัฒนาทักษะการคิด การอาํ น วิเคราะห๑ และเขยี นของทุกสถานศกึ ษา โดยผํานโครงการนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมิน และหอ๎ งเรยี นคุณภาพ โดยใช๎กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ดังน้ี ข้ันตอนท่ี 1 ศกึ ษาสภาพ และความตอ้ งการ (Assessing Needs = A) ศึกษาสภาพปจั จบุ ัน /ปญั หา และความตอ๎ งการของศึกษานิเทศก๑ ผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษา ครผู ๎สู อน และ บุคลากร ท่เี กย่ี วขอ๎ งกับการพัฒนาทกั ษะการคดิ การจดั กจิ กรรมและประเมนิ การอําน คิดวิเคราะห๑ และเขียน 1.1 การออกแบบการจัดกจิ กรรม 1.2 การจดั กิจกรรมการเรียนร๎ู 1.3 การใชส๎ ือ่ การเรยี นร๎ู 1.4 การวัดและประเมินผล ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ดาเนนิ การวางแผนการนเิ ทศ ตดิ ตามรวํ มกันระหวาํ งศกึ ษานิเทศก๑ ผูบ๎ รหิ ารสถานศกึ ษา ครูผูส๎ อน และ บุคลากรท่เี กย่ี วขอ๎ งกับการพัฒนาทกั ษะการคิด การจัดกิจกรรมและประเมนิ การอาํ น คดิ วเิ คราะห๑ และเขยี น ดังนี้ 2.1 กาหนดตัวชี้วัด (KPI) สถานศึกษารอ๎ ยละ 80 มกี ารพัฒนาทกั ษะการคิด การจัดกิจกรรมและประเมนิ การอาํ นคิด วเิ คราะห๑ และเขียนอยใํู นระดบั ดี 2.2 จดั ทาสอ่ื และเครือ่ งมือการนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม 1) การพัฒนาทกั ษะการคดิ 2) แนวทางการจดั กิจกรรมและประเมนิ การอําน คดิ วิเคราะห๑ และเขยี น 3) ตวั อยาํ งชุดกิจกรรมและประเมินการอาํ น คดิ วิเคราะห๑ และเขยี น 4) เครือ่ งมือนิเทศ ติดตามการจดั กจิ กรรมและประเมินการอําน คดิ วเิ คราะห๑ และเขียน 2.3 จดั ทาปฏทิ นิ การนเิ ทศ ติดตามการพฒั นาทักษะการคิด การจัดกิจกรรมและประเมินการอาํ น คิดวิเคราะห๑ และเขียน ขนั้ ตอนที่ 3 การใหค้ วามรกู้ ่อนการนิเทศ (Informing = I) ประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ ารใหค๎ วามรเู๎ ก่ียวกับการพฒั นาทกั ษะการคิด การจัดกิจกรรมและประเมินการอําน คดิ วเิ คราะห๑ และเขียน 3.1 รูปแบบการพฒั นาทักษะการคิด วธิ ีการจดั กจิ กรรมและประเมินการอาํ น คิดวิเคราะห๑ และเขียน 3.2 การจดั ทาชุดกจิ กรรมและประเมินการอําน คดิ วเิ คราะห๑ และเขียน 3.3 การวัดและประเมนิ ผลการพฒั นาทักษะการคดิ การจดั กจิ กรรมการอาํ น คิดวิเคราะหแ๑ ละเขียน 3.4 การสรุปและการจัดทารายงานการพฒั นาทกั ษะการคดิ การอําน คิดวิเคราะห๑ และเขยี น

28 ข้ันตอนที่ 4 การนเิ ทศแบบโค้ช (Coaching = C) ดาเนนิ การนิเทศการพัฒนาทกั ษะการคดิ การจัดกจิ กรรมและประเมินการอําน คิดวเิ คราะห๑ และเขียน แบบโคช๎ ท้ังนศี้ ึกษานิเทศก๑ ไดด๎ าเนินการรํวมกับทมี บริหาร คณะอนุกรรมการ ก.ต.ป.น. ผูบ๎ ริหารสถานศึกษา และครู วชิ าการเพ่อื กระตุน๎ ให๎ผู๎บริหารสถานศกึ ษา ครูผ๎ูสอน และบคุ ลากรทางการศกึ ษาดาเนนิ การจัดกจิ กรรมและประเมนิ การอาํ น คดิ วิเคราะห๑ และเขยี น ดังนี้ 4.1 สารวจปัญหาตํางๆ เก่ียวกบั การพัฒนาทักษะการคิด การกจิ กรรมและประเมนิ การอาํ น คิด วิเคราะห๑ และเขยี น พร๎อมกับวเิ คราะห๑สาเหตุ 4.2 เลอื กแนวทางในการแก๎ปญั หา 4.3 กาหนดเปา้ หมายความสาเรจ็ 4.4 วางแผนการแกป๎ ัญหา 4.5 ดาเนนิ การแก๎ปัญหาตามแผนท่วี างไว๎ ในแตํละกิจกรรมท่ีได๎กาหนดไว๎ 4.6 วเิ คราะห๑ และสรปุ ผลการดาเนนิ งาน 4.7 แลกเปล่ยี นเรียนรู๎ ช่นื ชมความสาเรจ็ และข๎อเสนอแนะในการดาเนนิ งาน ข้นั ตอนท่ี 5 การประเมนิ ผลการนิเทศ (Evaluating = E) การประเมนิ ผลการนเิ ทศ ดาเนินการ ดังนี้ 5.1 รวบรวม วเิ คราะห๑ สงั เคราะหผ๑ ลการนิเทศการพฒั นาทกั ษะการคิด การจัดกจิ กรรมและประเมิน การอาํ น คดิ วิเคราะห๑ และเขียนของครผู ๎สู อน 5.2 ตรวจสอบ และประเมินผลการนิเทศการพัฒนาทกั ษะการคิด การจดั กิจกรรมและประเมิน การอําน คดิ วิเคราะห๑ และเขยี นของครูผ๎ูสอน 5.3 สรปุ และจัดทารายงานผลการนิเทศการพฒั นาทักษะการคิด การจัดกิจกรรมและประเมินการอําน คิดวิเคราะห๑ และเขียน 5.4 จดั กิจกรรมแลกเปลี่ยนรู๎ และชน่ื ชมความสาเร็จในการพฒั นาทักษะการคิด การจดั กจิ กรรม และประเมินการอาํ น คดิ วิเคราะห๑ และเขยี น 5.5 ยกยอํ งเชดิ ชเู กยี รตแิ กสํ ถานศกึ ษาทม่ี กี ารพฒั นาทกั ษะการคดิ การจัดกิจกรรมและประเมิน การอาํ น คดิ วิเคราะห๑ และเขียนท่เี ปน็ แบบอยํางทดี่ ี 5.6 เผยแพรผํ ลงานการปฏบิ ตั ิงานของสถานศึกษาท่ีมีการพฒั นาทักษะการคิด การจดั กิจกรรมและ ประเมินการอําน คิดวเิ คราะห๑ และเขยี นท่ีดีสูสํ าธารณชนผาํ นWebsite ระบบ ICTและสารสนเทศของสานักงานเขต พืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต1 ๓. ปัญหา/อปุ สรรคท่เี กิดข้ึนจากการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม - นวตั กรรมทน่ี ามาสํงเสรมิ หรือแกป๎ ญั หาการคิดวิเคราะห๑ของผเู๎ รยี นยังไมํหลากหลาย ๔. ข้อเสนอแนะของหน่วยงาน - ควรสงํ เสรมิ และพฒั นาครูใหน๎ านวตั กรรม เพ่ือสํงเสรมิ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห๑ใหม๎ คี วามหลากหลาย เพมิ่ มากขน้ึ

29 ๕. ต้นแบบหรือแบบอยา่ งที่ดี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) เรอื่ ง/กิจกรรมและรายละเอียด รายช่ือ ที่ตงั้ ของต๎นแบบหรอื แบบอยํางทีด่ ี หนํวยงาน/สถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศึกษา ครูผูส๎ อนมีคมํู อื ครู และชุดกิจกรรมทีส่ ํงเสรมิ การอําน บ๎านทงํุ กลว๎ ย อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง การคิดวเิ คราะห๑ และเขียน ทช่ี ัดเจน เขา๎ ใจงาํ ยเหมาะสม ทํุงฝางวทิ ยา อาเภอเมอื ง จังหวัดลาปาง กับการนาไปจัดกจิ กรรมทีป่ ลกู ฝงั การอาํ น คดิ วเิ คราะห๑ และเขียน แกผํ ๎เู รยี น ที่หลากหลาย มีการวดั และประเมนิ ผล ตามสภาพจรงิ ของการจดั กจิ กรรมในแตลํ ะชุดสอดคล๎องกับ การจัดกจิ กรรมและการประเมนิ ผลการเรยี นรูต๎ ามศตวรรษ ที่ 21 ครผู ส๎ู อนมีคมํู ือครู และชุดกจิ กรรมทส่ี งํ เสรมิ การอาํ น เมอื งยาววิทยา อาเภอห๎างฉัตร จังหวัดลาปาง การคิดวเิ คราะห๑ และเขยี นทช่ี ัดเจน เข๎าใจงํายเหมาะสมกับ การนาไปจัดกิจกรรมท่ีปลูกฝงั การอําน คิดวิเคราะห๑ และเขียน แกผํ ๎ูเรยี น ท่หี ลากหลาย มีการวดั และประเมนิ ผล ตามสภาพจริงของการจัดกจิ กรรมในแตํละชดุ ประเด็นนโยบายการตรวจราชการฯ : 4.2 การจดั การเรยี นรู้แบบสะเตม็ ศกึ ษา (STEM Education) ตัวช้วี ดั ที่ 1 : สถานศกึ ษาจดั การศกึ ษาโดยบูรณาการองค์ความรแู้ บบสะเตม็ ศกึ ษา เพ่มิ ขน้ึ ร้อยละ 30* ผลการดาเนินการ ๑. ผลการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม มีความก้าวหนอา้ย่างไร สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลาปางเขต ๑ ได๎ดาเนนิ การสํงเสรมิ สนบั สนนุ ให๎ สถานศึกษาในสงั กัด จดั การเรยี นร๎ูแบบสะเตม็ ศึกษา (STEM Education) ดังน้ี จานวนสถานศึกษาจดั การศึกษาโดยบรู ณาการองค๑ความรแู๎ บบสะเตม็ ศกึ ษา ปีการศกึ ษา 2560 ปกี ารศึกษา 2561 เพม่ิ ข้ึน เพ่ิมขึน้ รอ๎ ยละ (โรง) (โรง) (โรง) 67 96 29 43.28 ๒. หน่วยงานมวี ิธีการ/ปจั จัยใดทีส่ ามารถดาเนินการให้บรรลุผลสาเร็จตามประเดกน็ ารตรวจติดตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแกผ่ ู้เรยี น อยา่ งไรบ้าง สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ไดด๎ าเนินการ ดงั น้ี 2.1 สร๎างความตระหนักและความสาคญั ของการจัดการเรยี นร๎ูแบบสะเต็มศึกษา (STEM Education)แกํผบ๎ู ริหารสถานศึกษาและครผู ๎สู อนวทิ ยาศาสตร๑ คณติ ศาสตร๑ และเทคโนโลยี 2.2 จัดอบรมครูดว๎ ยระบบทางไกล โครงการการบูรณาการสะเต็มศึกษา (STEM Education) ของสถาบันสํงเสริมการสอนวิทยาศาสตร๑ (สสวท.) ให๎กับครพู ี่เลยี้ งโรงเรียนศูนยฝ๑ กึ อบรม จงั หวัดลาปาง จานวน 4 รํุน ดังน้ี ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาตอนต๎น ระดับชน้ั ประถมศึกษาตอนปลาย ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนตน๎ และ ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบดว๎ ย ครผู ู๎สอนวิทยาศาสตร๑ คณติ ศาสตร๑ และเทคโนโลยี โดยแยกสงั กัด ดงั นี้

30 - สังกดั สพฐ. จานวน 33 คน ( สพป.ลาปาง เขต 1 ,เขต 2 ,เขต 3 และ สพม.35) - สังกัด อปท. จานวน 18 คน - สงั กัด สช. จานวน 6 คน - สงั กัด กศน. จานวน 12 คน 2.3 สงํ เสริมสนับสนนุ ให๎ครผู สู๎ อนวิทยาศาสตร๑ คณติ ศาสตร๑ และเทคโนโลยี เขา๎ รบั การอบรมครู ด๎วยระบบทางไกล โครงการการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษา (STEM Education) ของสถาบนั สํงเสรมิ การสอน วทิ ยาศาสตร๑ (สสวท.) ในโรงเรยี นศูนยฝ๑ กึ อบรม จานวน 3 รุนํ ดังน้ี - ระดบั ช้ันประถมศึกษาตอนตน๎ จานวน 32 โรง จานวน 84 คน - ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาตอนปลาย จานวน 35 โรง จานวน 90 คน - ระดับชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน๎ จานวน 22 โรง จานวน 66 คน 2.4 สงํ เสริม สนบั สนุน สื่อการสอน/แนวทางการจดั การเรยี นร๎ูแบบสะเต็มศึกษา วีดีทัศน๑ แนวทางการจัดการเรยี นรูแ๎ บบสะเต็มศึกษา(STEM Education) ของสถาบนั สํงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร๑ (สสวท.) ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ถงึ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นละ 1 เรอื่ ง ให๎กับโรงเรยี นในสังกัด จานวน 96 โรง คดิ เปน็ รอ๎ ยละ 100 2.5 นิเทศ กากบั ตดิ ตาม และให้ความชว่ ยเหลือโรงเรยี นในสงั กัด การจัดการเรยี นรแู๎ บบสะเตม็ ศกึ ษา (STEM Education) ๓. ปญั หา/อปุ สรรคท่ีเกิดขึน้ จากการดาเนินการตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม 3.1 ครูผ๎สู อนบางสวํ นยงั ไมํได๎นา ชดุ กิจกรรม สือ่ การเรียนรู๎ วีดีทศั น๑แนวทางกระบวนการจดั การ เรียนรแู้ บบสะเตม็ ศกึ ษา ของสถาบันสงํ เสริมการสอนวิทยาศาสตร๑ (สสวท.) ทสี่ พป.ลาปาง เขต 1 ได๎สงํ เสริม สนับสนนุ ให๎โรงเรียนในสังกดั ไปใชใ๎ นการจัดการเรียนร๎แู บบสะเตม็ ศกึ ษาในโรงเรยี น 3.2 ครผู ส๎ู อนสวํ นใหญยํ งั ขาดความร๎คู วามเข๎าใจ ในการออกแบบหนํวยการเรียนร๎ทู บ่ี รู ณาการ จดั การเรยี นรแ๎ู บบสะเต็มศึกษา ๔. ข้อเสนอแนะของหน่วยงาน 4.1 ควรกระตุน๎ ครผู ๎ูสอนให๎ใช๎ ชุดกจิ กรรม ส่อื การเรยี นรู๎ และวดี ที ศั น๑แนวทางกระบวนการ จัดการเรียนรูแ้ บบสะเตม็ ศกึ ษา ของสถาบันสงํ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร๑ (สสวท.) ทส่ี านกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ได๎สํงเสรมิ สนบั สนนุ ให๎โรงเรยี นในสังกดั ในการจัดการเรยี นร๎ูแบบสะเตม็ ศกึ ษาใน โรงเรียน 4.2 ควรสงํ เสริมและพัฒนาการออกแบบหนวํ ยการเรยี นรู๎สะเต็มศกึ ษาใหก๎ ับครูผ๎ูสอนวิทยาศาสตร๑ คณิตศาสตร๑ และเทคโนโลยี ๕. ต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice ๓ ลาดบั แรก) รายชอื่ ทตี่ ง้ั หนํวยงาน/สถานศึกษา เร่อื ง/กิจกรรมและรายละเอียด หนํวยงาน/สถานศึกษา อาเภอห๎างฉัตร จงั หวัดลาปาง ของตน๎ แบบหรือแบบอยํางที่ดี อาเภอเมอื ง จังหวดั ลาปาง การสร๎างและพฒั นาเครือ่ งรอํ น โรงเรียนอนุบาลห๎างฉัตร อาเภอเมอื ง จังหวดั ลาปาง การสรา๎ งและพฒั นาหนุํ ยนต๑ การนาของเลํนเด็กไทยมาบูรณาการ โรงเรียนชมุ ชนบา๎ นฟอ่ นวทิ ยา จัดการเรียนร๎แู บบสะเต็มศึกษา การสรา๎ งและพฒั นาหนํุ ยนต๑ โรงเรยี นอนุบาลลาปาง (เขลางคร๑ ัตน๑อนุสรณ๑)

31 นโยบายที่ 5 การเพิม่ สัดส่วนผเู้ รียนสายอาชีพ ประเดน็ นโยบายการตรวจราชการ 5.1 การจัดทาแผนบูรณาการรับนักเรยี นเพอื่ เพ่ิมสัดสว่ นผูเ้ รยี นสายอาชีพระดับจงั หวัด ตวั ชี้วดั จังหวัดได้จัดทาแผนและยุทธศาสตรก์ ารรบั นักเรยี นเพ่อื เพิ่มผู้เรยี นสายอาชพี ผลการดาเนินการ 1. ผลการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม มีความกา้ วหนา้ อยา่ งไร สพป.ลาปาง เขต 1 จัดทาแผนยุทธศาสตร๑การรับนักเรยี นเพื่อเพมิ่ ผูเ๎ รียนสายอาชีพโดยจดั ทาโครงการที่ ดาเนินการสงํ เสรมิ แนะแนวด๎านสายอาชีพอยํางตํอเนอ่ื งในปกี ารศึกษา 2560 – 2561 ใหแ๎ กนํ ักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 3 มดี ังน้ี 1. ปีการศึกษา 2560 จดั ทาโครงการ “ตลาดนัดแนะแนวเคลอื่ นที่สไูํ ทยแลนด๑ 4.0” วนั ท่ี 29 มิ.ย. 2561 และวนั ท่ี 26 ก.ค. 2560 เป็นนักเรียนกลมุํ เปา้ หมาย ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 จานวน 415 คน 2. ปีการศกึ ษา 2561 จดั ทาโครงการแนะแนวสายอาชีพ 3 โครงการ 2.1. “แนะแนวสายอาชพี แนะแนวอนาคต ” ระหวํางวนั ที่ 19 - 20 กรกฎาคม 2561 ณ วทิ ยาลยั สารพัดชํางลาปาง เปน็ นกั เรียนกลํุมเปา้ หมาย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 – มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 จานวน 855 คน จากหนวํ ยงานสายอาชีพเข๎ารํวมงาน 6 หนวํ ยงาน (วิทยาลัยสารพดั ชํางลาปาง วิทยาลยั อาชีวศึกษาลาปาง วทิ ยาลยั เทคนิคลาปาง ศูนยก๑ ารเรยี นปัญญาภิวฒั นล๑ าปาง โรงเรยี นภมู นิ ทร๑บรบิ าล สานกั งานจัดหางานจังหวัด ลาปาง) 2.2. โครงการ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาร๎ู สทูํ ักษะวชิ าชีพ” รํวมกับวทิ ยาลัยเทคนิคลาปาง ให๎ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 จานวน 306 คน เข๎ารับการฝกึ ทักษะวิชาชีพในสาขาทม่ี ีความสนใจ รวม 5 สาขา คอื ชํางไฟฟ้า ชาํ งยนต๑ ชาํ งกอํ สร๎าง ชาํ งเชื่อม ชํางอิเลก็ ทรอนกิ ส๑ จานวน 3 รุนํ ๆ ละ 2 วัน ในเดือนสิงหาคม – กนั ยายน 2561 ใหน๎ กั เรยี นได๎ เปดิ โลกทศั น๑ เกิดแรงบันดาลใจ ค๎นพบความถนัดของตนเองในการตดั สนิ ใจเรยี น ตอํ ตั้งแตศํ ึกษาในระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน๎ 2.3. โครงการ “พฒั นาจัดการศกึ ษาโรงเรยี นพืน้ ทส่ี งู ” รํวมกับวทิ ยาลัยเทคนิคลาปาง ให๎นักเรยี น ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นประถมศึกษาบนพนื้ ท่สี ูงและทุรกันดาร จานวน 7 โรงเรยี น เข๎ารบั การฝกึ ทกั ษะ วิชาชีพชาํ งอิเลคทรอนคิ จานวน 67 คน ในวนั ท่ี 25 สงิ หาคม และ 1 กนั ยายน 2561 และหลังจากจบโครงการ จะดาเนินการติดตาม สอบถามความคาดหมายของนกั เรียนเมื่อเรยี นจบจะเข๎าเรยี นตอํ สายอาชพี เป็นข๎อมูลพฒั นา งานตอํ ไป ผลการดาเนนิ งานสง่ เสริมนักเรียนช้ัน ม.3 ไดศ้ กึ ษาต่อ ม.ปลาย ปกี ารศึกษา 2558 – 2561 ขอ๎ มูลนกั เรียนจบชน้ั ม.3 ทจี่ บหลกั สตู รไดศ๎ กึ ษาตํอชั้น ม.4 สายสามัญและสายอาชพี ปีการศึกษา นร.จบ เรียนตํอสายสามญั เรียนตอํ สายสามัญ เรยี นตอํ สายสามญั ร๎อยละ จานวน ร๎อยละ จานวน ร๎อยละ จานวน รอ๎ ยละ 2558 403 123 30.52 266 66 96.53 2559 374 95 25.40 244 65.24 00 98.40 2560 398 125 31.40 244 61.30 29 7.75 99.49 24 6.03

32 2. หน่วยงานมวี ธิ กี าร /ปัจจัยใดทีส่ ามารถดาเนินการให้บรรลุผลสาเรจ็ ตามประเด็นการตรวจติดตาม หรอื เกดิ ผล กระทบทางบวกแกผ่ ู้เรียน อย่างไรบา้ ง สพป.ลาปาง เขต 1 สํงเสรมิ เพ่มิ โอกาสการรบั นกั เรียนเพอ่ื เพม่ิ ผเู๎ รียนสายอาชพี ดงั นี้ 2.1 ประชาสัมพนั ธ๑ สงํ เสริมดา๎ นความรู๎สายอาชพี ทกุ รปู แบบ 2.2 สํงเสรมิ การจัดประชุมครแู นะแนวด๎านสายอาชีพ 2.3 สงํ เสริมกจิ กรรมการเรยี นรู๎สายอาชพี ในโรงเรยี นขยายโอกาสทกุ โรง 2.4 ใหค๎ วามรํวมมือและเปิดโอกาสใหส๎ ถานศึกษาอาชีวศึกษาเข๎าใหค๎ วามร๎ดู า๎ นสายอาชพี กบั โรงเรียน 2.5สงํ เสรมิ การสร๎างทศั นคติท่ดี ีตํออาชีพและการแนะแนวการศึกษาเพื่ออาชีพ จานวนนักเรยี นทไ่ี ด้รบั การสรา้ งทัศนคตทิ ่ดี ตี อ่ อาชีพและการแนะแนวการศึกษาเพอื่ อาชีพ ปีการศึกษา 2561 สงั กัด สพป.ลาปาง เขต 1 จานวนนกั เรียนท่ีไดร้ ับการสรา้ งทัศนคติท่ีดตี่อ จานวนนกั เรียนทัง้ หมด (คน) อาชีพและการแนะแนวการศึกษา ร้อยละ เพ่อื อาชพี (คน) ประถม ม.ต้น ม.ปลาย รวม ประถม ม.ต้น ม.ปลาย รวม 15,615 1,209 - 16,824 15,615 1,209 - 16,824 100 3. ปญั หา/อปุ สรรคท่ีเกดิ ข้นึ จากการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม จากการดาเนนิ งานโครงการแนะแนวสายอาชีพ แนะแนวอนาคต ปีการศึกษา 2561 มขี ๎ออุปสรรค ดงั น้ี 1) การจัดโครงการมรี ะยะเวลาน๎อย นกั เรยี นท่เี ข๎ารํวมงานมีจานวนมาก ไดร๎ ับความรเ๎ู พียงด๎านทฤษฎี 2) หนวํ ยงานและสถานศกึ ษาสงั กดั อาชีวศึกษา ต๎องการเขา๎ พน้ื ทีก่ ลุํมเป้าหมายโดยตรง 4. ข้อเสนอแนะของหน่วยงาน 1) จดั ทาโครงการลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู๎ สํทู ักษะวชิ าชพี โดยความรํวมมอื กบั วทิ ยาลยั เทคนิคลาปาง ใหน๎ กั เรยี นได๎ฝกึ ทกั ษะดา๎ นอาชีพท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ตั ิ ให๎นกั เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 เป็นจานวน 3 รุํน ๆ ละ 2 วัน ในแตํละอาเภอใหน๎ ักเรียนไดร๎ บั การฝกึ ทกั ษะวชิ าชีพได๎อยํางทว่ั ถึง 2) เปิดโอกาสใหส๎ ถานศึกษาสงั กดั อาชวี ศึกษา และหนวํ ยงานที่ประสงคเ๑ ขา๎ แนะแนวให๎นกั เรยี นในพนื้ ที่ โดยตรง เพื่อสงํ เสรมิ การมีสํวนรํวมประสานความรวํ มมือและพฒั นางานแนะแนวสายอาชพี อยํางตอํ เน่ืองและครบ วงจร 5. ตน้ แบบหรือแบบอยา่ งทีด่ ี (Best Practice 3 ลาดับแรก) เรือ่ ง/กจิ กรรมและรายละเอยี ด รายช่ือ ทีต่ งั้ หนวํ ยงาน/สถานศึกษา ของต๎นแบบหรือแบบอยํางทดี่ ี หนํวยงาน/สถานศึกษา อาเภอเมอื ง จงั หวัดลาปาง สํงเสรมิ นกั เรียนชั้น ม.3 เรียน ธงชยั วทิ ยา อาเภอแมํเมาะ จังหวดั ลาปาง อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง ตอํ สายอาชีพ อนบุ าลแมเํ มาะ อาเภอเมอื ง จงั หวดั ลาปาง วัดหลวงวทิ ยา อาเภอแมเํ มาะ จังหวดั ลาปาง อาเภอเมอื ง จงั หวัดลาปาง สงํ เสรมิ งานแนะแนวระดับเขตพนื้ ที่ ธงชัยวิทยา อาเภอเมอื ง จงั หวัดลาปาง และระดับหนวํ ยงานอาชวี ศกึ ษา อนุบาลแมเํ มาะ อาเภอแมเํ มาะ จังหวดั ลาปาง อาเภอเมือง จงั หวัดลาปาง วดั หลวงวิทยา สงํ เสรมิ นักเรยี นเข๎าฝึกประสบการณ๑ ธงชัยวิทยา Work Experience กับศกึ ษาจงั หวัด อนบุ าลแมํเมาะ ลาปาง วัดหลวงวิทยา

33 7. นโยบาย : การบรหิ ารจดั การศกึ ษาโรงเรยี นขนาดเล็ก ประเด็นนโยบายการตรวจราชการฯ : ผลการดาเนินงาน ตัวช้วี ัดท่ี 1 : สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามีแผนบรหิ ารจัดการโรงเรียนขนาดเลก็ 1.ผลการดาเนินการตามประเด็นการตรวจตดิ ตาม สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 มกี ารจดั ทาแผนเพ่มิ ประสิทธภิ าพ การบริหารจดั การโรงเรยี นขนาดเลก็ โดย -ประชุมคณะกรรมการ คณะทางานเพ่ือจดั ทาแผนเพิ่มประสิทธภิ าพการบรหิ ารจดั การโรงเรียน ขนาดเลก็ -เสนอแผนฯ ตํอทมี บริหารของ สพป.ลป. 1 และผูบ๎ ริหารโรงเรยี นขนาดเลก็ พิจารณาเพ่ือผาํ นการ รบั รอง/เหน็ ชอบ เมอื่ วันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ณ ห๎องประชมุ ครุ ุมนตรี สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา ประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ที่ประชมุ มมี ตริ บั รอง/เห็นชอบเรียบรอ๎ ยแลว๎ 2.หนว่ ยงานมีวธิ ีการ/ปจั จัยใดท่สี ามารถดาเนินการให้บรรลผุ ลสาเร็จตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตามหรือเกดิ ผลกระทบทางบวนแก่ผู้เรียน 2.1 แจ๎งทีมบรหิ าร ศกึ ษานิเทศก๑ และผูเ๎ ก่ยี วขอ๎ งของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา และผบู๎ รหิ าร โรงเรียนขนาดเล็กทราบ และให๎ดาเนินงานตามนโยบาย 2.2 ทีมบริหาร ศึกษานเิ ทศก๑ ผ๎ูมสี ํวนเกย่ี วข๎อง ลงพ้ืนท่เี พื่อติดตามการดาเนินงาน หรอื ไปเข๎ารํวม ประชมุ กบั คณะกรรมการสถานศกึ ษา คณะครู บคุ ลากร ชมุ ชนเพื่อสรา๎ งความเขา๎ ใจเรอื่ งการบริหารจดั การการเพิ่ม ประสทิ ธภิ าพโรงเรียนขนาดเลก็ กรณี เรยี นรวม หรอื เลกิ สถานศกึ ษา และการจัดการเรยี นการสอนรูปแบบ DLTV 3.ปัญหา/อุปสรรคทเี่ กิดจากการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม ไมมํ ี 4. ข้อเสนอแนะของหน่วยงาน ไมํมี 5. ต้นแบบหรือแบบอย่างทีด่ ี (Best Practice 3 ลาดับแรก) ไมํมี ตัวชวี้ ัดท่ี 2 : สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษามีแผนบริหารจัดการโรงเรียนท่ีมีช้นั เรยี นไม่เหมาะสม ผลการดาเนนิ งาน 1.ผลการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มคี วามกา้ วหนา้ อย่างไร สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 มแี ผนบริหารจดั การโรงเรยี นขนาดเล็กท่ี มี ชั้นเรียนไมเํ หมาะสมโดย 1.สงํ เสริมการจดั การศึกษาทางไกล DLTV ควบคหํู รอื บูรณาการกบั การจัดกิจกรรมการเรยี นการ สอนปกติ จานวน 77 โรงเรียน 2.บริหารจัดการโดยให๎โรงเรียนขนาดเลก็ ไปเรยี นรวมกับโรงเรียนหลัก จานวน 25 โรงเรยี นแยกเป็น เรียนรวมทุกชัน้ เรยี น 24 โรงเรียน เรยี นรวมบางช้ัน 1 โรงเรยี น ดงั น้ี

34 โรงเรียนหลกั โรงเรียนทีไ่ ปเรียนรวม ที่ ชอ่ื โรงเรยี น อาเภอ ที่ ชอ่ื โรงเรียน อาเภอ ชัน้ ท่ีไป ปีการศึกษา ท่ไี ปเรียน เรยี นรวม รวม 2/2560 1 พชิ ัยวทิ ยา เมือง 1 วดั ตน๎ ตอ๎ ง เมอื ง ป.1-ป.6 1/2559 2 แมกํ ง๐ วทิ ยา เมือง 2 บ๎านไรํ เมือง อ.1-ป.6 1/2552 3 วัดบา๎ นเป้า เมือง อ.1-ป.6 1/2552 3 บ๎านป่าตนั กุมเมือง เมือง 4 บา๎ นบอํ หนิ เมอื ง อ.1-ป.6 1/2552 5 บา๎ นเอื้อม เมอื ง อ.1-ป.6 1/2561 4 บา๎ นศรีหมวดเกลา๎ เมือง 6 บา๎ นกาด เมอื ง อ.1-ป.6 1/2559 5 ชุมชนบ๎านฟอ่ นวทิ ยา เมือง 7 วัดนาน๎อย เมอื ง อ.1-ป.6 2/2560 6 ทงุํ ฝางวิทยา เมือง 8 บ๎านทํุงกดูํ า๎ ย เมอื ง อ.1-ป.6 1/2552 7 บา๎ นนาสกั แมํเมาะ 9 บ๎านหนองยาง เมอื ง อ.1-ป.6 1/2554 8 บ๎านใหมํรตั นโกสินทร๑ แมเํ มาะ 10 บา๎ นหมอสม เมอื ง อ.1-ป.6 1/2555 9 เมอื งยาววิทยา หา๎ งฉัตร 11 บา๎ นห๎วยเป้ง เมอื ง อ.1-ป.6 1/2560 10 บ๎านโป่งขวาก ห๎างฉตั ร 12 บา๎ นปงแทนํ แมเํ มาะ อ.1-ป.6 1/2553 13 บา๎ นแมํหลวํ ง แมํเมาะ อ.1-ป.6 1/2552 (รวมบางช้ัน) 14 บา๎ นเวยี งเหนอื ห๎างฉัตร ป.1-ป.6 1/2552 15 บ๎านปา่ เหียง ห๎างฉตั ร ป.1-ป.6 2/2560 11 อนุบาลหา๎ งฉตั ร ห๎างฉัตร 16 บ๎านปนั เตา๎ ห๎างฉัตร อ.1-ป.6 2/2559 17 บา๎ นหัวทํงุ ห๎างฉตั ร 1/2552 12 บา๎ นทํุงหก หา๎ งฉตั ร 18 บ๎านดอนหวั วงั หา๎ งฉัตร ป.6 1/2552 19 บ๎านทุงํ ผา หา๎ งฉตั ร อ.1-ป.6 1/2556 13 บา๎ นสนั ทราย ห๎างฉตั ร 20 บา๎ นทุํงเกวยี น หา๎ งฉัตร ป.1-ป.6 1/2557 21 บ๎านโป่ง งาว อ.1-ป.6 1/2558 14 บา๎ นสบพลึง งาว 22 บ๎านปางหละ งาว อ.1-ป.6 1/2559 23 บา๎ นงิ้วงาม งาว อ.1-ป.6 1/2557 15 ไทยรัฐวทิ ยา งาว 24 บ๎านขุนแหง งาว อ.1-ป.6 1/2559 25 ชมุ ชนบ๎านรอ๎ ง งาว อ.1-ป.6 16 บา๎ นแมตํ บี งาว ป.1-ป.6 17 บา๎ นห๎วยอนู งาว 18 บ๎านขํอยมติ รภาพท่ี 110 งาว 2.หน่วยงานมีวธิ กี าร/ปจั จัยใดท่ีสามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลุผลสาเร็จตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตามหรอื เกดิ ผลกระทบทางบวนแกผ่ ูเ้ รียน กรณีเรียนรวม 1. แจง๎ ทีมบริหาร ศกึ ษานิเทศก๑ และผ๎เู ก่ียวขอ๎ งของสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา และผ๎บู ริหาร โรงเรยี นขนาดเลก็ ทราบ และให๎ดาเนินงานตามนโยบาย 2. ทมี บริหาร ศึกษานเิ ทศก๑ ผู๎มีสวํ นเกย่ี วขอ๎ ง ลงพน้ื ทเี่ พื่อตดิ ตามการดาเนินงาน หรือไปเขา๎ รวํ ม ประชมุ กบั คณะกรรมการสถานศึกษา คณะครู บคุ ลากร ชุมชนเพอ่ื สรา๎ งความเข๎าใจเรอ่ื งการบริหารจดั การการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพโรงเรยี นขนาดเลก็ กรณี เรียนรวม หรอื เลกิ สถานศึกษา 3.นเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผล

35 กรณสี ่งเสริมการจดั การศึกษาทางไกล DLTV 1.แจ๎งศกึ ษานเิ ทศก๑ ผู๎บรหิ าร ครูผ๎สู อน เพือ่ สร๎างความเขา๎ ใจ ความสาคญั และประโยชน๑ทีโ่ รงเรียน ขนาดเล็กและนกั เรยี นจะได๎รับจากการศึกษาทางไกล DLTV 2.ทมี ICT สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ใหค๎ าแนะนาปรกึ ษา ชํวยเหลอื แกป๎ ัญหา ระบบเครอื ขําย ชํวยซอํ มบารงุ ระบบคอมพวิ เตอร๑ วสั ดุ อุปกรณ๑ของโรงเรยี น 3.นิเทศ ตดิ ตามประเมนิ ผล 3.ปัญหา/อุปสรรคทเี่ กิดจากการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม 3.1 กรณเี รียนรวม - นกั เรียนที่มาเรยี นรวมกรณีเปน็ ชนเผาํ ตํางชาติ มปี ญั หาด๎านการสื่อสาร รวมถึงการปรับตัวเข๎ากับนกั เรียน โรงเรียนหลกั 3.2 กรณีการจัดการศกึ ษาทางไกล DLTV - คณุ ครบู างคนยังไมชํ วํ ยกระต๎ุนใหน๎ ักเรยี นรวํ มกิจกรรมกบั การสอนตน๎ ทาง - จดุ วางทวี ีในห๎องเรยี นบางโรงเรยี นยังไมํเหมาะสม 4.ขอ้ เสนอแนะของหนว่ ยงาน 4.1กรณีเรยี นรวม - ใหค๎ ุณครปู ระจาชั้นใสใํ จเปน็ พเิ ศษ และสังเกตพฤติกรรม 4.2 กรณีการจัดการศกึ ษาทางไกล DLTV - ทมี บริหาร ศึกษานเิ ทศก๑ ทมี ICT สพป.ลาปาง เขต 1 ลงพื้นทน่ี เิ ทศ ตดิ ตามใหค๎ าแนะนาชวํ ยเหลอื - ผูบ๎ ริหารโรงเรียนนเิ ทศภายในหอ๎ งเรยี น ตัวชว้ี ดั ท่ี 3 : โรงเรยี นขนาดเลก็ ในสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามจี านวนลดลง ผลการดาเนนิ การ 1. ผลการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มีความก้าวหนา้ อยา่ งไร ตารางข๎อมลู จานวนโรงเรียนขนาดเล็กในสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 เปรียบเทียบในปกี ารศึกษา 2560 และปีการศกึ ษา 2561 อาเภอ จานวนโรงเรียนขนาดเล็ก + เพ่มิ , - ลด ปกี ารศึกษา 2560 ปีการศกึ ษา 2561 อาเภอเมือง 41 42 + 1 อาเภอห๎างฉตั ร 20 17 - 3 อาเภองาว 18 ร.ร. 2 สาขา 18 ร.ร. 2 สาขา - อาเภอแมํเมาะ 13 ร.ร. 1 สาขา 13 ร.ร. 1 สาขา - รวม 95 93 - 2 คาอธบิ าย : จากตารางแสดงขอ๎ มูลเปรียบเทียบพบวําโรงเรียนขนาดเล็ก สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา ประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ลดลง 2 โรงเรยี น เนือ่ งจากมีการเลิก/รวมสถานศึกษาข้นั พนื้ ฐาน 2.หน่วยงานมวี ธิ ีการ/ปัจจัยใดท่ีสามารถดาเนินการใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จตามประเดกน็ ารตรวจติดตามหรือเกิดผลกระทบ ทางบวกแก่ผเู้ รียน อย่างไรบ้าง 1. สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ดาเนินการประชุม ชแ้ี จงสรา๎ งความ เข๎าใจในนโยบายเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบริหารโรงเรยี นขนาดเลก็ และแนวปฏบิ ัตติ ามระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วําดว๎ ย การตัง้ รวม เลกิ สถานศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2550

36 2. ผ๎ูอานวยการสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ทีมบริหาร, ผม๎ู สี วํ น เกย่ี วขอ๎ งลงพ้ืนทรี่ ํวมประชมุ ชแ้ี จง สร๎างความเข๎าใจให๎กับคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พื้นฐาน ชุมชน ผู๎ปกครองกรณี เลกิ /รวมสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน 3. มีการนเิ ทศ ติดตามและประเมินผล 3.ปญั หา/อปุ สรรคที่เกิดข้ึนจากการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ติดตาม 3.1 โรงเรียนกลมุํ เป้าหมายการเรียนรวมไมํสามารถเรยี นรวมได๎เนอ่ื งจากไมํได๎ความเหน็ ชอบหรอื ยนิ ยอมจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ผู๎ปกครอง ชุมชน 4.ขอ้ เสนอแนะของหน่วยงาน 4.1 กระทรวงศึกษาธกิ าร และสพฐ. ควรมีข๎อสัง่ การและแนวปฏบิ ตั ทิ ช่ี ดั เจน 5.ตน้ แบบหรอื แบบอยา่ งที่ดี (Best Practice ๓ ลาดับแรก) เรือ่ ง/กจิ กรรมและรายละเอยี ด รายชอ่ื ทต่ี งั้ ของตน๎ แบบหรอื แบบอยํางท่ีดี หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศึกษา -โรงเรียนแมเํ หลก็ โรงเรยี นบา๎ นโปง่ ขวาก อาเภอห๎างฉตั ร จังหวัดลาปาง -นวัตกรรม : การบรหิ ารจัดการ แบบมีสวํ นรํวมและจัดการความรู๎ โรงเรยี นบ๎านโทกหวั ชา๎ ง อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง PSK Model โรงเรียนบ๎านขํอยมิตรภาพที่ 110 อาเภองาว จังหวัดลาปาง โรงเรยี นขนาดเลก็ คณุ ภาพ และสาขา - กจิ กรรมเพม่ิ เวลาร๎ู - โครงการเกษตรพอเพยี งกบั ทฤษฎีใหมํตามแนวพระราชดาริ - KM PLC Teamwork การสํงเสรมิ การศกึ ษาทางไกล DLTV ๘. นโยบาย : การอา่ นออกเขยี นได้ ประเด็นนโยบายการตรวจราชการฯ : ๘.๑ การอ่านออก เขียนได้ ตวั ช้ีวดั : นักเรยี นช้ัน ป.๑ อ่านออก เขียนได้ รอ้ ยละ ๑๐๐ ผลการดาเนนิ งาน ๑. ผลการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ติดตาม มคี วามก้าวหนอ้ายา่ งไร สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปางเขต ๑ ไดด๎ าเนินการพัฒนาการอาํ นออกเขยี นได๎ ตามนโยบายรัฐบาล ใหน๎ ักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ เมื่อจบชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ต๎องอาํ นออกเขียนไดท๎ ุกคน และ มมี าตรการประเมนิ ผลให๎เปน็ รูปธรรม ให๎โรงเรยี นทุกโรง มีเป้าหมายทจ่ี ะลดปญั หาการอํานไมํออกเขยี นไมไํ ด๎ของ นกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษา มีผลการดาเนินงานตามประเด็นการตรวจ ติดตาม มีความก๎าวหนา๎ดงั นี้

37 ตารางแสดงจานวนนักเรยี นช้นั ป.๑ อ่านออก เขยี นได้ สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑ จานวน อํานออก (เด็ก เขยี นได๎ นักเรียน ปกต)ิ (เด็กปกติ) สรปุ ชั้น ทัง้ หมด (คน) รอ๎ ยละ (คน) ร๎อยละ อํานออก เขียนได๎ ร๎อยละ (เด็กปกติ) (คน) (คน) ป.๑ ๑,๙๐๓ ๑,๘๕๒ ๙๗.๓๒ ๑,๘๓๕ ๙๖.๔๓ ๑,๘๔๔ ๙๖.๙๐ (การประเมินนักเรียนอาํ น เขียนในระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส๑(e-mes)ของนักเรยี น ชน้ั ป.๑ครั้งท๑ี่ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๑) จากตาราง แสดงจานวนนกั เรยี นท่ีอํานออกเขียนได๎ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ การประเมิน การอําน การเขียน และรายงานผลการประเมนิ ผาํ นระบบการตดิ ตามทางอิเล็กทรอนิกส๑ (e-MES) พบวาํ นักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ มีนกั เรียนอํานออก จานวน ๑,๘๕๒ คน คิดเปน็ รอ๎ ยละ ๙๗.๓๒ มนี กั เรยี น เขียนได๎ จานวน ๑,๘๓๕ คน คิดเป็นร๎อยละ ๙๖.๔๓ สรปุ ภาพรวมมีนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ อํานออกเขียนได๎ จานวน ๑,๘๔๔ คน คดิ เป็นร๎อยละ ๙๖.๙๐ จากนกั เรยี นปกติทัง้ หมด ๑,๙๐๓ คน ๒. หนว่ ยงานมวี ธิ ีการ/ปัจจัยใดท่สี ามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลุผลสาเร็จตามประเดน็ การตรวตจดิ ตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแก่ผู้เรยี น อยา่ งไรบา้ ง สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑ มีวธิ ดี าเนินการ หรอื ปจั จยั ท่ีสามารถดาเนนิ การให๎บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเดน็ การตรวจติดตาม หรอื เกิดผลกระทบทางบวกแกํผเู๎ รยี น ไดด๎ าเนนิ การ ดังน้ี วิธีการดาเนนิ งาน ๑. สร๎างความตระหนกั ใหค๎ วามสาคัญและความรํวมมอื รบั ผิดชอบของผบู๎ ริหารโรงเรยี นและ ครูผส๎ู อนภาษาไทยทุกคนในโรงเรียน โดยประกาศเปน็ นโยบายตามนโยบายของ กระทรวงศกึ ษาธิการและ สพฐ. ๒. ประชมุ ครผู ูส๎ อนภาษาไทยเพอื่ ชแ้ี จงทาความเขา๎ ใจเรอ่ื งการประเมินการอําน การเขียน และรายงานผลการประเมินผํานระบบการตดิ ตามทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ (e-MES) เมอื่ วนั ที่ ๒๓ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ มีครผู ๎สู อนภาษาไทยและผู๎เกย่ี วขอ๎ งเข๎ารํวมประชมุ จานวน ๑๑๐ คน ๓. วางแผนพัฒนาการจดั การเรยี นการสอนใหม๎ คี ณุ ภาพ ตามจดุ เนน๎ ดา๎ นผูเ๎ รยี น รวมทงั้ การสงํ เสรมิ สนบั สนุนให๎ความชํวยเหลือ ครผู ส๎ู อนภาษาไทยทง้ั ด๎านปจั จัย วธิ กี าร และส่ือ/นวตั กรรมใหแ๎ กโํ รงเรียน เพอ่ื เป็น เครือ่ งมือในการดาเนนิ งานให๎เกดิ ผลสาเรจ็ ให๎สามารถจัดการเรียนการสอน ตรงกับหลักสตู ร และสอดคล๎องกบั การ เรยี นร๎ูของผูเ๎ รียน มีการสนับสนุนส่ือ และจัดสรรหนังสอื ให๎โรงเรยี น ได๎แกํ ๑) หนงั สือเทคนคิ การสอน และการใชส๎ ่อื วธิ ีการสอนภาษาไทยทปี่ ระสบผลสาเร็จ จานวน ๑๐๖ เลํม ๒) เทคนคิ การสอน วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู๎ เพ่ือขับเคลือ่ นจดุ เนน๎ การพฒั นา คุณภาพผู๎เรยี น จานวน ๑๐๖ เลํม ๒) คมูํ อื การใชบ๎ ทอาขยานภาษาไทย พร๎อมแผํนซดี ี จานวน ๑๐๖ ชุด ๓) นวัตกรรมการสอนพัฒนาเดก็ ท่ีมีปญั หาทางการเรยี นร๎ู จานวน ๑๐๓ เลํม ๔) คมํู ือการเรยี นการสอนภาษาไทย ระดับประถมศกึ ษา จานวน ๑๐๖ เลมํ ๕) หนังสือชุด แนวการสอนซํอมเสรมิ การอํานการเขยี น ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ชุดละ ๗ เร่ือง จานวน ๑๐๐ เลํม ๖) หนงั สอื ภาษาไทย ภาษาชาติ เพอื่ การอํานออก เขียนได๎ อํานคลํองเขียนคลํอง และส่อื สารได๎ จานวน ๑๑๐ เลํม ๗) คูํมอื การอาํ นแจกลกู สะกดคา จานวน ๑๑๐ เลํม

38 3. สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑ ไดส๎ งํ เสรมิ สนบั สนุนสอ่ื ออนไลน๑ เชํน ๑) แนวทางกจิ กรรมสงํ เสริมการอํานโดยใชห๎ นังสอื พระราชนพิ นธ๑ ในสมเดจ็ พระเทพรตั น๑ ราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ๒) สํงเสริมการจัดการเรียนการสอนโดยใช๎ส่อื ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 4. โรงเรยี นดาเนนิ การคดั กรองผูเ๎ รยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖ เพอ่ื จัดทาสารสนเทศและเพ่อื วเิ คราะหผ๑ ๎เู รียน และวางแผนพฒั นาผเู๎ รยี นใหด๎ าเนนิ การกอํ นวนั ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยใช๎เคร่อื งมอื คัดกรองของ สพฐ. โดยคัดกรองผูเ๎ รยี นท่มี ีปัญหาทางการเรียนรู๎ ๙ ประเภท ไดแ๎ กํ ๑) บคุ คลที่มคี วามบกพรํองทางการพูดและการใชภ๎ าษา ๒) บุคคลทม่ี คี วามบกพรํองทางการสื่อสาร ๓) มปี ัญหาในการเรยี นในกลมุํ วชิ าทักษะ เชนํ วิชาภาษาไทย วชิ าคณติ ศาสตร๑ ๔) มปี ญั หาในการสรา๎ งแนวความคดิ รวบยอด ๕) การทดสอบผลการเรยี นให๎ผลไมแํ นนํ อนยากแกกํ ารการพยากรณ๑ ๖) มีความบกพรอํ งทางการรบั รู๎ ๗) มคี วามบกพรํองทางการเคลอื่ นไหว ๘) มอี ารมณไ๑ มคํ งท่ี บางครง้ั ระเบิดอารมณใ๑ สํผ๎อู ืน่ ความผดิ หวงั เลก็ ๆน๎อยๆอาจทาให๎ เสยี อารมณ๑อยาํ งรนุ แรงได๎ ๙) ลักษณะการนอนไมํคงท่ี บางครัง้ หลับ บางครั้งไมหํ ลับ ไมํเป็นเวลาท่ีแนํนนอน ใหท๎ ุกโรงเรียนจัดทาสารสนเทศ ผูเ๎ รยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่อยใํู นประเภทผูเ๎ รียนบกพรอํ ง ๙ ประเภท (เป็นขอ๎ มูล จาก โปรแกรม SET ของ สพฐ.) 5. ประเมินผลการอํานการเขยี น เพื่อพฒั นา (Formative Assessment) การประเมินความสามารถ ในการอํานและการเขียนของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๖ โดยรายงานผลการประเมนิ ทางระบบการตดิ ตาม ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส๑ (e-MES) ไดก๎ าหนดใหม๎ ปี ฏิทนิ การประเมินผล ภาคเรียนละ ๒ ครั้ง ดังตํอไปนี้ ภาคเรียนที่ ๑ ครง้ั ที่ ๑ รายงานผลภายในวันท่ี ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ ครง้ั ท่ี ๒ รายงานผลภายในวันที่ ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๖๑ ภาคเรียนที่ ๒ ครัง้ ที่ ๑ รายงานผลภายในวนั ที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ครง้ั ที่ ๒ รายงานผลภายในวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ 6. สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต ๑ กาหนดแนวทางการประเมินการอําน การเขยี นของนกั เรยี นชน้ั ป.๑ – ป.๖ให๎สถานศกึ ษาใชเ๎ ป็นแนวทางในการประเมนิ นกั เรียน ดังตอํ ไปน้ี แนวทางการประเมินการอาํ น การเขยี น ของนกั เรยี นชัน้ ป.๑-๖ และการประเมินผลการร๎เู รอ่ื งการอําน ( Reading Literacy ) ของนักเรียนช้ัน ม. ๑-๓ สานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปางเขต ๑ การประเมินการอาํ น การเขยี นภาษาไทย ของนักเรยี นชัน้ ป.๑-๖ และการประเมินผลการร๎ูเร่อื งการอําน (ReadingLiteracy)ฯ ของนักเยรนี ช้ัน ม.๑-๓ โดยใช๎เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผลที่สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา จดั สํงใหท๎ ุกคร้ัง และรายงานผลการประเมนิ ผํานทางระบบการ ติดตามทางอเิ ล็กทรอนิกส๑ (e-MES) มี รายละเอียดแนวทางการดาเนนิ งาน ดงั นี้ ๑) แตงํ ต้ังคณะกรรมการคุมสอบและตรวจขอ๎ สอบ เปน็ ไปตามระเบยี บการวัดและประเมินผล สลบั ชั้น ภายในโรงเรียน ไมคํ วรให๎ครูผส๎ู อนสอบนกั เรยี น หรือตรวจข๎อสอบของนักเรยี นทีต่ นเองเป็นผูส๎ อน

39 ๒) จดั สอบโดยใชเ๎ ครือ่ งมอื วัดความสามารถในการอาํ นและการเขียนของนกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษา ปที ่ี ๑- ๖ และเคร่ืองมือวดั ประเมินผลการรเู๎ รือ่ งการอาํ น (Reading Literacy) ตามแนวทางการประเมนิ ผลนกั เรียน รวํ มกับนานาชาติ PISA ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑-๓ โดยสานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษาจัดสงํ ให๎ ทุกครั้งมกี าหนดการประเมิน จานวน ๔ ครง้ั ดังนี้ ภาคเรยี นท่ี ๑ ครัง้ ที่ ๑ สอบระหวํางวนั ท่ี ๑๕-๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ครงั้ ท่ี ๒ สอบระหวํางวนั ท่ี ๑๕-๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ภาคเรียนที่ ๒ คร้ังที่ ๑ สอบระหวํางวนั ที่ ๑๕-๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ สอบระหวาํ งวนั ที่ ๑๕-๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ ๓) ประธานกลํมุ เครือขาํ ยสถานศกึ ษาทุกกลุํมเครือขาํ ย เปน็ ผ๎ูรับซีดขี ๎อสอบฯทกุ ครั้งทม่ี กี ารประเมนิ และ ให๎โรงเรียนจดั ทาสาเนาข๎อสอบฯ ให๎ครบตามจานวนนกั เรยี นทด่ี าเนินการสอบ ๔) บนั ทึกผลการประเมนิ การอาํ นการเขียน ของนกั เรยี นช้นั ป.๑-๖ และป ระเมินผลการร๎เู ร่อื งการ อาํ น (Reading Literacy) ของนักเรียนชน้ั ม.๑-๓ ของนักเรยี นรายบุค คล และรายงานสรุปผลการประเมนิ ฯ ของ นักเรยี นทุกระดับชั้น ผาํ ทนางระบบการตดิ ตามทาองิเลก็ ทรอนิกส๑ (e-MES) ภาคเหนือ ได๎ท่ี : www.lpg๑.go.th สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง๑เขใตนทุกครงั้ ของการประเมินตามวนั เวลาท่กี าหนดโดยใช๎รหัสผําน School Miss (๘ หลัก) ๕) สํงแบบสรุปการบันทึกขอ๎ มูลการประเมิน นักเรียนทกุ ระดบั ชนั้ ท่ีดาเนินการประเมนิ ผลฯ และ รายงานทางระบบการตดิ ตามทางอิเล็กทรอนกิ ส๑ (e-MES)ภาคเหนือมายังสานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ลาปาง เขต ๑ ๖) ครูผูส๎ อนภาษาไทย หรือผูม๎ สี วํ นเกีย่ วข๎องในการบนั ทึกขอ๎ มลู โปรดศึกษาคาชแี้ จง แบบบันทกึ ขอ๎ มูล ให๎เข๎าใจกอํ นบันทกึ ข๎อมลู ฯ และตรวจสอบความถกู ตอ๎ งของการบนั ทกึ ขอ๎ มูลการ ประเมนิ นกั เรยี นทุก ระดั บชัน้ เพ่ือป้องกนั ความคลาดเคลอ่ื นของขอ๎ มูล และ สงํ ผลการประเมนิ ฯ ของนกั เรียนทกุ ระดับชน้ั ตาม วัน เวลา ทีก่ าหนด ๗) ขอ๎ ควรระวัง หากมกี ารบนั ทึกขอ๎ มลู ทัง้ ข๎อมูลการประเมินผลนกั เรียนรายบุคคล ของแตํละโรงเรยี น และการบนั ทกึ ข๎อมลู การรายงานทางระบบการตดิ ตามทางอเิ ล็กทรอนกิ ส๑ (e-MES) ภาคเหนือ แล๎วข๎อมูลตอ๎ งตรงกัน และเมอื่ ยืนยนั การบนั ทึกข๎อมลู ในระบบเรยี บร๎อยแลว๎ โรงเรยี นจะไมํสามารถ แก๎ไขข๎อมูลในแบบบันทกึ การประเมนิ นักเรียนได๎ ๘) กรณีท่ีในโรงเรียน แตลํ ะชัน้ มนี กั เรียนบกพรํองทางการเรยี นร๎ู (LD) ให๎แยกไฟลผ๑ ลการประเมิน เปน็ นักเรยี นปกติ ๑ ไฟล๑ และนกั เรียนบกพรอํ งทางการเรยี นร๎ู (LD) ๑ ไฟล๑ (โปรดศึกษารายละเอยี ดการกรอกขอ๎ มูล นักเรียนบกพรํองทางการเรียนร๎ู) ๙) นาผลการประเมนิ จัดทาขอ๎ มูลการอําน การเขยี น ของนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๖ และ การประเมนิ ผลการรเู๎ ร่อื งการอําน (ReadingLiteracy)ฯ ของนักเยรนี ชนั้ ม.๑-๓ เปน็ รายบคุ คล และสรปุ รายงานทกุ ครง้ั ท่ีมกี ารประเมิน ให๎ดาเนนิ การซํอมเสริมนกั เรยี นทมี่ ปี ญั หาการอาํ นการเขียน และการอํานรู๎เรื่อง โดยมปี ฏิทินการ นเิ ทศ กากับตดิ ตามอยํางใกล๎ชิด ๑๐) ขอความรวํ มมือผ๎บู ริหาร ครูผ๎ูสอนภาษาไทย และผูท๎ ่ีมสี ํวนเกยี่ วข๎อง ทุกโรงเรยี น ไมํให๎เผยแพรํ เครอ่ื งมือการประเมินการอําน การเขียน ของนักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖ และการประเมินผลการรเ๎ู รื่อง การอําน ( Reading Literacy ) ของนักเรยีนชัน้ ม.๑-๓ ทางส่อื ออนไลน๑ทุกชํองทาง เชนํ เฟซบุ๏ก และไลน๑ 7. วเิ คราะห๑ผลการประเมินการอาํ นการเขยี น และจัดทาขอ๎ มลู ของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล และเปรียบเทียบพัฒนาการประเมินนักเรยี นแตํละครั้ง เพ่ือนาไปใช๎ในการพัฒนาและสํงเสริมให๎เหมาะสมกบั นกั เรยี น 8. นิเทศ กากบั ตดิ ตาม และใหค๎ วามชวํ ยเหลือโรงเรียนอยาํ งใกลช๎ ดิ โดยใช๎กระบวนการนเิ ทศ ตดิ ตาม ในรูปแบบกระบวนการนเิ ทศ APICE มี ๕ ข้นั ตอน

40 ๑) ขั้นตอนที่ ๑ ความตอ๎ งการจาเป็น(Assessing Need : A) ศึกษาสภาพและความต๎องการ ๒) ขั้นตอนท่ี ๒ วางแผนการนิเทศ(Planning : P) : - วางแผนและออกแบบการนิเทศ - ประเมนิ ความสอดคลอ๎ ง ความเหมาะสม - สรา๎ งส่ือและเครอ่ื งมอื การนิเทศ ๓) ข้ันตอนที่ ๓ การให๎ความรกู๎ อํ นการนเิ ทศ(Informing : I) - ให๎ความรู๎ความเข๎าใจเก่ยี วกบั การจดั กจิ กรรมและประเมนิ ๔) ขัน้ ตอนท่ี ๔ ปฏิบัติการโคช๎ ชิ่ง (Coaching: : C) - นิเทศ ตดิ ตามการจดั กิจกรรมและประเมนิ ปฏบิ ัติการโค๎ชชง่ิ (Coaching: : C) ๕) ขน้ั ตอนท่ี ๕ ประเมนิ ผลการนิเทศ(Evaluating : E) - สรุปและรายงานผลการดาเนินงานท่ีได๎ในแตํละขน้ั ตอน รวมท้งั ขอ๎ มูลจากการนเิ ทศ ติดตามการจัดกิจกรรมและประเมินผล - แลกเปล่ียนเรียนรู๎ - เผยแพรํผลการดาเนนิ งาน 9. สรุปและรายงานผลการดาเนนิ งาน ตํอสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐานตํอไป ๓. ปญั หา/อุปสรรคทเ่ี กิดขน้ึ จากการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ผลจากการนิเทศ กากบั ติดตาม ด๎านการอํานและการเขียนภาษไทยของนักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษา ปีที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ ของ สพป.ลาปาง เขต ๑ พบสภาพปัญหา ดงั นี้ ๓.๑ ครูสอนไมํตรงเอกวชิ า ทาใหก๎ ารจัดการเรียนการไมบํ รรลุเป้าหมาย ๓.๒ ครูได๎รับมอบหมายงานไมเํ หมาะสมกับหน๎าที่ ไมํตรงตามความถนัด ๓.๓ การเรงํ รดั การประเมนิ ผล สงํ ผลกระทบกับนกั เรยี นชาติพนั ธุ๑ ๓.๔ ครยู ังขาดทกั ษะการสอน และสอนแบบเดิม ๓.๕ ครูไมนํ าส่ือ /นวัตกรรมทจ่ี ัดสรรให๎ ไปจัดการเรยี นการสอน ๔. ขอ้ เสนอแนะของหนว่ ยงาน ๔.๑ จดั สรรอัตรากาลงั ครูใหต๎ รงสาขาวชิ าเอก ๔.๒ มอบหมายงานครผู ๎สู อน ใหเ๎ หมาะสมกบั หนา๎ ท่ี และตรงตามความถนัด ๔.๓ ขยายเวลาการประเมินนกั เรยี นใหเ๎ หมาะสม กบั วุฒภิ าวะและความพร๎อมในการประเมิน โดยเฉพาะนักเรียนชาตพิ ันธ๑ุ ชนั้ ป.๑ ๔.๔ นิเทศ กากบั ติดตาม ชํวยเหลือ ชีแ้ นะ การจัดการเรียนการสอยของครูอยาํ งใกลช๎ ิด ๔.๕ ครูควรนาสื่อ/นวัตกรรมทจี่ ดั สรรให๎ ไปจัดการเรียนการสอนอยํางสมา่ เสมอ ๕. ต้นแบบหรือแบบอย่างทีด่ ี (Best Practice๓ ลาดบั แรก) เรอ่ื ง/กจิ กรรมและรายละเอียด รายช่ือ ทต่ี ั้ง ของตน๎ แบบหรือแบบอยาํ งทด่ี ี หนวํ ยงาน/สถานศึกษา หนวํ ยงาน/สถานศึกษา การจัดกจิ กรรมการสอน โดยใช๎ โรงเรียนอนบุ าลลาปาง อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง สมองเป็นฐาน BBL(Brain – (เขลางคร๑ ตั นอ๑ นสุ รณ๑) based Lased Leraning) วธิ ีการสอนการคดั ลายมอื โรงเรียนบ๎านโปง่ ขวาก อาเภอเมอื ง จังหวดั ลาปาง การสอนอยํางไรให๎นักเรยี นอาํ น โรงเรยี นบ๎านแมกํ วกั อาเภองาว จงั หวดั ลาปาง ออกเขยี นได๎

41 ประเดน็ นโยบายการตรวจราชการฯ : ๘.๒ การอ่านคล่อง เขียนคล่อง ตวั ชี้วัด : นกั เรยี นชน้ั ป.๒- ป.๓ อ่านคล่อง เขียนคล่อง ร้อยละ ๑๐๐ ผลการดาเนนิ การ ๑. ผลการดาเนนิ การตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มคี วามกา้ วหนอ้าย่างไร สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลาปางเขต ๑ ได๎ดาเนินการพัฒนาการอาํ นออกเขยี น ได๎ตามนโยบายรฐั บาล ให๎นักเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ และชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ และให๎ความสาคัญกับนักเรยี น ทกุ ช้ัน ตอ๎ งอํานออกเขียนได๎ทุกคน และมมี าตรการประเมินผลให๎เป็นรูปธรรม ให๎โรงเรียนทุกโรง มเี ปา้ หมายทีจ่ ะลด ปญั หา การอํานไมํคลํองเขยี นไมคํ ลํองของนกั เรยี นระดับประถมศกึ ษา มผี ลการดาเนินงานตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มคี วามกา๎ วหนา๎ ดงั นี้ ตารางแสดงจานวนนักเรียนช้นั ป.๒ – ป.๓ อ่านคลอ่ ง เขียนคลอ่ ง สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต ๑ จานวน อาํ นคลํอง เขียนคลํอง นักเรยี น (เดก็ ปกติ) (เด็กปกติ) สรุป ชน้ั ทง้ั หมด (คน) รอ๎ ยละ (คน) รอ๎ ยละ อํานคลํอง เขียน ร๎อยละ (เด็กปกติ) คลํอง (คน) (คน) ป.๒ ๑,๗๕๓ ๑,๗๑๐ ๘๗.๕๔ ๑,๖๗๘ ๙๕.๗๒ ๑,๖๙๖ ๙๖.๗๕ ป.๓ ๑,๖๕๙ ๑,๖๑๙ ๙๗.๕๙ ๑,๕๕๙ ๙๓.๙๗ ๑,๕๘๙ ๙๕.๗๘ (การประเมนิ นกั เรียนอาํ น เขียนในระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส๑(e-mes)ของนักเรยี น ชัน้ ป.๒-๓ คร้ังท่ี ๑ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๑) จากตาราง แสดงจานวนนกั เรียนท่อี ํานคลํองเขยี นคลอํ ง ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ และช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ จากการประเมินการอาํ น การเขียน และรายงานผลการประเมนิ ผาํ นระบบการตดิ ตามทาง อเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ (e-MES) พบวํา - นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๒ มีนักเรยี นอํานคลํอง จานวน ๑,๗๑๐ คน คดิ เป็นรอ๎ ยละ ๘๗.๕๔ มีนักเรยี นเขยี นคลํอง จานวน ๑,๖๗๘ คน คดิ เปน็ ร๎อยละ ๙๕.๗๒ สรปุ ภาพรวมมนี ักเรียนอํานคลํองเขียนคลอํ ง จานวน ๑,๖๙๖ คน คิดเปน็ รอ๎ ยละ ๙๖.๗๕ จากนักเรียนปกติทัง้ หมด จานวน ๑,๗๕๓ คน - นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ มนี ักเรียนอาํ นคลอํ ง จานวน ๑,๖๑๙ คน คดิ เป็นร๎อยละ ๙๗.๕๙ มีนักเรยี นเขยี นคลํอง จานวน ๑,๕๕๙ คน คิดเป็นรอ๎ ยละ ๙๓.๙๗ สรปุ ภาพรวมมีนักเรยี นอาํ นคลอํ งเขยี นคลอํ ง จานวน ๑,๕๘๙ คน คดิ เปน็ ร๎อยละ ๙๕.๗๘ จากนกั เรยี นปกติท้ังหมด จานวน ๑,๖๕๙ คน ๒. หนว่ ยงานมีวธิ ีการ/ปจั จยั ใดทส่ี ามารถดาเนนิ การให้บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเด็นการตรวตจดิ ตาม หรือเกดิ ผล กระทบทางบวกแกผ่ เู้ รยี น อย่างไรบ้าง สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑ มวี ิธีดาเนินการ หรือปัจจัยที่สามารถดาเนินการให๎ บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามประเด็นการตรจว ตดิ ตาม หรอื เกดิ ผลกระทบทางบวกแกผํ ๎เู รียน ได๎ดาเนนิ การ ดังนี้ วธิ กี ารดาเนินงาน ๑. สร๎างความตระหนกั ให๎ความสาคญั และความรวํ มมือรับผดิ ชอบของผ๎บู รหิ ารโรงเรยี นและ ครูผูส๎ อนภาษาไทยทกุ คนในโรงเรียน โดยประกาศเปน็ นโยบายตามนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการและ สพฐ.

42 ๒. ประชุมครูผ๎ูสอนภาษาไทยเพื่อชแี้ จงทาความเข๎าใจเร่อื งการประเมนิ การอาํ น การเขยี น และ รายงานผลการประเมินผาํ นระบบการติดตามทางอเิ ล็กทรอนิกส๑ (e-MES) เม่อื วนั ท่ี ๒๓ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ มีครูผ๎ูสอน ภาษาไทยและผเู๎ กย่ี วข๎องเขา๎ รํวมประชมุ จานวน ๑๑๐ คน ๓. วางแผนพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนใหม๎ ีคณุ ภาพ ตามจดุ เน๎นดา๎ นผเู๎ รยี น รวมทงั้ การสํงเสรมิ สนับสนุนใหค๎ วามชวํ ยเหลอื ครผู ๎ูสอนภาษาไทยทัง้ ดา๎ นปัจจัย วิธีการ และสอ่ื /นวตั กรรมให๎แกโํ รงเรียน เพื่อเปน็ เครื่องมือในการดาเนินงานใหเ๎ กดิ ผลสาเร็จ ให๎สามารถจัดการเรยี นการสอน ตรงกับหลกั สูตร และสอดคล๎องกับการ เรยี นร๎ูของผูเ๎ รียน มีการสนบั สนุนส่ือ และจัดสรรหนังสอื ใหโ๎ รงเรียน ได๎แกํ ๑) หนงั สือเทคนิคการสอน และการใชส๎ ือ่ วธิ ีการสอนภาษาไทยทีป่ ระสบผลสาเรจ็ จานวน ๑๐๖ เลมํ ๒) เทคนคิ การสอน วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นร๎ู เพอื่ ขบั เคลอื่ นจุดเนน๎ การพฒั นา คุณภาพผู๎เรยี น จานวน ๑๐๖ เลมํ ๒) คํูมอื การใช๎บทอาขยานภาษาไทย พร๎อมแผํนซีดี จานวน ๑๐๖ ชดุ ๓) นวตั กรรมการสอนพัฒนาเดก็ ทีม่ ีปัญหาทางการเรยี นรู๎ จานวน ๑๐๓ เลํม ๔) คูํมอื การเรียนการสอนภาษาไทย ระดบั ประถมศึกษา จานวน ๑๐๖ เลํม ๕) หนงั สือชดุ แนวการสอนซอํ มเสรมิ การอาํ นการเขียน ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ชุดละ ๗ เรอ่ื ง จานวน ๑๐๐ เลมํ ๖) หนงั สือภาษาไทย ภาษาชาติ เพอ่ื การอํานออก เขยี นได๎ อาํ นคลํองเขยี นคลอํ ง และสอื่ สารได๎ จานวน ๑๑๐ เลมํ ๗) คมํู อื การอาํ นแจกลกู สะกดคา จานวน ๑๑๐ เลํม 4. สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต ๑ ได๎สงํ เสรมิ สนบั สนนุ สอื่ ออนไลน๑ เชนํ ๑) แนวทางกจิ กรรมสํงเสริมการอาํ นโดยใชห๎ นงั สอื พระราชนิพนธ๑ ในสมเด็จพระเทพรัตน๑ ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒) สงํ เสรมิ การจดั การเรียนการสอนโดยใชส๎ อ่ื ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี 5. โรงเรยี นดาเนนิ การคดั กรองผเ๎ู รียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ – ๖ เพือ่ จดั ทาสารสนเทศและเพ่อื วิเคราะหผ๑ ๎เู รยี น และวางแผนพฒั นาผ๎ูเรียนให๎ดาเนนิ การกํอนวนั ที่ ๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ โดยใชเ๎ ครือ่ งมือคดั กรอง ของ สพฐ. โดยคัดกรองผู๎เรยี นที่มีปญั หาทางการเรยี นรู๎ ๙ ประเภท ไดแ๎ กํ ๑. บุคคลท่มี คี วามบกพรอํ งทางการพดู และการใชภ๎ าษา ๒. บุคคลท่ีมีความบกพรอํ งทางการส่ือสาร ๓. มปี ญั หาในการเรียนในกลุํมวชิ าทกั ษะ เชนํ วชิ าภาษาไทย วิชาคณติ ศาสตร๑ ๔. มีปญั หาในการสร๎างแนวความคิดรวบยอด ๕. การทดสอบผลการเรียนใหผ๎ ลไมํแนนํ อนยากแกํการการพยากรณ๑ ๖. มคี วามบกพรอํ งทางการรับร๎ู ๗. มคี วามบกพรํองทางการเคลื่อนไหว ๘. มีอารมณ๑ไมคํ งที่ บางครัง้ ระเบดิ อารมณใ๑ สผํ ๎อู ่นื ความผิดหวังเล็กๆนอ๎ ยๆอาจทาให๎ เสยี อารมณ๑อยาํ งรนุ แรงได๎ ๙. ลักษณะการนอนไมํคงท่ี บางครัง้ หลับ บางครงั้ ไมํหลบั ไมเํ ปน็ เวลาทแี่ นนํ นอน ให๎ทกุ โรงเรียนจัดทาสารสนเทศ ผูเ๎ รยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ท่อี ยใูํ นประเภทผ๎ูเรียนบกพรอํ ง ๙ ประเภท (เป็นขอ๎ มูล จาก โปรแกรม SET ของ สพฐ.)

43 ๖. ประเมินผลการอาํ นการเขียน เพอ่ื พฒั นา (Formative Assessment) การประเมนิ ความสามารถ ในการอํานและการเขียนของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๖ โดยรายงานผลการประเมินทางระบบการตดิ ตาม ทางอเิ ล็กทรอนกิ ส๑ (e-MES) กาหนดใหม๎ กี ารวัดและประเมนิ ผล ภาคเรยี นละ ๒ คร้งั ดงั น้ี ภาคเรียนที่ ๑ ครัง้ ที่ ๑ รายงานผลภายในวันท่ี ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ ครง้ั ท่ี ๒ รายงานผลภายในวนั ท่ี ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๖๑ ภาคเรียนท่ี ๒ ครัง้ ท่ี ๑ รายงานผลภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ คร้งั ท่ี ๒ รายงานผลภายในวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ๗. สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑ กาหนดแนวทางการประเมินการอําน การเขียนของนกั เรียนชั้น ป.๑ – ป.๖ ให๎สถานศกึ ษาใช๎เปน็ แนวทางในการประเมินนักเรยี น ดังตอํ ไปนี้ แนวทางการประเมนิ การอาํ น การเขียน ของนักเรียนชั้น ป.๑-๖ และการประเมนิ ผลการรูเ๎ ร่อื งการอาํ น ( Reading Literacy ) ฯ ของนักเรยี นชั้น ม. ๑-๓ สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาลาปางเขต ๑ การประเมินการอําน การเขียนภาษาไทย ของนกั เรยี นช้นั ป.๑-๖ และการประเมินผลการรู๎เรอ่ื งการอาํ น (ReadingLiteracy)ฯ ของนกั เยรนี ชั้น ม.๑-๓ โดยใชเ๎ คร่ืองมอื วัดและประเมินผลทส่ี านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา จัดสงํ ใหท๎ ุกคร้งั และรายงานผลการประเมนิ ผํานทางระบบการ ติดตามทางอิเล็กทรอนกิ ส๑ (e-MES) มี รายละเอยี ดแนวทางการดาเนินงาน ดงั น้ี ๑) แตงํ ต้ังคณะกรรมการคมุ สอบและตรวจขอ๎ สอบ เป็นไปตามระเบียบการวดั และประเมนิ ผล สลับชัน้ ภายในโรงเรยี น ไมํควรใหค๎ รูผส๎ู อนสอบนักเรยี น หรือตรวจข๎อสอบของนักเรยี นทต่ี นเองเปน็ ผสู๎ อน ๒) จัดสอบโดยใช๎เครอื่ งมอื วดั ความสามารถในการอํานและการเขยี นของนกั เรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๑- ๖ และเคร่อื งมอื วัดประเมนิ ผลการรู๎เรอ่ื งการอําน (Reading Literacy) ตามแนวทางการประเมนิ ผลนักเรียน รวํ มกับนานาชาติ PISA ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ โดยสานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษาจดั สํงให๎ทุก ครั้ง มีกาหนดการประเมนิ จานวน ๔ คร้งั ดงั นี้ ภาคเรียนท่ี ๑ ครัง้ ท่ี ๑ สอบระหวาํ งวันที่ ๑๕-๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ ครงั้ ที่ ๒ สอบระหวาํ งวนั ที่ ๑๕-๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ภาคเรียนที่ ๒ ครัง้ ที่ ๑ สอบระหวํางวันที่ ๑๕-๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ คร้ังที่ ๒ สอบระหวาํ งวันท่ี ๑๕-๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ ๓) ประธานกลมํุ เครอื ขํายสถานศกึ ษาทกุ กลํมุ เครอื ขาํ ย เป็นผรู๎ บั ซดี ีข๎อสอบฯทกุ ครงั้ ท่ีมกี ารประเมิน และ ใหโ๎ รงเรียนจัดทาสาเนาข๎อสอบฯ ให๎ครบตามจานวนนักเรียนทด่ี าเนินการสอบ ๔) บนั ทกึ ผลการประเมนิ การอาํ นการเขียน ของนกั เรยี นชั้น ป.๑-๖ และป ระเมนิ ผลการรู๎เรื่องการ อําน (Reading Literacy) ของนักเรียนชั้น ม.๑-๓ ของนกั เรียนรายบุค คล และรายงานสรปุ ผลการประเมนิ ฯ ของ นกั เรียนทกุ ระดับชน้ั ผาํ ทนางระบบการติดตามทาองเิ ล็กทรอนกิ ส๑ (e-MES) ภาคเหนอื ได๎ที่ : www.lpg๑.go.th สานกั งาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง๑เขใตนทุกครงั้ ของการประเมนิ ตามวนั เวลาท่กี าหนโดยใชร๎ หสั ผํานSchool Miss (๘ หลัก) ๕) สํงแบบสรุปการบันทกึ ขอ๎ มูลการประเมิน นกั เรยี นทุกระดับชน้ั ท่ดี าเนนิ การประเมินผลฯ และ รายงานทางระบบการตดิ ตามทางอิเลก็ ทรอนิกส๑ (e-MES) ภาคเหนอื มายังสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษา ลาปาง เขต ๑

44 ๖) ครผู ู๎สอนภาษาไทย หรือผู๎มีสํวนเก่ียวข๎องในการบันทกึ ขอ๎ มลู โปรดศึกษาคาช้แี จง แบบบนั ทกึ ข๎อมูลฯให๎เข๎าใจกํอนบนั ทึกขอ๎ มลู ฯ และตรวจสอบความถกู ตอ๎ งของการบนั ทกึ ขอ๎ มลู การ ประเมนิ นักเรยี นทุก ระดบั ช้นั เพือ่ ป้องกนั ควคาลมาดเคล่ือนของข๎อมลู และ สงํ ผลการประเมินฯ ขนอกั งเรยี นทกุ ระดบั ชนั้ ตาม วัน เวลา ท่ี กาหนด ๗) ขอ๎ ควรระวงั หากมกี ารบนั ทึกขอ๎ มูล ทั้งข๎อมูลการประเมนิ ผลนกั เรยี นรายบุคคล ของแตลํ ะโรงเรียน และการบนั ทกึ ขอ๎ มลู การรายงานทางระบบการตดิ ตามทางอิเลก็ ทรอนิกส๑ (e-MES) ภาคเหนอื แล๎วขอ๎ มูลต๎องตรงกัน และเมื่อยืนยันการบันทกึ ขอ๎ มลู ในระบบเรยี บร๎อยแล๎ว โรงเรียนจะไมสํ ามารถ แกไ๎ ขขอ๎ มูลในแบบบนั ทกึ การประเมิน นักเรียนได๎ ๘) กรณที ใี่ นโรงเรยี น แตํละชนั้ มนี กั เรยี นบกพรอํ งทางการเรยี นรู๎ (LD) ให๎แยกไฟล๑ผลการประเมนิ เปน็ นกั เรียนปกติ ๑ ไฟล๑ และนักเรียนบกพรอํ งทางการเรยี นร๎ู (LD) ๑ ไฟล๑ (โปรดศึกษารายละเอียดการกรอกข๎อมลู นักเรียนบกพรํองทางการเรยี นร๎ู) ๙) นาผลการประเมิน จดั ทาขอ๎ มูลการอาํ น การเขียน ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖ และ การประเมนิ ผลการรูเ๎ รอ่ื งการอําน (ReadingLiteracy)ฯ ของนักเยรนี ชัน้ ม.๑-๓ เป็นรายบคุ คล และสรุปรายงานทุกครง้ั ท่ีมีการประเมนิ ใหด๎ าเนนิ การซํอมเสรมิ นกั เรยี นทีม่ ีปญั หาการอํานการเขียน และการอํานรูเ๎ รอ่ื ง โดยมีปฏิทินการ นิเทศ กากบั ตดิ ตามอยาํ งใกล๎ชดิ ๑๐) ขอความรํวมมอื ผ๎บู รหิ าร ครผู ูส๎ อนภาษาไทย และผูท๎ ม่ี สี วํ นเกีย่ วข๎อง ทกุ โรงเรียน ไมํให๎เผยแพรํ เครื่องมือการประเมินการอําน การเขยี น ของนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๖ และการประเมินผลการรเ๎ู ร่อื ง การอาํ น ( Reading Literacy ) ของนกั เรยีนชนั้ ม.๑-๓ ทางส่ือออนไลนท๑ ุกชอํ งทาง เชํน เฟซบก๏ุ และไลน๑ ๘. วเิ คราะหผ๑ ลการประเมินการอํานการเขียน และจดั ทาข๎อมลู ของนักเรยี นเป็นรายบุคคล และเปรียบเทยี บพัฒนาการประเมินนักเรียนแตลํ ะคร้งั เพ่อื นาไปใช๎ในการพฒั นาและสงํ เสรมิ ให๎เหมาะสมกับนกั เรยี น ๙. นเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม และให๎ความชํวยเหลอื โรงเรียนอยํางใกล๎ชดิ โดยใชก๎ ระบวนการนิเทศ ติดตามในรูปแบบกระบวนการนเิ ทศ APICE มี ๕ ขัน้ ตอน ๑) ขน้ั ตอนท่ี ๑ ความตอ๎ งการจาเป็น(Assessing Need : A) ศึกษาสภาพและความตอ๎ งการ ๒) ขัน้ ตอนที่ ๒ วางแผนการนเิ ทศ(Planning : P) : - วางแผนและออกแบบการนเิ ทศ - ประเมินความสอดคลอ๎ ง ความเหมาะสม และความ - สร๎างส่อื และเครื่องมอื การนิเทศ ๓) ข้ันตอนท่ี ๓ การให๎ความรู๎กอํ นการนิเทศ(Informing : I) - ให๎ความรคู๎ วามเขา๎ ใจเกี่ยวกบั การจดั กิจกรรมและประเมิน ๔) ขน้ั ตอนที่ ๔ ปฏบิ ัตกิ ารโคช๎ ชง่ิ (Coaching: : C) - นิเทศ ติดตามการจัดกิจกรรมและประเมนิ ปฏบิ ตั กิ ารโคช๎ ชิง่ (Coaching: : C) ๕) ขน้ั ตอนที่ ๕ ประเมินผลการนเิ ทศ(Evaluating : E) - สรปุ และรายงานผลการดาเนนิ งานทไ่ี ด๎ในแตํละขั้นตอน รวมทงั้ ขอ๎ มลู จากการนิเทศ ติดตามการจัดกิจกรรมและประเมนิ ผล - แลกเปล่ียนเรียนร๎ู - เผยแพรํผลการดาเนินงาน ๑๐. สรปุ และรายงานผลการดาเนนิ งาน ตอํ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐานตอํ ไป

45 ๓. ปญั หา/อปุ สรรคทเี่ กดิ ขึ้นจากการดาเนนิ การตามประเดน็ การตรวจ ตดิ ตาม ผลจากการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ด๎านการอาํ นและการเขียนภาษไทยของนกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษา ปที ่ี ๒ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ของ สพป.ลาปาง เขต ๑ พบสภาพปญั หา ดังนี้ ๓.๑ ครสู อนไมํตรงเอกวิชา ทาใหก๎ ารจัดการเรียนการไมํบรรลุเปา้ หมาย ๓.๒ ครูไดร๎ บั มอบหมายงานไมํเหมาะสมกับหนา๎ ที่ ไมตํ รงตามความถนดั ๓.๓ การเรํงรดั การประเมินผล สงํ ผลกระทบกับนักเรียนชาติพันธ๑ุ ๓.๔ ครยู งั ขาดทกั ษะการสอน และสอนแบบเดมิ ๓.๕ ครูไมนํ าสอื่ /นวัตกรรมทจ่ี ัดสรรให๎ ไปจดั การเรียนการสอน ๓.๖ หนวํ ยงานทเ่ี ก่ยี วขอ๎ งเรงํ รดั การประเมิน และออกแบบการประเมิน ตวั ชี้วดั ไมาเํ หะสมมกบั ระยะเวลา ๔. ขอ้ เสนอแนะของหน่วยงาน ๔.๑ จัดสรรอัตรากาลงั ครใู ห๎ตรงสาขาวิชาเอก ๔.๒ มอบหมายงานครูผูส๎ อน ให๎เหมาะสมกับหน๎าที่ และตรงตามความถนัด ๔.๓ ขยายเวลาการประเมนิ นักเรยี นให๎เหมาะสม กบั วุฒิภาวะและความพรอ๎ มในการประเมิน โดยเฉพาะนักเรยี นชาติพันธ๑ุ ช้นั ป.๒ - ชั้น ป.๓ ๔.๔ นิเทศ กากับ ติดตาม ชํวยเหลอื ชีแ้ นะ การจัดการเรยี นการสอยของครอู ยาํ งใกลช๎ ิด ๔.๕ ครคู วรนาสื่อ/นวตั กรรมที่จัดสรรให๎ ไปจดั การเรียนการสอนอยํางสมา่ เสมอ ๔.๖ หนํวยงานท่เี กยี่ วขอ๎ งควรกาหนดตวั ชีว้ ดั ในกราออกแบบการประเมนิ แตลํ ะคร้งั ให๎ชดั เจในห๎ เหมาะสมกับระยะเวลา ๕. ตน้ แบบหรอื แบบอย่างทดี่ ี (Best Practice๓ ลาดบั แรก) เรอ่ื ง/กิจกรรมและรายละเอยี ด รายชือ่ ทต่ี ง้ั ของตน๎ แบบหรอื แบบอยาํ งทีด่ ี หนวํ ยงาน/สถานศกึ ษา หนํวยงาน/สถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาลลาปาง อาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง ๑.การจัดกจิ กรรมการสอน โดยใช๎ (เขลางคร๑ ัตนอ๑ นสุ รณ๑) สมองเปน็ ฐาน BBL(Brain – อาเภอห๎างฉัตร จงั หวัดลาปาง based Lased Leraning) โรงเรียนบ๎านโปง่ ขวาก ๒.วิธกี ารสอนการคัดลายมือ ๓.การสอนอยาํ งไรใหน๎ ักเรยี นอาํ น โรงเรยี นบ๎านแมกํ วกั อาเภองาว จังหวัดลาปาง ออกเขยี นได๎

46 9. นโยบาย : การสง่ เสรมิ คุณธรรมจรยิ ธรรมในสถานศกึ ษา ประเดน็ นโยบายการตรวจราชการฯ : 9.2 การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ิต ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนท่เี ขา้ ร่วมกจิ กรรมตามโครงการน้อมนาแนวคดิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเใพนยี กงารดาเนิน ชวี ิตไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 60 (พจิ ารณาจากภายใตเ้ ศรษฐกิจพอเพียง ๓ ห่วง ๒ เง่อื นไข และ ๔ มติ ิ) ผลการดาเนินการ ๑. ผลการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ตดิ ตาม มีความก้าวหอนยา้ ่าง สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปางเขต ๑ ดาเนินการขบั เคล่ือนหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสํูสถานศกึ ษาในสังกดั จานวน 96 โรงเรยี น คิดเปน็ ร๎อยละ 100 และนกั เรยี นเข๎ารวํ มโครงการ น๎อมนาแนวคดิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพใยี นงการดาเนินชีวิตข๎อมลู ณ วันที่ 10 มิถนุ ายน 2561 ดงั น้ี ระดบั ช้ัน จานวนนกั เรยี น จานวนนักเรยี นที่ จานวนนักเรียนท่ีเขา๎ รวํ ม (คน) เข๎ารํวมโครงการฯ โครงการฯ ประถมศกึ ษา (รอ๎ ยละ) มัธยมศึกษาตอนต๎น 11,693 (คน) 1,209 100 รวม 12,902 11,693 100 1,209 100 12,902 ๒. หน่วยงานมีวธิ กี าร/ปัจจยั ใดทีส่ ามารถดาเนินการให้บรรลุผลสาเรจ็ ตามประเดก็นารตรวจตดิ ตาม หรือเกิดผล กระทบทางบวกแกผ่ ้เู รยี น อยา่ งไรบ้าง สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ดาเนินการขบั เคลอ่ื นหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงสํสู ถานศกึ ษาในสังกัด และสถานศึกษาในสงั กดั ไดน๎ ๎อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใช๎ ในการบริหารจัดการสถานศึกษา และบรู ณาการในการจดั การเรียนร๎ู บรรลุผลตามวตั ถุประสงค๑ของนโยบาย ดังน้ี 2.1 มอบนโยบายการขบั เคลอ่ื นหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งสสูํ ถานศกึ ษา แกผํ บู๎ ริหาร สถานศึกษาในสังกดั 2.2 สร๎างความตระหนักและความสาคัญในการนอ๎ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไป ใชใ๎ นการบริหารจดั การสถานศกึ ษา และบูรณาการในการจัดการเรียนรใ๎ู นระดับชัน้ เรียนใหแ๎ กผํ ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษา และครผู ส๎ู อน 2.3 พัฒนา สงํ เสรมิ ผูบ๎ ริหารสถานศกึ ษา และครูแกนนา จานวน 96 โรงเรยี น รวํ ม แลกเปลีย่ นเรียนรูก๎ ารถอดบทเรียนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๓ หํวง ๒ เง่ือนไข และ ๔ มิติ ตาม กจิ กรรมทใี่ ชใ๎ นการบมํ เพาะคณุ ลักษณะอยํูอยาํ งพอเพยี งให๎กับผ๎เู รยี น เพือ่ นาไปใช๎ถอดบทเรียนในการจัดกจิ กรรมการ เรียนร๎ใู นระดบั โรงเรียน 2.4 พฒั นา สํงเสรมิ สถานศึกษาที่ยังไมํไดร๎ ับการประเมินเป็นสถานศึกษาพอเพียง จานวน 3 โรงเรยี น ให๎ดาเนินการพฒั นาตามเกณฑ๑การประเมนิ และสนับสนุนให๎เข๎ารบั การประเมนิ เป็น “สถานศึกษา พอเพยี ง” 2.5 นเิ ทศ กากบั ติดตาม และให๎ความชวํ ยเหลอื โรงเรียนในสังกดั ในการน๎อมนาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ๎ นการบรหิ ารจดั การสถานศึกษา และบรู ณาการในการจัดการเรยี นรู๎

47 ๓. ปัญหา/อุปสรรคทีเ่ กดิ ข้ึนจากการดาเนินการตามประเด็นการตรวจ ติดตาม ครผู ๎ูสอนบางสํวนยังขาดความร๎คู วามเขา๎ ใจในการนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช๎ บรู ณาการในการจดั การเรียนรใ๎ู นชนั้ เรยี น กิจกรรมเสริมหลักสตู ร การดาเนินชวี ติ ประจาวนั และการถอดบทเรียน จากกจิ กรรมตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓ หวํ ง ๒ เง่ือนไข และ ๔ มติ ิ ๔. ขอ้ เสนอแนะของหนว่ ยงาน ควรสงํ เสริมและพัฒนาครผู ส๎ู อนในการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช๎บูรณาการในการ จัดการเรียนร๎ูในชั้นเรียน กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร การดาเนนิ ชีวติ ประจาวัน และการถอดบทเรียนจากกจิ กรรมตาม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๓ หวํ ง ๒ เงื่อนไข และ ๔ มิติ ๕. ตน้ แบบหรือแบบอยา่ งที่ดี (Best Practice ๓ ลาดับแรก) เรอ่ื ง/กจิ กรรมและรายละเอยี ด รายชือ่ ที่ต้งั ของตน๎ แบบหรือแบบอยาํ งท่ีดี หนํวยงาน/สถานศกึ ษา หนวํ ยงาน/สถานศึกษา โรงเรยี นวดั เสด็จ อาเภอเมอื ง จังหวดั ลาปาง ศนู ย๑การเรียนรต๎ู ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ โรงเรียนบ๎านหมากหัววัง อาเภอเมอื ง จงั หวดั ลาปาง พอเพียงแหลงํ เรยี นร๎ู นา้ ยามะกรูดสูตรพอเพียง สับปะรดคํเู คียงภมู ิ ปุ๋ยน้าหมักชีวภาพ โรงเรยี นแมกํ ๐งวิทยา อาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง เฮอื นภูมปิ ัญญา กิจกรรมออมทรพั ย๑ ปลกู ผักปลอดสารพษิ นา้ หมกั จากสับปะรด การเพาะเหด็ นางฟา้ ปยุ๋ หมัก นา้ หมกั ชวี ภาพ การเลีย้ งไกํ การแปรรูป อาหาร การเลี้ยงปลา ตลาดนัดประชารัฐ การทาดนิ เกษตร การแปรรปู อาหาร น้าด่มื สมนุ ไพร กจิ กรรมออมทรัพย๑ การทาปยุ๋ หมกั การทาปยุ๋ น้าชวี ภาพ การเพาะต๎นอํอนทานตะวัน 13. นโยบาย : การพัฒนาครทู ั้งระบบ ประเดน็ นโยบายการตรวจราชการฯ : 13.1 การพัฒนาครตู ามโครงการพัฒนาครรู ูปแบบครบวงจร ตวั ชีว้ ัด : ครูทผี่ ่านการพฒั นาตามโครงการพฒั นาครรู ปู แบบครบวงจรนาผลการพัฒนามาใชใ้ นการเรียนการสอน ไม่นอ้ ยกว่า รอ้ ยละ ๘๐ ผลการดาเนินการ ๑. ผลการดาเนินการพฒั นาครตู ามโครงการพฒั นาครรู ูปแบบครบวงจร สพป.ลาปาง เขต 1 มีผู๎เข๎าระบบผาํ นเวบ็ ไซต๑ training.obec.go.th และทาการลงทะเบยี นแสดง ความตอ๎ งการพฒั นาตนเองในหลกั สตู รท่ีสนใจ (Shoppinglist) จานวน 778 คน รายการท่ีแจ๎งความประสงค๑เขา๎ พัฒนา 952 รายการ รวม 110 หลกั สูตร มผี ๎ูเขา๎ รบั การพฒั นาฯ เรียบรอ๎ ยแลว๎ จานวน 371 คน คดิ เป็นรอ๎ ยละ 47.69


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook