Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E.Book สมุนไพรพื้นบ้าน

E.Book สมุนไพรพื้นบ้าน

Published by yoee8142, 2021-01-27 08:58:19

Description: E.Book สมุนไพรพื้นบ้าน

Search

Read the Text Version

~1~

~2~ คำนำ หนงั สือเลม่ น้จี ัดทำขน้ึ เพ่อื ใหไ้ ดศ้ ึกษาหาความรู้ในเร่อื งสมุนไพรพื้นบา้ น และได้ศกึ ษาอยา่ งเข้าใจเพ่อื เปน็ ประโยชน์กบั การเรียน ผ้จู ัดทำหวงั วา่ รายงานเล่มน้จี ะเป็นประโยชน์กบั ผอู้ า่ น หรือนกั เรียน นักศกึ ษา ที่กำลังหาขอ้ มลู เร่อื งน้อี ยู่ หากมีข้อแนะนำหรอื ขอ้ ผิดพลาดประการใด ผู้จดั ทำขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละขออภัยมา ณ ทนี่ ด้ี ว้ ย ผู้จดั ทำ นายพชั รพล ชยั โย วนั ท่ี27 มกราคม 2564

~3~ สารบัญ เรอ่ื ง หนา้ ท่ี คำนำ ก สมุนไพรพน้ื บา้ น 1 -ประโยชน์ของสมุนไพร 2

~4~ สมุนไพรพ้ืนบา้ น ประวตั คิ วามเป็นมา สมุนไพรคอื อะไร คำวา่ สมุนไพร ตามพระราชบัญญัตหิ มายความถึง ยาทไี่ ด้จากพืช สัตว์ และแร่ ซึ่งยงั มิได้มี การผสมปรุงหรือแปรสภาพ (ยกเว้นการทำให้แห้ง) เช่น พืชก็ยังคงเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ยังไม่ได้ผ่านข้ันตอนการแปรรูปใดๆ เช่น การหั่น การบด การกล่ัน การสกัดแยก รวมทั้งการผสมกับสารอ่ืนๆ แต่ในทางการคา้ สมุนไพรมักจะถูกดดั แปลงในรูปแบบ ตา่ งๆ เช่น ถูก ห่ันเป็นช้ินเล็กลง บดให้เป็นผง อัดให้เป็นแท่ง หรือปอกเปลือกออก เป็นต้น เมื่อพูดถึงสมุนไพร คนทั่วๆ ไปมักจะนึกถึงเฉพาะพืชท่ีนำมาใช้ประโยชน์ในทางยา ท้ังน้ีเพราะ สัตว์ และแร่มีการใช้ นอ้ ย จะใชเ้ ฉพาะในโรคบางชนดิ เทา่ นน้ั ประวัตขิ องการใชส้ มุนไพร สมุนไพร คือ ของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับมวลมนุษยชาติ มนุษย์เรารู้จักใช้สมุนไพรใน ดา้ นการบำบัดรกั ษาโรค นับแตย่ คุ นแี อนเดอร์ทลั ในประเทศอริ กั ปจั จุบนั ทีห่ ลุมฝงั ศพพบว่ามีการใช้ สมุนไพรหลายพันปีมาแล้วที่ชาวอินเดียแดงในเม็กซิโก ใช้ต้นตะบองเพชร(Peyate) เป็นยาฆ่าเชื้อ และรักษาบาดแผล ปัจจุบันพบว่า ตะบองเพชรมีฤทธิ์กล่อมประสาทประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ที่ ชาวสุเมเรยี นได้เข้ามาตั้ งรกราก ณ บริเวณแม่น้ำไทกริสและยูเฟรตสิ ปัจจุบัน คือ ประเทศอิรกั ใช้ สมุนไพร เช่น ฝ่ิน ชะเอม ไทม์ และมัสตาร์ด และต่อมาชาวบาบิโลเนียน ใช้สมุนไพรเพิ่มเติมจาก ชาวสเุ มเรียน ไดแ้ กใ่ บมะขามแขก หญ้าฝรัน่ ลกู ผักชี อบเชย และกระเทียม ในยุคต่อมาอียิปต์โบราณมี อิมโฮเทป แพทย์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็น เทพเจ้าแห่งการรักษาโรค ของอียิปต์ มีตำราสมุนไพรท่ีเก่าแก่ คือ Papytus Ebers ซึ่งเขียน เมื่อ 1,600 ปี ก่อนคริสตศักราช ซ่ึงค้นพบโดยนักอียิปต์วิทยาชาวเยอรมันนี ช่ือ Georg Ebers ใน ตำรานี้ได้กล่าวถึงตำราสมุนไพรมากกว่า 800 ตำรับ และสมุนไพรมากกว่า 700 ชนิด เช่น ว่าน หางจระเข้ เวอร์มวูด(warmwood) เปปเปอร์มินต์ เฮนเบน(henbane) มดยอบ, hemp dagbane ละหุ่ง mandrake เป็นต้น รูปแบบในการเตรียมยาในสมยั น้นั ได้แก่ การต้ม การชง ทำ เปน็ ผง กลัน่ เป็นเมด็ ทำเป็นยาพอก เปน็ ขผ้ี ึ้ง

~5~ นอกจากน้ียังพบว่าชาติต่างๆ ในแถบยุโรปและแอฟริกา มีหลักฐานการใช้สมุนไพร ตามลำดับก่อนหลังของการเรม่ิ ใชส้ มุนไพร คือ หลังจากสมุนไพรได้เจริญรงุ่ เรืองในอียิปต์แล้ว กไ็ ด้ มีการสืบทอดกันมา เช่น กรีก โรมัน อาหรับ อิรกั เยอรมัน โปรตุเกส สวีเดน และโปแลนด์ส่วนใน แถบเอเซีย ตามบันทึกประวัติศาสตร์พบว่ามีการใช้สมุนไพรท่ีอินเดียก่อน แล้วสบื ทอดมาท่ีจีน มะ ละกา และประเทศไทย ประโยชนข์ องพืชสมุนไพร 1. สามารถรักษาโรคบางชนิดได้ โดยไมต่ ้องใชย้ าแผนปจั จุบัน ซ่ึงบางชนดิ อาจมีราคาแพง และต้องเสยี คา่ ใชจ้ ่ายมาก อีกท้ังอาจหาซ้อื ไดย้ ากในท้องถน่ิ นั้น 2. ใหผ้ ลการรกั ษาไดด้ ใี กล้เคียงกบั ยาแผนปจั จุบนั และให้ความปลอดภยั แก่ผู้ใช้มากกว่าแผน ปัจจุบนั 3. สามารถหาได้งา่ ยในทอ้ งถน่ิ เพราะสว่ นใหญไ่ ด้จากพชื ซ่งึ มีอยทู่ ่ัวไปท้ังในเมอื งและ ชนบท มรี าคาถกู สามารถประหยัดคา่ ใช้จ่ายในการซอื้ ยาแผนปจั จบุ นั ทีต่ ้องสั่งซอ้ื จากต่าง ประเทศเปน็ การลดการขาดดลุ ทางการค้า 4. ใช้เป็นยาบำรงุ รักษาให้รา่ งกายมสี ขุ ภาพแขง็ แรง 5. ใชเ้ ป็นอาหารและปลูกเปน็ พืชผกั สวนครวั ได้ เชน่ กะเพรา โหระพา ขงิ ข่า ตำลึง 6. ใช้ในการถนอมอาหารเช่น ลูกจันทร์ ดอกจนั ทรแ์ ละกานพลู 7. ใช้ปรุงแต่ง กลิ่น สี รส ของอาหาร เชน่ ลูกจนั ทร์ ใช้ปรงุ แต่งกล่ินอาหารพวก ขนมปัง เนย ไสก้ รอก แฮม เบคอน 8. สามารถปลูกเปน็ ไม้ประดบั อาคารสถานท่ตี ่าง ๆ ให้สวยงาม เช่น คนู ชุมเห็ดเทศ 9. ใช้ปรุงเป็นเครอ่ื งสำอางเพ่ือเสริมความงาม เช่น ว่านหางจระเข้ ประคำดีควาย 10. ใช้เป็นยาฆ่าแมลงในสวนผัก, ผลไม้ เช่น สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสูบ 11. เป็นพชื ทส่ี ามารถสง่ ออกทำรายไดใ้ หก้ ับประเทศ เชน่ กระวาน ขม้นิ ชัน เรว่ 12. เป็นการอนุรกั ษ์มรดกไทยใหป้ ระชาชนในแต่ละท้องถน่ิ รจู้ กั ช่วยตนเองในการ นำพืช สมุนไพรในท้องถิ่นของตนมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ตามแบบแผนโบราณ 13. ทำใหค้ นเห็นคณุ คา่ และกลับมาดำเนนิ ชีวิตใกลช้ ดิ ธรรมชาตยิ ง่ิ ขึน้ 14. ทำให้เกิดความภมู ใิ จในวฒั นธรรม และคณุ คา่ ของความเปน็ ไทย

~6~ สรรพคุณสมุนไพรพื้นบ้าน ตะไคร้ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Cymbopogon citratus Stapf. วงศ์ GRAMINEAE ชอ่ื อ่ืนๆ ภาคเหนอื : จะไค (Cha-khai) จะไค้ (Cha-khai) ภาคใต้ : ไคร (Khrai) ชวา : ซีเร (Sere) ถิน่ กำเนดิ อนิ โดนเี ซยี ศรีลงั กา พมา่ อินเดยี อเมริกาใต้ ไทย รูปลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลกุ ทมี ีอายไุ ด้หลายปี ชอบดนิ ร่วนซยุ ปลูกได้ ตลอดปี ใบสีเขียวยาวแหลม ดอก ฟูสีขาว หัวโตขนึ้ จากดินเป็นกอๆ กลิ่นหอมฉนุ ค่อนขา้ งรอ้ น การปลกู : ไถพรวนดินและตากดินไวป้ ระมาณ 7 - 10 วัน ยอ่ ยดนิ ใหล้ ะเอยี ด ใสป่ ุ๋ยคอกหรอื ปุย๋ หมักคลุกเคล้าให้เขา้ กับดินขุดหลุมปลุกระยะ 30 x 30 เซนติเมตร ก่อนนำตะไคร้ไปปลูก นำพันธุ์ ทเี่ ตรยี มไวต้ ดั ใบออก ให้เหลือตน้ ยาว ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร มาแช่นำ้ ประมาณ 5 - 7 วัน เพ่อื ให้รากงอก รากทแ่ี ก่เตม็ ทจ่ี ะมสี เี หลืองเขม้ นำไปปลกุ ในแปลงวางต้นพนั ธุ์ ให้เอียง 45 องศา ไปดา้ นใดด้านหน่งึ แล้วกลบดนิ จากนนั้ รดนำ้ ใหช้ ุม่ หลงั ปลูกไดป้ ระมาณ 30 วัน กค็ วรใส่ปุ๋ย สตู ร 15 - 15 - 15 หรอื 46 - 0 - 0 อตั รา 50 กิโลกรมั /ไร่ สรรพคณุ และสว่ นทีน่ ำมาใชเ้ ปน็ ยา น้ำมันจากใบและต้น – แตง่ กล่ินอาหาร เคร่ืองดมื่ สบู่ ลำต้นแก่หรือเหง้า – แก้อาการทอ้ งอดื ท้องเฟ้อ ขบั ปัสสาวะ แกน้ ิ่ว ขับประจำเดือน

~7~ ขงิ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Zingiber officinale Roscoe. ชือ่ วงศ์ : ZINGIBERACEAE ชือ่ พืน้ เมือง: ขิงแกลง, ขิงแดง (จนั ทรบุร)ี ขงิ เผือก (เชยี งใหม)่ สะเอ (แม่ฮอ่ งสอน) ขิงบ้าน ขงิ แครง ขงิ ป่า ขงิ เขา ขิงดอกเดียว (ภาคกลาง) เกีย (จนี แต้จิ๋ว) ลักษณะทั่วไป : ไมล้ ม้ ลกุ สงู 0.3-1 เมตร มีเหง้าใตด้ ิน เปลอื กนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนอ้ื ในสี นวลแกมเขียว มีกลนิ่ เฉพาะ แตกสาขา คล้ายน้วิ มือ ใบเดี่ยว เรียงสลบั รปู ขอบขนาน แกมใบหอก กวา้ ง 1.5-2 ซม. ยาว 15-20 ซม. ดอกชอ่ แทงออกจากเหงา้ กลบี ดอกสเี หลืองแกมเขียว ใบ ประดับสีเขยี วอ่อน ผลแหง้ มี 3 พสู รรพคุณเหง้าแกท่ ง้ั สดและแห้งใช้เปน็ ยาขับลม ช่วยให้เจริญ อาหาร แก้อาเจยี น แกไ้ อ ขับเสมหะและขับเหงอ่ื ผงขงิ แหง้ มฤี ทธข์ิ ับนำ้ ดี ช่วยยอ่ ยไขมนั ลดการ บบี ตัวของลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องเกรง

~8~ บวั บก ช่ือวิทยาศาสตร์ : Centella asiatica Urban วงศ์ : Umbelliferae ช่อื สามญั : Asiatic Pennywort/Tiger Herbalชือ่ อน่ื : ผกั แว่น ผักหนอก รูปลักษณะ : ไมล้ ้มลุก อายหุ ลายปี เล้ือยแผ่ไปตามพื้นดิน ชอบที่ช้ืนแฉะ แตกรากฝอยตามข้อ ไหล ทแ่ี ผไ่ ปจะงอกใบจากขอ้ ชขู ้ึน 3-5 ใบ ใบเด่ียว เรียงสลบั รปู ไต เส้นผ่าศนู ยก์ ลาง 2-5 ซม. ขอบใบ หยกั ก้านใบยาว ดอกช่อ ออกท่ซี อกใบ ขนาดเลก็ 2-3 ดอก กลบี ดอกสมี ่วง ผลแห้ง แตกได้ สรรพคณุ และส่วนทีน่ ำมาใช้เป็นยาใบสด - ใช้เป็นยาภายนอกรักษาแผลเปื่อย แผลไฟไหม้นำ้ รอ้ น ลวก โดยใช้ใบสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตำละเอยี ด คนั้ เอาน้ำทาบริเวณแผลบ่อย ๆ ใช้กากพอก ดว้ ยก็ได้ แผลจะสนทิ และเกดิ แผลเป็นชนดิ นูน (keloid) นอ้ ยลง สารทอี่ อกฤทธค์ิ ือ กรด madecassic, กรด asiatic และ asiaticoside ซึ่งช่วยสมานแผลและเรง่ การสร้างเนื้อเยื่อ ระงบั การเจริญเตบิ โตของเชอ้ื แบคทเี รยี ท่ีทำให้เกิดหนองและลดการอกั เสบ มรี ายงานการคน้ พบ ฤทธิฆ์ า่ เชื้อรา อันเปน็ สาเหตขุ องโรคกลาก ปจั จุบัน มีการพฒั นายาเตรียมชนดิ ครมี ให้ทารกั ษา แผลอักเสบจากการผา่ ตดั นำ้ ตม้ ใบสด - ดื่มลดไข้ รักษาโรคปากเปอ่ื ย ปากเหม็น เจ็บคอ รอ้ นใน กระหายนำ้ ขบั ปัสสาวะ แกท้ อ้ งเสยี

~9~ ข่า ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Languas galaga (Linn). Stuntz ชอ่ื วงศ:์ ZINGIBERACEAE ชอ่ื พื้นเมอื ง: ข่า ข่าใหญ่ ข่าหลวง ขา่ หยวก (ภาคเหนือ) กุฎกกโรหนิ ี เสะเออเคย (แมฮ่ ่องสอน) สะเชย (กะเหรีย่ ง-แมฮ่ อ่ งสอน) ลกั ษณะทั่วไป : ไมล้ ม้ ลุก สงู 1.5-2 เมตร เหง้ามขี ้อและปลอ้ งชดั เจน ใบเด่ยี ใบสีเขยี วออ่ นสลับกัน รูปร่างรียาว ปลายแหลม ดอกออกเป็นช่อท่นี อ ดอกยอ่ ยขนาดเลก็ กลีบดอกสีขาว โคนตดิ กนั เป็น หลอดสั้นๆ ปลายแยกเปน็ 3 กลบี กลีบใหญท่ ่สี ดุ มีร้ิวสีแดง ใบประดบั รปู ไข่ ผลแหง้ แตกได้ รปู กลมสรรพคุณเหงา้ สดตำผสมกับเหลา้ โรง ใช้ทารกั ษาโรคผวิ หนังที่เกิดจากเชอื้ รา เช่น กลาก เกลอ้ื น เหง้าออ่ นตม้ เอาน้ำด่ืม บรรเทาอาการทอ้ งอืด ท้องเฟอ้ และขบั ลม ขา่ ไมม่ ีฤทธิก์ ่อกลาย พนั ธ์ุและไม่เป็นพษิ

~ 10 ~ กระชาย ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda (Linn.) Mansf. ชอ่ื วงศ์ : ZINGIBERACEAE ช่ือพื้นเมือง: ขิง กระชาย กะชาย ว่านพระอาทิตย์ (กรุงเทพฯ) กระแอม ระแอน (ภาคเหนือ) ขิง ทราย (มหาสารคาม) จี๊ปู ซีฟู (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) เป๊าะส่ี เป๊าซอเร้าะ (กะเหร่ียง-แม่ฮ่องสอน) ลักษณะทัว่ ไป : ไมล้ ้มลุก ไม่มีลำต้นบนดนิ มีเหง้าใต้ดิน ซงึ่ แตกรากออกไป เป็นกระจุกจำนวนมาก อวบน้ำ ตรงกลางพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบเดี่ยว เรียงสลับในระนาบเดียวกัน รูปขอบ ขนานแกมรปู ไข่ ตรงกลางด้านในของก้านใบมีรองลึก ดอกช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบท่ีโคน ตน้ กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรปู ใบหอก สีม่วงแดง ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก ผล ของกระชายเปน็ ผลแหง้ สรรพคุณเหง้าใชแ้ กโ้ รคในปาก ขับปัสสาวะ รกั ษาโรคบดิ แก้ปวดมวนทอ้ ง ขบั ระดขู าว

~ 11 ~ มะกรูด ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ชอื่ วงศ์ Rutaceac ช่ือสามัญ Leech Lime, Mauritius Papeda, Kaffir Lime, Porcupine Orange ชื่อทอ้ งถ่นิ ภาคเหนอื เรียก มะขูด, มะขนุ ภาคใต้ เรียก สม้ กรดู , สม้ มั่วผี เขมร เรียก โกร้ยเขยี ด กะเหรยี่ ง-แม่ฮ่องสอน เรียก มะขู ลกั ษณะท่วั ไป : มะกรดู เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดเล็ก แตกก่งิ กา้ น ลำต้นและก่ิงมหี นามแข็ง ใบ เปน็ ใบ ประกอบทมี่ ใี บย่อยใบเดียว สเี ขยี วหนา มีลักษณะคอดก่ิวท่กี ลางใบเปน็ ตอนๆ มีก้านแผอ่ อกใหญ่ เท่ากบั แผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน ใบสีเขียวแก่ค่อนขา้ งหนา มีกลิน่ หอมมากเพราะมีต่อม น้ำมนั อยู่ ดอก ออกเปน็ กระจกุ 3–5 ดอก กลีบดอกสขี าว รว่ งง่าย ผล มีหลายแบบแล้วแตพ่ นั ธุ์ผล เล็กเท่ามะนาว ผิวขรขุ ระน้อยกว่าและไมม่ จี กุ ทห่ี ัว การปลกู มะกรดู ปลูกได้ดีในดนิ ทกุ ชนดิ ขยายพันธุโ์ ดยการเพาะเมล็ด สรรพคณุ ทางยา :ผวิ ผลสดและผลแหง้ รสปร่า หอมร้อน สรรพคุณแกล้ มหนา้ มืด แก้วงิ เวยี น บำรุง หวั ใจ ขับลมลำไส้ ขับระดูผล รสเปรีย้ ว มีสรรพคณุ เปน็ ยาขับเสมหะ แก้ไอ แก้นำ้ ลายเหนยี ว ฟอก โลหติ ใชส้ ระผมทำใหผ้ มดกดำ ขจดั รังแค ราก รสเยน็ จืด แกพ้ ิษฝีภายใน แก้เสมหะ แกล้ มจกุ เสยี ด นำ้ มะกรูด รสเปรย้ี ว กัดเสมหะ ใช้ดองยามีสรรพคุณเป็นยาฟอกโลหติ สำหรับสตรี ใบ รสปรา่ หอม แกไ้ อ แก้อาเจยี นเป็นโลหติ แก้ชำ้ ใน และดบั กลน่ิ คาว

~ 12 ~ ว่านหา่ งจระเข้ ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Aloe barbadensis Mill. ช่ือวงศ์: ALOACEAE ชอ่ื พน้ื เมือง: วา่ นไฟไหม้ (ภาคเหนอื ) หางตะเข้ (ภาคกลาง) ลกั ษณะทั่วไป : ไมล้ ้มลกุ อายหุ ลายปี สูง 0.5-1 เมตร ขอ้ และปล้องส้ัน ใบเดยี่ ว เรยี งรอบต้น กว้าง 5-12 ซม. ยาว 0.3-0.8 เมตร อวบน้ำมาก สเี ขียวออ่ นหรือสีเขยี วเขม้ ภายในมีว้นุ ใส ใต้ผวิ สี เขียวมนี ้ำยางสีเหลอื ง ใบอ่อนมีประสีขาว ดอกช่อออกจากกลางต้น ดอกยอ่ ย เป็นหลอดห้อยลง สี สม้ บานจากล่างข้นึ บน ผลแหง้ แตกไดส้ รรพคุณวนุ้ สดภายในใบทีฝ่ านออกใช้ปิดพอกรกั ษาแผลสด แผลเร้ือรงั แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลไหมเ้ กรียม กนิ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และใช้เปน็ สว่ นผสมในเครื่องสำอาง นำ้ ยางสีเหลอื งจากใบเคี่ยวให้แหง้ เรียกว่า ยาดำ เป็นยาระบายชนดิ เพิ่ม การบีบตัวของลำไสใ้ หญ่

~ 13 ~ กานพลู ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Eugenia caryophyllum Bullock & Harrison วงศ์ : Myrtaceae ชื่อสามญั : Clove ลักษณะ : ไม้ยืนต้น สูง 5-10 เมตร ใบเด่ียว เรียงตรงข้าม รูปวงรหี รือรูปใบหอก กว้าง 2.5-4 ซม. ยาว 6-10 ซม. ขอบเป็นคลื่น ใบอ่อนสีแดงหรือน้ำตาลแดง เน้อื ใบบางค่อนขา้ งเหนยี ว ผิวมนั ดอก ชอ่ ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสขี าวและร่วงง่าย กลบี เลีย้ งและฐานดอกสแี ดงหนาแขง็ ผลเป็นผลสด รปู ไข่ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทย ใช้ดอกตมู แหง้ แก้ปวดฟนั โดยใช้ดอกแช่เหลา้ เอาสำลีชุบอุด รฟู นั และใช้ขนาด 5-8 ดอก ชงนำ้ เดือด ดืม่ เฉพาะสว่ นน้ำหรอื ใช้เคย้ี วแกท้ ้องเสีย ขับลม แก้ ท้องอดื เฟ้อ นอกจากน้ใี ช้ผสมในยาอมบ้วนปากดบั กลน่ิ ปาก พบว่าในน้ำมนั หอมรเหยท่กี ล่นั จาก ดอกมีสาร eugenol ซง่ึ มฤี ทธิ์เปน็ ยาชาเฉพาะที่ จึงใชแ้ กป้ วดฟัน และมฤี ทธลิ์ ดการบีบตัวของ ลำไส้ ทำให้เกดิ อาการปวดทอ้ งลดลง ชว่ ยขบั น้ำดี ลดอาการจกุ เสียดท่ีเกดิ จากการย่อยไม่สมบูรณ์ และสามารถฆา่ เชอื้ แบคทีเรียหลายชนิดเชน่ เชือ้ โรคไทฟอยด์ บดิ ชนดิ ไมม่ ีตัว เชือ้ หนองเปน็ ต้น นอกจากน้ยี ังกระตุ้นให้มีการหลั่งเมือก และลดการเป็นกรดในกระเพาะอาหารดว้ ย

~ 14 ~ กล้วยนำ้ ว้า ช่อื วิทยาศาสตร์ : Musa sapientum L. ]วงศ์ : Musaceae ชอื่ สามญั ; Banana ลักษณะ : ไม้ล้มลกุ สงู 2-4.5 เมตร มีลำต้นใต้ดิน ลำต้นเหนือดินเกดิ จากกาบใบหุ้มซ้อนกนั ใบ เดยี่ ว เรยี งสลับซ้อนกนั รอบต้นท่ีปลายยอด รปู ขอบขนาน กวา้ ง 25-40 ซม. ยาว 1-2 เมตร ผิวใบ เรยี บมัน ท้องใบสอี ่อนกว่า มนี วล ดอก ช่อเรยี กว่า หัวปลอี อกท่ีปลายยอด ใบประดับหุ้มช่อดอกสี แดงหรือมว่ ง กลีบดอกสีขาว บาง ผล เปน็ ผลสด ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ผลดิบซ่งึ มีสารแทนนนิ มาก รักษาอาการทอ้ งเสียและบดิ โดยกินครัง้ ละคร่ึงหรือหนง่ึ ผล มรี ายงานว่า มฤี ทธ์ปิ ้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนู ขาวทีถ่ ูกกระตนุ้ ด้วยยาแอสไพรนิ เชอื่ ว่าฤทธิ์ดงั กลา่ วเกิดจากการถกู กระตุ้นผนังกระเพาะอาหาร ใหห้ ลัง่ สารเมอื กออกมามากขึน้ จงึ นำมาทดลองรกั ษาโรคกระเพาะอาหารของคน โดยใช้กล้วยดิบ หนั่ เปน็ แวน่ ตากแห้งบดเป็นผง กินวันละ 4 ครัง้ ๆ ละ 1-2 ชอ้ นแกง ก่อนอาหารและก่อนนอน อาจทำใหเ้ กิดอาการท้องอืด ซึ่งปอ้ งกันไดโ้ ดยกนิ ร่วมกับยาขบั ลม เช่น ขิง

~ 15 ~ กระเทียม ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Allium sativum L. วงศ์ : Alliaceae ชื่อสามัญ : Common Garlic , Allium ,Garlic , ช่อื อืน่ : กระเทยี ม (ภาคกลาง) หอมเทยี ม (ภาคเหนือ) หอมขาว (ภาคอีสาน) เทยี ม, หอมเทียม (ภาคใต)้ ลกั ษณะ : ไม่พุม่ สูง 2-4 เมตร กิง่ อ่อนมีหนาม ใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว เรียงสลบั รปู ไข่ รปู วงรีหรือรปู ไขแ่ กมขอบขนานกวา้ ง 3-5 ซม. ยาว 4-8 ซม. เนอ้ื ใบมจี ดุ นำ้ มันกระจาย กา้ นใบมี ครีบเล็ก ๆ ดอกเดย่ี วหรอื ชอ่ ออกทปี่ ลายกง่ิ และทซ่ี อกใบ กลบี ดอกสขี าว กล่ินหอม ร่วงง่าย ผล เปน็ ผลสด กลมเกลยี้ ง ฉำ่ น้ำ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้นำ้ มะนาวและผลดองแหง้ เปน็ ยาขับเสมหะแกไ้ อ แกโ้ รค เลอื ดออกตามไรฟัน เพราะมีวติ ามนิ ซี นำ้ มะนาวเป็นกระสายยาสำหรบั สมนุ ไพรทใ่ี ช้ขบั เสมหะเชน่ ดีปลกี ินรว่ มกบั ยาขับลม เช่น ขิง

~ 16 ~ ขีเ้ หลก็ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Cassia siamea Britt. วงศ์ : Leguminosae ช่ือสามญั : Cassod Tree / Thai Copper Pod ชอื่ อื่น ข้ีเหล็กแกน่ ขเ้ี หล็กบาน ขี้เหลก็ หลวง ขีเ้ หลก็ ใหญล่ ักษณะ : ไมย้ ืนตน้ สงู 10-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลบั ใบยอ่ ยรูปขอบ ขนาน กวา้ งประมาณ 1.5 ซม. ยาว 4 ซม. ใบอ่อนมขี นสนี ำ้ ตาลแกมเขียว ดอกช่อ ออกท่ีปลายก่ิง กลบี ดอกสเี หลอื ง ผลเป็นฝกั แบนยาวและหนา ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ดอกเปน็ ยานอนหลบั ลดความดนั โลหิตดอกตมู และใบอ่อน เปน็ ยาระบาย ใบแกร้ ะดขู าว แกน้ ่ิว ขับปสั สาวะ แก่นแก้ไข้ ทำให้นอนหลบั รักษากามโรค ใบอ่อน และแก่นมสี ารกลุ่มแอนทราควโิ นนหลายชนิด จึงมีฤทธเ์ิ ปน็ ยาระบายใช้ใบออ่ นครัง้ ละ 2-3 กำมือ ต้มกบั นำ้ 1-1.5 ถ้วย เตมิ เกลอื เลก็ น้อย ด่มื กอ่ นอาหารเช้าครั้งเดียว นอกจากนี้ในใบอ่อนและดอก ตูมยงั พบสารซ่งึ มีฤทธ์ิกดประสาทสว่ นกลางทำให้นอนหลบั โดยใชว้ ิธดี องเหล้าดมื่ ก่อนนอน

~ 17 ~ คูณ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L. วงศ์ : Leguminosae ช่ือสามญั : Golden Shower Tree/ Purging Cassia ชื่ออ่นื : ราชพฤกษ์ ลมแล้ง ลกั ษณะ : ไม้ยืนต้น สงู 5-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนกเรยี งสลบั ใบยอ่ ยรูปไขห่ รอื รูปวงรี กวา้ ง 4-8 ซม. ยาว 7-12 ซม. ดอกช่อออกทปี่ ลายกง่ิ ห้อยเปน็ โคมระย้า กลบี ดอกสีเหลือง ผลเป็น ฝักกลม สนี ้ำตาลเขม้ หรือดำ เปลอื กแขง็ ผวิ เรยี บ ภายในมีผนงั กน้ั เปน็ หอ้ ง แต่ละหอ้ งมี เมล็ด 1 เมล็ด หุ้มดว้ ยเนอื้ สีดำเหนยี ว ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้เนื้อหุ้มเมล็ดแกท้ ้องผกู ขบั เสมหะ ดอกแก้ไข้ เป็นยา ระบาย แกน่ ขบั พยาธไิ ส้เดือน พบว่าเนอื้ หมุ้ เมลด็ มีสารกล่มุ แอนทราควโิ นน จึงมสี รรพคณุ เปน็ ยา ระบาย โดยนำเนอ้ื หุม้ เมล็ดซง่ึ มสี ีดำเหนียว ขนาดกอ้ นเทา่ หัวแม่มือ (ประมาณ 4 กรมั ) ต้มกบั นำ้ ใส่เกลือเล็กน้อย ดมื่ ก่อนน้ำ ดื่มก่อนนอน มีข้อควรระวังเชน่ เดียวกบั ชุมเห็ดเทศ

~ 18 ~ ชุมเห็ดเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna alata L. วงศ์ : Leguminosae ชอื่ สามัญ Ringworm Bush ชือ่ อื่น : ขค้ี าก ลบั มีนหลวง หมากกะลิงเทศ ชมุ เหด็ ใหญ่ ลักษณะ : ไมพ้ ุ่ม สงู 1 - 3 เมตร แตกก่ิงออกดส้ นข้าง ในแนวขนานกบั พืน้ ใบประกอบ แบบขนนก เรยี งสลับ ใบย่อยรูปขอบขนาน รูปวงรแี กมขอบขนาน หรอื รปู ไข่กลับ กว้าง 3-7 ซม. ยาว 6- 15 ซม. หูใบเปน็ รปู สามเหลี่ยม ดอกชอ่ ออกท่ีซอกใบตอนปลายกิ่ง กลีบดอกสเี หลืองทอง ใบ ประดบั สีนำ้ ตาลแกมเหลืองห้มุ ดอกย่อยเห็นชดั เจน ผลเป็นฝกั มีครบี 4 ครบี เมลด็ แบน รปู สามเหลี่ยม

~ 19 ~ ประโยชนท์ างสมุนไพร : รสเบือ่ เอียน ใบตำทาแกก้ ลากเกลื้อน โรคผวิ หนัง ดอกและใบต้ม รับประทานแก้อาการทอ้ งผกู มสี าร แอนทราควโิ นน กลัยโคซายด์ หลายชนิด ได้แก่ emodin, aloe - emodin และ rhein ใช้เปน็ ยาระบายกระตนุ้ ลำไสใ้ หญใ่ หบ้ บี ตวั การทดลองในสัตว์ และ คน พบว่า ใบแก่มฤี ทธ์ิ นอ้ ยกวา่ ใบออ่ น นอกจากน้นี ้ำจากใบ ยังมีฤทธิ์ฆ่าเช้อื แบคทเี รียด้วย มะขาม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. วงศ์ : Leguminosae ช่อื สามัญ : Tamarind ช่ืออ่นื : Tamarind ลกั ษณะ : มะขามเปน็ ไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกง่ิ ก้านสาขามาก เปลอื กต้นขรขุ ระ และหนา สนี ำ้ ตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกง่ิ กา้ นใบเป็นคู่ ใบย่อยเปน็ รูปขอบ ขนาน ปลายไบและโคนใบมน ดอก ออกเปน็ ช่อเล็กๆ ตามปลายกิง่ หน่งึ ชอ่ มี 10-15 ดอก ดอก ย่อยขนาดเล็ก กลบี ดอกสีเหลืองและมจี ดุ ประสแี ดงอยู่กลางดอก ผล เปน็ ฝักยาว รปู ร่างยาวหรอื โค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลอื กสเี ขียวอมเทา สีนำ้ ตาลเกรียม เนื้อในตดิ กบั เปลอื ก เมอ่ื แกฝ่ ัก

~ 20 ~ เปลยี่ นเปน็ เปลือกแขง็ กรอบหกั งา่ ย สีน้ำตาล เนื้อในกลายเป็นสนี ำ้ ตาลหมุ้ เมล็ด เนือ้ มีรสเปรยี้ ว และหวาน ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : สรรพคุณทางยา · ยาระบาย แกอ้ าการทอ้ งผกู ใชม้ ะขามเปียกรสเปร้ียว 10–20 ฝกั (หนกั 70–150 กรมั ) จ้มิ เกลือ รบั ประทาน แล้วดืม่ นำ้ ตามมากๆ หรือต้มน้ำใส่เกลอื เลก็ นอ้ ยด่มื เปน็ น้ำมะขาม · ขับพยาธไิ สเ้ ดือน นำเอาเมล็ดแกม่ าควั่ แล้วกะเทาะเปลือกออก เอาเนือ้ ในเมล็ดไปแช่นำ้ เกลือจน นมุ่ รับประทานคร้ังละ 20-30 เม็ด · ขับเสมหะ ใช้เน้ือในฝักแก่หรอื มะขามเปียกจมิ้ เกลือรบั ประทานพอสมควร คุณคา่ ทางโภชนาการ ยอดอ่อนและฝกั ออ่ นมวี ติ ามนิ เอ มาก มะขามเปียกรสเปรย้ี ว ทำให้ชุ่มคอ ลดความรอ้ นของรา่ งกายไดด้ ี เนือ้ ในฝักมะขามที่แกจ่ ดั เรยี กว่า \"มะขามเปียก\" ประกอบด้วยกรด อนิ ทรีย์หลายตัว เชน่ กรดทาร์ททาร์ริค กรดซติ รคิ เป็นต้น ทำให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความ ร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเช่ือว่า รสเปรีย้ วนี้จะกดั เสมหะให้ละลายได้ดว้ ย

~ 21 ~ แมงลัก ช่อื วิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L.f. var. citratum Back. วงศ์ : Labiatae ชื่อสามญั : Hairy Basil ชอ่ื อื่น : กอ้ มก้อขาว มังลกั ลักษณะ : แมงลักมลี กั ษณะทรงต้น ใบ ดอก และผลคลา้ ยโหระพา ตา่ งกนั ท่กี ลิ่น ใบสีเขียวอ่อน กว่า กลบี ดอกสขี าวและใบประดับสีเขยี ว ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยมกั เรยี กผลแมงลกั วา่ เมด็ แมงลกั ใช้เปน็ ยาระบายชนิดเพ่ิม กาก เพราะเปลอื กผลมีสารเมอื กซงึ่ สามารถพองตวั ในน้ำได้ 45 เทา่ เหมาะสำหรบั ผูท้ ไ่ี มช่ อบกิน อาหารที่มีกากเช่น ผกั ผลไม้ ใชผ้ ลแมงลกั 1-2 ช้อนชา แช่นำ้ 1 แก้ว จนพองตัวเต็มท่ี กนิ ก่อน นอน ถ้าผลแมงลักพองตัวไมเ่ ต็มที่จะทำให้ท้องอดื และอจุ จาระแขง็ จากการทดลองพบว่าแมงลกั ทำให้จำนวนครง้ั ในการถา่ ยและปริมาณอจุ จาระเพ่มิ ข้ึน รวมท้ังทำให้อุจจาระอ่อนตัวกวา่ ปกติ นอกจากนใี้ บและตน้ สดมฤี ทธ์ขิ ับลม เนอื่ งจากมนี ำ้ มนั หอมระเหย

~ 22 ~ ไพล ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Zingiber purpureum Roscoe วงศ์ : Zingiberaceae ชอ่ื อ่นื : ปูลอย ปูเลย ว่านไฟ ลักษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ สูง 0.7-1.5 เมตร มเี หง้าใต้ดนิ เปลือกนอกสีนำ้ ตาลแกมเหลอื ง เน้ือในสเี หลือง แกมเขียว มีกล่ินเฉพาะ แทงหนอ่ หรือลำต้นเทียมข้ึนเป็นกอประกอบดว้ ยกาบหรอื โคน ใบหุ้มซ้อน กนั ใบ เดย่ี ว เรยี งสลบั รปู ขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 ซม. ยาว 18-35 ซม. ดอก ช่อ แทงจากเหง้าใตด้ ิน กลบี ดอกสนี วล ใบประดบั สมี ว่ ง ผล เป็นผลแห้ง รปู กลม ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชเ้ หง้าเปน็ ยาขบั ลม ขบั ประจำเดือน มฤี ทธิร์ ะบายอ่อน ๆ แกบ้ ิด สมานลำไส้ ยาภายนอกใชเ้ หงา้ สดฝนทาแก้เคลด็ ยอก ฟกบวม เสน้ ตึง เม่ือยขบ เหนบ็ ชา สมานแผล จากการวจิ ัยพบว่าในเหง้ามนี ้ำมันหอมระเหยซงึ่ มีคุณสมบัตลิ ดอาการอกั เสบและบวม จงึ มกี ารผลติ ยาขผ้ี ึ้งผสมน้ำมันไพล เพอ่ื ใช้เป็นยาทาแกอ้ าการเคลด็ ขัดยอก น้ำมันไพลผสม แอลกอฮอลส์ ามารถทากันยุงได้ นอกจากนีพ้ บว่าในเหงา้ มีสาร 4-(4-hydroxy-1-butenyl) veratrole ซึ่งมฤี ทธิ์ขยายหลอดลม ไดท้ ดลองใช้ผงไพล กบั ผู้ปว่ ยเดก็ ที่เป็นหดื สรุปว่าใหผ้ ลดที ัง้ ในรายที่มอี าการหอบหดื เฉียบพลนั และเร้ือรัง

~ 23 ~ เทียนบ้าน ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Impatiens balsamina L. วงศ์ : Balsaminaceae ชอ่ื สามัญ : Garden Balsam ชื่ออน่ื : เทยี นดอก เทยี นสวน ลกั ษณะ : พรรณไม้พวกคลมุ ดนิ ลำตน้ จะอุม้ นำ้ ลำต้นจะไม่ต้งั ตรงขึน้ ไป จะเอยี งเล็กนอ้ ย เปราะ ง่าย ใบมีลักษณะมนรี ปลายแหลม ดอกนน้ั จะมีหลายสี เข่น สีชมพู สีแดง สม้ และขาว เป็นดอก เดยี่ ว จะออกติดกันชอ่ หน่ึง อาจะจะมี 2-3 ดอก กลีบดอกจะซ้อน ๆ กนั เปน็ วงกลม มีกลีบ เลี้ยง 3 กลีบ กลบี ดอก 5 กลีบ กลีบด้านล่างงอเปราะ มจี ะงอยยืน่ ออกมาเปน็ หลอดเลก็ -ยาว ปลายโค้งขนึ้ ขนาดดอก 3-6 ซม. ประโยชนท์ างสมุนไพร : ใชร้ ักษาฝี แผลพุพอง ใชใ้ บสดและดอกสดประมาณ 1 กำมือ ตำละเอียด พอกฝี หรอื คนั้ น้ำทาบริเวณท่เี ปน็ ฝีและแผลพพุ องวันละ 3 คร้ัง (สจี ากน้ำคัน้ จะติดอยู่นาน จงึ ควร ระวงั การเปรอะเป้อื นเสือ้ ผ้าและรา่ งกายส่วนอื่น ๆ )

~ 24 ~ กะเพรา ช่ือวิทยาศาสตร์ : Ocimum sanctum L. วงศ์ : Labiatae ชอ่ื อ่ืน : กอมกอ้ กอมกอ้ ดง กะเพราขาว กะเพราแดง ลกั ษณะ : กะเพรามี 3 พนั ธ์ุ คือ กะเพราแดง กะเพราขาวและกะเพราลูกผสมระหวา่ งกะเพราแดง และกะเพราขาว มลี ักษณะทว่ั ไปคลา้ ยโหระพา ตา่ งกนั ท่กี ลน่ิ และกิง่ ก้านซึ่งมขี นปกคลุมมากกว่า ใบกะเพราขาวสีเขยี วอ่อน ส่วนใบกะเพราแดงสีเขยี วแกมม่วงแดง ดอกย่อยสชี มพแู กมมว่ ง ดอก กะเพราแดงสเี ข้มกว่ากะเพราขาว ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บหรือท้ังตน้ เป็นยาขับลมแกป้ วดทอ้ ง ทอ้ งเสีย และ คล่นื ไส้อาเจียน นิยมใช้กะเพราแดงมากกวา่ กะเพราขาว โดยใช้ยอดสด 1 กำมือ ต้มพอเดือด ดมื่ เฉพาะส่วนน้ำ พบวา่ ฤทธ์ิขับลมเกิดจากน้ำมันหอมระเหย การทดลองในสัตว์ แสดงว่าน้ำสกัดทัง้ ต้นมีฤทธิ์ลดการบบี ตัวของลำไส้ สารสกัดแอลกอฮอล์สามารถรกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร สาร eugenol ในใบมีฤทธิ์ขับน้ำดี ชว่ ยยอ่ ยไขมันและลดอาการจกุ เสียด

~ 25 ~ ยอ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Morinda citrifolia L. วงศ์ : Rubiaceae ช่ือสามญั : Indian Mulberry ชื่ออ่ืน : มะตาเสอื ยอบ้าน ลกั ษณะ : ไม้ยืนตน้ สงู 2-6 เมตร ใบเด่ยี ว เรียงตรงข้าม รูปวงรี กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. หใู บอยรู่ ะหว่างโคนกา้ นใบ ดอกช่อ ออกทซี่ อกใบ ฐานดอกอัดกันแน่นเป็นรูปทรงกลม กลบี ดอกสี ขาว ผลเปน็ ผลสด เชือ่ มตดิ กันเป็นผลรวม ผวิ เปน็ ต่มุ พอง ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชผ้ ลสดดิบหรือหา่ ม ฝานเป็นชิ้นบาง ย่างหรอื คัว่ ไฟออ่ น ๆ ใหเ้ หลือง ต้มหรอื ชงกบั นำ้ ด่มื แก้คลน่ื ไสอ้ าเจียน

~ 26 ~ ฟกั ทอง ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Cucurbita moschata Decne. วงศ์ : Cucurbitaceae ชอื่ สามญั : Pumpkin ช่ืออื่น : หมากอึ (ภาคอีสาน) มะฟักแกว้ ฟักแก้ว (ภาคเหนือ) มะนำ้ แก้ว หมักอื้อ (เลย) หมากฟัก เหลือง (แม่ฮอ่ งสอน) นำ้ เตา้ ภาคใต้ ลกั ษณะ : เป็นพชื ลม้ ลกุ มีเถายาวเลื้อยปกคลมุ ดนิ ลำต้นมีลกั ษณะกลมหรือเป็นเหลี่ยมมน ผิวเปน็ ร่องตามความยาว มขี นอ่อน ๆ มหี นวดสำหรับยดึ เกาะยึดบริเวณขอ้ ใบเปน็ ใบเดีย่ ว มีขนาดใหญ่ ออกเรียงสลับกัน โคนใบเวา้ คลา้ ยรปู หัวใจ ขอบใบหยกั เป็นเหลี่ยม 5 เหลี่ยม มีขนทัง้ 2 ด้านของ ตวั ใบดอกเปน็ ดอกเดยี่ วสีเหลืองมขี นาดใหญ่ ลกั ษณะคลา้ ยระฆงั หรือกระด่งิ ออกบรเิ วณง่ามใบผล มีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นพูเลก็ ๆ โดยรอบเปลอื กนอกขรุขระและแข็ง มสี ีเขียวและจะ เปลย่ี นเปน็ สีเขยี วอ่อนและ สเี หลอื งเข้ม และสเี หลอื งตามลำดบั เน้อื ภายในมสี ีเหลอื งอมเขียว สี เหลอื ง และสสี ้ม เมล็ดมจี ำนวนมากซงึ่ อยูต่ รงกลางผลระหว่างเน้อื ฟู ๆ มรี ูปรา่ งคล้ายไข่ แบน มี ขอบนนู อยโู่ ดยรอบ

~ 27 ~ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : เน้ือฟักทองประกอบด้วยแปง้ โปรตีน ไขมนั ฟอสฟอรสั แคลเซยี ม เหลก็ และ สารเบตา้ - แคโรทนี ซึง่ เป็นสารทรี่ า่ งกายนำไปสรา้ งวติ ามนิ เอ เมลด็ มีฟอสฟอรัสในปริมาณ สงู รวมทงั้ แป้ง โปรตีน และนำ้ ประมาณรอ้ ยละ 40 ส่วนเมล็ดแหง้ มีสารควิ เคอร์บิทีน (Cucurbitine) เปน็ สารสำคญั ซงึ่ มีฤทธ์ฆิ า่ พยาธิไดผ้ ลดี นอกจากน้นั ฟักทองสามารถกระตนุ้ การ หลง่ั อินซลู นิ ซง่ึ ชว่ ยป้องกันโรคเบาหวาน ความดนั โลหติ ควบคมุ ระดับนำ้ ตาลในเลอื ด บำรุง นยั นต์ า ตบั และไต เมลด็ ใช้เป็นยาขบั พยาธิตวั ตดื ป้องกนั การเกิดนิ่วในกระเพาะปสั สาวะ และช่วย ดับพิษปอดบวม รากชว่ ยแกพ้ ิษแมลงสตั ว์กัดต่อย ยางชว่ ยแก้พษิ ผน่ื คนั เรมิ และงสู วดั ออกฤทธิ์ คือ asperuloside มะเกลือ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Diospyros mollis Griff. วงศ์ : Ebenaceae ช่อื สามญั : Ebony tree ชื่ออ่ืน : ผีเผา (ฉาน-ภาคเหนือ) มักเกลอื (เขมร-ตราด) ลกั ษณะ : ไม้ต้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สงู 10-30 เมตร เรือนยอดเปน็ พมุ่ กลม ผวิ เปลือกเป็น รอยแตกสะเกด็ เลก็ ๆ สดี ำ เปลือกในสีเหลือง กระพี้สีขาว ก่ิงออ่ นมีขนน่มุ ข้ึนประปราย ใบ เป็นใบ เด่ยี วขนาดเลก็ รูปไขห่ รือรีเรียงตัวแบบสลบั ดอก ออกเปน็ ช่อตามซอกใบ ดอกแยกเพศตา่ งต้น ดอกตวั ผมู้ ีขนาดเลก็ สีเหลืองออ่ น หนงึ่ ช่อมี 3 ดอก ผวิ เกล้ยี ง ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ ผลแก่จัด จะแห้ง มีกลบี เล้ยี งติดบนผล 4 กลีบ ผลแก่ราวเดือนมถิ นุ ายน-สงิ หาคม เมล็ด แบน สีเหลือง 4- 5 เมล็ด ขนาดกว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-2 ซม. ขยายพนั ธโ์ุ ดยการเพาะเมลด็

~ 28 ~ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ผลดบิ สด-ใช้เป็นยาถ่ายพยาธไิ ด้หลายชนิด ถ่ายพยาธิปากขอไดด้ ีท่ีสดุ เดก็ อายุ 10 ปีใช้ 10 ผล ผู้ท่ีอายุมากกวา่ 10 ปี ให้เพิ่มจำนวนข้นึ 1 ผลตอ่ 1 ปี แต่สูงสดุ ไม่ เกนิ 25 ผล คอื ผทู้ อ่ี ายุ 25 ปขี ึน้ ไปกิน 25 ผลเทา่ นน้ั ล้างให้สะอาด ตำพอแหลก กรองเอาเฉพาะ น้ำผสมหวั กะทิ 2 ชอ้ นชาตอ่ มะเกลือ 1 ผล กนิ ครั้งเดียวให้หมดตอนเช้ามดื ก่อนอาหาร 3 ชั่วโมง หลังจากน้ี 3 ชวั่ โมง ถา้ ไม่ถา่ ยใหก้ นิ ยาระบายดเี กลือ โดยใช้ผงดเี กลอื 2 ชอ้ นโตะ๊ ละลายนำ้ ประมาณครง่ึ แก้ว เพือ่ ถ่ายพยาธิ และตัวยาทเี่ หลือออกมา สารท่มี ีฤทธิ์คอื diospyrol diglucosideข้อควรระวัง 1: ผู้ที่หา้ มใช้มะเกลือได้แก่ เดก็ อายุตำ่ กว่า 10 ปี หญงิ มคี รรภ์ หรอื หลัง คลอดไมเ่ กิน 6 สัปดาห์ ผู้ทเ่ี ปน็ โรคกระเพาะอาหาร หรือมอี าการปวดท้อง ถ่ายอจุ จาระผดิ ปกติ บอ่ ยๆ และผู้ทก่ี ำลงั เปน็ ไข้ ในการเตรียมยาตอ้ งใชผ้ ลดิบสด เตรียมแลว้ กินทันที ไม่ควรเตรยี มยา คร้งั ละมากๆ ใชเ้ ครอ่ื งบดไฟฟ้า จะทำใหล้ ะเอียดมาก มตี ัวยาออกมามากเกนิ ไปข้อควรระวงั 2 : เคยมีรายงานวา่ ถ้ากนิ ยามะเกลอื ขนาดสูงกวา่ ทร่ี ะบุไว้ หรือเตรียมไว้นาน สารสำคัญจะ เปล่ยี นเป็นสารพิษชอ่ื diospyrol ทำใหจ้ อรับภาพ และประสาทตาอกั เสบ อาจตาบอดได้ ประโยชน์ดา้ นอ่ืนๆ เนื้อไม้ใชท้ ำเฟอร์นิเจอรป์ ระดับมุก ผล ให้สีดำ ใช้ย้อมผา้ และแพรได้

~ 29 ~ เล็บมือนาง ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Quisqualis indica L. วงศ์ : Combretaceae ชอ่ื สามญั : Rangoon Creeper ช่อื อื่น : จะมง่ั จ๊ามั่ง มะจีมัง่ ลักษณะ : ไมเ้ ถาเนื้อแข็ง ต้นแก่มกั มีกลนิ่ ที่เปลี่ยนเป็นหนาม ใบเด่ยี ว เรียงตรงข้าม รปู วงรี หรอื รปู ไข่แกมขอบขนาน กว้าง 5-8 ซม. ยาว 10-16 ซม. ดอกชอ่ ออกที่ปลายกิง่ และซอกใบบริเวณปลาย กงิ่ กลีบดอกสแี ดงโคนกลบี เล้ียงเป็นหลอดเรียวยาว สเี ขียว ผลเป็นผลแหง้ รูปกระสวย มเี ปลอื ก แข็งสีนำ้ ตาลเขม้ มสี ันตามยาว 5 สัน ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้เน้ือในเมล็ดแหง้ เป็นยาขบั พยาธิไส้เดือน สำหรับเดก็ กนิ ครั้งละ 2-3 เมลด็ และผใู้ หญ่ครง้ั ละ 4-5 เมล็ด โดยนำมาปน่ เป็นผง ผสมกบั น้ำผึง้ ปั้นเป็นยา ลูกกลอน หรือต้มเอาน้ำดื่ม หรือทอดกบั ไขก่ นิ ก็ได้ สารทมี่ ฤี ทธ์ขิ ับพยาธไิ ดแ้ กก่ รด quisqualic ซ่งึ เป็นกรดอะมโิ นชนดิ หน่ึง

~ 30 ~ ฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.) Wall. ex Nees วงศ์ : Acanthaceae ช่อื อนื่ : คีปังฮี (จีน) ฟา้ ทะลายโจร หญา้ กันงู นำ้ ลายพงั พอน ลักษณะ : ไม้ลม้ ลุก สูง30-60 ซม.ทง้ั ตน้ มรี สขม ลำต้นเป็นสเ่ี หลี่ยม แตกกง่ิ ออกเป็นพมุ่ เล็ก ใบ เดีย่ ว เรยี งตรงข้าม รูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว4-8 ซม. สีเขยี วเข้มเปน็ มนั ดอกช่อ ออกท่ปี ลายกงิ่ และซอกใบ ดอกย่อยขนาดเลก็ กลีบดอกสขี าว โคนกลีบดอกติดกัน ปลายแยก ออกเปน็ 2 ปาก ปากบนมี 3 กลบี มีเสน้ สีแดงเขม้ พาดตามยาว ปากล่างมี 2 กลีบ ผลเปน็ ฝกั สี เขยี วอมนำ้ ตาล ปลายแหลม เมอ่ื ผลแก่จะแตกเป็นสองซีก ดดี เมล็ดออกมา ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ชาวจนี ใช้ฟา้ ทะลายเปน็ ยามาแตโ่ บราณ และมาเปน็ ท่ีนยิ มใช้ในปะเทศ ไทยเม่อื ไมน่ านมานี้ โดยใช้เฉพาะใบหรือท้งั ตน้ บนดินซึง่ เกบ็ กอ่ นทจี่ ะมีดอกเป็นยาแก้เจ็บคอ แก้ ทอ้ งเสยี แกไ้ ข้ เป็นยาขมเจรญิ อาหาร การศกึ ษาฤทธ์ิลดไขใ้ นสัตว์ทดลองพบว่าสารสกัด แอลกอฮอลม์ แี นวโน้มลดไขไ้ ด้ รายงานการใชร้ กั ษาโรคอจุ จาระร่วงและบดิ ไม่มตี วั แสดงว่าฟ้า ทะลายมปี ระสิทธภิ าพในการรกั ษาเทา่ กับเตตราซัยคลนิ แตใ่ นการรักษาอาการเจ็บคอน้นั มรี ายงาน ท้งั ท่ไี ดผ้ ลและไมไ่ ด้ผลขนาดท่ีใช้คอื พชื สด 1-3 กำมือ ตม้ น้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 3 คร้งั หรอื ใช้ พืชแหง้ บดเป็นผงละเอียดปน้ั เปน็ ยาลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 0.8 ซม. กินครั้ง ละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครง้ั กอ่ นอาหารและก่อนนอน สำหรับผงฟ้าทะลายที่บรรจแุ คปซูล ๆ ละ 500 มิลลิกรมั ให้กินครงั้ ละ 2 เม็ด วนั ละ 2 คร้งั กอ่ นอาหารเช้าและเย็น อาการข้างเคยี งที่ อาจพบคือ คล่นื ไส้

~ 31 ~ กระเจย๊ี บแดง ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L. วงศ์ : Malvaceae ชื่อสามญั : Roselle ชื่ออ่ืน : กระเจ๊ียบ กระเจี๊ยบเปรี้ย ผกั เกง็ เค็ง ส้มเก็งเค็ง สม้ ตะเลงเครง ลักษณะ : ไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลำต้นสีมว่ งแดง ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ 3 หรอื 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลบี ดอกสชี มพหู รอื เหลืองบริเวณ กลางดอกสมี ่วงแดง เกสรตวั ผูเ้ ชือ่ มกนั เป็นหลอด ผลเปน็ ผลแหง้ แตกได้ มีกลีบเลีย้ งสีแดงฉ่ำนำ้ หุ้มไว้ ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ใบและยอดออ่ นซง่ึ มรี สเปรี้ยวแก้ไอ เมล็ดบำรงุ ธาตุ ขับ ปัสสาวะ มรี ายงานการทดลองในผ้ปู ่วยโรคนิ่วในทอ่ ไต ซึง่ ดมื่ ยาชงกลีบเล้ียงแห้งของผล 3 กรัมใน น้ำ 300ซีซี วันละ 3 คร้งั ทำให้ถ่ายปสั สาวะสะดวกขึ้น บางรายน่ิวหลุดไดเ้ อง นอกจากนี้ทำให้ ผูป้ ่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมอี าการปวดแสบเวลาปสั สาวะนอ้ ยลง

~ 32 ~ หญา้ หนวดแมว ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Orthosiphon grandiflorus Bolding วงศ์ : Labiatae ชื่อสามัญ : Cat's Whisker ชื่ออื่น : พยบั เมฆ ลักษณะ : ไม้พุ่ม สูง 0.5-1 เมตร กิง่ และก้านส่ีเหลย่ี มสมี ว่ งแดง ใบ เด่ยี ว เรยี งตรงข้าม รปู ไข่แกม สี่เหลี่ยมข้าวหลามตดั กวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 4-7 ซม. ขอบใบหยักฟนั เลอื่ ย ดอก ชอ่ ออกทป่ี ลายก่ิง มี 2 พันธค์ุ ือพนั ธุด์ อกสขี าวและพนั ธุ์ดอกสมี ่วงนำ้ เงิน เกสรตัวผู้ยืน่ พ้นกลบี ดอกออกมายาวมาก ผล เปน็ ผลแหง้ ไมแ่ ตก รปู รขี นาดเลก็ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชท้ ้ังตน้ เปน็ ยาขบั ปัสสาวะ แก้โรคปวดตามสนั หลังและบนั้ เอว ใบเปน็ ยารกั ษาโรคเบาหวานและลดความดันโลหิต มกี ารทดลองใช้ใบแหง้ เป็นยาขับปัสสาวะ ขับกรดยรู ิคซง่ึ เป็นสาเหตุของโรคเกาด์และรักษาโรคน่ิวในไตกบั ผปู้ ว่ ยโรงพยาบาลรามาธบิ ดี โดย ใชใ้ บแหง้ ประมาณ 4 กรัม ชงกับนำ้ เดือด 750 ซีซี ดืม่ ต่างน้ำตลอดวนั ได้ผลเป็นท่นี า่ พอใจของ แพทย์ พบวา่ ในใบมีเกลือโปแตสเซยี มสูง ผ้ปู ว่ ยโรคหัวใจไมค่ วรใช้

~ 33 ~ หญา้ คา ช่ือวิทยาศาสตร์ : Imperata cylindrica Beauv. วงศ์ : Gramineae ช่อื สามญั : ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ สูง 0.3-0.9 เมตร มเี หง้าใตด้ ิน รูปร่างยาวและแขง็ ใบ เดี่ยว แทงออกจาก เหงา้ กวา้ ง 1-2 ซม. ยาวไดถ้ ึง 1 เมตรขอบใบคม ดอก ช่อ แทงออกจากเหงา้ ดอกยอ่ ยอยู่รวมกนั แนน่ สีเงินอมเทาจาง ผล เป็นผลแหง้ ไมแ่ ตก ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้รากและเหงา้ เปน็ ยาขบั ปัสสาวะ แก้อาการกระเพาะ ปสั สาวะอกั เสบ ปสั สาวะแดง บำรงุ ไต ขับระดูขาว มีการศกึ ษาฤทธิ์ขบั ปสั สาวะในสตั วท์ ดลอง พบวา่ ไดผ้ ลเฉพาะนำ้ ต้มส่วนราก

~ 34 ~ อ้อยแดง ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Saccharum officinarum L. วงศ์ : Gramineae ชอื่ สามญั : Sugar-cane ช่ืออน่ื : อ้อย ออ้ ยขม ออ้ ยดำ ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก สงู 2-5 เมตร ลำต้นสีม่วงแดง มีไขสีขาวปกคลมุ ไม่แตกกิง่ กา้ น ใบเดี่ยว เรียงสลับ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 0.5-1 เมตร ดอกชอ่ ออกทีป่ ลายยอด สขี าว ผลเปน็ ผลแหง้ ขนาดเล็ก ออ้ ย มหี ลายพันธุ์ แตกต่างกนั ทค่ี วามสูงความยาวของขอ้ และสขี องลำตน้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ลำตน้ เป็นยาขบั ปสั สาวะ โดยใชล้ ำตน้ สด 70-90 กรมั หรือ แหง้ 30-40 กรัม ห่นั เป็นช้ิน ตม้ นำ้ แบ่งดมื่ วนั ละ 2 ครง้ั ก่อนอาหาร แก้ไตพิการ หนองในและขับ นิว่ แพทย์พื้นบ้านใช้ขับเสมหะ มรี ายงานว่าอ้อยแดงมีฤทธ์ขิ ับปสั สาวะในสัตว์ทดลอง

~ 35 ~ ขลู่ ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Pluchea indica Less วงศ์ : Compositae ช่อื สามญั : Indian Marsh Fleabane ชอ่ื อื่น : ขลู่ หนวดงว่ั หนงดงิว้ หนวดงวั หนวดวัว ลักษณะ : ไมพ้ มุ่ สูง 1-2.5 เมตร ชอบขน้ึ ในที่ชนื้ แฉะ ใบเด่ยี ว เรียงสลับ รปู ไขก่ ลบั กวา้ ง 1-5 ซม. ยาว 2.5-10 ซม. ขอบใบหยกั ซฟ่ี นั หา่ ง ๆ ดอกชอ่ ออกที่ยอดและซอกฟนั กลีบดอกสีมว่ ง ผลเปน็ ผลแห้ง ไมแ่ ตก ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ท้ังต้นต้มกนิ เป็นยาขับปัสสาวะ แก้เบาหวาน ต้มนำ้ อาบแก้ ผืน่ คัน น้ำคน้ั ใบสดรักษาริดสีดวงทวาร การทดลองในสัตว์และคนปกติ พบวา่ ยาชงทง้ั ต้นมฤี ทธิข์ ับ

~ 36 ~ ปัสสาวะมากว่ายาขบั ปัสสาวะแผนปจั จบุ ัน (hydrochlorothiazide) และมขี อ้ ดีคอื สญู เสยี เกลอื แร่ น้อยกว่า สับปะรด ช่ือวิทยาศาสตร์ : Ananas comosus Merr. วงศ์ : Bromeliaceae ช่อื สามัญ : Pineapple ชื่ออนื่ : ขนุนทอง ยานัด ย่านนัด บอ่ นดั มะขะนัด มะนดั ลงิ ทอง หมากเกง็

~ 37 ~ ลักษณะ : ไมล้ ม้ ลุกอายหุ ลายปี สูง 90-100 ซม. มลี ำต้นอย่ใู ต้ดิน ใบ เดี่ยว เรียงสลับซอ้ นกันถี่มา กรอบตน้ กว้าง 6.5 ซม. ยาวไดถ้ ึง 1 เมตร ไมม่ ีก้านใบ ดอก ชอ่ ออกจากกลางตน้ มีดอกย่อย จำนวนมาก ผล เปน็ ผลรวม รูปทรงกระบอก มใี บเป็นกระจุกท่ปี ลายผล ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้เน้ือผลเป็นยาแกไ้ อขบั เสมหะ เหงา้ เปน็ ยาขับปสั สาวะ แก้ นิ่ว พบว่าลำตน้ และผลมีเอนไซมย์ อ่ ยโปรตนี ช่อื bromelain ใชเ้ ป็นยาลดการอกั เสบและบวม จากการถกู กระแทกบาดแผล หรอื การผ่าตัด โดยผลิตเปน็ ยาเมด็ ช่อื Ananase Forte Tablet

~ 38 ~ สะแก ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Combretum quadrangulare Kurz วงศ์ : Combretaceae ชื่อสามัญ : ชอ่ื อนื่ : แก ขอนแข้ จองแข้ แพ่ง สะแก ลกั ษณะ : ไมย้ นื ตน้ สูง 5-10 เมตร กงิ่ ออ่ นเปน็ รปู เหลี่ยม ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู วงรี หรอื รปู ไข่ กลบั กว้าง 3-8 ซม. ยาว 6-15 ซม. ดอกช่อ ออกทีซ่ อกใบ และปลาดยอด ดอกยอ่ ยมีขนาดเลก็ กลีบดอกสขี าว ผลแหง้ มี 4 ครีบ เมลด็ สนี ำ้ ตาลแดง รูปกระสวย มี 4 สันตามยาว ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : เมลด็ แก่-ใช้ขบั พยาธิไส้เดือน และพยาธเิ ส้นดา้ ยในเด็ก โดยใช้ ขนาด 1 ช้อนคาว หรือ 3 กรัม ตำผสมกบั ไขท่ อดกนิ คร้งั เดยี ว ขณะท้องวา่ ง

~ 39 ~ พลู ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Piper betle L. วงศ์ : Piperaceae ช่ือสามญั : Betel Vine ลกั ษณะ : ไม้เถาเนอื้ แข็ง รากฝอยออกบรเิ วณข้อใชย้ ดึ เกาะ ข้อโปง่ นนู ใบ เดยี่ ว เรียงสลบั รูปหวั ใจ กว้าง 8- 12 ซม. ยาว 12-16 ซม. มีกล่นิ เฉพาะและมีรสเผด็ ดอก ช่อ ออกที่ซอกใบ ดอกยอ่ ยขนาดเลก็ อดั แนน่ เปน็ รูปทรงกระบอก แยกเพศ สขี าว ผล เป็นผลสด กลมเล็กเบียดอยู่บนแกน พลูมหี ลายพนั ธุ์ เช่นพลูเหลือง พลูทองหลาง ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้นำ้ คั้นใบสดกนิ เปน็ ยาขบั ลมและทาแก้ลมพิษ โดยใช้ 3-4 ใบ ขยี้หรอื ตำใหล้ ะเอยี ด ผสมเหลา้ โรงเล็กนอ้ ย ทาบริเวณที่เป็น ใบมีน้ำมันหอมระเหย ประกอบดว้ ย สาร chavicol และ eugenol ซง่ึ มฤี ทธท์ิ ำให้ชาเฉพาะท่ี สามารถบรรเทาอาการคันและฆ่าเชือ้ โรค บางชนดิ ดว้ ย จงึ มกี ารพัฒนาตำรับยาขผ้ี ้งึ ผสมสารสกดั ใบพลขู ึน้ เพอ่ื ใช้เป็นยาทารกั ษาโรคผวิ หนงั บางชนดิ

~ 40 ~ ทองพันชงั่ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Rhinacanthus nasutus Kurz วงศ์ : Acanthaceae ชือ่ อนื่ : ทองคนั ชั่ง หญ้ามันไก่ ลกั ษณะ : ไม้พมุ่ สูง 1-2 เมตร กง่ิ อ่อนมักเปน็ สนั ส่ีเหลย่ี ม ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปไขห่ รือรูปวงรี กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ดอกชอ่ ออกท่ีซอกใบกลีบดอกสขี าว โดคนกลีบติดกนั เป็นหลอด ปลายแยกเปน็ 2 ปาก ปากลา่ งมีจุดประสีมว่ งแดง ผลเปน็ ผลแหง้ แตกได้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ใบสดและรากโขลกละเอยี ด แช่เหล้าโรง 1 สัปดาหเ์ อาน้ำ ทาแกก้ ลากเกล้ือน สารสำคัญคอื rhinacanthin และ oxymethylanthraquinone

~ 41 ~ มะหาด ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Artocarpus lakoocha Roxb. วงศ์ : Moraceae ช่ืออนื่ : หาด ขุนป่า มะหาดใบใหญ่ ลักษณะ : ไม้ยนื ต้น สงู ประมาณ 30 เมตร ทรงพุม่ แผก่ วา้ ง ใบ ดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานหรือ รปู วงรี กว้าง 8-10 ซม. ยาว 10-20 ซม. หลงั ใบเปน็ มนั สีเขยี วเข้ม ทอ้ งใบสาก ดอก ช่อ ออกท่ี ซอกใบ คอ่ นขา้ งกลม ก้านสั้น แยกเพศ อยู่บนต้นเดียวกนั ผล เป็นผลรวม สีเหลือง ผิวขรขุ ระ มี ขนนมุ่ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชป้ วกหาดเปน็ ยาถา่ ยพยาธเิ สน้ ด้าย พยาธิไส้เดือนและพยาธิ ตัวตดื สำหรับเด็ก สารทีอ่ อกฤทธ์คิ อื 2, 4, 3, 5- tetrahydroxystillbene จากการศกึ ษาไม่พบ ความเปน็ พษิ ขนาดทีใ่ ชค้ อื ผงปวกหาด 3 กรัม ละลายนำ้ เยน็ ดม่ื ตอนเชา้ มดื หลงั จากนนั้ ประมาณ 2 ช่วั โมงให้กนิ ยาถา่ ย (ดเี กลอื ) นอกจากนี้ยงั ใช้ละลายน้ำทาแกค้ นั “ปวกหาด” เตรยี ม โดยการเค่ียวเน้ือไม้กบั น้ำ กรองเนอื้ ไม้ออก บีบน้ำออกใหแ้ ห้ง จะไดผ้ งสนี วลจบั กันเป็นก้อน ย่าง ไฟจนเหลอื ง เรียกก้อนน้ีไดว้ ่า ปวกหาด

~ 42 ~ พญาปลอ้ งทอง ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Clinacantus nutans (Burm.) Lindau วงศ์ : Acanthaceae ชื่ออืน่ : ผกั มันไก่ ผกั ลิ้นเขียด พญาปลอ้ งคำ พญาปล้องดำ พญายอ เสลดพังพอน เสลดพังพอนตัว เมีย ลักษณะ : ไมพ้ มุ่ รอเลื้อย สูง 1-3 เมตร ใบเดีย่ ว เรียงตรงขา้ ม รูปใบหอก กว้าง 1-3 ซม. ยาว 4- 12 ซม. สีเขียวเข้ม ดอกชอ่ ออกเป็นกะจุกท่ปี ลายกิ่ง กลบี ดอกสแี ดงสม้ โคนกลบี สีเขียว ติดกนั เป็นหลอดยาว ปลายแยกเปน็ 2 ปาก ไมค่ ่อยออกดอก ผลเปน็ ผลแหง้ แตกได้ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ใบสดรกั ษาแผลไฟไหมน้ ้ำรอ้ นลวก แมลงกัดต่อย ผน่ื คนั โดยนำใบสด 5-10 ใบ ตำหรอื ขย้ีทา การทดลองในสัตวพ์ บวา่ สารสกัดใบสดด้วย n- butanol สามารถลดการอักเสบได้ มกี ารเตรียมเป็นทงิ เจอร์เพ่อื ใชท้ ารักษาอาการอกั เสบจากเรมิ ในปาก โดยใชใ้ บสด 1 กก. ปัน่ ละเอียด เตมิ แอลกอฮอล์ 70% 1 ลติ ร หมัก 7 วัน กรอง ระเหยบน เครื่ององั ไอนำ้ ให้ปรมิ าตรลดลงคร่งึ หนึง่ เตมิ กลีเซอรนี เท่าตวั

~ 43 ~ มะนาว ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Citrus aurantifolia Swing. วงศ์ : Rutaceae ชอ่ื สามญั : Common Lime ช่ืออืน่ : สม้ มะนาว มะลวิ (ภาคเหนือ) ลักษณะ : ไมพ่ มุ่ สงู 2-4 เมตร กง่ิ อ่อนมหี นาม ใบประกอบชนดิ มใี บย่อยใบเดียว เรียงสลับ รปู ไข่ รูปวงรหี รือรูปไขแ่ กมขอบขนานกว้าง 3-5 ซม. ยาว 4-8 ซม. เนอ้ื ใบมีจดุ น้ำมันกระจาย กา้ นใบมี ครีบเล็ก ๆ ดอกเด่ียวหรือชอ่ ออกทป่ี ลายก่ิงและที่ซอกใบ กลีบดอกสขี าว กล่ินหอม ร่วงง่าย ผล เป็นผลสด กลมเกลีย้ ง ฉำ่ นำ้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : รายาไทยใชน้ ำ้ มะนาวและผลดองแหง้ เป็นยาขับเสมหะแก้ไอ แกโ้ รค เลือดออกตามไรฟนั เพราะมีวติ ามินซี นำ้ มะนาวเป็นกระสายยาสำหรบั สมนุ ไพรทีใ่ ช้ขบั เสมหะเชน่ ดปี ลี

~ 44 ~ มะแว้งเครือ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Solanum trilobatum L. วงศ์ : Solanaceae ช่ืออืน่ : แขว้งเคยี ลกั ษณะ : ไม้เลือ้ ย มีหนามตามกง่ิ ก้าน ใบเด่ียว เรียงสลบั รูปไขก่ ว้าง 4-5 ซม. ยาว 5-8 ซม. ขอบ ใบเว้า มีหนามตามเสน้ ใบ ดอกชอ่ ออกทป่ี ลายกิ่งและซอกใบ กลบี ดอกสมี ว่ ง ผลเป็นผลสด รูป กลม ผลดบิ สเี ขยี วมีลายตามยาว เมือ่ สุกสแี ดง ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชผ้ ลสดแกไ้ อขบั เสมหะ โดยใชข้ นาด 4-10 ผล โขลกพอ แหลกคัน้ เอาน้ำใส่เกลือเล็กนอ้ ย จิบบอ่ ยๆ หรอื เค้ียวกลนื เฉพาะนำ้ จนหมดรสขมเฝอ่ื น มะแวง้

~ 45 ~ เครอื เปน็ ส่วนผสมหลักในยาประสะมะแว้งเช่นกัน นอกจากนี้ใชข้ บั ปัสสาวะแกไ้ ขแ้ ละเปน็ ยาขม เจริญอาหารด้วย มะแวง้ ต้น ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Solanum indicum L. วงศ์ : Solanaceae

~ 46 ~ ช่อื อนื่ : ลกั ษณะ : ไม้พุ่ม สงู 1-1.5 เมตร ลำตน้ มีขนนมุ่ ใบเด่ียว เรยี งสลับรปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน กวา้ ง 4-10 ซม. ยาว 6-12 ซม. ขอบใบเว้า ผิวใบมีขนนุ่มท้ังสองด้าน ดอกชอ่ ออกตามก่ิงหรือที่ ซอกใบ กลีบดอกสมี ว่ ง ผลเป็นผลสด รูปกลม ผลดบิ สเี ขียวออ่ น ไมม่ ีลาย เมอ่ื สุกสสี ้ม ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชผ้ ลสดแก้ไอขบั เสมหะ รกั ษาเบาหวาน ขับปัสสาวะ มีการ ทดลองในสัตว์ พบวา่ น้ำสกดั ผลมีฤทธล์ิ ดนำ้ ตาลในเลอื ด แต่มีฤทธ์ินอ้ ยและระยะเวลาการออกฤทธ์ิ สั้น พบสเตดรอยด์ปริมาณค่อนขา้ งสูง จงึ ไมค่ วรใช้ติดต่อกนั เป็นเวลานาน มะแวง้ ต้นเป็นสว่ นผสม หลัก ในยาประสะมะแว้ง ซ่งึ องคก์ ารเภสัชกรรมผลติ ขน้ึ ตามตำรับยาสามญั ประจำบา้ นแผนโบราณ แหว้ หมู ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Cyperus rotundus L. วงศ์ : Cyperacear ชื่อสามญั : Nutgrass ชื่ออนื่ : หญ้าขนหมู

~ 47 ~ ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก อายหุ ลายปี สูง 20-40 ซม. มีลำตน้ ใต้ดินเป็นหัวคลา้ ยหัวแหว้ ไทย แตกแขนง ลำตน้ เปน็ เส้นแข็งเหนียวอยู่ใตด้ นิ และงอกเปน็ หวั ใหมไ่ ด้ ใบเด่ียว จำนวนมาก แทงออกจากหวั กว้าง 2-6 มม. ยาว 5-20 ซม. ดอกชอ่ คลา้ ยดอกหญ้า สนี ้ำตาลแดง แตกแขนงเป็น 4-10 กง่ิ ก้าน ช่อดอกเปน็ สามเหลี่ยมตรง ผลเปน็ ผลแหง้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้หวั ใต้ดนิ เปน็ ยาบำรงุ หวั ใจ ขบั เหงอ่ื และขบั ปสั สาวะ การ ทดลองในสัตว์พบฤทธ์ิขับปสั สาวะ ลดไข้ ลดความดันโลหิตและลดการอกั เสบ ซ่ึงเชอ่ื วา่ เกดิ จาก a- cyperone นอกจากนพ้ี บฤทธิ์ยับย้งั การเจรญิ เติบโตของเช้ือมาลาเรยี ชนิดฟัลซิพารมั ในหลอด ทดลองด้วย

~ 48 ~ เรว่ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Amomum xanthioides Wall. วงศ์ : Zingiberaceae ชอ่ื สามัญ : Bustard cardamom, Tavoy cardamom ชื่ออืน่ : หมากแหนง่ (สระบุร)ี หมากเนงิ (อสี าน) มะอี้ หมากอ้ี มะหมากอี้ (เชยี งใหม)่ หน่อเนง (ชยั ภมู )ิ ลกั ษณะ : เร่วเปน็ พืชล้มลุก มีเหงา้ หรือลำต้นอยูใ่ นดนิ จดั เปน็ พชื สกลุ เดียวกบั กระวาน ขา่ ขงิ ใบมีลกั ษณะ ยาวเรยี ว ปลายใบแหลมและหอ้ ยโคง้ ลง ก้านใบมีขนาดส้ัน ออกดอกเป็นช่อจากยอดที่แทงข้ึนมา จากเหง้า ดอกมีสีขาวก้านช่อดอกส้นั ผลมขี นสแี ดงปกคลุม เมล็ดมีสีน้ำตาล เร่วมหี ลายชนดิ เชน่ เร่วหอม เร่วชา้ ง เรว่ กอ ซ่ึงเร่วเหล่านม้ี ีลกั ษณะต้นแตกตา่ งกันไป ประโยชนท์ างสมุนไพร : นำ้ มนั หอมระเหยในเมล็ดเร่วมีฤทธเิ์ ปน็ ยาขบั ลม ชว่ ยแก้อาการทอ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ แนน่ จกุ เสยี ด โดย ใชเ้ มล็ดประมาณ 3 กรมั บดให้เป็นผงรับประทานวันละ 3 ครงั้ และชว่ ยขับเสมหะ แก้คล่นื เหยี น อาเจียนได้ดอี กี ดว้ ย

~ 49 ~ ดีปลี ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Piper chaba Hunt วงศ์ : Piperaceae ช่อื สามัญ : Long Pepper ลกั ษณะ : ไมเ้ ถารากฝอยออกบรเิ วณข้อเพ่ือใชย้ ดึ เกาะ ใบ เดย่ี วรูปไขแ่ กมขอบขนาน กวา้ ง 3- 5 ซม. ยาว 7-10 ซม. สเี ขียวเข้มเปน็ มนั ดอก ช่อ ออกท่ีซอกใบ ดอกยอ่ ยอดั กนั แนน่ แยกเพศ ผล เปน็ ผลสด มสี ีเขียว เมอ่ื สุกจะเปลยี่ นเป็นสีแดง รสเผ็ดรอ้ น ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชผ้ ลแก่จดั แต่ยงั ไม่สกุ ตากแหง้ เป็นยาขบั ลม บำรุงธาตุ แก้ ทอ้ งเสีย ขับรกหลงั คลอด โดยใช้ผล 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ผล) ต้มเอาน้ำดมื่ นอกจากนีใ้ ช้ เปน็ ยาแก้ไอ โดยเอาผลแห้งครง่ึ ผลฝนกับมะนาวแทรกเกลอื ใชก้ วาดคอหรือจิบบ่อยๆ ฤทธิข์ ับลม และแกไ้ อ เกดิ จากน้ำมันหอมระเหยและสาร piperine พบว่าสารสกัดเมทานอลมผี ลยบั ย้งั การบบี ตัวของลำไสเ้ ล็กและสารสกดั ปิโตรเลยี มอเี ธอร์ ทำให้สัตวท์ ดลองแท้ง จึงควรระวังการใช้ในสตรีมี ครรภ์

~ 50 ~ นอ้ ยหนา่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Annona squamosa L. วงศ์ : Annonaceae ชอื่ สามญั : Sugar Apple ชื่ออนื่ : นอ้ ยแน่ นะนอแน่ หมกั เขียบ ลักษณะ : ไม้ยนื ตน้ สงู 3-5 เมตร ใบเด่ยี ว เรยี งสลับ รปู ใบหอกหรือรูปใบหอกแกมขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 7-13 ซม. ดอกเด่ียว ออกที่ซอกใบ ห้อยลง กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียว 6 กลีบ เรยี ง 2 ช้นั ๆ ละ 3 กลีบ หนาอวบน้ำ มีเกสรตวั ผู้และรงั ไข่จำนวนมาก ผลเปน็ ผลกลุ่ม คอ่ นข้าง กลม ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ใบสดและเมลด็ ฆา่ เหา โดยใช้เมล็ดประมาณ 10 เมล็ด หรือใบสดประมาณ 1 กำมือ (15 กรัม) ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำมันมะพร้าวพอแฉะ ขยใ้ี ห้ท่วั ศีรษะ ใช้ผ้าคลุมโพกไวป้ ระมาณ 10 นาทีถึงคร่งึ ช่ัวโมง ใชห้ วีสางเหาออก สระผมให้สะอาด (ระวงั อย่าให้เข้าตา เพราะจะทำใหต้ าอักเสบและแสบได้) มรี ายงานยนื ยันว่านำ้ ยาท่ีคน้ั จากเมลด็ บดกบั นำ้ มันมะพร้าวในอัตราส่วน 1:2 สามารถฆา่ เหาไดด้ ีทีส่ ุด คือฆ่าได้ถึง 98% ใน 2 ช่วั โมง ใช้รักษา หิด กลากและเกลอ้ื นด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook