หลกั การพืน้ ฐาน ดานอาชีวเวชศาสตรและเวชศาสตรส ่ิงแวดลอม นพ.ววิ ัฒน เอกบูรณะวฒั น แพทยอ าชวี เวชศาสตร รพ.สมติ เิ วชศรรี าชา อีเมล [email protected] เวบ็ บล็อก www.wiwat.org เว็บไซต www.summacheeva.org ฐานขอ มูลสารพษิ www.thaitox.com
อาชีวเวชศาสตรคอื อะไรอาชีวเวชศาสตร (occupational medicine) เปนศาสตรท างการแพทยเ ฉพาะ ทางสาขาหนง่ึ วา ดว ยเร่ืองของการดแู ลสขุ ภาพคน ทาํ งาน เนน หนักทกี่ าร ปองกันโรค แตก ค็ รอบคลุมการรกั ษาโรค และการฟนฟสู ุขภาพดว ย ศาสตรนี้ ดําเนินการโดยแพทยเมื่อกอนศาสตรนมี้ ชี ่ือเรยี กวาเวชศาสตรอ ตุ สาหกรรม (industrial medicine) แตภ ายหลงั เปล่ียนมาเปน อาชีวเวชศาสตรอาชีวอนามัย (occupational health) คอื ศาสตรท างดา นสุขภาพ ท่ีวาดว ยเรอื่ ง การดแู ลสุขภาพคนทาํ งาน ดําเนินการโดยบคุ ลากรทางดา นสุขภาพดานตา งๆ ทุกสาขาอาชีพ
อาชีวเวชศาสตรก บั อาชีวอนามัยคนทเี่ รยี นจบปรญิ ญาตรีทางดา นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั มา เราเรียก เขาวา นกั อาชวี อนามยั (occupational health professional) แตถ าเขาไป ทาํ งานในโรงงาน เพ่อื ทาํ หนา ทด่ี แู ลดา นความปลอดภยั และสขุ ภาพใหคนงาน กม็ กั จะถกู เปล่ยี นชอื่ เรียกใหมเ ปน เจา หนาทีค่ วามปลอดภัยวชิ าชพี (safety officer)สรุป เรือ่ งการดแู ลสขุ ภาพคนทาํ งานเหมือนกัน ถาแพทยด าํ เนินการเราเรยี ก อาชวี เวชศาสตร (จะมกี ารตรวจ วินจิ ฉยั รักษาโรคดวย) ถา ดาํ เนนิ การโดย บุคลากรทางดา นสขุ ภาพสาขาใดกไ็ ดเ ราเรยี กอาชีวอนามยั (จะเนนการจดั ระบบและจดั กจิ กรรมปองกันโรคเปน หลกั ไมมีการตรวจ วนิ จิ ฉยั รักษาโรค)ความสมั พันธนคี้ ลายกบั “จติ เวชศาสตร” กบั “จติ วทิ ยา” หรือ “นติ เิ วชศาสตร” กบั “นิตวิ ทิ ยาศาสตร”
เวชศาสตรส งิ่ แวดลอ มคืออะไรจากนยิ ามของ “อาชวี เวชศาสตร” และ “อาชีวอนามยั ” เอามาเทยี บ เคยี งใชกับ นยิ ามของวิชา “เวชศาสตรส ิง่ แวดลอม” และ “อนามัยสงิ่ แวดลอ ม” ไดเวชศาสตรสงิ่ แวดลอ ม (environmental medicine) คือศาสตรท างการแพทย วาดว ยเรอ่ื งการดแู ลสขุ ภาพของคน ในประเดน็ ที่เกย่ี วกบั ผลกระทบจากสงิ่ แวดลอมอนามยั สง่ิ แวดลอม (environmental health) คือศาสตรทางดานวิทยาศาสตร สขุ ภาพ ทว่ี า ดวยเรอ่ื งการดแู ลสุขภาพของคน ในประเดน็ ทเ่ี กย่ี วกบั ผลกระทบ จากสงิ่ แวดลอ มจากนยิ ามท่ผี า นมา ทีนล้ี องทายนยิ ามของคาํ วา “วศิ วกรรมความปลอดภัย” กับ “วศิ วกรรมสิ่งแวดลอ ม” ดนู ะครบั
แพทยอ าชวี เวชศาสตรแพทยอ าชวี เวชศาสตร (occupational physician) เปน แพทยเ ฉพาะทาง สาขาหน่งึ ทม่ี คี วามเชยี่ วชาญในดา นอาชวี เวชศาสตร และไดรบั การรบั รอง จากแพทยสภา จดั อยูในกลุม เวชศาสตรป อ งกนั แขนงหนึ่งทงั้ ประเทศในปจจบุ ัน (พ.ศ. 2554) มีอยูป ระมาณ 117 คนชลบุรมี อี ยู 7 คน รพ.ชลบรุ ี = พญ.มาลินี รพ.สมติ เิ วช ศรรี าชา = พญ.นวพรรณ, นพ.วิวฒั น รพ.สมเดจ็ บรมราชเทวี ณ ศรีราชา = นพ.จารพุ งษ รพ.อาวอดุ ม = นพ.สิงหไ ชย รพ.อาภากรเกยี รตวิ งศ = นพ.อตพิ งษ, นพ.พิพัฒน
สง่ิ คกุ คาม (hazard)สง่ิ คกุ คาม (hazard) หมายถึง “สง่ิ ” หรือ “สภาวการณ” ใดๆ ก็ตาม ที่มีความสามารถกอปญ หาสุขภาพตอ คนได สงิ่ คุกคามทพ่ี บไดจ ากการ ทํางาน (occupational hazard) แบง ออกเปน 6 กลมุ ดงั น้ี สิง่ คกุ คามทางกายภาพ (physical hazard) สง่ิ คกุ คามทางเคมี (chemical hazard) ส่ิงคุกคามทางชวี ภาพ (biological hazard) สง่ิ คกุ คามทางชวี กลศาสตร (biomechanical hazard) สิ่งคกุ คามทางจติ ใจ (psychological hazard) ส่งิ คุกคามดา นความปลอดภัย (accident hazard)
ส่ิงคกุ คามทางกายภาพสิง่ คกุ คามทางกายภาพ (physical hazard) เปน พลังงานทางฟส ิกสที่หากมีสภาวะท่ไี มเหมาะสมแลว สามารถทาํ ใหเ กิดโรคไดตัวอยา งสง่ิ คุกคามทางกายภาพ เสยี งดงั แสงสวา งจาเกนิ ไป แสงมดื หรเี่ กินไป ความรอน กัมมันตภาพรังสี www.mrc-cbu.cam.ac.uk ความกดอากาศทีส่ ูงหรือตํ่าเกนิ ไป
สิ่งคกุ คามทางเคมีสิง่ คกุ คามทางเคมี คือสารเคมี ไมว า จะอยใู นรูปของธาตหุ รอื สารประกอบ ในรูปของแขง็ ของเหลว แกส็ ฝนุ ละออง หรือฟูม ซงึ่ หากคนทํางานไดร บั เขา ไปแลว สามารถทําใหเ กิดโรคไดตัวอยางสง่ิ คุกคามทางเคมี ธาตุโลหะตางๆ เชน ตะกวั่ ปรอท แคดเมยี ม ธาตอุ โลหะ เชน สารหนู ฟอสฟอรสั ตวั ทาํ ละลาย เชน เบนซีน โทลูอีน สไตรนี แกส็ พิษ เชน แอมโมเนยี คลอรนี ฟอสจีน ยาฆาแมลง เชน ออรก าโนฟอสเฟต ยากาํ จดั ศัตรูพชื เชน ไกลโฟเสต
ส่ิงคกุ คามทางชีวภาพสิง่ คกุ คามทางชวี ภาพ (biological hazard) คอื เชอ้ื โรคชนิดตา งๆ ทพี่ บในการทาํ งาน และสามารถทาํ ใหเกดิ โรคไดในรปู แบบของการตดิ เชอ้ืตวั อยางของสง่ิ คกุ คามทางชวี ภาพ เชอ้ื ไวรัสโรคพษิ สนุ ขั บา เชอื้ ไวรัสไขหวัดใหญ เชอื้ ไวรัสโรคซาร เชอื้ ไวรสั ไขห วัดนก เชอ้ื แบคทเี รยี แอนแทรก็ ซ เชอ้ื ปรสิตมาลาเรยี www.wikipedia.org
สง่ิ คกุ คามทางชีวกลศาสตรสิ่งคกุ คามทางชวี กลศาสตร (biomechanical hazard) คอื ส่งิ คกุ คามทีเ่ กดิ จากทาทางการทาํ งานทก่ี อ ใหเกดิ โรคได เชน การทาํ งานในทาเดมิ ซ้ําๆ นานๆ(repetitive work) การทํางานทตี่ อ งใชแรงเกินกาํ ลงั(forceful work) การทาํ งานทต่ี อ งบดิ เอยี้ วตัวกวาปกติ(malposition) www.accesshealthandsafety.ieส่งิ คุกคามทางชีวกลศาสตรน ้ี แกไขไดด ว ยหลกั วชิ าที่ชื่อวา “การยศาสตร” (ergonomic) ซึ่งเปนวชิ าท่วี า ดว ยเรอื่ งการจดั สภาพและทา ทางการทํางาน ใหสะดวกสบาย จงึ อาจพบมผี เู รยี กวา “สงิ่ คกุ คามทางการยศาสตร” ก็ได
ส่งิ คกุ คามทางจติ ใจสิ่งคกุ คามทางดานจติ ใจ (psychological hazard) คอื สภาวการณท ่ีทําใหเกดิ ผลกระทบทางดานจติ ใจกับคนทํางาน ทําใหเ กดิ ความเครยี ดและเกดิเจบ็ ปวยเปนโรคตัวอยางของสง่ิ คกุ คามทางจติ ใจ การถกู หวั หนางานตอ วา การทะเลาะกบั เพอ่ื นรวมงาน ปญหาศีลธรรมในทีท่ ํางาน การทํางานงานกะ ผิดเวลา www.dailynews.co.th ชว่ั โมงการทาํ งานยาวนาน ไดพ ักผอ นนอย
สง่ิ คกุ คามทางความปลอดภัยส่งิ คกุ คามทางความปลอดภยั (accident hazard) คือสภาวการณท ี่มี โอกาสทําใหเ กิดอุบตั เิ หตุ (accident) ไดม าก หรือกลา วในเชิงตรงกนั ขา ม กค็ ือสภาวการณท ีข่ าดซง่ึ ความปลอดภยั (safety)สงิ่ คกุ คามกลุมนี้ มีความแตกตา งจากส่งิ คุกคามกลุมอนื่ ๆ คือจะทาํ ใหเ กดิ การบาดเจบ็ (injury) ไมใชก ารเจบ็ ปวย (illness)ตวั อยางสงิ่ คุกคามทางความปลอดภยั เดนิ บนพ้ืนลืน่ ปน บนั ไดท่ชี าํ รุด ขบั รถดว ยความเรว็ สูง ทาํ งานกับเครอื่ งจกั รขณะงว งนอน www.zipik.com
การสมั ผสั (exposure)การสมั ผสั (exposure) ในทางอาชวี เวชศาสตร ไมไ ดห มายถงึ การสมั ผัสทาง ผิวหนังตามความหมายปกตเิ พยี งอยา งเดยี วเทาน้ัน แตหมายถงึ การ “เขาถงึ ” หรือ “กระทบ” ตอ “สิ่ง” หรือ “สภาวการณ” ทเ่ี ปน ส่ิงคุกคามใดๆ ก็ตาม ผาน ทางอายตนะทกุ ทาง ทั้ง ตา หู จมกู ล้นิ กาย จติกลา วถงึ กรณีทวั่ ๆ ไป ส่งิ คกุ คาม (hazard) โดยเฉพาะสิ่งคุกคามทางเคมี (chemical hazard) และชีวภาพ (biological hazard) จะมชี องทางการสัมผัส (routes of exposure) หลักทีพ่ บไดบ อ ยอยู 3 ชอ งทาง ไดแ ก ทางการหายใจ (inhalation) พบไดบอยทสี่ ดุ ในการสัมผัสจากการทํางาน ทางการกนิ (ingestion) ทางการดูดซึมเขาผวิ หนัง (skin absorption)
ธรรมชาตกิ ารเกิดโรคจากการทํางาน(ภาพอา งอิงจาก: สาํ นักโรคจากการประกอบอาชพี และสิง่ แวดลอม กรมควบคุมโรค)
ชอ งทางการสมั ผสั อน่ื ท่ีอาจพบไดการมองผานทางตา ส่ิงคกุ คามคือ แสงการไดย ินผา นทางหู สง่ิ คุกคามคอื เสยี งการไดก ล่นิ ผานทางฆานประสาท (จมูก) สิ่งคุกคามคือ สารเคมที ่มี ีกลน่ิการฉดี เขา ทางผิวหนงั ดวยเครอื่ งฉดี แรงดันสงู (high-pressure cutaneous injection) ส่งิ คกุ คามคอื สารเคมีท่ฉี ดี ดว ยเครอื่ งฉดี แรงดนั สงูการรบั ความรูสึก รอ น เย็น กดทับ สน่ั สะเทือน ผา นทางปมประสาทใต ผิวหนัง สง่ิ คกุ คามคือ ความรอน ความเย็น การกดทบั ความสั่นสะเทอื นการทะลุผา นรางกายโดยตรง สิ่งคกุ คามคอื รงั สี คลืน่ แมเ หลก็ ไฟฟาการรับรผู านทางจติ ใจ ส่ิงคุกคามคอื การดดุ า งานหนัก งานผิดเวลา
ความเสย่ี ง (risk) tigergroupsojitra.blogspot.comความเสี่ยง (risk) คือ “โอกาส” ท่ีส่ิงคุก คามจะสงผลกระทบตอสุขภาพของคน ถาโอกาสมากเรียกวา “เสี่ยงมาก” (high risk) ถาโอกาสนอยเรียกวา “เสี่ยงนอย” (low risk)อุปมาสิ่งคุกคาม (hazard) คือเสือตัว หน่ึง ถาเสือหิว ถูกปลอยออกมานอก กรง โอกาสท่ีเราจะถูกทํารายก็มีมาก เรียกวา “เสีย่ งมาก”ถาเสืออยูในกรง ลามโซไวอีกชั้น แลว เรายืนดูอยูนอกกรง โอกาสที่เราจะถูก เสอื ทํารา ยก็มีนอย เรียกวา “เสย่ี งนอย”
ปจ จัยทมี่ ผี ลตอ ความเสี่ยงสิง่ คุกคามตาง ความเสย่ี งตางเชน เอานาํ้ เกลือราดมอื เทยี บกบั เอานา้ํ กรดราดมือชองทางการสัมผสั ตาง ความเสยี่ งตา งเชน กนิ ปรอทเขา ปาก เทยี บกบั สูดไอปรอทเขาปอดปรมิ าณการสมั ผสั ตาง ความเส่ียงตางเชน ทํางานในทเี่ สยี งดงั วนั ละ 2 ช่ัวโมง เทยี บกับวนั ละ 10 ช่วั โมงตวั รบั ตา ง ความเสยี่ งตา งเชน เดก็ สมั ผัสไอสารตะกว่ั เทยี บกบั ผูใ หญส ัมผสั ไอสารตะกว่ั
ข้นั ตอนการประเมินความเสย่ี งดา นสขุ ภาพ การบงช้ีสง่ิ คุกคาม (Hazard identification) การประเมนิ การสัมผสั (Exposure assessment) การประเมินขนาดสัมผัสกับผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ (Dose-response relationship) การอธิบายลักษณะของความเสย่ี ง (Risk characterization)
การปอ งกันโรคจากการทํางาน ปจ จยั สามทางระบาดวทิ ยา Epidemiologic triangleในทางอาชีวเวชศาสตรAgent ก็หมายถึง Hazardกลมุ ตา งๆ นัน่ เอง
แนวทางการปองกนั โรคจากการทํางานการปองกนั โรคจากการทาํ งานตามปจจยั สามทางระบาดวทิ ยา ปองกันทคี่ น (host) ปอ งกันที่เชอ้ื กอ โรค (agent) หรือสง่ิ คกุ คาม (hazard) ปองกนั ท่สี ง่ิ แวดลอ ม (environment)การปอ งกันโรคจากการทาํ งานตามลาํ ดบั การดาํ เนนิ โรค ระดบั ปฐมภูมิ (โรคยงั ไมเ กดิ ) ระดบั ทตุ ยิ ภมู ิ (เกดิ โรคแลว ปองกนั ไมใหเปน มาก) ระดบั ตตยิ ภมู ิ (โรคเปน มากแลว ปองกนั ไมใหทุพพลภาพ)
การปองกันตามปจจยั สามหลักการคอื ทําอยา งไรกไ็ ดใ หปจจยั ทง้ั สามไมม าบรรจบเหมาะกนัปอ งกนั ท่ีคน (host) ทาํ ใหค นที่มาทาํ งานมคี วามตานทานโรคมากขึน้ (tolerance) กันไมใหคนที่เสีย่ งตอ การเกิดโรค (susceptible) เขามาทาํ งานปองกนั ที่สิ่งคุกคาม (hazard) กาํ จดั สิ่งคกุ คามไปเลย (elimination) ใชสง่ิ อื่นแทน (substitution) ลดปริมาณการใช (reduce)ปองกนั ท่ีสิง่ แวดลอ ม (environment) ควบคมุ ทแ่ี หลง กําเนิด (source) ทางผาน (pathway) และท่ีตัวคน (person)
การปองกันตามลําดบั การดําเนนิ โรคการปองกนั ระดบั ปฐมภมู ิ (primary prevention) ปองกันไมใหเกิดโรค (disease prevention) ปรบั ส่ิงแวดลอ ม ใหยากนั ฉีดวคั ซีน สงเสรมิ สขุ ภาพ (health promotion) ออกกําลังกาย ปรับพฤติกรรม งดบุหรี่การปองกนั ระดบั ทตุ ยิ ภูมิ (secondary prevention) รีบตรวจหาความผดิ ปกติใหพบ (early detection) รีบวินจิ ฉยั และรกั ษาอยา งรวดเรว็ (early treatment)การปองกันระดบั ตตยิ ภมู ิ (tertiary prevention) ฟน ฟูสภาพ (rehabilitation) ดูแลเพ่ือกลับเขา ทาํ งาน (return to work management) www.bu.edu
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: