เลม่ ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๑๔๖ ง หนา้ ๑๒ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๕ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม ฉบบั ที่ ๔๔๓๙ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรอื่ ง กําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรมการประเมินความเสย่ี งดา้ นสารเคมตี อ่ สขุ ภาพผ้ปู ฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพ.ศ. ๒๕๑๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการประเมินความเส่ียงด้านสารเคมีต่อสุขภาพผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่มอก. ๒๕๓๕ - ๒๕๕๕ ไว้ ดังมรี ายละเอียดต่อท้ายประกาศนี้ ท้ังน้ี ใหม้ ผี ลต้งั แตว่ ันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๒๕ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ หมอ่ มราชวงศพ์ งษส์ วัสด์ิ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
มอก. 2535-2555 มาตรฐานผลติ ภณั ฑอุตสาหกรรม การประเมนิ ความเส่ียงดานสารเคมี ตอสขุ ภาพผูปฏบิ ัติงานในโรงงานอตุ สาหกรรม 1. ขอบขา ย1.1 มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ ตุ สาหกรรมนี้กําหนดการประเมินความเสี่ยงตอสุขภาพที่อาจเกิดข้ึนกับผูปฏิบัติงาน เนือ่ งจากการสัมผัสหรือไดร บั อนั ตรายทางเคมีจากการทาํ งาน การประเมินความเสย่ี งตอ สุขภาพมี 2 ประเภท คอื การประเมินความเส่ียงเชงิ ปรมิ าณ และการประเมินความเส่ียงเชิงคุณภาพ แตละประเภทประกอบดวย 4 ขั้นตอน คือ (1) การระบุวา เปนสารเคมีอันตราย (hazard identification) (2) การศึกษาผลกระทบตอสุขภาพหรือความสัมพันธระหวางปริมาณสารเคมีอันตรายท่ีไดรับและการ ตอบสนองของรางกาย (hazard characterization or dose-response assessment) (3) การประเมนิ การสมั ผสั (exposure assessment) (4) การระบุลักษณะเฉพาะความเสีย่ ง (risk characterization) การประเมินความเส่ียงในที่นี้ครอบคลุมเฉพาะการประเมินความเส่ียงเชิงคุณภาพ ซึ่งแบงเปน 5 ระดับ ไดแก ระดบั ยอมรบั ได ระดบั ตาํ่ ระดับปานกลาง ระดบั สูง และระดับสูงมาก 2. บทนิยาม ความหมายของคําที่ใชในมาตรฐานผลิตภัณฑอตุ สาหกรรมนี้ มดี งั ตอ ไปนี้2.1 การประเมินความเส่ียงตอสุขภาพ (health risk assessment) หมายถึง การประมาณคาความเปนไปไดหรือ โอกาสทผี่ ูปฏิบตั ิงานซง่ึ สมั ผัสสารเคมอี นั ตรายจะแสดงผลกระทบดา นสุขภาพจากการไดรับหรือสัมผัสกับ สารเคมอี นั ตรายอยางใดอยางหนง่ึ หรอื หลายอยา งพรอ มกัน2.2 กลุมผูปฏิบัติงานท่ีสัมผัสสารเคมีอันตรายคลายกัน (similar exposure group, SEG) หมายถึง กลุมผู ปฏิบตั ิงานซ่งึ สมั ผัสสารเคมีอนั ตรายเหมอื นกัน เนอื่ งจากงานท่ีทาํ และความถ่ีในการทํางานท่ีเก่ียวกับปจจัย เสี่ยงนั้นเหมือนกัน (ปจจัยเสี่ยงน้ัน ไดแก วัตถุดิบหรือสารเคมี กระบวนการผลิต และวิธีการทํางาน) ผปู ฏิบัติงานคนหนึง่ อาจอยใู นกลุม ของ SEG หลายกลมุ ก็ได -1-
มอก. 2535-25552.3 คาขดี จํากัดสารเคมที ่ีสัมผัสไดในสถานท่ีทํางาน (occupational exposure limit, OEL) หมายถึง ระดับความ เขม ขนของสารเคมอี ันตรายในสถานที่ทํางาน ซึ่งผูปฏิบัติงานสวนใหญสัมผัสไดวันละ 8 h สัปดาหละ 5 d โดยไมม ผี ลกระทบตอสขุ ภาพ หมายเหตุ คา OEL ซึ่งองคกรหรือหนวยงานตางๆ ประกาศใชหรือเสนอแนะอาจเรียกแตกตางกันและมีคา ตางกัน เชน อาจกาํ หนดเปนคา ขีดจํากดั สารเคมีท่สี ัมผัสไดในสถานทท่ี าํ งาน (threshold limit value, TLV) หรือ คาขีดจํากดั สารเคมที ่ียอมใหสมั ผสั ไดในสถานที่ทํางาน (permissible exposure limit, PEL)2.4 คาขีดจํากัดความเขมขนเฉลี่ยของสารเคมีในอากาศตลอดเวลาการทํางาน (occupational exposure limit- time-weighted average, OEL-TWA) หมายถึง คาความเขมขนเฉล่ียของสารเคมีในอากาศตลอดเวลาการ ทํางาน ซ่ึงโดยทั่วไป คือวันละ 8 h สัปดาหละ 5 d ที่ผูปฏิบัติงานสวนใหญสามารถสัมผัสไดโดยไม กอ ใหเ กดิ ผลกระทบตอ สุขภาพ2.5 คาขีดจํากัดสําหรับการสัมผัสในระยะสั้น ๆ (short-term exposure limit, STELหรือ OEL-STEL) หมายถึง คาความเขมขน เฉลย่ี ของสารเคมีทีพ่ นกั งานสัมผัสไดไมเกนิ วนั ละ 4 คร้งั ในระยะเวลาไมเ กินครัง้ ละ 15 min และแตล ะคร้ังตองหา งกันอยางนอย 1 h โดยคา เฉลี่ยความเขมขนทสี่ มั ผัสทัง้ หมดตองไมเกนิ คา OEL-TWA2.6 คาขีดจํากัดสูงสุด (ceiling, C หรือ OEL-C) หมายถึง คาความเขมขนสูงสุดของสารเคมีในอากาศท่ี ผูปฏิบัตงิ านสัมผัสไดในขณะปฏบิ ัตงิ าน โดยคาเฉลี่ยความเขมขนทสี่ ัมผสั ทั้งหมดตอ งไมเ กนิ คา OEL-TWA2.7 งานเกีย่ วกบั ปจจัยเส่ยี ง (risk task) หมายถงึ งานทีล่ กู จางทําเกยี่ วกับสารเคมีอันตราย2.8 ปจ จยั อนั ตรายทางเคมี (chemical hazard) หมายถึง สารเคมที ่เี มอ่ื เขาสูรางกายโดยทางปาก จมูก หรือผิวหนัง แลวสามารถแสดงพิษหรอื เปน อันตรายตอสุขภาพได2.9 สารเคมอี ันตราย (hazardous chemical) หมายถึง สารทางเคมีท่ีอาจทําใหเกิดผลกระทบตอสุขภาพอยางใด อยา งหนึง่ หรือหลายอยางเมอ่ื สัมผสั หรอื ไดร บั เขาสูรางกาย (ดภู าคผนวก ก.) 3. หลกั การแนวทางการดาํ เนินการประเมนิ ความเสี่ยงตอ สุขภาพ 4 ข้ันตอนมดี งั ตอไปน้ี3.1 การระบุวา เปน สารเคมีอนั ตราย คือ การระบุวาไดรับสารเคมีอันตรายในส่ิงแวดลอมการทํางานท่ีอาจมีผล กระทบตอสุขภาพผูปฏิบัติงาน โดยวิเคราะหงาน กิจกรรม กระบวนการผลิตท่ีผูปฏิบัติงานจะไดรับการ สมั ผัสสารเคมอี นั ตรายโดยรวบรวมขอมลู เกย่ี วกบั สารเคมที ี่ใชทั้งหมด พ้ืนท่ีท่ใี ชสารเคมี กจิ กรรมทีเ่ กี่ยวขอ ง กระบวนการผลติ ขั้นตอนการผลิต มีดงั นี้ (1) บันทกึ รายการกจิ กรรมของผูปฏิบตั งิ านกลมุ ท่ีตองการประเมนิ ความเส่ยี งตอ สขุ ภาพ (2) ระบุพ้นื ท่ีทาํ งานสาํ หรับกิจกรรมนัน้ -2-
มอก. 2535-2555 (3) ระบุสารเคมอี นั ตรายตอสขุ ภาพในพืน้ ทีด่ งั กลาว (4) ระบคุ วามถ่แี ละลักษณะการสัมผสั ไดแ ก (4.1) ความถใี่ นการสมั ผัส เชน เดือนละ 1 ครงั้ สัปดาหละ 1 ครั้ง ทุกวัน ทุกชวั่ โมง (4.2) ระยะเวลาทสี่ มั ผัสในแตละครง้ั เชน 1 h 4 h ตลอดเวลาการทาํ งาน (4.3) ลักษณะการสัมผัสสารเคมอี ันตราย เชน ทางการหายใจ ทางผิวหนงั และทางปาก (5) จัดทาํ รายการสารเคมอี นั ตรายที่ตอ งประเมินการสมั ผสั เพ่ือวางแผนการตรวจวัดการสมั ผสั ตอ ไป (6) การสัมภาษณผูปฏิบัติงาน รายละเอียดของงานตามหนาท่ีรับผิดชอบของแตละตําแหนงงาน (job description) การวิเคราะหกิจกรรมของแตละตําแหนงงาน (job task analysis) ขอมูลจากการ เดินตรวจสอบดานสุขศาสตรอุตสาหกรรมในครั้งท่ีผาน ๆ มา ฯลฯ เพื่อใหไดขอมูลประกอบการ วเิ คราะหง านหรือกิจกรรมของผปู ฏบิ ัติงานอยางครบถวน ผลลัพธใ นขนั้ ตอนนี้ คือ รายช่อื พน้ื ที่ทมี่ ีกิจกรรมหรืองานเกีย่ วกบั ปจจัยเสีย่ งสารเคมอี นั ตรายทีเ่ ก่ยี วขอ งและ กลุมผูปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกลาว จากนั้นสํารวจพื้นท่ีหรือบริเวณที่มีการใชสารเคมีอันตรายเหลาน้ัน เพือ่ กําหนดหนว ยผลติ ที่จะประเมินความเสยี่ งตอสุขภาพผูปฏิบัติงาน โดยทั่วไปงานหรือกิจกรรมท่ีเขาขาย ตองประเมินไดแ ก (1) งานท่ีมีแนวโนมของการสัมผสั สูงเกนิ กวาคา OEL-TWA (2) งานท่ีมีความรุนแรงถึงข้ันกอใหเกิดอุบัติเหตุหรือมีการรองเรียน หรือรองทุกขจากผูปฏิบัติงานใน บริเวณดงั กลาว (3) งานหรือกจิ กรรมใหมซง่ึ ไมเคยมีการประเมนิ ความเสย่ี งตอสุขภาพมากอน (4) งานท่ีเปนขอกําหนดตามกฎหมาย3.2 การศึกษาผลกระทบตอสุขภาพหรือความสัมพันธระหวางปริมาณสารเคมีอันตรายท่ีไดรับและการ ตอบสนองของรา งกาย โดยการทบทวนวรรณกรรม (literature review) และสืบคนขอมูลทางระบาดวิทยา และ/หรือพิษวิทยาของสารซึ่งเปนสารเคมีอันตราย เชน บทความทางวิชาการ รายงานการเจ็บปวยของ ผูปฏิบัติงานที่สัมผัสสารเคมีอันตรายท่ีศึกษาผลกระทบตอสุขภาพของสารเคมีอันตรายปริมาณสารเคมี อันตรายทไ่ี ดรบั การตอบสนองของรา งกาย และคา OEL (ดูภาคผนวก ข.)3.3 การประเมินการสัมผสั สาํ หรบั สารเคมีอนั ตรายท่อี าจสงผลกระทบตอสุขภาพใหประเมินการสัมผัส โดยมี ขน้ั ตอน ดังนี้ -3-
มอก. 2535-2555 3.3.1 จําแนก SEG ในสถานประกอบการหน่งึ อาจมีผปู ฏบิ ัตงิ านจํานวนมากและมีหลายขั้นตอนในแตละกระบวนการผลิต และอาจมีสารเคมีอันตรายหลายชนิดเกี่ยวของ ทําใหการสัมผัสสารเคมีอันตรายของผูปฏิบัติงาน แตกตางกัน ผูปฏิบัติงานท่ีอยูใน SEG เดียวกันยอมมีการสัมผัสเหมือนกัน กลาวคือ สัมผัสสารเคมี อันตรายชนิดเดยี วกันทีร่ ะดบั การสัมผสั เดยี วกัน โดยทวั่ ไปการจาํ แนก SEG ทําได 2 วธิ ี ดงั น้ี 3.3.1.1 วิธีท่ีหนงึ่ คือ การวิเคราะหข อ มูลท่รี วบรวมไดจากขอ 3.1 อาจจําแนก SEG ไดหลายแนวทาง และ ในสถานประกอบการหน่งึ อาจตองใชมากกวา หนง่ึ แนวทาง ไดแก (1) พิจารณาจากกระบวนการผลิตและสารเคมีอันตรายในสิ่งแวดลอมการทํางานใน สถานประกอบการท่ีแบง กระบวนการผลิตออกเปนแผนกชัดเจน และผูปฏิบัติงานในแผนก มกี ารสมั ผัสที่เหมอื นกนั ดว ยความถ่ใี นการสัมผัสเหมือนกนั ผูปฏบิ ตั งิ านในแผนกน้ันอาจเปน SEG เดยี วกนั (2) พิจารณาหนาที่หรืองานที่ไดรับมอบหมาย ผูปฏิบัติงานที่อยูในตาํ แหนงงาน หรือทาํ หนาท่ี ตา งกนั แมจะอยใู นแผนกและสงิ่ แวดลอ มการทาํ งานเดยี วกนั อาจมีการสมั ผสั ตางกันได ดังนั้น หากผูปฏิบัติงานท่ีอยูในกระบวนการผลิตเหมือนกันและมีสารเคมีอันตรายในสิ่งแวดลอม การงานเหมือนกันแลว ใหพิจารณาหนาท่ีหรืองานท่ีไดรับมอบหมายหรือตําแหนงของ บคุ คลดว ย (3) พิจารณางานทท่ี าํ ผูปฏบิ ัตงิ านซง่ึ ทํางานในสายการผลิตเดยี วกันแตงานท่ีทําตางกันอาจอยูใน SEG ตางกัน (4) พิจารณาการเปนทีมงานเดียวกัน คนท่ีทํางานในทีมเดียวกันอาจมีการสัมผัสเหมือนกันหรือ ตางกันได จึงควรพจิ ารณางานทีท่ ําในการจําแนก SEG ดว ยเชนกัน (5) พิจารณาจากงานท่ีทําไมซ้ํากัน ในบางสถานประกอบการการสัมผัสสารเคมีอันตราย อาจ เปล่ียนแปลงอยูเสมอ เชน สถานประกอบการที่รับจางผลิตสินคาชนิดหรือประเภทใด ประเภทหน่งึ ซ่ึงตอ งผลติ ตามสตู รหรอื วิธที ี่ลูกคา กําหนด งานท่ีผูปฏิบัติงานไดรับมอบหมาย เปนคร้งั คราวและแตละครั้งแตกตางกนั ในลักษณะเชนนี้ตองพิจารณาวัตถุประสงคของการ จดั SEG เปน สําคัญ เชน เพ่ือดูการปฏิบัติตามกฎหมาย ควรพิจารณาจากกรณีท่ีเลวรายท่ีสุด แตถ า มีวตั ถุประสงคเ พอ่ื การเฝา ระวงั อาจตองพิจารณาในแตละชว งการผลติ สนิ คาแตละชนดิ -4-
มอก. 2535-2555 3.3.1.2 วิธีท่ีสอง คือ การจาํ แนก SEG โดยการเกบ็ ตัวอยางอากาศเพื่อประเมินการสัมผัสสารเคมีอันตราย เปนวิธที ีเ่ ปนรูปธรรมกวา แตส ้นิ เปลืองมากกวา เน่ืองจากตองเก็บตัวอยางอากาศจํานวนคอนขาง มาก และตองวิเคราะหขอมูลการสัมผัสทางสถิติเพ่ือยืนยันวาผูปฏิบัติงานเหลาน้ันอยูใน SEG เดียวกัน หาก 95% ของคนในกลุมมีการสัมผัสสารเคมีอันตรายเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทํางาน แตกตางกันไมเ กินสองเทาของคาเฉลี่ย ถือวาคนในกลุมอยูใน SEG เดียวกัน ท้ังน้ี ตองพิจารณา คา เฉลย่ี การสัมผัสสารเคมีอันตรายของกลมุ ดว ย ถา คาเฉล่ียการสัมผัสสารเคมีอันตรายของกลุมสูง เชน 0.5 เทา ถึง 1 เทาของ OEL แสดงวาผูปฏิบัติงานของกลุมบางคนอาจสัมผัสสารเคมีอันตราย เกนิ คา OEL ได จึงควรจาํ แนกกลมุ ใหมเ พอ่ื ลดชวงทแี่ ตกตางนี้ลงเพื่อความเหมาะสมในการจัดการ ผูท่ีสัมผัสสารเคมีอันตรายในชวง 0.5 เทา ถึง 1 เทาของ OEL หรือสูงกวาไมควรอยูใน SEG เดยี วกับกลมุ ท่ีสมั ผสั ตํา่ กวา เนอ่ื งจากทั้งสองกลุมนี้ควรมมี าตรการควบคุมการสมั ผัสทแ่ี ตกตา งกนั 3.3.2 การประเมินการสัมผัสสารเคมีอันตราย เพ่ือประเมินระดับการสัมผัสเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทํางาน และ/หรอื การสัมผัสในระยะส้ัน ๆ ของผปู ฏิบตั งิ านแตล ะ SEG ซง่ึ ดไู ดจากมาตรฐานตอ ไปนี้ (1) มอก. 2536-2555 (2) มาตรฐานผลติ ภัณฑอตุ สาหกรรมการเกบ็ และวเิ คราะหอ นภุ าคแขวนลอยในอากาศในสิ่งแวดลอม การทาํ งาน ตามประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม (ในกรณีทยี่ งั มไิ ดม ีการประกาศกําหนดมาตรฐาน ดังกลา ว ใหเปน ไปตาม NIOSH manual of analytical method : method number 0500 และ method number 0600) (3) มาตรฐานผลิตภัณฑอุตสาหกรรมการเก็บและวิเคราะหไอระเหยในส่ิงแวดลอมการทํางาน ตาม ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม (ในกรณที ่ียังมิไดมีการประกาศกําหนดมาตรฐานดังกลาวใหเปน ไปตาม NIOSH manual of analytical method : method number 1501)3.4 การระบลุ ักษณะเฉพาะความเสยี่ ง มี 3 ขัน้ ตอน ดังนี้ 3.4.1 การจัดระดับความรนุ แรงของสารเคมีอนั ตรายทีม่ ีผลกระทบตอสุขภาพ ตามทกี่ ําหนดในตารางที่ 1 -5-
มอก. 2535-2555 ตารางที่ 1 ระดบั ความรุนแรงของสารเคมอี ันตรายทีม่ ผี ลกระทบตอ สุขภาพ (ขอ 3.4.1)ระดับ ความรนุ แรง ผลกระทบตอสุขภาพ1 ไมม ี การสมั ผัสทีร่ ะดับดงั กลา วไมมผี ลกระทบตอสขุ ภาพ(1)2 นอย มีผลกระทบตอ สุขภาพเล็กนอ ย ไมจ ําเปนตองรกั ษา ไมมกี ารปวย จนตองลางาน ไมมผี ลตอการปฏิบัติงานหรือเปน สาเหตขุ องการ ทุพพลภาพ หายไดโ ดยไมจ าํ เปนตอ งรกั ษาทางการแพทย3 ปานกลาง มผี ลกระทบตอสุขภาพรนุ แรงที่หายได แตต อ งไดร บั การรกั ษา มกั ขาดงานหรอื ลาปวย หรือมีผลกระทบสะสมจากการสัมผสั ใน ลกั ษณะซ้าํ ๆ หรอื เปนระยะเวลานาน โดยไมมอี ันตรายถงึ ชีวติ4 รุนแรง มผี ลกระทบตอสุขภาพอยา งถาวร บาดเจบ็ อยา งรุนแรง ไมส ามารถ รักษาใหหายได ตองปรับตัวเพือ่ ใหด าํ เนินชวี ิตอยูก ับความเจ็บปว ย หรือผลกระทบนน้ั5 รนุ แรงมาก เสียชวี ติ หรือพิการ หรอื ปว ยโดยชวยเหลือตนเองไมไดหมายเหตุ (1) ปจ จุบนั ยังไมม ีขอ มลู ระบวุ ามีผลกระทบตอสุขภาพ3.4.2 การจัดระดับการสัมผัส ท่ีแสดงในตารางท่ี 4 นั้น พิจารณาจากความถ่ีในการสัมผัสสารเคมีอันตราย ดังกลาว ซ่ึงเกณฑก ารจัดระดับความถ่กี ารไดรับสมั ผัสใหเ ปนไปตามตารางที่ 3 กบั คา เฉลี่ยความเขมขน สารเคมีอันตรายที่ผูปฏิบัติงานสัมผัสตามเกณฑการจัดระดับความเขมขนสารเคมีอันตรายเฉลี่ย ตลอดเวลาการทํางานดังแสดงในตารางที่ 2 ซ่ึงประมาณจากการเก็บตัวอยางอากาศตามมาตรฐาน ตอ ไปนี้ (1) มาตรฐานผลติ ภัณฑอ ุตสาหกรรมการเก็บและวิเคราะหอ นภุ าคแขวนลอยในอากาศในส่ิงแวดลอม การทํางาน ตามประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม (ในกรณีทยี่ งั มไิ ดมกี ารประกาศกําหนดมาตรฐาน ดงั กลาว ใหเ ปน ไปตาม NIOSH manual of analytical method : method number 0500 และ method number 0600) (2) มาตรฐานผลิตภัณฑอุตสาหกรรมการเก็บและวิเคราะหไอระเหยในส่ิงแวดลอมการทํางานตาม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม (ในกรณีท่ียังมิไดมีการประกาศกําหนดมาตรฐานดังกลาว ใหเ ปน ไป NIOSH manual of analytical method : method number 1501) (3) มอก. 2536-2555 -6-
มอก. 2535-2555ตารางที่ 2 ระดบั ความเขม ขน สารเคมีอนั ตรายเฉลย่ี ตลอดเวลาการทาํ งาน (ขอ 3.4.2)ระดับความเขมขน คาเฉลย่ี ความเขม ขน สารเคมอี นั ตรายทผ่ี ปู ฏิบตั ิงานสัมผสั (2)1 ตาํ่ กวา 10% ของ OEL-TWA2 ตาํ่ กวา 50% ของ OEL-TWA3 ตาํ่ กวา 75% ของ OEL-TWA4 เทา กบั 75% ถงึ 100% ของ OEL-TWA5 สูงกวา 100% ของ OEL-TWAหมายเหตุ (2) พจิ ารณาการสัมผสั สารเคมีอนั ตรายทางการหายใจโดยไมคาํ นึงถงึ การสวมอปุ กรณปกปอ งทางเดินหายใจ ตารางที่ 3 ระดบั ความถี่การไดรบั สมั ผสั (ขอ 3.4.2)ระดับ ความถ่ี ความถ่กี ารไดร บั สัมผัส1 นาน ๆ ครง้ั สัมผสั ปล ะ 1 ครงั้ (once per year)2 ไมบอย สัมผัสปล ะ 2 ครงั้ ถึงปละ 3 คร้งั (a few times a year)3 คอ นขา งบอย สัมผสั เดือนละ 2 ครงั้ ถึงเดอื นละ 3 คร้ัง (a few times per month)4 บอ ย สัมผสั 2 h ถงึ 4 h ตอ เน่อื งกันใน 1 กะ (continuous for between 2 and 4 hours per shift)5 ประจํา สัมผัสตอ เน่ืองตลอดท้งั กะ (continuous for 8 hours shift)หมายเหตุ กะ หมายถึง เวลาทํางานปกติ 8 h ในสถานท่ที าํ งานที่มีการสมั ผสั สารเคมีอนั ตราย -7-
มอก. 2535-2555 ตารางท่ี 4 ระดบั การสัมผสั การสัมผัส ระดบั (ขอ 3.4.2) ผลระดบั ระดับความเขมขนความถี่ 1 2 3 4 5 คะแนน1 1 2 3 4 5 1 ถึง 5 ไมไ ดร ับสมั ผัส (1)2 2 4 6 8 10 6 ถงึ 8 นอย (2)3 3 6 9 12 15 9 ถงึ 15 ปานกลาง (3)4 4 8 12 16 20 16 ถึง 20 สงู (4)5 5 10 15 20 25 21 ถงึ 25 สูงมาก (5)ตัวอยา งท่ี 1 การจัดระดับการสัมผัสของพนักงานซอมบํารุงท่ีตองซอมบํารุงเครื่องจักรทุก 6 เดือน แตล ะครง้ั สัมผัสสารโทลอู นี เฉลี่ยตลอดกะการทาํ งานเทากับ 100 µl/l โดยคา PEL = 20 µl/l พิจารณาระดับความเขมขนจากตารางที่ 2 ไดระดับ 3 (ต่ํากวา 75% ของ OEL-TWA) และ พิจารณาความถ่ีการไดร ับสมั ผสั จากตารางท่ี 3 ไดระดับ 2 (ไมบอย) และเมื่อนํามาเทียบคา ในตารางที่ 4 ไดคะแนน 6 หมายถึง ระดบั การสัมผสั “นอ ย” (2)3.4.3 การจัดระดับความเส่ียง เมื่อระบุระดับการสัมผัส ตามตารางท่ี 4 และทราบระดับความรุนแรง ตาม ตารางท่ี 1 แลวใหพิจารณาจัดระดบั ความเสย่ี งตามตารางท่ี 5ระดับความ ตารางท่ี 5 ระดับความเส่ียง ระดับความเสี่ยง รุนแรง (1) (ขอ 3.4.3) ระดับการสัมผสั (2) (3) (4) (5) คะแนน ผล ระดับ1 1 2 3 4 5 1 ถึง 3 ยอมรบั ได 02 2 4 6 8 10 4 ถงึ 9 ตํ่า 13 3 6 9 12 15 10 ถึง 16 ปานกลาง 24 4 8 12 16 20 17 ถงึ 20 สงู 35 5 10 15 20 25 21 ถงึ 25 สูงมาก 4 -8-
มอก. 2535-2555 ตัวอยางที่ 2 การจัดระดับความเส่ียง เม่ือศึกษาผลกระทบของโทลูอีน (ดูภาคผนวก ข.) พบวาทําใหมี อาการมนึ เมา สะลมึ สะลอื อยางรุนแรง เหน่อื ยลา ความคิดสับสน วิงเวียน ปวดศีรษะ คล่ืนไส ระคายเคืองตาและทางเดินหายใจ เมื่อหยุดการสัมผัสสารเคมีอันตรายอาการเหลาน้ีจะ หายไป เม่ือเทียบระดับความรุนแรงของสารเคมีอันตรายท่ีมีผลกระทบตอสุขภาพ ในตารางท่ี 1 อยูในระดับ 2 และจากตัวอยางการจัดระดับการสัมผัสขางตน (2) ไดระดับ คะแนนความเสยี่ ง 4 ซึ่งหมายถงึ ระดับความเสย่ี งตาํ่3.5 การจดั การความเสย่ี ง ผลการจัดระดับความเส่ียงนํามาสูการจัดการความเส่ียง ซ่ึงมีแนวทางในการพิจารณาดําเนินการตาม ตารางท่ี 6 และตัวอยา งมาตรการควบคุมความเสย่ี งในภาคผนวก ค. ตารางท่ี 6 มาตรการควบคมุ ความเสีย่ ง (ขอ 3.5)ระดับความเสยี่ ง คาคะแนน มาตรการควบคมุ ความเสย่ี งยอมรบั ได 1 ถงึ 3 มีการเฝา ระวังตาํ่ 4 ถึง 9 อาจมมี าตรการควบคมุ ความเสี่ยง และ/หรอื มกี ารเฝาระวงั ไมต อ งปานกลาง 10 ถึง 16 จัดการเพ่มิ เตมิ ใหประเมนิ ซํ้าเปนระยะๆสูง 17 ถึง 20 ตอ งมมี าตรการควบคุมเร็วท่สี ดุ เทา ที่จะทาํ ไดสงู มาก 21 ถึง 25 ตองดําเนินการควบคุมทันที เชน การใชอุปกรณปองกันอันตราย สวนบุคคล พรอมทั้งจัดทําแผนเพ่ือดําเนินการควบคุมแบบถาวร หรือโดยมาตรการทางวิศวกรรม ใหห ยดุ ดาํ เนนิ การทนั ที -9-
มอก. 2535-2555 ภาคผนวก ก. ผลกระทบตอสขุ ภาพจากสารเคมอี ันตราย (ขอ 2.2) อนั ตรายตอสขุ ภาพของสารเคมีอันตรายในส่ิงแวดลอมการทํางานเกิดจากการไดรับสารเคมีอันตรายเขาสู รางกายโดยการหายใจเอาสารเคมีอันตรายซ่ึงแขวนลอยในอากาศเขาไป หรือโดยการสัมผัสและซึมผาน ผวิ หนังเขา สรู า งกาย ในขณะทีก่ ารเขา สูรา งกายทางปากน้ันในปจจุบันมีโอกาสนอยลง เน่ืองจากนายจางมี ความรูและความรับผิดชอบมากข้ึนและผูปฏิบัติงานมีสุขวิทยาสวนบุคคลดีขึ้น ฉะน้ันหากปราศจาก มาตรการควบคุมใด ๆ แลว ความเส่ียงตอสุขภาพข้ึนกับความเขมขนของสารเคมีอันตรายในอากาศ ในส่ิงแวดลอมการทํางาน และระยะเวลาในการสัมผัสสารเคมีอันตรายน้ันเปนสําคัญ โดยไมคํานึงวา สารเคมีอันตรายใด ๆ เปนอนุภาคกาซ หรือไอระเหยอาจทําใหเกิดผลกระทบตอสุขภาพแบบเรื้อรังหรือ แบบเฉียบพลนั หรือทงั้ สองแบบ ท้งั น้ี ผลกระทบที่อยางใดอยา งหนง่ึ หรอื มากกวา หนึง่ อยา ง ดงั ตอไปนี้ก.1 ระคายเคือง (irritation) การระคายเคืองเกิดจากการอักเสบของเน้ือเย่ือที่สัมผัสกับสารเคมีอันตรายโดย โครงสรา งของเนื้อเยือ่ ไมถ กู ทําลาย เนอื้ เยอื่ ท่ีมกั เกดิ การระคาย คือ ผวิ หนัง และเยอ่ื บเุ มือกตา ง ๆก.2 ขาดออกซิเจน (asphyxiation) การขาดออกซเิ จนเกดิ จากการทีเ่ ซลลไ มไ ดร บั ออกซิเจนซึง่ เปนกา ซท่จี าํ เปนใน การสรา งพลังงาน สารเคมอี นั ตรายท่ที ําใหเซลลห รอื รา งกายขาดออกซเิ จน แบงออกเปน 2 ชนดิ ตามลกั ษณะ ของการขดั ขวางการนําออกซเิ จนไปสูเซลล คือ (1) สารเคมีท่ีทาํ ใหข าดออกซิเจนแบบธรรมดา (simple asphyxiant) คือ สารเคมีอันตรายท่ีไมทําปฏิกิริยา เคมีในรางกายเพ่ือขัดขวางการนําออกซิเจนไปยังเซลล เชน ไฮโดรเจน มีเทนและคารบอนไดออกไซด หากมกี า ซเหลานี้ปริมาณมากในบรรยากาศทําใหออกซิเจนในอากาศลดลงไมเพียงพอตอการหายใจ เปนเหตุใหรา งกายขาดออกซเิ จน (2) สารเคมีท่ีทําใหขาดออกซิเจนแบบเกิดปฏิกิริยาทางเคมีในรางกาย (chemical asphyxiant) สารเคมี อันตรายกลุม นจ้ี ะทาํ ปฏกิ ิรยิ าเคมกี บั สารเคมใี นรา งกาย ทาํ ใหร า งกายไมสามารถนําออกซิเจนไปใชได แมวาในอากาศทีห่ ายใจเขาไปนั้นจะมอี อกซเิ จนอยูในปรมิ าณปกติ ตัวอยางสารเคมีอันตรายในกลุมนี้ ไดแก คารบอนมอนออกไซด ซ่งึ จับกบั ฮีโมโกลบนิ ไดด กี วา ออกซเิ จนถงึ 300 เทา ไฮโดรเจนไซยาไนด ซึ่งยับย้งั การแลกเปลย่ี นออกซเิ จนที่ระดบั เซลลโ ดยการจบั กับเอน็ ไซมควบคุมการเกิดออกซิเดชันของ เซลลและไฮโดรเจนซัลไฟดมีกระบวนการยับย้ังการรับออกซิเจนของเซลล เชนเดียวกับไฮโดรเจน ไซยาไนด -10-
มอก. 2535-2555ก.3 มนึ เมา (narcotics) และหมดสติ (anesthetics) สารเคมีอันตรายท่ีทําใหเกิดการมึนเมาและหมดสติ สารเคมี อันตรายท่ีมีฤทธ์ิดังกลาวทําปฏิกิริยากับรางกายโดยกดระบบประสาทสวนกลาง ทําใหมีอาการปวดศีรษะ วงิ เวียน คล่ืนไส หมดสติ และเสียชีวิตไดหากไดรบั สารเคมอี นั ตรายเขา สูร างกายในปริมาณมากในเวลาสั้น ๆ ตัวอยางของสารเคมีอันตรายเหลานี้ ไดแก อะเซทิลีน เอทิลีน คลอโรฟอรม อีเธอร สารเคมีกลุมอลิเฟติก คโี ทน และสารเคมีกลมุ อลเิ ฟตกิ แอลกอฮอลก.4 พังผืดที่ปอด (fibrosis) อนุภาคบางชนิดมคี ุณสมบัติที่ทําใหเกิดพังผืดท่ีเน้ือปอดได เชน ฝุนทรายหรือซิลิกา เสนใยแอสเบสทอส ฝุน ถานหิน อนุภาคเหลาน้ีไมละลายหรือใชเวลานานในการละลายหรือถูกขจัดออก จากปอด และทําใหป อดระคายเคือง รางกายจึงสรางเน้ือเย่ือมาหุมไว ทําใหเนื้อปอดหนาขึ้นและกลายเปน พังผืด ขาดความยืดหยุน ปอดขยายและหดตัวเพื่อรับและขับอากาศออกไดนอย การแลกเปล่ียนกาซ ออกซเิ จนจงึ ลดลงก.5 มะเร็ง (cancer) สารเคมีอันตรายในอุตสาหกรรมท่ีไดรับการยืนยันวาเปนสารกอมะเร็ง (carcinogen) เชน ไวนิลคลอไรดทําใหเกิดมะเร็งสมอง และแอสเบสทอสทําใหเกิดมะเร็งปอด มะเร็งเย่ือหุมปอดและเยื่อบุ ชอ งทอ ง เบนซีนทําใหเ กดิ มะเร็งเม็ดเลอื ดก.6 ผลกระทบตอ ระบบตาง ๆ (systemic effect) เชน ผลกระทบตอระบบประสาท ระบบสรางเม็ดเลือด สารเคมี อันตรายในอุตสาหกรรมทีเ่ ปน อนั ตรายตอ ระบบประสาท ไดแก คารบ อนไดซัลไฟด เมทิลแอลกอฮอล และ สารกําจดั แมลงกลมุ ออรก าโนฟอสเฟต ขณะท่ีตะกว่ั เบนซีน และฟน อล เปนอันตรายตอระบบสรางเม็ดเลอื ด สารเคมีอันตรายบางชนิดทําอันตรายระบบตาง ๆ ทั่วรางกายไดมากกวาหนึ่งระบบ เชน ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และแมงกานีสก.7 ความผิดปกติในทารกหรือวิรูป (teratogenic effect) เกิดจากสารเคมีอันตรายท่ีทําใหการเจริญเติบโตของ เซลลเน้ือเย่อื และการพฒั นาอวยั วะของตวั ออนผดิ ปกติ ผลทีเ่ กิดขึน้ ทําใหการเจริญเติบโตของอวัยวะที่กําลัง พัฒนาหยุดชะงักระยะเวลาท่ีวิกฤติ คือ 8 สัปดาหแรกของการตั้งครรภถึง 10 สัปดาหแรกของการต้ังครรภ นน่ั คือ หากมารดาไดร บั สารเคมีอันตรายในกลุมนี้ในชว งวิกฤตทิ ารกในครรภม ีโอกาสผดิ ปกติทางรา งกายสงู ตัวอยา งของสารเคมอี ันตรายเหลานี้ เชน เอทลิ ีนไดโบรไมด สารในกลุมพีซีบี (poly chlorinated biphenyls; PCB’s) และทาลโิ ดไมดก.8 การผา เหลา (mutagenic effect) สารเคมีอันตรายทีท่ ําใหเ กดิ การเปลี่ยนแปลงในโครโมโซมในนิวเคลียสของ เซลลและโครโมโซมที่ผิดปกติน้ีถูกถายทอดไปยังรุนลูก รุนหลานและแสดงความผิดปกติใหเห็นดวย ระยะเวลาที่ยาวนานกวา ผลกระทบหรือความผิดปกติจะปรากฏทําใหการศึกษาติดตามยากลําบาก อยางไร ก็ตาม สารเคมอี ันตรายท่ีทําใหเกิดผลกระทบนซ้ี ึ่งเปนท่รี จู กั ดี คือ สารกัมมันตรังสี ลักษณะการเกิดอันตราย หรือผลกระทบตอสุขภาพอาจจําแนกเปนผลกระทบเฉียบพลัน (acute effect) หมายถึง อาการแสดงปรากฏ ภายใน 24 h หลังจากการสมั ผสั หรือรับสารเคมีอันตรายเขาสูรางกายมักเกิดจากการไดรับสารเคมีอันตราย -11-
มอก. 2535-2555 ปริมาณมากเขาสูรางกายในคร้ังเดียว (acute dose) เชน กรณีเกิดอุบัติเหตุสารเคมีอันตรายหกร่ัวไหล และ ผลกระทบเรื้อรัง (chronic effect) มักใชเวลานานเปนเดือนหรือหลาย ๆ ปจึงมีอาการแสดงปรากฏ ซ่ึง โดยทั่วไปเกดิ จากไดร บั สารเคมอี นั ตรายเขาสูร า งกายวนั ละเลก็ ละนอย (chronic dose) -12-
มอก. 2535-2555 ภาคผนวก ข. ตัวอยา งปรมิ าณสารเคมอี ันตรายที่ไดร บั การตอบสนองของรา งกาย และคา OEL (ขอ 3.2 และ ขอ 3.4.3) ผลกระทบตอ สขุ ภาพ คา OEL PEL TLV TLV-สารเคมีอนั ตราย เฉยี บพลนั เร้ือรัง STELเบนซนี มีอาการมึนเมา สะลมึ สะลือ เปนพิษตอไขกระดูกทําให 5.0 µl/l 5.0 µl/l 2.5 µl/l การสรางเม็ดเลือดผิดปกติ ท่ีความเขมขน 200 µl/l โรคโลหติ จางและเสยี ชวี ติโทลอู ีน มอี าการมนึ เมา สะลึมสะลอื คลา ยกับผลกระทบ 20 µl/l 20 µl/l - อยา งรุนแรง เหนือ่ ยลา เฉยี บพลัน แตรนุ แรง ความคดิ สับสน วิงเวยี น นอ ยกวาทค่ี วามเขม ขน ปวดศีรษะ คล่นื ไส ท่ีความ นอยกวา 200 µl/l ระคาย เขมขนมากกวา 400 µl/l เคอื งตาและทางเดินหายใจไซลนี มีอาการมึนเมาสะลึมสะลอื ปวดศีรษะ เหน่ือยลา 100 µl/l 100 µl/l 150 µl/l อยางรนุ แรง ท่คี วามเขม ขน คลน่ื ไส หงดุ หงดิ เบ่ืออาหาร มากกวา 200 µl/l ระคายเคืองตา จมกู และคอเมอรแ คปเทน เยอื่ บตุ าอักเสบอยา งรนุ แรง ปวดศรี ษะ วงิ เวียน ระคาย 10 µl/l 0.5 µl/l - กดระบบประสาทสวนกลาง เคืองตาและเยอ่ื บเุ มอื กตา ง ๆ (PEL-C) ปอดบวม ทาํ อนั ตรายตอ ระบบทางเดนิ หายใจเปน เหตุ เสยี ชีวิตเนอ่ื งจากระบบ ทางเดนิ หายใจเปน อัมพาตเคอรโ รซนี ปวดศรี ษะ เหนอ่ื ยลา เสียงดัง อาการเหมือนเฉยี บพลัน - คิดเปน - ในหู ระคายเคืองตาและ แตรุนแรงนอยกวา เยอื่ บตุ า ไฮโดร ทางเดนิ หายใจ หมดสติ และหลอดลมอกั เสบ คารบอน ระคายเคืองเย่อื บุเมือกตาง ๆ ทั้งหมด 200 mg/m3อะโรมาติก มีอาการมนึ เมาสะลมึ สะลือ ปวดศรี ษะ วิงเวียน ---ไฮโดรคารบ อน อยางรนุ แรงและระคายเคอื ง เหนื่อยลา คล่ืนไส ตา จมูก คอและทางเดนิ ระคายเคืองตา จมกู คอ หายใจ และทางเดินหายใจ -13-
มอก. 2535-2555ความเส่ียง ภาคผนวก ค. ความเสยี่ งสูงมากยอมรบั ได ตัวอยางมาตรการควบคุมความเสีย่ ง (ขอ 3.5) ความเสยี่ งตํ่า ความเส่ยี งปานกลาง ความเสี่ยงสูงไมตองมี การกาํ จดั แหลงกําเนดิมาตรการ อนั ตรายควบคมุ หาสิ่งทดแทนหรือทางเลือก อ่ืน ที่ไมกอใหเกิดอันตราย หรืออันตรายนอ ยกวา การควบคุมโดยใชอุปกรณปองกันอันตราย สวนบุคคลและมีแผนการควบคุมที่ถาวร เชน การควบคมุ ทางวศิ วกรรม การควบคุมโดยใชระเบียบวิธีการปฏิบัติงาน ใหความรู และจัดหา มาตรการควบคมุ ทางวศิ วกรรมเม่อื ทําได การควบคุมปองกันเพ่ือไมใหสัมผัสสารเคมีอันตรายโดยใชอุปกรณ ปอ งกนั อนั ตรายสว นบุคคล (วธิ ีนี้มิไดลดอันตรายเพียงแตปองกันมิให ผปู ฏิบัตงิ านสัมผสั สารเคมีอนั ตราย) เฝา ระวัง ทําการตรวจวัดปริมาณการสัมผัสโดยใชเครื่องมือทางดานสุขศาสตรอุตสาหกรรม ทุกระดบั ตองมีการตรวจวดั ดานส่งิ แวดลอ ม แตความถี่ข้ึนกับระดบั ความเสี่ยง จดั อบรมใหค วามรูพ ้นื ฐาน -------------------------- -14-
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: