Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ติวเข้มวิชาวิทยาศาสตร์ (ชีววิทยา) จังหวัดแพร่

ติวเข้มวิชาวิทยาศาสตร์ (ชีววิทยา) จังหวัดแพร่

Published by etvthai1, 2019-01-30 03:36:46

Description: cover-bio

Search

Read the Text Version

วิชาวทิ ยาศาสตร (ชวี วิทยา) อาจารยอำพล ขวญั พกั (ครกู าแฟ)

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 1 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 55 ข้อ เวลา 120 นาที รูปแบบขอ้ สอบ  ปรนัย 5 ตัวเลอื ก 1 คาตอบ  เลอื กตอบเชงิ ซอ้ น สาระการเรียนรู้ 1. ส่ิงมชี วี ติ กบั กระบวนการดารงชวี ิต 13 ขอ้ 23.2 คะแนน 2. ชวี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม 4 ข้อ 8.8 คะแนน 3. สารและสมบัตขิ องสาร 12 ข้อ 21.6 คะแนน 4. แรงและการเคลอ่ื นท่ี 9 ขอ้ 16.8 คะแนน 5. พลังงาน 10 ขอ้ 16 คะแนน 6. กระบวนการเปล่ยี นแปลงของโลก 4 ขอ้ 8.8 คะแนน 7. ดาราศาสตร์และอวกาศ 3 ขอ้ 4.8 คะแนน BIOLOGY FOCUS FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 2 ตอนท่ี 1 แบบปรนยั 5 ตัวเลอื ก เลอื ก 1 คาตอบทถี่ ูกทสี่ ุด 1.เซลลข์ องสิง่ มีชวี ิตชนิดหนึ่งมีกลไกการลาเลียงสารเข้าสู่เซลล์ 4 รูปแบบ ได้แก่ A B C และ D โดยสภาวะเริ่มตน้ ของการลาเลยี งสาร แสดงดงั ภาพ กาหนดให้ คือสาร 4 ชนิด ท่ีแตกตา่ งกัน ข้อใดกลา่ วถึงรปู แบบการลาเลียงสารเขา้ สูเ่ ซลลไ์ ด้ถูกต้อง 1.รปู แบบ A เทา่ น้นั ท่ีมีความจาเพาะต่อสาร เนื่องจากสารลาเลียงจากความเข้มข้นน้อยไป มาก 2.รปู แบบ B มีอตั ราเร็วของการลาเลยี งสารมากกวา่ รูปแบบ D เนื่องจากสารแพร่ผ่านเยื่อหุ้ม เซลล์โดยตรง 3.รูปแบบ C เป็นการลาเลยี งทีส่ ารจะต้องเช่ือมเปน็ เนื้อเดยี วกันกบั เย่อื หุ้มเซลล์ 4.รปู แบบ D เปน็ การลาเลยี งของน้า เมอ่ื แชเ่ ซลลพ์ ืชทิง้ ไวใ้ นสารละลายเจือจาง 5.รูปแบบ A และ D ต้องใช้พลังงานจากเซลล์ในการลาเลียงสาร เน่ืองจากใช้โปรตีนเป็นตัว พา FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 3 2.จัดชุดการทดลองในห้องโล่งท่ีแสงส่องถึงได้ เพื่อสังเกตการเคล่ือนที่ของฟองอากาศใน หลอดแก้วท่เี ต็มไปดว้ ยนา้ ขณะเริ่มทาการทดลอง ฟองอากาศอยู่ในตาแหน่ง A ดังภาพ เมื่อ เวลาผ่านไปฟองอากาศค่อย ๆ เคล่ือนท่ีสูงขึ้น โดยพบว่าเม่ือเวลาผ่านไป 3 ช่ัวโมง ฟองอากาศจะเล่ือนท่ีไปถึงตาแหนง่ B หากต้องการให้ฟองอากาศเคลอ่ื นท่ถี ึงตาแหนง่ B เร็วขึน้ ควรปรบั ปรุงชุดการทดลองน้ี อย่างไร 1.ทดลองในหอ้ งมดื ท่ีเป็นระบบปิด 2.เปดิ โคมไฟให้แสงส่องในพืชเพ่ิมมากข้นึ 3.เด็ดใบพืชออกบางส่วนและทาขีผ้ งึ้ ตามรอยเด็ด 4.เพม่ิ ความชืน้ สัมพทั ธใ์ นอากาศของหอ้ งใหม้ ากขึ้น 5.เปลีย่ นกิ่งพชื โดยใชพ้ ชื ชนดิ เดิมท่ีมจี านวนใบเทา่ เดิมแต่มขี นาดใบเลก็ ลง FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 4 3.ข้อใดเป็นการนาความรเู้ กย่ี วกับการรักษาดลุ ยภาพนา้ ของพืชมาใช้ไม่ถูกตอ้ ง 1.การเด็ดใบของพืชใหน้ อ้ ยลงกอ่ นการเคลอื่ นย้ายตน้ พืช เพ่ือลดการเหี่ยวเฉา 2.การรดน้าเพม่ิ ขน้ึ เม่อื มกี ารใสป่ ยุ๋ เพ่ือป้องกนั การสูญเสียนา้ ของเซลล์รากพชื 3.การเพาะกง่ิ ปักชาในบริเวณที่แสงแดดจดั เพ่อื เพิม่ อัตราการสังเคราะหด์ ้วยแสง 4.การปลกู ต้นไม้ เพอื่ เพ่ิมความชมุ่ ชืน้ แก่บรรยากาศและกระต้นุ การหมนุ เวยี นของน้า 5.การเลอื กปลูกพืชอวบน้าทีม่ ใี บขนาดเล็กในพื้นทแ่ี ห้งแล้ง เพื่อเพ่มิ อัตราการรอดของพชื FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 5 4.ในทะเลทราย ซึง่ มีอากาศร้อนและแห้งแลง้ ถ้ามนุษย์ทากิจกรรมโดยไมด่ มื่ น้า ขอ้ ใดคือการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อปรบั สมดุลนา้ ทันทีที่หยดุ ทากจิ กรรม ความเข้มขน้ ของเลอื ด ตอ่ มใตส้ มอง ท่อหน่วยไต 1. ลดลง ยับยง้ั การสรา้ งฮอรโ์ มน ไม่ดูดนา้ กลบั 2. ลดลง สร้างฮอร์โมน ดูดน้ากลับ 3. สงู ขึ้น ยบั ยงั้ การสร้างฮอร์โมน ไม่ดูดนา้ กลบั 4. สูงขน้ึ ดูดนา้ กลบั 5. ไม่เปลีย่ นแปลง สรา้ งฮอรโ์ มน ดดู น้ากลับ ยบั ยง้ั การสรา้ งฮอรโ์ มน FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 6 5.การตรวจสอบโปรตีนบนผิวน้าของละอองเรณูในดอกไม้ 3 ชนิด เปน็ ดงั ตาราง ถา้ ผลการตรวจเลอื ดของผปู้ ว่ ยทเ่ี ป็นโรคภมู ิแพ้ละอองเรณู พบแอนตบิ อดี 3 แบบ คอื เป็นจานวนมาก จากข้อมูล ผู้ปว่ ยควรหลีกเล่ียงละอองเรณขู องดอกไมช้ นดิ ใด เพราะเหตใุ ด 1.ชนิดที่ 1 และ 3 เนือ่ งจากโปรตนี บนผิวจะจับกบั แอนตบิ อดีแลว้ ยับยงั้ การหล่ังสารฮิสตามนี 2.ชนดิ ที่ 1 และ 3 เนื่องจากโปรตนี บนผิวจะไม่จบั กับแอนตบิ อดแี ลว้ กระตุ้นการหลงั่ สารฮิส ตามนี 3.ชนิดท่ี 2 และ 3 เน่อื งจากโปรตนี บนผิวจะจบั กับแอนตบิ อดแี ลว้ ยบั ยงั้ การหลัง่ สารฮิสตามนี 4.ชนิดท่ี 2 และ 3 เนือ่ งจากโปรตีนบนผิวจะจับกับแอนตบิ อดีแล้วกระตนุ้ การหลั่งสารฮสิ ตามีน 5.ชนดิ ท่ี 2 และ 3 เนอ่ื งจากโปรตนี บนผิวจะไม่จบั กับแอนติบอดแี ล้วกระตุ้นการหลั่งสารฮสิ ตามนี FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 7 6.นาย ก เคยเปน็ โรคอีสกุ อใี สตอนอายุ 8 ขวบ ตอ่ มามีการระบาดของโรคอสี กุ อีใสอีกแต่ พบว่า นาย ก ไมเ่ ป็นโรคนแี้ ล้ว ขอ้ ใดกลา่ วถึงระบบภมู มุ้ กนั ในรา่ งกายของนาย ก. ต่อเชื้อโรคอสี ุกอีใสได้ถกู ต้อง 1.รา่ งกายจะเกดิ ภมู ิค้มุ กนั แบบรับมา โดยมีเชอื้ โรคอีสกุ อใี สเปน็ แอนติเจน 2.ร่างกายจะเกดิ ภมู คิ ุ้มกันแบบก่อเอง โดยมเี ช้อื โรคอีสกุ อีใสเป็นแอนตเิ จน 3.ร่างกายจะเกดิ ภูมิคมุ้ กนั แบบก่อเอง โดยมีเช้อื โรคอสี กุ อใี สเปน็ แอนตบิ อดี 4.ร่างกายจะเกิดภมู ิคุ้มกันแบบรับมา โดยมีเช้ือโรคอสี ุกอใี สเปน็ ทงั้ แอนติเจนและแอนตบิ อดี 5.รา่ งกายจะเกิดภูมคิ มุ้ กันแบบก่อเอง โดยมเี ชอ้ื โรคอีสุกอีใสเป็นทงั้ แอนตเิ จนและแอนตบิ อดี FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 8 7.กระบวนการแบง่ เซลล์ของกบ 2 รูปแบบ เป็นดังแผนภาพ FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 9 จากภาพจาลองการแบ่งเซลล์ของกบ ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง 1.ขน้ั ตอน 1A และ 2A ทาใหจ้ านวนชดุ โครโมโซมเพ่ิมขนึ้ จาก 2n เปน็ 4n 2.ขั้นตอน 1B ทาให้มีการแลกเปล่ยี นยนี ของโครโมโซมคูเ่ หมือน 3.ขน้ั ตอน 2B ทาใหเ้ กดิ การแปรผนั ทางพนั ธกุ รรม 4.ขน้ั ตอน 1C และ 2C ทาใหเ้ กิดการแปรผันทางพันธุกรรม 5.ขนั้ ตอน 1C และ 2C ทาใหจ้ านวนชุดโครโมโซมลดลงจาก 2n เป็น n FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 10 8.ชายคนหน่ึงตาบอดสี แตง่ งานกับหญงิ ตาปกติ แลว้ มีลกู ชายคนแรกตาบอดสี ขอ้ ใดกล่าวถงึ ลักษณะตาบอดสีในครอบครัวนไี้ ดถ้ ูกต้อง 1.ลูกชายทุกคนจะตาบอดสี 2.ลูกสาวทกุ คนจะมตี าปกติ แต่เป็นพาหะ 3.ลูกชายมโี อกาสตาบอดสมี ากกวา่ ลูกสาว 4.ลูกชายแต่ละคนมโี อกาสตาบอดสรี อ้ ยละ 50 5.ลูกชายและลูกสาวแตล่ ะคนมีโอกาสตาบอดสีรอ้ ยละ 25 FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 11 9.ข้อใดเปน็ การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพที่ไม่ถูกต้อง 1.การตรวจหาคนร้ายโดยใช้ลายพมิ พ์ดีเอ็นเอ 2.การระบุความแตกตา่ งระหวา่ งแฝดร่วมไข่ด้วยลายพมิ พด์ ีเอน็ เอ 3.การอนุรักษพ์ ันธุ์กล้วยไมใ้ ห้มลี ักษณะคงเดมิ ดว้ ยการเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่ือ 4.การสรา้ งกระต่ายทีเ่ หมือนกับกระตา่ ยตน้ แบบด้วยการโคลนจากเซลลต์ ับ 5.การสร้างแบคทเี รียที่ผลติ น้ามันจากยีนของสาหร่ายด้วยการใชโ้ มเลกุลดีเอ็นเอลกู ผสม FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 12 10.ขอ้ ใดไมใ่ ชผ่ ลของการคัดเลอื กทางธรรมชาติท่ีเกิดจากความแตกตา่ งของโครงสร้างร่างกาย 1.ยรี าฟมลี าคอยาว เพื่อใหส้ ามารถเล็มกินใบไมบ้ นตน้ ไม้สงู ๆ ได้ 2.กระตา่ ยแลพัสมขี นสขี าวที่กลมกลนื กบั หิมะ เพื่อช่วยพรางตัวในการหลบหลีกศตั รู 3.สุนัขจิ้งจอกทะเลทรายมีหาง หู และขายาว เพ่ือเพ่มิ พ้ืนท่ีผิวในการระบายความร้อน 4.ก้ิงก่าทะเลทรายมักออกหากินตอนกลางคืน เพือ่ หลกี เลี่ยงอากาศร้อนในตอนกลางวนั 5.นกจาบมจี ะงอยปากใหญแ่ ละแข็งแรง เพ่ือใหส้ ามารถกนิ เมลด็ พชื ขนาดใหญ่และมเี ปลือก แข็งได้ FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 13 11.กะบวนการใดทที่ าใหแ้ กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขน้ึ และลดลง ตามลาดับ 1.การคายน้า การหายใจ 2.การสังเคราะห์ดว้ ยแสง การหายใจ 3.การหายใจ การยอ่ ยสลายซากพืชและซากสัตว์ 4.การสงั เคราะหด์ ้วยแสง การย่อยสลายซากพชื และซากสตั ว์ 5.การย่อยสลายซากพชื และซากสตั ว์ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 14 12.ในระบบนิเวศทส่ี มดลุ แหง่ หน่ึง มกี ารถ่ายทอดพลังงานในรูปสายใยอาหาร ดงั แผนภาพ ข้อใดอธิบายการถา่ ยทอดพลังงานในสายใยอาหารน้ีไมถ่ ูกตอ้ ง 1.หญ้าเป็นผู้ผลิต จะมชี ีวภาพมากกวา่ สิง่ มชี ีวติ ชนิดอืน่ ในระบบนเิ วศ 2.ถา้ มีการฉดี สารเคมีกาจัดวัชพชื นกจะมีการสะสมสารเคมมี ากกว่าหอยทาก 3.ถ้ากระตา่ ยเพิ่มข้ึน จะสง่ ผลให้จานวนแมลงและหอยทากลดลงเพราะอาหารนอ้ ยลง 4.ถ้ากบและนกมจี านวนลดลง แมลงและหอยทากจะมีจานวนเพิ่มขนึ้ เพราะผ้ลู ่าลดลง 5.พลงั งานในโซอ่ าหารจะถา่ ยทอดไปที่เหย่ียวมากทส่ี ดุ เพราะเป็นผู้บริโภคขนั้ สุดท้าย FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 15 13.พ้ืนทใ่ี ดจะเกิดการเปลยี่ นแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภูมิ 1.พ้ืนท่ีป่าเสื่อมโทรม 2.พืน้ ทม่ี กี ารเผาทาลายป่า 3.พน้ื ท่ปี า่ ที่เกดิ นา้ ทว่ มอยา่ งรนุ แรง 4.พื้นที่ถูกปกคลุมดว้ ยลาวาจากภูเขาไฟ 5.พื้นท่ที าไรน่ าของชาวนาทถ่ี กู ปลอ่ ยทง้ิ ร้าง FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 16 14.ขอ้ มลู แสดงปรมิ าณแก๊สคาร์บอนมอนอกไซดแ์ ละจานวนชนิดของไลเคนทีพ่ บในบรเิ วณท่ี มีระยะหา่ งจากตัวเมืองตา่ งกัน ดังตาราง ระยะหา่ งจากตัวเมือง ปรมิ าณแกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์ จานวนชนิดของไลเคน (Km) (ppm) พ.ศ.2550 พ.ศ.2555 พ.ศ.2550 พ.ศ.2555 0 1.5 2.0 5 2 25 1.2 1.5 8 5 50 1.0 1.2 10 7 75 0.8 1.0 15 13 100 0.6 0.8 17 15 125 0.4 0.6 20 18 150 0.2 0.4 24 20 จากข้อมูล ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง 1.คุณภาพอากาศใน พ.ศ. 2555 ดีกว่า พ.ศ.2550 2.จานวนชนิดของไลเคนจะเพม่ิ ขน้ึ ตามคณุ ภาพอากาศทลี่ ดลง 3.ความหลากหลายของไลเคน แปรผกผันกับระยะห่างจากตวั เมอื ง 4.ความหลากหลายของไลเคนแปรผกผนั กับปริมาณแกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์ 5.จานวนชนิดของไลเคนในทุกระยะหา่ งจากตัวเมืองใน พ.ศ.2555 มากกว่า พ.ศ.2550 FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 17 15.ตารางแสดงจานวนแพลงก์ตอน และปรมิ าณออกซเิ จนที่ละลายในน้า ของแหลง่ นา้ 2 บริเวณ ทง้ั กอ่ นและหลงั การสร้างโรงงาน เป็นดังนี้ กอ่ นสร้างโรงงาน หลังสรา้ งโรงงาน แหล่งนา้ จานวนแพลงก์ ปรมิ าณออกซิเจน จานวนแพลงก์ ปริมาณ ตอน (หนว่ ย/mL) ที่ละลายในน้า ตอน ออกซเิ จนที่ ละลายในนา้ (mg/L) (หนว่ ย/mL) (mg/L) บรเิ วณท่ี 1 50 7 60 6.5 บรเิ วณที่ 2 55 6 400 1 จากข้อมูล หลังสร้างโรงงาน ขอ้ ความใดกลา่ วถูกต้อง 1.แหล่งน้าบรเิ วณที่ 2 มจี านวนแพลงกต์ อนมากขึ้น ทาให้น้ามีคุณภาพดขี ้นึ 2.แหล่งน้าบรเิ วณท่ี 1 มีคา่ DO สูงกว่าบรเิ วณที่ 2 บริเวณท่ี 1 จงึ มคี ุณภาพนา้ ดกี วา่ 3.แหล่งนา้ บรเิ วณท่ี 1 มีค่า BOD สงู กวา่ บริเวณท่ี 2 บรเิ วณที่ 1 จงึ มีคุณภาพน้าตา่ กว่า 4.แหลง่ น้าบรเิ วณที่ 1 แพลงก์ตอนใชอ้ อกซิเจนมากกวา่ บริเวณท่ี 2 บรเิ วณท่ี 1 จงึ มคี ่า BOD สูงกว่า 5.แหล่งนา้ บรเิ วณท่ี 1 มจี านวนแพลงก์ตอนนอ้ ยกว่าบริเวณท่ี 2 แสดงว่า บริเวณที่ 1 ไดร้ ับ ผลเสยี จากโรงงานมากกวา่ FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 18 ตอนที่ 2 แบบปรนยั เลอื กตอบเชิงซอ้ น เลือกคาตอบท่ีถูกต้องในแต่ละคาถามย่อย 16.ในวันที่อากาศร้อนและมีฝนตก นักเรียนคนหนึ่งออกวิ่งหลังจากฝนตก โดยว่ิงอย่าง ตอ่ เน่อื งเปน็ เวลา 1 ช่ัวโมง ได้ระยะทาง 10 กิโลเมตร และไม่ดม่ื นา้ ขอ้ ความตอ่ ไปนี้ อธิบายสภาวะในร่างกายของนักเรียนคนน้ีทันทีหลังจากที่วิ่งเสร็จได้ถูกต้อง ใชห่ รอื ไม่ ข้อความ ใช่ หรอื ไมใ่ ช่ 16.1 นา้ ในร่างกายมมี ากขน้ึ เนื่องจากเมแทบอลิซมึ ทส่ี ูงขึ้น ใช่ / ไม่ใช่ 16.2 ไตกาจัดนา้ มากกวา่ ปกติ เนอ่ื งจากมีของเสียปริมาณมากจาก ใช่ / ไม่ใช่ กระบวนการเมแทบอลิซมึ 16.3 นักเรียนคนนี้มีความเสยี่ งตอ่ การเปน็ ลมแดดมากขึน้ เพราะเหง่อื ออก ใช่ / ไม่ใช่ ได้นอ้ ยลง เนอ่ื งจากในอากาศมคี วามชื้นสูง FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 19 17.มลพิษทางน้าเกิดจากของเสียหรือน้าทิ้งจากชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม หรือการทา เกษตรกรรม น้าเสียเหล่าน้ีอาจเป็นหน่ึงในสาเหตุท่ีทาให้เกิดปรากฎการณ์น้าทะเลเปล่ียนสี (แพลงกต์ อนบลมู ) เนือ่ งจากมีปรมิ าณธาตุอาหารและสารอนิ ทรยี ์สูง นอกจากนี้ในน้าเสียยังมี ขยะต่าง ๆ ปะปนมากมาย โดยเฉพาะขยะพลาสตกิ ทสี่ ุดท้ายแล้วจะไหลลงสู่ทะเล ปจั จบุ ันเริ่มมคี วามกังวลเกีย่ วกับปัญหาขยะพลาสติกในทะเล เน่ืองจากขยะพลาสติกใช้เวลา หลายร้อยปีในการย่อยสลายและสะสมเป็นแพขยะขนาดใหญ่ในมหาสมุทร ขยะพลาสติก เหล่านจี้ ะค่อย ๆ ผุพงั และย่อยสลายจนมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ไปจนถึงระดับนาโนเมตร ซึ่ง พลาสติกขนาดเลก็ เหลา่ นส้ี ามารถดดู ซบั สารปนเปอ้ื นจากน้าทะเล เช่น ยาฆ่าแมลง ดีดีที พีซี บี (PCBs) ซง่ึ สารเหลา่ นี้เปน็ พษิ ต่อสง่ิ มชี วี ิต ขอ้ ความเกยี่ วกบั ปัญหาส่งิ แวดล้อมตอ่ ไปนี้ถูกต้องใชห่ รือไม่ ใช่ หรอื ไม่ใช่ ข้อความ 17.1 อัตราการย่อยสลายเปน็ ปจั จัยหลกั ที่ทาให้ขยะท่ีสะสมในมหาสมุทร ใช่ / ไม่ใช่ สว่ นใหญ่เปน็ พลาสติก 17.2 ขยะพลาสติกเป็นปัจจัยสาคัญของปรากฎการณ์น้าทะเลเปลี่ยนสี ใช่ / ไม่ใช่ เนอ่ื งจากขยะพลาสตกิ ทีย่ อ่ ยสลายจะกลายเป็นอาหารของแพลก์ตอนทา ให้แพลงกต์ อน เพ่มิ จานวนอย่างรวดเร็ว 17.3 หากขยะพลาสตกิ ถกู ย่อยสลายจนมขี นาดเล็กมาก ๆ อาจเปน็ สาเหตุ ใช่ / ไม่ใช่ ท่ีทาใหม้ นุษย์ ได้รบั สารพษิ เข้าสรู่ ่างกายจากการกินปลาทะเล FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 20 OLD VERSION 1.ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง ก.เย่ือหมุ้ นิวเคลยี สพบในสาหรา่ ยสีเขยี ว ข.เซลลแ์ บคทเี รยี ไม่มเี ยอื่ หมุ้ เซลล์ ง.เซลล์ทกุ เซลลม์ ีเยื่อห้มุ เซลล์ ค.เซลล์ของสง่ิ มีชีวิตทกุ ชนิดมีเยอื่ หุ้มนวิ เคลียส 5) ง เท่านน้ั 1) ก เทา่ นนั้ 2) ก และ ง 3) ข และ ง 4) ข ค และ ง 2.ข้อใดกลา่ วถงึ คลอโรพลาส(chloroplast)ไม่ถกู ตอ้ ง 1)มีเย่ือหุ้มสองช้ัน 2)พบในเซลลส์ งิ่ มชี ีวิตอาณาจกั รฟงั ไจ 3)มขี องเหลวภายในเรียกว่า สโตรมา 4)สามารถจาลองตัวเองได้เน่ืองจากมี DNA 5)เปน็ ออร์แกเนลลท์ เี่ ก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 3.กาหนดใหเ้ ซลล์แมม่ ีโครโมโซมจานวน 8 แท่ง เมื่อผ่านกระบวนการแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสแลว้ จะไดเ้ ซลลล์ ูก กีเ่ ซลลแ์ ละแต่ละเซลล์มโี ครโมโซมกี่แท่ง 1. 1 เซลล์ /4 แทง่ 2. 1 เซลล์ /8 แท่ง 3. 2 เซลล์ /4 แท่ง 4. 2 เซลล์ /8 แทง่ 5. 1 หรอื 2 เซลล/์ 8 แทง่ 4.ข้อใดอธบิ ายเกีย่ วกบั เยื่อหุ้มเซลล(์ plasma membrane)ได้ถูกตอ้ ง 1)มอี งค์ประกอบหลกั คอื ฟอสเฟตและลิพดิ 2)สามารถให้สารเข้า-ออกได้ทกุ ประเภท 3)มีสารจาพวกลิพดิ แทรก ซง่ึ ทาหนา้ ที่เปน็ ตัวช่วยลาเลียงสารเข้า-ออกเซลล์ 4)ส่วนท่ชี อบนา้ (hydrophilic head) เปน็ ส่วนทไ่ี มม่ ขี ้ัว สว่ นท่ไี มช่ อบนา้ (hydrophobic tail) เปน็ ส่วนท่ีมีขั้ว 5)พบในสง่ิ มีชวี ติ อาณาพืชและสตั วเ์ ทา่ น้ัน FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 21 5. กระบวนการใดสมั พนั ธก์ ับภาพทก่ี าหนดให้ 1)การนาสารออกพิษออกจากเซลลข์ องอะมบี า 2) การหล่งั เอนไซมจ์ ากกระเพาะอาหารของมนษุ ย์ 3)การทาลายแบคทเี รียของเม็ดเลอื ดขาว 4)การดดู ซมึ น้าเขา้ สเู่ ซลล์ 5)การรกั ษาสมดลุ ของนกทะเล 6.เดก็ ชายอาพลนาชน้ิ มะม่วงทซ่ี ้ือจากโรงเรยี นมาแช่ในน้าปลาท่บี ้าน เซลล์ของมะม่วงควรเปน็ อยา่ งไร น้าปลา เมอ่ื เทยี บกบั เซลลจ์ ัดเปน็ สารละลายประเภทใด 1)เซลลเ์ ตง่ สารละลายไฮโพโทนกิ 2)เซลล์แตก สารละลายไฮเพอรโ์ ทนกิ 3)เซลลเ์ หี่ยว สารละลายไฮเพอรโ์ ทนกิ 4)เซลล์คงสภาพ สารละลายไฮโพโทนกิ 5)เซลลค์ งสภาพ สารละลายไอโซโทนิก 7.นายมดเอ็กซไ์ ปเทย่ี วภูกระดึงในหนา้ หนาว เหตกุ ารณ์ใดตอ่ ไปน้ีสมั พันธก์ บั สิ่งทจ่ี ะเกดิ ข้นึ กับเขา 1)หลอดเลอื ดฝอยขยายตัว 2)รขู มุ ขนขยายตัว 3)หวั ใจหยดุ เตน้ ชว่ั ขณะ 4)ขนลุกชนั 5)ขอ้ 1)และ ข้อ 4) ถกู ตอ้ ง FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 22 8. เด็กชายอนรุ ักษ์ออกเดนิ ทางไกลในวิชาลูกเสือ เขาไมค่ อ่ ยได้ดืม่ น้า ทาใหป้ สั สาวะน้อยกวา่ กวา่ ปกติ เหตุใด จงึ เปน็ เชน่ น้ัน 1)การหลั่ง ADH เพ่มิ ขนึ้ 2)การหล่งั ADH ซนิ ลดลง 3)การหลั่ง ADH ปกติ 4)การหลัง่ vasopressin hormone ลดลง 5)กระเพาะปสั สาวะไม่สามารถทางานไดต้ ามปกติ 9.การดื่มน้าอดั ลมซึ่งมีความเปน็ กรดเป็นปริมาณมากๆทาใหเ้ ลือดมีสภาวะเปน็ กรดจรงิ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด 1) ไม่เปน็ กรด เพราะเลอื ดมสี มบัตเิ ปน็ สารละลายบฟั เฟอร์ 2) ไมเ่ ปน็ กรด เพราะร่างกายจะไดร้ บั อนั ตรายไดห้ ากเลือดมสี ภาวะเป็นกรด 3) เปน็ กรดจริง เพราะวิตามนิ ซลี ะลายน้าได้ 4.)เปน็ กรดจรงิ เพราะน้าสม้ มรี สเปร้ยี วและมปี ริมาณกรดสูง 5) อาจจะเปน็ กรดหรือไมก่ ็ไดข้ น้ึ อย่กู ับสภาพร่างกายของแตล่ ะบุคคล 10.การทร่ี า่ งกายมปี รมิ าณ CO2 สงู อาจสง่ ผลให้เลอื ดเปน็ กรด ซ่งึ อาจกอ่ ใหร้ า่ งกายทางานผดิ ปกติ สมองสว่ น ใดตอ่ ไปน้ีทาหนา้ ทเี่ กยี่ วขอ้ กับการควบคมุ ปรมิ าณ CO2 1) Cerebellum 2) Cerebrum 3) Medulla Oblongata 4) pons 5)ขอ้ 1 และ ข้อ 2 11.สัตวใ์ นขอ้ ใดต่อไปนที้ ่อี ณุ หภูมริ ่างกายเปลีย่ นแปลงตามสงิ่ แวดลอ้ ม 1)ชา้ ง 2)อฐู 3)มา้ นา้ 4)ไฮยนี า 5)จิงโจ้ 12.อวัยวะชนดิ ใดท่ีไม่ไดจ้ ัดว่าเปน็ อวยั วะน้าเหลือง 1)ต่อมไทมสั 2)มา้ ม 3)ต่อมทอนซิล 4)ตบั 5)ข้อ 1)และ ข้อ 4) ถูกต้อง FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair

Bio ONET FOR M.6 ครูกาแฟ 23 13. การให้ทารกดม่ื นมมารดา ทารกได้รบั ภมู ิคมุ้ กันชนิด 1) ภูมคิ มุ้ กันกอ่ เอง 2) ภูมิคมุ้ กนั รบั มา 3) ภูมคิ มุ้ กนั ก่อเองและรบั มา 4) ภูมคิ ้มุ กันที่ทากรกสรา้ งขึ้นเองตง้ั แต่กาเนดิ 5) ไม่ไดร้ ับภูมคิ ุ้มกันได้รับแตส่ ารอาหาร 14.สามีและภรรยาคหู่ นง่ึ มเี ลอื ดหมู่ B คู่มลี ูกคนแรกเลอื ดหมู่ O โอกาสมีลกู คนท่ี 2 เลือดหมู่ O คดิ เปน็ ร้อยละ เท่าไร 1.0 2. 25 3.50 4.75 5.100 15.ขอ้ ใดกล่าวถึง DNA ไม่ถกู ต้อง ก.monomer คอื nucleotide ข.มี deoxyriboseเปน็ องคป์ ระกอบ ค.เบสอะดนิ นี จะกับเบสกัวนีนด้วยพันธะไฮโดรเจน ง.เกิดจากpolynuclecotide 2 สาย 1. ก ข 2. ข เทา่ นนั้ 3. ค เทา่ น้นั 4. ก และ ง 5 ก ขและ ค FACEBOOK : Amphon Khuanpuck IG : Coffee_Kafair


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook