Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ราชอาณาจักรไทย-thailand

ราชอาณาจักรไทย-thailand

Description: ราชอาณาจักรไทย-thailand

Search

Read the Text Version

และสร้างความพร้อมท้ังในเชิงกว้างและเชิงลึก โดยส่งเสริมให้มีการ แลกเปล่ียนประสบการณ์การเตรียมความพร้อมระหว่างส่วนราชการ อกี ทง้ั การพฒั นาบคุ ลากรภาคราชการ จะตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ความจ�ำ เปน็ ในการ พัฒนาของแต่ละเสาหลักมากข้ึน ขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุม มากยง่ิ ขน้ึ ไปอกี นอกเหนอื จากกลมุ่ บรหิ าร ปี 2557-2558 ระยะเร่ง และเพ่ิม ให้มีการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะท่ีเข้มข้นในทุกระดับ และครอบคลุมประเด็นการพัฒนา บคุ ลากรของทกุ เสาหลกั รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารแลกเปลย่ี นมมุ มอง และ ประสบการณร์ ะหวา่ งสว่ นราชการทร่ี บั ผดิ ชอบในตา่ งเสาหลกั ระหวา่ งกนั ใหม้ ากยง่ิ ขน้ึ ดว้ ย 6.3.2 ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ทำ�หน้าท่ีในการส่งเสริมให้การพัฒนาระบบราชการไทยดำ�เนินไป อย่างต่อเนื่องและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยทำ�งานวิจัยนโยบาย ตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏริ ปู ของแตล่ ะกระทรวง กรม ใหค้ �ำ ปรกึ ษา แนะนำ� และให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานต่างๆ ในการปรับเปล่ียน กระบวนการ และวธิ กี ารบรหิ ารราชการ รวมถงึ การสรา้ งความเขา้ ใจ เผย แพร่ และประชาสัมพันธ์แก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยการฝึกอบรมและ สัมมนา และเพื่อเป็นการให้บริการแก่ทุกหน่วยงานในกระทรวง กรม สำ�นักงาน ก.พ.ร. จึงจัดให้มีเจ้าหน้าท่ีประจำ�โต๊ะ (Desk Office) ดูแล ครอบคลุมท้งั 20 กระทรวง 150

นอกจากนี้ สำ�นักงาน ก.พ.ร. ได้จัดทำ� โครงการพัฒนานักบริหาร การเปลีย่ นแปลงรุน่ ใหม่ ( นปร.) โดยมวี ตั ถุประสงค์ดงั น[ี้ 40a] 1) เพอ่ื เปน็ ชอ่ งทางใหมใ่ นการดงึ ดดู บคุ คล ผมู้ คี วามรู้ ความสามารถ สงู เข้าส่รู ะบบราชการ 2) เพอื่ พฒั นาผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ ใหเ้ ปน็ ขา้ ราชการทเ่ี กง่ และดี และ เปน็ นกั บรหิ ารการเปลย่ี นแปลงรนุ่ ใหม่ ทมี่ สี มรรถนะครบครนั ทง้ั ในดา้ น การเปน็ นกั คดิ ทม่ี วี สิ ยั ทศั น์ (Visionary Thinker) นกั พฒั นาและวางแผน (Developer & Planner) และนักปฏิบตั ิ (Operator) อย่างสมดลุ รวม ทงั้ มคี วามพรอ้ มในการรเิ รม่ิ และขบั เคลอื่ นการเปลย่ี นแปลงเชงิ ยทุ ธศาสตร์ ในการบรหิ ารภาครฐั ตอ่ ไป 3) เพ่ือให้มีเวทีในการรวบรวมและถ่ายทอดองค์ความรู้และ ประสบการณ์เก่ียวกับการบริหารภาครัฐในระหว่างผู้บริหาร วิทยากร ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ และนกั บรหิ ารการเปลยี่ นแปลงรนุ่ ใหม่ เพอื่ ใหม้ กี ารบรหิ าร องค์ความรู้และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งความรู้ที่สั่งสมไว้ในตัว (Tacit Knowledge) และความรู้ที่เปิดเผย (Explicit Knowledge) เพ่ือเสริม สรา้ งขีดสมรรถนะในการบรหิ ารภาครฐั ของไทย สำ�หรับผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนานักบริหารการเปล่ียนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) ประกอบดว้ ย 1) กลุ่มบคุ คลผเู้ พ่งิ ส�ำ เรจ็ การศกึ ษา เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดับปริญญาโทข้ึนไปในสาขาวิชาใดๆ จาก สถาบันการศึกษาในประเทศหรือต่างประเทศทไี่ ด้รบั การรับรอง อายุไม่ เกิน 30 ปีบริบูรณ์ในวันปิดรับสมัคร และหากสำ�เร็จการศึกษาระดับ ปริญญาเอก ตอ้ งมีอายไุ ม่เกนิ 35 ปบี ริบรู ณ์ ในวนั ปดิ รับสมัคร ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 151

2) กลุ่มบุคคลภายนอกจากภาคเอกชน หน่วยงาน หรือ องค์การ ระหว่างประเทศ เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปในสาขาวิชาใดๆ จาก สถาบนั การศึกษาในประเทศหรือต่างประเทศท่ไี ด้รบั การรบั รอง อายไุ ม่ เกิน 30 ปีบริบูรณ์ในวันปิดรับสมัคร และหากสำ�เร็จการศึกษาระดับ ปริญญาเอก ต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ ในวันปิดรับสมัคร และมี ประสบการณก์ ารท�ำ งานจากภาคเอกชน หนว่ ยงาน หรอื องคก์ ารระหวา่ ง ประเทศ 3) กลุม่ ข้าราชการ หรอื เจา้ หน้าทขี่ องรฐั ประเภทต่างๆ เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปในสาขาวิชาใดๆ จาก สถาบนั การศกึ ษาในประเทศหรือตา่ งประเทศทไ่ี ด้รับการรบั รอง อายุไม่ เกิน 30 ปีบริบูรณ์ในวันปิดรับสมัคร และหากสำ�เร็จการศึกษาระดับ ปริญญาเอก ตอ้ งมอี ายไุ ม่เกิน 35 ปบี ริบรู ณ์ในวนั ปดิ รับสมคั ร กรณีเปน็ ขา้ ราชการตอ้ งไดร้ บั ค�ำ ยนิ ยอมจากผบู้ งั คบั บญั ชา (หวั หนา้ สว่ นราชการ) ให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยผู้บังคับบัญชาต้องลงนามคำ�ยินยอมในใบ สมัครฯ จากการดำ�เนินการของสำ�นักงาน ก.พ.ร. มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2548 เปน็ ตน้ มาจนถงึ ปจั จบุ นั มผี เู้ ขา้ รว่ มโครงการมาแลว้ 7 รนุ่ จ�ำ นวนทง้ั หมด 284 คน ซึ่งจากการสำ�รวจของรุ่นท่ี 1 ถึง 4 จำ�นวน 160 คนลาออก จ�ำ นวน 8 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5 ซง่ึ จากการสอบถามเหตผุ ลในการลาออก มหี ลายปจั จยั ไดแ้ ก่ ครอบครวั อยากใหไ้ ปชว่ ยกจิ การของทบี่ า้ น ไปศกึ ษา ตอ่ ตา่ งประเทศ คา่ ตอบแทนของภาคราชการไมเ่ พยี งพอตอ่ การด�ำ รงชวี ติ และ ระบบราชการไมเ่ ป็นไปอยา่ งทคี่ าดหวงั ฯลฯ[62] 152

7 กฎหมายสำ�คัญทีค่ วรรู้ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 153

7.1 กฎระเบยี บขา้ ราชการ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551[38] เกิดจาก การปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 ในหลายประเด็น ซ่งึ มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ โดยมีบทบัญญัติ ลกั ษณะ 1-3 อนั ประกอบดว้ ยลกั ษณะท่ี 1 วา่ ดว้ ยคณะกรรมการขา้ ราชการ พลเรอื น ลกั ษณะท่ี 2 คณะกรรมการพทิ กั ษร์ ะบบคณุ ธรรม ลกั ษณะท่ี 3 บทท่ัวไป ส่วนในลักษณะท่ี 4 ว่าด้วยข้าราชการพลเรือนสามัญ และ ลักษณะท่ี 5 ว่าด้วยข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ซ่งึ มีผลบังคับใช้เม่อื 23 มกราคม 2551 มีการจัดตำ�แหน่งข้าราชการพลเรือนเข้าประเภท ต�ำ แหนง่ สายงานระดบั ต�ำ แหนง่ ตามมาตรฐานต�ำ แหนง่ ในสว่ นของลกั ษณะท่ี 1 คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น มอี งคป์ ระกอบตาม ก.พ. มาตรา 6 ซ่งึ ประกอบด้วย คณะกรรมการโดยตำ�แหน่ง 5 คน และคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการ จัดการและด้านกฎหมาย จำ�นวนไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน องคป์ ระกอบของ ก.พ. จงึ มจี �ำ นวนกรรมการอยา่ งนอ้ ยสบิ คน แตไ่ มเ่ กนิ สบิ สองคน และอยใู่ นวาระไมเ่ กนิ 3 ปี โดยมหี นา้ ท่ี ดงั น้ี 154

1. อ�ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการก�ำ หนดนโยบาย และออกกฎระเบยี บ 2. อ�ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการตดิ ตาม ก�ำ กบั ดแู ล และตคี วามกฎหมาย 3. อ�ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการเสนอแนะแกค่ ณะรฐั มนตรี ในมาตรา 10 ของ ก.พ.ไดม้ กี ารวางมาตรฐานกลางการบรหิ ารทรพั ยากร บุคคล เป็นหลักการใหม่ท่ีเพ่ิงจะมีบัญญัติในพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 เปน็ ครง้ั แรก โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหม้ ี การประชุมร่วมกันระหว่างผ้แู ทน ก.พ. ผ้แู ทน ก.พ.ร. กับผ้แู ทนองค์กร กลางบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการฝา่ ยพลเรอื นประเภทตา่ งๆ ทง้ั ยงั มี บทบัญญัติในมาตรา 11 ให้ ก.พ.มีอำ�นาจแต่งต้ัง อนุกรรมการวิสามัญ เรียกโดยย่อว่า อ.ก.พ. เพ่ือกระทำ�การใดแทนได้ และในมาตราท่ี 14 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กำ�หนด ให้มีอนุกรรมการสามัญ เรียกโดยย่อว่า “อ.ก.พ.สามัญ” เพ่ือเป็น องค์กรการบริหารทรัพยากรบุคคลในส่วนราชการ ได้แก่ (1) อ.ก.พ. กระทรวง (2) อ.ก.พ.กรม (3) อ.ก.พ.จังหวัด และ (4) อ.ก.พ. ประจำ� สว่ นราชการอน่ื นอกจากสว่ นราชการตาม (1) (2) และ (3) ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 155

156

ในสว่ นของลกั ษณะท่ี 2 คณะกรรมการพทิ กั ษร์ ะบบคณุ ธรรม ทม่ี ชี อ่ื เรยี กโดยยอ่ วา่ “ก.พ.ค.” โดยมีกรรมการจำ�นวน 7 คน ตามองค์ประกอบในมาตรา 24 และมี เลขาธกิ าร ก.พ. เปน็ เลขานกุ ารของ ก.พ.ค. แตไ่ มม่ สี ถานะเปน็ กรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการชดุ นม้ี าจากการสมคั ร โดยมคี ณุ สมบตั คิ รบถว้ นตาม มาตรา 25 ทก่ี �ำ หนดวา่ มคี ณุ สมบตั พิ น้ื ฐาน 2 ประการ คอื (1) มสี ญั ชาติ ไทย และ (2) อายุไม่ต่ํากว่าส่ีสิบห้าปี และในส่วนคุณสมบัติอ่ืนๆ ยงั แยกตามประเภท ตามทม่ี าของขา้ ราชการประเภทตา่ งๆ ไดด้ งั น้ี 1. เป็น หรือเคยเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ขา้ ราชการประเภทตา่ งๆ 2. เปน็ หรอื เคยเปน็ คณะกรรมการกฤษฎกี า 3. รบั ราชการ หรอื เคยรบั ราชการในต�ำ แหนง่ ไมต่ า่ํ กวา่ ผพู้ พิ ากษาศาล อุทธรณ์หรือเทียบเท่า หรือตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครอง ชน้ั ตน้ 4. รบั ราชการ หรือเคยรบั ราชการในตำ�แหนง่ ไมต่ ่าํ กวา่ อยั การพเิ ศษ ประจ�ำ เขตหรอื เทยี บเทา่ 5. รบั ราชการ หรอื เคยรบั ราชการในต�ำ แหนง่ ประเภทผบู้ รหิ ารระดบั สงู หรอื เทยี บเทา่ ตามท่ี ก.พ. ก�ำ หนด 6. เปน็ หรอื เคยเปน็ ผสู้ อนในวชิ านติ ศิ าสตร์รฐั ศาสตร์รฐั ประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สงั คมศาสตร์ หรอื วชิ าทเ่ี กย่ี วกบั การบรหิ ารราชการ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 157

แผ่นดินในสถาบันอุดมศึกษา และดำ�รงตำ�แหน่งหรือเคยดำ�รง ต�ำ แหนง่ ไมต่ า่ํ กวา่ รองศาสตราจารยม์ าแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี คณะกรรมการ ก.พ.ค. น้จี ะถกู เลอื กโดยคณะกรรมการคดั เลือกตาม มาตรา 6 ทป่ี ระกอบดว้ ย กรรมการ 4 คนทม่ี ปี ระธานศาลปกครองสงู สดุ เปน็ ประธาน รองประธารศาลฎกี าทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากประธานศาลฎกี า หนง่ึ คน กรรมการ ก.พ. ผทู้ รงคณุ วฒุ หิ นง่ึ คน ซง่ึ ไดร้ บั เลอื กโดย ก.พ. และ ใหเ้ ลขาธกิ าร ก.พ. เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร ในมาตรา 31 ก�ำ หนดให้ ก.พ.ค. มอี �ำ นาจหนา้ ท่ี 6 ประการ ดงั น้ี 1. เสนอแนะตอ่ ก.พ. หรอื องคก์ รกลางบรหิ ารบคุ คลอน่ื เพอ่ื ให้ ก.พ. หรอื องคก์ รกลางบรหิ ารบคุ คลอน่ื ด�ำ เนนิ การจดั ใหม้ หี รอื ปรบั ปรงุ นโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล ในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการ พทิ กั ษร์ ะบบคณุ ธรรม 2. พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณ์ ตามมาตรา 114 3. พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เรอ่ื งรอ้ งทกุ ข์ ตามมาตรา 123 4. พจิ ารณาเรอ่ื งการคมุ้ ครองระบบคณุ ธรรม ตามมาตรา 126 5. ออกกฎ ก.พ.ค. ระเบยี บ หลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารเพอ่ื การปฏบิ ตั ติ าม พระราชบญั ญตั นิ ้ี 6. แต่งต้ังบุคคลท่ีมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม เพ่ือเป็น กรรมการวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณ์ หรอื กรรมการวนิ จิ ฉยั รอ้ งทกุ ข์ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมน้ี มีอายุในการดำ�รงตำ�แหน่ง คราวละ 6 ปี และด�ำ รงต�ำ แหนง่ ไดเ้ พยี งวาระเดยี ว 158

ในสว่ นของลกั ษณะท่ี 3 บททว่ั ไป เปน็ บทบญั ญตั ทิ แ่ี ปลกใหม่ และไมเ่ คยปรากฏใน “บททว่ั ไป” ของพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นฉบบั ใดมากอ่ น ซง่ึ อาจมี ลกั ษณะเปน็ การ “ประกาศเจตนารมณ”์ ในการจดั ระเบยี บราชการพลเรอื น ไว้ให้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร ซ่ึงไม่มีนัยสำ�คัญในทางกฎหมาย ใน บทบัญญัติน้ีแบ่งข้าราชการพลเรือนเป็นสองประเภท คือ ข้าราชการ พลเรอื นสามญั และขา้ ราชการพลเรอื นในพระองค์ นอกจากน้ี ในสว่ นทม่ี ลี กั ษณะทเ่ี ปน็ กฎหมายใหมด่ งั ปรากฏในมาตรา 36 วา่ ดว้ ยคณุ สมบตั ทิ ว่ั ไป และลกั ษณะตอ้ งหา้ มของขา้ ราชการพลเรอื น ไดม้ กี ารวางหลกั การใหม่ และมสี าระส�ำ คญั วา่ “ไมม่ บี ทบญั ญตั วิ า่ ผมู้ กี าย ทพุ พลภาพตอ้ งหา้ มทเ่ี ขา้ รบั ราชการอกี ตอ่ ไป” ในลกั ษณะท่ี 4 ทว่ี า่ ดว้ ยขา้ ราชการพลเรอื นสามญั นก้ี เ็ ปน็ บทบญั ญตั ทิ เ่ี พง่ิ ปรากฏเปน็ กฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บข้าราชการพลเรอื นเป็นครง้ั แรก โดยแยกหมวด ยอ่ ยดงั น[้ี 10] ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 159

หมวดท่ี 1 การจดั ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นสามญั ไดบ้ รรจหุ ลกั การแหง่ ระบบ คณุ ธรรมในมาตรา 42 โดยจดั การ ดงั น้ี 1. การรบั บคุ คลเพอ่ื บรรจเุ ขา้ รบั ราชการ และแตง่ ตง้ั ใหด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ความรคู้ วามสามารถของบคุ คล ความเสมอภาค ความ เปน็ ธรรม และประโยชนข์ องทางราชการ 2. การบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องคำ�นึงถึงผลสัมฤทธ์ิ และ ประสทิ ธภิ าพขององคก์ ร และลกั ษณะของงาน โดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ อยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม 3. การพิจารณาความดีความชอบ การเล่ือนตำ�แหน่ง และการใช้ ประโยชนอ์ น่ื แกข่ า้ ราชการ ตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งเปน็ ธรรมโดยพจิ ารณา จากผลงาน ศกั ยภาพ ความประพฤติ และจะน�ำ ความคดิ เหน็ ทาง การเมือง และการสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณา มไิ ด้ 4. การดำ�เนินการทางวินัยต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรม และโดย ปราศจากอคติ 5. การบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลตอ้ งมคี วามเปน็ กลางทางการเมอื ง 160

หมวดท่ี 2 การก�ำ หนดต�ำ แหนง่ และการใหไ้ ดร้ บั เงนิ เดอื น และเงนิ ประจ�ำ ต�ำ แหนง่ ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ได้ทำ�ให้เกิด การเปลย่ี นแปลงในสาระส�ำ คญั ของการจดั ระบบต�ำ แหนง่ และการกระจาย อ�ำ นาจในการก�ำ หนดต�ำ แหนง่ ทง้ั ในเรอ่ื งของจ�ำ นวน ประเภทของต�ำ แหนง่ สายงานและระดบั ซง่ึ แตเ่ ดมิ เปน็ อ�ำ นาจของ ก.พ. อ�ำ นาจนไ้ี ดก้ ระจายไป ยงั อ.ก.พ. กระทรวงทจ่ี ะเปน็ ผกู้ �ำ หนด และบรหิ ารใหเ้ กดิ ความคลอ่ งตวั ท้งั มีการเปลย่ี นแปลงระบบ “ซ”ี หรอื ระบบ “ระดบั ” ท่มี ีอยู่ 11 ระดับ ตามระบบจ�ำ แนกต�ำ แหนง่ (Position Classification) หรอื P.C. ทใ่ี ชม้ า ต้ังแต่วันท่ี 9 กันยายน พ.ศ. 2518 เป็นเวลากว่า 32 ปี มาเป็นกลุ่ม “ต�ำ แหนง่ ” โดยจ�ำ แนกออกเปน็ 4 ประเภท ดงั น้ี 1. ต�ำ แหนง่ ประเภทบรหิ าร ไดแ้ ก่ ต�ำ แหนง่ หวั หนา้ สว่ นราชการและ รองหัวหน้าส่วนราชการกระดับกระทรวงและระดับกรม และ ต�ำ แหนง่ อน่ื ท่ี ก.พ. ก�ำ หนดเปน็ ต�ำ แหนง่ ประเภทบรหิ าร 2. ต�ำ แหนง่ ประเภทอ�ำ นวยการ ไดแ้ ก่ ต�ำ แหนง่ หวั หนา้ สว่ นราชการ ทต่ี า่ํ กวา่ ระดบั กรม และต�ำ แหนง่ อน่ื ท่ี ก.พ. ก�ำ หนดเปน็ ต�ำ แหนง่ ประเภทอ�ำ นวยการ 3. ตำ�แหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ ตำ�แหน่งท่จี ำ�เป็นต้องใช้ผ้สู ำ�เร็จ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตามท่ี ก.พ. ก�ำ หนด 4. ตำ�แหน่งประเภทท่ัวไป ได้แก่ ตำ�แหน่งท่ีไม่ใช่สามตำ�แหน่ง ขา้ งตน้ เมอ่ื มกี ารก�ำ หนดต�ำ แหนง่ แลว้ ในมาตราท่ี 46 ไดม้ บี ทบญั ญตั ิ ก�ำ หนดระดบั ขา้ ราชการพลเรอื นสามญั ดงั น้ี ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 161

1. ต�ำ แหนง่ ประเภทบรหิ าร มี 2 ระดบั คอื ก.ระดบั ตน้ ข.ระดบั สงู 2. ต�ำ แหนง่ ประเภทอ�ำ นวยการ มี 2 ระดบั คอื ก.ระดบั ตน้ ข.ระดบั สงู 3. ต�ำ แหนง่ ประเภทวชิ าการ มี 5 ระดบั คอื ก. ระดบั ปฏบิ ตั กิ าร ข. ระดบั ช�ำ นาญการ ค. ระดบั ช�ำ นาญการพเิ ศษ ง. ระดบั เชย่ี วชาญ จ. ระดบั ทรงคณุ วฒุ ิ 4. ต�ำ แหนง่ ประเภททว่ั ไป มี 4 ระดบั คอื ก. ระดบั ปฏบิ ตั งิ าน ข. ระดบั ช�ำ นาญงาน ค. ระดบั อาวโุ ส ง. ระดบั ทกั ษะพเิ ศษ นอกจากน้ี ยังมีรายละเอียดเร่ืองการกำ�หนดตำ�แหน่ง การจัดทำ� มาตรฐานตำ�แหน่ง การมอบอำ�นาจการบังคับบัญชา การปรับเงินเดือน และเงนิ ประจ�ำ ต�ำ แหนง่ เปน็ ตน้ 162

หมวดท่ี 3 การสรรหา การบรรจุ และการแตง่ ตง้ั เรม่ิ ดว้ ยมาตรา 52 วา่ ดว้ ยหลกั การสรรหาบุคคลเพ่ือบรรจุและแต่งต้ังให้ดำ�รงตำ�แหน่งต้องเป็นไปตาม วาระ คณุ ธรรม ในมาตราท่ี 53 วา่ ดว้ ยการบรรจแุ ละแตง่ ตง้ั ใหด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ใด ให้บรรจุและแต่งต้ังจากผู้เข้าสอบแข่งขันเท่าน้ัน ในมาตรา 56 เป็น บทบญั ญตั ใิ นกรณที ก่ี ระทรวงหรอื กรม มเี หตผุ ลและความจ�ำ เปน็ อยา่ งยง่ิ จะบรรจบุ คุ คลทม่ี คี วามรู้ ความสามารถ และความช�ำ นาญงานสงู เขา้ รบั ราชการได้ ส่วนในมาตราอ่ืนก็ยังคงสาระสำ�คัญท่ีเคยบัญญัติใน พ.ร.บ.ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 เชน่ มาตรา 57 วา่ ดว้ ยผมู้ ี อ�ำ นาจสง่ั บรรจุ และแตง่ ตง้ั เปน็ ตน้ หมวดท่ี 4 การเพม่ิ พนู ประสทิ ธภิ าพและเสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจในการปฏบิ ตั ริ าชการ กย็ งั คงตรงกบั หมวดท่ี 3 ใน พ.ร.บ.ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 มาตรา 71 ถงึ มาตรา 79 ตง้ั แตก่ ารเพม่ิ พนู ประสทิ ธภิ าพ และเสรมิ สรา้ ง แรงจงู ใจ การปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชา การเลอ่ื นเงนิ เดอื น และให้ บ�ำ เหนจ็ ความชอบ เปน็ ตน้ หมวดท่ี 5 การรกั ษาจรรยาขา้ ราชการ ซง่ึ เปน็ บทบญั ญตั ทิ ม่ี งุ่ ประสงคใ์ หข้ า้ ราชการ ทด่ี ี มเี กยี รติ และศกั ดศ์ิ รี โดยเฉพาะเรอ่ื งตอ่ ไปน้ี ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 163

1. การยดึ มน่ั และยนื หยดั ท�ำ ในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง 2. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และความรบั ผดิ ชอบ 3. การปฏบิ ตั หิ นา้ ทด่ี ว้ ยความโปรง่ ใส และสามารถตรวจสอบได้ 4. การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั อิ ยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม 5. การมงุ่ ความสมั ฤทธข์ิ องงาน หมวดท่ี 6 วนิ ยั และการรกั ษาวนิ ยั ยงั คงรกั ษา พ.ร.บ.ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 แต่ได้เพ่ิมอีกสองมาตรา คือ มาตรา 80 วรรค 2 ท่ีว่าด้วย ข้อปฏิบัติและข้อห้ามของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ปฏิบัติราชการใน ตา่ งประเทศ และมาตรา 83 (9) วา่ ดว้ ยขอ้ หา้ มกระท�ำ การอนั เปน็ การลว่ ง ละเมดิ หรอื คกุ คามทางเพศ หมวดท่ี 7 การดำ�เนินการทางวินัย เป็นมาตรการท่สี ำ�คัญในระบบคุณธรรม ซ่งึ จะใช้ในกรณีท่ีข้าราชการมีกรณีถูกกล่าวหาว่าทำ�ผิดวินัย มีการสืบสวน และครอบคลมุ ไปถงึ บทลงโทษตง้ั แตต่ กั เตอื น จนถงึ ไลอ่ อกจากราชการ 164

หมวดท่ี 8 การออกจากราชการ ในมาตราน้ียังคงรักษาตาม พ.ร.บ.ระเบียบ ขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 แตใ่ น พ.ร.บ. ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ในมาตรา 108 ไดบ้ ญั ญตั กิ ารใหข้ า้ ราชการทม่ี อี ายคุ รบ 60 ปี บรบิ รู ณร์ บั ราชการตอ่ ไป ทเ่ี ปน็ ความตอ้ งการของราชการ เพอ่ื ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ทางวชิ าการ หรอื หนา้ ทท่ี ต่ี อ้ งใชค้ วามสามารถเฉพาะตวั ในต�ำ แหนง่ ประเภท วิชาการ ระดับเช่ียวชาญตาม มาตรา46 (3) (ง) หรือระดับทรงคุณวุฒิ มาตรา 46 (3) (จ) และต�ำ แหนง่ ประเภททว่ั ไป ระดบั อาวโุ สในมาตรา 46 (4) (ค) หรอื ระดบั ทกั ษะพเิ ศษ มาตรา 46 (4) (ง) หมวดท่ี 9 การอทุ ธรณ์ ตาม พ.ร.บ. ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ได้ มอบหนา้ ทใ่ี หก้ บั คณะกรรมการพทิ กั ษร์ ะบบคณุ ธรรม ในการจดั การทง้ั หมด และในมาตรา 120 วา่ ดว้ ยอ�ำ นาจการวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณท์ ่ี ก.พ.ค. มอี �ำ นาจ ดงั น้ี 1. ไมร่ บั อทุ ธรณ์ 2. ยกอทุ ธรณ์ 3. มคี �ำ วนิ จิ ฉยั ใหแ้ กไ้ ข หรอื ยกเลกิ ค�ำ สง่ั ลงโทษ และใหเ้ ยยี วยาความ เสยี หายใหผ้ อู้ ทุ ธรณ์ 4. ดำ�เนินการอ่นื ใด เพ่อื ประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามท่ี ก.พ.ค. ก�ำ หนด ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 165

หมวดท่ี 10 การรอ้ งทกุ ข์ เปน็ กระบวนการรองรบั สทิ ธข์ิ องขา้ ราชการอกี ประการ หนง่ึ ท่ี พ.ร.บ.ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 เปดิ โอกาสใหผ้ รู้ สู้ กึ วา่ ไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากผบู้ งั คบั บญั ชาใหร้ อ้ งทกุ ขต์ อ่ ผบู้ งั คบั บญั ชา เหนอื ขน้ึ ไปตามล�ำ ดบั หมวดท่ี 11 การคุ้มครองระบบคุณธรรม เป็นหลักการใหม่ท่ีเพ่ิงบัญญัติเป็น ครง้ั แรกในพ.ร.บ.ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 โดยมาตรา 126 ไดบ้ ญั ญตั กิ ารใหอ้ �ำ นาจ ก.พ.ค. แจง้ ใหห้ นว่ ยงานหรอื ผอู้ อกกฎ ระเบยี บ ค�ำ สง่ั แกไ้ ข หรอื ยกเลกิ นอกจากน้ี พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ยงั มสี าระส�ำ คญั วา่ ดว้ ยขา้ ราชการพลเรอื นในพระองค์ รวมถงึ มบี ทบญั ญตั ทิ ่ี สอดคลอ้ งกบั การพฒั นาดา้ นการบรหิ ารราชการทเ่ี ปลย่ี นไป โดยก�ำ หนด ภารกจิ ของคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น และส�ำ นกั งานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรอื นให้เหมาะสม เพอ่ื ให้การบริหารทรพั ยากรบุคคลภาค รฐั สอดคลอ้ งกบั ทศิ ทางการบรหิ ารราชการ 166

7.2 กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงานของประเทศไทยทใ่ี ชบ้ งั คบั อยใู่ นปจั จบุ นั มอี ยหู่ ลาย ฉบบั แตท่ ภ่ี าคเอกชนใหค้ วามส�ำ คญั และใสใ่ จปฏบิ ตั มิ ี 6 ฉบบั ดงั น้ี 1. ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ บรรพ 3 เอกเทศสญั ญา ลกั ษณะ 6 เรอ่ื งจา้ งแรงงาน 2. พระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 3. พระราชบัญญัติจัดต้ังศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 4. พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 5. พระราชบญั ญตั เิ งนิ ทดแทน พ.ศ. 2537 6. พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ในทน่ี ้ี จะไดก้ ลา่ วถงึ เฉพาะพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ของไทยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือให้การใช้แรงงานเป็นไปอย่างเป็นธรรม และมีความเหมาะสมกับ สภาพการณใ์ นปจั จุบันท่เี ปล่ยี นแปลงไป เพ่อื ใหค้ วามคมุ้ ครองแก่การใช้ แรงงานบางประเภทเปน็ พเิ ศษกวา่ การใชแ้ รงงานทว่ั ไป การหา้ มมใิ หน้ ายจา้ ง เลิกจ้างลูกจ้างซ่งึ เป็นหญิงเพราะเหตุมีครรภ์ การให้ลูกจ้างซ่งึ เป็นเด็กมี ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 167

สิทธิลาเพ่ือการศึกษาอบรม การให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนการขาด รายไดข้ องลกู จา้ งในกรณที น่ี ายจา้ งหยดุ ประกอบกจิ การ การก�ำ หนดเงอ่ื นไข ในการนำ�หน้ีบางประเภทมาหักจากค่าตอบแทนการทำ�งานของลูกจ้าง การจดั ตง้ั กองทนุ เพอ่ื สงเคราะหล์ กู จา้ ง หรอื ทายาทโดยธรรมของลกู จา้ ง ถงึ แกค่ วามตาย ตลอดจนอตั ราโทษ สาระส�ำ คญั 1. ก�ำ หนดเวลาท�ำ งานปกตใิ นทกุ ประเภทงานไมเ่ กนิ 8 ชว่ั โมง/วนั และ ไมเ่ กนิ 48 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (เดมิ ก�ำ หนดตามประเภทงาน) เวน้ แต่ งานทอ่ี าจเปน็ อนั ตรายไมเ่ กนิ 7 ชว่ั โมง/วนั และไมเ่ กนิ 42 ชว่ั โมง/ สปั ดาห์ 2. ใหจ้ ดั วนั หยดุ ประจ�ำ สปั ดาหไ์ มน่ อ้ ยกวา่ 1 วนั /สปั ดาห์ วนั หยดุ ตาม ประเพณไี มน่ อ้ ยกวา่ 13 วนั /ปี และวนั หยดุ พกั ผอ่ นประจ�ำ ปไี มน่ อ้ ย กว่า 6 วันทำ�การ/ปี วันหยุดตามประเพณีให้กำ�หนดจากวันหยุด ราชการประจ�ำ ปี วนั หยดุ ทางศาสนา หรอื ขนบธรรมเนยี มประเพณี แหง่ ทอ้ งถน่ิ ในกรณลี กั ษณะงานไมอ่ าจหยดุ ตามประเพณไี ดใ้ หต้ กลง กนั หยดุ ในวนั อน่ื ชดเชย หรอื จา่ ยคา่ ท�ำ งานในวนั หยดุ แทน 168

3. ให้สิทธิลากิจ ลาเพ่ือทำ�หมัน และลาเพ่ือฝึกอบรมหรือพัฒนา ความรคู้ วามสามารถเพ่มิ จากสิทธลิ าป่วย ลาเพ่อื คลอดบตุ ร และ ลาเพอ่ื รบั ราชการทหาร 4. กำ�หนดพิกัดนา้ํ หนกั ขน้ั สูงท่ใี หล้ ูกจา้ งยก แบก หาม เพ่อื คมุ้ ครอง ทง้ั ลกู จา้ งชาย หญงิ และเดก็ และเปน็ การสอดคลอ้ งกบั อนสุ ญั ญา ILO ฉบบั ท่ี 127 5. ขยายการคุ้มครองแรงงานหญิง โดยห้ามใช้ลูกจ้างหญิงมีครรภ์ ทำ�งานที่เป็นอันตรายต่อสภาวะการตั้งครรภ์ ห้ามเลิกจ้างหญิง เพราะเหตมุ คี รรภ์ 6. ขยายอายขุ น้ั ตา่ํ ของลกู จา้ งเดก็ จาก 13 ปี เปน็ 15 ปี เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ ง กบั แผนพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ และอนสุ ญั ญา ILO 7. การจา้ งเดก็ อายตุ า่ํ กวา่ 18 ปี เปน็ ลกู จา้ ง ตอ้ งแจง้ ตอ่ พนกั งานตรวจ แรงงานภายใน 15 วัน จัดทำ�บันทึกสภาพการจ้างกรณีท่ีมีการ เปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ เกบ็ ไว้ ณ สถานประกอบกจิ การ และแจง้ การส้นิ สุดการจ้างต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน 7 วัน เพ่อื ให้ ทราบความเคลอ่ื นไหวของเดก็ ซง่ึ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การคมุ้ ครอง ดแู ลแรงงานเดก็ ผดู้ อ้ ยโอกาส ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 169

8. ใหล้ กู จา้ งเดก็ มเี วลาพกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ชว่ั โมง/วนั หลงั จากท�ำ งาน มาแล้วไม่เกิน 4 ช่วั โมง และใน 4 ช่วั โมงน้นั ให้มีเวลาพักตามท่ี นายจ้างกำ�หนด เพ่อื ให้เด็กได้มีโอกาสพักผ่อนเปล่ยี นอิริยาบถ ขณะทก่ี �ำ หนดเวลาพกั ลกู จา้ งทว่ั ไปไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ชว่ั โมง/วนั ซง่ึ จะจดั เวลาพกั ครง้ั เดยี ว หลงั จากท�ำ งานมาแลว้ ไมเ่ กนิ 5 ชว่ั โมง ก็ได้ หรือจัดเป็นช่วงๆ ก็ได้ โดยรวมเวลาพักทุกช่วงแล้วต้องไม่ นอ้ ยกวา่ 1 ชว่ั โมง เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทางปฏบิ ตั ิ 9. หา้ มใชล้ กู จา้ งเดก็ อายตุ า่ํ กวา่ 18 ปี ท�ำ งานในเวลาวกิ าล เวน้ แต่ ไดร้ บั อนญุ าตจากอธบิ ดี หา้ มท�ำ งานลว่ งเวลา ท�ำ งานในวนั หยดุ และงานบางประเภทท่ีเป็นผลร้ายต่อเด็ก ขณะท่ีลูกจ้างท่ัวไป นายจ้างให้ทำ�งานล่วงเวลา หรือทำ�งานในวันหยุดได้ ถ้าลูกจ้าง ยินยอม โดยมีช่ัวโมงทำ�งานไม่เกินกว่าท่ีกฎหมายกำ�หนด เวน้ งานบางประเภททน่ี ายจา้ งสง่ั ใหล้ กู จา้ งท�ำ งานไดเ้ ทา่ ทจ่ี �ำ เปน็ แต่ห้ามใช้ลูกจ้างทำ�งานล่วงเวลา หรือในวันหยุดในงานท่ีเป็น อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ และความปลอดภยั ของลกู จา้ ง 10. การคมุ้ ครองคา่ ตอบแทนในการท�ำ งาน ไดก้ �ำ หนดประเภทหนท้ี ่ี นำ�มาหักค่าตอบแทนในการทำ�งานได้ และกำ�หนดเง่อื นไขการ จา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื การด�ำ รงชพี ของลกู จา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ งในกรณนี ายจา้ งหยดุ กจิ การชว่ั คราว 170

11. ปรบั ปรงุ โครงสรา้ งคณะกรรมการคา่ จา้ งใหม้ ขี อบขา่ ยทก่ี วา้ งขน้ึ กว่าเดิม และปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าจ้างข้ันต่ําใหม่ โดยมี อตั ราคา่ จา้ งขน้ั ตา่ํ 2 ระดบั คอื 11.1 อตั ราคา่ จา้ งขน้ั ตา่ํ พน้ื ฐาน ซง่ึ คณะกรรมการคา่ จา้ งก�ำ หนด เพอ่ื ใชเ้ ปน็ พน้ื ฐานในการก�ำ หนดอตั ราคา่ จา้ งขน้ั ตา่ํ 11.2 อัตราค่าจ้างข้นั ต่าํ ซ่งึ คณะกรรมการค่าจ้างกำ�หนดให้ใช้ เฉพาะกิจการประเภทใดประเภทหน่ึง หรือทุกประเภท หรอื ในทอ้ งทใ่ี ดทอ้ งทห่ี นง่ึ กไ็ ด้ ซง่ึ มอี ตั ราไมต่ า่ํ กวา่ อตั ราคา่ จา้ งขน้ั ตา่ํ พน้ื ฐาน ถา้ ไมม่ กี ารก�ำ หนดอตั ราคา่ จา้ งขน้ั ตา่ํ ใน ทอ้ งทใ่ี ด ใหถ้ อื อตั ราคา่ จา้ ง ขน้ั ตา่ํ พน้ื ฐานเปน็ อตั ราคา่ จา้ ง ขน้ั ตา่ํ ของทอ้ งทน่ี น้ั 12. กำ�หนดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการ ได้แก่ คณะกรรมการ สวสั ดกิ ารแรงงาน ซง่ึ เปน็ องคก์ รระดบั ชาติ เพอ่ื ก�ำ หนดนโยบาย สวัสดิการระดับชาติ และให้มีคณะกรรมการสวัสดิการประจำ� สถานประกอบกจิ การ เพอ่ื รว่ มประชมุ ปรกึ ษาหารอื กบั นายจา้ ง เกย่ี วกบั การจดั สวสั ดกิ ารในสถานประกอบกจิ การ และควบคมุ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 171

ดแู ลการจดั สวสั ดกิ ารทน่ี ายจา้ งจดั ใหแ้ กล่ กู จา้ ง 13. ใหม้ คี ณะกรรมการความปลอดภยั ระดบั ชาติ เพอ่ื ก�ำ หนดทศิ ทาง บริหารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมใน การทำ�งาน และให้มีองค์กรเอกชนให้บริการทางด้านวิชาการ และเทคนิคแก่สถานประกอบกิจการได้ภายใต้การควบคุมดูแล ของรฐั 14. ก�ำ หนดหา้ มนายจา้ งสง่ั พกั งาน เพอ่ื สอบสวนความผดิ ของลกู จา้ ง เว้นแต่มีข้อบังคับ หรือข้อตกลงกำ�หนดให้มีการพักงานได้ แตน่ ายจา้ งจะสง่ั พกั งานไดไ้ มเ่ กนิ 7 วนั และตอ้ งจา่ ยเงนิ ในชว่ ง พกั งานตามอตั ราทก่ี �ำ หนด ซง่ึ ไมต่ า่ํ กวา่ รอ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ ง 15. ก�ำ หนดอตั ราคา่ ชดเชย กรณเี ลกิ จา้ งเปน็ 5 อตั รา คอื ท�ำ งานครบ 120 วนั แตไ่ มค่ รบ 1 ปี ไดค้ า่ ชดเชยไมน่ อ้ ยกวา่ คา่ จา้ งอตั ราสดุ ทา้ ย 30 วนั ท�ำ งานครบ 1 ปี แตไ่ มค่ รบ 3 ปี ได้ 90 วนั ท�ำ งานครบ 3 ปี แตไ่ มค่ รบ 6 ปี ได้ 180 วนั ท�ำ งานครบ 6 ปี แตไ่ มค่ รบ 10 ปี ได้ 240 วนั ทำ�งานครบ 10 ปี ข้นึ ไปได้ 300 วัน เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นให้ไม่ ต้องจ่ายค่าชดเชยตามท่ีกฎหมายกำ�หนด ท้ังน้ี เพ่ือให้ความ คมุ้ ครองลกู จา้ งทท่ี �ำ งานมานาน ซง่ึ โอกาสทจ่ี ะหางานท�ำ ใหมเ่ ปน็ 172

ไปไดย้ าก 16. ก�ำ หนดใหม้ กี ารจา่ ยคา่ ชดเชยพเิ ศษ นอกเหนอื จากคา่ ชดเชยปกติ กรณนี ายจา้ งเลกิ จา้ งเพราะปรบั ปรงุ หนว่ ยงาน กระบวนการผลติ เนอ่ื งจากการเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยี โดยลกู จา้ งตอ้ งท�ำ งานมา ครบ 6 ปีข้นึ ไป และได้ค่าชดเชยพิเศษปีละไม่น้อยกว่า 15 วัน รวมแลว้ ไมเ่ กนิ 360 วนั 17. ใหก้ ารคมุ้ ครองลูกจ้าง กรณนี ายจา้ งย้ายสถานประกอบกิจการ ไปต้ังท้องท่ีอ่ืน ซ่ึงมีผลกระทบสำ�คัญต่อการดำ�รงชีพตามปกติ ของลกู จา้ งหรอื ครอบครวั โดยใหน้ ายจา้ งบอกกลา่ วลว่ งหนา้ และ ใหล้ กู จา้ งบอกเลกิ สญั ญาจา้ งไดถ้ า้ ไมป่ ระสงคจ์ ะยา้ ยตาม โดยมี สิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษเป็นเงินช่วยเหลือร้อยละ 50 ของ คา่ ชดเชยปกติ 18. จดั ตง้ั กองทนุ สงเคราะหล์ กู จา้ ง โดยใหน้ ายจา้ งทไ่ี มไ่ ดจ้ ดั ตง้ั กองทนุ ส�ำ รองเลย้ี งชพี สง่ เงนิ สมทบกองทนุ สงเคราะหล์ กู จา้ งเทา่ กบั จ�ำ นวน เงนิ สะสมทห่ี กั จากคา่ จา้ งของลกู จา้ งน�ำ สง่ เขา้ กองทนุ เพอ่ื จา่ ยให้ แก่ลูกจ้างเม่ือส้ินสุดการจ้างเจตนารมณ์ในการจัดต้ังกองทุนน้ี เพ่ือสร้างหลักประกันในการทำ�งาน ป้องกันมิให้มีการย้ายงาน ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 173

บอ่ ยครง้ั และเปน็ การสง่ เสรมิ ระบบการออมทรพั ยข์ องลกู จา้ ง 19. ห้ามเรียกเงินประกันจากลูกจ้าง เว้นแต่ลูกจ้างจะทำ�งาน เกย่ี วกบั การเงนิ และทรพั ยส์ นิ เพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หน้ ายจา้ งแสวงหา ประโยชนจ์ ากลกู จา้ งในทางมชิ อบ 20. กำ�หนดให้บรรดาเงินตาม พ.ร.บ. น้ี ท่ีนายจ้างค้างจ่ายลูกจ้าง และเงนิ สะสม เงนิ สมทบกองทนุ สงเคราะหล์ กู จา้ งเปน็ หนบ้ี รุ มิ สทิ ธิ ล�ำ ดบั เดยี วกบั ภาษอี ากร เพอ่ื คมุ้ ครองสทิ ธขิ องลกู จา้ งในการได้ รบั ช�ำ ระหน้ี มใิ หถ้ กู เจา้ หนใ้ี นล�ำ ดบั อน่ื ขอรบั ไปหมด 21. การรับเหมาค่าแรง ให้เจ้าของสถานประกอบกิจการ และผ้รู ับ เหมาคา่ แรงตา่ งมฐี านะเปน็ นายจา้ งของลกู จา้ งทผ่ี รู้ บั เหมาคา่ แรง จดั เหมา 22. ถ้ามีการเปล่ียนแปลงนายจ้าง ให้นายจ้างใหม่รับไปท้ังสิทธิ และหนา้ ทท่ี น่ี ายจา้ งเดมิ เคยมตี อ่ ลกู จา้ งทกุ ประการ เพอ่ื เปน็ การ รบั รองสทิ ธขิ องลกู จา้ งมใิ หถ้ กู ลดลง เนอ่ื งจากมกี ารเปลย่ี นแปลง 174

ตวั นายจา้ ง 23. กำ�หนดให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างตามบทบัญญัติ ป.พ.พ. บรรพ 3 ลักษณะ 6 ว่าด้วยจ้างแรงงานด้วย เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ี สามารถชว่ ยเหลอื ทางคดแี กล่ กู จา้ งได้ 24. ก�ำ หนดเงอ่ื นไขการบอกกลา่ วลว่ งหนา้ เพอ่ื เลกิ สญั ญาจา้ งทไ่ี มม่ ี ก�ำ หนดระยะเวลา และถา้ นายจา้ งเปน็ ฝา่ ยบอกกลา่ วลว่ งหนา้ จะ ตอ้ งระบเุ หตผุ ลในการบอกเลกิ สญั ญาจา้ งดว้ ย ถา้ ไมร่ ะบไุ วน้ ายจา้ ง จะยกขอ้ ยกเวน้ ขน้ึ อา้ งในภายหลงั เพอ่ื ไมจ่ า่ ยคา่ ชดเชยใหแ้ กล่ กู จา้ ง ไมไ่ ด้ 25. ก�ำ หนดใหน้ ายจา้ งปฏบิ ตั ติ อ่ ลกู จา้ งหญงิ และชายโดยเทา่ เทยี ม กันในการจ้างงาน เว้นแต่ลักษณะ หรือสภาพของงานไม่อาจ ปฏิบัติเช่นน้ันได้ เพ่ือให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญท่ี ก�ำ หนดใหช้ ายและหญงิ มสี ทิ ธเิ ทา่ เทยี มกนั 26. หา้ มนายจา้ ง หวั หนา้ งาน ผคู้ วบคมุ งาน หรอื ผตู้ รวจงานกระท�ำ การลว่ งเกนิ ทางเพศตอ่ ลกู จา้ งซง่ึ เปน็ หญงิ หรอื เดก็ เพอ่ื เปน็ การ ป้องปรามมิให้บุคคลดังกล่าวใช้อำ�นาจในทางไม่ชอบ โดยการ กล่าวถ้อยคำ�หยาบคาย วิพากษ์วิจารณ์ทางเพศ ลวนลาม ซ่ึง พฤตกิ ารณบ์ างอยา่ งไมร่ นุ แรงถงึ ขน้ั อนาจาร แตไ่ มเ่ หมาะสมทจ่ี ะ ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 175

ปฏบิ ตั ติ อ่ ลกู จา้ งหญงิ และเดก็ 27. ปรบั ปรงุ บทก�ำ หนดโทษจากเดมิ ทก่ี �ำ หนดโทษอตั ราเดยี วเปน็ การ กำ�หนดโทษตามความหนักเบาของความผิดท่ีได้กระทำ� โดยมี อตั ราโทษสงู สดุ จ�ำ คกุ ไมเ่ กนิ 1 ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ 200,000 บาท หรอื ทง้ั จ�ำ ทง้ั ปรบั และโทษตา่ํ สดุ ปรบั ไมเ่ กนิ 5,000 บาท และให้ อธบิ ดกี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานและผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรอื ผซู้ ง่ึ ไดร้ บั มอบหมายจากบคุ คลดงั กลา่ วมอี �ำ นาจเปรยี บเทยี บ ปรบั การกระท�ำ ความผดิ ตาม พ.ร.บ. นไ้ี ดต้ ามทเ่ี หน็ สมควร 7.3 กฎหมายเขา้ เมอื ง กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การวางมาตรการควบคมุ คนตา่ งดา้ วของไทย มกี ฎหมายหลกั ไดแ้ ก่ กฎหมายวา่ ดว้ ยคนเขา้ เมอื ง คอื พ.ร.บ. คนเขา้ เมอื ง พ.ศ. 2522 และกฎหมายอน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เชน่ - พ.ร.บ. สง่ เสรมิ การลงทนุ พ.ศ. 2520 - พ.ร.บ. การนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2522 - พ.ร.บ. ปโิ ตรเลยี ม พ.ศ. 2514 และกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น สนธิสัญญาทวิภาคีท่เี ก่ยี วกับ การสง่ เสรมิ และคมุ้ ครองการลงทนุ ระหวา่ งประเทศ (BITs) นอกจาก น้ีในการใช้กฎหมายคนเข้าเมืองยังต้องคำ�นึงถึงกฎหมายอ่ืนท่ี 176

เกย่ี วขอ้ ง และมคี วามสมั พนั ธก์ นั ดว้ ย เชน่ - พ.ร.บ. การท�ำ งานของคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. 2521 - พ.ร.บ. สญั ชาติ พ.ศ. 2508 - พ.ร.บ. การทะเบยี นคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. 2493 - พ.ร.บ. ปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. 2551 - พ.ร.บ. โรคตดิ ตอ่ พ.ศ. 2523 ในทน่ี จ้ี ะกลา่ วถงึ เฉพาะ พ.ร.บ. คนเขา้ เมอื ง พ.ศ. 2522 พ.ร.บ. คนเขา้ เมอื ง พ.ศ. 2522 สาระส�ำ คญั พ.ร.บ. คนเขา้ เมอื ง พ.ศ. 2522 เปน็ พระราชบญั ญตั ทิ ค่ี วบคมุ การเดนิ ทางของคนต่างดา้ วท่เี ข้ามา และออกนอกราชอาณาจักร โดยให้สทิ ธแิ ก่ คนตา่ งดา้ วทเ่ี ขา้ มาในราชอาณาจกั รเปน็ การชว่ั คราว หรอื เพอ่ื ใหส้ ทิ ธถิ น่ิ ทอ่ี ยใู่ นประเทศไทย กฎหมาย พ.ร.บ. ฉบบั น้ี ประกอบไปดว้ ยบทบญั ญตั ิ ของคณะกรรมการพจิ ารณาคนเขา้ เมอื ง การเขา้ และออกนอกราชอาณาจกั ร พาหนะ การเขา้ มาในราชอาณาจกั รเปน็ การชว่ั คราว การเขา้ มามถี น่ิ ทอ่ี ยู่ ราชอาณาจกั ร การสง่ คนตา่ งดา้ วกลบั ออกไปนอกราชอาณาจกั ร เบด็ เตลด็ และบทก�ำ หนดโทษ โดยกฎหมายคนเขา้ เมอื งมแี นวคดิ ในการควบคมุ การ เดนิ ทางเขา้ เมอื งของคนตา่ งดา้ วใน 4 ล�ำ ดบั ขน้ั ตอนดว้ ยกนั คอื 1. กอ่ นเขา้ ประเทศ เชน่ การขอวซี า่ 2. คนตา่ งดา้ วเดนิ ทางเขา้ มาในประเทศ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 177

3. คนตา่ งดา้ วพกั อาศยั ในประเทศ 4. คนตา่ งดา้ วเดนิ ทางออกไปนอกประเทศ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยเปน็ ผรู้ กั ษาการตามพระราชบญั ญตั ิ คนเขา้ เมอื ง พ.ศ. 2522 7.4 กฎหมายอน่ื ๆ ทค่ี วรรู้ 7.4.1 ความส�ำ คญั และประเภทของกฎหมาย กฎหมายท่ใี ช้ในประเทศไทยมีมากมาย แต่มีการจัดความสำ�คัญโดย จดั แบง่ ล�ำ ดบั ชน้ั ออกเปน็ 7 ประเภท ดงั น้ี 1. รฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ ของประเทศ กฎหมายใดขดั แยง้ ไม่ ได้ โดยจะมีเน้อื หาเก่ยี วกับการใช้อำ�นาจอธิปไตย ความสัมพันธ์ ระหวา่ งสถาบนั การเมอื ง สทิ ธเิ สรภี าพของประชาชน 2. พระราชบญั ญตั ิ ประมวลกฎหมาย เปน็ กฎหมายทร่ี ฐั สภาตราขน้ึ 3. พระราชก�ำ หนด เปน็ กฎหมายทพ่ี ระมหากษตั รยิ ท์ รงตราขน้ึ ตาม คำ�แนะนำ�ของคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ใช้ใน กรณจี �ำ เปน็ เรง่ ดว่ น หรอื เรอ่ื งทจ่ี ะรกั ษาความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ ความปลอดภยั ของประเทศ แตต่ อ้ งเสนอตอ่ รฐั สภาโดยเรว็ 4. พระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมายท่ีตราข้ึนโดยพระมหากษัตริย์ ตามคำ�แนะนำ�ของคณะรัฐมนตรีเพ่ือกำ�หนดรายละเอียดตาม 178

พระราชบญั ญตั ทิ ก่ี �ำ หนดไว้ 5. กฎกระทรวง เปน็ กฎหมายทร่ี ฐั มนตรตี ราขน้ึ ผา่ นคณะรฐั มนตรี เพอ่ื ด�ำ เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ิ หรอื พระราชก�ำ หนด 6. ขอ้ บงั คบั หรอื ขอ้ บญั ญตั ิ เปน็ กฎหมายขององคก์ รปกครองทอ้ งถน่ิ เชน่ เทศบาล กรงุ เทพมหานคร เมอื งพทั ยา เปน็ ตน้ 7. ประกาศคำ�ส่งั เป็นกฎหมายเฉพาะกิจ เช่น พระบรมราชโองการ ประกาศคณะปฎวิ ตั ิ ค�ำ สง่ั หนว่ ยงานราชการ เปน็ ตน้ ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 179

8 ลกั ษณะเด่นของระบบราชการท่นี ่าเรยี นรู้ 180

8.1 โครงสรา้ งขา้ ราชการไทย ปัจจุบันโครงสร้างข้าราชการไทยมีลักษณะซับซ้อน แม้จะมีความ พยายามในการลดจ�ำ นวนขา้ ราชการลงโดยวธิ กี ารตา่ งๆ เชน่ การเกษยี ณ กอ่ นอายุ (Early Retirement) การยุบหน่วยงานบางหน่วยงานเขา้ ด้วย กนั (Work Unit Consolidation) อยา่ งไรกต็ ามยงั ไมส่ ามารถลดจ�ำ นวน ขา้ ราชการลงไดต้ ามจ�ำ นวนทต่ี อ้ งการ นอกจากนน้ั โครงสรา้ งหนว่ ยงาน กลบั มกี ารขยายมากขน้ึ ท�ำ ใหจ้ �ำ นวนบคุ ลากรทป่ี ฏบิ ตั งิ านในระบบราชการ มีลักษณะเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างมากข้นึ จึงไม่สะท้อนภาพท่ีแท้จริง ของโครงสรา้ งขา้ ราชการ ดา้ นระบบการท�ำ งาน ปจั จบุ นั ระบบราชการไทยเนน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี รบั ผดิ ชอบ โดยจ�ำ แนกบคุ ลากรตามโครงสรา้ งองคก์ ร เพอ่ื ใหส้ ามารถมอบ หมายงานเฉพาะได้ ทำ�ให้ระบบการทำ�งานท่ีเป็นอยู่ ยึดติดกฎระเบียบ และสายการบงั คบั บญั ชา จงึ ไมส่ อดคลอ้ งกบั สภาพลกั ษณะงานจรงิ ทต่ี อ้ ง มลี กั ษณะเปน็ พลวตั ระบบราชการจงึ ไมร่ องรบั การเปลย่ี นแปลงจากสภาพ แวดลอ้ มภายนอกไดอ้ ยา่ งทนั ทว่ งท[ี 33] ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 181

8.2 การพฒั นาระบบราชการไทยในปจั จบุ นั การพฒั นาระบบราชการไทยปจั จบุ นั รองรบั ยทุ ธศาสตรป์ ระเทศ พ.ศ. 2556 - 2561 และขยายผลแผนการส่งเสริมและพัฒนาธรรมาภิบาลใน ภาคราชการ เพ่ือการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดีอย่างย่ังยืนตามมติ คณะรฐั มนตรเี มอ่ื วนั ท่ี 24 เมษายน 2555 ทง้ั น้ี แผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา ระบบราชการไทย (พ.ศ. 2556 - 2561) จะเปน็ กรอบทศิ ทางทจ่ี ะก�ำ หนด กลยทุ ธ์ และมาตรการใหร้ ะบบราชการไทยพรอ้ มรบั การขบั เคลอ่ื นประเทศ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย และด�ำ เนนิ งานไปในทศิ ทางเดยี วกนั มีการปรับสมดุลในการทำ�งานร่วมกับภาคส่วนอ่ืนอย่างมีคุณภาพ มีการทำ�งานแบบบูรณาการด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ประเทศเป็นตัวน�ำ มี ภมู คิ มุ้ กนั ทด่ี ี สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอก เพ่ือตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ สถานการณ์ โดยมี เปา้ ประสงคเ์ ชงิ ยทุ ธศาสตรใ์ นการ “สรา้ งความเชอ่ื ถอื ไวว้ างใจ พฒั นาสขุ ภาวะ และมงุ่ สคู่ วามยง่ั ยนื ” และไดก้ �ำ หนดยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาระบบ ราชการไวเ้ ปน็ 3 หวั ขอ้ รวม 7 ประเดน็ ดงั น้ี [60] 182

ยกระดบั องคก์ ารสคู่ วามเปน็ เลศิ 1. การสรา้ งความเปน็ เลศิ ในการใหบ้ รกิ ารประชาชน 2. การพัฒนาองค์การให้มีขีดสมรรถนะสูง และทันสมัย บุคลากรมี ความเปน็ มอื อาชพี 3. ก า ร เ พ่ิ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ก า ร บ ริ ห า ร สิ น ท รั พ ย์ ข อ ง ภ า ค รั ฐ ใ ห้ เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ 4. การวางระบบการบรหิ ารงานราชการแบบบรู ณาการ พฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื 5. การส่งเสริมระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองแบบร่วมมือกัน ระหวา่ งภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาชน 6. การยกระดับความโปร่งใส และสร้างความเช่ือม่ันศรัทธาในการ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ กา้ วสสู่ ากล 7. การสร้างความพร้อมของระบบราชการไทย เพ่ือเข้าสู่การเป็น ประชาคมอาเซยี น ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 183

8.3 การสรา้ งความพรอ้ มของระบบราชการไทย เพอ่ื เขา้ สกู่ ารเปน็ ประชาคมอาเซยี น ประเทศไทยเตรยี มความพรอ้ มของระบบราชการไทย เพอ่ื รองรบั การ กา้ วเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น รวมทง้ั ประสานพฒั นาเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื กนั ในการสง่ เสรมิ และยกระดบั ธรรมาภบิ าลในภาครฐั ของประเทศสมาชกิ อาเซยี นภายใตก้ รอบแผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2556 – 2561) ในประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 7 การสร้างความพร้อมของ ระบบราชการไทย เพอ่ื เขา้ สกู่ ารเปน็ ประชาคมอาเซยี น ประกอบดว้ ย 1. พฒั นาระบบบรหิ ารงานของหนว่ ยงานทม่ี คี วามส�ำ คญั เชงิ ยทุ ธศาสตร ์ เพอ่ื เขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น 1.1 ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบริหารงาน และเพ่ิมขีดสมรรถนะ ของจงั หวดั และกลมุ่ จงั หวดั ทม่ี ศี กั ยภาพในการเจรญิ เตบิ โต เพอ่ื รองรบั การเปน็ เมอื งส�ำ คญั หรอื เปน็ ศนู ยก์ ลางความเจรญิ ในระดบั พน้ื ท่ี เพอ่ื เชอ่ื มโยงโอกาสกบั อาเซยี น ทง้ั ในดา้ นอตุ สาหกรรม การ ทอ่ งเทย่ี วบรกิ าร การลงทนุ และการคา้ ชายแดน 184

1.2 พฒั นา และยกระดบั ขดี สมรรถนะของสว่ นราชการอยา่ งเปน็ ระบบ ครอบคลุมในเร่ืองของการปรับเปล่ยี นโครงสร้าง และกระบวน งาน บุคลากร กฎ ระเบียบ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ทสภาพแวดลอ้ มของการรวมตวั เปน็ ประชาคม อาเซียน โดยอาจจัดต้ังศูนย์ขับเคล่ือนความพร้อมสู่ประชาคม อาเซยี น (ASEAN Readiness Center: ARC) เพอ่ื ใหค้ �ำ ปรกึ ษา แนะน�ำ ชว่ ยเหลอื รวมทง้ั ศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นามาตรฐานการให้ บริการประชาชน และการปฏิบัติงานของภาครัฐในประชาคม อาเซยี น 1.3 สง่ เสรมิ ใหส้ ว่ นราชการ และหนว่ ยงานของรฐั เตรยี มความพรอ้ ม ขา้ ราชการ และเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เพอ่ื รบั การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น โดยการใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจ คน้ หาแนวทางการเสรมิ สรา้ ง ความ พรอ้ มในการพฒั นาขา้ ราชการอยา่ งมรี ะบบ เนน้ ความส�ำ คญั ของ ความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพ่ือเพ่ิมขีดความ สามารถของขา้ ราชการ และสว่ นราชการใหม้ คี วามพรอ้ มรบั การ เปลย่ี นแปลง รวมทง้ั พฒั นาทรพั ยากรบคุ คลใหม้ คี ณุ ภาพในระดบั มาตรฐานสากล ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 185

2. เสรมิ สรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื เพอ่ื ยกระดบั ธรรมาภบิ าลในภาครฐั ของประเทศสมาชกิ อาเซยี น 2.1 สง่ เสรมิ ให้ประเทศสมาชิกอาเซยี นยกระดับธรรมาภบิ าลในภาค รฐั ตามมาตรฐานสากล และสอดคลอ้ งเปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั อันนำ�ไปส่กู ารพัฒนาประเทศให้บรรลุผลอย่างย่งั ยืน เกิดความ นา่ เชอ่ื ถอื และภาพลกั ษณท์ ด่ี ขี องประเทศสมาชกิ อาเซยี น 2.2 จดั เวทแี ลกเปลย่ี นองคค์ วามรู้ และประสบการณ์ (Knowledge Sharing) ในการปฏริ ปู และพฒั นาระบบราชการระหวา่ งประเทศ สมาชกิ อาเซยี น พรอ้ มทง้ั จดั ท�ำ ฐานขอ้ มลู และรวบรวมแนวทาง ปฏบิ ตั ทิ ด่ี เี ลศิ เพอ่ื สง่ เสรมิ หลกั ธรรมาภบิ าลของการบรหิ ารกจิ การ บา้ นเมอื งในภมู ภิ าค 2.3 เสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศสมาชกิ อาเซยี นใหม้ คี วาม แน่นแฟ้นย่ิงข้ึน ผ่านกลไกความร่วมมือ เช่น ความร่วมมือทาง วชิ าการดา้ นการศกึ ษาวจิ ยั การรว่ มเปน็ เจา้ ภาพในการจดั ประชมุ เชิงปฏิบัติการร่วมกัน การศึกษาดูงานยังประเทศต้นแบบ และ การแลกเปล่ียนบุคลากรและผู้เช่ียวชาญระหว่างกัน เป็นต้น รวมทง้ั สรา้ งเครอื ขา่ ยประสานความรว่ มมอื ไปยงั องคก์ รระหวา่ ง ประเทศ เพ่ือนำ�องค์ความรู้ และแนวทางปฏิบัติท่ีเป็นเลิศมา ใช้ประโยชน์เป็นแนวทางท่ีจะผลักดันให้สามารถดำ�เนินการ รว่ มกนั ได้ [60] 186

8.4 วสิ ยั ทศั นใ์ หมข่ องการพฒั นาระบบราชการไทย ระบบราชการไทยมงุ่ เนน้ พฒั นาการท�ำ งานเพอ่ื ประชาชน และรกั ษา ผลประโยชน์ของประเทศชาติภายใต้หลักธรรมาภิบาลของการบริหาร กิจการบ้านเมืองท่ีดี ยกระดับขีดสรรถนะไปสู่ความเป็นเลิศ บูรณาการ และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพงานของภาครฐั ประสานการท�ำ งานกบั ทกุ ภาคสว่ น สร้างความโปร่งใส ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้เป็นท่ี น่าเช่ือม่ันศรัทธาของประชาชน ระบบราชการไทยจะต้องให้คุณค่า ความส�ำ คญั และยดึ มน่ั ในปรชั ญา หลกั การ และแนวทาง ดงั น้ี • ยดึ ประชาชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง ผลกั ดนั ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ก�ำ หนด ทศิ ทางการท�ำ งานระยะยาวใหช้ ดั เจน สอดคลอ้ งกบั นโยบายของ รฐั บาล ค�ำ นงึ ถงึ ประโยชนข์ องประชาชน เปดิ โอกาสใหม้ สี ว่ นรว่ ม และรบั ฟงั ความคดิ เหน็ เพอ่ื น�ำ ไปปรบั ปรงุ บรกิ าร เพอ่ื ตอบสนอง ความต้องการของประชาชน อำ�นวยประโยชน์ วางระบบการ จัดการข้อร้องเรียน และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนเตรียมระบบการบริหารในภาวะฉุกเฉิน เพ่ือเป็นท่ีพ่ึง ของประชาชนในภาวะวกิ ฤต ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 187

• ลดบทบาทภารกจิ ของภาครฐั ใหด้ �ำ เนนิ การเฉพาะสว่ นทเ่ี ปน็ ภารกจิ ทร่ี ฐั ควรด�ำ เนนิ การ ลดความซา้ํ ซอ้ น ปรบั ปรงุ ขน้ั ตอนการท�ำ งาน และเพ่มิ ขีดสมรรถนะของหน่วยงาน พัฒนารูปแบบการบริหาร และกระบวนการทำ�งานใหม่ สร้างขีดสมรรถนะ ค่านิยม และ วฒั นธรรมองคก์ าร ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทท่ี นั สมยั มาสนบั สนนุ การทำ�งานให้ ทำ�งานด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส มีความพร้อม เพรยี งตอ่ การเปลย่ี นแปลง • บูรณาการการทำ�งานของภาครัฐ และในระดับต่างๆ พัฒนา รูปแบบการทำ�งานให้มีความสอดคล้องเช่อื มโยงกัน เพ่อื รองรับ การด�ำ เนนิ งานนโยบายส�ำ คญั ของประเทศ และระดมสรรพก�ำ ลงั บุคลากรท่ีมีความเช่ียวชาญในแต่ละสาขา เพ่ือผลักดันการนำ� นโยบายสู่การปฏิบัติ รวมถึงเพ่ิมบทบาทของภาคส่วนอ่ืนๆ ในสังคมท่ีมีความพร้อม เช่น ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนเขา้ มารว่ มด�ำ เนนิ การ • เสรมิ สรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ระดบั พน้ื ทใ่ี หเ้ ปน็ ศนู ยค์ วาม เจรญิ ในระดบั ภมู ภิ าคเชอ่ื มโยงอาเซียน เพ่อื ใหเ้ กิดความร่วมมือ ในการท�ำ งาน การใชท้ รพั ยากรใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ เกดิ ความคมุ้ คา่ เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั โดยยดึ พน้ื ทเ่ี ปน็ หลกั 188

• ลดการควบคุมท่ีก่อให้เกิดภาระ อุปสรรค หรือความยุ่งยากต่อ การประกอบกิจการ หรือการดำ�เนินชีวิตของประชาชน สร้าง ความโปร่งใส และความเช่อื ม่ันศรัทธา เป็นท่ีพ่ึงของประชาชน และรว่ มมอื กบั ภาคสว่ นอน่ื ในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ และประพฤติ มชิ อบ • พัฒนา และสรรหาผู้ท่ีมีความสามารถสูงเข้ามารับราชการ สร้างผู้นำ�การเปล่ียนแปลงในทุกระดับ เสริมสร้างทัศนคติท่ีดี สรา้ งคณุ ธรรม จรยิ ธรรม พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ จดั สวสั ดกิ าร ทบทวน ระบบคา่ ตอบแทนทเ่ี หมาะสม • สรา้ งความพรอ้ ม และขบั เคลอ่ื นระบบราชการไทยเขา้ สปู่ ระชาคม อาเซยี น และเวทโี ลก [55] ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 189

บรรณานุกรม [1] กรมอุตุนยิ มวิทยา. ความรอู้ ตุ นุ ิยมวิทยา ภูมอิ ากาศประเทศไทย. คน้ วนั ท่ี 4 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.tmd.go.th/info/ info.php?FileID=22 [2] กรมอาเซยี น กระทรวงการตา่ งประเทศ. ไทยกบั อาเซยี น. คน้ วนั ท่ี 8 กุมภาพันธ์ 2557 จาก http://www.mfa.go.th/asean/ contents/files/other-20121203-162828-142802.pdf [3] กรมอาเซยี น กระทรวงการตา่ งประเทศ. เกย่ี วกบั กรม. คน้ วนั ท่ี 16 ตลุ าคม 2557 จาก http://www.mfa.go.th/asean/ [4] กระทรวงกลาโหม. กระทรวงกลาโหมไทยกบั ประชาคมอาเซยี น ค้นวันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ.2557 จาก http://diec.mod.go.th/ aseancommunity/mod_asean/PDF/mod-aec2.aspx [5] กระทรวงการคลงั . คณะกรรมการอาเซยี นดา้ นการเงนิ การคลงั เหน็ ชอบยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงการคลงั ดา้ นการเงนิ การคลงั เพอ่ื รองรบั ประชาคมอาเซยี น คน้ วนั ท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ.2557 จาก http:// www.thaigov.go.th/th/news-ministry/2012-08-15-09-16-10/ item/85449 [6] กระทรวงการคลัง. สำ�นักการเงินการคลังอาเซียน – สำ�นักงาน เศรษฐกิจการคลัง ค้นวันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ.2557 จาก http://www.fpo.go.th/FPO/index2. p h p ? m o d = C a t e g o r y & fi l e = c a t e g o r y v i e w & c a t e g o r y I D = CAT0001222 190

[7] กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า.การเพม่ิ ศกั ยภาพของจงั หวดั เพอ่ื รองรบั ประชาคมอาเซยี นดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว. คน้ วนั ท่ี 15 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.moi.go.th/pls/portal/docs/PAGE/MOI_2555/MOI/ TAB1036652/5ASEN_121212-3.PDF [8] กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย.์ ประชาคมสงั คมและ วฒั นธรรมอาเซยี นกบั ภารกจิ ของกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คง ของมนุษย์. ค้นวันท่ี 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www. nonthaburi.m-society.go.th/note/acc03.pdf [9] กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์. อำ�นาจหน้าท่กี อง อาเซยี น คน้ วนั ท่ี 12 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.m-society. go.th/ewt_news.php?nid=11150 [10] กระทรวงเกษตรและสหกาณ.์ เดนิ หนา้ 8 ยทุ ธศาสตร์ เตรยี มพรเขา้ สู่ AEC. คน้ วนั ท่ี 15 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.aseanthai.net/special-news-detail.php?id=103 [11] กระทรวงเกษตรและสหกาณ์. รายงานความก้าวหน้าโครงการสำ�คัญ (Flagship Project) คน้ วนั ท่ี 15 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://w3c.moac.go.th/ewt_news.php?nid=12680&filename= [12] กระทรวงคมนาคม . คมนาคมกบั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น คน้ วนั ท่ี 17 สงิ หาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.mot.go.th/Home/AEC1 [13] กระทรวงคมนาคม (2555). นโยบายเรง่ ดว่ นของรฐั บาลทจ่ี ะเรม่ิ ด�ำ เนนิ การ ในปแี รก คน้ วนั ท่ี 17 สงิ หาคม พ.ศ. 2557 จาก http://vigportal.mot.go.th/RegisterWeb/Link/planing/files/ report_project2555.doc [14] ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม.รา่ งมตกิ รงุ เทพฯ วา่ ดว้ ยความรว่ มดา้ น สง่ิ แวดลอ้ มอาเซยี น คน้ วนั ท่ี 17 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://asean. mnre.go.th/download/article/article_20131107170015.pdf ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 191

[15 ] กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม.แถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรี อาเซียนด้านส่ิงแวดล้อม ค้นวันท่ี 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จาก http:// asean.mnre.go.th/download/pdf/ASEAN_Joint_Statement_on_ SCP.pdf [16] กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร. จดั ประชมุ พจิ ารมาตรฐาน ICT ส�ำ หรบั คนพกิ าร. คน้ วนั ท่ี 17 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://www. thaigov.go.th/th/news-ministry/2012-08-15-09-45-26/item/85496- 85496.html [17] กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร.แผนยทุ ธศาสตรก าร พฒั นา รฐั บาลอเิ ลก็ ทรอนกิ สข องอาเซยี น 2020 คน้ วนั ท่ี 17 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จากhttp://www.mict.go.th/assets/portals/1/files/ASEAN- EGOVTSTRATEGICPLAN-VTH.pdf [18] กระทรวงพลังงาน. การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนคร้ังท่ี 31 ท่ี อนิ โดนเี ซยี . คน้ วนั ท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.energy.go.th/index.php?q=node/27325 [19] กระทรวงพาณิชย์. จากพิมพ์เขียวกระทรวงพาณิชย์รองรับการเข้าร่วม ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC). ค้นวันท่ี 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จากhttp://www2.moc.go.th/ewtadmin/ewt/moc_web/ewt_news. php?nid=7136&filename= [20] กระทรวงมหาดไทย. ยทุ ธศาสตรม์ หาดไทยสปู่ ระชาคมอาเซยี น. ค้นวันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.dlfeschool.in.th/ TETA/20130823t.html [21] กระทรวงยุตธิ รรม. ยทุ ธศาสตร์การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซียนของกระทรวง ยตุ ธิ รรม (พ.ศ.2556 - 2558) คน้ วนั ท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จากhttp:// website2556.moj.go.th/upload/mini110_information/ uploadfiles/28321_2298.pdf 192

[22] กระทรวงแรงงาน .แผนพฒั นาก�ำ ลงั คนในระดบั ประเทศ พ.ศ. 2555 – 2559 คน้ วนั ท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.senate.go.th/w3c/ senate/sec.php?url=view&sec_id=79&content_id=737 [23] กระทรวงแรงงาน .กองอาเซียน. ค้นวันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จาก http://asean.bangkok.go.th/index.php/2014-02-15-14-12-47/2014- 02-15-14-14-13/58-2014-04-24-06-58-00 [24] กระทรวงวัฒนธรรม. บทบาทของวัฒนธรรมกับการเตรียมความพร้อมสู่ ประชาคมอาเซยี นง คน้ วนั ท่ี 26 มถิ นุ ายน พศ. 2557 จากhttp://www. matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1332927123 [25] กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี ประชาคมอาเซยี นกบั ขอ้ ตกลงความ ร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ค้นวันท่ี 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จากhttp://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/ technology/ewt_dl_link.php?nid=170&filename=index [26] กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี ศนู ยเ์ ชย่ี วชาญดา้ นวสั ดสุ มั ผสั อาหาร แหง่ เดยี วของอาเซยี น. คน้ วนั ท่ี 20มถิ นุ ายน พ.ศ. 2557 จาก http://siweb. dss.go.th/news/show_abstract.asp?article_ID=3114 [27] กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 120 ปี กรมวิทยาศาสตร์บริการ แหลง่ รวมความเชย่ี วชาญ รว่ มสรา้ งเศรษฐกจิ อาเซยี น คน้ วนั ท่ี 20มถิ นุ ายน พ.ศ. 2557 จากhttp://www.manager.co.th/Science/ViewNews. aspx?NewsID=9540000074202 [28] กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. แผนยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื ด�ำ เนนิ การ ภายใน ปี 2555 – 2558 ค้นวันท่ี 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID= 29058&Key=hotnews [29] กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ความรเู้ กย่ี วกบั อาเซยี น. คน้ วนั ท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.kan1.go.th/asean55/page001.html ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 193

[30] กระทรวงสาธารณสขุ . การสาธารณสขุ ไทย. คน้ วนั ท่ี 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.moph.go.th/ops/health_48/2544_2547.htm [31] กระทรวงสาธารณสขุ . ประเทศไทยกบั งานดา้ นสาธารณสขุ ในกรอบอาเซยี น. ค้นวันท่ี 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จากhttp://www.mfa.go.th/asean/ contents/files/other-20121203-163657-810094.pdf [32] กระทรวงอตุ สาหกรรม. http://www.industry.go.th/industry/ [33] คณะท�ำ งานจดั ท�ำ ขอ้ มลู เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มขา้ ราชการรฐั สภาสปู่ ระชาคม อาเซยี น.ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาพผแู้ ทนราษฎร. 2555. การกา้ วสปู่ ระชา อาเซยี น. กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั การพมิ พ์ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร. [34] ชชั ชาติ สทิ ธพิ นั ธ.์ุ 2556. แนวทางการพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นการขนสง่ . เอกสารประกอบการน�ำ เสนอการสมั มนาพเิ ศษบทบาทการพฒั นา โลจสิ ติ กสไ์ ทย สคู่ วามเปน็ ผนู้ �ำ ในระดบั ภมู ภิ าค วนั ท่ี 30 มกรคม 2556. คน้ วนั ท่ี 7 กุมภาพันธ์ 2557 จาก http://www.eit.or.th/q_download/_ 2556/04022013_logistic/logistic30012013.pdf [35] ธนาคารแห่งประเทศไทย. 2557. อัตราแลกเปล่ยี นเงินตราต่างประเทศ. คน้ วนั ท่ี 1 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จากhttp://www.bot.or.th/Thai/Statistics/ FinancialMarkets/ExchangeRate/_layouts/Application/ ExchangeRate/ExchangeRate.aspx [36] ปณั รส มาลากลุ ณ อยธุ ยา. 2546. การพฒั นาระบบราชการไทย การพฒั นา องค์การและการสร้างองค์การท่เี รียนร้.ู ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบนั พระปกเกลา้ . คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.kpi. ac.th/wiki/index.php/89 [37] ผ้จู ัดการออนไลน์. 2557. (17 เมษายน). ก่อต้งั กองอาเซียนดูแลแรงงาน อาเซียน มิ.ย.ประเดิมยกร่างตราสาร ASTV. ค้นวันท่ี 3 มีนาคม 2557 จากhttp://www.manager.co.th/QOL/ViewNews. aspx?NewsID=9570000042869 194

[38] พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551. ราชกจิ จานเุ บกษา. ฉบบั กฤษฎกี า 125, 22 ก (25 มกราคม).และสาระพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บ ขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 จดั พมิ พโ์ ดย กลมุ่ สอ่ื สารองคก์ รส�ำ นกั งาน ก.พ. มนี าคม 2551 [39] พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541. ราชกิจจานุเบกษา. ฉบับ กฤษฎกี า 115, 8ก (20 กมุ ภาพนั ธ)์ . [40] พพิ ธิ ภณั ฑธ์ งชาตไิ ทย (ธงไตรรงค)์ . 2557. ความหมายของธงชาต.ิ คน้ วนั ท่ี 1 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.thaiflag.org/ [41] ภชุ งค์ ประดษิ ฐธรี ะ. ประชาคมอาเซยี นกบั บทบาทของกองทพั เรอื คน้ วนั ท่ี 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.rtarf.mi.th/asean/pdf/ a2_171055.pdf [42] มตชิ นออนไลน.์ 2555. (28 มนี าคม). วธ.คลอด 3 ยทุ ธศาสตรว์ ฒั นธรรม สู่ประชาคมอาเซียน. ค้นวันท่ี 5 กุมภาพันธ์ 2557 จากhttp://www. matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1332927123&grpid= 03&catid=03 [43] รชั นวี รรณ วนชิ ยถ์ นอม. (ม.ป.ป.). สมรรถนะในระบบขา้ ราชการพลเรอื น ไทย (Competency). คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.dusit.ac.th/personnel/pdf/Binder2.pdf [44] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนพิเศษ 152 ง 15 ธันวาคม 2554 เร่อื ง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559). ค้นวันท่ี 5 กุมภาพันธ์ 2557 จากhttp://www.senate.go.th/w3c/ senate/pictures/comm/55/2011.pdf [45] ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สำ�นักงานปลัดกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร. ประวตั แิ ละความเปน็ มาของประเทศไทย. คน้ วนั ท่ี 4 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.school.net.th/library/create-web/10000/ history/10000-8041.html ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 195

[46] สถาบนั พฒั นาขา้ ราชการพลเรอื น. 2552. แนวทางปฏบิ ตั ติ ามยทุ ธศาสตร์ การพัฒนาข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552-2556. กรุงเทพฯ: แอร์บอร์น พรนิ ต์ จ�ำ กดั . [47] สถาบนั พฒั นาขา้ ราชการพลเรอื น. 2554. การเตรยี มความพรอ้ มขา้ ราชการ ไทยสปู่ ระชาคมอาเซยี น : มติ ใิ หมท่ ท่ี า้ ทายส�ำ นกั งาน นนทบรุ :ี ส�ำ นกั งาน ก.พ. [48] สาธิต วงศ์อนันต์นนท์. 2556. ยุทธศาสตร์ประเทศไทย (Thailand’s Country Strategy). ใน วารสารวิชาการสำ�นักงานเลขาธิการวุฒิสภา. ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (กมุ ภาพนั ธ)์ . กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั วชิ าการ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ าร วฒุ สิ ภา. [49] สารารนุกรมไทยสำ�หรับเยาวชน. กฎหมายกับสังคมไทย. ค้นวันท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/ book.php?book=18&chap=4&page=t18-4-infodetail01.html [50] สารานกุ รมไทยส�ำ หรบั เยาวชน. ลกั ษณะทางสงั คมและวฒั นธรรม. คน้ วนั ท่ี 4 กุมภาพันธ์ 2557 จาก http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/ book/book.php?book=16&chap=5&page=t16-5-suggestion.html [51] ส�ำ นกั การประชาสมั พนั ธต์ า่ งประเทศ กรมประชาสมั พนั ธ.์ 2554.ประเทศไทย กบั อาเซยี น. กรงุ เทพฯ: กรมประชาสมั พนั ธ์ [52] ส�ำ นกั ขา่ วไทย. เตรยี มขบั เคลอ่ื น 5 ยทุ ธศาสตรน์ �ำ ไทยพรอ้ มเขา้ สู่ AEC คน้ วันท่ี15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.mcot.net/site/ content?id=53c62eecbe0470c3328b456c#.VD_HSWd_vkU [53] ส�ำ นกั ความสมั พนั ธต์ า่ งประเทศ ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ประวตั ิ ความเปน็ มาและระบบการจดั การศกึ ษาไทย. คน้ วนั ท่ี 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_ content&view=article&id=661&catid=61 196

[54] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น. ระบบราชการ.ไทย. คน้ วนั ท่ี 5 กุมภาพันธ์ 2557 จากhttp://job.ocsc.go.th/images/ Knowledge/634231800187767500.pdf [55] สำ�นักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. ประชาคมอาเซียน: บทบาท ส�ำ นกั งาน ก.พ. ในการเตรยี มความพรอ้ มขา้ ราชการ. คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จากhttp://www.ocsc.go.th/ocsc/th/index.php?option=com_ content&view=article&id=3487&catid=488&Itemid=342 [56] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น. ประชาคมอาเซยี น : บทบาท ส�ำ นกั งาน ก.พ. ในการเตรยี มความพรอ้ มขา้ ราชการ คน้ วนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2557 จาก http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/files/CSTI/ ASEAN%20UNIT/Rattana.pdf [57] สำ�นักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. 2556. แนวทางการพัฒนา ทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มสปู่ ระชาคมอาเซยี น 2558. เอกสารประกอบการน�ำ เสนอ วนั ท่ี 21 มกราคม 2556. คน้ วนั ท่ี 3 มนี าคม 2557 จาก http://hq.prd.go.th/prTechnicalDM/ewt_news. php?nid=565 [58] สำ�นักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. 2557.บทบาทของ ส�ำ นกั งาน ก.พ. ตอ่ การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น. คน้ วนั ท่ี 3 มนี าคม 2557 จาก http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/index.php? option=com_ content&view=art [59] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น คน้ วนั ท่ี 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/files/CSTI/D%20menu/ stategic/strategy%2001.pdf [60] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ. 2556. แผนยทุ ธศาสตรก์ าร พฒั นาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2556 -พ.ศ. 2561). กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั งาน ก.พ.ร. ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 197

[61] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ. วสิ ยั ทศั นใ์ หมข่ องการพฒั นา ระบบราชการไทย. คน้ วนั ท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 จาก http://www. opdc.go.th/oldweb/Doc_report/File_download/1094474650- 1-44-1.pdf [62] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบขา้ ราชการ. 2556. โครงการ 1 กรม 1 ป้องกันโกง. 360 องศาพัฒนาระบบราชการ. จดหมายข่าวสำ�นักงาน คณะกรรมการพฒั นาระบบขา้ ราชการ. (มนี าคม-พฤษภาคม). [63] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ สรปุ สาระ ส�ำ คญั แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 11 (2555-2559). คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก www.nesdb.go.th/Portals/0/news/ plan/p11/SummaryPlan11_thai.pdf [64] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ ยทุ ธศาสตร์ การพฒั นาประเทศตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ.2555-2559). คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=395 [65] สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2556. เสน้ ทางประเทศไทยสปู่ ระชาคมอาเซยี น. ในเอกสารการประชมุ ประจ�ำ ปี 2556 ของ สศช. วนั ท่ี 16 ก.ย.2556. [66] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทนุ . ภาพรวมเศรษฐกจิ ประเทศไทย. ค้นวันท่ี 2 กุมภาพันธ์ 2557 จาก http://www.boi.go.th/index. php?page=macroeconomics [67] ส�ำ นกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทนุ . โครงสรา้ งพน้ื ฐาน. คน้ วนั ท่ี 7 กุมภาพันธ์ 2557 จาก http://www.boi.go.th/index. php?page=Highways [68] สำ�นักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. ประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 เสาหลกั . คน้ วนั ท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จากhttp://www.nwvoc.ac.th/ asean/asean5.html 198

[69] สำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมตรี. ประวัติรัฐบาลไทย. ค้นวันท่ี 5 กุมภาพันธ์ 2557 จากhttp://www.cabinet.thaigov.go.th/bb2_main41.htm [70] ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาพผแู้ ทนราษฎร. 2555. การกา้ วสปู่ ระชาอาเซยี น. กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั การพมิ พ์ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร [71] สำ�นักนโยบายและแผน สำ�นักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. โอกาสและ ผลกระทบของประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นตอ่ กระทรวงมหาดไทย 2555. ใน เอกสารการประชมุ ประจ�ำ ปี 2556 ของส�ำ นกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ และ สงั คมแหง่ ชาติ เรอ่ื งเสน้ ทางประเทศไทยสปู่ ระชาคมอาเซยี น.วนั ท่ี 16 ก.ย. 2556. กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ [72] ส�ำ นกั นโยบายและยทุ ธศาสตร์ ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม กระทรวง ยุติธรรม. ม.ป.ป. ความสอดคล้องของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ระบบงาน และแนวทางปฏิบัติของกระทรวงยุติธรรม งานท่เี ก่ยี วข้องกับ ระบบงานยตุ ธิ รรมของประเทศไทย กบั กระทรวงยตุ ธิ รรมและหนว่ ยงานท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั ระบบงานยตุ ธิ รรมของประเทศอน่ื ๆ ในอาเซยี น. กรงุ เทพฯ: พี เอส พรน้ิ ตง้ิ แอนด์ ดไี ซน์ [73] ส�ำ นกั งานปฏริ ปู ทด่ี นิ เพอ่ื เกษตรกรรม (ส.ป.ก.). 2557. ขอ้ มลู พน้ื ฐานอาเซยี น ประเทศไทย. คน้ วนั ท่ี 1 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จากhttp://www.alro.go.th/ alro/project/ASEAN/thailand.html [74] สำ�นักงานปลัดกระทรวงกลาโหม. ภูมิศาสตร์ประเทศไทย. ค้นวันท่ี 4 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จากhttp://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/ nation/geography/geo.htm [75] ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ ยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ นโยบายเตรยี มความพรอ้ มภาค การเกษตรสปู่ ระชาคมอาเซยี น. คน้ วนั ท่ี 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จากhttp:// moac2aec.moac.go.th/download/AC/News020756.pdf [76] ส�ำ นกั พฒั นาระบบจ�ำ แนกต�ำ แหนง่ และคา่ ตอบแทน ส�ำ นกั งาน ก.พ2555. ก�ำ ลงั คนภาครฐั ในฝา่ ยพลเรอื น (2555). กรงุ เทพฯ: ธรี านสุ รณก์ ารพมิ พ.์ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 199


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook