นิทานประกอบความรู้ เรื่อง สิ่งวุ่นๆของวัยรุ่นเหม่งเวหา และ เรื่อง ความโลภเป็นเหตุสังเกตได้
คำนำ นิทานเลม่ น้ีเปน็ สว่ นหนง่ึ ของรายวชิ า 0801221 กฎหมายอาญา2 โดยมจี ุดประสงคเ์ พอ่ื ให้ผู้อ่านได้รบั ความสนุกสนานและได้เขา้ ใจในเรอื่ งของฐานความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราต่างๆ ดงั นี้ มาตรา รวมถงึ เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นได้ศึกษาความรเู้ กย่ี วกบั คำอธิบายเชงิ โครงสรา้ ง ตลอดจนคำอธบิ ายจากบรรทัดฐานคำ พิพากษาศาลฎีกาในเรอ่ื งทเ่ี กี่ยวข้องกบั มาตราดงั กล่าว ผู้จดั ทำจะต้องขอขอบพระคณุ อาจารย์ วริ ัตน์ นาทพิ เวทย์ ผู้ให้ความร้แู ละแนวทางการศกึ ษา รวมถึงขอบคุณเพ่อื นๆสมาชกิ ในกลมุ่ ทุกคนท่ีคอยช่วยเหลือในเรือ่ งต่างๆไมว่ ่าจะใหค้ ำปรึกษา ชว่ ยอธิบาย หรือ ช่วยเสนอความคิดเห็นตา่ งๆ ในการทำนิทานเล่มนม้ี าโดยตลอด และผูจ้ ัดทำคาดหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ นทิ านเลม่ น้ี จะใหค้ วามสนุกสนานและให้ความรทู้ ่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ผู้อ่านทกุ ๆทา่ นไมม่ ากกน็ ้อย นางสาว กรรณรัตน์ หนสู วุ รรณ์ รหัสนิสติ 631081008 นางสาว กญั ญาวรี ์ โพธโิ สดา รหสั นิสติ 631081022 นางสาว จรยิ า กลู ณรงค์ รหสั นสิ ิต 631081045 นางสาว ชุติกาญจน์ หนุ้ ยอ่ ง รหสั นสิ ติ 631081063 นาย ณรงคฤ์ ทธิ์ รงั เสาร์ รหสั นิสติ 631081074 นางสาว ณัฐธิดา สิทธริ าม รหัสนสิ ติ 631081077 นางสาว ดวงแก้ว กลุ สวุ รรณ รหสั นิสติ 631081090 นางสาว นลินี เทพกำเนิด รหัสนิสิต 631081133 ผู้จดั ทำ
สารบญั หน้า เรื่อง 1 5 บทท่ี 1 : เน้อื หานทิ าน 11 19 - เรอ่ื ง สง่ิ วุ่นๆของวยั รนุ่ เหม่งเวหา 36 - เร่ือง ความโลภเป็นเหตุสงั เกตได้ 44 52 บทท่ี 2 : เน้ือหากฎหมาย คำพพิ ากษาศาลฎีกา และบทสรุปเน้อื หาประกอบนิทาน 61 70 - รายละเอียดของ E-book รหัสนสิ ิต 631081008 75 เร่ือง ความผดิ ฐานทำใหเ้ กิดเพลงิ ไหม้แก่ทรัพยข์ องตนเองตามมาตรา220 และความผดิ ฐานทำใหเ้ กิดเพลิงไหม้โดยประมาทตามมาตรา225 - รายละเอยี ดของ E-book รหัสนิสิต 631081022 เร่อื ง ความผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ ตอ่ เจ้าพนักงานตามมาตรา137 และความผดิ ฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนักงานตามมาตรา145 - รายละเอียดของ E-book รหัสนสิ ติ 631081045 เรอ่ื ง ความผิดฐานลกั ทรัพย์ตามมาตรา334 และความผิดฐานทำให้เสยี ทรัพย์ตามมาตรา358 - รายละเอียดของ E-book รหัสนิสติ 631081063 เรอ่ื ง ความผดิ ฐานเจา้ พนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา148 และความผดิ ฐานเจ้าพนกั งานเรียกรับสินบนตามมาตรา149 - รายละเอียดของ E-book รหัสนสิ ติ 631081074 เรอื่ ง ความผิดฐานแจ้งความเท็จตอ่ เจา้ พนกั งานตามมาตรา137 และความผิดฐานข่มขืนใจเจา้ พนักงานตามมาตรา139 - รายละเอยี ดของ E-book รหัสนสิ ิต 631081077 เร่อื งความผิดฐานเจา้ พนกั งานจา่ ยทรัพย์เกินกว่าที่ควรจะจา่ ยตามหนา้ ท่ีตามมาตรา153 และความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏบิ ตั หิ น้าทโ่ี ดยมิชอบหรอื ทุจริตตามมาตรา157 - รายละเอยี ดของ E-book รหัสนิสิต 631081090 เรอ่ื งความผดิ ฐานใหส้ นิ บนเจา้ พนกั งานตามมาตรา144 และความผดิ ฐานเจ้าพนักงานยกั ยอกทรพั ย์ตามมาตรา147 - รายละเอยี ดของ E-book รหัสนสิ ิต 631081133 เรื่องความผดิ ฐานเหยยี ดหยามศาสนาตามมาตรา206 และความผดิ ฐานก่อการวนุ่ วายในทีป่ ระชมุ ศาสนิกชนตามมาตรา207
บทที่1 เนื้อหานิทาน
--1— บทท่ี 1 เน้ือหานิทาน นิทานเรือ่ ง สิง่ วุ่นๆของวัยรุ่นเหมง่ เวหา กาลครงั้ หน่งึ ไมน่ ่าจะนานในหมบู่ า้ นเหมง่ เวหา หมู่บ้านเหม่งเวหาดเู หมอื นจะเปน็ หมู่บา้ น ที่เต็มไปดว้ ยความสงบ แต่ใครจะไปรวู้ า่ หมบู่ า้ นเหมง่ เวหานีแ่ หละ เปน็ หมู่บา้ นท่เี กดิ ความวนุ่ วาย ไมเ่ ว้นแต่ละวนั ณ วัดเอยวดั โบสถ์ ปลูกข้าวโพดสาลี วดั ประจำของหมบู่ ้านเหมง่ เวหา ได้มีงานพธิ ีอปุ สมบท ของนายนำ้ ย่อย งานในวนั นีเ้ หมอื นจะเป็นไปได้ดว้ ยดี แตแ่ ล้วในขณะทีก่ ำลังทำพิธีอยู่ในโบสถ์นัน้ นางสาวนำ้ เดนิ หญิงสาวคนหนึง่ กไ็ ด้เดนิ เข้าไปอาละวาดภายในโบสถ์ทกี่ ำลังทำพธิ ีอยู่ ไดก้ ล่าววาจา และคำด่าทอท่หี ยาบคาย อีกทง้ั ยังทำลายข้าวของภายในโบสถ์และไดข้ ึน้ ไปเหยียบบนพระพุทธรปู เพ่อื ชี้หนา้ ดา่ นายน้ำย่อย “กร๊ีดดดดดดดดด !! ไอ้ผัวเวร มึงทำกบั กขู นาดน้ียังคิดหนีมาบวชอีกหรอมงึ กไู มย่ อมหรอก มงึ ต้องรับผดิ ชอบ” นางสาวนำ้ เดินกรีดรอ้ งออกมาด้วยความแค้น นางน้ำคา้ งแมข่ องนายนำ้ ย่อยเห็นท่าไม่ดีนัก จึงได้พดู เกลี้ยกลอ่ ม แต่มันก็ไม่ไดท้ ำให้เหตุการณ์จะสงบลง “หนูนำ้ เดิน แมว่ ่าลูกใจเย็นๆกอ่ นนะลกู นมี่ นั ในวัดในวานะ” นางนำ้ ค้างพดู “เหอะ คุณแมร่ ไู้ หมว่าลูกคุณแม่ทำอะไรไว้กับหนไู ว้บา้ ง มนั ขโมยข้าวเหนยี ว ไก่หนู ขโมยเงินหนไู ป50บาท แลว้ มนั ก็หนมี า คุณแมจ่ ะให้หนยู อมหรอคะ ชว่ งนีเ้ งินทองกห็ ายาก แต่คุณกค็ ง ไม่เชอ่ื หนูสินะคะ เพราะในสายตาของคณุ แมไ่ อน้ ้ำย่อยคอื คนดี ลกู ประเสรฐิ ลูกเทวดาของคุณแม่อยู่แล้ว” นางสาวนำ้ เดินพูดออกมาดว้ ยนำ้ เสยี งท่โี มโห “ใจเยน็ ๆกอ่ นนะนำ้ เดนิ พี่ขอละ สง่ิ ใดที่พี่เคยล่วงเกนิ ไปพี่ขอโทษ พ่ไี มไ่ ดต้ ง้ั ใจ” นายน้ำยอ่ ยได้กล่าวขึ้นเพอ่ื หวังวา่ จะทำใหน้ างสาวนำ้ เดนิ ใจเย็นลงได้ แต่เหมือนจะไม่ได้ผล นางสาวน้ำเดนิ ได้ตะโกนออกมาด้วยนำ้ เสียงทโ่ี มโหเป็นอยา่ งมาก “ขอโทษเหรอ ขอโทษงัน้ หรอ กรด๊ี ดดดดดดดดดดด!!!!!” ดูเหมือนเหตุการณ์จะไมส่ งบลงงา่ ยๆ แตแ่ ลว้ กเ็ หมอื นวา่ นายนำ้ ยอ่ ยยังมีแต้มบุญอยู่ เพราะขณะท่ี นางสาวน้ำเดนิ ไดอ้ าละวาด ก็ไดม้ ีเจา้ หน้าทต่ี ำรวจท่ีอย่บู ริเวณภายในงานพอดี “หยุดนะคณุ ใจเย็นๆ ลงมาคุยกันก่อนนะคะ” เสยี งของร.ต.ต.หญิงแอน่ อมุ าตะโกนออกมาพรอ้ มกับวง่ิ เขา้ มาภายในโบถส์ “เดย๋ี วฉันจัดการเองค่ะ ฉนั ร.ต.ต.หญงิ แอ่นอุมาคะ่ เป็นเจา้ หนา้ ท่ตี ำรวจ” ร.ต.ต.หญิงแอ่นอุมาไดห้ ันไปบอกกบั นางน้ำคา้ งด้วยน้ำเสยี งอันนุ่มนวล เพอื่ ให้นางน้ำคา้ งสบายใจขึน้ “อ๋ออ ขอบคุณมากเลยนะคะ” นางนำ้ คา้ ง กลา่ ว “ใจเยน็ ๆกอ่ นนะคะตั้งสติ มีอะไรระบายออกมาไดค้ ่ะ ทุกคนพรอ้ มฟังคณุ นะคะ ทกุ อยา่ งมีทางออกคะ่ คณุ นึกถึงอนาคตสิคะ” ร.ต.ต.หญิง แอ่นอุมาพยายามเกลย้ี กล่อมนางสาวนำ้ เดนิ “คุณรอู้ ะไรไหมมนั ทำร้าย จติ ใจหนแู ค่ไหนมนั ท้งิ หนูไว้ในหอ้ งเลก็ ๆหอ้ งหนง่ึ กับความหิว ขา้ วเหนียวไกซ่ ื้อมากไ็ มไ่ ดก้ ิน รูไ้ หมหนูตอ้ ง ทนทุกข์ทรมานแคไ่ หน” นางสาวน้ำเดนิ ได้พดู ดว้ ยน้ำเสยี งที่ส่นั เครือพรอ้ มกับร้องไห้ออกมาอยา่ งเจ็บปวดใจ “ฉันเข้าใจคุณนะคะ วา่ คณุ เจบ็ ปวดมาก แต่ส่ิงท่ีคุณทำอยตู่ อนนี้มันผดิ นะคะ มนั เปน็ การก่อความวุน่ วาย ในพิธีอุปสมบทซึ่งเปน็ พธิ ีกรรมทางศาสนาถือว่าหนูกระทำความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา207 รวมถงึ
--2-- การท่หี นเู อาเทา้ ขนึ้ ไปเหยียบบนพระพทุ ธรปู กถ็ ือเป็นการเหยียดหยามศาสนาพทุ ธมีความผิดตามมาตรา206 เลยนะคะ มันเป็นส่ิงที่ไม่ดเี ลย ครอบครวั คณุ คนทร่ี กั คุณจะว่ายงั ไง” เมื่อร.ต.ต.หญงิ แอน่ อุมา พูดเช่นนั้น เหมือนนางสาวนำ้ เดินจะสงบลงได้ นางสาวนำ้ เดินไดค้ ดิ อยู่ครู่ หนงึ่ นางสาวนำ้ เดินคดิ ในใจว่า “โดนโทษแพงกวา่ ข้าวเหนียวไก่อีก” เมอ่ื นางสาวน้ำเดินคิดได้ เธอก็ใจเยน็ ลง และยอมรับผดิ อย่างโดยดี “ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษ ฉนั ยอมแลว้ คะ่ ” จากนั้นร.ต.ต.หญงิ แอน่ อมุ าก็ไดน้ ำตวั นางสาวนำ้ เดนิ ไปเพ่อื ไปรับผิดตามกฎหมาย ดูเหมอื นเหตกุ ารณ์จะจบแต่เพยี งเท่าน้ี แตน่ ่คี อื หมบู่ ้านเหมง่ เวหา หม่บู ้านท่ีมีแตค่ วามว่นุ วายไมเ่ วน้ แต่ละวนั เม่อื ร.ต.ต.หญิงแอน่ อมุ าได้นำตัวนางสาวนำ้ เดนิ อข้ึนรถเพื่อไปท่ีสถานีตำรวจไดไ้ ม่นาน กไ็ ดม้ เี สยี ง เอะอ่ะโวยวายกันดงั มาจากตรงข้ามวดั “ชว่ ยดว้ ยยยยยย !!! ไฟไหม้ๆๆๆๆๆๆ” เสยี งผู้หญงิ วัยกลางคนคนหนง่ึ กำลังตะโกนอยู่หนา้ บ้าน เมื่อนางน้ำค้างเหน็ เช่นน้นั จึงได้วงิ่ ไปถามวา่ เกดิ อะไรขึน้ “เกิดอะไรขน้ึ จ๊ะ” “ไฟไหม้จา้ ช่วยกันดบั ไฟที” นางจำปาเจ้าของบ้านทไ่ี ฟกำลังไหม้ ได้พูดออกมาอย่างรกุ ร้ีรุกรน เหตกุ ารณค์ ร้ังน้เี กิดข้นึ ที่บ้านของนางจำปา เกิดเหตุไฟไหมท้ บี่ ริเวณครัวและสวนผกั หลงั บา้ น แต่ไม่ไดไ้ หม้เป็นวงกว้างนัก ไมน่ านกด็ บั ไฟได้ ข้าวของกเ็ สยี หายอย่บู า้ ง และเม่ือเหตุการณ์สงบลง นางน้ำคา้ ง กไ็ ด้สอบถามว่าเหตใุ ดไฟถงึ ไหม้ได้ “ไปทำอทิ ่าไหนเน่ยี ไฟถงึ ไหม้ได้ ดนี ะ ไม่เปน็ อะไรมาก” นางจำปาไดต้ อบ กลับด้วยน้ำเสียงทโ่ี มโห เมอ่ื คดิ ถึงเหตุการณ์ทีเ่ กิดขึ้น “กน็ ังจำปีหนะ่ สิ มนั เผาหญา้ แลว้ ลามมาบา้ นฉนั เนย่ี ยังไงมนั ก็ต้องรับผิดชอบ ดสู ขิ ้าวของกเ็ สียหาย” “ อ๊าวววววววววว อะไรอะ่ ฉันก็เผาในบา้ นฉัน เกี่ยวอะไร กับบ้านเธอ ใครมันจะไปร้วู า่ จะลามไปบา้ นเธอ ห้ะ!นงั จำปา” เสยี งผ้หู ญงิ วัยกลางคนอายนุ า่ จะรนุ่ ราว คราวเดียวกนั กับนางจำปา ไดต้ ะโกนออกมาในขณะท่ีกำลงั เดินมาที่หนา้ บา้ นของนางจำปา นางน้ำค้างเห็น ทา่ ไม่ดี จึงได้บอกกบั ทง้ั สองว่าใหไ้ ปตกลงกนั ท่ีสถานีตำรวจ “ไปคุยกนั ทสี่ ถานีตำรวจม้ัย เผอ่ื จะไดเ้ คลยี รก์ ัน ไดน้ ะ” นางน้ำคา้ งกล่าว หลังจากทถ่ี กเถียงกันพักใหญ่ นางจำปแี ละนางจำปากไ็ ด้เดนิ ทางไปยงั สถานตี ำรวจแต่ก็ไม่วาย ถกเถียงกันตลอดทางจนถงึ ท่ีสถานีตำรวจ “ใจเยน็ ๆคะ่ ไมท่ ราบว่าเกิดอะไรขนึ้ คะ” ร.ต.ต.หญิงแจ่มศรี พนกั งานสอบสวนถามขน้ึ “คณุ ตำรวจ เออ่ .. (มองดูชอ่ื ) แจ่มศรี มณีจันทร์ คะ ก็นงั จำปีนะสิคะมันเผาหญา้ จนมันลามเขา้ มาท่ีสวนผักของฉัน จนผกั ในสวนฉนั เสยี หายหมดเลย และยังทำให้ครวั หลงั บ้านฉนั ก็ไหมไ้ ป ดว้ ย” นางจำปากลา่ ว “ก็ฉันเผาหญา้ บา้ นฉนั ใครมนั จะไปรวู้ า่ มันจะลามไปเผาสวนผักแลว้ ก็ครัวของเธอละ่ นังจำปา” นางจำปพี ดู ขึน้ พร้อมกบั ทำหน้าทำตาท่ีเหมือนจะไมร่ สู้ กึ ผิดแตอ่ ยา่ งใด “แต่เธอก็เหน็ อยูว่ า่ ลมมนั พดั มาทางสวนฉัน ละที่ที่เธอเผาน้นั มนั ก็เปน็ ท่แี ห้งมนั งา่ ยตอ่ การท่ีไฟจะลุกไหมแ้ ต่เธอกย็ ังจะจุดไฟเนี้ยนะ คณุ ตำรวจแจ่มศรี มณจี นั ทร์คะ ลงบนั ทึกประจำวันไวเ้ ลยค่ะ” นางจำปากลา่ วต่อ “กบ็ อกแล้วไงว่าไมไ่ ดต้ ้งั ใจ ฉนั ไม่คิดว่าไฟมนั จะไปไหมค้ รวั กบั สวนเธอหน”ิ นางจำปตี อบกลบั “ขอโทษนะคะ” ร.ต.ต.หญงิ แจม่ ศรี ได้พดู ขนึ้ “จากทไ่ี ด้ฟังคณุ ทั้งสองแล้ว ถึงคณุ จำปจี ะบอกว่า คณุ เผาหญา้ ที่บ้านของคณุ เองกต็ ามแต่คณุ สามารถคาดการณ์ได้วา่ ลมท่พี ดั ไปทางสวนของคณุ จำปา แล้วที่ท่ี คุณจำปเี ผานนั้ มันก็เป็นพ้นื ทแี่ หง้ มนั งา่ ยต่อการทไ่ี ฟจะลุกไหม้ กถ็ ือวา่ คุณจำปมี คี วามผดิ ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา220 ทำใหเ้ กิดเพลงิ ไหม้แก่ทรพั ย์ของตนเองจนน่าจะเปน็ อันตรายแกท่ รพั ยข์ องของคนอืน่ นะคะ
--3— และการทท่ี ำใหค้ รัวกับสวนผักของคุณจำปาเสียหายนน้ั ยงั ถอื ว่ามคี วามผดิ ฐานทำให้เสียทรพั ยต์ าม มาตรา358ด้วย แตห่ ากเหตกุ ารณ์ดงั กล่าวไมม่ ีลมพัดในตอนแรกกจ็ ะถอื ว่าคุณจำปีผิดตามมาตรา225คอื ทำให้ เกดิ ไฟไหม้โดยประมาทค่ะ” “เออ่ อ..งนั้ หรอคะ” นางจำปีตอบกลบั ด้วยสหี นา้ ท่ีดไู มค่ ่อยดีนัก “เฮอ้ ออ งั้นฉัน ขอออกไปโทรศพั ท์สักครไู่ ดม้ ย้ั คะ” “เชิญค่ะ” ร.ต.ต.หญงิ แจม่ ศรีตอบ หลังจากท่ีนางจำปไี ด้ทราบถงึ ความผิดแลว้ นั้น นางจำปีรู้สึกกลวั ว่าตนนน้ั จะต้องไดร้ ับผิด จึงไดแ้ อบ โทรหาผ้กู ำกับของสถานตี ำรวจนี้ ซึง่ รู้จักกันเป็นการสว่ นตวั อยูแ่ ลว้ เพ่อื หวังให้ผกู้ ำกบั ผู้นน้ั ช่วยเหลือในเรือ่ งคดี “ฮลั โหล สวัสดคี ะ่ ทา่ นผูก้ ำกับสุวทิ ย์ สะกิดตล่งิ ดิฉนั จำปีคะ่ ” “สวัสดีครบั คุณจำปี ไมท่ ราบวา่ มีอะไรหรือ เปล่าครับถึงได้โทรมาหาผม” ผู้กำกับสุวทิ ยถ์ ามผู้สนทนาทปี่ ลายสาย “พอดฉี ันมเี รอ่ื งอยากให้คุณ ช่วยหนอ่ ยค่ะ” นางจำปีกล่าว “เออ่ ... มอี ะไรเหรอครับ” ผกู้ ำกับสวุ ิทยถ์ าม “พอดฉี ันมีปญั หากบั เพ่ือนบ้าน ชว่ ยเคลยี ร์ให้หน่อยนะคะ ฉนั มคี า่ น้ำชาเล็กๆนอ้ ยๆใหค้ ะ่ ชว่ ยหน่อยนะคะ” นางจำปีตอบ ผกู้ ำกบั สุวิทยค์ ดิ อยู่ครู่หน่ึงกไ็ ดต้ อบกลบั มาวา่ “ได้ครบั ไม่ต้องหว่ ง คนกนั เองอยูแ่ ล้ว” “ขอบคณุ มากนะคะ” นางจำปตี อบกลบั พรอ้ มกับยิม้ กริ่มเมอ่ื ได้ยนิ คำตอบของผู้สนทนาปลายสาย หลังจากทโ่ี ทรศพั ทเ์ สรจ็ นางจำปกี ็ไดก้ ลับเขา้ มาในสถานตี ำรวจ และไม่นานก็ได้มีโทรศัพท์เขา้ มา ทรี่ .ต.ต.หญิงแจม่ ศรี “สวัสดีคะ่ แจ่มศรีค่ะ” “ผมสวุ ทิ ย์ สะกดิ ตลิง่ นะเขา้ มาหาผมที่ห้องหนอ่ ย” ปลายสาย ตอบกลับ “ได้ค่ะสักครู่นะคะ” ร.ต.ต.หญงิ แจม่ ศรีตอบ พร้อมวางสายไป แลว้ หนั มาบอกกบั นางจำปแี ละ นางจำปาว่า “เดย๋ี วดฉิ นั ขอเข้าไปพบผ้กู ำกับสักครู่นะคะ” ทง้ั นางจำปแี ละนางจำปาพยักหน้า หลังจากนนั้ ร.ต.ต.หญิง แจม่ ศรี ก็ได้เขา้ ไปในห้องผู้กำกับ “มีอะไรหรือเปล่าคะผกู้ ำกบั ” ร.ต.ต.หญิงแจม่ ศรีได้ เอ่ยปากถามกอ่ น “ส่งคดีของคุณจำปมี าใหผ้ มเด๋ยี วผมจดั การเอง ละก็ปลอ่ ยตวั เขากลบั บา้ นไดเ้ ลย” ผูก้ ำกับสวุ ิทย์ตอบ“เอ่อ....แต่วา่ ” ร.ต.ต.หญิงแจม่ ศรีพดู ด้วยนำ้ เสียงท่ีสงสัย “เรอื่ งนี้ผมจดั การเองครบั ” “ผกู้ ำกบั คงไมไ่ ดร้ บั สินบนนะคะ” ร.ต.ต.หญงิ แจม่ ศรีถามขึ้นพรอ้ มกับสหี น้าที่ไม่คอ่ ยดีนัก ผกู้ ำกบั สวุ ทิ ยไ์ ด้ยนิ เชน่ นน้ั ก็ได้ข้ึนเสยี งใส่ร.ต.ต.หญงิ แจ่มศรที ันที “คุณเห็นผมเปน็ คนยงั ไง” แตเ่ หมอื นนำ้ เสียงกับทา่ ทาง ของผกู้ ำกบั สวุ ิทย์นน้ั แตกต่างกัน ผู้กำกบั สุวิทย์มีท่าทางที่เป็นพิรุธ ร.ต.ต.หญิง แจ่มศรีได้มองด้วยความสงสยั “ออกไปได้ล่ะ เด๋ยี วผมจดั การเรื่องน้ีเอง” เสยี งผ้กู ำกบั สุวิทยพ์ ูดขน้ึ เมื่อเห็นวา่ ร.ต.ต.หญงิ แจ่มศรีมองตนเหมอื น จะจับผิด เมอื่ ร.ต.ต.หญงิ แจ่มศรีได้ยนิ เชน่ น้นั ก็ได้เดนิ ออกจากห้องผู้กำกบั ไป หลังจากท่ีร.ต.ต.หญิงแจม่ ศรอี อกมาจากห้องผกู้ ำกบั แล้ว ก็ได้กลบั ไปทำหน้าทีข่ องตัวเองตอ่ “ฉนั ลงบนั ทึกประจำวนั ให้แล้วนะคะสว่ นทเี่ หลอื รอดำเนนิ การตามกฎหมายเชิญคุณจำปากบั คณุ จำปกี ลบั บา้ น ก่อนนะคะ” ร.ต.ต.หญงิ แจม่ ศรีกลา่ วกบั นางจำปีและนางจำปา และเม่อื นางจำปไี ดย้ นิ ดังนัน้ กไ็ ดย้ ้มิ ออกมา เพราะคิดวา่ ยงั ไงตนกพ็ ้นผดิ แนน่ อน “ได้คะ่ ขอบคณุ มากนะคะ สวัสดคี ะ่ ” นางจำปากล่าว พรอ้ มเดนิ ออกจาก สถานีตำรวจไป และนางจำปีก็เดนิ ตามหลงั ออกไปตดิ ๆ “เฮ้อออ ดูไมอ่ อกเลยมั้งวา่ รับสนิ บน ถา้ ยื่นเรอ่ื งไป หมดอนาคตแนๆ่ ” ร.ต.ต.หญิงแจม่ ศรถี อนหายใจ และไดพ้ ูดขึน้ “นางจำปีใหเ้ งินผู้กำกับสุวิทย์ สะกิดตล่งิ แบบนีก้ ็เป็นการทีน่ างจำปใี ห้สนิ บนเจ้าพนกั งาน ยงั ไงก็มีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา144 แลว้ ผ้กู ำกบั สวุ ทิ ย์ สะกิดตลงิ่ กไ็ ด้รับเงินของ นางจำปีนั้นกถ็ ือว่ามีความผิดเชน่ กัน ตามมาตรา149 คือการที่เจา้ พนกั งานเรยี กหรอื รบั สนิ บน เพอ่ื ประโยชน์ของตนเองหรือผอู้ ื่น เรอ่ื งนี้ฉนั ไมป่ ลอ่ ยไว้แน่ เรื่องนี้ต้องเป็นไปในสิ่งทถ่ี ูกตอ้ ง” ร.ต.ต.หญิงแจ่มศรีกลา่ วกบั ตวั เอง
--4-- หลังจากเหตกุ ารณ์น้เี กดิ ขน้ึ ได้ไมน่ านร.ต.ต.หญิง แจม่ ศรี ก็ไดห้ าหลักฐานและยื่นเรอ่ื งของ พ.ต.อ.สุวิทย์ สะกิดตลง่ิ ไปใหผ้ ู้บังคบั บญั ชาได้รับทราบ จนในท่ีสดุ พ.ต.อ.สวุ ิทย์ สะกิดตลิ่งก็ไดอ้ อกจาก ราชการ หมดอนาคตตามทคี่ าดเอาไว้ รวมถงึ นางจำปกี ็ไดช้ ดใช้ตามกฎหมายไปไม่ตา่ งกนั ขอ้ คิดทไี่ ดจ้ ากนิทาน เรอื่ งส่ิงวุ่นๆของวยั รุ่นเหมง่ เวหา สติ ความไมป่ ระมาท และความถูกตอ้ ง สามสง่ิ น้เี ป็นสิง่ ที่ทกุ คนพงึ มไี ว้เสมอ เมอ่ื ใดที่ขาดสิ่งเหล่านไ้ี ป ก็อาจจะไปสรา้ งความวนุ่ วายใหแ้ กบ่ คุ คลอนื่ หรือแมก้ ระทัง่ ตนเอง สตจิ ะเป็นสง่ิ ท่ีเตอื นให้เรารู้จกั คิดยบั ยงั้ ชั่งใจ และไมป่ ระมาทตอ่ ส่ิงต่างๆรอบตวั รวมไปถงึ สามารถรับรู้และแยกแยะได้วา่ สง่ิ ใดคือผดิ ชอบช่วั ดี และถูกตอ้ ง ต่อระเบียบกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นสง่ิ เหล่าน้จี ะเปน็ เครื่องเตือนใจให้กับมนษุ ย์ได้เสมอ
--5-- นทิ านเร่ือง ความโลภเป็นเหตสุ งั เกตได้ กาลครั้งหนึง่ ไมน่ า่ จะนาน ณ รมิ ถนนหนา้ โรงงานแกว้ เอยแก้วตา แสงแดดออ่ นๆกบั เชา้ วนั จันทร์ ที่แสนจะสดใส ตอ้ นรับวันทำงานของนางสาวร่อนฤทัยในตำแหนง่ เจา้ หน้าท่ีการคลงั ตรวจสอบสินค้าและ จำหน่ายในโรงงานแหง่ หนง่ึ ในขณะร่อนฤทัยกำลงั เดินอย่ทู ี่รมิ ถนนอยู่นนั้ ก็ได้เจอปา้ คนหน่ึงทีข่ ายผลไม้อยู่ หน้าโรงงาน “ป้าคะ กลว้ ยน่ีขายยงั ไงคะ” นางสาวรอ่ นฤทัยถามปา้ มว่ งผซู้ ่ึงเป็นแม่ค้าขายผลไม้ “หวีละ.....” ไม่ทนั ทีป่ ้าม่วงกำลังจะตอบกลบั ป้ามว่ งก็ไดห้ ยดุ ชะงักไปพรอ้ มกับมองไปยังชายหญิงคูห่ นึ่งทีย่ นื่ อยู่ขา้ งๆ ของนางสาวรอ่ นฤทัย “สวสั ดคี รบั ผมพ.ต.อ.สมศกั ด์ิ หวังกระแทกคาง ครบั ” ชายคนนน้ั ไดแ้ นะนำตวั ชายผู้นนั้ ก็คอื ผกู้ ำกบั นนั้ เอง “ขอโทษนะครับรู้ใช่ไหมครับวา่ ตรงนีห้ ้ามขายของ ผมคงตอ้ งปรบั ละจับปา้ นะครับ” ผูก้ ำกบั สมศกั ด์ิ กลา่ วต่อ “ เออ่ ... ทา่ นผูก้ ำกบั ป้าขอโทษจ้า พอดีปา้ เพิ่งมาขายวนั นี้วนั แรก ป้าไม่รู้จริงๆจา้ ” ปา้ ม่วงตอบกลับ ดว้ ยนำ้ เสยี งทส่ี นั่ เพราะความหวาดกลวั ทางด้านผู้กำกับสมศักดิ์ จริงๆแลว้ ก็ไม่ได้คิดที่จะจับหรือปรบั ป้าม่วงจรงิ ๆ เพียงแค่อยากจะ ลองใจร.ต.ต.หญิง เพชรกลั ยา ทมี่ าด้วยเพียงเท่านั้น “ไมร่ ูแ้ หละครับยังไงปา้ กต็ ้องจ่ายผมมา2,000 บาท แล้วผมจะไม่จบั ป้า ถอื วา่ เร่อื งนีไ้ ม่เคยเกิดข้ึนแลว้ กันนะครบั ” ผกู้ ำกับสมศักดิก์ ล่าว ปา้ ม่วงน่ิงไปครหู่ นง่ึ “ทำแบบนไ้ี มไ่ ดน้ ะคะ มันไมถ่ ูกตอ้ งคะ่ ” นางสาวร่อนฤทัยไดพ้ ดู ขนึ้ “เอายังไงครับจะจ่ายใหผ้ มหรือจะให้ผม จบั ป้าไปสถานตี ำรวจ” ผู้กำกับสมศกั ดถิ์ ามต่อ “จ้าๆ จา่ ยล่ะจ้า” ป้าม่วงกล่าวพรอ้ มกับนำเงินยืน่ ใหผ้ ู้กำกับ อย่างท่ไี ม่สามารถทจ่ี ะปฏิเสธได้ “ผู้กำกบั คะ สง่ิ ทที่ ำอย่มู ันไม่ถูกต้องนะคะ” ร.ต.ต.หญงิ เพชรกลั ยาพูดขึน้ ดว้ ยน้ำเสยี งท่ีเบา ท่พี อจะ ได้ยนิ แค่สองคนคือตนกบั ผู้กำกับสมศักดิ์เท่านั้น “ผูก้ ำกบั กำลงั ใช้อำนาจหน้าท่ีของตวั เองไปในทางท่ี ไม่ชอบทั้งๆทำเขาไมไ่ ด้ทำผิดอะไรเลย ท่ีท่ีเขาขายกไ็ ม่ใชท่ ่ีหวงห้ามใดๆแถมเขาขายในพนื้ ทท่ี ี่ถกู ตอ้ ง แต่คณุ กลบั ขม่ ขนื ใจเรียกเงนิ ของป้าเขาเพอ่ื ประโยชนข์ องคุณเองถอื ว่าคณุ กระทำความผิดตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา148 เป็นการท่เี จา้ พนกั งานกรรโชกทรพั ย์ และยงั ถือวา่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าทีโ่ ดย มชิ อบและทุจริตมีความผดิ ตามมาตรา157 ซึ่งมีโทษหนกั อีกดว้ ยนะคะ” ร.ต.ต.หญิง เพชรกลั ยากลา่ วต่อ “อยา่ มาทำเปน็ รูด้ ี คุณเป็นใครมาสอนผม” ผู้กำกับสมศกั ดิ์ตอบ “แต่ที่ท่านทำมันไม่ถูกตอ้ งละเป็นแบบอย่าง ท่ไี ม่ดี ท่านเปน็ ถงึ ผู้กำกับนะคะ แลว้ อกี อย่างเขาก็ทำงานสจุ รติ หาเช้ากนิ ค่ำทา่ นยังจะไปรังแกเขาอีกเหรอคะ” ร.ต.ต.หญงิ เพชรกลั ยากล่าวตอ่ ผกู้ ำกบั สมศกั ดไ์ิ ด้ยนิ ดังนนั้ กไ็ ดย้ มิ้ ออกมาอยา่ งลมื ตวั “เออ่ ..ปา้ ครบั ไมต่ อ้ งจา่ ย ค่าปรบั ให้ผมล่ะครับ ผมแคจ่ ะลองใจคนของผมเท่านัน้ เอง ขอให้ป้าขายดีนะครับ” ผกู้ ำกับสมศักดิ์กลา่ วดว้ ย สีหนา้ ทย่ี ม้ิ แยม้ “โล่งอกไปที ขอบคุณมากนะทา่ นผกู้ ำกับ” ปา้ ม่วงตอบกลับด้วยนำ้ เสียงและสีหนา้ ที่โลง่ ใจ “โล่งอกไปทีนะคะคณุ ปา้ งน้ั หนูเอากลว้ ยหวีนงึ ค่ะ” นางสาวร่อนฤทัยกล่าว “ไดจ้ า้ ลูก นีจ่ ้า 40บาทจา้ ” ป้ามว่ งตอบกลบั และนางสาวรอ่ นฤทัยกไ็ ด้ยน่ื เงินใหก้ ับป้าม่วง แล้วกไ็ ดเ้ ดินเข้าโรงงานแกว้ เอยแกว้ ตาไป หลงั จากท่ีนางสาวรอ่ นฤทยั เดินเข้าไปในโรงงานแกว้ เอยแกว้ ตา ในขณะท่ีรอ่ นฤทัยกำลงั ตรวจสอบ สินค้าอยนู่ ัน้ กไ็ ดไ้ ปเห็นถ้วยชาหลายชดุ ที่สวยงามและมีราคาแพง จึงเกิดความคิดท่จี ะนำถว้ ยชาชุดนี้ไปขาย โดยเงนิ ท่ีไดจ้ ากการขายกค็ ดิ ท่ีจะเอาเข้ากระเปา๋ ตัวเอง “ โห!้ ! ถ้วยชาชดุ นี้ลวดลายสวยจงั ถา้ เอาไปขายเอง
--6-- คงได้ราคาสงู แนๆ่ เลยอ่ะ” นางสาวรอ่ นฤทยั พดู พร้อมยกชุดถว้ ยชาขน้ึ มาดู เมื่อนางสาวร่อนฤทัยตัดสินใจท่ีจะ นำถว้ ยชาทอ่ี อกไปขายแล้ว ก็ไดว้ างแผนใหล้ กู นอ้ งออกไปซือ้ ของเพ่อื ท่ีไมใ่ หใ้ ครเห็นว่าตนน้ันได้นำถว้ ยชาชดุ น้นั ออกไป “นี่!! จริตศรี ออกไปซอื้ น้ำให้พี่หน่อยสิ อากาศรอ้ นมาก หวิ นำ้ สดุ ๆ เอาชาเขียวนะ” นางสาวร่อนฤทยั เรยี ก นางสาวจรติ ศรี พนักงานคนใหม่ทเี่ ขา้ มาทำงานได้ไมน่ าน “โอเคได้ค่ะพี่ งน้ั เดยี๋ วหนูมานะคะ” นางสาวจรติ ศรี ตอบพรอ้ มกับเดินออกไป ระหว่างที่นางสาวจริตศรีออกไปซอ้ื นำ้ อยนู่ นั้ นางสาวรอ่ นฤทัยก็ได้นำชดุ ถ้วยชาไป ซ่อนเก็บไว้ในห้องเกบ็ ของถอื ว่าเปน็ ไปตามแผนทนี่ างสาวรอ่ นฤทยั ไดว้ ่าไว้ หลังจากนั้นไม่นานกไ็ ดม้ ีลูกคา้ เจ้าประจำที่เขา้ มาซ้อื ของจากโรงงานแกว้ เอยแก้วตาอยู่บ่อยๆเข้ามา นางสาวรอ่ นฤทัยเห็นดังนน้ั กไ็ ด้ออกไปตอ้ นรับ “สวสั ดีค่ะเจเ๊ มอื กมณี วนั น้มี สี นิ คา้ มาใหม่เยอะเลย สนใจสินคา้ ชิ้นไหนบอกได้เลยนะคะเจ”๊ นางสาวรอ่ นฤทัยกลา่ วทักทายหญงิ สาววัยกลางคนมีฐานะคนหนงึ่ อย่างเปน็ กนั เอง “อ๊ัวะอยากได้ชุดแจกนั สที องสัก1,500ใบ และสเี งนิ อกี 500ใบ มีมย้ั ” เจเ๊ มือกมณตี อบกลับนางสาวร่อนฤทยั ด้วยนำ้ เสียงทีเ่ ปน็ กันเองเช่นกนั “โอเคไดเ้ ลยคะ่ เจ๊ เด๋ียวฉันจัดการให้ค่ะ” นางสาวรอ่ นฤทยั กล่าว และในขณะที่นางสาวรอ่ นฤทยั ได้คุยกับเจเ๊ มอื กมณนี ั้น นางสาวจรติ ศรีกไ็ ด้กลบั เข้ามาพอดี ทนั พอท่ีจะได้ยนิ ส่งิ ท่ีนางสาวรอ่ นฤทยั คยุ เร่อื งสินคา้ กับเจ๊เมอื กมณี “เอ้า จริตศรีกลับมาพอดเี ลย มาน้ีหน่อย ไปจัดเตรยี มของให้เจ๊เมอื กมณีหน่อย” นางสาวร่อนฤทยั เห็นนางสาวจริตศรพี อดจี ึงไดเ้ รยี นให้นางสาวจรติ ศรี เข้าไปจัดสนิ คา้ “เด๋ยี วมานะคะเจ๊ ขอตวั ไปดูพนกั งานเค้าจดั สนิ คา้ ให้เจ๊ก่อนนะคะ” นางสาวร่อนฤทยั พดู พรอ้ ม กับเดนิ ออกไป เม่อื ไปถงึ ทีโ่ กดงั เก็บสินคา้ นางสาวร่อนฤทยั ก็ได้บอกกับนางสาวจริตศรีวา่ สนิ ค้าที่จะต้องจัดส่ง มีอะไรบ้าง “เอาชุดแจกนั สที อง1,500ใบและสีเงินอีก1,000ใบนะ” นางสาวร่อนฤทยั บอก นางสาวจรติ ศรี ได้ยนิ ดังนน้ั ก็ได้นึกถงึ ตอนที่นางสาวร่อนฤทัยพูดกบั เจ๊เมอื กมณี “สนิ คา้ สที อง1,500ใบและสีเงิน500ใบ ไมใ่ ชเ่ หรอ นี่พ่ีแกกำลังทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา153อยนู่ ะ เจ้าพนกั งานจา่ ยทรัพย์เกินกว่าที่ ควรจ่าย เพ่ือผลประโยชน์ของตัวเองแบบนีม้ โี ทษจำคุกต้ังแตห่ นึง่ ปีถึงสิบปี และปรับตัง้ แต่สองหม่ืนบาทถึง สองแสนบาทเลยนะ โรงงานก็ประกาศอยู่วา่ อย่าใหม้ เี รอื่ งแบบนี้ พีแ่ กคดิ อะไรอยูเ่ น่ยี ” ถึงแม้นางสาวจรติ ศรี ร้ดู ังน้นั แล้วแต่กไ็ ม่สามารถท่ีจะคา้ นได้ “เอ่อออ...คะ่ พี่” นางสาวจรติ ศรตี อบ หลงั จากท่ีทกุ อย่างเรยี บร้อย จนมาถึงเวลาเลิกงาน ในขณะท่ีพนักงานทกุ คนกลับบ้านเหลอื แค่ นางสาวร่อนฤทยั เพียงคนเดียว นางสาวรอ่ นฤทัยจงึ ได้นำเอาชุดถ้วยชาที่แอบเกบ็ ไวใ้ นหอ้ งเกบ็ ของใส่กล่อง เพ่ือท่ีจะนำไปขายใหก้ บั คุณเข็มเพชรเศรษฐีนีคนหน่งึ ท่เี คยมาซ้ือของที่โรงงานแก้วเอยแกว้ ตาเมอ่ื ไมน่ านมานี้ เม่อื ออกจากโรงงานร่อนฤทยั กไ็ ดโ้ ทรหาคณุ เขม็ เพชรเพ่อื ขอพบเพราะมสี ินค้าใหมม่ านำเสนอ “สวสั ดีคะ่ คุณเข็มเพชร พอดวี นั นี้ดฉิ นั มสี ินคา้ มานำเสนอกับคณุ คดิ วา่ คุณนา่ จะสนใจนะคะ” นางสาวร่อนฤทัยกลา่ ว พรอ้ มกับยกชุดถว้ ยชาออกมาจากกล่องเพ่ือใหค้ ุณเข็มเพชรไดช้ มสนิ ค้า “สวยนา่ สนใจดนี ะ ว่าแตเ่ ธอไดม้ า จากไหนเหรอ ราคาคงจะสงู อยู่” คุณเข็มเพชรถาม “ไดม้ าจากไหนไมส่ ำคญั หรอกคะ แต่ถา้ คุณเขม็ เพชรสนใจ ดฉิ ันกพ็ รอ้ มขายทันที ในราคาพิเศษ” นางสาวรอ่ นฤทยั บอก เมือ่ ไดย้ นิ ดงั น้ันคณุ เขม็ เพชรกไ็ ด้ตอบกลบั ไปว่า “ของแบบนม้ี ันกต็ ้องเชค็ ก่อนนะคะ ถึงฉันจะเคยซ้ือสินคา้ จากคุณแลว้ หลายครั้งก็ตาม แตฉ่ ันกอ็ ยากรทู้ ี่มา แตก่ เ็ อาเถอะคะ่ ฉนั เช่อื ใจคุณ แลว้ คุณจะขายใหฉ้ ันเท่าไหร่” “200,000 ค่ะ ฉันวา่ ราคานี้ก็สมนำ้ สมเน้ือ
--7-- อยนู่ ะคะเพราะสนิ คา้ ก็ดดู ี ดูแพง มีระดับ หายากอีกต่างหาก ฉนั วา่ ราคาน้คี งไม่มากไปสำหรบั คุณหรอกค่ะ” นางสาวรอ่ นฤทัยบอกด้วยน้ำเสยี งและทา่ ทางท่ีเชิญชวนให้ซ้ือสนิ คา้ ของตน และแลว้ คำตอบของคุณเข็มเพชร กท็ ำให้นางสาวรอ่ นฤทยั ตาโตอยา่ งเห็นได้ชดั “โอเคฉนั ตกลง” คณุ เขม็ เพชรตอบพรอ้ มกบั เซ็นเช็คจำนวนเงนิ 200,000บาทใหก้ บั นางสาวร่อนฤทยั นางสาวรอ่ นฤทัยเห็นเช่นนั้นก็ดใี จมาก “ขอบคุณมากนะคะ ไวโ้ อกาสหน้าถ้ามสี ินคา้ ใหม่ๆฉันจะโทรหาคุณเป็นคนแรกเลยค่ะ ง้นั ฉนั ขอตวั กอ่ นนะคะ สวัสดคี ่ะ” นางสาวร่อนฤทัยกล่าวพรอ้ มกับยิ้มนอ้ ยยิม้ ใหญ่เดนิ ออกไป “ขโมยของเขามาแล้วยังเอาผลประโยชน์ เข้าตัวเองอีก แบบน้ีผิดฐานลกั ทรพั ย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา334 เต็มๆ เอาชุดถ้วยชาม ของคนอืน่ มาโดยทจุ รติ แถมยงั เอามาขายเพื่อหาผลประโยชน์ใหต้ วั เองแบบนี้ คิดว่าฉันไม่รหู้ รอ เด๋ียวเจอกนั ” คุณเขม็ เพชรกลา่ วหลังจากที่นางสาวร่อนฤทัยเดนิ ออกไปจนพน้ สายตาแล้ว หลายวนั ต่อมานางสาวรว่ มฤทัยก็ได้เข้ามาทำงานตรวจสนิ คา้ ตามปกติ และเหมอื นโชคจะเขา้ ข้าง นางสาวรอ่ นฤทยั อกี ครง้ั นางสาวรอ่ นฤทัยได้ไปเจอกับนาฬิกาหรรู าคาเกอื บ500,000บาท จงึ เกิดความอยากได้ “สวยจัง ดหู รแู พงมาก ถ้าเราเอาไปก็คงไมม่ ใี ครร้หู รอก ก็ไม่เหน็ มใี ครสนใจอยลู่ ะ่ กม้ หนา้ ก้มตาทำงานกนั ขนาดน้ี” นางสาวร่อนฤทยั กล่าวหลังจากคิดที่เอานาฬิกาหรเู รือนน้ี แตข่ ณะที่นางสาวร่อนฤทัยกำลังเกบ็ นาฬกิ าหรอู ยูน่ น้ั นางสาวจริตศรีได้เห็นเหตุการณ์ทัง้ หมด แตเ่ หมอื นโชคจะเข้าข้างนางสาวร่อนฤทยั อีกครงั้ นางสาวร่อนฤทยั เห็นนางสาวจริตศรกี ำลังมองมาที่ตนอยู่พอดี นางสาวรอ่ นฤทัยจึงได้เรียกนางสาวจรติ ศรี ใหไ้ ปพบท่หี ้องทำงาน “จริตศรี เดยี๋ วตามพี่ไปที่ห้องทำงานหนอ่ ยนะ มีเร่ืองจะคยุ หนอ่ ย” นางสาวรอ่ นฤทยั กล่าว “ค่ะพี่” นางสาวจรติ ศรตี อบรบั ด้วยสีหน้าท่ีน่งิ แตท่ างด้านนางสาวจริตศรกี ็ทราบดีวา่ ตนน้ันโดนเรียกพบ ด้วยเร่อื งอะไร จากนน้ั ไม่นานนางสาวจริตศรีก็ไดเ้ ขา้ ไปพบนางสาวรอ่ นฤทัยในห้องทำงาน “ส่งิ ท่เี หน็ เมือ่ กฉ้ี ันหวงั วา่ เธอจะไม่ปากโป้งเอาไปบอกใครนะ” นางสาวร่อนฤทัยกล่าวกับนางสาวจริตศรีทันทีเมือ่ เธอเข้ามาในห้อง “แตพ่ ่ีคะ สงิ่ ท่ีพี่ทำมันผิดนะคะ ถอื เป็นการยกั ยอกทรัพย์ของบริษัทมาไวใ้ นครอบครองของตัวเอง ซ่งึ เป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147 ทางโรงงานกไ็ ด้ประกาศเตือนแล้วนะคะ พ่ียงั จะทำอีก หรอคะ” นางสาวจริตศรีตอบกลบั ด้วยสหี น้าและท่าทางท่ีจริงจัง “ฉนั จะทำอะไรมนั กเ็ ร่ืองของฉัน เธอออกไป ได้ละ” นางสาวร่อนฤทัยตอบกลับด้วยนำ้ เสยี งทโ่ี มโห และนางสาวจริตศรีก็ได้เดนิ ออกจากหอ้ งไป หลังจากท่ีนางสาวจริตศรอี อกไปแลว้ นางสาวรอ่ นฤทยั กร็ ู้ได้วา่ นางสาวจรติ ศรไี ม่เห็นดว้ ยกบั การ กระทำของตนและไมเ่ กบ็ เรือ่ งของตนไวเ้ ป็นความลับแนน่ อน นางสาวรอ่ นฤทัยจงึ คดิ ที่จะใส่รา้ ยนางสาวจรติ ศรี เพือ่ ไม่ใหน้ างสาวจริตศรนี น้ั อยู่คอยขัดขาตนอกี ต่อไป “ตายแลว้ !!! สร้อยทองหายไปไหนเนย้ี ”เสยี งนางสาวรอ่ นฤทัยดงั ขึน้ พนกั งานทกุ คนรวมถึง นางสาวจริตศรีได้ยนิ เสยี ง จงึ พากันเข้าไปในหอ้ งทำงานของนางสาวรอ่ นฤทยั และไดถ้ ามว่าเกดิ อะไรข้ึน “เกิดอะไรข้นึ คะ” นางสาวจริตศรีถาม “ก็สร้อยทองของลกู คา้ ท่ีต้ังอย่บู นโต๊ะของฉันหายไปหนะ่ สิ มีใครหยิบ ไปรปึ า่ วบอกมานะ” นางสาวรอ่ นฤทัยถาม “ไมม่ นี ะคะ” “ไม่มนี ะครับพวกเราไมใ่ ชค่ นแบบน้ัน เราทำงานกัน มาตั้งนาน” พนงั งานต่างกพ็ ดู เป็นเสียงเดยี วกันวา่ ไมไ่ ดเ้ อาไป “งนั้ ฉนั ฝากทกุ คนช่วยกนั หาละ่ กัน ฉนั จะไป แจง้ ความไวก้ อ่ น” นางสาวรอ่ นฤทยั กลา่ วกอ่ นท่ีจะรบี เดนิ ออกไป
--8-- เมื่อถึงสถานีตำรวจ “สวสั ดีคะ่ อ้าวคณุ ทซ่ี ือ้ กล้วยวนั นัน้ น่ันเอง มีอะไรหรอื เปล่าคะ”ร.ต.ต.หญงิ เพชรกลั ยากลา่ วทกั ทายนางสาวร่อนฤทยั “สวัสดีคะ่ คุณตำรวจ คือฉนั จะมาแจ้งความค่ะ” นางสาวร่อนฤทยั ตอบ “เกิดอะไรขึ้นคะ” ร.ต.ต.หญงิ เพชรกลั ยาถาม “พอดีฉนั เหน็ ลูกจ้างท่ีชอ่ื จริตศรีเอาสรอ้ ยทองของลูกค้า ทีว่ างอยู่บนโตะ๊ ทำงานฉนั ไปหน่ะคะ่ ซง่ึ ฉนั เอามันออกมาทำความสะอาดเพ่อื จะเอาไปให้ลกู ค้า แต่ระหวา่ งน้ัน ฉนั ออกมาขา้ งนอกไมไ่ ดเ้ ก็บ แล้วฉนั ก็เห็นจรติ ศรเี ข้าไปในหอ้ งทำงานของฉันค่ะ พอฉนั กลบั เขา้ ไปในหอ้ ง ทำงานสร้อยทองกห็ ายไปคะ่ ” นางสาวร่อนฤทยั เล่าให้กบั ร.ต.ต.หญงิ เพชรกลั ยาฟังด้วยสีหนา้ ทีจ่ ริงจงั “งั้นเอาเป็นวา่ เด๋ยี วฉันลงบันทกึ ประจำวันไวแ้ ล้วจะเขา้ ไปตรวจสอบท่ีเกิดเหตุใหน้ ะคะ” ร.ต.ต.หญงิ เพชรกัลยากล่าว “ขอบคุณมากนะคะ ฉนั ขอตวั กอ่ นนะคะ สวัสดคี ะ่ ”นางสาวรอ่ นฤทยั กลา่ วพรอ้ มกับเดนิ ออกไป “เฮ้ออออ คนเรา คดีในตวั กม็ ากพอล่ะ ยงั จะมาเพ่มิ ขอ้ หาอกี จรติ ศรเี นย่ี นะเป็นคนเอาทองไป มาแจง้ ความเท็จแบบนีร้ ับผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137ฐานแจง้ ความเทจ็ ต่อพนักงานและทำให้ ผอู้ ่นื เสยี หาย ความผิดก็สำเร็จเพราะเจา้ พนกั งานได้รับทราบขอ้ ความนัน้ แล้ว ไมน่ านก็จะได้เจอกนั อกี คร้ัง นะคะคุณรอ่ นฤทยั ” ร.ต.ต.หญิงเพชรกัลยากล่าวหลังจากที่นางสาวรอ่ นฤทัยเดนิ ออกไปแล้ว หลงั จากท่ีรอ่ นฤทยั กลับจากสถานีตำรวจได้สักพักกไ็ ด้มหี ญิงสาวคนหนึง่ แตง่ ตวั เหมือนเจ้าหน้าที่ ตำรวจมาหาตนท่ีโรงงานแกว้ เอยแกว้ ตา “สวสั ดีค่ะฉันร.ต.ต.หญิงนรารตั น์ พัดลม เปน็ เจ้าหน้าท่ีตำรวจท่ีทาง สถานตี ำรวจท่ีคุณไปแจง้ ความสง่ ตวั มาคะ่ ” หญิงสาวคนนนั้ กล่าว“อ๋อค่ะ งั้นเชิญดา้ นในเลยค่ะ” นางสาวร่อนฤทยั ต้อนรบั อยา่ งไมส่ งสัย “ไม่ทราบว่ามีใครเข้าห้องทำงานคุณบ้างคะ”ร.ต.ต.หญงิ นรารัตนถ์ าม “ก็มแี ต่ฉันคนเดยี วท่ีอยูห่ อ้ งน้ีค่ะ แตเ่ มอ่ื ตอนเช้าก็มีจริตศรีน่แี หละค่ะท่ีเข้าหอ้ งฉนั ” นางสาวรอ่ นฤทยั ตอบ เมอ่ื ร.ต.ต.หญงิ นรารัตนไ์ ดย้ ินดงั นนั้ กไ็ ด้ถามกบั นางสาวจริตศรีว่า “คุณได้เขา้ มาในห้องทำงานของ คณุ ร่อนฤทัยเมอ่ื ตอนเชา้ ใชไ่ หมคะ” “ใชค่ ะ่ เมื่อเชา้ ฉันได้เข้าไปในห้องทำงานของคณุ ร่อนฤทัยจริงค่ะ แต่ตอนน้นั คุณรอ่ นฤทยั กอ็ ยู่ดว้ ยฉันจะเอาสรอ้ ยไปไดย้ งั ไงคะ อีกอยา่ งตอนน้ีฉันเข้าไปฉันกไ็ ม่เห็นวา่ มีสร้อยอยู่ บนโต๊ะของคณุ รอ่ นฤทยั เลยนะคะ” นางสาวจริตศรกี ล่าวดว้ ยนำ้ เสียงทจี่ ริงจัง “เธอก็พดู ไดส้ ิกเ็ ธอเป็นคน เอาไปหนิ จบั มนั เลยคะ่ คณุ ตำรวจ” นางสาวร่อนฤทยั กลา่ ว “ยังไงฉันกต็ ้องขอจบั คณุ จริตศรีในข้อหาลักทรัพย์ นะคะ เพราะเจ้าทกุ ขเ์ ขายืนยนั ขนาดน้ี” ร.ต.ต.หญงิ นรารัตนก์ ลา่ ว “เดยี๋ วกอ่ นนะคะคณุ ตำรวจ ถงึ ฉันจะเป็น แคพ่ นักงานธรรมดาๆ แต่ฉนั กย็ ังพอมีความรู้เก่ยี วกับกฎหมายอยู่บา้ งนะคะ การที่คณุ จะมาจับฉันแบบน้ี มนั ไมถ่ ูกต้องนะคะ อกี อย่างฉนั กไ็ ม่ได้กระทำความผิดอะไร หลักฐานกไ็ มม่ ี” นางสาวจรติ ศรีเถียง เมื่อร.ต.ต.หญงิ นรารตั นไ์ ด้ยินดังนนั้ ก็เกดิ อารมณโ์ มโหได้อยา่ งชัดเจน “ฉันเปน็ ตำรวจคุณจะมาเถียงฉันได้ยงั ไง ยังไงเชญิ คณุ ไปทีส่ ถานตี ำรวจกบั ฉนั ดว้ ย ไมก่ ็คยุ ก็จา่ ยเงนิ ให้ฉนั สเิ ผอื่ จะไดค้ ุยกันได้” ทันใดนน้ั พ.ต.อ.สมศักด์ิ หวังกระแทกคาง ผกู้ ำกบั กไ็ ด้มาทีโ่ รงงานแก้วเอยแกว้ ตาเพือ่ จะมาตรวจสอบ ในเรอื่ งท่ีนางสาวร่อนฤทยั ได้ไปแจง้ ความเอาไว้พอดี และเมื่อร.ต.ต.หญงิ นรารตั น์ได้เหน็ ผกู้ ำกับก็ตกใจ และรีบวงิ่ หนี แตก่ ็หนีไม่ทัน ผ้กู ำกบั สมศักด์ิจบั ไวไ้ ดเ้ สยี กอ่ น“เดยี๋ วกอ่ นสคิ รับจะรบี ไปไหนเหรอครับคุณ คุณแตง่ ตวั เปน็ เจ้าพนักงานเต็มยศขนาดนคี้ ุณมาทำอะไรท่ีนี่”ผ้กู ำกับสมศักดิ์ถาม “มีอะไรรเึ ปล่าคะผ้กู ำกับ คณุ ตำรวจคนน้ีทำไมคะ” นางสาวรอ่ นฤทยั ถามด้วยความสงสัย “ก็คนๆน้ีเค้าไมใ่ ช่ตำรวจครับ เคา้ โดนออกจาก ราชการไปนานแลว้ ครับ เขาไมม่ ีหนา้ ท่ที จ่ี ะจับหรอื กระทำการใดๆตามที่เจ้าหนา้ ทต่ี ำรวจทำไดแ้ ลว้ ตอนน้กี ็ กำลังตามจับอยู่ครับเพราะเคา้ แอบอ้างไปท่ัวว่าเค้าเป็นตำรวจ คนหลงเชอ่ื ก็เยอะครับ” ผูก้ ำกับสมศักดิ์กล่าว
--9-- “ว่าแต่เขามาทำอะไรที่โรงงานหรอครบั ”ผู้กำกบั สมศกั ดิ์ถามดว้ ยความสงสยั “เขาอา้ งวา่ เป็นเจ้าหนา้ ที่ตำรวจ มาชว่ ยดูที่ฉนั ไปแจง้ ความไว้คะ่ ” นางสาวร่อนฤทยั กลา่ ว “คุณนรารัตน์ผมขอจับคุณในข้อหาแสดงตนและกระทำการเป็นพนกั งานตำรวจ ซึ่งคุณเองไม่มหี นา้ ท่ี และได้ออกจากการเปน็ ตำรวจแลว้ ดังนน้ั การทคี่ ุณอ้างวา่ เป็นตำรวจและไดก้ ระทำการแบบนีถ้ ือวา่ คุณยังฝา่ ฝนื กระทำการเปน็ ตำรวจจงึ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา145”ผูก้ ำกบั สมศกั ดิ์กลา่ ว และแล้ว นางสาวนรารตั น์กไ็ ดถ้ ูกจับในตอนนั้น แต่แล้วส่ิงทไี่ มค่ าดคดิ อกี อยา่ งกเ็ กิดขึ้น นางสาวรอ่ นฤทยั ถกู ออก หมายจบั ดว้ ยในขณะน้ัน ทำใหต้ อ้ งถูกควบคุมตัวไปสถานตี ำรวจเชน่ เดียวกนั “และผมก็ขอจับคุณร่อนฤทยั ด้วย นะครับ” ผ้กู ำกับสมศกั ด์กิ ลา่ ว เม่อื นางสาวร่อนฤทยั ได้ยนิ ดังน้ันก็ตกใจ “จบั ฉันทำไมฉนั ไม่ได้ทำไรผดิ สกั หนอ่ ย”นางสาวร่อนฤทยั โตแ้ ยง้ “รบกวนไปคุยกนั ท่ีสถานีตำรวจนะครบั ” ผ้กู ำกับสมศกั ดกิ์ ลา่ ว และเมือ่ ถงึ สถานตี ำรวจ “จับฉันมาทำไมเนย้ี ผู้กำกับ” นางสาวรอ่ นฤทัยถาม แต่กย็ งั ไมล่ มื ทจี่ ะถามถึง นางสาวจรติ ศรี “แลว้ จรติ ศรนี ี่โดนจบั ข้อหาลักทรัพยแ์ ลว้ ใชม่ ัย้ คะ” “คณุ จริตศรีแนะนำตวั ให้คุณร่อนฤทยั รู้จกั อย่างเป็นทางการหนอ่ ยไหมครบั ”ผู้กำกับสมศกั ดิถ์ ามนางสาวจริตศรี และส่งิ ท่ไี มค่ าดคิดกเ็ กดิ ขึน้ พนักงานใหม่ทนี่ างสาวรอ่ นฤทยั คิดวา่ เป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไรเทา่ ไหร่ กลบั กลายเป็น “ฉนั ร.ต.ต.หญงิ จริตศรี คะ่ เปน็ เจ้าพนกั งานสายสบื ” นางสาวจรติ ศรกี ลา่ ว “นี้เธอเปน็ ตำรวจ หรอ” นางสาวรอ่ นฤทัยถามกลับด้วยสีหนา้ ทีต่ กใจและสงสยั ไปพร้อมๆกัน “ใช่ค่ะทีน่ รี้ ้ยู งั คะวา่ โดนจบั ทำไม ฉนั เข้าไปโรงงานแกว้ เอยแก้วตา เพราะวา่ มีสายขา่ วรายงานเรอื่ งยาเสพตดิ แต่ใครจะไปคิดหละคะวา่ จะมาเจอ อีกคด”ี ร.ต.ต.หญิง จรติ ศรกี ลา่ ว “คุณนโ่ี ดนหลายคดีเลยนะคะ ทง้ั ความผดิ ต่อหน้าทเ่ี จ้าพนกั งานซง่ึ คณุ ได้ จำหนา่ ยแจกนั ของบรษิ ัทให้ลกู คา้ เกินจำนวนทคี่ วรจ่าย ขโมยชุดถ้วยชาของบริษัทไปขาย ยกั ยอกนาฬกิ าหรู ราคาเกอื บ500,000ไวเ้ ป็นของตัวเอง แลว้ ก็แจ้งความเท็จตอ่ พนักงานตำรวจหาว่าฉนั ขโมยสรอ้ ยทองไป เยอะอย่นู ะคะเนย่ี ” ร.ต.ต.หญงิ จริตศรีกล่าวพร้อมกับยิม้ ออ่ นๆใหน้ างสาวรอ่ นฤทัย “ไหนหลกั ฐาน คุณจะมาใสค่ วามฉนั ไมไ่ ดน้ ะคะ” นางสาวรอ่ นฤทัยถามกลบั ดว้ ยสหี นา้ อันเปน็ กังวล แตแ่ ล้วสิ่งท่ีไมค่ าดคิดอกี อย่างก็เกดิ ข้ึน “ต้องการหลกั ฐานเหรอคะ”หญงิ สาวคนหน่งึ ถามกลับนางสาวรอ่ นฤทัย และเม่ือนางสาวรอ่ นฤทยั ได้เห็นหน้าหญิงสาวคนนนั้ กต็ กใจเป็นอยา่ งมาก “คุณ” นางสาวรอ่ นฤทัยพูดออกมา ด้วยสหี น้าและนำ้ เสียงท่ีตกใจเปน็ อย่างมาก “สวสั ดีคะ่ คณุ รอ่ นฤทยั ดิฉันร.ต.ต.หญิงเข็มเพชร เจ้าพนักงาน สายสืบ ยินดที ีไ่ ด้พบกันอีกนะคะ” หญงิ สาวคนน้นั แนะนำตวั กบั นางสาวรอ่ นฤทัย และใชแ่ ล้วหญิงสาวคนนนั้ ก็คือคุณเข็มเพชร เศรษฐนี ีที่นางสาวร่อนฤทยั ขายชดุ ถว้ ยชาใหน้ ั่นเอง แท้ทีจ่ ริงแลว้ เธอเปน็ เจ้าหนา้ ที่ตำรวจ นางสาวร่อนฤทยั ตกใจมาก เพราะจากเศรษฐนี ีทเี่ ธอนน้ั ไดไ้ ปขายชดุ ถ้วยชาให้ จากคนทเี่ ธอคิดวา่ เป็นบ่อเงนิ บ่อทองของเธอ กลับกลายมาเป็นตำรวจหญิง นางสาวรอ่ นฤทยั มืดแปดดา้ น หาทางออกไมเ่ จอ จนทำให้เธอ อาละวาด “เอาสิถ้าพวกแกจบั ฉนั นางนี้ตาย” นางสาวรอ่ นฤทยั ตะโกนบอก หลังจากทไ่ี ด้เล็งปนื ไปที่ร.ต.ต.หญงิ จรติ ศรี “ใจเยน็ ๆกอ่ นนะคะคุณรอ่ นฤทัย ทุกอยา่ งมีทางออกเสมอ ทกุ คนผิดพลาดกันได้ และส่ิงท่ีคุณทำตอนนี้ มันจะเพ่ิมความผดิ อกี นะคะการเอาปนื จอ่ ไปท่พี นกั งานตำรวจและข่มขืนใจเจ้าพนักงานตำรวจให้ปลอ่ ยคุณน้ัน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา139 ดังน้ันคุณใจเยน็ ๆก่อนนะอนาคตคุณยงั มีคา่ อกี เยอะนะคะ” ร.ต.ต.หญิงเข็มเพชรพยายามเกลยี้ กลอ่ มนางสาวร่อนฤทยั
--10-- และในขณะท่ีร.ต.ต.หญงิ เขม็ เพชรกำลงั เกล้ียกล่อมนางสาวร่อนฤทัยอยู่นั้นผกู้ ำกับสมศกั ดกิ์ ไ็ ดเ้ ขา้ ไป ชิงปนื จากนางสาวร่อนฤทัยแล้วจบั ตัวนางสาวร่อนฤทยั ไปควบคมุ สตแิ ละอารมณใ์ นหอ้ งขงั “ปล่อยฉันออกไปเด๋ียวนี้ รไู้ หมฉันเป็นใคร ฉนั เป็นคนท่ฉี ลาดท่ีสดุ ไง ฉันบอกให้ปลอ่ ยฉนั ออกไปไง!!!!!!!!!!!!!!!!” นางสาวรอ่ นฤทัยตะโกนออกมาดว้ ยทา่ ทางทีแ่ ปลกๆเดี๋ยวหัวเราะเด๋ยี วรอ้ งไห้ ขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากนทิ านเรื่องความโลภเป็นเหตสุ ังเกตได้ เม่อื เกดิ ความตอ้ งการและความอยากไดใ้ นสง่ิ ทไ่ี มใ่ ช่ของตนกค็ วรจะรไู้ ดว้ ่าสง่ิ ใดบา้ งทีจ่ ะตามมา เมือ่ ได้สง่ิ หนึง่ แล้วก็มีความต้องการตอ่ ส่งิ อ่นื ตามมาเรอ่ื ยๆไม่มีทสี่ น้ิ สุดจนเกดิ เปน็ ความวนุ่ ท้ังต่อตนเอง หรอื ผอู้ ่ืนไมว่ ่าจะรุนแรงหรือไม่ ดงั นนั้ ควรที่จะระงับความรู้สึกความอยากมหี รอื อยากไดไ้ ว้กบั สิ่งทีเ่ รยี กวา่ เพียงพอกบั สง่ิ ทตี่ นมีจะมากหรอื หรอื นอ้ ยกไ็ ด้มาโดยสุจริต ไม่สรา้ งความเดือดร้อนให้ใคร
บทที่2 เนื้อหากฎหมาย คำพิพากษาศาลฎีกา และบทสรุปเนื้อหาประกอบนิทาน
--11-- บทที่2 เน้อื หากฎหมาย คำพิพากษาศาลฎกี า และบทสรุปเนอื้ หาประกอบนทิ าน รหสั นิสิต 631081008 เร่อื ง ความผิดฐานทำให้เกิดเพลงิ ไหม้แก่ทรพั ยข์ องตนเอง ตามมาตรา220 และความผดิ ฐานทำใหเ้ กิดเพลิงไหม้โดยประมาทตามมาตรา225 คำอธิบายเชิงโครงสรา้ งความรบั ผิดทางอาญา ความผดิ ฐานทำให้เกิดเพลงิ ไหมแ้ กท่ รพั ยข์ องตนเอง ตามมาตรา220 มาตรา 220 ผใู้ ดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แกว่ ตั ถุใด ๆ แมเ้ ป็นของตนเอง จนนา่ จะเป็นอนั ตรายแก่ บุคคลอ่นื หรอื ทรพั ยข์ องผูอ้ ืน่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจด็ ปี และปรับไมเ่ กนิ หนึ่งแสนสห่ี มน่ื บาท ถา้ การกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก เปน็ เหตุให้เกดิ เพลิงไหม้แก่ทรพั ยต์ ามท่ีระบไุ วใ้ นมาตรา 218 ผกู้ ระทำต้องระวางโทษดังท่บี ญั ญัตไิ ว้ในมาตรา 218 มาตรา220 วรรคหนึง่ องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.กระทำใหเ้ กดิ เพลงิ ไหม้ 3.แกว่ ตั ถใุ ดๆแมเ้ ป็นของตนเอง 4.จนนา่ จะเป็นอันตรายแกบ่ คุ คลอน่ื หรอื ทรัพยข์ องผอู้ นื่ องค์ประกอบภายใน 1.เจตนาธรรมดา อธิบายได้ ดังน้ี 1.ผใู้ ด คอื บุคคลธรรมดาหรือนติ ิบุคคลทีเ่ ปน็ ผกู้ ระทำ 2.กระทำให้เกดิ เพลิงไหม้ คือกระทำการใดๆท่ที ำใหเ้ กิดไฟลุกไหมแ้ กว่ ัตถุ เช่น เอเผากิ่งไมแ้ ห้ง หากไฟยงั ไมล่ ุก ไหม้กไ็ มน่ ่าจะเปน็ อนั ตรายแกบ่ คุ คลอื่นหรอื ทรพั ย์ของบุคคลอนื่ ย่อมไม่มีความผดิ เชน่ เอคิดจะเผากง่ิ ไม้แหง้ 3.แกว่ ัตถุใดๆแม้เป็นของตนเอง ซ่ึงวตั ถุในท่นี อี้ าจจะเป็นทรัพยห์ รอื ไม่ใชท่ รัพย์ก็ได้ เป็นของใครกไ็ ด้ ไมม่ ี เจ้าของกไ็ ด้ หรอื แมแ้ ต่วัตถุของตนเองก็ตาม
--12-- 4.จนน่าจะเป็นอนั ตรายแกบ่ ุคคลอื่นหรือทรัพยข์ องผู้อน่ื ซึ่งปกติการวางเพลงิ เผาทรัพย์ของตนเองนน้ั ไมเ่ ป็น ความผดิ แต่ถ้าการวางเพลงิ นั้นทำใหเ้ กดิ เพลิงไหม้ทน่ี ่าจะเปน็ อนั ตรายแกบ่ ุคคลอ่ืนหรอื ทรัพย์ของผอู้ ่ืน ยอ่ ม เป็นความผิด โดยในมาตรานจี้ ะหมายถงึ พฤติการณ์ของการกระทำ แค่มีเพียงเจตนากระทำให้เกดิ เพลงิ ไหม้แก่ วตั ถุ และเกดิ เพลิงไหมข้ ้ึนมาจนน่าจะเปน็ อนั ตรายแกบ่ ุคคลอนื่ หรอื ทรัพยข์ องผู้อน่ื ถึงแม้ไม่ได้เกิดอันตราย จริงๆ กถ็ อื เปน็ ความผดิ เช่น เอเผากิง่ ไม้แหง้ ใกล้บา้ นของบี แมไ้ ฟจะไม่ลามไปบ้านบี แต่ก็ถือว่าเอมีความผิด แลว้ ผูก้ ระทำตอ้ งมเี จตนาตามมาตรา59 แตต่ ้องไมม่ ีเจตนาที่จะให้ไฟลุกลาม ถ้าเจตนาที่จะให้ไฟลกุ ลามจะ ถือเปน็ ความผิดตามมาตรา217หรอื มาตรา218 ข้อสังเกต ถ้าผู้กระทำเพยี งเผาทรพั ยข์ องตนให้ลามไปไหมท้ รัพย์ของผู้อืน่ ถือว่าผดิ ตามมาตรา217โดยตรง มาตรา220 วรรคสอง เป็นเหตุฉกรรจข์ องวรรคหน่ึง คอื ถ้ากระทำผดิ ตามมาตรา220วรรคหนง่ึ เปน็ เหตุใหเ้ กิดเพลงิ ไหมแ้ ก่ ทรพั ย์ตามาตรา218 ผกู้ ระทำตอ้ งระวางโทษตามมาตรา218 ความผดิ ฐานทำให้เกิดเพลิงไหมโ้ ดยประมาท ตามมาตรา225 มาตรา 225 ผ้ใู ดกระทำให้เกดิ เพลิงไหมโ้ ดยประมาท และเป็นเหตใุ ห้ทรพั ย์ของผู้อืน่ เสยี หาย หรือการ กระทำโดยประมาทนนั้ น่าจะเปน็ อันตรายแกช่ ีวิตของบคุ คลอ่นื ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่ เกนิ หนงึ่ แสนส่ีหม่ืนบาท หรือทงั้ จำท้ังปรับ ความผดิ ตามาตรานแี้ บ่งออกเป็น 2 ความผิด ดังน้ี ความผิดท่ี1 องค์ประกอบภายนอก 1.ผใู้ ด 2.กระทำให้เกดิ เพลงิ ไหม้ 3.และเป็นเหตใุ ห้ทรัพย์ของผู้อ่ืนเสียหาย องคป์ ระกอบภายใน 1.โดยประมาท อธบิ ายได้ ดังนี้ 1.ผู้ใด หมายถึง บุคคลทกุ คนที่ไดก้ ระทำการน้ัน
--13-- 2.กระทำให้เกิดเพลิงไหม้ กระทำ หมายถึง การทำการใดๆที่เกดิ ผลทางกฎหมาย ทำให้เกิดเพลงิ ไหม้ คือ การกระทำท่ีเป็นเหตุใหเ้ กิดไฟไหม้ เช่น จุดเผากองขยะ ทิ้งบหุ ร่ลี งบนพืน้ หญา้ แห้ง 3.และเป็นเหตใุ ห้ทรัพยข์ องผู้อื่นเสยี หาย หมายถึง ส่งผลใหท้ รัพย์สินของผู้อน่ื เสยี หาย หรือสญู เสียทรัพย์นั้น เช่น นายจุดไฟเผาใบไม้ในสวนของตนเอง แตไ่ ฟเกิดลุกลามไปไหมส้ วนผลไม้ของก้องทอ่ี ยตู่ ิดกันทำใหผ้ ลไมใ้ น สวนของกอ้ งเสยี หาย ผู้กระทำต้องกระทำโดยประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา59 วรรคสาม เป็นการกระทำ ความผดิ โดยไมม่ ีเจตนา แต่เปน็ การกระทำทไี่ ม่ไดใ้ ชค้ วามระมัดระวงั และการกระทำดังกล่าวสง่ ผลใหผ้ ู้อนื่ ได้รบั ความเสียหาย เชน่ เอกเดินไปดูดบุหร่ใี นสวนจัดสรรของบ้านโท และขา้ งๆทเ่ี อกยืนดูดบหุ ร่อี ย่นู ั้นมถี ัง น้ำมนั เบนซนิ ตัง้ อยู่ แต่ด้วยความไมร่ ะมัดระวังของเอกจึงทงิ้ บุหร่ลี งไปตรงทขี่ ้างถงั นำ้ มันทำใหเ้ กดิ เพลงิ ลุกไหม้ ขึน้ จนเปน็ เหตุให้สวนจัดสรรของโทไดร้ ับความเสียหาย ความผิดท่ี2 องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผูใ้ ด 2.กระทำให้เกดิ เพลงิ ไหม้ 3.นา่ จะเป็นอันตรายแกช่ ีวติ ของบุคคลอนื่ องค์ประกอบภายใน 1.โดยประมาท อธิบายได้ ดังนี้ น่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น หมายถึง การกระทำที่เปน็ เหตใุ ห้เกิดเพลงิ ไหมน้ ้ันเปน็ การ กระทำทสี่ ง่ ผลให้ผ้อู นื่ มีอันตรายต่อชีวิต เชน่ มดดำไปลักขโมยของในบา้ นของมดแดง แตด่ ้วยความไม่ ระมัดระวงั ทำให้มดดำไปสะดุดกบั เทียนหอมท่ีมดแดงต้ังไว้ในบา้ นหกล้มลงบนผ้าเช็ดเทา้ จงึ เกดิ เพลิงไหมข้ ึ้น และในขณะนน้ั มดแดงนอนหลบั อยูจ่ ึงไมร่ ู้สกึ ตัวจนไฟลุกลามทวั่ บา้ นทำใหม้ ดแดงได้รับอนั ตรายบาดเจ็บสาหัส ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่างมาตรา220กับมาตรา225 มาตรา220นน้ั ใช้กับกรณีที่ผ้กู ระทำความผิดมีเจตนาท่ีจะกระทำใหเ้ กิดเพลงิ ไหม้น้ันข้ึน ส่วนมาตรา 225 เกิดจากความประมาทของผ้กู ระทำจงึ เป็นเหตทุ ำให้เกิดเพลิงไหมข้ ้นึ
--14-- คำอธิบายจากบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา ความผิดฐานทำใหเ้ กิดเพลงิ ไหมแ้ กท่ รพั ย์ของตนเอง ตามมาตรา220 คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 703/2500 จำเลยจุดไฟเผากงิ่ ไมแ้ ห้งในไร่ของจำเลยและไฟไดล้ ุกลามไปไหม้ทรพั ยข์ องผ้เู สียหาย ทงั้ ยังน่ากลวั จะ ไหม้โรงขา้ วของผเู้ สียหายอกี ด้วย ความผดิ ของจำเลยขณะทำผิดตอ้ งด้วยกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา187 วรรคสอง ไฟทจี่ ำเลยจุดเผาข้นึ ได้ไหม้เอาตน้ มะพรา้ วอันเป็นอสังหารมิ ทรพั ยข์ องผ้เู สียหายตามข้อ (5) แห่ง มาตรา186 ด้วย โทษทคี่ วรลงแกจ่ ำเลยจึงตอ้ งเอาโทษท่ีกำหนดไวใ้ น มาตรา186 เป็นเกณฑ์แต่ขณะน้ี กฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้วใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิด ตรงตามมาตรา 220 วรรคแรกแหง่ ประมวลกฎหมายอาญาแต่วรรค 2 ของมาตราน้ีบญั ญัตวิ า่ ถ้าเปน็ เหตใุ ห้เกิด เพลิงไหม้แก่ทรพั ย์ตามทร่ี ะบุไว้ในมาตรา 218 ให้ลงโทษดังทีบ่ ัญญัตไิ ว้ใน มาตรา 218 แต่ในมาตรา218ขอ้ 1 ถึง 6 มิไดบ้ ญั ญัติไว้ถงึ เรื่องวางเพลงิ เผาตน้ มะพรา้ วอนั เปน็ อสังหารมิ ทรัพย์ไว้เลย ฉะน้นั จะลงโทษตามวรรค สองของ มาตรา 220ประมวลกฎหมายอาญาไมไ่ ดค้ งลงโทษจำเลยตาม มาตรา 220 วรรคแรกซง่ึ มีอตั ราโทษ จำคุกเบากว่า มาตรา 187 วรรคแรกของ กฎหมายลกั ษณะอาญา ตาม มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา คำอธบิ าย การท่จี ำเลยซึ่งเป็นผกู้ ระทำได้จุดไฟเผากง่ิ ไมแ้ ห้งในไร่ของตนเอง ซง่ึ ไฟได้ลกุ ลามไปไหมท้ รพั ย์สินของ ผ้เู สียหาย และยังกลวั วา่ จะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอกี ดว้ ย เป็นการทีท่ ำให้เกดิ เพลงิ ไหม้ซ่งึ เปน็ อันตรายตอ่ ทรพั ยข์ องผ้อู ื่นตามองค์ประกอบภายนอก จึงเปน็ ความผิดตามมาตรา 220 วรรคแรก และในส่วนของการท่ี กลวั วา่ จะไหม้โรงข้าวของผูเ้ สยี หายนน้ั เป็นเพียงองค์ประกอบภายนอกท่ีไมใ่ ชข่ อ้ เท็จจรงิ จงึ ตอ้ งพิจารณาโดย ใช้มาตรฐานของวญิ ญูชน ไม่ใช่จากความรู้ของผู้กระทำ จงึ ไม่มีความผิดในส่วนนี้ จำเลยจึงต้องรับผิดตาม มาตรา 220 วรรคหนง่ึ ความผดิ ฐานทำให้เกดิ เพลิงไหมโ้ ดยประมาท ตามมาตรา225 คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1285/2529 จำเลยจดุ ไฟเผาฟางขา้ วในนาของตนโดยไม่ปรากฏวา่ มลี กั ษณะท่ีนา่ จะเป็นอนั ตรายต่อทรัพย์สนิ ของ บุคคลอื่นอันเปน็ องคป์ ระกอบความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 เชน่ ขณะนนั้ กำลงั มลี มพัด แรงหรอื โรงเรือนของผเู้ สียหายอยใู่ กล้ชดิ กบั บรเิ วณทจี่ ุดไฟข้ึน ซึง่ เป็นที่คาดเห็นไดว้ า่ เพลงิ จะลามไปไหม้นา ตลอดจนโรงเรือนขา้ งเคยี งแน่ แตจ่ ำเลยยังขนื จดุ ไฟจนลกุ ลามไปไหมท้ รพั ยส์ ินของผู้เสยี หาย เมือ่ ระยะเวลาที่ จำเลยจดุ ไฟจนถึงเวลาทบี่ ้านผู้เสียหายถกู เพลิงไหมห้ า่ งกันถงึ หลายช่วั โมงจึงแสดงวา่ ไมม่ ลี ักษณะท่ีนา่ กลัวจะ เปน็ อันตรายตอ่ ทรพั ย์สนิ ของบุคคลอืน่ แต่เป็นเพราะจำเลยประมาทไมค่ วบคมุ ดูแลให้เพลิงลกุ ไหม้อยภู่ ายใน
--15-- ขอบเขตท่จี ำกดั การกระทำของจำเลยจงึ เป็นเร่ืองขาดความระมัดระวงั จนกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกท่ รัพยส์ นิ ของผูอ้ น่ื ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 หาใช่เป็นกรณคี วามผดิ ตาม มาตรา 220 ไม่ คำอธบิ าย การท่จี ำเลยจดุ ไฟเผาฟางข้าวในนาของตนมลี กั ษณะท่นี ่าจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบคุ คลอ่นื เชน่ ขณะนน้ั กำลงั มีลมพัดแรงหรือโรงเรอื นของผู้เสียหายอยู่ใกล้ชดิ กบั บริเวณท่ีจดุ ไฟข้ึน ซึ่งเปน็ ที่คาดเหน็ ได้ วา่ เพลงิ จะลามไปไหมน้ าตลอดจนโรงเรือนข้างเคยี งแน่ แต่จำเลยยังขนื จุดไฟจนลุกลามไปไหม้ทรัพยส์ ินของ ผเู้ สียหาย จึงจะถือวา่ มีความผดิ ตามมาตรา 220 เม่อื ระยะเวลาท่จี ำเลยจดุ ไฟจนถึงเวลาทีบ่ ้านผเู้ สยี หายถูก เพลงิ ไหมห้ า่ งกันถึงหลายชวั่ โมงจึงแสดงวา่ ไม่มีลกั ษณะทนี่ า่ กลวั ว่าจะเปน็ อนั ตรายตอ่ ทรัพยส์ ินของบุคคลอื่นตา มาตรา 220 แต่เปน็ เพราะจำเลยประมาทไมค่ วบคมุ ดูแลให้เพลิงลกุ ไหมอ้ ยู่ภายในขอบเขตทจ่ี ำกัด การกระทำ ของจำเลยจึงเป็นการกระทำทีข่ าดความระมดั ระวงั จนกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่ทรพั ยส์ ินของผู้อนื่ ตามมาตรา 225 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5280/2540 ศาลอุทธรณว์ นิ จิ ฉยั วา่ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผดิ ฐานกระทำใหเ้ กดิ เพลิงไหมโ้ ดย ประมาทเป็นเหตุใหท้ รพั ย์สินของผอู้ ื่นเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225ที่จำเลยฎีกาเพยี งว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามท่ีโจทก์ฟ้อง เป็นฎกี าที่ไม่ไดโ้ ต้แยง้ คำพพิ ากษาศาลอุทธรณไ์ ม่ชัดแจ้ง วา่ จำเลยไมเ่ หน็ ด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณอ์ ยา่ งไร ศาลฎกี าไม่รบั วนิ จิ ฉัย คำฟ้องโจทก์บรรยายวา่ จำเลย มเี จตนาจุดไฟเผากิ่งมะนาวแห้งในสวนมะนาวของบดิ าจำเลย จนเป็นเหตุให้เกดิ เพลงิ ลุกลามไหม้โรงเรอื นซ่งึ เปน็ ท่อี ยอู่ าศัยของผู้เสียหายซงึ่ เป็นโจทก์ร่วมท้ังสอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 จำเลยให้การปฏิเสธ และนำสบื ตอ่ ส้ทู ำนองวา่ เหตุทเี่ กิดเพลิงไหม้โรงเรือนทอี่ ย่อู าศัยของโจทกร์ ่วมทั้งสอง มใิ ชก่ ารกระทำของจำเลย เม่ือศาลชั้นตน้ ฟงั ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง และศาลอทุ ธรณว์ นิ ิจฉัยวา่ จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โรงเรอื นที่อยู่อาศยั ของผู้เสยี หาย แต่เปน็ การกระทำโดย ประมาท จึงลงโทษจำเลยในความผดิ ฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหมโ้ ดยประมาทเป็นเหตุใหท้ รัพยส์ นิ ของผอู้ น่ื เสยี หาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 225 ดังนี้ เปน็ กรณตี ามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสามซ่ึงกฎหมายบญั ญตั ใิ ห้ลงโทษจำเลยตามขอ้ เทจ็ จรงิ ทไ่ี ด้ความนนั้ ได้ ทง้ั มใิ ห้ถือว่าข้อที่ พจิ ารณาได้ความนัน้ เป็นเรอื่ งเกนิ คำขอหรอื เปน็ เรื่องทโ่ี จทกไ์ ม่ประสงค์ใหล้ งโทษแล้ว ไมเ่ ข้ากรณีตามประมวล กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคส่จี ำเลยจึงไมอ่ าจอ้างไดว้ า่ โจทกม์ ไิ ด้ประสงค์ให้ลงโทษ จำเลยในความผิดฐานกระทำให้เกดิ เพลงิ ไหม้โดยประมาทเปน็ เหตุให้ทรพั ย์สนิ ของผ้อู ื่นเสียหาย คำอธิบาย การที่ผกู้ ระทำซ่งึ คือจำเลยได้กระทำความผดิ โดยประมาทจนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหมจ้ นทำให้ทรพั ย์สิน ของผู้อนื่ เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 โดยโจทกบ์ รรยายว่า จำเลยมีเจตนาจุดไฟเผาก่งิ มะนาวแหง้ ในสวนมะนาวของบดิ าจำเลย จนเป็นเหตใุ หเ้ กดิ เพลงิ ลกุ ลามไหมโ้ รงเรอื นซงึ่ เป็นทอี่ ย่อู าศัยของ
--16-- ผูเ้ สียหายซงึ่ เป็นโจทก์รว่ มท้ังสอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 แตจ่ ำเลยให้ การปฏเิ สธ และนำสืบต่อว่าเหตุทเ่ี กิดเพลงิ ไหมโ้ รงเรอื นท่ีอยู่อาศยั ของโจทก์รว่ มท้ังสองมิใชก่ ารกระทำของ จำเลย ศาลอุทธรณว์ ินิจฉัยวา่ จำเลยกระทำความผดิ ฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหมโ้ รงเรือนทอี่ ยู่อาศยั ของ ผู้เสยี หาย แต่เปน็ การกระทำโดยประมาทจำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำให้เกดิ เพลิงไหม้โดยประมาทเป็นเหตุ ใหท้ รพั ย์สนิ ของผอู้ ืน่ เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 225 สรปุ เนือ้ หาและขอ้ เสนอแนะ ความผิดฐานทำให้เกดิ เพลงิ ไหม้แกท่ รพั ย์ของตนเอง ตามมาตรา220 มาตรา 220 ผู้กระทำไดก้ ระทำใหเ้ กดิ เพลิงไหมโ้ ดยเจตนา แก่วตั ถุใดๆที่เป็นของตนเองแต่ส่งผลใหเ้ ปน็ อันตรายแกผ่ ู้อน่ื หรอื ทรพั ยส์ ินของผอู้ ื่น และมาตรา220 วรรคสองนน้ั เป็นเหตฉุ กรรจ์ของวรรคหนง่ึ เป็นเหตทุ ำ ใหเ้ กดิ เพลิงไหมแ้ ก่ทรัพย์ตามาตรา218ผ้กู ระทำต้องระวางโทษตามมาตรา218 ตวั อยา่ งคำพพิ ากษาศาลฎีกา703/2500 จำเลยจดุ ไฟเผาก่ิงไมแ้ ห้งในไรข่ องจำเลยและไฟได้ลุกลาม ไปไหมท้ รัพย์ของผ้เู สียหาย ทัง้ ยังนา่ กลัวจะไหม้โรงข้าวของผเู้ สียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผดิ ต้องดว้ ยกฎหมายลกั ษณะอาญา มาตรา187 วรรคสอง ไฟทจ่ี ำเลยจุดเผาขึน้ ได้ไหมเ้ อาตน้ มะพร้าวอนั เป็น อสังหารมิ ทรัพย์ของผเู้ สยี หาย แต่ในมาตรา218ข้อ 1 ถงึ 6 มิไดบ้ ญั ญัตไิ ว้ถึงเรอื่ งวางเพลงิ เผาต้นมะพร้าวอนั เปน็ อสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะน้ันจะลงโทษตามวรรคสองของ มาตรา 220ประมวลกฎหมายอาญาไมไ่ ดค้ ง ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 220 วรรคแรกซ่งึ มีอัตราโทษจำคกุ เบากว่า คำอธิบาย การทจ่ี ำเลยซง่ึ เปน็ ผู้กระทำไดจ้ ดุ ไฟเผาก่งิ ไม้แห้งในไรข่ องตนเอง ซง่ึ ไฟได้ลกุ ลามไปไหม้ ทรพั ยส์ ินของผเู้ สยี หาย และยังกลัวว่าจะไหม้โรงขา้ วของผู้เสียหายอีกด้วย เป็นการทที่ ำให้เกิดเพลงิ ไหม้ซ่ึงเป็น อันตรายต่อทรพั ยข์ องผู้อืน่ ตามองคป์ ระกอบภายนอก จงึ เป็นความผิดตามมาตรา 220 วรรคแรก และในสว่ น ของการท่ีกลวั ว่าจะไหม้โรงขา้ วของผู้เสียหายนัน้ เป็นเพียงองค์ประกอบภายนอกที่ไมใ่ ช่ข้อเทจ็ จริง จึงต้อง พจิ ารณาโดยใชม้ าตรฐานของวญิ ญชู น ไม่ใช่จากความรขู้ องผูก้ ระทำ จึงไม่มคี วามผิดในส่วนน้ี จำเลยจงึ ต้องรบั ผิดตามมาตรา 220 วรรคหนงึ่ ความผดิ ฐานทำใหเ้ กดิ เพลิงไหม้โดยประมาท ตามมาตรา225 มาตรา 225 ผ้กู ระทำผิดได้กระทำให้เกิดเพลงิ ไหม้โดยประมาท โดยความประมาทนั้นเกิดจากการขาด ความระมดั ระวงั ของผ้กู ระทำผิดจนเป็นเหตุทำให้การกระทำดงั กล่าวทำใหเ้ กิดเพลงิ ไหม้ และส่งผลให้ผอู้ ่ืน ไดร้ บั ความเสยี หายท้งั ทรัพย์และอันตรายแก่ชวี ิต ซง่ึ ความผิดในมาตรานีไ้ ดแ้ บง่ ออกเปน็ 2 ความผดิ คอื ความผดิ ทีท่ ำใหท้ รัพยข์ องผู้อ่ืนเสยี หาย และนา่ จะเปน็ อันตรายแก่ชวี ติ ของบุคคลอ่นื
--17-- ตัวอยา่ งคำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1285/2529 จำเลยจุดไฟเผาฟางขา้ วในนาของตนโดยไมป่ รากฏว่า มลี กั ษณะท่นี ่าจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบคุ คลอนื่ แตเ่ ม่ือระยะเวลาท่ีจำเลยจุดไฟจนถึงเวลาทบ่ี า้ น ผูเ้ สียหายถกู เพลงิ ไหม้หา่ งกนั ถงึ หลายช่ัวโมงจึงแสดงวา่ ไม่มลี กั ษณะทีน่ า่ กลวั จะเปน็ อนั ตรายตอ่ ทรพั ย์สินของ บุคคลอนื่ แต่เป็นเพราะจำเลยประมาทไม่ควบคุมดูแลให้เพลิงลุกไหม้อยภู่ ายในขอบเขตทจี่ ำกัดการกระทำของ จำเลยจึงเปน็ เรื่องขาดความระมดั ระวังจนก่อให้เกิดความเสยี หายแก่ทรัพยส์ นิ ของผ้อู นื่ ตาม ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 225 หาใชเ่ ปน็ กรณคี วามผดิ ตาม มาตรา 220 ไม่ คำอธบิ าย การทจ่ี ำเลยจดุ ไฟเผาฟางขา้ วในนาของตนมลี ักษณะที่ไมน่ า่ จะเปน็ อันตรายตอ่ ทรพั ยส์ ิน ของบุคคลอ่นื แตเ่ มอ่ื ระยะเวลาท่ีจำเลยจดุ ไฟจนถงึ เวลาทบี่ า้ นผู้เสียหายถกู เพลงิ ไหม้ห่างกันถงึ หลายชั่วโมงจึง แสดงว่าไมม่ ีลกั ษณะท่นี ่ากลวั วา่ จะเป็นอนั ตรายต่อทรพั ย์สนิ ของบคุ คลอ่ืนตามมาตรา 220 แตเ่ ป็นเพราะ จำเลยประมาทไมค่ วบคุมดูแลให้เพลิงลกุ ไหมอ้ ย่ภู ายในขอบเขตที่จำกัด การกระทำของจำเลยจงึ เป็นการ กระทำทข่ี าดความระมดั ระวังจนก่อให้เกดิ ความเสียหายแกท่ รพั ยส์ ินของผอู้ ืน่ ตามมาตรา 225 ข้อเสนอแนะ ในท้ัง2มาตรานี้ เปน็ การทีผ่ ู้กระทำผดิ เจตนาและประมาททำให้เกดิ เพลิงไหม้และสง่ ผลเสียหายนัน้ การ กระทำดงั กลา่ วในบางกรณนี น้ั อาจคาดเดาได้ยากว่าผู้กระทำเจตนาหรอื ประมาทเพราะการกระทำโดยประมาท ในบางกรณกี ็อาจถอื ไดว้ า่ ผู้กระทำอาจมีเจตนากไ็ ด้ ดังนัน้ อยากให้มกี ารเพมิ่ ขอบเขตของการกระทำโดยเจตนา ที่ไมส่ ามารถนำมาอ้างไดว้ า่ เหตุดงั กล่าวเกิดจากความประมาทของตน
--18-- บรรณานุกรม Hikaru NoSai. (2556). งานนำเสนอประมวลกฎหมายอาญา ภาค2ความผิดลักษณะ6. สืบค้น 29 กันยายน 2464, จาก https://www.slideshare.net/jameszaonline/ss-27992407 เกยี รติขจร วัจนะสวัสดิ์. (2557). กฎหมายอาญา ภาคความผดิ เล่ม2 (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 6). กรุงเทพมหานคร: บรษิ ัท กรงุ สยาม พบั ลิชชง่ิ จำกดั . วิศษิ ฏ์ ลิมานนท.์ หมายเหตุท้ายฎีกาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา220และมาตรา225. สืบค้น 29 กนั ยายน 2564, จาก https://www.lawsiam.com/?name=lawyer- download&file=filedetail&max=2173&fbclid=IwAR31iSjV3j4rEbQI2jkfuOpuZLNjpGYaJq8H8Fxd6 PaiyOw3WEAbp8jWRDE ศาสตราจารย์ ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนษิ ฐ และผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รณกรณ์ บุญมี. (2564). หนงั สือ คำอธบิ ายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหโุ ทษ (พิมพ์ครั้งท่ี 18). กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ัท สำนักพิมพ์ วญิ ญูชน จำกดั .
--19-- รหสั นสิ ิต 631081022 เรื่อง ความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ ตอ่ เจ้าพนกั งานตามมาตรา137 และความผดิ ฐานแสดงตนและกระทำการเปน็ เจ้าพนกั งานตามมาตรา145 คำอธิบายเชิงโครงสรา้ งความรับผดิ ทางอาญา ความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จต่อเจา้ พนักงานตามมาตรา137 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา137 “ผู้ใดแจง้ ข้อความอนั เปน็ เท็จแก่เจ้าพนกั งานซึ่งอาจทำใหผ้ ู้อน่ื หรือประชาชนเสยี หาย ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกินหกเดอื น หรอื ปรับไม่เกินหนึ่งหมนื่ บาท หรอื ทั้งจำทั้งปรบั ” มาตรา137นี้ เป็นบทท่วั ไปโดยมโี ครงสร้างความรบั ผดิ ทางอาญา ดังนี้ องค์ประกอบภายนอก 1.ผใู้ ด 2.แจง้ ข้อความ 3.อนั เปน็ เทจ็ 4.แก่เจา้ พนักงาน 5.ซึง่ อาจทำให้ผูอ้ นื่ หรือประชาชนเสยี หาย องค์ประกอบภายใน คอื เจตนาธรรมดา คำอธบิ าย ผ้ใู ด ในท่ีน้ีหมายถึงผู้แจง้ ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิตบิ ุคคลกไ็ ด้ การแจง้ คอื การทำให้เจา้ พนักงานได้รับทราบ ซ่งึ อาจกระทำได้ 3 วิธี คอื วธิ ที ี่1 กระทำดว้ ยวาจา เชน่ การบอก การตอบคำถามต่างๆแก่เจ้าพนกั งาน วิธที ี2่ กระทำดว้ ยลายลกั ษณอ์ กั ษร เช่น การแสดงหลักฐาน การกรอกข้อมูลตา่ งๆแก่เจ้าพนักงาน วิธีที3่ กระทำด้วยการแสดงกิรยิ าท่าทางอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ขอ้ ความอนั เป็นเท็จ คือ ขอ้ ความที่ไม่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ ซ่ึงข้อความจะเปน็ เท็จไดก้ ต็ ่อเมอื่ เปน็ ข้อเท็จจริงในอดีตหรือในปัจจบุ ันเท่าน้นั หากเปน็ เพยี งการแสดงความเหน็ หรอื การคาดเดา จะถือวา่ ไม่เป็น ความเท็จเพราะไม่สามารถทราบได้วา่ ข้อความนน้ั จริงหรอื เท็จในขณะท่ไี ดก้ ล่าวถึง การแจง้ ข้อความอันเปน็ เทจ็ สามารถแบง่ ได้เป็น 2 กรณี คอื
--20-- 1.การไปแจ้งดว้ ยตัวเอง เชน่ นายดำไปแจง้ ความว่าใบทะเบยี นสมรสหายเพ่อื ที่จะนำใบแจ้งความมาขอ คดั ใบทะเบียนสมรสใหม่ แต่ความจริงแล้วใบทะเบยี นสมรสไมไ่ ดห้ าย กรณีนนี้ ายดำมีความผดิ ฐานแจ้งความ เทจ็ ตามมาตรา137 2.การไปให้คำให้การ ซ่งึ ในการไปให้คำให้การนแ้ี บ่งไดเ้ ปน็ 2 ฐานะ คือ - ในฐานะพยาน เช่น นางแมวไมไ่ ดเ้ ห็นเหตุการณ์ตอนทีน่ างตา่ ยทำรา้ ยนางเต่า แต่นางแมวไดบ้ อก กับเจ้าพนักงานว่าตนเห็นเหตกุ ารณท์ ั้งหมด กรณีนี้นางแมวมคี วามผิดฐานแจง้ ความเท็จตามมาตรา137 - ในฐานะผู้ตอ้ งหา ในกรณนี ้ี แม้ผตู้ อ้ งหาจะใหก้ ารเป็นเท็จตอ่ เจา้ พนักงาน แต่กไ็ ม่เปน็ ความผิด ฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา137 เนือ่ งจากถอื วา่ ผตู้ อ้ งหาสามารถที่จะให้คำใหก้ ารแกต้ วั สู้คดีอย่างไรก็ได้ เพอ่ื ให้ตนเองนั้นพน้ ผดิ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญามาตรา134 ดังนั้นแมค้ ำใหก้ ารของ ผู้ตอ้ งหานนั้ จะเปน็ เทจ็ กจ็ ะไมม่ คี วามผดิ เช่น นายพฤกรูจ้ กั กบั นางสาวแพรว ตอ่ มานายพฤกตกเป็นผู้ตอ้ งหา กระทำชำเรานางสาวแพรว แตน่ ายพฤกได้ให้คำให้การกับเจ้าพนักงานว่าตนนนั้ ไม่ไดร้ ้จู ักกบั นางสาวแพรว กรณนี ี้แมน้ ายพฤกจะใหก้ ารเท็จแกเ่ จ้าพนักงานแตก่ ็ไม่มคี วามผดิ ฐานแจง้ ความเท็จตามมาตรา137 เจ้าพนกั งาน เชน่ นายอำเภอ ตำรวจ ปลัดอำเภอ ผใู้ หญ่บ้าน เป็นตน้ ซึง่ ตามมาตรานี้เจ้าพนักงาน ต้องมหี น้าที่รับผดิ ชอบตามเรื่องทไ่ี ด้รับแจ้งตา่ งๆ ซงึ่ ต้องกระทำการตามหนา้ ที่และโดยชอบดว้ ยกฎหมาย หากเป็นเจ้าพนักงานท่ีมีหน้าท่แี ตไ่ ด้กระทำโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย จะถอื ว่าผู้ท่ีแจ้งความเท็จนั้นไม่มคี วามผิด ฐานแจ้งความเท็จ อาจทำใหผ้ ู้อื่นหรือประชาชนเสยี หาย คอื การที่จะมคี วามผดิ ฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา137น้ี ข้อความท่ีได้แจง้ นนั้ จะต้องอาจทำให้ผู้อ่ืนหรือประชาชนเสียหาย หากไมเ่ กดิ ความเสยี หายก็จะไมถ่ ือว่า มคี วามผดิ ตามมาตรา137 และแมว้ ่าจะไม่ไดเ้ กิดความเสียหายหรอื เกิดผลกับใคร แต่ก็ถอื วา่ เกิดความเสยี หาย แก่ผรู้ บั แจง้ แล้ว ทำให้ถือว่ามีความผิดตามมาตรา137 การแจ้งความเทจ็ น้นั ผู้แจง้ ต้องกระทำโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา59 วรรคสอง และวรรคสาม โดยทราบถงึ ขอ้ ความท่ตี นไดแ้ จง้ นัน้ ว่าเป็นความเทจ็ และทราบดีว่าผู้ท่รี บั แจง้ นนั้ เป็นเจ้า พนกั งาน แต่หากผู้แจง้ เขา้ ใจว่าข้อความทีแ่ จ้งไปน้นั เป็นความจริง หรือการไม่ทราบกถ็ ือวา่ ไม่มีเจตนาผแู้ จ้งก็ไม่ มคี วามผิดฐานแจ้งความเทจ็ ตามมาตรา137 ขอ้ พิจารณา - ความผดิ จะสำเรจ็ ก็ตอ่ เมื่อเจ้าพนักงานได้รับทราบแลว้ - แมว้ า่ เจ้าพนักงานไมเ่ ชื่อหรอื ทราบความจรงิ อยูแ่ ลว้ ก็ตาม กย็ งั ถอื ว่าเป็นความผดิ สำเร็จแลว้ เชน่ นายหม่องชาวเมยี นมาร์ไปขอออกบัตรประจำตัวประชาชนแก่เจ้าพนกั งานโดยแจง้ ว่าตนเป็นคนไทยซึง่ ใน ขณะทแี่ จ้งนั้นเจา้ พนักงานกท็ ราบถงึ ความจริงอย่แู ล้วเพราะร้จู กั กบั ภรรยาของนายหม่อง ดังนนั้ จากกรณีน้ี นายหมอ่ งมีความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จตามมาตรา137
--21-- - หากเจ้าพนักงานไมไ่ ดร้ ับทราบ ในกรณนี ้ถี ือเป็นแคก่ ารพยายามแจง้ ความเท็จ เชน่ นายแดงคนต่าง ด้าวไปขอออกบัตรประจำตวั ประชาชนแกเ่ จ้าพนกั งานโดยแจง้ ว่าตนเป็นคนไทย แต่ในขณะน้นั เกดิ เสยี งฟ้าผ่า ทำใหเ้ จา้ พนักงานไมไ่ ดย้ ินและไมไ่ ดร้ บั ทราบในสิ่งที่นายแดงพดู ดังนั้นจากกรณนี ้นี ายแดงมคี วามผดิ แค่ พยายามแจง้ ความเทจ็ เท่านั้น - หากผู้ทีร่ บั การแจง้ ความน้นั ไม่ใชเ่ จ้าพนักงานผูท้ ่มี หี นา้ ที่รบั แจ้ง ในกรณีนีถ้ ือว่าผแู้ จง้ ไม่มีความผดิ ฐานแจ้งความเท็จตอ่ เจา้ พนกั งานตามมาตรา137 เช่น นางสรอ้ ยชาวลาวไปขอออกบัตรประจำตัวประชาชน ต่อเจา้ หนา้ ทต่ี ำรวจโดยแจ้งวา่ ตนเปน็ คนไทย ดงั นั้นจากกรณนี นี้ างสรอ้ ยไม่มีความผดิ ฐานแจ้งความเทจ็ ต่อ เจา้ พนกั งาน เพราะเจา้ หนา้ ท่ตี ำรวจไม่ได้มหี นา้ ท่ีรบั แจ้งในการออกบตั รประจำตวั ประชาชน - และหากการแจง้ ความนั้นเป็นความเทจ็ เพียงบางส่วนเท่านัน้ ในกรณนี กี้ ถ็ ือวา่ เปน็ การแจง้ ข้อความ อันเปน็ เทจ็ ตามมาตรา137แล้ว ความผดิ ฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน ตามมาตรา145 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา145 “ผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าพนกั งาน และกระทำการเป็นเจา้ พนกั งาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนกั งานที่มอี ำนาจกระทำการนั้น ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ หนง่ึ ปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ สองหม่นื บาท หรอื ทั้งจำท้งั ปรับ เจา้ พนักงานผู้ใดได้รบั คำสัง่ มิใหป้ ฏิบัตกิ ารตามตำแหนง่ หนา้ ท่ตี อ่ ไปแล้ว ยังฝา่ ฝนื กระทำการใด ๆ ในตำแหนง่ หนา้ ท่นี นั้ ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคแรกดุจกัน” มาตรา145 นี้ สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 2 วรรค 2 กรณี โดยมโี ครงสรา้ งความรับผิดทางอาญา ดังนี้ กรณคี วามผิดท่1ี องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และ 3.กระทำการเปน็ เจ้าพนกั งาน 4.โดยตนเองมิได้เป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีอำนาจกระทำการนนั้ องค์ประกอบภายใน คอื เจตนาธรรมดา
--22-- คำอธิบาย ผใู้ ด ในทน่ี ้ีหมายถึงบุคคลที่แอบอ้างวา่ ตนเปน็ เจ้าพนักงาน อาจเปน็ บคุ คลธรรมดาหรอื นติ ิบุคคลก็ได้ แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน คอื ทำให้บุคลอ่ืนรู้วา่ คนท่แี สดงตนน้นั เป็นเจา้ พนักงาน เชน่ นายแดงได้อา้ ง ว่าตนเปน็ ตำรวจนอกเคร่อื งแบบ และการแสดงตนเปน็ เจา้ พนกั งานน้ีให้รวมถึงการผ้นู น้ั นงิ่ เฉยไมม่ กี ารปฏิเสธ เชน่ นายปอ้ มบอกนายตู่ว่า นายหนเู ป็นแพทย์สาธารณสขุ ทง้ั ๆท่ีนายหนไู มไ่ ดเ้ ป็น และนายหนกู ็ได้นง่ิ เฉยไม่ ปฏิเสธว่าตนนัน้ ไม่ใชแ่ พทย์สาธารณสขุ ดงั นั้นกรณนี กี้ ถ็ ือว่านายหนแู สดงตนเปน็ เจา้ พนกั งานแลว้ กระทำการเปน็ เจา้ พนกั งาน คือ การกระทำการตามอำนาจหนา้ ทข่ี องเจ้าพนกั งานน้นั ๆ แมว้ ่าจะมีการแสดงตนเปน็ เจา้ พนกั งานตามทีก่ ล่าวมาแล้วน้นั แตย่ ังจะต้องมีการกระทำการเป็น เจ้าพนกั งานดว้ ย เชน่ นายเขยี วอ้างวา่ ตนเปน็ ตำรวจนอกเคร่ืองแบบ และได้มีการตรวจรถของนายดำ เช่นน้ถี อื ว่านายเขียวมีความผิดตามมาตรา145 หากว่ามเี พียงแคก่ ารแสดงตนเปน็ เจ้าพนกั งานเพียงอย่างเดยี ว หรอื มีการกระทำการเพยี งอย่างเดียว จะไมถ่ ือว่าเปน็ ความผดิ ตามมาตรา145 ตอ้ งมีท้ังการแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและมีการกระทำการ เช่น นาง อ้ายอา้ งกบั นางเอือ้ ยวา่ ตนเปน็ แพทย์สาธารณสุข แตไ่ ม่ได้ทำการตรวจหรอื รักษานางเออื้ ยแต่อย่างใด กรณีถือ ว่านางอ้ายไม่มีความผดิ ตามมาตรา145 เพราะยงั ไมไ่ ดก้ ระทำการ โดยตนเองมิได้เปน็ เจ้าพนกั งานที่มอี ำนาจกระทำการนั้น หมายถึงการท่ีเราเป็นบุคคลธรรมดาทีไ่ ม่ได้ เปน็ เจ้าพนกั งานและไมไ่ ด้มอี ำนาจหน้าท่โี ดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น นายชลเป็นชาวบา้ นธรรมดาอาศัยอยู่ บริเวณเขาเมาะแต จงั หวัดนราธวิ าส นายชลไดเ้ ห็นผูล้ ักลอบตัดไม้ จึงเข้าไปแสดงตัววา่ ตนนนั้ เปน็ เจ้าพนกั งาน กรมป่าไม้ กรณีถือว่านายชลมีความผดิ ตามมาตรา145 ขอ้ พจิ ารณา - ถ้ามีการอ้างว่า “เคยเป็นเจ้าพนกั งาน” ไม่ถือวา่ เป็นการแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา145 กรณคี วามผิดที2่ องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผูใ้ ด 2.เปน็ เจ้าพนกั งาน 3.ได้รบั คำสั่งมใิ หป้ ฏิบัตกิ ารตามตำแหนง่ หน้าท่ีตอ่ ไปแลว้ 4.ฝา่ ฝนื กระทำการใดๆในตำแหนง่ หนา้ ทนี่ ้ัน
--23-- องคป์ ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา คำอธิบาย ผู้ใด ในทน่ี ้ีหมายถึงบุคคลทเ่ี คยเป็นเจา้ พนักงานมาก่อนหรอื เปน็ เจ้าพนกั งานที่เคยทำหนา้ ทีน่ ้ี แต่ในปจั จุบนั ไมไ่ ดท้ ำหนา้ ทนี่ แี้ ล้ว เปน็ เจ้าพนักงาน หมายถึงการที่มีอำนาจหนา้ ท่ีในการกระทำการใดๆ ไดร้ บั คำสั่งมใิ ห้ปฏิบัตกิ ารตามตำแหนง่ หนา้ ที่ต่อไปแล้ว คอื การทไ่ี มไ่ ด้มีอำนาจหน้าทีก่ ระทำการใดๆ ในสิ่งนน้ั อีก รวมถึงการถกู พกั งานหรอื สง่ั ใหไ้ ปกระทำการในหน้าท่อี ื่นแล้ว เชน่ นางสาวฟ้าถูกย้ายตำแหนง่ จากเจ้าพนักงานออกบตั รไปเป็นเจา้ พนักงานตรวจเอกสาร กรณีนถี้ ือว่านางสาวฟา้ ไมม่ ีอำนาจหนา้ ท่ี ที่จะ กระทำการออกบตั รอกี แล้ว แตห่ ากเปน็ เจ้าพนักงานทีไ่ ด้มีการลาพกั หรอื มีการหนีราชการ จะไม่ได้เปน็ กรณีที่ไดร้ ับคำส่ังมิให้ ปฏบิ ัติการตามตำแหนง่ หนา้ ทตี่ อ่ ไปแลว้ เพราะถอื ว่ายังไมพ่ น้ จากหน้าทน่ี ั้นๆ ฝ่าฝนื กระทำการใดๆในตำแหนง่ หนา้ ทนี่ ้ัน หมายถงึ การกระทำการตามหนา้ ทอี่ ยู่เหมือนเดมิ ทงั้ ๆที่ตนไม่ได้มีหน้าทกี่ ระทำการน้ันแลว้ เชน่ นางสาวไก่ได้รับคำส่ังไม่ให้ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีในตำแหนง่ เจ้าพนักงาน ทะเบยี นอีก แต่หลงั จากทไี่ ดร้ ับคำส่งั แลว้ นางสาวไกย่ ังคงทำหน้าทก่ี ระทำการในตำแหนง่ น้ันอยู่ ก็ถือวา่ นางสาวไก่ฝ่าฝนื กระทำการใดๆในตำแหนง่ หนา้ ที่นน้ั แลว้ การแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนักงานตามมาตรา145 ท้งั 2กรณคี วามผดิ น้ี ผ้กู ระทำจะต้อง กระทำโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสองและวรรคสาม โดยทราบถึงขอ้ เท็จจริงทว่ี ่า ตนไม่ไดม้ ีอำนาจหน้าท่ใี นการกระทำการนน้ั ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การทไี่ มไ่ ด้มีอำนาจหน้าท่ีนน้ั ต้งั แตแ่ รก หรือ หลงั จากไดร้ ับคำส่ังไมใ่ ห้ปฏบิ ัตหิ นา้ ทนี่ น้ั ก็ตาม หากไม่ทราบถงึ ข้อเทจ็ จรงิ นน้ั จะถือว่าไมไ่ ดม้ ีเจตนา ขอ้ สงั เกต - การที่ได้รบั คำสง่ั มิให้ปฏบิ ัตกิ ารตามตำแหน่งหนา้ ที่น้ัน จะตอ้ งไม่ใช่คำสงั่ ที่เป็นการสัง่ เพียงครั้งคราว เทา่ นั้น แตต่ ้องเป็นการท่ีให้หยุดกระทำการไปตลอด จนกวา่ จะมคี ำส่ังให้กลับมาปฏบิ ตั กิ ารตามหนา้ ที่นั้นๆอีก - ผูก้ ระทำซ่ึงเปน็ เจ้าพนกั งานนัน้ ตอ้ งทราบดีถึงขอ้ เท็จจริงทวี่ ่าตนไมไ่ ด้มหี นา้ ท่ีในการกระทำการ ในตำแหนง่ นนั้ ๆอีกแล้ว ข้อพิจารณา
--24-- - การลงชื่อกระทำการใดๆยอ้ นหลงั ถือวา่ เป็นการกระทำการหลงั จากมคี ำส่งั ไมใ่ ห้ปฏิบตั ิการตาม ตำแหนง่ หนา้ ที่ต่อไปแล้ว ซง่ึ หมายความวา่ ผนู้ ั้นไดพ้ ้นจากหนา้ ทใี่ นการกระทำการนนั้ ๆแล้ว ถือวา่ เป็นความผิด ตามมาตรา145 - หากว่ามีคำสัง่ ไม่ให้ปฏบิ ัตกิ ารตามตำแหน่งหน้าท่ีแลว้ แต่เจ้าพนกั งานน้ันไม่ทราบ หรอื ไม่ทนั ได้เปดิ อา่ นคำส่ังนัน้ เพราะวา่ อยากทจี่ ะทำงานใหเ้ สร็จกอ่ น ถอื ว่าผนู้ นั้ ไมม่ ีความผดิ เช่น นางสาวแกว้ ไดร้ บั คำส่งั ใหย้ ้ายไปปฏิบัติงานในตำแหนง่ อ่นื แต่นางสาวแกว้ นน้ั ไมไ่ ดเ้ ปดิ อ่านคำสัง่ นั้น เพราะไมม่ เี วลาและอยากทำงาน ทคี่ า้ งใหเ้ สร็จเสยี กอ่ น และหลังจากท่งี านเสร็จเรยี บร้อยแลว้ นางสาวแกว้ จงึ ไดเ้ ปิดอ่านคำสั่งนนั้ และไดร้ ู้วา่ ตน ไมไ่ ด้มอี ำนาจหน้าทีใ่ นการกระทำการในตำแหนง่ นอ้ี กี ในกรณีนถี้ อื วา่ นางสาวแกว้ ไมม่ คี วามผดิ ตามมาตรา145 - ตอ้ งดูทีพ่ ฤติการณท์ ีป่ รากฏด้วยวา่ ผกู้ ระทำนั้นไมไ่ ด้มีเจตนาจริงๆ หากว่าจงใจทจี่ ะไมร่ บั คำสัง่ ทั้งๆท่ี รู้อยแู่ ลว้ วา่ มีคำส่ังน้ี ก็จะถอื วา่ มคี วามผิดตามมาตรา145 คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎกี า คำพพิ ากษาศาลฎกี าเก่ียวกับความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ ตอ่ เจ้าพนักงาน ตามมาตรา137 คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 2141/2532 จำเลยทงั้ ส่ยี ืน่ คำร้องตอ่ เจ้าพนักงานท่ีดินขอรบั มรดกท่ดี นิ มีโฉนด แลว้ จำเลยทง้ั สใ่ี ห้ถอ้ ยคำและยืนยัน รับรองบัญชีเครือญาตติ ่อเจา้ หนา้ ที่ท่ดี นิ ท่ีสอบสวนท่ีดนิ มรดกวา่ ผตู้ ายมีทายาทเพยี ง 4 คน คือ จำเลยทัง้ สี่ อนั เป็นเท็จ ซง่ึ ความจริงจำเลยท้งั สีต่ ่างทราบดอี ยู่แล้วว่าผ้ตู ายยังมบี ุตรสาวอกี 2 คน เป็นทายาทโดยธรรม เจ้าพนกั งานทีด่ ินจดทะเบยี นโอนกรรมสทิ ธ์ทิ ีด่ ินให้แกจ่ ำเลยที่ 2 ถงึ ท่ี 4 ตามคำขอของจำเลยทงั้ ส่ีทำให้ กรมทด่ี นิ และบุตรสาวอีก 2 คน ของผ้ตู ายเสยี หาย จำเลยทัง้ สยี่ ่อมมคี วามผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137 และกรณีเชน่ น้ถี ือว่าเปน็ ความผิดสำเรจ็ ในวันท่ีกระทำความผดิ นั้นเอง วิเคราะหค์ ำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 2141/2532 จากคำพพิ ากษาศาลฎีกานี้การท่ีจำเลยทง้ั ส่ียนื่ คำร้องต่อเจ้าพนักงานทดี่ นิ ขอรบั มรดกท่ีดินมีโฉนด แลว้ จำเลยท้ังสี่ให้ถ้อยคำและยืนยนั รับรองบัญชีเครือญาตติ อ่ เจ้าหน้าท่ีทด่ี ินท่ีสอบสวนทีด่ ินมรดกวา่ ผู้ตาย มีทายาทเพยี ง 4 คน คือจำเลยทัง้ ส่ี ซ่งึ ความจรงิ จำเลยทงั้ สี่ต่างทราบดอี ยู่แลว้ ว่าผู้ตายยงั มบี ุตรสาวอีก 2 คน เป็นทายาทโดยธรรม เปน็ กรณีที่จำเลยท้งั สน่ี ้ันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแกเ่ จ้าพนักงาน และการท่ีจำเลยทัง้ สี่ ได้แจ้งขอ้ ความเท็จนน้ั แก่เจา้ พนักงาน ทำให้เจ้าพนักงานนั้นไม่ทราบขอ้ เทจ็ จรงิ ท่วี ่าผตู้ ายยังมีบุตรสาวอีก 2 คน เปน็ ทายาทโดยธรรม เจ้าพนักงานทด่ี ินได้จดทะเบยี นโอนกรรมสิทธ์ทิ ี่ดนิ ใหแ้ ก่จำเลยท่ี 2 ถึง ที่ 4 ตามคำขอของจำเลยท้งั ส่ี ซ่ึงจากการแจง้ ความเท็จของจำเลยทงั้ สนี่ ้ี มผี ลทำให้ผอู้ น่ื เสียหายน้นั ก็คอื บุตรสาว 2คนนอกเหนือจากจำเลยทงั้ สแี่ ละกรมท่ีดินที่ไดจ้ ดทะเบียนโอนกรรมสทิ ธทิ์ ี่ดินให้ ซึง่ ครบตามองคป์ ระกอบ ภายนอกมาตรา137 และในกรณีน้ีจำเลยทงั้ สก่ี ท็ ราบถงึ ข้อเท็จจรงิ อย่แู ลว้ ว่าผตู้ ายยงั มบี ุตรอีก2คน และทราบดี
--25-- วา่ สง่ิ ที่แจง้ ไปน้นั คือขอ้ ความเท็จ จงึ ถือว่าเป็นการทจ่ี ำเลยทั้งส่ีนัน้ กระทำโดยเจตนาซ่งึ เขา้ องค์ประกอบภายใน มาตรา137 ดังน้นั ในกรณนี ีถ้ ือวา่ จำเลยทงั้ ส่มี คี วามผดิ ฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา137 คำพิพากษาศาลฎกี าที่ 2550/2529 ขอ้ เท็จจริงทป่ี รากฏในคำฟ้องของโจทก์ได้ความว่าการทจี่ ำเลยไปแจง้ วา่ ชายคนที่ไปร้านของจำเลย คือโจทกน์ ้ัน ก็เป็นการแจง้ ไปตามคำบอกเล่าของเด็กท่อี ยู่ในร้าน โจทก์มไิ ด้ยืนยันขอ้ เท็จจรงิ ให้ปรากฏ ในคำฟ้องวา่ เดก็ ในร้านมไิ ดบ้ อกกับจำเลยเช่นนน้ั อันจะทำใหเ้ หน็ ว่าข้อท่ีจำเลยแจง้ นั้นเป็นเทจ็ เม่อื ฟงั ไม่ได้ วา่ ขอ้ ความท่ีจำเลยแจง้ เปน็ เท็จแลว้ การแจ้งความของจำเลยก็ไมม่ ีมลู ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137 วิเคราะห์คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 2550/2529 จากคำพพิ ากษาศาลฎีกาน้กี ารที่จำเลยไปแจ้งวา่ ชายคนทไี่ ปรา้ นของจำเลยก็คอื โจทกน์ ั้น เป็นการแจง้ ไปตามคำบอกเลา่ ของเดก็ ทีอ่ ยู่ในร้านว่าโจทยน์ ้นั มที า่ ทางพริ ุธเมื่อเขา้ มาในร้านของจำเลย ในกรณีน้ีข้อความ จะเปน็ เท็จไดก้ ็ตอ่ เมื่อเปน็ ขอ้ เทจ็ จริงในอดีตหรือในปัจจุบันเทา่ นั้น ถ้าเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ ในอนาคต หรือหากเปน็ เพยี งการแสดงความเห็นหรอื การคาดเดาจะถอื วา่ ไมเ่ ป็นความเทจ็ ซ่ึงจากกรณีนเ้ี ป็นกรณที ่ีผูแ้ จ้งก็คือจำเลย ได้คาดเดาเพียงเทา่ น้นั เนื่องจากจำเลยเกรงว่าโจทก์จะมาดกั ทำร้ายจำเลยเนือ่ งจากจำเลยกบั บิดาของโจทย์น้ัน กำลังมีกรณพี พิ าทกนั อยู่และความจรงิ แล้วโจทกไ์ ม่ไดก้ ระทำตามท่จี ำเลยแจง้ ความ จึงถอื ว่าการแจ้งความของ จำเลยน้ันไมเ่ ปน็ ความเท็จ และซ่ึงโจทก์ก็มไิ ดย้ ืนยนั ขอ้ เท็จจริงน้ีใหป้ รากฏในคำฟอ้ งวา่ เด็กในร้านมไิ ด้บอกกับ จำเลยเช่นนั้นอนั จะทำใหเ้ หน็ วา่ ข้อความทจี่ ำเลยแจง้ น้ันเปน็ เทจ็ ดังนน้ั ในกรณนี ี้ถอื วา่ การแจง้ ความของจำเลยกไ็ ม่เป็นความผดิ ฐานแจ้งความเทจ็ ตามมาตรา137 คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1093/2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 ผตู้ อ้ งหาจะให้การอยา่ งใดหรอื ไม่ให้การเลย กไ็ ด้ เปน็ สทิ ธิของผตู้ ้องหาที่จะใหก้ ารอยา่ งใดก็ได้ แมค้ ำให้การของผู้ต้องหาจะไม่เปน็ ความจริงก็ไมเ่ ปน็ ความผิดฐานแจง้ ความเท็จตอ่ เจา้ พนกั งาน พนกั งานสอบสวนแจ้งขอ้ หาแกจ่ ำเลยวา่ ขบั รถยนต์โดยประมาทเป็นเหตใุ ห้ผอู้ ่นื ไดร้ บั บาดเจ็บสาหัส แลว้ สอบสวนจดคำให้การของจำเลยไว้ ตอ่ มามีพยานหลกั ฐานว่าผู้อ่นื เป็นผู้ขบั รถชนผู้เสียหายมใิ ช่จำเลย พนกั งานสอบสวนเหน็ วา่ คำใหก้ ารของจำเลยทจี่ ดไว้เป็นความเท็จจึงแจ้งขอ้ หาจำเลยเพิม่ เตมิ ว่าแจ้งข้อความ อันเปน็ เทจ็ ต่อเจ้าพนักงานดงั นี้ คำให้การของจำเลยท่ีพนกั งานสอบสวนจดไว้เปน็ คำใหก้ ารในฐานะผตู้ ้องหา แม้ไมเ่ ปน็ ความจรงิ จำเลยกไ็ ม่มีความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
--26-- วิเคราะห์คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1093/2522 จากคำพพิ ากษาศาลฎกี านีก้ ารที่พนกั งานสอบสวนแจง้ ขอ้ หาแก่จำเลยว่าขบั รถยนตโ์ ดยประมาท เป็นเหตุให้ผอู้ ื่นได้รับบาดเจบ็ สาหสั เปน็ การท่ีถอื ว่าจำเลยน้ันตกเป็นผ้ตู อ้ งหาในคดีทแี่ ลว้ ต่อมาพนักงาน สอบสวนได้สอบสวนและจดคำให้การของจำเลยไว้ ซึ่งการสอบสวนน้ถี อื ว่าเปน็ การที่จำเลยนนั้ ไดใ้ ห้คำให้การ ในฐานะผตู้ อ้ งหาต่อเจ้าพนักงาน ต่อมามพี ยานหลักฐานวา่ ผ้อู ื่นเป็นผู้ขบั รถชนผู้เสียหายมิใช่จำเลย ถือว่า จำเลยนนั้ ใหก้ ารที่เปน็ เทจ็ ต่อเจ้าพนักงาน แต่เน่อื งจากจำเลยไดแ้ จ้งความอันเปน็ เทจ็ ต่อเจ้าพนกั งานในขณะท่ี ตนน้นั อยู่ในฐานะเปน็ ผู้ต้องหา ซ่งึ ผู้ต้องหาสามารถท่ีจะให้คำใหก้ ารแก้ตัวสูค้ ดีอย่างไรกไ็ ดต้ ามประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา 134 ดงั นั้นในกรณนี ้ีถือว่าจำเลยไมม่ ีความผิดฐานแจ้งความเทจ็ ตามมาตรา137 คำพิพากษาศาลฎกี าท่ี 2413/2521 จำเลยเจรจาคา่ เสียหายกบั โจทกต์ ่อหน้าพนักงานสอบสวนในการทส่ี . ขบั รถชนบุตรสาวโจทก์ และพนักงานสอบสวนไดท้ ำบนั ทึกไวแ้ ม้จำเลยจะกลา่ วความเท็จ แต่เม่อื จำเลยมไิ ดเ้ ปน็ ผูต้ อ้ งหาในกรณีรถชน ดังกลา่ ว พนักงานสอบสวนย่อมไมม่ ีหน้าที่ทำการเปรียบเทียบ การทพ่ี นักงานสอบสวนทำการเปรยี บเทียบจึง ไมถ่ อื เป็นการกระทำโดยหน้าท่ี การกระทำของจำเลยจึงไมเ่ ปน็ ความผิดฐานแจ้งความเท็จ แกเ่ จ้าพนักงาน วเิ คราะหค์ ำพิพากษาศาลฎกี าที่ 2413/2521 จากคำพพิ ากษาศาลฎีกานกี้ ารที่จำเลยเจรจากับโจทก์เรื่องค่าเสยี หายต่อหนา้ พนกั งานสอบสวน โดยจำเลยอา้ งวา่ รถท่ีส.ขบั ชนบตุ รสาวโจทก์เปน็ รถของหา้ งหนุ้ สว่ นจำกดั ทีจ่ ำเลยเปน็ ผจู้ ดั การห้างแตโ่ จทก์และ จำเลยตกลงกันไมไ่ ด้ พนักงานสอบสวนจึงทำบันทึกไว้ ตอ่ มาโจทกไ์ ด้ฟ้องห้างห้นุ สว่ นจำกัด แตจ่ ำเลย กลบั ใหก้ ารวา่ รถทช่ี นบตุ รสาวโจทก์แท้จริงแลว้ ไมใ่ ชข่ องห้างดงั กล่าว แมว้ า่ พนกั งานสอบสวน จะทำ บนั ทึกไว้ แต่พนกั งานสอบสวนก็มหี น้าที่เพียงแตก่ ารสอบสวนและทำบนั ทึกเพยี งเทา่ นน้ั ไมไ่ ด้มหี น้าท่ี ทำ การเปรยี บเทยี บตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญามาตรา38 (2) ซง่ึ การท่ีพนกั งานสอบสวน ทำการเปรียบเทยี บจงึ ไมถ่ ือเป็นการกระทำโดยหนา้ ท่ี จงึ ถอื วา่ จำเลยนัน้ ไดแ้ จง้ ความเทจ็ แก่ผทู้ ี่รบั แจ้งความท่ี ไม่ใช่ผูท้ มี่ ีอำนาจหนา้ ท่ใี นกระทำ ดงั น้ันในกรณีน้ถี ือว่าจำเลยไม่มคี วามผิดฐานแจ้งความเทจ็ ตอ่ เจ้าพนกั งานตามมาตรา137
--27-- คำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับความผดิ ฐานแสดงตนและกระทำการเปน็ เจา้ พนักงาน ตามมาตรา145 คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 1394/2514 จำเลยเป็นพนกั งานตตี ราไมไ้ ม่ใชพ่ นกั งานป่าไม้ผูม้ ีอำนาจจบั กมุ ผ้กู ระทำผิดตามพระราชบัญญตั ิปา่ ไม้ จำเลยได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนกั งานปา่ ไม้ผู้มอี ำนาจจบั กุม แลว้ ไดท้ ำการจับกุมผู้เสียหายในเรื่องไม้ทผี่ ู้เสยี หาย มีไวใ้ นครอบครองและยังเรยี กเงนิ จากผู้เสียหายด้วย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผดิ ตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 145 วิเคราะหค์ ำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2514 จากคำพิพากษาศาลฎกี านก้ี ารทจ่ี ำเลยเป็นพนกั งานตีตราไม้และได้แสดงตวั เปน็ เจ้าพนกั งานป่าไม้ เปน็ กรณีที่จำเลยได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และข้อเทจ็ จรงิ ปรากฎต่อมาว่าจำเลยไดท้ ำการจับกมุ ผู้เสียหาย ในเรือ่ งไมท้ ผี่ ้เู สียหายมไี ว้ในครอบครองและยังเรยี กเงนิ จากผู้เสยี หายด้วย ซง่ึ เป็นกรณีทจี่ ำเลยไดก้ ระทำการ เป็นเจา้ พนักงาน โดยทีจ่ ำเลยนน้ั มิได้มอี ำนาจในการกระทำการนั้นและไมไ่ ด้มีอำนาจหนา้ ทีโ่ ดยชอบด้วย กฎหมาย ซงึ่ ครบองคป์ ระกอบภายนอกมาตรา145 วรรคหนง่ึ และจากการกระทำความผิดน้จี ำเลยก็ไดก้ ระทำ ไปโดยทที่ ราบถึงขอ้ เทจ็ จริงทว่ี ่าตนไม่ได้มีอำนาจหน้าทใี่ นการกระทำการนนั้ ซึ่งมกี ารกระทำโดยเจตนาครบ องคป์ ระกอบภายในมาตรา145 ดังน้นั ในกรณีน้ถี ือว่าจำเลยมคี วามผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนกั งานตามมาตรา 145 วรรคหนึ่ง คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 2099/2527 จำเลยไม่ไดเ้ ปน็ เจ้าพนกั งานตำรวจ แตแ่ ตง่ กายดังทเ่ี จา้ พนกั งานตำรวจนอกเครอ่ื งแบบแต่งกนั ตามปกติ โดยนุ่งกางเกงสกี ากี สวมเสอื้ คอกลมขาว คาดเขม็ ขดั หนงั ยนื ให้สัญญาณรถยนตบ์ รรทุกที่ผ่านไปมา ใหห้ ยุดรถเพ่ือตรวจตรงจดุ ท่รี ถยนตต์ ำรวจทางหลวงจอดอยู่เปน็ ประจำ อันทำใหบ้ ุคคลท่วั ไปอาจเข้าใจได้วา่ จำเลยเปน็ เจ้าพนกั งานตำรวจ ในการเรียกตรวจรถแต่ละครัง้ จำเลยแสดงให้เป็นทเ่ี ข้าใจได้วา่ ไดร้ ับเงินจาก พวกคนขับรถยนตบ์ รรทุก พฤตกิ ารณข์ องจำเลยฟังไดว้ า่ จำเลยแสดงตนและกระทำการเปน็ เจ้าพนักงานตำรวจ ทางหลวงจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 145 วเิ คราะหค์ ำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 2099/2527 จากคำพิพากษาศาลฎีกาน้กี ารทีจ่ ำเลยไมไ่ ดเ้ ป็นเจ้าพนกั งานตำรวจ แต่แต่งกายดังทเี่ จา้ พนักงาน ตำรวจนอกเคร่ืองแบบแต่งกนั ตามมปกตินั้น เป็นการทจ่ี ำเลยไดแ้ สดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และขอ้ เท็จจรงิ ปรากฎตอ่ มาวา่ จำเลยยนื ให้สญั ญาณรถยนต์บรรทกุ ทีผ่ า่ นไปมาใหห้ ยุดรถเพือ่ ตรวจตรงจดุ ทรี่ ถยนตต์ ำรวจ ทางหลวงจอดอยู่เปน็ ประจำ เปน็ กรณีท่ีจำเลยนนั้ ได้กระทำการเปน็ เจ้าพนกั งานแล้ว ทงั้ ทจ่ี ำเลยน้ัน
--28-- มไิ ดม้ อี ำนาจในการกระทำการนน้ั และไมไ่ ดม้ อี ำนาจหนา้ ทโี่ ดยชอบด้วยกฎหมาย ซ่ึงครบองค์ประกอบภายนอก มาตรา145 วรรคหนง่ึ และในการเรยี กตรวจรถแต่ละคร้งั จำเลยแสดงใหเ้ ปน็ ที่เข้าใจได้ว่าได้รบั เงินจาก พวกคนขับรถยนต์บรรทุกเปน็ การแสดงถึงเจตนาทจ่ี ะกระทำการของจำเลยทั้งๆท่ีจำเลยกท็ ราบดีอยแู่ ล้ววา่ ตนน้นั ไมไ่ ด้มอี ำนาจหน้าทีใ่ นการกระทำน้นั ซ่งึ ครบองคป์ ระกอบภายในมาตรา145 ดงั น้ันในกรณนี ี้ถือวา่ จำเลยมีความผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนกั งานตามมาตรา 145 วรรคหนง่ึ คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 5096/2540 คร้ังแรกจำเลยและถ.ไปบ้านผเู้ สียหาย ถ. บอกผ้เู สยี หายว่าจำเลยเปน็ เจา้ พนกั งานตำรวจ จำเลยได้ยนิ คำพดู ของ ถ. แต่ก็นงิ่ เฉยและมิไดป้ ฏิเสธเท่ากับจำเลยตอ้ งการให้ผู้เสยี หายเช่อื หรือเขา้ ใจตามท่ี ถ. บอก ท้งั จำเลยไดเ้ รียกเงนิ จำนวน 2,000บาท จากผเู้ สียหายมิฉะนั้นจะจบั ผูเ้ สียหาย พฤติการณ์เช่นนถี้ อื ไดว้ ่าจำเลย ได้แสดงตนเปน็ เจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนกั งานแลว้ ส่วนการเรียกรับเงินครงั้ ท่ีสอง แม้จำเลยไม่ได้ บอกหรอื อ้างว่าเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจแตจ่ ำเลยเคยไปหาผเู้ สยี หายและมพี ฤตกิ ารณแ์ สดงให้ผเู้ สยี หายเชื่อวา่ จำเลยเปน็ เจา้ พนกั งานตำรวจจริง ทั้งผเู้ สียหายเคยใหเ้ งินแกจ่ ำเลยเพอ่ื มิให้ถกู จับมาก่อน การทจ่ี ำเลยไปเรยี ก เงินจากผ้เู สียหายอกี โดยขวู่ ่าหากไมใ่ ห้จะจบั ผเู้ สียหาย จนผูเ้ สยี หายยอมใหเ้ งินจำนวน 2,000 บาท แกจ่ ำเลย เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยไดแ้ สดงตนเปน็ เจ้าพนกั งานและกระทำการเปน็ เจา้ พนกั งาน โดยจำเลยมไิ ดเ้ ป็น เจา้ พนกั งานทม่ี ีอำนาจกระทำการนนั้ และมีความผดิ ฐานกรรโชกทรพั ย์ผ้เู สยี หายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา145 และ337 วิเคราะหค์ ำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 5096/2540 จากคำพพิ ากษาศาลฎกี าน้ีในครัง้ แรกการท่ีจำเลยและถ.ไปบ้านผเู้ สยี หาย ถ.บอกผู้เสยี หายว่าจำเลย เปน็ เจ้าพนกั งานตำรวจ จำเลยไดย้ ินคำพูดของ ถ. แต่กน็ งิ่ เฉยและมไิ ด้ปฏิเสธ ซึง่ การแสดงตนเปน็ เจ้าพนกั งาน น้ใี ห้รวมถงึ การผู้นนั้ นงิ่ เฉยไมม่ ีการปฏิเสธด้วย จึงถือวา่ เปน็ กรณที จ่ี ำเลยนน้ั ได้แสดงตนเป็นเจา้ พนักงานแลว้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ปรากฎตอ่ มาวา่ จำเลยไดเ้ รียกเงินจำนวน 2,000บาท จากผูเ้ สยี หายมฉิ ะน้ันจะจับผู้เสยี หาย ซ่ึงการแสดงพฤติการณ์ดงั กล่าวถอื ว่าจำเลยนนั้ ไดก้ ระทำการเป็นเจ้าพนกั งานแลว้ โดยทจ่ี ำเลยไม่ไดเ้ ปน็ เจา้ พนกั งานท่มี อี ำนาจในการกระทำนนั้ แม้ครงั้ ที่สองจำเลยไมไ่ ด้บอกหรอื อา้ งว่าเปน็ เจา้ พนักงานตำรวจดังเชน่ ครัง้ แรก แต่จำเลยเคยไปหาผูเ้ สยี หายและมีการกระทำดงั กลา่ วเพือ่ ให้ผเู้ สยี หายเชือ่ ว่าจำเลยนนั้ เป็น เจ้าพนักงานตำรวจจริง รวมทง้ั ผเู้ สียหายเคยใหเ้ งินแก่จำเลยเพ่อื มิให้ถูกจบั มากอ่ น กรณนี กี้ ถ็ ือว่าจำเลยน้นั ได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเปน็ เจา้ พนักงานเชน่ เดียวกัน โดยทีท่ ั้งสองคร้ังน้ีจำเลยมิได้เปน็ เจา้ พนกั งานทีม่ ีอำนาจกระทำการนัน้ ซ่ึงครบองคป์ ระกอบภายนอกมาตรา145วรรคหน่งึ และในกรณีน้ีการท่ี จำเลยน่ิงเฉยและมไิ ดป้ ฏเิ สธเท่ากบั จำเลยต้องการให้ผ้เู สียหายเชื่อหรอื เข้าใจตามที่ ถ. บอก ซ่ึงถือว่าจำเลยนั้น มเี จตนาที่จะกระทำการนนั้ ซง่ึ ครบองคป์ ระกอบภายในมาตรา145
--29-- ดงั นน้ั ในกรณนี ีถ้ ือวา่ จำเลยมีความผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนกั งานตามมาตรา145 วรรคหน่ึง คำพิพากษาศาลฎกี าท่ี 810/2520 จำเลยบอกผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจขอคน้ บา้ น และเขา้ ไปในบา้ น แลว้ ขู่เอาทรพั ยไ์ ป ดงั น้ี จำเลยยงั ไมไ่ ด้ทำการเปน็ เจา้ พนกั งานไม่เป็นความผิดตามมาตรา145 วเิ คราะหค์ ำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 810/2520 จากคำพิพากษาศาลฎีกานก้ี ารทจ่ี ำเลยบอกผู้เสียหายว่าเปน็ ตำรวจ เปน็ กรณที ่ีจำเลยน้ันไดแ้ สดงตน เป็นเจา้ พนกั งาน ต่อมาจำเลยได้ขอคน้ บ้านและเข้าไปในบา้ น แลว้ ขเู่ อาทรพั ยไ์ ป ซง่ึ กรณถี อื ว่าจำเลยยังไม่ได้ กระทำการเปน็ เจ้าพนกั งาน ซึ่งการทจี่ ะมีความผดิ ตามมาตรา145ไดน้ ัน้ จำเลยต้องมีการแสดงตนเป็น เจา้ พนักงานและมีการกระทำการเปน็ เจ้าพนักงานดว้ ย หากมีเพยี งแคส่ ิง่ ใดส่งิ หน่ึงจะไม่ถือวา่ เป็นความผดิ ตามมาตรา145 ซึง่ ในกรณนี จี้ ำเลยได้แสดงตนเปน็ เจ้าพนกั งานเพียงอยา่ งเดยี วเท่าน้นั จงึ ถือว่าไมค่ รบ องคป์ ระกอบภายนอกมาตรา145 วรรคหนึ่ง ดงั นั้นในกรณีน้ีถอื วา่ จำเลยไม่มีความผิดฐานแสดงตนและกระทำการเปน็ เจ้าพนกั งานตามมาตรา145 วรรคหน่งึ สรุปเน้อื หาและข้อเสนอแนะ สรุปเน้ือหา ในเรือ่ งของความผดิ ฐานแจ้งความเท็จตอ่ เจา้ พนกั งานตามมาตรา137 และความผดิ ฐานแสดงตนและ กระทำการเปน็ เจา้ พนักงานตามมาตรา145 เป็นมาตราในประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ2 ความผิดเกย่ี วกับ การปกครอง เรือ่ งของความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ ต่อเจา้ พนกั งาน ตามมาตรา137 เป็นมาตราที่กล่าวถึงกรณีท่ีผู้ใด ในที่นีห้ มายถงึ ผแู้ จง้ ซ่ึงอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ได้มี การแจง้ ข้อความอันเป็นเทจ็ ซงึ่ การแจง้ คอื การทำใหเ้ จ้าพนกั งานไดร้ ับทราบ ซ่งึ อาจกระทำได้ 3 วิธี คอื กระทำดว้ ยวาจา กระทำด้วยลายลักษณ์อักษร และกระทำด้วยการแสดงกริ ยิ าทา่ ทางอย่างใดอยา่ งหน่งึ และขอ้ ความอนั เป็นเท็จ คอื ขอ้ ความทีไ่ มต่ รงกับความเปน็ จริง ซง่ึ ข้อความจะเป็นเทจ็ ไดก้ ต็ อ่ เมื่อเป็น ขอ้ เท็จจริงในอดตี หรอื ในปจั จุบนั เท่านัน้ หากเป็นเพยี งการแสดงความเหน็ หรอื การคาดเดาจะถอื วา่ ไม่เป็น ความเท็จเพราะไมส่ ามารถทราบได้ว่าขอ้ ความนั้นจรงิ หรอื เทจ็ ในขณะท่ีได้กล่าวถงึ ซงึ่ การแจง้ ข้อความอนั เป็น เท็จ สามารถแบง่ ได้เป็น 2 กรณี คือ การไปแจ้งด้วยตัวเอง และการไปใหค้ ำใหก้ ารทงั้ ในฐานะพยานและใน ฐานะผู้ต้องหา
--30-- ข้อสงั เกต การไปใหค้ ำใหก้ ารในฐานะผู้ตอ้ งหาแม้ผตู้ ้องหาจะให้การเปน็ เท็จต่อเจ้าพนกั งาน แตก่ ไ็ ม่เป็น ความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา137 เนอื่ งจากถือวา่ ผตู้ อ้ งหาสามารถทีจ่ ะให้คำให้การแก้ตัวสู้คดีอยา่ งไร ก็ได้เพอ่ื ใหต้ นเองนั้นพน้ ผิด ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญามาตรา134 แกเ่ จา้ พนกั งาน ซง่ึ เจา้ พนักงานตามมาตราน้ี เจา้ พนกั งานต้องมีหน้าท่ใี นการดำเนนิ การตามเรอื่ งทไ่ี ดร้ บั แจง้ ซ่ึงตอ้ งกระทำการตามหนา้ ทแ่ี ละโดยชอบดว้ ยกฎหมาย หากเปน็ เจ้าพนกั งานทม่ี หี น้าท่แี ตไ่ ด้กระทำโดยไม่ชอบ ดว้ ยกฎหมาย จะถือวา่ ผู้ทแ่ี จง้ ความเท็จนนั้ ไมม่ คี วามผิดฐานแจง้ ความเท็จ ซึ่งอาจทำให้ผอู้ น่ื หรือประชาชนเสยี หาย คอื ข้อความทไี่ ดแ้ จ้งน้ันจะตอ้ งอาจทำใหผ้ ้อู ่ืนหรอื ประชาชนเสียหาย และแมว้ า่ จะไมไ่ ดเ้ กิดความเสยี หายหรอื เกดิ ผลกับใคร แตก่ ถ็ อื วา่ เกิดความเสยี หายแก่ผู้รบั แจง้ แล้ว การแจ้งความเทจ็ นน้ั ผู้แจง้ ตอ้ งกระทำโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสอง และวรรคสาม โดยทราบถงึ ขอ้ ความท่ตี นไดแ้ จง้ นน้ั ว่าเป็นความเทจ็ และทราบดวี า่ ผู้ท่รี ับแจง้ น้ันเปน็ เจา้ พนกั งาน ขอ้ พจิ ารณา - ความผิดจะสำเร็จกต็ อ่ เมือ่ เจา้ พนกั งานได้รบั ทราบแล้ว หากเจา้ พนกั งานไม่ได้รับทราบ ถอื เป็นแค่ การพยายามแจ้งความเท็จ - แมว้ ่าเจ้าพนักงานไมเ่ ชอื่ หรือทราบความจริงอยู่แล้วก็ตาม กย็ ังถอื วา่ เป็นความผดิ สำเร็จแลว้ - หากผู้ท่รี บั การแจ้งความน้นั ไมใ่ ชเ่ จ้าพนกั งานผู้ทมี่ ีหนา้ ท่ีรบั แจ้ง ในกรณีน้ีถอื ว่าผแู้ จง้ ไม่มคี วามผิด ฐานแจ้งความเท็จตอ่ เจ้าพนักงานตามมาตรา137 - และหากการแจง้ ความนน้ั เปน็ ความเท็จเพยี งบางส่วนเทา่ นน้ั ในกรณีนี้ก็ถอื ว่าเปน็ การแจ้งข้อความ อันเป็นเทจ็ ตามมาตรา137แล้ว ตวั อย่างคำพิพากษาศาลฎีกา มาตรา137 คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 2141/2532 การท่ีจำเลยท้ังสีใ่ หถ้ อ้ ยคำและยนื ยนั รบั รองบญั ชีเครือญาติต่อเจ้าหน้าท่ที ่ดี นิ ที่สอบสวนท่ดี ินมรดกวา่ ผู้ตายมีทายาทเพียง 4 คน คอื จำเลยทง้ั ส่ี ซ่งึ ความจริงจำเลยทง้ั ส่ีต่างทราบดอี ยู่แลว้ ว่าผู้ตายยังมบี ตุ รสาวอีก 2 คน เป็นทายาทโดยธรรม เปน็ กรณที ี่จำเลยทง้ั ส่นี ้ันแจง้ ขอ้ ความอันเป็นเทจ็ แก่เจ้าพนกั งาน ทำให้เจ้าพนักงาน นั้นไมท่ ราบขอ้ เทจ็ จริงทีว่ า่ ผู้ตายยังมบี ตุ รสาวอีก 2คน เจา้ พนกั งานที่ดนิ ได้จดทะเบียนโอนกรรมสทิ ธิ์ที่ดนิ ตาม คำขอของจำเลยท้ังสี่ ซงึ่ จากการแจ้งความเท็จของจำเลยท้งั สน่ี ้ี มีผลทำให้ผู้อ่ืนเสยี หายนนั้ ก็คือบุตรสาว 2คน นอกเหนอื จากจำเลยทงั้ ส่แี ละกรมทด่ี นิ ที่ได้จดทะเบยี นโอนกรรมสิทธ์ิที่ดนิ ให้ และในกรณนี ี้จำเลยท้งั ส่กี ็ทราบ
--31-- ถงึ ขอ้ เทจ็ จริงอย่แู ล้วว่าผ้ตู ายยงั มบี ตุ รอกี 2คน และทราบดวี า่ สิ่งท่แี จง้ ไปน้ันคือข้อความเท็จ จงึ ถือวา่ เป็นการท่ี จำเลยทั้งสน่ี ้ันกระทำโดยเจตนา ดังน้ันในกรณีน้ถี อื ว่าจำเลยทงั้ สีม่ ีความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จตามมาตรา137 คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 2550/2529 การท่ีจำเลยไปแจ้งว่าโจทก์ไปที่ร้านของจำเลยนัน้ เปน็ การแจ้งไปตามคำบอกเลา่ ของเดก็ ทอี่ ยู่ในรา้ น วา่ โจทย์น้ันมที า่ ทางพิรธุ เม่ือเข้ามาในร้าน ในกรณีนี้ขอ้ ความจะเปน็ เทจ็ ได้กต็ ่อเมือ่ เป็นข้อเท็จจริงในอดีตหรอื ในปัจจบุ ันเท่านนั้ ซึ่งจากกรณนี เ้ี ปน็ กรณีท่ีผแู้ จ้งก็คอื จำเลย ได้คาดเดาเพียงเทา่ นัน้ เนื่องจากจำเลยเกรงวา่ โจทก์จะมาดักทำรา้ ยจำเลยเนื่องจากจำเลยกบั บิดาของโจทยน์ น้ั กำลังมกี รณพี ิพาทกนั อยู่และความจรงิ แลว้ โจทกไ์ ม่ไดก้ ระทำตามทีจ่ ำเลยแจง้ ความ จึงถอื วา่ การแจง้ ความของจำเลยนนั้ ไม่เปน็ ความเท็จ และซ่งึ โจทก์ก็ มไิ ดย้ ืนยันข้อเทจ็ จรงิ นี้ใหป้ รากฏในคำฟ้องว่าเด็กในร้านมไิ ดบ้ อกกบั จำเลยเชน่ น้ันอันจะทำใหเ้ หน็ ว่าข้อความที่ จำเลยแจง้ นัน้ เปน็ เท็จ ดงั นั้นในกรณนี ้ีถือว่าการแจง้ ความของจำเลยกไ็ ม่เปน็ ความผดิ ฐานแจ้งความเท็จตาม มาตรา137 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2522 การทีพ่ นักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแกจ่ ำเลยถือว่าจำเลยน้นั ตกเปน็ ผู้ต้องหาในคดีท่ีแล้ว ต่อมาพนกั งาน สอบสวนได้สอบสวนและจดคำให้การของจำเลยไว้ ซงึ่ การสอบสวนนี้ ถือวา่ เปน็ การท่ีจำเลยน้นั ไดใ้ หค้ ำใหก้ าร ในฐานะผู้ต้องหาตอ่ เจ้าพนกั งาน ตอ่ มามพี ยานหลักฐานว่าผอู้ ื่นเปน็ ผขู้ ับรถชนผู้เสยี หายมิใช่จำเลย แต่ เน่อื งจากจำเลยไดแ้ จง้ ความอันเปน็ เท็จต่อเจ้าพนักงานในขณะท่ตี นนัน้ อยใู่ นฐานะเป็นผตู้ อ้ งหา ซ่งึ ผู้ต้องหา สามารถที่จะใหค้ ำใหก้ ารแกต้ ัวสู้คดีอย่างไรกไ็ ด้ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญามาตรา134 ดงั นั้น ในกรณีนีถ้ ือว่าจำเลยไมม่ ีความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ ตามมาตรา137 คำพิพากษาศาลฎกี าท่ี 2413/2521 การที่จำเลยเจรจากบั โจทก์เรอ่ื งคา่ เสยี หายต่อหน้าพนกั งานสอบสวนโดยจำเลยอ้างวา่ รถที่ส.ขับชน บตุ รสาวโจทกเ์ ปน็ รถของห้างหุ้นสว่ นจำกดั ที่จำเลยเปน็ ผู้จัดการห้าง แตโ่ จทก์และจำเลยตกลงกันไมไ่ ด้ พนักงานสอบสวนจึงทำบันทกึ ไว้ ต่อมาจำเลยกลับใหก้ ารวา่ รถที่ชนบตุ รสาวโจทก์แท้จรงิ แล้วไม่ใชข่ องห้าง ดงั กลา่ ว แมว้ า่ พนกั งานสอบสวนจะทำบันทกึ ไว้ แต่พนักงานสอบสวนก็มีหน้าท่ีเพยี งแตก่ ารสอบสวนและทำ บนั ทกึ เพียงเท่านนั้ ไม่ได้มหี นา้ ทท่ี ำการเปรียบเทยี บตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา 38(2) จงึ ถือว่าจำเลยน้ันไดแ้ จ้งความเท็จแก่ผู้ท่ีไม่มีอำนาจหนา้ ท่ีในกระทำ ดงั นัน้ ในกรณีนี้ถือวา่ จำเลยไม่มี ความผิดฐานแจง้ ความเทจ็ ต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา137
--32-- ความผดิ ฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน ตามมาตรา145 กรณีความผดิ ที1่ (วรรคหนึง่ ) กลา่ วถงึ กรณที ผ่ี ู้ใด ซง่ึ ในท่ีนีห้ มายถึงบุคคลที่แอบอา้ งวา่ ตนเปน็ เจา้ พนกั งาน อาจเป็นบุคคลธรรมดา หรอื นติ ิบุคคล ได้แสดงตนเป็นเจ้าพนกั งาน คอื ทำใหบ้ ุคลอน่ื รู้ว่าคนทแี่ สดงตนนน้ั เปน็ เจา้ พนักงาน ซ่ึงการ แสดงตนเป็นเจ้าพนกั งงานนใ้ี ห้รวมถึงการที่ผูน้ น้ั นงิ่ เฉยไม่มีการปฏเิ สธด้วย และถา้ หากมกี ารอา้ งว่า “เคยเป็น เจ้าพนกั งาน” จะไมถ่ อื ว่าเป็นการแสดงตนว่าเป็นเจา้ พนกั งานตามมาตรา145 ได้กระทำการเปน็ เจ้าพนักงาน คอื การกระทำการตามอำนาจหน้าท่ีของเจ้าพนกั งานน้นั ๆ ซงึ่ การแสดงตนเป็น เจา้ พนกั งานตามมาตราน้ี แม้ว่าจะมีการแสดงตนเปน็ เจ้าพนักงานตามที่กล่าวมาแล้วนัน้ แตย่ ังจะตอ้ งมีการ กระทำการเป็นเจา้ พนกั งานด้วย ขอ้ สังเกต หากวา่ มเี พียงแคก่ ารแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานเพยี งอย่างเดียว หรอื มีการกระทำการเพียงอย่างเดียว จะไมถ่ ือว่าเปน็ ความผดิ ตามมาตรา145 โดยตนเองมไิ ด้เปน็ เจ้าพนักงานทมี่ อี ำนาจกระทำการน้นั ซึ่งหมายถึงการท่ีเราเปน็ บคุ คลธรรมดาที่ ไมไ่ ด้เปน็ เจา้ พนักงานและไมไ่ ดม้ อี ำนาจหน้าที่โดยชอบดว้ ยกฎหมาย กรณีความผิดที่2 (วรรคสอง) กล่าวถงึ กรณีท่ีเจ้าพนกั งานผูใ้ ด ซึง่ ในท่ีนี้หมายถึงบคุ คลท่เี คยเปน็ เจ้าพนกั งานมาก่อนหรือเปน็ เจ้า พนักงานทเี่ คยทำหน้าท่นี ้ีแต่ในปจั จุบันไมไ่ ด้ทำหนา้ ท่นี แ้ี ลว้ ได้รับคำสัง่ มิใหป้ ฏิบตั กิ ารตามตำแหน่งหนา้ ที่ ต่อไปแล้ว คือการที่ไมไ่ ด้มีอำนาจหน้าทกี่ ระทำการใดๆในสิ่งนั้นอกี รวมถงึ การถกู พกั งานหรือส่งั ให้ไป กระทำการในหน้าท่ีอน่ื แล้ว และการท่ีไดร้ ับคำสัง่ มใิ หป้ ฏิบัตกิ ารตามตำแหน่งหน้าท่ีนนั้ จะต้องไม่ใชค่ ำสงั่ ทเี่ ปน็ การสง่ั เพยี งครัง้ คราวเท่านัน้ แตต่ ้องเปน็ การทใ่ี ห้หยุดกระทำการไปตลอด จนกวา่ จะมีคำสง่ั ให้กลับมา ปฏบิ ตั ิการตามหนา้ ท่นี นั้ ๆอกี ข้อสงั เกต หากเป็นเจา้ พนกั งานที่ได้มกี ารลาพกั หรอื มกี ารหนีราชการ จะไมไ่ ดเ้ ปน็ กรณีทไ่ี ด้รับคำสง่ั มิให้ ปฏบิ ัติการตามตำแหน่งหนา้ ท่ตี อ่ ไปแลว้ เพราะถอื วา่ ยงั ไม่พน้ จากหนา้ ทีน่ นั้ ๆ แต่หากเปน็ เจ้าพนักงานทไ่ี ดม้ ี การลาพกั หรอื มีการหนรี าชการ จะไม่ได้เปน็ กรณที ่ีไดร้ ับคำสง่ั มิให้ปฏิบตั ิการตามตำแหน่งหนา้ ทตี่ ่อไปแลว้ เพราะถอื ว่ายงั ไมพ่ น้ จากหน้าท่ีนั้นๆ ได้ฝ่าฝืนกระทำการใดๆในตำแหนง่ หนา้ ทน่ี ้นั หมายถึงการกระทำการตามหนา้ ที่อยูเ่ หมือนเดมิ ท้ังๆทตี่ นไมไ่ ดม้ ี หนา้ ทีก่ ระทำการนั้นแล้ว ขอ้ พจิ ารณา - การลงช่ือย้อนหลงั ถือว่าเปน็ การกระทำการหลังจากมคี ำสง่ั ไม่ให้ปฏบิ ัติการตามตำแหน่งหน้าท่ี ต่อไปแล้ว
--33-- - หากวา่ มีคำสงั่ ไมใ่ หป้ ฏิบตั กิ ารตามตำแหนง่ หน้าท่ีแลว้ แตเ่ จ้าพนกั งานนนั้ ไมท่ ราบ หรือไม่ทนั ได้เปดิ อา่ นคำส่ังนั้นเพราะว่าอยากทีจ่ ะทำงานให้เสรจ็ กอ่ น ถือวา่ ผู้นน้ั ไมม่ ีความผิด - แต่ท้ังนจี้ ะต้องดูที่พฤตกิ ารณ์ทีป่ รากฏด้วยวา่ ผู้กระทำนน้ั ไมไ่ ด้มเี จตนาจรงิ ๆ การแสดงตนและกระทำการเปน็ เจา้ พนกั งานตามมาตรา145 ทั้ง2กรณคี วามผิดน้ี ผ้กู ระทำจะตอ้ ง กระทำโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสองและวรรคสาม โดยทราบถงึ ขอ้ เท็จจริงท่วี า่ ตนไม่ได้มอี ำนาจหน้าท่ีในการกระทำการนัน้ ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การทีไ่ มไ่ ดม้ ีอำนาจหน้าทีน่ นั้ ต้ังแตแ่ รก หรอื หลังจากได้รบั คำสัง่ ไมใ่ ห้ปฏิบตั หิ น้าท่นี ้ันก็ตาม ตวั อย่างคำพพิ ากษาศาลฎีกามาตรา145 คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1394/2514 ซึ่งจากการวเิ คราะห์คำพิพากษาศาลฎีกาน้ีการท่ีจำเลยเป็นพนกั งานตตี ราไมแ้ ละได้แสดงตวั เปน็ เจ้าพนกั งานป่าไม้ เป็นกรณที ี่จำเลยไดแ้ สดงตนเป็นเจา้ พนักงาน และจำเลยได้ทำการจับกุมผู้เสยี หายในเรอื่ งไม้ และยงั เรยี กเงนิ จากผู้เสียหายดว้ ย ซงึ่ เป็นกรณที ่ีจำเลยไดก้ ระทำการเป็นเจ้าพนกั งาน โดยท่จี ำเลยน้ันมิไดม้ ี อำนาจในการกระทำการนัน้ และไม่ได้มอี ำนาจหนา้ ที่โดยชอบด้วยกฎหมาย และจากการกระทำความผิดน้ี จำเลยกไ็ ด้กระทำไปโดยที่ทราบถงึ ข้อเทจ็ จริงทวี่ า่ ตนไมไ่ ด้มอี ำนาจหน้าทใี่ นการกระทำการน้นั ซง่ึ มกี ารกระทำ โดยเจตนา ดังนัน้ ในกรณนี ้ถี อื ว่าจำเลยมคี วามผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา145 วรรคหน่งึ คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 2099/2527 ซึง่ จากการวิเคราะหค์ ำพพิ ากษาศาลฎีกาน้ีการที่จำเลยไมไ่ ดเ้ ป็นเจ้าพนักงานตำรวจ แตแ่ ต่งกายดงั ท่ี เจา้ พนกั งานตำรวจนอกเคร่อื งแบบแตง่ กันตามมปกตินน้ั เป็นการทจ่ี ำเลยไดแ้ สดงตนเปน็ เจา้ พนักงาน และจำเลยยืนใหส้ ญั ญาณรถยนตบ์ รรทุกที่ผ่านไปมาให้หยุดรถเพอ่ื ตรวจตรงจดุ ทีร่ ถยนต์ตำรวจทางหลวง จอดอยู่เปน็ ประจำ เปน็ กรณีท่ีจำเลยนนั้ ได้กระทำการเป็นเจ้าพนกั งานแลว้ และในการเรียกตรวจรถแตล่ ะคร้งั จำเลยแสดงให้เป็นทเ่ี ข้าใจได้ว่าได้รับเงินจากพวกคนขับรถยนต์บรรทกุ เป็นการแสดงถึงเจตนาทจ่ี ะกระทำการ ของจำเลยท้ังๆที่จำเลยก็ทราบดอี ย่แู ล้วว่าตนนัน้ ไมไ่ ด้มอี ำนาจหนา้ ทใ่ี นการกระทำน้นั ดงั นั้นในกรณีนี้ถือว่า จำเลยมีความผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานตามมาตรา145 วรรคหน่งึ คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 5096/2540 ซง่ึ จากการวเิ คราะห์คำพพิ ากษาศาลฎีกานี้การที่จำเลยและถ.ไปบ้านผเู้ สียหาย ถ.บอกผ้เู สียหายวา่ จำเลยเป็นเจ้าพนกั งานตำรวจ จำเลยไดย้ นิ คำพดู ของ ถ. แต่กน็ ิ่งเฉยและมไิ ดป้ ฏิเสธ จึงถือวา่ เป็นกรณีทีจ่ ำเลย นัน้ ได้แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานแล้ว ต่อมาจำเลยไดเ้ รียกเงนิ จำนวน 2,000บาท จากผู้เสียหายมฉิ ะนัน้ จะจบั ผ้เู สียหาย ซึ่งการแสดงพฤตกิ ารณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยนนั้ ไดก้ ระทำการเป็นเจ้าพนักงานแล้ว โดยที่จำเลยไม่ได้
--34-- เปน็ เจ้าพนักงานท่มี ีอำนาจในการกระทำนนั้ แมค้ ร้งั ทีส่ องจำเลยไม่ไดอ้ า้ งวา่ เป็นเจา้ พนักงานตำรวจดงั เช่นครง้ั แรก แต่จำเลยเคยไปหาผูเ้ สยี หายและมกี ารกระทำดงั กล่าวเพือ่ ให้ผู้เสยี หายเช่อื ว่าจำเลยนั้นเป็นเจ้าพนกั งาน ตำรวจจรงิ และในกรณนี ้กี ารที่จำเลยน่ิงเฉยและมิได้ปฏิเสธเท่ากับจำเลยต้องการให้ผู้เสียหายเช่ือตามท่ี ถ. บอก ถอื ว่าจำเลยนัน้ มีเจตนาท่ีจะกระทำการน้นั ดังนัน้ ในกรณนี ถี้ ือวา่ จำเลยมคี วามผิดฐานแสดงตนและ กระทำการเป็นเจา้ พนักงานตามมาตรา145 วรรคหนึง่ คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 810/2520 ซง่ึ จากการวเิ คราะห์คำพพิ ากษาศาลฎีกาน้ีการท่ีจำเลยบอกผเู้ สียหายวา่ เปน็ ตำรวจ เปน็ กรณีท่ีจำเลย นัน้ ไดแ้ สดงตนเปน็ เจ้าพนักงาน ต่อมาจำเลยได้ขอค้นบา้ นและเขา้ ไปในบ้าน แลว้ ขเู่ อาทรัพยไ์ ป ซง่ึ กรณถี ือว่า จำเลยยังไมไ่ ดก้ ระทำการเปน็ เจ้าพนักงาน ซงึ่ ในกรณีนี้จำเลยได้แสดงตนเป็นเจา้ พนักงานเพียงอยา่ งเดยี ว ดงั น้นั ในกรณีน้ถี ือวา่ จำเลยไม่มีความผดิ ฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจา้ พนกั งานตามมาตรา145 วรรคหนึง่ ข้อเสนอแนะ สำหรับความคดิ เหน็ ของผู้จัดทำนน้ั ผ้จู ดั ทำมองวา่ กฎหมายมักเปลย่ี นไปตามกาลเวลา เพราะผู้คนใน สงั คมมกั จะเปล่ยี นอรยิ บทไปเรอื่ ยๆ เหมือนคำท่เี คยไดย้ นิ วา่ “กฎหมายเป็นกระจกส่องสงั คม” ถงึ แมว้ า่ ในปจั จุบันจะมกี ารพัฒนาในเร่ืองของกฎหมายตา่ งๆอยู่เสมอกต็ าม แต่ผู้จดั ทำคิดว่าถึงแมว้ า่ จะมีการพัฒนา อยูเ่ สมอ แตก่ ฎหมายก็มกั จะมีชอ่ งว่างอยู่ไม่มากกน็ อ้ ย และในเร่ืองของกฎหมายนี้อาจจะเป็นสิง่ ทีเ่ ข้าใจยาก และเกิดการต้งั คำถามสำหรับบคุ คลทัว่ ไปท่ไี มใ่ ช่นักกฎหมายหรอื ผู้ที่สนใจศกึ ษาทางด้านกฎหมาย หรอื แมแ้ ต่ ตวั นกั กฎหมายหรือผ้ทู ่ีสนใจศกึ ษาทางดา้ นกฎหมายเองก็อาจจะมีการตั้งคำถามขนึ้ ได้ ดังเช่น ตัวผจู้ ัดทำเองก็ได้มคี ำถามขนึ้ มาในขณะท่ีรวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มลู ในเรื่องของการแสดงตน เปน็ เจา้ พนักงานตามมาตรา145 ผู้จัดทำมีข้อคำถามท่วี า่ หากผูท้ แี่ สดงตนเปน็ เจา้ พนักงานนน้ั กระทำไป เพือ่ ท่ีจะป้องกันและชว่ ยเหลอื เหตุใดถงึ ยังตอ้ งมคี วามผดิ ตามมาตรา145อยู่ ซง่ึ จากตวั อย่างทีผ่ ู้จัดทำได้มกี ารต้งั คำถามขึน้ มานัน้ ผู้จดั ทำจึงมีขอ้ เสนอแนะว่า ถา้ หากกฎหมาย สามารถปรับปรงุ ได้ ก็อยากทจ่ี ะใหป้ รบั ปรุงในเรื่องของการครอบคลุมของแต่ละมาตรา คือแต่ละมาตรา ควรท่จี ะไม่มีช่องว่างและการตงั้ ข้อสงสัย เพื่อท่จี ะสามารถให้เป็นไปตามหลกั ของกฎหมายนนั้ ๆได้อย่างไมม่ ี ข้อคำถามใดๆ เพราะในปจั จุบันไมว่ า่ จะเปน็ ความผดิ ฐานใดหรอื เรื่องอะไรก็มักจะมีการต้งั ขอ้ สงสยั หรอื ขอ้ โต้แย้งอยู่ และควรทจ่ี ะทำใหก้ ฎหมายนนั้ สามารถเข้าใจได้ง่ายแกบ่ ุคคลทว่ั ไป เพราะถึงแม้ว่าจะปรบั ปรุง ใหด้ เี พยี งใด หากไมม่ ีใครเข้าใจก็ถือวา่ ไม่มผี ลใดๆเลย...
--35-- บรรณานกุ รม จากหนงั สือ ชมรมลกู พ่อขนุ ประยุกต.์ (ม.ป.ป.). สรุปฉบบั พิเศษ LAW 2107(LAW 2007) กฎหมายอาญา2. ชมรมลูกพอ่ ขนุ ประยุกต.์ ศาสตราจารย์ ดร.ทวเี กยี รติ มีนะกนิษฐ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รณกรณ์ บญุ ม.ี (2564). คำอธิบาย กฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ัทสำนักพิมพ์วิญญชู น จำกัด. จากส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ mjsheetramfree. (1 กรกฎาคม 2560). LAW2007 กฎหมายอาญา2. เขา้ ถึงได้จาก LAW2007 กฎหมาย อาญา2 S/2554: https://www.mjsheetramfree.com/law-2007-kdhmay-xaya-2-s-2554/ PS thailaw. (ม.ป.ป.). psthailaw.com. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก เรือ่ งท่ี 21 แจ้งความเทจ็ เปน็ ไงครับ คำถามจาก เทศบาลตำบลนางรอง: http://www.psthailaw.com/article.php?cid=573 ทนายคลายทกุ ข์ . (26 ธันวาคม 2560). DECHA. เขา้ ถงึ ได้จาก แสดงตนเปน็ เจา้ พนักงานและกระทำการเป็น เจ้าพนักงาน: https://www.decha.com/article/section/relieve_lawyer/11927 ทนายความและที่ปรกึ ษากฎหมาย. (20 กรกฎาคม 2559). ทนายความและทีป่ รกึ ษากฎหมาย. เข้าถงึ ไดจ้ าก ความผิดฐานแจง้ ความเท็จ: https://wichianlaw.blogspot.com/2016/07/blog-post.html นกั กฎหมายในมา่ นหมอก. (21 พฤษภาคม 2556). สรุปอาญา. เข้าถงึ ไดจ้ าก ม.145: http://justice-in- mind-aya.blogspot.com/2013/05/blog-post_8478.html จากส่ือวิดโี อ(Youtube) Pobtorn Kaewkan. (2021,September 23). บรรยายกฎหมาย ตอนท่ี 33 เร่ือง ความผดิ อาญาฐานแจ้ง ความเท็จ มาตรา 137 โดย ดร.ภพธร แก้วขัน (ทนายนอ้ ย) [Video file]. Video posted to https://www.youtube.com/watch?v=-xn7jT2rCXE บรรยายเนติบัณฑิตออนไลน์. (2021,September 23). 1/74 วชิ า อาญา ม.1-58,107-208 (คร้ังที่ 9) อ.ชาตรี สวุ รรณนิ [Video file]. Video posted to https://www.youtube.com/watch?v=FtN2nHoqgPM&list=PLXDpHvKwIvf9SjybiTyqTU7e BFniLHBTe&index=11 ประมวลกฎหมาย by Sarai. (2021,September 23). ทบทวนกฎหมายอาญามาตรา 137 - 146 ความผิดต่อ เจ้าพนกั งาน [Video file]. Video posted to https://www.youtube.com/watch?v=EfpuI2kLkEA
--36-- รหัสนสิ ิต 631081045 เรอ่ื ง ความผิดฐานลกั ทรพั ย์ตามมาตรา334 และความผิดฐานทำใหเ้ สยี ทรพั ย์ตามมาตรา358 คำอธิบายเชิงโครงสร้างความรบั ผดิ ทางอาญา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ผใู้ ดเอาทรัพย์ของผู้อ่ืน หรือทผ่ี อู้ น่ื เปน็ เจ้าของรวมอยูด่ ว้ ยไปโดยทจุ ริต ผนู้ ้นั กระทำความผดิ ฐานลกั ทรพั ย์ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี และปรบั ไมเ่ กนิ หกหม่นื บาท องค์ประกอบความผิด องคป์ ระกอบภายนอก 1. ผู้ใด คอื ผ้กู ระทำความผิด 2. เอาไป คือ การแย่งการครอบครองในลกั ษณะตัดรอนกรรมสทิ ธ์ิออกจากเจ้าของทรพั ยเ์ ดิม โดยการเข้า ครอบครองพาทรพั ยน์ ัน้ เคล่ือนท่ีออกไปจากที่ท่ีทรัพย์เดมิ เคยอยู่ แมเ้ พยี งเคลื่อนท่เี ล็กน้อยก็เปน็ ความผิด สำเรจ็ แลว้ 3. ทรพั ย์ของผูอ้ น่ื หรือที่ผู้อื่นเปน็ เจ้าของรวมอยูด่ ้วย กลา่ วคือ ทรัพย์ของใครกไ็ ด้ทม่ี ิใช่ของผกู้ ระทำความผิดเอง มฉิ ะนน้ั แม้เข้าใจว่าเปน็ ทรพั ย์ของบคุ คล อื่น แต่ความจรงิ เปน็ ทรพั ยข์ องผู้กระทำความผดิ นัน้ เองกไ็ มม่ คี วามผดิ เกดิ เพราะขาดองคป์ ระกอบภายนอกนี้ องค์ประกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดา คอื ผู้กระทำต้องรขู้ อ้ เท็จจรงิ อนั เป็นองคป์ ระกอบภายนอกของความผิดและผู้กระทำย่อม เลง็ เหน็ ผลหรอื ประสงคต์ ่อผล 2. เจตนาพเิ ศษ โดยทุจริต คือ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรบั ตนเองหรือ ผอู้ ่ืน หากผู้กระทำไม่มีเจตนาทจี่ ะทุจริตทจี่ ะเอาทรพั ย์นัน้ เป็นของตนแล้ว แมค้ รบองคป์ ระกอบภายนอกของ มาตรา 334 กไ็ ม่ทำให้ผ้กู ระทำมีความผดิ การกระทำ คือ เอาไป หมายถงึ แยง่ การครอบครองทรัพย์ของผูอ้ ่ืน ในลกั ษณะตดั กรรมสทิ ธ์ขิ องเจ้าของทรัพย์โดยเด็ดขาด ลกั ษณะการแบง่ การครอบครอง 1. ทรัพยน์ นั้ จะตอ้ งอยูใ่ นความครอบครองของผ้อู นื่ หมายความวา่ ขณะท่ีเอาไปจะตอ้ งผู้ครอบครองทรัพย์นน้ั อยู่มิใชท่ รพั ยไ์ มม่ ีเจ้าของ หรือมีเจ้าของแตไ่ มอ่ ยูใ่ นความครอบครองของผใู้ ด เช่น ทรพั ยส์ ินหาย หรอื ทรพั ย์ที่ อย่ใู นความครอบครองของผกู้ ระทำอยูแ่ ลว้
--37-- การครอบครอง คือ การยึดถือทรัพย์โดยเจตนายึดถือเพอื่ คนตาม ป.พ.พ. เรา 1367 และการยดึ ถือ เพอ่ื ตนไม่จำเป็นตอ้ งมกี ารจับตอ้ งตวั ทรพั ยถ์ ือไว้ในมือเสมอไป การยดึ ถือท่มี ีลกั ษณะหวงกันตามควรแก่ พฤติการณแ์ ละสภาพของทรัพยน์ ั้นซงึ่ คนท่วั ไป ยอมรับรถู้ ือวา่ เปน็ การครอบครองแลว้ (จิตติ ติงศภัทิย์ ) โดยเหตุที่การยึดถือทรพั ย์ อยู่กับบุคคลหน่ึงซ่งึ ไมม่ เี จตนายึดถอื เพอื่ ตน จึงไมถ่ อื วา่ บุคคลน้ัน ครอบครองทรัพย์ เช่น กรณลี กู จา้ ง คนไข้ คนงาน รวมท้ังขา้ ราชการยึดถือทรพั ย์ของทางราชการ ถ้าผ้ยู ดึ ถอื เอาทรัพย์น้นั ไป ถอื วา่ เอาไปจาก การครอบครองของผู้อ่ืน ผิดลักทรัพย์ มิใช่ยกั ยอก ในกรณีเจา้ ของทรพั ย์ให้ผอู้ ่ืนช่วยดแู ลทรพั ยไ์ ว้ชวั่ คราวเฉพาะเหตุ ไมเ่ ปน็ การส่งมอบการครอบครอง ถ้ามีพฤตกิ ารณ์เป็นการมอบการครอบครอง 2 . ผกู้ ระทำตอ้ งเข้าครอบครองทรัพย์ทีล่ ัก ไม่ใชเ่ พียงแตแ่ ตะต้องหยบิ ฉวย โดยไมม่ กี ารครอบครอง เชน่ หยบิ โทรศัพท์ของผู้เสียหายโยนท้งิ ทันที ยังไมม่ กี ารครอบครอง ทรัพยน์ น้ั ไม่ผดิ ลกั ทรัพย์ แตผ่ ิดฐานทำใหเ้ สยี ทรัพย์ ถา้ มกี ารเข้าครอบครองและพาทรพั ย์น้ันไป จากนัน้ มกี ารทำลายภายหลัง แม้วัตถปุ ระสงคข์ องการเอา ไปเพอ่ื จะทำลายทรพั ย์กเ็ ป็นลกั ทรพั ย์ได้ แตถ่ ้าทำใหท้ รพั ย์เสยี หายก่อนโดยมีเจตนาที่ลกั ทรัพยผ์ ิดทั้งฐานทำให้ เสยี ทรัพยแ์ ละลักทรัพย์ เปน็ กรรมเดยี วหลายบท 3. การเข้าครอบครองทรพั ยน์ ้ันจะต้องเปน็ การแยง่ การครอบครอง กลา่ วคือ เข้าถือเอาโดยผคู้ รอบครองเดิมไม่ อนุญาต ถา้ ผูค้ รอบครองเดิมอนญุ าต 4. เมอ่ื มกี ารแบง่ การครอบครองแลว้ การเอาไปยงั ไมส่ ำเรจ็ จนกว่าจะได้มกี ารพาทรัพย์นัน้ เคลอื่ นทไ่ี ป หมายความว่า เข้ายดึ ถือตัวทรัพยน์ ้ันไวพ้ ร้อมจะเอาไป วตั ถุแห่งการกระทำ คือ ทรัพย์ หมายความเฉพาะวตั ถุที่มีรปู ร่างเท่านั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 137 คือ ทรัพย์ทม่ี ีราคาและถือเอาได้ ฉะนัน้ วัตถุท่ีไม่มีรปู รา่ งกบั ตอ้ ง ไม่ได้ เช่น สทิ ธิเรียกร้องต่างๆ ลิขสิทธิ์สิทธิใน เคร่ืองหมายการค้า ฯลฯ ไม่เป็นทรัพย์ท่ี กันได้ แต่เอกสารทแี่ สดงสิทธเิ หลา่ น้ี เช่น หนังสือสัญญา โฉนดทีด่ นิ ฯลฯ ถือเป็นวัตถทุ ่ีมรี ปู ร่างและลักกันได้ ทรพั ยข์ องผูอ้ นื่ หมายถงึ เป็นทรพั ย์ท่มี ีผอู้ ืน่ เป็นเจ้าของในขณะท่ลี ักไปจำเลย จงึ ลักทรพั ยข์ องตวั เอง ไม่ได้ ทรพั ย์ท่ผี ู้อื่นเปน็ เจ้าของรวมอยูด่ ้วย ดงั ทีไ่ ด้กลา่ วไว้แล้ววา่ จำเลยลกั ทรพั ย์ ของตัวเองไมไ่ ด้เนอื่ งจาก มใิ ช่ทรพั ยข์ องผอู้ น่ื แตถ่ ้าทรัพย์นัน้ มผี อู้ ่นื เปน็ เจา้ ของรวมอยู่ด้วย และ จำเลยเอาไปโดยเจ้าของรวมคนอื่นไม่ ยนิ ยอม จำเลยผดิ ฐานลกั ทรพั ย์ องคป์ ระกอบภายใน เจตนาธรรมดาในการกระทำคือเอาทรพั ย์ของผ้อู นื่ ไป และเจตนาพเิ ศษคอื กระทำโดยทุจริตตามมาตรา 1(1)
--38-- 1. เจตนาธรรมดาในการเอาทรพั ย์ของผ้อู ื่นไป รวมตลอดถึงรขู้ ้อเทจ็ จริงอันเปน็ องค์ประกอบความผดิ ดว้ ย หากไม่รู้ เชน่ ไมร่ ู้ว่าเปน็ ทรพั ย์มีเจา้ ของ ไม่ร้วู ่าเป็นทรพั ยท์ ี่อยู่ใน ความครอบครองของผู้อื่น หรอื สำคญั ผิดวา่ เจ้าของอนญุ าตให้เอาไป กไ็ ม่เป็นการ กระทำโดยเจตนา เชน่ ทรัพยท์ ่ีมผี ู้ทำตกไว้ซ่งึ ยังไมข่ าดจากการครอบครองของผูท้ ำตกเพราะกำลังติดตามอยู่ อย่างใกล้ชดิ แตผ่ ู้เก็บไดไ้ ม่รูว้ า่ ผ้ทู ำตกยังคงครอบครองตดิ ตามอยู่ การเอาไปไมเ่ ปน็ ลกั ทรพั ยถ์ ือว่าขาดเจตนา 2 . เจตนาโดยทุจริต หมายความวา่ “เพือ่ แสวงหาประโยชนท์ ่มี ิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผอู้ น่ื ประโยชน์ทวี่ ่านี้จะเปน็ ประโยชนท์ วั่ ไปหรือประโยชน์ ในทางทรัพยส์ นิ กไ็ ด้ ต่างจากประโยชน์ในลักษณะที่เปน็ ทรัพย์สินตามมาตรา 337, 338 ซ่งึ หมายความเฉพาะประโยชน์ในทางทรพั ย์สนิ เทา่ นัน้ เชน่ จ าเลยแย่งเอา หมายเรียกพยานมาดวู นั นัดแล้วจะคนื ให้ แต่ทำหายเสยี ก่อนส่งคนื เป็นการแสวงหาประโยชน์ทม่ี ิควรได้ฯ เปน็ ความผดิ สำเรจ็ แล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ผูใ้ ดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำใหเ้ สอ่ื มคา่ หรอื ทำใหไ้ ร้ประโยชน์ ซงึ่ ทรพั ย์ของผอู้ ืน่ หรือผอู้ นื่ เป็นเจ้าของ รวมอย่ดู ้วย ผนู้ น้ั กระทำความผดิ ฐานทำใหเ้ สยี ทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี หรอื ปรบั ไม่เกินหก หม่นื บาท หรือทงั้ จำท้ังปรบั องคป์ ระกอบความผดิ ฐานทำใหเ้ สียทรพั ย์ จะเกิดการ “ทำให้เสียทรพั ย”์ ได้นนั้ จะตอ้ งมีองคป์ ระกอบหลักๆดังนี้ 1. ผ้กู ระทำ 2. การกระทำให้เสยี หาย ทำลาย ทำให้เสอ่ื มคา่ หรอื ทำใหไ้ รป้ ระโยชน์ 3. ทรัพย์ทีถ่ ูกกระทำซงึ่ ตอ้ งเปน็ ทรพั ย์ของผ้อู ่นื หรอื มผี อู้ ่ืนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย 4. เจตนาของผู้กระทำ คำวา่ “ทำให้เสยี ทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ได้ให้ความหมายโดยครอบคลุมไว้ วา่ การทค่ี นผหู้ นงึ่ ทำใหท้ รัพย์ของผ้อู ่ืนหรือมีผ้อู นื่ เป็นเจ้าของรวมอย่ดู ้วยเสียหาย ทำลาย ทำใหเ้ สอื่ มค่าหรอื ทำให้ไร้ประโยชน์ องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดาตามมาตรา 57 การทำให้ทรัพยข์ องผู้อ่นื เสยี หายโดยประมาท จึงไมเ่ ป็น ความผดิ ตามมาตราน้ี
--39-- การกระทำ ทำให้เสยี หาย มคี วามหมายว่า ทำให้มกี ารเปลย่ี นแปลงในทรพั ย์อนั เปน็ การเสื่อมเสยี แกเ่ จา้ ของ ซงึ่ ต้องมิใชเ่ สียหายเพยี งเล็กนอ้ ย การทำใหเ้ สอ่ื มคา่ หมายถึง การทำใหร้ าคาหรอื มูลค่าของทรัพยน์ น้ั ลดลง แต่ไมถ่ ึงกับเป็นการทำลาย การทำให้ไรป้ ระโยชน์ หมายถึง การทำให้ทรัพย์นน้ั ใช้การไมไ่ ด้แม้ตัวทรัพยย์ ังคงสภาพอยู่ การทำใหเ้ สยี หาย หมายถงึ การทำให้ทรพั ยน์ น้ั ชำรดุ บบุ สลาย แต่ทรพั ยน์ ้ันอาจจะยงั ใชป้ ระโยชน์ได้ หรอื การจะทำให้ทรัพย์น้นั กลับมาใชไ้ ดด้ ังเดิมตอ้ งมีค่าใช้จา่ ย การทำลาย หมายถึง การทำใหท้ รพั ย์นน้ั หมดสภาพทรัพยเ์ ดมิ ไป อาจเปน็ การทำลายทั้งหมด หรอื บางสว่ นก็ ได้ ความเก่ยี วข้องกบั ความผิดฐานอนื่ ๆ การทำลายทรพั ย์อาจเก่ียวขอ้ งกับความผิดฐานอืน่ ๆ เชน่ ลัก ทรัพย์ ยักยอกทรพั ย์ หรอื ฉอ้ โกง ความผิดเหลา่ นี้ ผ้กู ระทำได้กรรมสทิ ธิ์จากเจ้าของโดยเด็ดขาดแล้ว แมจ้ ะมี การกระทำต่อทรัพยน์ นั้ อีก กไ็ มเ่ ป็นความผดิ ข้ึนใหม่ วตั ถุแหง่ การกระทำ คือ “ทรัพย์” จะเปน็ สังหารมิ ทรพั ย์หรืออสงั หาริมทรพั ย์กไ็ ด้ ไมว่ า่ จะเปน็ ทีด่ นิ ตน้ ไม้ ส่งิ ปลกู สร้าง อาคารบา้ นเรือน คำอธบิ ายจากบรรทัดฐานคำพิพากษา คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 4548/2558 การกระทำความผดิ ฐานลักทรัพยต์ ามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 334 ผู้กระทำจะตอ้ งแยง่ การครอบครองทรัพย์ของผ้อู ื่น ในลักษณะตดั กรรมสิทธข์ิ องเจา้ ของทรพั ย์โดยเด็ดขาด โดยมีมูลเหตุชักจงู ใจอนั เปน็ เจตนาพิเศษเพอ่ื แสวงหาประโยชนท์ ่มี ิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง หรือผอู้ ื่น แต่จากคำเบิกความของโจทกร์ ว่ มปรากฏวา่ โจทก์รว่ มตอ้ งการตดั ไม้ยางเพอ่ื จะสร้างบ้านใหบ้ ตุ รชาย ของตน แตไ่ มม่ ีทนุ จ้างคนเลอ่ื ยไม้ โจทกร์ ่วมไปปรึกษาจ าเลยซง่ึ เปน็ ข้าราชการ จำเลยรับดำเนินการขอ อนุญาตตัดไม้ยาง โดยมขี ้อตกลงแบ่งไม้ยางท่ีได้จากการตัดและแปรรปู แตไ่ ม่ได้ระบุรายละเอียดเนอื่ งจากยงั ไม่ ทราบจำนวนไมย้ างท่แี ปรรปู แนน่ อน และจำเลยนำสืบต่อสู้ว่า โจทก์ร่วมต้องการสร้างบ้านให้แกบ่ ตุ รชายของ ตนตรงบริเวณท่มี ตี น้ ยางปลูกอย่จู ำนวน 2 ต้น แต่โจทก์รว่ มไมส่ ามารถขออนญุ าตตดั ไม้ยางได้ด้วยตนเอง โจทก์ ร่วมจงึ ยกไม้ยางทัง้ สองตน้ ใหแ้ ก่จำเลย โดยไม่เคยมขี อ้ ตกลงแบ่งไมย้ างแปรรปู ทไ่ี ดจ้ ากการตดั แต่ประการใด ดังนัน้ การทจ่ี ำเลยตัดตน้ ยางและชักลากไปแปรรูปในทดี่ นิ ของจ าเลย ย่อมเป็นไปโดยอาศยั ขอ้ ตกลงระหวา่ ง โจทกร์ ว่ มกบั จำเลยตามทีโ่ จทกร์ ่วมนำสบื มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองทรพั ย์ของโจทก์ร่วม ในลกั ษณะตัด กรรมสทิ ธ์ขิ องโจทกร์ ่วมโดยเดด็ ขาด โดยมีมูลเหตุชกั จงู ใจอันเปน็ เจตนาพิเศษเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มคิ วรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรบั ตนเองหรือผอู้ ่ืน เพียงแต่หลงั จากทีจ่ ำเลยเข้าตัดต้นยางของโจทกร์ ว่ มแล้วโจทก์
--40-- ร่วมกบั จำเลยต่างมีขอ้ ขัดแย้งเกีย่ วกับขอ้ ตกลงในการแบ่งไมย้ างท่ีไดจ้ ากการแปรรูปวา่ เป็นประการใด อันเป็น ข้อโตแ้ ยง้ สทิ ธิเรยี กร้องในทางแพ่งระหว่างกนั เทา่ น้ัน การกระทำของจำเลยจึงไม่เปน็ ความผดิ ฐานลักทรัพย์ วเิ คราะหค์ ำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 4548/2558 การกระทำความผิดฐานลักทรพั ย์ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำเลยตดั ไมย้ าง จำนวน 2 ต้น จากบริเวณท่เี กิดเหตุ ซ่งึ เป็นที่ดินของโจทกร์ ่วม มปี ญั หาวา่ การท่จี ำเลยตัดไม้ ยาง จำนวน 2 ต้น จากบรเิ วณท่เี กิดเหตุ ซ่งึ เป็นท่ีดนิ ของโจทก์รว่ ม เป็นการกระทำความผดิ ฐานลักทรัพย์ตาม ฟ้องหรือไม่ โจทกร์ ว่ มฎีกาว่า โจทก์รว่ มและจำเลยตกลงท่ีจะเล่อื ยไมย้ าง จำนวน 2 ต้น ของโจทกร์ ่วมเพื่อ แบ่งปนั กัน การครอบครองไมย้ างทัง้ สองตน้ ยงั อยทู่ ่โี จทกร์ ว่ ม แต่จำเลยไปตดั ไม้ยางบริเวณที่เกิดเหตุโดยไม่แจง้ ให้โจทกร์ ่วมทราบว่าทางราชการออกใบอนุญาตและชกั ลากไมย้ างไปแปรรูปในทดี่ ินของจำเลย เป็นการกระทำ โดยเจตนาทุจรติ อันครบองค์ประกอบความผิดฐานลกั ทรพั ย์ เห็นวา่ การกระทำความผิดฐานลกั ทรพั ย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ผกู้ ระทำจะต้องแย่งการครอบครองทรพั ย์ของผอู้ น่ื ในลักษณะตดั กรรมสทิ ธิข์ องเจา้ ของทรัพย์โดยเด็ดขาด โดยมีมลู เหตุชักจงู ใจอนั เป็นเจตนาพเิ ศษเพือ่ แสวงหาประโยชนท์ ม่ี ิ ควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสำหรับตนเองหรอื ผูอ้ ่ืน แต่ปรากฏว่าโจทกร์ ่วมต้องการตัดไม้ยางเพอื่ จะสร้างบ้าน ให้บุตรชายของตน แตไ่ ม่มที นุ จ้างคนเลื่อยไม้ โจทก์รว่ มไปปรกึ ษาจำเลยซงึ่ เป็นข้าราชการ จำเลยรบั ดำเนนิ การ ขออนุญาตตดั ไมย้ าง โดยมขี อ้ ตกลงแบ่งไมย้ างท่ไี ด้จากการตดั และแปรรปู แตไ่ ม่ได้ระบรุ ายละเอยี ดเน่อื งจาก ยังไม่ทราบจำนวนไม้ยางที่แปรรูปแน่นอน และจำเลยนำสืบต่อสู้ว่า โจทกร์ ่วมตอ้ งการสรา้ งบ้านใหแ้ กบ่ ตุ รชาย ของตนตรงบริเวณทม่ี ีต้นยางปลูกอยู่จำนวน 2 ตน้ แตโ่ จทก์ร่วมไม่สามารถขออนญุ าตตัดไมย้ างไดด้ ้วยตนเอง โจทก์ร่วมจงึ ยกไมย้ างทงั้ สองต้นให้แก่จำเลย โดยไมเ่ คยมขี ้อตกลงแบ่งไมย้ างแปรรูปทีไ่ ด้จากการตัดแตป่ ระการ ใด ดงั นนั้ การที่จำเลยตัดต้นไมย้ างและชักลากไปแปรรูปในท่ีดินของจำเลย ยอ่ มเปน็ ไปโดยอาศัยข้อตกลง ระหวา่ งโจทก์รว่ มกบั จำเลยตามทีโ่ จทก์ร่วมนำสืบ มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองทรพั ย์ของโจทก์ร่วม ใน ลกั ษณะตดั กรรมสทิ ธ์ขิ องโจทก์ร่วมโดยเดด็ ขาด โดยมีมลู เหตุชักจงู ใจอันเป็นเจตนาพเิ ศษเพื่อแสวงหา ประโยชน์ที่มคิ วรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรบั ตนเองหรือผอู้ ื่น เพยี งแตห่ ลงั จากทจี่ ำเลยเขา้ ตัดต้นยางของ โจทก์รว่ มแลว้ โจทกร์ ่วมกบั จำเลยต่างมีข้อขดั แยง้ เก่ยี วกบั ขอ้ ตกลงในการแบง่ ไม้ยางทไี่ ดจ้ ากการแปรรปู วา่ เปน็ ประการใด อนั เปน็ ขอ้ โตแ้ ยง้ สทิ ธิเรียกรอ้ งในทางแพง่ ระหวา่ งกนั เท่าน้ัน การกระทำของจำเลยจงึ ไม่เป็น ความผิดฐานลกั ทรัพยต์ ามที่กลา่ วอ้างในฟ้อง คำพิพากษาศาลฎกี าท่ี705/2507 ความผิดฐานทำให้เสียทรพั ยต์ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ผกู้ ระทำจะตอ้ งมีเจตนากระทำเพือ่ ให้ทรัพยข์ องผ้อู ่นื เสยี หาย จงึ จะเปน็ ผิด เพราะฉะนัน้ การที่จำเลยเพียงแต่ ถอนเสาร้ัวของโจทกแ์ ลว้ เอาไปกองไว้ เพื่อใชท้ างเดินตามท่ีเคยใช้เทา่ นน้ั มไิ ดม้ ีเจตนากระทำเพือ่ ให้ทรพั ยข์ อง โจทกเ์ สียหายอยา่ งใด จงึ ยงั ไมผ่ ดิ ฐานทำให้เสยี ทรพั ย์ (ประชุมใหญ่ ครง้ั ท่ี 14/2507)
--41-- วิเคราะหค์ ำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 705/2507 ความผดิ ฐานทำให้เสียทรพั ยต์ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 การทจี่ ำเลยถอนเสารั้วทงิ้ เป็นการทำลายและเกิดความเสยี หายอยู่ในตวั แลว้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย และ เหน็ วา่ จำเลยจงใจถอนเสารั้วของโจทกโ์ ดยมีเจตนารา้ ย ความขัดขอ้ งของจำเลยในการที่จะใช้ทาง จำเลย จะต้องไปรอ้ งฟ้องต่อเจา้ พนกั งานฝ่ายปกครองหรอื ศาล จำเลยจะกระทำโดยพลการไมไ่ ดจ้ ำเลยจึงต้องมี ความผิดฐานทำใหเ้ สยี ทรัพย์ ปัญหาขอ้ กฎหมาย คอื การทจี่ ำเลยถอนเสารั้วของโจทกเ์ พือ่ จะใช้ทางเดนิ ไมม่ ี เจตนาจะทำลายทรพั ย์ของโจทก์ทรพั ย์ของโจทกไ์ ม่เสยี หาย โจทก์ไมม่ ีอำนาจฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็น การป้องกันสทิ ธแิ ละกระทำโดยจำเปน็ พอสมควรแกเ่ หตุ ไมผ่ ดิ ฐานทำใหเ้ สยี ทรพั ย์ เมื่อวันท่ี 1 มกราคม 2504 โจทกซ์ อ้ื สวนมาจากนายโกสนในสวนนม้ี ีเส้นทางซึ่งจำเลยและคนอื่นใช้เดนิ ผ่านมา นานปี แล้ว โจทก์ประสงค์จะปดิ ทางสายนีจ้ ึงได้ทำทางใหม่ในสวนนัน้ เองเพื่อให้ใช้เดนิ แทนทางเก่า เม่ือทำทาง ใหมแ่ ลว้ โจทก์จึงเอาเสาร้ัวไปปัก แตย่ ังไมท่ ันตีไมค้ รา่ ว จำเลยใช้ทางใหมอ่ ยู่ 4-5 วันแล้วกลบั ถอนเสาร้ัวซึง่ โจทกป์ ักไว้ คอื ถอนทางด้านทิศเหนือ 7 ต้น ทิศตะวันออก 6 ต้น โดยอา้ งวา่ ทางใหมใ่ ชไ้ มส่ ะดวกเมื่อฟัง ข้อเท็จจริงได้ดงั กลา่ วมีปัญหาที่จะตอ้ งพจิ ารณาต่อไปว่าการกระทำของจำเลยจะเปน็ ผิดฐานทำใหเ้ สียทรัพย์ หรอื ไม่ จงึ ไดพ้ ิจารณาปัญหาดังกลา่ วข้างตน้ โดยที่ประชมุ ใหญแ่ ล้วเห็นวา่ ความผิดฐานทำให้เสยี ทรัพย์ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 358 นัน้ ผูก้ ระทำจะต้องมเี จตนากระทำเพื่อให้ทรพั ยข์ องผอู้ ่นื เสียหายจงึ จะเป็นผดิ แต่ กรณีเรือ่ งนจี้ ำเลยเพียงถอนเสารั้วของโจทกก์ องไวเ้ พอ่ื ใชท้ างเดนิ ตามท่จี ำเลยเคยใชเ้ ท่านัน้ จำเลยมิได้มเี จตนา กระทำเพื่อให้ทรพั ยข์ องโจทกเ์ สยี หายแตอ่ ย่างใด การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นผดิ ฐานทำใหเ้ สยี ทรัพย์ สรุปเน้อื หาและขอ้ เสนอแนะ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 องค์ประกอบภายนอก 1. ผใู้ ด ผกู้ ระทำความผิด 2. เอาไป การแยง่ การครอบครองในลักษณะตัดรอนกรรมสิทธอ์ิ อกจากเจา้ ของทรัพย์ 3. ทรพั ยข์ องผ้อู ่นื หรอื ทผ่ี ู้อน่ื เปน็ เจา้ ของรวมอยู่ด้วย ทรัพยข์ องใครกไ็ ดท้ ่ีมิใช่ของผู้กระทำความผดิ เอง มฉิ ะนน้ั แมเ้ ข้าใจว่าเปน็ ทรพั ยข์ องบคุ คลอน่ื วัตถแุ หง่ การกระทำ คือ ทรัพย์ หมายความเฉพาะวตั ถทุ มี่ รี ปู รา่ งเท่านนั้
--42-- องค์ประกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดาในการเอาทรัพย์ของผอู้ ่นื ไป รวมตลอดถงึ รู้ข้อเทจ็ จรงิ อันเปน็ องค์ประกอบความผดิ ดว้ ย หากไมร่ ู้ 2 . เจตนาโดยทจุ ริตเพือ่ แสวงหาประโยชน์ท่มี คิ วรได้โดยชอบ ดว้ ยกฎหมายสำหรบั ตนเองหรอื ผูอ้ นื่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 องคป์ ระกอบความผดิ ฐานทไให้เสยี ทรัพย์ 1. ผู้กระทำ 2. การกระทำใหเ้ สยี หาย ทำลาย ทำให้เส่ือมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ 3. ทรพั ยท์ ถี่ ูกกระทำซึง่ ตอ้ งเป็นทรัพย์ของผูอ้ ่นื หรอื มผี ้อู นื่ เป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ้วย 4. เจตนาของผู้กระทำ ทำใหเ้ สยี ทรพั ย์ การที่คนผหู้ นึ่งทำให้ทรัพยข์ องผอู้ น่ื หรอื มีผู้อื่นเปน็ เจ้าของรวมอยูด่ ้วยเสยี หาย ทำลาย ทำใหเ้ ส่อื มค่าหรอื ทำให้ไรป้ ระโยชน์ วัตถุแหง่ การกระท าคอื “ทรัพย์” จะเป็นสังหารมิ ทรพั ยห์ รืออสงั หาริมทรพั ยก์ ็ได้ ไมว่ ่าจะเป็นท่ดี นิ ต้นไม้ สิ่งปลูกสร้าง คำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี4548/2558 การกระทำความผดิ ฐานลกั ทรพั ย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา334 การกระทำความผิดฐานลักทรพั ย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ผกู้ ระทำจะตอ้ งแย่งการครอบครอง ทรพั ยข์ องผ้อู ่ืน ในลกั ษณะตัดกรรมสทิ ธิข์ องเจ้าของทรัพยโ์ ดยเดด็ ขาด โดยมมี ูลเหตุชักจงู ใจอนั เป็นเจตนา พิเศษเพือ่ แสวงหาประโยชน์ท่ีมคิ วรไดโ้ ดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรอื ผอู้ น่ื การกระทำของจำเลยจงึ ไม่ เปน็ ความผดิ ฐานลักทรัพยต์ ามท่ีกล่าวอา้ งในฟอ้ ง คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่705/2507 ความผิดฐานทำให้เสยี ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ความผดิ ฐานทำให้เสียทรพั ย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 นั้นผกู้ ระทำจะต้องมีเจตนากระทำ เพื่อให้ทรพั ยข์ องผอู้ ่นื เสยี หายจึงจะเป็นผิดจำเลยมไิ ด้มีเจตนากระทำเพ่ือใหท้ รพั ยข์ องโจทก์เสยี หายแต่อยา่ งใด การกระทำของจำเลยยงั ไม่เปน็ ผิดฐานทำให้เสยี ทรัพย์
--43-- บรรณานกุ รม สนุ ทรี สรรเสรญิ /2561/หลกั และคำพิพากษากฎหมายอาญา/ครั้งที่8/ บรษิ ัท อมรินทร์พร้ินต้ิงแอนด์ พบั ลชิ ชงิ่ จำกัด (มหาชน) 346 ถนนชยั พฤกษ์ แขวงตลง่ิ ชนั เขต ตลงิ่ ชนั กรงุ เทพฯ ผแู้ ตง่ สำนกั งานกฎหมาย นพนภสั ทนายความเชียงใหม่ (2021) ชอื่ เร่อื งลกั ทรพั ย์ สบื คน้ เม่ือ 25/9/2564 จาก. http://www.lawyerthailand.biz/ บรษิ ัท เอสแอลเอส(2017) จำกัด ชอื่ เรอ่ื ง ความผิดเก่ยี วกับทรพั ย์ สืบค้นเม่อื 25/9/2564 จาก. http://www.lawyerthailand.biz/ สำนกั งานทนายความอธิวฒั น์ ชอ่ ผูก ชอื่ เรอื่ งความผิดฐานลักทรพั ย์ สบื ค้นเมือ่ 25/9/2564 จาก. http://athiwatlawyer.com/
--44-- รหัสนสิ ติ 631081063 เรือ่ ง ความผิดฐานเจา้ พนักงานใชอ้ ำนาจในตำแหนง่ โดยมิชอบตามมาตรา148 และความผดิ ฐานเจา้ พนกั งานเรียกรับสินบนตามมาตรา149 คำอธบิ ายเชงิ โครงสร้างความรบั ผิดทางอาญา มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจา้ พนกั งาน ใชอ้ ำนาจในตำแหนง่ โดยมิชอบ ขม่ ขืนใจหรอื จูงใจเพ่อื ใหบ้ ุคคลใด มอบให้หรอื หามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่นื ใดแก่ตนเองหรือผอู้ ืน่ ตอ้ ง ระวางโทษจำคุกตงั้ แต่หา้ ปถี ึง ยส่ี บิ ปี หรอื จำคุกตลอดชวี ิต และปรับตั้งแต่หนงึ่ แสนบาทถึงสีแ่ สนบาท หรอื ประหารชวี ติ ในสว่ นของความผิดเจ้าพนักงานในมาตรา148 ถอื วา่ เป็นการเรมิ่ ต้นการใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมชิ อบ องค์ประกอบของคามผิด องค์ประกอบภายนอก 1. ผ้ใู ดเป็นเจ้าพนกั งาน 2. ใช้อำนาจในตำแหนง่ โดยมิชอบ 3. ขม่ ขืนใจ หรือจูงใจ องคป์ ระกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดา 2. เจตนาพเิ ศษ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรอื หามาให้ซึง่ ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชน์อน่ื ใดแก่ตนเองหรือผอู้ ืน่ การกระทำ ได้แก่ การที่เจา้ พนกั งานใชอ้ ำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบขม่ ขนื ใจ หรือจูงใจ เพ่ือให้บุคคล ใดมอบให้หรือหามาใหซ้ ึง่ ทรัพย์สนิ หรือประโยชน์อื่นใดแกต่ นเองหรือผอู้ ่นื การกระทำโดยมชิ อบ เชน่ แกล้งจบั หรอื แกล้งค้นผู้ทม่ี ไิ ดก้ ระทำความผิดแล้วจะบังคับเอาเงิน มีความผิด ตามมาตราน้ี ตำรวจจบั คนทข่ี นแรม่ าโดยถูกต้อง ขม่ ขืนใจเรยี กเอาเงนิ ตำรวจแกล้งกล่าวหาวา่ ลกั รถเรียก เงิน5000บาท ถ้าไม่ใหจ้ ะจับ แกลง้ จะจับโดยไม่ปรากฎว่ามีความผิดได้เงินแล้วไม่จับ เหล่านี้เป็นความผดิ ตามมาตรา148 แมจ้ ะไมไ่ ด้บงั คบั เพยี งแต่จูงใจให้เงนิ กเ็ ปน็ ความผิดได้ เชน่ จำเลยเปน็ พนักงานตรวจสอบภาษีรา้ นค้าแจง้ ผเู้ สยี หายว่าถกู ตรวจสอบภาษแี ล้วย่งุ ยากและเสียเงนิ มาก ถา้ เอาเงนิ มาให้จำเลย 4000 บาท กไ็ ม่มเี รื่อง อะไร เปน็ การจูงใจใหม้ อบให้หรือหามาให้ซ่ึงทรพั ยส์ ินแล้ว เป็นการใชอ้ ำนาจในตำแหนง่ โดยมชิ อบ
--45-- ถ้าผู้ไม่มอี ำนาจหน้าทแ่ี ต่ช่วยเหลือร่วมมือกบั ตำรวจในการแกล้งจับผู้ท่ีไม่ไดก้ ระทำความผดิ เรียกเอาเงนิ มคี วามผิดฐานเป็นผู้สนับสนนุ ใหเ้ จ้าพนกั งานกระทำผดิ ตามมาตรานี้ ถ้าผถู้ ูกจบั ไดก้ ระทำความผิดจริง ผู้จับจบั ตามอำนาจหน้าท่ี แลว้ เรียกเงินเพ่ือใหป้ ลอ่ ยตวั ไม่ผดิ ตาม มาตราน้ี (แต่ผิดตามมาตรา149) หรอื ผใู้ หญ่บ้านเรียกผตู้ ้องหาว่าลกั ไก่มาไกล่เกลีย่ ให้ใช้ค่าเสยี หาย ถา้ ไม่ ใช้จะส่งตำรวจ ไมเ่ ปน็ การใชอ้ ำนาจโดยมิชอบ การจะเป็นความผดิ ตามาตรานีต้ อ้ งเป็นกรณีท่ีผกู้ ระทำไดใ้ ช้ อำนาจโดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย ส่วนการจะเปน็ ความผิดตามตามมาตรา149 น้ันเปน็ กรณที ี่ผู้ใชอ้ ำนาจ เริ่มต้นใชอ้ ำนาจโดยชอบแลว้ กลับทุจริตในภายหลัง ซง่ึ ในส่วนของความผดิ ฐานเจ้าพนกั งานขม่ ขืนใจหรอื จงู ใจผู้อนื่ มลี ักษณะ ดังนี้ - ขม่ ขนื ใจ ต้องบังคบั ทงั้ จติ ใจให้กระทำในสิ่งท่ไี มอ่ ยากทำ และ ห้ามกระทำในสิ่งทีอ่ ยากทำ - จงู ใจ คือ การชกั นำหรือเกลี้ยกลอ่ มใหท้ ำตาม - เจตนาพเิ ศษ คอื เพ่อื ใหบ้ ุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซ่ึงทรพั ย์สนิ หรือประโยชนอ์ นื่ ใดแกต่ นเองหรอื ผูอ้ ่ืน ซึง่ ประโยชนใ์ นท่ีนี้เปน็ ลักษณะท่ีเป็นทรพั ย์หรือไมเ่ ปน็ ทรัพยก์ ไ็ ด้ โดยความผิดฐานนีจ้ ะสำเรจ็ ได้เมอ่ื ไดถ้ กู ข่มขนื ใจหรอื จงู ใจ แม้ผูถ้ ูกข่มขนื ใจหรอื จูงใจยงั ไมไ่ ดม้ อบใหห้ รือ หามาให้หรือหาทรัพยส์ ินหรอื ประโยชน์มาให้ก็ตาม ซึง่ ในการใชอ้ ำนาจในตำแหนง่ โดยมชิ อบนั้น ต้องเป็นการใช้อำนาจทีม่ ีอยู่โดยปกติตามตำแหนง่ ของเจา้ พนักงานประเภทนน้ั โดยใชต้ ำแหน่งหน้าทไี่ ปในทางท่ไี มถ่ ูกตอ้ งหรอื ไมส่ มควร แตห่ ากใชอ้ ำนาจนอกตำแหนง่ กไ็ ม่ผดิ ฐานนี้ เปน็ เจ้าพนกั งานนนั้ เองแตไ่ ม่มหี น้าท่ีก็ไม่อาจมีความผิดตตาม มาตรา148ได้ จะเปน็ ไดแ้ ตเ่ พียงผู้สนบั สนุน มาตรา 149 ผใู้ ดเปน็ เจ้าพนักงาน สมาชกิ สภานติ บิ ัญญัติแหง่ รัฐ สมาชิกสภา จงั หวัด หรือสมาชิกสภา เทศบาล เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรับทรพั ยส์ ิน หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดสำหรับ ตนเองหรอื ผ้อู น่ื โดยมิชอบ เพอ่ื กระทำการหรอื ไมก่ ระทำการอยา่ งใดในตำแหนง่ ไมว่ ่าการนั้นจะชอบ หรอื มิชอบดว้ ยหนา้ ที่ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงย่ีสิบปี หรอื จำคกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตัง้ แต่ หน่งึ แสนบาทถงึ สี่แสนบาท หรือประหาร ชวี ิต องค์ประกอบภายนอก 1. เปน็ เจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานิตบิ ญั ญตั ิแหง่ รัฐ สมาชกิ สภาจงั หวัด หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล 2. กระทำอย่างหนง่ึ อยา่ งใดดังตอ่ ไปนี้ เรียก รบั หรอื ยอมจะรับทรพั ย์สินหรอื ประโยชน์อนื่ ใด โดยมิ ชอบ 3. สำหรับตนเองหรือผอู้ ่นื
Search