การบรหิ ารจดั การหลกั สตู รสถานศกึ ษา และการสง่ เสริมการจดั การเรยี นรู้ ดร.รัตนา แสงบัวเผ่อื น ผู้อานวยการกลุ่มพัฒนาหลกั สตู รและมาตรฐานการเรียนรู้
Standards-Based Educationมาตรฐาน หลกั สูตรสถานศึกษาการเรียนรู้ หลกั สตู รอิงมาตรฐานระดบั ชาติ (Standards-based curriculum) ระบบประกนั คุณภาพ - ประเมินภายใน - ประเมินภายนอก - National tests
การพฒั นาคุณภาพผู้เรียนตามหลกั สูตร วสิ ัยทศั น์สมรรถนะสาคญั คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั กิจกรรมพฒั นา ผู้เรียน ๘ กล่มุ สาระการเรียนรู้คุณภาพของผู้เรียนระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน
หลักสตู รอิงมาตรฐานกล่มุ สาระการเรียนรู้ : เป็ นการจดั กลุ่มธรรมชาติของ เน้ อื หาสาระที่มีความคลา้ ยคลึงกนัโครงสร้างมาตรฐานหลักสตู รกล่มุ สาระ ประกอบดว้ ย สาระ - องคค์ วามรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ – บอกใหร้ ูว้ ่าเมอื่ จบ 12 ปี ควรรูอ้ ะไร ทาอะไรได้ ตัวช้ีวัดช้ันปี - บอกใหร้ ูว้ ่าเมอื่ จบ 1 ปี ควรรูอ้ ะไร ทาอะไรได้
หลกั สูตรอิงมาตรฐาน มาตรฐานการเรียนรู้ หลกั สูตรแกนกลางระดบั ชาติ กรอบหลกั สูตรและการประเมินระดบั ทอ้ งถิน่ หลกั สูตรและการประเมินระดบั สถานศึกษาความสนใจ การเรียนการสอนในช้นั เรียนความตอ้ งการของผูเ้ รียน กิจกรรมการเรียนรู้ ช้ ินงาน/ภาระงานที่ นกั เรียนปฏิบตั ิสภาพ ปัญหาเหตุการณใ์ น การประเมิน - เกณฑก์ ารชมุ ชน ประเมิน - คาอธิบายคุณภาพงาน - แนวการใหค้ ะแนน ผลงานตวั อยา่ งที่ไดม้ าตรฐาน
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
เปล่ียนจากเกษตรด้งั เดมิ ส่เู กษตร เปล่ียนจาก SME ด้งั เดมิสมยั ใหม่ เน้นการบริหารจัดการ ส่กู ารเป็น Smartเทคโนโลยี มุ่งยกระดบั เกษตรกร Enterprisesเป็นผ้ปู ระกอบการเปล่ยี นจาก Traditional เปล่ยี นจากแรงงานทกั ษะต่า สู่Services ท่มี มี ูลค่าต่า แรงงานท่มี ีความรู้ ความชานาญสู่ High Value Services และทกั ษะสงู
ความเป็ นมานโยบายทบทวนและปรบั ปรงุ หลกั สูตร ปรบั ปรุงภายใต้แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ นื ฐาน พุทธศกั ราช กรอบโครงสรา้ งเดิม2551 สสวท. สพฐ.ปรบั ปรุง กล่มุ สาระคณิตศาสตร์ ปรบั ปรุง สาระภูมิศาสตร์วิทยาศาสตร์ และสาระเทคโนโลยี
กล่มุ สาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระท่ี 1 ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม สาระท่ี 2 หน้าท่พี ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชีวติ ในสงั คม สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ สาระท่ี 4 ประวัติศาสตร์ สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์
ส ๕.๑เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธข์ องสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกนั และกนั ในธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่และเครือ่ งมือภูมิศาสตร์ในการคน้ หา วิเคราะห์ สรุป และใช้ขอ้ มูลภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพเขา้ ใจลกั ษณะทางกายภาพของโลก และความสมั พนั ธข์ องสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกัน ใช้แผนที่และเครื่องมือภูมิศาสตร์ในกา รค้นหาวิเคราะห์ สรุปขอ้ มูล ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการทางภูมศิ าสตร์ การตงั้ คาถามเชิงภมู ศิ าสตร์ การรวบรวมขอ้ มลู การจดั การขอ้ มลู การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การสรุปเพอื่ ตอบคาถาม
ส ๕.๑ เครือ่ งมือทางภูมิศาสตร์ สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ที่ต้งั ภูมิประเทศภูมอิ ากาศ ทรพั ยากรธรรมชาติระบบธรรมชาติ
ส ๕.๒เขา้ ใจปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างมนุษยก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพทีก่ ่อใหเ้ กิดการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม มีจิตสานกึ และมสี ่วนร่วมในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรทางธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ การพฒั นาทีย่ งั่ ยนืเขา้ ใจปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างมนุษยก์ บั สงิ่ แวดลอ้ มทางกายภาพ ที่ก่อใหเ้ กดิ การสรา้ งสรรคว์ ิถกี ารดาเนนิชีวิต มีจิตสานกึ ใน การจดั การทรพั ยากรทางธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ การพฒั นาที่ยงั่ ยนื
ส ๕.๒ วิถีการดาเนินชีวิต สงิ่ แวดลอ้ ม ที่ต้งั ทางกายภาพ ภูมิประเทศ (เศรษฐกิจ มนุษย์ ภูมิอากาศ ประชากร สงั คม มนุษย์ และทรพั ยากร ธรรมชาติ และวฒั นธรรม) ภยั พบิ ตั ิ Change ปัญหาและวิกฤติ สิง่ แวดลอ้ ม จิตสานกึ การจดั การสิง่ แวดลอ้ ม มสี ่วนร่วม อนุรกั ษ์ ป้ องกนั ปกป้ อง รกั ษา การพฒั นาทีย่ งั่ ยืน การปฏิบตั ิตามกฏหมาย การ เฝ้ าระวงั ติดตาม
ความเข้าใจระบบธรรมชาตแิ ละมนุษย์
กล่มุ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ พ.ศ. 2551 ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560สาระที่ 1 จานวนและการดาเนนิ การ สาระที่ 1 จานวนและพชี คณิตสาระที่ 2 การวดั สาระที่ 2 การวดั และเรขาคณติสาระที่ 3 เรขาคณิต สาระที่ 3 สถติ ิและความนา่ จะเป็ นสาระที่ 4 พีชคณิตสาระที่5การวิเคราะหข์ อ้ มูลและความน่าจะเป็ น สาระเพ่ิมเตมิ ม.ปลาย:สาระที่ 6 ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ จานวนและพชี คณิต การวดั และเรขาคณติ สถติ ิและความน่าจะเป็ น แคลคูลสั
กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ สาระที่ ๑ สงิ่ มชี ีวิตกบั กระบวนการดารงชีวิต สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ สาระที่ ๒ ชีวิตกบั สงิ่ แวดลอ้ ม พ.ศ.พ.ศ. สาระที่ ๓ สารและสมบตั ิของสาร สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 25602551 สาระที่ ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ สาระที่ ๔ แรงและการเคลอื่ นที่ สาระที่ ๔ เทคโนโลยี สาระที่ ๕ พลงั งาน สาระที่ ๖ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก สาระที่ ๗ ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ สาระที่ ๘ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์พ้ นื ฐาน เพิม่ เติมสาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ สาระชีววิทยาสาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ สาระเคมี สาระฟิ สกิ ส์สาระที่ 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ และอวกาศสาระที่ 4 เทคโนโลยี
ตวั ช้ ีวดั ม. 4 ตวั ช้ ีวดั ม. 5 ตวั ช้ ีวดั ม. 6นาตวั ช้ ีวดั ไปจดั รายวิชาตามช้นั ปี ที่กาหนดหรือนาไปจดั ภาคเรียนใด /ช้นั ปี ใด ตามความเหมาะสมของสถานศึกษา+ตวั ช้ ีวดั พ้ ืนฐาน K, Pผลการเรียนรูใ้ นเพมิ่ เติม
มาตรฐาน ว ๔.๑ การออกแบบและเทคโนโลยี ลงมอื ปฏบิ ตั โิ ดยใชก้ ระบวนการออกแบบ (design process) เพอ่ื ฝกึ ทกั ษะ เรยี นรแู้ ละทาความเขา้ ใจเทคโนโลยใี น ๕ ประเดน็ การวางแผนการทางานอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน ไดแ้ ก่ ธรรมชาตขิ องเทคโนโลยี ระบบทาง กระบวนการคดิ การทางานเปน็ ทมี และความคดิ เทคโนโลยี การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี สรา้ งสรรค์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ นื่ และ ผลกระทบของเทคโนโลยีเรยี นรแู้ ละฝกึ ทกั ษะการใชเ้ ครอ่ื งมอื พน้ื ฐานเฉพาะดา้ นอยา่ งถกู ตอ้ งและปลอดภยั เช่น วัสดุ อุปกรณ์กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
มาตรฐาน ว ๔.๒ วิทยาการคานวณ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร อย่างปลอดภยั รู้เท่าทนั สอื่ นวัตกรรมรวบรวมขอ้ มลู ประมวลผล ประเมนิ ผล และผลกระทบของเทคโนโลยีนาเสนอขอ้ มูลหรือสารสนเทศเพอ่ื สารสนเทศและการส่อื สารต่อการแก้ปญั หาในชีวติ จรงิ ค้นหาข้อมลู และ ดาเนินชวี ติ อาชีพ สงั คม และแสวงหาความรู้บนอนิ เทอรเ์ นต็ วฒั นธรรมการประเมินความน่าเช่อื ถอื ของข้อมูลแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ ใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาในชวี ิตประจาวนั หรือบรู ณาการกับวิชาอื่น พัฒนาแอปพลเิ คชันหรอื พฒั นาโครงงานอยา่ งสรา้ งสรรคเ์ พอ่ื แกป้ ญั หาในชวี ติ จรงิ
กล่มุ สาระการงานอาชีพ กล่มุ สาระวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี สาระท่ี 4 เทคโนโลยีสาระท่ี 1 การดารงชีวิตและ ครอบครัว มฐ.1 การออกแบบและ เทคโนโลยีสาระท่ี 2 การออกแบบและ เทคโนโลยี มฐ.2 วทิ ยาการคานวณสาระท่ี 3 เทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่อื สารสาระท่ี 4 การอาชีพ
2. การเรียนการสอนหน้าที่พลเมือง สถานศึกษาทุกแห่งยังคงต้องจัดการเรียนการสอนหน้าที่พลเมืองเป้าหมายของการจดั คือ การสง่ เสรมิ การสร้างความเปน็ พลเมืองดีของชาติตามความพร้อม และบริบทของสถานศกึ ษา โดยมที างเลอื กในการจดั การเรยี นการสอน 4 ทางเลอื ก ดังนี้ 1) เพิ่มวิชาหน้าท่ีพลเมืองในหลักสูตรสถานศึกษา โดยจัดเป็นรายวิชาเพิ่มเติมในกลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษาฯ (วดั ผลรายวชิ าเพ่ิมเติมหน้าทพ่ี ลเมือง) 2) บูรณาการกับการเรียนรู้ในรายวิชาอ่ืนท้ังรายวิชาพ้ืนฐาน หรือเพ่ิมเติมในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ (วดั ผลรวมอยูใ่ นรายวิชานั้น ๆ) 3) บูรณาการกับการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐาน หรือรายวิชาเพิ่มเติม ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น(วดั ผลรวมอยใู่ นรายวิชาน้นั ๆ) 4) บูรณาการการเรียนรู้กับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หรือกิจกรรม/โครงการ/โครงงานหรือวิถีชีวติ ประจาวันในโรงเรียน (วัดผล ผา่ น –ไมผ่ ่าน ตามลักษณะของกิจกรรม) ทั้งนี้ สถานศึกษาควรระบุได้วา่ จัดการเรยี นการสอนหนา้ ท่พี ลเมืองในลักษณะใด ผลการจดั บรรลุเปา้ หมายหรอื ไม่
3. การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ สถานศึกษาทกุ แหง่ ยงั คงตอ้ งจัดการเรียนการ สอนภาษาอังกฤษ ในชั้น ป.1 - 3 จานวน 200 ชม./ปี โดยเสนอทางเลือก 2 ทาง ดังน้ี 1) จดั การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน จานวน 200 ชม./ปี 2) จัดการเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ เป็นรายวชิ าพ้ืนฐาน อย่างน้อย 120 ชม./ปี และจดั เป็นรายวชิ าเพ่มิ เติม หรอื กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน หรอื กจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร 80 ชม./ปี รวมเวลาเรียนภาษาองั กฤษทงั้ หมด จานวน 200 ชม./ปี
1. ระดับประถมศกึ ษา1) ปรบั เวลาเรยี นพน้ื ฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรยี นรู้ได้ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับบริบท จุดเน้นของสถานศึกษา และศักยภาพของผู้เรียน โดยจัดเวลาเรียนพ้ืนฐานสาหรับสาระประวัติศาสตร์ 40 ชั่วโมงต่อปี ทั้งน้ี ต้องมีเวลาเรียนพ้ืนฐานรวม จานวน840 ชว่ั โมงต่อปี และผูเ้ รียนตอ้ งมคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วดั ท่ีกาหนด2) จัดเวลาเรียนเพ่ิมเติม โดยจัดเป็นรายวิชาเพ่ิมเติม หรือกิจกรรมเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับจุดเน้นและความพร้อมของสถานศึกษา และเกณฑ์การจบ เฉพาะช้ันประถมศึกษาปีที่1 - 3 สถานศึกษาอาจจัดให้เป็นเวลาสาหรับสาระการเรียนรู้พื้นฐานในกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทยและกลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์
2.ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น1) ปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั บริบท จดุ เน้นของสถานศกึ ษา และศักยภาพของผู้เรียน โดยจัดเวลาเรียนพื้นฐานสาหรับสาระประวัติศาสตร์ 40 ชั่วโมงต่อปี หรือ 1 หน่วยกิตต่อปี ทั้งนี้ ต้องมีเวลาเรียนพ้ืนฐานรวม จานวน880 ช่ัวโมงต่อปี หรือจานวน 22 หน่วยกิตต่อปี และผู้เรียนต้องมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้ีวัดท่ีกาหนด และสอดคล้องกับเกณฑ์การจบหลักสูตร
3. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย1) ปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบท จุดเน้นของสถานศึกษา และศักยภาพของผู้เรียน โดยจัดเวลาเรียนพ้ืนฐานสาหรับสาระประวัติศาสตร์รวม 3 ปี จานวน 80 ช่ัวโมงหรือ 2 หน่วยกติ ทั้งน้ี ตอ้ งมเี วลาเรยี นพ้ืนฐานรวม 3 ปี จานวน 1,640 ช่ัวโมงหรือจานวน 41 หน่วยกิต และผู้เรยี นต้องมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัดทีก่ าหนด และสอดคล้องกบั เกณฑ์การจบหลกั สตู ร
โครงสร้างตามหลกั สตู รแกนกลางฯ พ.ศ. 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู/้ กิจกรรม ระดับประถมศึกษา เวลาเรียน ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย * ประวตั ิศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น - ป.1 – ม.3 กล่มุ สาระการเรียนรู้ ปรับเวลา ปรับเวลา ภาษาไทย ได้ตาม ปรับเวลา ได้ตาม จานวน40 คณิตศาสตร์ ความ ได้ตาม ความ ชวั่ โมงต่อปี วทิ ยาศาสตร์ เหมาะสม ความ เหมาะสม *สงั คมศึกษา ศาสนา และ เหมาะสม - ม.4-6 840 ชวั่ โมง/ปี รวม 3 ปีวฒั นธรรม 120 ช่ัวโมงต่อปี จานวน 80 สถานศึกษากาหนด ชวั่ โมง สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ศิลปะ ** ภาษาองั กฤษ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ป. 1-3 มี * *ภาษาต่างประเทศ ทางเลอื กตามรวมเวลาเรียน (พ้ นื ฐาน) ประกาศ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน รายวชิ า/กจิ กรรมท่ี 880 ชวั่ โมง/ปี รวม 3 ปี 1,640 ชวั่ โมง *** การสถานศกึ ษาจัดเพ่ิมเติมตาม 120 ช่ัวโมงต่อปี รวม 3 ปี 360 ช่ัวโมงความพร้อมและจุดเน้นกล่มุ สถานศึกษากาหนด กาหนดเวลาเรยี นสาระการเรียนรู้ สถานศึกษากาหนด ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เกณฑก์ ารจบรวมเวลาเรียนท้งั หมด สถานศึกษากาหนด สถานศึกษากาหนด สถานศึกษากาหนด
มธั ยมศกึ ษาตอนต้น1.ผ้เู รียนเรียนรายวิชาพ้นื ฐานและเพ่มิ เติม โดยเป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน 66 หน่วยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ตามท่สี ถานศึกษากาหนด2. ผ้เู รียนต้องได้หน่วยกติ ตลอดหลกั สตู รไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกติ โดยเป็น รายวชิ าพ้นื ฐาน 66 หน่วยกติ และเป็นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ไม่น้อยกว่า 11 หน่วยกติ3. – 5……….. เกณฑก์ ารจบ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 1. ผ้เู รียนเรียนรายวิชาพ้นื ฐานและเพ่มิ เติม โดยเป็นรายวิชาพ้นื ฐาน 41หน่วยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด 2. ผ้เู รียนต้องได้หน่วยกติ ตลอดหลกั สตู รไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกติ โดยเป็น รายวิชาพ้นื ฐาน 41 หน่วยกติ และเป็นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ไม่น้อยกว่า 36 หน่วยกติ 3. – 5………..
กระบวนการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
พลังการเรียนรู้การเรียนรจู้ ากการฟงั บรรยาย 5% การอ่าน 10%การเรียนร้จู าก สือ่ เคลอื่ นไหว 20%สื่อเคล่ือนไหว การสาธติ 30% 50% การอภิปรายกลมุ่การเรียนรู้ การปฏบิ ตั ิจริง 75%จากการ การสอนผู้อ่ืน / การแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ 90% ปฏิบตั ิ
Active Meaningful LearningParticipatory
การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมายAcquisiti Integrat on ion การรบั การบรู ณาการ ความรู้ ความรู้การประยกุ ตใ์ ช้ ความรู้
What is Active Learning?students solve problems, answer questions, formulate questions of their own, discuss, explain, debate, or brainstorm during class Problem- Learn By Doing Based Active Learning Learning Inquiry-basedCooperative learning Learning
มโนทศั นเ์ ป็นพ้ืนฐานความคดิ ท่สี าคญัของการคดิ ลกั ษณะอ่นื ๆ และช่วยต้งั กฎเกณฑ์หลกั การ ดงั น้นั การจัดการเรียนร้คู วรจดั ให้ผ้เู รียนเกดิ มโนทศั นใ์ นส่งิ หน่งึ ส่งิ ใดท่ไี ด้เรียนรู้อย่างถูกต้อง เพ่ือทาให้ผ้เู รียนเข้าใจส่ิงท่ีเก่ยี วข้องได้อย่างรวดเรว็ และมีประสทิ ธภิ าพและแก้ปัญหาท่เี ผชิญอยู่ได้ เพราะสามารถใช้องคค์ วามร้ทู ่เี กดิ การจดั ระบบไว้แล้ว
Search