Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภูมิประปัญญาท้องถิ่น11

ภูมิประปัญญาท้องถิ่น11

Published by kaewarin7777, 2021-12-07 07:40:27

Description: ภูมิประปัญญาท้องถิ่น11

Search

Read the Text Version

ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ เรอื่ ง ไมก้ วาดทางมะพรา้ ว นางสาว เกวลนิ คาคอ้ เลขท2ี่ 3 โรงเรยี นคาแสนวทิ ยาสรรค ์

ภูมปิ ระปัญญาทอ้ งถนิ่ เรอื่ ง ไมก้ วาดทางมะพรา้ ว • มะพรา้ ว เป็ นพชื ทคี่ นไทยรจู ้ กั กนั เป็ นอย่างดเี พราะในวถิ ี ชวี ติ ของคนไทย ไดน้ ามะพรา้ วมาผูกพนั กบั ชวี ติ ประจาวนั มากมายหลายอย่าง นับตงั้ แตก่ ารนามาบรโิ ภค ปรงุ อาหารคาว- หวาน การนาสว่ นตา่ งๆของมะพรา้ วมาใชใ้ น งานพธิ ตี า่ งๆ ถา้ จะพูดถงึ ประโยชนข์ องมะพรา้ วโดย ละเอยี ดเราจะพบวา่ ทกุ สว่ นของตน้ มะพรา้ วสามารถ นามาใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ งั้ สนิ้ สว่ นของกา้ นอกี สว่ นหนึ่ง สามารถนามาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนไ์ ด ้ • ดงั น้ันเราจงึ เห็นกา้ นมะพรา้ วของตน้ มะพรา้ ว สามารถนามาทาเป็ นไมก้ วาดทางมะพรา้ วได ้ เพอื่ เป็ นการ ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยและยงั ลดภาวะโลกรอ้ น สามารถนาไป รวมกลมุ่ ทาเป็ นอาชพี เสรมิ ของชาวบา้ นไดท้ าใหเ้ กดิ ความ สามคั คใี นหม่บู า้ น

วตั ถปุ ระสงค ์ • เพอื่ นากา้ นมะพรา้ วมาทาใหเ้ กดิ ประโยชน์ • เพอื่ ลดภาวะโลกรอ้ น • เพอื่ เป็ นอาชพี เสรมิ ของชาวบา้ น • เพอื่ ทาไวใ้ ชง้ านในครวั เรอื นประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย • เพอื่ เสรมิ สรา้ งอาชพี

วสั ด-ุ อปุ กรณ์ 1.สี ใชส้ าหรบั การระบายสหี รอื ตกแตง่ ลวดลายให ้ สวยงาม 2. กาพ่นสี ใชส้ าหรบั ในการพ่นสี 3. คมี ใชส้ าหรบั ในการตดั ลวดหรอื ใชห้ นีบลวดใหแ้ น่น 4. ลวด ใชใ้ นการมดั กา้ นมะพรา้ วใหแ้ น่น 5. เชอื ก ใชส้ าหรบั ในการถกั กา้ นมะพรา้ วใหแ้ น่น 6. กา้ นมะพรา้ วทเี่ หลาแลว้ ใชส้ าหรบั ถกั เป็ นไมก้ วาด

ขนั้ ตอนการดาเนินงาน 1. นากา้ นมะพรา้ วมาตดั ออกจากแกนใหญ่ 2. นี่คอื กา้ นมะพรา้ วทตี่ ดั ออกจากแกนใหญ่แลว้ 3. นากา้ นมะพรา้ วมาเหลาเอาใบออก ใหเ้ หลอื แตก่ า้ นแลว้ นามาผงึ่ แดดประมาณ 2-3 วนั 4. นี่คอื การนากา้ นมะพรา้ วทเี่ หลาแลว้ มาผงึ่ แดดให ้ กา้ นมะพรา้ วแหง้ 5. นาดา้ มไมไ้ ผ่มาสลกั ดา้ นหวั เพอื่ ทจี่ ะใหก้ า้ นมะพรา้ วที่ จะใชถ้ กั แน่นและไดร้ ปู ทรงทสี่ วยงาม

6. การขนึ้ รปู จะตอ้ งใชเ้ ชอื กมามดั ทไี่ มไ้ ผ่ทเี่ ราสลกั ไว ้ 7. การทจี่ ะใชก้ า้ นมะพรา้ วมาถกั จะตอ้ งนับกา้ นมะพรา้ ว ใหเ้ ทา่ ๆกนั ถา้ ถกั ชนั้ เดยี วจะตอ้ งนับ 11 กา้ น ถา้ ถกั สองชน้ั จะตอ้ งนับ 9 กา้ น 8. นากา้ นมะพรา้ วทนี่ ับไว ้ มดั ใหเ้ ป็ นวงกลมตดิ กบั ดา้ ม ไมไ้ ผ่ 9. นาเชอื กแทงเขา้ ตรงกลางมดั กา้ นมะพรา้ วแลว้ ถกั ขนึ้ ลงแบบหางปลา 10. มดั ลวดใหแ้ น่น เพอื่ ใหก้ า้ นมะพรา้ วตดิ กบั ไมไ้ ผ่ ตดั ปลายกา้ นใหเ้ สมอกนั การทาสี 1. ทารองพนื้ ดว้ ยสขี าวกอ่ น 2. วาดลวดลายตามทตี่ อ้ งการ

ความหมายและความสาคญั ของภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ความหมายและความสาคญั ของภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ หมายถงึ หลกั ความรอู ้ นั เกดิ จากความสามารถ ประสบการณ์ และความเฉลยี วฉลาดในการประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ของคนใน ทอ้ งถน่ิ โดยเป็ นผลมาจากการสง่ั สมประสบการณท์ ผี่ า่ นกระบานการ เรยี นรู ้ เลอื กสรร พัฒนาและถา่ ยทอดสบื ตอ่ กนั มาจากบรรพบรุ ษุ จนถงึ คนรนุ่ ปัจจบุ นั เพอื่ ใชป่ ระโยชนใ์ นการดาเนนิ ชวี ติ ในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ จะมภี มู ปิ ัญญาทคี่ นในทอ้ งถน่ิ สรา้ งสรรคข์ นึ้ จนเป็ น เอกลกั ษณ์ของคนในทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ัญญาของแตล่ ะทอ้ งถน่ิ จะแตกตา่ ง กนั ขน้ึ อยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มและการดาเนนิ ชวี ติ ของคนในทอ้ งถนิ่ ดงั ตวั อยา่ ง การรวมกลมุ่ ทาไมก้ วาดสามารถระดมหนุ ้ จากสมาชกิ และ ไดร้ ับงบประมาณ สนับสนุนจากหลายหน่วยงาน เชน่ สานักงาน เกษตรอาเภอ , องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลนางแล, กลมุ่ พัฒนาสตร,ี กลมุ่ ออมทรัพยเ์ พอ่ื การผลติ เป็ นตน้ สมาชกิ กลมุ่ ไดว้ างแผนรว่ มกนั ในการปลกู ไผร่ วกในพนื้ ทห่ี มบู่ า้ นเพอื่ ใชท้ าดา้ มไมก้ วาด

ดา้ นการใชง้ าน ใชใ้ นการกวาดพน้ื ปัดหยากไย่ หรอื ใชใ้ นการทาความ สะอาดครวั เรอื น คนในชมุ ชนผลติ ใชแ้ ละจาหน่ายเพอ่ื เพมิ่ รายได ้ ใหแ้ กต่ นเองและครอบครวั ไมก้ วาดยงั มคี วามทนทาน ใชง้ านไดด้ ี ขนาดเหมาะสมกบั การใชง้ าน คณุ ภาพคงทน ใชไ้ ดน้ านไมห่ ลดุ ขณะกวาด ทาใหไ้ มส่ น้ิ เปลอ้ื งเวลาและพลงั งานในการใชง้ าน ดา้ นความสมั พนั ธข์ องวตั ถดุ บิ กบั ทรพั ยากรในทอ้ งถนิ่ วตั ถดุ บิ ทห่ี าไดใ้ นทอ้ งถน่ิ คอื ไมไ้ ผเ่ อาไวส้ าหรับทาดา้ มไมก้ วาด สว่ น ดอกหญา้ ไมส่ ามารถปลกู ไดใ้ นพน้ื ท่ี จงึ ตอ้ งรับซอื้ จากทอี่ นื่ มา

ผลทเี่ กดิ จากการใชภ้ ูมปิ ัญญา 1. เป็ นการสรา้ งคณุ คา่ ของทางมะพรา้ ว 2. ทาใหเ้ พมิ่ รายไดใ้ หก้ บั ตนเอง 3. อปุ กรณท์ ใี่ ชห้ าง่าย ตน้ ทนุ ตา่ เป็ นวสั ดธุ รรมชาตเิ ป็ นส่วนใหญ่ ปัจจยั ทนี่ าสูค่ วามสาเรจ็ 1. สรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ตนเอง 2. รกั ษาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ 3. ไดเ้ ห็นจากคนขา้ งบา้ นแลว้ เกดิ แรงบนั ดาลใจ คดิ ทจี่ ะทา การถา่ ยทอด ถา่ ยทอดใหก้ บั กล่มุ หตั ถกรรมในชมุ ชน สามารถฝึ กสอนและทาใหด้ เู ป็ น ตวั อย่าง

ทมี่ า https://naen2214.blogspot.com/2017/08/blog- post.html https://sites.google.com/site/socialknowledgecom/phumipayya- thxng-thin-laea-wathnthrrm-thiy/khunkha-thi-mi-tx-sangkhm-thiy


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook