Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ซ่อมบำรุงระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย ๕

ซ่อมบำรุงระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย ๕

Published by IamI Baiya, 2021-10-09 14:23:34

Description: ศึกษาเกี่ยวกับความหมาย ประเภท ขนาดของคอมพิวเตอร์ ระบบของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบและหน้าที่ของคอมพิวเตอร์ ศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ขั้นตอนการประกอบเครื่อง การติดตั้ง CPU การติดตั้งแรม การติดตั้งเมนบอร์ด และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นในการใช้งาน การตรวจสอบเบื้องต้นหลังจากประกอบเครื่อง การตั้งค่าในไบออส การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows การติดตั้ง Diver และโปรแกรม Utility ต่างๆ

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ซอ่ มบารงุ ระบบคอมพวิ เตอร์และเครอื ขา่ ย ๕ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ รหสั วชิ า ง๒๓๒๐๑

คำอธบิ ำยรำยวิชำ ศึกษาและฝึกปฏิบัติการบารุงไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้างต่างๆ เช่น Main Board, Power Supply, Disk Drive, CD Drive, Monitor, Mouse, Printer ,Scanner เ ป็ น ต้น

เนือ้ หำรำยวิชำ หน่วยที่ 1 เรื่อง ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์ หนว่ ยท่ี 2 เรอ่ื ง หน้ำทขี่ องอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ หนว่ ยที่ 3 เรอ่ื ง หลกั กำรประกอบอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ หน่วยที่ 4 เรอ่ื ง กำรประกอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หน่วยท่ี 5 เรอื่ ง กำรตรวจสอบควำมพร้อมของอปุ กรณห์ ลงั กำรประกอบ หน่วยที่ 6 เรื่อง การตรวจสอบและกาจัดไวรสั

ใบความรูท้ ี่ 1 เร่อื ง สว่ นประกอบภายนอกเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถทางานได้ปกติจะต้องมีส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งส่วน ประกอบภายนอกและภายใน ซึ่งส่วนประกอบดังกล่าวต้องไม่ เกิดข้อผิดพลาดในแต่ละชิ้นส่วนดังรายละเอียด ต่อไปนี้ 1. เคส (Case) เคสหรือตัวถัง เป็นส่วนประกอบที่เป็นกล่องท่ีห่อหุ้มอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ ไว้ทั้งหมดส่วนมากคน ทั่วไปมักจะเรียกว่าซีพียูเนื่องจากเข้าใจผิดภายในเคสก็จะมีพ้ืนท่ีสาหรับติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ฟล็อปป้ีดิสก์ การ์ดต่างๆ แรม ปัจจุบันนิยมเคสรูปทรงแนวตั้งเพื่อประโยชน์ในการติดต้ังดุปกรณ์ ไดโ้ ดยง่าย ทัง้ ยังประหยดั เน้อื ท่ีการทางานอีกดว้ ย

2. เพาเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกอุปกรณ์จะไม่สามารถทางานได้หากไม่มีกระแสไฟฟ้า ยกเว้นจะมีแบตเตอร่ีสารอง ไฟ เช่น แบตเตอร่ีในเครื่องโน้ตบุ๊ก เป็นต้น เพาเวอร์ซัพพลายจะทาหน้าท่ีในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ คอมพิวเตอรเ์ พ่ือให้เคร่ืองคอมพิวเตอรส์ ามารถทางานได้ 3. ชดุ พดั ลมและฮีตซิงกร์ ะบายความร้อน ( Heat sink, Fan) ชุดพัดลมและฮีตซิงก์ระบายความร้อน จะใช้ติดตั้งบนตัวซีพียู เพื่อช่วยระบายความร้อนจากซีพียู คอมพิวเตอร์รนุ้ ใหม่ส่วนมากจะติดตัง้ ฮตี วงิ ก์มาพร้อมซีพยี ู หรือจะซ้อื แยกต่างหากกไ็ ด้ การเลอื กซอื้ ควรดูซีพยี ทู ่ใี ช้ว่า เป็นรุ่นไหน ความเร็วเท่าไหร่ เพื่อท่ีจะเลือกพัดลมให้เหมาะสมโดยพัดลมจะมีความเร็วในการหมุน หากมีความเร็ว รอบสูงๆ จะชว่ ยใหก้ ารระบายความรอ้ นทาไดด้ ี แตท่ าใหเ้ กิดเสยี งดงั รบกวนขณะเครอื่ งทางานได้ 4. หน่วยประมวลผลกลาง (Microprocessor/CPU (Central Processing Unit)) ไมโครโฟรเซสเซอรส์ ่วนมากจะเรียกว่าซีพียูเปน็ ส่วนท่ีเป็นหัวใจของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ซีพียูท่ีนยิ มใช้มหี ลาย ยห่ี อ้ ดว้ ยกนั เชน่ AMD, Intel, PowerPC, Spare, Cyrik ซพี ยี ู5จะทาหน้าท่เี ปน็ ศนู ย์กลางการประมวลผล

5. RAM (Random Access Memory) หนว่ ยความจาแรม หนว่ ยความจาชนดิ นี้จะบนั ทกึ และอ่านข้อมูลด้วยกระแสไฟฟา้ และต้องมีกระแสไฟจ่าย ให้ตลอดเวลา ถ้าปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่อยู่ในแรมก็จะหายไปด้วยแรมจะถูกนามาใช้ในการรับส่งข้อมูล ระหว่างซพี ยี กู ับฮาร์ดดสิ ก์ หรืออปุ กรณจ์ ัดเกบ็ ขอ้ มูลชนดิ อน่ื 6. ฮารด์ ดิสก์ (Hard Disk) ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล โดยใช้แถบแม่เหล็กสาหรับจัดเก็บข้อมูล ต้ังแต่โปรแกรมระบบ ปฏิบัติการ โปรแกรมประยุกต์ ตลอดจนข้อมูลท่ีได้จากการประมวลผล การบันทึกข้อมูลอื่นๆฮาร์ดดิสก์แต่ละตัว บรรจุข้อมูลไดม้ ากนอ้ ยขึ้นอยู่กบั ขนาดความจุของฮาร์ดดสิ ก์ 7. ดิสก์ไดรฟ์ (Disk Drive) ดิสก์ไดรฟ์เป็นอุปกรณ์สาหรับอ่านและบันทึกข้อมูลจากแผ่นดิสเกตต์ (Diskette) ดิสก์ไดรฟ์ปัจจุบันมีขนาด 3.5 น้ิว สาหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสเกตต์ขนาด 3.5 น้ิว ด้านท้ายของไดรฟ์จะมีคอนเน็คเตอร์สาหรับต่อสายไฟ จากเพาเวอร์ซัพพลายเข้าท่ีดิสก์ไดรฟ์ และคอนเน็คเตอร์สาหรับต่อสายแพ (สายรับส่งข้อมูล) เข้ากับคอนเน็คเตอร์ FDD Connector

8. การ์ดแสดงผล (Display Card) การ์ดแสดงผลหรือการ์ดจอ หรือเรียกอีกอย่างก็คือ VGA Card (Video Graphic Array)ถ้าเป็นการ์ดรุน่ ใหม่ๆ ที่ใช้สาหรับเล่นเกมส์ก็จะเรียกว่า 3D Card ซึ่งเป็นการ์ดท่ีช่วยให้การแสดงรูปภาพที่เป็นภาพสามมิติทาได้ เร็วข้ึน การ์ดแสดงผลจะส่งสัญญาณภาพไปแสดงที่จอภาพ การ์ดบางรุ่นจะแสดงผลได้สองจอภาพพร้อมกัน เรยี กวา่ Dual Head เนอื่ งจากมีพอร์ตสาหรับต่อสายจากจอภาพท้งั สองจอ และการด์ บางรุ่นจะมชี ่องส่งสัญญาณ ภาพออกไปทีโ่ ทรทศั น์ได้ด้วย เรีอกว่าTV-Out 9. การ์ดเสียง (Sound Card) การ์ดเสยี งเปน็ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ท่ีทาให้เคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ สดงผลในรูปแบบเสียงได้ต้องมีลาโพงเป็น สื่อในการแสดงผล รูปแบบแสดงผลได้แก่ เพลง หนังเกมส์คอมพิวเตอร์ บันทึกเสียงเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้ เมนบอร์ดสว่ นใหญ่จะเป็นชนิด Onboard ซงึ่ ไดต้ ดิ ตัง้ การ์ดเสยี งไว้บนเมนบอร์ด (Sound on Board) ถ้าตอ้ งการ คณุ ภาพเสียงท่ีดกี ว่าควรติดตัง้ การ์ดเสยี ง สาหรบั การ์ดเสยี งที่ได้รบั ความนิยมก็เช่น Creative SoundBlaster Live, Audigy เป็นตน้ 10. แป้นพิมพ์ (Keyboard) แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์นาเข้า สาหรับให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ป้อนข้อมูล คาส่ัง ให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพ่ือบันทึกหรือประมวลผล แป้นพิมพ์ต้องต่อสายเข้ากับพอร์ต PS/2 ของเมนบอร์ดปัจจุบันมีคีย์บอร์ดต่อเข้ากับ พอร์ต USB ของเมนบอรด์ และยังมคี ยี ์บอรด์ แบบไร้สาย

11. เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าท่ีช้ี และเลีอกโปรแกรม ข้อมูล คาสั่งท่ีต้องการได้เร็วกว่าการใช้แป้นพิมพ์ ในงาน ทางดา้ นกราฟกิ จะเปน็ ตัวชว่ ยในการวาดภาพ การเลน่ เกมส์ เมาส์มจี าหนา่ ยหลายแบบ หลายราคา หลายยห่ี อ้ ต้ังแต่ ราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยจนถึงหลักพัน โดยเมาส์จะมีแบบท่ีเช่ือมต่อกับพอร์ตแบบ PS/2 ซึ่งมีขั้วต่อแบบกลมเล็ก เมาส์ พอรต์ แบบ USBทมี่ ีข้ัวต่อเปน็ ทรงสเี่ หลียมแบนๆ 12. ซีดีรอมไดรฟ์ (CD-ROM) ซีดีรอมไดรฟ์เป็นอุปกรณ์สาหรับอ่านข้อมุลจากแผ่นซีดีรอม (CD-RW) ซีดีเพลง (AudioCD) โฟโต้ ซีดี (Photo CD) วีดีโอซีดี (Video CD) ซ่ึงซีดีทั้งสามประเภทจะมีความสามารถในการอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีท่ี กล่าวมาข้างต้นอยู่แล้ว แต่หากต้องการบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีได้ให้เลือกใช้ซีดีรอมไดรฟ์แบบ CD-RW และถ้า ต้องการอา่ นขอ้ มลู จากแผ่น DVD นอกจากน้ียงั มไี ดรฟ์อีกแบบหนึ่งท่ีเรยี กว่า Combo Drive เป็นซดี รี อมไดรฟ์ที่รวม ซีดีรอมไดรฟ์ DVD และซีดีรอมไดรฟ์ CD-RW อยู่ในซีดีรอมไดรฟ์เดียวทาให้ทั้งดูหนังฟังเพลง บันทึกข้อมูลลง แผ่น ซีดีได้เลยความเร็วของไดรฟ์ซีดีรอมจะเรียกเป็นX เช่น 8X,40X,50Xย่ิงมากก็คือย่ิงเร็ว ส่วน CD-RW น้ันจะมีตัวเลข แสดงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะเพ่ิมความเร็วในการบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดี เช่น 24/10/40X นั่นคือความเร็วในการ บันทกึ แผน่ CD-R สูงสดุ ความเรว็ ในการบันทกึ ขอ้ มลู ลงแผ่น CD-RW และความเรว็ ในการ อา่ นข้อมลู จากแผน่ ซดี โี ปรแกรม หรือซดี เี พลง 13. จอภาพ (Monitor) จอภาพเป็นอุปกรณ์ทม่ี หี น้าท่แี สดงผลลัพธ์การประมวลผล การทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอรด์ า้ นหลงั จอภาพมีสายไวต้ อ่ เข้ากับการ์ดจอ จอภาพมีหลายขนาดให้เลอี กใช้งาน เชน่ 15,17,19,20,21,24 นวิ้ มที ง้ั จอภาพ แบบ LCDหรอื ท่ีเรยี กกันทวั่ ไปวา่ จอแบน

ใบความรูท้ ่ี 2 เร่ือง สว่ นประกอบภายในเครอื่ งคอมพิวเตอร์ 1. เมนบอร์ด (Main Board) เมนบอรด์ หรอื แผงวงจรหลักที่ใช้ในเครื่องคอมพวิ เตอร์ การจะใหอ้ ุปกรณต์ า่ งๆ ทางานไดน้ น้ั ตอ้ งติดต้ังหรือ เช่ือมต่อสายเข้ากับเมนบอร์ด แม้แต่ซีพียูก็ต้องติดต้ังเข้ากับเมนบอร์ดถูกผลิกออกมาเพื่อใช้กับซีพียูต่างรุ่นต่างแบบ และยังมีผู้ผลิตหลายรายด้วยกัน ช่น ASUS, ECS, GIGABYTE, CHAINTECH, MSI, ABIT, INTEL เป็น ต้น เนื่องจากเมนบอร์ดมีจุดท่ีจะต้องต่อพ่วงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไป ดังน้ันจึงต้องดูรายละเอียดท่ีสาคัญๆ บน เมนบอร์ด ดงั นี้ 2. AGP Slot (Accelerator Graphic Port) เป็นสล็อตท่ีมีไว้สาหรบั ติดตั้งการด์ แสดงผล หรือการด์ จอเท่าน้ัน สลอ็ ตเอจีพีจะมีสนี ้าตาลตาแหนง่ จะอยู่ ด้านบนของสล็อตพีซีไอ และอยุ่ใกล้กับตาแหน่งของซ็อคเก็ตที่ติดตั้งซีพียู เหตุผลท่ีใช้ติดตั้งเฉพาะการ์ดแสดงผลก็ เนื่องจากระบบบัสแบบ PCI ท่ีใช้กันอยู่เดิมนั้นไม่สามารถตอบสนองการใช้งาน ท่ีต้องการความรวดเร็วในการ แสดงผลสูงๆอย่างเช่น เกมส์สามมิติ โปรแกรมกราฟฟิก ประเภทสามมิติ ออกแบบบัสแบบเอจีพีหรือสล็อตแบบ เอจีพีรุ่นใหม่จะมีความเร็วในการรบั ส่งข้อมูลสูงข้ึน ซ่ึงมีข้สังเกตๆง่ายคือ 2X 4Xและล่าสุด 8X ตัวเลขยิ่งสูงมากยิ่ง เรว็ ขนึ้

3. แบตเตอรแ่ี บค๊ อัพ (CMOS Battery) แบตเตอร่ีแบ๊คอัพเบอร์ CR2032 เป็นแบตเตอรี่ที่จ่ายกระแสไฟกับ CMOS เพ่ือเก็บข้อมูลใน ไบออส เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม วันเวลา ถ้าหาแบตเตอร่ีหมดอายุจะทาให้ข้อมูลในไบออสหายไป ทาให้เคร่ือง คอมพิวเตอร์ไม่สามารถ ตรวจสอบได้ว่ามีฮาร์ดดิสก์ มีซีดีรอมต่อพ่วงอยู่หรือเปล่า ทาให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถ ทางานได้ แบตเตอร่ีจะมีอายกุ ารใช้งานประมาณสองหรือสามปี หากตอ้ งการเปลี่ยนก็หาซื้อได้ตามร้านนาฬิกาหรือ ร้านถย่ รปู 4. BIOS (Basic Basic Input Output) เป็น CHIP IC ชนิดหน่ึงท่ีอยู่บนเมนบอร์ด ภายในจะมีโปรแกรมที่ใช้ตรวจสอบค้นหาอุปกรณ์ประเภท ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมซีดีไดรฟ์ ที่ติดต้ังเข้าไป ทุกคนท่ีเปิดเครื่องคอมพิวเตอรโ์ ปรแกรมที่อยู่ในไบออสจะเริ่มตรวจสอบ การทางานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น การทางานของ เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ แรม การ์ดจอ คีย์บอร์ด ซ่ึง กระบวนการน้ีเรียกว่า Power on Self Test (Post) ในกรณีท่ีมีอุปกรณ์เสียหรือผิดปกติก็จะรายงานให้ ทราบ นอกจากน้ีไบออสยังมีคาสั่งส่ังให้เคร่ือคอมพิวเตอร์บูตเข้าสู่วินโดวส์ หรือระบบปฏิบัติการอื่นที่ติดตั้งเอาไว้ ด้วย ในรูปเป็นไบออสของ AIM ไบออสมีหลายยี่ห้อ เช่น AWARD, PHOENIX, COMPAQ, IBM ซ่ึงจะมีความ แตกต่างกันบ้างในเคร่ืองของวิธีการเข้าไปต้ังค่าการทางานของไบออส รวมท้ังรปู แบบเมนขู องไบออส ส่วนเมนบอร์ด ทใ่ี ชจ้ ะมไี บออสยหี่ ้อไหน และตาแหน่งตดิ ต้งั อยทู่ ไ่ี หนบนเมนบอร์ดสามารถอ่านเพิง่ เติมไดจ้ ากคู่มอื ของเมนบอร์ด

5. CPU Socket ใช้สาหรับติดตั้งซีพียูเข้ากับเมนบอร์ด เมนบอร์ดที่ใช้กับซีพียูของอินเทลคือ Pentium 4 และ Canceler จะเรียกซอคเก็ตSOCKET 478 ส่วนเมนบอร์ดสาหรับซีพียู AMD น้ันจะมีซ็อคเก็ต แบบ SOCKET 462 หรือเรียกอีกชื่อหน่ึงว่า SOCKET A จุดสังเกตว่าเมนบอร์ดเป็นซ็อคเก็ตแบบใดนั้นก็ดูจาก ช่ือที่พิมพ์ไว้บนช็อคเก็ต ส่วนความแตกต่างอีกอย่างหน่ึงก็คือรอยมาร์คที่มุมของซ็อคเก็ต ถ้าเป็นซ็อค เก็ต 478 จะมีรอยมาร์คอยุ่ที่มมุ หนึ่งด้าน ส่วนซ็อคเกต็ 462 จะมรี อยมาร์คท่มี ุมสองดา้ น โดยรอยมารค์ จะตรง กับตาแหน่งของซีพยี ู เพอื่ ใหต้ ดิ ตงั้ ซีพียูเขา้ กบั ซ็อคเก็ตได้อยา่ งถกู ต้อง 6. ข้วั ต่อสายไฟ ( ATX Power Connector) ขว้ั ตอ่ สายไฟจากเพาเวอรซ์ ัพพลายเข้ากับเมนบอร์ด ซ่ึงเปน็ ขัว้ ตอ่ แบบ ATX โดยที่เพาเวอรซ์ ัพพลายจะมี สายไฟหนึง่ ชุดเอาไว้ต่อเขา้ กบั เมนบอรด์ และด้านหน่งึ ของขัว้ ต่อจะมีสลักล็อกสายไฟ ป้องกนั ไม่ให้สายไฟหลุดจาก เมนบอร์ดไดง้ ่าย

7. คอนเน็คเตอร์ คอนเน็คเตอร์สาหรับต่อสายแพเข้ากับ Disk Drive ซึ่งเมนบอร์ดจะมีคอนเน็คเตอร์ไว้ให้หน่ึงช่อง ซึ่งก็ เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะเคร่ืองคอมพิวเตอร์ส่วยใหญ่จะติดต้ังดิสก์ไดรฟ์เท่านั้น จุดสังเกตก็คือจะมีข้อความ ว่า FLOPPY หรือเมนบอร์ดบางรุ่นจะเป็ตัวย่อว่า FDD พิมพ์กากับอยู่ ส่วนท่ีสาคัญอย่างหนึ่งก็คือที่ช่องคอนเน็ค เตอร์จะมี Pin หรือเข็มอยู่ 33 อัน โดยด้านหนึ่งจะมีคาว่า PIN 1 พิมพ์กากับอยู่ด้วย เม่ือต้องการต่อสายแพ เขา้ กับคอนเน็เตอรจ์ ะตอ้ งเอาดา้ นท่ีมสี ีแดงหรอื สีน้าเงินมาไว้ทีต่ าแหน่ง PIN 1 8. IDE Connector เป็นคอนเน็คเตอร์ที่ใช้สาหรับเช่ือมต่อสายแพกับฮาร์ดดิสก์แบบ IDE รวมถึงอุปกรณ์จาพวกไดรฟ์อ่าน เ ขี ย น ข้ อ มู ล เ ช่ น ซี ดี ร อ ม ดี วี ดี ซิ พ ไ ด ร ฟ์ โ ด ย เ ม น บ อ รื ด จ ะ มี ค อ น เ น็ ค เ ต อ ร์ IDE อ ยู่ ส อ ง ชุ ด ด้วยกัน เรียกว่า IDE 1 กับ IDE 2 แต่ละคอนเน็คเตอร์จะรองรับอุปกรณ์ได้สองชิ้น ซึ่งหมายถึงจะต่อฮาร์ดดิสก์ รวมท้ังซีดีรอมได้สูงสุดแค่สี่ตัว โดยอาจจะเป็นฮาร์ดดิสืกสองตัวกับไดรฟ์ CD-RW และไดรฟ์ DVD อีกอย่างละ หน่งึ เช่นเดยี วกับ FDD Connector กค็ อื จะมตี ัวอักษรพิมพ์กากบั วา่ ด้านใดคือ PIN 1 เพือ่ ให้ตอ่ สายแพเข้าไป อย่างถูกต้อง แต่ IDE Connector จะมจี านวนพินมากกวา่ คือ 39 พนิ

9. PCI Slots (Peripherals component interconnect) สล็อตพีซีไอ เป็นช่องที่เอาไว้สาหรับติดต้ังอุปกรณ์เพ่ิมเติม เช่น ติดตั้งการ์ด SCSI การ์ดเสียง การ์ด เน็ตเวิร์ค โมเด็มแบบ Internal เมนบอร์ดโดยส่วนใหญ่จะมีสล็อตพีซีไอเป็นสีขาวครีม แต่ก็มีเมนบอร์ดรุ่นใหม่ บางรุ่นทเ่ี พ่ิมสล็อคพีซีไอโดยใช้สีแตกต่าง เช่น สีนา้ เงนิ เพอื่ ใช้ตดิ ตั้งการ์ดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสล็อตแบบพีซี ไอนั้นถูกออกแบบมาแทนสล็อตแบบ VL ซึ่งทางานได้ช้าการติดตั้งอุปกรณ์ทาได้ยาก เนื่องจากต้อง เซต็ จมั เปอร์ แต่พีซีไอนนั้ จะเปน็ ระบบ Plug and play ท่ีติดตั้งอุปกรณ์ได้ง่ายกว่าอุปกรณ์บางอย่าง เช่น การ์ดเสียง เม่ือติดตั้งแล้วโอเอสจะ รู้จักทันทีหรือเพียงแค่ลงไดรเวอร์เพิ่มเติมเท่าน้ัน อน่ึง สล็อตแบบพีซีไอนั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า PCI Bus ซ่ึง หมายถึงเส้นทางท่ีใช้ในการรับส่งข้อมูลระหว่างเมนบอร์ดกับอุปกรณ์ต่อพ่วง โดยบัสแบบพีซีไอจะทางานใน ระบบ 32 บิต 10. RAM Sockets เป็นช่องท่ีใช้สาหรับติดต้ังแรมเข้าไป เมนบอร์ดแต่ละรุ่นจะมีช่องสาหรับติดตั้งแรมไม่เท่ากัน บางรุ่น อาจจะมีแค่สอง บางรุ่นมีสาม บางรุ่นมีสี่ จานวนช่องถ้ามีเยอะก็จะทาให้เพ่ิมแรมได้มากขึ้น ซ็อคเก็ตที่ใช้ติดตั้ง แรมยังแบ่งออกตามชนิดของแรมด้วย ถ้าเป็นเมนบอร์ดที่ใช้แรมแบบ DDR จะมีรอยมาร์คอยู่ตรงกลางหนึ่ง ชอ่ ง ซึ่งจะตรงกบั ตาแหน่งรอยมารค์ ทแ่ี รม

11. System Panel Connector จากรูปจะสงั เกตเห็นกลุ่มเข็มที่โผล่ออกมาเหมือนเสาเข็ม สาหรบั System panel นนั้ เป็นจุดท่ีใช้ต่อ สายสวิตช์ปิดเปิดเคร่ือง (Power Switch) สายไฟปุ่นรีเซต (Reset Switch) ไฟแสดงการทางานของ ฮ า ร์ ด ดิ ส ก์ (HDD LED) ล า โ พ ง ภ า ย ใ น ตั ว เ ค ร่ื อ ง (Speaker) แ ล ะ ส วิ ต ซ์ ล็ อ ก ก า ร ท า ง า น ข อ ง คียบ์ อร์ด (Keyboerd Lock) โดยสวติ ซห์ รอื สายไฟหลาวนี้จะติดอยู่กับเคสเคร่ืองคอมพิวเตอร์ถ้าไม่ต่อสายไฟจาก เคสเข้ากับ System panel สวติ ซเ์ ปิดเครือ่ งหรอื ไฟแสดงการทางานของฮาร์ดดสิ ก์ก้จะไมต่ ิด 12. PS/2 Mouse, PS/2 Keyboard Port เป็นพอร์ตท่ีใช้สาหรับต่อสายเมาส์กับสายคียบ์ อร์ดเข้ากับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยเรียกวา่ พีเอสทูเมาส์ หรือพีเอสทูคีย์บอร์ด ซ่ึงพอร์ตจะมีรูกลมหกรู แล้วก็รูส่ีเหล่ียมหน่ึงรู ซึ่งปลายสายคีย์บอร์ดหรือเมาส์ก็จะมีเข็มท่ี ตรงกับตาแหน่งของรูที่พอร์ตด้วย การเสียบสายเมาส์และคีบอร์ดเข้าไปต้องระวังให้เข็มตรงกับรู สาหรับพอร์ต เมาส์และคีบอร์ดนั้นจะใช้ Color Key แสดงเอาไว้สีเขียวสายต่อเมาส์ สีน้าเงินคือสายต่อคีย์บอร์ด นอกจากน้ียัง มีจุดสังเกตอีกประการหนึ่งคือเม่ือประกอบเมนบอร์ดเข้ากับเคส ที่เคสจะมีลักษณ์รูปเมาส์กับรูปคีย์บอร์ด ติดอยุ่ เพื่อให้ต่อสายเมาสแ์ ละคยี ์บอรด์ ไดถ้ กู ต้อง 13. USB Port (Universal Serial Bus) พอร์ตสาหรับตอ่ พว่ งกับอุปกรณ์ท่มี ีพอร์ตแบบยูเอสบี เช่น พรนิ เตอร์ สแกนเนอร์ กล้องดิจิตอล ซดี รี อม ไดรฟ์ ซิพไดรฟ์ เป็นต้น เมนบอร์ดรุ่นใหม่จะมีพอร์ตยูเอสบีเพิ่มมาอีกเรียกว่าพอร์ต USB 2.0 ซ่ึงรับส่งข้อมูลได้ เร็วกว่าเดิม เมื่อต้องซ้ืออุปกรณ์ต่อพ่วง ควรตรวจสอบด้วยว่าอุปกรณ์น้ันเช่ือมต่อกับพอร์ตยูเอสบีรุ่นเก่า หรือว่า ต้องใชร้ ว่ มกบั พอร์ตยูเอสบี 2.0 เพ่ือความม่ันใจว่าอุปกรณ์ท่ซี ื้อมาน้ันจะทางานไดอ้ ย่างไม่มปี ัญหาใดๆ

14. Parallel Port พอร์ตพาราลเลล เป็นพอร์ตแบบตัวเมียมีรู 25 รู สาหรับต่อสายพรินเตอร์หรือสแกนเนอร์ท่ีมีพอร์ต แบบพาราลเลล ซ่ึงสว่ นใหญ่จะใช้ต่อกับเครื่องพรินเตอร์มากกว่า บางคนจะเรียกว่าพรินเตอร์พอร์ต โดยสว่ นใหญ่ พอรต์ พาราลเลลจะมกี ับเครอื่ งพรนิ เตอรร์ ุน่ เก่า หรอื ในเครอื่ งพรินเตอรร์ ะดับกลางๆ ขนึ้ ไป 15. Serial Port พอร์ตแบบตัวผู้ที่มีขาสัญญาณอยู่ 9 ขา เรียกว่าคอมพอร์ต (COM Port) เป็นพอร์ตที่ใช้สาหรับต่อ โมเด็มเมาส์ หรือจอยสติ๊ก ปัจจุบันอุปกรณ์ท่ีใช้พอร์ตนี้แทบไม่มีให้เห็น เนื่องจากหันไปใช้พอร์ตแบบ USB เป็น สว่ นใหญ่ 16. Video Port พอร์ตสาหรับต่อสายสัญญาณภาพกับจอคอมพิวเตอร์ ลักษณะของพอร์ตจะเป็นพอร์ตแบบตัวเมียมีรู 15 รู สาหรับพอร์ตนจี้ ะมอี ยู่เฉพาะในเมนบอรด์ รุ่นทร่ี วมเอาการ์ดแสดงผลเข้าไปกับเมนบอรด์ ด้วย (VGA On board)

17. IEEE 1394 Port เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Fire Wire (บริษัท โซน่ีเรียกว่า I-Link) เป็นพอร์ตท่ีใช้สาหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงอีก ชนิดหนึ่ง ซ่ึงก็มีในเมนบอร์ดบางรุ่นพอร์ตน้ีจะใช้สาหรับต่อพ่วงกับสแกนเนอร์ กล้องดิจิตอลระดับไฮเอนด์ กล้อง ดิจิตอลวีดีโอ ฮาร์ดดิสก์ที่มีพอร์ตแบบ Fire Wire โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ต่อกับดิจิตอลวีดีโอ เนื่องจากการที่ สามารถควบคุมการทางานของกลอ้ งผา่ นเครอ่ื งคอมพวิ เตอรไ์ ดโ้ ดยตรง 18. Line in / Line out / Microphone jack สาหรับเมนบอร์ดรุ่นใหม่ การ์ดเสียงจะถูกรวมเข้าไปกับเมนบอร์ดด้วย ที่เรียกกันว่า Sound on Board จุดสงั เกตก็คอื ทีเ่ มนบอรด์ จะมชี ่องสาหรับต่อไมโครโฟน ลาโพง แล้วกเ็ คร่ืองเล่นเทป ทาใหไ้ ม่ตอ้ งซื้อการ์ด เสยี งเพ่มิ อยา่ งไรก็ดี ถ้าตอ้ งการคุณภาพเสยี งทด่ี ีกว่า หรอื ตอ้ งการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กับการทาดนตรหี รืองาน ตดั ต่อวีดโี อ ควรตดิ ตั้งการ์ดเสียงเพ่มิ

ใบความรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง หน่วยรับข้อมูลของคอมพวิ เตอร์ ข้อมลู เข้า คอื ข้อมลู หรอื ชดุ คาสั่งซ่งึ ขอ้ มูลอาจอย่ใู นรูปของตัวเลข ขอ้ ความ รปู ภาพ เสียง มีภาพเคล่อื นไหว ท่ีต้องการให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล สาหรับชุดคาสั่ง อาจเป็นโปรแกรมในรูปแบบของไฟล์ หรือคาส่ังท่ีผู้ใช้สั่งให้ ทางาน หน่วยรับข้อมูล (input unit) ทาหน้าท่ีนาข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจาเพื่อใช้ในการ ประมวลผล ตัวอย่างอุปกรณ์ของหน่วยรับเข้า เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ จอยสติก จอสัมผัส เครื่องอ่านพิกัด สแกนเนอร์ เคร่อื งอ่านบารโ์ คด้ กลอ้ งดจิ ทิ ลั และเว็บแคม 1. คยี ์บอร์ด คีย์บอร์ดหรือแผงแป้นอักขระ (Keyboard) เป็นอุปกรณ์ของหน่วยรับที่มีใช้กันในคอมพิวเตอร์แทบจะทุก เคร่ือง คีย์บอร์ด แบบต้ังโต๊ะโดยท่ัวไปจะมีแป้นพิมพ์จานวน 105 ปุ่ม แยกออกเป็นกลุ่มต่างประเภทของการใช้งาน เชน่ แป้นอักษร แป้นตวั เลข แปน้ ลกู ศร แปน้ ควบคมุ ระบบมัลตมิ ีเดีย และแป้นควบคุมลักษณะการทางานของปุม่ อ่นื ในปัจจุบันซ่งึ เป็นยคุ ไร้สาย คยี บ์ อรด์ ก็ได้ถูกพฒั นาใหใ้ ช้งานแบบไร้สายเชน่ กัน โดยคยี ์บอร์ดแบบไรส้ ายนั้น จะมีตัวรับสัญญาณเช่ือมต่อกับคอมพิวเตอร์ ส่วนคีย์บอร์ดจะไม่มีสายเช่ือมต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์แต่สัญญาณวิทยุ หรือสัญญาณอินฟราเรด ในการส่งสัญญาณว่ามีการกดปุ่มใดไปยังตัวรับสัญญาณทาให้สามารถเคล่ือนคีย์บอร์ดได้ สะดวก

2. เมาส์ (mouse) เมาส์ (mouse) เป็นอุปกรณ์ของหน่วยรับเข้าที่ต้องใช้ร่วมกับจอภาพ เมื่อผู้ใช้เคล่ือนเมาส์ ตัวชี้เมาส์ (mouse pointer) บนจอภาพจะเคลื่อนไปในทิศทางและความเร็วท่ีสัมพันธ์กัน เมื่อผู้ใช้ต้องการเลือกสิ่งใดบน หน้าจอภาพ ใช้วิธีเล่ือนตัวชี้เมาส์ไปทับบนส่ิงน้ันแล้วคลิกปุ่มบนเมาส์ เมาส์โดยท่ัวไปมี 2 ปุ่ม หน้าที่ของแต่ละปุ่ม อาจจะแตกต่างกันออกไปข้ึนอยู่กับโปรแกรมประยุกต์และระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน นอกจากน้ีเมาส์รุ่นใหม่ๆ จะมี ปมุ่ ทีส่ าม ซ่งึ มีลกั ษณะเปน็ ล้อท่ีหมุนได้ ทเี่ รียกวา่ วลิ บตั ทอน (wheel button) และเมาสพ์ ิเศษบางรุ่นทีอ่ อกแบบมา เพื่อใหใ้ ชเ้ ล่นเกมหรอื ใช้กับโปรแกรมเฉพาะบางอยา่ งอาจจะมีปุ่มมากกวา่ 3 ปุ่มอีกดว้ ย เทคนคิ การตรวจรตู้ าแหน่งหรือการเปล่ยี นแปลงทิศทางของเมาส์มี 2 แบบ คือ 2.1 เมาสแ์ บบกลไก ใช้วิธีการตรวจสอบการหมุนของลูกบอลเล็กๆท่ีอยู่ใต้เมาส์ จุดอ่อนของเมาส์แบบนี้คือต้องใช้กับพื้นผวิ โต๊ะที่มีความฝืดเล็กน้อยเพื่อให้ลูกบอลหมุนเวลาท่ีผู้ใช้เคล่ือนเมาส์ไปมา หรือมิเช่นนั้นต้องใช้งานร่วมกับแผ่นรอง เมาส์ (mouse pad) ที่ถกู ออกแบบมาให้มีความฝืดที่พอดีและยังมีปัญหาเร่ืองความสกปรกท่จี ะติดเข้าไปกับลูกบอล เมื่อใช้เมาส์ไปนานๆส่ิงสกปรก เช่น คราบเหงื่อจากมือผู้ใช้จะถูกลูกบอลพาเข้าไปเกาะติดอยู่ที่กลไกภายในเมาส์ทา ใหเ้ มาสท์ างานไมแ่ มน่ ยา ผใู้ ชจ้ ึงตอ้ งทาความสะอาดบ่อยๆ

2.2 เมาส์แบบแสงหรือเลเซอร์ จะใช้วิธีสง่ แสงหรือเลเซอร์ไปยังพน้ื ท่สี ะท้อนแสงได้ เพือ่ ตรวจสอบการเคล่อื นไหวของเมาสแ์ ทนกลไกล ของลูกบอล ทาให้ไม่จาเป็นต้องใช้แผ่นรองเมาส์และยังไม่มีปัญหาเรื่องความสกปรก อีกทั้งยังมีความแม่นยาดีกว่า เมาส์แบบกลไก เน่ืองจากเมาส์เป็นอุปกรณ์ที่ต้องถูกขยับหรือเคล่ือนไปมาตลอดเวลาท่ีใช้งาน จึงมีการพัฒนาเป็นเมาสแ์ บบ ไรส้ ายมีลกั ษณะการเช่ือมต่อกับคอมพวิ เตอร์คลา้ ยกับคียบ์ อร์ดแบบไรส้ าย ไมม่ สี ายของเมาส์ระโยงระยาง ทาใหก้ าร ใชง้ านสะดวกขนึ้ มาก ในการใช้งานเมาส์กบั คอมพิวเตอรแ์ บบโน้ตบุ๊กนนั้ ไดม้ กี ารออกแบบอปุ กรณ์ท่ที าหน้าที่ได้เชน่ เดยี วกับเมาส์ แต่ติดต้ังอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเลยเพ่ือความสะดวกในการเคล่ือนย้ายไปในที่ต่างๆเช่นแท่งช้ี (pointing stick) และแป้นสัมผัส (touchpad) 3. แท่งชี้ จะมีลักษณะเป็นปุ่มที่ยื่นขึ้นมาจากตรงกลางของคีย์บอร์ดทางานร่วมกับปุ่มสองปุ่มท่ีอยู่ตรงส่วนล่าง ของคีย์บอร์ดการทางานกับแท่งช้ี ผู้ใช้สามารถใช้น้ิวแตะขยับส่วนบนของแท่งชี้ไปยังทิศทางต่างๆ ได้เพื่อเป็นการ เลอ่ื นตวั ชี้บนจอ และใช้การกดปุ่มซา้ ยหรือขวาแทนการคลกิ เมาส์ปมุ่ ซ้ายหรือเมาส์ขวา

4. แปน้ สัมผัส มีลกั ษณะเปน็ พื้นท่ีส่ีเหลยี่ มเล็กๆ ซึ่งไวต่อการสมั ผัสสามารถตรวจสอบทิศทางการเคลื่อนที่และแรงกด ของนิ้วได้ โดยจะมีปุ่มสองปุ่มอยู่ด้านล่างของแป้นสัมผัส ซึ่งทาหน้าที่แทนปุ่มบนเมาส์เช่นเดียวกับกรณีของแท่งช้ี ผู้ใช้จะใช้น้ิวสัมผัสบนแป้น และเล่ือนน้ิวไปมาเพ่ือเป็นการเคล่ือนตัวชี้บนจอภาพ เมื่อต้องการคลิกเลือกส่ิงใดบน จอภาพสามารถใช้น้ิวเคาะไปบนแป้นสัมผัส หรอื กดป่มุ ท่ดี ้านลา่ งกไ็ ด้ อุปกรณร์ ับข้อมูลเขา้ สาหรบั เกม เกมคอมพิวเตอร์หรือเกมคอนโซลท่ีต้องเช่ือมต่อเข้ากับจอภาพภายนอก เช่น เคร่ืองรับโทรทัศน์ จะใช้ อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะให้สามารถรับข้อมูลเข้าได้โดยอาศัยเพียงการเคลื่ อนไหวของนิ้วหรือข้อมือไปยัง ทิศทางที่ต้องการเท่าน้ัน อุปกรณ์เหล่านี้มีพัฒนาการอย่างต่อเน่ืองให้มีความสมารถมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา เช่น จอยสติก (Joystick) เกมแพด (gamepad) พวงมาลยั และคันเหยียบ (wheel and pedal) และอุปกรณ์ควบคุมที่ใช้ การตรวจจบั การเคล่ือนไหว อุปกรณ์รับขอ้ มลู เขา้ สาหรับเกมแบบตา่ งๆ 1. จอยสติกหรือกา้ นควบคุม จอยสติกมีลักษณะเป็นคันโยกต้ังอยู่บนฐานเล็กๆอาจมีปุ่มหลายปุ่มอยู่ที่ฐานเพื่อใช้ในการทาหน้าที่ ที่ แตกตา่ งกนั ไดข้ ้ึนอยกู่ ับแต่ละเกมจะกาหนดไวผ้ ู้ใช้โยกคันโยนไปในทศิ ทางตา่ งๆ ให้กบั ตวั ละครในเกม

2. เกมแพด เกมแพดมลี ักษณะเป็นแป้นควบคุมเล็กๆ ท่ผี ู้เล่นเกมสามารถถือไวไ้ ด้ด้วยมือทง้ั สองข้าง ซ่ึงบนตัวเกม แพดจะมกี ารวางปมุ่ ท่ใี ช้ควบคุมหลายๆ ป่มุ ไว้ในตาแหนง่ ท่ีสะดวกในการกดดว้ ยน้ิวตา่ งๆ ทาให้การควบคมุ ทาไดง้ า่ ย และหลากหลายมากข้นึ 3. อุปกรณ์ควบคุมแบบพวงมาลยั และคนั เหยียบ สาหรบั เกมประเภทที่เกย่ี วข้องกับการขบั ขี่ยานพาหะ ถึงแมว้ ่าผเู้ ล่นจะสามารถใช้จอยสติกควบคุมการ เลน่ เกมได้ แต่กไ็ ด้มกี ารออกแบบพวงมาลยั และคนั เหยยี บของรถยนต์ เพื่อใหก้ ารเลน่ เกมมคี วามสมจริงมากขึ้น 4. อุปกรณ์ควบคมุ แบบแผ่นรองเตน้ แผ่นรองเต้นเป็นอปุ กรณ์อีกชนดิ หนึง่ ท่ีออกแบบใหร้ บั ขอ้ มลู เข้าเป็นจงั หวะการเตน้ ของเท้าผู้เล่นเกม แผน่ นที้ ามาจากพลาสติกท่ภี ายในมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์รับแรงกดจากเท้า ที่เคลื่อนไปในจังหวะของเพลง โดยเกม ประเภทนี้จะตรวจสอบความสามารถในการขยับเท้าเข้าจงั หวะของผูเ้ ล่นกับเพลงที่กาหนดให้

อปุ กรณ์ควบคุมท่ีใชก้ ารตรวจจบั การเคลอ่ื นไหว อุปกรณ์ชนิดท่ีมีลักษณะคล้ายรีโมทคอนโทรลเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในมีอุปกรณ์ตรวจสอบทิศทางและ ความเร็วในการเคล่ือนไหว และเช่ือมต่อกับเครื่องเกมโดยใช้ระบบบลูทูท ผู้เล่นเกมจะจับรีโมทไว้ในมือและขยับมือ หรือทาท่าทางต่างๆ โดยตวั อุปกรณจ์ ะตรวจจับการเคล่ือนไหวและตาแหน่ง แล้วส่งออกให้กับเคร่ืองเกมเพื่อควบคุม การเคลื่อนไหวของตัวละครในเกมท่สี มั พนั ธ์กบั จงั หวะของผเู้ ลน่ เกม ในปัจจุบันอุปกรณ์ควบคุมการเล่นเกมมีการพัฒนาไปมากทั้งในด้านประสิทธิภาพความแม่นยาของการ ควบคุมความหลากหลายของการควบคมุ ท่มี ากขึ้นการเชื่อมต่อกับเคร่อื งเกมหรือคอมพิวเตอร์ทีเ่ ปลย่ี นไปเปน็ แบบไร้ สายกนั มากข้ึนนอกจากน้ีอุปกรณ์ควบคุมสมยั ใหมย่ ังทาใหผ้ ู้เล่นเกมต้องมกี ารขยบั เคลอ่ื นไหวร่างกายในขณะเล่นเกม ซึง่ อาจถือเป็นการออกกาลังกายเบาเบาๆ ได้อีกทางหนง่ึ ดว้ ย จอสมั ผสั จอสัมผัส (touch screen) เป็นจอคอมพิวเตอร์ที่ไวต่อการสัมผัสท่ีพื้นผิวของจอ จอสัมผัสจะส่ง ตาแหน่งท่ีมีการแตะกลับไปยังโปรแกรม ทาให้ผู้ใช้สามารถเลือกตัวอักษร รูปภาพหรือคาต่างๆ จากหน้าจอได้ โดย ไมต่ ้องใช้คยี บ์ อร์ด อย่างไรกต็ ามจอสัมผัสไมส่ ะดวกท่จี ะใชป้ ้อนข้อมลู จานวนมาก เนือ่ งจากผูใ้ ชต้ ้องขยับแขนท้ังแขน ทาใหเ้ มอ่ื ยลา้ ปัจจุบันมีการใช้งานจอสัมผัสกันมากข้ึนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์เคลื่อนท่ี กล้องดิจิทัล พีดีเอ ผู้ใช้สามารถป้อนหมายเลขโทรศัพท์ เลือกเมนู หรือป้อนข้อความสั้นๆ ได้ ด้วยกันแตะไปยังท่ีรูปของคีย์บอร์ดบนหน้าจอสัมผัสโดยตรง ซึ่งการเลือกในจอสัมผัสอาจใช้นิ้วหรือสไตลัส (stylus) ซึง่ เป็นอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการเขียนบนจอสมั ผสั

เคร่ืองอ่านพกิ ัด เคร่ืองอ่านพิกัด (digitizer) หรืออาจเรียกว่าเป็นระนาบ กราฟิก (graphic tablet) เป็นอุปกรณ์ของ หน่วยรับเข้าที่มีส่วนประกอบ 2 ชิ้นได้แก่ กระดานแบบสี่เหลี่ยมท่ีมีเส้นแบ่งเป็นตาราง (grid) ของเส้นลวดท่ีไวต่อ การสัมผัสสูงและปากกาท่ีทาหน้าที่เป็นตัวช้ีตาแหน่งหรือวาดรูปบนกระดานข้างต้น คอมพิวเตอร์สามารถรับรู้ ตาแหนง่ ของกระดานที่มีการสัมผัสหรือการวาดเส้นและแสดงบนจอภาพได้ อุปกรณ์ชนดิ น้ีมกั ใชใ้ นการออกแบบงาน กราฟกิ ต่างๆตวั อย่างเครอ่ื งอา่ นพกิ ัดและปากกา สแกนเนอร์ สแกนเนอร์หรือเครื่องกราดตรวจ (Scanner) ทางานในลักษณะคล้ายกับเครือ่ งถ่ายเอกสารโดยสง่ แสง ไปทีเ่ อกสารเพ่ือให้ตวั รับแสงอ่านเอกสารให้อยู่ในรูปภาพดจิ ทิ ลั สแกนเนอร์สามารถรบั ข้อมูลท่ีเป็นภาพและข้อความ ท่อี ยบู่ นสง่ิ พมิ พไ์ ด้

เครือ่ งอา่ นบารโ์ คด้ เครื่องอ่านบาร์โค้ด (barcode reader) มีหลักการทางานคล้ายกับเครื่องสแกนเนอร์โดยทาการ ลงแสง เลเซอร์ไปยังบาร์โค้ด แล้วมีตัวอ่านการสะท้อนของแสง ดังกล่าวที่ตัวอุปกรณ์ จากนั้นจะแปลงค่าที่อ่านได้เป็นตัว เลขที่คอมพิวเตอร์จะนาไปประมวลผลต่อไป เครื่องอ่านบาร์โค้ดนิยมใช้ในการอ่านบาร์โค้ดหรือรหัสแท่งของสินค้า เพอ่ื คิดราคาตามร้านคา้ กลอ้ งดิจิทัล กล้องดิจิทัล (digital camera) เป็นอุปกรณ์ที่ถ่ายภาพลงส่ือบันทึกข้อมูล ในรูปของข้อมูลภาพดิจิทัล โดยไม่ต้องใช้ฟิล์มผู้ใช้สามารถตรวจสอบภาพที่จะถ่ายได้จากจอภาพขนาดเล็กท่ีด้านหลังของกล้อง และสามารถดู ภาพที่ถ่ายแล้วได้ทันทีเช่นกัน ข้อมูลท่ีเก็บเป็นข้อมูลแบบดิจิทัลโดยภาพแต่ละภาพ ประกอบด้วยจุด(pixel) เล็กๆ จานวนมาก ความละเอยี ดของภาพข้นึ อยู่กบั จานวนจดุ ดงั กลา่ ว กล้องดิจิทลั ในปัจจุบันมคี วามละเอียดของภาพอยู่ ระหว่าง 1 ล้านไปจนถึงมากกว่า 20 ล้านจุด ปัจจุบันกล้องดิจิทัล ไม่ได้ถูกจากัดให้อยู่ในรูปแบบของกล้องถ่ายภาพ แต่เพยี งอย่างเดียวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดอน่ื ได้มีการเพ่ิมเติมความสามารถในการถ่ายภาพได้เชน่ เดียวกบั กล้อง ดิจิทัลเข้าไปด้วย เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ และพีดีเอ เม่ือผู้ใช้ถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิทัล แล้วสามารถเลือกที่จะเก็บรปู ไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อตกแต่งภาพในภายหลงั หรือสามารถนาไปสั่งพิมพ์ลงบนกระดาษอัดภาพได้ในลกั ษณะเดียวกับ การใช้กล้องฟิล์มในอดีตทาให้เกิดความสะดวกมากยิ่งข้ึนและเป็นการลดความสิ้นเปลืองและลดระยะเวลาการรอท่ี จะไดเ้ หน็ ภาพเมื่อเทียบกับการใชก้ ลอ้ งฟลิ ์มด้วย

เกรด็ นา่ รู้ ความละเอยี ดของภาพที่ถ่ายด้วยกล้องดิจทิ ลั สามารถกาหนดได้แต่ต้องไมเ่ กินจานวนจุดของกล้องที่สามารถ ถ่ายได้ เช่น กล้องขนาด 2 ล้านจุด สามารถต้ังความละเอียดขนาด 1,600 x1,200 เท่ากับ 1,920,000 จุด โยภาพที่ จะได้มีขนาด 1,920,000 x 3 = 5,760,000 ไบต์ เน่ืองจากหน่ึงจุดมีค่าสี 3 สี แต่ละค่าใช้หน่วยความจา 1 ไบต์ ถ้า ภาพขนาด 3,504 x 2,336 จดุ จะมขี นาดเทา่ กับ 8,185,344 x 3 = 24,556,032 ไบต์ หรือประมาณ 24 เมกะไบต์ เว็บแคม (web cam ) เวบ็ แคม (web cam ) เปน็ กลอ้ งทใี่ ช้จับภาพน่งิ หรือภาพเคลื่อนไหวแล้วแสดงผลผ่านอินเทอร์เน็ตตัวกล้อง จะไม่มีซีพียู โดยปกติจะต่อกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์และใช้ ซอฟต์แวร์ พิเศษปัจจุบันเว็บแคมแทบจัดเป็นอุปกรณ์ มาตรฐานท่ีติดมากับคอมพิวเตอร์แบบ โน้ตบุ๊ก การใช้งานนิยมใช้ในการสนทนาในลักษณะท่ีต้องการเห็นภาพคู่ สนทนา เช่น การประชุมทางไกล และการเรียนทางไกล อย่างไรก็ตามเมื่อเว็บแคมเร่ิมเผยแพร่มากข้ึนได้ก่อให้เกิด ปัญหาใหม่ของสังคมตามมา คือ มีการเผยแพร่ภาพลามกอนาจารหรือภาพท่ีไม่เหมาะสมผ่านทางอินเทอร์เน็ตกัน มากข้ึนทั้งทีผ่ ูท้ อ่ี ยู่ในภาพเองจะต้ังใจหรือไมต่ ัง้ ใจผูใ้ ช้เว็บแคมทุกคนจงึ ควรตระหนักถึงผลกระทบท่เี กิดขึ้นจากการใช้ งานและเผยแพร่ข้อมูลทไี่ ด้จากเวบ็ แคมดว้ ย

ใบความรู้ท่ี 4 เรอื่ ง หนว่ ยประมวลผลกลางของคอมพวิ เตอร์ หน่วยประมวลผลกลาง ขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรมอาจจะมีซีพียูทางานร่วมกัน ซีพียูของพีซีมักจะอยู่ในชิป เพียงตัวเดียว ควบคุมการทางานท้ังหมดของคอมพิวเตอร์ บางครั้งเรียกซีพียูว่า ไมโครเซสเซอร์ (microprocessor) ความเร็วในการทางานของคอมพิวเตอร์ขึ้นอยู่กับความเร็วในการประมวลผลของซีพียูเป็นสาคัญ โดยความเร็วของ หน่วยประมวลผลกลางน้ันวดั เป็นจานวนรอบของเคร่ืองหรือจานวนของคาส่ังที่สามารถกระทาได้ในหนง่ึ วนิ าที ซพี ยี ู ในพีซี เช่น ชิปเพนเทียม ของบริษัทอินเทล สามารถทางานได้ถึง 3 พันล้านคาสั่งในหนึ่งวินาที หรือเรียกว่า เพ นเทียมมีความเร็ว 3 กิกะเฮิรตช์ น่ังเอง ในหน่วยประมวลผลกลางหน่ึงๆ มีองค์ประกอบหลัก คือ หน่วยควบคุม (control unit) และ หน่วยคานวณและตรรกะ (arithmetic logic unit) ซ่ึงทางานประสานกันดงั น้ี หน่วยควบคมุ หน่วยควบคุมทาหน้าที่ในการควบคุมลาดับการทางานภายในหน่วยประมวลผลกลางระหว่างท่ีทางานการ ประมวลผลหน่วยควบคุมจะแปลคาสั่งของแต่ละโปรแกรม และส่ังการส่วนต่างๆของคอมพิวเตอร์เพ่ือให้บรรลุผล ตามคาส่งั น้นั ๆ หนว่ ยคานวณและตรรกะ หนว่ ยคานวณและตรรกะทาหน้าทป่ี ระมวลผลทางคณิตศาสตร์และตรรกะกับข้อมลู ท่ีเก็บอยู่ในลักษณะของ สญั ญาณดจิ ทิ ลั เชน่ การบวก ลบ คูณ หาร และเปรยี บเทียบขอ้ มลู

เกรด็ น่ารู้ หน่วยวดั ความจุของหน่วยความจา หน่วย ขนาด ไบต์ (byte : B) 8 บิต กิโลไบต์ 1,024 ไบต์ (kB : kilobyte) 1,024 x 1,024 = 1,048,576 ไบต์ เมกะไบต์ (MB : megabyte) 1,024 x 1,024 x 1,024 = 1,073,741,824 ไบต์ กกิ ะไบต์ 1,024 x 1,024 x 1,024 x 1,024 = 1,099,511,627,776 ไบต์ (GB : gigabyte) 1,024 x 1,024 x 1,024 x 1,024 x 1,024 = 1,125,899,906,842,624 ไบต์ เทระไบต์ (TB : terabyte) เพตะไบต์ (PB : petabyte)

ใบความร้ทู ี่ 5 เรือ่ ง หน่วยความจาหลกั ของคอมพวิ เตอร์ หน่วยความจา (memory unit) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทาหน้าที่เก็บข้อมูลและโปรแกรมคาสั่งเพ่ือรอ การประมวลผลโดยซีพียู ซ่ึงข้อมูลและโปรแกรมคาสั่งเหล่าน้ีได้ถูกนาเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านทาง อุปกรณ์ของหน่วยรับเข้าที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว หน่วยความจาแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ หน่วยความจาท่ีไม่สามารถ ลบเลือนได้ (non-volatile memory) และหน่วยความจาทีส่ ามารถลบเลือนได้ (volatile memory) 1. หน่วยความจาทีส่ ามารถลบเลือนได้ เป็นหน่วยความจาท่ีไม่สามารถเก็บข้อมูลไว้ได้เมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยง แรม เป็นหน่วยความจาที่ สามารถลบเลือนได้ เพราะหากไมม่ กี ระแสไฟฟา้ หล่อเลี้ยง ขอ้ มลู และโปรแกรมคาสงั่ ที่อยใู่ นแรมจะสูญหายไป ดงั นนั้ แรมจึงทาหน้าทเี่ ป็นหน่วยความจาท่เี ก็บขอ้ มลู สาหรบั ใช้งานทว่ั ไปในขณะที่คอมพวิ เตอร์เปิดทางานเทา่ น้ัน แผงวงจร ของแรมแบบตา่ งๆ 2. หนว่ ยความจาทไี่ ม่สามารถลบเลือนได้ คือ หน่วยความจาท่ีสามารถเก็บข้อมูลไว้ได้แม้ว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเล้ียง รอม (Rrad-Only memory : ROM) เป็นหน่วยความจาที่ไม่สามารถลบเลือนได้ ข้อมูลท่ีเก็บในรอมไม่สามารถถูกแก้ไขหรือ เปลี่ยนแปลงได้ที่เรียกว่า ไบออส (Basic Input/Output System : BIOS) ดังน้ันบริษัทผู้ผลิตไบออส จึงต้องบรรจุ ข้อมูลหรือโปรแกรมลงไว้ในรอมต้ังแต่กระบวนการผลิต หน้าท่ีของรอม คือเก็บโปรแกรมสาคัญท่ีใช้ในการเร่ิมต้น การทางานของเคร่อื งคอมพวิ เตอรซ์ ่ึงจะไมม่ ีการแก้ไขตลอดอายกุ ารใช้งานของเครื่องคอมพวิ เตอร์

เกรด็ นา่ รู้ ตัวอย่างหน่วยความจาทีไ่ ม่สามารถลบเลือนได้ นอกจากรอมจะเป็นหน่วยความจาทไี่ มส่ ามารถลบเลอื นได้ โดยไมส่ ามารถแกไ้ ขหรอื เปลยี่ นแปลงข้อมูล ในรอม แต่ก็มีผู้พัฒนาหน่วยความจาที่ไม่สามารถลบเลอื นได้ ท่ีสามารถลบหรือเขียนข้อมูลลงไปใหม่ได้ การลบหรือ เขยี นข้อมลู นต้ี ้องทาดว้ ยกรรมวิธพี เิ ศษ ตวั อยา่ งหนว่ ยความจาท่ไี มส่ ามารถลบเลือนได้ ดงั นี้ พร็อม (Programmable Read-Only Memory:PROV) เปน็ หน่วยความจาท่ีสามารถบนั ทกึ ด้วยเครอื่ งบนั ทึกพิเศษได้หน่ึงครง้ั และไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ อีพร็อม (Erasable PROM: EPROM) เป็นหน่วยความจาที่สามารถบันทึกโดยใช้ เคร่ืองมือพิเศษและสามารถลบข้อมูลโดยใช้แสง อัลตราไวโอเลต อีอีพร็อม (Electrically Erassble PROM:EEROM) เปน็ หนว่ ยความจาท่ผี ใู้ ช้สามารถลบข้อมลู ไดโ้ ดยอาศัยการกระตุ้นดว้ ยแรงดนั ไฟฟา้ สูงกวา่ ปกติจนทา ให้ข้อมูลทอ่ี ยูภ่ ายในสญู หายไป และสามารถบนั ทกึ คาสงั่ หรือโปรแกรมใหม่ได้

ใบความรูท้ ่ี 6 เรือ่ ง หน่วยแสดงผลของคอมพวิ เตอร์ ข้อมูลส่งออก คือ ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของคอมคอมพิวเตอร์ ซ่ึงอาจอยู่ในรูปของ อักขระ ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหว ซึ่งคอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ผ่านอุปกรณ์ของหน่วย ส่งออก (output) เช่น จอภาพ เครอ่ื งพมิ พ์ และลาโพง จอภาพ จอภาพ (monitor) เป็นอุปกรณ์ของหน่วยส่งออก ซ่ึงใช้แสดงข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักขระ และภาพเคล่ือนไหว จอภาพในปัจจุบันแสดงภาพด้วยจานวนสีที่สูงมาก ทาให้ได้ภาพที่สวยงามใกล้เคียงกับสีของ ภาพจริง ในอุปกรณ์ขนาดเล็กบางชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นพื้นฐาน อาจใช้จอภาพขนาดเล็กท่ีเป็นจอขาว- ดา เนอื่ งจากราคาถกู กว่าและประหยัดพลงั งานมากกวา่ จอสี จอภาพซอี ารท์ ี จอภาพแบบซีอาร์ที (Cathode Ray Tube : CRT) ใช้เทคโนโลยีของหลอดรังสีอิเล็กตรอน เช่นเดียว กับจอโทรทศั น์ในการทาให้เกดิ ภาพ ซง่ึ ปัจจบุ ันเริ่มลดความนิยมลงแลว้ จอภาพแบบซีอาร์ทีทางานโดยการยิงแสงอิเล็กตรอนไปยังผิวด้านในของจอภาพซ่ึงฉาบด้วยสาร ฟอสฟอรัส ทาให้ตาแหน่งที่อิเล็กตรอนว่ิงมาชนเกิดแสงสว่างข้ึนและเห็นเป็นภาพ จุดภาพแต่ละจุดประกอบด้วย สี 3 สี คือ แดง เขียว และน้าเงิน จอภาพแบบน้ีมีขนาดตั้งแต่ 14,15,17,19 และ 20 โดยขนาดของจอจะวัดในแนว เสน้ ทแยงมุมของจอภาพ

จอภาพแอลซดี ี จอภาพแอลซีดี (Liquid Crystal Display : LCD) เป็นจอภาพท่ีมีแนวโน้มการใช้งานมากข้ึนเน่ืองจาก มีขนาดท่ีเล็กและบาง น้าหนักเบาและกินไฟน้อยกว่าจอแบบซีอาร์ที เป็นเทคโนโลยีท่ีถูกพัฒนามาเพ่ือใช้กับนาฬิกา และเครื่องคิดเลข ใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลวเพื่อปิดก้ันแสงเม่ือมีสนามไฟฟ้าเหน่ียวนา ใช้ กาลังไฟฟ้าต่าเหมาะกับอุปกรณ์แสดงผลที่ใช้กับแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ปัจจุบันจอภาพแบบน้ีมีให้ใช้กันแพร่หลายใน พซี ี เน่ืองจากราคาถูกลงมีหลายขนาด เชน่ เดยี วกับจอแบบ ซอี ารท์ ี ขนาดของจอภาพแบบแอลซีดจี ะไม่มพี ้ืนท่ีการ มองเห็น (viewable area) ท่ีใหญ่กว่าจอแบบซีอาร์ที ท่ีขนาดเท่ากัน ความคมชัดของจอภาพขึ้นกับระยะห่างเก็บ ภาพ (dot pitch) สาหรับคุณภาพของจอภาพ ถ้าจุดบนจอภาพอยู่ชิดกันมาก ภาพที่ได้จะยิ่งคมชัด และแสดง รายละเอียดขนาดเล็กได้ดีขึ้น ค่าระยะห่างของจุดบนจอภาพ ควรที่จะน้อยกว่า 0.30 มิลลิเมตร คุณสมบัติของ จอภาพท่ีสาคัญอันหนึ่งคือความละเอียดของการแสดงผล(resolution) หมายถึงจานวนจุดภาพท้ังหมดท่ีแสดงบน จอภาพในแนวตั้งหรอื แนวนอน จอพลาสมา จอพลาสมา (Plasma monitor) เปน็ จอภาพท่ีมเี ทคโนโลยที ใี่ ห้มุมมองจอภาพท่ีกวา้ ง ถงึ 160 องศา มีความสว่างและคมชัดมากกวา่ จอแอลซดี ี สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวเรว็ ๆ ได้ดี จงึ เหมาะสม กับการใช้รบั ชมภาพยนตรแ์ ละกีฬาเปน็ อย่างมาก

มาตรฐานความ จานวนจดุ ท่แี สดงใน จานวนจุดท่ีแสดงใน ความละเอียด จานวนจุด ละเอียด แนวนอน แนวตงั้ ของการแสดงผล VGA 640 480 640 x 480 307,200 SVGA 800 600 800 x 600 480,000 XGA 1,024 768 1,024 x 768 786,432 SXGA 1,280 1,024 1,280 x 1,024 1,310,720 ตวั อยา่ งมาตรฐานความละเอยี ดของจอภาพแบบซีอารท์ ี ขนาดของ จานวนจุดท่ีแสดงใน จานวนจุดทีแ่ สดงใน ความละเอียด จานวนจุด จอภาพ (น้ิว) แนวนอน แนวต้ัง ของการแสดงผล 19 1,440 900 1,440 x 900 1,296,000 22 1,680 1,050 1680 x 1,050 1,764,000 ตัวอยา่ งมาตรฐานความละเอียดของจอภาพแบบแอลซดี ี เกรด็ ความรู้ จอแสดงผลแบบบิดโค้งได้ อีกไม่นานเราคงจะได้เห็นหน้าปกนิตยสารที่มีภาพเคลื่อนไหวได้เหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์แนว วิทยาศาสตร์ ขณะนี้หลายบริษัทกาลังพัฒนาอุปกรณ์แสดงผลแบบใหม่ท่ีเรียกว่า โอแอลอีดี (Organic Light- Emitting Diode: OLED) ซึ่งใช้โมเลกุลของสารอินทรีย์เป็นแหล่งกาเนิดของแสงสีต่างๆ ทาให้ได้จอภาพที่บางมาก เพียง 0.01 น้ิว ที่สาคญั คอื สามารถบิดโคง้ งอได้

เครื่องพมิ พ์ เครื่องพิมพ์ (printer) เป็นอุปกรณ์ของหน่วยส่งออกที่ใช้ในการแสดงผลจากคอมพิวเตอร์ลงบน กระดาษหรือสอื่ ส่งิ พมิ พ์ที่ผู้ใชส้ ามารถนาไปใชง้ านต่อได้ซ่ึงโดยท่ัวไปจะพิมพล์ งบนกระดาษ 1. เคร่ืองพิมพ์แบบจุด เคร่ืองพิมพ์แบบจุด ( dot matrix printer) มีหัวพิมพ์เป็นเข็มขนาดเล็กหลายเข็มเมื่อต้องการพิมพ์ ตัวอักษรใด เคร่ืองพิมพ์จะส่ังให้หัวเข็มบางหัวทาการกระแทกลงบนผ้าหมึกเพื่อให้ปรากฏเป็นรปู ของตัวอักษรที่เกดิ จากจดุ เรียงต่อกนั หัวเข็มขดั จะมี 9 หรอื 24 หัว การพมิ พจ์ ะพมิ พ์ทีละหนง่ึ ตวั อักษร ทลี ะบรรทดั จากด้านซ้ายไปยัง ดา้ นขวาของกระดาษ แมว้ ่าเครื่องพิมพ์แบบจุดจะมีข้อจากัดในด้านการพมิ พ์กราฟิก และเสียงดังจากการทางาน แต่ปัจจุบัน เคร่ืองพิมพ์แบบน้กี ็ยังเปน็ ท่ีนิยมใช้กันในงานเฉพาะ เช่น งานพิมพ์เอกสารทางการเงนิ ทตี่ ้องการสาเนาหลายชุด เป็น ตน้

2. เครอื่ งพิมพ์แบบเลเซอร์ เครอ่ื งพมิ พ์แบบเลเซอร์ (laser printer) เป็นเครอื่ งพมิ พ์ทใี่ ช้วิธีการทางแสงทาใหผ้ งหมกึ ไปติดกระดาษ ท่ีต้องการพิมพ์มีความเร็วในการพิมพ์สูง สามารถพิมพ์ได้เร็วกว่า 10 แผ่นต่อนาที (page per minute : ppm) สามารถพิมพ์ตัวอักษร และภาพกราฟิกท่ีมีความคมชัดสูง โดยมีความละเอียดในการพิมพ์สูงกว่า 600 จุดต่อน้ิว (dot per inch : dpi) มีท้ังแบบที่พิมพ์เอกสารขาวดา และแบบสี เคร่ืองพิมพ์ชนิดนี้ไม่สามารถพิมพ์สาเนาได้ เหมือนกบั เครื่องพิมพ์แบบจดุ เคร่อื งพิมพ์เลเซอร์นิยมใช้ในงานพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพสงู เกร็ดความรู้ เครื่องพมิ พแ์ บบเลเซอรท์ าให้ผงหมึกตดิ บนกระดาษไดอ้ ยา่ งไร เครือ่ งพิมพ์เลเซอร์ใชว้ ธิ ีฉายภาพของเอกสารด้วยแสงเลเซอร์ไปบนอุปกรณ์ท่ีเรียกว่า ดรมั (drum) ทา ใหพ้ น้ื ทท่ี ี่จะพิมพ์มปี ระจุไฟฟา้ เปลยี่ นไปแล้วดรมั จะหมุนไปดูดซับผงหมึกเขา้ มาติดในบรเิ วณท่ีมีประจุ จากนน้ั จะอัด ผงหมกึ เข้ากับกระดาษโดยใชค้ วามร้อนทาให้ ผงหมกึ ไมต่ ดิ กระดาษ

เกร็ดความรู้ อนั ตรายจากเคร่ืองพิมพแ์ บบเลเซอร์ เน่อื งจากเครื่องพิมพ์แบบเลเซอรใ์ หผ้ งหมึกในการพิมพ์เอกสาร จงึ ได้มผี ศู้ ึกษาถงึ ปริมาณและอันตราย ของฝุ่นผงหมึกท่ีหลุดออกมาขณะท่ีเคร่ืองพิมพ์ทางานโดยเกรงกันว่าฝุ่นผงหมึกเหล่านี้อาจมีผลเสียต่อการทางาน อวัยวะในระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอด และอาจเป็นสารก่อมะเร็ง แม้ว่าผลเสียเหล่าน้ีจะยังไม่ได้รับการยืนยัน อย่างแน่นอน ผู้ใช้เคร่ืองพิมพ์แบบเลเซอร์ก็สามารถป้องกันผลเสียที่อาจจะมีได้การติดต้ังเครื่องพิมพ์ไว้ในบริเวณที่ อากาศถา่ ยเทสะดวก เกร็ดความรู้ การนากล่องผงหมึกกลบั มาใชใ้ หม่ กล่องผงหมึกทามาจากวัสดุโลหะและพลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ รวมท้ังผงหมึกเป็น สารเคมีที่ก่อมลพิษให้กับส่ิงแวดล้อมถ้าหากมีการทิ้งขยะตามกระบวนการปกติ ดังนั้นเราจึงควรนากลอ่ งผงหมึกเก่า เพ่ือนากลับมาใช้ใหม่อย่แู ล้ว เมอ่ื ต้องการเปล่ียนกล่องผงหมึกจึงควรติดต่อบริษัทผ้ผู ลติ เพ่ือขอคืนกล่องผงหมึก เปน็ การร่วมกันรกั ษาส่ิงแวดลอ้ มทดี่ ที างหนึ่ง 3. เครอ่ื งพิมพ์แบบพน่ หมกึ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (inkjet printer) ใช้การพ่นหมึกหยดเล็กๆ ลงไปบนผิวที่ต้องการพิมพ์ ซึ่งไม่ จาเป็นต้องเป็นกระดาษ อาจจะเป็นพ้ืนผิวพลาสติก บนแผ่นซีดี หรือแม้กระทั่งเส้ือยืด และสามารถพิมพ์ได้ทั้งสีและ ขาวดา เครอ่ื งพมิ พ์แบบพน่ หมึกมรี าคาไม่สูงนักเม่ือเทยี บกับเคร่ืองพิมพ์แบบอื่น จงึ นิยมใช้กนั ไปทวั่ ไปตามบา้ นเรือน หรือสานักงานขนาดเล็ก เทคโนโลยีที่ดีขึ้นมากในปัจจุบันสามารถทาให้หยดหมึกมีขนาดเล็กลงจึงทาให้เครื่องพิมพ์ ชนิดน้ีมีความละเอียดในการพิมพ์สูงมากจนเทียบเท่า หรืออาจจะดีกว่าเคร่ืองพิมพ์แบบเลเซอร์บางรุ่น ข้อเสียของ เคร่ืองพิมพ์แบบพ่นหมึก คือ กล่องน้าหมึก(ink cartridge) มีขนาดเล็กและรองรับการพิมพ์ได้ไม่มาก กล่องน้าหมึก โดยทั่วไปจะรองรับการพมิ พเ์ อกสารไดป้ ระมาณ 500 แผ่น ทาให้ต้องเปลย่ี นบ่อยๆ

เกรด็ ความรู้ เครื่องพมิ พค์ วามร้อน เคร่ืองพิมพ์ที่พบเห็นในการพิมพ์สลิปจากเคร่ืองเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต คือ เคร่ืองพิมพ์ความร้อน (thermal printer) ใชเ้ ข็มความร้อน (heated pin) เลก็ ๆ กดลงไปบนกระดาษที่ไวต่อความร้อน เพอ่ื ทาใหก้ ระดาษ เปล่ียนเป็นสีดา เครื่องพิมพ์ความร้อนประเภทนี้มีราคาถูกแต่คุณภาพต่า และพิมพ์ได้แต่ขาวดา จึงนิยมใช้กันใน เครื่องพิมพ์สลิปบัตรเครดิต เคร่ืองพิมพ์ความร้อนที่มีคุณภาพสูงข้ึนมาอาจใช้เทคนิคที่เรียกว่า การถ่ายเทข้ีผ้ึงความ ร้อน (thermal wax - transfer) เป็นการทาให้ข้ีผ้ึงสีที่ร้อนไปย้อมติดอยู่บนกระดาษแต่ก็ให้คุณภาพของงานพิมพ์สี ท่ีไม่ดีนัก เครื่องพิมพ์ความร้อนท่ีให้คุณภาพงานพิมพ์สีดีท่ีสุดคือเครื่องท่ีใช้เทคนิคการระเหิดสีย้อม ( dye- sublimation) โดยการทาให้สีย้อมระเหิดกลายเป็นไอไปติดอยู่บนพ้ืนผิวของกระดาษท่ีเคลือบสารพิเศษไว้ ทาให้ได้ คุณภาพสที ีด่ ีระดบั มืออาชีพแตร่ าคาสงู มาก ลาโพง (Speaker) เป็นอุปกรณ์ท่ีแสดงผลลัพธ์รูปแบบเสียง ซ่ึงส่วนใหญ่จะให้มาพร้อมกับเครื่อง คอมพวิ เตอร์ ลาโพงมี 2 ชนดิ ดังน้ี 1. ลาโพงแบบขยายเสียงในตวั จะมีปุ่มสาหรับปรับเสียง ได้แก่ volume สาหรับปรับความดังของเสียง ปุ่ม base สาหรับ ปรับระดับความดังเสียงทุ้ม ( เสียงทุ้ม (bass) เสียงที่มีระดับต่า ซึ่งเป็นเสียงท่ีมีความถี่หรือคล่ืนเสียงน้อย) และ ปุ่ม treble สาหรับปรบั ระดบั ความดังเสียงแหลม ( เสียงแหลม (treble) เสยี งทีม่ รี ะดับสงู ซงึ่ เปน็ เสียงที่มีความถ่ี หรือคลน่ื เสียงมาก)

2. ลาโพงแบบไม่มีวงจรขยายเสยี ง จะมีกรวยของลาโพงที่ใช้ภายในตัวลาโพง (speaker) ขนาดเล็กประมาณ 2 น้ิว ลาโพงชนิดน้ี จะต้องใช้ การ์ดเสียง ( การ์ดเสียง (sound card) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทาหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลท่ีเก็บ รายละเอียดเก่ียวกับเสียงต่างๆ โดยการแปลงเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งสัญญาณไปยังลาโพงของ คอมพิวเตอร์ โดยทวั่ ไปการ์ดเสยี งจะชว่ ยปรับปรุงคุณภาพเสียงท่ีคอมพิวเตอร์สร้างข้ึน) ทม่ี วี งจรขยายเสียงสาหรับ ขยายเสยี งออกลาโพง

ใบความรู้ที่ 7 เรือ่ ง หนว่ ยความจารองของคอมพิวเตอร์ หน่วยเก็บข้อมูล (storage unit) ทาหน้าที่เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมไว้เพื่อใช้งานในอนาคต เน่ืองจากข้อมูล ทค่ี อมพิวเตอร์ทางานจะอยู่ในแรมหรือหนว่ ยความจาทีล่ บเลือนได้ ซ่ึงเม่ือปดิ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ข้อมลู จะสูญหายไป หมด เม่ือต้องการใช้ข้อมูลหรือโปรแกรมเดิมอีกคร้ัง ซีพียูก็จะอ่านข้อมูลจากหน่วยเก็บข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจาที่ สามารถลบเลือนได้เพ่ือประมวลผลได้อีก หน่วยเกบ็ ข้อมลู มหี ลายประเภท เช่น แผน่ บนั ทกึ ฮารด์ ดสิ ก์ แผน่ ซีดี แผ่น ดีวีดี และหน่วยความจาแบบแฟลช ฮารด์ ดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลท่ีประกอบด้วยแผ่นบันทึกแบบแข็งเคลือบด้วยสาร แม่เหล็กท่ีผิวทั้งสองด้านจานวนหลายแผ่นเรียงซอ้ นกัน มีหัวอ่านหน่ึงหัวต่อหนึ่งดา้ นของแผน่ บนั ทึกข้อมูล ซ่ึงยึดติด อยู่บนแขนท่ีเล่ือนเข้าออกได้ตั้งแต่ด้านนอกจนถึงด้านในสุดของแผ่นอุปกรณ์ ทั้งหมดนี้จะถูกบรรจุอยู่ในกล่องที่ปิด สนิทเพือ่ ป้องกันฝุ่นและการกระทบกระเทือน ฮาร์ดดิสก์ในปัจจบุ ันมีขนาดเล็กลงอย่างมาก ตวั อย่าง เชน่ ฮาร์ดดิสก์ รุ่นที่ออกแบบให้ใช้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมีขนาดเพียง 1.8 หรือ 2.5 นิ้ว อีกทั้งยังมีความจุสูงมากเกือบเทียบเท่า ฮาร์ดดิสกท์ ่ีมขี นาด 3.5 นิ้ว สาหรบั คอมพิวเตอร์พีซีแบบตั้งโตะ๊ โดยมคี วามจสุ ูงมากกว่า 500 กิกะไบต์ ดงั นัน้ จึงนิยม นาฮารด์ ดสิ ก์ขนาดเล็กดังกล่าวมาใชเ้ ปน็ อปุ กรณส์ ารองขอ้ มลู แบบพกพา เกรด็ ความรู้ การดูแลรกั ษาฮารด์ ดิสก์แบบพกพา เนอ่ื งจากฮาร์ดดิสก์แบบพกพาเป็นอปุ กรณ์ท่ลี ะเอียดอ่อนและบอบบาง เมอื่ นามาใช้เป็นฮารด์ ดิสก์แบบ พกพา จึงมีความเส่ียงสูงที่จะเสียหายได้ง่าย การใช้งานจึงระมัดระวงั ไม่ให้ฮาร์ดดิสก์ตกกระแทรกกับพ้ืน ควรวางใน พื้นท่ีที่ม่ันคงแข็งแรง และสาคัญท่ีสุด คือ ควรสารองข้อมูลสาคัญไว้เสมอเพราะนอกจากฮาร์ดดิสก์แบบพกพานี้จะ หายไดง้ า่ ยแล้ว ลกั ษณะการใช้งานทแี่ ลกเปล่ียนกันใช้บ่อยคร้ังหรือมกี ารพกพาไปท่ีต่างๆ ก็อาจเปน็ เหตุให้ฮาร์ดดิสก์ แบบนี้สญู หายได้งา่ ย เชน่ กนั

ออปติคัลดิสก์ ออปติคัลดิสก์ (optical disk) เป็นหน่วยความจารองที่ใช้เทคโนโลยีแสงเลเซอร์ในการบันทึก ข้อมลู ทาให้สามารถเกบ็ ข้อมูลได้จานวนมากกวา่ ฮาร์ดดสิ กธ์ รรมดา แผ่นซดี ี แผ่นซีดี (Compact Disc : CD) เป็นแผ่นพลาสติกท่ีเคลือบด้วยสารสะท้อนแสงมีเส้นผ่านเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 5 น้ิว การอา่ นและเขียนข้อมลู จะใช้ลาแสงเลเซอร์ส่องและสะท้อนกลับ ขอ้ เดน่ ของแผน่ ซดี ี คอื ราคาถูก จุข้อมูลได้มาก คงทน และมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน สามารถเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมได้มากถึง 750 เม กะไบต์ต่อแผ่น แผ่นซดี ีมหี ลายประเภทโดยแบ่งตามชนดิ การเขยี นและอ่าน ดงั น้ี 1. ซดี ีรอม (Compact Dise – Read Only Memory : CD-ROM) สามารถบันทกึ ขอ้ มูลไดค้ ร้ังเดยี วโดยถกู บนั ทึกมาจากโรงงาน

2. ซดี ีอาร์ (Compact Disc – Recordable) สามารถบันทึกโดยใช้เคร่ืองขับแผ่นซีดีอาร์ หรือซีดีอาร์ไดร์ฟ ที่สามารถใช้บันทึกข้อมูลได้ ข้อมูลท่ี บันทึกไปแลว้ ไม่สามารถลบหรือบันทกึ ทบั ได้ แตห่ ากมเี นือ้ ท่เี หลอื อย่กู ส็ ามารถบันทกึ ขอ้ มลู อืน่ ลงในเน้ือทวี่ า่ งได้ 3. ซดี ีอาร์ดับเบลิ ยู (Compact Disc – Rewritable: CD-RW) สามารถลบและบนั ทกึ ซ้าได้หลายครั้ง ซีดีอารด์ บั เบลิ ยู แผ่นดวี ดี ี แผ่นดวี ดี ี (Digital Versatile Disc: DVD) ไดถ้ ูกพฒั นาต่อเน่ืองจากแผ่นซีดี ทาใหม้ คี วามจุของข้อมูล สูงกว่าแผ่นซีดีมาก สาหรับแผ่นดีวีดีที่ผลิตมาจากโรงงาน จะสามารถอ่านได้เพียงอย่างเดียว เรียกว่า ดีวีดีรอม (DVD-ROM) มีความจสุ ูงถงึ 4.7 กิกะไบต์ และ 8.5 กิกะไบต์ โดยดีวดี ีขนาด 4.7 กกิ ะไบต์ มีการบันทึกขอ้ มลู แบบ หน่ึงชั้น และขนาด 8.5 กิกะไบต์ มีการบันทึกข้อมูลแบบสองช้ันในแผ่นเดียวกัน ซึ่งในท้องตลาด เรียก ดีวีดี ท่ีมีการ บันทึกแบบหนึ่งชั้นว่า ดีวีดี 5 และแบบสองชั้น เรียกว่า ดีวีดี 9 และเช่นเดียวกับแผ่นซีดี แผ่นดีวีดีก็ได้พัฒนาให้ ผู้ใช้งานสามารถเขียนหรือบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นดีวีดีได้ด้วยตนเอง โดยแผ่นดีวีดีที่บันทึกได้เพียงคร้ังเดียว จะ เรียกว่า ดีวีดีอาร์ (DVD-recordable: DVD-R) และแผ่นดีวีดีที่ลบและบันทึกซ้าได้หลายคร้ัง จะเรียกว่า ดีวีดีอาร์ ดับเบลิ ยู (DVD-rewritable: DVD-RW) ซงึ่ แผ่นดีวดี ีท่บี ันทึกไดเ้ หลา่ นมี้ ีดว้ ยสองมาตรฐาน คือบวกและลบ (+ และ-)

โดยมีชื่อเรียกว่า DVD-R, DVD-RW, DVD+R และ DVD+RW ในปัจจุบันเครื่องบันทึกแผ่นดีวดี ีท่ีสามารถรองรบั การ บนั ทกึ และอา่ นแผ่นดวี ีดีได้ท้ังสองมาตรฐานมีใช้กนั แพร่หลายแล้ว ผูใ้ ชจ้ งึ ไม่ตอ้ งกังวลกับมาตรฐานท่ีแตกต่างกันของ แผ่นดีวีดี แต่ถ้าต้องการนาแผ่นดีวีดีไปใช้งานกับเคร่ืองอ่านรุ่นเก่า ผู้ใช้งานยังคงต้องตรวจสอบว่าเครื่องอ่านของ ตนเองรองรับมาตรฐานของแผ่นแบบใด นอกจากแผ่นซีดีและแผ่นดีวีดีที่เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบันแล้ว ได้มีการ พัฒนามาตรฐานใหม่ของแผ่นบันทึกข้อมูลแบบพลาสติกขึ้นมาอีก ที่เรียกว่า แผ่นบลูเรย์ (Blu-ray Disc-ROM: BD- ROM) สามารถบันทกึ ข้อมลู ทั้งสองชน้ั รวมกนั แลว้ ได้สงู ถงึ แผน่ ละ 50 กกิ ะไบต์ ซง่ึ แผ่นบลูเรยใ์ นแบบบีดีอาร์อี (Blu- ray Disc Rewritable: BD-RE) ก็ไดถ้ ูกพัฒนาขึ้นมาใหส้ ามารถลบและบันทึกซ้าได้ เกรด็ ความรู้ การดแู ลรักษาแผ่นซีดีหรอื ดีวีดี พน้ื ผิวของแผ่นซีดีหรือแผ่นดีวีดีต้องสะอาดและปราศจากรอยขีดขว่ นเพื่อให้สามารถอ่านหรือบนั ทึกได้ อย่างไม่มีข้อผิดพลาด การหยิบจับแผ่นควรใช้นิ้วโป้งสอดเข้าไปท่ีรูตรงกลางแผ่น แล้วใช้นิ้วชี้จับที่สันขอบแผ่น ไม่ ควรหยิบแผ่นด้วยการหยิบลงไปที่พื้นผิวของแผ่น เพราะคราบเหง่ือจากนิ้วมือจะติดลงบนแผ่น ถ้าต้องทาความ สะอาดแผ่นซีดีหรือแผ่นดีวีดีให้ใช้ผ้านุ่มท่ีจะไม่ทาให้เกิดรอยชุบน้าหรือแอลกอฮอล์ หมาดๆเช็ดเป็นเส้นตรงจาก ศูนย์กลางออกมาที่ขอบแผน่ ไม่ควรถซู า้ ไปมา หน่วยความจาแบบแฟลช หน่วยความจาแบบแฟลช (flash memory) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่ทางานในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ท้ังหมด ไม่ต้องใช้แผ่นบันทึกข้อมูล เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีขนาดเล็ก ความจุสูง และราคาถูก ซ่ึงอาจ อยู่ในรูปของแผ่นหน่วยความจาแบบแฟลช (flash memory card) หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบแฟลชท่ีเช่ือมต่อ กบั คอมพวิ เตอรผ์ ่านยูเอสบี (USB flash drive) การเลือกใชข้ ึน้ อยู่กบั ลักษณะการนาไปใช้

แผน่ หนว่ ยความจาแบบแฟลช ถกู ออกแบบให้เป็นอปุ กรณ์บันทกึ ข้อมูลสาหรับอุปกรณ์เฉพาะอย่าง เชน่ กลอ้ งดจิ ิทลั โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ หรอื พีดีเอ ซึ่งแต่ละรุ่นจะกาหนดว่าต้องใช้งานกับแผ่นหน่วยความจาแบบแฟลชชนิดใดได้บ้าง แผ่นหน่วยความจาแบบ แฟลชนี้มีความจุแตกต่างกันต้ังแต่ความจุไม่มาก เช่น 64 เมกะไบต์ ไปจนถึงความจุสูงมาก เช่น 4,8 หรือ 16 กกิ ะไบต์ และกาลงั มีความพยายามพัฒนาให้มีความจุได้สงู เกิน 1 เทระไบต์ การใชแ้ ผ่นหนว่ ยความจาแบบแฟลชกับ คอมพิวเตอร์สามารถทาได้สองรูปแบบคือ เชื่อมต่ออุปกรณ์ท่ีใช้แผ่นหน่วยความจาแบบแฟลชกับเคร่ืองอ่านท่ี เชื่อมต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์โดยตรง แผ่นหน่วยความจาแบบแฟลช เช่น CompactFlash หรือ CF, Secure Digital หรือ SD, microSD, miniSD, xD Picture Card, และ Memory Stick อุปกรณบ์ ันทกึ ข้อมลู แบบแฟลชที่เช่ือมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านยเู อสบี หรือที่เรียกว่า แฮนดีไดร์ฟ (handy drive) หรือมีชื่อเรียกอ่ืน เช่น แฟลชไดร์ฟ (flash drive) ทรัมไดร์ฟ (thrum drive) เมมโมรสี ติก (memory stick) ซึง่ เป็นหน่วยความจาแบบแฟลชที่ออกแบบให้ สามารถเสียบต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ตยูเอสบีได้โดยตรง มีขนาดเล็กพกพาสะดวก มีความจุสูงกว่า 64 กิกะไบต์ และความจุยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเร่ือยๆ อุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบแฟลชนี้ทาให้การใช้งานแผ่นบันทึกข้อมูล ลดความนยิ มลงอย่างรวดเรว็ อกี ด้วย

ใบความร้ทู ี่ 8 เร่อื ง ปัจจัยในการเลือกซ้ืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบพนื้ ฐานของคอมพิวเตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เกิดจากการประกอบกันของอุปกรณ์ต่างๆมากมาย ทั้งในส่วนภายในเคร่ือง และ ในส่วนท่ีอยู่ภายนอกเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ซีพียู, แรม, การ์ดแสดงผล(การ์ดจอ), ฮาร์ดดิสก์, เมาส์, จอภาพ , คยี บ์ อรด์ ฯลฯ ซ่ึงในแต่ละสว่ นก็จะมหี น้าทแ่ี ละความสาคัญแตกตา่ งกันไป

สว่ นประกอบภายในเครอื่ ง สว่ นประกอบภายนอกเคร่ือง ซพี ียู (CPU) จอภาพ (Monitor) เมนบอรด์ (Mainboard) คีย์บอรด์ (Keyboard) หนว่ ยความจา (Memory) เมาส์ (Mouse) การด์ แสดงผล (Monitor Card) โมเด็ม (Modem) การด์ เสียง (Sound Card) ลาโพง (Speaker) ฟลอ็ ปปีด้ สิ ก์ไดรว์ (Floppy Disk Drive) เครอ่ื งพมิ พ์ (Printer) ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard Disk) ซีดีรอม (CD-ROM Drive) เคสและเพาเวอรซ์ ัพพลาย จอภาพ (Monitor) (Case and Power Supply) ซพี ียู ( CPU : Central Processing Unit ) ซพี ียู คือ ส่วนประกอบที่มคี วามสาคัญท่สี ุด เปรียบเสมอื นมันสมองของคอมพวิ เตอร์ เป็นส่วนทีท่ าหน้าท่ี ในประมวลผลข้อมูลและควบคุมการทางานของระบบ ความเร็วในการทางานของซีพียูจะมีหน่วยเป็นเมกะเฮิรตซ์ (MHz) เช่น 133 MHz , 166 MHz , 500 MHz , 600 MHz เป็นต้น ความเร็วในท่ีนี้ก็คือ ความเร็วของสัญญาณ นาฬิกาท่ีมีแหล่งกาเนิดมาจากส่วนท่ีเรียกว่า คล็อก (Clock) สัญญาณนาฬิกาน้ีจะทาให้ตัวซีพียูและระบบทั้งหมด สามารถทางานได้ สรุปได้ว่าความถ่ีของสัญญาณนาฬิกาน้ีเป็นตัวบอกถึงความเร็วในการทางานของระบบ ถ้าความเร็วของสัญญาณ นาฬิกาสงู ซพี ยี ูก็จะทางานไดเ้ รว็ เปรียบไดก้ ับรถที่มีแรงมา้ มากกวา่ ยอ่ มว่ิงไดเ้ ร็วกวา่ รถท่ีมแี รงม้าน้อยๆ

บริษทั ที่ผลติ ซพี ียูทีใ่ ช้อยใู่ นเครื่องคอมพวิ เตอร์มีอย่หู ลายบริษัท แตท่ ่มี ีขายอยใู่ นตลาดบา้ นเรามักจะมา จาก 3 คา่ ยหลัก ได้แก่ อินเทล เอเอ็มดี และไซริกซ์ อินเทล (Intel) คือ บริษัทเก่าแก่ท่ีเป็นผู้นาทางด้านเทคโนโลยีการผลิตซีพียู ซึ่งมีการพัฒนามาอย่าง ต่อเนือ่ งและยาวนานทสี่ ดุ เร่ิมตั้งแต่รนุ่ 8088, 80286, 80386, 80486, เพนเทยี ม (pentium), เพนเทียม เอ็มเอ็มเอ็กซ์ (pentium mmx), เพนเทียมโปร (pentium pro) จนกระท่ังล่าสุด คือ เพนเทียม ทรี (pentium 3) เอเอ็มดี (AMD) เป็นบริษัทคู่แข่งท่ีสาคัญของอินเทล ปัจจุบันซีพียูจากค่ายเอเอ็มดีมีประสิทธิภาพสูง มากจนเป็นที่ยอมรับของตลาดบ้านเราแล้ว และกาลังได้รับความนิยมเพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ ซีพียูจากเอเอ็มดี เช่น K5, K6, และวพี ยี รู ุ่นล่าสุด คอื K7 ไซริกซ์ (Cyrix) ปัจจบุ ันยงั ได้รับความนิยมน้อยอย่เู ม่อื เทยี บกับซีพียูจากเพนเทียมและ เอเอ็มดี แต่ก็เป็นซีพียูท่ีมีราคาถูกและมีคุณภาพใช้ได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการซีพียูราคาถูก ซีพยี ูจากไซริกซ์ เช่น 6X86, 6X86L,6X86ML อนิ เตอรเ์ ฟส (Interface) ของซีพยี ู อินเตอร์เฟสของซีพียู หมายถึง สล็อต (Slot) ท่ีใช้ในการติดตั้งหรือถอดซีพียูออกจากเมนบอร์ด มันเป็น อุปกรณ์ท่ีติดมากับตัวเมนบอร์ด ท้ังสล็อตมีอยู่หลายแบบ แต่ละแบบก็จะมีไว้สาหรับซีพียูที่มีอินเตอร์เฟสตรงกับมัน เทา้ นน้ั เราสามารถแบ่งซพี ียูได้ออกเปน็ 2 ชนิด คือ ซีพยี ทู ่มี ีลักษณะเป็นซิปกับซีพยี ูที่มีลักษณะเป็นการ์ดซ๊พียูแบบ ซปิ กจ็ ะติดตัง้ บนล็อกเกต็ ส่วนซีพียูแบบการด์ ก็จะตดิ บนสลอ็ ต นอกจากนี้ท้งั สล็อตและซ็อคเกต็ มีหลายชนดิ เนื่องจากมกี ารสรา้ งซีพียทู แ่ี ตกตา่ งกันออกไป เช่น · ซิปซีพยี ู AMD K6 มี 321 ขา ก็จะใช้กับ Socket 7 · ซิปซพี ยี ู Pentium Pro มขี า 387 ขา กจ็ ะใช้กับ Socket 8 · ซิปซพี ยี ู Cyrix M II มีขา 370 ขา กจ็ ะใช้กบั Socket 370 · การด์ ซพี ยี ู Pentium II ก็ต้องเลอื กเมนบอรด์ แบบ Slot I · การ์ดซพี ยี ู AMD K7 กต็ อ้ งเลือกเมนบอร์ดแบบ Slot A ดังนั้นการเลือกซื้อเมนบอร์ด เราต้องเลือกเมนบอร์ดที่มีสล็อตหรือซ็อคเกตชนิดเดียวกับซีพียูที่จะใช้ ถ้า หากเราซื้อเมนบอร์ดที่มีสล็อตหรือซ็อคเกตท่ีไม่รองรับกับซีพียู เราก็จะไม่สามารถติดตั้งซีพียูลงบนเมนบอร์ดได้ เลย เชน่ ถา้ เราซื้อซีพียู AMD K7 กับเมนบอร์ดแบบ Slot I เราจะติดตั้ง K7 ลงบนเมนบอร์ดนี้ไม่ได้เลย ดงั นัน้ เรา เราจะต้องเลือกซอื้ เมนบอร์ดท่ีมี Slot A สาหรับตดิ ต้ัง K7 เทา่ นั้น

ปัจจัยในการเลือกซื้อซพี ยี ู 1. เราจะต้องรู้ว่าจะนาคอมพิวเตอร์ไปใช้ทางานอะไร แล้วถึงจะมากาหนดว่าจะใช้ซีพียูชนิดใดความเร็ว เท่าไหร่ จึงจะเหมาะสมกับการประมวลผลของเรามากที่สุด ถ้าเราซื้อซีพียูประสิทธิภาพสูงมาใช้ แต่กลับนามาใช้ งานพนื้ ฐานธรรมดาท่ีไม่ได้มคี วามสามารถท่ีซีพยี เู หลา่ นน้ั ทาได้ ก็จะเปน็ การสิน้ เปลอื งโดยเปลา่ ประโยชน์ 2. ราคาต่อประสิทธิภาพก็เป็นส่ิงสาคัญ เพราะซีพียูย่ีห้อต่างกัน ความเร็วในหน่วยเมกกะเฮิรตซ์ไม่ เท่ากัน แตอ่ าจจะมปี ระสิทธิภาพเท่ากนั หรือใกลเ้ คียงกนั เนื่องจากซพี ียูแต่ละยี่หอ้ จะมโี ครงสร้างการทางานภายใน ซีพยี ูแตกตา่ งกนั ทาให้ความเร็วในการทางานแตกตา่ งกนั 3. ควรเลือกซีพียูที่มีหน่วยความจะแคชมากๆ เพราะสามารถลดปัญหาคอขวดอันเกิดจากความเร็วของ หน่วยความจาหลักตา่ กว่าความเรว็ ของแคชมากๆ เมนบอร์ด (Mainboard) คณุ สมบตั ทิ ส่ี าคัญของเมนบอร์ด สง่ิ ทส่ี าคญั ทสี่ ุดของเมนบอร์ด คือ เร่ืองของเสถียรภาพในการทางาน ถ้าเมนบอร์ดใดมีเสถียรภาพไม่ดี ก็จะทาให้เคร่ืองแฮงค์บ่อย โดยเฉพาะเมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แต่เมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ จะไม่ค่อยพบกับ ปัญหาเร่อื งเสถียรภาพน้ี เพราะได้พัฒนามาอยูใ่ นระดบั มาตรฐานใกลเ้ คยี งกัน ชปิ เซต็ ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของเมนบอร์ดและอุปกรณ์ต่างๆ ถือได้ว่าเป็นหัวใจสาคัญในการทางาน ของเมนบอร์ด ชิปเซต็ เปน็ ส่ิงทีบ่ ง่ บอกถึงประสทิ ธภิ าพของเมนบอรด์ แตล่ ะตวั การจัดวางตาแหนง่ ของอุปกรณ์ เมนบอรดที่ดีต้องทีการจัดวางอุปกรณ์แต่ละตัวให้สอดคล้องกับการทางานให้มากท่ีสุด เช่น การวาง แรมใกล้กบั ซพี ยี ู เพอื่ ลดระยะทางในการรับส่งข้อมลู ระหวา่ งซีพียูกับแรม การวาง Slot ตา่ งๆใหส้ ามารถใสก่ าร์ดได้ สะดวก เปน็ ต้น ชนดิ ของเมนบอร์ด เมนบอร์ดมี 2 แบบ คือ แบบ AT และแบบ ATX เมนบอร์ดแบบ ATX ได้พัฒนาในเร่ืองการจัดวาง อุปกรณ์ต่างๆบนเมนบอร์ดให้มีความเหมาะสมกับการทางาน และการวางซีพียูใกล้กับเพาเวอร์ซัพพลาย เพื่อช่วย ระบายความร้อนให้กับซีพียู และยังนาพอรต์ อนุกรมและพอร์ตขนานมาไวบ้ นเมนบอร์ดอีกดว้ ย ทาให้เมนบอร์ดรุ่น นไ้ี ดร้ ับความนิยมเป็นอยา่ งมาก และทาใหเ้ มนบอรด์ แบบ AT เกอื บหมดไปจากตลาด

ข้อดีของเมนบอรด์ แบบ ATX 1. ตาแหน่งของแรมอยใู่ กล้กับตาแหนง่ ของซีพยี ูมากขึน้ เพ่ือเพิม่ ประสทิ ธภิ าพในการทางาน 2. พอร์ตต่างๆไม่ว่าจะเป็นพอร์ตอนุกรม , พอร์ตขนาน , พอร์ต PS/2 สาหรับคีบอร์ดและ เมาส์ พอร์ต USB จะถูกติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ดเลย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน เพราะไม่ต้องใช้ สายสัญญาณตอ่ 3. การติดตั้งการ์ดและแรมก็ทาได้ง่ายขึ้น เพราะมีการวาง Slot สาหรับการ์ดในตาแหน่งท่ีไกลจาก ตาแหน่งของ Socket ของแรมมาก 4. สามารถใส่การด์ ทีม่ ีขนาดยาวได้ เพราะไมม่ อี ปุ กรณ์ใดๆ กีดขวาง 5. พอร์ตควบคุมฟล็อปป้ีดิสก์และฮาร์ดดิสก์อยู่ใกล้กับตาแหน่งของไดรว์ทาให้ติดตั้งได้ง่ายไม่ต้องลาก สายสัญญาณไปไกล 6. การะบายความรอ้ นดี เพราะตาแหน่งที่ตดิ ตัง้ ซีพยี จู ะอยใู่ กล้กบั พัดลมของเพาเวอร์ซัพพลาย ปจั จัยในการเลือกซอื้ เมนบอรด์ 1. ต้องซื้อเมนบอร์ดที่มีซ็อคเก็ตตรงกับชนิดของซีพียู เช่น ถ้าใช้ซีพียู K7 ก็ต้องซื้อเมนบอร์ดที่มีซ็อคเก็ต แบบSlot A หรือถ้าซือ้ ซพี ียู Pentium II กต็ ้องซือ้ เมนบอรด์ ทีม่ ซี ็อคเก็ตแบบ Slot I 2. ชิปเซ็ตทอี่ ยบู่ นเมนบอร์ดสนับสนนุ การทางานในเร่ืองใดบ้าง เพราะชิปเซ็ตจะเป็นตัววัดถึงประสทิ ธิภาพ ของเมนบอร์ด 3. เมนบอร์ดสามารถรองรบั แรมสูงสดุ ได้เทา่ ไหร่ 4. ในปจั จบุ นั การ์ดตา่ งๆมกั ทางานกับสล็อต PCI ดงั นน้ั ควรเลือกเมนบอรด์ ที่มสี ล็อต ISA นอ้ ยๆ 5. ควรเลือกเมนบอร์ดที่มีความเร็วบัสและตัวคูณหลายๆค่า เพื่อสะดวกในการอัพเกรด หรืออาจเลือก เมนบอร์ดที่ใช้ Soft Menu ซ่ึงสามารถเปลี่ยนความเร็วผ่านทางซอฟต์แวร์ แทนการปรับเปล่ียนจัมเปอร์หรือดิพ สวติ ซ์ ทาให้สะดวกในการอัพเกรด 6. ย่หี ้อของเมนบอรด์ ที่นา่ สนใจได้แก่ Asus, Aopen, ABIT, Gigabyte, Intel, Tyan, Matsonic เป็นตน้ หน่วยความจาแรม (RAM : Random Access Memory) แรม คือส่วนประกอบท่ีสาคัญที่จะขาดไม่ได้ในการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ แรมทาหน้าที่เก็บ ข้อมูลชั่วคราวเพ่ือรอส่งให้กับซีพียูทาการประมวลผลต่อไป แรมจะเก็บข้อมูลเหมือนกับฮาร์ดดิส แต่การทางาน ของแรมจะเร็วกว่าและไม่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถาวร แรมจะเก็บข้อมูลได้ในขณะเปิดเคร่ืองเท่านั้น เมื่อปิด เครื่องขอ้ มลู ก็จะหายไป

ปัจจัยในการเลอื กซื้อแรม 1. ควรเลือกแรมท่ีมีระยะเวลาในการเข้าถึงหนว่ ยความจาน้อย 2. ความเร็วในการทางานของแรม ฟล็อปปดี้ สิ ก์ไดรว์ (Floppy Disk Drive) ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ เป็นอุปกรณ์สาหรับอ่านและบันทึกข้อมูลลงแผ่นฟล็อปป้ีดิสก์หรือดิสก์เก็ต แผ่นดิสก์มี ขนาดเล็กเพียง 3.5 นิ้ว บรรจุข้อมูลได้ 1.44 เมกะไบต์ มีราคาถูก สะดวกในการเก็บข้อมูลหรือเคลื่อนย้ายไฟล์ ขนาดเล็กจากที่หน่ึงไปยังอีกท่ีหน่ึง อีกท้ังยังใช้ทาแผ่นบูต(Boot)เครื่องได้ ทาให้ฟล็อปปี้ดิสก์ยังคงเป็นสิ่งจาเป็น และได้รบั ความนิยมอยา่ งต่อเน่อื งและยาวนาน ฮารด์ ดิสก์ (Hard Disk) ฮารด์ ดสิ ก์ เป็นอปุ กรณ์ทีใ่ ช้ สาหรับเกบ็ ข้อมูลแบบถาวร เมื่อปดิ เครือ่ งขอ้ มูลก็ยงั คงอยู่ไมส่ ูญ หายไป ฮารด์ ดิสก์มีรูปแบบเปน็ การเชือ่ มต่อหรือเรยี กว่า การอนิ เตอรเ์ ฟสมีอยู่ 2 รปู แบบ คอื E-IDE และ SCSI โดยการอินเตอร์เฟสแบบ E-IDE ได้รบั การพัฒนาตอ่ จากฮาร์ดดิสกแ์ บบ IDE เน่อื งจากฮารด์ ดสิ ก์ แบบเดมิ น้ันมีขอ้ จากดั ในเร่ืองของความจุคือ มีความจเุ พียง 528 MB แต่ฮาร์ดดิสกแ์ บบ E-IDE สามรถจขุ ้อมูลไดม้ าก ถงึ ระดับกกิ ะไบตข์ ึน้ ไป สว่ นฮาร์ดดิสกแ์ บบ SCSI จะมีราคาแพงและมีการตดิ ตั้งทย่ี ุ่งยากมาก แตค่ วามเร็วในการ สง่ ถ่ายข้อมลู แบบ IDE ซึ่งจะเหมาะกับเคร่ืองในระดบั เซริ ์ฟเวอร์มากกว่า ปัจจยั ในการเลือกฮารด์ ดสิ ก์ 1. ขนาดความจจุ ะมากหรือน้อยข้นึ อยูก่ บั การใช้งาน แตท่ เ่ี ป็นมาตรฐานอยใู่ นขณะนีค้ ือ 4.3 กิกะไบต์ 2. ฮาร์ดดิสก์แบบ IDE ควรเลือกมาตรฐานการส่งผา่ นข้อมลู ชนดิ Ultra DMA/66 3. ความเร็วในการหมนุ แผน่ จานแมเ่ หลก็ หรือความเรว็ รอบ (RPM) มี 2 ระดบั ใหเ้ ลอื กคอื 5400, 7200 RMP 4. หนว่ ยความจาบัฟเฟอร์ (Buffer) มี 2 แบบ คอื 512K, 2MB 5. การรับประกัน (Warranty) ควรเลืกแบบท่ีมกี ารรับประกนั 3 ปี 6. ย่ีห้อของฮาร์ดดิสก์ ได้แก่ IBM, Maxtor, Quantum, Seagate, Westerm ซีดีรอมไดรว์ ( CD-ROM Drive ) ซีดีรอมไดรว์ ได้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันไปแล้ว เน่ืองจาก แผ่นซีดีรอมนั้นสามารถบันทึกข้อมูลได้ในปริมาณมากและมีราคาถูก ซีดีรอมไดรว์มีให้เลือกติดต้ังทั้งภายในและ ภายนอก สาหรับรูปแบบการเช่ือมตอ่ ก็จะมีท้ังแบบ IDE และแบบ SCSI เช่นเดียวกับฮารด์ ดสิ ก์ เคร่ืองซีดีรอมแบง่ ออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดอ่านอย่างเดียว คือ ซีดีรอม-ไดรว์ ท่ัวไปกับซีดีรอมไดรว์ ประเภทที่ทาได้ทั้งอ่านและ เขียนแผ่นซีดี ท่เี รยี กว่า ซดี ีอาร์ดับบลิว-ไดรว์ (CD-RW Drive)

ปจั จัยในการเลือกซื้อซีดรี อม 1. ความเรว็ สาหรับมาตรฐานในปจั จบุ นั ความเรว็ จะอยทู่ ี่ 48-50X มีหนว่ ยความจา 128-256 KB 2. ถา้ เลอื กไดรว์ชนิดดีวีดรี อม (DVD-ROM) ใหเ้ ลือกแบบทสี่ ามารถอา่ นแผน่ ซีดีอาร์ได้ดว้ ย 3. ซดี ีรอม ทนี่ ิยมใช้ ได้แก่ Aopen, Asus, CTX, LG, Philips, Pioneer, Sony เปน็ ตน้ เคสและเพาเวอร์ซพั พลาย (Case and Power Supply) เคส กค็ อื ส่วนของตวั ถังท่ีใช้ห่อห้มุ อุปกรณต์ ่างๆ ของคอมพิวเตอร์ เคสแบง่ ออกเป็นเคสแบบแนวนอน (Desktop) และแบบแนวต้ัง (Tower) เคสที่นิยมใช้กันมากท่ีสุดในปัจจุบัน คือเคสแบบ Tower เคสแบ่ง ออกเป็น 2 ชนิด คือ เคสแบบ AT และแบบ ATX โดยเคสแบบ AT จะใช้กับเมนบอร์ดแบบ AT ส่วนเคส แบบ ATX จะใชก้ บั เมนบอรด์ แบบ ATX เทา่ นั้น ลกั ษณะของเคสทีด่ ี 1. สามารถระบายความรอ้ นไดด้ ี 2. มีความแข็งแรง ทนทาน ไมบ่ างเกนิ ไป 3. ขอบของเคสไม่ต้องคม เพราะจะบาดมือเวลาถอดหรือประกอบ 4. สามารถป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกได้ 5. มพี น้ื ท่ขี นาดใหญพ่ อท่จี ะจัดการกับการ์ดบนเมนบอร์ดได้งา่ ย 6. ทาจากวสั ดุท่ไี มส่ ื่อนาไฟฟ้า 7. สามารถเปิดดา้ นข้างได้ เพอื่ ความสะดวกในการเพ่ืออุปกรณ์ เพาเวอร์ซัพพลาย คือ แหล่งจ่ายไฟสาหรับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีขนาดกาลังไฟอยู่ ระหวา่ ง 200-250 วตั ต์ แต่สาหรับการใช้งานในปัจจุบันควรเลอื กเพาเวอร์ทีม่ ีกาลังไฟอยา่ งน้อย 230 วตั ตข์ ้นึ ไป การเลอื กซ้อื เคสและเพาเวอร์ซัพพลาย ส่วนมากในการซื้อเคสกจ็ ะมีเพาเวอร์ซัพพลายติดมากับเคสดว้ ย โดยปกติเพาเวอร์ซัพพลายจะมีขนาด อยู่ระหว่าง 200-250 วัตต์ แต่สาหรับการใช้งานในปัจจุบันควรเลือกเพาเวอร์ที่มีกาลังไฟอย่างน้อย 230 วัตต์ข้ึน ไป แต่เพาเวอร์ซัพพลายที่ติดมากับเคสแบบต่างๆที่จาหน่ายในราคาถูก อาจจะไม่จ่ายไฟฟ้าได้ตามท่ีระบุไว้บนตัว เพาเวอร์ซัพพลาย ทาใหไ้ ม่สามารถเพิ่มเตมิ อุปกรณต์ ่างๆได้ตามที่กาลงั ไฟแจ้งไว้ จอภาพ (MONITER) จอภาพ คือ ส่วนที่ใช้ในการแสดงผลลัพธ์ท่ีได้จากการประมวลผลของซีพีขู ผ่านทางการ์ดแสดงผล คุณภาพของภาพที่ได้จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการ์ดแสดงผลและจอภาพประกอบกัน ในการเลือกจอภาพควรเลือกจอท่ี มีคุณภาพ เพราะมันคือส่ิงที่เราต้องทางานกับมันโดยตรง ถ้าเราเลือกจอท่ีมีคุณภาพดีมีขนาดใหญ่พอ เป็นจอท่ีมี ระบบปอ้ งกันรงั สแี ละมีการสะท้อนของแสงน้อย เราก็สามารถทางานได้นานโดยไมเ่ มื่อยลา้

หลกั การทางานของจอภาพ ภาพท่ีปรากฏบนจอภาพนั้นเกิดจากการยิงลาแสงอิเล็กตรอนของหลอดภาพไปยังผิวด้านในของ จอภาพ ซ่ึงจะมีสารฟอสเฟตฉาบเอาไว้ และเม่ือสารน้ีโดนแสงก็จะถูกกระตุ้นให้เปล่งแสงออกมา จุดดังกล่าวน้ีเรา เรยี กว่า พกิ เซล (Pixel) สาหรบั การแสดงผลได้เปน็ ภาพออกมาไดน้ ั้น เกดิ จากการวาดภาพบนจอภาพซ้าหลายๆภาพ ใน 1 วินาที เพื่อให้ได้ภาพท่ีเราเห็นในจอคอมพิวเตอร์ ซ่ึงการวาดภาพบนจอภาพซ้าหลายๆภาพใน 1 วินาที นี้เรา เรยี กวา่ การรีเฟรช (Refresh) คณุ สมบัตทิ ส่ี าคญั ของจอภาพ 1. ระยะด็อตพิชต์ (Dot Pitch) คือ ระยะห่างระหว่างจุดบนจอภาพ โดยระยะห่างยิ่งน้อยภาพก็ย่ิง คมชดั ค่าของระยะดอ็ ตพิชต์ จะมคี า่ อยู่ระหวา่ ง 0.24-0.28 มลิ ลเิ มตร 2. ความละเอียด (Resolution) คือ จานวนของจุดหรือพิกเซลที่จอภาพสามารถนามาแสดงผลบน จอภาพได้ จานวนจุดยิ่งมากก็จะทาให้จอภาพท่ีได้มีความคมชัดข้ึน จอภาพส่วนใหญ่สามารถท่ีจะแสดงผลในความ ละเอยี ดไดใ้ นหลายๆโหมด 3. ขนาดของจอภาพ(Monitor Side) มีตั้งแต่ 14-21 น้ิวแต่ที่ใช้งานกันจะเป็นจอขนาด 14 15 และ 17 น้วิ ซ่งึ ขนาดดังกล่าวเปน็ ขนาดที่วดั ในแนวทะแยง 4. อตั ราการรเี ฟรช (Refresh Rate) คอื จานวนคร้งั ในการวาดหน้าจอใหม่ใน 1 วินาที อัตราการ รีเฟรชต่าสุด คือ 72 คร้ัง ใน 1 วินาที ถ้าช้ากว่าน้ีภาพจะกระพริบทาให้ผู้ใช้เกิดอาการเมื่อยล้ากล้ามเน้ือตาเมื่อ ทางานอยูห่ น้าคอมพิวเตอร์เปน็ เวลานาน ปจั จยั ในการเลอื กจอภาพ 1. ควรเลือกจอภาพขนาด 15 นิ้วขึ้นไปเป็นอย่างน้อย เพราะปัจจุบันจอภาพ 15 นิ้ว มีราคาสูงกว่า จอภาพขนาด 14 น้ิวเลก็ นอ้ ยเทา่ น้ัน 2. ควรเลือกจอภาพท่ีมีคา่ ระยะด็อตพิชตต์ ่าๆ เพราะจะทาให้ภาพออกมาคมชัด 3. เลอื กจอภาพทส่ี ามารถเลอื กความละเอยี ดได้หลายโหมด 4. ควรเลือกแบบจอแบน เพราะภาพที่ได้จะมีสัดส่วนที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติมากกว่าจอแบบปกติ เน่ืองจากบริเวณขอบทั้ง 4 ด้านจะเป็นเส้นตรง ซ่ึงทาให้เส้นขอบยังคงตรงเป็นแนวที่ถูกต้อง ไม่นูนหรือโป่งออก เหมือนจอภาพแบบปกติ และจอแบนจะมแี สงสะทอ้ นน้อย เพราะจอแบนจะมีคณุ สมบัติในการหกั เหของแสงสะท้อน ทีต่ กกระทบบนจอภาพออกไปในทิศทางทหี่ ลบออกจากสายตาผใู้ ช้ 5. ตรวจดูป่มุ รับการควบคมุ จอภาพต่างๆ ว่าสามารถปรับอะไรไดบ้ า้ ง ใชง้ านงา่ ยและสะดวกหรือไม่ 6. จ อ ภ า พ ที่ นิ ย ม ใ ช้ ไ ด้ แ ก่ ADI, CTX, LG, MAG, Panasonic, Philips, SONY, Sumsung, Viewsonic เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook