Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ่อาหารไทย

่อาหารไทย

Published by poomgod ff Thailand, 2022-07-05 04:21:50

Description: หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอาหารไทยวิธีทำประวัติการทำอาหารไทย

Search

Read the Text Version

อาหารไทย

สารบัญ เนื้อหา 1.ต้มยำกุ้ง 2.ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหินมานต์ 3.ลาบ 4.ส้มตำ 5.เเกงเขียวหวาน 6.น้ำพริก 7.ยำปลากระป๋อง 8.ขนมจีนน้ำยากะทิ 9.ผัดกะเพรา 10.ไข่พะโล้

ต้มยำกุ้ง ต้มยำกุ้ง เป็นอาหารไทยภาคกลางประเภทต้มยำ ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานไปทุกภาค ในประเทศไทย เป็นอาหารที่รับประทานกับข้าวและ มีรสเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลักผสม เค็มและหวานเล็กน้อย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ต้มยำน้ำใส และ ต้มยำน้ำข้น วิธีทำ

ก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีที่มาจากอาหารตำรับเสฉวนชื่อ “กงเป่าจีติง” หรือเรียกแบบไทย ๆ ว่า “ไก่ผัดพิทักษ์วัง” เมนูนี้ นิยมรับประทานอย่างแพร่หลายทั้งในหมู่ชาวจีนและชาวต่างชาติ ด้วยเป็นเมนูที่ครบรส เปรี้ยวหวาน เค็มเผ็ดลงตัว กล่าวกันว่า “ไก่ผัดพิทักษ์วัง” นี้มีมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเสียงเฟิงแห่งราชวงศ์ชิง โดยมีที่มาจาก ติงเป่าจิน ขุนนางใหญ่ชาวกุ้ยโจวที่ชอบรับประทานไก่ผัดถั่วลิสงและพริกแห้งเป็น อย่างมาก ยามมีงานเลี้ยงก็สั่งให้พ่อครัวตระเตรียมไว้รับรองแขกไม่เคยขาด ในเวลาต่อมาเขาได้ สร้างประโยชน์ให้ประเทศจนได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งผู้พิทักษ์จากราชสำนัก เมนูไก่ผัดของเขาจึงมี ฉายาตามเขาว่าไก่ผัดพิทักษ์วัง วิธีทำ 1.หั่นวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น สะโพกไก่ พริกหยวก หอมใหญ่ ต้น หอม กระเทียม เป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอดีคำ 2.นำไก่ไปปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยแล้วคลุกแป้งสาลี หลังจาก นั้นนำไก่ไปทอดในน้ำมันจนสุก แล้วนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน 3.นำกระเทียมและพริกแห้งมาผัดกับน้ำมันจนมีกลิ่นหอม ใส่ไก่ที่ ทอดแล้วพร้อมกับหอมใหญ่ พริกหวาน และต้นหอม ผัดให้เข้า กัน ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาล แล้วโรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 4.ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจัดเสิร์ฟ

ลาบ ลาบเป็นอาหารพื้นถิ่นของอีสานและภาคเหนือ โดยนำ เนื้อ เครื่องใน และหนัง มาสับให้ละเอียดแล้วคลุกกับ เครื่องปรุง ซึ่งเนื้อที่มาทำลาบเป็นเนื้อหลายชนิด เช่น เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อปลา เนื้อหมู และเนื้อนก ลาบนิยมกินคู่กับข้าวเหนียว วิธีทำ รวยเนื้อสัตว์ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ แล้วใส่เนื้อสัตว์ลงไปรวนให้สุก การเติมน้ำลงในเนื้อสัตว์จะช่วยให้เนื้อสัตว์ฉ่ำไม่แข็งกระด้าง และควรใช้ทัพพี ยี้ให้แตกออกจากกัน ปรุงรสลาบตักเนื้อสัตว์ที่รวนแล้วใส่ในชามผสม เครื่องปรุง พริกป่น น้ำปลา ข้าวคั่ว และน้ำตาล คลุกเค้าให้เข้ากัน กนั้นเติมมะนาว ผักชีฝรั่ง หอมแดงซอย ต้มหอม ผักชีฝรั่ง และใบสะระแหน่ จาก นคลุกเคล้าให้เข้ากัน 3.จัดเสิร์ฟ ตัก าบ” ลงใส่จานที่ต้องการจัดเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยพริกแห้งทอด ละใสะระแหน่ กินคู่กับผักเคียง แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

ส้มตำ ส้มตำ มีต้นกำเนิดไม่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่ามีที่มาที่ไปจากทางภาคอีสานของไทยราว ๆ 50 ปีก่อนหน้านี้เท่านั้น เพราะในช่วงสมัยดังกล่าวเป็นช่วงสงครามเวียดนาม มีการสร้างสะพาน มิตรภาพขึ้นเพื่อลำเลียงยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งนำเมล็ดพันธุ์มะละกอมาปลูกทั้งสอง ข้างทางของถนนมิตรภาพ ด้วยเหตุนี้มะละกอจึงเป็นพืชที่ปลูกทั่วไปในภาคอีสาน วิธีทำ ใส่พริกกับกระเทียมลงในครกตำพอหยาบ จาก นั้นฝานมะเขือเทศ มะกอก ตามลงตำให้พอเข้า กัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาลทราย ผงชูรส และมะนาว จากนั้นใส่เส้นมะละกอสับ ตำเคล้าให้เครื่องปรุง ทั้งหมดเข้ากันดี ชิมรสชาติและปรุงเพิ่มได้ ตามใจชอบ ตักใส่จานโรยด้วยเมล็ดกระถิน เสิร์ฟคู่กับแคบหมู และผักบุ้ง

แกงเขียวหวาน แกงเขียวหวาน เป็นอาหารไทยประเภทแกง ประกอบ ด้วยเนื้อ ปลา ไก่ หรือหมู และผัก ปรุงรสด้วยกะทิ มะเขือ น้ำตาล น้ำปลา ใบมะกรูด และใบโหระพา นิยม รับประทานกับข้าวสวยหรือขนมจีนน้ำพริกแกงมีสีเขียว เพราะใช้พริกขี้หนูสดสีเขียว วิธีทำ วิธิทำพริกเเกง 1ใส่พริกไทย โขลกให้ละเอียด 2.ใส่พริกกับเกลือ โขลกให้ละเอียด 3. ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชีโขลกจนละเอียด 4.ใส่หอมเเดง กระเทียม เครื่องเเกงที่เหลือโขลกให้เข้ากัน 5.ใส่กะปิ โขลกให้เข้ากัน วิธีทำเเกงเขียวหวาน 1ตั้งหัวกะทิ 200กรัม ใช้ไฟแรงปานกลาง เคี่ยวให้มันแตก ใส่พริกแกงเขียวหวาน ลงไปผัดให้สุก ค่อยๆเติมหัวกะทิที่เหลือ 200กรัม ทีละน้อย ผัดจนแตกมันดี 2ใส่เนื้อไก่ลงไปผัด ใส่ใบมะกรูดฉีก ผัดให้ไก่สุกดี เติมหางกะทิกลางที่เหลือ ปรุงรส ด้วยน้ำปลา น้ำตาลทรายแดง 3ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวงลงไปในขณะที่น้ำแกงเดือด คนให้เข้ากัน 4ปิดฝาหม้อ เพื่อไม่ให้มะเขือดำ ต้มจนมะเขือสุกดี ชิมรสอีกครั้ง 5ใส่พริกชี้ฟ้าแดง ใบโหระพา ปิดไฟ เป็นอันเสร็จสำหรับแกงเขียวหวานไก่รสเด็ด

น้ำพริก น้ำพริกมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยคำว่า \"น้ำพริก\" มีความหมายมาจากการปรุงด้วย การนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอม เครื่องเทศกลิ่นแรง มาโขก บด รวมกัน เพื่อใช้สำหรับจิ้ม โดยมี ดอกแค มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง ถั่วพู สัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปลา กุ้ง คนใน สมัยก่อนนิยมรับประทานสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก วิธีทำ ตำพริกขี้หนูกับกระเทียมเข้าด้วยกันให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันให้เหลืองหอม ใส่น้ำพริกเผาและน้ำ ผัดให้น้ำพริกเผาละลาย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊ บ น้ำปลา ผัดให้เกือบแห้ง ใส่กุ้งเสียบผัดให้เข้ากันทั่วและน้ำพริกเคลือบกุ้งเสียบ ใส่ใบมะกรูดซอย คลุกให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมข้าวร้อนๆ

ยำปลากระป๋อง วิธีทำ 1. ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย และพริก ลงใน อ่างผสม คนผสมให้เข้ากันและน้ำตาลทรายละลายหมด 2. ใส่ปลากระป๋อง หอมแดง และตะไคร้ซอย ลงเคล้า ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตักใส่จาน แต่งด้วยใบ สะระแหน่ให้สวยงาม

ขนมจีนน้ำยากะทิ นมจีนน้ำยากะทิ เป็นอาหารไทยรสชาติเข้มข้น ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน แม้เมนูนี้จะเขียนว่า นมจีน แต่ก็ไม่ใช่อาหารจีนแต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงแล้วขนมจีน เป็นอาหารเส้นที่ได้รับ ทธิพลมาจากอาหารมอญ โดยชาวมอญเรียกอาหารเส้นนี้ว่า “คนอมจิน” จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก นมจีนนั่นเอง ซึ่งขนมจีนนี้ได้รับความนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลายในทุกภาคของประเทศไทย แต่ ชื่อเรียกที่แตกต่างกัน ได้แก่ ภาคกลางเรียกว่า ขนมจีนน้ำยา ภาคเหนือ เรียกว่า ขนมเส้นหรือข้าวเส้น าคอีสาน เรียกว่า ข้าวปุ้น และภาคใต้ เรียกว่า โหน้มจีน วิธีทำ 1.ต้มน้ำให้เดือด ใส่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง กระชาย พริกแห้ง และ ใบมะกรูดลงไป และตามด้วยปลาช่อน 2.ต้มจนปลาช่อนสุก ตักเครื่องแกงที่ต้มเมื่อสัก ครู่มาตำให้ละเอียด จากนั้นก็นำเนื้อปลาเอา ก้างออกมาตำผสมกันจนกลายเป็นเครื่องแกง 3.ตั้งกระทะเทน้ำกะทิลงไป เททีละส่วน เมื่อกะทิร้อนจนได้ที่ ให้นำเครื่องแกงลงไปผัดกับกะทิ ผัดให้เข้ากันแล้วเติมกะทิ ส่วนที่เหลือลงไปและตามด้วยน้ำเปล่าเคี่ยวจนกะทิแตกมัน 4.ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือและตามด้วยลูกชิ้นปลา เสร็จแล้วใสส่จาน เสิร์ฟกับขนทจีนได้

ผัดกะเพรา ผัดกะเพราน่าจะเกิดขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ 7 เพราะคนจีนนำเอามาขาย ในร้านอาหารตามสั่ง[4] อย่างไรก็ดี ผัดกะเพราน่าจะเพิ่งนิยมราว พ.ศ. 2500 โดยน่าจะดัดแปลงจากอาหารจีน ที่ตำรับจีน เอาเต้าเจี้ยว ดำผัดกับกระเทียมเจียวให้หอม แล้วจึงเอาเนื้อสับหรือไก่หั่นเป็นชิ้น ๆ ลงไปผัดกับน้ำปลาและซีอิ๊วดำ บ้างก็ว่าเลียนแบบมาจากเนื้อผัดใบ ยี่หร่า[4] สำหรับผัดกะเพราที่ปรากฏในตำรากับข้าวยุคปลาย ทศวรรษ 2520 อย่างใน ตำราอาหารชุดจัดสำรับ (ชุด 2) วิธีทำ 1. ตำพริกกับกระเทียม หั่นหมูกรอบเป็นชิ้นตามชอบ หั่น ถั่วฝักยาวขนาดตามแต่ชอบ 2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ผัดพริกกับกระเทียมตำให้หอมฟุ้ง ใส่หมูกรอบตามลงไปผัดให้ร้อน เติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่านิดหน่อย เพราะจะได้ไม่ไหม้กระทะ ใส่ถั่วฝักยาวลงไปผัดให้พอสุก 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลา เติมน้ำมันหอย ผัดให้สุก เข้ากันแล้วชิมรสตามชอบ สุดท้ายใส่กะเพราลงไป ปิดไฟ ผัดให้ เข้ากัน เสิร์ฟพร้อมไข่ดาวกรอบ ๆ และข้าวหอมมะลิ

ไข่พะโล้ ไข่พะโล้เมนูสุดคลาสสิคที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เมนูนี้ทำให้เราย้อนนึกถึง วัยเด็ก เมนูที่ยิ่งเคี่ยวนานยิ่งอร่อย ยิ่งอร่อยกินกับข้าวเปล่าได้ ตั้งแต่เนื้อ ยันน้ำซุปได้ไม่มีเบื่อถือเป็นเมนูครอบครัวที่กินกันได้ทุก เพศทุกวัย แถมเป็นเมนูที่ทำง่ายมากๆ ถึงแม้ปัจจุบันจะมีผงพะโล้ สำเร็จรูปที่พร้อม วิธีทำ 1.ตั้งน้ำใส่เกลือนิดหน่อย ต้มไข่ด้วยไฟกลางประมาณ 10 นาที แล้วลง จากเตา เอาไข่ออกมาแช่น้ำให้เย็นแล้วปอกเปลือกแล้วพักไว้ 2. นำสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทย) โขลกให้ละเอียด 3. เมื่อโขลก 3 เกลอละเอียดแล้ว ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไป นำสามเกลอลงไปผัดให้หอม 4. เมื่อสามเกลอเริ่มหอมแล้วให้ใส่น้ำตาลปี๊ บลงไปผัด และเคี่ยวจนน้ำตาล สีเข้มจัด เมื่อได้สีน้ำตาลเข้มจัดอย่างที่ต้องการใส่หมูสามชั้นลงไปผัดแค่ พอสุก 5. ใส่ไข่ต้มและน้ำเปล่า ลงไปตามด้วยโป๊ยกั๊กและอบเชย 6. ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย พอน้ำซุปเดือดแล้วให้เบาไฟลงโดยใชอ่อน 7. ค่อยๆ เคี่ยวต่อไปประมาณ 1 ชั่วโมง น้ำซุปจึงจะเริ่มเข้าเนื้อ พร้อม เสิร์ฟ

บรรณานุกรม Pongsathorn. (2558). อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565, จาก:www.eating cultvre. thaiasteherapy. (2561). อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565 จาก:www.thaiasteherapy.com คามินน้ องมิว.(2563). อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565 จาก:cooking. ฉัตรชัย ว่องกสิกรณ์. (2562). อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565. จาก:silpa-mag.com. pattrerntpack.(2564). อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565. จาก:www.pattrerntpack.org. khwanjirasaeheng. (2559). อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2565 จาก:gotoknow.

ผู้จัดทำ ด.ญ.พิมพ์ชนก ทรงหอม เลขที่14 ด.ญ.วิมลสิริ หงษ์ศรี เลขที่22 ด.ช.ภูฤทธิ์ สุระเดช เลขที่17 ด.ญ.ณภัสนันท์ ไขเเสง เลขที่3

อาหารไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook