Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงสร้าง วิสัยทัศน์ การขับเคลื่อนสุขภาวะและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น

โครงสร้าง วิสัยทัศน์ การขับเคลื่อนสุขภาวะและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น

Published by kattt-ka, 2018-06-14 23:41:04

Description: โครงสร้าง วิสัยทัศน์ การขับเคลื่อนสุขภาวะและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น

โดย
อัครพงศ์ อั้นทอง
ปเนต มโนมัยวิบูลย์
มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด

Search

Read the Text Version

องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ กับการเสรมิ สร้างสุขภาวะที่ดขี องชุมชนตารางที่ 3.4 ถึง 3.6 เป็นผลการประมาณค่าสัมประสิทธิ์ระหว่างชุดของตัวแปรหุ่น 49(สร้างมาจากดัชนีย่อย) กับดัชนีรวม โดยเลือกเฉพาะตัวแปรหุ่นที่มีอิทธิพลต่อดัชนีรวมอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10 ซึ่งจะเห็นได้ว่า อปท. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แตกต่างกันมีรูปแบบการพัฒนาเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนแตกกันภายใต้เงื่อนไขของสภาพแวดล้อมและระดับการพัฒนา (หรือบริบทของพื้นที่) และในบางด้านก็ยังไม่ใช่สิ่งจำ�เป็นที่ อปท.บางพืน้ ทีต่ ้องดำ�เนนิ การพฒั นา เนือ่ งจากการพัฒนาในดา้ นดังกล่าวยงั ไมม่ ผี ลต่อสุขภาวะทีด่ ีของชุมชน อย่างเช่น ในกรณีของ อปท. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติยังไม่ใช่สิ่งจำ�เป็นเร่งด่วนที่ อปท. ต้องดำ�เนินงานและ/จัดสรรงบประมาณมาใช้ป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ขณะเดียวกัน อปท. ในพื้นที่ชนบทยังมีโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่น้อย ขณะที่ในพื้นที่กึ่งเมือง-กึ่งชนบทเริ่มมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น กรณี อปท.ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เมือง ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ได้ตั้งบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ไม่มีการทำ�การเกษตร และภายในท้องถิ่นไม่มีพื้นที่ป่าไม้ ดังนั้น อปท. จึงไม่จำ�เป็นต้องให้ความสำ�คัญกับการพัฒนาในเรื่องของการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ การสนับสนุนส่งเสริมการทำ�เกษตรอินทรีย์ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น แต่ อปท. ในพื้นที่เมืองจะเน้นการจัดการสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วม ส่วนเศรษฐกิจชุมชนจะกลายเป็นเรื่องของการฝึกอาชีพให้ปัจเจกบุคคลมากกว่า นอกจากนี้ จากการทดสอบความแตกต่างของค่าคงที่ด้วยสถิติ t (t-statistic)พบว่า อปท. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทั้งสามประเภทมีระดับสุขภาวะที่ดีโดยเฉลี่ยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10 หมายความว่า บริบทของพื้นที่ที่แตกต่างกันไม่ได้ทำ�ให้การดำ�เนินงานของ อปท. ในการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนแตกต่างกัน แต่ความแตกต่างดังกล่าวทำ�ให้ อปท. มีรูปแบบในการดำ�เนินงานและการพัฒนาเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีแตกต่างกันตามความจำ�เป็นและเงื่อนไขของพื้นที่และระดับการพัฒนา

โครงสรา้ ง วิสยั ทัศน์ การขับเคล่อื นสขุ ภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มในท้องถ่ินตารางท่ี 3.4 ผลการประมาณค่าสมั ประสิทธขิ์ องการวเิ คราะห์ penalty-reward ของ อปท. ที่ตง้ั อยูใ่ นพ้ืนทชี่ นบท ดัชนีย่อย DR (reward) DP (penalty) p-value พ้นื ฐาน เสรมิ สรา้ ง ยกระดบั (จ�ำ นวน อปท. 389 แห่ง) β +R p-value β -P p-value H0:β +R + β -P จ�ำ เป็น สุขภาวะทด่ี ี สุขภาวะท่ีดี50 1. สขุ ภาพอนามยั 0.188 0.000 -0.333 0.000 0.004 ✓2. ความปลอดภยั 0.339 0.000 -0.105 0.002 0.000 ✓3. ปอ้ งกนั และบรรเทาภยั พบิ ตั ิ ns ns ns ns - -- -4. สวสั ดกิ ารชมุ ชน 0.075 0.010 -0.143 0.002 0.257 ✓5. การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ 0.155 0.000 ns ns - ✓ การท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์6. การศกึ ษาเรยี นรภู้ ายในชมุ ชน 0.238 0.000 -0.145 0.001 0.097 ✓7. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 0.105 0.003 -0.135 0.000 0.624 ✓8. การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน 0.100 0.001 -0.287 0.000 0.001 ✓9. การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน 0.065 0.033 -0.130 0.003 0.280 ✓10. เศรษฐกจิ ชมุ ชน ns ns ns ns - -- -ค่าคงท่ี 2.327 (p-value = 0.000)หมายเหต:ุ ns = ไม่มนี ัยส�ำ คัญทางสถติ ทิ ่ีระดับ 0.10, R-squared = 0.871, Adj. R-squared = 0.858 : แถวนอนทีแ่ รงเงา หมายความวา่ ดชั นีย่อยในด้านนั้นไมม่ อี ิทธพิ ลตอ่ ดัชนีรวมอยา่ งนัยสำ�คญั ทางสถติ ิท่ี 0.10ทม่ี า: จากการค�ำ นวณตารางท่ี 3.5 ผลการประมาณคา่ สัมประสทิ ธ์ขิ องการวิเคราะห์ penalty-reward ของ อปท. ทต่ี ง้ั อยใู่ นพืน้ ทก่ี ึง่ เมือง-กง่ึ ชนบทดชั นียอ่ ย DR (reward) DP (penalty) p-value พืน้ ฐาน เสริมสร้าง ยกระดบั(จำ�นวน อปท. 220 แหง่ ) β +R p-value β -P p-value H0:β +R + β -P จำ�เป็น สุขภาวะท่ดี ี สุขภาวะทด่ี ี1. สขุ ภาพอนามยั 0.264 0.000 -0.322 0.000 0.397 ✓2. ความปลอดภัย 0.321 0.000 -0.222 0.000 0.127 ✓3. ปอ้ งกันและบรรเทาภัยพิบตั ิ 0.062 0.023 ns ns - ✓ ✓4. สวสั ดกิ ารชมุ ชน 0.113 0.000 ns ns - ✓5. การสนับสนนุ ส่งเสรมิ 0.108 0.002 ns ns - การท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์ ✓ ✓6. การศึกษาเรยี นร้ภู ายในชมุ ชน 0.262 0.000 -0.073 0.087 0.001 ✓7. การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ ns ns -0.126 0.001 - ✓ ✓8. การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน ns ns -0.310 0.000 -9. การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน 0.071 0.017 ns ns -10. เศรษฐกจิ ชมุ ชน ns ns -0.138 0.000 -คา่ คงท่ี 2.373 (p-value = 0.000)หมายเหต:ุ ns = ไม่มีนยั ส�ำ คญั ทางสถติ ิทร่ี ะดับ 0.10, R-squared = 0.938, Adj. R-squared = 0.927ทม่ี า: จากการค�ำ นวณ

องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ กับการเสรมิ สร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนตารางที่ 3.6 ผลการประมาณคา่ สมั ประสทิ ธิ์ของการวเิ คราะห์ penalty-reward ของ อปท. ท่ตี ง้ั อย่ใู นพน้ื ทเี่ มืองดัชนยี ่อย DR (reward) DP (penalty) p-value พื้นฐาน เสริมสร้าง ยกระดบั(จ�ำ นวน อปท. 75 แหง่ ) β +R p-value β -P p-value H0:β +R + β -P จำ�เปน็ สขุ ภาวะทีด่ ี สุขภาวะทีด่ ี1. สขุ ภาพอนามยั 0.218 0.003 -0.335 0.000 0.304 ✓ 512. ความปลอดภยั 0.237 0.001 -0.162 0.006 0.502 ✓3. ปอ้ งกนั และบรรเทาภยั พบิ ัติ ns ns ns ns  -  -  -  -4. สวัสดิการชมุ ชน 0.178 0.012 -0.109 0.017 0.405 ✓5. การสนบั สนุนสง่ เสริม ns ns ns ns  -  -  -  - การทำ�เกษตรอินทรีย์6. การศึกษาเรียนรู้ภายในชุมชน 0.160 0.017 -0.197 0.001 0.704 ✓7. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ ns ns ns ns  -  -  -  -8. การจดั การสงิ่ แวดลอ้ มในชมุ ชน ns ns -0.326 0.000  - ✓9. การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน ns ns -0.097 0.070  - ✓10. เศรษฐกิจชมุ ชน 0.148 0.001 ns ns  - ✓คา่ คงท่ี 2.447 (p-value = 0.000)หมายเหต:ุ ns = ไม่มนี ยั ส�ำ คญั ทางสถติ ิท่ีระดบั 0.10, R-squared = 0.892, Adj. R-squared = 0.857 : แถวนอนท่แี รงเงา หมายความว่า ดชั นียอ่ ยในด้านน้นั ไม่มีอทิ ธิพลต่อดัชนีรวมอยา่ งนัยสำ�คญั ทางสถิตทิ ่ี 0.10ทีม่ า: จากการค�ำ นวณในการจำ�แนกกลุ่มของดัชนีย่อยตามผลกระทบที่มีต่อสุขภาวะที่ดีโดยรวมของชุมชนตามเกณฑ์ที่เสนอข้างต้น จำ�เป็นต้องทดสอบสมมติฐาน symmetric effects ของขนาดอิทธิพลที่ดัชนีย่อยแต่ละตัวมีต่อดัชนีรวม ซึ่งค่า p-value ของการทดสอบสมมติฐานหลักทั้ง 3 สมมติฐาน (H0: β+R = 0, H0: β-P = 0 และ H0: β+R +β-P = 0) สรุปได้ว่า อิทธิพลของดัชนีย่อยแต่ละตัวที่มีต่อดัชนีรวมมีลักษณะอสมมาตร (asymmetrical) หมายความว่าการพัฒนาในแต่ละด้านมีขนาดของผลกระทบต่อสุขภาวะที่ดีของชุมชนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10 (ดูผลลัพธ์ในตารางที่ 3.4 ถึง 3.6) ตารางที่ 3.7 เป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ penalty-rewardจำ�แนกกลุ่มของดัชนีย่อย ซึ่งพบว่า ในกรณีของ อปท. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท ให้ความสำ�คัญกับการดำ�เนินงานและพัฒนาในด้านสุขภาพอนามัย และการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนในลำ�ดับแรก ส่วนสวัสดิการชุมชน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นด้านที่ อปท. ในกลุ่มนี้ดำ�เนินงานและพัฒนาเพื่อที่จะเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชน สำ�หรับการดำ�เนินงานและพัฒนาในด้านความปลอดภัย การสนับสนุนส่งเสริมการท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์ และการศกึ ษาเรยี นรูภ้ ายในชมุ ชนเปน็ สิง่ ทีช่ ว่ ยให้ อปท. กลุม่ นีส้ ามารถยกระดับสุขภาวะที่ดีของชุมชนได้ ส�ำ หรบั อปท. ทีต่ ัง้ อยูใ่ นพืน้ ทีก่ ึง่ เมอื ง-กึง่ ชนบท ใหค้ วามส�ำ คญั กบั การด�ำ เนนิ งานและพัฒนาในด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน และเศรษฐกิจชุมชน ในลำ�ดับแรก เนื่องจากเป็นสามสิ่งแรกที่จำ�เป็นและสำ�คัญต่อการสร้าง

โครงสร้าง วสิ ยั ทศั น์ การขับเคลือ่ นสขุ ภาวะ และการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มในทอ้ งถิน่ สุขภาวะที่ดีของชุมชน ทั้งนี้ อปท. ที่ให้ความสำ�คัญกับการดำ�เนินงานและพัฒนาในด้าน สุขภาพอนามัย และความปลอดภัย เป็นกลุ่ม อปท. ที่ให้ความสำ�คัญกับการเสริมสร้าง สุขภาวะที่ดีของชุมชน ส่วน อปท. ที่ให้ความสำ�คัญกับการดำ�เนินงานและพัฒนาในด้าน การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ สวัสดิการชุมชน การสนับสนุนส่งเสริมการทำ�เกษตรอินทรีย์52 การศึกษาเรียนรู้ภายในชุมชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นกลุ่ม อปท. ที่เน้น และให้ความสำ�คัญกับการยกระดับสุขภาวะที่ดีของชุมชน สว่ น อปท. ทตี่ งั้ อยใู่ นพนื้ ทเี่ มอื ง มกี ารจดั การสงิ่ แวดลอ้ มในชมุ ชน และการมสี ว่ นรว่ ม ของประชาชนเป็นสองด้านที่ อปท. กลุ่มนี้ให้ความสำ�คัญในลำ�ดับแรก ส่วนการดำ�เนินงาน ด้านสุขภาพอนามัย ความปลอดภัย สวัสดิการชุมชน และการศึกษาเรียนรู้ภายในชุมชน เป็นสี่ด้านที่ อปท. ในพื้นที่นี้ดำ�เนินงานและพัฒนาเพื่อเสริมสร้างให้ชุมชนมีสุขภาวะที่ดีขึ้น นอกจากนี้ อปท. ให้ความสำ�คัญกับการยกระดับสุขภาวะที่ดีของชุมชนจะให้ความสำ�คัญกับ การพัฒนาในด้านเศรษฐกิจชุมชนตารางที่ 3.7 ผลการจำ�แนกกลุ่มปจั จัยพื้นฐานของสุขภาวะทด่ี ขี องชมุ ชน พ้ืนที่ชนบท พืน้ ทีก่ ่ึงเมือง-ก่งึ ชนบท พืน้ ที่เมอื ง เสรมิ สรา้ ง ยกระดบั เสรมิ สรา้ ง ยกระดบั เสรมิ สรา้ ง ยกระดับ พ้นื ฐาน สขุ ภาวะ สขุ ภาวะ พืน้ ฐาน สขุ ภาวะ สุขภาวะ พ้นื ฐาน สขุ ภาวะ สขุ ภาวะดชั นยี ่อย จ�ำ เปน็ ทด่ี ี ท่ดี ี จำ�เป็น ทด่ี ี ท่ดี ี จำ�เป็น ทด่ี ี ท่ีดี1. สขุ ภาพอนามัย ✓ ✓✓2. ความปลอดภยั ✓✓ ✓3. ป้องกันและบรรเทาภยั พิบัติ ไมม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาวะทด่ี โี ดยรวม ✓ ไมม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาวะทด่ี โี ดยรวม4. สวัสดิการชุมชน ✓ ✓✓5. การสนับสนุนส่งเสรมิ ✓ ✓ ไมม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาวะทด่ี โี ดยรวม การท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์6. การศกึ ษาเรียนร้ภู ายในชุมชน ✓ ✓✓7. การจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ✓ ✓ ไมม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาวะทด่ี โี ดยรวม8. การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน ✓ ✓ ✓9. การมีสว่ นรว่ มของประชาชน ✓ ✓✓10. เศรษฐกจิ ชมุ ชน ไมม่ ผี ลตอ่ สขุ ภาวะทด่ี โี ดยรวม ✓ ✓ทม่ี า: จากการวิเคราะห์ penalty-rewardผลการศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ว่า อปท. ในแต่ละพื้นที่จะมีระดับสุขภาวะที่ดีไม่แตกต่างกัน แต่ อปท. ในแต่ละพื้นที่มีรูปแบบการดำ�เนินงานและจัดการตนเองที่แตกต่างกันเพื่อให้ชุมชนของตนเองมีสุขภาวะที่ดีภายใต้ข้อจำ�กัดของสภาพแวดล้อมและความแตกต่างของระดับการพัฒนาของชุมชน ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ความแตกต่างทางด้านบริบทของพื้นที่ไม่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของ อปท. แต่ อปท. มีความยืดหยุ่นในการดำ�เนินงานเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนตามความแตกต่างของบริบทของพื้นที่

องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นกับการเสริมสรา้ งสขุ ภาวะทดี่ ีของชมุ ชน3.4.2 โครงสร้างทางกายภาพและองคก์ รกบั การสรา้ งสขุ ภาวะทีด่ ีของชุมชน 53 ผลการศึกษาในส่วนนี้เป็นการนำ�เสนอผลการวิเคราะห์และทดสอบสมมติฐานเพื่อตอบคำ�ถามที่ว่า ความแตกต่างทางด้านโครงสร้างกายภาพและองค์กรในเรื่องของประเภทของ อปท. ขนาด บริบทของพื้นที่ และงบประมาณมีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของชมุ ชนหรอื ไม่ ซึง่ จากผลการทดสอบสมมตฐิ านหลกั ทีว่ า่ “อปท. แตล่ ะประเภทและ/ขนาดมคี า่ เฉลยี่ ดชั นรี วมสขุ ภาวะทดี่ ขี องชมุ ชนไมแ่ ตกตา่ ง (H0: ⅹˉ เทศบาลต�ำ บล = ⅹˉ อบต.ขนาดใหญ่ = ⅹˉ อบต.ขนาดกลาง= ⅹˉ )”อบต.ขนาดเล็ก ที่แสดงในตารางที่ 3.8 พบว่า ค่า p-value สำ�หรับพิจารณาผลการทดสอบค่าเฉลี่ยดัชนีรวมสุขภาวะที่ดี (แสดงในแถวนอนสุดท้าย) มีค่าสูงกว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.10 (significance level: a) แสดงว่า อปท. แต่ละประเภทและ/ขนาดมีระดับคะแนนดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชนไม่แตกต่างกันอย่างมีสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10 (ไม่สามารถปฏิเสธสมมติฐานหลักได้) หรืออาจกล่าวได้ว่า ประเภทและ/ขนาดที่แตกต่างกันของ อปท.ไม่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนตารางที่ 3.8 คา่ เฉล่ียดชั นีสขุ ภาวะท่ีดขี องชมุ ชนจำ�แนกตามประเภทของ อปท. ดัชนียอ่ ย เทศบาล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล (อบต.) p-value ของการทดสอบคา่ เฉลย่ี [n=674, n(1)= 265, n(2)= 22, ต�ำ บล ขนาด ขนาด ขนาด (ทต.) ใหญ่ กลาง เลก็ (1)-(2)- n(3)= 344, n(4)= 43] (1) (2) (3) (4) (3)-(4) (1)-(2) (2)-(3) (3)-(4)1. สุขภาพอนามยั 2.824 3.111 2.852 2.432 0.129 0.292 0.340 0.037 0.032 0.061 0.378 0.6472. ความปลอดภยั 2.819 2.172 2.484 2.362 0.533 0.629 0.820 0.681 0.318 0.108 0.230 0.6413. ปอ้ งกันและบรรเทาภยั พบิ ัติ 1.949 2.065 2.010 1.977 0.093 0.199 0.584 0.3434. สวัสดิการชุมชน 1.656 1.503 1.618 1.585 0.539 0.572 0.793 0.3495. การสนับสนุนสง่ เสรมิ 1.547 1.372 1.435 1.516 0.399 0.647 0.966 0.441 การท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์ 0.000 0.935 0.042 0.640 0.026 0.096 0.428 0.7906. การศึกษาเรียนรู้ภายในชุมชน 2.144 2.275 2.215 2.376 0.768 0.272 0.409 0.523 0.143 0.788 0.578 0.1147. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 2.406 2.275 2.262 2.0928. การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน 3.324 3.348 2.730 2.8469. การมสี ่วนร่วมของประชาชน 2.418 2.618 2.536 2.51410. เศรษฐกิจชมุ ชน 1.184 1.137 1.171 1.139ดัชนรี วมสุขภาวะท่ีดี 2.258 2.227 2.165 2.071หมายเหต:ุ สว่ นทแ่ี รงเงา หมายความวา่ คา่ p-value มคี ่าต่าํ กว่าค่าระดับนัยส�ำ คัญท่ี 0.10ท่ีมา: ค�ำ นวณจากขอ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ากการสำ�รวจผลการดำ�เนินงานในปีงบประมาณ 2556อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในระดับดัชนีย่อย พบว่า มีบางดัชนีย่อยที่ค่า p-value มีค่าตํ่ากว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.10 อย่างเช่น การจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาชน ความปลอดภัย เป็นต้น ผลลัพธ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้ว่าประเภทและ/ขนาดที่แตกต่างกันของ อปท. จะไม่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชน แต่มีผลต่อการพัฒนาหรือการดำ�เนินงานในบางด้าน อย่างเช่น ในเรื่องของการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน

โครงสร้าง วิสยั ทศั น์ การขับเคล่ือนสุขภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มในท้องถิ่นที่เทศบาลตำ�บล และ อบต. ขนาดใหญ่ สามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่า อบต. ขนาดกลางและเลก็ ขณะทีใ่ นเรือ่ งของความปลอดภยั เปน็ สิง่ ทีเ่ ทศบาลต�ำ บลสามารถด�ำ เนนิ งานไดด้ กี วา่อบต. แต่ อบต. สามารถดำ�เนินงานในเรื่องของการมีส่วนร่วมของประชาชนได้ดีกว่าเทศบาลตำ�บล เป็นต้น54 สำ�หรับตารางที่ 3.9 เป็นผลการทดสอบสมมติฐานหลักที่ว่า “อปท. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันมีค่าเฉลี่ยดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชนไม่แตกต่าง (H0: ⅹˉ พื้นที่ชนบท =ⅹˉ พื้นที่กึ่งเมือง-กึ่งชนบท = ⅹˉ )”พื้นที่เมือง พบว่า ค่า p-value ในแถวนอนสุดท้าย มีค่าสูงกว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.10 ทั้งหมด แสดงว่า ความแตกต่างทางด้านบริบทของพื้นที่ไม่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10 (ไม่สามารถปฏิเสธสมมติฐานหลักได้) แตจ่ ะมผี ลตอ่ การพัฒนาหรือด�ำ เนินงานในบางด้านอย่างมีนัยส�ำ คัญทางสถิติที่ 0.10อยา่ งเชน่ ในดา้ นการปอ้ งกนั และบรรเทาภยั พบิ ตั ิ ซึง่ อปท. ในพืน้ ทีช่ นบทสามารถด�ำ เนนิ งานได้ดีกว่า อปท. ในเขตเมืองและกึ่งเมือง-กึ่งชนบท แต่ในเรื่องของการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน อปท. ในเขตเมืองและกึ่งเมือง-กึ่งชนบท สามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่า อปท.ในพื้นที่ชนบท ส่วนในเรื่องของการมีส่วนร่วมของประชาชน พบว่า อปท. ในเขตชนบทและกึ่งเมือง-กึ่งชนบท สามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่า อปท. ในเขตเมืองตารางท่ี 3.9 ค่าเฉลยี่ ดชั นสี ขุ ภาวะทีด่ ีของชมุ ชนจำ�แนกตามพ้นื ทตี่ ้งั ของ อปท. พื้นที่ท่ี อปท. ต้งั อยู่ p-value ของการทดสอบค่าเฉลีย่ ดชั นยี อ่ ย กึ่งเมือง- (1)-(2)-(3) (1)-(2) (2)-(3) [n=684, n(1)= 389, ชนบท กง่ึ ชนบท เมอื ง 0.529 0.333 0.366 n(2)= 220, n(3)= 75] (1) (2) (3) 0.160 0.131 0.6451. สขุ ภาพอนามัย 2.877 2.776 2.927 0.059 0.020 0.826 0.615 0.982 0.3382. ความปลอดภัย 2.523 2.735 2.845 0.129 0.808 0.108 0.388 0.489 0.1913. ปอ้ งกนั และบรรเทาภัยพบิ ตั ิ 2.023 1.915 1.933 0.223 0.559 0.091 0.000 0.001 0.1474. สวสั ดกิ ารชุมชน 1.638 1.639 1.588 0.000 0.884 0.000 0.787 0.999 0.5025. การสนบั สนุนส่งเสริมการท�ำ เกษตรอินทรยี ์ 1.484 1.472 1.676 0.274 0.131 0.8906. การศกึ ษาเรียนรภู้ ายในชุมชน 2.243 2.183 2.3757. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 2.295 2.360 2.0548. การจดั การสงิ่ แวดลอ้ มในชุมชน 2.816 3.206 3.4619. การมสี ่วนรว่ มของประชาชน 2.500 2.506 2.11910. เศรษฐกจิ ชมุ ชน 1.179 1.179 1.206 ดชั นีสุขภาวะทีด่ รี วม 2.186 2.251 2.242หมายเหตุ: สว่ นที่แรงเงา หมายความว่า ค่า p-value มคี า่ ตา่ํ กว่าคา่ ระดบั นัยสำ�คัญที่ 0.10ที่มา: ค�ำ นวณจากข้อมลู ที่ไดจ้ ากการส�ำ รวจผลการด�ำ เนินงานในปงี บประมาณ 2556ส่วนการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยดัชนีสุขภาวะที่ดีของชุมชนจำ�แนกตามขนาดของประชากรที่แสดงในตารางที่ 3.10 ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากข้างต้น ซึ่งจากการทดสอบสมมติฐานหลักที่ว่า “อปท. ที่มีขนาดของประชากรแตกต่างกันมีค่าเฉลี่ยดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชน

องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ กับการเสริมสรา้ งสุขภาวะทด่ี ขี องชมุ ชนไม่แตกต่าง (H0: ⅹˉ <7,000 คน = ⅹˉ 7,000-10,000 คน = ⅹˉ >10,000 คน)” พบว่า ค่า p-value ในแถวนอน 55สุดท้ายของคอลัมน์ (1)-(2)-(3) มีค่าตํ่ากว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.10 แสดงว่า การมีขนาดของประชากรที่แตกต่างกันมผี ลต่อการสร้างสขุ ภาวะที่ดขี องชุมชนอย่างมนี ยั สำ�คญั ทางสถิติที่ 0.10 (ปฏิเสธสมมติฐานหลัก) โดย อปท. ที่มีจำ�นวนประชากรน้อยกว่า 7,000 คนมีระดับสุขภาวะที่ดีตํ่ากว่า อปท. กลุ่มอื่น และมีการดำ�เนินงานในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนตํ่ากว่ากลุ่มอื่น สำ�หรับการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติเป็นด้านที่ อปท.ที่มีประชากรน้อยกว่า 7,000 คน สามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ส่วนการดำ�เนินงานเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นด้านที่ อปท. ที่มีประชากรน้อยกว่า 10,000 คนสามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่าตารางท่ี 3.10 คา่ เฉลี่ยดัชนีสุขภาวะทด่ี ขี องชุมชนจำ�แนกตามขนาดของประชากร ขนาดของประชากร p-value ของการทดสอบคา่ เฉลย่ี ดชั นยี อ่ ย 7,000- (2)-(3) [n=714, n(1)= 412, < 7,000 คน 10,000 คน > 10,000 คน 0.174 n(2)= 162, n(3)= 140]1. สุขภาพอนามัย (1) (2) (3) (1)-(2)-(3) (1)-(2) 2.775 2.856 3.052 0.068 0.4762. ความปลอดภยั 2.542 2.711 2.704 0.413 0.271 0.9733. ป้องกันและบรรเทาภัยพบิ ตั ิ 2.030 1.992 1.845 0.003 0.417 0.0134. สวัสดิการชมุ ชน 1.630 1.633 1.614 0.912 0.938 0.6875. การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ การท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์ 1.462 1.543 1.495 0.320 0.138 0.5056. การศึกษาเรียนรภู้ ายในชุมชน 2.216 2.190 2.312 0.548 0.782 0.3127. การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ 2.260 2.356 2.305 0.723 0.429 0.7358. การจัดการสงิ่ แวดล้อมในชุมชน 2.932 3.167 3.135 0.133 0.076 0.8399. การมีสว่ นร่วมของประชาชน 2.494 2.563 2.252 0.000 0.140 0.00010. เศรษฐกจิ ชุมชน 1.166 1.185 1.213 0.312 0.521 0.478ดัชนีสขุ ภาวะทีด่ รี วม 2.168 2.258 2.263 0.056 0.057 0.932หมายเหต:ุ สว่ นทแ่ี รงเงา หมายความวา่ ค่า p-value มคี ่าต่�ำ กวา่ ค่าระดบั นยั สำ�คัญท่ี 0.10ท่ีมา: คำ�นวณจากข้อมูลท่ไี ด้จากการสำ�รวจผลการดำ�เนินงานในปงี บประมาณ 2556ขณะทีก่ ารเปรียบเทียบคา่ เฉลีย่ ดชั นสี ุขภาวะที่ดขี องชมุ ชนจ�ำ แนกตามงบประมาณรายได้ของอปท. ที่แสดงในตารางที่ 3.11 ให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับในกรณีของการจำ�แนกตามขนาดของประชากร ซึ่งจากการทดสอบสมมติฐานหลักที่ว่า “อปท. ที่มีระดับงบประมาณรายได้แตกต่างกันมีค่าเฉลี่ยดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชนไม่แตกต่าง (H0: ⅹˉ <20 ล้านบาท = ⅹˉ 20-50ล้านบาท = ⅹˉ >50 ล้านบาท)” พบว่า ค่า p-value ในแถวนอนสุดท้ายของคอลัมน์ (1)-(2)-(3)มคี า่ ตํา่ กวา่ คา่ ระดบั นยั ส�ำ คญั ที่ 0.10 แสดงวา่ อปท. ทีม่ รี ะดบั งบประมาณรายไดแ้ ตกตา่ งกนัมีระดับคะแนนดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชนแตกต่างกันอย่างมีสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10(ปฏิเสธสมมติฐานหลัก) โดย อปท. ที่มีงบประมาณรายได้สูงกว่า 50 ล้านบาท มีระดับสุขภาวะที่ดีสูงกว่า อปท. กลุ่มอื่น และยังสามารถดำ�เนินงานได้ดีในเรื่องของสุขภาพอนามัย

โครงสร้าง วสิ ัยทศั น์ การขับเคลือ่ นสุขภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มในท้องถิ่นการจดั การสิง่ แวดลอ้ มในชมุ ชน และเศรษฐกจิ ชมุ ชน สว่ นในเรือ่ งของการปอ้ งกนั และบรรเทาภยั พบิ ตั ิ การศกึ ษาเรยี นรูภ้ ายในชมุ ชน และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน อปท. ทีม่ งี บประมาณตํ่ากว่า 50 ล้านบาท สามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่า56 ตารางท่ี 3.11 ค่าเฉล่ียดัชนสี ุขภาวะทด่ี ขี องชุมชนจำ�แนกตามงบประมาณรายได้ของ อปท. งบประมาณของ อปท. p-value ของการทดสอบคา่ เฉล่ีย ดัชนยี ่อย < 20 20-50 > 50 (1)-(2)-(3) (1)-(2) (2)-(3) [n=714, n(1)= 121, ลา้ นบาท ล้านบาท ลา้ นบาท 0.072 0.944 0.023 n(2)= 435, n(3)= 158] 0.155 0.166 0.1101. สุขภาพอนามัย (1) (2) (3) 0.004 0.063 0.024 2.798 2.789 3.045 0.711 0.631 0.441 0.504 0.485 0.4572. ความปลอดภัย 2.747 2.517 2.772 0.005 0.001 0.980 0.708 0.932 0.4133. ป้องกันและบรรเทาภยั พบิ ตั ิ 2.102 1.990 1.875 0.001 0.470 0.001 0.000 0.057 0.0004. สวสั ดิการชุมชน 1.637 1.617 1.648 0.012 0.206 0.005 0.035 0.217 0.0115. การสนบั สนุนสง่ เสริมการทำ�เกษตรอนิ ทรีย์ 1.445 1.486 1.5306. การศกึ ษาเรียนรภู้ ายในชุมชน 2.508 2.172 2.1747. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 2.304 2.316 2.2178. การจดั การสง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน 2.829 2.942 3.3679. การมสี ่วนร่วมของประชาชน 2.589 2.499 2.27110. เศรษฐกจิ ชมุ ชน 1.194 1.153 1.239ดชั นสี ุขภาวะท่ดี รี วม 2.205 2.170 2.288หมายเหต:ุ สว่ นทีแ่ รงเงา หมายความว่า ค่า p-value มีคา่ ต่ํากวา่ คา่ ระดับนัยสำ�คญั ท่ี 0.10ท่ีมา: คำ�นวณจากข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการส�ำ รวจผลการดำ�เนินงานในปงี บประมาณ 2556ผลการศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างของ อปท. ในเรื่องของประเภท ขนาดและบริบทของพื้นที่ไม่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชน แต่ความแตกต่างดังกล่าวท�ำ ให้ อปท. มีการด�ำ เนนิ งานและพัฒนาในบางดา้ นแตกตา่ งกนั ตามเงือ่ นไขและข้อจ�ำ กัดของโครงสร้างกายภาพและองค์กร ผลลัพธ์ดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาในส่วนที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในส่วนนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างในเรื่องของประชากรและงบประมาณรายได้ของ อปท. เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำ�ให้ชุมชนมีสุขภาวะที่ดีแตกต่างกันดังนั้นในส่วนต่อไปจึงทดสอบสมมติฐานเพิ่มเติมว่า การสนับสนุนจากภายนอกมีผลต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ในการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนหรือไม่3.4.3 การสนบั สนนุ จากองคก์ รภายนอกกับการสรา้ งสุขภาวะทดี่ ีของชมุ ชน การนำ�เสนอผลการศึกษาในส่วนนี้มีเป้าหมายสำ�คัญที่จะตอบคำ�ถามว่า ภายใต้การสนับสนุนที่แตกต่างจากองค์กรภายนอกมีผลต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ในการสร้างสขุ ภาวะทีด่ ขี องชมุ ชนหรอื ไม่ ดงั นัน้ เพือ่ ใหเ้ หน็ ภาพของการเปรยี บเทยี บภายใตก้ ารสนบั สนนุที่แตกต่างกันจากองค์กรภายนอก การศึกษานี้เลือกใช้กรณีของการสนับสนุนจากสำ�นักสนบั สนุนสุขภาวะชมุ ชน (ส�ำ นกั 3) ส�ำ นักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.)

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กับการเสรมิ สรา้ งสุขภาวะทด่ี ีของชุมชนแบ่งกลุ่ม อปท. ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) อปท. ที่เป็นศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน 572) อปท. ที่เป็นเครือข่ายของ สสส. และ 3) อปท. นอกเครือข่าย ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จาก สสส. ตารางที่ 3.12 เปน็ การเปรยี บเทยี บคา่ เฉลีย่ ดชั นสี ขุ ภาวะทีด่ ขี องชมุ ชนทีจ่ �ำ แนกตามการสนับสนุนของ สสส. จากการทดสอบสมมติฐานหลักที่ว่า “อปท. ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภายนอกที่แตกต่างกันมีค่าเฉลี่ยดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชนไม่แตกต่างกัน(H0: ⅹˉ ศูนย์จัดการฯ = ⅹˉ เครือข่าย สสส. = ⅹˉ )”นอกเครือข่าย พบว่า ค่า p-value ในแถวนอนสุดท้ายมีค่าตํ่ากว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.10 ทั้งหมด แสดงว่า อปท. ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภายนอกที่แตกต่างกันมีสุขภาวะที่ดีของชุมชนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10(ปฏิเสธสมมติฐานหลัก) โดย อปท. ที่เป็นศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชนมีระดับของสขุ ภาวะทีด่ ขี องชมุ ชนโดยเฉลีย่ สงู กวา่ อปท. ทีเ่ ปน็ เครอื ขา่ ย และนอกเครอื ขา่ ย ขณะที่ อปท.ที่เป็นเครือข่ายก็มีระดับสุขภาวะที่ดีของชุมชนโดยเฉลี่ยสูงกว่า อปท. นอกเครือข่ายตารางท่ี 3.12 คา่ เฉลยี่ ดัชนีสุขภาวะที่ดขี องชมุ ชนจำ�แนกตามการสนับสนนุ จาก สสส. กลมุ่ ของ อปท. ตามการสนบั สนนุ ของ สสส. p-value ของการทดสอบคา่ เฉลย่ี ดัชนยี ่อย ศูนย์จัดการฯ เครอื ขา่ ย นอกเครอื ขา่ ย [n=714, n(1)= 11, n(2)= 71, n(3)= 632] (1) (2) (3) (1)-(2)-(3) (1)-(2) (2)-(3)1. สุขภาพอนามัย 3.337 2.988 2.824 0.234 0.234 0.2922. ความปลอดภยั 3.832 3.089 2.535 0.001 0.095 0.0143. ปอ้ งกนั และบรรเทาภัยพบิ ตั ิ 1.929 1.974 1.985 0.934 0.755 0.8624. สวสั ดกิ ารชมุ ชน 2.061 1.770 1.603 0.000 0.066 0.0015. การสนบั สนุนส่งเสรมิ การท�ำ เกษตรอนิ ทรีย์ 1.567 1.521 1.481 0.748 0.756 0.5926. การศกึ ษาเรียนรู้ภายในชมุ ชน 2.432 2.205 2.228 0.784 0.520 0.8607. การจดั การทรัพยากรธรรมชาติ 3.696 2.540 2.247 0.002 0.051 0.0738. การจดั การส่งิ แวดลอ้ มในชมุ ชน 3.731 3.267 2.986 0.064 0.189 0.0959. การมีสว่ นรว่ มของประชาชน 2.723 2.641 2.437 0.002 0.618 0.00210. เศรษฐกิจชุมชน 1.333 1.317 1.161 0.000 0.928 0.019ดชั นีสุขภาวะทดี่ ีรวม 2.699 2.367 2.180 0.000 0.083 0.013หมายเหตุ: สว่ นที่แรงเงา หมายความวา่ ค่า p-value มคี ่าต่าํ กว่าค่าระดับนัยสำ�คญั ที่ 0.10ทมี่ า: ค�ำ นวณจากขอ้ มูลที่ได้จากการสำ�รวจผลการด�ำ เนนิ งานในปงี บประมาณ 2556นอกจากนี้ ข้อมูลในตารางที่ 3.12 ยังแสดงให้เห็นว่า อปท. ที่ได้รับการสนับสนุนจากสสส. ทั้งสองกลุ่ม สามารถดำ�เนินงานได้ดีกว่า อปท. นอกเครือข่าย ในด้านความปลอดภัยสวสั ดกิ ารชมุ ชน การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ การจดั การสิง่ แวดลอ้ มในชมุ ชน การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน และเศรษฐกิจชุมชน ส่วนในด้านสุขภาพอนามัย การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ การสนับสนุนส่งเสริมการทำ�เกษตรอินทรีย์ และการศึกษาเรียนรู้ภายในชุมชนเป็นสี่ด้านที่ อปท. ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส. มีการดำ�เนินงานที่ไม่แตกต่างจาก อปท.ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. อย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.10

โครงสรา้ ง วสิ ยั ทศั น์ การขับเคล่ือนสุขภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในท้องถนิ่ ผลการศึกษาในส่วนนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การสนับสนุนจากองค์กรภายนอก เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำ�คัญที่มีผลต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ในการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับ ชุมชน และยังมีผลให้ อปท. มีการดำ�เนินงานและพัฒนาในบางด้านแตกต่างกัน อย่างเช่น ด้านความปลอดภัย สวัสดิการชุมชน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการสิ่งแวดล้อม58 ในชุมชน เป็นต้น 3.5 สง่ิ ทีโ่ ดดเด่นและช่องวา่ งการพัฒนาของ อปท. แตล่ ะประเภท หนึ่งในประโยชน์ที่สำ�คัญของการเปรียบเทียบสมรรถนะ (benchmarking) สุขภาวะที่ดีของชุมชนในระดับ อปท. คือ การทราบถึงช่องว่างการพัฒนาที่ อปท. สามารถ เรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อมูลสำ�คัญในการนำ�ไปกำ�หนดนโยบายสาธารณะเพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิตและความอยู่ดีมีสุขของประชาชนภายในท้องถิ่น ซึ่งจากการเปรียบเทียบ สมรรถนะสุขภาวะที่ดีของชุมชนระหว่าง อปท. แต่ประเภท และการประชุมกลุ่มย่อยที่ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง อปท. ทำ�ให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถที่โดดเด่น ในการพัฒนาท้องถิ่นด้วยนวัตกรรมการดำ�เนินงานที่แตกต่างกัน โดยสามารถระบุช่องว่าง การพัฒนาภายในกลุ่ม และเพื่อยกระดับสู่ความเป็นเลิศ (best practice) ได้ดังแสดงใน ตารางที่ 3.13 ซึ่งจะเห็นได้ว่า การจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน (เรื่องของการจัดการขยะ ภายในท้องถิ่น) เป็นสิ่งที่ อปท. ทุกประเภทสามารถพัฒนาได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากขยะ เป็นประเด็นปัญหาสำ�คัญที่ อปท. ทุกประเภทกำ�ลังเผชิญในปัจจุบัน ทั้งนี้ อปท. แต่ละแห่ง มีนวัตกรรมการจัดการขยะที่แตกต่างกัน เช่น การคัดแยกขยะ การจัดทำ�ธนาคารขยะ การทำ�ปุ๋ยจากขยะ การมีโครงการขยะรีไซเคิล เป็นต้น โดยนวัตกรรมต่างๆ ที่ อปท. ใช้ โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการลดปริมาณการก่อขยะในระดับครัวเรือน และการ จัดเก็บและการกำ�จัดขยะที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นอีกหนึ่งด้านที่ อปท. ส่วนใหญ่ให้ ความสำ�คัญและดำ�เนินงานได้อย่างโดดเด่น ยกเว้น อบต.ขนาดเล็ก โดย อปท. ส่วนใหญ่ พยายามให้ความสำ�คัญกับการมาใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น และการรณรงค์ให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำ�แผนชุมชน อย่างไรก็ตาม อปท. ส่วนใหญ่หยิบยกโครงการ ในแผนชุมชนมาใช้ในแผนการพัฒนาท้องถิ่นเพียงเล็กน้อย ซึ่งข้อมูลในระดับตัวชี้วัด แสดงให้เห็นว่า สัดส่วนงบประมาณของแผนชุมชนต่องบประมาณทั้งหมดมีค่าเฉลี่ยไม่เกิน ร้อยละ 30 และจากการลงพื้นที่และเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำ�ให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า การทีป่ ระชาชนเหน็ วา่ อปท. น�ำ โครงการหรอื แนวทางการพฒั นาในแผนชมุ ชนมาใชเ้ ปน็ แผน พัฒนาในสัดส่วนที่น้อย ทำ�ให้การทำ�แผนชุมชนใน อปท. หลายแห่ง ไม่ได้รับความร่วมมือ จากประชาชนในการเข้าร่วมทำ�แผน เนื่องจากประชาชนไม่เห็นประโยชน์ที่จะเกิดจากการ ทำ�แผนชุมชนร่วมกัน เพราะ ในที่สุดแล้ว อปท. ก็ไม่ได้นำ�โครงการในแผนไปดำ�เนินการ ตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากทั้งสองด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เทศบาลตำ�บลยังมีการดำ�เนินงานที่ โดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัย ขณะที่ อบต.ขนาดใหญ่ และขนาดกลาง สามารถทำ�ได้ดี ในเรื่องสุขภาพอนามัย ส่วน อบต.ขนาดเล็ก สามารถดำ�เนินงานได้ดีในเรื่องการป้องกันและ บรรเทาภัยพิบัติ โดยเฉพาะ อปท. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กบั การเสรมิ สร้างสุขภาวะทีด่ ีของชุมชนส�ำ หรบั ความแตกตา่ งระหวา่ งคา่ เฉลีย่ และคา่ สงู สดุ ของ อปท. แตล่ ะประเภท แสดงถงึ ชอ่ งวา่ ง 59การพัฒนาภายในแต่ประเภทของ อปท. โดยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ และการศึกษาเรียนรู้ภายในชุมชน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ อปท. แต่ละแห่งต้องเรียนรู้ร่วมกันกับ อปท. ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ซึ่งสามารถทำ�ได้ด้วยการดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน หรือจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง อปท. ภายในประเภทเดียวกันนอกจากนี้ อบต.ขนาดเล็ก สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องของการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะภายในท้องถิ่น ส่วนความแตกต่างระหว่างค่าสูงสุดของแต่ละประเภทกับค่าคะแนนดัชนีสูงสุดที่เป็นไปได้ แสดงให้เห็นถึงช่องว่างการพัฒนาเพื่อยกระดับสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งเป็นแนวทางที่อปท. ที่มีค่าคะแนนสูงสุดในแต่ประเภทสามารถพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศในด้านนั้นโดยประเด็นในเรื่องของเศรษฐกิจชุมชน การสนับสนุนส่งเสริมการทำ�เกษตรอินทรีย์ และสวัสดิการชุมชน เป็นสามเรื่องสำ�คัญที่ท้าทาย อปท. ในแต่ละประเภทให้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองเพื่อยกระดับตนเองให้ดีขึ้นในด้านนั้นตารางท่ี 3.13 สงิ่ ทโี่ ดดเดน่ และช่องว่างการพฒั นาของ อปท. แตล่ ะประเภทกลมุ่ ของ ชอ่ งวา่ งการพัฒนาอปท. สงิ่ ทพี่ ฒั นาได้โดดเด่น ภายในกลุ่ม อปท. เดียวกนั เพ่อื ยกระดับสูค่ วามเปน็ เลิศเทศบาล 1. การจดั การสง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน 1. การจดั การทรัพยากรธรรมชาติ 1. เศรษฐกิจชมุ ชนต�ำ บล 2. ความปลอดภัย 2. การป้องกนั และบรรเทาภัยพิบตั ิ 2. การสนับสนุนสง่ เสรมิ 3. การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน 3. การศึกษาเรยี นรูภ้ ายในชุมชน การทำ�เกษตรอินทรีย์ 3. สวัสดิการชมุ ชนอบต. 1. การจัดการสิ่งแวดลอ้ มในชมุ ชน 1. การป้องกนั และบรรเทาภัยพบิ ตั ิ 1. ความปลอดภัยขนาดใหญ่ 2. การมีส่วนร่วมของประชาชน 2. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 2. สวสั ดกิ ารชมุ ชน 3. การศกึ ษาเรยี นร้ภู ายในชุมชน 3. เศรษฐกจิ ชมุ ชน 3. สขุ ภาพอนามยัอบต. 1. สขุ ภาพอนามัย 1. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 1. การสนับสนุนสง่ เสรมิขนาดกลาง 2. การจดั การส่งิ แวดล้อมในชุมชน 2. การปอ้ งกนั และบรรเทาภยั พบิ ัติ การท�ำ เกษตรอินทรยี ์ 3. การศกึ ษาเรียนร้ภู ายในชุมชน 3. การมีส่วนรว่ มของประชาชน 2. สวัสดกิ ารชุมชน 3. เศรษฐกจิ ชุมชนอบต. 1. การป้องกนั และบรรเทาภยั พบิ ัติ 1. การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ 1. การสนบั สนนุ ส่งเสรมิขนาดเลก็ 2. การจดั การส่งิ แวดล้อมในชุมชน 2. การจัดการสงิ่ แวดล้อมในชมุ ชน การท�ำ เกษตรอนิ ทรีย์ 3. การปอ้ งกันและบรรเทาภยั พิบตั ิ 3. การศกึ ษาเรยี นรภู้ ายในชมุ ชน 2. เศรษฐกจิ ชมุ ชน 3. สวัสดิการชุมชนทม่ี า: สงั เคราะห์จากขอ้ มลู ที่ได้จากการสำ�รวจผลการด�ำ เนินงานในปงี บประมาณ 2556ขณะที่ผลจากการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง อปท. ทำ�ให้ทราบว่า อปท. ส่วนใหญ่ขาดระบบการจัดการและรวบรวมข้อมูลที่ดี ไม่มีการนำ�ข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการสุขภาวะที่ดีของชุมชน เช่น การกำ�หนดนโยบายและ/แผนพัฒนาชุมชนเป็นต้น ขาดแนวทางหรือความรู้ในการพัฒนาตนเอง การดำ�เนินงานของ อปท. ส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำ�คัญกับการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของชุมชน ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับสาธารณปู โภคและปญั หาเฉพาะหนา้ เชน่ ปญั หาขยะ เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม มี อปท. บางแหง่

โครงสร้าง วิสยั ทัศน์ การขับเคล่อื นสขุ ภาวะ และการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมในท้องถ่นิ พยายามพัฒนาและยกระดับสุขภาวะท้องถิ่น เช่น การจัดสวัสดิการชุมชน การจัดการขยะ ภายในทอ้ งถิน่ การสง่ เสรมิ การผลติ และ/จ�ำ หนา่ ยผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน การจดั ตัง้ สถาบนั การเงนิ ชุมชน การมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับเยาวชนและประชาชนในท้องถิ่น เป็นต้น แนวทางการเรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะที่ดีของชุมชนที่สำ�คัญของ อปท. คือ การ60 ศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้จาก อปท. ที่มีแนวทางการดำ�เนินงานที่ดีในแต่ละด้าน ทั้งนี้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ อปท. ที่เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำ�ให้เข้าใจได้ว่า กุญแจไขสู่ความสำ�เร็จที่สำ�คัญของการนำ�ไปสู่การเป็นตำ�บลสุขภาวะที่ดี คือ การสร้างความ เป็นเจ้าของให้กับคนในท้องถิ่น ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ รวมถึง การดำ�เนินการเรื่องต่างๆ ภายในท้องถิ่น ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับการพัฒนา ท้องถิ่นน่าอยู่ นอกจากนี้ การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง อปท. ยังทำ�ให้ทราบว่า อปท. แต่ละแห่งมีนวัตกรรมการดำ�เนินงานเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนแตกต่างกันตามบริบท ของพืน้ ที่ (ดตู วั อยา่ งในตารางที่ 3.14) โดยนวตั กรรมบางอยา่ งสามารถชว่ ยท�ำ ใหค้ ณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนดีขึ้นอย่างแท้จริง อย่างเช่น กรณีของ ทต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา ที่ได้พัฒนาอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตและอัมพฤตเรื้อรัง หรืออย่างกรณีของ ทต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำ�พูน ที่มีนวัตกรรมการจัดการปัญหานํ้าเสียในลำ�คลองภายในท้องถิ่น โดยการซื้อปลามาปล่อยและชักชวนให้คนในชุมชนไม่ทิ้งเศษอาหารและ/ขยะลงในนํ้า จนทำ�ให้นํ้าในลำ�คลองสะอาดและยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปิดให้มีการจับปลาในลำ�นํ้า ดังกล่าว เป็นต้นตารางท่ี 3.14 ตัวอยา่ งนวตั กรรมชุมชนในด้านตา่ งๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ (อปท.)นวัตกรรม ทต.บ้านต๋อม อ.เมอื ง จ.พะเยาดา้ นสุขภาพอนามยั อบต.นา้ํ ตก อ.นาน้อย จ.นา่ น อบต.นํ้าตก อ.นาน้อย จ.นา่ น 1. อุปกรณช์ ่วยเหลือผปู้ ว่ ยอัมพาต และอมั พฤตเร้ือรงั อบต.หัวดง อ.เมอื ง จ.พจิ ติ ร 2. กลมุ่ เพ่อื นช่วยเพ่ือน (ดูแลสขุ ภาพคนในชุมชน) 3. อาสาสมัครดูแลผพู้ ิการ และสูงอายุ ทต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ล�ำ พนู 4. เมนอู าหารเร่งน้ํานมมารดาหลังคลอด ทต.วังเหนอื อ.วังเหนือ จ.ลำ�ปางดา้ นความปลอดภยั และปอ้ งกนั ภยั พบิ ตั ิ 1. โครงการต้ขู าวชาวประชาอุ่นใจ ทต.อุโมงค์ อ.เมอื ง จ.ลำ�พนู 2. ใช้ social network (Line) ในการป้องกันภยั พบิ ัติ ทต.พนั เสา อ.บางระกำ� จ.พิษณโุ ลกดา้ นสวัสดกิ ารชุมชน 1. กองทุนสวสั ดิการชุมชนตำ�บลอุโมงค์ ทต.อโุ มงค์ อ.เมอื ง จ.ลำ�พูน 2. กองทนุ สวสั ดิการชุมชนตำ�บลพนั เสา อบต.แมท่ า อ.แม่ออน จ.เชยี งใหม่ด้านการสนบั สนุนส่งเสริมการทำ�เกษตรอินทรยี ์ อบต.แมท่ า อ.แม่ออน จ.เชยี งใหม่ 1. กลุ่มพชื ไรด้ ิน อบต.หวั ดง อ.เมอื ง จ.พจิ ติ ร 2. กลุ่มผักอินทรีย์กลั ยาณมติ ร 3. ศนู ยเ์ มลด็ พนั ธเุ์ กษตรอินทรีย์ 4. วชิ ชาลัยชาวนาตำ�บลหัวดง

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กับการเสรมิ สร้างสขุ ภาวะที่ดขี องชุมชนตารางท่ี 3.14 ตัวอย่างนวัตกรรมชมุ ชนในด้านตา่ งๆ (ต่อ) องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ (อปท.) 61นวัตกรรม อบต. ดอนแกว้ อ.แมร่ มิ จ.เชยี งใหม่ด้านการศกึ ษาเรียนรูภ้ ายในชมุ ชน ทต.ศรีษะเกษ อ.นานอ้ ย จ.นา่ น 1. แหล่งเรยี นรู้ศูนย์ศึกษาพทุ ธศาสนาวนั อาทติ ยว์ ดั ดอนแก้ว อบต.แมย่ วมน้อย อ.ขุนยวม 2. ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ ตน้ แบบ ทต.ศรีษะเกษ จ.แมฮ่ อ่ งสอนด้านการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ อบต.บัวใหญ่ อ.นานอ้ ย จ.น่าน 1. ขอ้ บญั ญตั ทิ ้องถิ่นในการดูแลรกั ษาและใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ทต.อโุ มงค์ อ.เมือง จ.ล�ำ พูน และการจดั โซนพ้ืนทส่ี าธารณะ ทต.บ้านตอ๋ ม อ.เมือง จ.พะเยา 2. โฉนดชมุ ชนเพอ่ื ความมน่ั คงในที่อยูอ่ าศยั ทต.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ล�ำ ปางดา้ นการจัดการสิง่ แวดล้อมในชุมชน อบต.หวั ดง อ.เมือง จ.พิจิตร 1. การแกป้ ญั หาลำ�นํ้าปิงหา่ งทเี่ นา่ เสยี 2. ขยะฮอมบุญ ทต.บา้ นแซว อ.เชยี งแสน จ.เชยี งราย 3. กลุ่มอาสาสมคั รพทิ กั ษ์สง่ิ แวดล้อม/นักสบื สายนํ้า ทต.ศรีษะเกษ อ.นานอ้ ย จ.น่าน 4. น้าํ หมกั จาวปลวก อบต.นา้ํ เกี๋ยน อ.ภเู พยี ง จ.น่านด้านเศรษฐกิจชุมชน 1. โปรแกรมดูงานชุมชนวิถชี ีวติ เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทา่ ขันทอง 2. สถาบนั การจดั การเงินชุมชน บ้านน้ําหก 3. วิสาหกจิ ชมุ ชนชีววถิ ีทม่ี า: รวบรวมจากเวทแี ลกเปล่ยี นเรียนรู้ระหว่างปี พ.ศ. 2556-25583.6 สรุปและข้อเสนอแนะ บทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำ�ถามหลักที่สำ�คัญว่า ความแตกต่างทางด้านโครงสร้างทางกายภาพและองค์กรมีผลต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ในการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชนหรือไม่ โดยพัฒนาดัชนีสุขภาวะที่ดีของชุมชน สำ�หรับใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสำ�รวจ อปท. จำ�นวน 714 แห่ง และใช้วิธีวิเคราะห์ทางสถิติที่หลากหลายในการศึกษาเชิงประจักษ์และทดสอบสมมติฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งคำ�ตอบของประเด็นคำ�ถามตามวัตถุประสงค์ของการศึกษา นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถอธิบายดัชนีสุขภาวะที่ดีของชุมชนในเชิงสถิติได้ จึงได้จัดประชุมกลุ่มย่อย (focus group) กับ อปท.จำ�นวนหนึ่ง เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่าง อปท. กับทีมวิจัยจากการศึกษาสามารถสรุปข้อค้นพบที่สำ�คัญได้พอสังเขปดังนี้ 1) ควรใช้แนวทางการคำ�นวณดัชนีรวมในลักษณะของ composite indexภายใต้ข้อสมมติที่ว่า ดัชนีย่อยแต่ละด้านมีนํ้าหนักความสำ�คัญเท่ากันในการบ่งชี้ดัชนีรวมสุขภาวะที่ดีของชุมชน เพราะ ดัชนีย่อยหรือองค์ประกอบของสุขภาวะที่ดีของชุมชนในแต่ละด้านมีความสำ�คัญไม่แตกต่างกันในการบ่งชี้สุขภาวะที่ดีโดยรวมของชุมชน 2) การบริหารของ อปท. มีความยืดหยุ่นตามบริบทของท้องที่ กล่าวคือ อปท.ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท กึ่งเมือง-กึ่งชนบท และเมือง เน้นการพัฒนาในแต่ละด้านแตกต่างกันตามบริบทของท้องที่ โดยคงเน้นการพัฒนาบนพื้นฐานความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้น

โครงสร้าง วิสยั ทศั น์ การขับเคล่ือนสขุ ภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มในท้องถน่ิ ภายในชุมชนเป็นสำ�คัญ อย่างเช่น กรณีของ อปท. ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองก็ไม่มีความจำ�เป็น ต้องให้ความสำ�คัญกับการดำ�เนินงานในด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น 3) ประเภท ขนาด และบรบิ ทของพืน้ ที่ ไมม่ ผี ลตอ่ การสรา้ งสขุ ภาวะทีด่ ขี องชมุ ชน แต่ขนาดของประชากร เงินงบประมาณรายได้ และการสนับสนุนจากองค์กรภายนอกยังเป็น62 เงื่อนไขสำ�คัญที่มีผลต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ในการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับชุมชน 4) การจดั การขยะยงั คงเปน็ สิง่ ที่ อปท. ทกุ ประเภทและ/ขนาดพฒั นาไดก้ า้ วหนา้ ที่สุด หมายความว่า อปท. ให้ความสำ�คัญกับภารกิจหลักนี้ ขณะที่เศรษฐกิจชุมชนซึ่งแม้ว่า ไม่ใช่ภารกิจหลักของ อปท. แต่เป็นประเด็นความท้าทายสำ�คัญสำ�หรับ อปท. ทุกประเภท และ/ขนาดที่ต้องการยกระดับสุขภาวะให้ชุมชน จากประเด็นข้อค้นพบในหัวข้อที่ 3 แสดงให้เห็นว่า การหลอมรวม อปท. ขนาดเล็กบางแห่ง ที่อาจไม่ได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดตามข้อสังเกตของนักเศรษฐศาสตร์ ขึน้ อยูว่ า่ การพจิ ารณาขนาดของ อปท. ใชเ้ กณฑใ์ ดในการพจิ ารณา หากใชเ้ กณฑท์ ีก่ รมสง่ เสรมิ การปกครองส่วนท้องถิ่นแบ่งประเภทและขนาด อปท. ก็ไม่จ�ำ เป็นต้องมีการหลอมรวม อปท. เนือ่ งจาก อปท. ทีม่ ขี นาดแตกตา่ งกนั ไมไ่ ดม้ สี ขุ ภาวะทีด่ แี ตกตา่ งกนั แตถ่ า้ พจิ ารณาบนเกณฑ์ ของขนาดประชากรและรายได้ของ อปท. การหลอมรวมจะมีผลต่อการสร้างสุขภาวะที่ดี ของ อปท. เนื่องจาก อปท. ที่มีขนาดของประชากรและรายได้แตกต่างกันมีความแตกต่าง ในการสร้างสุขภาวะที่ดีของชุมชน นอกจากนี้การเปรียบเทียบสมรรถนะสุขภาวะที่ดีของชุมชนในระดับ อปท. ยังก่อให้เกิดประโยชน์ที่สำ�คัญ คือ 1) สามารถชว่ ยคน้ หานวตั กรรมใหมๆ่ ในการบรหิ ารงานของ อปท. ท�ำ ใหท้ ราบวา่ อปท. ที่มีนวัตกรรมการบริหารงานที่ดีอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำ�คัญในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ระหว่างกันของ อปท. 2) อปท. ทราบช่องว่างการพัฒนาตนเองว่าอยู่ในระดับใด รวมทั้งช่องว่าง การแลกเปลี่ยนที่จะพัฒนาตนเองให้มีสุขภาวะที่ดีขึ้นในอนาคต 3) อปท. สามารถร่นระยะเวลาการพัฒนาตนเอง โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จาก อปท. ที่มีนวัตกรรมการบริหารงานที่เป็นเลิศ รวมทั้งสามารถใช้ความรู้ดังกล่าวมาวาง นโยบายสาธารณะเพื่อยกระดับสุขภาวะของชุมชนบนพื้นฐานที่แตกต่างกัน 4) เป็นข้อมูลสำ�หรับการวางแผนพัฒนาสามปีของท้องถิ่น และเป็นเครื่องมือ ติดตามและประเมินการบริหารงานของ อปท. ที่สอดคล้องกับช่องว่างการพัฒนา นอกจากนีด้ ชั นสี ขุ ภาวะทีด่ ขี องชมุ ชน ยงั เปน็ เครือ่ งมอื ส�ำ คญั ทีส่ ง่ เสรมิ ให้ อปท. ใชข้ อ้ มลู ในการ บริหารจัดการท้องถิ่นให้มีสุขภาวะที่ดีขึ้น แทนการใช้ความรู้สึกหรือประสบการณ์เหมือนเช่น ในอดีต อปท. สามารถเปรียบเทียบและประเมินผลการดำ�เนินงานได้ด้วยตนเอง รวมทั้ง ใช้ติดตามและประเมินผลการทำ�งานของหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าไปสนับสนุน อปท. ในการ สร้างเสริมสุขภาวะที่ดีภายในชุมชน สำ�หรับการศึกษาในอนาคตควรมีการพัฒนาชุดตัวชี้วัดเพิ่มเติมในประเด็นของ ประเมินความสัมฤทธิ์ผลของการดำ�เนินงานของ อปท. ในการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของ ชุมชน

องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ กับการเสริมสร้างสขุ ภาวะท่ีดขี องชมุ ชนเอกสารอา้ งองิ 63ดวงพร เฮงบุณยพันธ์. 2555. ปฏิญญาท้องถิ่น เส้นทางอภิวัฒน์ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำ�นักงาน สนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สน.3), สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ดารุณี จงอุดมการณ์ และ คณะ. 2552. การพัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุขของประชาชนในพื้นที่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น. วารสารพยาบาลศาสตรแ์ ละสขุ ภาพ 32(2), 67-79.สาสินี เทพสุวรรณ์. 2551. ดชั นคี วามอยู่ดมี ีสุขมวลรวมของคนไทย. การประชุมวิชาการระดับบัณฑิต ศึกษา ครั้งที่ 1, 318-336.สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2549. กรอบแนวคดิ หลักเกณฑ์ และ วธิ ีวัดความอย่ดู มี สี ขุ ของคนไทย. กรุงเทพฯ: สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ.Cooke, M. 2005. The First Nations Community Well-Being Index (CWB): A Conceptual Review. Ottawa: Minister of Indian Affairs and Northern Development.Cox, D., Frese, M., West, S. and Wiseman, J. 2010. Developing and using local community wellbeing indicators: Learning from the experience of Community Indicators Victoria. Australian Journal of Social 45(1), 71-88.Hair, J. F., Black, W.C., Babin, B.J. and Anderson, R.E. 2010. Multivariate Data Analysis. 7th ed. New Jersey: Prentice-Hall International.Hsu, C.L., Lu, H.P. and Hsu, H.H. 2007. Adoption of the mobile internet: An empirical study of multimedia message service (MMS). Omega, 35(6): 715-726.Hollander, J. 2002. Measuring community: Using sustainability indicators in Devens, Massachusetts. Planners’. Casebook 39 (winter): 1-7.Kusel, J. and Fortmann, L.P. 1991. What is community well-being? In J. Kusel and L. Fortman (eds.). Well-being in forest-dependent communities (Volume I). Berkley, California: Forest and Rangeland Resources Assessment Program and California Department of Forestry and Fire Protection.McCaughey Centre. 2006. A Resource Guide Using CIV as a Tool for Council Planning. Victoria: The McCaughey Centre.McHardy, M. and O’Sullivan, E. 2004. Nations Community Well-Being in Canada: The Community Well-Being Index (CWB), 2001. Ottawa: Strategic Research and Analysis Directorate, Indian and Northern Affairs Canada.Redefining Progress and Earth Day Network. 2002. A Community Indicators Guide.Ribova, L. 2002. Individual and Community well-being. http://www.thearctic.is/articles /topics/wellbeing/enska/index.htm (April 23, 2012)Social Policy and Implementation Branch. 2007. Community Well-being Indicators. A discussion paper prepared for the act community inclusion board.United Nations Development Programme (UNDP). 2011. Human Development Report 2011. New York: Palgrave Macmillan.

โครงสร้าง วสิ ัยทศั น์ การขบั เคลื่อนสุขภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในท้องถน่ิภาคผนวกดัชนีและตัวชี้วัดสุขภาวะในระดบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ64 ดชั นี ดัชนียอ่ ย หน่วย ตวั ช้ีวดั ดา้ นสขุ ภาพ 1. อัตราผ้ปู ว่ ยดว้ ยโรคตดิ ต่อตอ่ จ�ำ นวนประชากรทั้งหมด สุขภาพอนามยั ร้อยละ ร้อยละ 2. อตั ราผปู้ ่วยด้วยโรคไม่ตดิ ต่อที่สำ�คัญตอ่ จำ�นวนประชากร ทัง้ หมด กลุม่ 3. จำ�นวนกลุ่มแพทยท์ างเลอื กที่ อปท. สนับสนนุ ภายในพน้ื ท่ี รบั ผิดชอบ ม/ี ไม่ 4. บริการการแพทยฉ์ กุ เฉิน บาท/คน 5. งบประมาณรายจา่ ยงานดา้ นสาธารณสขุ ของ อปท. ต่อหัวประชากร บาท/คน 6. งบประมาณรายจ่ายงานด้านสาธารณสขุ ที่ได้รับการสนับสนนุ จากภายนอกตอ่ หัวประชากร บาท/คน 7. งบประมาณรายจา่ ยทสี่ นบั สนนุ แพทยท์ างเลอื กตอ่ หวั ประชากร มี/ไม่ 8. นโยบายสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของ อปท.ดา้ นความ ความปลอดภัย คดี/คน 1. สัดส่วนจำ�นวนคดปี ระทุษร้ายต่อจ�ำ นวนประชากรท้ังหมดปลอดภยั คด/ี คน 2. สดั สว่ นจ�ำ นวนคดีลักทรพั ยต์ อ่ จำ�นวนประชากรท้ังหมดและป้องกนั ครง้ั /ตร.กม. 3. จ�ำ นวนครง้ั การเกิดอุบัติเหตุบนทอ้ งถนนภยั พิบัติ ตอ่ จ�ำ นวนประชากรท้ังหมด โครงการ 4. จำ�นวนโครงการรณรงค์และป้องกันภยั ยาเสพติดภายในชมุ ชน บาท/คน 5. สัดส่วนงบประมาณรายจ่ายงานดา้ นความปลอดภยั ตอ่ หัวประชากร การปอ้ งกนั มี/ไม่ 1. แผนทีแ่ สดงพน้ื ทเ่ี สีย่ งภยั พบิ ตั นิ า้ํ ปา่ ไหลหลาก และบรรเทา มี/ไม่ และดนิ โคลนถลม่ ภัยพิบัติ 2. วิทยสุ ่ือสารเพอ่ื เตอื นภัยน้าํ ปา่ ไหลหลากและดนิ โคลนถล่ม บาท/คน 3. สัดสว่ นงบประมาณรายจ่ายงานดา้ นการป้องกนั และบรรเทาภยั พิบัติต่อหัวประชากรด้านสวสั ดกิ าร สวัสดกิ าร รอ้ ยละ 1. สัดสว่ นประชากรท่เี ปน็ สมาชิกกองทุนสวัสดกิ ารชมุ ชนชุมชน ชุมชน ตอ่ จำ�นวนประชากร บาท/คน 2. มลู คา่ เงนิ กองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชนตอ่ หัวประชากร บาท/คน 3. มลู คา่ เงนิ ที่ อปท. สมทบกองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชนตอ่ หวั ประชากร ร้อยละ 4. สัดสว่ นงบประมาณรายจา่ ยงานดา้ นบรกิ ารแกส่ ังคม ต่อหวั ประชากรดา้ นเกษตรย่งั ยนื การสนับสนนุ แห่ง 1. จ�ำ นวนแหลง่ เรยี นร้กู ารทำ�เกษตรอินทรีย์ในท้องถ่นิ สง่ เสรมิ ที่สนบั สนนุ โดย อปท. การท�ำ เกษตร อนิ ทรยี ์ ร้อยละ 2. สัดสว่ นครัวเรอื นท่ที �ำ เกษตรอินทรีย์ต่อครัวเรอื นทง้ั หมด บาท/ครวั เรือน 3. งบประมาณรายจา่ ยทีส่ นับสนุนและสง่ เสริม การทำ�เกษตรอนิ ทรยี ์ต่อครวั เรือน บาท/ครวั เรือน 4. งบประมาณรายจ่ายท่ีสนับสนุนและสง่ เสริม การทำ�เกษตรอินทรยี ์ที่ได้รับจากภายนอกต่อครวั เรือน

องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินกบั การเสริมสรา้ งสุขภาวะที่ดีของชุมชนดชั นีและตัวช้ีวดั สขุ ภาวะในระดับองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ (ต่อ)ดชั นี ดัชนยี ่อย หนว่ ย ตวั ช้ีวัดดา้ นการศกึ ษาและเรยี นรู้ การศึกษาเรียนรู้ คร้งั /ปี 1. จำ�นวนกจิ กรรมของกลุ่ม/องคก์ รของเดก็ และเยาวชนด้านทรัพยากร ภายในชมุ ชม เพ่ือการเรียนรรู้ ่วมกันธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม คร้งั /ปี 2. จ�ำ นวนครั้งการจัดกิจกรรมพบปะแลกเปลีย่ นเรียนร้ขู องชุมชน 65ด้านการมสี ว่ นร่วม บาท/คน 3. งบประมาณรายจา่ ยงานดา้ นการศึกษาตอ่ หัวประชากรด้านเศรษฐกิจชุมชน การจดั การ ม/ี ไม่ 1. ขอ้ บัญญัติท้องถนิ่ ในการดแู ลรกั ษาและใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยากร ม/ี ไม่ 2. กตกิ า/ข้อตกลงชุมชน/ท้องถิน่ ในการดูแลรักษา ธรรมชาติ และใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ มี/ไม่ 3. กติกา/ขอ้ ตกลงชุมชน/ทอ้ งถ่ินในการใชป้ ระโยชน์ ที่สาธารณะรว่ มกนั การจัดการ ม/ี ไม่ 1. ข้อบญั ญตั ทิ อ้ งถน่ิ ในการดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มในชุมชน สง่ิ แวดล้อม มี/ไม่ 2. มกี ารส่งเสริมใหค้ รวั เรอื นจัดการขยะด้วยการท�ำ ปุ๋ยหมัก ในชุมชน ม/ี ไม่ 3. มกี ารส่งเสริมใหค้ รัวเรอื นจัดการขยะดว้ ยการคัดแยก ม/ี ไม่ 4. มกี ารคดั แยกขยะรไี ซเคลิ ภายในชุมชน บาท/กิโลกรมั 5. งบประมาณรายจ่ายทใี่ ช้จัดเก็บขยะตอ่ ปรมิ าณขยะทจี่ ัดเกบ็ ได้ ร้อยละ 6. สัดสว่ นรายไดจ้ ากการจดั เกบ็ ขยะต่องบประมาณรายจา่ ย ทใ่ี ช้ในการจัดเกบ็ ขยะ ร้อยละ 7. สัดส่วนพ้นื ที่สีเขียวตอ่ พ้นื ท่ที ้ังหมด การมสี ่วนรว่ ม ร้อยละ 1. สัดส่วนผมู้ าใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ต่อผ้มู สี ทิ ธเ์ิ ลือกตั้ง ของประชาชน ในทอ้ งถิ่นทั้งหมด รอ้ ยละ 2. สดั ส่วนครวั เรือนท่เี ขา้ ร่วมร่างแผนชุมชนต่อครวั เรือนทั้งหมด ร้อยละ 3. สดั สว่ นงบประมาณรายจ่ายของโครงการ/กจิ กรรม ทม่ี าจากแผนชมุ ชนตอ่ งบประมาณรายจา่ ยท้งั หมด เศรษฐกิจชุมชน บาท/ครวั เรอื น 1. รายไดท้ ่จี ัดเก็บเองท้งั หมดต่อครัวเรือน บาท/ครวั เรือน 2. จำ�นวนเงินทนุ ในสหกรณ/์ กองทนุ ชมุ ชนตอ่ ครัวเรอื น บาท/ครัวเรือน 3. รายได้จากการจ�ำ หน่ายผลิตภัณฑ์ชมุ ชนต่อครัวเรือน กจิ กรรม 4. จ�ำ นวนกิจกรรมท่ีสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ให้ประชาชนในชมุ ชน มีความม่ันคงทางเศรษฐกิจ

โครงสรา้ ง วสิ ัยทศั น์ การขบั เคลอ่ื นสขุ ภาวะ และการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ66

องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินกบั การเสรมิ สร้างศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทยี่ วของทอ้ งถิ่น4 67 องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน กับการเสริมสรา้ งศกั ยภาพ ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วของท้องถ่นิการบริหารจัดการท่องเที่ยวในอดีตทั้งที่เป็นการบริหารจัดการทรัพยากรท่องเที่ยว (อุปทาน)และตลาดท่องเที่ยว (อุปสงค์) ตกอยู่ในมือหน่วยงานส่วนกลาง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมศิลปากร เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการกระจายอำ�นาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในปี พ.ศ. 2540 ทำ�ให้ อปท. บางแห่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวต้องมีภาระเพิ่มขึ้นในการดูแลทรัพยากรท่องเที่ยว นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังมีนโยบายที่จะโอนภารกิจด้านการท่องเที่ยวให้แก่ อปท. 3 ภารกิจ ตามแผนการกระจายอำ�นาจให้แก่ อปท. ได้แก่ การวางแผนการท่องเที่ยว การปรับปรุง ดูแล บำ�รุงรักษาสถานที่ท่องเที่ยว และการจัดทำ�สื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้การส่งเสริมการท่องเที่ยวยังเป็นภารกิจตามอำ�นาจหน้าที่ของ อปท. ตามกฎหมายกำ�หนด ได้แก่ พ.ร.บ. สภาตำ�บลและองค์การบริหารส่วนตำ�บล พ.ศ. 2537 พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. 2496 พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และ พ.ร.บ. กำ�หนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำ�นาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 (กรมสง่ เสรมิ การปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ , 2549) ในอนาคต อปท. จึงเป็นองค์กรท้องถิ่นที่มีบทบาทสำ�คัญมากที่สุดในการส่งเสริมการทอ่ งเทีย่ วในท้องถิ่น โดยเฉพาะ อปท. ทีม่ แี หล่งท่องเทีย่ วและกจิ กรรมดา้ นการทอ่ งเทีย่ วภายในท้องถิ่น การดำ�เนินงานหรือการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อปท. ไม่เพียงแต่นำ�มาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนหรือท้องถิ่น ยังมีผลต่อเนื่องไปยังการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ โดยแนวทางการดำ�เนินงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนาคตของ อปท.จะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบหลัก 3 ด้าน ได้แก่ ด้านแหล่งท่องเที่ยว ด้านการบริการการท่องเที่ยว และด้านการตลาดท่องเที่ยว การดำ�เนินงานดังกล่าวจะทำ�ให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว ประชาชนมีอาชีพและเกิดการจ้างงานภายในท้องถิ่น ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวภายในท้องถิ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งเสริม

โครงสร้าง วสิ ัยทัศน์ การขับเคล่ือนสุขภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่ การท่องเที่ยวของ อปท. ตามแนวทางดังกล่าวต้องดำ�เนินการอย่างรอบคอบและคำ�นึงถึง ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตที่ดีของประชาชน เป็นต้น เพื่อให้การท่องเที่ยวในท้องถิ่นพัฒนาอย่างยั่งยืน ความสำ�เร็จของการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของท้องถิ่นต้องอาศัย68 ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ตั้งแต่ในระดับ อปท. ที่ต้องให้ความสำ�คัญกับการส่งเสริม การทอ่ งเทย่ี ว รวมทงั้ การบรหิ ารจดั การแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วในพนื้ ทท่ี รี่ บั ผดิ ชอบ การใหค้ วามรว่ มมอื ของภาคเอกชนในการพัฒนาสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เช่น สถานที่พักแรม ร้านอาหาร เป็นต้น ความร่วมมือของชุมชนในการดูแลและรักษาทรัพยากรท่องเที่ยวทั้งที่ เป็นทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม เพื่อให้ยังคงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทาง มาเยี่ยมเยือน ดังนั้นความสำ�เร็จของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในท้องถิ่นจึงต้อง อาศัยศักยภาพหรือฐานทรัพยากรท่องเที่ยวรวมทั้งสิ่งอำ�นวยความสะดวกที่มีอยู่ในพื้นที่ ความเข้มแข็งของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และทักษะความรู้และความร่วมมือ ของ อปท. และชุมชน เป็นฐานในการพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ซึ่งจะสะท้อนผลลัพธ์ ของการพัฒนาออกมาในรูปแบบของการเพิ่มขึ้นของจำ�นวนนักท่องเที่ยว การได้การยอมรับ จากสังคมในรูปแบบต่างๆ เช่น การได้รับรางวัล การเป็นสถานที่ดูงานหรือเป็นศูนย์เรียนรู้ ให้กับท้องถิ่นอื่นๆ เป็นต้น การศึกษาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ประกอบด้วยปัจจัยและองค์ประกอบที่หลากหลาย และแต่ละองค์ประกอบมีนํ้าหนัก ความสำ�คัญแตกต่างกัน หากพิจารณาบนแนวคิด Structure-Conduct-Performance (S-C-P) paradigm (Mason, 1939) ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นประกอบด้วย 1) โครงสร้าง (structure) ซึ่งเป็นสิ่งสนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยว เช่น สิ่งดึงดูดใจ สาธารณูปโภค สิ่งอำ�นวยความสะดวก สภาพแวดล้อม เป็นต้น และ 2) การดำ�เนินงาน หรอื การจดั การ (conduct) จะเกีย่ วข้องกับนโยบายและ/การสนับสนนุ สง่ เสรมิ การท่องเทีย่ ว ของ อปท. การมีส่วนร่วมของชุมชน การลงทุนของภาคเอกชน เป็นต้น ส่วนความสัมฤทธิ์ผล (performance) เปน็ สิง่ ทีเ่ กดิ จากการสง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ วในทอ้ งถิน่ บนพืน้ ฐานของศกั ยภาพ ด้านการท่องเที่ยวที่แต่ละท้องถิ่นมีแตกต่างกัน เช่น จำ�นวน&แนวโน้มผู้มาเยี่ยมเยือน การได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น นอกจากนี้ จากรูปแบบผังความสัมพันธ์ของ S-C-P ที่นำ�เสนอในรูปที่ 1.1 (Marion, 1976) โครงสร้างอาจมีอิทธิพลต่อการดำ�เนินงาน และ การดำ�เนินงานก็อาจมีอิทธิพลต่อเนื่องไปยังความสัมฤทธิ์ผลของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในท้องถิ่น 4.1 วัตถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา บทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบในเชิงประจักษ์ถึงบทบาทของ อปท. ในการ เสริมสร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ภายใต้การบูรณาการแนวคิดการวัด ความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว (Travel & Tourism Competitiveness Index: TTCI) ทีเ่ สนอโดย World Economic Forum (2013) รว่ มกบั แนวคดิ S-C-P paradigm ของ Mason (1939) ในการพัฒนาตัวชี้วัดศักยภาพด้านการท่องเที่ยว

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินกับการเสริมสรา้ งศกั ยภาพด้านการทอ่ งเทย่ี วของท้องถ่นิของท้องถิ่น ก่อนที่จะนำ�ชุดตัวชี้วัดดังกล่าวมาพัฒนาเป็นแบบจำ�ลองการวัดศักยภาพ 69การท่องเที่ยวของท้องถิ่น เพื่อตรวจสอบขนาดนํ้าหนักความสำ�คัญของการดำ�เนินงานของอปท. ทีเ่ ปน็ หนึง่ ในตวั บง่ ชีศ้ กั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถิน่ และพฒั นาเปน็ แบบจ�ำ ลองความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นกับความสัมฤทธิ์ผลของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น บนพื้นฐานความสัมพันธ์ของ S-C-P paradigmเพื่อตรวจสอบขนาดอิทธิพลของการดำ�เนินงานของ อปท. ที่มีต่อความสัมฤทธิ์ผลของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการวางนโยบายเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่น รวมทั้งการส่งเสริมความสามารถของ อปท. ในการดูแลทรัพยากรทอ่ งเทีย่ ว และนโยบายสง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถิน่ ทีจ่ ะน�ำ มาสูก่ ารพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นต่อไปในอนาคต4.2 การทบทวนวรรณกรรม การทบทวนวรรณกรรมในสว่ นนีน้ �ำ เสนอเฉพาะวรรณกรรมทีเ่ กีย่ วขอ้ งใน 2 ประเดน็คือ บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการพัฒนาการท่องเที่ยว และการประเมินศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น ดังมีรายละเอียดดังนี้4.2.1 บทบาทขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นกับการพัฒนาการท่องเทีย่ ว การส�ำ รวจแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเสอ่ื มโทรมทว่ั ประเทศของ ททท. ระหวา่ งปี พ.ศ. 2540-2542พบว่า มีจำ�นวนทั้งหมด 179 แห่ง และ 49 แห่งอยู่ในสภาวะวิกฤติ โดยแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การดูแลของ อปท. (TAT, 2000 อ้างใน วัชรี ชูรักษา, 2548) ทำ�ให้มีการตื่นตัวที่จะศึกษาวิจัยถึงศักยภาพ บทบาท ปัญหา และอุปสรรคของ อปท. ในการจัดการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะนำ�มาสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (สมยศ มะลิลา, 2546; สจุ ติ ราภา พันธ์วิไล, 2548; วัชรี ชูรักษา, 2548) การศึกษาที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่ภายใต้การดูแลของ อปท. มีศักยภาพด้านแหล่งทอ่ งเทย่ี วทดี่ งึ ดดู ใจ แต่ อปท. มศี กั ยภาพดา้ นการจดั การการทอ่ งเทยี่ วในระดบั นอ้ ยถงึ ปานกลางแม้ว่าจะมีบทบาทในการจัดการพื้นที่ที่ตนดูแลมากขึ้นก็ตาม (สุจิตราภา พันธ์วิไล, 2548;พทั ธมน บณุ ยราศรยั , 2548) ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ ชูกลิ่น อุ่นวิจิตร (2549) ที่ได้สำ�รวจอปท. จำ�นวน 144 แห่ง ในจังหวัดเชียงรายแล้วพบว่า อปท. มีศักยภาพในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวน้อย และมีศักยภาพปานกลางใน 4 มิติ ได้แก่ 1) นโยบายและยุทธศาสตร์2) วสิ ยั ทศั นข์ องผูน้ �ำ 3) ความพรอ้ มของบคุ ลากรทีจ่ ะท�ำ งานกบั ชมุ ชน และ 4) การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน แตใ่ นงานศกึ ษาของ มิง่ สรรพ์ ขาวสอาด และคณะ (2557) พบวา่ การทอ่ งเทีย่ วได้กระจายไปหยั่งรากใน อปท. ในระดับหนึ่ง และมี อปท. จำ�นวนหนึ่งมีความสามารถในการดำ�เนินการบริการจัดการท่องเที่ยวได้ดีระดับหนึ่ง อย่างเช่น อบต.อ่าวนาง (กระบี่)ทต.อุโมงค์ (ลำ�พูน) ทต.สุเทพ (เชียงใหม่) เป็นต้น ส่วนสาเหตุของปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อความสำ�เร็จในการจัดการ เกิดจากการที่กฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยการกระจายอำ�นาจให้แก่ อปท. กำ�หนดให้ อปท. มีหน้าที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งในงานศึกษาของ สำ�เนาว์ เสาวกูล และคณะ (2550) พบว่า อปท.

โครงสรา้ ง วสิ ยั ทศั น์ การขับเคลื่อนสขุ ภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถ่นิ มบี ทบาทในการมสี ว่ นรว่ มในดา้ นตา่ งๆ มาก แตม่ สี ว่ นรว่ มในดา้ นการจดั การการทอ่ งเทยี่ วนอ้ ย เนื่องมาจากปัญหาการทับซ้อนกันของกฎหมาย ระหว่างกฎหมายของ อปท. และกฎหมาย ที่กำ�กับทรัพยากรของหน่วยราชการส่วนกลาง โดย วัชรี ชูรักษา (2548) ได้ยกตัวอย่างปัญหา การครอบครองที่ดินบนเกาะเต่าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำ�คัญของจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งมี70 กรมธนารักษ์เป็นเจ้าของ และองค์การบริการส่วนตำ�บล (อบต.) มีอำ�นาจในการควบคุม การกอ่ สรา้ ง โดยในการกอ่ สรา้ งบนเกาะเตา่ ตอ้ งขออนญุ าตกรมธนารกั ษเ์ พือ่ อนมุ ตั แิ บบแปลน ก่อนจะดำ�เนินการได้ หรือการที่ อบต. มีหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายในการปกป้อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเฉพาะบนบก แต่การปกป้องทรัพยากรทางทะเล เป็นหน้าที่ของกรมประมงในการส่งเรือตรวจตราพื้นที่ ขณะที่การศึกษาของ สมยศ มะลิลา (2546) ในพื้นเทศบาลเมืองลพบุรี ก็ได้ผลการศึกษาในลักษณะเดียวกันว่า แม้ว่าในพื้นที่ เทศบาลเมืองลพบุรีมีแหล่งท่องเท่ียวระดับชาติหลายแห่ง แต่เทศบาลไม่มีหน้าท่ีจัดการ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วที่สำ�คัญ กรณีดังกล่าวข้างต้นเหมือนกับกรณีบทบาทของ อปท. ในการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่ง มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และคณะ (2555) พบว่า กฎหมายที่กำ�กับ ทรัพยากรธรรมชาติเท่าที่มีอยู่มีมาก่อนกำ�เนิด อปท. ดังนั้น อปท. จึงแทบไม่มีอำ�นาจตาม กฎหมายดงั กลา่ ว การบรู ณาการและการประสานงานระหวา่ งหนว่ ยงาน และ อปท. ในการดแู ล ทรัพยากรท่องเที่ยวและการจดั การทอ่ งเทีย่ วในทอ้ งถิ่นจึงเป็นหนึง่ ในบทบาททีท่ ้าทาย อปท. ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อจำ�กัดของอำ�นาจหน้าที่ทางกฎหมาย ทำ�ให้ อปท. ไม่สามารถ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้ การรวมศูนย์อำ�นาจและการขาดการประสานงานของ หน่วยราชการจากส่วนกลาง ทำ�ให้ อปท. ไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ และฉับพลันที่เกิดจากการท่องเที่ยวได้ อย่างเช่น กรณีอำ�เภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และคณะ, 2557) แม้ว่าการบูรณาการและการประสานงานเป็นสิ่งที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวช่วย บรรเทาปญั หาดงั กลา่ ว แตก่ ารที่ อปท. เปน็ องคก์ รใหมท่ ีย่ งั ไมเ่ ปน็ ทีย่ อมรบั มากนกั ประกอบกบั ตัวผู้นำ� และเจ้าหน้าที่ของ อปท. ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตน อยู่มาก เนื่องมาจากสาเหตุในเรื่องของระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทำ�งานเกี่ยวกับ อปท. และการเปน็ คนในทอ้ งถิน่ (ศริ พิ นั ธ์ ไพโรจนร์ ตั น,์ 2543; วชั รี ชรู กั ษา, 2548) นอกจากนีก้ าร ฝึกอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ อปท. ยังมีอยู่น้อยและไม่ต่อเนื่อง ประเด็นปัญหาข้างต้นยังมีความสำ�คัญน้อยกว่าประเด็นความไม่เพียงพอของ งบประมาณที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำ�คัญในการพัฒนาท้องถิ่น (วัชรี ชูรักษา, 2548; นนั ทพร อดเิ รกโชตกิ ลุ , 2550; ส�ำ เนาว์ เสาวกลู และคณะ, 2550) เนื่องจากงบประมาณของ อปท. ได้มาจากการขยายเงินอุดหนุนและการเก็บภาษี แต่เงินอุดหนุนที่ได้มาแปรผันไปตามสภาพ เศรษฐกิจ โดยการศึกษาของ ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ (2547) พบว่า ระบบการจัดสรรเงินของ สำ�นักงบประมาณ มีอคติต่อภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง และให้การสนับสนุนต่อชุมชนเมือง มากกว่าชนบท นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้วยังมีปัญหาในเรื่องความเหลื่อมล้ำ�ทางการคลัง ด้านรายได้ของ อปท. ทั้งในระดับจังหวัด เทศบาล และตำ�บล (Direk Patmasiriwat, 2012; ปิยะลกั ษณ์ พุทธวงศ์, 2556)

องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินกับการเสรมิ สรา้ งศักยภาพด้านการท่องเทยี่ วของทอ้ งถน่ิปัญหาเรื่องงบประมาณท่ีสำ�คัญอีกประการหนึ่ง คือ การใช้งบประมาณในการส่งเสริม 71การท่องเที่ยวไปในทางอื่น โดยประเด็นนี้อาจอธิบายด้วยผลงานของ สมพงษ์ ธงไชย (2547)ที่พบว่า ศักยภาพการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับทรัพยากรท่องเที่ยวทีแ่ ตล่ ะพืน้ ทีม่ แี ตกตา่ งกนั สง่ ผลท�ำ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธใ์ นการด�ำ เนนิ การแตกตา่ งกนั อยา่ งไรกต็ ามปัญหาเรื่องงบประมาณที่น่ากังวลและไม่ควรมองข้าม คือ ปัญหาการคอรัปชั่น เนื่องจากเงินงบประมาณของ อปท. ขึ้นอยู่กับเงินภาษี และงบประมาณอุดหนุนที่แปรไปตามสภาพเศรษฐกิจ แต่เงินเหล่านี้มีจำ�นวนเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ผลงานการพัฒนากลับไม่ปรากฏอย่างเป็นรูปธรรมอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ อาชีพและรายได้ของชาวบ้าน ส�ำ หรบั ปจั จยั การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนกม็ คี วามส�ำ คญั ไมน่ อ้ ยไปกวา่ ปจั จยั ทางดา้ นอน่ื ๆซึ่งผลงานการศึกษาหลายชิ้นสะท้อนปัญหาและเสียงร้องของประชาชนว่า ต้องการมีส่วนร่วมในการวางแผนการดำ�เนินงานมากขึ้น (มาฆะ ขิตตะสังคะ, 2548; นันทพร อดิเรกโชติกุล,2550) เช่น การศึกษาของ มาฆะ ขิตตะสังคะ (2548) พบว่า กระบวนการวางแผนพัฒนาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย กระทำ�โดยคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งทั้ง อบต.และประชาชนไม่มีส่วนรับรู้ ยิ่งไปกว่านั้นแผนดังกล่าวยังเป็นไปในเชิงทฤษฎีมากกว่าเชิงปฏิบัติ เป็นต้น นอกจากปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างเชิงนโยบายและงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับความพร้อมและศักยภาพของการพัฒนาการท่องเที่ยวแล้ว การประชาสัมพันธ์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำ�เร็จของการพัฒนาการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ซึ่งเห็นได้จากงานศกึ ษาของ นนั ทพร อดเิ รกโชตกิ ลุ (2550) ทีพ่ บวา่ แมก้ ารพฒั นาประชาสมั พนั ธก์ ารทอ่ งเทีย่ วของ อบต. ในกลุ่มอีสานมีผลต่อการท่องเที่ยว แต่ อปท. ยังไม่มีแผนประชาสัมพันธ์ที่ดีและชัดเจน อีกทั้งบุคลากรยังขาดความสามารถในการสื่อสารและการผลิตสื่อ ทั้งนี้แม้ว่าจะมีโครงการอินเตอร์เน็ตตำ�บลที่สนับสนุนให้แต่ละตำ�บลมีเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์เป็นของตัวเองแต่เว็บไซต์ดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้จริงตามที่กล่าวอ้างสำ�หรับข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาข้างต้นและความคาดหวังของประชาชน รวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นต่อปัญหาดังกล่าวพอสรุปได้ดังนี้ 1) ขอ้ เสนอแนะทีเ่ กีย่ วกบั อปท. โดยให้ อปท. มอี �ำ นาจในการจดั การอยา่ งเตม็ ที่และส่งเสริมให้มีการประสานงานเชิงบูรณาการมากขึ้น ขณะเดียวกัน อปท. ควรได้รับการอบรมที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม 2) ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับชุมชน กล่าวคือ ควรมีการส่งเสริมให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การวางแผนการปฏิบัติการ การประเมินและติดตามผล รวมถึงการจัดสรรผลประโยชน์อย่างยุติธรรมและให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากขึ้น 3) ให้มีการสนับสนุนงบประมาณมากขึ้น และมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด 4) ส่งเสริมด้านการประชาสัมพันธ์ โดยให้หน่วยงาน เช่น ททท. ช่วยในการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

โครงสร้าง วิสยั ทัศน์ การขับเคลอ่ื นสขุ ภาวะ และการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมในทอ้ งถิ่น จากการทบทวนงานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับบทบาทของ อปท. กับการพัฒนาการท่องเที่ยว ในท้องถิ่น พบว่า การศึกษาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่องศักยภาพ บทบาทหน้าที่ และความ สามารถในการจัดการการท่องเที่ยวของ อปท. ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการเสริมสร้าง ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น แต่ยังขาดงานวิจัยในเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นถึง72 ความส�ำ คญั ของบทบาทความสามารถของ อปท. ในการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว ของท้องถิ่น 4.2.2 การประเมนิ ศกั ยภาพดา้ นการท่องเทีย่ วในระดบั ท้องถน่ิ การประเมินศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นมีการประเมินในหลาย รปู แบบ เชน่ การประเมนิ ศกั ยภาพของการเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วเชงิ นเิ วศ การประเมนิ ศกั ยภาพ กิจกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น การประเมินตามแนวทางนี้ส่วนใหญ่ใช้แบบสอบถาม ในการสัมภาษณ์หรือสำ�รวจแหล่งท่องเที่ยว การสังเกตอย่างมีส่วนร่วม การประเมินด้วย การวิเคราะห์ SWOT เช่น การประเมินศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงกีฬาของจังหวัด เชียงใหม่ (กมลวรรณ กาญจนกิตติ, 2545) การศึกษาศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยว เชิงเกษตรหมู่บ้านรอบบริเวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ (ศโิ รรัตน์ หอมนาน, 2547) เป็นต้น ผลการศกึ ษาศกั ยภาพดา้ นการจดั การทอ่ งเทย่ี วทผี่ า่ นมา สว่ นใหญเ่ ปน็ การประเมนิ ศักยภาพในการจัดการท่องเที่ยวในระดับชุมชน โดยชุมชนที่ประสบความสำ�เร็จจะมี ศักยภาพสูงทางด้านโครงสร้างกายภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งดึงดูดใจทั้งที่เป็น ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น และความพร้อมของปัจจัยพื้นฐานสำ�หรับ รองรับนักท่องเที่ยว นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้วการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและการที่ การทอ่ งเทยี่ วไมใ่ ชอ่ าชพี หลกั ของคนในชมุ ชน เปน็ อกี สองปจั จยั ทมี่ คี วามส�ำ คญั ตอ่ ความส�ำ เรจ็ ในการจัดการท่องเที่ยวภายในชุมชน (มธุรส ปราบไพรี, 2543; นิรันดร์ บุญเนตร, 2547) อย่างไรกต็ าม แมว้ า่ ชมุ ชนจะมีศักยภาพสูงในการดแู ลรกั ษาสิ่งแวดลอ้ มและมสี ว่ นรว่ มในการ จดั การทอ่ งเทีย่ วก็มไิ ด้เปน็ การการนั ตวี า่ ชมุ ชนจะประสบความสำ�เรจ็ ในการจดั การทอ่ งเทีย่ ว หากชุมชุมดังกล่าวมีศักยภาพตํ่าในเรื่องของการให้บริการการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจสำ�คัญของการจัดการท่องเที่ยว (คมสัน วาฤทธ์,ิ 2545) จากงานศึกษาที่ผ่านมา มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า ลักษณะของชุมชนที่ประสบ ความสำ�เร็จส่วนใหญ่มีลักษณะเด่นที่สำ�คัญ คือ เป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะวัฒนธรรมร่วมกัน และการจัดการส่วนใหญ่เป็นการจัดการโดยชุมชนไม่ใช่ดำ�เนินการโดย อปท. ขณะที่ชุมชน ที่ไม่ค่อยประสบความสำ�เร็จส่วนใหญ่มีปัญหาที่คล้ายกันในเรื่องของการจัดการแนวดิ่ง โดยรัฐส่วนกลาง หรือหน่วยงานราชการ หรือกลุ่มผู้นำ� และดำ�เนินการโดยเน้นการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวมากเกินไป นอกจากนี้ในการจัดการท่องเที่ยว ของชุมชนยังมีปัญหาในเรื่องของการกระจายรายได้และความไม่เท่าเทียมกันในการกระจาย ผลประโยชน์ภายในชุมชน (ม่ิงสรรพ์ ขาวสอาด และคณะ, 2548; Untong et al., 2006) การศึกษาที่ผ่านมาเกี่ยวกับการประเมินศักยภาพในระดับท้องถิ่นเกือบทั้งหมด เป็นงานประเมินระดับแหล่งท่องเที่ยวหรือชุมชน ขาดงานศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์

องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินกบั การเสริมสรา้ งศกั ยภาพด้านการทอ่ งเทีย่ วของท้องถนิ่ศักยภาพของ อปท. โดยสามารถสรุปผลที่ได้จากงานศึกษาที่ผ่านมาได้ว่า ปัญหาของ 73แหล่งท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการคมนาคมที่เข้าถึงยาก อปท. ไม่มีอำ�นาจในการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนปัญหาการแบ่งผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวจนทำ�ให้เกิดความแตกสามคั คภี ายในชมุ ชน นอกจากนีใ้ นการจดั การทอ่ งเทีย่ วของชมุ ชน ประชาชนอาจตอ้ งการมีส่วนร่วมในบางขั้นตอนเท่านั้น โดยเฉพาะขั้นตอนการปฏิบัติ (จฑุ ามาศ ลมิ้ รตั นพนั ธ,์ 2547)อยา่ งไรกต็ าม การพฒั นาศกั ยภาพของชมุ ชนในการจดั การทอ่ งเทยี่ วควรมกี ารเตรยี มความพรอ้ มให้กับชุมชนในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่การวางแผนการจัดการ การทำ�แผนงานหรือโปรแกรมการท่องเที่ยว การเตรียมแผนโฆษณา การเตรียมพร้อมในการให้บริการ รวมทั้งการมีคณะกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน (ยศ สนั ตสมบัติ และคณะ, 2544)4.3 วธิ ีดำ�เนนิ การวิจัย4.3.1 กรอบแนวคดิ การวัดศกั ยภาพด้านการทอ่ งเที่ยวของท้องถนิ่ กรอบแนวคิดการวัดศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นที่นำ�เสนอในรูปที่ 4.1เป็นการบรูณาการแนวคิดการวัดความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและท่องเที่ยว(TTCI) ร่วมกับแนวคิด S-C-P paradigm โดยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นประกอบด้วย 1) องค์ประกอบด้านโครงสร้าง (structure) และ 2) องค์ประกอบด้านการดำ�เนินงาน (conduct) ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสัมฤทธิ์ผล (performance) ของการส่งเสริมการท่องเที่ยวของท้องถิ่นรปู ท่ี 4.1 กรอบแนวคดิ ศักยภาพด้านการทอ่ งเท่ียวของท้องถ่ินและความสมั ฤทธิ์ผลจากการส่งเสรมิ การทอ่ งเทย่ี วในทอ้ งถนิ่ ศกั ยภาพดŒานการทอ‹ งเทีย่ ว ของทอŒ งถิ�น โครงสรŒาง การดำเนนิ งาน ความสมั ฤทธ�์ผล(structure) (conduct) (performance)

โครงสรา้ ง วิสยั ทัศน์ การขับเคลื่อนสขุ ภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมในท้องถ่นิ รูปที่ 4.1 เป็นกรอบแนวคิดพื้นฐานที่ใช้พัฒนาแบบจำ�ลองเพื่อทดสอบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ว่า โครงสร้าง และการดำ�เนินงาน เป็นองค์ประกอบที่มีขนาดนํ้าหนักความสำ�คัญในการบ่งชี้ ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นหรือไม่อย่างไร และองค์ประกอบทั้งสองมีอิทธิพลต่อ ความสมั ฤทธผ์ิ ลของการสง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ วในทอ้ งถน่ิ หรอื ไมอ่ ยา่ งไร กลา่ วคอื ความสมั ฤทธผิ์ ล74 จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นอาจมาจากการที่ท้องถิ่นมีปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ เข้มแข็ง (ทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและ/โครงสร้างเชิงนโยบายที่เกื้อหนุนต่อ การพัฒนาการท่องเที่ยว) หรือการลงทุนของภาคเอกชน และ/หรือการดำ�เนินงานที่ดีของ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ (อปท.) ทีส่ นบั สนนุ และสง่ เสรมิ การพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วในทอ้ งถิน่ โดยปัจจัยเหล่านี้อาจมีผลทำ�ให้การท่องเที่ยวในท้องถิ่นสัมฤทธิ์ผลในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น การเพิ่มขึ้นของจำ�นวนและ/หรือแนวโน้มผู้มาเยี่ยมเยือนหรือนักท่องเที่ยว การได้รับ รางวัลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เนื่องจากแต่ละภาคส่วนของท้องถิ่น เช่น ภาคเอกชน ภาครัฐ (ส่วนกลางหรือท้องถิ่น) ภาคประชาชน เป็นต้น อาจมีความสามารถหรือความชำ�นาญ ในการส่งเสริมหรือสนับสนุนการท่องเที่ยวของท้องถิ่นแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ในการดำ�เนินงานและข้อจำ�กัดที่แตกต่างกันของแต่ละท้องถิ่น จากแนวคดิ พนื้ ฐานในรปู ท่ี 4.1 การด�ำ เนนิ งานของ อปท. ในการสง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว มกั เกีย่ วขอ้ งกบั องคป์ ระกอบ 2 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) องคป์ ระกอบดา้ นโครงสรา้ งทีเ่ ปน็ เรือ่ ง ของความพร้อมด้านกฎหมายและการดูแลจัดการสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นที่เกื้อหนุนต่อ การท่องเที่ยว และ 2) องค์ประกอบด้านการดำ�เนินงานที่เป็นเรื่องของนโยบายการส่งเสริม ท่องเที่ยว การจัดกิจกรรม และการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ ดังนั้นเพื่อให้เห็นถึงบทบาทความสำ�คัญของการดำ�เนินงานของ อปท. จึงแยกองค์ประกอบ โครงสร้างออกเป็น 2 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ โครงสร้างเชิงนโยบาย และโครงสร้างเชิง กายภาพ และแยกองคป์ ระกอบการด�ำ เนนิ งานออกเปน็ 2 องคป์ ระกอบยอ่ ย เชน่ เดยี วกนั ไดแ้ ก่ การดำ�เนินงานของ อปท. และการลงทุนของภาคเอกชน ดังนั้น ศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ของท้องถิ่น ประกอบด้วยองค์ประกอบสำ�คัญ 4 องค์ประกอบ ได้แก่ โครงสร้างเชิงนโยบาย โครงสร้างเชิงกายภาพ การลงทุนของภาคเอกชน และการดำ�เนินงานของ อปท. 4.3.2 ขอ้ มูลท่ีใช้ในการศึกษา ขอ้ มลู ทีใ่ ชศ้ กึ ษาไดจ้ ากการสง่ แบบส�ำ รวจไปยงั อปท. ทอ่ งเทีย่ ว จ�ำ นวน 1,889 แหง่ โดยคัดเลือก อปท. จากฐานข้อมูล กชช. 2ค ในปี พ.ศ. 2554 มีแบบสำ�รวจที่สามารถใช้ วิเคราะห์ได้จำ�นวน 256 ชุด คิดเป็นร้อยละ 13.55 ของ อปท. ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมด ของไทย แบบสำ�รวจประกอบด้วยชุดคำ�ถาม 4 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไปของ อปท. ข้อมูลด้าน โครงสร้างกายภาพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว (ประกอบด้วย สิ่งดึงดูดใจ ความหลากหลาย และก�ำ ลงั รองรบั ของอตุ สาหกรรม สิง่ อ�ำ นวยความสะดวก ขอ้ มลู ดา้ นความปลอดภยั การเขา้ ถงึ แหล่งท่องเที่ยวสำ�คัญ) ข้อมูลด้านการดำ�เนินงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และข้อมูลด้าน ความสัมฤทธิ์ผลของการพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กบั การเสรมิ สร้างศักยภาพด้านการท่องเท่ียวของทอ้ งถ่ินขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากขอ้ ค�ำ ถามในแบบส�ำ รวจถกู น�ำ มาใหค้ ะแนนตามเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนทก่ี �ำ หนดขน้ึและเพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้จึงแปลงค่าคะแนนให้มีค่าระหว่าง 1-7 ด้วยสูตร[6*{(คะแนนของ อปท. – คะแนนตํ่าสุด)/(คะแนนสูงสุด-คะแนนตํ่าสุด)}+14.3.3 ตวั แปรทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 75 จากชุดตัวชี้วัดทั้งหมด การศึกษานี้เลือกตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องจำ�นวน 12 ตัวชี้วัดมาใช้ในการศึกษา ดังแสดงในตารางที่ 4.1ตารางที่ 4.1 ตวั แปรและที่มาของตวั แปรทใ่ี ช้ในการศึกษาตัวแปรแฝง ตวั แปรสงั เกตได้ ที่มาของตัวแปร (เกณฑก์ ารประเมินในแต่ละด้าน)โครงสร้างเชิงนโยบาย 1. ความพร้อม 1. การมเี ทศบญั ญัตวิ ่าดว้ ยการจัดการน้าํ เสียโครงสรา้ ง ดา้ นกฎหมาย 2. การมีเทศบญั ญัตวิ ่าดว้ ยการจัดการขยะเชิงกายภาพ 3. การมีเทศบญั ญตั วิ ่าด้วยการจดั การกจิ การที่เปน็ อนั ตรายการลงทนุของภาคเอกชน 4. การมเี ทศบญั ญตั ิ/ข้อบญั ญตั ิเกยี่ วกับการใช้ประโยชนท์ ด่ี ิน 2. ความพรอ้ ม 1. การมโี ครงการ/กจิ กรรมเก่ยี วกับภมู ิทัศนเ์ มืองและคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม ด้านสภาพแวดล้อม 2. การไม่มีปัญหาการบกุ รุกที่สาธารณะและแหลง่ ท่องเทยี่ ว 3. คณุ ภาพ 1. มแี หล่งท่องเทยี่ วระดบั ชาติในท้องถ่ิน ของสงิ่ ดงึ ดดู ใจ 2. จ�ำ นวนแหล่งทอ่ งเทยี่ วทีม่ ใี นท้องถิ่น 3. มีแหลง่ ท่องเท่ียว/กิจกรรมท่มี ีคนไทยและตา่ งชาตมิ าท่องเทยี่ ว 4. ความพรอ้ ม 1. มีระบบกำ�จัดขยะรวม/ชุมชนดูแลขยะเอง ของสงิ่ อำ�นวย 2. มเี ตาเผาขยะ ความสะดวก 3. มรี ถพยาบาลใหบ้ ริการเคลื่อนที่/ใชก้ รณีฉุกเฉิน 4. มีศูนย์ขอ้ มูลนกั ท่องเท่ียว 5. มีอนิ เทอร์เนต็ ไร้สาย 6. มีแผนที่ทอ่ งเทย่ี วของทอ้ งถ่ิน 7. มีหอ้ งน้าํ สาธารณะมผี ้ดู แู ลความสะอาด 8. มปี ้ายบอกทางไปสถานทที่ อ่ งเท่ียว 9. มีสวนสาธารณะหรือพนื้ ทส่ี เี ขยี ว 5. ความพรอ้ ม 1. จ�ำ นวนโรงแรมส�ำ หรับรองรบั นกั ทอ่ งเท่ียว ของสถานที่พักแรม 2. จำ�นวนประเภทของท่พี ักอ่นื ๆ สำ�หรับรองรับนกั ทอ่ งเทย่ี ว 6. ความพรอ้ ม 3. จำ�นวนภัตตาคารสำ�หรับรองรับนักท่องเทีย่ ว ของภตั ตาคาร รา้ นอาหาร และเครอ่ื งดม่ื 4. จำ�นวนประเภทของร้านอาหารอืน่ ๆ ส�ำ หรบั รองรับนักท่องเท่ียว 7. ความพรอ้ ม 1. มีผบั บาร์ ของสถานบันเทงิ ราตรี 2. มีร้านคาราโอเกะ 3. มดี ิสโก้คลับ 4. มกี ารแสดงโชว์อนื่ ๆ 5. มสี ถานบนั เทิงยามราตรอี ่นื ๆ

โครงสร้าง วิสยั ทศั น์ การขบั เคล่อื นสุขภาวะ และการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในท้องถ่นิตารางที่ 4.1 ตวั แปรและท่มี าของตัวแปรทใี่ ช้ในการศกึ ษา (ต่อ)ตัวแปรแฝง ตัวแปรสงั เกตได้ ทม่ี าของตวั แปร (เกณฑก์ ารประเมนิ ในแตล่ ะด้าน)การด�ำ เนินงาน 8. การมนี โยบาย 1. มีแผนก/ฝา่ ยทอ่ งเท่ยี วใน อปท.ของ อปท. และแผนทอ่ งเทยี่ ว 2. อปท. มีแผนทอ่ งเท่ยี ว76 3. มกี ารบรหิ ารจัดการการใชป้ ระโยชน์ที่สาธารณะเพือ่ การทอ่ งเทย่ี ว 4. ผู้บริหารมแี นวนโยบายจดั การการทอ่ งเทย่ี วท่ชี ัดเจน 9. การจัดกิจกรรม 1. จ�ำ นวนกิจกรรมทจ่ี ัดขนึ้ เพอ่ื ส่งเสรมิ การทอ่ งเที่ยว และการสนับสนุน 2. จำ�นวนการดำ�เนนิ งานทส่ี นับสนุนการทอ่ งเที่ยว 3. มโี ครงการถนนปลอดขยะ และเก็บขยะในเวลากลางคืน 4. จ�ำ นวนโครงการและกิจกรรมการจดั การขยะ (ยกเว้น เตาเผาขยะ) 5. ผบู้ รหิ ารมกี ารแสวงหาทนุ เพ่ิมเติมเพือ่ การจัดการท่องเที่ยว 6. มบี คุ ลาการทร่ี บั ผิดชอบดา้ นการจดั การทอ่ งเที่ยว 10. การส่งเสริม 1. จำ�นวนกลมุ่ สนบั สนบั สนุนการทอ่ งเทย่ี วในทอ้ งถน่ิ ใหป้ ระชาชนมสี ่วนรว่ ม ในการจดั การ 2. มกี ารเปดิ โอกาสใหช้ ุมชนมีส่วนรว่ มพิจารณาโครงการ/กจิ กรรม การท่องเที่ยว 3. มรี ะบบ/หน่วยรับร้องเรยี นจากประชาชนความสมั ฤทธ์ผิ ล 11. จำ�นวนและแนวโนม้ 1. จำ�นวนนกั ทอ่ งเที่ยวชาวไทยท่ีค้างคืน ผมู้ าเย่ยี มเยือน 2. จำ�นวนนักทศั นาจรชาวไทยท่ีไม่ค้างคืน 3. จ�ำ นวนนกั ท่องเทย่ี วชาวตา่ งชาตทิ ีค่ ้างคนื 4. จำ�นวนนกั ทัศนาจรชาวตา่ งชาตทิ ่ไี มค่ า้ งคืน 5. แนวโนม้ จำ�นวนนกั ทอ่ งเทย่ี วชาวไทย 6. แนวโน้มจ�ำ นวนนกั ทอ่ งเท่ยี วชาวตา่ งชาติ 12. การไดร้ ับรางวลั 1. อปท. เคยได้รางวลั ระบบจัดการส่ิงแวดลอ้ ม (การรบั รองมาตรฐาน) ท่เี ก่ียวข้อง 2. อปท. เคยไดร้ างวลั การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาต,ิ ธรรมาภิบาล, พระปกเกล้า ฯลฯ 3. ชุมชน/ท้องถ่ิน/แหลง่ ท่องเที่ยวเคยไดร้ างวัล/รับรองมาตรฐาน เกีย่ วกบั การทอ่ งเที่ยว 4. บุคคล/องคก์ รเคยได้รบั รางวัล/รับรองมาตรฐานเกย่ี วกบั การทอ่ งเท่ยี ว 5. แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วได้รบั รองมาตรฐานจากระทรวงการท่องเทย่ี วและกฬี า 6. มีนวัตกรรมการจดั การ/บรหิ าร/พัฒนาการท่องเทย่ี วทค่ี วรไดร้ ับรางวัล

องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นกบั การเสรมิ สร้างศกั ยภาพดา้ นการท่องเทีย่ วของทอ้ งถน่ิ4.3.4 แบบจำ�ลองที่ใชใ้ นการศกึ ษา จากรูปที่ 4.1 และชุดตัวแปรในตารางที่ 4.1 นำ�มาพัฒนาเป็นแบบจำ�ลองการวัดศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ได้ดังแสดงในรูปที่ 4.2รูปที่ 4.2 แบบจำ�ลองการวัดศักยภาพดา้ นการทอ่ งเท่ียวของทอ้ งถนิ่ 77 ความพรŒอม โครงสรŒาง ดŒานกฎหมาย เชงิ นโยบาย ความพรอŒ มดŒานสภาพแวดล�อม คุณภาพของ โครงสรŒาง ศกั ยภาพ สง� ดึงดดู ใจ เชงิ กายภาพ ดŒานการทอ‹ งเทีย่ ว ความพรŒอมของ การลงทุนของสง� อำนวยความสะดวก ภาคเอกชน ของทŒองถิน� ความพรŒอมของ สถานทพี่ กั แรม ความพรอŒ มของภัตตาคาร/รŒานอาหาร ความพรŒอมของ สถานบนั เทิงราตร� การมนี โยบาย การดำเนินงานและแผนทอ‹ งเทยี่ ว ของ อปท. การจัดกจิ กรรมและการสนับสนนุ การส�งเสรม� ใหŒประชาชนมสี ว� นรว‹ มแบบจำ�ลองในรูปที่ 4.2 ประกอบด้วยตัวแปรสังเกต 10 ตัวแปร ตัวแปรแฝง 5 ตัวแปรโดยมีพารามิเตอร์ที่ต้องประมาณค่า 34 ตัว ดังนั้นแบบจำ�ลองดังกล่าวมีองศาความเป็นอิสระ (degree of freedom) เท่ากับ 21 [(10*((10+1)/2))-34] แสดงว่า เมทริกซ์variance-covariance ของชุดตัวแปรสังเกตมีสมาชิกมากกว่าค่าพารามิเตอร์ในแบบจำ�ลองหรือเรียกว่า over identified ซึ่งตัวแปรแฝงแต่ละตัวในแบบจำ�ลองถูกกำ�หนดให้วัดค่าได้และสามารถประมาณค่าพารามิเตอร์ของแบบจำ�ลองได้

โครงสร้าง วิสยั ทัศน์ การขับเคลื่อนสุขภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในท้องถิ่น การศึกษาในส่วนนี้เป็นการศึกษาส่วนแรกที่ประยุกต์ใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบสองระดับ (second-order factor analysis) ค้นหาขนาดนํ้าหนักความสำ�คัญของแต่ละตัวแปรและ องค์ประกอบที่เป็นตัวบ่งชี้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ซึ่งข้อมูลจำ�นวน 256 ชุด เพียงพอที่จะใช้เทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบสองระดับ เนื่องจาก ขนาดตัวอย่างขั้นตํ่า78 สำ�หรับการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคดังกล่าวควรมีจำ�นวนไม่น้อยกว่า 200 หรือ 5/10/15 ตัวอย่างต่อ 1 พารามิเตอร์ (Kline, 2012; Tabanchik and Fidel, 2012) สำ�หรับการศึกษาในส่วนต่อมา พัฒนาแบบจำ�ลองจากพื้นฐานแนวคิดศักยภาพ ด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นและความสัมฤทธิ์ผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ดังที่แสดงในรูปที่ 4.1 ร่วมกับชุดตัวแปรในตารางที่ 4.1 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์เชิง สาเหตุว่า องค์ประกอบด้านโครงสร้าง (ที่ประกอบด้วยโครงสร้างเชิงนโยบายและโครงสร้าง เชงิ กายภาพ) มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การลงทนุ ของภาคเอกชน การด�ำ เนนิ งานของ อปท. ในการสง่ เสรมิ และสนับสนุนการท่องเที่ยวของท้องถิ่น และความสัมฤทธิ์ผลของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในท้องถิ่นที่พิจารณาผ่านจำ�นวน&แนวโน้มผู้มาเยี่ยมเยือน และการได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้อง อย่างไรบ้าง ดังแสดงในรูปที่ 4.3รูปท่ี 4.3 แบบจำ�ลองความสัมพันธร์ ะหวา่ งศักยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถนิ่ และความสัมฤทธิผ์ ลจากการส่งเสริมการท่องเท่ยี วในทอ้ งถนิ่ ความพรอŒ มของ ความพรอŒ มของ ความพรŒอมของ สถานทีพ่ ักแรม ภตั ตาคาร/รŒานอาหาร สถานบนั เทงิ ราตร� ความพรŒอม การลงทุนของ ดŒานกฎหมาย ภาคเอกชน ความพรŒอม ดาŒ นสภาพแวดลอ� ม โครงสราŒ ง H1 H5 คุณภาพของ เชิงนโยบาย จำนวน&แนวโนŒม ส�งดึงดดู ใจ โครงสราŒ ง โครงสรŒาง H3 ผูมŒ าเย่ียมเยอื น ความ ความพรอŒ มของ เชิงกายภาพ H4 การไดรŒ บั รางวลั สมั ฤทธผ์� ลส�งอำนวยความสะดวก ของการพฒั นา ทีเ่ กยี่ วขอŒ ง การท‹องเที่ยว H6 ในทอŒ งถิ�น H2 การดำเนินงาน ของ อปท. การมีนโยบาย การจัดกิจกรรม การสง� เสรม� ใหŒ และแผนท‹องเทีย่ ว และการสนบั สนุน ประชาชนมสี �วนรว‹ ม

องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกับการเสรมิ สรา้ งศักยภาพด้านการทอ่ งเทยี่ วของท้องถน่ิจากแบบจำ�ลองในรูปที่ 4.3 สามารถกำ�หนดสมมติฐานเพื่อการทดสอบได้ 6 สมมติฐาน ดังนี้ 79สมมติฐานที่ 1 H1 : โครงสร้างมีอิทธิพลโดยตรงต่อการลงทุนของภาคเอกชนสมมติฐานที่ 2 H2 : โครงสร้างมีอิทธิพลโดยตรงต่อการดำ�เนินงานของ อปท.สมมติฐานที่ 3 H3 : โครงสร้างมีอิทธิพลโดยตรงต่อจำ�นวน&แนวโน้มผู้มาเยี่ยมเยือนสมมติฐานที่ 4 H4 : โครงสร้างมีอิทธิพลโดยตรงต่อการได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้องสมมติฐานที่ 5 H5 : การลงทุนของภาคเอกชนมีอิทธิพลโดยตรงต่อจำ�นวน&แนวโน้ม ผู้มาเยี่ยมเยือนสมมติฐานที่ 6 H6 : การดำ�เนินงานของ อปท. มีอิทธิพลโดยตรงต่อการได้รับรางวัล ที่เกี่ยวข้องแบบจำ�ลองในรูปที่ 4.3 ประกอบด้วยตัวแปรสังเกต 12 ตัวแปร ตัวแปรแฝง 5 ตัวแปรโดยมพี ารามเิ ตอร์ทีต่ อ้ งประมาณคา่ 35 ตัว ดงั นั้นแบบจำ�ลองดังกลา่ วมอี งศาความเปน็ อิสระ(degree of freedom) เท่ากับ 43 [(12*((12+1)/2))-35] แสดงว่า เมทริกซ์ variance-covariance ของชดุ ตวั แปรสงั เกตมสี มาชกิ มากกวา่ คา่ พารามเิ ตอรใ์ นแบบจ�ำ ลอง หรอื เรยี กวา่over identified ซึ่งตัวแปรแฝงแต่ละตัวในแบบจำ�ลองถูกกำ�หนดให้วัดค่าได้ และสามารถประมาณค่าพารามิเตอร์ของแบบจำ�ลองได้ การศึกษาส่วนนี้เป็นการวิเคราะห์เชิงสถิต (static) โดยประยุกต์แบบจำ�ลองสมการโครงสร้าง (Structural Equation Model: SEM) ตรวจสอบและประมาณค่าขนาดความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นและความสัมฤทธิ์ผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น แม้ว่าจะยังไม่มีการสรุปว่า ขนาดตัวอย่างที่เหมาะสมสำ�หรับการวิเคราะห์ด้วยSEM ควรเป็นจำ�นวนเท่าไหร่ แต่การศึกษาส่วนใหญ่มักเสนอให้มีขนาดตัวอย่างขั้นตํ่าไม่น้อยกว่า 200 ตัวอย่าง (Hoelter, 1983; Garver and Meztzer, 1999; Sivo et al., 2006;Kline, 2011; Tabanchik and Fidel, 2013) ดังนั้นข้อมูลจำ�นวน 256 ชุด จึงเพียงพอที่จะทำ�ให้การวิเคราะห์ด้วย SEM มีอำ�นาจในการทดสอบหรือการวิเคราะห์ทางสถิติภายใต้แบบจำ�ลองในรูปที่ 4.34.3.5 การตรวจสอบลักษณะของข้อมูลท่ใี ชศ้ ึกษา ค่าสถิติพื้นฐานของตัวแปรสังเกตที่แสดงในตารางที่ 4.2 พบว่า ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษามีลักษณะ non-normal distribution (ค่า p-value ในคอลัมน์ “p-value ofnormality tests” มีค่าตํ่ากว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.10) ซึ่งสอดคล้องกับผลการทดสอบmultivariate normality ในแถวนอนสุดท้ายของตารางที่ 4.2 ที่พบว่า ชุดข้อมูลที่ใช้ไม่ผ่านเงื่อนไข multivariate normality ทำ�ให้ค่าสัมประสิทธิ์ที่ได้จากวิธี maximum likelihoodestimation (MLE) อคติ (bias) และไม่มีประสิทธิภาพ (inefficient) ดังนั้นจึงใช้วิธีmaximum likelihood estimation with robust standard errors (MLR) ประมาณค่าสัมประสิทธิ์แทน (Kline, 2012; Muthen and Muthen , 2012)

โครงสร้าง วิสัยทศั น์ การขับเคล่อื นสขุ ภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมในท้องถิ่นตารางท่ี 4.2 ลักษณะข้อมลู ของตัวแปรทใ่ี ชศ้ กึ ษาชอื่ ตวั แปร ค่าเฉลย่ี คา่ สว่ นเบี่ยงเบน p-value of (คะแนน 1-7) มาตรฐาน normality testsความพร้อมดา้ นกฎหมาย 3.467 1.629 0.03180 ความพร้อมดา้ นสภาพแวดลอ้ ม 3.371 1.265 0.024คุณภาพของสิ่งดงึ ดูดใจ 3.272 1.194 0.010ความพร้อมของส่งิ อ�ำ นวยความสะดวก 4.044 1.420 0.015ความพร้อมของสถานท่พี กั แรม 3.219 1.389 0.000ความพรอ้ มของภตั ตาคาร/รา้ นอาหาร 3.242 0.948 0.000ความพร้อมของสถานบันเทิงราตรี 1.721 0.985 0.000การมนี โยบายและแผนทอ่ งเที่ยว 2.910 1.876 0.000การจัดกิจกรรมและการสนบั สนนุ 3.280 1.290 0.013การส่งเสรมิ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม 3.148 1.318 0.001จ�ำ นวน&แนวโน้มผมู้ าเยี่ยมเยือน 1.889 1.071 0.000การไดร้ ับรางวลั ที่เกีย่ วขอ้ ง 1.648 1.003 0.000Multivariate normality test Mardia Skewness = 23.276 [χ2 = >1,000; p-value = 0.000] Mardia Kurtosis = 190.370 [χ2 = 95.321; p-value = 0.000] Henze-zirkler = 1.142 [χ2 = >500; p-value = 0.000] Doomik-Hansen χ2 = 533.289 [p-value = 0.000]ทม่ี า: จากการคำ�นวณนอกจากนี้ ตารางที่ 4.3 ซึ่งเป็นผลการทดสอบความเชื่อมั่นของชุดตัวแปรสังเกตที่ใช้บ่งชี้ตัวแปรแฝงสองตัว ได้แก่ การลงทุนของภาคเอกชน และการดำ�เนินงานของ อปท.(ตัวแปรแฝงอื่นๆ มีตัวแปรสังเกตไม่เพียงพอที่จะใช้ทดสอบความเชื่อมั่นได้) พบว่าคา่ Cronbash’s alpha และ composite reliability ทีค่ �ำ นวณไดม้ คี า่ มากกวา่ เกณฑท์ ีเ่ สนอโดยHair et al. (2010) (0.6 และ 0.7 ตามล�ำ ดบั ) หมายความวา่ ชดุ ตวั แปรสงั เกตมคี วามสมั พนั ธเ์ พยี งพอที่จะนำ�มาใช้สกัดองค์ประกอบเพื่อบ่งชี้ตัวแปรแฝงได้อย่างมีความเชื่อมั่นในเกณฑ์ที่สูงขณะที่ค่า average variance extracted (AVE) ที่ได้มีค่ามากกว่าร้อยละ 50 หมายความว่าตัวแปรแฝง (หรือองค์ประกอบที่สกัดได้) สามารถอธิบายความแปรปรวนของตัวแปรสังเกตได้มากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นตํ่าที่เสนอโดย Hair et al. (2010)ตารางท่ี 4.3 ผลการทดสอบความเชือ่ มนั่ ในการบ่งชต้ี ัวแปรแฝงตัวแปรแฝง (องค์ประกอบ) จ�ำ นวน Cronbach’s alpha Composite Average Varianceการลงทนุ ของภาคเอกชน ตวั แปรสงั เกต (Alpha) Reliability (CR) Extracted (AVE)การดำ�เนนิ งานของ อปท. 0.637 3 0.765 0.653 58.95ท่ีมา: จากการคำ�นวณ 3 0.796 70.51

องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นกับการเสรมิ สร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถ่นิ4.4 ผลการศึกษา 81 การน�ำ เสนอผลการศกึ ษาแบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น สว่ นแรกเปน็ ผลการตรวจสอบขนาดนํ้าหนักความสำ�คัญที่แตกต่างกันขององค์ประกอบที่เป็นตัวบ่งชี้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น เพื่อตอบคำ�ถามและแสดงให้เห็นในเชิงประจักษ์ถึงขนาดความสำ�คัญของการด�ำ เนนิ งานของ อปท. ในการบง่ ชีถ้ งึ ศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถิน่ ส�ำ หรบั สว่ นทีส่ องเป็นผลการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นและความสัมฤทธิ์ผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยพยายามแสดงให้เห็นถึงขนาดอิทธิพลของการดำ�เนินงานของ อปท. ที่มีต่อความสัมฤทธิ์ผลของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ดังมีรายละเอียดในแต่ละส่วนพอสังเขปดังนี้4.4.1 การดำ�เนนิ งานของ อปท. กับศกั ยภาพด้านการทอ่ งเท่ียวของทอ้ งถนิ่ เพื่อให้แบบจำ�ลองตามแนวคิดในรูปที่ 4.2 เหมาะสมและเข้ากันได้หรือกลมกลืน(fit) กับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ได้จากการสำ�รวจ อปท. ท่องเที่ยวที่เป็นชุดตัวอย่าง จึงปรับปรุงแบบจ�ำ ลองดว้ ยการเพิม่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความแปรปรวนของคา่ คลาดเคลือ่ นจากการวดัตามคำ�แนะนำ�ของโปรแกรม (พิจารณาจาก modification indices) ซึ่งหลังจากปรับปรุงแบบจำ�ลองแล้ว พบว่า ค่าสถิติที่ใช้วัดความกลมกลืนมีค่าภายใต้เงื่อนไขที่กำ�หนดดังแสดงในตารางที่ 4.4ตารางที่ 4.4 คา่ สถิติทีใ่ ช้วัดความกลมกลืน (goodness of fit) ของแบบจำ�ลองการวดั ศักยภาพด้านการท่องเท่ียวของทอ้ งถนิ่คา่ สถติ ิที่ใช้วัดกลมกลืน เงอ่ื นไข ค่าท่ีได้ ผลการพจิ ารณา 27.117 (p-value = 0.458) ✓1. χ2 low χ2 and not Sig.2. χ2 / d.f. ≤ 2.00 1.004 ✓3. RMSEA ≤ 0.05 0.004 (0.000, 0.049) ✓4. SRMR ≤ 0.05 0.031 ✓5. Comparative Fit Index (CFI) ≥ 0.95 0.999 ✓6. Tucker Lewis Index (TLI) ≥ 0.90 0.999 ✓หมายเหตุ: χ2= Chi-square, RMSEA = root mean square error of approximation, SRMR = standardized root mean square residualทีม่ า: จากการค�ำ นวณรูปที่ 4.4 แสดงค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐาน (standardized factor loading scores)ของแบบจำ�ลองที่ปรับปรุงแล้ว ซึ่งประมาณค่าด้วยวิธี MLR สำ�หรับค่า goodness of fitเป็นค่าสถิติที่แสดงความกลมกลืนระหว่างแบบจำ�ลองกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยค่าChi-square ใช้ทดสอบสมมติฐานหลักที่ว่า covariance matrix ของข้อมูลเชิงประจักษ์ (S)เท่ากับ covariance matrix ของแบบจำ�ลอง (Σ) [S=Σ] (Hair et al., 2010) ซึ่งมีค่า p-valueที่คำ�นวณได้มากกว่าค่าระดับนัยสำ�คัญที่ 0.05 หมายความว่า ยอมรับสมมติฐานหลักณ ระดับนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.05 แสดงว่า แบบจำ�ลองกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์

โครงสร้าง วสิ ัยทัศน์ การขับเคลือ่ นสขุ ภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิน่ ขณะที่ค่าสถิติ t (t-statistic) ที่คำ�นวณได้ แสดงให้เห็นว่า ค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐาน แต่ละค่าแตกต่างจากศูนย์อย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.05 แสดงว่า ตัวแปรสังเกตแต่ละตัว สามารถบ่งชี้ตัวแปรแฝงได้อย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.05 ตัวเลขที่อยู่บนเส้นระหว่างตัวแปรสังเกต (สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า)82 และตัวแปรแฝง (สัญลักษณ์รูปวงกลม) เป็นค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐานลำ�ดับที่หนึ่ง ส่วนตัวเลขที่อยู่บนเส้นระหว่างตัวแปรแฝงกับตัวแปรแฝง คือ ค่านํ้าหนักองค์ประกอบ มาตรฐานลำ�ดับที่สอง หากตัวแปรใดมีค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐานสูง แสดงว่า ตัวแปร ดังกล่าวเป็นตัวแปรที่มีความสำ�คัญสูงในการบ่งชี้ตัวแปรแฝงที่กำ�ลังพิจารณารปู ท่ี 4.4 คา่ นา้ํ หนกั องคป์ ระกอบมาตรฐานของแบบจำ�ลองการวดั ศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทยี่ วของทอ้ งถนิ่ ความพรอŒ ม 0.350* โครงสราŒ ง 0.696* ดŒานกฎหมาย 0.741* เชงิ นโยบาย ความพรอŒ มดŒานสภาพแวดลอ� ม คุณภาพของ 0.599* โครงสรŒาง 0.849* ส�งดงึ ดูดใจ 0.563* เชงิ กายภาพ ความพรŒอมของ การลงทุนของ 0.428*สง� อำนวยความสะดวก ภาคเอกชน ความพรอŒ มของ 0.649* ศกั ยภาพ สถานทพี่ กั แรม 0.531* ดาŒ นการท‹องเทย่ี ว ความพรอŒ มของ 0.640*ภตั ตาคาร/รŒานอาหาร ของทŒองถ�นิ ความพรอŒ มของ สถานบนั เทงิ ราตร� การมนี โยบาย 0.662* การดำเนนิ งาน 0.947* Goodness of Fitและแผนท‹องเทย่ี ว 0.849* ของ อปท. • χ2 = 33.903 การจดั กจิ กรรม 0.744*และการสนบั สนนุ (p-value = 0.169) • RMSEA = 0.032 การส�งเสร�มใหŒประชาชนมสี �วนร‹วม SRMR = 0.035 • Comparative Fit Index (CFI) = 0.987 • Tucker Lewis Index (TLI) = 0.979หมายเหต:ุ * แสดงระดับนัยส�ำ คัญทางสถิตทิ ี่ 0.05ท่มี า: จากการค�ำ นวณ

องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ กับการเสรมิ สรา้ งศักยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถ่นิทั้งนี้เพื่อความเข้าใจผลลัพธ์ในรูปที่ 4.4 ขอยกตัวอย่าง กรณีความพร้อมของโครงสร้าง 83เชิงนโยบายที่มีความพร้อมของนโยบายด้านการดูแลสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น (ตัวแปรความพร้อมด้านสภาพแวดล้อม) เป็นตัวบ่งชี้ที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญมากที่สุด (มีนํ้าหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.741) ขณะที่ความพร้อมของโครงสร้างเชิงนโยบายเป็นตัวบ่งชี้ที่มีนํา้ หนกั ความส�ำ คญั ในล�ำ ดบั ที่ 3 จาก 4 ดา้ น ในการบง่ ชีศ้ กั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถิน่(มนี ํา้ หนกั องคป์ ระกอบเทา่ กบั 0.696) เหนอื กวา่ ความพรอ้ มในเรือ่ งการลงทนุ ของภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว ผลลัพธ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ความพร้อมด้านโครงสร้างเชิงนโยบายมีความสำ�คัญต่อศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นน้อยกว่าองค์ประกอบด้านอื่นยกเวน้ การลงทุนของภาคเอกชน ขณะทีค่ วามพรอ้ มของนโยบายดา้ นการดแู ลสภาพแวดลอ้ มในท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำ�คัญที่เสริมสร้างให้ท้องถิ่นมีความพร้อมด้านโครงสร้างเชิงนโยบายสำ�หรับการพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เมื่อพิจารณาผลการวิเคราะห์องค์ประกอบลำ�ดับที่หนึ่ง พบว่า ความพร้อมของนโยบายด้านการดูแลสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น เช่น การมีโครงการ/กิจกรรมเกี่ยวกับภูมิทัศน์เมืองและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เป็นตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญในการบ่งชี้ถึงความพร้อมของโครงสร้างเชิงนโยบายของท้องถิ่น ขณะที่คุณภาพของสิ่งดึงดูดใจ เช่นการมีแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติ จำ�นวนและความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้นเป็นตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญในการบ่งชี้ถึงความพร้อมของโครงสร้างเชิงกายภาพในท้องถิ่น (มีนํ้าหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.599) ส่วนความพร้อมในเรื่องการลงทุนของภาคเอกชนมีจำ�นวนและความหลากหลายของสถานที่พักแรมเป็นตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญมากที่สุด (มีนํ้าหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.649) สำ�หรับการดำ�เนินงานของ อปท.พบว่า การจัดกิจกรรมและการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดถนนคนเดิน การมีบุคลากรที่รับผิดชอบด้านการจัดการท่องเที่ยว การมีโครงการหรือกิจกรรมที่สนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เป็นต้น เป็นตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญในการบ่งชี้ถึงการดำ�เนินงานของ อปท. ในการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น (มีนํ้าหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.849) สำ�หรับผลการวิเคราะห์องค์ประกอบลำ�ดับที่สอง พบว่า การดำ�เนินงานของ อปท.ในการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เป็นตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญมากที่สุดในการบ่งชี้ถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น (มีนํ้าหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.947) โดยความพร้อมของโครงสร้างเชิงกายภาพในท้องถิ่น เป็นตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญรองลงมา (มีนํ้าหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.849) สำ�หรับตัวแปรที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญน้อยที่สุดในการบ่งชี้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ได้แก่ การลงทุนของภาคเอกชนหรือความพร้อมในเรื่องการลงทุนของภาคเอกชนในการรองรับการพัฒนาการทอ่ งเทีย่ วในทอ้ งถิน่ โดยมนี ํา้ หนกั องคป์ ระกอบเทา่ กบั 0.428 หรอื มคี วามส�ำ คญั นอ้ ยกวา่การดำ�เนินงานของ อปท. และความพร้อมของโครงสร้างเชิงกายภาพในท้องถิ่นกว่าครึ่งหนึ่งทั้งนี้เพราะ อปท. รับผิดชอบงานบริการสาธารณะที่มีความสำ�คัญต่อการท่องเที่ยวมาก เช่นการจัดการขยะมลพิษ และสิ่งแวดล้อมเมืองและสุขอนามัย เป็นต้น

โครงสร้าง วิสัยทัศน์ การขบั เคลอื่ นสุขภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในท้องถ่นิ ผลลัพธ์ทั้งสองส่วนแสดงให้เห็นว่า ความพร้อมของนโยบายด้านการดูแลสภาพแวดล้อมใน ท้องถิ่น และสิ่งดึงดูดใจเป็นพื้นฐานสำ�คัญที่สะท้อนถึงความพร้อมด้านโครงสร้างของท้องถิ่น ที่สนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวภายในท้องถิ่น โดยมีสถานที่พักแรมเป็นสิ่งที่สะท้อน ถึงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของภาคเอกชน ส่วนการจัดกิจกรรมสนับสนุน84 การท่องเที่ยวของ อปท. เป็นสิ่งที่แสดงถึงการดำ�เนินงานของ อปท. ที่เพิ่มเติมการสนับสนุน หรอื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วภายในทอ้ งถน่ิ เชน่ การจดั ถนนคนเดนิ หรอื งานอเี วน้ ท์ (events) ตา่ งๆ การดำ�เนินงานของ อปท. และความพร้อมของโครงสร้างเชิงกายภาพเป็นสอง ตัวแปรสำ�คัญที่บ่งชี้ถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น แสดงว่า ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ด้านการท่องเทีย่ วเป็นท้องถิ่นทีม่ ีการสนับสนนุ และสง่ เสรมิ การท่องเที่ยวโดย อปท. พร้อมทัง้ มีส่ิงดึงดูดใจที่โดดเด่นเพียงพอท่ีจะนำ�มาพัฒนาเป็นสินค้าท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้นักท่องเท่ียว เข้ามาเที่ยวภายในท้องถิ่น หลังจากนั้นความพร้อมของนโยบายด้านการดูแลสภาพแวดล้อม และสิ่งดงึ ดูดใจในท้องถิ่นจะเข้ามาชว่ ยทำ�ใหเ้ กดิ การใช้ประโยชน์ทรพั ยากรท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ส่วนภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการและการขยายตัวของ นักท่องเที่ยว4.4.2 การดำ�เนนิ งานของ อปท. กบั ความสมั ฤทธผ์ิ ลของการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วในทอ้ งถน่ิ จากแบบจำ�ลองเริ่มต้นในรูปที่ 4.3 มีการปรับปรุงแบบจำ�ลองด้วยการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างความแปรปรวนของคลาดเคลื่อนจากการวัด (measurement error) ของตัวแปรภายนอกและภายใน เพื่อให้แบบจำ�ลองกลมกลืน (fit) กับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ได้จากการสำ�รวจ อปท. ท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง และเพื่อให้ค่าสถิติที่ใช้วัดความกลมกลืนอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังแสดงในตารางที่ 4.5ตารางที่ 4.5 คา่ สถิติท่ีใช้วัดความกลมกลนื (goodness of fit) ของแบบจำ�ลองความสมั พนั ธร์ ะหว่างศักยภาพดา้ นการท่องเที่ยวของทอ้ งถิน่ และความสัมฤทธ์ิผลจากการสง่ เสริมการทอ่ งเทย่ี วในทอ้ งถ่นิค่าสถิติท่ใี ช้วดั กลมกลืน เงอ่ื นไข คา่ ท่ไี ด้ ผลการพิจารณา ✓1. χ2 low χ2 and not Sig. 46.705 (p-value = 0.362)2. χ2 / d.f. ≤ 2.00 1.061 ✓3. RMSEA ≤ 0.05 0.015 (0.000, 0.046) ✓4. SRMR ≤ 0.05 0.034 ✓5. Comparative Fit Index (CFI) ≥ 0.95 0.996 ✓6. Tucker Lewis Index (TLI) ≥ 0.90 0.994 ✓หมายเหต:ุ χ2= Chi-square, RMSEA = root mean square error of approximation, SRMR = standardized root mean square residualทีม่ า: จากการค�ำ นวณรูปที่ 4.5 แสดงค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานของแบบจำ�ลองที่ปรับปรุงแล้ว โดยตัวเลขที่อยู่บนเส้นระหว่างตัวแปรสังเกต (สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า) และตัวแปรแฝง (สัญลักษณ์รูปวงกลม) คือ ค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐาน (standardized factor loading scores)ซึ่งได้อธิบายรายละเอียดในหัวข้อที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่ตัวเลขที่อยู่บนเส้นอิทธิพลระหว่าง

องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินกบั การเสรมิ สรา้ งศักยภาพดา้ นการท่องเทยี่ วของทอ้ งถ่นิตัวแปรแฝง คือ ค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานของแบบจำ�ลองสมการโครงสร้างที่แสดงอิทธิพล 85โดยตรงระหว่างตัวแปรแฝงต่างๆ ในแบบจำ�ลอง จากการทดสอบสมมติฐาน ณ ระดับนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.5 (รูปที่ 4.5) พบว่ามีเพียงสมมติฐานที่ 4 (H4: โครงสร้างมีอิทธิพลโดยตรงต่อการได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้อง) ที่ถูกปฏิเสธ หมายความว่า องค์ประกอบด้านโครงสร้างไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อการได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.05 ส่วนอีก 5 สมมติฐาน ไม่สามารถปฏิเสธสมมติฐานหลักได้ ซึ่งจากผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า องค์ประกอบด้านโครงสร้างมอี ทิ ธพิ ลโดยตรงตอ่ การลงทนุ ของภาคเอกชน การด�ำ เนนิ งานของ อปท. และจ�ำ นวน&แนวโนม้ผู้มาเย่ียมเยือน ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนมีอิทธิพลโดยตรงต่อจำ�นวน&แนวโน้มผู้มาเย่ียมเยือน ส่วนการดำ�เนินงานของ อปท. มีอิทธิพลโดยตรงต่อการได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้องรูปท่ี 4.5 ค่าสัมประสิทธ์ิมาตรฐานของแบบจำ�ลองความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถ่ินและความสัมฤทธผ์ิ ลจากการสง่ เสรมิ การท่องเที่ยวในท้องถน่ิ ความพรอŒ มของ ความพรอŒ มของ ความพรอŒ มของ สถานทพี่ กั แรม ภัตตาคาร/รŒานอาหาร สถานบนั เทงิ ราตร� 0.671* 0.649* 0.487* ความพรอŒ ม 0.354* โครงสรŒาง 0.416* การลงทนุ ของ ดŒานกฎหมาย โครงสราŒ ง 0.234* ภาคเอกชน ความพรอŒ ม เชงิ นโยบาย ดŒานสภาพแวดล�อม NS 0.342* คณุ ภาพของ 0.716* 0.674* จำนวน&แนวโนมŒ ส�งดงึ ดดู ใจ 0.970* ผมŒู าเยีย่ มเยอื น ความพรอŒ มของ 0.598* 0.844* การไดŒรับรางวัลสง� อำนวยความสะดวก โครงสรŒาง เชิงกายภาพ ท่ีเกีย่ วขŒอง 0.576* 0.569* การดำเนนิ งานGoodness of Fit ของ อปท.• χ2 = 46.705 (p-value = 0.362), χ2 /df = 1.061 0.846*• RMSEA = 0.015, SRMR = 0.034 0.666* 0.746* การจัดกจิ กรรม การสง� เสรม� ใหŒ• Comparative Fit Index (CFI) = 0.996 และการสนับสนนุ ประชาชนมสี ว� นร‹วม• Tucker Lewis Index (TLI) = 0.994 การมีนโยบาย และแผนท‹องเทยี่ วหมายเหต:ุ * แสดงระดับนัยส�ำ คัญทางสถิตทิ ่ี 0.05, NS = ไม่มนี ัยส�ำ คัญทางสถติ ทิ ่ี 0.05ทีม่ า: จากการค�ำ นวณ

โครงสร้าง วสิ ยั ทศั น์ การขับเคลื่อนสขุ ภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถ่นิ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า เงื่อนไขด้านโครงสร้างเชิงนโยบายและกายภาพเป็นปัจจัยสำ�คัญ สำ�หรับการตัดสินใจของภาคเอกชนและ อปท. เพื่อดำ�เนินการบนพื้นฐานเป้าหมายของ ความสัมฤทธิ์ผลที่แตกต่างกัน โดยการดำ�เนินการของภาคเอกชนจะผ่านการลงทุนในสิ่ง สนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่งมีอิทธิพลต่อจำ�นวน&แนวโน้มผู้มาเยี่ยมเยือนในท้องถิ่น ขณะที่86 การดำ�เนินการของ อปท. ในการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวมีอิทธิพลต่อการ ได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้อง ผลการประมาณค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานด้วยวิธี maximum likelihood estimation with robustness (MLR) พบว่า องค์ประกอบด้านโครงสร้างมีอิทธิพลโดยรวม ต่อการดำ�เนินงานของ อปท. มากที่สุด (มีขนาดของอิทธิพลเท่ากับ 0.970) รองลงมา ได้แก่ การได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้อง (มีขนาดของอิทธิพลเท่ากับ 0.559) สำ�หรับการลงทุน ของภาคเอกชนได้รับอิทธิพลโดยรวมจากองค์ประกอบด้านโครงสร้างน้อยที่สุด (มีขนาดของ อิทธิพลเท่ากับ 0.376) ส่วนจำ�นวน&แนวโน้มผู้มาเยี่ยมเยือนได้รับอิทธิพลโดยรวมจาก องค์ประกอบด้านโครงสร้างเพียง 0.372 ซึ่งน้อยกว่าอิทธิพลโดยรวมที่องค์ประกอบ ด้านโครงสร้างมีต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ประมาณ 2.6 เท่า และองค์ประกอบด้าน โครงสร้างมีอิทธิพลโดยตรงต่อการดำ�เนินงานของ อปท. สูงกว่าการลงทุนของภาคเอกชน ประมาณ 2.3 เท่า สำ�หรับการลงทุนของภาคเอกชนมีอิทธิพลโดยตรงต่อจำ�นวน&แนวโน้ม ผู้มาเยี่ยมเยือนน้อยกว่าขนาดของอิทธิพลโดยตรงที่การดำ�เนินงานของ อปท. มีต่อการได้รับ รางวัลที่เกี่ยวข้องประมาณ 1.7 เท่า นอกจากนี้เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์ของการพยากรณ์ (squared multiple correlations: R2) ทีแ่ สดงในคอลมั นส์ ดุ ทา้ ยของตารางที่ 4.6 พบวา่ องคป์ ระกอบดา้ นโครงสรา้ ง ซึ่งเป็นตัวแปรแฝงภายนอกสามารถอธิบายความแปรปรวนของตัวแปรการดำ�เนินงาน ของ อปท. ได้มากที่สุดถึงร้อยละ 94.1 ซึ่งสูงกว่าตัวแปรการได้รับรางวัลที่เกี่ยวข้องที่อยู่ใน ลำ�ดับรองลงมาเกือบ 3 เท่า (ประมาณร้อยละ 33.2) ส่วนตัวแปรจำ�นวน&แนวโน้ม ผู้มาเยี่ยมเยือน และการลงทุนของภาคเอกชน องค์ประกอบด้านโครงสร้างสามารถอธิบาย ความแปรปรวนของตัวแปรทั้งสองได้เพียงร้อยละ 23.8 และ 17.3 ตามลำ�ดับตารางที่ 4.6 ขนาดของอิทธพิ ลและคา่ สมั ประสิทธิก์ ารพยากรณ์ (R2) ของตวั แปรโครงสรา้ ง อทิ ธิพลของตัวแปรโครงสร้าง คา่ สมั ประสิทธ์ิ การพยากรณ์ (R2)ตวั แปรภายใน ทางตรง ทางออ้ ม โดยรวมการลงทุนของภาคเอกชน 0.173การด�ำ เนนิ งานของ อปท. 0.416* - 0.416* 0.941จำ�นวน&แนวโน้มผ้มู าเย่ียมเยือน 0.238การไดร้ ับรางวลั ที่เกย่ี วข้อง 0.970* - 0.970* 0.332หมายเหตุ: * แสดงระดับนยั สำ�คัญทางสถติ ทิ ี่ 0.05 0.234* 0.142* 0.376*ทม่ี า: จากการคำ�นวณ - 0.559* 0.559*

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ กับการเสริมสร้างศกั ยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นผลการศกึ ษาความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตรุ ะหวา่ งองคป์ ระกอบศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทย่ี วของทอ้ งถน่ิ 87แสดงใหเ้ หน็ ในเชงิ ประจกั ษว์ า่ เงือ่ นไขทางดา้ นโครงสรา้ งทางนโยบาย (องคก์ ร) และกายภาพ(โครงสร้างพืน้ ฐานดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว) เปน็ ปจั จัยพืน้ ฐานสำ�คญั ทีม่ อี ิทธพิ ลต่อการด�ำ เนนิ งานของ อปท. สูงกว่าการดำ�เนินงานของภาคเอกชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวภายในท้องถิ่นโดยการดำ�เนินของ อปท. จะมีอิทธิพลต่อความสัมฤทธิ์ผลในเรื่องของการได้รับการยอมรับจากสังคมในลักษณะของการได้รับรางวัลหรือการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือแต่จะยังไม่มีผลทำ�ให้มีการเพิ่มขึ้นของจำ�นวนนักท่องเที่ยว และชักจูงให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน สำ�หรับการดำ�เนินงานของภาคเอกชนที่เป็นการลงทุนในสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวมีอิทธิพลทำ�ให้มีการเพิ่มขึ้นของจำ�นวนผู้มาเยี่ยมเยือนภายในท้องถิ่น เพราะมีสถานที่พัก ร้านอาหารที่อำ�นวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมากขึ้น4.5 สรุปและขอ้ เสนอแนะ บทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบในเชิงประจักษ์ถึงขนาดความสำ�คัญของการดำ�เนินงานของ อปท. ในการบ่งชี้ถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และขนาดอิทธิพลของการดำ�เนินงานของ อปท. ที่มีต่อความสัมฤทธิ์ผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นโดยบูรณาการแนวคิดการวัดความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวรว่ มกบั แนวคดิ S-C-P paradigm ในการพฒั นาตวั ชีว้ ดั ศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของทอ้ งถิน่และประยุกต์ใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบสองระดับและแบบจำ�ลองสมการโครงสร้างวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสำ�รวจ อปท. จำ�นวน 256 แห่ง เพื่อตรวจสอบในเชิงประจักษ์ถึงประเด็นดังกล่าว ผลการศึกษาด้วยแบบจำ�ลองการวัดศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น พบว่าศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นประกอบด้วยหลายปัจจัยที่มีนํ้าหนักความสำ�คัญแตกต่างกันอย่างมีนัยสำ�คัญทางสถิติที่ 0.05 ทั้งนี้การสนับสนุนและส่งเสริมของ อปท.ผ่านการดำ�เนินกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ นับเป็นปัจจัยสำ�คัญมากกว่าปัจจัยอื่นในการบ่งชี้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ความพร้อมในเรื่องของสิ่งดึงดูดใจที่สามารถพัฒนาเป็นสินค้าท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำ�คัญที่ช่วยในการเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของทอ้ งถิน่ ทัง้ นี้ อปท. ควรใหค้ วามส�ำ คญั กบั นโยบายการดแู ลสภาพแวดลอ้ มและสิง่ ดงึ ดดู ใจในท้องถิ่นเพื่อเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวภายในท้องถิ่น รวมทั้งกระตุ้นและส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนในสิ่งอำ�นวยความสะดวกและ/หรือสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการและการขยายตัวของนักท่องเที่ยว ส่วนผลศึกษาด้วยแบบจำ�ลองความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างองค์ประกอบของศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่นกับความสัมฤทธิ์ผลของการพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่น พบว่า เงื่อนไขทางด้านโครงสร้างทั้งในเชิงนโยบายและกายภาพของท้องถิ่นยังคงเป็นปัจจัยสำ�คัญที่ช่วยให้เกิดการขยายตัวของผู้มาเยี่ยมเยือนหรือนักท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านการลงทุนของภาคเอกชน ขณะเดียวกันปัจจัยด้านโครงสร้างยังเป็นพื้นฐานสำ�คัญที่มีผลต่อการดำ�เนินงานของ อปท. ในด้านการท่องเที่ยว และนำ�ไปสู่ความสัมฤทธิ์ผลในเรื่องของการได้รับการยอมรับจากสังคมในลักษณะของการได้รับรางวัล

โครงสรา้ ง วิสยั ทัศน์ การขับเคล่อื นสขุ ภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมในทอ้ งถิน่ และ/หรือได้รับการรับรองมาตรฐาน ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า อปท. มีบทบาทน้อย ในการสง่ เสรมิ หรอื ดงึ ดดู การลงทนุ ของภาคเอกชนในการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วในทอ้ งถน่ิ รวมทงั้ การเพิ่มขึ้นของจำ�นวนและแนวโน้มของผู้มาเยี่ยมเยือนและ/หรือนักท่องเที่ยวในท้องถิ่น ด้วยความสำ�คัญของ อปท. ในการเป็นองค์กรและปัจจัยสำ�คัญที่เสริมสร้าง88 ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ดังนั้นจึงควรมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพอ่ื ใหอ้ �ำ นาจ อปท. ในการจดั การทรพั ยากรทอ่ งเทยี่ วในทอ้ งถนิ่ ใหค้ รอบคลมุ มากขน้ึ โดยเฉพาะ ในทะเล 3 กม. จากฝัง่ และใหส้ ามารถหารายไดจ้ ากทรพั ยากรการทอ่ งเทีย่ วได้ ขณะเดยี วกนั หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลพื้นที่อนุรักษ์ อย่างเช่น กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ เปน็ ตน้ ควรมกี ารท�ำ งานรว่ มกบั อปท. ในการพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วในพืน้ ทีอ่ นรุ กั ษ์ นอกจากนี้ รัฐส่วนกลางควรมีการกำ�หนดหรือวางนโยบายและอุดหนุนงบประมาณในการให้ความรู้และ ส่งเสริมให้ อปท. เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวภายใน ท้องถิ่น เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรท่องเที่ยวของท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งจะนำ�มาสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคต

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ กับการเสรมิ สร้างศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเท่ียวของทอ้ งถน่ิเอกสารอ้างองิ 89กมลวรรณ กาญจนกิตติ. 2545. ศกั ยภาพของการท่องเท่ยี วเชงิ กีฬาในจงั หวัดเชียงใหม.่ วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น. 2549. มาตรฐานการสง่ เสริมการทอ่ งเทีย่ ว. กรุงเทพฯคมสัน วาฤทธิ์. 2545. ศักยภาพของชุมชนทอ้ งถนิ่ ในการส่งเสริมการท่องเท่ยี วเชิงนเิ วศ: กรณีศึกษา ชมุ ชนล�ำ นา้ํ วา้ อ�ำ เภอแมจ่ รมิ จงั หวดั นา่ น. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.จฑุ ามาศ ลิม้ รตั นพนั ธ.์ 2547. ศกั ยภาพและการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในโครงการเสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศ: กรณศี กึ ษาเขตเมอื งจอมเพด็ แขวงหลวงพระบาง สปป. ลาว. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร มหาบัณฑิต (ภูมิภาคศึกษา) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.ชูกลิ่น อุนวิจิตร. 2549. ศักยภาพและความต้องการในการวางแผนและจัดการท่องเที่ยวขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น วารสารวิชาการอเิ ล็กทรอนกิ สก์ ารทอ่ งเท่ียวไทยนานาชาติ ฉบบั ที่ 2 ปี 2549.ดเิ รก ปทั มสริ วิ ฒั น.์ 2547. ความสามารถการหารายไดข้ องเทศบาลและอบต.ทบทวนทฤษฎแี ละการศกึ ษา เชิงประจักษ.์ http://www.mis.nu.ac.th/news.php? newsid=27.นันทพร อดิเรกโชติกุลการ. 2550. พัฒนาการประชาสมั พนั ธ์การท่องเทย่ี วของ อบต. ในกลุ่มอีสานใต้ รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เสนอต่อ สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.นิรันดร์ บุญเนตร. 2547. ศกั ยภาพการจดั การการท่องเท่ียวเชิงนเิ วศ บา้ นแมก่ �ำ ปอง จังหวัดเชยี งใหม่. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม). มหาวิทยาลัย เชียงใหม่.ปิยะลักษณ์ พุทธวงศ์. 2556. โครงการศึกษาด้านการกระจายรายได้ของ อปท. เชียงใหม่: สถาบัน ศึกษานโยบายสาธารณะ.พัทธมน บุณยราศรัย. 2548. ศกั ยภาพและความต้องการในการวางแผนและการจดั การท่องเทย่ี วของ ภาคประชาสงั คม และ NGO. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เสนอต่อ สำ�นักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย.มธุรส ปราบไพรี. 2543. ศักยภาพของชมุ ชนในการจัดการแหล่งท่องเทย่ี ว: กรณีชุมชนไทยทรงดำ�บา้ น เขาย้อย ตำ�บลเขายอ้ ย อำ�เภอเขาย้อย จงั หวัดเพชรบุร.ี การค้นคว้าอิสระศิลปศาสตรมหา บัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.มาฆะ ขติ ตะสงั คะ. 2548. บทเรยี นจากกระบวนการวางแผนพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วโดยภาครฐั เอกชนและ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เพอ่ื การจดั การเชงิ พนื้ ทอี่ ยา่ งยง่ั ยนื จงั หวดั เชยี งราย. รายงานวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์ เสนอต่อ สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และคณะ. 2548. การพัฒนาท่องเท่ียวเชิงบูรณาการที่ยั่งยืนในลุ่มแม่นํ้าโขง 1. เชียงใหม่: สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. . 2555. องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาต:ิ อ�ำ นาจ ปญั หาและ ข้อเสนอเชงิ นโยบาย. เชียงใหม่: มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด และอัครพงศ์ อั้นทอง. 2556. การสร้างระบบจัดลำ�ดบั ความสามารถของ อปท. ในการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูง. เชียงใหม่: สถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. . 2557. ปรทิ ศั นส์ ถานภาพความรเู้ ศรษฐกจิ ทอ่ งเทยี่ วของประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั งาน คณะกรรมวิจัยแห่งชาติ.

โครงสร้าง วิสยั ทศั น์ การขับเคลือ่ นสุขภาวะ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในท้องถิ่น ยศ สันตสมบัติ และคณะ. 2544. การท่องเท่ียวเชิงนิเวศ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และ การจัดการทรัพยากร. กรุงเทพ: โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการ ทรัพยากรชีวภาพ. วัชรี ชูรักษา. 2548. ศักยภาพขององค์ก่อนปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย: ผลกระทบและการ ตอบสนองต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. e-TAT Tourism Journal 3/254890 (กรกฎาคม-กันยายน). ศิริพันธุ์ ไพโรจน์รัตน์. 2543. ความพร้อมของผู้น�ำ องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำ บลในการจัดการทรพั ยากร การท่องเท่ียวเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร มหาบัณฑิต (การจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ศิโรรัตน์ หอมนาน. 2547. ศักยภาพการพฒั นาการทอ่ งเท่ียวเชิงเกษตรหมู่บา้ นรอบบรเิ วณศูนยศ์ กึ ษา การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ร.ิ วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) ส่งเสริมการเกษตร. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สมพงษ์ ธงไชย. 2547. ความพร้อมในการบริการอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวโดยองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถนิ่ ของไทยในกลมุ่ จงั หวดั รมิ แมน่ าํ้ โขงตอนลา่ ง. รายงานวจิ ัยฉบับสมบูรณ์ เสนอต่อ สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. สมยศ มะลิลา. 2546. บทบาทและศกั ยภาพขององคก์ รปกครองทอ้ งถนิ่ ทม่ี ตี อ่ การพฒั นาการทอ่ งเทย่ี ว จงั หวดั ลพบุร:ี ศกึ ษากรณเี ทศบาลเมอื งลพบรุ .ี ปัญหาพิเศษ (รป.ม.) มหาวิทยาลัยบูรพา. สำ�เนาว์ เสาวกูล และคณะ. 2550. บทบาทของผู้นำ�องค์กรปกครองท้องถิ่นต่อยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ในกลุม่ จงั หวดั อสี านใต.้ วารสารวชิ าการอเิ ลก็ ทรอนกิ สก์ ารทอ่ งเทย่ี วไทยนานาชาติ ฉบบั ที่ 3 ปี 2550. สุจิตราภา พันธ์วิไล. 2548. ศักยภาพและความตอ้ งการในการวางแผนและการจดั การทอ่ งเท่ยี วของ 19 ชมุ ชนในจงั หวดั เชยี งราย. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เสนอต่อ สำ�นักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย. Direk Patmasiriwat. 2012. Fiscal Inequality and Grant Allocation: Provincial Analysis of Thailand’s Local Government Finance. Hair, J. F., Black, W.C., Babin, B.J. and Anderson, R.E. 2010. Multivariate Data Analysis. 7th ed. New Jersey: Prentice-Hall International. Kline, R.B. 2012. Assumptions of structural equation modeling. Handbook of Structural Equation Modeling. Hoyle, R. New York: Guilford Press: 111-125. Mason, E.S. 1939. Price and production policies of large-scale enterprise. The American Economic Review 29(1): 61-74. Muthén, L.K. and Muthén, B.O. 2012. Mplus User’s Guide. 7th Los Angeles, CA. Tabachnick, B.G. and Fidell, L.S. 2012. Using Multivariate Statistics. 6th ed. New York: Pearson. Untong, A., Phuangsaichai, S., Taweelerkunthon, N. and Tejawaree, J. 2006. Income distribution and community-based tourism: three case studies in Thailand. Journal of GMS Development Studies 3(1): 69-82. World Economic Forum. 2013. The Travel & Tourism Competitiveness Report 2013. http://www3. weforum.org/docs/WEF_GCR_TravelTourism_Report_2013.pdf (June 4, 2013)

5 องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 91 องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน กบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติที่มาของพันธกิจด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)กำ�หนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และได้รับการยืนยันอีกครั้งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งมาตรา 290 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติไว้ว่า “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีอำ�นาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายบัญญัติ” ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ จดหมายเหตุและตรวจรายงานการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญ (2550) บันทึกเหตุผลไว้ว่า “โดยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมรับรู้สภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพอนามัยและการดำ�รงชีวิตของประชาชนในพื้นที่” รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 ได้รักษาสาระสำ�คัญของรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540ในส่วนของ อปท. และเพิ่มบทบัญญัติในส่วนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิชุมชน รวมถึงเพิ่มบทบัญญัติให้ อปท. มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น มีการบัญญัติเรื่อง อปท. ไว้ในหมวด 14 มาตรา 281-290 โดยให้ อปท. สามารถดำ�เนินนโยบายการบริหาร การจัดการบริการสาธารณะ การบริหารบุคคล การเงินและการคลังได้(กอบกลุ รายะนาคร, 2555) โดยเฉพาะมาตรา 290 ให้ อปท. มีอำ�นาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายบัญญัติ กฎหมายตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีสาระสำ�คัญดังต่อไปนี้ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 290) 1) การจัดการ บำ�รุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในเขตพื้นที่ 2) การเข้าไปมีส่วนร่วมในการบำ�รุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่นอกเขตพื้นที่ เฉพาะในกรณีที่อาจมีผลกระทบต่อการดำ�เนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ของตน

โครงสร้าง วิสยั ทัศน์ การขบั เคลื่อนสุขภาวะ และการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในท้องถิน่ 3) การมสี ว่ นรว่ มในการพจิ ารณาเพือ่ รเิ ริม่ โครงการหรอื กจิ กรรมใดนอกเขตพืน้ ที่ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ 4) การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น92 อย่างไรก็ดี กฎหมายว่าด้วยอำ�นาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ อปท. ดังที่กล่าวมาแล้วยังมิได้มีการร่างขึ้น ในปัจจุบัน อปท. มีอำ�นาจหน้าที่ตามที่หน่วยงาน ส่วนกลางมอบอำ�นาจหรือถ่ายโอน รวมทั้งมีอำ�นาจตามกฎหมายการจัดตั้งองค์กร ได้แก่ พระราชบญั ญตั สิ ภาต�ำ บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล (ฉบบั ที่ 4 และฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2546 ในมาตรา 66-72 ไดร้ ะบถุ งึ บทบาทหนา้ ทีข่ ององคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล (อบต.) ในมาตรา 67 จัดให้มีและบำ�รุงทางนํ้าและทางบก ให้มีการรักษาความสะอาดของถนน ทางนํ้า ทางเดิน และที่สาธารณะ รวมทั้งกำ�จัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล เป็นต้น ส่วนในมาตรา 16 พระราชบญั ญตั กิ �ำ หนดแผนและขัน้ ตอนการกระจายอ�ำ นาจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ พ.ศ. 2542 ได้กำ�หนดอำ�นาจและหน้าที่ในการจัดการบริการสาธารณะ โดย อปท. มีหน้าที่ ถึง 31 ด้าน เพื่อบริการแก่ประชาชน อย่างเช่น การจัดทำ�แผนพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง การจดั ใหม้ ี และบ�ำ รงุ รกั ษาทางบก ทางนํา้ และทางระบายนํา้ คุม้ ครอง ดแู ล และบ�ำ รงุ รกั ษา ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม การสง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ ว การก�ำ จดั ขยะมลู ฝอย สิง่ ปฏกิ ลู และนา้ํ เสยี การจดั การการบ�ำ รงุ รกั ษา และการใชป้ ระโยชนจ์ ากปา่ ไม้ ทดี่ นิ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การดูแลรักษาที่สาธารณะ เป็นต้น (รกั ษเ์ กียรติ ศิริจนั ทรานนท,์ 2551) จากข้างต้นจะเห็นว่า อปท. มีบทบาท และหน้าที่อย่างกว้างขวางในการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ จากการสำ�รวจความคิดเห็นของ อปท. ทั่วประเทศ จำ�นวน 2,773 แห่ง เกี่ยวกับปัญหาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ตัวบทกฎหมายที่เป็นอุปสรรค โดยสถาบัน ศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2554 พบว่า ปัญหาการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติที่สำ�คัญที่สุด 3 ลำ�ดับแรก ของ อปท. ได้แก่ ปัญหาการขาดแคลนนํ้า การบกุ รกุ ท�ำ ลายปา่ และการบ�ำ รงุ รกั ษาแหลง่ นํา้ (มงิ่ สรรพ์ ขาวสอาด และคณะ, 2555) โดย อปท. กว่าร้อยละ 76.52 ของชุดตัวอย่าง มีการจัดสรรงบประมาณในปีที่ผ่านมาไม่เกิน 5 แสนบาท เพื่อดูแลทรัพยากรธรรมชาติ งบประมาณดังกล่าวใช้ในการบำ�รุงรักษาต้นไม้ ควบคุมและ จัดการไฟป่า และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะริมตลิ่งมากที่สุด สำ�หรับปัญหาและอุปสรรคด้าน กฎหมายในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในเรื่องของการดูแลที่สาธารณะ การจัดการที่ดิน ทำ�กิน และการจัดการนํ้า เป็นปัญหาและอุปสรรคด้านกฎหมายที่ อปท. ประสบมากที่สุด ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยปัญหาด้านกฎหมายที่ อปท. ประสบมากที่สุดในการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ การขาดความรู้ในการใช้กฎหมายของบุคลากร นอกจากนี้ ผู้บริหาร อปท. มีความคิดเห็นว่า กฎหมายควรเพิ่มอำ�นาจในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ให้แก่ อปท. เพื่อให้ อปท. สามารถปฏิบัติงานได้ดีขึ้น ในการสำ�รวจยังพบว่า กฎหมาย ป่าไม้ กฎหมายขุดดินและถมดิน กฎหมายชลประทาน และกฎหมายของกรมเจ้าท่า เป็นอุปสรรคสำ�คัญต่อการปฏิบัติภารกิจด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของ อปท. มากที่สุด (ตารางที่ 5.1)

องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นกบั การจดั การทรัพยากรธรรมชาติจากข้อมูลข้างต้นทำ�ให้ทราบถึงความคิดเห็นของผู้บริหาร อปท. เกี่ยวกับปัญหาการจัดการ 93ทรัพยากรธรรมชาติ ตัวบทกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ซึ่งนำ�มาสู่คำ�ถามที่สำ�คัญว่า ควรจัดสรรอำ�นาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ อปท. แค่ไหน และอย่างไร ดังนั้นจึงจำ�เป็นต้องทราบถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพร้อมของผู้บริหาร อปท. ในการเข้าไปจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การศึกษาในบทนี้ก็เพื่อพยายามที่จะตอบคำ�ถามใน 3 ประเด็น คือ 1) กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้อำ�นาจ อปท. ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากเพียงใด 2) อปท. มคี วามพรอ้ มทีจ่ ะเพิม่ ขดี ความสามารถในการจดั กาทรพั ยากรธรรมชาติได้แค่ไหน ความพร้อมนี้อาจวัดจากความรู้ด้านกฎหมายที่มีอยู่ นวัตกรรมด้านการจัดการเช่น การมีข้อบัญญัติรวมถึงกลุ่มอนุรักษ์และอาสาสมัครที่มีอยู่ในท้องถิ่น ในที่นี้จะวัดความรู้และความเข้าใจด้านกฎหมายของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3) มี อปท. จ�ำ นวนมากเทา่ ไหรท่ ีต่ อ้ งการอ�ำ นาจในการจดั สรรทรพั ยากรธรรมชาติและ อปท. เหล่านี้ต้องการอำ�นาจอะไรเพิ่มเติมตารางท่ี 5.1 ปญั หาและอปุ สรรคในการจดั การทรัพยากรธรรมชาตขิ อง อปท.รายการ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ1. ปัญหาทส่ี ำ�คญั ทสี่ ดุ 1. การขาดแคลนนาํ้ /การบำ�รงุ รักษาแหล่งนํา้ 2. การบุกรกุ ท�ำ ลายปา่ 3. ไฟปา่2. งบประมาณในการดูแล (ปีที่ผา่ นมา) อปท. นอ้ ยกวา่ 1/3 มีงบประมาณน้อยกวา่ 50,000 บาท หรอื ไมม่ ีเลย3. งบประมาณถกู นำ�มาใชเ้ พือ่ 1. บำ�รุงรกั ษาต้นไม/้ ปา่ ไม้ 2. ควบคมุ และจดั การไฟปา่ 3. แก้ไขปัญหาการกดั เซาะริมตลง่ิ4. ล�ำ ดับของประเภททรพั ยากรธรรมชาติ 1. การดแู ลพื้นทส่ี าธารณะและสิ่งแวดล้อมที่ อปท. มีปัญหาและอปุ สรรคดา้ นกฎหมาย 2. การจดั การเรอื่ งทดี่ ินท�ำ กิน 3. การจัดการนาํ้5. ในกระบวนการจัดการปญั หาที่ประสบมากท่สี ุด 1. บคุ ลากรขาดความรใู้ นการใชก้ ฎหมาย (รอ้ ยละ 51.21 ของชดุ ตวั อยา่ ง) 2. การถา่ ยโอนภารกจิ ไมช่ ดั เจน 3. กฎหมายมคี วามซ้�ำ ซ้อน6. ความเห็นตอ่ การใหอ้ �ำ นาจของกฎหมาย ควรเพ่มิ อ�ำ นาจใหป้ ฏิบัตงิ านดขี ้ึน (ร้อยละ 53.36 ของชดุ ตวั อย่าง)7. ต้องการใหม้ ีการกระจายอ�ำ นาจเพิ่มขน้ึ 1. การจดั การนํา้ 2. การอนรุ กั ษ์และการจดั การป่าไม้ 3. การอนญุ าตและควบคมุ ตามกฎหมายแร่8. กฎหมายท่ีเปน็ อปุ สรรคต่อการปฏบิ ัติ 1. กฎหมายปา่ ไม้ 2. กฎหมายขดุ ดินและถมดนิ 3. กฎหมายชลประทาน และกฎหมายของกรมเจา้ ทา่9. หน่วยงานท่ีมีปัญหาในการประสานงานมากที่สุด 1. กำ�นนั ผู้ใหญ่บา้ น 2. หน่วยงานภูมภิ าค 3. นายอำ�เภอท่มี า: มง่ิ สรรพ์ ขาวสอาด และคณะ (2555)

โครงสรา้ ง วิสยั ทศั น์ การขบั เคล่อื นสุขภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ ดังนั้น เพื่อให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงศักยภาพ ความต้องการ ความสัมพันธ์ของปัจจัย ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งมีผลต่อการปฏิรูประบบการบริหารจัดการในอนาคต จึงมีความ จ�ำ เปน็ ต้องศกึ ษาปัญหาอุปสรรคทางกฎหมาย การส�ำ รวจความเห็นของ อปท. ถงึ ระดบั ความ สำ�คัญของปัญหา ความรู้ความเข้าใจของผู้บริหารในประเด็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ94 และสิ่งแวดล้อม เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำ� อปท. ที่มีนวัตกรรมแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ ต้องการให้มีการปฏิรูป และทำ�การวิจัยเป็นกรณีศึกษาในระดับพื้นที่เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหา ความซ้อนทับของอำ�นาจอย่างถ่องแท้ ความแตกต่างของศักยภาพของ อปท. ที่แตกต่างกัน และเงื่อนไขภายในชุมชนตลอดจนนโยบายเฉพาะกิจของรัฐบาลแต่ละยุคแต่ละสมัย เพื่อนำ�มาประกอบการเสนอแนวทางการปฏิรูปการกระจายอำ�นาจ และการร่างกฎหมาย ต่อไป ทั้งนี้จะมีการวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อวิสัยทัศน์ของท้องถิ่น ได้แก่ ขนาดของ อปท. ประเภทของ อปท. (เทศบาล/อบต.) และทำ�เลที่ตั้งของ อปท. (เมือง/กึ่งเมือง-กึ่งชนบท/ชนบท) 5.1 ขอบเขตอำ�นาจทางกฎหมายของ อปท. ก่อนที่จะวิเคราะห์ความเข้าใจของผู้บริหาร อปท. เกี่ยวกับขอบเขตอำ�นาจทาง กฎหมายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ จะต้องทบทวนขอบเขตอำ�นาจทางกฎหมายของ อปท. ก่อน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 บญั ญัติเรือ่ งอ�ำ นาจหน้าทีใ่ นการบริหารจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมของ อปท. ไว้ในมาตรา 290 อปท. ย่อมมีอำ�นาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่ กฎหมายบัญญัติ 4 ประการ ดังปรากฏในตอนต้นของบทนี้ แต่ในความเป็นจริง นโยบาย ทรัพยากรธรรมชาติของไทยกำ�หนดการบริหารแบบแยกส่วนแต่รวมศูนย์ตามภารกิจ ของหน่วยงานของรัฐ แม้แต่ในส่วนราชการในกระทรวงเดียวกันก็จะแยกกันบริหารแบบเป็น เอกเทศ ต่างฝ่ายต่างก็ต้องมีกฎหมายของตน ดังนั้นจึงอาจขาดความเป็นเอกภาพ หรือความ สอดคล้องเกื้อหนุนกันตามความจำ�เป็นและตามสภาพปัญหาในพื้นที่ กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติจำ�นวนมากเป็นกฎหมายที่เขียนขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากเป็นกฎหมายที่มีมาก่อนการกระจายอำ�นาจ จึงมิได้มีบทบาทของ อปท. อยู่ใน กฎหมายมาแต่เดิม นอกจากนี้กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติแต่ละฉบับต่างก็กำ�หนดขอบเขต อำ�นาจไว้อย่างกว้างขวาง จนแทบไม่เหลือขอบเขตอำ�นาจใดๆ ให้ อปท. เข้ามาจัดการ ยกเว้น การดูแลและปราบปรามผู้กระทำ�ผิดต่อทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนอำ�นาจในการ จัดสรรและการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ จะเป็นอำ�นาจของหน่วยงาน เจ้าของกฎหมายเท่านั้น การมอบอำ�นาจที่เกิดขึ้นก็เป็นการมอบอำ�นาจให้ไปทำ�แทน ส่วนกลาง ตามนโยบายของส่วนกลาง มิใช่การถ่ายโอนอำ�นาจเพื่อไปร่วมคิดร่วมทำ�ตาม เจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น

องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินกบั การจัดการทรพั ยากรธรรมชาตินอกจากนี้ การวิเคราะห์กฎหมายได้มีการทบทวนกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติทั้งในรูป 95พระราชบัญญัติและกฎหมายรอง รวมทั้งสืบค้นคดีในศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ตลอดจนขอ้ วนิ ิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎกี า (กอบกลุ รายะนาคร และคณะ, 2555) สามารถสรุปได้วา่เมื่อมีความไม่ชัดเจนเกิดขึ้นให้ถือกฎหมายเฉพาะเป็นหลัก กฎหมายกระจายอำ�นาจเป็นรองและหากกฎหมายเฉพาะมิได้ให้อำ�นาจไว้ถือว่าไม่มีอำ�นาจ อำ�นาจต่างๆ ที่ส่วนกลางได้มอบและถ่ายโอนให้ อปท. ได้สรุปไว้ในตารางที่ 5.2 จะเห็นได้ว่า อปท. มีอำ�นาจจำ�กัด โดยมีประเด็นสำ�คัญๆ ดังนี้ 1) กฎหมายสว่ นใหญใ่ ห้ อปท. คุม้ ครอง ดแู ล และบ�ำ รงุ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติแต่ไม่มีอำ�นาจในการให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ 2) พระราชบญั ญตั ิ ขดุ ดนิ ถมดนิ เปน็ พระราชบญั ญตั ทิ ีใ่ หอ้ �ำ นาจ อปท. มากทีส่ ดุคือ ให้อำ�นาจในการออกข้อบัญญัติ ระงับกิจกรรม วางเงินประกัน เก็บค่าธรรมเนียม และปรับ 3) กฎหมายป่าไม้ 4 ฉบับ แต่งตั้งให้ผู้บริหาร อปท. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และมีอำ�นาจในการจับกุมผู้กระทำ�ผิดตามกฎหมายป่าไม้ 4) กรมเจ้าท่าใช้วิธีมอบอำ�นาจให้ อปท. มีอำ�นาจอนุญาตได้ 8 รายการ 5) พระราชบญั ญตั กิ ารประมงไมใ่ หอ้ �ำ นาจใดๆ แก่ อปท. เลย แตเ่ กบ็ อากรคา่ นํา้ในท้องถิ่นและมอบให้ อปท. 6) กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ให้อำ�นาจ อปท. ออกข้อบัญญัติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสำ�หรับท้องถิ่น ร่างกฎหมายเฉพาะที่แต่ละหน่วยงานกำ�ลังเตรียมการกันอยู่ก็มิได้มีบทบาทของ อปท. กฎหมายเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติสำ�หรับท้องถิ่นตามเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญก็ยังมิได้มีการจัดทำ�ขึ้น ในปัจจุบันหน่วยราชการต่างๆ ได้จัดเตรียมร่างพระราชบัญญัติ ที่กำ�กับทรัพยากรขึ้นใหม่ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นํ้า ป่า ประมง แต่กฎหมายที่ร่างใหม่ก็ไม่ปรากฏว่าระบุอำ�นาจของ อปท. ในการจัดสรรทรัพยากร การตรวจสอบการใช้ และกำ�กับการใช้ทรัพยากรให้แก่ อปท. แต่อย่างใด

โครงสรา้ ง วสิ ัยทัศน์ การขบั เคลื่อนสุขภาวะ และการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในท้องถ่ินตารางที่ 5.2 อำ�นาจหน้าที่ของ อปท. แยกตามทรพั ยากรอ�ำ นาจและภารกจิ ของ อปท. ตามกฎหมาย คคู ลอง ทรัพยากร ที่ ขุดดนิ / ทรัพยากร ทรัพยากร ทรพั ยากร ทางนํ้า ปา่ ไม้ สาธารณะ ถมดนิ ประมง แร่ นํา้ สาธารณะ96 1. ดแู ล บ�ำ รงุ รักษา/ควบคุม ✓✓✓ ✗ ✓✓✓ 2. แตง่ ตั้งเป็น พนง.เจ้าหนา้ ท่ี ✓ ✗ ✓ ✗ ✓✓ ✗3. อำ�นาจในการจับกุม/รือ้ ถอน ✓✗ ✗ ✗ - ✗✓4. อ�ำ นาจในการออกขอ้ บญั ญตั /ิ กฎหมายรอง ✗ ✗ ✓ ✗ ✗ ✗ -5. อ�ำ นาจในการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ ✗ ✗ - ✗ ✗ ✓✓6. ให้ความเห็นชอบโครงการในพื้นที่ ✓✓ - ✗✓✗ -7. อ�ำ นาจในการระงบั กิจกรรม ✗ - ✓✗✗✗✗8. อำ�นาจในการเพกิ ถอนสทิ ธ/ิ ใบอนุญาต ✗ ✗ ✗ ✗ ✗ - -9. อำ�นาจในการใหว้ างเงนิ ประกนั - -✓- -✗-10. อำ�นาจในการปรบั ✗ - ✗ ✗ - ✗✓11. อำ�นาจ/ ภารกจิ ในการเก็บค่าธรรมเนยี ม - ✓ ✗ ✗ ✗ ✗ ✓12. ได้รับสว่ นแบ่งจากภาษี/คา่ ธรรมเนียม ✓ - ✓ ✓ ✓ ✓ ✓หมายเหตุ: 1. ✓ อปท.มีอ�ำ นาจหน้าท,่ี ✗ อำ�นาจอยทู่ ีผ่ อู้ ่นื , - ไม่มีการตราในกฎหมาย 2. รายละเอียดของกฎหมายทใ่ี ชก้ ำ�กบั อยใู่ นภาคผนวกทา้ ยบทที่มา: มง่ิ สรรพ์ ขาวสอาด และคณะ (2555)ผลของการประชุมร่วมกับผู้บริหาร อปท. และกรณีศึกษา (มงิ่ สรรพ์ ขาวสอาด และคณะ, 2555)พบว่า อปท. มีขอบเขตจำ�กัดจริง ซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำ�เนินงาน เช่น ปัญหาสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมายในที่สาธารณะ เช่น บนเกาะ ชายฝั่ง เป็นต้น ซึ่ง อปท. ไม่สามารถรื้อถอนได้หรือเมื่อประชาชนมีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินทำ�กินที่มีข้อสงสัยว่านายทุนออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ เมื่อ อปท. ขอใช้ข้อมูลจากกรมที่ดินก็มีค่าธรรมเนียมและไม่มีอำ�นาจเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ทิ้งร้างว่างเปล่าเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำ�หนด นอกจากนั้น อปท. ก็ยังไม่มีอ�ำ นาจในทะเล ทั้งๆ ที่ต้องเก็บขยะจากทะเลและบนเกาะ และไม่มีอำ�นาจเก็บค่าธรรมเนยี มจากการใช้ทรัพยากรท่องเที่ยว เช่น การปีนเขา การดำ�นํ้า ฯลฯ เป็นต้น5.2 ความเข้าใจเกย่ี วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ คำ�ถามเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นคำ�ถามวา่ ดว้ ยภารกจิ ทีไ่ ดถ้ า่ ยโอนมาแลว้ และขอบเขตของอ�ำ นาจหนา้ ทีท่ ีไ่ ดม้ าพรอ้ มกบั การถา่ ยโอนสว่ นทีส่ อง เปน็ อ�ำ นาจเกีย่ วกบั การใชป้ ระโยชนแ์ ละจดั สรรการใชท้ รพั ยากรทอ้ งถิน่ สว่ นทีส่ ามเป็นคำ�ถามว่าด้วยการหารายได้จากทรัพยากรท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติที่ท้องถิ่นเกี่ยวข้องแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ทรัพยากรป่าไม้ ที่สาธารณะ แม่นํ้าและชายฝั่ง ข้อควรสังเกต คือ นักวิจัยไม่ได้รวมทรัพยากรประมงไว้ด้วย เพราะยังไม่มีการมอบอำ�นาจใดๆให้ อปท. ตามกฎหมายประมงในขณะนั้น

องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ กับการจดั การทรัพยากรธรรมชาติการทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของผู้บริหารโดยแบ่งกลุ่ม 973 กลุ่ม ตามวิธีการในบทที่ 2 โดยกลุ่ม 1 มีวิสัยทัศน์กว้างขวางทั้งด้านให้บริการสาธารณะท้องถิ่นนิยม และการมีส่วนร่วมนิยม 469 แห่ง กลุ่ม 2 เป็นกลุ่มนิยมการมีส่วนร่วมและทอ้ งถิน่ นยิ ม 257 แหง่ และกลุม่ 3 เปน็ กลุม่ บรกิ ารนยิ มซึง่ เปน็ กลุม่ ใหญท่ ีส่ ดุ รวม 1,908 แหง่สำ�หรับคำ�ตอบได้ตัดเอาคำ�ตอบในกรณีที่ อปท. ไม่มีพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในหัวข้อนั้นๆ ออกจากการวเิ คราะห์ เชน่ หาก อปท. ไมม่ พี ืน้ ทีป่ า่ ไมใ้ นเขตปกครองกจ็ ะถกู ตดั ออกจากการวเิ คราะห์ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการป่าไม้ เป็นต้น จากการวิเคราะห์ พบว่า อปท. มีความเข้าใจกฎหมายเกี่ยวกับที่สาธารณะดีที่สุด และมีความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพยากรอื่นๆ จำ�กัดกว่าเช่น อปท. เพียงร้อยละ 42 เท่านั้นที่ทราบว่า สามารถเก็บภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เขตป่าสงวนได้ หากโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้อย่างถูกต้อง (ข้อ ก.6 ในตารางที่ 5.3) และ อปท. ประมาณร้อยละ 36 ที่ทราบว่าสามารถเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการร้านค้าและค่าจัดการขยะในอุทยานแห่งชาติได้(ข้อ ก.8 ในตารางที่ 5.3) เป็นต้น สำ�หรับ อปท. ที่มีพื้นที่แม่นํ้า/ชายฝั่งเพียงร้อยละ 33 ที่ทราบว่า กรมเจ้าท่าได้ถ่ายโอนภารกิจการดูแลท่าเทียบเรือข้ามฟากและการดูแลกระชังสัตว์นํ้าจากกรมเจ้าท่าให้แล้ว (ข้อที่ ค.1 ในตารางที่ 5.3) เป็นที่น่าสังเกตว่า อปท. ที่มีพื้นที่ป่าไม้ในอาณาเขตของตนประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น ที่ทราบว่า นายก อบต. และ นายกเทศมนตรีได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายป่าไม้ มีอำ�นาจป้องกัน จับกุม และปราบปรามผู้กระทำ�ผิดตามกฎหมายป่าไม้และยึดของกลางได้ (ข้อที่ ก.1 ในตารางที่ 5.3) อปท. เพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ทราบว่าการเก็บของป่าเพื่อใช้ในครัวเรือนเป็นการกระท�ำ ที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว (ข้อที่ ก.11ในตารางที่ 5.3) หมายความว่า หาก อปท. มีข้อบัญญัติข้อนี้ออกมาก็จะเป็นข้อบัญญัติที่ถูกต้องตามกฎหมายตารางที่ 5.3 ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตขิ อง อปท. ในแตล่ ะกลมุ่ ตามความเข้าใจขอบเขตวิสยั ทศั นข์ องการกระจายอำ�นาจ หน่วย: เปอร์เซ็นตท์ ่ตี อบถกูรายการ กลุ่ม 1 กลุ่ม 2 กลุม่ 3 รวมก. ทรพั ยากรป่าไม้1. นายก อบต./เทศมนตรีมีอำ�นาจจับกมุ และปราบปราม 19.61 22.58 17.87 18.61 ผู้กระท�ำ ผดิ ตาม พรบ. อุทยานแห่งชาติ2. นายก อบต./เทศมนตรไี ม่มอี ำ�นาจจดั สรรป่าเสือ่ มโทรมใหแ้ กผ่ ยู้ ากไร้ 79.75 72.45 78.67 78.223. นายก อบต./เทศมนตรีไม่สามารถขอใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ 31.41 31.52 24.76 26.48 ในอทุ ยานแหง่ ชาติได้ตามกฎหมาย4. อปท. ไมส่ ามารถขอใช้ประโยชน์ทด่ี นิ ในอทุ ยานแห่งชาตไิ ด้ตามกฎหมาย 28.00 54.84 40.51 39.945. อปท. ไม่สามารถเก็บภาษบี ำ�รงุ ท้องทจี่ ากพนื้ ท่ีท�ำ มาหากนิ ในเขตปา่ สงวน 65.00 61.86 68.33 67.146. อปท. เก็บภาษโี รงเรือนและส่งิ ปลูกสร้างในเขตปา่ สงวนได้ 44.65 50.53 40.88 42.43 หากได้รบั อนุญาตจากกรมปา่ ไม้แลว้ อย่างถูกตอ้ ง

โครงสร้าง วิสยั ทศั น์ การขบั เคลื่อนสขุ ภาวะ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถิน่ตารางที่ 5.3 ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาตขิ อง อปท. ในแตล่ ะกลมุ่ ตามความเข้าใจขอบเขตวสิ ยั ทศั น์ของการกระจายอำ�นาจ (ต่อ) หนว่ ย: เปอร์เซ็นต์ทตี่ อบถูกรายการ กลุ่ม 1 กลุ่ม 2 กลุม่ 3 รวม98 7. อปท. ขอใชป้ ระโยชนท์ ่ีดินในป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้ได้ 55.63 53.13 44.75 47.358. อปท. สามารถเก็บคา่ ธรรมเนียมใบอนญุ าตประกอบกิจการร้านค้า 41.18 45.16 33.90 36.16 และขยะในเขตอทุ ยาน9. อปท. ไม่สามารถออกขอ้ บญั ญัตเิ พ่ือเกบ็ คา่ ธรรมเนยี ม 41.88 41.67 42.16 42.07 การใชท้ รพั ยากรในป่าสงวนแหง่ ชาติได้10. อปท. ที่อยูใ่ นเขตอุทยานแห่งชาตมิ ีรายไดจ้ ากสว่ นแบ่งรายได้ 46.00 74.19 49.36 51.27 จากค่าธรรมเนียมอุทานแหง่ ชาติ11. อปท. ออกข้อบญั ญัติก�ำ หนดกตกิ าการเก็บของปา่ ในเขตป่าสงวน 20.25 23.40 17.80 18.74เปอร์เซน็ ต์ทตี่ อบถูกเฉลี่ย [F-statistic = 1.446] 32.21 32.76 30.46 30.38ข. การบรหิ ารจดั การท่สี าธารณะ1. อปท. มอี �ำ นาจดูแลท่สี าธารณประโยชนร์ ่วมกบั นายอ�ำ เภอ 81.39 79.12 78.68 79.212. อปท. สามารถใช้ที่สาธารณประโยชนเ์ พอ่ื หารายได้ 63.32 63.60 60.98 61.65 โดยต้องขออนุญาตจากกรมทดี่ ิน3. อปท. จะใชป้ ระโยชนท์ ีร่ าชพัสดไุ ด้ แต่ต้องขออนุญาตจากกรมธนารักษ์กอ่ น 86.58 83.67 85.10 85.224. อปท. จะใชป้ ระโยชนจ์ ากท่ี นสล. ได้ตอ่ เม่ือได้รบั อนญุ าตจากกรมปา่ ไม้ 64.92 62.65 61.88 62.50เปอรเ์ ซน็ ต์ที่ตอบถูกเฉล่ยี [F-statistic =0.008] 73.33 71.63 71.11 71.62ค. การบรหิ ารจัดการที่สาธารณะ1. อปท. มีอำ�นาจดแู ลทส่ี าธารณประโยชนร์ ว่ มกบั นายอำ�เภอ 81.39 79.12 78.68 79.212. อปท. สามารถใช้ท่สี าธารณประโยชนเ์ พอ่ื หารายได้ 63.32 63.60 60.98 61.65 โดยต้องขออนุญาตจากกรมทีด่ นิ3. อปท. จะใช้ประโยชนท์ ่ีราชพัสดไุ ด้ แตต่ ้องขออนุญาตจากกรมธนารักษก์ อ่ น 86.58 83.67 85.10 85.224. อปท. จะใชป้ ระโยชนจ์ ากที่ นสล. ได้ตอ่ เม่ือไดร้ บั อนุญาตจากกรมป่าไม้ 64.92 62.65 61.88 62.50เปอร์เซ็นต์ทตี่ อบถูกเฉลย่ี [F-statistic =0.008] 73.33 71.63 71.11 71.62ง. การบริหารจัดการแมน่ า้ํ /ชายฝ่งั1. อปท. ได้รับการถา่ ยโอนภารกจิ ดูแลทา่ เทยี บเรือข้ามฟากกระชงั 32.79 25.00 34.05 32.64 จากกรมเจา้ ท่า2. อปท. สามารถเกบ็ ค่าธรรมเนียมสิง่ ก่อสรา้ งทีล่ ว่ งลํ้าล�ำ นา้ํ 40.98 46.51 43.72 43.58 เปน็ รายได้ของทอ้ งถน่ิ ได้3. ทชี่ ายหาดนาํ้ ท่วมไม่ถงึ เป็นทสี่ าธารณประโยชนท์ ่ี อปท. 68.33 56.10 54.55 57.23 และนายอ�ำ เภอดูแลร่วมกนั4. อปท. ไม่มีอำ�นาจในการออกไบอนญุ าตจับสัตว์นํา้ ในห้วย หนอง คลอง บึง 47.54 48.84 46.12 46.735. อปท. ไมม่ อี �ำ นาจในการอนมุ ตั กิ ารกอ่ สรา้ งเรอื นแพในทะเลสาบ คลอง บงึ ฯลฯ 37.70 40.48 43.29 41.92เปอร์เซ็นต์ท่ีตอบถกู เฉลี่ย [F-statistic =0.209] 45.25 41.82 44.03 44.31ที่มา: จากการค�ำ นวณ