วารสารพยาบาลศาสตร ์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ปที ่ี 31 ฉบับท่ี 3 กนั ยายน - ธนั วาคม 2562 95 ตารางท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ระหว่างเพศ กับการท�ำหน้าทด่ี า้ นรา่ งกายของผสู้ งู อายโุ รคหลอดเลือดสมองวเิ คราะห์โดย ใช้ไคสแควร์ (Chi square) (n=121) 0-4 คะแนน 5-8 คะแนน 9-12 คะแนน 13-20 คะแนน ทำ� กจิ กรรมไม่ได้ ท�ำกิจกรรมได้นอ้ ย ทำ� กจิ กรรมได้ปานกลาง ทำ� กิจกรรมได้มาก จ�ำนวน รอ้ ยละ จำ� นวน รอ้ ยละ จ�ำนวน ร้อยละ จ�ำนวน รอ้ ยละ ชาย 0 0 8 6.60 4 3.30 48 39.70 หญิง 2 1.70 0 0 8 6.60 51 42.10 รวม 2 8 12 99 χ2 = 11.41, Contingency coefficient = 0.294, Asymp. Sig = 0.10, p-value <.05 โดยมีการสนับสนุนทางสังคมด้านการรับรู้คุณค่าของ อภิปรายผล ตนเองมากทสี่ ดุ คะแนนเฉลี่ย 5.59 (SD. = 0.50) และ มีด้านการรับรู้ว่าตนเองเป็นหน่ึงส่วนหน่ึงของสังคม การวจิ ยั ครง้ั นี้ พบวา่ การทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งกาย เทา่ นนั้ ทอี่ ยใู่ นระดบั ปานกลาง โดยมคี ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั ของผสู้ งู อายโุ รคหลอดเลอื ดสมองโดยรวมอยใู่ นระดบั การ 4.17 (SD. = 1.03) ชว่ ยเหลือตนเองในการท�ำกจิ กรรมไดม้ าก ( = 16.56, SD. = 4.11) ส่วนใหญ่มีระดับการช่วยเหลือตนเองใน ผลการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่าง การท�ำกิจกรรมได้มาก จ�ำนวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ ตวั แปร พบวา่ อายแุ ละภาวะซมึ เศรา้ มคี วามสมั พนั ธท์ าง 81.8 รองลงมา คือ ช่วยเหลอื ตนเองในการท�ำกิจกรรม ลบระดบั ปานกลางกบั การทำ� หนา้ ทดี่ า้ นรา่ งของผสู้ งู อายุ ไดป้ านกลาง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 9.9 อธบิ ายไดว้ า่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง โรคหลอดเลือดสมองอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ีระดับ ส่วนใหญ่สามารถช่วยเหลือตนเองในการท�ำกิจกรรมได้ .05 (r=-.399, -.337ตามลำ� ดบั ) การร้คู ิดมคี วามสมั พันธ์ มาก จากการพิจารณาในการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกาย ทางบวกในระดบั ปานกลางกบั การทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งของ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพยายามในการที่จะฟื้นฟู ผสู้ งู อายโุ รคหลอดเลอื ดสมองอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ี่ การทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งกายและใสใ่ จการทำ� กจิ วตั รประจำ� วนั ระดับ .05 (r= .348) ส่วนการสนับสนุนทางสังคมไม่มี ด้วยตนเอง และจากข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์กลุ่ม ความสัมพันธ์กับการท�ำหน้าที่ด้านร่างกายของผู้สูงอายุ ตัวอย่างขณะตอบแบบสอบหลายท่านมีความมุ่งม่ันใน โรคหลอดเลอื ดสมอง ดังตารางท่ี 2 การฟื้นฟูการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกายเพื่อให้กลับมาใกล้ เคยี งปกติ จะไดไ้ มต่ อ้ งพงึ่ พาลกู หลาน มกี ารพยายามเรมิ่ ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับ ทำ� กิจวัตรประจ�ำวันเองเท่าท่ที �ำได้ ซ่งึ การท�ำหน้าท่ีดา้ น การท�ำหน้าท่ีด้านร่างกายโดยใช้สถิติไคสแควร์ พบว่า ร่างกายที่ดีท�ำให้ผู้สูงอายุมีความร่วมมือในการฟื้นฟู เพศมคี วามสมั พนั ธก์ บั การทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งกายของผสู้ งู รา่ งกายไดด้ 2ี 0 สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ Lofgren และ อายโุ รคหลอดเลอื ดสมองอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทรี่ ะดบั .05 คา่ คณะ21 ทพี่ บว่า ผปู้ ่วยท่มี ีความสามารถในการทำ� หนา้ ท่ี Contingency Coefficient = 0.294 มีความสัมพนั ธ์ใน ด้านร่างกายที่ดี จะมีความสามารถในการท�ำกิจวัตร ระดบั ตำ�่ โดยท่ี เพศหญงิ มกี ารทำ� กจิ กรรมไดม้ าก จำ� นวน ประจำ� วนั ไดด้ ว้ ยตนเอง สอดคลอ้ งกบั จดุ มงุ่ หมายในการ 51 คน ส่วนเพศชาย จ�ำนวน 48 คน มกี ารท�ำกจิ กรรม ท�ำหน้าท่ีด้านร่างผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดสมองสิ่งท่ีมุ่ง ไดม้ าก พบวา่ เพศหญิง มีการทำ� กจิ กรรมไมไ่ ด้ จ�ำนวน เนน้ คือ การใหผ้ ูส้ ูงอายุสามารถช่วยเหลอื ตนเองในการ 2 คน และพบการท�ำกจิ กรรมได้น้อยในเพศชาย จำ� นวน ท�ำกิจวัตรประจ�ำวันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลอื่นหรือ 8 คน ดงั ตารางท่ี 3 พง่ึ พาน้อยที่สุด4
96 Journal of Nursing Science Chulalongkorn University Vol. 31 No. 3 September - December 2019 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า อายุมี เศรา้ จากความเจบ็ ปว่ ยทางร่างกาย กลบั ไม่สง่ ผลต่อการ ความสัมพันธ์กับการท�ำหน้าที่ด้านร่างกายผู้สูงอายุโรค ฟื้นฟูการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกาย แสดงให้เห็นว่าผู้กลุ่ม หลอดเลือดสมองอย่างมนี ัยสำ� คัญทางสถติ ิ ผสู้ งู อายุโรค ตัวอย่างมีการจัดการกับภาวะซึมเศร้าที่เกิดข้ึนได้ดีจาก หลอดเลอื ดสมองมกั เกดิ ความพกิ ารจากพยาธสิ ภาพของ ความเจบ็ ปว่ ยทางรา่ งกายไดด้ ี ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษา โรคตามมา ร่วมกับอายุท่ีเพิ่มข้ึนจึงเป็นข้อจ�ำกัดในการ ของ Thongbaiprasath และคณะ24 ที่ศึกษาประสบ- ฟื้นตัวของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในการฟื้นฟู การณ์การปรับตัวต่อการเจ็บป่วยของผู้ป่วยโรคหลอด สมรรถภาพของผู้ป่วย เน่ืองจากการงอกของเซลล์ เลือดสมอง พบว่า ผู้ป่วยมีการปรับตัวต่อการเจ็บป่วย ประสาทท่ีดีเพอ่ื ทดแทนสว่ นท่ีบาดเจบ็ และการเชอื่ มต่อ คือ การยอมรับสภาพการเจ็บป่วยและพยายามช่วย ลดนอ้ ยลง13 แสดงให้เห็นว่าอายทุ ีม่ ากขนึ้ มีผลต่อการท�ำ ตนเองเพ่ือลดการพ่ึงพาคนในครอบครัว โดยการท�ำ หน้าที่ด้านร่างกายท่ีลดลง จากผลการวิจัยนี้พบว่ากลุ่ม กจิ วตั รประจำ� วนั ดว้ ยตนเองและมกี ารพงึ่ พาอยา่ งเหมาะสม ตัวอย่างท่ีมีช่วงอายุระหว่างอายุ 80-89 ปี จะมีการท�ำ ร่วมกับข้อมูลที่ได้จากการณ์สัมภาษณ์ในระหว่างเก็บ หน้าทด่ี า้ นร่างกายอยใู่ นระดบั น้อย ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั การ ขอ้ มลู ในการทำ� วจิ ยั พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งทมี่ ภี าวะซมึ เศรา้ ศกึ ษา Liu และคณะ22 พบว่า อายุเพิ่มข้ึนทุกปจี ะมคี วาม แม้จะยังมีความเบื่อหน่าย กังวลกับสภาพร่างกายที่ สัมพันธ์กับการท�ำหน้าที่ด้านร่างกายท่ีต�่ำลง Cickusic เปลยี่ นไป แตก่ ลบั มคี วามมงุ่ มน่ั ในการฟน้ื ฟกู ารทำ� หนา้ ที่ และคณะ9 กล่าวว่า อายทุ ่ีมากข้นึ ของผู้ปว่ ยมีผลทางลบ ดา้ นรา่ งกาย ชว่ ยเหลอื ตนเองในการทำ� กจิ วตั รประจำ� วนั กบั การทำ� หน้าทท่ี างรา่ งกาย เพราะไม่อยากเป็นภาระกับครอบครวั ภาวะซมึ เศรา้ มคี วามสมั พนั ธท์ างลบกบั การทำ� การรู้คิด มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการท�ำ หน้าที่ด้านร่างกายอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ภาวะซึม หน้าที่ด้านร่างกายอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ผู้ป่วยโรค เศรา้ หลงั เกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองสาเหตสุ ว่ นหนง่ึ มาจาก หลอดเลือดสมองมักมีความบกพร่องของการรู้คิดจาก การทผ่ี ปู้ ว่ ยรสู้ กึ สญู เสยี จากการเปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย พยาธสิ ภาพของสมองจากการขาดเลอื ดไหลเวยี นไปเลยี้ ง หรอื สญู เสยี อวยั วะทส่ี ำ� คญั ไป ทำ� ใหผ้ ปู้ ว่ ยรสู้ กึ เศรา้ ทำ� ให้ สมอง และย่งิ ในวัยผสู้ งู อายุทอ่ี วยั วะในรา่ งกายเริม่ เสอ่ื ม ผู้ป่วยหมดความสนใจในการช่วยเหลือตนเองในการท�ำ ไปตามวยั รวมถงึ สมองย่ิงทำ� ให้ผสู้ งู อายมุ ีภาวะบกพรอ่ ง กิจกรรมต่างๆ สอดคลอดคล้องกับการศึกษาของ ด้านการรู้คิดมากกว่าวัยผู้ใหญ่ ในการวิจัยคร้ังน้ีพบว่า Matsuzaki และคณะ11 ท่ีพบว่า ภาวะซึมเศร้ามีความ กลมุ่ ตวั อยา่ งทมี่ รี ะดบั การศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษาและ สมั พนั ธก์ บั การทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งกายของผปู้ ว่ ยโรคหลอด ระดับสูงกวา่ ประถมศกึ ษา ไม่มีผู้ที่บกพรอ่ งทางการรคู้ ดิ เลือดสมอง และการศกึ ษาของ Ahn และคณะ23 พบวา่ ทำ� ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งมกี ารทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งกายอยใู่ นระดบั ผู้ป่วยท่ีมีภาวะซึมเศร้าหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองมี ปานกลาง มีความสามารถในการท�ำหน้าที่ด้านร่างกาย ความสัมพันธ์ทางลบกับการท�ำหน้าที่ด้านร่างกายของ ช่วยเหลือตนเองในการท�ำกิจวัตรประจ�ำวันได้บางส่วน ผู้ป่วยเม่ือจ�ำหน่ายอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติและผู้ท่ีมี สอดคล้องกับการศึกษาของ Ones และคณะ12 ที่พบวา่ ภาวะซึมเศร้ามีความสามารถในการประกอบกิจวัตร ระดับความรู้คิดที่ดีหรือปกติส่งผลต่อการท�ำหน้าท่ีด้าน ประจ�ำวันต�่ำกว่ากลุ่มท่ีไม่มีอาการอย่างมีนัยส�ำคัญทาง ร่างกายที่ดีในการฟื้นฟูสมรรถภาพ และการศึกษาของ สถติ ิ จากการวิจัยนี้ พบวา่ กล่มุ ตัวอย่างมีภาวะซึมเศร้า Claesson และคณะ25 ทพี่ บว่า ความบกพร่องทางการ รอ้ ยละ 14 แตก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งทม่ี ภี าวะซมึ เศรา้ นก้ี ลบั มกี าร รู้คิดจะมีความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ท่ีแย่ลงของการท�ำ ท�ำหน้าที่ด้านร่างกายที่ดี ช่วยเหลือตนเองในการท�ำ กจิ วัตรประจ�ำวนั กิจกรรมได้มาก อธิบายได้ว่าแม้กลุ่มตัวอย่างมีภาวะซึม
วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ปที ่ี 31 ฉบบั ที่ 3 กนั ยายน - ธันวาคม 2562 97 เพศ มีความสัมพันธ์กับการท�ำหน้าท่ีด้าน กลมุ่ ตวั อยา่ งระหวา่ งเกบ็ ขอ้ มลู ในการทำ� วจิ ยั พบวา่ กลมุ่ ร่างกายของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดสมองอย่างมีนัย ตวั อยา่ งมคี วามพยายามจะทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ดว้ ยตนเอง สำ� คญั ทางสถติ ิ กลา่ วไดว้ า่ เพศเปน็ ปจั จยั บง่ บอกถงึ ความ ให้ได้มากที่สุด มีความกระตือรือร้นในการมาท�ำ แตกต่างของสรีระร่างกายของบุคคล บ่งบอกถึงการ กายภาพบำ� บดั ทโ่ี รงพยาบาลและทบ่ี า้ นโดยทญ่ี าตไิ มต่ อ้ ง แสดงออกทางอารมณ์และทัศนคติต่อความเจ็บป่วยที่ โน้มน้าวหรือกระตุ้น เพราะไม่อยากเป็นภาระของลูก แตกต่างกัน มีหลายการศึกษาท่ีระบุถึงความแตกต่าง หลานและคิดว่าสามารถช่วยเหลือตนเองในการท�ำ ระหว่างเพศในการท�ำหน้าที่ด้านร่างกาย ดังการศึกษา กจิ กรรมได้ ทำ� ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งไมต่ อ้ งการความชว่ ยเหลอื ของ Howard10 ที่พบว่า เพศ มีความแตกต่างกันใน จากผู้ดูแลและครอบครัวเป็นหลักในการฟื้นฟูการท�ำ ความสามารถการทำ� หนา้ ทข่ี องรา่ งกายในการทำ� กจิ กรรม หน้าท่ีด้านร่างกายและกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะอยู่ใน ผสู้ งู อายเุ พศหญงิ พบวา่ มปี ญั หาความบกพรอ่ งของการ ชว่ งอายุ 6-69 ปี (ร้อยละ 62) ซึ่งเปน็ กลุ่มช่วงอายทุ ี่ยงั ทำ� หนา้ ทข่ี องรา่ งกายในการท�ำกจิ กรรมมากกวา่ ผสู้ งู อายุ แข็งแรงและมีการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกายท่ีดี อาจเป็น เพศชายเม่ือเกิดโรค จากการวิจัยน้ีพบว่า กลุ่มตัวอย่าง สาเหตทุ ำ� ใหก้ ารสนบั สนนุ ทางไมส่ มั พนั ธก์ บั การทำ� หนา้ ที่ เพศหญงิ และเพศชาย มีจ�ำนวนพอๆ กัน การท�ำหนา้ ท่ี ด้านร่างกายของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดสมอง ด้านร่างกายอยู่ในระดับช่วยเหลือตนเองในการท�ำ กจิ กรรมไดป้ านกลาง เมอ่ื พจิ ารณาระดบั การทำ� กจิ กรรม จากการผลศึกษานี้สรุปได้ว่าปัจจัยด้าน อายุ แยกตามเพศชายและเพศหญงิ พบวา่ มเี พศหญิง จำ� นวน เพศ ภาวะซมึ เศรา้ และการรคู้ ดิ มคี วามสมั พนั ธก์ บั การทำ� 2 คน มรี ะดบั ชว่ ยเหลอื ตนเองในการทำ� กจิ กรรมไมไ่ ด้ ซงึ่ หนา้ ทดี่ า้ นรา่ งกายของผสู้ งู อายโุ รคหลอดเลอื ดสมอง การ ไมพ่ บการทำ� กจิ กรรมไมไ่ ดใ้ นเพศชาย สามารถอธบิ ายได้ สนับสนุนทางสังคมไม่มีความสัมพันธ์กับการท�ำหน้าที่ ว่าเพศชายมีการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกายได้ดีกว่าเพศหญิง ด้านร่างกายของผู้สงู อายโุ รคหลอดเลอื ดสมอง สามารถ สอดคล้องกบั การศึกษาของ Lofgren และคณะ21 ทพี่ บ น�ำปัจจัยเหล่าน้ีมาประยุกต์กับผู้สูงอายุในด้านการ ว่า เพศชายเป็นปจั จัยทส่ี ัมพนั ธก์ บั ความสามารถในการ วางแผนให้การพยาบาลและสร้างแบบแผนการฟื้นฟู ปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวันท่ีดีขึ้นและเพศชายมีการฟื้นฟู สภาพเพื่อให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและแม้ในผลการ สภาพทางกล้ามเนื้อดีกว่าเพศหญงิ ศึกษาน้ีการสนับสนุนทางสังคมจะไม่มีความสัมพันธ์กับ การท�ำหน้าท่ีด้านร่างกาย แต่การสนับสนุนทางสังคมก็ ในการวจิ ยั น้ี พบวา่ การสนบั สนนุ ทางสงั คมไมม่ ี ยังเป็นสิ่งท่ีผู้สูงอายุยังควรท่ีจะได้รับจากครอบครัวและ ความสัมพันธ์กับการท�ำหน้าที่ด้านร่างกายของผู้สูงอายุ บุคลากร เพื่อน�ำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีด้านการฟื้นฟูการท�ำ โรคหลอด แตกต่างจากการศึกษาของ Ishigaki และ หนา้ ท่ดี า้ นรา่ งกายของผู้สูงอายุ คณะ26 ที่กล่าวว่า แรงสนบั สนุนของครอบครัวมผี ลทาง บวกในการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย ขอ้ เสนอแนะ และส่งผลต่อการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกายของผู้ป่วยในการ ท�ำกิจวัตรประจ�ำวันได้ดีขึ้น และ Pongcharoen และ 1. สง่ เสรมิ การดแู ลตนเอง (Self-care) และ คณะ27 พบว่า การไปเย่ียมผู้ป่วยของบุคคลากรทางการ ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง ด้วยภาวะซึมเศร้ามีความ แพทยห์ รอื มอี าสาสมคั รสาธารณะสขุ หมบู่ า้ น เขา้ ไปเยยี่ ม สมั พนั ธท์ างดา้ นลบกบั การทำ� หนา้ ทด่ี า้ นรา่ งกายผสู้ งู อายุ ดูแลฟื้นฟูสภาพที่บ้านท�ำให้ผู้ป่วยมีก�ำลังใจในการฟื้นฟู โรคหลอดเลือดสมอง ดังน้ัน ในการวางแผนในการ สภาพสง่ ผลตอ่ การทำ� หนา้ ทดี่ า้ นรา่ งกายของผปู้ ว่ ยทด่ี ขี น้ึ พยาบาลผู้ป่วยอันดับแรกควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยช่วยเหลือ โดยการวิจัยนี้กลุ่มตัวอย่างท่ีมีการสนับสนุนทางสังคม ตนเองโดยการทำ� กจิ วตั รประจำ� วนั อยา่ งงา่ ยๆ เทา่ ทผ่ี ปู้ ว่ ย โดยรวมอย่ใู นระดบั สูง จากขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการสัมภาษณ์ แตล่ ะคนทำ� ไหวกอ่ น เมอื่ เรม่ิ ทำ� ไดค้ ลอ่ งกใ็ หเ้ พมิ่ กจิ กรรม ในการช่วยเหลือตนเองให้มากขึ้น เป็นการเสริมสร้าง
98 Journal of Nursing Science Chulalongkorn University Vol. 31 No. 3 September - December 2019 ความม่ันใจให้กับผู้ป่วย จะท�ำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าใน 3. ควรศกึ ษาการบำ� บดั ทางพยาบาลหรอื งาน ตนเองมากขึ้นที่แม้จะมีความพิการแต่ก็ยังสามารถช่วย วจิ ัย เพื่อชว่ ยเหลอื ผ้ปู ่วยใหเ้ หมาะสมกบั บริบทผ้ปู ่วยสูง เหลอื ตนเองได้ ไม่ต้องพึง่ พาคนอื่นท้ังหมด อายุในการฟื้นฟูการท�ำหน้าที่ของร่างกายภายหลังการ เจ็บป่วย เช่น การสร้างแนวทางปฏิบัติในการฟื้นฟูการ 2. การปรับกิจกรรมการฟื้นฟูการท�ำหน้าท่ี ทำ� หนา้ ทดี่ า้ นรา่ งกายของผสู้ งู อายใุ นแตล่ ะชว่ งอายุ หรอื ของรา่ งกายใหเ้ หมาะสมอายขุ องผปู้ ว่ ย เนอื่ งจากผสู้ งู อายุ โปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมปฏิบัติกิจกรรมส�ำหรับ ทอี่ ายมุ ากยอ่ มจะมจี ะมกี ารฟน้ื ฟรู า่ งกายไดช้ า้ ผสู้ งู อายทุ ี่ ผสู้ ูงอายโุ รคหลอดเลอื ดสมอง อายุน้อยกว่า ดงั นั้น การจดั การวางแผนการพยาบาลใน การฟน้ื ฟกู ารทำ� หนา้ ทดี่ า้ นรา่ งกายควรมกี ารจดั และปรบั กติ ตกิ รรมประกาศ กจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั ความสามารถในการฟน้ื ฟกู ารทำ� หนา้ ทดี่ า้ นรา่ งกายของผปู้ ว่ ยแตล่ ะชว่ งอายุ เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ย การวิจัยครั้งน้ีได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก ไม่เกิดความท้อแท้และหมดก�ำลังใจในการฟื้นฟูร่างกาย “ทนุ อุดหนนุ วทิ ยานพิ นธส์ ำ� หรบั นสิ ิต” บัณฑติ วทิ ยาลัย และทำ� กจิ กรรม นอกจากนค้ี วรมกี จิ กรรมทก่ี ระตนุ้ ระบบ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั และทนุ สนบั สนุนการวจิ ัยจาก ประสาทและสมองให้ผู้ป่วยได้ฝึกด้วยเพื่อชะลอความ คณะพยาบาลศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอ เสื่อมที่มีตามวัยและมาจากตัวโรคเพราะการรู้คิดที่ดีก็ ขอบคุณกลุ่มตัวอย่างท้ัง 121 ท่าน อาจารย์ที่ปรึกษา เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการท�ำหน้าท่ีด้านร่างกายท่ีดีของผู้ วทิ ยานพิ นธ์ ตลอดจนบคุ ลากรทง้ั 2 โรงพยาบาล ทใี่ หก้ าร ป่วยดว้ ย ช่วยเหลืออ�ำนวยความสะดวกการเข้าถึงแหล่งข้อมูลใน การวจิ ยั ครง้ั น้ีจนส�ำเร็จไดด้ ว้ ยดี References 5. Mitchell AJ, Sheth B, Gill J, Yadegarfar M, Stubbs B, Yadegarfar M, Meader N. 1. World Health Organization. The top 10 Prevalence and predictors of post-stroke causes of death [Internet]. 2019 [cited mood disorders: A meta-analysis and 2017 March 28]. Available from: https:// meta-regression of depression, anxiety www.who.int/news-room/fact-sheets/ and adjustment disorder. General detail/the-top-1-causes-of-death. Hospital Psychiatry 2017; 47: 48-60. Doi. 2. Strategy and Planning Division. Public Health org/10.1016/j.genhosppsych. 2017.04.001. Statistics 2016. Nontaburi: Strategy and 6. Tommi S. Functional ability and Health Planning Division Ministry of Public Behaviors Trends and associations Health; 2017. among elderly people, 1985-2003. 3. Aekplakorn W. Thai National Health Finland: University of Helsinki; 2005. Examination Survey, NHES V. Nontaburi: 7. Jitapunkul S. Principles of geriatric medicine. The Graphico system co. Ltd.; 2014. Bangkok: Chulalongkorn University; 4. Pajarya K. Stroke Rehabilitation. Bangkok: 2001. Medical Education Technology center 8. World Health Organization. International Faculty of Medicine Siriraj Hospital classification of functioning, disability Mahidol University; 2007. and health. Geneva: World Health
วารสารพยาบาลศาสตร ์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ปที ่ี 31 ฉบบั ที่ 3 กันยายน - ธนั วาคม 2562 99 Organization; 2001. 17. FolsteinMF,FolsteinSE,McHughPR.“Mini-mental 9. Cickusic A, Sinanovic O, Zonic-Imamovic M, state”: A practical method for grading Kapidzic-Durakovic S. Functional the cognitive state of patients for the recovery of patients after stroke. Acta clinician. Journal of Psychiatric Research Medica Saliniana 2011; 40(2): 58-62. 1975; 12(3): 189-98. 10. Howard MS. Gender differences in functional 18. Yesavage JA, Brink TL, Rose TL, Lum O, Huang abilities among elderly stroke survivors V, Adey M, et al. Development and in medicare managed care. Degree validation of a geriatric depression doctor of public health of Public Health screening scale: A preliminary report. Morgan state university; 2007. Journal of Psychiatric Research 1982; 11. Matsuzaki S, Hashimoto M, Yuki S, Koyama 17(1): 37-49. A, Hirata Y, Iked M. The relationship 19. Mahoney FI, Barthel DW. Functional between post-stroke depression and evaluation: the Barthel Index: a simple physical recovery. Journal of Affective index of independence useful in scoring Disorders 2015; 176: 56-60. Doi.org/ improvement in the rehabilitation of 10.1016/j.jad.2015.01.020. the chronically ill. Maryland state 12. Ones K, Yalcinkaya EY, Toklu BC, Caglar N. medical journal 1965; 14: 61-5. Effects of age, gender, and cognitive, 20. Masskulpan P. Related Factors to Functional functional and motor status on functional Outcome among Stroke Rehabilitation outcomes of stroke rehabilitation. 2006; 31(2): 97-103. (In Thai) NeuroRehabilitation 2009; 25(4): 241-249. 21. Lofgren B, Nyberg, L., Osterlind PO, Gustafson Doi:10.3233/NRE-2009-0521. Y. In-patient rehabilitation after stroke: 13. Panjinda W. Choocherd P. Achieving a Holistic outcome and factors associated with Approach in Stroke Rehabilitation. improvement. Disability and rehabilitation APHEIT International Journal 2559; 5(2): 1998; 20(2): 55-61. 70-78. (In Thai) 22. Liu X, Lv Y, Wang B, Zhao G, Yan Y and Xu D. 14. Srisatidnarakul B. The methodology in Prediction of functional outcome of nursing research. 5th ed. Bangkok: you ischemic stroke patients in northwest and I Intermedia; 2553. (In Thai) China. Clinical Neurology and Neurosurgery 15. Arsanok A, Jitpanya C, Khaoroptham S. 2007; 109(7): 571-7. Selected factors related to quality of 23. Ahn DH, Lee YJ, Jeong JH, Kim YR, Park JB. life in adult patients with brain tumor The effect of post-stroke depression on [Master’s Thesis, Nursing Science Program]. rehabilitation outcome and the impact Bangkok: Chulalongkorn University; 2006. of caregiver Type as a Factor of Post-Stroke (In Thai) Depression. Annals of Rehabilitation 16. Brandt PA, Weinert C. The PRQ-A Social Medicine 2015; 39(1): 74-80. Doi.org/10. Support Measure. Nursing Research 5535/arm.2015.39.1.74 1981; 30(5): 277-80. Doi.org/10.1097/ 24. ThongbaiprasathW,WannapornsiriC,Suntayakorn 00006199-198109000-00007. C, Siripornpibul T. Experiences on Illness
100 Journal of Nursing Science Chulalongkorn University Vol. 31 No. 3 September - December 2019 Adaptation among the Cerebrovascular family support on the rehabilitation Disease Patients Living in Tombon Santo, outcome of stroke inpatients at Khanuwaralaksaburi District, Kamphangphet rehabilitation hospitals in Japan—a Province. Journal of Nursing Science multi-center study. Physiotherapy 2015; Naresuan University 2007; 1(1): 72-84. 101(Suppl 1): 647-8. Doi.org/10.1016/j. (In Thai) physio.2015.03.3480. 25. Claesson L, Lindén T, Skoog I, Blomstrand 27. Pongcharoen C, Luk-in C, Siratirakul, L. The C. Cognitive Impairment after Stroke- effects of village health volunteers’ Impact on Activities of Daily Living participation to home health care and Costs of Care for Elderly People. model on quality of life in stroke Cerebrovascular Diseases 2005; 19(2): patients. Nursing Journal of The Ministry 102-9. of Public Health 2016; 26(1):149-60. 26. Ishigaki T, Izumi, M, Tanaka H, Ogawa T, (In Thai) Matsunami S, Miyao K, et al. Impacts of
วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ปีที่ 31 ฉบบั ที่ 3 กันยายน - ธันวาคม 2562 101 คำ� แนะนำ� การเตรยี มและสง่ ต้นฉบบั วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย (ปรับปรงุ ธันวาคม 2561) วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1.6 เนอ้ื เรอื่ งบทความประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ตามลำ� ดบั เป็นวารสารท่ีตีพิมพ์บทความวิชาการทางการพยาบาลที่ผ่าน ดงั นี้ และเพ่ิมเตมิ รายละเอียดตอ่ ไปน้ี การพจิ ารณาจากผทู้ รงคณุ วฒุ อิ ยา่ งนอ้ ย 2 คน จงึ ขอเชญิ สมาชกิ และผู้สนใจทกุ ทา่ น ส่งบทความเพ่อื ตีพมิ พเ์ ผยแพร่ โดยผลงาน - บทน�ำ ระบุถึงความเป็นมาและความส�ำคัญ ทีส่ ่งมาเพ่อื พจิ ารณาตีพมิ พ์ต้องไม่เคยตีพมิ พ์ หรืออยู่ในระหว่าง ของปัญหาการวิจัยโดยย่อ ระบุกรอบแนวคิด (ความเรียง/ พจิ ารณาตพี มิ พใ์ นวารสารอน่ื และกองบรรณาธกิ ารขอสงวนสทิ ธ์ิ แผนภาพ) และระบุวัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั ในการตรวจทาน แก้ไขต้นฉบับตามเกณฑ์ของวารสาร กรณีท่ี บทความของทา่ นไดร้ บั การตพี มิ พใ์ นวารสารฉบบั นถ้ี อื วา่ เปน็ ลขิ สทิ ธิ์ - วธิ ดี ำ� เนนิ การวจิ ยั ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ และการ ของวารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาฯ และเมื่อได้รับการตอบรับ อธบิ ายถงึ แบบแผนงานวจิ ยั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง เครอ่ื งมอื ให้ตีพมิ พผ์ แู้ ตง่ จะตอ้ งเป็นสมาชิกของวารสารฯ 2 ปี ที่ใช้ในการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพ การพิทักษ์สิทธิ์ของ กลมุ่ ตวั อยา่ ง การเกบ็ รวบรวมข้อมูล และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ชนิดของบทความทต่ี พี มิ พ์ - ผลการวิจัย เสนอผลท่ีพบตามวัตถุประสงค์ 1. บทความวชิ าการ (article) ทางการพยาบาล การวิจยั อย่างชดั เจน เสนอในรปู ตารางหรอื แผนภูมิเมอ่ื จำ� เปน็ 2. บทความวจิ ยั (research article) ทางการพยาบาล 3. บทความปริทศั น์ (review article) บทความพเิ ศษ - อภปิ รายผล อธิบายถงึ เหตุผลของผลการวิจยั และปกิณกะ ทพ่ี บ (ทง้ั ทเี่ ปน็ และไมเ่ ปน็ ตามสมมตฐิ านการวจิ ยั ) โดยกลา่ วอา้ ง ถงึ แนวคดิ หรอื ทฤษฎที ใ่ี ชเ้ ปน็ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั นำ� ผลงาน การเตรยี มต้นฉบบั วจิ ยั ของผอู้ นื่ มาสนบั สนนุ ผลการวจิ ยั อยา่ งเหมาะสม สอดคลอ้ ง 1. องค์ประกอบของบทความมีดังนี้ - ข้อเสนอแนะ ในการนำ� ผลการวจิ ยั ไปใช้ และ 1.1 ชอ่ื เร่อื ง ภาษาไทย ประเด็นส�ำหรบั การวิจัยต่อไป 1.2 ชอ่ื ผเู้ ขยี นทกุ คน เปน็ ภาษาไทย พมิ พอ์ ยใู่ ตช้ อ่ื เรอื่ ง และให้ระบุหน่วยงานของผู้แต่งชื่อแรกไว้ใต้ช่ือผู้เขียน โดยให้ - กติ ตกิ รรมประกาศ (ถา้ ม)ี ระบผุ ใู้ หท้ นุ และผทู้ ่ี ระบตุ ำ� แหนง่ งานไวเ้ ปน็ เชงิ อรรถดา้ นลา่ ง (ดตู วั อยา่ งภายในเลม่ ) ต้องการแสดงความขอบคุณ สน้ั กระชบั และไดใ้ จความ 1.3 บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ไมเ่ กนิ 250 คำ� ประกอบดว้ ย วัตถุประสงค์การวิจัย แบบแผนงานวิจัย วิธีด�ำเนินการวิจัย - Reference ใชร้ ะบบ Vancouver ควรมคี วาม (กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือวิจัย การเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ ทนั สมัย ไม่ควรเกนิ 18 รายการ ข้อมูล) ผลการวิจัย และข้อสรปุ 1.4 บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย ชื่อเร่ือง การจดั พิมพ์ ชื่อผู้แต่งทุกคน Purpose, Design, Methods (sample, instrument, data collection and statistical analysis), 1. ตน้ ฉบบั ตอ้ งพมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรโ์ ปรแกรมสำ� เรจ็ รปู Results, Conclusion ทงั้ นใี้ หร้ ะบหุ นว่ ยงานและทอี่ ยขู่ องผแู้ ตง่ MS Word for Windows แบบอักษรใช้ Cordia New ขนาด ทุกคน พร้อมระบุ corresponding author และ email ตัวอักษร 16 พมิ พห์ นา้ เดียวในกระดาษ A4 จ�ำนวน 7-13 หนา้ 1.5 กำ� หนดคำ� สำ� คญั (Keyword) ท้งั ภาษาไทยและ (ไมน่ บั เอกสารอา้ งองิ ) และควรเวน้ หา่ งจากขอบกระดาษ ขา้ งละ ภาษาองั กฤษ อยา่ งละ 3-5 ค�ำสำ� คัญและท�ำเครอื่ งหมาย / ท้งั 1 นิ้ว บน-ล่าง 1 นว้ิ และใส่หมายเลขหนา้ ทุกหนา้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ 2. การเรยี งหวั ขอ้ หวั ขอ้ ใหญส่ ดุ ตอ้ งพมิ พช์ ดิ ขอบดา้ นซา้ ย หัวข้อย่อยเว้นห่างจากหัวข้อใหญ่ 4 ตัวอักษร และหัวข้อย่อย ขนาดเดียวกัน ต้องพิมพใ์ หต้ รงกัน 3. การใช้ตัวเลข ค�ำย่อ และวงเล็บ ควรใช้เลขอารบิค ท้ังหมด ใช้ค�ำย่อที่เป็นสากลเท่านั้น (ระบุค�ำเต็มไว้ในครั้งแรก) การวงเลบ็ ภาษาองั กฤษตวั อยา่ งเชน่ (WorldHealthOrganization) เปน็ ต้น
102 Journal of Nursing Science Chulalongkorn University Vol. 31 No. 3 September - December 2019 การเขียนเอกสารอา้ งอิง 2. ผู้แต่งต้องจัดท�ำต้นฉบับบทความท่ีมี Template บทความถูกต้อง ได้แก่ องค์ประกอบบทความ รายการอ้างอิง บทความทีจ่ ะตพี ิมพ์ในวารสารตั้งแต่ปีที่ 31 เปน็ ตน้ ไป หากไม่ถูกต้องกองบรรณาธิการจะแจ้งให้ผู้แต่งทราบและแก้ไข ใช้ระบบการอา้ งอิงแบบ Vancouver ทั้งนก้ี ารอา้ งองิ ในเน้ือหา จนกวา่ จะถกู ต้องสมบูรณ์ บทความมหี ลกั การอา้ งองิ คอื เมอ่ื นำ� ผลงานมาอา้ งองิ ใหใ้ สต่ วั เลข กำ� กับทีท่ า้ ยขอ้ ความ เรียงลำ� ดบั 1,2,3..... โดยให้ตวั เลขกำ� กบั 3. กองบรรณาธกิ ารจะสง่ บทความทม่ี ี Template ถกู ตอ้ ง ทที่ ้ายข้อความเป็นตวั เลขยกขึ้น แล้วรวบรวมเปน็ Reference สมบรู ณ์ ใหผ้ ทู้ รงคณุ วฒุ พิ จิ ารณา ซง่ึ จะใชร้ ะยะเวลาการพจิ ารณา ทีส่ ว่ นทา้ ยของงานนิพนธ์ ประมาณ 4 สปั ดาห์ จากนน้ั จะแจ้งให้ผู้แตง่ ทราบ ผแู้ ตง่ สามารถศกึ ษารายละเอยี ดการเขยี นรายการอา้ งองิ 4. บทความทไี่ ดร้ บั การตอบรบั การตพี มิ พจ์ ะตอ้ งจา่ ยคา่ จาก Website: http://library.md.chula.ac.th/guide/ ตพี มิ พบ์ ทความ พรอ้ มทง้ั สมคั รเปน็ สมาชกิ วารสารพยาบาลศาสตร์ vancouver2011. pdf หรอื สามารถดตู วั อยา่ งการเขยี นรายการ จฬุ าฯ ตามท่ีวารสารพยาบาลศาสตรก์ ำ� หนด อา้ งองิ แบบ Vancouver โดยสบื คน้ จากฐานขอ้ มลู online อนื่ ๆ การติดตอ่ กองบรรณาธกิ าร รายการอ้างอิงทุกรายการต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ทง้ั ในเนอื้ เรอ่ื งและใน Reference และรายการอา้ งองิ ภาษาไทย วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ใหเ้ ขยี นเปน็ ภาษาองั กฤษทถ่ี กู ตอ้ ง แลว้ ตอ่ ทา้ ยดว้ ยวา่ [In Thai] ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. สรุ ศกั ดิ์ ตรนี ยั (บรรณาธกิ าร) เจ้าหนา้ ทีผ่ ูป้ ระสานงาน : ธีระพงษ์ ยพุ าก่ิง การส่งบทความและกระบวนการพิจารณาตอบรับ * คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั บทความ อาคารบรมราชชนนศี รศี ตพรรษ ชน้ั 11 ถนนพระราม 1 แขวงวงั ใหม่ เขตปทุมวนั กรุงเทพฯ 10330 1. ผแู้ ตง่ (Author) สามารถสง่ ตน้ ฉบบั บทความไดท้ ร่ี ะบบ โทร. 0 2218 1129 โทรสาร. 0 2218 1130 อเิ ลก็ ทรอนกิ สว์ ารสารพยาบาลศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั Email address: [email protected] https://www.tcithaijo.org/index.php/ CUNS
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111