2774-0730
:
E-ISSN 2774-0730
E-ISSN 2774-0730
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 การตายดว้ ยวณั โรคในประเทศไทย Tuberculosis Mortality in Thailand สวรรยา สริ ภิ คมงคล Sawanya Siriphakhamongkhon สำนักงำนป้ องกันควบคมุ โรคที จงั หวดั นครสวรรค์ Office of Disease Prevention and Control 3,Nakhon Sawan Received: June 24, 2021Revised: August 01, 2021Accepted: October 01, 2021 บทคดั ยอ่ การศึกษานีวเิ คราะห์ความแตกต่างภาวะการตายด้วยวัณโรคระหว่างกลุ่มประชากร จาแนกตาม เพศ อายุ ภาค และ จังหวัด และ อายุขัยเฉลียของประชากรทตี ายด้วยวัณโรค ข้อมูลทใี ช้ในการวเิ คราะห์ คอื สถิติชีพ กรมอนามัย และ กองระบาดวทิ ยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ปี พ.ศ. ถึง นาเสนอข้อมูลอตั ราตายด้วยตาราง และ แผนภาพ และเครอื งมอื ทางประชากรศาสตร์นาเสนอด้วย ตารางชพี และ ตารางชีพประยุกต์คอื ตารางชพี ลดลงแบบพหุ พบว่า ความแตกต่างภาวะการตาย จาแนก ตามลกั ษณะทางเพศ และ อายุ คอื เพศชาย และ กล่มุ อายุ ปี ขนึ ไป มีอัตราตายสูงกว่าเพศหญิง และ ทกุ กลุ่มอายอุ ืนๆ ตามลาดบั ประชากรทเี สยี ชีวติ ด้วยโรคนีสูงสดุ ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ โดยเฉพาะ จังหวดั บุรีรมั ย์ สุรินทร์ และยโสธร อนึงในด้านอายุขยั เฉลีย พบว่าความยืนยาวของชวี ิตลดลงประมาณ ปี เหลอื ปี เนืองจากผลกระทบของวัณโรค ผ้กู าหนดนโยบายควรเร่งรัดการดาเนินงานกลยุทธ์ยุติ วัณโรคโดยเฉพาะ ผ้ชู ายสงู อายุ และดาเนนิ การเร่งรัดการค้นหา คัดกรองกลุ่มเสยี งเชิงรกุ และควบคมุ โรค ในกล่มุ วัยทางานในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ติดตอ่ ผ้นู พิ นธ์: สวรรยา สิริภคมงคล อีเมล: SIRI.SAWANYA.gmail.com Abstract The objectives of this study were: to differentiate Tuberculosis Disease among different subpopulations by sex age region and province, and the longevity of Thai people with Tuberculosis . The data employed were collected and published annually Public Health Statistics between 2015 to 2019 by the Department of Health, and the Bureau of Epidemiology, Department of Disease Control, Ministry of Public Health. The Tuberculosis mortality rate, life expectancy, and life expectancy among dead people from TB were presented by tables, graphs, Life Table, and Multiple Decrement Life Table. The results of the Tuberculosis mortality difference classified with characteristics of both sex and age, revealed that the mortality rate with Tuberculosis by sex male and age 60 years and over had a higher rate than female and other age groups, respectively. Most people who died from this disease lived in the northeast region of Thailand especially Buriram, Surin, and Yasothon Provinces . For life expectancy, most of the longevity from people with TB decreased by about 25 years to 55 1
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 years, due to the impact of TB. Therefore, policymakers should be intensive action the End TB Strategy, specifically elderly men, active case finding and control among working age in the northeast region of Thailand. Correspondence: Sawanya Siriphakhamongkhon E-mail: SIRI.SAWANYA.gmail.com คาสาคญั Keywords วณั โรค, กำรตำย Tuberculosis Disease, Mortality ตำรำงชีพลดลงแบบพหุ.ประเทศไทย Multiple Decrement Life Tables, Thailand บทนา การพัฒนาอย่างยังยืน(Sustainable Development Goals: SDGs) ของ องค์การสหประชาชาติ กาหนดเป้ าหมายสาคัญประการหนึงในปี พ.ศ. คอื การยุติการแพร่ระบาดของวัณโรคให้บรรลุใน พ.ศ. ในปี ต่อมา องค์การอนามัยโลกกาหนดยุทธศาสตรย์ ตุ ิวณั โรค มีเป้ าหมายลดอบุ ัตกิ ารณว์ ณั โรค ให้ตากว่า 10 ต่อแสนประชากรโลกภายในปี พ.ศ. 2578(1) เนืองจากความรนุ แรงของปัญหาวณั โรคที เพิมขึนอย่างต่อเนือง มีการคาดประมาณผู้ป่ วยวัณโรคอบุ ตั ิการณ์ ในปี โดยองค์การอนามัยโลก และมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 10.4 ล้านคน และ 1.7 ล้านคน ตามลาดับ(2) สาหรับประเทศไทย ปี พ.ศ.2559 เป็น 1 ใน 14 ประเทศ ทีมปี ัญหาวณั โรคสงู ทงั 3 กลุ่มคอื กลุม่ 1 จานวนและอัตราป่ วยวัณโรคสูง กลุ่ม 2 จานวน และ อตั ราป่ วยวัณโรคทตี ดิ เชอื เอชไอวีสงู (TB/HIV) และกลุ่ม3 จานวนและอัตราป่ วยดอื ยาหลาย ขนานสูง (MDR-TB) ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก(3) องค์การอนามัยโลกมีการคาดการณ์ สถานการณว์ ณั โรคผู้ป่ วยวณั โรครายใหม่ของไทยว่าประมาณ , ราย หรืออตั ราป่ วยสูงถึง ต่อประชากรแสนคน(4) อย่างไรกต็ ามผลการดาเนนิ งานทีผ่านมาพบวา่ พ.ศ. - มีผ้ปู ่ วยวัณ โรคขึนทะเบียนรักษา , ราย , ราย และ , ราย สูงขึนต่อเนืองตามลาดับ และ ผลสาเรจ็ การรักษา ปี - คดิ เป็นร้อยละ และ นับว่ามีแนวโน้มดขี นึ แม้ว่า ต่อมาเดอื น มิถนุ ายน องค์การอนามัยโลกจะปรบั ประเทศไทยออกจากกลมุ่ จานวนและอัตราป่ วยดือยาหลาย ขนานสูง (MDR-TB) กต็ าม ประเทศไทยยงั คงอยู่ใน ประเทศทมี ภี าระโรคและวัณโรคติดเชือเอชไอวี สูง (TB/HIV) สูงตอ่ ไป( ) และผลงานตากว่าเป้ าหมายยตุ ปิ ัญหาวณั โรคทกี าหนดไว้ วัณโรค(Tuberculosis :TB) เป็ นโรคติดต่อจากเชือแบคทีเรีย Mycobacterium ทีสาคัญ เป็ น สาเหตขุ องการป่ วยและการตายหลายๆ ประเทศทัวโลก นอกจากนีการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ความ ยากจน การอพยพเคลือนย้ายแรงงาน ตลอดจนการละเลยปัญหาวัณโรคของเจ้าหน้าทีสาธารณสขุ ทกุ ระดับ สง่ ผลให้การแพร่ระบาดของวัณโรคทวีความรุนแรงเพิมมากขึน ส่วนใหญ่วัณโรคมักเกดิ ทีปอด แล้ว สามารถแพร่เชอื ได้ วัณโรคแพร่กระจายเชือไปยงั อวัยวะอนื ๆได้แก่ เยือหุ้มปอด ต่อมนาเหลือง กระดกู สันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็ นต้น การติดต่อ แพร่กระจายจากปอด หลอดลม หรือกลอ่ งเสยี งของผ้ปู ่ วย ขณะไอ จาม พูดดงั ๆตะโกน หรอื หัวเราะ เชือ 2
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 วัณโรคทีลอยอยู่ในละอองฝอย(droplets)ของเสมหะสอู่ ากาศ หากมีขนาดใหญ่มาก กจ็ ะตกลงสู่พืนดิน และแห้งไป สาหรบั ส่วนทเี ลก็ ทีสดุ ทีมเี ชือวณั โรคจะลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายชวั โมง หากสูดหายใจ เอาอากาศทีมเี ชือวณั โรคเข้าส่รู ่างกาย ทมี ขี นาดใหญ่จะติดอยู่ทีจมูกหรือลาคอ มักไม่ก่อให้เกดิ โรค หากมี ขนาดเลก็ ๆจะเข้าไปสู่ปอด เชอื ทถี กู ทาลายด้วยระบบภมู คิ ้มุ กนั ของร่างกายไมห่ มดจะแบ่งตวั ทาให้เกิดการ ตดิ เชือ การตายด้วยวัณโรค ขึนอยู่กับตาแหน่งความรนุ แรงของโรค และระยะเวลาทีให้การวินจิ ฉัย เช่น วัณโรคเยือหุ้มสมองจะมีอัตราการตายสูงกวา่ อวัยวะอนื ผู้ป่ วยวัณโรคปอดเสมหะ หากไม่ได้รับการรักษา พบว่าร้อยละ 30-40 จะตายภายใน 1 ปี และร้อยละ 50-70 จะตายภายใน 5-7 ปี ( ) การตาย เป็นตัวชีวดั ทางสขุ ภาพทสี าคัญ ประโยชน์ของตัวชีวัดจะสามารถบอกภาพรวมขนาดของ ปัญหาด้านสุขภาพ เมือพิจารณาการตายรายสาเหตุกจ็ ะสามารถมาจัดลาดับความสาคญั ของปัญหาในการ กาหนดนโยบาย และ นามาสู่การวางแผนในการปฏบิ ัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสงู สุด เช่นเดียวกนั การ เสยี ชีวิตด้วยวัณโรค กระทรวงสาธารณสขุ นาเป็นมาตรการสาคัญในการประเมินคณุ ภาพมาตรฐานการ ดูแลรักษาของสถานบริการสาธารณสุข( ) อัตราตาย (mortality rate) เป็ นเครืองชีวัดภาวะสุขภาพ (Health status indicator) ดัชนีหนึงทนี ยิ มนามาใช้อธิบายปัญหาด้านสุขภาพ นอกจากนี ตารางชีพ เป็ น อีกเครอื งมือทางประชากรศาสตร์ทนี ิยมนามาใช้อธบิ ายรายละเอยี ดของการตายทีสมบูรณท์ สี ุด เพราะไม่ กระทบโครงสร้างอายุและเพศ ทาให้สามรถนามาเปรียบเทยี บกนั ได้ ตารางชพี เป็นตารางสถิติเพือวัด ภาวะการรอดชพี โดยใช้ข้อมูลการตายมาคานวณโอกาสทีจะตาย หรือมีชีวิตอยู่ และผลลัพธส์ ุดท้ายจะ แสดงคา่ “อายุคาดเฉลีย” (life expectancy) รายอายุ โดย อายุขัยเฉลียเมือแรกเกิด (Life expectancy) นิยมนามาแสดงสถานะสขุ ภาพแบบองค์รวมของประชาชน( ) สาหรับการศึกษาภาวะการตายด้วยวัณโรค จะนาข้อมูลจากตารางชีพ มาวิเคราะห์ตารางชีพแบบลดลงพหุ ( Multiple Decrement Life Table) อีก ขนั ตอนหนงึ เพอื ทราบวา่ อายขุ ยั เฉลยี ของประชากรกลุ่มผู้ตายด้วยวณั โรค แต่ละกลมุ่ อายจุ ะมีความยืนยาว กีปี( ) การศึกษาเกยี วกบั ปัจจยั เสียงของการรักษาผู้ป่ วยวณั โรคทผี ลสาเร็จไม่ดี ในประเทศฟิ นแลนด์ จาก การรวบรวมบนั ทึกผลการรักษาผ้ปู ่ วยทุกรายระหว่างปี ค.ศ. - พบว่า ปัจจัยเสียงการตายของ ผ้ปู ่ วยวัณโรคทีสาคัญ คือ เพศชาย และ อายทุ ีสงู ขึน ( ) และ การศึกษากลุ่มเสยี งการตายจากวัณโรคใน เมอื งเซียงไฮ้ ประเทศจนี จากการรวบรวมข้อมูลการรักษาผ้ปู ่ วยวณั โรค ระหว่างปี ค.ศ. - พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ป่ วยทีเสียชีวิตจากวณั โรคอายตุ ังแต่ ปี ขึนไป และเป็ นเพศชาย( - ) เกิดคาถามวา่ การเสียชีวิตด้วยวณั โรคมีความแตกต่างระหว่างเพศ อายุ และภูมิประเทศอย่างไร และความยืนยาวของ ชวี ติ จากการเสยี ชีวติ ด้วยวัณโรครายกลุ่มอายุ และเพศจะเป็นเทา่ ไหร่ คาดวา่ การศกึ ษาครังนี เป็นแนวทาง วางแผนการเฝ้ าระวัง ป้ องกัน รักษา และควบคุมโรคกลุ่มทีมีปัจจัยเสียงสูงต่อการเสียชีวิตด้วยวัณโรค โดยมีวัตถุประสงค์2 ประการคือ ) ศึกษาความแตกต่างภาวะการตายด้วยวัณโรคระหวา่ งกลุม่ ประชากร จาแนกตามเพศ อายุ ภาค และ จังหวัด และ ) เพอื วิเคราะห์อายุขยั เฉลียของประชากรทตี ายด้วยวัณโรค จาแนกตามเพศ และอายุ ระหว่างปี พ.ศ. - 3
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 วสั ดุและวธิ ีการศึกษา เป็นการศึกษาวจิ ยั เชิงพรรณนา รวบรวมข้อมูลทุตยิ ภมู จิ ากรายงานการตายใบมรณะบัตรรวมทุก สาเหตุ และ การตายด้วยวัณโรค(วัณโรคทางเดนิ หายใจ รหัส (A15-A ) จาแนกตามเพศ และรายอายุ ข้อมูลประชากรกลางปี จาแนกตามกลุ่มอายุและเพศ สานักนโยบายกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึงรวบรวมจากทะเบยี นราษฎร สานกั บริหารการทะเบียน กรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย จานวนประชากร และ จานวนการตายรายปี แยกเพศและอายุ ในช่วง ระหว่างปี พ.ศ. ถงึ วเิ คราะห์ข้อมลู การตายด้วยวณั โรค ด้วยอัตราตาย(mortality rate) เพือ พิจารณาความแตกต่างเพศ อายุ และ ภูมิประเทศ แนวโน้มระหว่างปี พ.ศ. ถึง นาเสนอด้วย แผนภาพ และ ตารางวเิ คราะหอ์ ายุคาดเฉลีย (life expectancy; LE) นาเสนอตารางชีพแบบย่อ (abridged life table) ซึงเป็นตารางชีพทีนาเสนอการตายของประชากรเป็นกลุ่มอายุ โดยใช้กลมุ่ อายุ ปี ยกเว้น กลุ่มแรกเท่านัน ทีนาเสนอเป็นอายุ ปี และ - ปี แยกตามกลุ่มอายุ ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี - ปี และ ปี ขึนไป แยกตามเพศ โดยขันตอนการคานวณตารางชีพคอื ขนั ที คานวณหาอตั รามรณะ หรือความน่าจะเป็นของการเสยี ชวี ติ (nqx) ระหว่างอายุ x ถึง x+n ปี เป็นการแปลงอตั ราการตายเฉพาะกลมุ่ อายุให้เป็นความนา่ จะเป็นของการตาย ขันที คานวณหาจานวนคนทีมชี วี ิตอยู่เมืออายุ x ปี ( lx ) สมมตุ ปิ ระชากรเกดิ มาพร้อมกนั มี จานวน , คน หรือเรยี กว่า ราดิกซ์ (l0) คือ จานวนคนทมี ีชีวติ อยู่เมืออายุ ปี เมืออายุเพิมขึน จานวนคนจะลดลงเรือย ๆ ขึนอยกู่ บั ความน่าจะเป็นของการตายในแต่ละชว่ งอายุ ขนั ที คานวณหาจานวนคนตายในช่วงอายุ x ถึง x+n ปี ( ndx ) ด้วยการคูณ ความนา่ จะเป็นของ การเสยี ชวี ติ (nqx) กับ จานวนคนทมี ีชีวติ อยูเ่ มอื อายุ x ปี ( lx ) ขนั ที คานวณหาจานวนปี คนทีมีชวี ิตอยู่ระหว่างอายุ x ถงึ x+n ปี ( nLx) เป็นการเปลียนหน่วย จาก“จานวนคนทมี ีชีวติ อยู่ในแต่ละกลุ่มอาย(ุ lx) ให้เป็นหนว่ ยเวลา“จานวนปี คน”ทมี ชี วี ิตอยู่ในแตล่ ะกลุ่ม อายุ( nLx) ชันที คานวณหาจานวนปี คนทังหมดทีจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหลังจากอายุ x ปี (Tx) เป็ นการรวม จานวนปี คนทีมชี วี ติ อยู่ของทกุ ๆ กลุ่มอายุ ตังแตอ่ ายุ x ขึนไปจนกระทังทกุ คนตายหมด ขนั ที คานวณหาอายุคาดเฉลียเมืออายุ x ปี หรือ จานวนปี เฉลียทีคนจะมชี ีวิตอยู่ต่อไปหลงั จาก อายุex คือ x ปี (life expectancy at age x) ฟังก์ชันนี นิยมกล่าวถึง “อายุคาดเฉลียเมือแรกเกิด”(life expectancy at birth) หรือ e และ วิเคราะห์สาเหตกุ ารตายด้วยวณั โรค นาเสนอตารางชพี แบบลดลงพหุ (Multiple Decrement Life Table) ซงึ เป็นตารางชีพทีนาเสนอการตายด้วยวณั โรค ประชากรเป็นกลุม่ อายุ โดยใช้กลุ่มอายุ 5 ปี ยกเว้น 2 กลุ่มแรกเท่านัน ทนี าเสนอเป็นอายุ 0 ปี และ 1-4 ปี แยกตามกลุ่มอายุ 0 ปี 1-4 ปี 5-14 ปี 15-59 ปี และ 0 ปี ขึนไป แยกตามเพศ โดยขนั ตอนการคานวณดังนี คือ ขันที 1 คานวณหาอัตรามรณะการตายด้วยวัณโรค (nqx, TB) ของแต่ละกลุ่มอายุ จะเทา่ กับอัตรา มรณะของประชากรในกล่มุ อายุนัน คูณด้วยอตั ราส่วนการตายของประชากรในกลุ่มอายเุ ดียวกัน 4
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 ขนั ที คานวณหาจานวนคนตายด้วยวัณโรคในแตล่ ะกลมุ่ อายุ (ndx,TB) เท่ากับ จานวนคนทเี หลืออยู่ ในกลมุ่ อายุนัน ( lx ) คณู ด้วย อตั รามรณะการตายด้วยวณั โรค (nqx, TB) ของแต่ละกลุ่มอายุ หรือคานวณ ด้วย จานวนคนตายในแตล่ ะกลุ่มอายุ (ndx) คณู ด้วย จานวนคนอายุ x ถึง x + n ตายด้วยวัณโรค TBหาร ด้วยจานวนคนตายอายุ x ถึง x + n) จานวนตายทีคานวณได้จากตารางชีพมาเป็นฐานในการคานวณ จานวนการตายด้วยวัณโรค ขนั ที คานวณหาจานวนประชากรเริมต้นทีมชี วี ิตอยู่ในแต่ละกลุม่ อายุจากการตายด้วยวัณโรค (lx,Tb.) การคานวณประชากรทมี ีชวี ิตในแต่ละกลุม่ อายุ ( lx + n,TB ) เทา่ กบั ประชากรทีมีชวี ิตในกลมุ่ อายุ (x) ลบด้วย จานวนคนตายด้วยวัณโรคในกลมุ่ อายุ(x) ขันที 4 คานวณหาประชากรทมี ีชีวิตอยู่ในแต่ละช่วงอายุ จากสาเหตุการตายด้วยวณั โรค(nLx, TB) หมายถึงจานวนปี – คน ทีมีชีวิตอยู่จากอายุ x ถึง x + n การคานวณ 3 กลุ่มอายุ ใช้สูตรการคานวณ ต่างกัน 1) กลมุ่ อายุ 0 ปี Lo, TB = 0.276Lo, TB + 0.724l1,TB 2) กลมุ่ อายุ 1-4 ปี L4 1, TB = 0.034lo, TB + 1.184l1, TB+ 2.782 l5, TB 3) กลมุ่ อายุ 70 ปี ขนึ ไป L70+ = l70+, TB(D70, P70+, TB) ขันที 5 คานวณหาอายุขัยเฉลียของผ้ปู ่ วยวัณโรค( ex, )TB คานวณโดย ประชากรทมี ีชีวติ อยู่ในแต่ละ ช่วงอายุ จากสาเหตุการตายด้วยวัณโรค(nLx, TB) หารด้วย จานวนคนทีมีชวี ิตอยู่เมืออายุ x ปี จากสาเหตุ การตายด้วยวัณโรค ( lx, TB) ผลการศกึ ษา นาเสนอตามวัตถปุ ระสงค์ ประการแรก ศกึ ษาความแตกตา่ งภาวะการตายด้วยวัณโรคระหว่างกลุ่ม ประชากรจาแนกตามเพศ อายุ ภาคและ จงั หวัด ระหวา่ งปี พ.ศ. 2558 ถงึ 2562 นาเสนอใน ประเดน็ ดังนีคือ ประเด็นที1) ภาพรวมอัตราตายด้วยวัณโรคของประชากรไทยระหว่างปี พ.ศ.2558 – 2562 พบว่า อตั ราตายด้วยวณั โรคอยใู่ นช่วง 8.2 – 8.6 ต่อแสนประชากร อตั ราตายด้วยวัณโรคระหว่างปี 2558 – 2560 อยู่ในระดับคงที และลดลงในปี 2561และ2562 ภาพรวมอัตราตายด้วยวณั โรคของประชากร ไทยมแี นวโน้มลดลง รายละเอยี ดดงั ภาพที 1 และประเด็นที 2) ความแตกต่างภาวะการตายด้วยวณั โรค ระหว่างกลุ่มประชากรจาแนกตามเพศ อายุ ภาค และ จังหวัด พบว่า อัตราตายด้วยวัณโรคภาพรวม จาแนกตามเพศ และ อายุ เพศชายมอี ัตราตายด้วยวัณโรคสงู กว่าเพศหญิงประมาณ 3 เท่า อตั ราตายด้วย วณั โรคของเพศชายคา่ สงู ต่อเนืองอยู่ในช่วงระหว่าง 12.2 -13.0 ตอ่ แสนประชากร และเพิมสงู ขนึ อย่าง ต่อเนือง ขณะทีเพศหญิงอัตราตายด้วยวัณโรคอยู่ในระดับคงทีอยู่ในช่วงระหว่าง 4.0 - 4.6 ต่อแสน ประชากรและมีแนวโน้มลดลง ความแตกต่างของอตั ราตายระหว่างชายและหญิงเริมแตกต่างกนั กลุ่มอายุ - ปี ถงึ ประมาณ เทา่ เมืออายุ ปี ขนึ ไป เพศหญงิ เริมมอี ัตราตายด้วยวัณโรคสงู ขนึ ทาให้ความ แตกต่างระหว่างเพศลดลงเหลือประมาณ . เท่า ดังนันการยกระดับการรกั ษาวัณโรค สองกลุ่มอายุที เสียงสูงต้องให้ความสาคัญการดาเนินงานอย่างเข้มข้น วยั ทางานอยู่ในชว่ ง - ปี เป็นกลมุ่ อายทุ ีควร 5
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 เน้นการค้นหากลุ่มเสยี งเชิงรกุ ป้ องกนั ควบคุมโรค และการรักษาทมี ีประสทิ ธิภาพ เพือลดอตั ราตายด้วย วณั โรคก่อนเข้าสู่วยั สงู อายุ รายละเอยี ดดงั ตารางที ภาพที 1 อัตราตายด้วยวณั โรคระหวา่ งปี พ.ศ.2558-2562 8.7 อัตราตาย ่ตอแสนประชากร 8.6 2558 8.5 2559 8.4 2560 8.3 8.2 2561 8.1 2562 8 7.9 2559 2560 2561 2562 ปี พ.ศ. 2558 ตารางที อัตราตายด้วยวณั โรคต่อแสนประชากร จาแนกตามอายแุ ละเพศ อตั ราตายด้วย ปี พ.ศ. ปี พ.ศ. ปี พ.ศ. ปี พ.ศ. ปี พ.ศ. วณั โรค ชาย หญงิ ชาย หญิง ชาย หญิง ชาย หญงิ ชาย หญงิ รวมทกุ 12.6 4.6 13.0 4.4 12.8 4.4 12.2 4.3 12.9 4.0 กลมุ่ อายุ <1ปี 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0.3 - ปี 0 0 0 0 0.1 0.1 0 0 0 0.1 5- ปี 0 0 0 0.1 0 0.1 0 0 0 0 - ปี 8.9 2.2 9.2 2.2 8.9 2.2 8.7 2.1 9.1 1.8 >60ปี 49.5 19.1 49.2 17.4 47.5 17.0 34.3 20.3 43.9 15.3 เมือพิจารณาความแตกต่างอัตราตายด้วยวัณโรค ตามลักษณะภูมปิ ระเทศ ปี กับ ปี พบว่า ในปี อัตราตายกระจกุ ตัวอยบู่ รเิ วณภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื และ ปี พบว่ า อัตราตายมีแนวโน้ มล ดล งบริเวณภาคกลางแล ะภาคเหนือ ใ นขณะทีภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื มีแนวโน้มอัตราตายเพมิ ขึนในหลายจงั หวดั รายละเอียดดังภาพที - 6
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 ภาพที แสดงอัตราตายจากวณั โรคประทศไทยปี ภาพที 3 แสดงอัตราตายจากวัณโรคประทศไทยปี 2562 เมือพิจารณาเป็ นรายภาค ตามลักษณะภูมิประเทศดังนีคือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ แ ละกรุงเ ทพ มห านคร ผล กา รวิเคราะ ห์สอ ดคล้ องกับข้ อมูล ข้ างต้ นทีพบ ว่ า ภ าค ตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราตายด้วยวัณโรคสูงสุดต่อเนือง(อยู่ในช่วง 9.5-9.8 ต่อแสนประชากร) รองลงมาคือภาคเหนือ (อยู่ในช่วง8.1-8.7 ตอ่ แสนประชากร)และ ภาคกลาง (อยู่ในช่วง .2-9.0 ตอ่ แสนประชากร) ใกล้เคียงกนั ขณะทีภาคใต้มีอัตราตายด้วยวณั โรคตาสุด (อยู่ในช่วง 5.7-6.8 ตอ่ แสน ประชากร) รองลงมาคือ กรงุ เทพมหานคร(อยู่ในช่วง . - . ต่อแสนประชากร)รายละเอียดดงั ภาพที เมือพิจารณาจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทีมีอัตราตายสูงต่อเนือง ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เปรียบเทยี บกับระดบั ภาค และประเทศ พบว่า จังหวดั บุรีรัมย์ สุรินทร์ และ ยโสธร มอี ตั ราตายสงู กว่าภาค และประเทศ ต่อเนือง โดยเฉพาะจังหวดั สุรินทร์มอี ัตราตายสูงต่อเนืองและสูงสุดในปี (อยู่ในช่วง . - . ต่อแสนประชากร) รองมาคือจังหวัดสุรินทร์ ทีพบว่า มีอตั ราสงู สุดในปี . ตอ่ แสน ประชากร) และเริมลดลงมาใกล้เคยี งกบั ภาค อย่างไรกต็ ามอตั ราตายเพิมสงู ขนึ ใกล้เคยี งกบั จังหวัดสรุ ินทร์ ในปี . ต่อแสนประชากร) เช่นเดียวกับจังหวัดยโสธรทเี คยมีอัตราตายตากว่าภาค และประเทศ ในปี พ.ศ. . ต่อแสนประชากร) แตก่ ลับเพิมขนึ ต่อเนืองกว่าภาคและประเทศในปี และเป็น ลาดับที ใน ปี . ต่อแสนประชากร รายละเอียดดังภาพที อัตราตายต่อแสนประชากร ภาพที 4 อตั ราตายด้วยวัณโรคจาแนกตามภาคระหวา่ งปี พ.ศ.2558-2562 11 10 กลาง ตะวันออกเฉยี งเหนอื 9 เหนือ 8 ใต้ 7 กทม 6 รวมทุกภาค 5 2559 2560 2561 2562 ปี พ.ศ. 2558 7
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 ภาพท5ื อัตราตายด้วยวณั โรคจงั หวัดบุรีรัมย์ สุรินท ร์ และยโสธร เปรยี บเทียบกับภาค และ ประเทศ ระหว่างปี พ.ศ.2558-2562 15 14 อัตราตาย ่ตอแสนประชากร 13 บุรีรัมย์ 12 สรุ ินทร์ 11 ยโสธร 10 9 ตะวนั ออกเฉียงเ หนอื 8 ประเทศ 7 6 ปี พ.ศ. 2558 2559 2560 2561 2562 ประเด็นที นาเสนอ ประเดน็ ดังนีคอื ประเด็นแรก อายุขัยเฉลียเมือแรกเกิดของประชากร ไทย ระหว่างปี พ.ศ. - (คานวณด้วยตารางชพี ) เมอื แบง่ กล่มุ อายุเป็นกลุม่ ตา่ งๆ พบว่า อายุขยั เฉลียรวมเมือแรกเกดิ อยู่ในช่วง . - . ปี ตาสุด คอื . ปี ในปี พ.ศ. และสงู สุดคือ . ปี พ.ศ. และ เมือพิจารณาอายุขัยเฉลียเมืออายุ ปี ขนึ ไปอยู่ในช่วง . - . ปี ภาพรวม อายุขยั เฉลียทุกกลุ่มอายุมีแนวโน้มเพิมสูงขึน เมือพิจารณาความแตกต่างอายุขัยเฉลียแรกเกิด และเมือ อายุ ปี ขึนไประหว่างเพศชาย และหญิง พบว่า เพศหญงิ จะมีความยืนยาวของชีวิตมากกว่าเพศชายทกุ กลมุ่ อายุ อาจกล่าวได้วา่ ภาพรวมประชากรไทยมอี ายุยนื ยาวขึน โดยเฉพาะเพศหญิงจะมีความยนื ยาวของ ชวี ิตมากกว่าเพศชาย ดังรายละเอียดตารางที ตารางที แสดง Life Tableของประชากรประเทศไทยระหว่างปีพ.ศ. - กลุ่ม อายุขยั เฉลียประชากรไทย(ปี ) อายุ ปีพ.ศ.2558 ปี พ.ศ.2559 ปี พ.ศ.2560 ปี พ.ศ.2561 ปี พ.ศ.2562 ชาย หญิง รวม ชาย หญงิ รวม ชาย หญงิ รวม ชาย หญิง รวม ชาย หญิง รวม < ปี 75.1 83.6 79.3 74.6 86.3 78.8 75.6 84.5 80.0 76.1 84.9 80.6 75.3 84.3 79.7 1-4 74.6 83.1 78.8 74.1 85.8 78.3 75.1 83.9 79.5 75.7 84.4 80.1 74.8 83.8 79.2 5 - 9 70.7 79.2 74.9 70.3 81.9 74.4 71.2 80.1 75.7 71.8 80.5 76.3 71.0 79.9 75.4 10-14 65.9 74.3 70.0 65.4 77.0 69.5 66.4 75.2 70.8 67.0 75.6 71.4 66.1 75.0 70.5 15-19 61.0 69.4 65.2 60.6 72.1 64.7 61.6 70.3 65.9 62.1 70.7 66.5 61.3 70.1 65.6 20-24 56.5 64.6 60.5 56.1 67.3 60.1 57.1 65.5 61.3 57.6 65.9 61.9 56.7 65.3 60.9 25-29 52.0 59.8 55.8 51.5 62.5 55.4 52.5 60.6 56.6 53.1 61.1 57.2 52.2 60.5 56.3 30-34 47.5 54.9 51.2 47.0 57.7 50.8 48.0 55.8 52.0 48.6 56.3 52.6 47.7 55.7 51.6 35-39 43.0 50.2 46.6 42.6 53.0 46.2 43.6 51.1 47.4 44.2 51.5 48.0 43.3 50.9 47.1 40-44 38.8 45.5 42.2 38.4 48.3 41.7 39.4 46.4 42.9 39.9 46.8 43.5 39.0 46.2 42.6 45-49 34.7 40.9 37.9 34.3 43.7 37.4 35.3 41.7 38.6 35.8 42.2 39.2 35.0 41.6 38.3 50-54 30.8 36.4 33.7 30.4 39.3 33.2 31.4 37.3 34.5 31.9 37.7 35.0 31.1 37.1 34.2 55-59 27.0 32.1 29.6 26.7 35.0 29.2 27.6 32.9 30.4 28.2 33.5 31.0 27.4 32.8 30.2 60–64 23.5 27.9 25.8 23.2 30.9 25.4 24.2 28.7 26.6 24.7 29.5 27.2 23.9 28.6 26.4 65-69 20.3 24.0 22.3 20.0 27.2 21.9 21.0 24.9 23.1 21.60 25.72 23.7 20.7 24.7 22.8 70+ 17.4 20.6 19.1 17.1 24.0 18.7 18.1 21.3 19.9 18.8 22.2 20.6 17.9 21.2 19.7 สาหรับประเด็นที เมือวิเคราะห์จาแนกสาเหตกุ ารตายด้วยวัณโรค นาเสนอตารางชีพแบบลดลง พหุ (Multiple Decrement Life Tables) พบว่า ภาพรวมอายุขัยเฉลียของประชากรทตี ายด้วยวณั โรค ใน กลุ่มอายุต่างๆ เช่น วยั เด็ก( - ปี ) วยั เรยี น ( - ปี ) วยั ทางาน ( - ปี) และ วยั สูงอายุ ( ปี ขึนไป) พบว่า ภาพรวมผู้ตายจากวัณโรคเมือแรกเกิดจะมีความยืนยาวชีวิตประมาณ ปี เมือ เปรียบเทียบกับอายุขัยเฉลียเมือแรกเกิดของประชากรไทยช่วงเวลาเดยี วกนั อยู่ทปี ระมาณ ปี อายขุ ัย 8
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 เฉลียลดลงถึงประมาณ ปี โดยเพศหญิงจะมีอายขุ ยั เฉลียทตี ายด้วยวัณโรคมากกว่าเพศชาย ประมาณ - ปี ทุกกล่มุ อายุ โดยความยนื ยาวชีวิตของทงั เพศชายและหญงิ จะลดลงเรือย ๆ จนเสียชีวิตทุกรายเมือ เข้าสู่วยั สูงอายุ ดงั ตารางที ตารางที 3 แสดง Multiple Decrement Life Tableของโรควัณโรคประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. - กลมุ่ อายุ อายขุ ัยเฉลยี ประชากรไทยทตี ายด้วยวณั โรค(ปี) ปี พ.ศ.2558 ปี พ.ศ.2559 ปี พ.ศ.2560 ปี พ.ศ.2561 ปี พ.ศ.2562 ชาย หญิง รวม ชาย หญงิ รวม ชาย หญิง รวม ชาย หญงิ รวม ชาย หญงิ รวม ตากว่า ปี 51.3 54.6 55.5 54.6 56.8 55.3 56.1 57.0 55.5 54.8 55.3 55.4 54.3 57.2 55.2 1-4 50.3 53.5 55.5 53.6 55.8 54.3 55.1 56.0 54.5 53.7 54.2 54.4 53.4 56.2 54.2 5-14 46.3 49.5 50.5 49.6 51.8 50.3 51.1 52.0 50.5 49.7 50.3 50.4 49.4 52.3 50.2 15-59 36.3 39.6 40.5 39.6 41.9 40.4 41.7 42.0 40.5 39.8 40.3 40.4 39.4 42.3 40.2 60+ 0.5 0.1 0.3 0.4 0.2 0.2 0.4 0.2 0.3 0.5 0.1 0.2 0.4 0.2 0.2 วจิ ารณ์ ประเทศไทยเป็นประเทศทมี ีปัญหาวัณโรคสงู ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก ผลการศึกษาการ ตายของประชากรไทย ภาพรวมอัตราตายด้วยวณั โรคของประชากรไทยระหว่างปี พ.ศ.2558 – 2562 มี แนวโน้มลดลง ตามทีองค์การอนามัยโลกได้กาหนดยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค(The End TB Strategy) ภายในปี พ.ศ. (ค.ศ. ) ประเทศไทยในฐานะหนึงในประเทศสมาชกิ จงึ ได้กาหนดยุทธศาสตร์ วัณโรคระดับชาติ พ.ศ. - เพอื เป็ นการเร่งรัดการดาเนินงาน ป้ องกัน ควบคมุ โรค และ ยุติ ปัญหาวัณโรค เป้ าหมายลดอตั ราอุบัติการณ์ของวัณโรคลงร้อยละ . ต่อปี จาก ต่อประชากร 100,000 คน ในปี พ.ศ. ให้เหลอื ตอ่ ประชากร , เมือสนิ ปี พ.ศ. ( ) ซึงการ ดาเนินการเร่งรัดจากมาตรการดงั กล่าว อาจเป็นเหตผุ ลสาคัญทที าให้ภาพรวมอัตราตายด้วยวณั โรคลดลง อย่างชัดเจนจาก . ต่อแสนประชากรในปี เหลือ . และ . ต่อแสนประชากร ในปี และ เมือจาแนกประเดน็ ลักษณะทางประชากรทีสาคัญคือเพศ และ อายุ อาจกล่าวได้ว่า เพศเป็นปัจจัย เสียงทสี าคญั ของการตายด้วยวัณโรค ผลจากการศึกษาครังนีพบว่า เพศชายมอี ัตราตายด้วยวัณโรคสงู กว่า เพศหญงิ ถงึ ประมาณ เท่าต่อเนืองระหว่างปี พ.ศ. ถึง (12-14) ความแตกต่างระหว่างเพศชาย และหญงิ จะเริมปรากฏเมืออายุเริมเข้าสชู ่วงอายุ ปีขนึ ไป เพศหญิงจะเริมพบอัตราตายด้วยวัณโรคเพิม มากขึนทาให้ความแตกตา่ งอตั ราตายระหว่างเพศหญิงและเพศชายลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราตายจากวัณ โรคเพศชายสูงกว่าเพศหญิง( 6) ข้อมลู การสารวจความชุกสว่ นใหญ่ทวั โลก พบวา่ วัณโรคเป็ นโรคของเพศ ชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะทวปี เอเชีย( 7)รวมทังประเทศไทย ประเด็นต่อมาอายุทีเพิมขนึ ส่งผลต่อ การตายด้วยวณั โรคอายุกลุ่มวัยทางานเป็นวยั ทีเริมพบการตายทังหญิงและชาย และมีแนวโน้มเพิมสูงขึน เมอื เข้าสู่วัยผู้สงู อายุ แต่เป็นทีนา่ สงั เกตว่า อัตราตายเพศชายจะสงู กว่าเพศหญงิ ถึงประมาณ เท่า เหตุผล สนับสนุนความแตกต่างของการเสียชีวิตระหว่างเพศชายและหญิงว่า อาจเนืองจากมีพฤติกรรมเสยี งสูบ บหุ รีและดืมเครืองดืมแอลกอฮอลจ์ งึ เป็นการเพิมโอกาสเสยี งของการป่ วยด้วยวณั โรคทพี บในกลุ่มขายวัย ทางาน( 8- 20) 9
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 สาหรบั ความแตกตา่ งตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศ เมือพจิ ารณาปี การกระจกุ ตวั ของอตั ราตาย พบทงั บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ต่อมาในปี อตั ราตายมแี นวโน้ม ลดลงกระจายตวั ในภาคกลางและภาคเหนอื บางจังหวัด แตย่ งั คงกระจุกตวั อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื และมีแนวโน้มเพิมขึนหลายจังหวัดในช่วงเวลาเดียวกนั มกี ารกาหนดกลยุทธ์ มาตรการดาเนินงานให้ เป็นไปตามเป้ าหมายขององค์การอนามัยโลก โดยในปี พ.ศ. - เพิมเตมิ ประเดน็ เน้นหนกั การ ยุติวัณโรค (The Global Plan to Stop TB - ) เน้น ยุทธศาสตร์ประกอบด้วย การส่งเสริม งานDOTS อยา่ งมคี ณุ ภาพ เรง่ รัดผสมผสานวณั โรคและเอดส์ และการดาเนนิ งานวณั โรคดือยา สุดท้ายการ สร้างเสริมความเข้มแข็งทางห้องปฏิบัติการชันสูตรวัณโรค และกาหนดยุทธ์ศาสตร์ The Stop TB Strategy เพือเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่แผนยุทธ์ศาสตร์ชาติในระหว่างปี - ใน ยุทธ์ ศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที 1สง่ เสริมคณุ ภาพการดาเนินงานตามแนวทางการควบคุมวัณโรค แห่งชาติ ยุทธศาสตรท์ ี 2 เร่งรัดดาเนินงานผสมผสานวัณโรคและเอดสว์ ณั โรคดอื ยาวัณโรคในเรือนจา และกลุ่มเสียงเฉพาะ ยุทธศาสตร์ที 3 เสริมสร้างความเข้มแขง็ ระบบสาธารณสขุ เพือการควบคุมวัณโรค ยุทธศาสตรท์ ี 4 พัฒนาการมีส่วนร่วมของหน่วยบริการสาธารณสุขทังภาครัฐและเอกชน ยุทธศาสตร์ที 5 พฒั นาการสือสารสาธารณะและการมีสว่ นร่วมของสงั คมและชมุ ชน และ ยทุ ธศาสตรท์ ี 6 ส่งเสริมการศกึ ษา วจิ ยั เพือพัฒนาการควบคุมวณั โรค (6) การเร่งรดั รวมทงั ความต่อเนืองของยุทธ์ศาสตร์และมาตรการการ ดาเนนิ งาน อาจสง่ ผลตอ่ การดาเนนิ งานในพืนทอี ย่างเข้มข้นจน ทาให้อตั ราการตายบรเิ วณภาคเหนอื และ ภาคกลาง ลดลง ในขณะทีภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอัตราตายกระจุกในหลายจังหวัด เป็นทีน่า สังเกตว่า อาจมปี ระเด็นการดาเนนิ งานทตี ้องพัฒนาทีมาจากการศกึ ษา อาทิ การค้นหาผ้ปู ่ วยรายใหม่ (new case) โดยเฉพาะผ้ปู ่ วยทมี โี รคประจาตัว ( โรคไตวายเรอื รัง โรคเบาหวาน โรคตับแข็ง โรคถุงลมโป่ งพอง โรคหัวใจ ผ้ปู ่ วยมะเร็ง) ติดเชอื เอชไอวี หรือผ้สู งู อายทุ มี โี รครว่ ม ทีเสียงต่อการป่ วยและเสียชวี ิต ซึงต้อง อาศัยการมสี ่วนร่วมจากชมุ ชนในการค้นหาผ้ปู ่ วยให้เร็ว วินจิ ฉยั โรคตังแต่ระยะแรกๆ นาผู้ป่ วยเข้าสู่ระบบ การรักษาทีเข้มข้นด้วยระบบยามาตรฐาน ร่วมกับการป้ องกนั การดือยา การส่งต่อและติดตามผู้ป่ วย ร่วมกับเครือข่ายสถานพยาบาล และ องคก์ รส่วนท้องถิน เทศบาลทกุ ระดบั เพิมความเข้มข้นและความ ชัดเจนของการรกั ษาเพอื เพิมอตั ราผลการรักษาสาเรจ็ และนิเทศตดิ ตาม ดแู ลกากับ ให้คาปรกึ ษา แนะนา แนวทางการดาเนินงานทีถกู ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นข้อเสนอแนะดงั กล่าวเป็นประเดน็ ทีได้จากการ ศกึ ษาวจิ ยั ในพนื ที จงึ ควรนามาพจิ ารณาร่วมกบั การแก้ปัญหาในพนื ที ( - ) เมือพิจารณาอายุขัยเฉลียของประชากรไทยระหว่างปี พ.ศ. - มแี นวโน้มเพิมสงู ขนึ ต่อเนือง ทังเพศชายและเพศหญงิ เป็นไปในทิศทางเดยี ว กับ การคาดการณว์ ่าอายุขัยตามรนุ่ อายุของคน ไทยทีเกิดในปี 2559 อายุจะยืนยาวถงึ 80-98.3 ปี ผลการสารวจในปี 2560 มคี นไทยอายุระหว่าง 90- 99 ปี จานวนมากกว่า 160,000 คน และอายุมากกว่า ปี สงู ถึง , คน เป็ นสัญญาณทแี สดงถึง การเป็ นสังคมอายุยนื (longevity society) เช่นเดียวกับประเทศพัฒนา เหตุผลอาจเนืองจากสขุ ภาพของ ประชากรไทยทดี ีขึน อย่างไรก็ตาม สดั สว่ นของผู้สูงอายุทีป่ วยเป็นโรคไม่ติดต่อเช่น โรคเบาหวาน และ ความดนั เพิมขึนถึง เท่า ( ) และเมือพจิ ารณาโรคติดต่อเช่น วัณโรค ทีพบว่า ผ้สู ูงอายุมีอตั ราตายสูง กว่ากล่มุ อายุอนื ๆ เมือพจิ ารณาอายขุ ยั เฉลียทตี ายด้วยวณั โรค ในช่วงเวลาเดียวกัน อายุขยั เฉลียลดลงทัง 10
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 เพศชายและเพศหญงิ ประมาณ ปี อายุขัยเฉลียเมือแรกเกดิ เหลือประมาณ ปี เป็นข้อพจิ ารณาวา่ ความยืนยาวของชวี ติ ของผู้ป่ วยด้วยวัณโรคน้อยกว่าประชากรไทยทวั ไป สะท้อนว่า แม้วา่ ภาพรวมอายุขยั เฉลียของประชากรไทยจะเพิมสงู ขึนทุกๆ ปี กจ็ ะมปี ระชากรบางกลุ่มทปี ่ วยด้วยวัณโรคทีอายุขัยเฉลียตา กว่า ทาให้ต้องเร่งรัดการดาเนนิ การตามมาตรการขององค์การอนามัยโลก ยตุ ิวัณโรค เพือลดอัตราตายให้ ลดลงใกล้เคียงกบั ประชากรทวั ไป กิตติกรรมประกาศ ขอขอบพระคุณนพ.ดิเรก ขาแป้ น ผู้อานวยการสานักงานป้ องกันควบคุมโรคที จังหวัด นครสวรรค์ ทกี รุณาให้การสนับสนุนการศึกษาวจิ ัย ขอขอบคุณกรมอนามัย และกองระบาดวิทยา กรม ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ สาหรับข้อมูลทุติยภูมิทีเผยแพร่ในระบบออนไลน์ ทาให้ผู้วจิ ัยสามารถ นามาใช้ในการวเิ คราะหบ์ ทความวชิ าการในครังนี สาเรจ็ ลลุ ่วงไปได้ด้วยดี เอกสารอา้ งอิง 1. World Health Organization. Implementing The End TB Strategy: The Essentials. WHO Press, World Health Organization, Geneva, Switzerland, 2015. .สานกั วณั โรค กรมควบคมุ โรค. NTP แนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทยพ.ศ. . กรงุ เทพฯ : สานกั วณั โรค กรมควบคุมโรค, 2561. 3.World Health Organization. Global tuberculosis report 2017.Geneva: World Health Organization; 2017. License: CC BY-NCSA 3.0 IGO. 4. World Health Organization. Global tuberculosis report 2018. World Health Organization. 2018. License: CC BY-NC-SA 3.0 IGO. [internet]. Available from: https://apps.who.int/iris/handle/10665/274453. 5. World Health Organization. Significant Milestone of Ending TB: WHO announces Thailand is no longer listed in high-burden countries for drug resistant TB. World Health Organization. [internet]. [cited 2021 September 15]. Available from: https://qrgo.page.link/KFSPf. 6. ศรีประพา เนตรนยิ ม. (บรรณาธิการ). แนวทางการดาเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติพ.ศ. . พมิ พค์ รังที . กรุงเทพฯ :องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถมั ภ.์ สานกั วณั โรค กรม ควบคุมโรค . 7. สานักวณั โรค กรมควบคมุ โรค. แนวทางการขับเคลือนงานวณั โรคภายใต้กรอบคารับรองการปฏบิ ัติ ราชการกระทรวงสาธารณสุข และ แนวทางการตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจาปี งบประมาณพ.ศ. 2562 . สานกั วัณโรค กรมควบคมุ โรค. [อนิ เตอรเ์ น็ต] [วนั ทีอ้างถึง 18 มถิ นุ ายน 2564]. เข้าถึงได้จาก: https://bit.ly/3cX22NI 8.สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสขุ , สานักงานกองทนุ สนบั สนุนสขุ ภาพ. ค่มู อื ประเมนิ ดัชนีสขุ ภาพประชากรแบบองคร์ วม (Summary Measures of Population Health). สานักงาน 11
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 พัฒนานโยบายสขุ ภาพระหว่างประเทศ สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงสาธารณสขุ และ สานกั งานกองทุนสนับสนุนสขุ ภาพ. เอกสารประกอบการประชุม ระหว่างวันที - พฤษภาคม ณ โรงแรมมริ าเคิลแกรนด์ คอนเวนชัน กรุงเทพมหานคร. 9. Smith PD. Formal Demography. Plenum Press, New York. 1992. 10. Vasankar T, Holmström P, Ollgren J, Liippo K, Kokki M, Ruutu P. Risk factors for poor tuberculosis treatment outcome in Finland: a cohort study. BMC Public Health. 2007; 7:291. doi:10.1186/1471-2458-7-291 11. Shen X, DeRiemer K, Yuan Z, Shen M, Xia Z, Gui X, et al. Deaths among tuberculosis cases in Shanghai, China: who is at risk?. BMC Public Health. 2009. 2009; 9:95 doi:10.1186/1471-2334-9-95. 12. Kwon YS, Kim YH, Song JU, Jeon K, Song J, Ryu YJ, Choi JC, Kim HC, Koh WJ. Risk factors for death during pulmonary tuberculosis treatment in Korea: a multicenter retrospective cohort study. J Korean Med Sci. 2014; 29(9): 1226-31. doi: 10.3346/jkms.2014.29.9.1226. Epub 2014 Sep 2. PMID: 25246740; PMCID: PMC4168175. 13.Shen X, Deriemer K, Yuan Z, Shen M, Xia Z, Gui X, Wang L, Mei J. Deaths among tuberculosis cases in Shanghai, China: who is at risk? BMC Infect Dis 2009; 9: 95. 14. Vasankari T, Holmström P, Ollgren J, Liippo K, Kokki M, Ruutu P. Risk factors for poor tuberculosis treatment outcome in Finland: a cohort study. BMC Public Health 2007; 7: 291. 15. สานกั วณั โรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ . แผนปฏิบตั ิการระดับชาติ ด้านการตอ่ ต้านวัณ โรค พ.ศ. - . อักษรกราฟฟิ คแอนด์ดไี ซน:์ กรงุ เทพฯ. . 16. Holmes CB, Hausler H, Nunn P. A review of sex differences in the epidemiology of tuberculosis. The International Journal of Tuberculosis and Lung Disease. 1998; 2 (2): 96-104. 17. Borgdorff MW, Nagelkerke NJD, Dye C, Nunn P. Gender, and tuberculosis: a comparison of prevalence surveys with notification data to explore sex differences in case detection. The International Journal of Tuberculosis and Lung Disease. 2000; 4(2):123–32. 18. Kolappan C, Subramani R, Karunakaran K, Narayanan PR. Mortality of tuberculosis patients in Chennai, India. Bulletin of the World Health Organization. 2006; 84: 555-60. 19. Balasubramaniam R, Garg R, Santha T, Gopi PG, Subramani R, Chandrasekaran V, et al. Gender disparities in tuberculosis: report from a rural DOTS programme in south India. Int J Tuberc Lung Dis. 2004; 8: 323-32. 20. Kolappan C, Gopi PG. Tobacco smoking and pulmonary tuberculosis. Thorax. 2002; 57: 964–66. . สมพงษ์ จรงุ จติ ตต์ านุสนธ์ . รูปแบบการเฝ้ าระวงั และควบคมุ วณั โรคในเขตเมือง จงั หวัดขอนแก่น. วารสารวชิ าการสาธารณสุข. ; 26(2): 571-78. 12
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 22. Jittimanee S, Vorasingha J, Mad-asin W, Nateniyom S, Rienthong S, Varma JK. Tuberculosis in Thailand: epidemiology and program performance, 2001-2005. Int J Infect Dis. 2009;13 (4): 436-42. doi: 10.1016/j.ijid.2008.07.025. Epub 2008 Nov 13. PMID: 19013094. 23. รุ้งประกาย อนิ จอง. ผลลพั ธข์ องการรักษาวัณโรคและปจั จยั เกียวเนอื งกบั อัตราการเสยี ชวี ิตของผู้ป่ วย วัณโรคในโรงพยาบาลสันป่ าตอง จังหวัดเชยี งใหม่. วารสารควบคุมโรค. 2563; 46 (3): 370-80. 24. สถาบนั วจิ ัยเพอื การพัฒนาประเทศไทย. “อะไรจะเปลยี นไป…เมอื ไทยกลายเป็นสังคมอายุยืน?”. รายงานทีดีอารไ์ อ. 2562; (152): 1-8. 13
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 การประเมินนโยบายการควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู ในเยาวชนไทย ดว้ ยกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER Evaluation of Tobacco Consumption Control Policy in Thai Adolescents by the MPOWER Strategic Framework ฐิติภัทร จนั เกษม* Thitipat Jankasem* ธนัช กนกเทศ** Thanach Kanokthet** *สำนกั งำนป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ *Office of Disease Prevention and Control 3 Nakhonsawan Province **มหำวทิ ยำลยั นเรศวร **Naresuan University Received: February 8, 2021 Revised: April 07, 2021Accepted: October 14, 2021 บทคดั ย่อ สถานการณก์ ารบรโิ ภคยาสูบในกลมุ่ เยาวชนมแี นวโน้มเพิมสงู ขึน เนอื งจากเป็นกลุม่ เป้ าหมายหลัก ของธรุ กิจยาสบู ทีต้องการจานวนผู้สูบรายใหม่มากขึน โดยกลยุทธก์ ารเข้าถงึ ยาสูบทีง่ายขึน ประกอบกบั บริบททางสังคมเปลียนแปลงไปอย่างรวดเรว็ ทาให้เกดิ ปัจจยั ทีซับซ้อน ประเทศไทยจึงกาหนดนโยบายใน การดาเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชน ประกอบด้วย แผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบ แห่งชาติ การบงั คับใช้กฎหมาย และมาตรการต่างๆ เพือลดความชุกการบรโิ ภคยาสูบในเยาวชนไทย แต่ การดาเนินงานทีผ่านมายังไม่สามารถดาเนินตามนโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบไ ด้ อย่างมี ประสิทธิภาพ เนืองจากยังข้อจากัดอีกหลายประการทีทาให้ ยังไม่บรรลุเป้ าหมาย และยังขาดการ ประเมนิ ผลนโยบายการควบคมุ การบริโภคยาสูบในเยาวชนไทยทเี ป็นระบบ ผู้เขยี นจงึ มุง่ เสนอการประเมิน นโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ด้วยกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER ประกอบด้วย Monitor (การตดิ ตาม กากบั การบริโภคยาสูบ และนโยบายควบคุมยาสูบ) Protect (การปกป้ องประชาชน จากควันบหุ รี) Offer (การให้ความช่วยเหลอื ในการเลิกใช้ยาสบู ) Warn (การเตือนให้ตระหนักถึงพษิ ภยั ของยาสบู ) Enforce (การบังคับใช้กฎหมายห้ามโฆษณา และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑย์ าสบู ) และ Raise (การขนึ ภาษียาสูบ) เพือให้เกิดการปรับปรงุ และพัฒนานโยบายการควบคุมการบริโภคยาสบู ใน เยาวชนไทยทีครอบคลมุ และสอดคล้องกบั ยทุ ธศาสตร์หลักทีมีประสิทธิภาพทีสุด ภายใต้กรอบอนุสญั ญา ว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององคก์ ารอนามยั โลก อันจะนาไปสูก่ ารควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย ทีมีประสทิ ธภิ าพยิงขนึ จนสามารถบรรลเุ ป้ าหมายของประเทศในทสี ดุ ตดิ ตอ่ ผ้นู ิพนธ์: ฐิตภิ ัทร จันเกษม อีเมล: [email protected] 14
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 Abstract The situation of tobacco consumption tends to increase in Thai adolescents. Because, it is the main target group of tobacco businesses who demand more new smokers, strategies for easier access to tobacco, and the context of social is changing rapidly causing complex factors. Thailand has a policy for tobacco consumption control, including the National Strategic Plan for Tobacco Control, law enforcement, and various measures to reduce the prevalence of tobacco consumption in Thai adolescents. But, in the past, they were unable to implement the policy effectively. Due to the many limitations cannot the achievement to goal and lack of a systematic evaluation. Therefore, the authors have proposes the evaluation of tobacco consumption control policy in Thai adolescents by the MPOWER strategic framework, including monitor, protect, offer, warn, enforce, and raise. To improvement and develop a comprehensive policy for tobacco consumption control in Thai adolescents. There are consistent with the most effective main strategy of the World Health Organization Framework Convention on Tobacco Control. These will lead to more effective of tobacco consumption control in Thai adolescents, until able to achieve the country's goals finally. Correspondence: Thitipat Jankasem E-mail: [email protected] คาสาคญั Keywords กำรประเมนิ ผล, กำรบรโิ ภคยำสูบ Evaluation, Tobacco consumption เยำวชน, เอมเพำเวอร์ Adolescents, MPOWER บทนา สถานการณ์การบริโภคยาสบู ทัวโลกมีแนวโน้มทีเพิมขึน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เนืองจากกล ยุทธข์ องบรษิ ทั บหุ รีทมี ุ่งเป้ ามายงั เยาวชน ในประเทศกาลงั พัฒนา ปจั จุบนั พบประชากรทัวโลกบริโภคยาสบู มากกว่า 1.1 พันล้านคน และเสียชีวิตจากการบริโภคยาสูบหรือการได้รับควันสูงถึง 6 ล้านคนต่อปี องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2573 จะมปี ระชากรโลกเสียชีวิตถึง 8 ล้านคนต่อปี หาก ประเทศต่างๆ ไม่ร่วมมือกันอย่างจริงจังในการป้ องกัน ควบคุมการบริโภคยาสบู (1-2) ประเทศไทย ถือว่า การบริโภคยาสบู เป็นปัจจยั เสยี งอันดบั สองของการสูญเสยี สขุ ภาพของคนไทย ซึงในแต่ละปี คนไทยเสียชวี ิต อันเนืองมาจากโรคเรือรังทีมีต้นเหตุจากการสูบบุหรีและยาเส้นประมาณ , คน ดังข้อมูลจาก สานกั งานสถติ แิ ห่งชาติ พบผ้ทู ีสบู บหุ รีอายุ ปี ขนึ ไป . ล้านคน (ร้อยละ . ) เมือจาแนกเฉพาะ กลุ่มเยาวชน พบอัตราการสูบบุหรีมีแนวโน้มเพิมขึนเฉลียร้อยละ 5 ในปี พ.ศ. 2544-2557 จากร้อยละ . เป็ นร้อยละ . และในปี พ.ศ. 2560 พบร้อยละ 9.7 ทาให้การดาเนินงานควบคุมการบริโภค ยาสูบในเยาวชนไทย (อายุ - ปี ) ยังไม่บรรลุเป้ าหมายทีกาหนดไว้ไม่เกินร้อยละ ภายในปี พ.ศ. 2564(3-5) 15
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 การดาเนินงานควบคมุ การบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย จงึ เป็ นภารกจิ ทีท้าทายของประเทศ โดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลกั ดาเนนิ การ ขบั เคลือนแผน ยุทธศาสตร์การควบคุมยาสบู แห่งชาติ ในการป้ องกันไม่ให้เกดิ ผู้บริโภคยาสูบรายใหมแ่ ละเฝ้ าระวังธุรกจิ ยาสูบทีมุ่งเป้ าไปยังเยาวชน และนักสูบหน้าใหม่ ประกอบกับการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. โดยระบบดาเนินการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลักขององค์การ อนามัยโลก เรียกว่า MPOWER ซึงเป็ นนโยบายทีมีประสิทธิภาพมากทีสุดในการควบคุมยาสูบ ภายใต้ กรอบอนุสัญ ญาว่าด้ วยการควบ คุมยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization Framework Convention on Tobacco Control: WHO FCTC) นโยบายภาครัฐของประเทศไทยจึงมคี วาม ชดั เจน แตจ่ ากการดาเนนิ งานทีผ่านมา ยงั ไมส่ ามารถดาเนินการตามมาตรการควบคุมการบรโิ ภคยาสูบได้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพเต็มที เนืองจากยงั มขี ้อจากัดอีกหลายประการ ประกอบกับสถานการณบ์ ริบททางสงั คม ทีเปลียนแปลงไปอย่างรวดเรว็ ทาให้ปัญหามีปัจจัยเกียวข้องทีซับซ้อน ทาให้เยาวชนมแี นวโน้มบริโภค ยาสบู เพิมขึน อายุทีเรมิ ใช้ยาสบู น้อยลง เฉลยี . ปี ซึงเป็นกลุ่มเป้ าหมายหลักของธรุ กิจยาสูบทตี ้องการ ผู้สบู รายใหม่ให้มากยิงขึน ทาให้เยาวชนเข้าถึงยาสูบเพิมขึน อีกทังมาตรการทางกฎหมายทีมีอยู่ ยังไม่ สามารถแก้ไขปญั หาได้จริง ทาให้ยงั ไม่บรรลุตามเป้ าหมายทกี าหนด(5-12) การเพิมขีดความสามารถการดาเนนิ งานตามมาตรการต่างๆ ในการควบคุมยาสูบในเยาวชนไทยให้ มีประสทิ ธิภาพและเป็ นระบบยิงขึน จึงจาเป็ นต้องอาศัยการประเมินผลในการรวบรวมข้อมลู อย่างเป็ น ระบบและครอบคลมุ ทจี ะทาให้ทราบถึงปัญหา อุปสรรค และปัจจัยนาไปส่คู วามสาเรจ็ เพือเป็นแนวทางใน การปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาการดาเนินงานอย่างต่อเนือง ซึงปัจจุบันรูปแบบการประเมินผลมี หลากหลายวิธีการ ขึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของสิงทีต้องการประเมิน จากการทบทวนวรรณกรรมการ ประเมินผลนโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบในประเทศไทยทผี า่ นมา มีเพยี งการประเมินผลหลังเสร็จ สินแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสบู แห่งชาติด้วยวิธีการประเมินผลสรปุ รวม (Summative evaluation) การสารวจความชุกการบริโภคยาสบู จากสานักงานสถิตแิ ห่งชาติ การประเมินผลโครงการ ล้าน ปี เลกิ บุหรีทัวไทยโดยใช้ กรอบแนวคิด RE-AIM ประกอบด้ วย Reach (การเข้ าถึงของกลุ่มเป้ าหมาย) Effectiveness (ผลทีเกิดขึน) Adoption (การนาไปสกู่ ารปฏิบัติ) Implementation (การดาเนินงาน) และ Maintenance (ความต่อเนืองของผลงาน) หรือใช้ CIPP Model ประกอบด้วย Context (บริบท) Input (ปัจจยั นาเข้า) Process (กระบวนการ) และ Product (ผลลัพธ)์ การประเมนิ ผลการเลิกบุหรีด้วยแนวคดิ 5 A และการประเมินสมรรถนะการดาเนินงานควบคุมยาสูบด้วยกรอบ MPOWER และ FCTC ทาให้ รปู แบบการประเมนิ การควบคมุ การบรโิ ภคยาสูบของประเทศไทยมคี วามหลากหลาย ทาให้ปัญหาทีพบยัง ขาดและต้องการองค์ความรู้การประเมนิ ประสิทธิภาพการควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยเฉพาะในกลุ่ม เยาวชน ทียังไม่มีรูปแบบการประเมนิ ผลอย่างเฉพาะเจาะจง และสอดคล้องกบั สถานการณ์การดาเนินงาน ในกลุ่มเยาวชนไทย(7-8,12-22) บทความวิชาการนี จึงมุ่งเน้นนาเสนอการประเมินนโยบายการควบคุมการ บริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย ด้วยกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER ในฐานะเป็นยุทธศาสตร์ทีมปี ระสิทธิภาพ มากทีสุดในการควบคุมการบริโภคยาสูบระดับโลก ทังนี เพือมุ่งหวังว่าผู้ประเมนิ ผลและผู้ปฏิบัติงานที เกียวข้อง จะนาไปใช้เป็ นแนวทางในการประเมินผลนโยบายการควบคมุ การบริโภคยาสูบในเยาวชนทีมี 16
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 ทิศทางเดียวกนั เพือวดั ความสาเร็จการดาเนินงานตามนโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชน และสามารถเปรียบเทยี บผลการดาเนินงานระหว่างประเทศในภาคเี ครือข่าย FCTC ได้ อนั จะส่งผลให้เกิด การพัฒนานโยบายการควบคมุ การบริโภคยาสูบในเยาวชนทีมีประสิทธิภาพยิงขึน จนสามารถบรรลุตาม เป้ าหมายทีกาหนด สถานการณก์ ารบริโภคยาสูบ ปัจจุบันประเทศต่างๆ ทัวโลกล้วนให้ความสาคัญกบั การบริโภคยาสบู เพิมขึน เนืองจากยาสูบเป็น สาเหตสุ าคัญของการเสยี ชีวติ ด้วยโรคทีเกิดจากการใช้ยาสูบทีสามารถป้ องกันได้ จากรายงานขององค์การ อนามัยโลก พบว่า ประชากรทวั โลกมีผ้บู ริโภคยาสบู มากกว่า . พนั ล้านคน ส่งผลให้มผี ู้เสียชีวิตจากการ บริโภคยาสูบหรอื การได้รับควนั สงู ถงึ ล้านคนต่อปี และมากกว่า , คน ทีเสียชีวิตเนืองจากการ สมั ผัสควันบหุ รีมือสอง โดยการบริโภคยาสบู มแี นวโน้มเพิมขึนในกล่มุ เยาวชนและสตรี เนืองจากกลยุทธ์ การตลาดของบริษัทบุหรีทีม่งุ เป้ ามายงั เยาวชนในประเทศกาลงั พฒั นา โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชยี ใน ปี พ.ศ. พบว่า กลุม่ ประเทศทีมีรายได้ปานกลางระดับสูง นันรวมถึงประเทศไทย มีจานวนผู้สูบบุหรี มากทีสดุ ถึง ล้านคน องคก์ ารอนามัยโลกจึงจัดให้การบริโภคยาสูบเป็นปัญหาทีสาคญั อันดับต้นๆ ที ทุกประเทศต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน(1-2,23-24) สาหรบั การบริโภคยาสูบของประเทศไทย จากข้อมลู สถิติแห่งชาติ ปี พ.ศ. พบผู้สบู บหุ รีอายุ ปี ขนึ ไป จานวน . ล้านคน คดิ เป็นร้อยละ . พบอตั ราการสูบบหุ รีมากทีสุดในภาคใต้ และพบน้อยทสี ดุ ในภาคเหนือ อัตราการสบู บุหรีของเพศ ชายยงั คงสูงกว่าเพศหญิงประมาณ เท่า เมือพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มอายุ - ปี มีอัตรา การสูบบุหรีสูงสดุ ร้อยละ . ทุกกลมุ่ อายุมีแนวโน้มการบริโภคยาสูบลดลงเล็กน้อย ยกเว้นกลุม่ เยาวชน อายุ 15-18 ปี ทียังคงมีแนวโน้มการบริโภคยาสูบเพิมขนึ เฉลียร้อยละ 5 ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2557 จากร้อยละ . เป็นร้อยละ . และพบร้อยละ 9.7 ในปี พ.ศ. 2560 ทาให้การดาเนินงานควบคุมการ บริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ยังไม่บรรลุตามเป้ าหมายซึงกาหนดไว้ไม่เกินร้อยละ ภายในปี พ.ศ. 2564(3-5) ผลกระทบจากการบริโภคยาสูบ หรือการสูบบหุ รีตังแต่ยงั เป็นเยาวชน เมือสูบบหุ รีเป็นเวลานานทา ให้ส่งผลกระทบต่อสขุ ภาพและการเสียชีวิตในอนาคต ซึงยาสูบเป็นสาเหตสุ าคัญของการเกิดโรคต่างๆ ทา ให้มีอตั ราเสยี งต่อการเกิดโรคหัวใจสูงขึนเป็น เทา่ เสยี งต่อการเกิดโรคถุงลมโป่ งพองสงู ขนึ เป็ น เท่า และเสียงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึนเป็น เท่า ทาให้ผู้สบู บุหรีอายุสันลงโดยเฉลีย - ปี โดยผู้ที เริมสบู บหุ รีตังแตเ่ ยาวชนและไมห่ ยุดสูบ ร้อยละ จะเสยี ชีวิตด้วยโรคทีเกิดจากการสูบบุหรี และครึงหนึง ของจานวนนจี ะเสยี ชวี ิตในวยั กลางคนกอ่ นอายุ ปี จากข้อมลู ปี พ.ศ. พบร้อยละ มีผ้เู สยี ชวี ิต จากโรคปอดทีเกิดจากการสูบบุหรี คือ มะเรง็ ปอด , คน ถุงลมโป่ งพอง , คน โรคปอด อักเสบและวัณโรคปอด , คน และเสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรีมือสองปี ละ , คน อัน เนืองจากยาสูบทีอยู่ในตัวบุหรีจะมีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบหลัก ซึงเป็นสารเสพติดร้ ายแรง ประกอบ กับควันจากยาสบู ทีมสี ารพษิ ถึง , ชนิด ทาให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผ้สู บู และผ้ทู อี ยู่รอบข้าง(25- 26) 17
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 นอกจากการสบู บุหรีจะส่งผลกระทบต่อผ้สู ูบโดยตรงแล้ว ยังทาให้ผ้อู ืนทีอยูใ่ นระยะของควนั บุหรี สูดรับพษิ เข้าไป ทาให้เกิดอนั ตรายได้เช่นเดียวกบั ผู้สูบ และยงั ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในครอบครวั ของ ผู้สบู บุหรีเป็นประจาซึงจะมคี ่าใช้จ่ายประมาณวนั ละ . บาทตอ่ คน อีกทงั ความสูญเสยี ทยี ากจะคานวณ ได้ เช่น เวลา และแรงงานทีครอบครัวต้องสญู เสยี ไปกบั การดูแลผู้ป่ วย รวมถึงความสญู เสยี การมคี ุณภาพ ชวี ติ ทีด(ี 25) ดังนัน ประเทศไทยจึงต้องมีการดาเนินงานควบคมุ การบริโภคยาสบู ในกลมุ่ เยาวชนอยา่ งจรงิ จัง และเร่งด่วน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทีเกียวข้อง กาหนดนโยบายและกระบวนการ ดาเนินงานทชี ดั เจน และมีการพัฒนาการดาเนินงานควบคมุ การบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทยอย่างต่อเนือง (5-6) การดาเนนิ งานควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ในฐานะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการควบคุมการ บริโภคยาสบู ของประชาชน ปัจจุบนั เครอื งมือทใี ช้ในการดาเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศ ไทย ประกอบด้วย การขบั เคลอื นแผนยุทธศาสตร์การควบคมุ ยาสูบแห่งชาติฉบับที พ.ศ. - การบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบญั ญัติควบคุมผลติ ภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 60 และคุ้มครองสขุ ภาพผู้ไม่ สบู บหุ รี และกาหนดมาตรการต่างๆ เพือสนบั สนุนการดาเนินการให้ครอบคลุมทังระบบ โดยมีสาระสาคัญ ของการดาเนินงานควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู ทีเกียวข้องกบั เยาวชนไทย ดงั นี 1. แผ นยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่ งชาติฉบับที พ.ศ. - ประกอบด้วย ยทุ ธศาสตร์ทสี าคญั ( ) โดยมรี ายละเอยี ดดังนี 1.1 สร้างเสริมความเข้มแข็งและพัฒนาขีดความสามารถในการควบคมุ ยาสบู ของประเทศ ประกอบด้วยยุทธวิธสี าคัญ คือ ผลกั ดันนโยบายควบคมุ ยาสบู ตามกรอบอนสุ ญั ญาขององค์การอนามยั โลก พัฒนาโครงสร้างและบริหารจดั การเพือสร้างความร่วมมอื แบบบูรณาการในทุกระดับ พฒั นาศกั ยภาพและ ขีดความสามารถของบุคลากรและภาคีเครือข่ายในภาพรวม พัฒนาระบบเฝ้ าระวัง ควบคุมกากับ และ ติดตามประเมนิ การควบคุมยาสูบทกุ ระดับ สนับสนุนการศกึ ษาวิจัยและการจดั การความรู้เพือการควบคุม ยาสูบ ปรับปรงุ กฎหมายและระบบการบังคับใช้กฎหมายทเี อือต่อการควบคุมยาสูบ และพัฒนาแนวทางการ ปฏิบตั ิงานเกยี วกบั ข้อตกลงระหว่างประเทศ 1. ป้ องกันมิให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้ าระวังธุรกิจยาสูบทีมุ่งเป้ าไปยังเด็ก เยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ ประกอบด้วยยุทธวธิ สี าคัญ คือ สร้างความตระหนัก จติ สานึกในพษิ ภัยยาสูบ ค่านิยมการไม่สูบบุหรีให้กับเยาวชน พัฒนาสือ การสือสารทีเข้าถึงใจผู้บริโภค สร้างสิงแวดล้อมทาง กายภาพและสังคมเพือเอือต่อการไม่สูบบุหรีของเยาวชน พัฒนาศักยภาพแกนนา และเครือข่ายเพือ ป้ องกนั นักสบู หน้าใหม่ เฝ้ าระวงั ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายทเี กยี วกับธรุ กจิ ยาสบู ในสถานศกึ ษา และ กลมุ่ เยาวชน 1. ช่วยผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ ประกอบด้วยยุทธวธิ ีสาคญั คือ สร้างเสริมพลังชุมชนและ เครือข่ายเพือการบาบัดผู้เสพยาสูบ พัฒนาศักยภาพบุคลากรและภาคตี ่างๆ ทีเกียวข้องในการให้บริการ เลิกยาสูบ และพฒั นาคณุ ภาพระบบบรกิ ารเลกิ ยาสูบและสายด่วนเลกิ บุหรี 18
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 1. ควบคุมและเปิ ดเผยส่วนประกอบผลติ ภัณฑ์ยาสบู ประกอบด้วยยุทธวิธีสาคัญ คือ ปรับปรุงกฎหมาย แนวทางการดาเนินการว่าด้วยการจดแจ้งส่วนประกอบฯ ให้เป็ นไปตามพันธะกรณี ระหว่างประเทศ WHO FCTC สร้างกระบวนการบริหารจัดการข้อมลู ส่วนประกอบผลติ ภัณฑย์ าสูบ สร้าง กลไกให้ธุรกจิ ยาสบู ปฏิบัตติ ามกฎหมาย เฝ้ าระวัง และเผยแพร่ข้อมูลสารอนั ตรายของผลติ ภัณฑย์ าสูบ 1. ทาสงิ แวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี ประกอบด้วยยุทธวิธีสาคญั คอื ปรับปรุงกฎหมาย ให้สถานทีสาธารณะและสถานทที างานทกุ แห่งปลอดควันบุหรี % ส่งเสริม สนับสนุนให้มกี ารปฏิบัติ ตามกฎหมายในทกุ ทที กี าหนดให้ปลอดควันบหุ รีปรับเปลียนทศั นคติ พฤติกรรม และค่านิยมของการใช้ ยาสูบเพือการไม่สบู บุหรีในบ้าน สถานทีทางาน และสถานทีสาธารณะซึงเป็ นบรรทัดฐานของสังคมไทย ดาเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ รวมทังเฝ้ าระวัง ควบคุม กากับ และ ประเมินผลการทาสิงแวดล้อมปลอดควนั บุหรี 1. ใช้มาตรการภาษแี ละปราบปรามเพือควบคุมยาสบู ประกอบด้วยยุทธวิธีสาคัญ คือ ปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ ปรับปรุงระบบการบริหารการจัดเกบ็ ภาษียาสบู ป้ องกัน และปราบปราม ยาสูบทผี ิดกฎหมาย ควบคุมแหล่งจดั หา (Supply chain control) และดาเนนิ การสาหรบั ผู้กระทาความผิด การขบั เคลอื นแผนยทุ ธศาสตรท์ ีสาคัญทัง ยุทธศาสตร์นี ถกู พัฒนาขึนเพอื ให้แต่ละยุทธศาสตร์ มียทุ ธวิธีและกจิ กรรมหลักทีครอบคลมุ ทุกมติ ิ ทุกภาคส่วนสามารถใช้เป็ นกรอบและทศิ ทางในการควบคุม ยาสบู เพือมงุ่ สู่สงั คมไทยปลอดบหุ รีและสุขภาพทดี ีของประชาชน รวมถงึ กาหนดมาตรการต่างๆ ในแต่ละ ยุทธศาสตร์เพือสนับสนุนการดาเนนิ งานควบคุมการบริโภคยาสูบให้สอดคล้องกับบริบทพืนที นาไปสกู่ าร บรรลเุ ป้ าหมายของประเทศ 2. การบงั คบั ใชก้ ฎหมายทีเกยี วขอ้ งกบั เยาวชนไทย ประกอบด้วย 1 ฉบบั ดงั นี พระราชบญั ญัติควบคุมผลิตภณั ฑ์ยาสูบ พ.ศ. 60(11,27-29) มีสาระสาคัญทเี กียวข้องกับกลมุ่ เยาวชนไทย ดังนี - จัดตังคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑย์ าสบู แห่งชาติ คณะกรรมการควบคมุ ผลิตภัณฑ์ ยาสูบกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการควบคุมผลิตภณั ฑ์ยาสูบจังหวัด เพือขับเคลือนนโยบ ายการ ควบคุมการบริโภคยาสบู และดาเนินการให้มีการบังคับใช้กฎหมายการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสบู การ ค้มุ ครองสุขภาพของผ้ไู มส่ ูบบหุ รี และการบาบัดรกั ษาและฟื นฟสู ขุ ภาพของผ้เู สพติดผลิตภัณฑ์ยาสบู - มาตรการป้ องกนั การเข้าถึงผลติ ภัณฑย์ าสูบของเยาวชน ได้แก่ ห้ามขายผลิตภัณฑย์ าสูบ แกผ่ ู้ทีมีอายุตากว่า 20 ปี ห้ามอายุตากว่า 18 ปี ขายหรือให้ผลติ ภัณฑ์ยาสูบ ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสบู ใน สถานทีศึกษา สวนสาธารณะ สวนสตั ว์ และสวนสนุก ห้ามขายผลติ ภัณฑ์ยาสูบผ่านทางสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ ห้ามลด แลก แจก แถม หรือแลกเปลียนผลติ ภัณฑ์ยาสูบ ห้ามขายบุหรีซิกาแรตทบี รรจุซองน้อยกว่ายีสิบ มวน และห้ามแบ่งขายบุหรีซกิ าแรตเป็นมวนๆ - มาตรการห้ามการโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบทังทางตรงและทางอ้อม ห้ามการสือสาร การตลาดในสือต่างๆ รวมถึงการใช้สอื บุคคล (พรติ ตี) และห้ามเผยแพร่ข่าวสารเกยี วกับ \"กิจกรรมเพอื สังคม” 19
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 - ผ้ผู ลิตหรือผ้นู าเข้าผลติ ภัณฑ์ยาสบู ต้องแจ้งรายการส่วนประกอบของผลติ ภณั ฑ์ยาสบู หรอื สารทเี กิดจากการเผาไหม้ และมีฉลากคาเตือนบนหีบห่อทชี ดั เจน การคมุ้ ครองสขุ ภาพผูไ้ มส่ ูบบุหรี(11,27-29) มีสาระสาคัญทเี กยี วข้องกบั กลุ่มเยาวชนไทย ดงั นี - กาหนดเขตปลอดบุหรี โดยห้ามสูบบุหรีในเขตปลอดบุหรี ได้แก่ สถานทีสาธารณะ สถานทที างาน หรือยานพาหนะ โดยเฉพาะห้ามสบู บุหรีในสถานศึกษา และในรถรับ-สง่ นักเรียน - ให้ผู้ปฏบิ ัติงาน ประชาสัมพนั ธ์ หรือแจ้งเตือนสถานทที เี ป็นเขตปลอดบุหรีและควบคุม ดูแล ห้ามปราม หรอื ดาเนนิ การอนื ใด เพือไม่ให้มกี ารสูบบุหรีในเขตปลอดบุหรี การใช้กฎหมายเพือควบคุมการแพร่ระบาดของยาสูบถือเป็ นมาตรการทีแรงทีสดุ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎหมายในการควบคุมการบริโภคยาสูบ 1 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ ยาสูบ พ.ศ. 2560 มงุ่ เน้นมาตรการป้ องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของเยาวชน และมีบทบาทสาคัญใน การควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ รวมทังการผลิต ควบคุมการระบุสารประกอบในยาสูบ การโฆษณา การ สง่ เสริมการขาย และการจัดจาหน่ายผลติ ภัณฑ์ยาสบู ให้อยู่ในขอบเขตทพี อเหมาะ และค้มุ ครองสุขภาพผู้ ไม่สูบบุหรี ซึงให้ความสาคญั ต่อประชาชนในสงั คมเพอื เป็นหลกั ประกนั ว่าจะได้รบั การปกป้ องไม่ให้ได้รับ อนั ตรายจากการสูดดมควนั บหุ รีทีผ้อู นื สูบในทสี าธารณะ เนืองจากสงิ แวดล้อมมีความสาคัญในการชว่ ยให้ ผู้สบู บุหรีตัดสินใจเลิกสูบบุหรีได้สาเรจ็ เช่น กาหนดให้บ้านเป็ นเขตปลอดบุหรี โรงเรียนเป็ นเขตปลอด บุหรี และจากดั พนื ทสี ูบบุหรีในสถานทสี าธารณะให้มากขึน จากผลการดาเนินงานควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู ในเยาวชนทีผ่านมา ยังไม่สามารถดาเนินการ ตามมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพเตม็ ที เนืองจากยังมีข้อจากัดอีกหลาย ประการทีทาให้ยงั ไม่บรรลเุ ป้ าหมายทีตังไว้ ประกอบกับสถานการณ์บริบททางสังคมทีเปลียนแปลงไปอย่าง รวดเร็ว ปัญหาจึงมีปัจจัยเกียวข้องทซี ับซ้อน ทาให้ เยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรมเสยี งในการบริโภคยาสูบเพิม มากยิงขึน อายุทีเริมใช้ผลิตภณั ฑ์ยาสูบน้อยลง เฉลยี . ปี เนืองจากเยาวชนเป็นกลุ่มเป้ าหมายหลักทาง การตลาดของธุรกจิ ยาสูบทีต้องการผู้สูบรายใหม่ให้มากยิงขึน อุตสาหกรรมยาสูบพยายามสร้างกลยุทธ์ ใหม่ๆ เพือให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบมีความแพร่หลาย และราคาถูก ทาให้เยาวชนเข้าถึงยาสูบเพิมขึน การ ปกป้ องเด็กและเยาวชนจากความเย้ายวนจากโฆษณาและการตลาดยาสบู โดยเฉพาะทางอนิ เตอรเ์ น็ต จงึ ทา ให้ยากต่อการเฝ้ าระวงั อีกทงั มาตรการทางกฎหมาย ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ การผลกั ดันกฎหมาย จะต้องพบกับการต่อต้านจากบริษทั บหุ รีเสมอ นอกจากนียังพบการฝ่ าฝืนกฎหมายมากทีสุด คือ การจัดให้ สถานทเี ป็นเขตปลอดบหุ รี รองลงมาคือ การจาหน่ายผลิตภัณฑย์ าสูบให้เดก็ อายตุ ากว่า ปี และพบกลุ่ม เยาวชนอายุตากว่า ปี ทีมีอตั ราการใช้ยาสบู เพิมขนึ มาโดยตลอด และมกี ารฝ่ าฝื นสูบบุหรีในทีห้ามสูบ ทาให้การบังคบั ใช้กฎหมายในกลมุ่ เยาวชนยงั ทาได้ไม่ทัวถึงและจรงิ จัง(5,10-12,21,30-33) ดงั นัน ควรมีการทบทวน ติดตาม และประเมนิ ผลการกาหนดนโยบาย แผนยุทธศาสตร์ กฎหมาย ทีเกียวข้อง และมาตรการต่างๆ ในการควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ทังในภาพรวมและใน ประเดน็ ยอ่ ย ว่ามปี ระสิทธิภาพหรือไม่ เพยี งใด โดยมีรปู แบบการประเมินผลทีเป็นระบบ ครอบคลุมทุกมิติ ของกระบวนการดาเนนิ งาน และสอดคล้องกบั นโยบายการควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย เพือให้ ได้ข้อมูลทีเหมาะสม และเป็ นประโยชน์ สามารถนาไปสู่การปรับปรุง และพัฒนานโยบาย เพือเพิมขีด 20
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 ความสามารถของการดาเนินงานควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทยให้มีประสิทธิภาพยิงขึน จน สามารถบรรลุเป้ าหมายของประเทศ(12,17,21,32-33) แนวคดิ การประเมินผล “การประเมนิ ผล” (Evaluation) หมายถึง กระบวนการรวบรวมข้อมูลอยา่ งเป็นระบบทมี คี วาม เทียงตรง และน่าเชือถือ เป็ นการศึกษาความสอดคล้องระหว่างผลทีได้รับจากการดาเนินงานกับ จุดมุ่งหมายทีกาหนด ซึงเปรียบเทยี บระหว่าง “สิงทีเป็นจริง” (What is) กับ “สิงทีควรจะเป็ น” (What should be) นามาสู่การวิเคราะห์ ประมวลผล และเสนอสารสนเทศทีสามารถอธิบายผลลัพธข์ องการ ดาเนินงาน โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพอื สนับสนุนการตัดสนิ ใจอย่างมีเหตผุ ล ทงั ในเชงิ นโยบาย การบริหารงาน และปฏิบัติการ รวมถึงการประเมินความก้าวหน้าการใช้ทรัพยากรหรือปัจจัยต่างๆ เป็ นอย่างไร การ ดาเนนิ งานนนั เป็นไปตามแผน ตามขนั ตอน ตามเกณฑ์ และตามเวลาทกี าหนดหรือไม่ พบปัญหา อุปสรรค หรอื ความสาเร็จอย่างไร ตลอดจนสิงทดี าเนินการเป็นไปตามเป้ าหมายหรือไม่ ซึงครอบคลุมถงึ การกากบั ดแู ล และตดิ ตามการดาเนนิ งานเพอื นาไปสู่การบรรลเุ ป้ าหมายทกี าหนด(34-38) บทบาทของการประเมนิ ผล จึงมีความสาคัญอย่างมากต่อการดาเนินนโยบายการควบคุมการ บริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย เพือให้ทราบถึงสงิ ทีเกดิ จากการนานโยบายไปสู่การปฏบิ ตั ิ (Implementation) เนืองจากผลสมั ฤทธิทไี ด้จากกระบวนการประเมินผลนันจะสามารถสะท้อนภาพให้ผู้กาหนดนโยบายและผู้ ดาเนินงานได้เหน็ อย่างเป็นรปู ธรรม นอกจากการประเมนิ ผลจะเป็ นส่วนหนึงของขนั ตอนในกระบวนการ ดาเนินนโยบายยังเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนภาพความสาเร็จหรือความล้ มเหลวของการดาเนินน โยบาย ในระดับต่างๆ ทังในเชิงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลสัมฤทธิ ความคุ้มค่า และผลกระทบต่อผู้ทีมีส่วน เกียวข้องในมิตติ ่างๆ เพือนาจุดบกพร่องทพี บจากการประเมนิ ผลกลับมาปรบั ปรุง แก้ไข และพัฒนาการ ดาเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิงขึน ทังยังสามารถนามาใช้เป็ นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision making) ของผู้กาหนดนโยบายในกรณีทีต้องการดาเนนิ นโยบายทีเกียวข้องในอนาคต(17,38-40) จากการทบทวนวรรณกรรมเกียวกบั การประเมนิ ผลการควบคุมการบรโิ ภคยาสูบของประเทศไทย ทผี ่านมา ปัญหาทพี บ(9,12,19-21,32) มดี งั นี - ขาดการติดตาม และการประเมินผลการดาเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ทีเป็ นระบบ เพือ นาเสนอผลความก้าวหน้าให้ภาคเี ครือขา่ ยและสาธารณชนรับทราบเป็นระยะ - ขาดและต้องการองค์ความรู้ในการประเมินผลประสิทธิภาพด้านมาตรการและนโยบายการ ควบคุมการบริโภคยาสูบ เพือนามาใช้ในการควบคมุ ยาสบู - ขาดการประเมินผลการทางานของคณะกรรมการตามพระราชบญั ญัติควบคมุ ผลิตภัณฑย์ าสบู พ.ศ. 2560 การติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และการเฝ้ าระวังศกึ ษาผลกระทบต่อสุขภาพ - ขาดการประเมนิ ผลนโยบายการควบคมุ การบรโิ ภคยาสูบในกล่มุ เยาวชน ทีเฉพาะเจาะจง - ขาดการทบทวน ปรับปรงุ กฎหมาย การเพิมความเข้มงวดในการปฏิบัตขิ องพนักงานเจ้าหน้าที การสร้างกลไกในการบรู ณาการระหวา่ งหนว่ ยงาน รวมทงั การมีสว่ นร่วมในการเฝ้ าระวงั ของภาคีเครอื ขา่ ย สรปุ ได้ว่า การประเมนิ ผล เป็นกระบวนการเก็บรวมข้อมลู อย่างเป็นระบบ ทนี ามาสูก่ ารวิเคราะห์ และเสนอสารสนเทศด้านผลลัพธข์ องการดาเนินงาน เพือสนับสนุนการตดั สนิ ใจทังในเชงิ นโยบาย การ 21
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 บรหิ ารงาน และปฏิบัติการ ดงั ปัญหาทพี บจากการทบทวนวรรณกรรมเกยี วกบั การประเมินผลการควบคุม การบริโภคยาสูบของประเทศไทยทีผ่านมา ทาให้เห็นถึงความสาคัญของการประเมินผลทียังขาดการ ประเมินผลในด้านต่างๆ เพือการควบคมุ การบริโภคยาสบู ทีมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเยาวชนไทยทยี งั ไม่มรี ปู แบบการประเมินผลทีเป็ นระบบและเฉพาะเจาะจง ผ้เู ขยี นจึงเสนอการประเมนิ นโยบายการควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู ในเยาวชนไทย ด้วยกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER ซึงเป็ นยุทธศาสตร์หลักขององคก์ าร อนามัยโลก ภายใต้กรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (FCTC) เพือนาไปสู่การ ปรับปรุง และพัฒนาการดาเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย จนบรรลุสู่เป้ าหมายของ ประเทศในทีสุด การประเมินนโยบายการควบคมุ การบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ดว้ ยกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER MPOWER มาจากคาวา่ Monitor: การติดตาม กากบั การบรโิ ภคยาสูบ และนโยบายควบคมุ ยาสูบ) Protect: การปกป้ องประชาชนจากควนั บุหรี Offer: การให้ความชว่ ยเหลอื ในการเลกิ ใช้ยาสูบ Warn: การเตอื นให้ตระหนักถึงพษิ ภยั ของยาสบู Enforce: การบังคับใช้กฎหมายห้ามโฆษณา และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑย์ าสบู Raise: การขนึ ภาษียาสูบ ซึงเป็ นยุทธศาสตร์หลกั ขององค์การอนามัยโลกทมี ีประสิทธิภาพมากทีสุดในการควบคุมการ บรโิ ภคยาสูบ ภายใต้กรอบอนุสัญญาควบคุมยาสบู ขององค์การอนามัยโลก (FCTC) โดยกาหนดแนวทาง พืนฐานสาหรับลดอุปสงค์และอปุ ทานของยาสบู ทไี ด้รับการพิสจู น์แล้วว่าสามารถลดความชุกการบริโภค ยาสูบได้ ในการควบคุมการบริโภคยาสบู ของแต่ละประเทศ จงึ จาเป็นต้องมีนโยบายและมาตรการการ ดาเนนิ งานของภาครัฐทเี ข้มแข็งและการมีสว่ นร่วมของภาคประชาสงั คม เพือใช้เป็นข้อมูลอ้างองิ สาหรับผู้ มีสว่ นได้สว่ นเสียในระดับประเทศ ช่วยในการแปลนโยบายของการควบคุมยาสูบนาไปส่กู ารปฏบิ ัติ และ ช่วยในการวางแผนและการประเมินความร่วมมือในระดับชาติและระดับนานาชาติ ซึงกจิ กรรมหลกั ทีมี ความสาคัญต่อการควบคุมการบริโภคยาสบู ของยุทธศาสตร์ MPOWER แบ่งออกเป็ น 4 ประเดน็ (41-44) ดังนี 1. กาหนดวสิ ัยทศั นก์ ารควบคมุ ยาสูบ 2. กาหนดนโยบายและการแทรกแซง 3. การเฝ้ าระวงั ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 4. จดั ทาโครงการควบคุมยาสบู แห่งชาติ ภายใต้กิจกรรมหลักของยุทธศาสตร์ MPOWER นี กระบวนการหรือกลไกการดาเนินงานเฝ้ า ระวัง ติดตาม และประเมินผล ถือมีความจาเป็ นอย่างยิงในควบคุมการบริโภคยาสูบทัวโลกให้ มี ประสิทธิภาพและเป็ นระบบ ซึงเป็ นการรายงานข้อมูลและผลการดาเนินงานตามนโยบายของกรอบ 22
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 อนุสัญญาฯ ทีมีประโยชน์ต่อการแลกเปลียนข้อมูลในระดับนานาชาติ และสนับสนุนให้ทุกประเทศ ดาเนินการตดิ ตามสถานการณ์การบริโภคยาสูบได้ในทศิ ทางและแบบแผนเดียวกนั (7-9,41-47) ยุทธศาสตร์ MPOWER จึงถือเป็ นเครอื งมือการประเมินความสาเรจ็ ในการดาเนินงานควบคมุ ยาสูบสาหรับประเทศต่างๆ ดังผลการทบทวนวรรณกรรม พบว่า การดาเนินงานตามยุทธศาสตร์ MPOWER โดยเฉพาะอตั ราภาษีทเี พิมขึนทัวโลก สามารถลดความชุกของการสบู บุหรีได้ ในการทบทวน ความก้าวหน้าการดาเนินงานควบคมุ ยาสบู ตามนโยบาย MPOWER ในเวียดนาม พบว่า การติดตามและ เฝ้ าระวังยาสูบเพอื ปกป้ องประชาชนจากควันบหุ รี การบังคับใช้กฎหมาย โดยห้ามสบู บุหรีในทที างานและ สถานทสี าธารณะ ห้ามไม่ให้มกี ารโฆษณาและส่งเสริมการขายยาสบู รวมทงั มภี าพคาเตือนเกยี วกบั อนั ตราย ของยาสบู บนหีบห่อ และการขึนภาษีบหุ รี สามารถนาไปใช้ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพจนประสบความสาเร็จ ในการประเมนิ ประสทิ ธิภาพของนโยบายการควบคุมยาสูบในอนิ เดยี โดยใช้กรอบ MPOWER ทาให้การ ปรับปรงุ นโยบายการควบคมุ ยาสูบในอินเดียโดยรวมประสบความสาเร็จเช่นกัน ทังนีควรมีการประเมิน และตดิ ตามนโยบายเป็นระยะ สาหรับการประเมินผลการควบคุมการบริโภคยาสูบในประเทศไทย พบวา่ มี การประเมินการปฏิบัติตามกรอบ FCTC การประเมินแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสบู แห่งชาติ การ ประเมนิ สมรรถนะด้านประสิทธิผลของการดาเนินนโยบายตามกรอบ MPOWER และกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER ทไี ด้ผลสมั ฤทธอิ ยู่ในระดับดี บ่งชีได้ว่ามีความเหมาะสมและสอดคล้องกบั การเปลียนแปลงใน ปัจจุบัน จากอุปสรรค ปัญหาทีพบสามารถจัดการแก้ไขได้ และช่วยสง่ เสริมการดาเนินงานตามนโยบาย ควบคุมการบริโภคยาสบู ให้มปี ระสทิ ธิภาพยิงขึน(7-9,12,22,41-47) ดังนัน ยุทธศาสตร์ MPOWER จึงมีความ สอดคล้องและเหมาะสมทสี ามารถนามาประยุกต์เป็ นกรอบในการประเมินผลกระบวนการดาเนนิ งานตาม นโยบาย ยุทธศาสตร์ กฎหมายทีเกียวข้อง และมาตรการในการควบคุมการบริโภคยาสูบของเยาวชนไทย ในกลุ่มอายุ 15-18 ปี เพือให้ได้มาซึงข้อมูลสาคัญและเป็ นประโยชน์ต่อการพัฒนานโยบายการควบคุม การบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทยให้มีประสทิ ธิภาพยิงขนึ ซึงผู้เขียนนามาสรุปเป็ นกรอบการประเมินผล (6,9,18,22,29,41-47) ดงั ตารางตอ่ ไปนี กรอบยุทธศาสตร์ MPOWER การประเมนิ นโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบ ในเยาวชนไทย Monitor ยทุ ธศาสตรท์ ี 1 ความเข้มแขง็ และขดี ความสามารถในการควบคมุ (การตดิ ตาม กากับการบรโิ ภคยาสบู การบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย - การดาเนินงานของคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และนโยบายควบคมุ ยาสูบ) แห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมผลติ ภัณฑ์ยาสูบกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการควบคมุ ผลิตภณั ฑ์ยาสูบจงั หวัด ในการขับเคลือน นโยบายการควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทย - ความร่วมมอื แบบบรู ณาการของภาคเี ครอื ข่ายในทกุ ระดบั - ความชกุ ของการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) - จานวนเฉลียของการใช้ยาสูบต่อวันของเยาวชนไทย (อายุ 15- 18 ปี ) 23
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 กรอบยทุ ธศาสตร์ MPOWER การประเมินนโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบ Protect ในเยาวชนไทย (การปกป้ องประชาชนจากควันบุหรี) ยุทธศาสตรท์ ี 5 สิงแวดล้อมปลอดควนั บหุ รี เพือลดการสัมผสั ควนั บหุ รีมือสองจากเยาวชนไทย Offer และการบงั คบั ใชก้ ฎหมายคมุ้ ครองสุขภาพผูไ้ มส่ ูบบหุ รี (การให้ความช่วยเหลอื ในการเลิกใช้ - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีสูบบุหรีบริเวณ บ้าน ยาสบู ) - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีสบู บุหรีบริเวณ Warn สถานศึกษา (การเตือนให้ตระหนกั ถงึ พษิ ภยั ของ - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีสูบบุหรีบริเวณ สถานทสี าธารณะ ยาสบู ) - ร้อยละการบงั คบั ใช้กฎหมายค้มุ ครองสขุ ภาพผู้ไม่สบู บหุ รี (จาแนกมาตรา) Enforce (การบงั คบั ใช้กฎหมายห้ามโฆษณา ยทุ ธศาสตรท์ ี 3 ช่วยผู้เสพให้เลกิ ใช้ยาสบู การสง่ เสรมิ การขายผลิตภัณฑย์ าสูบ - จานวนคลินิก/สถานบริการเลิกใช้ยาสูบสาหรับเยาวชนไทย และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของ ทีมีมาตรฐาน (ในสถานศึกษา, สถานพยาบาล, โทร 1600) - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีเสพติดยาสูบ เยาวชน) เข้ารับบรกิ ารเลิกใช้ยาสบู (จาแนกสถานบริการ) - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีเลกิ ใช้ยาสูบได้ สาเรจ็ มากกวา่ 6 เดือนขึนไป ยุทธศาสตรท์ ี 2 ป้ องกนั ไม่ให้เกดิ ผ้เู สพยาสบู รายใหม่ - มีการให้ความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร หรือจัดหลักสูตรเกียวกบั พิษ ภยั ของยาสบู และการเลกิ ใช้ยาสบู ในสถานศกึ ษา - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีได้รับข่าวสาร เรืองพิษภัยของการสูบบุหรีหรือการชักชวนให้ เลิกบุหรี (จาแนกแหล่งข้อมูลทีได้รับ) ยุทธศาสตรท์ ี 2 เฝ้ าระวังธรุ กจิ ยาสูบทีมงุ่ เป้ าไปยังกลมุ่ เยาวชน ยุทธศาสตร์ที 4 ควบคุมและเปิ ดเผยส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ ยาสูบ และการบังคับใช้กฎหมาย ตามพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ ยาสบู พ.ศ. 2560 - ร้อยละของเยาวชนไทย (อายุ 15-18 ปี ) ทีพบเห็นการ โฆษณา หรือป้ ายทมี กี ารสง่ เสริม/กระต้นุ ให้ซือผลติ ภัณฑย์ าสบู 24
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 กรอบยุทธศาสตร์ MPOWER การประเมินนโยบายการควบคมุ การบริโภคยาสูบ ในเยาวชนไทย Raise (การขนึ ภาษียาสบู ) ยทุ ธศาสตรท์ ี 6 มาตรการภาษแี ละปราบปรามเพือควบคมุ ยาสูบ - ราคาเฉลียต่อซองของผลติ ภัณฑ์ยาสูบ (บาท) - ร้อยละของรายได้ประชาชาตติ ่อหวั (Per capita GDP) ทใี ช้ สาหรบั ซือผลิตภัณฑ์ยาสูบ สรุปได้ว่า การประเมนิ นโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ด้วยกรอบยทุ ธศาสตร์ MPOWER จึงมีความสาคัญในการเพิมมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูล เพีอสนับสนุนให้ เกิดการพัฒนา กระบวนการควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทยทีมีมาตรฐาน เกิดความเข้าใจในทิศทางเดยี วกัน และ สามารถนาไปประยุกต์ใช้กับโครงการการควบคุมยาสูบในเยาวชนอืนๆ ทีมีการเกบ็ ข้อมูลเกียวกับการ บริโภคยาสูบในเยาวชน เอือประโยชน์ตอ่ การเปรียบเทยี บข้อมลู แม้มชี ่วงเวลาการประเมินผลทแี ตกต่างกนั รวมถึงเพิมประสิทธิภาพในการติดตาม และประเมินประสทิ ธิผลของนโยบายควบคมุ ยาสบู ในเยาวชนไทย ตลอดจนสามารถนาผลการดาเนินงานเปรียบเทยี บระหว่างประเทศได้ สรุป ยาสบู เป็นสาเหตสุ าคัญของการเกดิ โรคเรือรัง และการเสียชีวิตก่อนวยั อนั ควรทสี ามารถป้ องกนั ได้ แต่สถานการณก์ ารบรโิ ภคยาสบู ยงั มีแนวโน้มเพิมขนึ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ซึงเป็นกลมุ่ เป้ าหมายหลัก ของธรุ กจิ ยาสูบ ด้วยกลยุทธใ์ หม่ๆ ทาให้เยาวชนเข้าถึงยาสบู ได้ง่ายขนึ สง่ ผลให้มผี ้ใู ช้ยาสบู รายใหม่เพิมขนึ อายุเริมใช้ยาสบู น้อยลง และยังมีการฝ่ าฝื นกฎหมาย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ จึงได้สนับสนุน เขตและจังหวดั ให้มกี ารดาเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยขับเคลือนแผนยุทธศาสตร์การควบคุม ยาสูบแห่งชาติ ประกอบกับการบังคบั ใช้กฎหมาย และมาตรการต่างๆ เพือลดความชุกการบริโภคยาสูบใน เยาวชนไทยให้บรรลุตามเป้ าหมายของประเทศอย่างมีประสิทธภิ าพ ดังนัน จาเป็นต้องมีการติดตาม และ ประเมินผลการดาเนินนโยบายการควบคุมการบริโภคยาสูบในเยาวชนไทย ด้วยกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER ขององคก์ ารอนามัยโลก เพือให้ได้ข้อมูลนามาสู่การปรับปรงุ แก้ไข และพัฒนานโยบายการ ควบคมุ การบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทยอย่างครอบคลุมและต่อเนือง และเพือให้การประเมินเป็นไปอย่าง คุ้มคา่ และเหมาะสม อันจะนาไปสู่การควบคุมการบริโภคยาสบู ในเยาวชนไทยทมี ีประสทิ ธภิ าพยิงขึน และ สามารถบรรลุสู่เป้ าหมายทกี าหนด 25
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 กติ ตกิ รรมประกาศ บทความวชิ าการนี สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนืองจากได้รับทุนอุดหนุนการวจิ ัยและนวัตกรรมจาก สานักงานการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.) : NRCT5-RGJ63009 ในโครงการปริญญาเอกกาญจนาภเิ ษก (คปก.) ขอขอบพระคุณ สานักงานป้ องกันควบคุมโรคที 3 จังหวัดนครสวรรค์ และกรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข ทีกรุณาให้ โอกาสในการป ฏิบัติงานเกียวข้ องกับการควบคุมการบริโภคยาสูบ จึง ขอขอบพระคณุ เป็นอย่างสงู มา ณ โอกาสนดี ้วย เอกสารอา้ งอิง 1 . World Health Organization. WHO tobacco knowledge summaries: tobacco and postsurgical outcomes. Geneva: World Health Organization; 2020. 2 . World Health Organization. WHO global report on trends in prevalence of tobacco smoking 2000-2025. Geneva: World Health Organization; 2019. . ศิริวรรณ พทิ ยรงั สฤษฏ์, ปานทิพย์ โชติเบญจมาภรณ์, เทียนทพิ ย์ เศียรเมฆนั . รายงานสรปุ สถานการณ์ เฝ้ าระวังเพือควบคุมการบรโิ ภคยาสูบ มิติ. พมิ พค์ รังที . กรงุ เทพฯ: เจรญิ ดีมันคงการพิมพ์; 2558. . สานักงานสถติ แิ ห่งชาต.ิ ผลการสารวจพฤตกิ รรมการสบู บหุ รีของประชากร พ.ศ. [อนิ เทอร์เน็ต]. [เข้าถงึ เมือวนั ที ธ.ค. ]. เข้าถงึ ได้จาก http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/News/2561/N31-08-61-1.aspx . สานักควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แผนงานควบคุมการบริโภค ยาสูบ ปี - . นนทบรุ ี: สานักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคมุ โรค; . หน้า - . . สานกั ควบคุมการบรโิ ภคยาสบู กรมควบคุมโรค. แผนยุทธศาสตรก์ ารควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบบั ทีสอง พ.ศ. - . นนทบุรี: ไนซ์เอิร์ธ ดไี ซน์; 2559. . ลกั ขณา เติมศิริกุลชัย. รายงานการประเมินสมรรถนะด้านประสทิ ธิผลของการดาเนินนโยบายควบคุม ยาสูบของประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: เจริญดีมนั คงการพิมพ;์ 2553. . ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์, ดวงกมล สตี บุตร. รายงานผลการประเมินการปฏิบัติตามกรอบอนุสญั ญาว่า ด้วยการควบคุมยาสบู ของประเทศไทย พ.ศ. . กรุงเทพฯ: เจริญดีมนั คงการพมิ พ์; 2559. . วศิน พิพัฒนฉัตร. การพัฒนากฎหมายควบคุมยาสูบในประเทศไทยตามกรอบอนุสญั ญาว่าด้วยการ ควบคุมยาสูบ. วารสารกฎหมายสุขภาพและสาธารณสุข ; 4: 359-74. . จรวยพร ศรศี ศลักษณ์. สถานการณ์ แนวทางดาเนินงาน ปัญหา กฎหมาย กฎระเบียบ ในการควบคุม เครืองดืมแอลกอฮอล์และบุหรี [อินเทอร์เน็ต]. [เข้ าถึงเมือวันที ธ.ค. ]. เข้าถึงได้ จาก https://www.hsri.or.th/researcher/media/media-other/detail/6511 . รณชัย โตสมภาค. กฎหมายควบคุมการบริโภคยาสบู และการสร้างเสริมสขุ ภาพในทุกนโยบายของรัฐ (การปฏิรูปด้ านสาธารณสุข) [อินเทอร์เน็ต]. [เข้ าถึงเมือวันที ม.ค. ]. เข้ าถึงได้ จาก http://www.parliament.go.th/ 26
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 . จุรีย์ อุสาหะ, ดวงกมล ลมื จนั ทร์, ฐิตพิ ร กนั วหิ ค. การประเมินผลแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสบู แห่งชาติ พ.ศ. - . วารสารควบคมุ โรค ; 42 (2): 151-61. . สวุ ภัทร นักรู้กาพลพัฒน์, นิชนันท์ สวุ รรณกูฏ, อมรรัตน์ นธะสนธ.ิ ประเมินผลโครงการ ล้าน ปี เลิกบหุ รีทวั ไทย เทดิ ไท้องคร์ าชัน ในเขตพนื ที สุขภาพที . รามาธิบดีพยาบาลสาร ; 25: 102-18. . วรานิษฐ์ ลาไย, เชษฐ รัชดาพรรณาธิกลุ . การประเมินเพือพฒั นาการดาเนนิ งานตามนโยบาย โครงการ ล้าน ปี เลิกบุหรีทัวไทยเทิดไท้องค์ราชันระดับพืนที: กรณีศึกษาจังหวัดสมุทรสาครและเพชรบุรี. วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ ; 7: 94-111. . อัศว์ศริ ิ ลาปี อ,ี อดิศร ศักดิสงู , ภาณุ ธรรมสุวรรณ, ฐากร สทิ ธิโชค, วรตุ ม์ นาฑี, ศัญฒภทั ทองเรือง. การประเมินโครงการ “ ล้ าน ปี เลิกบุหรีทัวไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ด้ วยรูปแบบ CIPP Model กรณศี ึกษาจังหวัดสงขลาและจงั หวดั สตลู . วารสารปารชิ าต มหาวทิ ยาลัยทักษณิ ; 31: 89-102. . เกษแก้ว เสยี งเพราะ, ประกาศิต ทอนช่วย, นิศารตั น์ อุตตะมะ, สายฝน ผุดผ่อง. การประเมนิ เพือ พัฒนาการดาเนินงานตามนโยบาย ล้าน ปี เลกิ บหุ รีทวั ไทยเทิดไท้องค์ราชันของภาคเหนอื : กรณศี กึ ษา เชิงพืนทีในจังหวัดพะเยาและจงั หวัดน่าน [รายงานวจิ ัย]. พะเยา: มหาวิทยาลยั พะเยา; . หน้า. . สมจติ ร เดชาเสถียร, เจษฎา สรุ าวรรณ์, พชรพร ครองยทุ ธ, ปัทมา ล้อพงคพ์ านชิ ย.์ การประเมนิ แผน ยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพสานักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น ปี งบประมาณ . วารสาร สานกั งานสาธารณสขุ จงั หวัดขอนแก่น ; 1: 159-69. . ศริ ิพร จินดารัตน,์ สกุ ัญญา โลจนาภิวฒั น์. ประเมนิ ผลการใช้แนวปฏบิ ตั กิ ารสนบั สนนุ การเลกิ บหุ รีของ ผู้ใช้บริการคลินิกอดบุหรี. วารสารพยาบาล ; 62: 44-54. . ฐิติพร กันวหิ ค, วไิ ลลกั ษณ์ หฤหรรษพงศ์, จุฑาทิพย์ ปรีการ. รูปแบบการดาเนนิ งานควบคมุ ยาสูบทมี ี ประสิทธิผลและคุณลักษณะ/ทักษะทีสาคัญของบุคลากรในการควบคุมการบริโภคยาสูบระดับจังหวัด. วารสารสานกั งานป้ องกันควบคุมโรคที ; 16: 93-111. . ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฎ์, สุวัฒนา ไพรแก่น, ประภาพรรณ เอียมอนันต์, สริญญา เลาหพันธ์พงศ์, หรสิ ร์ ทววี ฒั นา, ศิริเพญ็ อรณุ ประพันธ์. คาถามการวิจัยเพือการควบคุมยาสบู : การวิเคราะห์เอกสารและ ทัศนะจากผ้เู ชียวชาญ. วารสารวจิ ัยระบบสาธารณสุข ; 4: 296-306. . ปัทมาวดี ศิริสานนท์, ภูมิ โชคเหมาะ. ปัญหาเกียวกับการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการควบคุม ผลิตภัณฑ์ยาสบู การคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรีและผู้สูบบุหรี. วารสารบัณฑิตศึก ษา ; 6: 593-607. . มลั ลิกา มาตระกูล, อรนลิน สงิ ขรณ์, นาตญา พแดนนอก. การดาเนินงานตามนโยบายมหาวทิ ยาลัย ปลอดบหุ รี ในมหาวทิ ยาลัยแมฟ่ ้ าหลวง. วารสารพยาบาล ; 67: 11-8. 2 3 . World Health Organization. WHO report on the global tobacco epidemic 2 0 1 7 : monitoring tobacco use and prevention policies. Geneva: World Health Organization; 2017. 24. Bloomberg RM, Summers LH, Ahmed M, Aziz Z, Basu K, Cárdenas M, et al. Health taxes to save lives employing effective excise taxes on tobacco, alcohol, and sugary beverages. New York: Bloomberg Philanthropies; 2019. 27
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 . ประกติ วาทีสาธกกิจ, กรองจิต วาทีสาธกกิจ. ผลกระทบของการสูบบหุ รี [อนิ เทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมือ วนั ที ธ.ค. ]. เข้าถงึ ได้จาก http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=28&chap =6&page=t28-6-infodetail05.html . สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . สธ.จบั มอื เครอื ข่าย ร่วมรณรงค์ “บหุ รี เผาปอด” ปกป้ องคนไทย จากควันบุหรีมือ สองมือสาม [อินเทอร์เน็ต]. [เข้ าถึงเมือวันที ธ.ค. ]. เข้าถึงได้ จาก https://gnews.apps.go.th/news?news=40866 . ฉัตรสุมน พฤฒิภิญโญ. กฎหมายและนโยบายการควบคุมยาสบู อย่างครอบคลุม. วารสารกฎหมาย สขุ ภาพและสาธารณสขุ ; 1: 254-71. . สานกั ประชาสมั พนั ธ์ เขต ขอนแกน่ . กฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสบู ฉบับใหม่เพือเด็กและเยาวชน ไ ท ย ใ น อ น า ค ต [อิ น เท อ ร์ เน็ ต ]. [เข้ า ถึ ง เมื อ วั น ที ม .ค . ]. เข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก https://region1.prd.go.th/ewt_news.php?nid=17952 . พระราชบัญญตั ิควบคมุ ผลติ ภัณฑย์ าสบู พ.ศ. . ราชกจิ จานุเบกษา ; 134: 27-47. 30. ศรีศิริ ศริ ิวนารังสรรค์, พรเทพ ศิริวนารงั สรรค์. แนวทางในการควบคุมผลติ ภัณฑย์ าสูบ และค้มุ ครอง สุขภาพผู้ไม่สบู บุหรี กรณีศึกษา: พืนทีกรงุ เทพมหานคร. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้ องกันแห่งประเทศ ไทย ; 8: 173-81. 31. จุรีย์ อุสาหะ, ฐิติพร กันวิหค, เศรณีย์ จุฬาเสรีกุล, วไิ ลลักษณ์ หฤหรรษพงศ์, การสังเคราะห์อภมิ าน งานวิจัยปัจจัยป้ องกันพฤติกรรมการสูบบุหรีในเยาวชนไทย [รายงานวิจัย]. นนทบุรี: สานักควบคุมการ บรโิ ภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ; . หน้า. 32. ปานทิพย์ โชตเิ บญจมาภรณ์, ณัฐอนงค์ อนันตวงศ.์ การบังคับใช้กฎหมายควบคุมการบริโภคยาสบู และเครืองดืมแอลกอฮอล์ ในเขตปรมิ ณฑลกรุงเทพมหานคร ปี - . วารสารควบคุมโรค ; 38: 167-76. 3 3. Pesko MF, Robarts AMT. Adolescent tobacco use in urban versus rural areas of the United States: the influence of tobacco control policy environments. J Adolesc Health 2017; 61: 70-6. 3 4. Wholey JS, Hatry HP, Newcomer KE. Handbook of practical program evaluation 2nd ed. San Francisco: John Wiley & Sons; 2004. 35. Tyler RW. Changing concepts of educational evaluation. IJERE 1986; 10: 1-113. 3 6. Worthen BR, Sanders JR. Educational evaluation: alternative approaches and practical guideline. New York: Longman; 1987. 3 7. Provus MN. Discrepancy evaluation for educational program improvement and assessment. Berkeley: McCutchan; 1971. 38. ชยภรณ บุญเรืองศกั ดิ. การตดิ ตาม และประเมินผลโครงการ. การประชุมพฒั นาสรรถนะบุคลากรด้าน การติดตามและประเมินผล และการมุ่งผลสมั ฤทธ;ิ - ธ.ค. ; โรงแรมพาราดิสโซ เจ เค ดีไชน์, นครสวรรค.์ 28
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 39. วัณณะวัฒน์ โอภาสวฒั นา. ความสาคัญของการประเมินผลกับการดาเนินนโยบาย [อินเทอร์เน็ต] . [เข้าถงึ เมอื วันที ก.พ. ]. เข้าถึงได้จาก https://sme.go.th 40. วชิรวัชร งามละม่อม. การประเมนิ นโยบาย [อนิ เทอร์เนต็ ]. [เข้าถึงเมือวันที ก.พ. ]. เข้าถงึ ได้ จาก http://learningofpublic.blogspot.com/2016/02/blog-post_91.html 4 1. World Health Organization. MPOWER: a policy package to reverse the tobacco epidermic. Geneva: World Health Organization; 2008. 42. ศรัณญา เบญจกุล, มณฑา เก่งการพานิช, ณัฐพล เทศขยัน. คู่มือข้อถามยาสบู และตวั ชีวัดมาตรฐาน สา หรบั การควบคมุ ยาสูบตามยุทธศาสตร์ MPOWER. พมิ พค์ รังที . นนทบุรี: ไนซ์เอริ ์ธ ดีไซน์; 2554. 4 3. Husain MJ, Datta BK, Nargis N, Iglesias R, Perucic AM, Ahluwalia IB, et al. Revisiting the association between worldwide implementation of the MPOWER package and smoking prevalence, 2008–2017. Tob Control 2020; 0: 1–8. 44. Levy DT, Li Y, Yuan Z. Impact of nations meeting the MPOWER targets between 2014 and 2016: an update. Tob Control 2020; 29: 231-33. 45. Minh HV, Ngan TT, Mai VQ, My NT, Chung le H, Kien VD, et al. Tobacco control policies in Vietnam: review on MPOWER implementation progress and challenges. Asian Pac J Cancer Prev 2016; 17(S1): 1-9. 46. Saxena A, Sharma K, Avashia V. Assessment of tobacco control policy in India: an evaluation using the World Health Organization MPOWER framework. Indian J Community Med 2020; 45: 543-5. 47. นิทัศน์ ศริ โิ ชตริ ัตน์, ฉัตรสมุ น พฤฒิภญิ โญ. ผลิตภณั ฑ์ยาสบู : นโยบายและมาตรการการควบคุมเพอื สุขภาพ. พมิ พค์ รังที . กรุงเทพฯ: เจริญดมี ันคงการพิมพ์; 2560. 29
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 การพฒั นาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนกั เรียนชนั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ใน โรงเรยี น อย.นอ้ ยเพือลดปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคไมต่ ดิ ต่อเรือรงั จังหวดั อุทยั ธานี The development of food consumption behavior in junior high school students in Oryornoi school network for reducing risk factors in non-communicable diseases in Uthaithani province สริ ิลกั ษณ์ รืนรวย Siriluk Ruenruay มณรี ตั น์ อตุ นไชย Maneerat Utanachai สำนกั งำนสำธำรณสุขจงั หวดั อุทัยธำนี Uthai Thani Provincial Public Health Office Received: October 20, 2020 Revised: October 10, 2021 Accepted: November 05, 2021 บทคดั ยอ่ วัต ถุ ป ร ะส งค์ ข อง การ วิ จั ยเชิง ป ฏิ บั ติก าร นี เพื อ ศึ กษ าวิธี การ แ ละ ศึ ก ษ าผ ลข อ งก าร พั ฒ น า พฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชันมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียน อย.น้อย ในการลดปัจจัย เสียงต่อการเกดิ โรคไม่ติดต่อเรือรัง กลมุ่ ตัวอย่างคือนักเรยี นชนั มัธยมศกึ ษาปี ที 1 ในโรงเรียน อย.น้อย ที ผ่านหลกั เกณฑ์ของสานักงานสาธารณสขุ จังหวัดอทุ ยั ธานีจานวน 13 โรงเรียนและสุ่มแบบเป็นระบบ โดย ครผู ู้รับผิดชอบงาน อย.น้อย จานวน 339 ราย วเิ คราะห์ข้อมลู ด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติวิเคราะห์ ด้วย Paired sample t-test ผลการวิจัย วิธีการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ของ นักเรียนชัน มัธยมศึกษาตอนต้ นในโรงเรียน อย.น้อย พบว่า วิธีการพัฒนา 5 ประเด็น ดังนี 1) ทบทวนผลการ ดาเนินงาน อย.น้อยทผี ่านมา 2) คัดเลือกโรงเรียน 3) พัฒนาต่อยอดให้โรงเรียนมีศักยภาพ 4) โรงเรียน ดาเนินการพัฒนาตนเอง โดยใช้รูปแบบการพัฒนาพ ฤติกรรมการบริโภคอาหารของสานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา และ 5) ตดิ ตามประเมนิ ผลการดาเนินงาน สาหรบั ผลการพัฒนาพฤตกิ รรม การบรโิ ภคอาหารพบว่า หลังพฒั นาพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร กลมุ่ ตัวอย่างมีความรู้ และพฤติกรรม การบริโภคอาหารเพิมขึน อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติทีระดับ 0.05 และมีความพึงพอใจต่อการเข้าร่วม กิจกรรมในระดับมาก ติดต่อผ้นู ิพนธ์: สิริลักษณ์ รนื รวย อเี มล: [email protected] Abstract The objectives of this action research are to study the methods and the results of improving food consumption behaviors of junior high school students in Oryornoi network in order to reduce risk factors of non-communicable diseases in Uthaithani Province. The 339 samples who studied in grade 7 from 13 Oryornoi schools that had passed the standard of Uthaithani Provincial Public Health Office selected by systematic sampling random by teachers of Oryornoi school. The data 30
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 were analyzed by descriptive statistics and Pair sample t-test. The results of the methods showed that 5 items; 1) Reviewing Oryornoi performance in the past, 2) Selection the Oryornoi schools, 3) Improving schools to be potential 4) the 13 schools improved themselves by Food and Drug Administration model and 5) Monitoring and Evaluation the performances. The results of improving food consumption behaviors showed that, the samples had gained more knowledge and most of them had better food consumption behaviors to reduce risk factors of non-communicable diseases at 0.05 significance level and most of them were highly satisfied in the participatory of this project. Correspondence: Siriluk Ruenruay E-mail: [email protected] คาสาคญั Keywords อย.นอ้ ย , พฤติกรรมกำรบริโภคอำหำร Oryornoi , Food consumption behavior โรคไมต่ ิดต่อเรือรัง Non communicable diseases (NCDs) บทนา “โรคไม่ติดต่อ” (Non communicable Diseases: NCDs) เป็ นปัญหาสุขภาพอันดับหนึงของโลก และของประเทศไทย สถานการณ์การเสยี ชวี ติ จากโรคไม่ติดต่อในประเทศไทยในช่วง พ.ศ. - พบอัตราการเสียชวี ติ ก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อทสี าคัญ ได้แก่ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคหัวใจขาด เลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคทางเดินหายใจเรือรัง ซึงมปี ัจจยั มาจากพฤติกรรมเสยี ง เช่นการสูบบุหรี การดืมเครืองดืมแอลกอฮอล์ การบริโภคหวาน มัน เค็ม และมีกิจกรรมทางกายไม่ เพียงพอ ประกอบกับการเปลียนแปลงของปัจจัยทางสังคม เช่น การขยายตัวของสังคมเมอื ง กลยุทธ์ทาง การตลาด ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสอื สารทีสง่ ผลต่อวิถชี วี ติ และทาให้ประชาชนป่ วยด้วยโรค NCDs เพิมมากขึนอย่างตอ่ เนือง(1) โดยในปี คนไทยสูญเสยี ปี สุขภาวะรวมทงั สนิ . ล้านปี โดย เพศชายมีความสญู เสียมากกว่าเพศหญงิ ประมาณ . เทา่ และเมือจาแนกตาม กลุ่มโรค พบสัดส่วน การสูญเสยี ปี สุขภาวะ ดงั นี กลมุ่ โรคติดต่อร้อยละ กลุ่มโรคไม่ตดิ ต่อร้อยละ และกลมุ่ การบาดเจ็บ ร้อยละ โดยโรคทเี ป็นสาเหตสุ าคัญของการสญู เสยี ปี สขุ ภาวะของเพศชาย ได้แก่ อุบตั เิ หตุทางถนน โรค หลอดเลือดสมอง ตามลาดับ ส่วนเพศหญงิ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจขาด เลอื ดตามลาดับ(2) ในขณะทแี นวโน้มประชากรทีเป็ นกลุ่มเสียงและป่ วยด้วยโรค NCDs ยังคงมจี านวนเพิมขึนอย่าง รวดเรว็ ซึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตจากความเจ็บป่ วย ความพิการ ซึงเป็ นเรืองทียากจะ หลีกเลียงของทังผู้ป่ วยและครอบครัว แต่หากพิจารณาในด้านเศรษฐศาสตร์ โรค NCDs จัดเป็ นปัจจัย คกุ คามต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยผลกระทบเหล่านเี ป็ นผลมาจากค่าใช้จ่ายในระบบบริการ สขุ ภาพทรี ฐั ต้องจัดสรรและลงทุนในการรักษาพยาบาลจานวนมหาศาล สาหรับประเทศไทยค่าใช้จ่ายโดย 31
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคมุ โรคที 3 จังหวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 เฉลียต่อประชากรสูงถึง , บาทต่อคนและหากคานวณจากจานวนประชากรกลางปี จะมี คา่ ใช้จา่ ยทีสูงกว่า แสนล้านบาท ซึงตัวเลขดงั กล่าวยังไม่รวมต้นทุนทปี ระชาชนต้องรับภาระไว้เองอีกกว่า , บาทต่อคน(3) ผลการสารวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากร พ.ศ. 2560 พบว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารกลุม่ ต่าง ๆ ตอ่ สปั ดาห์ทปี ระชากรอายุ 6 ปี ขึนไปบรโิ ภคมีสดั สว่ นของการกิน กลุ่มอาหารสาเรจ็ รูป ร้อยละ 59.3 กลุ่มขนมสาหรับทานเล่นหรือขนมกรุบกรอบ ร้อยละ 48.3 กลุ่มอาหาร ประเภทจานด่วนทางตะวันตก ร้อยละ 29.5 โดยความถีของผู้ทีทานกลุ่มขนมสาหรับทานเล่นหรอื ขนมกรุบ กรอบตังแต่ 3 วันขึนไปต่อสัปดาห์ พบว่ากลุ่มวัยเด็ก (6-14 ปี ) ทานอาหารกลุ่มนีมากทีสุด (ร้อยละ 52.1) และพบว่าสดั ส่วนการทานจะเริมลดลงตามกลมุ่ อายุทมี ากขึน(4) จากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ของคนไทยดงั กล่าวแสดงให้เห็นวา่ คนไทยมแี นวโน้มของความเสยี งเพมิ ขนึ ตอ่ ปัญหาสุขภาพทีมีสาเหตจุ าก การได้รับสารอาหารทีไม่เหมาะสม โรค NCDs สามารถป้ องกันได้โดยการลดปัจจัยเสยี งของการกอ่ โรค เช่น หากลดปัจจัยเสียงของการก่อโรค จะลดการเกิดโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 40 ในขณะทีจะช่วยการเกดิ โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมองและโรคเบาหวานชนิดที 2 ได้ถึงร้อยละ 75 และการลดปัจจัยเสียงของการ ก่อโรคทมี โี อกาสทาได้ง่ายกว่าการเปลียนแปลงปัจจัยเสยี งอนื คือ การปรับเปลียนพฤตกิ รรม(5) สานกั งาน คณะกรรมการอาหารและยาได้ใช้รูปแบบการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรยี นในโรงเรียน อย.น้อย เพอื ลดปัจจัยเสยี งตอ่ โรคไม่ติดตอ่ เรือรัง (NCDs) ในการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของ นักเรียนในโรงเรียน อย.น้อย พบว่าพฤติกรรมการบริโภคขนมขบเคยี วและเครอื งดืมของนักเรียน หลังการ ทดลองใช้รูปแบบฯนักเรียนกลุ่มทดลองบริโภคขนมขบเคียว นาอัดลมและเครืองดืมอืน ๆ ลดลงอย่างมี นยั สาคัญ(6) จากการศกึ ษาความแตกตา่ งของพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรไทยพบว่ากล่มุ นกั เรียน นกั ศึกษา (อายุ15-24 ปี ) มีแนวโน้มทจี ะมพี ฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารทเี สียงทีสดุ และมีโอกาสเป็นผู้ดืม เครืองดืมรสหวานสูงกว่าเมือเทียบกับช่วงวัยอืนๆ(7) ดังนันการลดปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ เรือรังจึงควรเริมตังแต่อายุน้อย ๆ เพือป้ องกันการเกิดโรค NCDs ในอนาคต ซึง อย.น้อย เป็ นกลุ่ม เยาวชนทีมีส่วนร่วมและเป็นแบบอย่างทดี ีในภารกจิ คุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รบั ผลิตภณั ฑ์สุขภาพทีปลอดภัย ค้มุ ค่าทงั ในโรงเรียนและชุมชน สานกั งานสาธารณสขุ จงั หวัดอุทัยธานีจึงได้สร้างเครือข่ายโรงเรียน อย.น้อย ตังแต่ปี และดาเนนิ การต่อเนืองมาจนถงึ ปัจจุบนั เพือให้นกั เรยี นมีการเรยี นร้จู ากการปฏิบัติจรงิ และ ได้ช่วยเหลือเพอื น ๆ ครอบครัวและชุมชนด้วยการให้ความรู้การบริโภคอย่างเหมาะสมปลอดภัย ดังนัน ผ้วู ิจัยจึงได้วจิ ยั เรืองการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชันมัธยมศึกษาตอนต้นเพือลด ปัจจยั เสียงตอ่ การเกดิ โรคไม่ติดต่อเรือรังในโรงเรียน อย.น้อย จังหวัดอุทยั ธานี เพือส่งเสริมและปลูกฝังให้ นักเรียนมกี ารพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอย่างถกู ต้อง สามารถดแู ลตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้ อนั จะ ส่งผลให้ลดการเกิดโรค NCDs และลดการสูญเสียทางเศรษฐกจิ ของประเทศไทย วตั ถุประสงค์ สอง ประการคือ1.เพือศกึ ษาวิธกี ารพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และ 2.เพือศึกษาผลของการพฒั นา พฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรยี นชันมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียน อย.น้อย ในการลดปัจจัย เสยี งต่อการเกิดโรคไมต่ ิดตอ่ เรือรัง จังหวดั อทุ ัยธานี 32
วารสารโรคและภยั สุขภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธันวาคม 2564 วสั ดุและวิธกี ารศกึ ษา การวิจยั นีเป็ นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ จรยิ ธรรมวิจัยของสานักงานสาธารณสุขจังหวดั อุทัยธานี เลขที 12/2563 ศกึ ษาเดอื น กันยายน 2 – ตุลาคม 3 มีขันตอนการดาเนินงานวิจัยมี ขันตอน ได้แก่ . ขันตอนเตรียมการสาหรับการวิจัย (ดาเนินการระหว่างเดือนกันยายน 2-กุมภาพันธ์ 3) . ทบทวนการดาเนินการตามโครงการ อย.น้อย ตังแต่ปี 46 – ปี 2 มีโรงเรยี นทังระดับโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนประถมศึกษาขยาย โอกาสและโรงเรียนมัธยมศึกษาเข้าร่วมโครงการ รวมทังสิน จานวน 60 แห่ง และคัดเลือกพืนทีในการ ดาเนินการวจิ ัยโดยมหี ลักเกณฑ์ในการเลือกพืนทีประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 3 ด้าน คือ 1) เป็ นโรงเรยี น อย. น้อย อย่างน้อย 1 ปี 2) มีการเปิ ดการเรียนการสอนชันมธั ยมศึกษาปี ที 1 3) สมัครใจเข้าร่วมดาเนนิ การวิจยั ผ่านการคัดเลือกทงั หมดจานวน 13 โรงเรียน . ประสานงานกบั ครูผู้รบั ผิดชอบโครงการ อย.น้อยและ ผู้อานวยการโรงเรียน อย.น้อยทเี ป็นกลมุ่ ตัวอย่างการวจิ ัย ชีแจงรายละเอยี ดการดาเนินการวิจัย 1.3 อบรม เชงิ ปฏิบัติการตามหลักสตู รการอบรมการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชันมัธยมศึกษา ตอนต้นเพือลดปัจจยั เสยี งต่อการเกิดโรคไมต่ ิดต่อเรอื รัง และ 1.4 การสารวจพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร ของนักเรยี นชนั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นในโรงเรยี น อย.น้อย เพอื ลดปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรอื รัง ครังที 1 เพือเป็ นข้อมูลพืนฐาน .ขันตอนการปฏิบัติการ (ดาเนินการระหว่างเดือนมีนาคม – กรกฎาคม 2563) ดงั นี . การวางแผน (planning) ประกอบด้วย . . เครือข่ายโรงเรยี น อย.น้อย ศึกษาคู่มือครู ในการดาเนินงานการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชันมัธยมศึกษาตอนต้น เพือลดปัจจัย เสียงต่อโรคไม่ติดต่อเรือรัง ปี งบประมาณ พ.ศ. และ . . กาหนดกิจกรรมและวางแผนการ ดาเนินการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชันมัธยมศึกษาตอนต้นเพือลดปัจจัยเสยี งต่อ การเกิดโรคไม่ตดิ ต่อเรือรงั . การปฏิบตั ิการ (action) เครอื ข่ายโรงเรยี น อย.น้อย ปฏิบตั ิตามกิจกรรม ทีกาหนดไว้ในแผนการดาเนนิ การพฒั นาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชันมธั ยมศึกษาตอนต้น เพือลดปัจจัยเสียงต่อการเกดิ โรคไม่ติดต่อเรือรัง . การสังเกตกิจกรรมของการปฏิบัติ ( observing) ประกอบด้วย . . ครูผู้รับผิดชอบโครงการ อย.น้อย บันทึกเกบ็ รวบรวมข้อมูลการปฏิบัติการของ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละกิจกรรมทีกาหนดไว้ในแผนการดาเนินงาน 2.3.2 ผู้วิจัยติดตามและ ประเมินผลการดาเนินงานในกจิ กรรมต่าง ๆ โดยเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากเอกสารทเี กียวข้อง เพือดูผลของ กิจกรรมทีเกิดขึน การปฏิบัติงานตามกิจกรรมทีกาหนดไว้และได้ดาเนินการไปแล้ว กิจกรรมทียังไม่ สามารถดาเนินการได้ตามแผน . การสะท้อนผลการปฏบิ ตั ิการ (reflecting) โดยผู้วิจัยนาข้อมลู ทไี ด้จาก การติดตามและประเมินผลการดาเนินงานในกจิ กรรมต่าง ๆ มาวิเคราะหใ์ นประเด็นผลการปฏบิ ัติและสรุป ปัญหาอุปสรรคในกิจกรรมทียังไมส่ ามารถดาเนินการได้ตามแผนและปัญหาอปุ สรรคทพี บในการปฏิบัตงิ าน ข้อเสนอแนะ และวิธกี ารปรับปรุงแผนปฏิบัติการในครังต่อไป . ขันตอนการประเมินผลและสรุปผล (ดาเนินการระหว่างเดือนสงิ หาคม -ตลุ าคม 3) ประกอบด้วย . การสารวจพฤติกรรมการบริโภค อาหารของนักเรยี นชนั มัธยมศกึ ษาตอนต้นในโรงเรียน อย.น้อย เพือลดปัจจยั เสยี งต่อการเกดิ โรคไม่ตดิ ต่อ เรือรัง ครังที ในเดือนสงิ หาคม – กันยายน 3 เพือนาข้อมูลไปเปรยี บเทียบกับการสารวจครังแรก และ . การวิเคราะห์ผลการศึกษาและสรุปผลการวิจยั เรืองการพัฒนาพฤตกิ รรมการบริโภคอาหา รของ 33
วารสารโรคและภยั สขุ ภาพสานกั งานป้ องกนั ควบคุมโรคที 3 จงั หวดั นครสวรรค์ Journal of Disease and Health Risk DPC.3 Volume 15 No.3 September – December ปี ที 15 ฉบบั ที 3 กนั ยายน-ธนั วาคม 2564 นักเรียนชันมธั ยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียน อย.น้อยเพือลดปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรือรัง จงั หวดั อทุ ยั ธานี ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง ประชากร ได้แก่ นกั เรียนชันมธั ยมศกึ ษาต้นในโรงเรียน อย.น้อย สงั กัด เทศบาลและสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั พืนฐานทีเป็นเครือข่ายโรงเรยี น อย.น้อย ของสานักงาน สาธารณสุขจงั หวัดอุทยั ธานี ปี การศึกษา 2563 กลมุ่ ตวั อยา่ ง ได้แก่ นักเรียนชันมัธยมศึกษาปี ที 1 ในโรงเรียน อย.น้อย จงั หวดั อทุ ยั ธานที ีผ่านหลักเกณฑ์ ในการเลอื กพืนทขี องสานกั งานสาธารณสขุ จังหวดั อุทยั ธานแี ละแบ่งเป็นสดั ส่วนตามจานวนนักเรยี นในแตล่ ะ โรงเรียนและผ่านการสุ่มแบบเป็ นระบบ (Systematic sampling) ตามรายชือนักเรียนเรียงตามเลขทีโดยครู ผ้รู ับผดิ ชอบงาน อย.น้อย คานวณจากสูตรของ Wayne WD(8) สาหรับการประมาณค่าสัดสว่ นของประชากร คือ estimating a finite population proportion เมอื n คือ ขนาดกลุ่มตวั อย่าง N คือ จานวนนักเรียนชันมัธยมศึกษาต้ นในโรงเรียน อย.น้ อย สังกัดเทศบาลและสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐานทีเป็ นเครือข่ายโรงเรียน อย.น้อย ของสานักงานสาธารณสุขจังหวัด อทุ ยั ธานี ในปี การศกึ ษา จานวน 8,626 คน(9-11) α คอื ความผิดพลาดจากการสุม่ ตวั อยา่ งเพือสรุปลักษณะประชากรจากค่าสถติ ิของตวั อยา่ ง = . z คือ สมั ประสทิ ธคิ วามเชอื มนั (confidence coefficient) ได้จากความเชอื มนั ทกี าหนด ( -α) p คือ สดั ส่วนนักเรียนชันมธั ยมศึกษาปี ที ต่อนักเรียนชันมัธยมศึกษาต้นในโรงเรียน อย.น้อย คือ 0.35(9-11) d คือ ความคลาดคลาดเคลอื นของกลุ่มตวั อย่าง = . แทนค่าในสูตรคานวณได้ขนาดตัวอยา่ งไม่น้อยกว่า 336 คน เครืองมอื ทีใช้ในงานวจิ ยั ประกอบด้วย แบบบันทกึ การดาเนินการทีผู้วิจัยสร้างขึนมาสาหรับงานวิจัยนี แบบสอบถาม พฤติ กรรมการ บริโ ภคอาหาร แ ล ะแ บบ ป ระเมินค วามพึ งพอใ จใน กา รเข้ าร่ วมกิจ กรรม ของสานั กงาน คณะกรรมการอาหารและยา(6) การสร้างเครืองมือและการตรวจสอบคุณภาพของเครอื งมือ ดังนี 1. การหาความเทยี งตรงตามเนือหา โดยการตรวจสอบความเทยี งตรงเชิงเนือหาของเครอื งมือทใี ช้ ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจดั การเรียนรู้และแผนกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน เครืองมอื ทีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามพฤติกรรมการบริโภคอาหารของ นักเรียนในโรงเรียน อย.น้อย โดยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านสุขศึกษา พฤติกรรมศาสตร์และอาหารและยา จานวน 3 ท่าน คัดเลือกเครืองมือทีใช้ในการวจิ ัยในรายการทีมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ตังแต่ 0.50 ขึนไป ไว้ใช้ในการวจิ ยั และนาข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวฒุ ิมาพิจารณาปรบั ปรุงคุณภาพเครืองมือที ใช้ในการทดลองในประเดน็ ตา่ ง ๆ เช่น ความสอดคล้องของระยะเวลากบั จานวนกจิ กรรรมการเรยี นรู้และ 34
Search