กฎหมายธุรกิจ-บัญชี

กฎหมายธุรกจิ • รศ.ดร.วิณัฏฐา แสงสขุ • ส ข วิช นิติศ สตร์ • คณะมนุษยศ สตรแ์ ละสงั คมศ สตร์

การแบ่งประเภทของกฎหมาย 1. ต มลกั ษณะก รใช้ 2. คว มสมั พนั ธข์ องค่กู รณี หรือต มข้อคว มของกฎหม ย

แบง่ ตามลกั ษณะของการใช้ 1 กฎหม ยส รบญั ญตํ ิ • ท งแพ่ง เช่น ป.พ.พ. • ท งอ ญ เช่น ป.อ. 2 กฎหม ยวิธีสบญั ญตั ิ • ท งแพ่ง เช่น ป.วิ.พ. • ท งอ ญ เช่น ป.วิ.อ.

ความสมั พนั ธข์ องคู่กรณี/ขอ้ ความของกฎหมาย 1 กฎหม ยเอกชน 1 แพ่ง 2 พ ณิชย์ 3 แรงง น 2 กฎหม ยมห ชน 1 ราั ธรรมนูญ 2 กฎหม ยปกครอง 3 กฎหม ยอ ญ 4 กฎหม ยพระธรรมนูญศ ลยตุ ิธรรม 5 กฎหม ยวิธีพิจ รณ คว มอ ญ 6 กฎหม ยวิธีพิจ รณ คว มแพ่ง 7 กฎหม ยระหว่ งประเทศ

ขอบเขตท่ศี ึกษา • เฉพ ะกฎหม ยแพ่งและกฎหม ยพ ณิชย์ • กฎหม ยแพ่ง = คว มสมั พนั ธใ์ นระหว่ ง บคุ คล • กฎหม ยพ ณิชย์ = คว มสมั พนั ธข์ องบคุ คล ในท งก รค้ ธรุ กิจก รพ ณิชย์

สทิ ธิ• คว มหม ย ประโยชน์ที่กฎหม ยรบั รองและค้มุ ครองให้ (คํ พิพ กษ ฎีก 124/1487) • องคป์ ระกอบของสิทธิ - ผทู้ รงสิทธิ บคุ คลต มกฎหม ย - ผมู้ ีหน้ ท่ี - เนื้อห แห่งสิทธิ กระทํ ก ร / งดเว้นกระทํ ก ร - วตั ถแุ ห่งสิทธิ บคุ คลหรือทรพั ยส์ ิน - เหตแุ ห่งก รได้ม ซ่ึงสิทธิ (มีต่อ)

การไดม้ าซ่ึงสทิ ธิ • นิติกรรม และ สญั ญ • นิติเหตุ - ได้จ กพฤติก รณ์ต มธรรมช ติ - โดยปร ศจ กเจตน ท งกฎหม ย ได้แก่ ละเมิด จดั ก รง นนอกสงั่ ล ภมิควรได้ • ได้โดยบทบญั ญตั ิของกฎหม ยลกั ษณะทรพั ยแ์ ละ ทรพั ยส์ ิน

การแบง่ ประเภทของสทิ ธิ • บคุ คลสิทธิ สิทธิเหนือบคุ คล • ทรพั ยสิทธิ สิทธิเหนือทรพั ยส์ ิน

การใชส้ ทิ ธแิ ละการจากดั สทิ ธแิ ละการระงบั สทิ ธิ • ก รใช้สิทธิ และ ข้อจํ กดั • ก รระงบั ซึ่งสิทธิ

• กฎหม ยว่ ด้วยบคุ คล • กฎหม ยว่ ด้วยทรพั ยส์ ิน

กฎหมายวา่ ดว้ ยทรพั ยแ์ ละทรพั ยส์ นิ • ทรพั ย์ “วตั ถมุ ีรปู ร่ ง” • ทรพั ยส์ ิน “รวมทงั้ ทรพั ยแ์ ละวตั ถไุ ม่มีรปู ร่ งซ่ึงอ จมี ร ค และอ จถือเอ ได้”

ประเภทของทรพั ยส์ นิ 1. อสงั ห ริมทรพั ย์ 2. สงั ห ริมทรพั ย์ 3. ทรพั ยแ์ บง่ ไมไ่ ด้ 4. ทรพั ยแ์ บง่ ได้ 5. ทรพั ยน์ อกพ ณิชย์

อสงั หารมิ ทรพั ย์ • หม ยคว มว่ ที่ดิน • ทรพั ยอ์ นั ติดอย่กู บั ท่ีดินมีลกั ษณะเป็นก รถ วร หรือประกอบเป็นอนั เดียวกบั ท่ีดินนัน้ • รวมถึงทรพั ยสิทธิอนั เก่ียวกบั ที่ดิน หรอื ทรพั ย์ อนั ติดอย่กู บั ที่ดิน • ประกอบเป็นอนั เดียวกบั ที่ดินนัน้ ด้วย

สงั หารมิ ทรพั ย์ • หม ยคว มว่ ทรพั ยส์ ินอื่นนอก จ ก อสงั ห ริมทรพั ย์ และหม ยคว มรวมถึงสิทธิอนั เกี่ยวกบั ทรพั ยส์ ิน นัน้ ด้วย • สงั ห ริมทรพั ยท์ วั่ ไป • สงั ห ริมทรพั ยช์ นิดพิเศษ *เรือมีระว ง 5 ตนั ขึน้ ไป เรือนแพที่อ ศยั สตั วพ์ หนะ= ช้ ง ม้ ววั คว ย ล ล่อ

ทรพั ยแ์ บ่งได/้ ทรพั ยแ์ บ่งไม่ได้ • ทรพั ยแ์ บง่ ได้ หม ยคว มว่ ทรพั ยอ์ นั อ จแยก ออก จ กกนั เป็นส่วน ๆ ได้จริงถนัดชดั แจ้ง แต่ละ ส่วนได้รปู บริบรู ณ์ลํ พงั ตวั • ทรพั ยแ์ บง่ ไมไ่ ด้ หม ยคว มว่ ทรพั ยอ์ นั จะแยก ออกจ กกนั ไมไ่ ด้นอกจ กเปลี่ยนแปลงภ วะของ ทรพั ย์ และ หม ยคว มรวมถึงทรพั ยท์ ี่มีกฎหม ย บญั ญตั ิว่ แบง่ ไม่ได้ด้วย

ทรพั ยน์ อกพาณิชย์ • หม ยคว มว่ ทรพั ยท์ ี่ไมส่ ม รถถือเอ ได้ • และทรพั ยท์ ี่โอนแก่กนั มิได้โดยชอบด้วยกฎหม ย

สว่ นอนั ประกอบของทรพั ย์ 1. ส่วนควบ 2. อปุ กรณ์ 3. ดอกผล

สว่ นควบ • ส่วนซ่ึงโดยสภ พแห่งทรพั ย์ เป็ นส ระสํ คญั ในคว มเป็ นอยู่ ของทรพั ยน์ ัน้ • หรือโดยจ รีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นส ระสํ คญั ในคว ม เป็นอยขู่ องทรพั ยน์ ัน้ • และไม่อ จแยกจ กกนั ได้นอกจ กจะ ทํ ล ย ทํ ให้บบุ สล ย หรือทํ ให้ทรพั ยน์ ัน้ เปล่ียนแปลงรปู ทรงหรือ สภ พไป • ****** เจ้ ของทรพั ยย์ อ่ มมีกรรมสิทธ์ิในส่วนควบของทรพั ย์ นัน้ **********

ขอ้ ยกเวน้ ไม่เป็นสว่ นควบ 1. ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกบั ที่ดินท่ีไมน้ ัน้ ขึ้นอยู่ ไมล้ ้มลกุ หรอื ธญั ช ติอนั จะเกบ็ เก่ียวรวงผลได้คร วหน่ึง หรอื หล ย คร วต่อปี ไมเ่ ป็นส่วนควบกบั ท่ีดิน 2. ทรพั ยซ์ ่ึงติดกบั ที่ดินหรือติดกบั โรงเรอื นเพียงชวั่ คร ว ไมถ่ ือว่ เป็นส่วนควบกบั ท่ีดินหรือโรงเรือนนัน้ คว มข้อนี้ให้ใช้บงั คบั แก่โรงเรอื นหรอื สิ่งปลกู สร้ งอย่ ง อื่นซึ่งผมู้ ีสิทธิในที่ดินของผ้อู ื่นใช้ สิทธินัน้ ปลกู สร้ งไว้ใน ท่ีดินนัน้ ด้วย

อปุ กรณ์ • หม ยคว มว่ สงั ห ริมทรพั ยซ์ ่ึงโดย ปกตินิยมเฉพ ะถ่ิน หรือโดย เจตน ชดั แจ้งของเจ้ ของทรพั ยท์ ี่เป็นประธ นเป็นของใช้ประจํ อย่กู บั ทรพั ยท์ ่ีเป็นประธ นเป็นอ จิณ • เพื่อประโยชน์แก่ ก รจดั ดแู ล ใช้สอย หรือรกั ษ ทรพั ยท์ ี่เป็ นประธ น และ เจ้ ของทรพั ยไ์ ด้นํ ม ส่ทู รพั ยท์ ี่เป็นประธ นโดยก รนํ ม ติดต่อ หรือ ปรบั เข้ ไว้ หรอื ทํ โดยประก รอื่นใดในา นะเป็นของใช้ประกอบ กบั ทรพั ยท์ ี่เป็นประธ นนัน้ • อปุ กรณ์ท่ีแยกออกจ กทรพั ยท์ ี่เป็นประธ นเป็นก รชวั่ คร วก็ ยงั ไม่ข ด จ กก รเป็นอปุ กรณ์ของทรพั ยท์ ่ีเป็นประธ นนัน้ • ****อปุ กรณ์ย่อมตกติดไปกบั ทรพั ยท์ ี่เป็นประธ น เว้นแต่จะมกี ร กํ หนดไว้เป็นอย่ งอื่น *****

ดอกผล• ได้แก่ ดอกผลธรรมด และดอกผลนิตินัย • ดอกผลธรรมด หม ยคว มว่ สิ่งที่เกิดขึน้ ต มธรรมช ติ ของ ทรพั ยซ์ ่ึงได้ม จ กตวั ทรพั ย์ โดยก รมีหรือใช้ทรพั ย์ นัน้ ต มปกตินิยม และส ม รถถือเอ ได้เมื่อข ดจ กทรพั ย์ นัน้ • ดอกผลนิตินัย หม ยคว มว่ ทรพั ยห์ รือประโยชน์อย่ งอ่ืน ที่ ได้ม เป็นครงั้ คร วแก่เจ้ ของทรพั ยจ์ กผอู้ ่ืนเพ่ือก รที่ ได้ใช้ทรพั ยน์ ัน้ และส ม รถคํ นวณและถือเอ ได้เป็ น ร ยวนั หรือต มระยะเวล ท่ีกํ หนดไว้

ทรพั ยสทิ ธิ 1. กรรมสิทธิ 2. สิทธิครอบครอง 3. ภ ระจํ ยอม 4. สิทธิอ ศยั 5. สิทธิเหนือพืน้ ดิน 6. สิทธิเกบ็ กิน 7. ภ ระติดพนั ในอสงั ห ริมทรพั ย์

ทรพั ยสทิ ธิ • กรรมสิทธ์ิ* เจ้ ของทรพั ยส์ ินมีสิทธิใช้สอย และจํ หน่ ย ทรพั ยส์ ินของตนและได้ซ่ึงดอกผลแห่งทรพั ยส์ ินนัน้ กบั ทงั้ มี สิทธิ ติดต มและเอ คืนซ่ึงทรพั ยส์ ินของตนจ กบคุ คลผไู้ มม่ ี สิทธิจะยึดถือไว้ และ มีสิทธิขดั ขว งมิให้ผอู้ ื่นสอดเข้ เก่ียวข้องกบั ทรพั ยส์ ินนัน้ โดยมิชอบด้วยกฎหม ย • สิทธิครอบครอง* บุคคลใดยึดถือทรพั ยส์ ินโดยเจตน จะ ยึดถือเพอ่ื ตน ท่ นว่ บคุ คลนัน้ ได้ซ่ึงสิทธิครอบครอง • ภ รจํ ยอม* อสงั ห ริมทรพั ยอ์ จต้องตกอย่ใู นภ รจํ ยอมอนั เหน็ เหตุ ให้เจ้ ของต้องยอมรบั กรรมบ งอย่ งซ่ึงกระทบถึง ทรพั ยส์ ินของตนหรือต้องงด เวน้ ก รใช้สิทธิบ งอย่ งอนั มี อย่ใู นกรรมสิทธ์ิ ทรพั ยส์ ินนัน้ เพือ่ ประโยชน์แก่ อสงั ห ริมทรพั ยอ์ ่ืน

ทรพั ยสทิ ธิ• สิทธิอ ศยั * บคุ คลใดไดร้ บั สิทธิอ ศยั ในโรงเรอื น บุคคลนัน้ ยอ่ มมี สิทธิอยู่ใน โรงเรอื นนัน้ โดยไมต่ ้องเสียค่ เช่ • สิทธิเหนือพืน้ ดิน* เจ้ ของที่ดินอ จก่อให้เกิดสิทธิเหนือพนื้ ดินเป็นคณุ แก่ บคุ คลอ่ืน โดยให้บุคคลนัน้ มีสิทธิเป็นเจ้ ของโรงเรอื น ส่ิงปลูกสร้ งหรอื ส่ิง เพ ะปลูก บนดินหรอื ใต้ดินนัน้ • สิทธิเกบ็ กิน* อสงั ห ริมทรพั ยอ์ จต้องตกอยู่ในบงั คบั สิทธิเกบ็ กิน อนั เป็นเหตุ ให้ผทู้ รงสิทธินัน้ มีสิทธิครอบครอง ใช้ และถือเอ ซึ่งประโยชนแห่ง ทรพั ยส์ ิน นัน้ ผทู้ รงสิทธิเกบ็ กินมีอํ น จจดั ก รทรพั ยส์ ิน • ผทู้ รงสิทธิเกบ็ กินในป่ ไม้ เหมอื งแร่ หรอื ท่ีขดุ หิน มีสิทธิทํ ก รแสวง ประโยชน์จ กป่ ไม้ เหมอื งแร่ หรอื ที่ขดุ หินนัน้ • ภ รติดพนั ในอสงั ฯ* อสงั ห ริมทรพั ยอ์ จต้องตกอยูใ่ นภ รติดพนั อนั เป็นเหตุ ให้ ผรู้ บั ประโยชน์มีสิทธิไดร้ บั ก รชํ ระหนี้เป็นคร ว ๆ จ กทรพั ยส์ ินนัน้ หรอื ได้ ใช้และถือเอ ซึ่งประโยชน์แห่งทรพั ยส์ ินต มที่ระบไุ ว้

นิติกรรม-สญั ญ นิติกรรม หม ยถึง ก รกระทํ ใดๆ อนั ทํ ลงโดยชอบด้วยกฎหม ยและด้วยใจสมคั ร ม่งุ โดยตรงต่อก รผกู นิติสมั พนั ธ์ ขึน้ ระหว่ งบคุ คล เพ่อื ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงบั ซึ่งสิทธิ (ม.149)

การกระทาของบคุ คลโดยการแสดงเจตนา เพ่อื กอ่ สทิ ธิและหนา้ ท่ีผูกพนั กนั การแสดงเจตนา คือ ทาใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจความประสงคข์ องผูท้ า นิตกิ รรม มี 3 ลกั ษณะ คือ *โดยชดั แจง้ *โดยปรยิ าย *โดยการน่ิง

-*ก รกระทํ ที่ชอบด้วยกฎหม ยก รแสดงเจตน เกิดต มคว มประสงคท์ ี่แท้จริง ทํ โดยใจสมคั ร *ต้องก รก่อสิทธิหน้ ท่ีผกู พนั ในกฎหม ย *ให้มีผลบงั คบั ได้ต มกฎหม ย ไม่มีเจตน ซ่อนเรน้ เจตน ลวง หรือนิติกรรมอํ พร ง *มงุ่ เคล่ือนไหวในสิทธิ “ ก่อสิทธิ เปล่ียนแปลงสิทธิ โอนสิทธิ สงวนสิทธิ ระงบั สิทธิ”

ประเภทของนิตกิ รรม • นิติกรรมฝ่ ยเดียว/นิติกรรมสองฝ่ ย • นิติกรรมที่มีผลเมอ่ื ทํ ยงั มีชีวิตอย่/ู มีผลเมอ่ื ต ย • นิติกรรมที่มีค่ ตอบแทน/ไมม่ ีค่ ตอบแทน

ความสมบูรณ์ของนิติกรรม • บคุ คล * คว มส ม รถ • วตั ถปุ ระสงค์ • แบบ • ก รแสดงเจตน

วตั ถปุ ระสงค์ • คว มหม ย : วตั ถปุ ระสงคห์ รอื ประโยชน์อนั เป็นผลสดุ ท้ ยท่ีค่กู รณีมุง่ หวงั ในก รทํ นิติ กรรมนัน้ 1.ต้องห้ มชดั แจง้ โดยกฎหม ย 2.เป็นอนั พ้นวิสยั 3.ขดั ต่อคว มสงบเรียบรอ้ ย/ศีลธรรมอนั ดี

แบบแหง่ นิติกรรม • คว มหม ย: พิธีก รที่กม.กํ หนดให้ผ้แู สดงเจตน ต้องกระทํ เพ่ือให้นิติกรรมของตนนัน้ สมบรู ณ์ • ประเภทของแบบ 1. ทํ เป็นหนังสือและจดทะเบยี นต่อพนง. 2. ทํ เป็นหนังสือต่อพนักง นเจ้ หน้ ที่ 3. จดทะเบยี นต่อพนักง นเจ้ หน้ ท่ี 4. ทํ เป็นหนังสือกนั เองระหว่ งค่กู รณี

ผลสมบูรณ์การแสดงเจตนา • ก รแสดงเจตน ต่อบคุ คลผอู้ ย่เู ฉพ ะหน้ หรือ ก รแสดง เจตน ต่อบคุ คลผมู้ ิได้อย่เู ฉพ ะหน้ หรืออย่หู ่ งโดย ระยะท ง • ก รแสดงเจตน ต่อบคุ คลผอู้ ยเู่ ฉพ ะหน้ หม ยถึง ก ร ค่กู รณีแห่งนิติกรรมส ม รถติดต่อทํ คว มเข้ ใจกนั ได้ โดยทนั ที • ก รแสดงเจตน ต่อบคุ คลผมู้ ิได้อย่เู ฉพ ะหน้ หม ยถึง ก รค่กู รณีแห่งนิติกรรมส ม รถติดต่อทํ คว มเข้ ใจกนั ได้ต้องใช้ระยะเวล ติดต่อที่จะทํ คว มเข้ ใจ

การแสดงเจตนา • ไมแ่ สดงเจตน ซ่อนเรน้ ม.154 • ไมแ่ สดงเจตน ลวง ม.155 ว.1 • ไมเ่ ป็นนิติกรรมอํ พร ง ม.155 ว.2 • ไมส่ ํ คญั ผิด ม.156/157 • ไม่ กลฉ้อฉล ม.159 • ไม่ถกู ข่มขู่ ม.164

ผลทางกฎหมาย • สมบรู ณ์ • โมฆะ • โมฆียะ

โมฆะกรรม • คว มหม ย: นิติกรรมที่สญู เปล่ เสียเปล่ ไม่มีผลในท งกม. • ผลท งกม. - ก รกล่ วอ้ งไม่มีอ ยคุ ว ม(ผมู้ ีส่วนได้เสีย) - ไม่อ จให้สตั ย บนั ได้ - โมฆะบ งส่วนสมบรู ณ์บ งส่วน - โมฆะแต่สมบรู ณ์เป็นนิติกรรมอ่ืน

โมฆยี ะกรรม • หม ยถึง นิติกรรมท่ีอ จถกู บอกล้ งหรือให้ สตั ย บนั ม แต่เริ่มแรก • ผลเมอื่ บอกล้ ง ถือเป็นโมฆะม แต่เร่ิมแรก • ผลเมอื่ ให้สตั ย บนั สมบรู ณ์ตลอดไป

การบอกลา้ งโมฆยี ะกรรม • คือก รปฏฐิเสธหรือไม่รบั รอง • ผมู้ สี ิทธิบอกล้ ง (ม.๑๗๕) - ผแู้ ทนโดยชอบธรรมหรือผเู้ ย วซ์ ึ่งบรรลุนิติภ วะ แต่ ผเู้ ย วบ์ อกล้ งก่อนได้โดยรบั คว มยินยอม - คนไร้คว มส ม รถ คนเสมอื นไรค้ ว มส ม รถที่พ้นภ วะรวมถึง ผอู้ นุบ ลหรอื ผพู้ ิทกั ษ์ แต่คนเสมือนบอกก่อนได้ถ้ ผ้พู ิทกั ษ์ยินยอม - ผสู้ ํ คญั ผิด กลฉ้อฉล ถกู ข่มขู่ - บคุ คลวิกลจริตเมือ่ จริตไม่วิกลแล้ว

วธิ แี ละระยะเวลาในการบอกลา้ ง • ต้องมีผรู้ บั ก รแสดงเจตน เป็นหนังสือหรือว จ ม.๑๗๘ • บอกล้ งภ ยใน ๑ปี นับแต่เวล ที่อ จให้สตั ย บนั หรือใน ๑๐ปี นับแต่ทํ นิติกรรม ม.๑๘๑ • เวล ที่อ จให้สตั ย บนั หม ยถึง เวล ท่ีมลู เหตใุ ห้ โมฆียกรรมได้สญู สิ้นแล้ว • ก รบอกล้ งจะไม่ใช้กบั กรณี ก รสมรสและพินัยกรรมท่ี เป็ นโมฆียะ

การใหส้ ตั ยาบนั • คือ ก รยอมรบั และรบั รองเอ ผลโมฆียะให้มีผล สมบรู ณ์ • ผมู้ ีสิทธิให้สตั ย บนั ม.๑๗๗ คือบคุ คลต ม ม. ๑๗๕ • ให้สตั ย บนั ได้เมื่อมูลเหตโุ มฆียะสญู สิ้นไป • ให้สตั ย บนั โดยตรงหรือโดยปริย ย ม.๑๘๐เช่น ปฏฐิบตั ิก รชํ ระหนี้

ความสมบูรณ์และการฟ้ องรอ้ ง • ไม่ต้องก รแบบเพื่อคว มสมบรู ณ์ ตกลงด้วยว จ *สมบรู ณ์/ฟ้องร้องกนั ได้* • ต้องก รแบบเพ่ือคว มสมบรู ณ์ ตกลงกนั ด้วยว จ ไม่ได้ *ไม่สมบรู ณ์(โมฆะ) และ จะฟ้องร้องต มสญั ญ นัน้ มิได้* • ไม่ต้องก รแบบเพ่ือคว มสมบรู ณ์ แต่ต้องก รหลกั า นใน ก รฟ้องร้องบงั คบั คดี ตกลงด้วยว จ ได้ *สมบรู ณ์ แต่ ฟ้องร้องบงั คบั คดีกนั ไม่ได้*

สญั ญา • เป็นบอ่ เกิดแห่งหนี้ • ส ระสํ คญั คือ 1.เป็นนิติกรรมตงั้ แต่สองฝ่ ยขึน้ ไป 2.มีคํ เสนอ และ คํ สนองท่ีถกู ต้องตรงกนั 3.ครบคว มสมบรู ณ์ของนิติกรรม คํ เสนอ แสดงเจตน เพื่อให้อีกฝ่ ยทร บคว มประสงค์ คํ สนอง คํ ตอบต่อผเู้ สนอ

การเลกิ สญั ญา • โดยข้อตกลง • โดยผลแห่งกฎหม ย

ละเมดิ /หน้ี

กฎหมายธุรกจิ /กฎหมายพาณิชย์ • เอกเทศสญั ญา ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ • ซ้อื ขาย • ขายฝาก แลกเปลย้ี น ให้ • เช่าทรพั ย์ เชา่ ซอ้ิ • จา้ งทาของ จา้ งแรงงาน (กม.นกั บญั ชี รวม พรบ.คุม้ ครองแรงงาน)

กฎหมายวา่ ดว้ ยซ้อื ขาย • คว มเป็นม ของธรุ กรรมก รซื้อข ย -ก รแลกเปล่ียน -ก รมีวตั ถกุ ล ง -ก รมีเงินตร

ลกั ษณะสาคญั ของสญั ญาซ้ือขาย • จํ นวนของค่สู ญั ญ หรือ มีค่สู ญั ญ สองฝ่ ย(ผซู้ ื้อ/ผขู้ ย) • ผซู้ ื้อมงุ่ ท่ีจะชํ ระร ค • ผขู้ ยมงุ่ ที่จะโอนกรรมสิทธ์ิ

ผูข้ าย คือ ผูม้ ีสทิ ธทิ ่จี ะขาย เพราะ • เป็นเจ้ ของ/มีกรรมสิทธ์ิ • เป็นผมู้ ีสิทธิอย่ งใดๆต มกฎหม ย เช่น เป็นผทู้ ํ สญั ญ จะข ย เป็นผแู้ ทน โดยชอบธรรม เป็นตวั แทน เป็น ผจู้ ดั ก รมรดก

ผูซ้ ้ือ • ระวงั สิทธิในก รเข้ ซื้อ อ จมีกฎหม ย กฎหม ยกํ หนดห้ มไว้ เช่น กรณีคน ต่ งด้ ว / หรือกํ หนดเงอื่ นไข เช่น กรณี มสั ยิสอิสล ม มูลนิธิคริสตจกั ร (ต้องขอ อนุญ ตกระทรวงมห ดไทยก่อน)

ผูข้ ายม่งุ โอนกรรมสทิ ธ์ิ • สญั ญ ซื้อข ย = โอนทรพั ยสิทธิประเภท กรรมสิทธ์ิ • ถ้ ซื้อจ กผไู้ มม่ ีสิทธิข ย ผซู้ ื้อจะไมไ่ ด้รบั กรรมสิทธ์ิ (หลกั ผรู้ บั โอนไมม่ ีสิทธิดีกว่ ผโู้ อน) • เว้นแต่ ผซู้ ื้อจะสจุ ริต หรอื ซื้อในกรณีที่ กฎหม ยกํ หนดให้ได้รบั ก รค้มุ ครอง เช่น (มีต่อ)

ตวั อยา่ งขอ้ ยกเวน้ หลกั ผูร้ บั โอนไม่มีสทิ ธิ ดีกวา่ ผูโ้ อน • ซื้อจ กตวั แทนที่ได้รบั มอบอํ น จโดยชอบ • ก รรบั โอนทรพั ยส์ ินจ กก รข ยทอดตล ด ต มคํ สงั่ ศ ลหรือเจ้ พนักง นพิทกั ษ์ ทรพั ย์ • จ กก รข ยทอดตล ด ท้องตล ด หรือจ ก พ่อค้