Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เปิดแฟชั่นวัยรุ่นกรุงศรีอยุธยา

เปิดแฟชั่นวัยรุ่นกรุงศรีอยุธยา

Published by 28.01wednp, 2022-07-17 01:07:49

Description: ตอน ขุนช้างถวายฎีกา

Search

Read the Text Version

วัยรุ่นเกปิรดุงแศฟรชีัอ่นยุธยา

เเปิปดิดแฟแชฟั่นชวััยนรุ่วนัยกรุุ่งนศอรียอุยธุธยยาา น า ง วั น ท อ ง

เเปปิดดแแฟฟชั่นชวััยนรุว่นัยกรรุุ่นงศอรียอุธยุธยยาา ทรงผม ทรงมหาดไทย ทรงมหาดไทยจะตัดผมด้านบน และแสกกลาง ในช่วงแรกๆจะมีตัดสั้นทั้งหัวเพื่อให้ข้าศึกสับสน ภายหลังเมื่อบ้านเมืองสงบมากขึ้น และผู้หญิง เริ่มมีความรักสวยรักงาม จึงเริ่มมีการไว้ผมยาว แต่ยังคงตัดผมด้านบนให้สั้นเหมือนเดิม ทรงผมอื่นๆในยุคสมัยเดียวกัน ทรงผมปีก มีความคล้ายคลึงกับทรงมหาดไทย โดยจะไถผมด้านข้าง ออก เหลือผมด้านบนไว้ ด้านข้างจะหวีปาดไปทางด้านหลัง และมีการไว้ปอยผมข้างหู พร้อมใช้น้ำมันรีดปอยให้ตั้งตรง ทรงดอกกระทุ่ม ทรงผมสั้นทั้งศีรษะ แต่งทรงด้วยการหวีเสย ด้านหน้าไปด้านหลัง ให้ด้านหน้ามีความตั้งสูง โป่งพองขึ้นเล็กน้อย มวยผม ผู้หญิงจากทางภาคเหนือ หรือสตรีล้านนา จะนิยมมวยผมไปด้านหลังศีรษะ และมีเครื่อง ประดับตกแต่งผมด้วย เช่น ปิ่นปักผม ดอกไม้หอมสีสุภาพ หรือหวีสับ

เปปิิดดแฟแชฟั่นชวััยนรุ่วนัยกรุ่งนศอรีอยุยธุธยยาา เ สื้ อ ผ้ า “ ห่มตาด ” ของคนชั้นสูงจะนุ่งผ้าซิ่น ยกจีบหน้า ห่มตาด การนำสไบมาห่มตัวแล้วทับด้วย จากนั้นจะสวมด้วยเสื้อริ้วทอง ผ้าสะพักตาดทอง ที่มีการปัก (ทำด้วยผ้าไหม สลับด้วยเส้นทองแดง) และส่วนใหญ่ในวันที่อยู่บ้าน จะสวมสไบเฉียง ประดับตกแต่งด้วยลายและวัสดุต่างๆ และไม่สวมเสื้อริ้วทอง ซึ่งจะตรึงทั้งสองชั้นให้แน่น ส่วนชาวบ้าน ท่อนบนจะคาดผ้าแถบ ด้วยการใช้ด้ายเย็บติดกัน หรือห่มสไบ และนุ่งโจงกระเบน หรือผ้าถุง การห่มสองชาย ห่มด้วยผ้าสะพักหรือสไบแบบ สองบ่า ผ้าจะมีลักษณะยาวกว่า สไบห่มเฉียงพันรอบอกหนึ่งรอบ ทับเฉียงไขว้ที่อก แล้วจึงสะพักบนไหล่ทั้งสอง ปล่อยชายไปข้างหลังทั้งสองชาย

เปปิิดดแฟแชฟั่นชวััยนรุ่วนัยกรุ่งนศอรีอยุยธุธยยาา ก า ร เ ส ริ ม ส ว ย 1. ล้างหน้าให้สะอาด และใช้น้ำมันมะพร้าว ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้ 2. จากนั้นถึงขั้นตอนการลงแป้ง เป็นขั้นตอนการเตรียมหน้าก่อนแต่งหน้า สมัยอดีตยังนิยมใช้แป้งจีนที่มีลักษณะ เป็นก้อนแข็งๆ นำมาขูดให้เป็นผง แล้วนำมาผสมกับน้ำ คนให้เข้ากัน แล้วนำมาทาบนใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขน ไปจนถึงปลายนิ้ว เกลี่ยจนเรียบเนียนขาว จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้ง 3. ทาปาก ทาแก้ม ด้วยชาด สีแดง ซึ่งจะเป็นเป็นแผ่น กระดาษสีๆ วิธีใช้ก็นำปาก ไปประทับบนกระดาษ ก็จะได้สีแดงติดออกมา 4. ที่เขียนคิ้วด้วยมะพร้าวห้าว ที่ฝนปลายจนแหลม และนำไปเผาไฟจนดำ 1 . ดูแลผิวหน้าที่เป็นสิว How to ดูแลตัวเอง 4 . ขัดตัวด้วยมะขามเปียก ด้วยดินสอพอง ขมิ้นชัน หัวขมิ้น และไพล น้ำผึ้ง ผสมให้เป็นเนื้อ เดียวกัน แล้วนำส่วน 2 . ล้างหน้าด้วยน้ำซาวข้าว 3 . ใช้น้ำมะกรูดหมักผม บดผสมให้เข้ากันแล้วนำ ผสมที่ได้มาพอกหน้า ครั้งที่ 2 เพื่อลดความมัน ให้ผมนุ่มสวยเงางาม มาขัดที่ผิว จะได้ขาวผ่อง บนใบหน้า โดยนำลูกมะกรูดไป เผาไฟก่อน แล้วคั้น เฉพาะน้ำมาหมักผม

เเปิปดิดแฟแชฟั่นชวััยนรุ่วนัยกรุุ่งนศอรียอุยธุธยยาา ขุ น ช้ า ง ขุ น แ ผ น พ ล า ย ง า ม พ ร ะ พั น ว ษ า

เปปิิดดแฟแชฟั่นชวััยนรุ่วนัยกรุ่งนศอรีอยุยธุธยยาา เ สื้ อ ผ้ า จุลมงกุฎ คือเครื่องประดับศีรษะทรงผม การสวมใส่เสื้อผ้า ในบริบทที่ ในสมัยโบราณ มีการไว้ผมยาวเกล้าผมสูง เป็นทางการหรือพิธีการ ไว้ตรงกลางกระหม่อม เรียกว่า “โซงโขดง” จะมีแขนยาว ลักษณะคอตั้ง ตามความเชื่อที่ว่า อินเดียโบราณวรรณะกษัตริย์ เสมือนคอจีน คอฉีก หรือคอกลม นิยมการเกล้าผมสูง ซึ่งถือว่าแสดงถึง กลัดกระดุม โดยในส่วนของคอตั้ง ความเป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจวาสนา จะมีการประดับตกแต่งด้วยดิ้นทอง การเกล้าผมสูงต้องมีการตกแต่ง ให้สวยงาม เช่น ใช้ดอกไม้ ที่มีลวดลาย ส่วนคอเสื้อ ประดับไว้บนศีรษะ สาบเสื้อด้านหน้า ต้นเเขนและปลายเเขน ร้อยพวงมาลัย จะประดับด้วยอัญมณี มีการนุ่งโจงกระเบน และสวมรัดรอบผมที่เกล้า แล้วเกี่ยวกระหวัดเข้าไว้ ทับสนับเพลา (กางเกง) ที่เรียกว่า “เกี้ยว” และสวมใส่รองเท้าปลายแหลม แล้วพัฒนาขึ้นเป็นวงดอกไม้ โดยโครงสร้างเสื้อทั้งสองลักษณะ ที่ทำด้วยโลหะ ได้แก่ ทอง เงิน นาค มักจะเป็นเสื้อที่ไม่มีวงแขน เป็นลักษณะคล้ายเสื้อตัวที่ T เจาะคอ รองเท้าปลายแหลม

เปปิิดดแฟแชฟั่นชวััยนรุ่วนัยกรุ่งนศอรีอยุยธุธยยาา ผ้าสมปัก ผ้าลายอย่าง ผ้ า ผ้าลายอย่าง เป็นผ้าแบบโบราณชนิด ผ้าสมปัก หรือบางที่เรียกผ้าสองปัก หนึ่ง เดิมมีกรรมวิธีทำขึ้นมาจากผ้าขาว หรือผ้าถมปัก คือผ้าที่ทอด้วยไหมเพลาะกลาง ธรรมดาก่อนโดยทอเป็นผืนผ้า ผืนผ้ามีสีและลวดลายต่างๆ เสร็จแล้วนำมาซักให้หมดแป้งหรือ ทำให้เนื้อแน่นแล้ววางขึงกับพื้นเรือน มีขนาดกว้างยาวกว่าผ้านุ่งธรรมดา มีแผ่นไม้เป็นแม่ลาย ใช้หมึกทาบน เพราะใช้เป็นผ้านุ่งโจงกระเบน แผ่นไม้ แล้วพิมพ์ลงบนผืนผ้า จนเต็มผืนแล้วนำไปย้อมสี ผ้าสมปักมีหลายชนิด ได้แก่ สมปักปูม สมปักล่องจวน สมปักลาย สมปักริ้ว เป็นต้น ผ้าสีจันทร์ ผ้าสีจันทร์ เป็นผ้าฝ้าย ชนิดหนึ่ง ซึ่งทอใช้กันมาตั้งแต่ สมัยโบราณ และแพร่หลาย ในอาณาจักรล้านนา สันนิษฐานว่า ชาวล้านนา คงเป็นผู้ทอขึ้นใช้เอง ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่คนธรรมดา ใช้นุ่งห่มที่นิยมมีอยู่ 2 ชนิด คือผ้าสีจันทร์ขาว และผ้าสีจันทร์แดง

จัดทำโดย นางสาวเนตรนภา ธรรมนิยม เลขที่ 13 นางสาวกนกรดา เย็นฤดี เลขที่ 30 นางสาวพิมพ์ศิริ พงษ์กลาง เลขที่ 32 นางสาวนันท์นภัส แย้มแพ เลขที่ 40 นางสาวอาทิตยา เเซ่เล้า เลขที่ 43 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/3 นำเสนอ คุณครูภัทรพร จันทร์เปรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook