Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore CAI ประถมศึกษาปลายรวม 10 รายวิชา

CAI ประถมศึกษาปลายรวม 10 รายวิชา

Published by paw2429, 2021-09-20 06:51:23

Description: CAI ประถมศึกษาปลายรวม 10 รายวิชา

Search

Read the Text Version

บทเรยี น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI ร ะ ดั บ ช้ั น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ศู น ย์ ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม อั ธ ย า ศั ย อา เ ภ อ ต า ก ใ บ สา นั ก ง า น ส่ ง เ ส ร มิ ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม อั ธ ย า ศั ย จั ง ห วั ด น ร า ธิ ว า ส นางสาวณฐั รดา ชูรกั ษ์ ตาแหนง่ ครูสอน

แ น ะ นา ว ิธี ใ ช้ 01 แนะนาการใช้ 02 01 คาสง่ั ปุ่มต่างๆ 04 02 03 ให้ผเู้ รียนศึกษาวิธีการใช้งาน 03 คลิกทีป่ ุม่ โฮม 05 ในระบบ 04 เพือ่ ยอ้ นกลับทีห่ น้าเมนูหลัก จุดประสงค์การเรยี นรู้ คลิกท่ีปุม่ 3 ขดี สีส้ม เพื่อยอ้ นกลับหน้าเลือกรายวชิ า ใหผ้ ู้เรีนน้นั ศกึ ษาจดุ ประสงค์ การเรียนรขู้ องบทเรียน คลิกที่ปุ่ม 3 ขดี สดี า เพ่ือยอ้ นกลับหน้าเลือกเน้ือหารายวชิ าน้ันๆ เนื้อหา คลิกท่ปี ุม่ นี้ ให้นักเรียนศกึ ษาหัวข้อท่ีสนใจตามเนือ้ หา เพอื่ ยอ้ นกลับและหน้าถัดไป ของบทเรยี น เกม นกั เรียนเข้าร่วมเลน่ เกม ภารกิจ พิชิตเหรยี ญ เพ่ือฝึกทกั ษะ เอกสารอา้ งอิง เรียนรทู้ ราบถงึ แหล่งของ เนอ้ื หา ท่มี า

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ผเู้ รยี น..................................... 01 ผเู้ รยี นได้ฝึกปฏิบตั ิ ....................... .......................... ........................................ 02 ผเู้ รยี น..................................... .......................... 03 04 ผเู้ รยี น..................................... ..........................

ผจู้ ดั ทา 01 นางสาวณฐั รดา ชูรกั ษ์ 02 ตาแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย 03 สอนรายวชิ าภาษาไทย 04 กศน.อาเภอตากใบ

MENU แ น ะ นา ก า ร ใ ช้ จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ก า ร เ ร ยี น รู้ เ น้ื อ ห า เกม เ อ ก ส า ร อ้ า ง อิ ง ผู้ จั ด ทา

คลิกเลือกรายวชิ า . . ภาษาไทย สุขศึกษาและพลศึกษา . . คณิตศาสตร์ ศิลปะ . . วทิ ยาศาสตร์ การงานอาชพี . . สังคมศึกษาฯ ภาษาอังกฤษ

รายวชิ าภาษาไทย ค ลิ ก เ ข้ า สู่ บ ท เ ร ยี น

เลือกเน้ือหาบทเรยี น . . ชนิดของคา ประโยค . สุภาษิตสานวนไทย

เร่อื ง ชนิ ดของคา คำในภำษำไทยมีท้ังหมด ๗ ชนดิ แต่ในบทนีจ้ ะศึกษำเพยี ง ๔ ชนดิ คำนำม คำสรรพนำม คำกรยิ ำ คำวิเศษณ์

คานาม คำนำม คือ คำท่ีใช้เรียกคน พชื สัตว์ สิ่งของ สถำนท่ี หรอื บอกลักษณะตำ่ ง ๆ แบ่งเป็น ๕ ชนิด (ในระดบั ชั้นนจ้ี ะเรยี นเพียง ๓ ชนดิ ) ไดแ้ ก่ ๑) คำนำมท่ัวไป (สำมำนยนำม) ใช้เรยี กคน พืช สตั ว์ สิ่งของ และสถำนทีท่ ี่ไมเ่ ฉพำะเจำะจง ๒) คำนำมช้เี ฉพำะ (วสิ ำมำนยนำม) ใช้เรยี กคน พืช สัตว์ สง่ิ ของ และสถำนที่ท่ีเฉพำะเจำะจง ๓) คำนำมบอกลกั ษณะ (ลักษณนำม) ใชบ้ อกลกั ษณะของคำนำมทอี่ ยขู่ ำ้ งหนำ้ มักอย่หู ลงั คำ บอกจำนวน

คา ส ร ร พ น า ม คำสรรพนำม คือ คำท่ใี ชแ้ ทนคำนำมเม่ือไม่ต้องกำรกลำ่ วซำ้ แบง่ เปน็ ๓ ชนิด ดงั นี้ ❑ สรรพนำมบรุ ุษที่ ๑ ใช้แทนผูพ้ ูด ❑ สรรพนำมบรุ ุษที่ ๒ ใช้แทนผ้ฟู ัง ❑ สรรพนำมบรุ ษุ ท่ี ๓ ใช้แทนผู้ถูกกลำ่ วถึง

คากรยิ า คำกรยิ ำ คือ คำท่แี สดงอำกำรของคน พชื สัตว์ หรือส่ิงของ แบ่งเปน็ ๒ ชนดิ ดังน้ี ๑. กรยิ ำที่ตอ้ งมีกรรมมำรบั ๒. กรยิ ำทไี่ ม่ตอ้ งมกี รรมมำรับ

คาวเิ ศษณ์ คำวิเศษณ์ คือ คำทีใ่ ชข้ ยำยคำนำม สรรพนำม และคำกริยำให้มคี วำมชดั เจนยิง่ ข้นึ เชน่ ❑ วเิ ศษณข์ ยำยนำม - เดก็ ดีต้องเคำรพผู้ใหญ่ ❑ วเิ ศษณ์ขยำยสรรพนำม - พวกเรำทัง้ หมดร่วมกันปลกู ตน้ ไม้ในโรงเรยี น ❑ วิเศษณข์ ยำยคำกริยำ – มำ้ วิ่งเร็ว

เร่อื ง ประโยค พยำงค์ คือ เสียงท่ีเปล่งออกมำจะมี ประโยค คือ การนาคาชนิดต่าง ๆ มาเรียง คำ คือ เสียงท่ีเปล่งออกมำแล้วมี หรือไม่มีควำมหมำยก็ได้ โดยพยำงค์ กันใหม้ ีใจความสมบรู ณ์ ควำมหมำย อำจมีพยำงค์เดียวหรือ หนึ่ง ๆ จะต้องประกอบด้วยเสียง ๑ ส่วนประกอบของประโยค หลำยพยำงคก์ ็ได้ พ ยั ญ ช น ะ ต้ น เ สี ย ง ส ร ะ เ สี ย ง ประโยคจะประกอบด้วย ๒ สว่ น วรรณยุกต์ และบำงครั้งอำจมีเสียง คือ ภาคประธาน และภาแสดง ตัวสะกดประสมอยดู่ ้วย ๒ ประโยค ๒ สว่ น ประโยค ๒ สว่ น คือ ประโยคท่ปี ระกอบดว้ ย ประธานและกริยา ไมต่ ้องมีคาอื่นมาขยาย ๓ ประโยค ๓ ส่วน ประโยค ๓ สว่ น คือ ประโยคทตี่ ้องนากรรม มาขยายว่าประธานกระทาต่อสง่ิ ใด

15 สุภาษิ ตสานวนไทยท่ีควรรู้ 1. สุกเอาเผากิน 6. ชา้ ๆ ได้พรา้ เล่มงาม 11. ขชี่ า้ งจบั ตัก๊ แตน 2. ผักชโี รยหน้า 7. คนล้มอยา่ ขา้ ม 12. จบั ปลาสองมอื 3. งมเขม็ ในมหาสมทุ ร 8. ก่ิงทองใบหยก 13. น้าขนึ้ ใหร้ บี ตัก 4. หัวล้านนอกครู 9. ปดิ ทองหลงั พระ 14. ชกั แมน่ า้ ทงั้ หา้ 5. ไมเ่ อาถ่าน 10. ปากวา่ ตาขยบิ 15. ตาน้าพรกิ ละลายแมน่ า้

หมายความว่า การทางานหรอื ทาอะไรสักอย่างแบบลวกๆ ให้พอเสรจ็ ส้ินและผ่านพ้นไป

หมายความวา่ การทางานหรอื ทาอะไรสักอย่าง แบบลวกๆ ให้พอเสรจ็ ส้ินและผ่านพ้นไป

หมายความวา่ การค้นหาอะไรบางอย่าง หรอื ทาส่ิง ที่ยากมากๆ เปรยี บเสมือนการงมหาเข็ม สักเลม่ ในมหาสมุทร

หมายความวา่ ไม่เชอ่ื ครูบาอาจารย์ ทานอกแบบ แผนท่ีสั่งสอนกันมา จนสุดท้ายได้รับ ความเดือดรอ้ น

หมายความวา่ การทาตัวเหลวไหล พ่ึงพาไม่ได้ ไม่ เอาใส่ใจในการเรยี น หรอื การทางาน

หมายความวา่ ไม่ควรรบี ร้อน คว รจะศึ กษาห า ข้อมูล หรอื ทบทวนให้รอบคอบ เพ่ือให้ งานออกมาดีท่ีสุด

หมายความวา่ ไม่ควรไปดูถูกคนท่ีตกต่า ล้มเหลว หรอื กาลังลาบากในชวี ติ

หมายความวา่ ผู้หญิงและผู้ชายที่เหมาะสมที่จะ ครองคู่กัน ท้ังรปู รา่ งหน้าตาและฐานะ

หมายความวา่ การทาความดีท่ีไม่ได้เปิดเผยต่อ ส า ธ า ร ณ ะ ห ร อื เ ปิ ด เ ผ ย ใ ห้ ผู้ อื่ น รับ รู้ เปรยี บเหมือนการปดิ ทองท่ีหลังองค์พระ

หมายความวา่ พ ฤ ติ ก ร ร ม ท่ี ป า ก กั บ ใ จ ไ ม่ ต ร ง กั น พูดอีกอยา่ ง แต่กลบั ทาอีกอยา่ ง

หมายความวา่ ก า ร ย อ ม ล ง ทุ น เ ป็ น จ า น ว น ม า ก เพ่ือทาส่งิ เล็กๆ แต่สุดท้ายก็ได้ไม่คุ้มทุน

หมายความวา่ การทาหรอื คาดหวังอะไรสองอย่าง พรอ้ มๆ กัน โดยไม่คานึงถึงความสามารถ ของตนเอง

หมายความวา่ เมื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา ให้รบี คว้าไว้ ก่ อนจะหลุดลอยไป เพราะโอกาสดี ๆ ไม่ได้มีบ่อยนัก

หมายความวา่ ก า รพู ดจ าห ว่ า น ล้ อม ให้ ยืด ยา ว ก่ อ น จ ะ บ อ ก จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ บ า ง อ ย่ า ง ที่ ต้องการ

หมายความวา่ ล ง ทุ น ล ง แ ร ง ใ น ก า ร ท า ส่ิ ง ใ ด สักอย่าง แต่สุดท้ายก็สูญเปล่า ไม่ได้อะไร กลับคืนมา

รายวชิ าคณิตศาสตร์ ค ลิ ก เ ข้ า สู่ บ ท เ ร ยี น

. เ ลื อ ก เ น้ื อ ห า บ ท เ ร ยี น ร า ย ว ชิ า ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ รอ้ ยละและจุดทศนิยม . . ทิศและแผนผงั ชนิดของรปู สามเหลยี่ ม . . การคณู เลขเรว็ มุม . สูตรการหาพนื้ ทแ่ี ละ ปรมิ าตรตา่ งๆ

กำรเขียนทศนยิ มไม่เกนิ สองตำแหน่งให้อยูใ่ นรูปรอ้ ยละ แปลงทศนิยมให้เป็นเศษส่วน โดยทศนิยมหนึ่งตำแหน่งจะเขียนได้ในรูป เศษส่วนที่มตี ัวส่วนเป็น 10 และทศนิยมสองตำแหน่งจะเขียนได้ในรูปเศษส่วนท่ีมีตัวส่วน เป็น 100 เช่น 0.6 = 6 ส่วน 10 9.0 = 90 สว่ น 10 0.03 = 3 สว่ น 100 6.25 = 625 ส่วน 100 0.67 = 67 สว่ น 100 ถ้ำเศษส่วนมีตัวส่วนเป็น 10 จะต้องทำส่วนให้เป็น 100 ก่อน โดยหำจำนวนนับ (10) มำคูณท้ังตัวเศษและตัวสว่ น แลว้ จึงเขียนใหอ้ ยู่ในรปู ร้อยละหรือเปอร์เซน็ ต์ ดงั นี้

กำรเขยี นร้อยละหรือเปอร์เซ็นตใ์ ห้อยใู่ นรูปทศนิยม ให้เขียนร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์ ใหอ้ ยู่ในรปู ของเศษสว่ นท่มี ตี วั ส่วนเปน็ 100 กอ่ นแลว้ จึงทำให้เปน็ ทศนยิ ม โดยกำรนำตัวเศษไปหำรตวั ส่วน ตำมหลักกำรหำรทว่ั ไป เชน่ รอ้ ยละ 7 = 7 ¸ 100 = 0.07 รอ้ ยละ 35 = 35 ¸ 100 = 0.35 รอ้ ยละ 35 = 200 ¸ 100 = 2.00 สรปุ ร้อยละหรอื เปอรเ์ ซน็ ตส์ ำมำรถเขยี นให้อยู่ในรูปทศนยิ มได้ โดยเขียนให้อยู่ในรูป เศษสว่ นที่มีตัวสว่ นเป็น 100 กอ่ น แลว้ จึงทำใหเ้ ปน็ ทศนยิ มสองตำแหน่ง

ชนดิ ของรปู สำมเหลีย่ ม มี 2 ชนิด 1. รปู สำมเหลี่ยมแบง่ ตำมลกั ษณะของด้ำน 2. รูปสำมเหล่ียมแบง่ ตำมลักษณะของมมุ

ชนดิ ของรปู สำมเหล่ยี มแบ่งตำมลักษณะของดำ้ น - รปู สำมเหลี่ยมที่มีดำ้ นทง้ั สำมด้ำนยำวเทำ่ กัน เรยี กกว่ำ \"สำมเหล่ียมด้ำนเท่ำ\" - รปู สำมเหลี่ยมท่มี ีด้ำนยำวเทำ่ กันสองดำ้ น เรยี กว่ำ \"สำมเหลี่ยมหนำ้ จวั่ \" - รูปสำมเหลีย่ มที่มดี ำ้ นทงั สำมยำวไม่เทำ่ กัน เรยี กวำ่ \"สำมเหลย่ี มดำ้ นไมเ่ ทำ่ \" สำมเหล่ียมด้ำนเทำ่ สำมเหล่ยี มหนำ้ จวั่ สำมเหล่ียมหน้ำจ่วั

นิยำมเรอ่ื งมมุ ตั ว อ ย่ า ง มมุ เกดิ จากรังสีสองรังสีมาพบกนั มมุ สว่ นของเสน้ ตรงสองเสน้ ที่มจี ุดปลายเปน็ จดุ เดียวกัน มุมแหลม จุดนีเ้ รยี กวา่ จดุ ยอดมมุ และรงั สีหรือส่วนของเส้นตรงแตล่ ะเส้นเรียกว่า แขนของมุม มุกฉาก มุมและชนิดของมมุ มุกกลับ มุมป้าน มุกฉำก คือ มมุ ท่มี ีขนาด 90 องศา มุมตรง มุมแหลม เป็นมมุ ที่มขี นาดเล็กกว่ามุมฉาก มมุ ปำ้ น เป็นมมุ ทมี่ ีขนาดใหญ่กว่ามมุ ฉากแต่ไม่ถงึ สองมมุ ฉาก มมุ ตรง เป็นมุมที่มขี นาดเปน็ สองเท่ารของมุมฉาก มมุ กลับ เปน็ มุมท่ีมีขนาดใหญ่กวา่ สองมุมฉาก แตเ่ ลก็ กว่าสีม่ ุมฉาก

ทศิ หลกั 4 ทศิ และทศิ ย่อยอกี 4 ทิศ ยงั มีชือ่ เรียกทิศเหล่ำนอี้ ีกแบบ คอื ทศิ เหนือ (อดุ ร) ทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนอื (อีสำน) 1 ทศิ เหนอื (อุดร) ทศิ ตะวนั ออก (บรู พำ) ทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ (อำคเนย)์ 8 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พำยัพ) 2 ทิศตะวันออกเฉยี งเหนือ ทิศใต้ (ทักษิณ) 7 ทิศตะวันตก (ประจิม) 3 ทิศตะวันออก (บรู พำ) ทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ (หรดี) 6 ทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ (หรด)ี 4 ทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ (อำคเนย์) ทศิ ตะวนั ตก (ประจมิ ) ทศิ ตะวันตกเฉียงเหนอื (พำยพั ) 5 ทิศใต้ (ทกั ษิณ)

ตวั อย่ำง กำรหำค่ำกำลงั สองของเลขท่ลี งทำ้ ยดว้ ย 5 เทคนิคกำรคดิ ลดั หำคำตอบไดอ้ ยำ่ งรวดเรว็ • ให้เอำ 5 ตวั ท้ำยคูณกันได้ 25 ตงั้ เป็นผลลัพธ์หลักหน่วยและหลักสิบไว้ก่อน (ถ้ำ หลักร้อยไม่มีให้เติม 0 ) • ให้เอำจำนวนท่ีอยู่หน้ำเลข 5 คูณด้วยจำนวนนับที่ต่อจำกตัวนั้น คูณกันได้ เท่ำใด เขียนเป็นผลลพั ธ์ตอ่ จำก 25 เป็นหลกั ร้อย และหลกั พันต่อไป.... ตวั อยำ่ ง 25 x 25 ให้เอำตัวทำ้ ยคือ 5x5 ได้ 25 ตง้ั ไว้ เอำ 2 ตัวหนำ้ คณู จำนวนนบั ท่ตี อ่ จำก 2 คอื 3 ได้ 6 นำไปวำงไว้ในหลักร้อยต่อจำก 25 เปน็ 625 ดังนั้น 25 x 25 = 625

1. สตู รกำรหำพน้ื ทสี่ ่ีเหลีย่ มจตั รุ สั = ด้าน x ดา้ น หรือ 1/2 x ผลคูณของเสน้ ทแยงมุม 2. สูตรกำรหำพนื้ ที่สี่เหลี่ยมผนื ผำ้ = กวา้ ง x ยาว 3. สตู รกำรหำพน้ื ที่สำมเหล่ียม = 1/2 x ฐาน x สูง 4. สตู รกำรหำพ้ืนท่ีสเี่ หลีย่ มขนมเปียกปนู = ฐาน x สูง หรอื 1/2 x ผลคณู ของเสน้ ทแยงมุม 5. สูตรกำรหำพ้นื ที่สเ่ี หลี่ยมด้ำนขนำน = ฐาน x สงู 6. สูตรกำรหำพืน้ ท่ีสเ่ี หลีย่ มรปู วำ่ ว = 1/2 x ผลคูณของเส้นทแยงมมุ 7. สูตรกำรหำพ้ืนทีส่ ่ีเหล่ียมดำ้ นไมเ่ ท่ำ = 1/2 x เสน้ ทแยงมมุ x ผลบวกของเส้นก่งิ = พาย x รศั ม2ี

9. สูตรกำรหำปรมิ ำตรทรงลูกบำศก์ = ดา้ น3 10. สตู รกำรหำปริมำตรทรงส่ีเหล่ียมมุมฉำก = กวา้ ง x ยาว x สูง 11. สูตรกำรหำปริมำตรทรงกลม = 4/3 x พาย x รัศม3ี 12. สูตรกำรหำปริมำตรทรงกระบอก = พาย x รศั ม2ี x สูง 13. สูตรกำรหำปริมำตรทรงกรวย = 1/3 x พาย x รศั มี2 x สูง 14. สูตรกำรหำปริมำตรปริซึม = พื้นทีฐ่ าน x สูง *พายมีคา่ เท่ากบั 22/7 หรอื 3.14

รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ค ลิ ก เ ข้ า สู่ บ ท เ ร ยี น

. เ ลื อ ก เ น้ื อ ห า บ ท เ ร ยี น ร า ย ว ชิ า ว ทิ ย า ศ า ส ต ร์ เมฆ . . ฝน หมอก . . ลูกเหบ็ นา้ คา้ ง . วัฏจกั รนา้

เกิดจำกไอน้ำในอำกำศไดร้ บั ควำมรอ้ นจำกดวงอำทิตยแ์ ล้วลอยตวั สงู ขน้ึ ข้ำงบนไปกระทบกบั อำกำศ เย็น ทำให้ไอน้ำเหล่ำน้ันกลัน่ ตัวกลำยเป็นละอองนำ้ เลก็ ๆ รวมตัวกันเป็นกลมุ่ ก้อนมีน้ำหนักเบำเกดิ เปน็ ก้อนเมฆ ชนิดของเมฆจำแนกตำมรูปรำ่ งและควำมสงู จำกพ้ืนดนิ ได้ ดงั น้ี 1. เมฆคิวลลู ัส จะเกดิ ในวนั ที่มอี ำกำศรอ้ น มีลกั ษณะเป็นกอ้ นหนำคล้ำยดอกกะหล่ำปลี 2. เมฆสเตรตสั (stratus) อำจกอ่ ให้เกิดฝน มลี กั ษณะเป็นแผ่นบำง สีขำวหรอื เทำ ลอยตวั ตำ่ ใกลพ้ ้ืนโลก บำงครง้ั เกิดเปน็ หย่อม 3. เมฆเซอร์รสั (cirrus) พบในวันที่ท้องฟำ้ โปรง่ มลี กั ษณะเป็นริ้วคล้ำยขนนก สีขำว ประกอบดว้ ยผลึก น้ำแข็ง อยู่สูงจำกพ้ืนโลก เมฆควิ ลูลัส เมฆสเตรตสั เมฆเซอรร์ สั

เกิดจำกไอน้ำในอำกำศกระทบกบั อำกำศที่ ซ่ึงมีฝุ่นละอองเป็นแกนกลำง มองเหน็ คล้ำยควันสขี ำว มักมองเหน็ ในตอนเชำ้ มดื ถ้ำมกี ำรรวมตัวกนั จนหนำมำก ๆ ในบรเิ วณหุบเขำ เรียกว่ำ ทะเลหมอก

เกิดจำกอำกำศที่มคี วำมช้ืนมำสัมผัสกับพน้ื ดิน ทำให้ไอน้ำในอำกำศกลั่นตัวเป็นหยด น้ำเกำะติดอยู่ตำมผิวหน้ำของวัตถุ เรำมักเห็นน้ำค้ำงได้บ่อยในตอนเช้ำตรู่ของฤดูหนำว ในเขต ภูมิอำกำศหนำว ตอนกลำงคืนอุณหภูมิลดต่ำลงมำก น้ำค้ำงที่เกิดขึ้นจะกลำยเป็น น้ำค้ำงแข็ง ติดอยู่ตำมพ้ืนดินและใบหญ้ำ น้ำค้ำงทำให้พื้นผิวหน้ำดินเกิดควำมชุ่มชื้นขึ้น ส่วนน้ำค้ำงแข็งถ้ำ เกดิ ตดิ ต่อกนั หลำยวันจะทำพืชไรแ่ ละผักตำ่ ง ๆ เสยี หำยได้

เกิดจำกกำรรวมตัวของไอน้ำ โดยจะต้องมีเมฆในปริมำณมำกเพียง พอท่ีจะทำให้ไอน้ำรวมตัวกันได้ น้ำฝนมีควำมสำคัญต่อส่ิงมีชีวิตในด้ำนกำร อุปโภคและบรโิ ภค ปริมำณน้ำฝนวัดได้โดยใช้เครื่องมืออย่ำงง่ำยที่สำมำรถทำข้ึนเองได้ แล้วนำไปเทียบกับเกณฑ์กำรวดั นำ้ ฝน (หน่วยเปน็ มิลลิเมตร)

คือ ก้อนน้ำแข็งกลม เกดิ จำกละอองน้ำฝนถูกลมพัดขึ้นไปจนถึง บริเวณที่เย็นจัด แล้วจับตัวเป็นก้อนตกลงมำเป็นลูกเห็บ ซึ่งทำให้เกิด ควำมเสยี หำย

คือ กำรหมุนเวียนของน้ำทอี่ ยู่ในโลกมีกำรเปล่ียนแปลงสภำพตำ่ ง ๆ วนเวียนเป็นวัฏจกั รโดยมกี ระบวนกำรเกิด ดังน้ี 1. ควำมร้อนจำกดวงอำทิตยท์ ำให้นำ้ บนพืน้ โลกระเหยกลำยเป็นไอ ลอยตวั ข้ึนในบรรยำกำศ 2. เมอื่ ไอน้ำลอยตวั ไปกระทบกบั ควำมเย็นในบรรยำกำศ จะกลน่ั ตวั เปน็ ละอองน้ำเลก็ ๆ จนเกิดเปน็ ก้อนเมฆ 3. เม่อื กลำยเป็นเมฆก้อนใหญ่ ไม่สำมำรถพยุงให้ลอยอยู่ได้ ละอองน้ำเหล่ำน้ันก็จะตกลงมำเป็นฝน ในเขตอำกำศเย็นจัด ละอองน้ำก็จะตกลงมำเป็นหิมะ 4. หยดนำ้ ฝนสว่ นหนงึ่ ไหลลงดนิ สว่ นหนึ่งไหลลงในแม่น้ำลำธำรเกดิ เป็นวฏั จักรวนเวียนกันอยู่เช่นนี้ไปเรอ่ื ย ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook