Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นานาความรู้ คู่มือการเรียนวิชาภาษาไทย ๓

นานาความรู้ คู่มือการเรียนวิชาภาษาไทย ๓

Published by Anawin090641, 2021-05-29 16:45:51

Description: นานาความรู้ คู่มือการเรียนวิชาภาษาไทย ๓

Search

Read the Text Version

๑๐๑เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ ๔) สัทพจน์ หมายถงึ คาเลียนเสียงธรรมชาติ ฝน ฟ้า ลม เสียงสัตว์ร้อง เสียงใบไม้เสียดสีกัน เสยี งระฆงั ดัง แลว้ นาถ้อยคาเหลา่ นน้ั มาใช้ทาให้เกิดภาพพจนไ์ ด้งา่ ยข้นึ เช่น วังเอ๋ยวงั เวง หงา่ งเหง่ง! ยา่ ค่าระฆงั ขาน ฝูงวัวควายผา้ ยลาทิวากาล คอ่ ยค่อยผา่ นท้องทุ่งมุ่งถนิ่ ตน ชาวนาเหน่ือยออ่ นตา่ งจรกลบั ตะวันลับอบั แสงทกุ แห่งหน ทิ้งทุง่ ให้มืดมัวทัว่ มณฑล และทิง้ ตนตูเปลีย่ วอย่เู ดยี วเอย กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ช้า : พระยาอปุ กิตศิลปสาร (นม่ิ กาญจนาชีวะ) ฝงู ลงิ ใหญน่ อ้ ยกระจุ้ย ชะนีอยุ่ อยุ้ ร้องหา ฝงู ค่างหวา่ งพฤกษา ค่างโจนไลไ่ ขวป่ ลายยาง พวาหนา ฝูงลิงยวบยาบตน้ เปล่าขา้ ง ฝูงชะนมี ่ีกหู่ า มาสู่ ฝงู ค่างหว่างพฤกษา โลดเล้ียวโจนปลวิ ครอกแครกไลไ่ ขว่คว้าง กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ๕) การใช้คาถามเชิงวาทศิลป์หรือปฏิปุจฉา คือ การใช้ถ้อยคาเป็นคาถามที่ไม่ต้องการ คาตอบ แต่ตอ้ งการเนน้ ให้คดิ หรือยอมรบั ความจรงิ เช่น อนั ของสงู แมป้ องต้องจติ ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤๅ ท้าวแสนปม : พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั กระน้ีหรอื ช่อื เสียงเกยี รตยิ ศ จะมิหมดลว่ งหนา้ ทนั ตาเหน็ นิราศภเู ขาทอง : พระสุนทรโวหาร (ภ)ู่

๑๐๒เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ๓.๓ การเล่นคา หมายถึง การนาถ้อยคามาเล่นพลิกแพลงให้เกิดความหมายพิเศษ เกิดภาพ เกิดเสียงไพเราะ เป็นวิธีการที่นิยมใช้ในวรรณคดี เพื่อให้เกิดศิลปะในการใช้ถ้อยคา มีท้ังเล่นคาพ้องรูป คาพอ้ งเสยี ง คาหลากความหมาย การซา้ คา เป็นตน้ การซ้าคา คือ การใช้คาเดียวกนั ซา้ ๆ เพื่อเนน้ ความหมาย เช่น สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้าพระเนตรเธอโศกา จงึ ตรสั ว่าโอโ้ อ๋เวลาปานฉะนี้เอย่ จะมิดึกดนื่ จวนจะส้ินคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายราเพย พัดมารี่เร่ือยอยู่เฉ่ือยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดท่ีแม่จะติดตาม เจ้าไปในยามน้ี ฝูงลิงค่างบ่างชะนีท่ีนอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ย้ัวเย้ีย ท้ังนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุก รวงรัง แต่แมเ่ ที่ยวเซซงั เสาะแสวงทุกแห่งหอ้ งหมิ เวศ ท่ัวประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สดุ โสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสาเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่าเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าท่ีแม่จะเย้ืองย่องยกย่างลง เหยียบดิน กส็ ดุ ส้นิ สดุ ปญั ญาสดุ หาสดุ ค้นเห็นสดุ คิด จะได้พานพบประสบรอยพระลกู น้อยแต่สกั นิดไมม่ ีเลย ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี : เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ๓.๔ การเล่นเสียง หมายถึง การนาเสียงสัมผัสพยัญชนะ สัมผัสสระ และเสียงวรรณยุกต์ มาใช้ เพอ่ื ให้เกดิ ความไพเราะ และแสดงความสามารถของกวี ๑) เล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะ คือ การใช้เสียงพยัญชนะต้นเสียงเดียวกันหลาย ๆ พยางค์ ในวรรคหรือบทเดยี วกนั เชน่ แจ้วแจว้ จักจ่นั จ้า จบั ใจ หร่ิงหร่ิงเร่อื ยเรไร ร่าร้อง แซงแซวส่งเสียงใส ทราบโสต แหนงนิ่งนกึ นชุ นอ้ ง นิ่มเน้ือนวลนาง นริ าศสพุ รรณ : พระสนุ ทรโวหาร (ภ่)ู แถวโน้นกแ็ กว้ เกดพิกุลแกมกับกาหลง รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี : เจ้าพระยาพระคลงั (หน)

๑๐๓เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ๒) เลน่ เสียงสัมผัสสระ คือ การใช้สัมผสั สระหลายพยางค์ติดกนั เชน่ เจา้ เคยเคียงเรยี งหมอนนอนแนบขา้ งทุกราตรี ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม์ ัทรี : เจา้ พระยาพระคลัง (หน) คอกควายวัวรวั เกราะเปาะเปาะ! เพยี ง รูว้ ่าเสยี งเกราะแว่วแผว่ แผ่วเอย กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า : พระยาอปุ กิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ๓) เล่นเสียงวรรณยุกต์ คอื การใช้คาที่มีเสียงวรรณยุกตต์ ่างกนั เพ่ือใหเ้ กิดความไพเราะ หรือ เพ่อื เนน้ ความ เช่น กลองทองตีครมุ่ คร้ืม เดินเรยี ง ท้าตะเติงเตงิ เสยี ง ครมุ่ ครื้น เสยี งป่ีรี่เรื่อยเพียง การเวก แตรน้ แตร่นแตรฝร่ังข้นึ หว่หู วู่เสยี งสังข์ กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศร ๔. คุณค่าด้านสังคม คือ ภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่สะท้อนมาจากวรรณคดี และวรรณกรรมโดยกวีนิยมแทรกไว้ในเน้ือเรื่อง เช่น ประเพณี ความเช่ือ ค่านิยม ความเป็นอยู่ การประกอบ อาชีพ วรรณคดีและวรรณกรรมจึงเป็นเสมือนกระจกสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคสมัย ซ่ึงเป็นหลักฐาน ท่บี อกเล่าเรื่องราวในอดีตแกค่ นรนุ่ หลงั ได้เป็นอย่างดี ตัวอยา่ งคุณคา่ ด้านสงั คมที่ปรากฏในเสภาเรอ่ื ง ขนุ ชา้ ง-ขนุ แผน ครั้นร่งุ เชา้ ขึน้ พลันเปน็ วันดี ทองประศรจี ดั เรือกัญญาใหญ่ เอาขันหมากลงบรรทุกขลุกขล่ยุ ไป หามโหรใี สท่ ้ายกัญญา ขนั หมากเอกเลือกเอาทรี่ ปู สวย นงุ่ ยกห่มผวยจบั ผวิ หนา้ ก็ออกเรือดว้ ยพลนั ทนั เวลา ครู่หน่ึงถงึ ท่าศรปี ระจนั เสภาเรือ่ ง ขุนชา้ ง-ขนุ แผน : พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั เนื้อเรื่องขุนช้าง-ขุนแผนในตอนน้ีกล่าวถึงการจัดขบวนขันหมากซึ่งแห่ไปทางเรือ และพิธีสู่ขอตาม ประเพณไี ทยของชาวบา้ นในสมยั นัน้ เมื่อผู้อ่านวรรณคดีได้ศึกษาก็จะเกิดความเข้าใจสภาพสังคม วิถีชีวิต และ ประเพณขี องคนไทย

๑๐๔เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ คุณค่าของวรรณกรรมทอ้ งถ่ิน วรรณกรรมท้องถ่ินเป็นภูมิปัญญาไทยที่น่าภาคภูมิใจ ประเทศไทยมีวรรณกรรมท้องถ่ินทุกภาค วรรณกรรมท้องถ่ินจานวนมากจารึกไว้บนใบลาน สมุดข่อย สมุดสา หนังสือบุด ซ่ึงวรรณกรรมเหล่า นี้จะถ่ายทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน มีการส่ือสารด้วยภาษาถิ่นที่ใช้กันในระหว่ างคนในท้องถ่ินนั้น ๆ วรรณกรรมท้องถิ่นจึงนับเป็นเอกลักษณ์สาคัญทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้วรรณกรรมท้องถ่ิน มีหลากหลายประเภท เชน่ นทิ าน นยิ าย ปริศนาคาทาย เพลงพืน้ บา้ น เพลงกลอ่ มเด็ก วรรณกรรมท้องถ่ินไม่เพียงแต่จะทาหน้าที่เป็นบันทึกบอกเล่าสภาพสังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น หากวรรณกรรมท้องถิ่นยังมีคุณค่าด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่ควรจะได้เข้าใจ และนาไปเปน็ แนวทางในการอนรุ กั ษส์ มบัติทางวรรณศิลปข์ องชาตติ อ่ ไป ซึ่งคุณค่าของวรรณกรรมท้องถ่ินที่พบ มีดงั นี้ ๑. ภาษาถิ่น วรรณกรรมท้องถิ่นมีการใช้ภาษาประจาแต่ละท้องถ่ินเป็นส่ือกลางระหว่างผู้แต่งกับ ผู้อ่าน วรรณกรรมท้องถิ่นหลายเร่ือง เช่น ค่าวซอเรื่องหงส์หิน ซ่ึงเป็นวรรณกรรมทางภาคเหนือที่คนไทย ภาคเหนือนยิ มกนั มาก มกี ารใช้ภาษาถิ่นเหนอื เชน่ บห่ ันผูค้ น ตูบปางโคน่ ยบั หลุหล่มเส้ียงทาลาย หนั หมายถงึ เห็น ตูบ หมายถึง กระท่อม หลหุ ล่ม หมายถึง ลม้ พัง เส้ียง หมายถึง หมดส้ิน ไมเ่ หลอื การสอดแทรกคาภาษาถิ่นน้ีทาใหเ้ หน็ วา่ วรรณกรรมของแต่ละท้องถนิ่ ย่อมมีคาเฉพาะถ่นิ นน้ั และย่อม สอดคล้องกับค่านยิ มหรือวิถชี วี ติ ของคนในท้องถ่ิน ดังนั้น วรรณกรรมท้องถ่ินภาคอน่ื ก็มีลักษณะของคาหรือ ภาษาถ่นิ ปรากฏร่วมอย่ดู ว้ ยเชน่ กนั ๒. สานวนท้องถ่ิน นอกจากวรรณกรรมท้องถิ่นจะมีคาภาษาถ่ินแล้ว วรรณกรรมบางเร่ืองยังได้ สอดแทรกสานวนประจาท้องถิน่ ด้วย ทาใหผ้ ู้อา่ นสามารถเรยี นรู้ชีวิตผ่านสานวนท้องถ่ินที่มาจากวรรณกรรมได้ เช่น ล้านนามีสานวน กบกินเดือน หมายถึง จันทรุปราคา หรือราหูอมจันทร์ สานวน กบกินตาวัน หมายถึง สุริยุปราคา จากสานวนนี้จะเห็นว่า ล้านนาใช้คาว่า “เดือน” แทนคาว่าพระจันทร์ และใช้คาว่า “ตาวัน” แทนคาว่าพระอาทิตย์ ในภาษาไทยภาคกลาง นอกจากนี้ยังมีสานวนบางสานวน ท่ีต้องการกล่าวสอน และมักจะพบในวรรณกรรมอยู่เสมอ เช่น น้าอ้อยพอกสะเลียม หมายถึง การพูดให้รู้สึกดี แต่มีลักษณะ ที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง หรือสานวนพูดแบบคล้องจองกัน เช่น ไพร่ยุค้า ข้ายุขาย หมายถึง ไพร่ฟ้า ขา้ แผน่ ดนิ สามารถทามาค้าขายไดอ้ ย่างสะดวก

๑๐๕เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ ๓. ฉันทลักษณ์ท้องถิ่น วรรณกรรมท้องถิ่นมีความแตกต่างจากวรรณกรรมประจาชาติ คือ ฉันทลักษณ์มีรูปแบบเฉพาะของแต่ละท้องถิ่น เช่น ค่าวซอของภาคเหนือ ลาหรือกลอนลาของภาคอีสาน ความแตกต่างของฉันทลักษณ์ในวรรณกรรมนี้ทาให้ผู้อ่านสามารถเรียนรู้ถึงลักษณะคาประพันธ์ที่นามาใช้ ในวรรณกรรมแตล่ ะทอ้ งถิ่นได้ ข้อสังเกต คือ ฉันทลักษณ์ของวรรณกรรมท้องถ่ินมักจะไม่นิยมรูปแบบท่ีซับซ้อน รวมท้ังคาศัพท์ ในวรรณกรรมกเ็ ปน็ คาศัพทท์ ี่ง่ายตอ่ การจาหรืออา่ นออกเสียง ๔. การให้ความบันเทิง ความรู้ และข้อคิด วรรณกรรมท้องถ่ินมีลักษณะท่ีคล้ายคลึงกับวรรณกรรม ประจาชาติ คือ มีทั้งวรรณกรรมเร่ืองยาว วรรณกรรมคาสอน วรรณกรรมบทเพลง หน้าที่ของวรรณกรรม ท้องถ่ินจึงตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในด้านให้ความบันเทิง ซ่ึงมีการสอดแทรกประเพณีท้องถิ่นด้วย เช่น ในภาคอีสานมีประเพณีการเล่านิทานในงานศพ เรียกว่า บุญงันเฮือนดี หรือภาคเหนือก็มีประเพณีน้ี เช่นกันเรียกว่า เล่าเจี้ย นอกจากผู้มาร่วมงานศพจะไม่เศร้าโศกเพราะได้รับความเพลิดเพลินจากการฟังนิทาน แล้วยังเรยี นร้ปู ระเพณีการเลา่ นทิ านดว้ ย ขณะเดยี วกันผูอ้ า่ นอาจจะไดร้ บั ความร้จู ากเกร็ดความรู้ประจาท้องถ่ินจากวรรณกรรมที่อ่านหรือได้ฟัง เช่น วรรณกรรมท้องถ่ินทางอีสานเรื่อง ท้าวขูลูนางอ้ัว คนอีสานรวมท้ังผู้อ่านวรรณกรรมเร่ืองน้ีจะทราบว่าใน ตอนท้ายของเร่ืองท้าวขูลูและนางอั้วน้ันได้ส้ินชีวิตและกลับมาเกิดใหม่เป็นพันธ์ุไม้และแมลงที่คู่กัน เมื่อคน อสี านพบแมลงปีกแข็งชนดิ หน่งึ สีดาท่ชี อบบินอยู่คู่กับดอกไม้ป่าสีชมพู ในป่าท่ีค่อนข้างรก คนอีสานจึงมักเรียก แมลงชนดิ น้นั วา่ แมงขูลู ส่วนดอกไม้ปา่ สีชมพูก็เรียกว่าดอกนางอั้ว เหล่าน้ีเป็นเกร็ดความรู้ท่ีผู้อ่านจะได้รับจาก วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ วรรณกรรมท้องถ่ินไม่ได้ทาหน้าที่ให้ความบันเทิงเท่าน้ัน หากยังมีจุดมุ่งหมายในการอบรมส่ังสอน ให้ข้อคิดแก่ผู้อ่านอีกทางหน่ึงด้วย กล่าวคือ วรรณกรรมท้องถิ่นส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นนิทาน นิยาย และสอนผ่านตัวละคร ตลอดจนสอดแทรกคาสอนในเน้ือเร่ือง เช่น ภาคกลางมีปลาบู่ทอง นางสิบสอง แก้วหน้าม้า โสนน้อยเรือนงาม ภาคเหนือมีช้างโพงนางผมหอม เจ้าสุธน นางแตงอ่อน หงส์เหิน ภาคอีสาน มีท้าวขูลูนางอ้ัว ท้าวสีทน สินไซ ท้าวผาแดงนางไอ่ กาพร้าผีน้อย กาละเกด และภาคใต้มีวันคาร วรวงศ์ นางสัปดน (นางแก้วหน้าม้า) สุบินกุมาร ชาลวัน ตัวอย่างวรรณกรรมเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทางศาสนา มคี ติสอนใจคอื การทาดไี ดด้ ี ทาชว่ั ไดช้ ่วั ความคิดเรอ่ื งกรรม เมื่อมงี านบญุ งานมงคล งานอวมงคลในท้องถน่ิ จงึ นมิ นต์พระสงฆ์มาสวด เทศน์ หรือแหล่วรรณกรรม เรื่องเหล่าน้ีเพื่อให้ชาวบ้านที่มาร่วมงานได้รับบุญด้วย นอกจากวรรณกรรม นิทาน นิยายแล้ว ยังอาจจะมี สุภาษิตคาสอนประจาท้องถิ่นซ่ึงก็ถือว่าเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นประเภทหน่ึงที่มีจุดมุ่งหมายเพ่ือกล่าวสอน โดยตรง ไม่ได้กล่าวสอนโดยอ้อมเหมือนกับวรรณกรรม นิทาน นิยาย รวมท้ังตาราต่าง ๆ ท่ีจดบันทึกเกี่ยวกับ เร่ืองราว ตานาน หรอื ความรู้ภมู ปิ ญั ญาของคนในท้องถ่นิ ดว้ ย

๑๐๖เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ ๕. การมีบทบาทสาคัญต่อสังคม วรรณกรรมท้องถ่ินเป็นส่ือกลางระหว่างวัดกับชาวบ้าน รวมท้ัง ส่งเสริมการสืบสานวรรณกรรม วัดคือท่ีชุมนุมของชาวบ้าน เม่ือถึงเวลางานบุญตามเทศกาลต่าง ๆ วัดจะเป็น ศูนย์รวมชาวบ้านท่ัวท้ังท้องถ่ิน การท่ีชาวบ้านมาวัดไม่ได้หมายถึงแต่การมาเพื่อทาบุญรับพรจากพระเท่านั้น หากยังมารับฟังคาสอนหรือเทศนาจากพระเพื่อนาไปประพฤติปฏิบัติ ดังนั้น พระสงฆ์จึงมักนาเรื่องราว วรรณกรรมท้องถ่ินที่มีเน้ือหาเกี่ยวกับศาสนามาเทศนา เพื่อช้ีให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษท่ีมาจากการกระทา เช่น เรื่องทศชาติหรือพระเจ้าสิบชาติ การนาเร่ืองราววรรณกรรมท้องถิ่นมาดัดแปลงให้เป็นเร่ืองเกี่ยวกับ ศาสนานั้นย่อมทาให้ผู้ฟังได้รับท้ังคติธรรมและได้รับอานิสงส์จากการฟัง และเมื่อชาวบ้านฟังแล้วก็ย่อมจดจา และนาไปบอกเล่าสูล่ ูกหลาน ทาให้วรรณกรรมท้องถ่นิ เร่อื งนัน้ ๆ ยังคงสืบสานตอ่ ไปในท้องถิ่น ๖. การเป็นบ่อเกิดศิลปะ วรรณกรรมท้องถิ่นหลายเร่ืองเป็นท่ีมาของจิตรกรรม เช่น เรื่องทศชาติ หรือพระเจ้าสบิ ชาติ มักนยิ มนามาวาดเปน็ ภาพจิตรกรรมฝาผนงั เพอ่ื เผยแผพ่ ุทธประวัติ ในภาคเหนือน้ันก็มีการ นานิทานพ้ืนบ้านมาถ่ายทอดเป็นภาพจิตรกรรม เช่น สุวรรณหอยสังข์หรือสังข์ทอง จันทคาธ (จันทรคราส) ภาคอสี าน เชน่ สินไซ พระลักพระลาม พระเวสสันดรชาดก การนาวรรณกรรมท้องถ่ินมาถ่ายทอดลงเป็นภาพ น้นั ทาใหผ้ ้ทู ่มี าชมสามารถเขา้ ใจวรรณกรรมท้องถนิ่ ได้มากขึน้ นอกจากนี้ คุณค่าสาคัญที่สุดของวรรณกรรมท้องถ่ิน คือ การสร้างจิตสานึกให้คนในท้องถิ่นรู้จัก หวงแหนและอนุรักษ์สมบัติของชาติ เพราะวรรณกรรมท้องถ่ินน้ันคือตัวแทนของสมบัติวรรณศิลป์ ในแต่ละ ท้องถ่ิน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งบรรพชนได้สร้างไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม สมควรท่ีเยาวชนไทยควรรักษาและสืบทอดวรรณกรรมท้องถิ่นด้วยการอนุรักษ์วรรณกรรมต่าง ๆ เหล่าน้ี และควรเรียนรู้ภาษาถิ่นเพ่ือจะได้เข้าใจวรรณกรรมท้องถ่ินให้มากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่ ภมู ิปญั ญาไทยไวใ้ หล้ กู หลานในอนาคต

๑๐๗เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร โคลงภาพพระราชพงศาวดารท่ีคัดมาให้นักเรียนได้ศึกษามี ๒ เรื่อง คือ โคลงประกอบรูปที่ ๑๐ แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ. ๒๐๙๑ - ๒๑๑๑) ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง เป็นภาพเขียนฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวดั ติวงศ์ ได้รับรางวัลท่ี ๓ โคลงประกอบรูปที่ ๕๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต พระนิพนธ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์) ภาพพันท้ายนรสิงหถ์ วายชีวติ เขียนโดยนายทอง (พระวรรณวาดวจิ ติ ร) ไดร้ ับรางวลั ท่ี ๑๑ ปัจจุบันภาพท้งั สองประดับอยู่ ณ พระที่น่ังวโรภาษพมิ าน พระราชวังบางปะอนิ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ท่ีมาของเรือ่ ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ท่ีจะสรรเสริญพระเกียรติคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ รวมท้ังเชิดชูเกียรติข้าราชการที่มีความกล้าหาญ เสียสละ ซ่ือสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อหน้าที่และจงรักภักดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างเขียนที่มีฝีมือเขียนรูปตาม พระราชพงศาวดาร โดยทรงเลือกสรรเรื่องในพระราชพงศาวดารและทรงพระราชนิพนธ์โคลงประกอบภาพ บางภาพด้วยพระองค์เอง บางภาพก็โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการที่มีความสามารถ ในการประพันธ์แต่งถวาย ภาพตามพระราชพงศาวดารท่ีโปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึนมีท้ังหมด ๙๒ ภาพ และโคลงประกอบภาพมีจานวน ๓๗๖ บท ซงึ่ สรา้ งเสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๔๓๐

๑๐๘เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้กล่าวถึงพระราชประสงค์ท่ีพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวโปรดเกลา้ ฯ ให้จดั ทาโคลงภาพพระราชพงศาวดารไวใ้ นรา่ ยนาโคลง สรปุ ได้ดังน้ี ๑. เพ่ือสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ท่ีมี พระมหากรณุ าธิคณุ ตอ่ ประเทศชาติอย่างใหญห่ ลวง ๒. เพ่ือเชิดชเู กียรติวีรบุรุษวีรสตรที ีก่ ล้าหาญและกตญั ญตู อ่ แผ่นดิน ๓. เพ่อื บารงุ และสง่ เสริมฝมี อื ชา่ งไทยไวใ้ ห้ปรากฏ ๔. เพื่อส่งเสริมนักปราชญ์ให้แสดงความสามารถในการแต่งคาประพันธ์และเชิดชูเกียรติยศให้ ปรากฏสืบ บทวเิ คราะห์ ๑. คณุ ค่าดา้ นเน้ือหา โคลงภาพพระราชพงศาวดารมีคุณค่าด้านเนื้อหาท่ีเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในแผ่นดิน สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และแผ่นดินสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) ท่ีมีภาพจิตรกรรม ตามพระราชพงศาวดารประดับไว้ ณ พระที่นั่งวโรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน แสดงให้เห็นถึง ความกลา้ หาญและความเสยี สละของวรี สตรีและวรี บุรษุ ของไทยได้อย่างชัดเจน โคลงพระสุริโยทัยขาดคอช้าง แต่งเป็นโคลงสี่สุภาพจานวน ๖ บท กล่าวถึงสมเด็จพระสุริโยทัย พระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ทรงแต่งพระองค์เป็นพระมหาอุปราชทรงช้างตามเสด็จพระสวามี ไปในกองทัพเพื่อประเมินกาลังกองทัพของพม่า ขณะที่ช้างทรงของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิประจันหน้า กับชา้ งทรงของพระเจา้ แปรแม่ทพั หนา้ ของพม่า ชา้ งทรงของสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิเสียที พระเจ้าแปรจึงขับ ช้างไล่พระคชาธารของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิอย่างกระชั้นชิด สมเด็จพระสุริโยทัยเห็นพระสวามีกาลัง อยู่ในอันตรายจึงทรงไสช้างของพระองค์เข้าขวางช้างข้าศึกทันที ช้างทรงพระเจ้าแปรได้ทีเสยช้างทรง สมเด็จพระสุริโยทัย พระเจ้าแปรจึงจ้วงฟันถูกพระอังสา (ไหล่) สมเด็จพระสุริโยทัยขาดสะพายแล่งจนถึง พระอุระ (อก) ส้ินพระชนม์กับคอช้าง พระราชโอรสท้ังสองพระองค์ คือ พระราเมศวรและพระมหินทราธิราช รบี ขับช้างเขา้ กันพระศพพระราชมารดากลบั พระนคร

๑๐๙เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ โคลงพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต แต่งเป็นโคลงส่ีสุภาพจานวน ๔ บท กล่าวถึงวีรกรรมของ พันท้ายนรสิงห์ซึ่งอยู่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือหรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ใน พ.ศ. ๒๒๔๗ สมเด็จพระเจ้าเสือเสด็จพระราชดาเนินทางชลมารคเพื่อไปทรงเบ็ดตกปลาที่ปากน้าเมืองสาครบุรี เมื่อ เรือพระที่นั่งเอกไชยมาถึงตาบลโคกขาม คลองช่วงนั้นคดเคี้ยวมาก เรือพระที่น่ังจึงชนกิ่งไม้ทาให้โขนเรือหัก ตกลงในน้า พันท้ายนรสิงห์ซึ่งทาหน้าท่ีเป็นนายท้ายเรือกราบทูลให้ทรงตัดศีรษะของตนตามพระราชกาหนด เพ่ือแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สมเด็จพระเจ้าเสือจะพระราชทานอภัยโทษเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยอม พระองค์จึงโปรดจะให้ป้ันรูปพันท้ายนรสิงห์แล้วฟันรูปปั้นน้ันแทน พันท้ายนรสิงห์ ก็ไม่ยอมเพราะจะเป็นการฝืนประเพณีและทาให้พระราชกาหนดไม่ศักดิ์สิทธ์ิ สมเด็จพระเจ้าเสือจึงจาต้อง มีพระบรมราชโองการให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจและประกาศความกล้าหาญ ความเสียสละ ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี และความจงรกั ภักดีตอ่ พระมหากษตั รยิ ์ของพันทา้ ยนรสงิ ห์ ๒. คณุ คา่ ด้านแนวคิด โคลงภาพพระราชพงศาวดารมีคุณค่าด้านแนวคิด ที่สะท้อนผ่านตัวละคร เนื้อหา เหตุการณ์ท่ีปรากฏ ในเรื่อง โดยแนวคิดสาคัญของวรรณคดีเรื่องนี้ คือ ความกล้าหาญและความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ของวรี ชนในอดตี โคลงพระสุริโยทัยขาดคอช้าง สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญและความเสียสละของ สมเด็จพระสุริโยทัยที่พร้อมจะปกป้องสมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระสวามี และประเทศชาติ จนเป็นเหตุให้ พระองค์สน้ิ พระชนม์บนคอช้าง พระเกียรติคุณของพระองค์ยังคงอยู่ และเป็นแบบอย่างให้แก่ชนรุ่นหลังสืบไป ดงั คาประพนั ธว์ ่า ขนุ มอญรอ่ นง้าวฟาด ฉาดฉะ ขาดแล่งตราบอุระ หรบุ ดน้ิ โอรสรีบกันพระ ศพสู่ นครแฮ สญู ชีพไปส่ ญู ส้นิ พจน์ผ้สู รรเสรญิ

๑๑๐เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ โคลงพนั ทา้ ยนรสงิ หถ์ วายชีวติ สะท้อนใหเ้ ห็นถงึ ความกลา้ หาญและความเสียสละของพันท้ายนรสิงห์ ท่ียอมสละชวี ิตเพอื่ รกั ษาความศกั ดสิ์ ิทธิข์ องกฎหมาย ดังคาประพันธ์ว่า ภูบาลบาเหนจ็ ให้ โทษถนอม ใจนอ พนั ไมย่ อมอย่ยู อม มอดมว้ ย พระโปรดเปลยี่ นโทษปลอม ฟันรูปแทนพ่อ พนั กราบทูลทัดดว้ ย ทา่ นทงิ้ ประเพณี ๓. คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ โคลงพระสุริโยทัยขาดคอช้าง มจี ุดเดน่ ในดา้ นการใชถ้ ้อยคาทีท่ าให้เหน็ ภาพ ดงั นี้ ๑. ภาพกองทัพอนั ยิ่งใหญ่ จอมรา มัญเฮย บุเรงนองนามราชเจา้ ย่งิ แกล้ว สามสิบ หมื่นแฮ ยกพยหุ แสนยา หยุดใกล้นครา มอญม่านประมวลมา ถงึ อยธุ เยศแล้ว ๒. ภาพการสู้รบอนั นา่ ตน่ื เตน้ โรมรนั กนั เฮย คชไท้ พลไกรกองนา่ เรา้ หลงั แล่น เตลติ แฮ ชา้ งพระเจ้าแปรประจัญ หวดิ ทา้ ยคชาธาร สารทรงซวดเชผนั เตลงขบั คชไลใ่ กล้ ๓. การใช้ภาพพจน์ให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจต่อการส้ินพระชนม์ของสมเด็จพระสุริโยทัยที่ทรง เสยี สละกลา้ หาญและจงรกั ภกั ดเี ป็นอย่างยิง่ ขนุ มอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ ขาดแลง่ ตราบอรุ ะ หรุบดนิ้ โอรสรบี กนั พระ ศพสู่ นครแฮ สญู ชพี ไปส่ ญู สนิ้ พจน์ผูส้ รรเสริญ

๑๑๑เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ โคลงพันทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชีวิต ดเี ด่นในดา้ นการใช้ถ้อยคา ดังนี้ ๑. การเล่นเสยี งสัมผัสพยญั ชนะ เชน่  คลองคดโขนเรอื ค้าขัดไมห้ ักสลาย  พนั ไมย่ อมอยูย่ อมมอดม้วย  ศาลสบื กฤติคณุ เคา้ คติไว้ในสยาม ๒. ถ้อยคาที่กวนี ามาร้อยเรียงในแต่ละบาทของโคลงมีความกระชับทาให้ได้เน้ือความครบถ้วน ชัดเจน เชน่ ภบู าลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ พนั ไมย่ อมอยู่ยอม มอดม้วย พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม ฟนั รูปแทนพ่อ พันกราบทูลทดั ด้วย ท่านทงิ้ ประเพณี จากคาประพนั ธข์ ้างต้นโคลงบทเดียวสามารถเล่าเรื่องราวได้ท้ังหมด รวมท้ังสามารถเล่าเหตุการณ์ ประวตั ศิ าสตร์ท้งั หมดในเรื่องพนั ทา้ ยนรสิงหถ์ วายชวี ิตได้ด้วยโคลงส่ีสุภาพเพยี ง ๔ บท นับวา่ เป็นความสามารถ ในการใช้ถ้อยคาของกวี ๔. คุณคา่ ดา้ นสังคม โคลงภาพพระราชพงศาวดารมีคุณค่าด้านสังคมท่ีกวีได้สอดแทรกไว้ในวรรณคดี ท้ังในด้านค่านิยม เก่ียวกบั สตรไี ทย ประเพณกี ารทาศึกสงคราม และวัฒนธรรมการเมืองการปกครอง ดงั น้ี ๑. ค่านิยมเก่ียวกับสตรีไทยในสมัยก่อน จากโคลงพระสุริโยทัยขาดคอช้าง สะท้อนให้เห็นว่าสตรีไทย ในสมัยกอ่ นมีความจงรักภักดี และความกตัญญูต่อสามี ซึง่ ถอื เปน็ คณุ สมบัตสิ าคัญสาหรบั ผู้เป็นภรรยา ๒. ประเพณีการทาสงครามท่ีรับมาจากอินเดีย ท่ีมีชื่อเรียกว่า ยุทธหัตถี หรือการชนช้าง ดังที่ปรากฏ ในโคลงพระสรุ ิโยทัยขาดคอชา้ ง เปน็ การทาสงครามบนหลังช้างตามประเพณีโบราณของกษัตริย์ โดยเหตุการณ์ ในเร่ืองเป็นการทายุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระสุริโยทัยกับพระเจ้าแปรใน พ.ศ. ๒๐๙๑ ท่ีทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ๓. กฎมณเฑียรบาล เป็นกฎหมายฉบับหน่ึงท่ีใช้ปกครองในสมัยอยุธยา ดังท่ีปรากฏในเรื่องโคลง พนั ทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวิต ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ี ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) จากเหตุการณ์ ในเรื่องแม้พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานอภัยโทษให้แต่พันท้ายนรสิงห์กลับเลือกสละชีวิตเพ่ือรักษาไว้ซ่ึง ความศักดิส์ ิทธิ์แห่งกฎมณเฑียรบาล

๑๑๒เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ความรูจ้ ากวรรณคดี โคลงภาพพระราชพงศาวดารทง้ั ๒ เรื่องใหค้ วามรู้ ดังนี้ ๑. สมเด็จพระสุริโยทัยทรงสละพระชนม์ชีพ เพ่ือช่วยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิซ่ึงเป็นพระสวามี ในการทาศึกกบั พระเจา้ แปรแมท่ ัพหนา้ ของพมา่ สมัยอยธุ ยา ๒. พันท้ายนรสิงห์ข้าราชการในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้สละชวี ติ เพ่ือรกั ษาประเพณแี ละพระเกียรตขิ องพระมหากษัตรยิ ์ ๓. การทาศึกสงครามในสมัยอยุธยาพระมหากษัตริย์จะเป็นผู้นาทัพด้วยพระองค์เอง นิยมใช้ช้าง เป็นพาหนะ ส่วนอาวธุ ทีใ่ ชม้ ี งา้ ว ดาบ หอก ทวน ฯลฯ ๔. การเดนิ ทางในสมัยอยธุ ยานิยมใชท้ างนา้ ๕. ผู้ท่ีมีความจงรกั ภักดี ความเสยี สละเพือ่ พระมหากษตั ริยแ์ ละแผ่นดินจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ข้อคดิ นาชีวิต ๑. ทุกคนสามารถแสดงความจงรักภักดีและตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ และคุณของแผ่นดินได้ตามโอกาสท่ีเหมาะสม ดังเช่น สมเด็จพระสุริโยทัยแสดงความกตัญญูด้วยการสละ พระชนม์ชีพของพระองค์ เพ่ือรักษาพระชนม์ชีพของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ส่วนพันท้ายนรสิงห์แสดง ความจงรกั ภักดดี ้วยการสละชีวิตเพ่อื รักษาพระเกยี รติของพระมหากษัตริย์ ๒. เราควรกล้าท่ีจะทาความดแี ละเสยี สละเพื่อสว่ นรวมตามกาลงั ความสามารถ ความรู้เพิ่มเติม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรม ราชนิ ี พระองคเ์ สดจ็ ขนึ้ ครองราชยข์ ณะมพี ระชนมพรรษา เพยี ง ๑๕ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชอันเป็นที่รักของประชาชน ใน พ.ศ. ๒๕๔๖ องค์การเพ่ือการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศพระเกียรติคุณให้พระองค์ทรงเป็นบุคคลสาคัญ ของโลกผ้มู ผี ลงานดีเดน่ ๖ ด้าน ได้แก่ ดา้ นการศึกษา วฒั นธรรม สังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา การพัฒนาสังคม และการสื่อสาร พระราชนิพนธ์ที่สาคัญ เช่น บทละครเรื่อง เงาะป่า พระราชพิธีสิบสองเดือน ไกลบ้าน ลิลิต นิทราชาครติ

๑๑๓เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ หลักศลิ าจารึก หลักที่ ๑ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง เป็นวรรณคดีท่ีบันทึกลงบนแท่งศิลา เช่ือว่า ด้านที่ ๑ บันทึกไว้ต้ังแต่ รัชสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ผู้อ่านหลักศิลาจารึก คือ ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ชาวฝร่ังเศส และ ศาสตราจารย์ฉา่ ทองคาวรรณ รูปแบบตัวอักษรท่ีจารึกในหลักศิลาเป็นอักษรสมัยโบราณ เรียกว่า อักษรพ่อขุนรามคาแหง ซึ่งพระองค์ทรงประดิษฐ์อักษรไทย เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ ซึ่งบันทึกเป็นร้อยแก้ว ใช้ประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ซับซอ้ น ใชค้ าไทยโบราณ มีสัมผัสคลอ้ งจอง การศึกษาศลิ าจารึกทาใหไ้ ดเ้ รียนรวู้ ิวฒั นาการของภาษา ทมี่ าของเรอื่ ง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๖ ขณะที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผนวชอยู่ได้เสด็จธุดงค์ไปทางเหนือ และทรงพบหลักศิลาจารึกที่เมืองสุโขทัย ลักษณะของศิลาจารึกหลักน้ีเป็นแท่งศิลารูปส่ีเหลี่ยมยอดแหลม ปลายมน สูง ๑ เมตร ๑๑ เซนติเมตร มีคาจารึก ๔ ด้าน ด้านที่ ๑ และด้านท่ี ๒ มีจารึกด้านละ ๓๕ บรรทัด สว่ นด้านท่ี ๓ และด้านที่ ๔ มจี ารึกดา้ นละ ๒๗ บรรทดั เน้ือเร่ืองย่อ ข้อความในศิลาจารึกพ่อขนุ รามคาแหงแบง่ ได้ ๓ ตอน แต่ละตอนมีเนอื้ ความ ดังน้ี ตอนท่ี ๑ ต้ังแต่ด้านท่ี ๑ บรรทัดที่ ๑-๑๘ กล่าวถึงพระราชประวัติของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ในข้อความระบุพระนามของพระราชบิดา พระราชมารดา และพระเชษฐา จากน้ันกล่าวถึงวีรกรรมในการรบ ของพระองค์ที่ทาให้พระเกียรติเลื่องลือ ตลอดจนพระราชจริยวัตรอันงดงามที่ทรงปฏิบัติต่อพระราชบิดา ตราบจนพระราชบิดาสวรรคต จึงทรงปฏิบัติต่อพระเชษฐาด้วยความจงรักภักดี เช่นเดียวกัน เมื่อพระเชษฐา สวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ข้อความตอนน้ี มีผู้สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง เน่ืองจากใช้คาสรรพนามแทนพระองค์ว่า “กู” ซึ่งข้อความตอนนี้นักเรียน จะได้ศึกษาตอ่ ไป

๑๑๔เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ตอนที่ ๒ ต้ังแต่ด้านท่ี ๑ บรรทัดท่ี ๑๘ ถึงด้านท่ี ๓ บรรทัดที่ ๑๐ กล่าวถึงเหตุการณ์บ้านเมือง และความเจริญรุ่งเรืองในสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช มีการค้าเสรี กฎหมายมรดก การร้องทุกข์โดยตรง ต่อพระราชา บรรยายวิถีชีวิตคนไทย เช่น การถือศีล ทาบุญ ในตอนที่ ๒ น้ีไม่ปรากฏใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ แล้ว แต่ออกพระนามแทนวา่ “พอ่ ขนุ รามคาแหง” ตอนที่ ๓ ต้ังแต่ด้านที่ ๓ บรรทัดที่ ๑๐ ถึงด้านท่ี ๔ บรรทัดสุดท้าย กล่าวถึงพระราชกรณียกิจ และพระเกียรติคุณของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช พระองค์โปรดให้ช่างสร้างพระแท่นมนังคศิลาบาตร ประดิษฐานไว้กลางดงตาล ทรงใช้สาหรับประทับว่าราชการ และให้พระสงฆ์ใช้เป็นธรรมาสน์แสดงธรรม แก่ประชาชนในวันธรรมสวนะ พระองค์ทรงปกครองโดยธรรม ขยายอาณาเขตกว้างขวาง และบ้านเมือง อดุ มสมบรู ณ์ ปัจจุบันศิลาจารึกหลักท่ี ๑ จัดแสดงอยู่ทพ่ี พิ ิธภัณฑสถานแห่งชาตพิ ระนคร กรงุ เทพมหานคร

๑๑๕เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ คาอา่ นศลิ าจารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง ด้านที่ ๑ บรรทัดท่ี ๑-๑๘ เฉพาะท่เี ลา่ พระราชประวัติ ของพอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช โดยแบง่ วรรคตอนใหม่ตามทรรศนะของนักวิชาการ พ่อกูชือ่ ศรีอนิ ทราทติ ย์ แม่กชู ่ือนางเสอื ง พ่กี ชู ่ือบานเมือง ตพู น่ี อ้ งทอ้ งเดียวหา้ คน ผู้ชายสาม ผหู้ ญงิ โสง พ่ีเผือผอู้ า้ ยตายจากเผือเตยี มแตย่ งั เล็ก เม่ือกูขน้ึ ใหญ่ไดส้ ิบเก้าเขา้ ขนุ สามชนเจ้าเมืองฉอดมาท่เมืองตาก พอ่ กูไปรบขุนสามชน หวั ซา้ ยขุนสามชนขับมา หัวขวาขุนสามชนเกล่ือนเข้า ไพร่ฟา้ หน้าใสพอ่ กูหนีญญา่ ยพายจแจ้น กูบ่หนี กขู ่ีช้างเบกพล กูขบั เขา้ ก่อนพ่อกู กูต่อช้างด้วยขนุ สามชน ตนกพู ุ่งชา้ งขุนสามชนตวั ช่อื มาสเมืองแพ้ ขุนสามชนพา่ ยหนี พ่อกจู ึงขึน้ ชอ่ื กชู ือ่ พระรามคาแหง เพื่อกูพงุ่ ชา้ งขุนสามชน เม่ือชว่ั พ่อกู กบู าเรอแกพ่ ่อกู กูบาเรอแก่แม่กู กไู ดต้ ัวเน้ือตวั ปลา กเู อามาแก่พ่อกู กูไดห้ มากส้มหมากหวานอันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู กไู ปตหี นังวังชา้ งได้ กเู อามาแกพ่ ่อกู กไู ปทบ่ ้านทเ่ มืองไดช้ า้ งไดง้ วง ได้ปั่วไดน้ าง ไดเ้ งือนได้ทอง กเู อามาเวนแก่พอ่ กู พอ่ กตู ายยังพ่ีกู กูพรา่ บาเรอแกพ่ ่ีกูด่งั บาเรอแก่พ่อกู พ่ีกตู ายจ่ึงไดเ้ มืองแก่กูท้ังกลม...

๑๑๖เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ บทวิเคราะห์ ๑. คณุ ค่าดา้ นเน้อื หา เนือ้ หาในศิลาจารึก หลักท่ี ๑ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไทยอย่างยิ่ง เพราะได้บันทึกพระราชประวัติ ของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ตลอดจนพระเกียรติประวัติในการรบ พระราชจริยวัตรอันงดงามในการ ปรนนบิ ัตพิ ระราชบิดา พระราชมารดา ครั้นเมื่อพระราชบิดาเสด็จสวรรคตก็ทรงปรนนิบัติต่อพระเชษฐาด้วยดี ตลอดมา จนกระท่ังเสด็จข้ึนครองราชย์ จัดได้ว่าศิลาจารึก หลักท่ี ๑ เป็นหลักฐานสาคัญทางประวัติศาสตร์ แสดงวัฒนธรรมของชาติ และวิถีการดารงชีวิตของชาวเมืองได้เป็นอย่างดี ทาให้เกิดความปล้ืมปีติ และภาคภูมิใจในบา้ นเมอื งสโุ ขทัยสมัยน้ัน ตัวอยา่ ง การกลา่ วถงึ พระราชประวัติของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ดงั ขอ้ ความว่า  พ่อกูชอื่ ศรีอนิ ทราทิตย์ แม่กูชอื่ นางเสือง พ่ีกชู ่ือบานเมือง ตพู นี่ อ้ งทอ้ งเดียวห้าคน ผูช้ ายสาม ผู้หญิงโสง พระเกียรตปิ ระวัตใิ นการรบ ดงั ข้อความว่า  กตู อ่ ช้างด้วยขนุ สามชน ตนกุพุ่งชา้ งขนุ สามชนตวั ช่ือมาสเมืองแพ้ ขนุ สามชนพ่ายหนี สาเหตุที่ทรงไดช้ ่ือวา่ พระรามคาแหง ดงั ข้อความวา่  พอ่ กจู งึ ขึ้นช่อื กชู ือ่ พระรามคาแหง เพอ่ื กูพงุ่ ช้างขุนสามชน พระราชจริยวัตรท่ีงดงามของพระองค์ คือ ทรงดูแลพระราชบิดาและพระราชมารดา ตลอดถึง พระเชษฐา ดังข้อความว่า  เมื่อชวั่ พ่อกู กบู าเรอแกพ่ ่อกู กบู าเรอแกแ่ มก่ ู  กไู ด้หมากสม้ หมากหวานอันใดกินอร่อยกนิ ดี กเู อามาแกพ่ ่อกู  ไดป้ ั่วไดน้ าง ไดเ้ งือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกตู ายยงั พี่กู กูพร่าบาเรอแก่พี่กูด่งั บาเรอแก่พ่อกู จะเห็นไดว้ า่ เปน็ การแสดงความกตัญญูกตเวทีอยา่ งเหน็ ได้ชดั ซ่ึงเปน็ ตัวอย่างทด่ี ีแก่เยาวชนรนุ่ หลงั

๑๑๗เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ๒. คุณคา่ ด้านแนวคิด ศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง ตอนท่ีนักเรียนศึกษา มีคุณค่าด้านแนวคิดที่สะท้อนจากเนื้อหา คือ ความกล้าหาญและความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่จาเป็นสาหรับทุกคน ไม่ว่าเป็นชนช้ันปกครองหรือประชาชน ทัว่ ไป เช่น ความกลา้ หาญ เดด็ เดย่ี วในการทาศกึ สงคราม ซึง่ เปน็ ตวั อย่างทดี่ ขี องนกั ปกครอง ดงั ขอ้ ความว่า  กูขีช่ ้างเบกพล กูขบั เขา้ ก่อนพ่อกู กตู ่อช้างด้วยขุนสามชน ตนกพู งุ่ ช้างขนุ สามชนตวั ชือ่ มาสเมืองแพ้ ขนุ สามชนพ่ายหนี ความกตญั ญูกตเวทีทีพ่ ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรงมีต่อพระราชบดิ า พระราชมารดา และพระ เชษฐา ดังขอ้ ความวา่  เมอื่ ช่วั พ่อกู กูบาเรอแกพ่ ่อกู กบู าเรอแกแ่ ม่กู และ  พ่อกตู ายยงั พกี่ ู กูพรา่ บาเรอแก่พี่กูด่งั บาเรอแก่พ่อกู ๓. คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ การใชค้ าไทยง่าย ๆ มีสัมผสั คลอ้ งจอง มีการซา้ คา และมีจงั หวะของถ้อยคา ดงั ข้อความว่า  กไู ด้ตัวเนื้อตวั ปลา กเู อามาแก่พอ่ กู  กูไปตหี นงั วงั ชา้ งได้ กูเอามาแกพ่ ่อกู  กูไปทบ่ ้านทเ่ มืองไดช้ า้ งได้งวง ไดป้ ั่วได้นาง ไดเ้ งือนได้ทอง กเู อามาเวนแก่พอ่ กู ประโยคในศิลาจารกึ หลกั นี้ มกั เปน็ ประโยคความเดยี วหรอื ประโยคสามัญไมซ่ ับซ้อน ดงั ตวั อยา่ ง  พอ่ กูช่อื ศรีอินทราทิตย์  พอ่ กไู ปรบขนุ สามชน  กบู ห่ นี  กตู ่อช้างด้วยขุนสามชน ๓. การใช้ภาษาคาโดดซึ่งเป็นคาไทยแท้ เช่น พ่อ พ่ี แม่ กู ปลา การใช้ภาษาโบราณ เช่นคาว่า อ้าย ในกฎหมายตราสามดวง หมายถึง คาใช้เรียกลูกชายคนท่ี ๑ ว่าลูกอ้าย หมาก หมายถึง ผลไม้ แพ้ หมายถึง ชนะ (ความหมายเดิม)

๑๑๘เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ๔. คุณค่าดา้ นสังคม ศิลาจารึกพ่อขนุ รามคาแหงตอนท่ีนกั เรยี นศึกษา สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่และสภาพบ้านเมืองในสมัย สโุ ขทยั หลายประการ เชน่ ๑. ความอุดมสมบูรณข์ องธรรมชาติ เห็นไดจ้ ากข้อความว่า  กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กเู อามาแก่พอ่ กู กูไดห้ มากส้มหมากหวานอันใดกินอร่อยกนิ ดี กเู อามาแกพ่ ่อกู แสดงใหเ้ ห็นว่ามสี ัตวบ์ ก สัตว์นา้ และผลไม้ต่าง ๆ อย่างสมบรู ณ์ นอกจากน้ยี ังสะทอ้ นว่า คนในสมยั น้ันใชช้ วี ติ อยกู่ ับธรรมชาติ ๒. การทาศึกสงครามเพ่ือปกปอ้ งดนิ แดนและขยายอาณาเขต เหน็ ไดจ้ ากข้อความว่า  เม่อื กูข้ึนใหญ่ได้สิบเก้าเข้า ขนุ สามชนเจ้าเมอื งฉอดมาท่เมืองตาก  กไู ปทบ่ ้านท่เมืองได้ช้างไดง้ วง ได้ป่ัวไดน้ าง ไดเ้ งือนได้ทอง ๓. การสืบราชสันตติวงศ์หรือการสืบทอดราชสมบัติข้ึนเป็นพระมหากษัตริย์ จะสืบทอดจากพ่อ ไปสลู่ ูกหรือจากพ่ีไปส่นู ้องทเ่ี ปน็ ชายเทา่ นน้ั เหน็ ได้จากข้อความว่า  พอ่ กตู ายยงั พี่กู กูพรา่ บาเรอแกพ่ ่ีกูดัง่ บาเรอแก่พ่อกู พ่ีกูตายจง่ึ ไดเ้ มืองแก่กูท้งั กลม ความรู้จากวรรณคดี ๑. ไดค้ วามรเู้ กี่ยวกับเหตกุ ารณท์ างประวตั ศิ าสตรค์ ือ พระราชประวัตขิ องพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ๒. ไดศ้ กึ ษาววิ ฒั นาการของตัวอักษรสมัยพอ่ ขุนรามคาแหงมหาราชทแ่ี ตกต่างจากปัจจบุ ัน ๓. ได้ความรู้เก่ียวกับการปฏิบัติตนและหน้าท่ีท่ีดีของบุตรในการปรนนิบัติดูแลบุพการี และการเป็น นอ้ งชายทีด่ ี ปฏบิ ตั ิตนดีตอ่ พช่ี าย ๔. ได้ความรเู้ กย่ี วกบั สภาพบา้ นเมืองสุโขทัยว่าชาวเมอื งมคี วามสุขสมบรู ณ์ ๕. ไดเ้ หน็ แบบอยา่ งทด่ี ที ง้ั ในดา้ นครอบครัวและการปกครองบา้ นเมืองของพอ่ ขนุ รามคาแหง มหาราช ข้อคิดนาชวี ติ ๑. ลูกควรแสดงความกตญั ญูกตเวทีต่อพ่อแม่ และปรนนบิ ัติดูแลในขณะท่ีทา่ นยังมชี ีวิตอยู่ ๒. เราควรเอือ้ อาทรตอ่ ญาติพี่น้อง มีนา้ ใจช่วยเหลือแบ่งปันกนั ๓. คนไทยตอ้ งกล้าหาญและเสียสละเพอื่ แผน่ ดินไทย ตามบทบาทและหน้าที่ของตน

๑๑๙เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ บทเสภาสามคั คเี สวก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทเสภาสามัคคีเสวกเม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๗ บทเสภาส่วนใหญ่จะใช้ขับลานาโดยมีกรับเป็นเคร่ืองประกอบจังหวะ แต่เดิมเล่าเร่ืองราวเป็นนิทาน ต่อมาต้องการใหส้ นกุ สนานมีชีวิตชีวามากข้ึน จึงนาเร่ืองเล่าหรือนิทานเหล่าน้ันผูกข้ึนเป็นบทกลอนใช้ขับเสภา บทเสภาท่ีมีชื่อเสียง คือ เสภาเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน ซึ่งผูกเป็นเร่ืองขนาดยาว แต่บทเสภาสามัคคีเสวก เป็นบทเสภาขนาดส้ันมี ๔ ตอน แต่ละตอนมุ่งเสนอแนวคิดมากกว่าการเล่าเร่ือง โดยมีแนวคิดสาคัญในเรื่อง ความสามคั คีและความจงรกั ภักดีต่อชาตแิ ละพระมหากษตั รยิ ์ ท่ีมาของเร่อื ง สาเหตุที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทเสภาสามัคคีเสวกน้ี พระองค์ได้ทรงอธิบายว่าในระหว่างทรงพักผ่อนท่ีพระราชวังสนามจันทร์ได้มีการจัดเล้ียงกัน เจ้าพระยา ธรรมาธิกรณาธิบดีทูลขอให้พระองค์คิดการเล่นหน่ึงอย่าง พระองค์จึงทรงคิดผูกระบาสามัคคีเสวกโดยไม่มี บทรอ้ ง มแี ต่พิณพาทย์บรรเลง ในระหว่างพักตอนของการเล่นระบา จึงทรงพระราชนิพนธ์บทเสภาข้ึนสาหรับ ขับระหวา่ งตอน เพ่อื ใหพ้ ณิ พาทยไ์ ดพ้ ักบา้ ง เนื้อเรื่องยอ่ บทเสภาสามัคคีเสวกมี ๔ ตอน แสดงแนวคิดยกย่องเทพเจ้าต่าง ๆ และแสดงให้เห็นถึงความสามัคคี และความจงรักภกั ดตี อ่ พระมหากษตั ริย์ เนื้อเรอื่ ง ๔ ตอนมดี งั น้ี ตอนท่ี ๑ กิจการแห่งพระนนที กล่าวสรรเสริญพระนนทีว่าเป็นเทพเสวกที่ถือเป็นตัวอย่างของเสวก ท่ีดี โดยพระนนทีทาหน้าที่รับใช้พระอิศวรอย่างซ่ือสัตย์ เช่น แปลงเป็นโคอุสุภราชให้พระอิศวรประทับ เม่ือเสร็จหน้าที่ก็กลับเป็นเทพตามเดิม เมื่อขับเสภาจบ เป็นการจับระบา ซึ่งมีเรื่องราวว่าพระอิศวรและ พระอุมาเสด็จออกให้เทวดาเฝ้า ขณะน้ันมียักษ์ไล่จับนางฟ้า พระนนท่ีทาหน้าท่ีปราบยักษ์ ชาระความและ ขบั ไล่ไป จากนนั้ พระอินทร์และทา้ วจตุโลกบาลจึงออกมาเฝ้าพระอิศวร

๑๒๐เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ตอนที่ ๒ กรีนิรมิต กล่าวสรรเสริญพระคเณศเทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา เป็นผู้สร้างช้างตระกูลต่าง ๆ จับระบาโดยช้าง ๘ ตระกูล ซึ่งประจาทิศทั้ง ๔ ถวายบังคมพระคเณศแล้วเริงระบา ยักษ์ออกมาไล่จับช้าง พระคเณศสู้กับยักษ์ และขับไล่ยักษ์ไปได้ พระคเณศจึงมอบช้างให้ท้าวโลกบาล และมีกระบวนแห่ พระยาชา้ งเผือก ตอนที่ ๓ วิศวกรรมา กล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรมเทพผู้ให้กาเนิดการก่อสร้างและช่างนานาชนิด การแสดงระบาเริ่มด้วยพระวิศวกรรมออกมารา นางวิจิตรเลขาออกมาราทาท่าวาดภาพและพระรูปการมารา ทาท่าปัน้ รปู ปดิ ท้ายด้วยระบานพรัตน์ ตอนท่ี ๔ สามัคคีเสวก กล่าวถึงความสามัคคีในหมู่ราชเสวก ให้ยึดม่ันจงรักภักดี แล้วจับระบา ราชเสวก ๒๘ หมู่ แต่งกายเต็มยศเดินแถวสวนสนามจนครบ จากน้ันทุกคนออกมาร้องเพลง แสดงความจงรักภกั ดี บทวิเคราะห์ บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมา ๑. คณุ ค่าดา้ นเน้ือหา บทเสภาสามัคคีเสวกเป็นบทสาหรับขับอธิบายนาเรื่องในการฟ้อนราตอนต่าง ๆ มีจุดมุ่งหมาย เพ่ือกล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรมผู้เป็นเทพแห่งการช่างทั้งปวง พระวิศวกรรมน้ันมีความเชี่ยวชาญในการช่าง ต่าง ๆ ดงั คาประพนั ธว์ ่า เธอฉลาดชานิชานาญในการช่าง ถว้ นทุกอย่างเอื้อเฟอ้ื เพื่ออปุ ถัมภ์ บารงุ แดนดินด้วยศลิ ปกรรม ให้แลลา้ ล้วนอร่ามและงามงอน บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา กล่าวถึงช่างสาขาต่าง ๆ เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างก่อสร้าง ช่างทอง ช่างเงิน ชา่ งถม ช่างอัญมณี ดงั คาประพันธ์วา่ ท้งั ชา่ งป้ันช่างเขียนเพียรวชิ า อกี ชา่ งสถาปนาถูกทานอง ทั้งช่างรปู พรรณสวุ รรณกิจ ชา่ งประดิษฐ์รัชดาสงา่ ผ่อง อีกชา่ งถมลายลักษณะจาลอง อกี ช่าชองเชงิ รตั นประกร

๑๒๑เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ โดยสรุปเน้ือหากล่าวถึงประโยชน์ของวิชาการช่างศิลปกรรมว่าเป็นสิ่งสาคัญอันวิเศษ และทาให้ เจริญตาเจริญใจ ชาติท่ีไมม่ ีชา่ งสรา้ งสรรค์ศลิ ปะเหมือนสตรีที่ไม่งามสง่า ดงั คาประพนั ธ์ว่า  อันชาติใดไร้ช่างชานาญศลิ ป์ เหมอื นนารินไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า  ศิลปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก ชว่ ยบรรเทาทกุ ข์ในโลกใหเ้ ดอื ดหาย จาเริญตาพาใจใหส้ บาย อกี รา่ งกายกจ็ ะพลอยสขุ สราญ  เพราะการชา่ งน้สี าคญั อนั วเิ ศษ ทกุ ประเทศนานาทัง้ น้อยใหญ่ จงึ ยกยอ่ งศิลปกรรมน์ นั้ ท่ัวไป ศรวี ไิ ลวลิ าสดีเป็นศรเี มือง สุดท้ายกลา่ วถงึ คนทีด่ ถู ูกชา่ งก็เหมอื นคนป่าไมม่ คี วามเจรญิ ไม่นา่ คบหาสมาคม ดังคาประพันธ์ว่า ใครดูถูกผชู้ านาญในการช่าง ความคดิ ขวางเฉไฉไมเ่ ขา้ เร่ือง เหมอื นคนป่าคนไพรไมร่ ุ่งเรือง จะพดู ดว้ ยนัน้ กเ็ ปลืองซ่งึ วาจา บทเสภานี้จบด้วยการเชิญชวนให้คนไทยส่งเสริมการช่าง เพื่อให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ทัดเทียม อารยประเทศ ดงั คาประพนั ธ์ว่า แม้พวกเราชาวไทยตงั้ ใจชว่ ย เอออานวยชา่ งไทยใหท้ าของ ชา่ งคงใฝ่ใจผูกถกู ทานอง และทาของงามงามข้ึนตามกาล ในทสี่ ดุ กจ็ ะเป็นผลดตี ่อประเทศชาติ ดังคาประพันธว์ ่า เราช่วยช่างเหมือนอยา่ งช่วยบ้านเมือง ให้ประเทืองเทศไทยอนั ไพศาล สมเป็นเมอื งใหญโ่ ตมโหฬาร พอไมอ่ ายเพ่ือนบ้านจึงจะดี ๒. คณุ ค่าดา้ นแนวคดิ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา มีคุณค่าด้านแนวคิด คือ ศิลปกรรมของไทยเป็นมรดก ท่ีสะท้อนถึงความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของชาติ จึงควรค่าแก่การบารุงรักษาช่างไทย และศิลปกรรม ของไทยให้ย่งั ยนื สบื ไป ๓. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน วิศวกรรมา มกี ารใช้ถ้อยคา ดังนี้ ๑. การใชค้ างา่ ยๆ ส้ันๆ ทาใหเ้ ขา้ ใจได้ทนั ที เช่น  จาเรญิ ตาพาใจให้สบาย อกี รา่ งกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ  ช่วยบารุงช่างไทยใหถ้ าวร อย่าให้หยอ่ นกว่าเขาเราจะอาย

๑๒๒เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ ๒. การใช้โวหารเปรียบเทยี บเชิงอุปมา เช่น เหมอื นนารนิ ไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า จะพดู ดว้ ยนั้นก็เปลอื งซ่ึงวาจา  อันชาติใดไร้ชา่ งชานาญศลิ ป์  เหมือนคนป่าคนไพรไมร่ งุ่ เรือง ๔. คุณค่าดา้ นสังคม บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา มีคุณค่าด้านสังคม โดยสะท้อนวัฒนธรรมด้านศิลปกรรม ของไทยท่ีควรคา่ แก่การอนุรกั ษ์ โดยยกตัวอย่างงานชา่ งศิลป์ไทย อาทิ ช่างป้ัน ช่างเขียน ช่างก่อสร้าง ช่างทอง ช่างเงิน ช่างถม และช่างอัญมณี สิ่งเหล่าน้ีล้วนแต่เป็นคุณค่าทางวัฒนธรรมท่ีตกทอดมาจากบรรพบุรุ ษ ชนรุ่นหลงั ควรศึกษา สัง่ สม และสบื สานตอ่ ไป ความรจู้ ากวรรณคดี ๑. ความรู้เก่ียวกบั การช่างสาขาต่าง ๆ เชน่ ช่างเขยี น ชา่ งทอง ชา่ งปั้น ๒. การช่างมีคุณค่าทาให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง มีความงดงาม ผู้พบเห็นสบายตาสบายใจ คลายความ เศร้าหมอง ทกุ ประเทศจงึ ยกยอ่ งศิลปกรรม ข้อคิดนาชีวิต ๑. ศลิ ปกรรมทาใหโ้ ลกสดใสสวยงามและแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ๒. เราควรยกย่องวิชาชีพช่าง และช่วยกันบารุงช่างไทยให้รุ่งเรือง เพื่อให้ประเทศพัฒนาทัดเทียม อารยประเทศ ๓. ในฐานะที่เป็นคนไทยควรศึกษางานช่างของไทยตามความรู้ความสามารถของตน และควรฝึกหัด การชา่ งท่สี นใจเมอ่ื มโี อกาส

๑๒๓เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน สามคั คเี สวก ๑. คุณค่าด้านเนอื้ หา บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก กล่าวถึงคุณลักษณะของข้าราชบริพารท่ีต้องมีความ ขยันหม่ันเพียร ซ่ือสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม มีความรับผิดชอบในหน้าท่ีของตน มีวินัย ปฏิบัติ ตามคาส่ังของเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชา มีความสามัคคี และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เพราะพระองค์ เปรียบเสมอื นบดิ าบังเกิดเกลา้ ดงั คาประพันธว์ ่า ประการหน่ึงพึงคิดในจติ ม่นั ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว จากนัน้ จึงเปรียบขา้ ราชบริพารเหมือนลกู เรอื ต้องเคารพเชื่อฟังกัปตนั เรือ ดงั คาประพนั ธว์ า่ แมล้ ูกเรือเช่ือถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขนั คอยตั้งใจฟงั บังคับกัปปิตนั นาวาน้ันจ่ึงจะรอดตลอดทะเล ในตอนสดุ ทา้ ยกลา่ วถงึ หน้าท่ีของข้าราชบริพารวา่ ควรมีวินัย รักษาหน้าที่ ไม่เลือกที่รักมักท่ีชัง และให้ สามัคคีปรองดองกนั ดังคาประพนั ธว์ า่ เหล่าเสวกตกท่ีกะลาสี ควรคดิ ถึงหน้าท่ีนัน้ เปน็ ใหญ่ รักษาตนเครง่ คงตรงวนิ ยั สมานใจจงรกั พระจักรี ไมค่ วรเลือกท่ีรักมกั ทช่ี ัง สามคั คีเปน็ กาลงั พลังศรี ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมท่รี ่วมพระเจา้ เราองคเ์ ดียว จะเห็นได้ว่าเนื้อหานี้สามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แม้ในปัจจุบันก็ต้องการให้เกิดความสามัคคี ให้รู้จัก หนา้ ที่ มวี ินยั ในหมขู่ ้าราชบรพิ ารและประชาชน ๒. คุณค่าดา้ นแนวคดิ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก มีคุณค่าด้านแนวคิด คือ ประเทศชาติจะสงบสุขได้ก็ต่อเม่ือ ข้าราชการและข้าราชบริพารมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และปฏิบัติตามหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด ดงั คาประพนั ธท์ ่กี ลา่ วถึงความสามัคคีทพ่ี งึ มีในหมู่ขา้ ราชการ ดงั นี้ ถงึ เสวที ีเ่ ป็นขา้ ฝ่าพระบาท ไมค่ วรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสานักพระภูธร เหมอื นเรือแลน่ สาครสมทุ รไทย

๑๒๔เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เลม่ ๑ ๓. คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ๑. การใช้คางา่ ย ๆ ทาใหเ้ ข้าใจไดท้ นั ที เชน่  แมต้ ่างคนต่างเถียงเก่ียงแกง่ แย่ง นายเรอื จะเอาแรงมาแต่ไหน  ควรปรองดองในหมรู่ าชเสวี ใหส้ มทร่ี ่วมพระเจ้าเราองค์เดียว ๒. การใชอ้ ุปมาเปรียบเทียบให้เห็นจรงิ เชน่ ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบงั เกิดหวั จาต้องมีมิตรจิตสนทิ กนั  ประการหนึง่ พงึ คิดในจิตมัน เหมือนเรือแลน่ สาครสมทุ รไทย  เหมอื นลูกเรืออยูใ่ นกลางหว่างวารี  ในพระราชสานักพระภูธร ๔. คณุ ค่าด้านสังคม บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก มีคุณค่าด้านสังคม โดยสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรม และค่านิยมของสังคมไทย ดังนี้ ๑. วัฒนธรรมการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในสมัยน้ันมีการปกครอง ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อานาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของพระมหากษัตริย์ อีกทั้งสถาบัน พระมหากษัตริย์ได้รับการยอมรับเทิดทูนจากประชาชน เป็นเสมือนสถาบันศักดิ์สิทธ์ิท่ีให้ความคุ้มครอง พสกนิกร สังคมเกิดความสงบและมั่นคงได้ก็เพราะพระบารมีของพระมหากษัตริย์ ถึงแม้ปัจจุบันประเทศไทย จะเปล่ยี นระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธปิ ไตยแล้ว แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงได้รับการยกย่อง เทิดทูนอย่างไมเ่ สื่อมคลาย ๒. คา่ นิยมของสงั คมไทยท่ียกย่องข้าราชการ ในสังคมสมัยก่อนให้ความสาคัญกับข้าราชการว่า เป็นบุคคลท่ีมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ มีบทบาทหน้าท่ีด้านการปกครองบริหารบ้านเมือง จึงเป็นชนชั้นพิเศษ ท่ีมีความสาคัญต่อการรักษาความสงบสุขของประเทศชาติ ดังน้ัน ข้าราชการจึงควรตระหนักในหน้าท่ี ของตนเองให้มาก ยึดถอื วินัย และความซือ่ สตั ย์สุจรติ ในการทางาน ความรู้จากวรรณคดี ประเทศเปรยี บเหมือนเรือท่ีเดินทางอยู่กลางมหาสมุทรต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ และประคับประคอง ไปใหถ้ ึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ซง่ึ ต้องใช้ความร่วมแรงร่วมใจจากทุกคน โดยเฉพาะข้าราชบริพารต้องสามัคคี ปรองดองกนั

๑๒๕เอกสารประกอบการสอน รายวิชาภาษาไทย ๓ เล่ม ๑ ข้อคิดนาชวี ติ ๑. เราทกุ คนควรตระหนักในเรื่องความสามัคคี เพราะสามคั คคี ือพลัง ทาให้ชาติเจรญิ รุ่งเรือง ๒. การทางานใด ๆ ตอ้ งมคี วามรับผิดชอบและควรปฏบิ ัตติ ามหน้าที่นัน้ ใหด้ ีทส่ี ุด ๓. ขา้ ราชบรพิ ารท่ดี ตี ้องมคี วามสามัคคี รักษาวินัย และจงรกั ภักดีต่อพระมหากษัตรยิ ์ ๔. ในการทากิจการใดไมค่ วรเลอื กที่รักมกั ที่ชงั เพราะจะทาใหไ้ ม่เกดิ ความยุตธิ รรมแก่ทกุ ฝา่ ย ความรู้เพิ่มเตมิ ๑. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เม่ือพระชนมพรรษา ๑๒ พรรษา ได้เสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ทรงศึกษาวิชาทหารบกท่ีโรงเรียน นายรอ้ ยทหารบกแซนด์เฮิสต์ ทรงสาเรจ็ ปริญญาวิชาประวัติศาสตร์และกฎหมาย ณ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมารแทนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทิวงคตเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชา ด้านอักษรศาสตร์ และการประพันธ์ พระราชนิพนธ์ของพระองค์มีนับ ๑,๐๐๐ เรื่อง เช่น บทละครพูดคาฉันท์ เร่ืองมัทนะพาธา บทละครพูดคากลอนเรื่อง พระร่วง โคลนติดล้อ หัวใจชายหนุ่ม เทศนาเสือป่า และมี พระนามแฝงมากกว่า ๑๐๐ พระนาม เช่น รามจิตติ พระขรรค์เพชร ศรีอยุธยา นายแก้วนายขวัญ องค์การ เพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณ ให้ทรงเป็นนักปราชญ์ของโลก เน่ืองจากความเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ จึงทรงได้รับพระราชสมัญญา ว่า “พระมหาธรี ราชเจ้า” ๒. งานช่าง ๑๐ หมู่ เป็นงานประเภทประณีตศิลป์และวิจิตรศิลป์ เพราะใช้ฝีมือ และความสามารถ สร้างสรรค์ผลงาน เพ่ือสนองความประสงค์ของราชการในส่วนพระมหากษัตริย์ งานช่าง ๑๐ หมู่จะมีความ ชานาญเฉพาะประเภท ไดแ้ ก่ ๑) ช่างเขยี น ๒) ชา่ งป้ัน ๓) ชา่ งแกะ ๔) ชา่ งสลกั ๕) ช่างหลอ่ ๖) ช่างกลงึ ๗) ช่างหนุ่ ๘) ช่างรัก ๙) ชา่ งบุ ๑๐) ชา่ งปูน

บรรณานุกรม กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๓). หลกั ภาษาไทย เล่ม ๒ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒. พมิ พ์ครัง้ ท่ี ๑๔. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ครุ สุ ภาลาดพร้าว. กาชัย ทองหล่อ. (๒๕๐๙). หลกั ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: เทพนิมิตการพิมพ์. คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย. (๒๕๖๑). กวกี านท์ ’๖๐. สงขลา: เพลนิ พิมพ์ ทีมงานทรปู ลูกปญั ญา (นามแฝง). (๒๕๖๓). การเขยี นยอ่ ความ (Online). https://www.trueplookpanya.com/learning/, ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔. ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๕๗). อ่านอยา่ งไรและเขียนอย่างไร ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน (แก้ไขเพมิ่ เตมิ ). พิมพค์ รั้งที่ ๒๒. กรุงเทพฯ: อรณุ การพิมพ์ สถาบันพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.). (๒๕๖๓). วรรณคดีและวรรณกรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒. กรงุ เทพฯ: บริษัทพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.). _______. (๒๕๖๒). หลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒. กรงุ เทพฯ: บริษัทพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.). KIM'BLACK THAILAND (นามแฝง). (๒๕๖๑). การใชภ้ าษาไทย (Online). https://sites.google.com/site/, ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook