Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม ๒ นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕

เล่ม ๒ นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕

Published by Anawin090641, 2021-08-11 15:00:07

Description: เล่ม ๒ นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕

Search

Read the Text Version

นานาความรู้ คู่มอื การเรยี นภาษาไทย ม.๕ เล่ม ๒ ท่องไปใน วรรณคดี จดั ทำโดย นำงสำวอำภำภรณ์ มำกหนู

คานา หนังสือนำนำควำมรู้ คู่มือกำรเรียนวชิ ำภำษำไทย ม.๕ “เล่ ม ๒ ท่ องไปในวรรณคดี” นี้ เป็ นเอกสำร ประกอบกำรเรียนกำรสอนในรำยวิชำภำษำไทย ๓ (ท๓๒๑๐๑) สำหรับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษำช้ันปี ท่ี ๕ โรงเรียนสตรีระนอง จังหวัดระนอง ซ่ึงเนื้อหำภำยในเล่ม เป็ นสำระควำมรู้ท่ีเป็ นพื้นฐำน และใช้สำหรับกำรศึกษำ เพมิ่ เติมควำมรู้เกย่ี วกบั วรรณกรรมและวรรณคดี ท้ังนี้ หวังเป็ นอย่ำงยิ่งว่ำหนังสือนำนำควำมรู้ คู่มือกำรเรียนวิชำภำษำไทย ม.๕ “เล่ม ๒ ท่องไปใน วรรณคดี” เล่มนี้ จะเป็ นประโยชน์แก่นักเรียนในกำรศึกษำ รำยวิชำภำษำไทย ๓ (ท๓๒๑๐๑) ช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี ๕ ต่อไป อำภำภรณ์ มำกหนู

สารบญั ควำมรู้ทวั่ ไปวรรณกรรมและวรรณคดี หน้ำ ๕ มหำเวสสันดรชำดก กณั ฑ์มัทรี หน้ำ ๑๙ บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพำธำ หน้ำ ๓๖ ลลิ ติ ตะเลงพ่ำย หน้ำ ๕๒ คมั ภีร์ฉันทศำสตร์ หน้ำ ๖๖ แพทย์ศำสตร์สงเครำะห์ โคลนตดิ ล้อ ตอน ควำมนิยมเป็ นเสมียน หน้ำ ๗๙

วรรณกรรมและวรรณคดี เป็นเร่ืองราวที่ถ่ายทอดข้อเท็จจริง หรือจินตนาการของกวี ผ่านรู ปแบบการนาเสนอท่ีแตกต่างกันออกไป โ ด ย ท่ั ว ไ ป ส า ม า ร ถ แ บ่ ง แ ย ก ไ ด้ เ ป็ น ง า น ร้ อ ย แ ก้ ว แ ล ะ ร้ อ ย ก ร อ ง หรือคาประพันธ์ ซ่ึ งการถ่ายทอดเร่ืองราวในวรรณกรรมและวรรณคดี นอกจากมุ่งท่ีจะถ่ายทอดเน้ือหาสาระแล้ว ยังมีการแฝงความงดงาม ทางการใช้ ภาษาไทย อันแสดงถึงเอกลักษณ์ทางภาษา ทัศนคติความเช่ื อ ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงขอ้ คิดหรือคติสอนใจเขา้ มาด้วย วรร ณกร รม และ วร รณค ดี จึ งมีห น้ า ที่ สา คั ญ สาห รั บ ขัดเ กลา และส่ังสอนผู้ท่ีได้ศึ กษา ให้มีความดีงามท้ังทางด้านคุณธรรม จริยธรรม และเปน็ ผู้ท่ีมจี ิตใจงดงามเนื่องจากการเสพงานศิลป์อีกด้วย

ความรูท้ ่ัวไปวรรณกรรม และวรรณคดี

ความรูท้ ่ัวไปวรรณกรรมและวรรณคดี วรรณกรรม คือ งำนเขียนทุกประเภท ท่ีถ่ำยทอดออกมำโดยใช้ศิลปะในกำรใช้ภำษำ เช่น นิยำย เร่ืองส้ัน บทกลอน บทควำม วรรณคดี คือ งำนเขียนที่ได้รับกำรยกย่องว่ำแต่งดี โดยใช้กำลเวลำ เป็ นเครื่องพิสูจน์ว่ำเป็ นผลงำนอมตะและถ่ำยทอด อย่ำงมีศิลปะ ไม่ทำลำยศีลธรรมประเพณีอันดีงำม ขอ ง ไ ท ย มี ค ว ำ มดี เ ด่ น ด้ ำ น เ นื้อ หำ แ ล ะ ว ร ร ณ ศิ ล ป์ เช่น อเิ หนำ พระอภยั มณี สำมก๊ก

ความรูท้ ่ัวไปวรรณกรรมและวรรณคดี วรรณกรรมที่ถ่ำยทอดกันปำกต่อปำก เช่น เพลงพื้นบ้ำน นิทำนพนื้ บ้ำน เป็ นต้น เรียกว่ำ วรรณกรรมมุขปำฐะ วรรณกรรมที่จดบันทึกหรือจำรึกเป็ นลำยลักษณ์ อักษร ในใบลำนต้นฉบับสมุดไทย หรือตีพิมพ์เผยแพร่ เรียกว่ำ วรรณกรรม ลำยลกั ษณ์ วรรณกรรมที่มีเนื้อเรื่อง สถำนท่ี เหตุกำรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ บุคคลและวฒั นธรรมของแต่ละท้องถิ่น อำจถ่ำยทอดกนั ด้วยภำษำถ่นิ เรียกว่ำ วรรณกรรมท้องถ่ิน

ความรูท้ ่ัวไปวรรณกรรมและวรรณคดี วรรณกรรมท่ีเป็ นผลงำนของพระมหำกษัตริ ย์ หรื อ ข้ำรำชสำนัก เรียกว่ำ วรรณกรรมรำชสำนัก ซ่ึงหลำยเร่ืองได้รับ ยกย่องให้เป็ นวรรณคดี เช่น อิเหนำ ลิลิตตะเลงพ่ำย พระรำชพิธีสิบ สองเดือน เป็ นต้น วรรณคดีท่ีบรรพบุรุ ษได้ สร้ ำงสรรค์ ไว้ และสื บ ทอด มำยังอนุชน เรี ยกว่ ำ วรรณคดีมรดก เช่ น ไตรภูมิพระร่ วง ลลิ ติ พระลอ รำมเกยี รต์ิ ขุนช้ำง-ขุนแผน พระอภัยมณี เป็ นต้น

ประเภทของวรรณกรรมและวรรณคดี ๑. วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับศำสนำ ผูแ้ ต่ง จะนำเรื่ องรำวจำกคัมภีร์ต่ำง ๆ ในพระพุทธศำสนำมำแต่งเป็ น วรรณคดีและวรรณกรรมซ่ึงส่วนใหญ่จะมุ่งสั่งสอนให้ประพฤติดี ละเวน้ ควำมชั่ว หรือสอนให้รู้จักบำปบุญ นรก สวรรค์ อบำยภูมิ กฎแห่งกรรม เช่น ไตรภูมิพระร่วง พระมำลยั คำหลวง บำงเรื่องเป็ น กำรเล่ำประวัติพระพุทธเจ้ำ เช่น มหำชำติคำหลวง ร่ ำยยำว มหำเวสสันดรชำดก ๑๓ กัณฑ์ พระปฐมสมโพธิกถำ นอกจำกน้ี ยงั มีวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีมีเน้ือหำจำกนิทำนชำดก ซ่ึงให้ คติสอนใจ และแฝงธรรมะไวด้ ้วย เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ จันท กินนรคำฉนั ท์ พระสุธนคำฉนั ท์ กำกีคำกลอน

ประเภทของวรรณกรรมและวรรณคดี ๒. วรรณคดีและวรรณกรรมที่เก่ียวข้องกับประเพณีและ พธิ ีกรรม ผแู้ ต่งมีจุดมุ่งหมำย ที่จะบนั ทึกประเพณีต่ำง ๆ ของไทยและ พิธีกรรมศักด์ิสิทธ์ิ เช่น ลิลิตโองกำรแช่งน้ ำ มีเน้ือหำเก่ียวกับ กำรสำบำนตนของ ขำ้ รำชบริพำรว่ำจะจงรักภกั ดีต่อพระมหำกษตั ริย์ กำพย์เห่เรื อ มีเน้ือหำกล่ำวถึง พระรำชพิธีเสด็จฯ โดยขบวน พยุหยำตรำทำงชลมำรค พระรำชพิธีสิบสองเดือน มีเน้ืออธิบำย ประเพณีไทยในเดือนต่ำง ๆ

ประเภทของวรรณกรรมและวรรณคดี ๓. วรรณคดีและวรรณกรรมที่เป็ นสุ ภำษิตคำสอน ผู้แต่ง มีจุดมุ่งหมำยที่จะสั่งสอน ให้ขอ้ คิด หรือเสนอแนวทำงกำรปฏิบตั ิตน ในกำรดำเนินชีวิต เช่น อิศรญำณภำษิต สุภำษิตสอนหญิง สวสั ดิรักษำ เพลงยำวถวำยโอวำท สุ ภำษิตพระร่ วง กฤษณำสอนน้องคำฉันท์ โคลงโลกนิติ โคลงสุภำษิตโสฬสไตรยำงค์ และโคลงสุภำษิตนฤทุมนำกำร ๔. วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับประวัติศำสตร์ ผูแ้ ต่ง มี จุ ดมุ่งหมำยท่ี จะบันทึ กเร่ื องรำวทำงประวัติ ศำสตร์ และสดุ ดี เกี ยรติ ของวีรบุรุษ วีรสตรี เช่น โคลงภำพพระรำชพงศำวดำรลิลิตตะเลงพ่ำย ลิลิตยวนพ่ำย เฉลิมเกียรติกษตั รีคำฉนั ท์ พงศำวดำรจีน เช่น สำมก๊ก ไซ่ฮนั่ พงศำวดำรมอญ เช่น รำชำธิรำช

ประเภทของวรรณกรรมและวรรณคดี ๕. วรรณคดีและวรรณกรรมที่เก่ียวข้องกับกำรแสดง ผูแ้ ต่ง มีจุดมุ่งหมำยจะใหเ้ กิดควำมเพลิดเพลินและควำมจรรโลงใจ วรรณคดี และวรรณกรรมประเภทน้ี จะนำมำแสดงเป็ นมหรสพ โขน ละคร หุ่นกระบอก หนงั ใหญ่ เช่น รำมเกียรต์ิ สำหรับ แสดงโขน สำหรับแสดงหุ่นกระบอก อิเหนำ อุณรุท สำหรับแสดงละครในคำวี มณีพิชยั ไชยเชษฐ์ สงั ขท์ อง สำหรับแสดงละครนอก

ประเภทของวรรณกรรมและวรรณคดี ๖. วรรณคดีและวรรณกรรมที่บันทึกประสบกำรณ์และ ควำมรู้สึกระหว่ำงกำรเดินทำง วรรณคดีและวรรณกรรมประเภทน้ี มุ่งที่จะบันทึกเส้นทำงกำรเดินทำง สิ่งท่ีได้พบเห็นไม่ว่ำจะเป็ น ธรรมชำติหรือวิถีชีวิตของผูค้ น และกำรพรรณนำอำรมณ์ควำมรู้สึก นึกคิดของผูแ้ ต่งระหว่ำงกำรเดินทำง เช่น นิรำศนริ นทร์ นิรำศ ต่ำง ๆ ของสุนทรภู่ นิรำศลอนดอน ไกลบำ้ น เป็นตน้ ๗. วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีเก่ียวกับกำรปลุกใจให้รักชำติ วรรณคดีและวรรณกรรมประเภทน้ีมีจุดมุ่งหมำยให้เกิดควำมรักชำติ จงรักภกั ดีต่อพระมหำกษตั ริย์ เช่น พระร่วง หวั ใจนกั รบ

คุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดี คุณค่าด้าน คุณค่าด้าน เน้ือหา วรรณศิลป์ คุณค่าด้าน คุณค่าด้าน สังคม ขอ้ คิด

คุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดี คุณค่าด้านเน้ือหา ใจควำมของเร่ือง รำยละเอียดท่ีปรำกฏอยู่ในเหตุกำรณ์ ของวรรณคดีและวรรณกรรม เน้ือหำจึงประกอบดว้ ย ฉำก ตวั ละคร เหตุกำรณ์ต่ำง ๆ บทสนทนำของตัวละคร กำรพิจำรณำคุณค่ำ ดำ้ นเน้ือหำ จึงตอ้ งพิจำรณำองคป์ ระกอบเหล่ำน้ีว่ำมีครบถว้ นหรือไม่ สมจริ งอย่ำงไร มีเหตุผลเพียงใด มีคุณค่ำต่อผู้อ่ำนอย่ำงไร ในดำ้ นเน้ือหำนอกจำกเน้ือเร่ืองสนุกสนำนแลว้ ยงั ตอ้ งมีควำมไพเรำะ ของคำประพนั ธ์ดว้ ย เน้ือหำที่ดีจะตอ้ งอ่ำนแลว้ ประทบั ใจในแง่มุมใด แง่มุมหน่ึงที่ทำใหว้ รรณคดีเรื่อง

คุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ วรรณศิลป์ หมำยถึง ศิลปะในกำรประพนั ธ์หนงั สือ ให้เกิด อำรมณ์สะเทือนใจ โดยมำกมักเน้นพิจำรณำเร่ืองกำรแสดงออก โดยใช้ถ้อยคำท่ีมีสำนวนโวหำรไพเรำะ มีลักษณะเด่นในเชิง กำรประพนั ธ์ สำมำรถถ่ำยทอดควำมคิดควำมรู้สึกของกวีไดจ้ บั ใจ ผอู้ ่ำนและผฟู้ ัง ใหเ้ กิดควำมรู้สึกคลอ้ ยตำมไปกบั กวีดว้ ย กำรพิจำรณำ คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ สำมำรถพิจำรณำได้หลำกหลำย เช่น กำรเล่นเสียง กำรเล่นคำ กำรใช้ภำพพจน์ กำรใช้โวหำร กำรสร้ำง ใหเ้ กิดจินตภำพ เป็นตน้

คุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดี คุณค่าด้านขอ้ คิด แนวคิด หมำยถึง ควำมคิดท่ีมีแนวทำงปฏิบัติ แนวคิด ทำงวรรณคดีและวรรณกรรมจึงหมำยถึง สำรหรือควำมคิดสำคญั ที่ผเู้ ขียนตอ้ งกำรส่ือมำใหผ้ อู้ ่ำนเพ่ือเป็นแนวทำงปฏิบตั ิ อำจจะสื่อผำ่ นพฤติกรรมตวั ละคร เน้ือหำ หรือ เหตุกำรณ์ต่ำง ๆ โดยใหผ้ อู้ ่ำนพจิ ำรณำเร่ือง ท้งั หมด แลว้ สรุปออกมำเป็นแนวคิด

คุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดี คุณค่าด้านสังคม ภำพสะท้อนชีวิตควำมเป็ นอยู่ของคนที่สะท้อนมำจำก วรรณคดีและวรรณกรรมโดยกวีนิยมแทรกไว้ในเน้ือเรื่อง เช่น ประเพณี ควำมเชื่อ ค่ำนิยม ควำมเป็ นอยู่ กำรประกอบอำชีพ วรรณคดีและวรรณกรรมจึงเป็ นเสมือนกระจกสะทอ้ นสภำพสังคม ในแต่ละยุคสมัย ซ่ึงเป็ นหลักฐำนท่ีบอกเล่ำเรื่องรำวในอดีตแก่ คนรุ่นหลงั ได้เป็ นอย่ำงดี ในขณะเดียวกันภำพสะท้อนของสังคม ในยุคสมัยปัจจุบัน ท้ังแนวคิด ค่ำนิยม สภำพบ้ำนเมืองต่ำง ๆ ยงั สะทอ้ นผำ่ นงำนวรรณกรรมปัจจุบนั ไดอ้ ีกดว้ ย

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มทั รี

ความเปน็ มาของมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี คมั ภีรจ์ รยิ าปฎิ ก มหาเวสสนั ดรชาดก คมั ภรี ์ชาดก วรรณคดี พระพุทธศาสนา พระพทุ ธเจา้ เสด็จไปท่ีเมืองกบลิ พัสด์ุ เพื่อเทศนาโปรดพระบดิ าและพระประยูรญาติหลังจากพระองค์ ตรสั รู้ พระพทุ ธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ โดยการเหาะเหินเดนิ อากาศใหเ้ ปน็ ทปี่ ระจกั ษ์ เน่ืองจากพระประยูรญาติ เกดิ อัตตาด้วยทิฐิมานะ ไม่ยอมไหว้พระองค์ ฝนโบกขรพรรษตกลงมาเพอ่ื แสดงความปราโมทยย์ ินดี หลังจากพระประยูรญาติเกดิ ความเลอื่ มใสและ ถวายอภวิ าทบงั คม พระพทุ ธเจ้าได้ตอบพระอรหนั ต์ทเี่ ห็นเหตกุ ารณว์ ่า ฝนนเ้ี คยเกิดมาแลว้ ในครงั้ ทพี่ ระองคท์ รงเป็นพระ โพธิสตั วเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ พระเวสสนั ดร พระพุทธเจา้ จึงทรงเทศน์เรื่องมหาเวสสันดรชาดก

พระเวสสนั ดรชาดกเปน็ พระชาตสิ ดุ ท้ายในสบิ พระชาตหิ รอื ที่เรียกวา่ ทศชาตชิ าดก ซึ่งในแตล่ ะพระชาติพระองคท์ รงบาเพญ็ บารมี ดงั น้ี ๑. เตมยิ ชาดก ๒. มหาชนกชาดก ๓. สุวรรณสามชาดก พระเตมยี ์ พระชนกกุมาร พระสวุ รรณสาม บาํ เพ็ญ บาํ เพญ็ บําเพญ็ เนกขมั มบารมี วริ ยิ บารมี เมตตาบารมี ๔.เนมิราชชาดก ๕. มโหสถชาดก พระเนมริ าชกมุ าร มโหสถกุมาร บําเพญ็ บําเพญ็ อธษิ ฐานบารมี ปญั ญาบารมี หัวใจพระเจ้ำสิบชำตคิ อื เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นำ วิ เว

พระเวสสนั ดรชาดกเปน็ พระชาติสดุ ทา้ ยในสบิ พระชาติหรอื ทเี่ รียกว่า ทศชาติชาดก ซึ่งในแต่ละพระชาติพระองค์ทรงบาเพญ็ บารมี ดังนี้ ๖. ภูรทิ ตั ชาดก ๗. จนั ทกมุ ารชาดก พญานาค พระจนั ทกุมาร ช่อื ภูรทิ ัต บาํ เพญ็ ศีลบารมี บําเพญ็ ขันติบารมี ๘. พรหมนารทชาดก ๙. วิธุรชาดก ๑๐. มหาเวสสันดรชาดก พระพรหมนารทกมุ าร พระวธิ ุรบณั ฑติ พระเวสสนั ดร บาํ เพญ็ บาํ เพ็ญ สัจจบารมี บาํ เพญ็ อุเบกขาบารมี ทานบารมี หัวใจพระเจ้ำสิบชำตคิ อื เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นำ วิ เว

ประวตั ผิ แู้ ต่ง เจา้ พระยาพระคลัง (หน) นามเดมิ คอื หน เป็นบตุ รของเจา้ พระยาบดินทร์สุรินทรฦ์ ๅชยั กบั ทา่ นผูห้ ญิงเจรญิ ในสมยั กรุงธนบุรรี ับราชการเปน็ เสนาบดจี ตุสดมภ์กรมท่ามบี รรดาศักดิ์ เป็นหลวงสรวิชติ ชว่ งสมัยปลายธนบรุ ี หลวงสรวิชิตมีสว่ นสาคญั ในการชว่ ยราชการ เม่อื เกดิ การจลาจลวนุ่ วายในบา้ นเมอื ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชทรงเหน็ ในความดคี วามชอบ โดยเฉพาะการเรยี บเรียงหนังสอื จงึ โปรดเกล้าฯ ต้งั เป็นพระยาพิพัฒโกษา เมื่อตาแหน่งพระยาพระคลงั วา่ งลง จงึ ไดร้ บั โปรดเกล้าจากรชั กาลท่ี ๑ แตง่ ต้ัง ขน้ึ เปน็ เจา้ พระยาพระคลงั (หน)

ผลงานประพันธ์ นอกจาก มหาชาตกิ ลอนเทศนห์ รือเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์กมุ าร และกัณฑม์ ัทรที เี่ ปน็ ผลงานทส่ี าคัญแล้ว ยังมีผลงานอน่ื ๆ อีกมากมาย ดงั ตวั อยา่ ง ลิลติ เพชรมงกุฎ ราชาธริ าช อเิ หนาคาฉนั ท์ ลิลติ ศรีวิชยั ชาดก สมบัติอมรนิ ทรค์ ากลอน สามกก๊ เพลงยาวเลน่ ว่าความ กากคี ากลอน

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๑ บท ไม่จากดั จานวนวรรค นยิ ม ๕ วรรคข้ึนไป ๑ วรรคไม่จากดั จานวนคา ร่ายยาวทม่ี ีคาถาบาลีนา แต่ไม่นอ้ ยกว่า ๕ คา (คาถา) (คาสรอ้ ย) คาสดุ ท้ายของวรรคหนา้ จะสัมผสั จบดว้ ย คาสร้อย เช่น คาใดก็ได้ในวรรคหลงั ยกเว้น คาสดุ ทา้ ย นั้นแล ดงั นี้ นั้นเถดิ ด้วยประการฉะนี้

เรื่องยอ่ พระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้ แล้วเกิดเหตุการณ์แปลก ประหลาดมหัศจรรยต์ ่าง ๆ นางจึงรีบย้อนกลับมายังอาศรม แต่ก็เกิด พายุใหญ่ มืดคร้ึมไปทั่วทั้งป่า ท้องฟ้าเป็นสีแดงเหมือนเลือด ทําใหย้ ่ิง เกิดความกังวลว่าจะเกิดภัยร้ายกับกัณหาและชาลี เม่ือพระนางมัทรี เดินทางไปถึงช่องแคบระหว่างเขาได้พบกับสัตว์ร้ายท่ีมาขวางทางไว้ เพื่อไม่ให้พระนางติดตามกัณหาและชาลีได้ทัน แต่ด้วยความเป็นห่วง ลูกอย่างมาก พระนางจึงกราบขอร้องเทวดาท่ีแปลงร่างเป็นสัตว์ร้าย ยอมให้กลับไปยังอาศรมจนได้ เมื่อมาถึงอาศรม พระนางมัทรีหาลูก ทั้งสองไมพ่ บ จงึ เขา้ ไปถามจากพระเวสสันดร แตก่ ลบั ถูกตัดพ้อ ทําให้ เสียพระทัยมากจนสลบไป หลังจากฟ้ืนคืนสติกลับมา พระเวสสันดร ได้เล่าความจริงว่าได้ยกลูกทั้งสองให้กับชูชกไปแล้ว พระนางก็ อนุโมทนากับพระเวสสันดรดว้ ย

การวิเคราะห์วรรณคดี ๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ ๑. คณุ คา่ ดา้ นเนือ้ หา การสรรคํา ลกั ษณะคําประพนั ธ์ การใช้โวหาร องค์ประกอบของเร่ือง ๓. คณุ คา่ ด้านสงั คม ค่านิยมของสังคมไทย ธรรมชาติของมนษุ ย์ ความเชอ่ื ของสงั คมไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี

คณุ ค่าดา้ นเนอ้ื หา ๑. ลกั ษณะ คาประพนั ธ์ เปน็ รา่ ยยาวสาหรบั เทศนน์ าด้วยคาถาบาลขี น้ึ กอ่ นแลว้ จึงมีร่ายยาว ทีแ่ ทรกดว้ ยคาบาลีคนั่ เปน็ ระยะ โดยคาบาลีเหลา่ นนั้ จะมีความหมายเกี่ยวกับ เน้อื เร่อื งในตอนนน้ั ๆ

คณุ คา่ ดา้ นเน้ือหา สาระสาคัญ ๒. องค์ประกอบ โครงเรื่อง ของเรือ่ ง ความรักทย่ี ิ่งใหญ่ ที่แมม่ ตี อ่ ลกู จัดวางโครงเรอ่ื งไดอ้ ยา่ งดี มกี ารผกู เรอื่ ง และการพลดั พรากจากลกู ยอ่ ม สรา้ งความขดั แยง้ ซ่งึ เปน็ ปมเรื่อง โดยความ ขดั แยง้ น้นั ไดเ้ สนอถงึ ความเป็นเหตุเปน็ ผล นาํ มาซึ่งความทกุ ข์ ในเหตกุ ารณท์ ่เี กิดขน้ึ

คณุ คา่ ด้านเน้อื หา ๒. องคป์ ระกอบของเรอ่ื ง (ตอ่ ) มีตวั ละครทีส่ าํ คญั คอื พระเวสสันดร และพระนางมัทรี พระเวสสันดร พระนางมทั รี มคี วามจงรักภักดีต่อพระสวามี มีคุณธรรมสูงเหนือมนุษย์ เปน็ ยอดกลุ สตรี มคี วามเขา้ ใจ มีความอดทน ในธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ มจี ติ กุศล

คณุ ค่าด้านเนอ้ื หา ฉากและบรรยากาศ ๒. องคป์ ระกอบของเรอ่ื ง กลวธิ กี ารแต่ง (ตอ่ ) ท่ตี ้งั อาศรมอยใู่ นบรเิ วณปา่ ผแู้ ต่งเน้นใหผ้ ้อู า่ นเกิดความซาบซึง้ ในการพรรณนา ซึ่งผู้แตง่ บรรยายได้สมจรงิ ความรักของแมท่ ่ีต่อลูก โดยลลี าของคําประพนั ธ์ และสอดคลอ้ งกับเน้ือเร่อื ง หรือรสทางวรรณคดีท่ปี รากฏเด่นชดั คอื สัลปังคพสิ ยั ที่พบมากในบทของพระนางมัทรที ีค่ ราํ่ ครวญหา ลูกทัง้ สอง และรองลงมา คอื พโิ รธวาทัง ทพ่ี บมากใน การใชอ้ ารมณแ์ ละความโกรธอยบู่ อ่ ยครงั้

คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์ การสรรคา ผแู้ ตง่ เลือกใช้ถ้อยคาที่ส่ือถงึ ความคดิ ไดเ้ หมาะสมกับอารมณท์ ่ีต้องการจะถา่ ยทอด ซงึ่ ทาให้ผอู้ ่านรบั รแู้ ละเกดิ อารมณ์สะเทือนใจ ดงั นี้ การใชถ้ ้อยคาราพึงพนั การใชถ้ อ้ ยคาสานวนเชิงตัดพ้อ การใชถ้ ้อยคาแสดงอารมณห์ ึงหวงใหเ้ จ็บแคน้ การใชค้ าซา้ และคาที่มีเสยี งพยญั ชนะต้นเหมอื นกนั การใชโ้ วหาร การใชอ้ ุปมาโวหาร การใชค้ าองิ สานวนสุภาษิต

คณุ ค่าด้านสังคม ๑. สะท้อนค่านิยมใน บทบาทของผชู้ ายในฐานะสามแี ละพ่อ สังคมไทย มอี านาจและสิทธิมากทส่ี ดุ ในครอบครัว บทบาทของผหู้ ญงิ ในฐานะภรรยาและแม่ ตอ้ งเชื่อฟัง ดแู ล ปรนนิบัตสิ ามี ซอื่ สัตยต์ อ่ สามี บทบาทของลูก ต้องเชอื่ ฟังและเคารพพ่อแม่ ๒. สะทอ้ นให้เห็น มนษุ ยท์ ุกคนยอ่ มมีความรูส้ ึก รัก โลภ โกรธ หลง ธรรมชาติของมนษุ ย์ เมอ่ื เกดิ ความรักกจ็ ะนามาซึ่งความทุกข์ ความเศรา้ โศกเสียใจได้

คณุ คา่ ด้านสังคม ๓. สะท้อนความเชื่อ ความเชือ่ เรอ่ื งลางรา้ ย เป็นความเชือ่ ของคนไทยทใ่ี ช้ ของสงั คมไทย พยากรณ์เหตกุ ารณท์ ่จี ะเกิดข้นึ ในอนาคต หากเกิดเหตุการณ์ ท่ีไมด่ ี มักจะมสี ง่ิ ท่ีผดิ ปกติเกิดข้ึน เพ่ือเปน็ การเตอื นหรือบอก ๔. สะทอ้ นใน กลา่ วใหไ้ ดร้ ู้ลว่ งหน้า ขนบธรรมเนียมประเพณี พุทธศาสนกิ ชนนยิ มเลา่ ขานเรื่องพระเวสสนั ดรชาดก เปน็ เทศน์มหาชาติประจาทกุ ปมี าตงั้ แต่ในอดตี จนถึง ปจั จุบนั

ตัวอยา่ งบทประพนั ธ์ จ่ึ งตรั สว่ำโอ้โอ๋ เวลำปำนฉะน้ี เอ่ยจะมิ ดึ กด่ื นจวนจะสิ้ นคื นค่อนรุ่ งไป เสียแลว้ หรือกระไรไม่รู้เลย พระพำยรำเพยพดั มำรี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่น้ีให้ อ่อนหิวสุดละห้อย ท้งั ดำวเดือนก็เคล่ือนคลอ้ ยลงลบั ไม้ สุดที่แม่จะติดตำมเจำ้ ไป ในยำมน้ี ฝูงลิงค่ำงบ่ำงชะนีท่ีนอนหลบั ก็กลิ้งกลบั เกลือกตวั อยู่ย้วั เย้ีย ท้ังนกหก ก็งัวเงียเหงำเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสำะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศ ทวั่ ประเทศทุกรำวป่ ำ สุดสำยนัยนำที่แม่จะตำมไปเล็งแล สุดโสตแลว้ ท่ีแม่จะซับ ทรำบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงท่ีแม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝี เทำ้ ท่ีแม่จะเย้อื งยอ่ งยกยำ่ ง ลงเหยียบดิน กส็ ุดสิ้นสุดปัญญำสุดหำสุดคน้ เห็นสุดคิด จะไดพ้ ำนพบประสบรอย พระลูกนอ้ ยแต่สักนิดไม่มีเลย จ่ึงตรัสว่ำเจำ้ ดวงมณฑำทองท้งั คู่ของแม่เอ๋ย หรือวำ่ เจำ้ ทิ้งขวำ้ งวำงจิตไปเกิดอื่นเหมือนแม่ฝันเมื่อคืนน้ีแลว้ แล

บทละครพดู คาฉันท์ เรอ่ื ง มทั นะพาธา

ความเปน็ มา บทพระราชนพิ นธจ์ ากจนิ ตนาการในพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู วั ทรงตง้ั พระทยั ใหเ้ ปน็ หนงั สืออ่านกวนี ิพนธเ์ พ่อื ความสนกุ สนานและสอนใจ แนวคิดสาคญั ของเรอื่ งเกยี่ วกับความรกั ความลุ่มหลง ความเจบ็ ปวดทกุ ข์ระทมเพราะความรัก นางเอกของเรอ่ื งมนี ามว่า มทั นา หมายถงึ ความลุ่มหลงและความรกั

ความเป็นมา มทั นะพาธา หรอื ตานานแห่งดอกกหุ ลาบ เปน็ บทละครพดู คาฉันท์ จานวน ๕ องค์ แบง่ เปน็ ๒ ภาค คอื ภาคสวรรค์และภาคพื้นดนิ เมอ่ื พระราชนิพนธเ์ สร็จรัชกาลที่ ๖ ไดพ้ ระราชทานแก่ สมเดจ็ พระนางเจา้ อินทรศกั ด์ศิ จี พระวรราชชายา ๒ กนั ยายน ๒๔๖๖ เริ่มพระราชนพิ นธ์ ณ พระราชวังพญาไท ๑๘ ตลุ าคม ๒๔๖๖ พระราชนิพนธ์ เสร็จสมบรู ณ์ ๒๔๖๗ จัดพิมพเ์ ผยแพร่ครง้ั แรก

พระราชประวัตผิ ทู้ รงพระราชนิพนธ์ พระนามเดมิ สมเดจ็ เจ้าฟา้ มหาวชริ าวุธ พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว กบั สมเด็จพระศรพี ัชรินทราบรมราชินนี าถ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อย่หู ัว ทรงศึกษาวิชาทหาร ณ โรงเรยี นทหารบกที่แซนด์เฮิสต์ และทรงฝกึ วชิ าทหารประจาํ ณ กรมทหารราบเบาเดอรัม ทรงศกึ ษาด้านประวัตศิ าสตรแ์ ละกฎหมาย ณ มหาวิทยาลยั ออกซ์ฟอร์ด ทรงต้งั สโมสรการประพนั ธ์ ชื่อ ทวีปญั ญาสโมสร และออกหนังสือชอื่ ทวีปญั ญา ทรงพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร์เปน็ พเิ ศษ จนทรงมี ผลงานมากกวา่ ๒๐๐ เร่อื ง และสามารถนพิ นธ์บทละคร เปน็ ภาษาองั กฤษได้

ผลงานพระราชนพิ นธ์ ทรงพระปรีชาสามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตร์ จึงมผี ลงานท้ังรอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรองมากมาย เชน่ ศกนุ ตลา บทละครเรอื่ งเวนสิ วาณชิ เทศนาเสอื ปา่ นิทานทหารเรอื พระนลคาหลวง โคลนตดิ ล้อ

พระนามแฝงในพระราชนิพนธ์ ทรงใชพ้ ระนามแฝงท่หี ลากหลายในงานพระราชนิพนธ์ มที ั้งภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เชน่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ รามจิตติ Phra khan Bejra อศั วพาหุ Sri Ayudhya พระขรรค์เพชร Asvabhahu มงกุฎเกล้า M.V.V.V.R

เนื้อเร่อื ง ภาคสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรหลงรักเทพธิดามัทนา แตน่ างไม่ปลงใจ สุเทษณ์เทพบุตรจึงขอให้วิทยาธรมายาวินใช้เวทมนตร์สะกดเรียกนางมา เมื่อโดนมนตร์สะกด นางมัทนาก็เจรจาตอบสุเทษณ์อย่างคนไม่รู้สึกตัว สุเทษณ์เทพบุตรจึงไม่โปรด เม่ือขอให้มายาวิน คลายมนตร์ นางมัทนา ก็รู้สึกตัวและตอบปฏิเสธความรักของสุเทษณ์เทพบุตรทําให้สุเทษณ์โกรธมาก จึงสาปให้นางจุติไปเกิดบนโลกมนุษย์ นางมัทนาขอไปเกิดเป็นดอกกุพฺชะกะ หรือดอกกุหลาบ สุเทษณ์เทพบุตรจึงกําหนดว่า ดอกกุหลาบดอก น้ัน จะกลายเป็นมนุษย์ได้เฉพาะในวันเพ็ญคืนเดียว ต่อมาเม่ือนางมัทนา มีความรักจึงจะพ้นคําสาป และหากเม่ือใดนางเกิดความทุกข์เพราะรัก ก็ใหน้ างวิงวอนตอ่ พระองค์ แล้วพระองคก์ จ็ ะทรงชว่ ยเหลอื

เนอื้ เร่ือง ภาคพื้นดิน ณ กลางป่าหิมะวัน ฤๅษีกาละทรรศินได้พบต้นกุหลาบ จึงขุดไปปลูกไว้ท่ีอาศรม เม่ือนางมัทนากลายเป็นมนุษย์ก็เล้ียงดูรักใคร่เหมือน ลูก จนเม่ือท้าวชัยเสนกษัตริย์แห่งเมืองหัสตินาปุระ เสด็จไปล่าสัตว์ได้พบ นางมัทนาก็เกิดความรัก นางมัทนาก็มีใจเสน่หาต่อท้าวชัยเสนด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงสาบานรักต่อกันทําให้นางมัทนาพ้นคําสาป ไม่ต้องกลับไปเป็น ดอกกุหลาบอีก แต่เมื่อท้าวชัยเสนพานางมัทนาไปยังเมืองหัสตินาปุระ ของพระองค์ พระนางจัณฑีมเหสีของท้าวชัยเสนเกิดความหึงหวงเละแค้นใจ มาก พระนางจึงขอให้พระบิดาซึ่งเป็นพระราชาแห่งแคว้นมคธ ยกทัพมาตี หัสตินาปุระ อีกท้ังพระนางจัณฑียังใช้ให้นางข้าหลวงค่อมทํากลอุบายว่า นางมัทนาลอบรักกับศุภางค์ ทหารเอกของท้าวชัยเสน ทําให้ท้าวชัยเสน หลงเช่อื จงึ สง่ั ประหารนางมทั นาและศุภางค์

เนือ้ เร่อื ง ภาคพ้นื ดนิ (ตอ่ ) แตต่ ่อมาเมื่อทา้ วชยั เสนรวู้ า่ นางมทั นาและศุภางค์ไม่มี ความผิดก็เสียใจมาก อํามาตย์เอกจึงทูลความจริงว่ายังมิได้สังหารนางมัทนา โดยศิษยข์ องฤๅษไี ดพ้ านางกลับไปอยู่ ณ ปา่ หิมวัน ส่วนศุภางค์ก็เป็นอิสระเชน่ กัน และได้ออกต่อสู้กับข้าศึกจนตัวตายอย่างทหารหาญ ท้าวชัยเสนรู้ดังนั้นจึง ยกขบวนเดินทางไปรับนางมัทนา ขณะน้ันเองนางมัทนาได้ทูลขอให้สุเทษณ์ เทพบุตรรับนางกลับไปสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรรับคําขอของนาง แต่มีข้อแม้ว่า นางจะต้องตอบรับรักตนก่อน ครั้นนางมัทนาปฏิเสธสุเทษณ์จึงกริ้วและสาป ให้นางมทั นากลายเป็นกหุ ลาบตลอดไป เม่ือท้าวชัยเสนเดินทางมาถึง แต่ไม่ทันการณ์จึงทําได้เพียงแต่นํา ตน้ กุหลาบท่ตี ้องคาํ สาปกลบั ไปดูแล ณ เมอื งหสั ตินาปรุ ะ ดว้ ยความเสยี พระทัย

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ บทละครพดู คาํ ฉันท์ เร่ือง มัทนะพาธา ประกอบดว้ ยคําประพนั ธ์หลายชนิด ทั้งกาพย์ และฉนั ท์ โดยตอนเนน้ อารมณม์ ากมกั ใชฉ้ นั ท์ ตอนใดต้องการจงั หวะเสียงและคําคล้องจองใช้กาพย์ แต่ส่วนใหญเ่ นน้ การใชฉ้ นั ท์มากทส่ี ุด กาพย์ ๓ ชนิด ฉนั ท์ ๒๑ ชนดิ เชน่ กาพยย์ านี ๑๑ อินทรวิเชยี รฉนั ท์ ๑๑ กาพยฉ์ บัง ๑๖ ภชุ งคประยาตฉันท์ ๑๒ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ วสันตดลิ กฉนั ท์ ๑๔

วรรคทองของบทละครพดู คาฉนั ท์ เร่ือง มทั นะพาธา ความรักเหมอื นโรคา บนั ดาลตาใหม้ ืดมน ไมย่ ินและไม่ยล อปุ สคั คะใดใด กาลงั คึกผขิ งั ไว้ ความรักเหมือนโคถึก บ่ ยอมอยู่ ณ ทข่ี ัง ก็โลดจากคอกไป กด็ งึ ไปด้วยกาลงั บห่ วนคิดถงึ เจ็บกาย ถงึ หากจะผกู ไว้ ย่งิ ห้ามกย็ ิง่ คลั่ง

ตวั ละครหลัก มทั นา สุเทษณ์ จติ ใจมน่ั คง เจ้าอารมณ์ ปากกบั ใจตรงกัน เอาแต่ใจตนเอง ใช้อานาจตามอาเภอใจ เปน็ คนซ่อื ไม่มี หมกม่นุ ในตัณหาราคะ เลห่ ์เหลย่ี ม ไม่เกรงกลัวหรอื ยอมแพ้อานาจใด มองความรักว่าตอ้ ง เกิดจากคนสองคน

คณุ คา่ ด้านสังคม สะท้อนใหเ้ ห็นความเช่อื ของสังคมไทย ความเช่ือเรอ่ื งชาติภพ ความเช่ือเรอ่ื งการทาํ บุญ ความเชอื่ เรื่องทํากรรมใดย่อมไดผ้ ลกรรมน้นั ความเช่ือเรื่องเวทมนตร์

คณุ คา่ ด้านสังคม สะท้อนให้เหน็ ธรรมชาตขิ องมนุษย์ แสดงใหเ้ ห็นถึงความรกั โลภ โกรธ หลง การมคี วามรกั ย่อมเปน็ ทุกข์ สะท้อนข้อคดิ เพื่อนาไปใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิต การดําเนนิ ชีวิตจะตอ้ งมีสติ มคี วามเฉลียวฉลาด รูท้ นั เล่หเ์ หล่ียม จงึ จะเอาตวั รอดได้

คุณค่าดา้ นเนื้อหา มทั นะพำธำเป็ นบทละครพดู คำฉันท์ทพี่ ระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้ำเจ้ำอยู่หัว ทรงคดิ โครงเรื่องเอง โดยมกี ำรผูกเรื่องให้มีควำมขดั แย้งเป็ นปมปัญหำทสี่ ำคญั ของเร่ือง ซึ่งมีแก่นสำระสำคญั ๒ ประกำร ตานาน แกน่ สาระสาคญั ความเจ็บปวด ดอกกหุ ลาบ อันเกดิ จากความรัก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook