Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือนักเรียน62

คู่มือนักเรียน62

Published by ครูบอล, 2019-06-11 12:50:04

Description: คู่มือนักเรียน62

Search

Read the Text Version

51 ค่มู ือนกั เรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ ระเบียบโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ วา่ ดว้ ยการวดั และประเมินผลการเรียนร้ตู ามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 พ.ศ.2552 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2557) โดยที่โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ได้ประกาศใช้หลักสูตรโรงเรียนตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ตามคำ�สั่งกระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ 293/2551 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2551 เรอ่ื ง ใหใ้ ชห้ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 จงึ เป็นการ สมควรที่จะกำ�หนดระเบียบโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือใหส้ ามารถด�ำ เนินการได้อยา่ ง มปี ระสิทธิภาพและสอดคลอ้ งกับคำ�ส่งั ดงั กลา่ ว ฉะนนั้ อาศยั อำ�นาจตามความในมาตรา 39 แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร พ.ศ.2546 และกฎกระทรวงแบ่งสว่ นราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวชิ าการ ของโรงเรยี น โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการโรงเรยี นข้ันพ้ืนฐาน จงึ วางระเบยี บไว้ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ 1 ระเบยี บน้ีเรียกวา่ “ระเบยี บโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรคว์ ่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรียนรตู้ ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนึ้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 พ.ศ.2552” ข้อ 2 ระเบยี บนี้ให้ใช้บงั คบั ตัง้ แต่ปกี ารศกึ ษา 2552 เป็นตน้ ไป ข้อ 3 ใหย้ กเลกิ ระเบยี บ ข้อบงั คบั หรอื คำ�ส่งั อนื่ ใด ในสว่ นทก่ี �ำ หนดไว้ในระเบียบน้ีซง่ึ ขดั หรอื แยง้ กบั ระเบยี บนี้ ให้ใชร้ ะเบียบนแ้ี ทน ข้อ 4 ระเบียบน้ีให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 พ.ศ.2552 ขอ้ 5 ใหผ้ อู้ �ำ นวยการโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์รักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบน้ี

คมู่ อื นักเรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 52 หมวดที่ 1 หลักการด�ำ เนินการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 การวดั และประเมินผลการเรยี นรูต้ ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรแู้ ละพฒั นาการดา้ นต่างๆ ของผเู้ รียนตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดของหลักสูตรนำ�ผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้และใช้เป็นข้อมูล ส�ำ หรับตัดสนิ ผลการเรยี น เพอ่ื ใหก้ ารดำ�เนินการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้เปน็ ไปอยา่ งมคี ณุ ภาพและ ประสิทธภิ าพ และใหผ้ ลการประเมนิ ทตี่ รงตามความรู้ความสามารถที่แทจ้ ริงของผเู้ รียน ถูกตอ้ งตาม หลกั การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ รวมทงั้ สามารถรองรบั การประเมินภายในและการประเมนิ ภายนอก ตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาจึงได้กำ�หนดหลักการดำ�เนินการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพอื่ เป็นแนวทางในการตดั สนิ ใจเก่ียวกับการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดงั น้ี ขอ้ 6 โรงเรยี นเป็นผรู้ บั ผิดชอบการวัดและการประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น โดยเปิดโอกาส ใหผ้ ู้ท่เี กยี่ วข้องมสี ่วนรว่ ม ขอ้ 7 การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้มีจุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและตัดสินผล การเรยี น ข้อ 8 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ช้วี ดั ตามกลมุ่ สาระการเรยี นรูท้ ีก่ �ำ หนดในหลกั สูตรโรงเรียน และจัดใหม้ กี ารประเมนิ การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตลอดจนกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ขอ้ 9 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน ต้องด�ำ เนินการดว้ ยเทคนคิ วิธกี ารท่ีหลากหลาย เพือ่ ให้สามารถวัดและประเมินผลผเู้ รยี นได้อยา่ งรอบ ดา้ น ทัง้ ด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤตกิ รรมและเจตคติ เหมาะสมกบั สง่ิ ที่ต้องการวัด ธรรมชาติ วชิ าและระดบั ชั้น ของผ้เู รยี น โดยตัง้ อยบู่ นพน้ื ฐานความเที่ยงตรง ยตุ ิธรรม และเชอื่ ถอื ได้ ขอ้ 10 การประเมนิ ผู้เรยี นพิจารณาจากพฒั นาการของผเู้ รียน ความประพฤติ การสังเกต พฤตกิ รรมการเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรยี นการสอน ตามความ เหมาะสมของแต่ละระดบั และรูปแบบการศึกษา ขอ้ 11 เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนและผ้มู สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งตรวจสอบผลการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ขอ้ 12 มีการเทยี บโอนผลการเรียนระหวา่ งโรงเรยี นและรปู แบบการศกึ ษาตา่ งๆ ขอ้ 13 โรงเรยี นจดั ท�ำ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เพ่ือเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผลการเรยี น แสดงวฒุ ิการศึกษาและรบั รองผลการเรยี นของผเู้ รียน

53 คูม่ อื นกั เรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ หมวดท่ี 2 วธิ ีการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กำ�หนดจดุ หมาย สมรรถนะสำ�คัญ ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเปา้ หมายและกรอบทศิ ทางในการ พฒั นาผเู้ รยี น ให้เป็นคนดี มีปัญญา มคี ณุ ภาพชวี ิตทีด่ ีและมขี ีดความสามารถในการแขง่ ขันในเวทรี ะดบั โลก ก�ำ หนดให้ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรูต้ ามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดท่ีกำ�หนดในสาระการเรียนรู้ 8 กล่มุ สาระ มคี วามสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และเข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ของผูเ้ รยี น ประกอบดว้ ย ข้อ 14 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนด�ำ เนนิ การวดั และ ประเมินผลโดยครูผู้สอนวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาบนพ้ืนฐานตัวชี้วัดในรายวิชา พ้ืนฐานและผลการเรยี นรู้ในรายวิชาเพิม่ เติมตามทก่ี ำ�หนดในหน่วยการเรียนรู้ ในลักษณะต่างๆ ดงั นี้ 14.1 ครผู ้สู อนตอ้ งแจ้งมาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ดั หรือผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวดั และ ประเมนิ ผล เกณฑข์ น้ั ต�่ำ ของการผา่ นในรายวิชาน้ันๆ ใหผ้ ้เู รียนทราบ 14.2 การประเมินผลกอ่ นเรียน เป็นการตรวจสอบความรู้พ้ืนฐานของผเู้ รียนในเบอื้ งต้น เพื่อนำ�ไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับพ้ืนฐานของผู้เรียนตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้น ผู้เรียนเปน็ สำ�คัญ และคะแนนวัดผลก่อนเรยี นไมม่ ีผลต่อการตัดสนิ ผลการเรยี น 14.3 การประเมินผลระหว่างเรยี น เปน็ การตรวจสอบพฒั นาการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น เพื่อ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของผู้เรียนและส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถเกิดพัฒนาการสูงสุด ตามศักยภาพของตน และต้องให้ความสำ�คัญการประเมินระหวา่ งเรียนมากกวา่ การประเมินปลายภาค 14.4 การประเมินผลหลังเรียนเป็นการตรวจสอบความสำ�เร็จและพัฒนาการของ ผเู้ รยี น ตามมาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั หรอื ผลการเรียนรู้ 14.5 การประเมินผลปลายภาคเรยี น เปน็ การประเมินเพ่ือตรวจสอบผลการเรียนรู้ของ ผู้เรยี นในการเรียนร้รู ายวชิ าต่างๆ ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด เมื่อวัดผลปลายภาคเรยี นแลว้ ให้ นำ�คะแนนการประเมนิ ท้งั หมดมารวมกัน เพื่อสรุปผลการเรยี นเป็นผลสัมฤทธิร์ ายวิชาของผูเ้ รยี น การ กำ�หนดสดั ส่วนคะแนนระหว่างเรยี นกบั คะแนนปลายภาคเรยี นขึ้นอยู่กบั ลักษณะ ธรรมชาตขิ องรายวิชา ซ่ึงเป็นคะแนนระหวา่ งภาคเรียน : ปลายภาคเรียน เทา่ กบั 80 : 20 หรือ 70 : 30 14.6 เลือกวิธีการวัดและประเมินผลที่สะท้อนความรู้ความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน และประเมินอย่างต่อเน่ืองไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอนโดยสังเกตพัฒนาการและความประพฤติ ของผู้เรียน สังเกตพฤตกิ รรมการเรียน การรว่ มกิจกรรม ผู้สอนควรเน้นการประเมินตามสภาพจริง เชน่

คมู่ ือนกั เรียนโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 54 1) ประเมินผลดว้ ยการตอบคำ�ถาม การสอบปากเปล่า การท�ำ ใบงาน และ แบบฝึกทักษะ 2) ประเมนิ ผลจากการปฏบิ ตั ิ เชน่ การมอบหมายชิน้ งาน 3) ประเมินผลจากงานหรือกิจกรรมท่ีปฏบิ ัติ 4) ประเมินผลจากแฟม้ สะสมงาน 5) ประเมนิ ผลจากการทดสอบ ขอ้ 15 การประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น การประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น เป็นการประเมนิ ศกั ยภาพของผ้เู รยี น ในการอา่ นหนงั สอื เอกสาร และสื่อต่างๆ เพ่ือหาความรู้ เพิม่ พูนประสบการณ์ เพ่อื ความสนุ ทรีย์และ ประยุกตใ์ ช้ แลว้ น�ำ มาคดิ วเิ คราะห์เนือ้ หาสาระทอี่ า่ น นำ�ไปสู่การแสดงความคดิ เหน็ การสงั เคราะห์ สร้างสรรค์ การแกป้ ญั หาในเรอื่ งต่างๆ และถ่ายทอดความคดิ น้นั ด้วยการเขียนท่ีมสี ำ�นวนภาษาถูกตอ้ ง มเี หตผุ ลและล�ำ ดับขั้นตอนในการน�ำ เสนอ สามารถสรา้ งความเข้าใจแกผ่ ู้อา่ นได้อย่างชดั เจนตามระดบั ความสามารถในแตล่ ะระดบั ชั้น การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น โรงเรียนไดด้ ำ�เนินการอยา่ งต่อเน่อื งและ สรปุ ผลเป็นรายภาค เพอ่ื วนิ จิ ฉยั และใช้เปน็ ขอ้ มูลในการพัฒนาผู้เรียนและประเมินการเล่ือนช้ันเรยี น ตลอดจนการจบการศกึ ษาระดบั ต่างๆ ข้อ 16 การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เป็นการประเมนิ คุณลักษณะท่ีตอ้ งการใหเ้ กิด ขึ้นกบั ผู้เรียน อนั เปน็ คุณลกั ษณะที่สงั คมต้องการในดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม จิตส�ำ นกึ สามารถ อย่รู ่วมกบั ผ้อู ื่นในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข ทงั้ ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก หลักสูตรแกนกลางการ ศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กำ�หนดคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 คุณลกั ษณะ โดยประเมิน แตล่ ะคณุ ลักษณะ แล้วรวบรวมผลการประเมินจากผ้ปู ระเมนิ ทกุ ฝ่ายและแหลง่ ข้อมลู หลายแหลง่ เพอ่ื ให้ ไดข้ อ้ มลู นำ�มาสู่การสรปุ ผลเป็นรายภาค และใช้เปน็ ข้อมูลเพื่อประเมนิ การเลอื่ นชนั้ เรยี นและการจบการ ศกึ ษาระดับต่างๆ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8 คณุ ลักษณะ ดังนี้ 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2) ซ่อื สตั ย์สุจริต 3) มวี นิ ัย 4) ใฝเ่ รยี นรู้ 5) อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6) มงุ่ มน่ั ในการท�ำ งาน

55 คู่มอื นกั เรียนโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 7) รักความเป็นไทย 8) มีจติ สาธารณะ ข้อ 17 การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน เปน็ การประเมินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและผลงานของ ผู้เรียน และเวลาในการเข้าร่วมกจิ กรรมตามเกณฑ์ทีก่ �ำ หนดไว้ในแตล่ ะกิจกรรมและใชเ้ ป็นข้อมลู ประเมิน การเลอ่ื นชน้ั และการจบการศึกษาระดบั ต่างๆ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มดี ังนี้ 17.1 กิจกรรมแนะแนว 17.2 กจิ กรรมนกั เรยี น ประกอบด้วย 1) ลกู เสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ �ำ เพญ็ ประโยชน์และนักศึกษาวชิ าทหาร 2) ชมุ นุม/ชมรม ทัง้ นผ้ี เู้ รียนระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ จะต้องเข้าร่วมกจิ กรรมท้งั ขอ้ 1) และ 2) สำ�หรับ ผู้เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายสามารถเลือกเขา้ กิจกรรมใดกจิ กรรมหนง่ึ ในขอ้ 1) และ 2) 17.3 กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ หมวดที่ 3 เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ขอ้ 18 การตดั สนิ ผลการเรียน โรงเรียนไดก้ �ำ หนดหลกั เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ เพ่อื ตดั สนิ ผลการเรียน ของผเู้ รียน ดังนี้ 1) ตดั สินผลการเรยี นเปน็ รายวิชา 2) ผูเ้ รียนตอ้ งมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรยี น ทงั้ หมด ในรายวิชานัน้ ๆ 3) ผู้เรยี นต้องได้รับการประเมนิ ทกุ ตัวช้ีวดั และผา่ นตัวช้ีวัดตามเกณฑ์ทกี่ ลุ่มสาระ ก�ำ หนด 4) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี นทุกรายวิชา 5) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน โดยมีผลการประเมนิ ผ่าน ตามเกณฑ์ทีโ่ รงเรียนก�ำ หนด การตัดสินผลการเรียน ตดั สนิ เป็นรายวิชา โดยใชผ้ ลการประเมินระหว่างภาคและปลาย ภาคเรยี นตามสดั สว่ นทโี่ รงเรียนก�ำ หนด ทุกรายวชิ าต้องได้รบั การตดั สนิ และใหร้ ะดับผลการเรียน ทงั้ นี้ ผเู้ รียนต้องผา่ นทกุ รายวิชาพ้ืนฐาน

คมู่ ือนักเรยี นโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 56 ข้อ 19 การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น 19.1 การตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้ใช้ ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรยี นเป็น 8 ระดบั แนวการให้ระดบั ผลการเรียน 8 ระดบั และความหมายของ แตล่ ะระดับเป็นดังน้ี ระดับผลการเรียน 4 หมายถงึ ดีเยยี่ ม ชว่ งคะแนนเปน็ ร้อยละ 80-100 ระดับผลการเรยี น 3.5 หมายถึง ดมี าก ชว่ งคะแนนเป็นรอ้ ยละ 75-79 ระดบั ผลการเรยี น 3 หมายถึง ดี ชว่ งคะแนนเปน็ รอ้ ยละ 70-74 ระดับผลการเรียน 2.5 หมายถึง ค่อนขา้ งดี ชว่ งคะแนนเปน็ รอ้ ยละ 65-69 ระดับผลการเรียน 2 หมายถึง ปานกลาง ช่วงคะแนนเปน็ ร้อยละ 60-64 ระดบั ผลการเรียน 1.5 หมายถงึ พอใช้ ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ 55-59 ระดับผลการเรยี น 1 หมายถงึ ผ่านเกณฑข์ ัน้ ตํา่ ช่วงคะแนนเป็นรอ้ ยละ 50-54 ระดบั ผลการเรียน 0 หมายถึง ต่ำ�กวา่ เกณฑ ์ ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ 0-49 ในกรณที ีไ่ ม่สามารถใหร้ ะดบั ผลการเรยี นเปน็ 8 ระดับได้ใหใ้ ชต้ ัวอักษร ระบุเงือ่ นไข ของผลการเรยี น ดงั น้ี “มส” หมายถงึ ผู้เรยี นไม่มสี ิทธิเ์ ขา้ รับการวัดผลปลายภาคเรยี น เนือ่ งจากผูเ้ รยี นมเี วลา เรียนไม่ถงึ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนในแตล่ ะรายวิชาและไม่ไดร้ ับการผ่อนผันใหเ้ ขา้ รบั การวดั ผลปลาย ภาคเรยี น “ร” หมายถงึ รอการตัดสนิ และยงั ตดั สนิ ผลการเรยี นไม่ได้ เน่อื งจากผู้เรียนไม่มี ขอ้ มูลผลการเรยี นรายวิชานั้นครบถ้วน ได้แก่ ไม่ไดว้ ัดผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไม่ได้สง่ งานที่ มอบหมายใหท้ ำ� ซงึ่ งานน้นั เปน็ ส่วนหน่งึ ของการตัดสนิ ผลการเรยี น หรือมีเหตสุ ดุ วสิ ัยที่ทำ�ใหป้ ระเมนิ ผล การเรยี นไม่ได้ 19.2 การประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ให้ระดับผลการประเมนิ เปน็ ผา่ น และไม่ผา่ น กรณที ่ผี ่านให้ระดบั ผลการประเมินเป็นดเี ย่ียม ดี และผา่ น ในการสรุปผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน เพื่อการเลอื่ นช้ันและจบ การศึกษา ก�ำ หนดเกณฑ์การตัดสนิ เป็น 4 ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดบั ดังน้ี ดีเยี่ยม หมายถงึ มีผลงานทแี่ สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ที่มีคณุ ภาพดีเลศิ อย่เู สมอ ดี หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ท่ีมคี ุณภาพเป็นทย่ี อมรับ ผ่าน หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ที่มีคุณภาพเป็นทีย่ อมรับ แต่ยงั มขี อ้ บกพร่องบางประการ

57 คู่มือนกั เรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ ไม่ผ่าน หมายถงึ ไมม่ ีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และ เขียน หรือถา้ มผี ลงาน ผลงานนน้ั ยังมีขอ้ บกพรอ่ งทต่ี อ้ งไดร้ ับการปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการ 19.3 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้ระดบั ผลการประเมนิ เปน็ ผ่านและ ไมผ่ า่ น กรณที ่ีผา่ นใหร้ ะดบั ผลการประเมนิ เป็นดีเย่ยี ม ดี และผา่ น ในการสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะเพ่ือการเลื่อน ช้นั และจบการศึกษา กำ�หนดเกณฑก์ ารตดั สนิ เป็น 4 ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดับ ดงั น้ี ดเี ยี่ยม หมายถงึ ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและนำ�ไปใช้ในชีวิต ประจำ�วนั เพอ่ื ประโยชน์สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ดเี ยี่ยม (3) จำ�นวน 5-8 คุณลักษณะและไมม่ คี ณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตำ่�กว่าระดับดี (2) ดี หมายถงึ ผูเ้ รียนมคี ณุ ลักษณะในการปฏิบัตติ ามกฎเกณฑ์ เพ่ือใหเ้ ปน็ การยอมรบั ของสังคม โดยพิจารณาจาก 1) ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ย่ียม (3) จ�ำ นวน 1-4 คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลักษณะ ใดไดผ้ ลการประเมินตํา่ กว่าระดบั ดี (2) หรือ 2) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดเี ยี่ยม (3) จ�ำ นวน 4 คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ีคณุ ลักษณะใด ได้ผลการประเมนิ ตํ่ากว่าระดบั ผา่ น (1) หรือ 3) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี (2) จำ�นวน 5-8 คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ณุ ลักษณะใดได้ ผลการประเมนิ ตาํ่ กว่าระดับผ่าน (1) ผ่าน หมายถึง ผเู้ รียนรบั รู้และปฏบิ ัติตามกฎเกณฑแ์ ละเง่อื นไขท่โี รงเรียนก�ำ หนดโดย พจิ ารณาจาก 1) ได้ผลการประเมินระดบั ผา่ น (1) จำ�นวน 5-8 คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ณุ ลกั ษณะใด ไดผ้ ลการประเมินตํ่ากว่าระดบั ผ่าน (1) หรือ 2) ได้ผลการประเมินระดับดี (2) จำ�นวน 4 คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ล การประเมนิ ตํ่ากว่าระดบั ผ่าน (1) ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่โรงเรียน ก�ำ หนด โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ ่าน (0) ต้ังแต่ 1 คุณลักษณะ 19.4 การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนใหผ้ ลการประเมนิ เป็นผา่ นและไม่ผ่าน ต้อง พจิ ารณาทั้งเวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม การปฏบิ ตั ิกิจกรรมและผลงานของผู้เรยี นตามเกณฑท์ โี่ รงเรียน กำ�หนด การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน มี 3 ลักษณะ คือ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนกั เรยี น ซ่ึงประกอบด้วย

คมู่ อื นักเรียนโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 58 (1) กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำ�เพ็ญประโยชน์ และนกั ศกึ ษา วชิ าทหาร โดยผู้เรยี นเลือกอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง 1 กจิ กรรม (2) กจิ กรรมชมุ นมุ หรอื ชมรมอกี 1 กจิ กรรม (3) กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผ้เู รยี นมีเวลาเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและมี ผลงานตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก�ำ หนด “มผ” หมายถงึ ผูเ้ รียนมีเวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ปฏิบัตกิ ิจกรรมและมี ผลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่โรงเรียนก�ำ หนด ในกรณที ผ่ี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น“มผ”โรงเรยี นตอ้ งจดั ซอ่ มเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ในส่วนทผ่ี เู้ รยี นไมไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มหรอื ไมไ่ ดท้ ำ�จนครบถว้ น แลว้ จงึ เปล่ยี นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ตอ้ งดำ�เนนิ การให้เสรจ็ สิ้นภายในภาคเรยี นนั้นๆ ยกเว้นมเี หตุสดุ วิสยั ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของโรงเรยี นที่ จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กิน 1 ภาคเรียน แต่ต้องดำ�เนินการให้เสร็จสิน้ ภายในปกี ารศึกษานัน้ ขอ้ 20 การเปลยี่ นผลการเรยี น 20.1 การเปลี่ยนผลการเรยี น “0” โรงเรียนจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดท่ีผู้เรียน สอบไม่ผา่ น แลว้ จงึ สอบแก้ตวั ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ถา้ ผเู้ รยี นไม่ดำ�เนินการสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาทโ่ี รงเรยี น กำ�หนด ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของโรงเรียนทจ่ี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี 1 ภาคเรยี น ท้งั น้ีต้องด�ำ เนิน การให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน การสอบแกต้ ัวใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรยี นไมเ่ กิน “1” กรณีท่ผี ู้เรยี นสอบแกต้ ัว 2 ครัง้ แล้วยงั ไดร้ ะดับผลการเรยี น “0” ให้โรงเรียน แตง่ ตงั้ คณะกรรมการด�ำ เนนิ การเกีย่ วกับการเปล่ียนผลการเรยี นของผู้เรียนโดยปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1) ถ้าเปน็ รายวชิ าพ้นื ฐานให้เรียนซ้�ำ รายวชิ านน้ั 2) ถ้าเป็นรายวชิ าเพิม่ เตมิ ใหเ้ รียนซ้�ำ หรอื เปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหม่ ทง้ั น้ีขอให้ อยู่ในดุลยพินจิ ของโรงเรยี น ในกรณีทีเ่ ปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี น วา่ เรยี นแทนรายวชิ าใด 20.2 การเปลย่ี นผลการเรียน “ร” การเปล่ยี นผลการเรยี น “ร” ให้ด�ำ เนนิ การดงั นี้ 1) ใหผ้ เู้ รียนดำ�เนนิ การแกไ้ ขผลการเรยี น “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผเู้ รยี นไดแ้ ก้ไข ปัญหาเสรจ็ แลว้ ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการเรียนตามปกติ (ตัง้ แต่ 0-4)

59 ค่มู อื นกั เรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 2) ถ้าผเู้ รยี นไม่ดำ�เนนิ การแก้ไขผลการเรียน “ร” ให้ผสู้ อนน�ำ ขอ้ มูลท่ี มีอย่ตู ัดสินผลการเรยี นยกเว้นมเี หตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของโรงเรยี นทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกนิ 1 ภาคเรยี น ทงั้ น้ีตอ้ งดำ�เนนิ การใหเ้ สร็จส้นิ ภายในปกี ารศกึ ษานั้น กรณีท่ผี ลการเรยี น เปน็ “0” ใหด้ ำ�เนนิ การแก้ไขตามหลกั เกณฑก์ ารเปลย่ี นผลการเรียน “0” 20.3 การเปล่ียนผลการเรยี น “มส” การเปลย่ี นผลการเรียน “มส” มี 2 กรณี ดังน้ี 1) กรณีผูเ้ รยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรยี นไมถ่ ึงร้อยละ 80 แตม่ ี เวลาเรียนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรียนท้ังหมด ใหจ้ ดั ให้เรียนเพิม่ เตมิ โดยใช้ชวั่ โมงสอนซอ่ มเสริม หรอื ใช้เวลาว่าง หรือใชว้ ันหยดุ หรือมอบหมายงานให้ท�ำ จนมีเวลาเรยี นครบตามทกี่ �ำ หนดไว้สำ�หรบั รายวชิ านั้น แล้วจึงให้วดั ผลปลายภาคเป็นกรณพี เิ ศษ การแกผ้ ลการเรียน “มส” ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียน ไมเ่ กิน “1” การแกผ้ ลการเรยี น “มส” กรณีนี้ให้กระทำ�ใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในปกี ารศึกษานนั้ ถา้ ผู้เรียนไม่ มาด�ำ เนนิ การแก้ผลการเรียน “มส” ตามระยะเวลาทีก่ ำ�หนดไวน้ ้ีให้เรียนซำ้� ยกเวน้ มีเหตสุ ดุ วสิ ัย ให้อยใู่ น ดลุ ยพนิ ิจของโรงเรยี นจะขยายเวลาการแก้ผลการเรยี น “มส” ออกไปอกี ไม่เกนิ 1 ภาคเรียน แต่เมอ่ื พ้น กำ�หนดนีแ้ ลว้ ให้ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี (1) ถา้ เปน็ รายวิชาพ้ืนฐานใหเ้ รียนซ้ำ�รายวิชานั้น (2) ถา้ เปน็ รายวิชาเพ่มิ เตมิ ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของโรงเรยี น ใหเ้ รยี นซา้ํ หรือ เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ 2) กรณผี ู้เรยี นได้ผลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรยี นนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ของเวลาเรยี นท้ังหมด ให้โรงเรยี นดำ�เนินการดังน้ี (1) ถา้ เป็นรายวชิ าพืน้ ฐานใหเ้ รียนซำ�้ รายวชิ าน้นั (2) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเตมิ ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของโรงเรยี น ใหเ้ รียนซา้ํ หรือ เปลยี่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ในกรณที ี่เปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี น ว่าเรยี นแทนรายวิชาใด การเรยี นซํา้ รายวชิ า หากผเู้ รยี นได้รบั การสอนซอ่ มเสริมและสอบแกต้ วั 2 ครงั้ แล้ว ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ให้เรยี นซํา้ รายวชิ าน้ันอกี ทงั้ น้ี ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของโรงเรยี นในการจัด ให้เรียนซํ้าในชว่ งใดชว่ งหนึง่ ท่โี รงเรียนเหน็ วา่ เหมาะสม เชน่ พักกลางวัน วนั หยดุ ชั่วโมงวา่ ง หลังเลกิ เรยี น ภาคฤดูรอ้ น เปน็ ต้น ในกรณีภาคเรียนท่ี 2 หากผเู้ รียนยังมผี ลการเรียน “0” “ร” “มส” ใหด้ ำ�เนนิ การให้เสร็จส้ินก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไปโรงเรียนอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อ

คู่มือนักเรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 60 แกไ้ ขผลการเรียนของผเู้ รียนได้ 20.4 การเปล่ียนผลการเรียน “มผ” ในกรณที ผี่ ูเ้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “มผ” โรงเรยี นต้องจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นทำ� กจิ กรรม ในส่วนทผี่ ู้เรียนไมไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มหรอื ไมไ่ ดท้ �ำ จนครบถว้ น แลว้ จึงเปลยี่ นผลการ เรียนจาก “มผ” เปน็ “ผ”ได้ ทั้งนดี้ ำ�เนนิ การใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในภาคเรียนนั้นๆ ยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วสิ ยั ให้ อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของโรงเรยี นทจ่ี ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ 1 ภาคเรียน แตต่ อ้ งด�ำ เนินการให้ เสรจ็ สิน้ ภายในปีการศึกษาน้นั ข้อ 21 การสอนซอ่ มเสริม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ก�ำ หนดให้โรงเรียนจัดสอน ซอ่ มเสรมิ เพอ่ื พัฒนาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นเต็มตามศักยภาพ การสอนซอ่ มเสริม เปน็ การสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพรอ่ ง กรณีทผ่ี เู้ รยี นมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรอื เจตคต/ิ คณุ ลักษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ี่โรงเรยี นกำ�หนด โรงเรียนตอ้ งจัดสอนซอ่ ม เสรมิ เปน็ กรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพอื่ พฒั นาให้ผ้เู รียนสามารถบรรลตุ ามมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชว้ี ัดท่ีก�ำ หนดไว้ เปน็ การให้โอกาสแกผ่ ู้เรยี นไดเ้ รยี นรแู้ ละพฒั นา โดยจัดกิจกรรมการเรยี น รูท้ ี่หลากหลาย และตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล การสอนซอ่ มเสรมิ สามารถด�ำ เนินการได้ใน กรณดี ังต่อไปน้ี 21.1 ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะพนื้ ฐานไม่เพียงพอทีจ่ ะศึกษาในแตล่ ะรายวิชานน้ั ควร จดั การสอนซ่อมเสรมิ ปรับความรู้ ทกั ษะพ้ืนฐาน 21.2 ผเู้ รียนไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรือเจตคต/ิ คุณลกั ษณะ ที่ก�ำ หนดไว้ตามมาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้วี ัดในการประเมนิ ผลระหว่างเรยี น 21.3 ผู้เรียนท่ีไดร้ ะดบั ผลการเรียน “0” ใหจ้ ดั การสอนซ่อมเสรมิ ก่อนสอบแก้ตัว 21.4 กรณผี เู้ รยี นมีผลการเรยี นไม่ผ่าน สามารถจดั สอนซ่อมเสริมในภาคฤดูรอ้ นเพอ่ื แกไ้ ขผลการเรยี น ท้ังนใี้ หอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของโรงเรยี น ข้อ 22 การเล่ือนช้ัน เมื่อสน้ิ ปกี ารศึกษาผู้เรยี นทีจ่ ะได้รับการเล่ือนชัน้ ต้องมีคณุ สมบัตติ ามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 22.1 รายวชิ าพนื้ ฐาน และรายวิชาเพม่ิ เติม ได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี นผ่านตามเกณฑ์ ทกี่ ลุม่ สาระการเรียนรกู้ ำ�หนด 22.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีโรงเรียน กำ�หนดในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

61 คู่มือนักเรียนโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 22.3 ระดับผลการเรียนเฉลีย่ ในปีการศึกษานน้ั ควรได้ไมต่ า่ํ กว่า 1.00 ทงั้ นี้รายวชิ าใดทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ์การประเมิน โรงเรียนต้องจัดซอ่ มเสริมผู้เรยี นใหไ้ ด้รบั การแก้ไขในภาคเรียนถดั ไป แต่ใหเ้ สร็จสนิ้ ภายในปีการศกึ ษานัน้ ๆ ข้อ 23 การเรียนซํ้าชั้น ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจำ�นวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนใน ระดับช้นั ทส่ี ูงข้ึน โรงเรยี นอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ําช้ันได้ ท้งั น้ใี หค้ ำ�นงึ ถงึ วุฒภิ าวะและ ความรู้ความสามารถของผูเ้ รียนเป็นสำ�คัญ ซึง่ การเรียนซำ้�ชั้น มี 2 ลักษณะ คือ 23.1 ผ้เู รียนได้ระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศกึ ษานั้นต่�ำ กวา่ 1.00 และมีแนวโนม้ ว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรยี นในระดับชนั้ ทส่ี งู ข้ึน 23.2 ผู้เรียนมีผลการเรยี น 0, ร, มส เกนิ ครึ่งหนง่ึ ของรายวชิ าทลี่ งทะเบยี นเรยี นใน ปกี ารศกึ ษานั้น ทงั้ นี้ หากเกดิ ลกั ษณะใดลกั ษณะหนงึ่ หรอื ทั้ง 2 ลักษณะ ให้โรงเรยี นแตง่ ตง้ั คณะ กรรมการพจิ ารณา หากเห็นวา่ ไม่มีเหตุผลอันสมควรกใ็ ห้ซ้ำ�ช้นั โดยยกเลกิ ผลการเรยี นเดิมและใหใ้ ชผ้ ล การเรยี นใหมแ่ ทน หากพิจารณาแลว้ ไมต่ ้องเรยี นซ้�ำ ชน้ั ให้อย่ใู นดุลยพนิ ิจของโรงเรียนในการแก้ไขผล การเรียน ขอ้ 24 เกณฑก์ ารจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 24.1 ผู้เรียนเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานและเพมิ่ เตมิ โดยเปน็ รายวชิ าพ้ืนฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพิม่ เตมิ ตามท่ีโรงเรียนกำ�หนด 24.2 ผู้เรยี นต้องไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลกั สตู รไม่น้อยกวา่ 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวชิ า พนื้ ฐาน 66 หน่วยกิต และรายวิชาเพ่ิมเติมไม่นอ้ ยกว่า 15 หน่วยกติ 24.3 ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ในระดบั ผา่ นเกณฑ์ การประเมินตามทโ่ี รงเรยี นกำ�หนด 24.4 ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การ ประเมินตามท่ีโรงเรยี นก�ำ หนด 24.5 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตามทโ่ี รงเรียนกำ�หนด ข้อ 25 เกณฑก์ ารจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 25.1 ผเู้ รียนเรียนรายวิชาพ้นื ฐานและเพม่ิ เตมิ โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 41 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเติมตามทโ่ี รงเรียนก�ำ หนด 25.2 ผเู้ รียนต้องได้หน่วยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกว่า 81 หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวชิ า

คมู่ ือนักเรยี นโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 62 พ้นื ฐาน 41 หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไม่นอ้ ยกว่า 40 หนว่ ยกิต 25.3 ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นในระดับผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ ตามท่โี รงเรียนก�ำ หนด 25.4 ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตามท่โี รงเรยี นก�ำ หนด 25.5 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตามท่ีโรงเรียนก�ำ หนด หมวดที่ 4 การเทยี บโอนผลการเรยี น โรงเรียนสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรยี นจากโรงเรียนไดใ้ นกรณตี ่างๆ ได้แก่ การยา้ ย โรงเรยี น การเปลี่ยนรูปแบบการศกึ ษา การยา้ ยหลักสตู ร การละทิ้งการศึกษาและการขอกลับเข้ารบั การศกึ ษาต่อการศกึ ษาจากตา่ งประเทศและขอเข้าศกึ ษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถ เทยี บ โอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรยี นรอู้ น่ื ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชพี การจัดการศึกษาโดยครอบครวั เป็นต้น การเทียบโอนผลการเรียนควรดำ�เนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรกหรือต้นภาคเรียนแรก ที่โรงเรยี นรับผขู้ อเทยี บโอนเป็นผ้เู รียน ทง้ั นี้ผู้เรียนทไ่ี ดร้ บั การเทียบโอนผลการเรียนต้องศกึ ษาต่อเน่อื ง ในโรงเรียนทีร่ บั เทยี บโอนอย่างนอ้ ย 1 ภาคเรียน โดยโรงเรยี นที่รับการเทียบโอนควรกำ�หนดรายวิชา จ�ำ นวนหนว่ ยกติ ที่จะรบั เทยี บโอนตามความเหมาะสม ขอ้ 26 การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดำ�เนินการไดด้ งั นี้ 1) พจิ ารณาจากหลักฐานการศึกษา ซึง่ จะใหข้ อ้ มลู ท่ีแสดงความรู้ ความสามารถของ ผเู้ รียนในดา้ นตา่ งๆ 2) พิจารณาจากความรู้ ประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ัติจรงิ การทดสอบ การ สมั ภาษณ์ เป็นตน้ 3) พิจารณาจากความสามารถ และการปฏบิ ตั ิจริง ข้อ 27 การเทียบโอนผลการเรียน ใหด้ �ำ เนนิ การในรูปของคณะกรรมการการเทียบโอน จ�ำ นวน ไมน่ อ้ ยกว่า 3 คน แต่ไม่ควรเกิน 5 คน โดยมแี นวทางในการเทยี บโอน ดงั นี้ 1) กรณผี ขู้ อเทยี บโอนมผี ลการเรยี นมาจากหลักสูตรอ่ืน ให้น�ำ รายวชิ าหรอื หน่วยกิต ทม่ี มี าตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนร/ู้ จดุ ประสงค์/เนอ้ื หาทีส่ อดคลอ้ งกนั ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 60 มาเทยี บโอนผลการเรียนและพจิ ารณาให้ระดบั ผลการเรียนใหส้ อดคล้องกับหลกั สตู รทีร่ บั เทยี บโอน

63 คูม่ อื นกั เรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 2) กรณีการเทยี บโอนความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ ใหพ้ ิจารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินดว้ ยเครอ่ื งมอื ทห่ี ลากหลายและให้ระดบั ผลให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รที่รบั เทยี บโอน 3) กรณีการเทียบโอนทนี่ ักเรยี นเข้าโครงการแลกเปลีย่ นต่างประเทศ ให้ดำ�เนินการ ตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอื่ ง หลักการและแนวปฏบิ ตั ิการเทียบชัน้ การศึกษา สำ�หรับนักเรยี น ทีเ่ ขา้ รว่ มโครงการแลกเปล่ียน หมวดที่ 5 เอกสารหลักฐานการศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ข้อ 28 เอกสารหลักฐานการศึกษาถือเป็นเอกสารสำ�คัญที่โรงเรียนต้องจัดทำ�ขึ้นเพ่ือใช้ในการ ด�ำ เนนิ งานในด้านตา่ งๆ ของการจดั การศึกษา ดังนี้ 1) บันทึกข้อมูลในการดำ�เนินการจัดการเรียนการสอนและประเมินผลการเรียน ได้แก่ แบบบนั ทึกผลการเรียนประจำ�รายวิชา 2) ติดตอ่ ส่อื สาร รายงานขอ้ มูล และผลการเรียนของผ้เู รยี น ได้แก่ แบบรายงาน ประจ�ำ ตวั นักเรยี น ระเบียนสะสม 3) จดั ท�ำ และออกหลักฐานแสดงวฒุ ิหรอื รบั รองผลการเรียนของผเู้ รยี นได้แก่ระเบยี น แสดงผลการเรียนของผูเ้ รียน ประกาศนยี บัตร แบบรายงานผู้ส�ำ เร็จการศึกษา และใบรับรองผลการเรยี น ข้อ 29 เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทโี่ รงเรยี นจะตอ้ งด�ำ เนนิ การมี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ เอกสาร หลกั ฐานการศกึ ษาที่กระทรวงศกึ ษาธิการก�ำ หนด และเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทโ่ี รงเรยี นกำ�หนด 29.1 เอกสารหลักฐานการศกึ ษาท่ีกระทรวงศึกษาธกิ ารก�ำ หนด เปน็ เอกสารเพ่อื ใช้ เป็นหลักฐานสำ�หรบั การตรวจสอบยนื ยันและรบั รองผลการเรียนของผู้เรียน โรงเรียนใช้แบบพิมพข์ อง กระทรวงศึกษาธิการและด�ำ เนนิ การตามที่กระทรวงศกึ ษาธิการกำ�หนดไวเ้ ปน็ มาตรฐานเดียวกนั ดังน้ี 1) ระเบียนแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) 2) ประกาศนยี บัตร (ปพ.2) 3) แบบรายงานผู้ส�ำ เร็จการศึกษา (ปพ.3) 29.2 เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทโี่ รงเรียนก�ำ หนด เป็นเอกสารทโ่ี รงเรยี นจัดทำ�ขึ้น เพ่อื บันทกึ พฒั นาการ ผลการเรยี นรู้ และขอ้ มูลสำ�คัญเกย่ี วกับผู้เรยี น ดังน้ี 1) แบบบนั ทกึ ผลการเรยี นประจ�ำ รายวิชา (ปพ.5) 2) แบบรายงานประจ�ำ ตวั นักเรียน (ปพ.6)

คู่มอื นกั เรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 64 3) ใบรับรองผลการเรยี นหรอื ใบรับรองผลการศกึ ษา (ปพ.7) 4) ระเบยี นสะสม (ปพ.8) หมวดท่ี 6 บทเฉพาะกาล ขอ้ 30 ให้ใช้ “ระเบยี บโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ วา่ ด้วยการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 พ.ศ.2552” ดงั น้ี ให้เริ่มใชร้ ะเบียบนใ้ี นระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 และระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ในปี การศึกษา 2552 และระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1, 2, 4, 5 ในปีการศกึ ษา 2553 และครบทกุ ระดับชั้น มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-6 ในปีการศกึ ษา 2554 ข้อ 31 การเปล่ียนแปลงแก้ไขเพ่ิมเตมิ ระเบยี บน้ี ต้องได้รบั การพิจารณาจากคณะบรหิ ารของ โรงเรียน แล้วเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานของโรงเรียนเพื่อประกาศ ใชต้ ่อไป ข้อ 32 ในกรณีนกั เรยี นทเ่ี รียนตามหลักสูตรการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานพุทธศกั ราช2544 ไ ม่สามารถ จบหลักสูตรได้ตามกำ�หนดให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2544 โรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ ขอ้ 33 ในกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการมีประกาศหรือระเบียบเพิ่มเติมเก่ียวกับการวัดและ ประเมนิ ผล หรอื เกีย่ วกับหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ใหส้ ถานศกึ ษา ด�ำ เนนิ การตามประกาศหรอื ระเบียบของกระทรวงศึกษาธกิ าร ประกาศ ณ วันท่ี 19 เดือน สงิ หาคม พ.ศ.2557 ลงช่ือ (นายกมล วงศ์สุทธ์)ิ ผอู้ �ำ นวยการโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์

65 ค่มู อื นักเรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ เกณฑ์การจบการศึกษา โรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรคไ์ ดก้ �ำ หนดเกณฑ์สำ�หรับการจบการศกึ ษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ไวด้ ังนี้ 1. เกณฑ์การจบการศกึ ษาภาคบังคบั (ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3) ผู้เรยี นจะไดร้ บั การอนมุ ตั ิให้จบหลกั สตู รการศึกษาภาคบงั คบั หรอื มัธยมศึกษาตอนตน้ ได้ จะต้อง มคี ุณสมบตั ิครบทัง้ 5 ด้าน ดงั นี้ 1.1 ผูเ้ รียน เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน และเพม่ิ เติม โดยเป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน 66 หน่วยกิต และ รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ตามทีส่ ถานศึกษาก�ำ หนด 1.2 ผู้เรยี นต้องไดห้ น่วยกติ ตลอดหลกั สูตร ไม่นอ้ ยกวา่ 77 หน่วยกติ โดยเป็น 1) รายวชิ าพื้นฐาน 66 หน่วยกิต 2) รายวชิ าเพิ่มเติมไม่น้อยกวา่ 11 หนว่ ยกิต 1.3 ผูเ้ รียนมีผลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามทีส่ ถานศึกษากำ�หนด 1.4 ผเู้ รียนมผี ลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามทส่ี ถานศึกษากำ�หนด 1.5 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำ�หนด 2. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน (ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6) ผู้เรียนจะได้รับการอนุมัติให้จบหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานหรือมัธยมศึกษาตอนปลายได้จะต้อง มคี ุณสมบัตคิ รบท้ัง 5 ดา้ น ดังน้ี 2.1 ผูเ้ รยี น เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน และเพิ่มเตมิ โดยเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน 41 หน่วยกิต และ รายวิชาเพ่ิมเตมิ ตามทส่ี ถานศกึ ษากำ�หนด 2.2 ผู้เรยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลกั สูตร ไม่น้อยกวา่ 77 หน่วยกิต โดยเปน็ 1) รายวชิ าพื้นฐาน 41 หน่วยกติ 2) รายวชิ าเพมิ่ เติมไม่นอ้ ยกวา่ 36 หนว่ ยกติ 2.3 ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน ในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามท่ีสถานศกึ ษาก�ำ หนด 2.4 ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษาก�ำ หนด 2.5 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำ�หนด

คู่มอื นกั เรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 66 งานแนะแนว การพฒั นาผู้เรยี นใหเ้ ป็นคนด ี คนเกง่ และมีความสุข ทา่ มกลางสภาพสงั คมปจั จุบันนับเปน็ ส่ิงยากยง่ิ โดยเฉพาะในยคุ ท่ีสงั คมโลกมกี ารเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็วทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม สง่ ผล กระทบโดยตรง และโดยทางอ้อมตอ่ การด�ำ เนนิ ชีวิตของคนทกุ เพศ ทุกชว่ งวัยของชวี ติ ปญั หาสังคมไดท้ วี ความซบั ซ้อนรุนแรงขึ้นทกุ ขณะ ไม่วา่ จะเป็นปัญหาการมคี า่ นิยมฟงุ้ เฟ้อ การเลยี นแบบ การแพร่ระบาด ของสารเสพตดิ การก่ออาชญากรรม การท�ำ แทง้ การฆ่าตวั ตาย ความออ่ นไหวทางจิตใจ ฯลฯ ปัญหา เหล่านี้มีสาเหตุสำ�คัญ คือ บุคคลไม่รู้จักตนเองและสภาพแวดล้อมที่ดีพอ ขาดทักษะการคิด ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา และไม่สามารถปรบั ตัวในสถานการณต์ ่างๆ ได้ซ่งึ จ�ำ เปน็ ทีส่ ถานศึกษาต้องใช้กระบวนการ แนะแนวเปน็ กลไกส�ำ คญั ในการป้องกนั ชว่ ยเหลอื สง่ เสริมและพัฒนาผู้เรยี นตัง้ แตเ่ ยาวว์ ัยเพราะจุดหมาย ของการแนะแนวเป็นกระบวนการที่มุ่งสร้างเสริมผู้เรียนให้มีคุณภาพเหมาะสม ตามความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ค้นพบและพฒั นาศกั ยภาพของตนมีทักษะการดำ�เนินชีวิต มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ศลี ธรรม จริยธรรม รจู้ ักการเรยี นรเู้ ชิงพหปุ ญั ญารู้จักคิดตดั สินใจ แก้ปัญหาในชว่ งวิกฤต วางแผนการศึกษาตอ่ และการพฒั นาตนสูโ่ ลกอาชพี และการมีงานท�ำ รวมทั้งด�ำ เนินชวี ติ อยใู่ นสงั คม อย่างมีความสุขตาม อตั ภาพ ขอบขา่ ยการแนะแนว การแนะแนวมีขอบขา่ ยสาระส�ำ คญั 3 ด้าน คอื 1. การแนะแนวการศึกษา มุ่งหวังใหผ้ ้เู รียนพฒั นาการเรยี นไดเ้ ต็มศักยภาพ รู้จักแสวงหาความ รู้และวางแผนการเรยี นได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ สามารถปรบั ตัวดา้ นการเรยี นและมนี ิสัย ใฝ่รูใ้ ฝเ่ รยี น 2. การแนะแนวอาชพี ชว่ ยให้ผ้เู รียนรจู้ กั ตนเองและโลกของงานอยา่ งหลากหลาย มเี จตคติ และนิสยั ทดี่ ีในการทำ�งาน มโี อกาสไดร้ บั ประสบการณแ์ ละฝกึ งานตามความถนดั ความสนใจ 3. การแนะแนวเพ่ือพฒั นาบคุ ลิกภาพ ชว่ ยให้ผเู้ รยี นเขา้ ใจตนเอง รักและเหน็ คณุ ค่าในตนเอง และผ้อู ืน่ มีอารมณม์ ่นั คง มีมนุษยสัมพนั ธ์ทีด่ ี เข้าใจสิง่ แวดล้อมและสามารถปรับตวั ใหด้ ำ�รงชีวิตอยู่ใน สังคมอยา่ งเป็นสุข

67 ค่มู ือนกั เรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ ภาระงานในการแนะแนว ประกอบดว้ ย 5 งานหลัก ดงั นี้ งานสารสนเทศ งานศกึ ษารวบรวมข้อมูล งานให้ค�ำ ปรึกษา งานติดตามและประเมินผล งานป้องกัน ส่งเสรมิ พัฒนา ช่วยเหลอื งานศึกษารวบรวมข้อมลู เปน็ การศกึ ษาสำ�รวจข้อมลู เกีย่ วกับตวั ผู้เรียนด้วยวธิ กี ารต่างๆ เช่น การสังเกต สมั ภาษณ์ ใชแ้ บบสอบถาม แบบทดสอบ การเขยี นอัตชวี ประวัติ สงั คมมิต ิ การเยี่ยมบ้านโดยมีการบนั ทกึ ขอ้ มูลในระเบียนพฤติการณ์ ระเบยี นสะสม สมุดรายงานประจ�ำ ตวั ผู้เรยี น เปน็ ตน้ ข้อมลู เหลา่ นี้จะชว่ ยให้ครูร้จู ักผเู้ รยี นแต่ละคนวา่ เปน็ อย่างไร ต้องการอะไร และควร ให้ความช่วยเหลอื ในลกั ษณะใด งานสารสนเทศ เปน็ การให้ข้อมลู ข่าวสารความร้ทู จี่ �ำ เปน็ ในการตดั สนิ ใจ เช่น ข้อมูล เกีย่ วกับการศึกษา อาชีพ วัฒนธรรม ศลี ธรรม จริยธรรม สขุ ภาพ โดยจดั กจิ กรรมในการเรียน กิจกรรมแนะแนว สปั ดาห์ละ 1 วัน ทกุ ชน้ั เรยี นและน�ำ เสนอในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ การบรรยาย อภปิ ราย จดั ปา้ ยสนเทศ การจดั หาเอกสารคู่มอื ให้อ่าน นทิ รรศการใช้สือ่ ภาพยนตร ์ วีดิทัศน ์ รวมท้งั การเชิญวิทยากรภายนอกมาบรรยายในโอกาสอันสมควร งานใหค้ ำ�ปรกึ ษา มีจดุ หมายทจี่ ะช่วยใหผ้ เู้ รยี นท่ีมารับการปรกึ ษาเกดิ การเรียนร้ ู และ เขา้ ใจตนเอง รู้วา่ ปญั หาของตนอยู่ท่ตี รงไหน ควรจะแก้ไขตนเองอยา่ งไร การแกไ้ ขนัน้ มกี ่ีทาง และ ควรเลอื กทางใด จึงเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด พร้อมท้งั เกิดความรบั ผดิ ชอบในการชว่ ยตนเอง อยา่ งจริงจงั งานปอ้ งกนั ส่งเสรมิ พัฒนา ชว่ ยเหลือ เป็นการจดั กิจกรรมด้วยรูปแบบวธิ กี ารที่ หลากหลายเพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นได้รบั ประสบการณ ์ ได้รับการฝกึ ฝน หรอื ได้รับการชว่ ยเหลอื ตามควรแก่

คู่มอื นักเรยี นโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 68 กรณ ี เช่น กจิ กรรมท่ีสนองความถนัด ความสนใจและความสามารถแกผ่ เู้ รียนทุกกลุ่มทกุ คน รวมท้ัง การจดั ทนุ การศกึ ษา อาหารกลางวนั หรือการหางานพิเศษ งานติดตามและประเมินผล เปน็ การติดตามผลการด�ำ เนินงานแนะแนวต่างๆ ทจี่ ัดใหแ้ ก่ ผู้เรียน การติดตามประเมินผลแบ่งเปน็ 2 งาน คอื - งานติดตามและประเมินผลทมี่ ีวัตถุประสงค์เพือ่ ศึกษาผลที่เกดิ ขึ้นกับผเู้ รยี น ซึง่ จะเปน็ ประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้เรียนแตล่ ะคนให้สามารถแก้ปญั หาและปรบั ปรงุ ตนในดา้ นต่างๆ ได้อย่าง เหมาะสม และเพ่อื นำ�ขอ้ มลู ที่ไดไ้ ปใช้ประเมินผลการด�ำ เนินงานแนะแนว และงานอ่ืนๆ ของโรงเรียน - งานติดตามและประเมินผลท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาผลที่ได้จากการดำ�เนิน โครงการแนะแนววา่ มีคณุ คา่ มากน้อยเพยี งใด ได้ผลหรอื ไม ่ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาอย่างไร เชน่ การตดิ ตาม ผลนักเรยี น หลงั จบการศกึ ษา กองทุนเงินใหก้ ู้ยืมเพอื่ การศึกษา ความเป็นมา กองทุนให้กยู้ มื เพื่อการศกึ ษา (กยศ.) จัดต้ังขึน้ ตามมตคิ ณะรฐั มนตรีเมื่อวันท่ี 28 มีนาคม พ.ศ. 2538 และมตคิ ณะรัฐมนตรีเมอื่ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2539 ใหเ้ ริม่ ดำ�เนินการกองทนุ ในลักษณะ เงนิ ทนุ หมนุ เวยี นตามนัยมาตรา 12 แหง่ พระราชบญั ญตั ิเงนิ คงคลงั พ.ศ. 2491 ตอ่ มารัฐบาลได้พิจารณา เห็นความสำ�คัญของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษามากข้ึนจึงได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพือ่ การศกึ ษา พ.ศ. 2541 เน่ืองจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อ การศึกษา พ.ศ. 2541 และกองทนุ เงนิ กยู้ มื เพ่ือการศึกษาทผี่ กู กับรายไดใ้ นอนาคตตามระเบยี บกระทรวง การคลงั วา่ ดว้ ยการบรหิ ารกองทนุ เพอ่ื การศกึ ษา พ.ศ. 2549 ทอี่ อกตามพระราชบญั ญตั เิ งินคงคลัง พ.ศ. 2491 มกี ารบริหารจัดการและการด�ำ เนนิ การทีม่ ขี อ้ จ�ำ กดั และไมส่ อดคลอ้ งกับนโยบายการผลติ กำ�ลังคนและการพัฒนาประเทศสมควรบูรณาการการบริหารจัดการและดำ�เนินการของท้ังสองกองทุน ดังกลา่ วให้เปน็ เอกภาพใหอ้ ยู่ภายใต้กฎหมายเดยี วกัน และเพิม่ มาตรการในการบรหิ ารจดั การกองทุน ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากยง่ิ ขนึ้ จึงไดม้ ีตราพระราชบัญญตั กิ องทนุ เงนิ ใหก้ ้ยู มื เพ่อื การศึกษา พ.ศ. 2560 ซง่ึ ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาเมือ่ วนั ท่ ี 27 มกราคม พ.ศ. 2560 และมีผลบงั คับใชเ้ มอ่ื วนั ท่ี 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 มีผลใหก้ องทุนเงนิ ใหก้ ยู้ มื เพอ่ื การศึกษาเปน็ หนว่ ยงานของรฐั อย่ใู นการก�ำ กบั ดแู ลของรฐั มนตร ี และมีฐานะเป็นนิติบุคคล ท่ไี ม่เปน็ สว่ นของราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บ บริหารราชการแผ่นดนิ หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณและกฎหมายอน่ื วัตถปุ ระสงค์ พระราชบญั ญัติกองทนุ เงนิ ใหก้ ยู้ ืมเพอ่ื การศึกษา พ.ศ. 2560 กองทนุ มีวัตถุประสงค์ เพอื่ สนบั สนนุ และส่งเสริมการศกึ ษาดว้ ยการใหเ้ งินกูย้ มื เพื่อการศกึ ษาในลักษณะต่างๆ ดังนี้

69 ค่มู ือนกั เรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ (1) เงินกู้ยืมเพื่อการศกึ ษา ใหแ้ กน่ ักเรียนหรือนกั ศกึ ษาทข่ี าดแคลนทุนทรพั ย์ (2) เงินกูย้ มื เพือ่ การศกึ ษา ใหแ้ กน่ กั เรียนหรือนักศึกษาทศ่ี กึ ษา ในสาขาวิชาทเ่ี ปน็ ความ ตอ้ งการหลักซึ่งมีความชัดเจนของการผลติ กำ�ลงั คนและมีความจำ�เป็นต่อการพัฒนาประเทศ (3) เงนิ กยู้ มื เพ่อื การศกึ ษา ให้แก่นักเรียนหรือนกั ศึกษาท่ศี ึกษาในสาขาวิชาขาดแคลนหรือ สาขาวิชาทก่ี องทนุ มงุ่ ส่งเสรมิ เป็นพเิ ศษ (4) เงินกู้ยืมเพอ่ื การศกึ ษา ให้แกน่ กั เรยี นหรอื นกั ศึกษาทีเ่ รียนดเี พ่อื สร้างความเปน็ เลศิ คุณสมบัติผมู้ ีสทิ ธิ์กยู้ ืม - นกั เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (สายสามัญและสายอาชพี ) - นกั ศึกษาระดับอุดมศึกษา (อนปุ ริญญา ปรญิ ญาตรี) ท้งั ภาคปกติ ภาคพเิ ศษ รวมท้งั การ ศกึ ษาประเภท อาชีวศกึ ษา (ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชน้ั สงู อนุปริญญา ปริญญาตร)ี 1. เป็นผมู้ สี ญั ชาติไทย 2. เปน็ ผูข้ าดแคลนทุนทรัพย์ โดยมีรายได้ตอ่ ครอบครัวไมเ่ กนิ 200,000 บาทต่อปี 3. เป็นผู้ทม่ี ีผลการเรียนด ี ผา่ นเกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลของสถาบันการศึกษา 4. ไม่เคยเปน็ ผสู้ ำ�เร็จปริญญาตรใี นสาขาใดๆ มากอ่ น 5. ไมเ่ ป็นผู้ทที่ �ำ งานประจำ�ในระหว่างการศึกษา 6. ไม่เปน็ บุคคลลม้ ละลาย 7. ไมเ่ ป็นหรือเคยเป็นผู้ได้รบั โทษจำ�คกุ โดยคำ�พพิ ากษาถึงท่ีสุดใหจ้ ำ�คุก เวน้ แตเ่ ป็นโทษ ส�ำ หรับความผดิ ท่ีไดก้ ระทำ�โดยประมาท หรอื ความผดิ ลหโุ ทษ 8. ต้องมีอายใุ นขณะท่ีขอกู้ โดยเม่อื นบั รวมกับระยะปลอดหนี้ 2 ป ี และระยะเวลาผ่อน ชำ�ระอกี 15 ปี รวมกันแล้วตอ้ งไมเ่ กนิ 60 ปี คณุ สมบตั ิของผรู้ ับรองรายได้ 1. ขา้ ราชการระดับ 5 ข้ึนไป หรอื เทียบเท่า หากรับราชการทหารหรอื ตำ�รวจ ตอ้ งมียศ ตง้ั แตพ่ นั ตร ี หรอื พันต�ำ รวจตรี ขนึ้ ไป 2. ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา 3. ผปู้ กครองทอ้ งถน่ิ ระดับผใู้ หญบ่ า้ นขึ้นไป ผู้คาํ้ ประกนั ในสัญญาก้ยู ืมเงนิ (ขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ ) 1. บิดา มารดา หรือผ้ปู กครอง 2. กรณบี ิดา มารดาเสยี ชีวิต ให้ผูป้ กครองท่ีรับอุปการะเลีย้ งดูลงนามแทน 3. บคุ คลที่ประกอบอาชีพมีรายไดน้ า่ เชื่อถอื หมายเหตุ : กรณีค่สู มรสของผ้คู ้ําประกนั ไมใ่ หค้ วามยนิ ยอมใหผ้ ู้ค้ําประกนั ลงนามฝา่ ยเดียวได้

คูม่ อื นักเรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 70 เงินให้ก้ยู ืม 1. ค่าเล่าเรยี นและคา่ ใชจ้ า่ ยทเี่ กยี่ วเนอ่ื งกบั การศกึ ษา จา่ ยเข้าบัญชขี องสถานศกึ ษา 2. ค่าครองชีพ ซง่ึ ได้แก่ ค่าทพ่ี กั และคา่ ใช้จ่ายส่วนตัว จา่ ยเข้าบัญชีของนักเรยี น นกั ศกึ ษา ผู้ก้ยู มื โดยผา่ นบัญชีธนาคารกรงุ ไทยทผ่ี ู้ก้ยู ืมเปดิ บัญชี หน้าทีข่ องผูก้ ยู้ มื (ตามพระราชบญั ญัติกองทุนเงินใหก้ ้ยู ืมเพ่อื การศกึ ษา พ.ศ. 2541) 1. ช�ำ ระหน้คี ืนกองทุนฯ โดยให้ปฏิบัติตามทก่ี ำ�หนด 2. ในกรณที ผี่ กู้ ู้ยืมเงินกำ�ลังศึกษาอยูม่ กี ารเปลย่ี นแปลงที่อยู่ หรอื ย้ายโรงเรียนสถานศกึ ษา หรือสถาบนั การศกึ ษาหรอื จบการศึกษา หรือพน้ สภาพการเปน็ นกั เรียน นักศึกษา ต้องแจ้งให ้ บมจ. ธนาคารกรุงไทยทราบ ภายในสบิ หา้ วนั (15 วัน) นบั แต่วันท่เี ปลยี่ นแปลงหรอื จบการศึกษา หรือพน้ สภาพการเป็นนกั เรียน นกั ศึกษา 3. ในกรณที ส่ี ำ�เรจ็ การศกึ ษาหรือเลิกการศึกษา เมื่อผู้ก้ยู ืมเงนิ ย้ายทอ่ี ยู่ หรอื เปล่ยี นแปลง งานหรอื สถานท่ที �ำ งาน หรอื มีการเปลี่ยนแปลงเกย่ี วกบั เงนิ เดือนหรือคา่ จา้ ง ผกู้ ้ยู มื เงนิ ตอ้ งแจ้งให ้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ทราบภายใน 30 วัน 4. ในกรณีท่ีผกู้ ยู้ มื ถงึ แก่ความตาย ให้หนี้ตามสัญญากู้ยมื เงนิ เปน็ อนั ระงับไป ผปู้ กครอง มหี น้าท่ีต้องแจ้งการเสยี ชวี ติ ของผู้ก้ใู ห้ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทราบ หากมกี ารโอนเงินให้แก่ผกู้ ู้ยืมภาย หลงั จากทผ่ี กู้ ยู้ ืมถึงแกค่ วามตาย ผู้ปกครองหรือผู้คำ�้ ประกันตอ้ งคนื เงินในสว่ นดงั กล่าวทัง้ หมดคืนให้แก่ กองทุนฯ ชอ่ งทางการกยู้ ืมเงินกองทุนเงนิ ใหก้ ู้ยืมเพือ่ การศกึ ษา 1. ตดิ ต่อสอบถามรายละเอยี ดการกยู้ ืมไดท้ ส่ี ถานศกึ ษาของท่าน 2. www.studentloan.or.th หรือ ศูนย์สายใจ กยศ. 0 2610 488

71 คูม่ อื นกั เรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ ข้นั ตอนการให้กยู้ มื เงนิ ในระบบ e-Studentloan ของผู้กยู้ มื เงนิ และสถานศึกษา เร่มิ ตน้ 1. “ผู้กู้ยมื เงนิ รายใหม่” *ภภท*แ3า(าส่ีสทลค2ถค(ำ�ำถะ่ีเห้าเแรหร้า2มรียลยีม3รับีนะี)นบั ทำการ Pre-Register เพ่อื รับรหัสผ่าน ในระบบ e-Studentloan 2. “ผู้กูย้ มื เงินรายเกา่ และรายใหม่” (รหสั ผ้กู ู้ยมื เงนิ ) ยืน่ แบบคำขอก้ยู ืมเงิน/แบบคำยนื ยันขอกยู้ มื เงนิ ในระบบ e-Studentloan ภายในระยะเวลาทก่ี องทุนกำหนด พรอ้ มพมิ พ์แบบคำขอกู้ยมื เงิน (กยศ.101) และเอกสารตา่ งๆ เพื่อประกอบการพิจารณาคุณสมบตั ิ 3. “สถานศกึ ษา” (คณะกรรมการฯ ประจำสถานศกึ ษา) ตรวจสอบคุณสมบตั ิผู้กยู้ ืมเงิน 4. “สถานศกึ ษา” (รหัสผุ้ปฏิบตั งิ าน) บันทึกกรอบวงเงนิ ฯทัง้ ปี (ทกุ ภาคการศกึ ษา) ในระบบ e-Studentloan 5. “สถานศกึ ษา” (รหสั ผู้บริหาร) ประกาศรายชอื่ ผูม้ ีสิทธ์กิ ูย้ ืม ในระบบ e-Studentloan 6. “ผกู้ ยู้ มื เงินรายใหม่ หรือรายเกา่ ทีเ่ ปล่ยี นระดับ/เปลี่ยนสถานศกึ ษา” (รหสั ผกู้ ยู้ ืมเงิน) บนั ทกึ และพิมพ์สญั ญากู้ยมื เงิน ในระบบ e-Studentloan และสง่ สัญญาพรอ้ มเอกสารประกอบสญั ญา ให้สถานศกึ ษา เพ่ือจดั ทำสัญญา ** 7. “สถานศึกษา” (รหัสผ้บู รหิ าร) ตรวจสอบสัญญาและเอกสารแนบ ในระบบ e-Studentloan 8. “ผ้กู ยู้ ืมเงินรายเกา่ และรายใหม่” (รหสั ผู้กูย้ มื เงนิ ) **สสำ�ำ หหรับรบั บนั ทกึ จำนวนเงินคา่ เล่าเรยี น และ/หรอื ค่าใช้จ่ายท่ีเกย่ี วเนอื่ งฯ ตามทีส่ ถานศกึ ษาเรยี กเก็บจรงิ ภภาาคคเเรรยี ียน ในระบบ e-Studentloan (กรณกี ูย้ มื คา่ เล่าเรียน และ/หรือคา่ ใช้จา่ ยท่เี กีย่ วเนอ่ื งกับการศึกษา) นทท่ี ่ี 2 แและ 33 9. “สถานศึกษา” (รหสั ผ้ปู ฏิบตั ิงาน) (ถถา้ ้ามมี)ี ลงทะเบยี น ในระบบ e-Studentloan พร้อมกบั พมิ พ์แบบลงทะเบียนและใหผ้ ู้ท่ีเกี่ยวขอ้ งลงนาม *** 10. “สถานศกึ ษา” (รหัสผูบ้ ริหาร) ตรวจสอบใบลงทะเบยี นและส่งข้อมลู ฯ ในระบบ e-Studentloan 11. “สถานศึกษา” รวบรวมสญั ญาและเอกสารประกอบ และแบบลงทะเบียน นำส่งธนาคาร * สำหรบั ภาคเรียนท่ี 2 และ 3 (ถา้ มี) ใหท้ ำเฉพาะขนั้ ตอนที่ 2,8,9,10 และ 11 ** ขนั้ ตอนท่ี 7 : ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาต้องตรวจสอบความถูกตอ้ งครบถ้วนของสัญญากยู้ ืมและเอกสารแนบก่อนทำการตรวจสอบ สัญญาและเอกสารแนบ ในระบบ e-Studentloan *** ข้นั ตอนที่ 10 : ผบู้ ริหารสถานศึกษาตอ้ งตรวจสอบควสมถกู ต้องครบถ้วนของแบบลงทะเบียนกอ่ นทำการตรวจสอบใบลงทะเบียน และสง่ ข้อมูลฯ ในระบบ e-Studentloan

คมู่ อื นักเรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 72 4ขอบขา่ ยการด�ำ เนนิ งาน กจิ กรรมคณะสี 1. ประสานงานร่วมมอื จัดการด�ำ เนนิ การแขง่ ขนั กีฬาสภี ายในและภายนอกโรงเรยี น ร่วมกบั กล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 2. จดั ดำ�เนนิ การเกยี่ วกบั การบ�ำ เพ็ญประโยชน์ภายในและภายนอกโรงเรียน 3. จดั ช่วยเหลอื และส่งเสรมิ นักเรียนทมี่ ีความสามารถในด้านตา่ งๆ เชน่ กีฬา การศกึ ษา 4. ดูแลนักเรียนให้ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนร่วมกับกลุ่มบริหารงานบุคคลและ ครูที่ปรึกษา 5. จัดดำ�เนินการตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั คณะสตี ามวตั ถุประสงคข์ องการจัดคณะสีภายในโรงเรียน วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ให้ครทู �ำ กจิ กรรมร่วมกัน อนั ก่อใหเ้ กดิ ความสามคั คแี ละเขา้ ใจตอ่ กนั ให้ดยี ่งิ ขึ้น 2. เพื่อให้นักเรยี นทำ�กิจกรรมร่วมกันอนั กอ่ ให้เกดิ ความสามัคคีและเขา้ ใจตอ่ กันให้ดียง่ิ ขึ้น 3. เพือ่ เปิดโอกาสใหค้ รแู ละนกั เรยี นทำ�กิจกรรมร่วมกนั อันกอ่ ใหเ้ กิดความเข้าใจอนั ดีระหว่าง ครแู ละนกั เรยี น 4. เพอ่ื ฝึกใหน้ ักเรียนไดร้ ู้จกั รับผิดชอบในหนา้ ท่ที ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 5. เพื่อฝึกให้นกั เรยี นมีความสามารถในการเปน็ ผนู้ �ำ และผ้ตู ามทด่ี ี 6. เพอื่ ฝกึ ใหน้ กั เรยี นไดร้ ู้จักเสยี สละและบำ�เพญ็ ประโยชน์เพอ่ื สว่ นรวม 7. เพ่อื ให้นกั เรียนรู้จกั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 8. สง่ เสริมให้นกั เรยี นไดแ้ สดงออกถึงความสามารถและความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ 9. เพอ่ื ให้นกั เรียนมสี ุขนิสยั ในการดูแลสุขภาพและรักการออกกำ�ลงั กาย โครงการกจิ กรรมคณะสี - โครงการแขง่ ขนั กีฬาภายใน - โครงการแข่งขนั กีฬาภายนอก - โครงการพฒั นาโรงเรยี น - โครงการส่งเสริมบุคลกิ ภาพ - การจดั การจราจรภายในโรงเรียน - งานเฉพาะกจิ กรรมพเิ ศษ ระเบียบข้อบังคับของคณะสี 1. ครูประจำ�คณะสีปัจจุบนั ตอ้ งเป็นผูท้ ี่ท�ำ การสอนอยใู่ นโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 2. หวั หน้าคณะสีและรองหวั หนา้ คณะสี ตอ้ งมาจากการเลอื กตง้ั ของสมาชิกในแต่ละคณะสี 3. หวั หน้าคณะสแี ละรองหวั หน้าคณะสี จะต้องอยู่ในตำ�แหนง่ ได้ 1 ปกี ารศึกษาเท่านั้น 4. เมื่อหวั หนา้ คณะสแี ละรองหัวหน้าคณะสี อยู่ในตำ�แหนง่ ครบวาระแล้ว ให้ทำ�การเลอื กใหม่ ภายใน 15 วนั

73 คู่มือนกั เรยี นโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 5. เมอื่ ครอู ย่ปู ระจ�ำ สีคณะใดคณะหนง่ึ แล้ว จะโยกย้ายเปลีย่ นต�ำ แหนง่ ไม่ได้ นอกจากไดร้ บั ค�ำ สัง่ จากทางโรงเรียน 6. แต่ละคณะสจี ะต้องเขยี นระเบียบและโครงสรา้ งของการด�ำ เนินงานไว้ ซึ่งไมข่ ดั ตอ่ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของทางราชการ 7. การจัดกิจกรรมของคณะสีต้องสนองนโยบายของรัฐบาล และสอดคล้องกับนโยบายของ โรงเรียน 8. จะต้องประชุมประเมินผลคณะสีอยา่ งนอ้ ย ภาคเรยี นละ 2 ครัง้ 9. นักเรียนประจำ�คณะสตี อ้ งเป็นนกั เรยี นปัจจบุ นั ของโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 10. ประธานและรองประธานนกั เรยี นประจำ�คณะส ี ต้องไดม้ าจากการเลือกตั้งจากสมาชิกใน คณะสี โดยไดร้ บั ความเห็นชอบจากครูท่ปี รกึ ษาคณะสี 11. ประธานและรองประธานนกั เรียนจะอย่ใู นตำ�แหน่งได้คราวละ 1 ปี 12. เมื่อประธานและรองประธานนักเรียนอยู่ในตำ�แหน่งครบตามวาระแล้วต้องเลือกใหม่ ภายใน 1 เดือน 13. เม่อื นักเรียนถกู จัดอยใู่ นคณะสใี ดคณะสหี นึง่ แลว้ จะโยกยา้ ย หรือเปลีย่ นแปลงไมไ่ ดน้ อกจาก มคี �ำ สั่งเปล่ยี นแปลง การกำ�หนดคณะสี โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ได้แบ่งคณะสอี อกเป็น 5 คณะสี ได้แก่ 1. คณะนภาลยั สมี ว่ ง 2. คณะจันทรา สเี หลือง 3. คณะชลธารา สฟี า้ 4. คณะธาราดล สีเขยี ว 5. คณะสุรยิ ัน สีแดง



75 ค่มู อื นกั เรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ ประกาศโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ เร่อื ง ระเบียบการปกครองนักเรียน ว่าด้วยคะแนนความประพฤติ ปีการศึกษา 2562 เพ่ือความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย และเปน็ การสง่ เสริมใหน้ กั เรยี นของโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ ต้งั ใจศกึ ษาเลา่ เรียน มคี วามประพฤตเิ รียบรอ้ ย มีระเบียบวนิ ัย แต่งกายถูกระเบียบ สุภาพเรียบรอ้ ย เปน็ ลูกท่ีดขี องพอ่ แม่ เปน็ ศิษย์ท่ีดขี องครู เป็นสมาชกิ ทีด่ ีของสงั คม ส่งเสรมิ ใหป้ ฏิบตั ิตนใหถ้ กู ต้องใน ทางที่ควร และใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บของกระทรวงศึกษาธกิ าร โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์จงึ ก�ำ หนด ระเบียบวา่ ดว้ ยคะแนนความประพฤตขิ องนักเรียนนีข้ น้ึ เพอ่ื เปน็ การแกไ้ ขพฤติกรรมของนกั เรียนเปน็ แนวทางที่จะใหน้ กั เรยี นได้ปฏิบตั ใิ นทางเดียวกนั ไว้ดงั นี้ ข้อ 1 ระเบียบนเี้ รยี กว่า “ระเบียบการปกครองนักเรยี นวา่ ด้วยคะแนนความประพฤตนิ ักเรียน พ.ศ. 2562” ขอ้ 2 ใหย้ กเลกิ ระเบยี บเดมิ ของโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ พ.ศ.2559 และใชร้ ะเบยี บน้ี แทน นับต้งั แต่วันประกาศใช้ระเบยี บน้ี ข้อ 3 ในระเบียบนี ้ “นกั เรยี น” หมายถึง บุคคลท่ีก�ำ ลงั ศึกษาเลา่ เรียนอยู่ในช้ันใดชน้ั หนึง่ ของโรงเรียน ตาคลปี ระชาสรรค์ “คร”ู หมายถึง ครูทุกท่านทีท่ �ำ การสอนประจ�ำ ปกี ารศึกษานน้ั ๆ และอยูใ่ นโรงเรยี น ทั้งทเี่ ปน็ ขา้ ราชการของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร และบคุ ลากรอื่น ๆ “การกระท�ำ ผดิ ”หมายถงึ การทน่ี กั เรยี นประพฤตฝิ า่ ฝนื ระเบยี บขอ้ บงั คบั ของสถานศกึ ษา ระเบียบ ข้อบังคบั ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หรือประพฤติ ฝ่าฝืนระเบียบกฎกระทรวงวา่ ด้วยความ ประพฤติของนกั เรียน “การลงโทษ” หมายถงึ การลงโทษนกั เรยี นหรอื นักศึกษาท่ีกระทำ�ความผิด โดยมี ความมุ่งหมายเพอื่ การอบรมสง่ั สอน “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการกลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล (ฝา่ ยปกครอง) “ผปู้ กครอง” หมายถงึ บิดา มารดา หรอื บิดาหรือมารดา ซึง่ เปน็ ผู้ใช้อำ�นาจปกครอง หรือผ้ปู กครองตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยข์ องนกั เรยี น และใหห้ มายความรวมถงึ บคุ คลที่ นักเรยี นอยดู่ ว้ ยเป็นประจ�ำ

คูม่ อื นกั เรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 76 “ผู้อ�ำ นวยการโรงเรียน” หมายถงึ ผ้อู ำ�นวยการโรงเรียนหรือผ้รู กั ษาการในต�ำ แหนง่ ดงั กล่าว “รองผู้อำ�นวยการโรงเรยี น” หมายถงึ รองผ้อู �ำ นวยการกลุ่มบรหิ ารงานบุคคล ข้อ 4 ให้คณะกรรมการกลุ่มบรหิ ารงานบุคคล (ฝา่ ยปกครอง) ทผี่ ้อู ำ�นวยการโรงเรียน แต่งต้งั ประกอบดว้ ย (1) รองผู้อำ�นวยการโรงเรยี นกลุม่ บรหิ ารงานบุคคล เปน็ ประธานกรรมการ (2) ผชู้ ว่ ยรองผ้อู �ำ นวยการกลุม่ บรหิ ารงานบคุ คล เปน็ กรรมการ (3) หวั หน้าระดับชั้นม.1 ถงึ ม.6 เป็นกรรมการ (4) ครูท่ปี รกึ ษา เป็นกรรมการ (5) หวั หน้างานระดบั ชน้ั เปน็ กรรมการและเลขานุการ ขอ้ 5 คณะกรรมการกลมุ่ บริหารงานบุคคล (ฝา่ ยปกครอง) มีอำ�นาจหน้าท่ีดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ประชุมกลนั่ กรองพิจารณาความผิดเพอื่ ตัดคะแนนความประพฤตปิ ระจำ�เดือน (2) ด�ำ เนินการสืบสวน สอบสวน และรวบรวมพยานหลกั ฐานกรณีนักเรยี น ถกู กล่าวหา ว่ากระทำ�ความผดิ (3) พจิ ารณาเสนอระดับการลงโทษนักเรียน (4) เสนอแก้ไข ปรับปรงุ ระเบียบหลกั เกณฑ์ ว่าดว้ ยการตัดคะแนนความประพฤติ เพื่อพิจารณาการลงโทษนักเรยี น ข้อ 6 การพจิ ารณาลงโทษนักเรยี น ให้ด�ำ เนินการดงั น้ี (1) ให้คณะกรรมการจำ�นวนไมน่ ้อยกว่า 3 คน ดำ�เนนิ การสืบสวน สอบสวน พยาน บุคคล พยานเอกสารท่ีเกีย่ วข้องตามขอ้ กล่าวหา (2) ใหค้ ณะกรรมการแจง้ ใหน้ กั เรยี นทถี่ กู กลา่ วหาวา่ กระท�ำ ผดิ ม โี อกาสใหก้ ารแกข้ อ้ กลา่ วหา วา่ กระท�ำ ผดิ มโี อกาสใหก้ ารแกข้ ้อกลา่ วหา และน�ำ สบื พยานหลักฐาน แกข้ อ้ กล่าวหาเป็นลายลักษณ์ อกั ษร ก่อนพจิ ารณาเสนอระดับการลงโทษนกั เรียน (3) พิจารณาขอ้ เท็จจริง พยานหลักฐาน สรปุ ความเห็นระดับการลงโทษต่อผอู้ ำ�นวยการ โรงเรียน (4) การประชุมพิจารณาโทษนกั เรียน ตอ้ งมคี ณะกรรมการเข้าร่วมประชุมไมน่ ้อยกวา่ 2 ใน 3 ของคณะกรรมการท้งั หมด (5) การพิจารณาลงโทษนักเรียนต้องมีการดำ�เนินการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการ กลุม่ บริหารงานบุคคล (ฝา่ ยปกครอง) ก่อน เวน้ แตน่ ักเรยี นใหก้ ารรบั สารภาพเปน็ หนงั สือ ว่าไดก้ ระท�ำ ความผดิ ตามทถ่ี ูกกล่าวหา

77 คมู่ ือนักเรยี นโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ ข้อ 7 โทษทจี่ ะลงโทษแก่นักเรียนทก่ี ระท�ำ ความผดิ มี 4 สถาน ดงั นี้ (1) วา่ กล่าวตักเตอื น (2) ท�ำ ทณั ฑบ์ น (3) ตดั คะแนนความประพฤติ (4) ทำ�กจิ กรรมเพอื่ ใหป้ รับเปล่ยี นพฤตกิ รรม ขอ้ 8 ผมู้ ีอ�ำ นาจลงโทษนกั เรยี น (1) ครผู ้สู อนทกุ ทา่ น (2) ครทู ปี่ รกึ ษา (3) หวั หนา้ ระดับชั้น (4) หัวหนา้ งานระดบั ชนั้ (5) ผู้ชว่ ยรองผอู้ ำ�นวยการกลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล (6) คณะกรรมการกลุ่มบริหารงานบุคคล (ฝา่ ยปกครอง) (7) รองผ้อู ำ�นวยการโรงเรียน (8) ผู้อ�ำ นวยการโรงเรยี น ขอ้ 9 ผมู้ ีอำ�นาจสงั่ ตดั คะแนนความประพฤติ ได้แก่ (1) ครูส่งั ตัดคะแนนความประพฤติได ้ ครัง้ ละไมเ่ กนิ 5 คะแนน (2) ผชู้ ่วยรองผ้อู �ำ นวยการกลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล ส่งั ตดั คะแนนความประพฤตไิ ด้ ครั้งละ ไมเ่ กนิ 10 คะแนน (3) ผอู้ �ำ นวยการโรงเรยี น รองผอู้ �ำ นวยการกล่มุ บริหารงานบคุ คล สั่งตัดคะแนนความ ประพฤติได ้ คร้ังละไมเ่ กนิ 30 คะแนน ขอ้ 10 การตดั คะแนนความประพฤตินักเรียน ตามกฎกระทรวง ก�ำ หนดความประพฤติ ของนกั เรียน พ.ศ.2548 ให้ตัดคะแนนความประพฤตไิ ด้ ดงั นี้ (1) ก�ำ หนดใหท้ กุ คนมคี ะแนนความประพฤตคิ นละ 100 คะแนนใน 1 ปกี ารศกึ ษา และ นกั เรยี นจะตอ้ งรกั ษาคะแนนนี้ไว้ไมใ่ ห้ถูกตัดเกิน 30 คะแนนในแตล่ ะภาคเรยี น คะแนนท่ีตดั จะเกบ็ สะสมไวใ้ นแต่ละชว่ งชั้น (ม.1-ม.3 และ ม.4 – ม.6 ) (2) ความผิดว่าด้วยการวา่ กลา่ วตักเตอื น ตดั คะแนนความประพฤติ 5 คะแนน 2.1 การแต่งกาย - ทรงผมผดิ ระเบยี บ - ไวห้ นวดเครา - ใส่เสอื้ กางเกงหรือกระโปรงผิดระเบียบ

คู่มอื นกั เรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 78 - แตง่ กายเครอื่ งแบบ นศท./ลูกเสือ/เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด/ชดุ พละ ไม่ถูกต้อง - ไม่ปกั เคร่ืองหมายตามระเบียบท่โี รงเรยี นก�ำ หนด - ถุงเทา้ รองเท้า เขม็ ขดั ผดิ ระเบียบ - มีหรือใชเ้ ครอ่ื งประดบั ท่ไี ม่เหมาะสมกับสภาพนกั เรยี น เช่น ต่างห ู แหวน ฯลฯ - สกั ตามรา่ งกาย เจาะลนิ้ หรือระเบิดหู - ไม่สวมเส้ือทับหรือสวมเส้ือช้นั ในสีฉูดฉาด - แตง่ หนา้ เขียนคิ้ว ทาปาก เล็บยาว ทาเล็บ - ไม่ใช้กระเป๋าทโ่ี รงเรยี นก�ำ หนด - ใสเ่ สอ้ื คลุมนอกฤดหู นาว 2.2 การเรียนและการร่วมกิจกรรมกบั ทางโรงเรยี น - มาโรงเรยี นสายไม่ทนั เขา้ แถวตกั เตือน 2 คร้งั แล้ว (รวมถงึ มาสายทกุ ชว่ งเวลา) - มาถงึ โรงเรียนแล้วไมเ่ ขา้ แถว - ไม่เขา้ ประชมุ ระดบั ชนั้ - เขา้ ห้องเรียนชา้ - หนเี รียน / ขาดเรียนบอ่ ย - ไม่สนใจเรียนขณะท่มี กี ารเรยี นการสอน - ไม่สง่ การบา้ นหรอื งานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย - ใช้อุปกรณส์ ื่อสารในขณะเรยี นหรือรว่ มกิจกรรม (เก็บของไวแ้ ละใหผ้ ู้ปกครองมารบั คนื ภายใน 3 วัน) 2.3 การรกั ษาความสะอาด - ไม่ทำ�เวรรักษาความสะอาดทไ่ี ด้รับมอบหมาย - ทิ้งขยะไมเ่ ปน็ ท่ี - รบั ประทานอาหารหรอื ดม่ื แลว้ ไม่เกบ็ - รบั ประทานอาหารในเวลาทีไ่ มใ่ ช่เวลาพกั - น�ำ อาหาร / เครอ่ื งดื่ม / ขนม ขึ้นบนอาคารเรียน 2.4 พฤตกิ รรมทีแ่ สดงออกไม่เหมาะสม - ไมท่ �ำ ความเคารพครู ผูบ้ รหิ าร หรือผทู้ ่มี าติดต่อโรงเรยี น - ใชก้ ิริยาวาจาหยาบคายไม่สุภาพในการพดู หรือแสดงท่าทาง - กล่นั แกล้งลอ้ เลยี น รงั แกหรอื ใชอ้ ิทธพิ ล ขม่ ขผู่ อู้ ่ืน - ไม่นำ�บัตรประจ�ำ ตัวนกั เรียนหรือบัตรประชาชนตดิ ตัว

79 คู่มอื นักเรยี นโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ - มีพฤตกิ รรมจับมือ โอบกอด หนุนตกั หอมแก้ม หรอื แสดงออกในท�ำ นองชูส้ าว ในโรงเรียน - ใชบ้ รเิ วณอาคารเป็นสถานทีเ่ ลน่ กฬี า ก่อใหเ้ กดิ เสียงดงั ก่อความร�ำ คาญ หรอื ท�ำ ของ เสยี หายแก่อาคารสถานที่ - เข้าไปในสถานทหี่ วงหา้ มก่อนได้รับอนุญาต เชน่ หอ้ งพักครู หอ้ งเกบ็ อุปกรณต์ ่าง ๆ หอ้ งเรียนทีผ่ เู้ รียนน้นั ไปปฏิบัตงิ านในภาคสนาม สถานทีเ่ กบ็ รถหรือสถานทโี่ รงเรียนประกาศหา้ มเข้า กอ่ นได้รบั อนุญาต ถา้ หากมกี ารฝ่าฝืนให้ถอื วา่ ผู้น้นั มีเจตนาประสงค์ร้ายตอ่ ทรพั ยส์ ินของผู้อ่นื และเป็นการ ฝ่าฝนื คำ�ส่งั ของโรงเรียนโดยเจตนา ยกเว้นผู้ทม่ี คี วามจ�ำ เป็นและมีหลกั ฐานประกอบเหตุผล 2.5 พฤติกรรมเกีย่ วกับการรกั ษากฎหมายจราจร - ห้อยโหนรถประจ�ำ ทางเส่ยี งท่จี ะเกดิ อนั ตราย โดยไม่เชอ่ื ฟงั ครู – ครูเวร - ขบั ขจ่ี กั รยานยนต ์ จกั รยาน สง่ เสียงดงั หนวกหู หรือมคี วามเร็วสูง หรือ ข่แี บบ หวาดเสยี วจนไดร้ บั อนั ตราย - ขับขีย่ วดยานพาหนะผิดกฎจราจร ไมส่ วมหมวกกนั นอ๊ กหรอื ไมข่ ้ามถนนตรงทางมา้ ลาย สะพานลอย หรอื ตรงจราจร และลกู เสือจราจรปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีอยู่ (3) ความผดิ ท่ีต้องตัดคะแนนความประพฤตคิ ร้งั ละ 10 คะแนน 3.1 หนอี อกนอกบริเวณโรงเรียนหรือไม่เข้าโรงเรยี นโดยไมม่ ใี บลาจากผ้ปู กครอง 3.2 ทะเลาะชกต่อยกนั สถานเบา (ไม่มีอาวุธ) 3.3 เล่นกันโดยประมาท ท�ำ ให้คนอืน่ เกดิ บาดแผล 3.4 น�ำ หรอื เผยแพร่หนงั สือลามกอนาจาร , แผน่ CD หรอื Clip VDO มาโรงเรียนหรือมไี ว้ ในครอบครอง 3.5 เผยแพร่ภาพ หรือ Clip ท่ีไม่เหมาะสมทางสื่อออนไลน์ ที่ทำ�ใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อตนเอง และผู้อ่นื 3.6 มอี ปุ กรณเ์ ล่นการพนนั 3.7 สบู บหุ รีห่ รือมบี หุ รีไ่ วใ้ นครอบครอง หรือปรับตามกฎหมายกำ�หนด 3.8 ติดประกาศ หรอื แจกเอกสาร ที่ทำ�ให้เกดิ ผลกระทบตอ่ โรงเรยี น 3.9 นำ�รถยนต ์ หรือจักรยานยนต์ มาโรงเรียนโดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต ความผิดไม่ไดก้ ำ�หนด ไว้ และคณะกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรียนพจิ ารณาเหน็ วา่ มคี วามผิดเทยี บเท่าขอ้ 3.2 น ี้ ใหใ้ ช้บทบญั ญตั ิ ขอ้ 3.2 มาบงั คับ 3.10 นำ�อปุ กรณเ์ ครือ่ งใชไ้ ฟฟ้ามาใช้ในโรงเรยี น เชน่ แบตเตอรห่ี รืออปุ กรณช์ าร์จไฟ โทรศพั ท์ เคร่อื งเป่าผม เครอ่ื งมว้ นผม เคร่อื งหนบี ผม

คูม่ อื นักเรยี นโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 80 (4) ความผิดที่ต้องตัดคะแนนความประพฤตคิ รั้งละ 15 คะแนน 4.1 พกพาหรอื ด่มื สรุ าในโรงเรยี น 4.2 การเล่นการพนัน และรวมไปถงึ ไพ่ทกุ ชนิด (ไมว่ า่ จะเล่นไมเ่ อาเงนิ กนั ก็ตาม) หรืออยู่ ในเหตุการณท์ มี่ กี ารเลน่ พนัน มเี จตนาชว่ ยให้การเล่นการพนนั เชน่ ดูตน้ ทางชกั ชวนคนอ่ืนมาเล่นพนัน โรงเรียน หรือเล่นพนนั ในสถานทอี่ ่ืน ๆ ในเครอ่ื งแบบนกั เรียน 4.3 ทำ�ลายทรัพย์สินของโรงเรียนหรือของนักเรียนที่จัดทำ�เพื่อโรงเรียนนี้ต้องชดใช้ คา่ เสยี หาย 4.4 ทุจรติ การสอบใหถ้ อื ว่าไดค้ ะแนนสอบในวชิ าน้ัน 0 คะแนน 4.5 ปลอมแปลงลายมือชอ่ื ในเอกสารหรอื ปลอมแปลงเอกสารทต่ี ดิ ตอ่ กับโรงเรยี น เพือ่ การใดๆ กต็ าม ถ้าปลอมแปลงเก่ียวกบั เร่ืองเงนิ ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ 3.5 แหง่ ระเบยี บนี ้ และให้ใช ้ คา่ เสยี หายคนื ทุกอย่างทกี่ ระทำ�ลงไป หรืออาจแจ้งตำ�รวจให้ด�ำ เนินการตอ่ ไป 4.6 แตง่ กายเครอ่ื งแบบนักเรียนเข้าไปในบรเิ วณทไ่ี ม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียน 4.7 ถกู ตำ�รวจจบั หรอื สารวตั รนักเรยี นจับนอกสถานศกึ ษา 4.8 ท�ำ ร้ายรา่ งกาย โดยไมถ่ ึงกบั เป็นเหตุใหเ้ กดิ บาดแผล หรือฟกช้ํา (5) ความผดิ ท่ตี ้องตดั ความประพฤติครง้ั ละ 20 คะแนน 5.1 ชกต่อยทะเลาะวิวาทสถานหนัก มีอาวุธหรอื ใชอ้ ุปกรณต์ า่ ง ๆ เปน็ อาวธุ หรือยกพวก มาเพ่ือทะเลาะวิวาท 5.2 น�ำ บุคคลอน่ื มาโรงเรยี นและมากอ่ การทะเลาะวิวาท หรือท�ำ ใหเ้ กิดความเสยี หายกับ ทางโรงเรยี น 5.3 ทะเลาะววิ าทชกต่อยกบั บุคคลภายนอก 5.4 ขโมยทรพั ย์สนิ ของโรงเรยี น หรอื ของบคุ คลอนื่ โดยปรากฏหลกั ฐานชดั เจน 5.5 มั่วสมุ ในลกั ษณะหรือทราบว่ามคี วามผิดในพืน้ ฐานชสู้ าวทั้งในและนอกโรงเรยี น และ นำ�มาซึ่งความเสอ่ื มเสยี ตอ่ โรงเรียน 5.6 กา้ วร้าวและแสดงพฤติกรรมทีไ่ ม่เหมาะสมต่อครู 5.7 ความผิดที่ไม่ไดก้ ำ�หนดไว้และคณะกรรมการฝ่ายปกครองเห็นวา่ มคี วามผดิ เท่าเทียม ความผดิ ขอ้ (5) ให้ใช้บทบัญญัติขอ้ (5) มาใชบ้ งั คบั (6) ความผดิ ท่ีตอ้ งตัดความประพฤตคิ ร้ังละ 30 คะแนน 6.1 มวี ตั ถรุ ะเบิดหรอื อาวุธไวใ้ นครอบครอง 6.2 การกระทำ�ตนที่ขัดต่อความสงบสุขของโรงเรยี น 6.3 มีสารเสพตดิ ประเภทท่ี 1 – 5 ไว้เพ่ือเสพ จ�ำ หนา่ ย จ่ายแจก

81 ค่มู ือนักเรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 6.4 ทำ�รา้ ยร่างกายผอู้ ่ืน จนเป็นเหตุให้เกดิ อนั ตรายแกร่ ่างกาย หรือจิตใจผู้อืน่ เชน่ ฟกช้ํา เป็นรอยขีดข่วน หรือมีบาดแผล (7) เกณฑ์การพิจารณาลงโทษ ถือปฏิบตั ิตามระดบั คะแนน และการท�ำ ผิดซำ�้ เรือ่ งเดิม ดงั นี้ 7.1 ระดบั การถูกตัดคะแนนความประพฤติ 5 หรอื 10 คะแนน ครั้งที่ 1 วา่ กล่าวตกั เตอื น / บันทึก ครง้ั ท ่ี 2 ว่ากล่าวตักเตือน/บันทึก/ตัดคะแนนความประพฤติ / ทำ�กิจกรรม 5 ชั่วโมง ครง้ั ที่ 3 วา่ กลา่ วตักเตอื น / บันทกึ / ตดั คะแนนความประพฤติ / ทำ�กจิ กรรม 10 ชัว่ โมง /เชญิ ผปู้ กครอง ครง้ั ที่ 4 ว่ากล่าวตกั เตือน / บนั ทกึ / ตดั คะแนนความประพฤติ / ท�ำ กิจกรรม 15 ชั่วโมง / เชญิ ผูป้ กครอง / ทำ�ทัณฑ์บน ครง้ั ท ่ี 5 ตดั คะแนนความประพฤติ / เชญิ ผู้ปกครองเขา้ ค่ายรว่ มกับนักเรยี น 7.2 ระดบั การถูกตดั คะแนนความประพฤต ิ 15 คะแนน ครั้งท ่ี 1 บนั ทึก / ตัดคะแนนความประพฤติ / ทำ�กิจกรรม 30 ช่ัวโมง / เชิญ ผู้ปกครอง / ท�ำ ทณั ฑบ์ น ครั้งท ี่ 2 เชญิ ผ้ปู กครองเข้าคา่ ยรว่ มกับนักเรียน 7.3 ระดบั การถูกตดั คะแนนความประพฤติ 20 คะแนน ครัง้ ที่ 1 บนั ทึก / ตัดคะแนนความประพฤติ / ท�ำ กจิ กรรม 40 ช่วั โมง /เชญิ ผู้ปกครอง / ท�ำ ทณั ฑบ์ น คร้ังที่ 2 เชิญผปู้ กครองเข้าค่ายร่วมกับนักเรยี น 7.4 ระดบั การถกู ตดั คะแนนความประพฤต ิ 30 คะแนน คร้ังที่ 1 บันทึก / ตัดคะแนนความประพฤติ / ท�ำ กิจกรรม 60 ชัว่ โมง / เชิญ ผู้ปกครอง / ทำ�ทณั ฑบ์ น ครง้ั ท ่ี 2 เชญิ ผูป้ กครองเข้าคา่ ยร่วมกบั นกั เรียน 7.5 ถูกตดั คะแนนความประพฤติเกิน 30 คะแนนใน 1 ภาคเรียน ให้ท�ำ กิจกรรมเพอ่ื ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม เป็นเวลาไม่น้อยกวา่ 60 ชว่ั โมง และเชญิ ผ้ปู กครองเขา้ ค่ายร่วมกบั นักเรียน 7.6 ถ้านักเรยี นไมท่ ำ�กจิ กรรมภายในเวลาทก่ี ำ�หนด จะปรับเวลาท�ำ กิจกรรมเปน็ 2 เท่า 7.7 การกำ�หนดจำ�นวนครั้งท่ที �ำ ผิด ถอื ใชใ้ นแต่ละปีการศึกษา เมื่อจบปกี ารศึกษาถือเป็น การส้ินสุดของจำ�นวนครัง้ 7.8 หากนักเรียนมาเข้าค่ายร่วมกับผู้ปกครองแล้วยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ย้าย สถานศกึ ษา

คมู่ อื นักเรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 82 (8) ลกั ษณะกจิ กรรมที่ท�ำ เพื่อปรับเปล่ยี นพฤติกรรม ตามระดบั การตัดคะแนนความประพฤติ ดังน้ี 8.1 ระดบั การตดั คะแนนความประพฤติ 5 คะแนน - เก็บขยะ - เช็ดกระจก - ทำ�ความสะอาด - กวาดถนน - รดน�้ำ ต้นไม้ - ดูแลสวนหยอ่ ม - ออกกำ�ลงั กาย 8.2 ระดับการตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน - ท�ำ งานตามฝ่าย ในชว่ งเวลาใดเวลาหนึ่ง (กอ่ นเข้าแถว พักกลางวัน หรอื เลิกเรยี น) 8.3 ระดบั การตดั คะแนนความประพฤติ 15 คะแนน - ท�ำ ความสะอาดคูคลอง - ขัดโตะ๊ เรยี น 8.4 ระดบั การตัดคะแนนความประพฤต ิ 20 คะแนน - ท�ำ ความสะอาดห้องน้ํา 8.5 ระดับการตดั คะแนนความประพฤติ 30 คะแนน - ท�ำ ความสะอาดห้องนํา้ และซอ้ื อุปกรณ์ทำ�ความสะอาดห้องน้ํามามอบใหโ้ รงเรยี น 1 ชุด (9) นกั เรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 และระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ท่ถี กู ตัดคะแนน ความประพฤตติ ัง้ แต่ 30 คะแนนขนึ้ ไป ตอ้ งไดร้ บั การดูแลและทำ�กิจกรรมเพม่ิ เตมิ เพ่ือแกไ้ ขปรับปรงุ พฤติกรรมของนักเรยี นใหเ้ หน็ คณุ ค่าของตนในการเป็นพลเมอื งทดี่ ี 9.1 นักเรียนระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ทถ่ี กู ตดั คะแนนความประพฤติเกนิ เกณฑ์มี 2 กล่มุ ดงั น้ี กลมุ่ ที่ 1 : นกั เรยี นระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ทถ่ี กู ตดั คะแนนความประพฤติ 30 คะแนน ผลการพัฒนา : เมอื่ ได้รับการพัฒนาพฤตกิ รรมแลว้ จะได้รับการพิจารณารายชอื่ เขา้ เรยี น ในระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ กล่มุ ที่ 2 : นกั เรยี นระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ทถ่ี กู ตัดคะแนนความประพฤติ ต้งั แต่ 31 คะแนนขน้ึ ไป

83 คูม่ อื นักเรยี นโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ ผลการพัฒนา : เมอ่ื ได้รบั การพฒั นาพฤตกิ รรมแลว้ จะไดร้ บั การพิจารณาอนมุ ตั ิการจบ หลักสูตรมัธยมศกึ ษาตอนตน้ เทา่ นั้น แตไ่ มม่ สี ทิ ธไิ ด้เรียนตอ่ ในระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรียน ตาคลีประชาสรรค์ 9.2 นักเรียนระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ท่ีถกู ตดั คะแนนความประพฤตเิ กินเกณฑม์ ี 2 กลมุ่ ดังน้ี กลุ่มท่ี 1 : นักเรียนระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ที่ถูกตัดคะแนนความประพฤติ 30 คะแนน ผลการพัฒนา : เม่ือได้รบั การพัฒนาพฤตกิ รรมแลว้ จะไดร้ บั ใบรบั รองความประพฤติ กลุ่มท่ี 2 : นกั เรยี นระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ทถ่ี กู ตัดคะแนนความประพฤติ ตั้งแต่ 31 คะแนนขึน้ ไป ผลการพฒั นา : เม่ือได้รับการพัฒนาพฤตกิ รรมแลว้ จะไดร้ ับการพิจารณาอนมุ ตั กิ ารจบ หลักสตู รมธั ยมศึกษาตอนปลายเท่านัน้ แต่จะไม่ไดใ้ บรบั รองความประพฤติ 9.3 กจิ กรรมพัฒนาพฤติกรรม (ท�ำ เป็นแฟ้มสะสมงานมภี าพและ / หรอื เอกสารหลักฐาน ประกอบ) 9.3.1 กจิ กรรมภาคบงั คบั นักเรยี น 2 กลุ่มดังกลา่ ว ตอ้ งท�ำ กิจกรรม 4 ข้อ ดงั น้ี 1) ยืน่ ความประสงคข์ อรับการพัฒนาคะแนนความประพฤติกับหัวหนา้ ระดบั ม.3 หรือ ม.6 ตาม วัน เวลา และสถานท่ีทโ่ี รงเรียนกำ�หนด 2) เขยี นเรยี งความเรอ่ื ง “นกั เรียนดตี าคลีประชาสรรค์ ตอ้ งงามสง่าและ ถูกระเบียบวินัย หรอื นักเรยี นดีตาคลปี ระชาสรรค์ตอ้ งฝกึ ตน” จ�ำ นวน 2 หนา้ กระดาษ A4 3) การพัฒนาโรงเรยี นหรือบ�ำ เพญ็ ประโยชน ์ ตามวนั เวลาทีโ่ รงเรยี นก�ำ หนด และให้มารายงานตัวกบั หวั หนา้ ระดบั ม.3 หรือ ม.6 โดยแต่งกายด้วย เคร่อื งแบบนกั เรียน ทีถ่ กู ต้องผมทรงนกั เรียน เทา่ นั้น (เตรยี มชดุ พลศึกษา มาด้วย) 9.3.2 กิจกรรมเลอื กเพ่มิ เตมิ นักเรียนท้ัง 2 กลุม่ ดังกล่าว ตอ้ งเลือกทำ�กจิ กรรมอย่างใด อยา่ งหนง่ึ หรือหลายอยา่ ง ดังนี้ 1) การพฒั นาอาคารสถานที่ และส่ิงแวดลอ้ มของโรงเรียน 5 คะแนนเตม็ / คร้ัง 2) ท�ำ บญุ บริจาคชว่ ยเหลือคนดอ้ ยโอกาส 5 คะแนนเต็ม / ครั้ง 3) ทำ�บุญทวี่ ัดและศาสนสถาน 5 คะแนนเต็ม / ครัง้ 4) เชญิ ชวนญาติ บพุ การี บริจาคโลหิต 10 คะแนนเต็ม / คร้ัง

คูม่ อื นกั เรยี นโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 84 5) บรกิ ารสงั คม ชุมชน และสาธารณประโยชน์อนื่ ๆ 5 คะแนนเตม็ / คร้งั 9.4 นกั เรยี นทีถ่ ูกตดั คะแนนความประพฤติเกนิ 100 คะแนน ไม่วา่ ผดิ ครง้ั สดุ ทา้ ยจะ เป็นความผดิ ใด ใหค้ ณะกรรมการกล่มุ บริหารงานบุคคล (ฝ่ายปกครอง) บันทกึ หลักฐานและรายงาน กลุ่มบริหารวิชาการเพื่อบันทกึ ผลการประเมินคณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ และ ขออนมุ ตั ิผู้บรหิ ารโรงเรียน เปลี่ยนท่ีเรียน 9.5 การลงโทษนักเรียนต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่านักเรียนผู้น้ันได้กระทำ�ความผิด และสมควรถกู ลงโทษ ขอ้ 11 เกณฑ์การเพิ่มคะแนนความประพฤติ (1) ชว่ ยรกั ษาความสะอาดโรงเรียน นอกเหนือจากการท�ำ เวรประจำ�วันของตนเอง 5 คะแนนเต็ม / ครัง้ (2) ชว่ ยระงับยับยั้งการทะเลาะวิวาทของเพอ่ื นนกั เรยี น 5 คะแนนเตม็ / คร้ัง (3) ช่วยเหลือเพ่อื นทด่ี ้อยโอกาสกว่า 5 คะแนนเต็ม / ครั้ง (4) เกบ็ เงนิ หรอื สงิ่ ของที่มคี ่าของผอู้ ืน่ และนำ�สง่ คนื เพือ่ แจง้ ประกาศหาเจ้าของ 10 คะแนน เตม็ / ครัง้ (5) แจง้ ชอื่ เบาะแสของผู้กระทำ�ความผดิ หรือทำ�ความเสียหายกบั โรงเรียน 10 คะแนน เตม็ / ครัง้ (6) ช้ชี อ่ งทางหรือแจ้งแหล่งอบายมุข 10 คะแนนเต็ม / ครง้ั (7) ชว่ ยเหลอื กจิ กรรมของโรงเรียนดว้ ยความตั้งใจจริงเป็นทีป่ ระจักษอ์ ยา่ งต่อเนือ่ ง 15 คะแนนเต็ม / ครัง้ (8) สรา้ งชอ่ื เสียงใหก้ บั โรงเรยี น 15 คะแนนเตม็ / ครัง้ (9) ท�ำ โครงงานคุณธรรม 1 โครงงาน 25 คะแนน / ครง้ั (10) อนื่ ๆ หมายเหต ุ ทัง้ น้ีการกระท�ำ ความดีตอ้ งมีหลกั ฐานชัดเจนหรือมีผูร้ ับรองที่เชอื่ ถอื ได้ เพ่ือเสนอขอเพมิ่ คะแนน ใหก้ ลมุ่ บรหิ ารงานบุคคลพิจารณาเห็นชอบและคะแนนความดไี มส่ ามารถนำ�ไปหกั ลา้ งคะแนน ท่ีถกู ตัดได้ ขอ้ 12 นักเรยี นท่ไี ด้รบั คะแนนความดตี ้ังแต ่ 25 คะแนนขนึ้ ไป และไมเ่ คยถูกตัดคะแนน ความประพฤติในปีการศึกษาน้ันโรงเรียนจะมอบเกียรติบัตรให้ในวันมอบเกียรติบัตรนักเรียน คุณธรรมประจำ�ปี

85 คู่มอื นกั เรียนโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ ข้อ 13 วิธปี ฏิบัตขิ องครูตามระเบยี บน้ี (1) การบันทกึ การตัดคะแนน – เพิม่ คะแนน ความประพฤติของนักเรียนใหใ้ ชแ้ บบบันทกึ ทกี่ ล่มุ บรหิ ารงานบุคคลกำ�หนดเทา่ นน้ั (2) การตัดคะแนน–เพม่ิ คะแนน ความประพฤตขิ องนักเรยี น จะน�ำ เขา้ ประชมุ กล่นั กรอง โดยกลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล (ฝา่ ยปกครอง) เพอื่ พจิ ารณาด�ำ เนนิ การตามขนั้ ตอนจนถึงผูอ้ �ำ นวยการ โรงเรียน หรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย เพ่อื ขอความเหน็ ชอบและอนุมตั ิทุกครงั้ (3) การตัดคะแนน – เพม่ิ คะแนน ความประพฤตขิ องนกั เรยี น กลุ่มบริหารงานบุคคล ตอ้ งเก็บหลกั ฐานไว้และแจ้งใหผ้ ู้ปกครองรับทราบอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ 1 ครง้ั (4) การตดั คะแนน – เพ่มิ คะแนน ความประพฤติของนักเรียน กล่มุ บรหิ ารงานบุคคล จะแจ้งผลคะแนนทุกภาคเรียนและนักเรียนต้องทำ�กิจกรรมพัฒนาพฤติกรรมตามท่ีคณะกรรมการกลุ่ม บริหารงานบุคคลกำ�หนด คะแนนท่ีตดั หรือเพม่ิ จะเก็บสะสมไวใ้ นแตล่ ะช่วงชั้น (ม.1 – ม.3 และ ม.4 – ม.6) ข้อ 14 ผูม้ ีอำ�นาจสง่ั ทำ�ทณั ฑบ์ น ได้แก่ รองผอู้ ำ�นวยการโรงเรยี น และผ้อู �ำ นวยการโรงเรยี น ขอ้ 15 รองผู้อำ�นวยการกลมุ่ บริหารงานบุคคล และคณะกรรมการกลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล (ฝ่ายปกครอง) เปน็ ผรู้ ักษาระเบียบโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรคว์ ่าด้วยคะแนนความประพฤติ ท้งั นผี้ ลบงั คับใชต้ ั้งแต่ วนั ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ประกาศ ณ วนั ท ่ี 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (นางสาวจงกล เดชปัน้ ) ผอู้ ำ�นวยการโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์

คู่มือนักเรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 86 ระเบยี บปฏบิ ัตขิ องโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ C โรงเรยี นนอกจากจะเปน็ สถานที่ให้ความรูด้ ้านวชิ าการแก่นกั เรียนแลว้ ยังให้การอบรมฝึกฝน นกั เรียนใหพ้ ยายามปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมใหด้ ยี งิ่ ขนึ้ เพอื่ พัฒนาบคุ ลิกภาพของนักเรยี น ทงั้ นี้เพอ่ื ให้นกั เรียน เป็นผู้มวี นิ ยั และความเป็นระเบยี บจะได้เปน็ คนดีของสงั คมสบื ไป หน่วยงานของโรงเรียนที่ดำ�เนินงานในดา้ น น้ ี คือ กลมุ่ บริหารงานบคุ คล (ฝา่ ยปกครอง) นกั เรยี นโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ตอ้ งประพฤติปฏิบตั ิตนตาม แนวปฏิบัติของโรงเรียน ซง่ึ กลมุ่ บริหารงานบุคคล (ฝ่ายปกครอง) ได้ประมวลจากกฎข้อบังคับ ระเบียบของ กระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ คณุ สมบัตขิ องนักเรียนโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ นักเรยี นท่ดี ีควรประพฤติและปฏิบัตดิ ังตอ่ ไปน้ี 1. นักเรยี นต้องประพฤติและปฏบิ ตั ิตนตามคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละค่านิยม 12 ประการ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 8 ประการ ไดแ้ ก่ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต 3. มวี ินัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 6. มงุ่ มัน่ ในการทำ�งาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ ค่านิยม 12 ประการ ไดแ้ ก่ 1. มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มคี วามซื่อสตั ยส์ จุ ริต 3. กตัญญตู อ่ พ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์ 4. ใฝ่หาความรู้ หมน่ั ศกึ ษาเล่าเรียนท้งั ทางตรงและทางอ้อม 5. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทย 6. มีศีลธรรม รกั ความสตั ย์ 7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย 8. มรี ะเบยี บวินยั รักษากฎหมาย ผู้นอ้ ยรู้จักเคารพผูใ้ หญ่ 9. มีสติร้ตู ัว รู้คดิ ร้ทู �ำ 10. รู้จกั ด�ำ รงตนโดยใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

87 คู่มือนกั เรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 11. มีความเข้มแข็งทงั้ รา่ งกายและจิตใจ ไม่ยอมแพต้ อ่ อ�ำ นาจใฝ่ต�่ำ 12. ค�ำ นึงถึงผลประโยชนข์ องส่วนรวมมากกว่าผลประโยชนข์ องตนเอง 2. นักเรียนต้องแต่งกายและประพฤติตนตามกฎระเบียบข้อบังคับของกระทรวงศึกษาธิการและ ข้อก�ำ หนดของโรงเรียน 3. นกั เรียนตอ้ งสรา้ งชอ่ื เสียงใหก้ บั โรงเรียนทุกวถิ ที าง และไม่กระทำ�การใดๆ ทีเ่ ป็นการท�ำ ลายช่อื เสยี งของโรงเรียน 4. นักเรียนตอ้ งเคารพเชือ่ ฟังคำ�สง่ั สอนของครู ไม่แสดงกิริยาอนั ไม่สุภาพทั้งตอ่ หน้าและลบั หลงั 5. นกั เรยี นตอ้ งประพฤติและปฏิบตั ิตนให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นนักเรียน เช่น ไม่หนีเรยี น ไมล่ กั ทรัพย์ ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่มัว่ สุมอบายมขุ ตา่ งๆ 6. นักเรียนต้องนำ�กระเป๋านักเรียนหรือเป้ท่ีโรงเรียนกำ�หนดใส่อุปกรณ์การเรียนมาโรงเรียนทุกวัน นักเรยี นอาจใชก้ ระเปา๋ เคียง (ตามแบบของโรงเรยี น) ใส่สมั ภาระต่างๆ มาโรงเรยี นด้วยกไ็ ด้ 7. นักเรยี นตอ้ งมีเครื่องแตง่ กาย เคร่ืองเขยี น แบบเรียน และเคร่อื งใชต้ ่างๆ ครบตามที่โรงเรยี น ก�ำ หนด 8. โรงเรยี นไม่อนญุ าตให้นักเรยี นใช้เครอ่ื งมอื สอ่ื สารในขณะทมี่ กี ารเรียนการสอน การสอบ การประชมุ และการทำ�กจิ กรรมต่างๆ ของโรงเรยี น 9. กรณีผู้ปกครองอนุญาตให้นักเรียนนำ�เครื่องมือส่ือสารมาโรงเรียนโดยท่ีนักเรียนยังมีความรับผิดชอบ ไม่เพียงพอและเกดิ การสญู หาย โรงเรยี นจะไมร่ บั ผิดชอบ การปฏบิ ตั ติ นในการมาโรงเรยี นและการเขา้ เรียน 1. มาถงึ โรงเรยี นกอ่ นเวลา 07.45 น. 2. แสดงความเคารพครูเวรประจ�ำ วนั ทหี่ น้าประตโู รงเรยี น และรับการตรวจความเรยี บรอ้ ยก่อน การเขา้ และออกจากโรงเรยี น 3. เข้าแถวเคารพธงชาติและรว่ มกิจกรรมของโรงเรียน กอ่ นเขา้ เรียนในตอนเช้า 4. ต้องมคี วามเคารพ ส�ำ รวม และรกั ษาระเบยี บวินยั ของโรงเรยี น 5. แต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรยี นหรอื เคร่ืองแตง่ กายทส่ี ภุ าพ เรยี บรอ้ ย ตลอดเวลาทเ่ี ดนิ ทางไป และกลบั จากโรงเรียน ขณะอยู่โรงเรียนและการไปท�ำ กจิ กรรมนอกโรงเรยี น 6. ไมส่ วมรองเทา้ แตะเข้ามาในบริเวณโรงเรยี น 7. ไม่พกอาวุธ ไมน่ ำ�สง่ิ มนึ เมาทุกชนิดเข้ามาในโรงเรียน ไมน่ �ำ ของมคี ่าหรือ ตกแตง่ เคร่อื งประดับ ใดๆ มาโรงเรียน 8. เพื่อความปลอดภยั ของนักเรยี น ขอสงวนสทิ ธ์ไิ ม่อนุญาตให้ผู้ปกครองนกั เรียนมารับ - ส่งนกั เรยี น ภายในโรงเรยี น

คมู่ อื นักเรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 88 9. ตอ้ งเขา้ โรงเรยี น หอประชมุ หรอื เข้าร่วมกจิ กรรมอย่างพร้อมเพรยี ง 10. หลังเวลา 16.30 น. ให้นกั เรียนลงจากตึกและมารอผู้ปกครองบริเวณท่ีโรงเรียนจัดให้ 11. ไม่ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาเลกิ เรียนโดยไม่ได้รบั อนญุ าต 12. เมอ่ื พบครแู ละผู้มาเยือนในบริเวณโรงเรียนตอ้ งทำ�ความเคารพ 13. เมอื่ มคี วามจำ�เป็นต้องหยุดเรยี น นกั เรยี นหรอื ผู้ปกครองต้องแจ้งใหท้ างโรงเรยี นทราบและ ส่งใบลาในวันแรกที่มาโรงเรียน ในกรณีที่ลากิจ ต้องส่งใบลากับครูที่ปรึกษาล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน 14. ไม่น�ำ สนิ คา้ ทุกประเภทมาขายในบริเวณโรงเรยี น กอ่ นไดร้ ับอนุญาต 15. ไม่นำ�หนังสือ เอกสาร หรือแผ่นประกาศมาแจก หรือมาติดประกาศในบริเวณโรงเรียน ก่อนได้รับอนุญาต 16. ไมน่ ำ�บุคคลภายนอกเขา้ มาในโรงเรยี น โดยมไิ ด้รับอนุญาตจากทางโรงเรยี น 17. ไมน่ ำ�อาหารท่ีใสภ่ าชนะทท่ี ำ�ด้วยโฟมเขา้ มาในเขตโรงเรยี น 18. ไม่น�ำ อาหารและเครอ่ื งดื่มเขา้ ไปรบั ประทานในห้องเรยี น หรอื บรเิ วณอื่นนอกจากโรงอาหาร และหน้ารา้ นคา้ สวัสดกิ ารของโรงเรียนเทา่ นน้ั 19. ไมเ่ ข้าไปบริเวณบา้ นพักนกั การภารโรง หรือพืน้ ท่หี วงห้ามอนื่ ๆ 20. ไมเ่ ขา้ ไปในสถานท่อี ันไมเ่ หมาะสมในระหว่างทางไปและกลบั จากโรงเรียน การปฏิบตั ิตนในพิธีการกอ่ นเขา้ หอ้ งเรยี น 1. เวลา  07.45 น.  นกั เรยี นเขา้ แถวประจ�ำ ท่ีตามชัน้ ของตนเองและจดั แถวใหเ้ ปน็ ระเบยี บภายใต้ การดูแลของหวั หน้าห้อง ครทู ี่ปรึกษาและหัวหนา้ ระดบั ชนั้ 2. เวลา 08.00 น.  นกั เรยี นทกุ คนตอ้ งอยใู่ นความสงบ รว่ มพธิ ีเคารพธงชาติ สวดมนต์ไหว้พระและ รอ้ งเพลงประจ�ำ โรงเรยี น 3. เมือ่ เสรจ็ กิจกรรมหนา้ เสาธง นกั เรยี นเดนิ เขา้ หอ้ งเรยี นอย่างมีระเบยี บโดยมีครทู ีป่ รึกษาและ หัวหนา้ ระดบั ชัน้ กำ�กับดูแล 4. นกั เรียนที่มาหลังเวลา 08.00 น.  ให้เข้าแถวบริเวณที่ครูเวรกำ�หนดและปฏิบัติตามข้อกำ�หนด ที่วางไว้สำ�หรับนักเรียนที่มาสาย การปฏิบัติตนในการเข้าหอประชมุ 1. นกั เรียนทกุ คนต้องเข้าร่วมประชมุ ทกุ ครง้ั ตามวนั เวลา และสถานท่ีทโ่ี รงเรียนก�ำ หนดไว้ ผ้ทู ่ไี ม่ สามารถเขา้ รว่ มประชมุ ได้ตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากครูที่ปรึกษาหรอื หัวหนา้ ระดับชั้นเท่านนั้ 2. เข้าร่วมประชุมตรงเวลา นัง่ ประจ�ำ ที่ ตามทกี่ ำ�หนดไว้และอยใู่ นอาการสงบ สำ�รวมตลอดเวลา

89 คมู่ อื นักเรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 3. หัวหน้าหอ้ งหรอื รองหัวหนา้ ห้อง รายงานช่ือนกั เรยี นทข่ี าดการประชุมต่อครูทปี่ รกึ ษาและหัวหน้า ระดับช้ัน 4. ไม่ออกจากการประชุมก่อนได้รับอนุญาตและต้องทำ�ความเคารพประธานการประชุมทุกครั้ง เม่อื เข้าหรือออกจากการประชมุ 5. เม่ือสิ้นสดุ การประชุม นักเรียนจะออกจากท่ปี ระชมุ ได้ต้องไดร้ ับอนุญาตจากผ้ดู �ำ เนนิ การจดั การ ประชมุ กอ่ นและออกจากการประชุมเป็นหอ้ งๆ อยา่ งมรี ะเบียบ โดยอยู่ในความดแู ลของครทู ปี่ รกึ ษาและหัวหน้า ระดับชั้น 6. วนั เวลา การประชมุ ของระดับชัน้ ตามท่โี รงเรยี นก�ำ หนด การพบและส�ำ รวจนักเรยี นกอ่ นเรยี นประจ�ำ วัน 1. ครทู ่ปี รกึ ษาพบและส�ำ รวจนักเรียนในตอนเช้าขณะเข้าแถวกอ่ นเคารพธงชาติ เพ่อื ดแู ลความเรยี บรอ้ ย ทั่วไป เช่น การแต่งกาย ทรงผม ระเบยี บแถว 2. กจิ กรรมโฮมรูม ครทู ีป่ รึกษาพบนักเรียนในห้องเรยี นหรือบริเวณทค่ี รูและนกั เรียนก�ำ หนด เพอ่ื ชแ้ี จงหรืออบรมนักเรียนและทำ�กจิ กรรมเพอ่ื ความเป็นพลเมืองดี สำ�รวจความเรียบรอ้ ยของหอ้ งเรียนแจง้ จำ�นวน นักเรียนพรอ้ มลงชื่อในใบส�ำ รวจนกั เรียนประจ�ำ วัน และลงบนั ทกึ โฮมรูมส่งทห่ี วั หน้าระดับชนั้ ทกุ วันศกุ ร์เพื่อ รวบรวมส่งกลุ่มบรหิ ารงานบุคคล การควบคุมการมาโรงเรยี นของนกั เรียน 1. นกั เรียนที่มาหลังเวลา 08.00 น. จดั อยูใ่ นกลุม่ ผู้มาเรยี นสายต้องเขา้ แถวแยกพเิ ศษ เพอ่ื ความเป็น ระเบียบเรยี บร้อยในการรว่ มกิจกรรมเคารพธงชาติและสวดมนต์ไหว้พระ โดยมีครเู วรประจ�ำ วันอบรมตกั เตือน แลว้ จงึ อนญุ าตใหข้ ึ้นห้องเรียนได้ 2. นกั เรยี นทม่ี าหลงั เวลา 08.20 น. ต้องปฏิบัตดิ งั น้ี 1. รายงานตวั ตอ่ ครเู วรทด่ี แู ลนักเรยี นมาสาย 2. รอ้ งเพลงชาติ สวดมนตไ์ หวพ้ ระ 3. ลงชื่อในบนั ทึกข้อมูลการมาสาย เพ่อื ตดั คะแนนความประพฤติ 4. บันทึกการมาโรงเรียน - กรณมี าสายคร้งั ท่ี 1 อบรมและอนุญาตใหเ้ ขา้ เรียนในคาบที่ 1 - กรณีมาสายครั้งที่ 2 อบรม ตักเตือน และเขียนเหตุผลของการมาโรงเรียนสาย และอนุญาตให้เข้าเรียน - กรณีมาสายครั้งท่ี 3 อบรม ตกั เตือน และให้เขียนแนวทางการพัฒนาตนเองเพื่อให้ มาทันเวลา 07.45 น. และครูเวรโทรแจ้งผปู้ กครองรบั ทราบความประพฤติ

ค่มู ือนักเรยี นโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 90 - เมื่อครบ 3 ครั้งถูกตัดคะแนนความประพฤติและเชิญผู้ปกครองพบ ครูที่ปรึกษา และกลุ่มบริหารงานบุคคลเพื่อรับทราบการตัดคะแนน - กรณีมาสายเกิน 3 ครั้งหรือมาสายเป็นเนืองๆ เป็นโดยไม่มีเหตุผลจำ�เป็นให้ไปเข้าค่าย ปรบั พฤตกิ รรมรว่ มกบั ผูป้ กครอง โดยมีผู้ปกครองรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและท�ำ รายงานเสนอ กลุม่ บริหารงานบคุ คลภายใน 1 เดอื นนบั จากวนั ทผี่ ปู้ กครองรบั ทราบ 3. นกั เรียนท่ีมาหลงั เวลา 09.20 น. ผปู้ กครองตอ้ งรอส่งดว้ ยตนเองทีก่ ลุ่มบริหารงานบคุ คลพร้อม บนั ทกึ การมาสง่ หากไมม่ ผี ู้ปกครองมาสง่ โรงเรียน ไม่อนญุ าตใหน้ ักเรียนเข้าหอ้ งเรียนจนกวา่ จะติดตอ่ ผปู้ กครองได้ และนกั เรยี นต้องน�ำ ใบขออนญุ าตเข้าหอ้ งเรยี นไปแสดงต่อครผู สู้ อน เพอื่ ขออนุญาตเข้าหอ้ งเรียนโดยครผู ูส้ อน ลงช่ือรับทราบและให้นกั เรียนตอ้ งรบั ผดิ ชอบน�ำ ใบขออนญุ าตไปสง่ ครทู ปี่ รกึ ษาในวนั เดียวกนั เพอื่ ให้ครูที่ปรกึ ษา ลงบันทึกในแบบบันทกึ พฤตกิ รรมนกั เรียน การปฏบิ ตั ิตนในการเข้าหอ้ งเรยี น 1. ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบและขอ้ บังคบั ในการใชห้ อ้ งเรยี นตา่ งๆ ตามทก่ี ำ�หนดไว้อยา่ งเคร่งครัด 2. เขา้ และออกจากห้องเรยี นโดยพรอ้ มเพรียงกนั และตรงเวลา 3. แต่งกายด้วยชดุ แตง่ กายทีส่ ภุ าพ เรยี บรอ้ ย ตามท่ีโรงเรียนกำ�หนดในการเรียนแต่ละวชิ า 4. ท�ำ ความเคารพครูผสู้ อนและวทิ ยากรกอ่ นและหลงั การเรยี นทกุ ครงั้ 5. ใหค้ วามสนใจเฉพาะวิชาท่ีกำ�ลงั เรยี นเทา่ น้ัน หา้ มใชอ้ ุปกรณส์ อื่ สารหรือทำ�กจิ กรรมอนื่ โดยเดด็ ขาด 6. รักษาความสงบเรียบรอ้ ยในขณะทมี่ กี ารเรียนการสอนตลอดเวลา 7. ขออนุญาตครูผู้สอน หรือวิทยากรก่อนจะท�ำ การใดๆ ทเ่ี ปน็ การขัดจงั หวะการเรียนการสอน เชน่ การเขา้ หรอื ออกจากห้องเรยี น การแสดงความคดิ เห็น การเดนิ ไปตดิ ต่อเพอ่ื นรว่ มห้อง 8. เปลยี่ นสถานทเี่ รียนด้วยความรวดเรว็ และเป็นระเบยี บเรยี บร้อย 9. แต่งตั้งเวรทำ�ความสะอาดห้องเรียนและดูแลความเรียบร้อยของห้องเรียนก่อนที่จะมีการเรียนการ สอนและหลงั เลิกเรียนเปน็ ประจ�ำ ทุกวนั การทำ�ความเคารพหน้าประตูโรงเรียน ใหน้ กั เรียนเรยี งแถวหน้ากระดาน 5 คน วางสงิ่ ของลงกบั พน้ื แลว้ ทำ�ความเคารพครเู วรประจำ�วนั การท�ำ ความเคารพ นกั เรียนทกุ คนตอ้ งทำ�ความเคารพครู โดยปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1. เมื่อครเู ขา้ หอ้ งมาสอนทกุ ครง้ั ให้หวั หน้าห้องรองหวั หน้าห้องบอกทำ�ความเคารพ โดยใช้ค�ำ บอก “นักเรยี นกราบ” ใหน้ ักเรยี นทกุ คนกราบแล้วกลา่ ว “สวสั ดคี ะ่ ” พร้อมกันเมื่อหมดเวลาเรียนให้ใชค้ �ำ บอก “นักเรยี นกราบ” ใหน้ ักเรียนทกุ คนกราบและกลา่ ว “ขอบคุณค่ะ”

91 คมู่ ือนกั เรยี นโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 2. เมื่อครทู า่ นอื่นเขา้ มาในห้อง ให้หัวหนา้ ห้องบอกทำ�ความเคารพและกลา่ วว่า “สวัสดคี ่ะ” 3. เมื่อพบครูใหห้ ยุดยืนตรงยกมอื ไหว้ ถา้ ถอื ของใหย้ นื ตรงและหนั หนา้ เข้าหาครู หลกี ทางให้ครู เดนิ ผา่ นไปก่อน 4. เม่อื จะเดินผา่ นครู ซึ่งนัง่ อยู่ ให้กม้ ตัวลงเพราะงาม และเดินห่างระยะพอสมควร 5. เมอ่ื สวนทางกบั ครู ใหห้ ยดุ ยนื ตรงและให้ครเู ดินผ่านไปกอ่ น จงึ เดนิ ต่อไป 6. การเข้าพบครูในห้องพกั ครูตอ้ งขออนุญาตทุกครัง้ ถอดรองเทา้ วางใหเ้ ปน็ ระเบียบหนา้ หอ้ งพกั ครู ควรนงั่ คกุ เข่าเมื่อครนู ัง่ หรอื ยืนด้วยกิรยิ าส�ำ รวมเม่ือครูยนื 7. ขณะกำ�ลงั เลน่ ในสนาม เม่ือครูเดนิ เขา้ มาในระยะใกล้ ให้หยุดเลน่ ช่ัวคราว การขาดเรยี น นักเรียนท่ขี าดเรียนโดยไมท่ ราบสาเหตุ โรงเรยี นได้วางเกณฑไ์ ว้ ดงั น้ี 1. ขาดเรียน 3 วันตดิ ตอ่ กัน  ใหค้ รทู ่ปี รกึ ษาตดิ ต่อสอบถามไปยงั ผู้ปกครองเพ่อื ขอทราบสาเหตแุ ละ รายงานหวั หน้าระดบั ช้ัน 2. ขาดเรียน 5 วนั ติดต่อกนั ให้ครทู ี่ปรกึ ษามจี ดหมายแจ้งไปยงั ผปู้ กครองและรายงานกลุ่มบริหาร งานบุคคลและกลุ่มบริหารวชิ าการทราบโดยด่วน การลา เมื่อนกั เรยี นไม่มาโรงเรียน ตอ้ งสง่ ใบลาท่ีลงลายมอื ชอื่ ผ้ปู กครองรับรองต่อครูทป่ี รึกษาทกุ คร้งั ประเภทของการลา ลากิจ ตอ้ งลาลว่ งหน้า 1 วัน หรือถา้ กะทันหันหรอื มคี วามจำ�เป็น ตอ้ งน�ำ จดหมายมาแสดงต่อ ครทู ปี่ รึกษาในวันแรกทมี่ าโรงเรียน โดยมผี ู้ปกครองมารบั รองดว้ ยตนเอง ลาปว่ ย ถา้ นักเรยี นปว่ ยมาโรงเรยี นไม่ได้ ในวนั แรกทีม่ าโรงเรยี นตอ้ งท�ำ จดหมายของผปู้ กครอง ทร่ี ับรองวา่ ปว่ ยจรงิ โดยระบสุ าเหตุ อาการป่วย วนั และเวลาที่หยดุ เรยี นมาแสดงต่อครทู ่ปี รกึ ษา ลาป่วยกรณีอุบัติเหตุหรือป่วยเรื้อรัง ระยะนานเกิน 3 วัน ต้องมีใบรับรองแพทย์และผู้ ปกครองต้องมาติดต่อด้วยตนเองกลุ่มบริหารงานบุคคลและกลุ่มบริหารวิชาการ การออกนอกหอ้ งเรยี น 1. ในระหวา่ งทีม่ ีช่วั โมงเรียน นกั เรยี นตอ้ งอยู่ในห้องเรยี น จะไปอยูใ่ นห้องสมุด โรงอาหารหรอื ท่ี อ่ืนๆ ไม่ได้ เวน้ แต่ได้รบั อนญุ าตจากครผู สู้ อนในชัว่ โมงนัน้ 2. ถา้ จ�ำ เปน็ ต้องออกจากหอ้ งเรยี น ใหข้ ออนญุ าตจากครูผู้สอนและเดนิ ออกไปโดยไมส่ ง่ เสียงหรือ กระทำ�การใดๆ อนั เป็นการรบกวนห้องเรียน

ค่มู ือนักเรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ 92 การออกนอกบริเวณโรงเรยี น เมื่อนักเรยี นเขา้ มาในโรงเรียน จะออกนอกบริเวณโรงเรยี นไม่ไดจ้ นกว่าโรงเรยี นจะเลิก หากนักเรยี นมกี จิ ธรุ ะจำ�เปน็ อยา่ ยิ่งจะตอ้ งได้รบั อนญุ าตจากทางโรงเรยี นโดยปฏิบัติดังนี้ 1. ผปู้ กครองต้องมาขออนุญาตดว้ ยตนเอง ท่ีกลุ่มบริหารงานบคุ คล (ฝ่ายปกครอง) จะมอบบัตร อนญุ าตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นใหน้ กั เรยี นไปกรอกข้อความให้ครบถว้ น บตั รอนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นมี 2 สว่ น ต่อนกั เรียน 1 คน (สว่ นท่ี 1 อยู่ทฝ่ี า่ ยปกครอง ส่วนที่ 2 นักเรยี นนำ�ติดตวั ไปด้วย) 2. น�ำ บัตรอนุญาต ส่วนที่ 2 ไปใหค้ รเู วรหรอื ยามท่ีหนา้ ประตูเซ็นช่ือเปน็ หลักฐาน และให้นักเรียน น�ำ ติดตวั ไปดว้ ย 3. นักเรยี นตอ้ งกลับมาใหท้ นั เวลาตามทร่ี ะบไุ ว้ในบตั รอนญุ าต เมือ่ กลบั มาเรยี นในวนั ต่อไปต้องน�ำ ใบอนุญาตส่วนท่ ี 2 มอบให้ฝ่ายปกครอง 4. โรงเรียนไมอ่ นญุ าตใหน้ �ำ ยานพาหนะออกไปด้วย เว้นแตไ่ ม่กลบั มาอกี ในวันนั้น หากเป็นรถ จักรยานยนต์ต้องระบหุ มายเลขทะเบยี น เครื่องหมายการค้า (ย่หี ้อ) และสีของรถ หมายเหตุ หากนักเรียนออกนอกบริเวณโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีบุคคลอื่นมารับออกนอกบริเวณ โรงเรียนโดยพลการ หรือเปลี่ยนชุดนักเรียนเป็นอย่างอื่น ออกนอกบริเวณโรงเรียน ถือว่ามีความผิดจะต้อง ได้รับการพิจารณาโทษ การปฏบิ ตั ติ นในการใชส้ นามและบริเวณโรงเรยี น 1. ปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับการใช้สนามและบริเวณโรงเรียนตามท่ีโรงเรียนกำ�หนดไว้ อย่างเครง่ ครัด 2. ลงเลน่ ในสนามตามวนั เวลาทีโ่ รงเรียนกำ�หนด 3. ไมน่ อนเล่นในบรเิ วณต่างๆ ของโรงเรียนและนง่ั ในท่าทสี่ ภุ าพเรียบรอ้ ย 4. ทิ้งเศษกระดาษ เศษวสั ดุ ในที่ท่ีโรงเรยี นจดั ไว้ 5. รว่ มกนั รกั ษาความสะอาดบรเิ วณโรงเรียนเกบ็ กระดาษ  หรอื เศษวัสดทุ ง้ิ ลงในภาชนะทรี่ องรับ 6. ไมส่ ง่ เสียงดัง ตะโกน พูดค�ำ หยาบ หรอื แสดงอาการไม่สภุ าพในบรเิ วณโรงเรยี น การปฏบิ ตั ิตนในการใช้อาคาร 1. ปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับของการใช้ห้องและอาคารตามที่โรงเรียนกำ�หนดไว้อย่าง เครง่ ครัด 2. ปดิ ไฟ พดั ลม เคร่อื งปรบั อากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกคร้ังหลังจากใชห้ ้องเรียนหรือสถานที่ตา่ งๆ แลว้ 3. รกั ษาความสะอาดโตะ๊ เก้าอี้ และพนื้ หอ้ งอย่างสม่าํ เสมอ 4. ห้ามนำ�อาหารขึ้นไปรบั ประทานบนอาคารเรียนโดยเด็ดขาด

93 คู่มือนักเรียนโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 5. ใชโ้ ตะ๊ เกา้ อ้ีด้วยความส�ำ รวม ไม่นัง่ โยกเกา้ อ้ี ไมเ่ ลอื่ นโตะ๊ เกา้ อี้ ออกนอกแถวท่ีจดั ไว้ 6. ไมน่ ำ�โตะ๊ เก้าอ้หี รอื อปุ กรณต์ า่ งๆ ในห้องเรียนออกมาจากห้องเรียน 7. เม่อื ใชก้ ระดาน บอร์ด ฝาผนงั หรอื ส่วนใดของห้องแลว้ ต้องจดั การให้อย่ใู นลักษณะเรียบร้อย 8. ไม่นั่งบนโต๊ะ ขอบหนา้ ต่างหรอื ท่มี ันไมเ่ หมาะสม 9. ในกรณที ่ีมีการย้ายหอ้ งเรยี น ใหเ้ ดินเป็นระเบยี บและใช้เวลาในการเดินอย่างรวดเรว็ 10. ในขณะท่ีมกี ารเรยี นการสอนอย่ไู ม่อนุญาตให้นกั เรยี นห้องอื่นเข้าไปหยิบส่ิงของตา่ งๆในห้องเรียน เด็ดขาด ต้องรอจนกวา่ จะหมดคาบเรยี น 11. การเดนิ ขนึ้ /ลงบนั ไดใหเ้ ดนิ ชิดขวามือของตนเสมอ 12. หา้ มน�ำ อุปกรณไ์ ฟฟ้าอนื่ ๆ มา ก่อนไดร้ บั อนญุ าตโดยเด็ดขาด การปฏบิ ัตติ นในการรบั ประทานอาหาร 1. เข้าแถวซื้ออาหารตามลำ�ดับก่อนหลัง 2. น่งั รบั ประทานอาหารดว้ ยกิริยาท่สี ภุ าพ ไมค่ ุยเสียงดัง คุยขา้ มโตะ๊ หรือพูดค�ำ หยาบ 3. ไมเ่ ดินรับประทานอาหาร  หรือน�ำ อาหารไปรับประทานนอกโรงอาหาร 4. นำ�ภาชนะใส่อาหารและแกว้ น้ำ�ไปเกบ็ ในภาชนะรองรบั ทโ่ี รงเรยี นจดั ไวใ้ หเ้ รยี บรอ้ ยทุกครั้ง การปฏบิ ัติตนในการใช้ห้องสขุ า 1. ใสก่ ลอนประตเู มือ่ เขา้ หอ้ งสขุ าทุกครั้ง 2. ทำ�ความสะอาดโถส้วมหลงั จากใชแ้ ลว้ ทกุ ครงั้ 3. ไมท่ งิ้ วสั ดุใดๆ ลงโถสว้ ม ใหท้ ิ้งวัสดชุ �ำ ระ หรอื วสั ดุอ่นื ลงในภาชนะรองรบั เท่านัน้ 4. เปดิ น้าํ พอประมาณและปดิ นา้ํ ทกุ ครัง้ หลงั การใชอ้ า่ งล้างหนา้ หรือภาชนะรองรบั นํา้ ในห้องสขุ า 5. ถา้ พบเหน็ การรั่วไหลของนํา้ ใหแ้ จง้ กลุ่มบรหิ ารทัว่ ไปทันที 6. ไมม่ วั่ สมุ ในบริเวณหอ้ งน้าํ หรือทำ�กิจกรรมอน่ื เชน่ ตัดผมในห้องนา้ํ 7. หา้ มใช้ ห้องนาํ้ ครู การปฏบิ ตั ติ นในการไปทัศนศึกษา หรอื ท�ำ กจิ กรรมนอกสถานที่ 1. น�ำ ใบขออนุญาตผู้ปกครองไปใหผ้ ปู้ กครองรับทราบ และส่งแบบตอบรบั คืนครทู รี่ ับผิดชอบ ตาม วนั เวลาท่ีกำ�หนด 2. แตง่ เครื่องแบบนักเรียน หรือแต่งกายตามข้อตกลงที่อยู่ในสุภาพเรยี บรอ้ ยตลอดเวลา 3. ตอ้ งประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตามระเบียบวา่ ดว้ ยการเปน็ นกั เรยี น และเชื่อฟังครูผคู้ วบคมุ อย่างเครง่ ครดั 4. เข้าแถวใหเ้ ปน็ ระเบยี บก่อนออกเดินทางและเม่ือกลบั ถึงโรงเรยี น เพือ่ รายงานตัวตอ่ ครูผู้ควบคุม และตอ้ งได้รบั การอนญุ าตจากครูผู้ควบคุมก่อนทุกครัง้ จึงกลบั บา้ นได้

คมู่ ือนักเรียนโรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ 94 5. ข้ึนและลงจากรถด้วยความเรยี บรอ้ ย 6. เข้าชมสถานที่และร่วมกิจกรรมด้วยอาการสำ�รวม ในกรณีที่ต้องเข้าพบเจ้าของสถานที่หรือ เจ้าหน้าที่นำ�ชมต้องตั้งแถวรอรับการนำ�ชมและตั้งแถวเพื่อกล่าวคำ�ขอบคุณ 7. ต้ังใจฟังคำ�อธิบายและปฏิบัติตามค�ำ แนะนำ�ของเจา้ หน้าทนี่ �ำ ชมอย่างเครง่ ครัด 8. ไมก่ ล่าววาจาหยาบคาย หรือแสดงอาการอื่นท่ไี ม่เหมาะสมกับการเป็นนักเรยี น หรอื กระทำ�การ สิ่งใดทเ่ี ปน็ การเส่ือมเสยี ช่ือเสยี งของโรงเรียนโดยเด็ดขาด 9. ปฏิบัตติ ามระเบยี บและขอ้ บงั คบั การใชส้ ถานท่ตี ่างๆ  ตามทก่ี �ำ หนดไวอ้ ย่างเครง่ ครัด การพบกับบคุ คลภายนอก 1. ผู้ปกครองและบุคคลภายนอกทมี่ าติดต่อ ต้องแต่งกายสุภาพ แลกบัตรผูม้ าตดิ ต่อและรอพบ นักเรยี นท่กี ลุ่มบรหิ ารงานบคุ คลเทา่ นนั้ 2. กรณีที่จะติดต่อโรงเรียนไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองข้ึนอาคารเรียนทั้งน้ีเพ่ือความเรียบร้อยและ ความปลอดภัยของนักเรียน กรณีทีจ่ ะติดต่อขอพบนกั เรยี นให้พบทหี่ อ้ งกลุม่ บริหารงานบุคคล 3. กรณีศษิ ยเ์ ก่ามาพบครหู รือรนุ่ น้อง ต้องแตง่ กายสภุ าพ แลกบัตรผมู้ าตดิ ต่อและขอพบนักเรียน ใหพ้ บไดท้ ีห่ ้องกล่มุ บรหิ ารงานบคุ คล รอพบที่หนา้ หอ้ งกลุ่มบริหารงานบคุ คลเทา่ น้นั ข้อควรทราบของผู้ปกครองนักเรยี น เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับบ้าน และผู้ปกครองจะได้ทราบถึงพัฒนาการต่างๆ ของ บตุ รหลานและการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ตรงไปตรงมา โรงเรยี นจึงขอแจ้งให้ผูป้ กครองทราบดังนี้ 1. กรณที โี่ รงเรยี นจัดกจิ กรรมพิเศษนอกเหนือจากเวลาเรยี นปกต ิ 08.00 – 16.10 น. หรือ ในวันหยดุ ราชการ โรงเรยี นจะมีหนังสือแจง้ ผู้ปกครองทราบเพอื่ ขออนุญาตทุกครง้ั 2. ในกรณีที่นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนตามที่โรงเรียนได้ขออนุญาตผู้ปกครองแล้ว ปรากฏว่านักเรียนกลับถึงบ้านช้ากว่าปกติ ผู้ปกครองควรสอบถามโรงเรียน (ครูผู้รับผิดชอบกิจกรรม) 3. การที่นักเรียนขออนุญาตผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยไม่มีใบอนุญาตจากโรงเรียน ผู้ปกครองโปรดเข้าใจว่ากิจกรรมนั้นเป็นกิจกรรมที่โรงเรียนไม่ได้จัดขึ้น 4. ในกรณีทนี่ ักเรยี นกระทำ�ความผดิ โรงเรียนจะมหี นังสอื แจ้งผ้ปู กครองทราบ 5. โรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมาพบอย่างน้อยปลี ะ 2 ครง้ั ตามโครงการโรงเรยี นพบผปู้ กครอง เพ่ือ ผูป้ กครองจะได้ทราบถงึ พัฒนาการของบตุ รหลานของทา่ น เม่อื เขา้ มาอย่ใู นโรงเรียน ท้ังด้านการเรยี นและ พฤฒิกรรมต่างๆ 6. โรงเรียนยินดีรับฟังความคิดเห็นของท่านเสมอไม่ว่าจะเป็นรูปจดหมายหรือการสนทนาระหว่าง ผู้ปกครองกบั ครู โรงเรยี นดีใจและภมู ใิ จท่ที า่ นใส่ใจโรงเรียนเสมือนเปน็ โรงเรียนของทา่ น

95 คู่มอื นักเรียนโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ ระเบียบวา่ ดว้ ยเครอื่ งแต่งกายของนักเรยี นชาย – หญงิ ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นและตอนปลาย โรงเรียนตาคลปี ระชาสรรค์ C นักเรยี นทุกคนต้องแตง่ ตัวดว้ ยเคร่อื งแบบนักเรยี นที่โรงเรยี นกำ�หนดไวด้ งั นี้ เครอ่ื งแตง่ กายของนักเรยี นชาย 1. เสื้อ - แบบเสื้อเชต้ิ คอตั้ง - ผ้าสีขาวเกลยี้ งไมม่ ีลวดลายในตัวไมบ่ างเกนิ ไป - ผ่าอกตลอดและมีสาบทอ่ี กกวา้ ง 4 เซนตเิ มตร - กระดุมสีขาวกลมแบนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไมเ่ กนิ 1 เซนติเมตร - แขนสั้นเพียงขอ้ ศอก - มีกระเป๋าตดิ ราวหนา้ อกเบื้องซา้ ย 1 กระเปา๋ ขนาดกวา้ ง 8 – 12 เซนตเิ มตร ลึกประมาณ 10 – 15 เซนตเิ มตร พอเหมาะกบั ขนาดตวั เส้อื - ดา้ นหลงั ไมม่ จี บี หรอื ตเี กล็ด - มสี าบหลังเสอื้ - ปลายแขนเสือ้ ตลบเข้าดา้ นใน ประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร 2. กางเกง - ผา้ สีกากเี นือ้ เกลีย้ งแบบกางเกงไทย ห้ามยอ้ มสีกางเกง หา้ มใชผ้ ้ามัน ผา้ ยีนส ์ ผา้ ดบิ ผา้ รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ - ขากางเกงสน้ั เพียงเหนือเข่า วัดพน้ กลางลกู สะบา้ ประมาณ 5 เซนตเิ มตร เม่อื ยืนตรง ส่วนกว้างของกางเกงเมอื่ ยืนตรง หา่ งจากขาตงั้ แต่ 8 – 12 เซนตเิ มตร - ปลายขากางเกงตลบเขา้ ด้านในประมาณ 4 เซนตเิ มตร - มีกระเป๋าตามแนวตะเขบ็ ขา้ งๆ ละ 1 กระเปา๋ ไมม่ ีกระเปา๋ หลัง - มีจีบหนา้ ข้างละสองจบี จบี ออก - เปา้ ไมส่ ั้นเกนิ ไป ใช้ซิบซอ่ นไวข้ ้างใน - หกู างเกงม ี 7 หู กว้าง 1 เซนตเิ มตร ยาวไมเ่ กนิ 5 เซนติเมตร ลักษณะหูตรงเดี่ยว - เวลาสวมกางเกงให้สวมทับชายเส้ือใหเ้ รียบรอ้ ย สวมแลว้ รัดเข็มขดั ใหพ้ อดีกบั ความกวา้ ง ของขอบเอวกางเกงและขอบอย่ปู ระมาณระดับสะดอื

คมู่ อื นักเรยี นโรงเรยี นตาคลปี ระชาสรรค์ 96 3. รองเทา้ - รองเท้าหมุ้ ส้นผา้ ใบสีนาํ้ ตาล - ไม่มลี วดลาย ไม่ผ่าหวั ไม่ใชร้ องเทา้ ยาง หรอื ขอบยาง - สายผูกสเี ดยี วกับรองเท้า 4. ถงุ เท้า - ใช้ถงุ เท้าแบบธรรมดาไมม่ ีลวดลาย สนี ํา้ ตาล - ไม่พบั ถุงเทา้ หรอื ม้วน - ห้ามใส่ถุงเท้าชนดิ ข้อสั้น 5. เข็มขดั - เปน็ หนังสีนํ้าตาลขนาดกว้าง 2.5 – 4 เซนติเมตร ถอื ส่วนตามขนาดนกั เรยี น - หัวเข็มขดั เปน็ โลหะสีเงนิ ตราสัญลักษณโ์ รงเรยี น - สายเขม็ ขดั ไม่มลี วดลายใดๆ ทงั้ สน้ิ หรือช่อื ตัวอกั ษรท่แี กะสลักลงบนหนงั เขม็ ขัด - มีปลอกสีน้าํ ตาลสำ�หรับเกบ็ ปลายเขม็ ขัด - ให้กางเกงทับชายเสื้อไวใ้ ห้เรียบร้อย โดยมีเข็มขดั รดั อยู่ในหูกางเกง 6. ผมของนกั เรยี นชาย ม.ตน้ - ใหต้ ัดสนั้ แบบนักเรียน ด้านขา้ งและด้านหลงั เกรียน ด้านหนา้ ผมไมเ่ กนิ 4 เซนตเิ มตร (เบอร์ 0) หา้ มหวีเสยหรือหวีแสกกลาง ไมย่ ้อมสผี ม ไม่ทำ�ให้หยัก หรือลอนผิดธรรมชาติ ห้ามใช้นํา้ มันหรอื เครื่องแต่งทรงผมทุกชนดิ หา้ มไว้หนวดและเครา หา้ มกนั จร ห้ามกัน หนา้ ผากเปน็ ขอบ ห้ามท�ำ ลวดลาย 7. ผมของนกั เรียนชาย ม.ปลาย - ให้ตัดสั้นแบบนักเรียน ด้านหน้ายาวไม่เกินครึ่งหน้าผาก (เบอร์ 2) ห้ามหวีเสยหรือ หวีแสกกลาง ไม่ย้อมสีผม ไม่ทำ�ให้หยัก หรือลอนผิดธรรมชาติ ห้ามใช้นํ้ามันหรือ เครือ่ งแตง่ ทรงผมทุกชนดิ หา้ มไว้หนวดและเครา ห้ามกนั จร ห้ามกนั หน้าผากเปน็ ขอบ หา้ มท�ำ ลวดลาย 8. หา้ มใสเ่ คร่ืองประดบั ทีห่ ู 9. ห้ามสักตามอวัยวะตา่ งๆ ของรา่ งกาย 10. กระเป๋าหนงั สือ - ให้ใชก้ ระเป๋าหนงั สือสีดำ�แบบนกั เรยี นหรอื เป้ของโรงเรยี น หากจำ�เป็นต้องถอื กระเป๋า เคยี ง อนุญาตใหใ้ ชก้ ระเป๋าซง่ึ ผลิตโดยโรงเรียน และต้องถือคกู่ ับกระเปา๋ หนงั สอื ของโรงเรยี นเทา่ น้ัน

97 คมู่ อื นักเรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ เคร่อื งแต่งกายของนักเรยี นหญิง 1. เสอื้ - มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ใชผ้ ้าขาวเกลีย้ งไม่มลี วดลายในตัว ไมบ่ างเกินควร และหา้ มใช้ ผ้ายดื ผ้ามัน เส้ือแบบคอพบั ในตัว ลึกให้พอสวมศรี ษะไดส้ ะดวก สาบตลบเขา้ ขา้ งใน มีปกขนาด 18 เซนติเมตร ใช้ผ้า 2 ชิ้น เย็บแบบเข้าถํ้าแขนยาวเพียงเหนือศอก ปลายแขนมีจีบเพียงเล็กนอ้ ย ประกอบด้วยผา้ 2 ชนิ้ กวา้ ง 3 เซนตเิ มตร ความยาว ของเสือ้ วดั จากข้อมือขึน้ มาเมือ่ ยืนตรงระดับไม่เกิน 10 – 14 เซนติเมตร ชายขอบเสื้อ ด้านลา่ งมขี อบพับไมเ่ กิน 3 เซนตเิ มตร ขนาดตวั เสือ้ ใตแ้ ขนถงึ ขอบลา่ ง มีความกว้าง พอเหมาะกับลำ�ตวั ไมร่ ดั รูป ริมขอบเส้ือดา้ นหนา้ ขา้ งขวาติดกระเปา๋ พับเป็นรมิ กวา้ ง ไมเ่ กิน 2 เซนติเมตร เวลาสวมตอ้ งผูกด้วยไทค ์ ซ่งึ เป็นผา้ สเี ดยี วกบั กระโปรง ปลายรปู สามเหลย่ี มยาวตั้งแต่ 85 – 100 เซนติเมตร ผกู ด้วยเงื่อนกลาสี ลกั ษณะการผกู ความลึก พอประมาณ ไม่ติดคอหรือยาวลงมากเกิน จนมองดูไม่สวยงาม หน้าอกเสอ้ื ดา้ นขวาใหป้ ัก อักษรยอ่ ช่อื โรงเรยี น และด้านซ้ายปักชือ่ – นามสกุล ของนักเรียน ขนาด 1 เซนติเมตร และดา้ นบนช่ือ ใหป้ กั ดาวตามระดับชนั้ ของนักเรยี นโดยให้ใช้ดา้ ยสีนํา้ เงนิ - มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ใช้ผ้าขาวเกลี้ยงไม่มีลวดลายในตัว ไมบ่ างเกินควร และห้ามใช้ ผ้ายืด ผ้ามัน ผ่าอกตลอด อกทำ�สาบตลบเข้า ด้านใน 3 เซนติเมตร ไม่ตัดรัดรูป มีกระดมุ กลม แบบสขี าว 3 เมด็ (ไม่นบั ส่วนท่ีสอดในกระโปรง) แขนยาวเพยี งเหนอื ศอก ตน้ แขนและปลายแขนมจี บี เพยี งเล็กนอ้ ย ประกอบด้วยผา้ 2 ช้ิน กวา้ ง 3 เซนติเมตร สอดเสอ้ื ในกระโปรงขอบปลายแขนเส้อื กว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร หนา้ อกเสื้อด้านขวา ใหป้ ักอักษรย่อช่ือโรงเรียน พร้อมติดเข็มตราโรงเรียนเหนืออกั ษรย่อของโรงเรยี น และ ด้านซ้ายปกั ชอ่ื – นามสกุล ของนกั เรียน ขนาด 1 เซนตเิ มตร และใหป้ กั ดาวตามระดบั ครทู ี่ปรกึ ษาชัน้ ของนักเรียนที่ปลายปกดา้ นซ้าย โดยใหใ้ ชด้ ้ายสีน้ําเงิน 2. กระโปรง - ทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย ใช้สีกรมท่า เนื้อเกลี้ยง แบบธรรมดาไม่ให้มีลวดลายในตัว เนื้อผ้าไม่มัน ไมใ่ ช้ผ้ายีนส์ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลังพับกลบี ข้างละสามกลบี หันกลีบออก ดา้ นนอก เยบ็ ทบั บนกลบี ลงมา 6 – 12 เซนติเมตร และสำ�หรบั ชั้น ม.ปลาย ใชเ้ ขม็ ขัด หนังสีดำ� หัวเป็นโลหะสีเงินตราสัญลักษณ์โรงเรียน หา้ มมีลวดลายแกะสลกั เขม็ ขัดนี้ ให้คาดทับกระโปรง กระโปรงห้ามมีหู โดยก�ำ หนดความยาวของกระโปรงวัดจากกลางสะบา้ หวั เขา่ ไมต่ ่ํากว่า 5 – 10 เซนตเิ มตร (เมือ่ ยนื ตรง)

คมู่ ือนกั เรียนโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 98 3. รองเทา้ - ใช้รองเท้าหุ้มสน้ สดี �ำ มีสายรัดหลังเท้าส้นสูงไม่เกนิ 3 เซนตเิ มตร หนังหา้ มมีลวดลาย 4. ถงุ เทา้ - ใช้ถุงเท้าสีขาวเรียบ ไม่มีลวดลาย ขอบกว้าง 3 – 4 นิ้ว เหนือข้อเท้า ห้ามใช้ถุงเท้า ลูกฟูก หรือมีลวดลาย หรือข้อสั้น 5. ทรงผมของนกั เรยี นหญิง ม.ตน้ - ให้ตดั ผมทรงนกั เรยี น ไมด่ ดั หรอื ซอย ไม่ย้อมสีผม โดยรอบความยาวระดับริมฝปี ากล่าง หรอื ตามลกั ษณะของศีรษะ หา้ มใชเ้ คร่อื งประดบั บนศรี ษะยกเวน้ กบ๊ิ สีด�ำ เทา่ นน้ั 6. ทรงผมของนักเรียนหญงิ ม.ปลาย - ให้ตดั ผมทรงนกั เรยี น ไม่ดัดหรอื ซอย ไม่ยอ้ มสีผม ไมไ่ ว้ผมยาว โดยรอบความยาว ระดับชนปกคอเส้อื นกั เรียน ห้ามใชเ้ คร่อื งประดับบนศรี ษะ ยกเว้นกิ๊บสีดำ�เทา่ นั้น 7. ห้ามใส่เครอ่ื งประดับทห่ี ู 8. กระเปา๋ หนังสอื - ให้ใช้กระเป๋าหนงั สือสดี ำ�แบบนักเรียนหรือเปข้ องโรงเรยี น หากจำ�เปน็ ต้องถอื กระเปา๋ เคยี ง อนญุ าตใหใ้ ชก้ ระเปา๋ ซึง่ ผลิตโดยโรงเรยี น และตอ้ งถือคู่กบั กระเป๋าหนังสอื ของโรงเรียน เท่าน้นั 9. หา้ มใสเ่ สื้อคลุม ยกเว้นฤดหู นาว หมายเหตุ ใหด้ รู ปู ภาพประกอบในคู่มือนักเรยี น

99 คูม่ ือนักเรยี นโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ ระเบียบว่าดว้ ยเครอื่ งแตง่ กายกิจกรรมตามระเบียบ 1 โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนาร ี ยุวกาชาด และนักศกึ ษาวชิ าทหาร เป็นกิจกรรมที่ฝกึ ความมรี ะเบยี บ วินยั การพัฒนาวนิ ยั ข้นั พ้นื ฐานอาศัยเครื่องแตง่ กายเป็นหัวใจของการพัฒนา โดยยึดกฎกระทรวงว่าด้วย เครอ่ื งแบบดงั ต่อไปน้ี เคร่ืองแบบลูกเสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ (ตามกฎกระทรวงว่าดว้ ยเคร่ืองแบบลกู เสอื ) ประกอบดว้ ย 1. หมวก - หมวกทรงอ่อนสีเลือดหมู มีตราหน้าหมวกรูปตราคณะลูกเสือแห่งชาติ ทำ�ด้วยโลหะ สีทอง เวลาสวมให้ตราหน้าหมวกอยู่เหนือคิ้วซ้าย 2. เสอ้ื - เสือ้ คอพบั สกี ากีแขนสน้ั เหนอื ศอก ผา่ อกตลอด อกเส้อื ทำ�เปน็ สาบกวา้ ง 3.5 เซนตเิ มตร มีดมุ เหนอื เขม็ ขัด 4 ดมุ อกมีกระเปา๋ ปะข้างละ 1 กระเป๋า มแี ถบตรงก่งึ กลางตาม ทางด่ิง ปกรูปมน ชายกลางแหลมเจาะรังดุมกงึ่ กลางกระเปา๋ 1 ดมุ มีอินทรธนูสีเลอื ดหมู ปลายอนิ ทรธนมู อี กั ษร “ล.ญ.” สเี หลอื ง 3. ผ้าผูกคอ - ผ้าผูกคอรูปสามเหลยี่ มหนา้ จั่ว ด้านฐาน 100 เซนตเิ มตร ด้านต้ัง 7.5 เซนติเมตร สตี ามสีประจำ�ภาคการศึกษา และมีห่วงซึง่ ไม่ใชห่ ่วงกิลเวลล์สวมผา้ ผกู คอ 4. กางเกง - กางเกงสกี ากี ขาส้นั เหนอื เข่าประมาณ 5 เซนตเิ มตร สว่ นกว้างของกางเกง เมอ่ื ยนื ตรง ห่างจากขาต้งั แต่ 8 – 12 เซนตเิ มตร ปลายขาพบั เข้ากวา้ ง 5 เซนติเมตร ผ่าตรงส่วนหน้า ใช้ดุมขนาดย่อมขดั ซอ่ นไวข้ า้ งใน มกี ระเปา๋ ตามแนวตะเข็บข้าง ข้างละ 1 กระเป๋า และ มหี รู ้อยเขม็ ขัดยางไม่เกิน 6 เซนตเิ มตร กวา้ ง 1 เซนตเิ มตร 5. เขม็ ขดั - เข็มขัดหนงั สนี ํ้าตาล กว้างไมเ่ กิน 3 เซนตเิ มตร หวั ชนิดหัวขัดท�ำ ด้วยโลหะสที อง มลี ายดุนรูปตราคณะลกู เสอื แห่งชาติภายในกรอบชอ่ ชยั พฤกษ์ 6. ถุงเทา้ - ถงุ เท้ายาวสกี ากีพับขอบไว้ใต้เข่า ใต้พบั มีรอยรดั ถุงเทา้ ติดพสู่ เี ลือดหมขู า้ งละ 2 พู่ 7. รองเท้า - รองเท้าหนงั หรอื ผ้าใบสีน้ําตาลแก่ ไม่มีลวดลาย ห้มุ ส้น ชนิดผูก

ค่มู ือนกั เรยี นโรงเรยี นตาคลีประชาสรรค์ 100 เคร่อื งแบบเนตรนารีสามัญรนุ่ ใหญ่ 1. หมวก - หมวกปีกแคบสีเขยี วแก่ มีตราหน้าหมวกรูปเครอ่ื งหมายเนตรนารีท�ำ ดว้ ยโลหะ ปีกหมวก ดา้ นหลังพบั ขนึ้ 2. เส้ือ - เสอื้ สเี ขยี วแก่ แขนสน้ั เหนือศอก ผา่ อกตลอด อกเส้ือทำ�เปน็ สาบกว้าง 3.5 เซนติเมตร มดี มุ เหนือเข็มขัด 4 ดุม อกมกี ระเป๋าข้างละ 1 กระเปา๋ มแี ถบตรงก่ึงกลางตามทางด่งิ ปกรูปมน เจาะรงั ดมุ กง่ึ กลาง 1 ดมุ มีอินทรธนสู ีเดียวกบั เสอื้ อยูเ่ หนือบา่ ท้ังสองข้าง ด้านไหล่กว้าง 3.5 เซนติเมตร เย็บติดตะเข็บไล่เสื้อด้านคอกว้าง 2.5 เซนติเมตร ปลายมนมดี ุมท่ปี ลายอินทรธนู ทางดา้ นคอดา้ นละ 1 ดมุ ดมุ ลักษณะกลมแบน ท�ำ ดว้ ย วตั ถุสีเขยี วแก ่ ใหส้ อดชายเส้ืออยูภ่ ายในกระโปรง หรือเย็บตดิ กระโปรงได้ 3. ผา้ ผกู คอ - ผา้ ผูกคอรปู สามเหลย่ี มหน้าจั่ว ด้านฐาน 100 เซนตเิ มตร ดา้ นตง้ั 7.5 เซนตเิ มตร สตี ามสี ประจ�ำ ภาคการศกึ ษา และมีหว่ งซึ่งไมใ่ ช่ห่วงกิลเวลล์ สวมผ้าผูกคอ 4. กระโปรง - กระโปรงสีเขียวแก่ยาวเสมอเข่า ด้านหน้าและด้านหลังพับเป็นกลีบ หันออกด้านข้าง ข้างละ 1 กลีบ 5. เขม็ ขัด - เขม็ ขดั หนังสดี ำ� กวา้ งไมเ่ กนิ 3 เซนตเิ มตร หวั รูปสเี หลยี่ มผนื ผ้า ทำ�ด้วยโลหะสที อง มลี ายดนุ รูปเคร่ืองหมายเนตรนารี 6. ถุงเท้า - ใชถ้ ุงเทา้ สีขาวเรยี บ ไมม่ ลี วดลาย ขอบกวา้ ง 3 – 4 นิ้ว เหนอื ขอ้ เท้า ห้ามใชถ้ ุงเทา้ ลกู ฟกู หรือมลี วดลาย หรือข้อส้ัน 7. รองเท้า - รองเท้าหนังสดี �ำ แบบนกั เรยี น หรือผา้ ใบสีดำ� ไมม่ ลี วดลายหุ้มสน้ ชนดิ ผูก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook