Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟ จังหวัดน่าน (2562)

ต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟ จังหวัดน่าน (2562)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2021-04-29 03:21:14

Description: นักวิจัยดําเนินการศึกษาต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟของกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดน่านและวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสำเร็จรูปจากการแปรรูปเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าของกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดน่าน โดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการเกี่ยวกับลักษณะการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายในการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและรายได้ และเข้าสังเกตการณ์เพื่อเก็บข้อมูลในการทดสอบพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสำเร็จรูป ตลอดจนการลงพื้นที่เก็บข้อมูลราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟดริปที่ออกสู่ท้องตลาด เพื่อนำไปสรุปผลการศึกษาต้นทุนเปรียบเทียบการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริป สำหรับการวางแผนการดำเนินงานด้านการผลิต เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการแข่งขัน ได้อย่างเหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุด

Keywords: ต้นทุนและผลตอบแทน, ผลิตภัณฑ์กาแฟ, Costs and Profits, Coffee Products,วันวิภา ปานศุภวัชร

Search

Read the Text Version

43 ประเทศไทยผลิตกาแฟได้มากในแถบเอเชีย ซ่ึงมีผลผลิตรองจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเม่ือ เทียบกบั ผลผลติ ของโลกท้ังหมด โดยสามารถผลติ ประมาณ 8 หมนื่ ตนั /ปี คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.2-1.3 ของ ท้ังหมดเท่านั้น แต่ผลผลิตร้อยละ 90-95 เป็นสายพันธ์ุโรบัสต้า กาแฟที่ผลิตได้เราบริโภค ภายในประเทศ 30,000-50,000 ตัน ที่เหลือประมาณ 50,000-55,000 ตัน จะส่งออกขายไปยัง ประเทศสหรัฐอเมรกิ า เกาหลี เนเธอรแ์ ลนด์ ญี่ปนุ่ และโปแลนด์ เปน็ ต้น ซึ่งการสง่ ออก มที ง้ั ประเภท ที่แปรรูปแลว้ และสง่ เป็นเมล็ดกาแฟทมี่ ีโรงงานกาแฟย่หี ้อดงั ๆ อยูต่ ามจงั หวดั ภาคใต้ ทีเ่ ปดิ บริษัทรับ ซอื้ เมลด็ กาแฟ แลว้ นามาค่วั บด หรอื ทาเปน็ กาแฟสาเร็จรูปสง่ จาหน่าย การปลูกกาแฟในประเทศไทย มมี านานกว่า 20 ปีแล้ว สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2535) รายงานผลการศึกษา ประสทิ ธิภาพการผลิตต้นทุน และผลตอบแทนการผลิตกาแฟโรบัสต้าในภาคใต้ ปี 2533/34 พบว่า ปจั จยั ท่มี ผี ลกระทบตอ่ การผลิต กาแฟของเกษตรกร คอื พืน้ ที่ปลูก ป๋ยุ สารเคมกี าจดั ศัตรูพืช แรงงานในการดูแลรกั ษา แรงงานในการ เกบ็ เก่ยี ว และค่าเส่ือมอปุ กรณ์การเกษตร โดยผลตอบแทนตอ่ การผลติ มีความยืดหยุน่ เท่ากับ 1.1652 และปัจจัยท่ีมีประสิทธิภาพทางเทคนิคและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจมากท่ีสุด คือ จานวนแรงงาน เก็บเก่ียว ส่วนผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการผลิต พบว่า ในระยะท่ียังไม่ให้ผลผลิต ต้นทุน การผลิตที่มีอายุ 1 ปี มากท่ีสุด คือ ประมาณไร่ละ 2,849.30 บาท และในระยะให้ผลผลิต ต้นทุน ในช่วงปีท่ี 8-9 ปี มากท่ีสุด คือประมาณไร่ละ 4,431.72 บาท สาหรับผลตอบแทนในระยะให้ผลผลิต ในช่วงอายุ 6-7 ปี ให้ผลตอบแทนมากที่สุด คือมีกาไรสุทธิไร่ละ 1,496.96 บาท นอกจากน้ี พบว่า ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ประมาณไร่ละ 3,739.48 บาท ท่ีระดับผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 138 กิโลกรัม ต้นทุนต่อกิโลกรัมเท่ากับ 27.10 บาท ท่ีระดบั ราคาขายเฉล่ียกโิ ลกรัมละ 23.98 บาท เกษตรกรมกี าไร สุทธิเปน็ ลบ ประมาณไร่ละ 430.24 บาท สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2539) รายงานถึงปัญหาในการผลิตกาแฟว่า ปัญหาด้าน การผลิตคือ ผลผลิตส่วนใหญ่ไม่ได้คุณภาพ เน่ืองจากการปฎิบัติก่อนและหลังการเก็บเก่ียวไม่ถูกต้อง ตามหลักวิชาการ การขาดแคลนแรงงาน ประสิทธิภาพการผลิตต่า ผลผลิตต่อไร่ต่า ส่วนปัญหาด้าน การผลติ คอื ราคาทีเ่ กษตรกรไดร้ ับไมม่ ีเสถยี รภาพ จะรกั ซื้อกาแฟของพ่อคา้ ทอ้ งถน่ิ ส่วนใหญซ่ ้อื ในรูป คละ ไม่จงู ใจในเกษตรกรคัดคณุ ภาพ พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธ์ิ (2542) กล่าวถึงปัญหาในการส่งเสริมการปลูกและการผลิตกาแฟมี หลายประการ ได้แก่ ปัญหาด้านนโยบายและหน่วยงานของรัฐ คือ การขาดการกาหนดนโยบายและ เป้าหมายการส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างเหมาะสม ระบบการส่งเสริมการปลูกกาแฟไม่เป็นไปใน แนวทางเดียวกนั หน่วยงานของรัฐไม่มบี ทบาทในการสง่ เสริมอยา่ งจรงิ จัง ปัญหาเกี่ยวกับการปฎิบตั ิใน การปลูกกาแฟ คือ การขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตทาให้การบารุงรกั ษาต้นกาแฟไม่สม่าเสมอ

44 ส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิตไม่ดีเท่าที่ควร ปัญหาเกี่ยวกบั พันธแุ์ ละต้นกาแฟ คือ สายพันธุ์กาแฟที่ นามาปลกู มีหลากหลาย และมคี วามแปรปรวนในลักษณะของสายพนั ธ์ุ ทาใหก้ ารจดั การดา้ นเขตกรรม และผลผลิตมีคุณภาพไม่แน่นอน ปัญหาด้านการตลาด คือ ปริมาณและคุณภาพของกาแฟมีความ แปรปรวนทาใหร้ าคาไมม่ ีมาตรฐาน นริศ ย้ิมแย้มและชวลิต กอสมพันธ์ (2546) รายงานผลการศึกษาการเสียบเทียบการปลูก ทดแทนการฟืน้ ฟูสภาพต้นกาแฟที่เสือ่ มสภาพในสวนกาแฟอาราบิก้าเก่า เนอื่ งจากด้วยธรรมชาติของ ต้นเกษตรจะเป็นผูท้ ีไ่ มใ่ ชด่ อกผลในบรเิ วณซา้ ท่ีอีก และต้นกาแฟท่มี ีอายุมากกว่า 8 ปี มัคมปี ญั หาการ ตดิ ผลมากเกินไป ซึง่ หากเกษตรกรมกี ารจดั การทไ่ี มเ่ หมาะสมทาให้เกิดอาการขาดธาตุอาหาร เป็นเหตุ ทาให้เกิดก่ิงแห้งตาย ผลผลิตลดลง การเจริญเติบโตไม่ดีเกิดความเสียหายต่อต้นกาแฟ ท้ังส่วนเหนอื ดนิ และใต้ดิน วธิ ีการศกึ ษา คอื การเปรียบเทยี บระหว่าง 1) กรรมวิธกี ารไมต่ ดั แต่งกิง่ เลย 2) การตดั ลา ต้นเกา่ ทีม่ ีอายุ 8 ปี สูงจากพ้นื ดนิ 50 เซนติเมตร 3) การปลกู ตน้ กาแฟใหม่ให้ดรี ะยะหา่ ง 2 x 2 เมตร และ 4) การปลูกต้นกาแฟใหม่ให้มีระยะห่าง 1.5 x 1.5 เมตร ผลการศึกษาต้นทุนการผลิตของแต่ละ กรรมวิธี พบว่า การปลูกใหม่ที่ระยะ 1.5 x 1.5 เมตร มีต้นทุนการผลิตสูงท่ีสุด เนื่องจากมีจานวนตน้ มากท่ีสุด คือ 700 ต้น/ไร่ ต้นทุนรวม 6 ปี เฮียมี 86,654.000 บาทต่อไร่ ขณะที่กรรมวิธีอื่นมีต้นทุน รวม 6 ปีใกล้เคียงกัน คือ 49,000.00 - 56,000.000 บาทต่อไร่ ส่วนรายรับนั้นขึ้นอยู่กับราคาของ ผลผลิต หาคนกาแฟสดมีราคา 8 บาทต่อกิโลกรัม ภายในระยะเวลา 6 ปี การผลิตกาแฟแบบไม่ตัด แต่งกิ่งเลย และการปลูกใหม่ให้มรี ะยะ 1.5 x 1.5 เมตร จะไม่คุ้มกับการลงทุน ส่วนการปลูกใหม่ใหม้ ี ระยะ 2 x 2 เมตร จะเท่าทุน ในขณะท่ีการตัดแต่งก่ิงใหม่ให้สูงจากพื้นดิน 50 เซนติเมตร จะให้กาไร มากที่สุด แต่เมอ่ื ผลกาแฟสดมีราคา 9 บาทตอ่ กิโลกรัมขนึ้ ไป ก็จะทาให้การปลกู ใหม่ดว้ ยระยะ 1.5 x 1.5 เมตร และระยะ 2 x 2 เมตร รวมทัง้ การตัดแต่งกิ่งมกี าไรทั้งหมดทกุ ระบบ แต่ต้นอีกทีไ่ มไ่ ดร้ ับการ ตดั แตง่ ก่ิงจะขาดทนุ ทีท่ กุ ราคา นริศ ย้ิมแย้ม และคณะ (2546) ได้ศึกษาผลของระบบเกษตรป่าไม้ซ่ึงมีกาแฟอราบิก้าเป็น พืชหลักท่ีมีต่อเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อมของเกษตรกรผู้ปลูกในภาคเหนือตอนบน (ภายใต้ชุด โครงการฟ้ืนฟแู ละการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรบนท่ีสูงเพ่ือการเกษตรอย่างย่ังยืน)รายงาน ผลการศึกษาผลของระบบเกษตรป่าไม้ ซ่ึงมีกาแฟอาราบิก้าเป็นพืชหลักที่มีต่อเศรษฐกิจสังคม และ ส่งิ แวดลอ้ มของเกษตรกรผปู้ ลกู กาแฟในภาคเหนอื ตอนบน พบว่า การผลิตกาแฟในระบบป่าไม้ จะทา ให้ต้นทุนการผลิตต่ากว่าการผลิตในระบบกลางแจ้ง จากการเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตและรายได้ ของการผลิตกาแฟในสภาพร่มเงาและไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี การผลิตกาแฟในสภาพร่มเงาและมีการใช้ ปยุ๋ เคมี และการผลิตกาแฟในสภาพกลางแจ้งและมกี ารจัดการที่สงู จะทาให้ผลผลิตท่ีเป็นผลสดสูงถึง 5 กโิ ลกรัมต่อต้น ผลตอบแทนคิดเป็นเงนิ 48,000 บาทต่อไร่ ส่วนการผลิตกาแฟในระบบรม่ เงาและไม่

45 ใส่ป๋ยุ ให้ผลตอบแทนเปน็ เงนิ 19,200 บาทต่อไร่ และการผลิตกาแฟในระบบร่มเงาและมีการใส่ปุ๋ยให้ ผลตอบแทนเป็นเงิน 29,400 บาทต่อไร่ แต่เมื่อพิจารณารายได้สุทธิของการผลิตแต่ละระบบ พบว่า การผลิตกาแฟในระบบร่มเงาและมกี ารใส่ปุ๋ย ให้ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ปมี ากที่สดุ คอื 6,347 บาท ส่วน การผลิตกาแฟในระบบร่มเงาและไม่ใส่ปุ๋ยให้ผลตอบแทนสุทธิต่อปี 4,470 บาท ในขณะท่ีกาแฟที่ได้ จากระบบกลางแจ้งและมีการจัดการท่สี งู จะใหผ้ ลตอบแทนสุทธติ อ่ ปเี พียง 827 บาท ประเสรฐิ คาออน และคณะ (2548) รายงานผลการศกึ ษาคนอื่นการผลติ กาแฟอาราบิก้าใน ระบบการปลูก 3 ระบบ คือ การปลกู กาแฟเชงิ เดี่ยว การปลกู กาแฟรว่ มกับไม้ผล และการปลูกกาแฟ ร่วมกับป่าไม้ พบว่า ระบบการปลูกกาแฟเชิงเดี่ยว มีต้นทุนการผลิตกาแฟรวมท้ัง 4 ปี มากท่ีสุด คือ 26,977.43 บาท รองลงมา ระบบกาแฟร่วมกับไม้ผล 22,869.45 บาท และระบบกาแฟร่วมกบั ป่าไม้ 20,107.89 บาท ส่วนรายได้จากผลผลิตจะเร่ิมได้รับในปีที่ 3 ด้วยระบบการปลูกกาแฟเชิงเด่ียวมี รายไดร้ วม 2 ปี คอื ปีท่ี 3 และปีท่ี 4 ได้มากทีส่ ดุ 15,936 บาท รองลงมาคอื ระบบกาแฟรว่ มกับไม้ผล 8,684.75 บาท และระบบกาแฟร่วมกับป่าไม้ 7,318.80 บาท ซ่ึงทุกระบบปลูกกาแฟเม่ือรวม ระยะเวลาการปลูก 4 ปี จะยังไม่ไดก้ าไร เนอ่ื งจากตน้ กาแฟจะให้ผลผลติ อย่างเต็มท่ตี งั้ แตป่ ีท่ี 5 จนถงึ ปที ี่ 8 เป็นต้นไป การหาผลตอบแทนการผลติ จึงยังไม่มคี วามชัดเจน ชวลิต หุ่นแก้ว (2549) รายงานไวใ้ นหวั ขอ้ ทิศทางการผลิตและยุทธศาสตรก์ าแฟว่า ปัญหา การผลิตและการตลาดกาแฟ ได้แก่ เกษตรกรขาดเทคโนโลยีการผลิตกาแฟที่เหมาะสม (สายพันธุ์ดี การจัดการดนิ การเขตกรรม ฯลฯ) ทาใหต้ ้นทุนการผลติ สงู ผลผลิตตอ่ ไร่ต่า สว่ นกาแฟพนั ธ์อุ าราบิก้า ยังมีปัญหาคุณภาพผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน และรวมกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ยังขาดการพัฒนาให้ได้ มาตรฐาน และหลากหลาย ราคาที่เกษตรกรขายได้ต่า และผนั ผวนตามภาวะราคากาแฟในตลาดโลก หากาแฟมีการเปิดเสรีการค้า โดยเฉพาะอย่างย่ิงกับประเทศในกลุ่มอาเซ่ยี น จะทาให้เกษตรกรได้รบั ผลกระทบ เนอ่ื งจากประเทศเหล่านมี้ ตี น้ ทุนการผลิตตา่ ปรีชา แป้นนางรอง (2550) รายงานผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตกาแฟใน อาเภอกะเปอร์ จงั หวดั ระนอง ปกี ารเพาะปลูก 2548/49 พบวา่ การลงทุนทาสวนกาแฟขนาด 15 ไร่ มีความเปน็ ไปได้ในการลงทุน ซึง่ ผลการวเิ คราะหผ์ ลตอบแทนทางการเงนิ ประกอบด้วยมูลคา่ ปัจจุบัน ของผลตอบแทนสุทธิ (NPV) มีค่าบวก อัตราส่วนมูลค่าปัจจุบันผลตอบแทนต่อต้นทุน (BCR) มีค่า มากกว่า 1 และอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุน (IRR) มีค่ามากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กาหนด โดยมีระยะเวลาคุ้มทุนการผลิตในปีท่ี 7 ระยะเวลาท่ีเหมาะสมของโครงการ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงสุด คอื 20 ปี ในกรณที ตี่ ้นทุนหรือผลตอบแทนของโครงการเปลี่ยนแปลง โดยสมมติเกิดการเปล่ียนแปลง 3 กรณี คอื ตน้ ทนุ เพ่ิมข้นึ ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ผลตอบแทนลดลงรอ้ ยละ 5 และรอ้ ยละ 10 และ ต้นทุนเพ่ิมขึ้นร้อยละ 10 รายได้ลดลงร้อยละ 5 ยังให้ผลตอบแทนท่ีคุ้มค่าต่อการลงทุน คือ มูลค่า

46 ปัจจุบันของผลตอบแทนสุทธิมีค่าเป็นบวก อัตราส่วนมุระค่าปัจจุบันของผลตอบแทนต่อต้นทุนทมคี า่ มากกว่า 1 และอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุน มีค่ามากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กาหนด แต่ท่ี อัตราคิดลดร้อยละ 10 กรณีให้ต้นทุนเพ่ิมข้ึนร้อยละ 10 รายได้ลดลงร้อยละ 5 ผลการวิเคราะห์ ผลตอบแทนทางการเงินพบว่าค่าอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุน (IRR) ท่ีได้ต่ากว่าอัตรา ดอกเบีย้ ที่กาหนดไวร้ อ้ ยละ 10 ทาให้กรณีนี้ไม่คมุ้ ตอ่ การลงทุน สมพร อิศวิลานนท์ และคณะ (2551) รายงานผลการศึกษาต้นทุนการผลิตกาแฟของ เกษตรกรในพ้ืนที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงป่าเมี่ยง อาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตรวม 7,491.58 โดยมีต้นทุนแปรผันอยู่ในสัดส่วนมากที่สุด คือ 6,993.89 บาทต่อไร่ และต้นทุนคงที่ 497.79 บาทต่อไร่ และเมื่อนาต้นทุนการผลิตท้ังหมดมาคานวณหาตน้ ทุน การผลติ ตอ่ หน่วยผลผลิต พบวา่ เกษตรกรมีตน้ ทนุ การผลติ เฉล่ียกิโลกรัมละ 79.47 บาท เมื่อพจิ ารณา ผลตอบแทนจากการผลิตกาแฟ เกษตรกรมีผลผลิตเฉล่ีย 94.27 กิโลกรัมต่อไร่ มีรายได้จากการ จาหน่ายผลผลิตเป็นเงิน 6,117.83 บาทต่อไร่ ด้วยการจาหน่ายผลผลิตเป็นกาแฟกะลามีราคาเฉล่ีย 84.10 บาทต่อกิโลกรัม กาแฟเมล็ดดามีราคาเฉล่ีย 20.73 บาทต่อกิโลกรัม และกาแฟผลสุดมีราคา เฉล่ีย 13.83 บาทต่อกิโลกรัม ข้อสรุปในการศึกษา พบว่า เกษตรกรมีการดาเนินงานท่ีขาดทุน กล่าวคือ เกษตรกรมีรายได้สุทธิ และกาไรสุทธเิ ท่ากับ -876.06 และ 1,373.85 บาทต่อไร่ ตามลาดบั อันเป็นผลเน่ืองมาจากการมีต้นทุนแรงงานในครัวเรือน ซ่ึงเป็นต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสดสูงถึงร้อยละ 54.74 ของต้นทุนรวม อย่างไรก็ดี เกษตรกรจะมีกาไรแต่ละเฉพาะในส่วนที่เป็นเงินสดเท่าน้ัน โดย กาไรเหลือต้นทนุ ในสุดทเ่ี กษตรกรได้รับ คือ 3,224.71 บาทต่อไร่ แสดงให้เหน็ ว่า เกษตรกรจะมรี ายได้ คุ้มค่าต่อต้นทุนการผลิตท่ีเกิดข้ึนเป็นเงินสดเท่าน้ัน ดังนั้น เกษตรกรที่ปลูกกาแฟในพื้นที่ศูนย์พฒั นา โครงการหลวงป่าเมย่ี ง จึงยังไม่สามารถท่ีจะแข่งขันได้ หากไม่ทาการพฒั นาประสิทธภิ าพในการผลติ ใหส้ ูงขึน้ กว่าที่เปน็ อยู่ พัชนี สุวรรณ วิศลกิจ (2553) รายงานผล ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟอาราบิก้าใน ภาคเหนือของประเทศไทย พบว่า ต้นทุนและผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตรจ์ ากการปลูกกาแฟอารา บิกา้ ของเกษตรกรในลักษณะผลผลติ ท่ีเป็นผลสด คอื เกษตรกรมีตน้ ทนุ 7,910.79 บาท/ไร่ หรอื 8.59 บาท/กิโลกรัมของผลสด และมีกาไรสุทธิ 5,188.41 บาท/ไร่ สาหรับเกษตรกรรายย่อยที่มกี ารนาเอา ผลสดมาแปรรูปเป็นผลผลิตกาแฟกะลา (สว่ นของเมล็ดท่ีเปลือกแข็งเหนียวหุ้มอยู่) เกษตรกรมีต้นทุน 84.22 บาท/กาเเฟกะลา 1 กโิ ลกรมั มีกาไรสุทธิ 2.59 บาท/กาแฟกะลา 1 กโิ ลกรมั ส่วนเกษตรกรราย ใหญ่ที่มีการนาเอาผลสดมาแปรรูปเป็นผลผลิตกาแฟกะลา มีต้นทุน 91.83 บาท/กาแฟกะลา 1 กิโลกรมั มกี าไรสุทธิ 8.17 บาท/กาแฟกะลา 1 กิโลกรัม

47 แสงอาทิตย์ พันธุวงศ์ (2556) รายงานผลการศึกษา การวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิต กาแฟที่เมือง ทา่ เเตง แขวงเซกอง สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว พบว่า เกษตรกรทัง้ หมู่บ้าน ปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลัก มีประสบการณ์ในการผลิตกาแฟเฉลี่ย 15 ปี พ้ืนท่ีเพาะปลูกเฉลี่ย 2.24 เฮกตาร์ต่อราย ใช้แรงงานในการผลิตเฉล่ีย 404.75 mam-day ต่อเฮกตาร์ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เฉล่ีย 0.0206 ตันต่อเฮกตาร์ อายุต้นกาแฟเฉล่ีย 6 ปี เกษตรกรมีผลผลิตกาแฟเฉล่ีย ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเฉลีย่ 9.44 ล้านกีบต่อเฮกตาร์ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 9.13 ล้านกีบต่อเฮกตาร์ โดยมีรายได้เฉล่ีย 0.31 ล้าน กีบต่อเฮกตาร์ ด้านการตลาดพบว่ามีเกษตรกรส่วนใหญ่ขายผลผลิตกาแฟท้ังหมดให้กับกลุ่มบริษัท ดาวเรืองแหลง่ รับซ้อื ผลผลติ กาแฟท่สี าคัญโดยผ่านพอ่ คา้ ท้องถน่ิ ที่จดุ รับซ้ือ ปิยะพงษ์ แสงแก้ว รณกร สร้อยนาค และวรรณภา ทองแดง (2562) การวเิ คราะหท์ างดา้ น การเงินและความเส่ียงสาหรับการดาเนินการผลติ ขนมจนี อบแห้งในจังหวดั พะเยา พบวา่ การวเิ คราะห์ ผลตอบแทนทางการเงินและความเส่ียงทเ่ี กิดขึ้นจากการสรา้ งโรงงานขนมจนี อบแหง้ ในพนื้ ที่อาเภอ เมอื ง จังหวัดพะเยา ในการเกบ็ ข้อมลู ไดด้ าเนนิ การสัมภาษณผ์ ู้ประกอบการ เกีย่ วกับค่าใช้จา่ ยในการ ลงทนุ และความเป็นไปได้ทางด้านการตลาด เพอื่ ประมาณการงบลงทนุ โดยจากการวิเคราะหท์ าง การเงิน พบว่า โครงการลงทนุ ผลิตขนมจีนอบแหง้ เปน็ โครงการท่ีใหผ้ ลตอบแทนทางการเงินท่ีดีมี มลู คา่ ปัจจบุ นั สุทธิ (NPV) ตลอดทงั้ โครงการสูงถึง 1,346,139.35 บาท มีอตั ราผลตอบแทนตอ่ ต้นทุน (BCR) 1.86 เท่า ทว่า โครงการดงั กล่าวคอ่ นข้างมีความออ่ นไหวตอ่ การเปลี่ยนแปลงของยอดขายและ ราคาขายต่อหนว่ ย โดยเฉพาะยอดขาย ท่ีสง่ ผลต่อการเปล่ยี นแปลงมูลคา่ ปัจจบุ ันสุทธิ(NPV) เปน็ อย่าง มากคดิ เป็นร้อยละ 20.57 ซงึ่ หมายความวา่ หากยอดขายเปล่ียนแปลงลดลงรอ้ ยละ 1จะมีผลทา ให้NPV เปล่ยี นแปลงลดลง รอ้ ยละ 20.57 ดังนั้น หากธุรกิจที่ตัง้ ขึ้นไมส่ ามารถทายอดขายให้อยูใ่ น ระดับท่ีประมาณการไว้ย่อมส่งผลต่อ NPV และความน่าสนใจในธุรกิจนีค้ ่อนข้างมาก จากผลการทบทวนที่เกี่ยวข้องดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์ต้นทุนการพัฒนา มี ประโยชน์ในการแก้ปัญหาการดาเนินงานของกิจการในปัจจุบันและช่วยในการวางแผนสร้าง การ เติบโตในอนาคตของกิจการ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์ข้อมูล เพ่ือดูแนวโน้ม หรืออาจ เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย โดยเฉพาะธุรกจิ กาแฟ เพ่ือหาช่องทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์ สูงสุด โดยเฉพะธุรกิจกาแฟเป็นธุรกิจที่นักลงทุนให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนเป็นจานวนมาก สามารถเข้าธุรกิจได้ง่าย หากสามารถสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ เช่น การออก ผลติ ภณั ฑท์ ีเ่ ปน็ นวัตกรรมใหม่ เพือ่ โนม้ น้าวจติ ใจของผู้บรโิ ภคใหม้ าซอื้ ข้อมลู ทางดา้ นต้นทุนการผลิต จงึ มีความจาเป็นท่จี ะต้องเปน็ ข้อมลู ที่สามารถนามาใชใ้ นการตดั สนิ ใจของผบู้ ริหาร

46 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ กำรวิจัย การศึกษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริป จากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ อาราบิก้า จากจังหวัดน่าน มีวัตถุประสงคเ์ พื่อทราบต้นทุนและผลตอบแทนจากการพฒั นาผลิตภัณฑ์ กาแฟดรปิ โดยใช้ข้อมลู ของกลุม่ เกษตรกรผู้ผลิตกาแฟของจงั หวัดนา่ น เชน่ ข้อมูลการผลิต ขอ้ มลู การ จาหน่าย และเข้าสังเกตการณ์เพื่อเก็บข้อมูลในการทดสอบพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป ตลอดจนการลงพ้นื ท่ีเกบ็ ขอ้ มูลราคาจาหน่ายผลิตภณั ฑก์ าแฟดริปทอ่ี อกสู่ท้องตลาด เพอื่ นาไปสรปุ ผล การศึกษาต้นทนุ และผลตอบแทน ผู้ศกึ ษาไดใ้ ช้วธิ กี ารดาเนินการศึกษาดังนี้ 1. ขอบเขตของการศกึ ษา 2. เครอื่ งมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 3. ข้อมลู และแหล่งข้อมูล 4. วธิ ีการศกึ ษาและการวเิ คราะหข์ ้อมลู ขอบเขตของกำรศกึ ษำ การศึกษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนการพฒั นาผลิตภณั ฑก์ าแฟดริป จากเมล็ดกาแฟสายพันธ์ุอา ราบิก้า จากจังหวัดน่าน โดยระบุตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงไปท่ีกลุ่มเกษตรกรท่ีผลิตกาแฟใน จังหวัดน่าน ได้แก่ แบรนด์กาแฟน่านท่ีโดดเด่น ที่เป็นกาแฟอราบิก้า ได้แก่ ลาเปียน ของบ้านสัน เจริญ, ภูสันคอฟฟ่ี, เอราบิก้า (ซ่ึงมีการทาบันทึกข้อตกลง (MOU) กับเกษตรกรท่ีสันเจริญ), วิสาหกิจ ชุมชนดอยมณพี ฤกษ,์ เดอม้ง ดอยมณีพฤกษ์, Gem Forest ดอยมณีพฤกษ,์ ดอยสกาด, ภูพัน ๙ เป็น ตน้ โดยศกึ ษาเขา้ สังเกตการณ์ในการทดสอบพฒั นาผลิตภัณฑ์กาแฟดรปิ สาเร็จรปู ในหอ้ งทดลองคณะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่านและข้อมูลการ จาหนา่ ยจากผู้ประกอบการท่จี าหน่ายกาแฟดริปสาเร็จรปู ในประเทศไทย เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นกำรเกบ็ ขอ้ มูล การสร้างเครอื่ งมือแบบสมั ภาษณ์ การสัมภาษณ์ (interview) มีดงั น้ี 1. ผู้วจิ ยั ศึกษารวบรวมข้อมูลจากเอกสารที่เก่ียวข้องกับทฤษฎีแนวคิด รวมถึงเอกสารต่างๆ เพื่อออกแบบคาถามใช้ในการสมั ภาษณ์ (Interview Questions) 2. ออกแบบแบบสอบถามเป็นลักษณะคาถาม โดยใช้ชนิดคาถามแบบปลายเปิด (Open ended question) และคาถามท่ีใช้ในการสัมภาษณ์เดี่ยว โดยมีสาระตรงกับ วตั ถปุ ระสงค์ และครอบคลุมกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั

47 ขอ้ มูลและแหล่งข้อมูล วธิ ีกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู ประกอบด้วย กำรเก็บข้อมูลจำกแหล่งทุติยภูมิ โดยใช้วิธีการศึกษา สรุป วิเคราะห์เนื้อหาเอกสารที่ เกี่ยวข้องกบั ทฤษฎแี นวคิด งานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ ง วิทยานิพนธ์ บทความ เอกสารต่างๆ รวมถึงข้อมูลท่ี เก่ียวข้องจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร เกษตรจังหวัด กรมส่งเสริม การเกษตร สมาคมผ้ปู ลกู กาแฟจังหวดั เปน็ ตน้ เพื่อนาไปประมวลผลข้อมูลท่ใี ช้ในการวิจยั กำรเก็บข้อมูลจำกแหล่งปฐมภูมิ โดยใช้เคร่ืองมือแบบสัมภาษณ์กลุ่มเกษตรกรที่ผลิตกาแฟ ในจังหวัดน่าน การสังเกตการณ์ การเก็บข้อมูลจากพ้ืนท่ีการจาหน่าย โดยมีขั้นตอนการจัดเก็บ รวบรวมข้อมลู ดังน้ี 1. เข้าพบผู้ผลิตกาแฟในจังหวัดน่าน เพื่อขออนุญาตลงพ้ืนท่ีเพอ่ื สัมภาษณ์ในเบื้องต้น และ ขออนญุ าตบันทกึ ข้อมูลในการสัมภาษณ์ 2. เตรยี มการวางแผนงานวิจัย 3. ดาเนนิ การลงพน้ื ทส่ี ัมภาษณ์ตวั แทนกลุม่ ผูผ้ ลิตกาแฟ จงั หวัดน่าน 4. ดาเนินการลงพื้นท่ีสังเกตการณก์ ารแปรรูปผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ สาเรจ็ รูปในห้องทดลอง คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน 5. ดาเนินการลงพื้นที่เก็บข้อมูลราคาขายผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรปู ในประเทศไทย 6. นาข้อมูลทเ่ี กบ็ รวบรวมข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ และสรุปผล 7. สรุปผลการวิจัย เพอ่ื จัดทารายงานการวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ วธิ กี ำรศึกษำ ในการศึกษาถึงต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป ผู้ศึกษาได้ลาดับวิธี การศึกษาออกเปน็ 5 ขัน้ ตอนดังนี้ 1.สรำ้ งแบบสมั ภำษณ์ ในการศกึ ษาครงั้ นี้ได้สรา้ งแบบสัมภาษณ์ ประกอบดว้ ยคาถาม 5 สว่ น ดงั น้ี ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของผู้ผลิตเมลด็ กาแฟในจังหวัดน่าน สว่ นท่ี 2 ข้อมลู ตน้ ทนุ การแปรรปู ผลิตภณั ฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รูป ส่วนท่ี 3 ขอ้ มลู ผลตอบแทนการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รูป สว่ นที่ 4 ความคดิ เห็นอ่ืนๆเพ่มิ เตมิ (ปัญหาและขอ้ เสนอแนะ) สว่ นท่ี 5 ขอ้ มูลราคาขายผลติ ภณั ฑ์กาแฟดริปในตลาด 2. ตรวจสอบแบบสัมภำษณ์ นาแบบสัมภาษณ์ดังกล่าวข้างต้นมาตรวจสอบความถูกต้องและความเท่ียงตรงของเนื้อหาวา่ ถูกตอ้ งตามวตั ถุประสงคข์ องการศึกษาในครั้งน้ี

48 3. นำแบบสมั ภำษณม์ ำใชใ้ นกำรสัมภำษณ์ นาแบบสัมภาษณ์ที่ผ่ านการ ตรวจสอบแล้วลงเก็ บข้อมูลก ารแปร รูปผลิ ตภั ณฑ์กาแฟ ดริ ป สาเรจ็ รูปในกระบวนการผลติ กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู 1. กำรวิเครำะหข์ ้อมูลทว่ั ไปของกำรผลิตเมลด็ กำแฟ ในจังหวดั น่ำน 2. กำรวิเครำะหต์ ้นทนุ ต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริป จากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า จากจังหวัดน่าน ประกอบดว้ ยค่าใชจ้ ่ายในการลงทนุ คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนินงานมีรายละเอยี ดการศกึ ษาดงั น้ี 2.1 ต้นทนุ กำรผลติ (Production Cost) ต้นทนุ กำรผลติ หมำยถึง คำ่ ใช้จ่ำยในกำรแปร สภำพวัตถุดิบให้เป็นสนิ คำ้ สำเรจ็ รปู เพื่อนำออกจำหนำ่ ยได้ ประกอบด้วย 1. วัตถุดบิ (Meterials) เป็นส่วนประกอบสาคัญของการผลติ สนิ คา้ หรือผลิตภัณฑ์สาเรจ็ รูปโดยทั่วไป ซึ่งการจาแนกต้นทนุ ทีเ่ กย่ี วกบั การใชว้ ตั ถุดบิ ในการผลติ สนิ คา้ อาจจะถกู แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1.1 วัตถุดิบทางตรง (Direct Materials) หมายถึง วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตและ สามารถระบุไดอ้ ย่างชดั เจนว่าใช้ในการผลติ สนิ คา้ ชนิดใดชนดิ หนึง่ ในปรมิ าณและตน้ ทุนเท่าใด 1.2 วัตถดุ ิบทางอ้อม (Indirect Materials) หมายถงึ วัตถุดบิ หรือวัสดุต่างๆ ที่เกีย่ งข้อง โดยทางออ้ มกบั การผลิตสนิ คา้ แตไ่ มใ่ ชว่ ตั ถดุ ิบหลกั หรอื วัตถุดบิ ส่วนใหญ่ 2. คา่ แรงงาน (Labor) หมายถึง ค่าจ้างหรือผลตอบแทนท่ีจา่ ยให้แก่ลกู จา้ งหรอื คนงานท่ีทา หน้าท่ีในการผลิตสินค้า ซ่ึงอาจจะจ่ายในลักษณะตามชิ้นงาน รายวัน รายสัปดาห์หรือรายเดือนก็ได้ โดยปกติคา่ แรงงานจะถกู จาแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ 2.1 ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor) หมายถึง ค่าแรงงานต่างๆ ที่จ่ายให้แก่คนงาน หรือลูกจ้างที่ทาหน้าท่ีเก่ียงกับการผลิตสินค้าสาเร็จรปู โดยตรง ซ่ึงโดยปกติจะมีจานวนค่าแรงงานทม่ี ี จานวนมากเมอ่ื เทียบกับคา่ แรงงานทางอ้อมในการผลิตสนิ ค้าหน่วยหนง่ึ ๆ และถอื เป็นค่าแรงงานส่วน สาคัญในการแปรรูปวัตถดุ บิ ให้เปน็ สินค้าสาเร็จรปู 2.2 ค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect Labor) หมายถึง ค่าแรงงานของบุคคลที่ทาหน้าท่ี สนับสนุนการผลิต ซึ่งไม่เก่ียวขอ้ งกับการผลิตสนิ ค้าโดยตรง 3. ค่าใชจ้ ่ายในการผลติ (Manufacturing Overhead) หมายถงึ ค่าใช้จ่ายตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง กับการผลิตสินค้า ซ่ึงนอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรงและค่าแรงงานทางตรง โดยค่าใช้จ่ายเหล่าน้ี จะต้องเปน็ ค่าใช้จ่ายที่เก่ยี วกับการดาเนินการผลิตในโรงงานเทา่ นน้ั 2.2 ค่ำใชจ้ ่ำยในกำรดำเนนิ งำน

49 ค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน เพ่ือให้ก่อให้เกิดรายได้จากการจาหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟดริป ประกอบดว้ ยคา่ ใชจ้ ่ายในหารขายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร โดยผู้ศึกษาได้ประมาณการข้อมลู ตลอด ระยะเวลา 1 ปี 3. กำรวเิ ครำะหผ์ ลตอบแทน ผลตอบแทนการพฒั นาผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ จากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า จากจงั หวัด นา่ น ศึกษากาไรสุทธิ วธิ รี ะยะเวลาคืนทุน วิธีมูลค่าปัจจบุ นั และอตั ราผลตอบแทนท่แี ท้จริง และการ ทดสอบค่าความเปล่ยี นแปลง การศกึ ษาครง้ั น้ีผู้ศึกษาไดป้ ระมาณการขอ้ มูลผลตอบแทนโดยคานวณ ผลการดาเนินงานตลอดอายโุ ครงการ 10 ปี 1. อตั รำกำไรสทุ ธิ จะเปน็ ตวั วัดความสามารถในการทากาไรจากโครงการ โดยมนี ักวิชาการเหน็ วา่ อัตรากาไรสุทธิเปน็ สว่ นหนึ่งของผลตอบแทน ได้แก่ อัตราส่วน = กาไรสทุ ธิ X 100 ยอดขาย อัตรำกำไรสุทธิหลังหกั ภำษี จะบอกให้ทราบถึงความสามารถในการหากาไรของธุรกิจภาย หลังจากหักคา่ ใช้จา่ ยตา่ งๆ แล้ว ถา้ อัตราส่วนนีต้ า่ แสดงว่ากจิ การมผี ลตอบแทนสุทธิต่า ซงึ่ อาจ เน่ืองมาจากยอดขายต่าหรือตน้ ทุนขายสงู หรือค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานสงู กเ็ ป็นได้ อตั รากาไรสทุ ธิ = กาไรสุทธิหลงั หกั ภาษี X 100 คา่ ขายสุทธิ อัตรำกำไรต่อคำ่ ขำย (Profit Margin) เป็นอัตราส่วนที่แสดงใหเ้ หน็ วา่ ทกุ ๆยอดขาย 1 บาทกิจการมีความสามารถในการทากาไรสุทธิเป็นกบี่ าท แต่โดยทว่ั ไปมกั จะคานวณกาไรสุทธเิ ปน็ ร้อย ละตอ่ ยอดขาย โดยสตู รที่ใช้ในการคานวณเป็นดงั ต่อไปน้ี อตั รากาไรตอ่ ยอดขาย = กาไรสุทธิ X 100 ยอดขายสุทธิ 2. อตั รำกำไรตอ่ ตน้ ทนุ เปน็ สว่ นเปรยี บเทียบระหวา่ งกาไรท่ีเกดิ ขึน้ หลงั จากหักค่าใช้จ่าย ต่างๆ และภาษเี งินไดอ้ อกจากรายไดข้ องธรุ กิจแล้วเทยี บกบั ตน้ ทุนท่ใี ช้ในการผลิตทัง้ สิน้ อัตรากาไรต่อตน้ ทนุ = กาไรสุทธิ X 100 ต้นทนุ รวม 1. วิธรี ะยะเวลำคืนทุน (Payback Period Method : PB) ระยะเวลาคืนทนุ ของโครงการ ลงทุน หมายถงึ ระยะเวลาทบ่ี รษิ ัทจะได้รบั จานวนเงนิ กลับคืนเท่ากบั กระแสเงนิ สดจ่ายลงทนุ เนอ่ื งจากวิธีระยะเวลาคืนทนุ จะเป็นเคร่ืองมือวัดวา่ การลงทนุ จะไดร้ ับเงนิ กลับมาเรว็ มากนอ้ ยเพยี งใด

50 2. วิธมี ูลคำ่ ปัจจุบนั สทุ ธิ (Net Present Value Method : NPV) มูลค่าปจั จบุ ันสุทธิ คือ มลู คา่ ปัจจุบนั ของกระแสเงนิ สดรับหลงั หกั ภาษขี องโครงการลงทนุ หักด้วยกระแสเงินสดจ่ายลงทุน มูลคา่ ปัจจบุ ันสุทธสิ ามารถแสดงได้ดังสมการต่อไปนี้ ������ ������������ ������������������ = ∑ (1 + ������)������ ������=0 โดยกาหนดให้ NPV = มูลคา่ ปจั จุบันสทุ ธขิ องโครงการ Rt = กระแสเงินสดจ่ายสุทธิหรอื กระแสเงนิ สดรบั สุทธใิ นแต่ละงวดเวลา t = เงินลงทุนของโครงการปีท่ี 0 n = อายขุ องโครงการ k = อตั ราผลตอบแทนที่กาหนด มลู คา่ ปัจจบุ ันสุทธขิ องโครงการลงทนุ เป็นการวดั มูลคา่ ของโครงการลงทุนรปู แบบของมูลคา่ เงนิ ณ ปจั จุบัน เน่ืองจากกระแสเงนิ สดของโครงการลงทุนจะถกู ลดค่ามาเป็นมูลค่าปัจจบุ นั โดยการ เปรยี บเทียบระหวา่ งมลู ค่าปจั จบุ นั ของกระแสเงนิ สดรบั กบั กระแสเงนิ สดจา่ ยลงทุนของโครงการลงทุน 3. อตั รำผลตอบแทนทแี่ ทจ้ รงิ (Internal Rate of Return Method : IRR) อตั ราผลตอบแทนทีแ่ ทจ้ ริง คอื อัตราคดิ ลด (Discount Rate) ท่ีจะทาให้มูลค่าปจั จุบนั ของ กระแสเงินสดรบั หลังภาษขี องโครงการลงทนุ เท่ากับกระแสเงนิ สดจา่ ย ซงึ่ สมการที่ใชใ้ นการคานวณ อัตราผลตอบแทนทแ่ี ท้จรงิ มดี ังน้ี ������ ������������ ������������������ = ∑ (1 + ������)������ ������=0 โดยกาหนดให้ Rt = กระแสเงนิ สดจ่ายสุทธหิ รือกระแสเงินสดรับสุทธิในแต่ละงวดเวลา t = เงินลงทนุ ของโครงการปที ี่ 0 n = อายุของโครงการ

51 r = อัตราส่วนลดหรืออตั ราผลตอบแทนทีแ่ ท้จรงิ กำรทำสอบ Switching Value Test 4. กำรทดสอบค่ำควำมเปลี่ยนแปลง (switching value test) หมายถึงการเปล่ียนแปลง เป็นร้อยละ (percentage change) ของปัจจัยที่เชื่อว่ามีอิทธิพลต่อความเป็นไปได้ของ โครงการ ซ่ึง ทาให้ NPV มคี า่ เท่ากบั ศนู ย์ ดังน้ันระดบั ความเส่ยี งของโครงการจึงถูกกาหนดโดยขนาดของค่าความ เปลี่ยนแปลง 1. การทดสอบค่าความเปล่ียนแปลงดา้ นต้นทุน (SVTC) หมายความวา่ ตน้ ทุนของ โครงการ สามารถเพิ่มข้นึ ไดร้ อ้ ยละเทา่ ไร ก่อนที่จะทาให้ NPV มคี า่ เทา่ กับศูนย์ SVTC =������������������ ������ 100 ������������������ โดยกาหนดให้ SVTC คอื Switching Value Test NPV คอื มูลค่าปจั จบุ นั สทุ ธิ PVC คอื มลู คา่ ปัจจุบันของตน้ ทนุ 2. การทดสอบค่าความเปลี่ยนแปลงด้านผลตอบแทน (SVTB) หมายความว่า ผล ตอบแทนของ โครงการสามารถลดลงไดร้ ้อยละเท่าไร ก่อนทจี่ ะทาให้ NPV มคี า่ เทา่ กบั ศนู ย์ SVTB =������������������ ������ 100 ������������������ โดยกาหนดให้ SVTB คือ Switching Value Test NPV คอื มูลค่าปัจจบุ ันสุทธิ RVC คือ มลู ค่าปจั จุบันของผลตอบแทน 5. สรุปผลการศกึ ษาและจัดทารายงานผลการศึกษา เม่ือได้ข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟดริปแล้ว นาข้อมูล ดงั กลา่ วมาสรุปผลการศกึ ษา และจัดทารายงานผลการศึกษา

52 บทท่ี 4 ผลการวิจยั การศึกษานมี้ ีวตั ถุประสงค์เพอ่ื ศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนการแปรรปู ผลิตภัณฑก์ าแฟดริป จาก เมลด็ กาแฟสายพนั ธ์ุอาราบิก้าจากจงั หวัดน่าน เปน็ การวจิ ัยเชงิ คุณภาพที่เป็นการโดยใชก้ ารสัมภาษณ์เชิง ลึกแบบก่ึงโครงสร้าง (In-depth interview se-mi structure) จากการดาเนินงานของกลุ่มเกษตรกร ผผู้ ลิตกาแฟของจังหวัดน่าน และแบบสอบถามขอ้ มูล และเข้าสังเกตการณ์ในการทดสอบพัฒนาผลิตภัณฑ์ กาแฟดริปสาเร็จรูปในห้องทดลองคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลล้านนาน่าน เพื่อเก็บข้อมูลเก่ียวกับการลงทุนผลิต วัตถุดิบ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการผลิต ตลอดจนการลงพ้ืนที่เก็บข้อมูลราคาขายผลิตภัณฑ์กาแฟดริปท่ีออกสู่ท้องตลาด เพ่ือนาไปสรุปผล การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผู้ศึกษาได้นาข้อมูลจากการเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนาม ทาการ ตรวจสอบ เรียบเรียง ประมวลผลข้อมูลและใช้กระบวนการจัดกระทาข้อมูล ได้ผลเป็นรายงานการ วิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ในการศึกษาในลักษณะต่าง ๆ ตามท่ีกาหนดไว้ในวัตถุประสงค์ของ งานวจิ ยั นี้ เพอ่ื ใหท้ ราบข้อมูลตน้ ทุนและผลตอบแทนการแปรรูปผลติ ภณั ฑก์ าแฟดรปิ นามาบรรยายเชิง พรรณนา (Descriptive Method) และการวเิ คราะห์ทางการเงนิ โดยแบง่ เป็นดังนี้ 1. ข้อมูลท่วั ไปของจงั หวดั นา่ น 2. ลกั ษณะการดาเนินงานท่ัวไปของกลุ่มเกษตรกรผผู้ ลิตกาแฟในจังหวดั น่าน 3. ลักษณะของผลิตภัณฑ์ กาแฟดรปิ สาเรจ็ รูป 4. ตน้ ทุนการแปรรูปผลิตภัณฑก์ าแฟดริปสาเรจ็ รูป 5. ผลตอบแทนจากการลงทุนแปรรูปผลติ ภัณฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รูป 6. การประเมนิ โครงการลงทุน ขอ้ มูลทว่ั ไปของจังหวัดนา่ น จงั หวดั นา่ น ตั้งอยู่ทางดา้ นทศิ ตะวนั ออกของภาคเหนอื ตอนบน ตดิ กบั สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว (สปป.ลาว) ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยทางรถยนต์ประมาณ 668 กิโลเมตร มีพิกัดบริเวณใจเมือง หรอื จดุ ตัง้ เสาหลักเมอื ง ณ เส้นรงุ้ ที่ 18 องศา 46 ลิปดา 29.37 ฟิลปิ ดาเหนือ เสน้ แวงที่ 100 องศา 46 ลิปดา 9.26 ฟิลิปดา ตะวันออก มียอดดอยภูคาเป็นยอดเขาสูงสุดที่ระดับความสูงประมาณ 1,980 เมตร จากระดับน้าทะเลปานกลาง (สานักอุทยานแห่งชาติ ส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ, 2555) มีพ้ืนท่ี

53 ประมาณ 11,472.076 ตารางกโิ ลเมตร หรือประมาณ 7,170,045 ไรม่ ีอาณาเขตโดยรอบของจังหวัดน่าน ดงั น้ี ทิศเหนือ ประกอบด้วย อาเภอเชียงกลาง อาเภอปัว อาเภอทุ่งช้าง อาเภอเฉลิมพระเกียรติ และ อาเภอบ่อเกลือ ทมี่ ีพนื้ ที่ตดิ ตอ่ กบั เขตเศรษฐกิจพเิ ศษเชียงฮ่อน - หงสา ในแขวงไชยบุรี สปป.ลาว ทศิ ตะวนั ออก ประกอบด้วย อาเภอภูเพยี ง อาเภอสันติสุข โดยมอี าเภอแม่จรมิ อาเภอเวียงสา มี พ้ืนที่ติดต่อกบั เมืองเพียง แขวงไชยบรุ ี สปป.ลาว ทศิ ใต้ ประกอบดว้ ย อาเภอนาน้อย อาเภอนาหม่นื มพี ้นื ที่ตดิ ตอ่ กบั จังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัด แพร่ อาเภอนานอ้ ยและอาเภอเวียงสา มพี น้ื ทต่ี ิดตอ่ กับจังหวดั แพร่ ทิศตะวันตก ประกอบด้วย อาเภอบ้านหลวง มีพื้นที่ติดต่อกับอาเภอเชียงม่วนจังหวัดพะเยา อาเภอท่าวังผา มีพ้ืนที่ติดกับอาเภอปง จังหวัดพะเยา อาเภอสองแคว มีพื้นท่ีติดต่อกับอาเภอ เชียงคา จงั หวัดพะเยา (กลุ่มงานข้อมลู สารสนเทศและการส่ือสารสานกั งานจังหวัดนา่ น, 2555ก) และทิศเหนือ และทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับ สปป.ลาว เป็นระยะทางยาวประมาณ 277 กม. (ศูนย์ ข้อมลู กลางกระทรวงมหาดไทยและจงั หวัดนา่ น, 2556) จงั หวดั น่าน มีทวิ เขาหลวงพระบางและทวิ เขาผีปนั นา้ ซึ่งเปน็ ทวิ เขาหนิ แกรนติ ทมี่ คี วามสูง 600 - 1,200 เมตร เหนือระดบั นา้ ทะเล ทอดผา่ นทวั่ จังหวัด คิดเป็นพน้ื ทีป่ ระมาณรอ้ ยละ 40 ของพืน้ ทีท่ ้ังจงั หวัด พ้นื ท่ี ของจงั หวดั นา่ นโดยท่วั ไป มสี ภาพพน้ื ท่ีเป็นลูกคล่นื ลอนชนั เกนิ 30 องศา ประมาณรอ้ ยละ 85 ของ พน้ื ที่ จงั หวัด ส่วนลูกคลนื่ ลอนลาด ตามล่มุ น้า จะเปน็ ทร่ี าบแคบๆ ระหวา่ งหบุ เขาตามแนวยาวของลุ่มน้า นา่ น สา ว้า ปัว และกอน จังหวัดน่านมีพ้ืนท่ีรวมทั้งส้ิน 7,170,045 ไร่ หรือ 11,472.07 ตารางกิโลเมตร จาแนกเป็น พ้นื ท่ีป่าไมแ้ ละภูเขา 3,437,500 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 47.94 พ้นื ทป่ี ่าเส่อื มโทรม 2,813,980 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 39.24 พน้ื ที่ทาการเกษตร 876,043 ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.22 พื้นท่ีอย่อู าศยั และอื่นๆ 43,522 ไร่ คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.60 ลักษณะภูมิอากาศของจังหวัดน่าน มีความแตกต่างกันของฤดูกาล โดยอากาศจะร้อนอบอ้าวใน ฤดูร้อน และหนาวเย็นในฤดูหนาว โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาเอาความชุ่มช้ืนมาสู่ ภมู ิภาค ท้าให้มีฝนตกชกุ ในเดอื นพฤษภาคมถึงเดอื นกันยายน ซึ่งเป็นชว่ งฤดฝู น และจะได้รบั อทิ ธพิ ลจาก

54 ลมมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือ พัดพาเอาความหนาวเย็นสู่ภูมิภาค ในเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ และ ในช่วงเดือนมีนาคมถงึ เมษายน จะไดร้ บั อิทธิพลจากลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงใต้ ทา้ ให้มสี ภาพอากาศร้อน นอกจากน้ีจังหวัดน่าน ยังมีสภาพ ภูมิประเทศโดยรอบ เป็นหุบเขาและภูเขาสูงชันมาก ทิวเขาวางตัวใน แนวเหนือใต้ท้าให้บริเวณยอดเขา สามารถรับ ความกดอากาศสูงที่แผ่มาจากประเทศจีนในฤดูหนาว ได้ อย่างท่ัวถึงและเต็มที่ ขณะเดียวกันท่ีทิวเขาวางตัวเหนือใต้ ท้าให้เสมือนกาแพงปิดกั้นลมมรสุมทางทิศ ตะวันออก รวมทั้งยังมีระดับความสูงเฉล่ียบนยอดเขา กับความสูงเฉลี่ยที่ ผิวแตกต่างกันมาก และยังมี ระดบั ความสงู เหนอื ระดับนา้ ทะเล จากปัจจัยท้งั หลายเหลา่ นี้ ในตอนกลางวนั ถูก อิทธิพลของแสงแดดเผา ทา้ ให้อุณหภมู ิร้อนมาก และในตอนกลางคนื จะได้รบั อทิ ธพิ ลของลมภูเขา พดั ลงส่หู บุ เขา ท้าใหอ้ ากาศเย็น ในตอนกลางคนื (กลุ่มงานขอ้ มลู สารสนเทศและการส่ือสารสานกั งานจังหวดั นา่ น, 2555) ขอ้ มูลทั่วไปเกย่ี วกบั การปลกู กาแฟจงั หวดั นา่ น จากข้อมูลลักษณะภูมิอากาศของจังหวัดน่าน กาแฟน่าน เป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสร้างรายได้ให้ จังหวัดน่าน มีพื้นที่ปลูกท่ีเหมาะสม แหล่งปลูกขนาดใหญข่ องประเทศ มีอัตราการเติบโตปีละ 10% ส่วน ใหญ่ปลูกในพื้นท่ีป่าและพ้ืนที่สูง ซ่ึงเปน็ เอกลักษณ์และทาให้มีชอื่ เสยี ง กาแฟท่ที าให้นา่ นเป็นทีร่ ู้จักในช่วง หลายปีท่ีผ่านมา คือ กาแฟจากบ้านมณีพฤกษ์ที่มีจุดเด่นด้านภูมิอากาศ คือ มีแต่ฤดูฝนกับฤดูหนาว สลับ ไปมาตลอดท้ังปี เป็นสภาพอากาศท่ีมีความซับซ้อนสูง ส่งผลให้กาแฟสุกช้ากว่าบริเวณอ่ืน ทาให้เกิดการ เก็บสะสมรสชาติและแร่ธาตุในเมล็ดกาแฟที่นานกว่าและมีรสชาติโดดเด่น แม้แต่พันธุ์คาติมอร์ปกติ ยัง สามารถทาให้มีรสท่ีหอมหวานได้ หากมีกรรมวิธีการแปรรูปแบบฮันนี่ และดรายโปรเซส” กาแฟพนั ธ์ุอา ราบิกา้ ของจังหวดั น่านเร่ิมมาจากการปลูกอยู่ที่สถานพี ฒั นาการเกษตรท่ีสูงตามพระราชดารภิ ูพยัคฆ์ และ หมู่บ้านในโครงการฯ ในเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ กาแฟหมู่บ้านสันเจริญ เขต อ.ท่าวังผา ซ่ึงชาวบ้านทนี่ ่นั ปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลัก รวมทั้งท่ีหมู่บ้านมณีพฤกษ์ด้วย หมู่บ้านมณีพฤกษ์ เป็นอีกหน่ึงในแหล่งปลูก กาแฟท่ีสาคัญของจังหวัดน่าน ที่มีแบรนด์กาแฟมณีพฤกษเ์ ป็นของตัวเอง เป็นหมู่บ้านที่ต้ังอยู่บนพ้ืนที่สงู จากระดับน้าทะเลราว 1,200-1,400 เมตร ซ่ึงเป็นระดับความสูงท่ีมีความหนาวเย็นเพียงพอสาหรับการ ปลูกพืชอยา่ งกาแฟไดด้ ี เดิมหมบู่ า้ นแหง่ นเ้ี คยเป็นสมรภมู ิการต่อสู้เพ่ือประชาธปิ ไตย ชอื่ วา่ หมบู่ า้ นฉงผ้า หรือฉงไผ่ เป็นหมู่บ้านของชาวม้งท่ีอพยพมาจากประเทศจีน เพราะสมัยนั้นจีนเกิดสงครามพวกม้งต้อง เร่ร่อนหาท่ีทากิน เมื่อเดินทางมาถึงตอนเหนือของประเทศไทย และเห็นว่าเป็นภมู ิประเทศท่ีมีความอดุ ม สมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก จึงตั้งรกรากขึ้นที่น่ี กระท่ังมีนายทหารชื่อ พ.ท.อนัน พฤกษ์ กับ

55 นายตารวจอีกคนช่ือ “มณี” ไม่ปรากฏนามสกุลได้วางแผนปราบปรามคอมมิวนิสต์ จนได้รับชัยชนะ ชาวบา้ นเข้ามอบตัวกับทางราชการ ในปี พ.ศ.2527 จึงเปล่ยี นชือ่ หมูบ่ า้ นจาก “ฉงผา้ ” หรือ “ฉงไผ่” เป็น “มณีพฤกษ์” โดยใช้ชื่อนายตารวจและนามสกุลของนายทหารสองท่านนั้นมาจนถึงปัจจุบัน สมัยก่อน หลักๆก็จะปลูกกะหล่าปลี ขงิ เพ่ิงมาเร่ิมปลูกกาแฟในช่วงไม่กีป่ ีมาน้ี เพราะการปลกู พืชสองอย่างแรก แม้ จะได้เงินเปน็ กอบเปน็ กา แตก่ ต็ ้องตดั ไม้ถางป่าไปเรอื่ ยๆ ซงึ่ ถ้าปล่อยตอ่ ไป อีกไมน่ านก็จะไม่เหลือผนื ป่าให้ เป็นแหล่งต้นนา้ ลาธารอกี การปลูกกาแฟทห่ี มู่บ้านมณีพฤกษ์ ทากันอยู่ 2 แบบ คือ ปลูกแซมใต้ต้นไม้ กับ ปลูกแบบเป็นไร่กลางแดด โดยปี 2561 กาแฟน่านสร้างรายได้ให้จังหวัดประมาณ 382.5 ล้านบาท ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งหมด 22,500 ไร่ เกษตรกร 2,400 ราย และขยายพ้ืนท่ีปลูกมากขึ้นโดย ครอบคลุมพ้ืนที่ 15 อาเภอ ปลูกมากสุดที่ อาเภอท่าวังผา 5,500 ไร่ รองลงมา อาเภอสองแคว 3,400 ไร่ อาเภอบอ่ เกลอื 2,700 ไร่ ตามลาดบั แบง่ เปน็ พนั ธุอ์ ราบกิ า้ 16,700 ไร่ เกษตรกร 1,700 ราย และพนั ธโุ์ ร บสั ต้า 5,800 ไร่ เกษตรกร 700 ราย ปจั จุบนั แบรนดก์ าแฟนา่ นทโี่ ดดเดน่ แบ่งเป็นกาแฟอราบกิ า้ ได้แก่ ลาเปียน ของบ้านสนั เจรญิ , ภูสันคอฟฟี่, เอราบิก้า ซึ่งมีการทาบันทึกข้อตกลง (MOU) กับเกษตรกรที่สันเจริญ, วิสาหกิจชุมชนดอย มณีพฤกษ์, เดอม้ง ดอยมณีพฤกษ์, Gem Forest ดอยมณีพฤกษ์, ดอยสกาด, ภูพัน ๙ อ.บ่อเกลือ, บ้าน ห้วยโทน อ.บ่อเกลือ และบ้านห้วยขวาก อ.บ่อเกลือ ส่วนโรบัสต้าจะมีเพียงภูมิใจ๋คอฟฟี่ ผู้ประกอบการ ร้านกาแฟใน จ.น่าน มีการรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็ง และสมาคมกาแฟไทยมีโครงการส่งเสริมการพัฒนา กาแฟที่มีคุณภาพในพ้ืนท่ี โดยเริ่มตั้งแต่การนาพันธุ์กาแฟมาให้เกษตรกรปลูก แนะนาวิธีการแต่งก่ิง ปรับปรุงดิน ไปจนถึงวิธีการเก็บเก่ียว แนะนาโรงค่ัวท่ีรับซ้ือเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรถึงวิธีเก็บรักษา การตาก ไปจนถงึ การคดั แยกเมล็ดกาแฟ กอ่ นนาไปสง่ ต่อใหโ้ รงงานแปรรูปนาไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟ ซ่ึงเกษตรกรทเ่ี ข้ารว่ มโครงการ มผี ลผลติ เพม่ิ ขึ้นเปน็ 2 เท่า จากเฉล่ยี 7 กิโลกรมั ตอ่ ต้น เปน็ 14 กิโลกรัม ต่อต้น คุณภาพดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรและโรงค่ัวมีรายได้สูงข้ึน รวมทั้งยังมีโครงการที่จะส่งเสริมอัต ลักษณ์กาแฟน่าน โดยการข้ึนทะเบียนเป็นสินค้าส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) และเชื่อมโยงกับเส้นทาง ทอ่ งเที่ยวเพอื่ ส่งเสริมการทอ่ งเท่ยี วในพื้นท่ี ผปู้ ระกอบการกาแฟจงั หวดั น่าน จะสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกหรือนาเข้าวัตถุดิบราคาถูกมาใช้ พร้อมหนุนผู้ประกอบการข้ึนทะเบียนเป็นสินค้า GI โดยให้ สอดคล้องกับขอ้ ตกลงการคา้ เสรี (FTA) ท่ีไทยทากับประเทศต่างๆ ในการขยายการสง่ ออกกาแฟไทยและ ผลิตภัณฑ์กาแฟของไทยออกสู่ตลาดโลก และเช่ือมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวเพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวใน พ้ืนที่ ตลอดหว่ งโซ่การผลติ กาแฟทัง้ ต้นน้า กลางน้า และปลายนา้ มคี วามเข้าใจ การส่งเสริมและสนับสนุน

56 จะทาให้อุตสาหกรรมกาแฟไทยเติบโตและพฒั นาขึ้นรวมท้ังโอกาสในการนาเข้าวตั ถุดบิ ท่ีหลากหลายเพ่ือ นามาใชใ้ นการต่อยอดให้กบั อุตสาหกรรมกาแฟของไทย เทคโนโลยีชาวบา้ น ปีท่ี 31 ฉบับที่ 697 15 มิถุนายน 2562 โดย นติ ยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน นอกจากนี้ยังพบข้อมูลการปลูกกาแฟในจังหวัดน่าน ในการผลิต 5 ปีย้อนหลังพบว่ามีผลิตต่อปีเพ่ิมข้ึน เรอื่ ยเรื่อย โดยในปี 2557 มีผลผลติ กาแฟ 296 ผลผลติ (ตนั ) เนอ้ื ท่ีเกบ็ เกยี่ ว 2,491 (ไร)่ ใ น ปี 2558 มี ผลผลิตกาแฟ 326 ผลผลิต (ตัน) เน้ือที่เก็บเกี่ยว2,787 (ไร่) ในปี 2559 มีผลผลิตกาแฟ ผลผลิต 378 (ตัน) เน้ือที่เก็บเกี่ยว 3,402 (ไร่) ในปี 2560 มีผลผลิตกาแฟ 436 ผลผลิต(ตัน) เนื้อที่เก็บเก่ียว 4,001 (ไร)่ ในปี 2561 มผี ลผลติ กาแฟ 497 ผลผลติ (ตนั ) เนื้อทเ่ี ก็บเก่ียว 4,440 (ไร่) แสดงผลผลติ กาแฟของจงั หวดั นา่ น 5000 4500 4000 3500 3000 2500 2000 1500 1000 500 0 ปี 57 ปี 58 ปี 59 ปี 60 ปี 61 ผลผลติ (ตัน) เนอื้ ทีเ่ ก็บเก่ียว(ไร)่ ภาพท่ี 4.1 แสดงปรมิ าณผลผลิตกาแฟของจงั หวดั นา่ น ปี 2557 – 2561 ทม่ี า : สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร | สินคา้ เกษตรกาแฟ (2562) และนอกจากนีเ้ มอ่ื พิจารณาจากขอ้ มูลการผลิตกาแฟท้งั ประเทศ จงั หวัดนา่ นยังมีอนั ดับผลผลติ กาแฟในปี 2562 เปน็ อันดบั 7 ของประเทศ โดยมผี ลติ ถึง 483 ตนั เนอ้ื ท่ีเก็บเก่ียว 4,440 (ไร)่

57 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 แพร่ ผลผลติ (ตนั ) สรุ าษฎรธ์ านี 2,000 4,000 6,000 8,000 10,000 12,000 14,000 ตาก นา่ น แมฮ่ อ่ งสอน ลาปาง เชยี งใหม่ เชียงราย ระนอง ชมุ พร 0 ภาพที่ 4.2 แสดงผลผลติ กาแฟแยกตามจังหวัด ปี 2562 ทมี่ า: สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร ลกั ษณะของผลิตภัณฑ์ กาแฟดริปสาเร็จรูป 3.1 การดาเนนิ งานโครงการผลติ ผลติ ภัณฑก์ าแฟดรปิ ชนิดหเู ก่ียวขอบแกว้ โครงการศึกษาการผลิต ผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป (ชนิดมีหูเกี่ยวขอบแก้ว) จากเมล็ด พันธ์กาแฟอาราบิกา้ ในจงั หวัดนา่ นเป็นโครงการวิจยั เพอื่ เพ่ิมมูลค่าผลผลิตเมลด็ กาแฟของเกษตรกรผู้ผลิต กาแฟในจังหวัดน่าน ในส่วนนี้จะกล่าวถึงการดาเนนิ งานที่เก่ียวกับการผลิต โดยมีส่วนหลักๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. วตั ถุดบิ ของการผลติ ในการศึกษาคร้ังน้ี วตั ถุดิบคือเมลด็ กาแฟสาร คอื เมลด็ กาแฟชนิดอราบกิ ้า (Green Arabica Coffee Bean) ทไี่ ด้จากการนาผลสุก โดยเร่ิมจากเมล็ดกาแฟสารหมายถงึ เมล็ดกาแฟสดทีส่ กุ ซง่ึ จะเรยี กว่า “กาแฟเชอร์รี่” ทผี่ า่ นการกะเทาะเปลือกและตากใหแ้ ห้งสนิท จะได้เมลด็ กาแฟดิบ เรยี กวา่ \"กาแฟกะลา\" และกาแฟกะลาน้ี ตอ้ งนาไปลอกเปลือกออกอกี ครั้ง ใหเ้ ป็น \"กาแฟสาร\"

58 2. ข้ันตอนการผลติ ผลิตภณั ฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รปู (ชนดิ มหี ูเกีย่ วขอบแก้ว) 2.1 เม่ือได้วัตถุดิบกาแฟสารมาแล้ว จึงนากาแฟสารไปคั่ว โดยใช้เคร่ืองบดกาแฟ เป็น เมล็ดกาแฟค่วั (ตามประเภทการค่วั ที่ไดอ้ ธิบายไวใ้ นข้างตน้ ) 2.2 นาเมล็ดกาแฟท่ีคั่วท้ิงไว้จนเย็นเปน็ อณุ หภูมิปกติจึงนาเมล็ดกาแฟไปบดโดยเคร่ือง บดกาแฟ 2.3 เมื่อนาเมล็ดกาแฟที่บดเรียบร้อยแล้ว นาไปบรรจุซองเยื่อกระดาษกรองหูเก่ียว ขอบถ้วยท่บี รรจุกาแฟ นาเขา้ จากประเทศญี่ปนุ่ ได้รบั มาตรฐานสากล เป็นแบบน้า ไหลทางเดียว โดยไหลจากด้านในออกด้านนอก (One way filter pachit) โดยมี การชงั่ ขนาดกาแฟบรรจซุ องละ 12 กรมั โดยซีลซองกาแฟโดยเครอ่ื งซีลกาแฟบรรจุ ซองขณะท่บี รรจุกาแฟ 2.4 นาซองเย่ือกระดาษกรองหูเก่ียวขอบถ้วยท่ีบรรจุกาแฟ ไปบรรจุซองฟอยล์สาหรบั บรรจุซองเยื่อกระดาษกาแฟดริป และนาไปซีลโดยเคร่ืองซีลซองฟอยล์มีระบบฉีด แกส๊ ไนโตรเจนเพอ่ื ยดื อายุและรกั ษาความสดใหมข่ องกาแฟค่ัวบด 2.5 นาซองกาแฟค่ัวบดบรรจุซองฟอยล์ ลงบรรจุกล่องกระดาษเพ่ือจาหน่าย โดยติด สต๊ิกเกอร์แบรนด์ลงบนกล่องกระดาษเพอื่ เตรียมการจาหน่าย 3. ชนิดผลิตภัณฑ์และราคาจาหน่าย สามารถแสดงชนิดของผลิตภัณฑ์และราคาจาหน่าย ตามตารางท่ี 4.1 ลาดับที่ ประเภท ขนาดบรรจุ ขนาดบรรจุ ราคาขาย ต่อซอง (กรมั ) ต่อกล่อง (ซอง) (ต่อกลอ่ ง) 1 ผลิตภัณฑ์กาแฟดริปชนิดหู 5 150 เก่ียวขอบแกว้ 13 10 260 2 ผลิตภัณฑ์กาแฟดริปชนิดหู เก่ียวขอบแก้ว 13 ตารางที่ 4.1 แสดงชนดิ ของผลิตภัณฑ์และราคาจาหน่าย

59 ต้นทนุ และผลตอบแทนผลิตภัณฑก์ าแฟดริปสาเรจ็ รปู (ชนดิ มหี เู ก่ียวขอบแกว้ ) ในส่วนน้ีจะแบ่งการศึกษาเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกจะศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนด้าน การเงินของโครงการลงทนุ ผลติ ผลิตภณั ฑก์ าแฟดริปสาเร็จรปู (ชนิดมีหเู ก่ียวขอบแก้ว) ซ่ึงจะอย่บู นพ้ืนฐาน ของกาลังการผลิตของเคร่ืองจักรหลักในการผลิตกาแฟ และส่วนที่สองจะศึกษาการวิเคราะห์ความ อ่อนไหวของโครงการ (Sensitivity Analysis) หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อ ผลตอบแทนหรือคา่ ใช้จา่ ยอยา่ งไร ส่วนที่ 1 การประมาณด้านการเงินจากการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป (ชนิดมีหู เก่ยี วขอบแก้ว) ข้อมูลที่ไดจ้ ากการคานวณครั้งน้ไี ดม้ าจากการสอบถาม การสมั ภาษณ์ การเข้าสังเกตการณ์ การทดสอบการผลิตในห้องปฏิบัติการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนาน่าน จากการดาเนินการผลติ ดงั น้ี ผลตอบแทน ผลตอบแทนของโครงการ ได้แกม่ ลู ค่าของการจาหนา่ ยผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ สาเรจ็ รูป โดยคานวณ จากปริมาณการค่ัว การบด และการบรรจุ ตามกรรมวิธีการผลิต โดยจะสามารถผลิตได้ สูงสุด 200 ซอง ต่อวัน สามารถบรรจุกล่องเล็ก 40 กล่อง หรือกล่องใหญ่ 20 กล่อง ต่อวัน ดังน้ันการคานวณมูลค่าจะ คานวณจากยอดกาลังผลิต 20 กลอ่ งคูณจานวนวันที่ผลิต คณู กับราคาจาหน่ายกาแฟ ซง่ึ จะกาหนดให้วัน ผลิตเท่ากับ 5 วันต่อสัปดาห์ ในหน่ึงปี มีวันผลิตรวมท้ังส้ิน 1 ปี เท่ากับ 365 วัน หักด้วย เสาร์ อาทิตย์ เท่ากับ 1 ปีทางาน 260 วัน 1 วันทางาน 8 ชม. เท่ากับ 260 X 200 = 52,000 ซอง ต่อปี โดยกาหนด แผนการผลิตในปแี รก 60% ปที ่สี อง 80% และปีที่ 3 – 10 เทา่ กับ 100% (อายโุ ครงการ 10 ปี) สามารถแสดงแสดงกาลังการผลิตและปรมิ าณการผลิต ปีท่ี 1 – 10 ตามตารางท่ี 4.2 ปีที่ กาลงั การผลิต (เปอร์เซนต์) ปริมาณการผลติ (ซอง) 1 60 31,200 2 80 41,600 3 - 10 100 52,000 ตารางที่ 4.2 แสดงกาลังการผลิตและปริมาณการผลิต ปที ่ี 1 - 10 โดยการกาหนดราคาจาหนา่ ยผลิตภัณฑก์ าแฟดริปสาเร็จรูป จากการอ้างอิงราคาจาหน่ายใน ท้องตลาด แยกเป็นชนิดกล่องบรรจุ 5 ซอง กล่องละ 150 บาท และ ชนิดกล่องบรรจุ 10 ซอง กล่องละ

60 260 บาท โดยกาหนดอัตราการจาหน่ายท้ังสองชนิดอยู่ท่ีร้อยละ 60:40 สามารถแสดงปริมาณการ จาหน่ายและมูลค่าการจาหน่าย ตามตารางท่ี 4.3 ปรมิ าณขาย ราคาขายกล่องละ ปรมิ าณขาย ราคาขาย รวมมูลค่า กลอ่ งละ ปีท่ี กล่องบรรจุ 5 กล่องบรรจุ (บาท) (บาท) ซอง (กล่อง) (บาท) 10 ซอง 260 886,080.00 1 3,744 (กลอ่ ง) 260 1,181,440.00 2 4,992 150 1248 260 1,476,800.00 3 6,240 150 1664 260 1,476,800.00 4 6,240 150 2,080 260 1,476,800.00 5 6,240 150 2,080 260 1,476,800.00 6 6,240 150 2,080 260 1,476,800.00 7 6,240 150 2,080 260 1,476,800.00 8 6,240 150 2,080 260 1,476,800.00 9 6,240 150 2,080 260 1,476,800.00 10 6,240 150 2,080 150 2,080 ตารางที่ 4.3 แสดงปรมิ าณการจาหนา่ ยและมลู คา่ การจาหนา่ ย จากการศกึ ษาต้นทนุ และผลตอบแทนจากการแปรรปู ผลิตภัณฑ์กาแฟดรปิ สาเร็จรปู มีต้นทนุ หรือค่าใชจ้ ่ายในการแปรรูป ซึ่งสามารถแบ่งออกเปน็ 3 สว่ นได้แก่ คา่ ใช้จา่ ยในการลงทนุ ต้นทุนการผลิต และคา่ ใช้จ่ายการขายและบริหาร 1. ค่าใช้จา่ ยในการลงทุน (Investment Cost) ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้น ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง โรงเรือน และอุปกรณ์ในการแปรรูปผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ สาเร็จรปู ซ่งึ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนมรี ายละเอยี ด ดังนี้

61 1.1 อาคารและส่ิงปลูกสร้าง ท่ีใช้เป็นที่ผลิตจะต้องเป็นโรงเรือนปิด โดยจะสมมุติให้มี ราคาก่อสร้างมลู ค่า คา่ ก่อสร้าง 500,000 บาท อายุการใชง้ าน 20 ปี แสดงได้ตามตาราง 4.4 ดงั นี้ รายการ มลู คา่ ตน้ ทนุ จานวน มลู ค่ารวม (บาท 500,000.00 อาคารและส่งิ ปลกู สร้าง 500,000.00 1 รวม 500,000.00 ตารางที่ 4.4 แสดงต้นทุนโรงเรือนอายกุ ารใช้ งาน 20 ปี 1.2 เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต อายุการใช้งาน 5 ปี จากการศึกษาพบว่าการแปรรูป ผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูปใชอ้ ุปกรณก์ ารแปรรูป มลู ค่ารวม 43,000 บาท ได้แก่ 1.2.1 เคร่ืองคั่วกาแฟ ใช้สาหรบั การคัว่ เมล็ดกาแฟสาร ซึง่ จะต้องสามารถปรับระดับการค่ัว ได้เนอ่ื งจากกาแฟดริปสาเร็จรูปจะจาแนกผลติ ภัณฑ์ตามระดบั การค่ัวของกาแฟ โดยระดับการค่ัวของกาแฟ สามารถวัดได้จากการ คั่วเร็วหรือช้า คั่วเข้มหรืออ่อน นั่นก็คือ สีของเมล็ด กาแฟที่ค่ัวเสร็จแล้ว และ ระยะเวลาท่ีใช้กว่าจะได้เมล็ดกาแฟสีที่ต้องการ ซึ่งแต่ละระดับจะให้รสชาติที่ แตกต่างกัน โดยขณะที่คั่วกาแฟ จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี โดยการค่ัวแต่ละระดับนั้นจะทาให้เมล็ดกาแฟ สญู เสยี นา้ หนกั ทีต่ า่ งกนั โดยการ การคว่ั ออ่ นจะใชเ้ วลา (14-20 นาที) จะสง่ ผลให้กาแฟสูญเสียนา้ หนักไป 12-14% การค่วั กลางจะใชเ้ วลา (14-20 นาที) จะส่งผลใหก้ าแฟสูญเสียนา้ หนกั ไป 16-18% การคั่วเข้มจะใช้เวลา (14-20 นาท)ี จะสง่ ผลให้กาแฟสญู เสยี น้าหนักไป 18-20% โดยเคร่ืองบดที่ใช้ในคร้ังนจี้ ึงเป็นเคร่ืองบดชนดิ ใช้ไฟฟา้ ขนาด 500 กรัม สามารถปรับระดับการคั่ว และ การกาหนดเวลาในการค่วั ได้ โดยการควั่ แตล่ ะรอบจะใช้ เวลาการค่วั ประมาณ 20 นาที บวกด้วยเวลาพัก ใหเ้ มล็ดกาแฟเย็นเพื่อนาไปบด อกี 30 นาทีต่อรอบ มลู คา่ 6,500 บาท จานวน 1 เครือ่ ง 1.2.2 เครื่องบดกาแฟ ใชส้ าหรบั การบดเมลด็ กาแฟหลงั จากการคว่ั เสรจ็ แล้ว เคร่ืองบดกาแฟ ขนาดเลก็ ที่สามารถปรับระดบั ความละเอียดในการบดได้ ระดับEspresso ควบคุมปริมาณผงกาแฟไดส้ ม่าเสมอทุกช็อท มีHopper ขนาดบรรจุ 500 กรัม ความเรว็ รอบต่า ไมท่ าให้ กาแฟร้อน ขนาด 230×140 x 440 mm. (กว้างxยาวxสูง) ความเร็วในการบด 5-8 กิโลกรัม / ชั่วโมง ใช้ กาลังไฟ 250 วัตต์ มลู คา่ 8,500 บาท จานวน 1 เครือ่ ง

62 1.2.3 เครื่องซีลต่อเนื่อง (เคร่ืองรีดปากซอง) คือ การใช้กระแสไฟฟ้าส่งผ่าน แถบซีล ทาให้ เกดิ ความรอ้ น และส่งผ่านถงึ ถุง ใชส้ าหรับการปิดปากถุง โดยการบรรจุกาแฟ 2 ขัน้ ตอน โดยขนั้ ตอนแรก แตล่ ะซองจะบรรจุกาแฟบด ขนาด 12 กรัม และขั้นตอนทสี่ องจะบรรจกุ าแฟซอง ลงบนถงุ ฟรอยด์ โดยมี ระบบการเติมไนโตรเจนอัตโนมัติ เพื่อรักษาคุณภาพของกาแฟให้ยาวนานยิ่งขึ้น มูลค่า 25,000 บาท จานวน 1 เครอ่ื ง 1.2.4 โต๊ะ ใช้สาหรับการผลิต ช่ังน้าหนักกาแฟ เพ่ือคานวณปริมาณการคั่ว บด และบรรจุ ซอง มูลคา่ 1,500 บาท จานวน 2 ตัว สามารถแสดงอปุ กรณก์ ารผลติ อายุการใชง้ าน 5 ปี ตามตารางที่ 4.5 รายการ มลู ค่าต้นทุน จานวน มลู คา่ รวม (บาท เคร่ืองคว่ั กาแฟ เครื่องบดกาแฟ 6,500.00 1 6,500.00 เครื่องซลี ต่อเนอ่ื ง 8,500.00 1 8,500.00 โต๊ะ 25,000.00 1 25,000.00 1,500.00 2 3,000.00 รวม 43,000.00 ตารางท่ี 4.5 แสดงอุปกรณก์ ารผลติ อายกุ ารใชง้ าน 5 ปี 1.3 อุปกรณ์การผลิต อายุการใช้งาน 2 ปี จากการศึกษาพบว่ากลุ่มใช้อุปกรณ์ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ กาแฟดรปิ สาเร็จรูป อายกุ ารใช้งาน 2 ปี มลู ค่ารวม 7,190 บาท ได้แก่ 1.3.1 เคร่อื งช่ังดิจิตอล ใชส้ าหรบั การช่งั น้าหนักกาแฟ เพ่อื คานวณปริมาณการค่วั บด และ บรรจุซอง จานวน 2 เครือ่ ง มลู คา่ เครือ่ งละ 1,000 บาท 1.3.2 พัดลม ใช้สาหรับพัดระบายความร้อนของเมล็ดกาแฟ หลังจากค่ัวเสร็จเพื่อท่ีจะ สามารถลดระดบั อณุ หภมู ิใหเ้ ป็นอณุ หภูมิห้อง เพ่ือลดระยะเวลาในการนาเมล็ดกาแฟไปบดต่อไป จานวน 2 ตวั มลู ค่าเครอ่ื งละ 800 บาท 1.3.3 เก้าอ้ี ใช้สาหรับการผลิต ชั่งน้าหนักกาแฟ เพื่อคานวณปริมาณการคั่ว บด และบรรจุ ซอง จานวน 4 ตัว มลู คา่ ตวั ละ 250 บาท 1.3.4 ถาดสแตนเลส จานวน 6 ใบ มลู คา่ ใบละ 100 บาท

63 1.3.5 อา่ งสแตนเลส จานวน 4 ใบ มลู คา่ ใบละ 100 บาท 1.3.6 ทพั พีใหญ่ จานวน 4 อนั มูลค่าอันละ 50 บาท 1.3.7 ชอ้ นสแตนเลส จานวน 2 กล่อง มูลค่ากล่องละ 120 บาท 1.3.8 เครื่องแตง่ กาย ไดแ้ ก่ เส้อื คลมุ หมวกคลมุ ผม ถงุ มอื สาหรับปฏบิ ตั ิงาน จานวน 3 ชุด มูลค่าชดุ ละ 250 บาท สามารถแสดง อปุ กรณก์ ารผลิตอายกุ ารใช้งานไม่เกนิ 2 ปี ตามตารางท่ี 4.6 ดังน้ี รายการ มลู คา่ ต้นทนุ จานวน มูลค่ารวม (บาท เคร่อื งชั่งดจิ ิตอล 2,000.00 พดั ลม 1,000.00 2 2,400.00 เก้าอ้ี 500.00 ถาดสแตนเลส 1,200.00 2 400.00 อา่ งสแตนเลส 400.00 ทัพพใี หญ่ 250.00 4 200.00 ช้อนสแตนเลส 240.00 เครอ่ื งแต่งกาย 100.00 4 1,050.00 รวม 7,190.00 100.00 4 50.00 4 120.00 2 350.00 3 ตารางท่ี 4.6 แสดงอุปกรณก์ ารแปรรปู ผลติ ภัณฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รูปอายุการใชง้ าน 2 ปี 2 ต้นทนุ การผลติ (Production Cost) ตน้ ทนุ การผลติ หมายถึง คา่ ใชจ้ ่ายในการแปร สภาพวตั ถดุ บิ ใหเ้ ปน็ สนิ ค้าสาเรจ็ รูปเพ่ือ นาออกจาหนา่ ยได้ ประกอบดว้ ย 2.1 วัตถุดิบ (Materials) หมายถึง วัสดุหรือสิ่งของท่ีได้มาเพ่ือใช้เป็นส่วนประกอบหรือ ส่วนผสมสาคัญในการผลติ สินคา้ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภทคอื 2.1.1 วัตถุดิบทางตรง (Direct Materials) หมายถงึ วัตถดุ บิ ทมี่ ีความสาคัญในการแปร รูปผลิตภณั ฑ์ มปี ริมาณการใชเ้ ป็นจานวนมาก วตั ถดุ ิบท่ใี ชใ้ นการการแปรรูปผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ สาเร็จรูป ได้แก่ เมล็ดกาแฟสาร จากการศึกษาพบว่า เมล็ดกาแฟสาร ท่ีรับซ้ือมาเพื่อแปรรูป โดยประมาณราคา กลางท่ี 215 บาทตอ่ กิโลกรมั โดยราคาท่ีรบั ซอ้ื สงู สดุ คือ 250 บาทตอ่ กโิ ลกรมั และราคาตา่ สดุ ทีร่ บั ซอ้ื คอื 180 บาทต่อกิโลกรัม โดยเมื่อนาไปค่ัว น้าหนักเมล็ดกาแฟจะหายไปท่ีประมาณ 16 – 20 % ดังนั้นการ คานวณหาปรมิ าณการผลติ ได้ดงั นี้

64 ปริมาณเมล็ดกาแฟสาร = 1 กโิ ลกรมั เมือ่ คัว่ แล้วจะได้เมล็ดกาแฟ = 0.80 กโิ ลกรัม ดังนนั้ ถ้าผลิตเมล็ดกาแฟสาร 1 กิโลกรัม จะได้กาแฟค่ัว 0.80 กิโลกรัม ดังนั้น การผลิตสูงสุดในปีปัจจุบันจากการประมาณการผลิต 100 ซอง ต่อวัน (ซองละ 13 กรัม) โดยกาหนดให้กาลังการผลิตทั้งปี จานวน 260 วัน จะใช้ปริมาณกาแฟคั่วบด คือ (260 วัน x 100 ซอง) ปริมาณการผลิตท้ังปี 26,000 ซอง ใช้เมล็ดกาแฟคั่วบดซองละ 13 กรัม (52,000 ซอง x 13 กรัม)/ 676,000 กรัม คิดเป็นปริมาณกาแฟคั่วบด 676,000/1,000 = 676 กิโลกรัม ต่อการผลิตท้ังปี โดยจะใช้ วัตถุดบิ เมลด็ กาแฟสารจานวน 1 กโิ ลกรัม เมอ่ื นาไปคานวณหาน้าหนกั เป็นเมลด็ กาแฟคัว่ สามารถคานวณ ไดด้ งั น้ี เมลด็ กาแฟสาร 1 กโิ ลกรัม = .80 กิโลกรัม เมลด็ กาแฟค่วั 676 กโิ ลกรมั = 676 x 100 80 เมลด็ กาแฟสาร = 845 กิโลกรมั เม่อื ผลิตได้เมล็ดกาแฟคัว่ บดแลว้ จะนาไปบรรจุเปน็ การแปรรูปผลติ ภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป โดยแบง่ เปน็ ขนาดซองละ 13 กรัม และบรรจุกลอ่ งสาหรับการจาหน่าย 2 ขนาดได้แก่ ขนาด 5 ซอง และ ขนาด 10 ซอง ขึ้นอยู่กับความต้องการของท้องตลาด โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการบรรจุภัณฑ์ในขนาดต่างๆ สามารถแสดงปรมิ าณการผลติ จาแนกตามบรรจุภัณฑ์ ไดต้ ามตารางที่ 4.7 ดงั น้ี ประเภทบรรจภุ ัณฑ์ นาหนักบรรจภุ ัณฑ์ ปริมาณการผลติ อัตราการใชเ้ มลด็ (กรมั ) (หนว่ ย) กาแฟคว่ั (กิโลกรัม) กาแฟดริปสาเร็จรูป 13 52,000 676 รวม ตารางท่ี 4.7 แสดงปรมิ าณการผลิตจาแนกตามบรรจภุ ณั ฑข์ องแปรรปู ผลติ ภณั ฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รปู ทม่ี า จากการสัมภาษณ์ ดังน้ันเมื่อนาเมล็ดกาแฟคั่วที่ใช้ท้ังปี จานวน 338 กิโลกรัม ไปแยกจาแนกตามบรรจุภัณฑ์ ขนาดต่างๆ สามารถคานวณตน้ ทนุ การผลิตของผลติ ภัณฑ์ ได้ดังน้ี

65 ต้นทุนการซื้อวัตถุดิบเมล็ดกาแฟสาร มีราคาเฉล่ียกิโลกรัมละ 215 บาทดังน้ันในการผลิต เมล็ดกาแฟค่ัวบด 1 กโิ ลกรัม จะมีการใช้เมล็ดกาแฟสาร 1.25 กิโลกรมั ตน้ ทนุ วัตถุดิบทางตรง จงึ สามารถ คานวณไดด้ ังน้ี ต้นทนุ วตั ถุดบิ ทางตรงต่อกิโลกรัม = ปรมิ าณการใชว้ ัตถุดบิ x ราคาวัตถดุ ิบ = 1.25 x 215 = 268.75 บาทต่อกโิ ลกรัม ดงั น้ันในการผลติ กาแฟคว่ั บดในหนงึ่ วนั จานวน 200 ซอง ซองละ 13 กรัม ใช้ เมล็ดกาแฟค่ัว บด 2.60 กิโลกรัม คิดเป็นต้นทุนวตั ถุดิบทางตรงเท่ากับ (268.75 x 2.60) เท่ากับ 698.75 บาทต่อการ ผลิต 1 วนั สามารถแสดงต้นทุนวตั ถดุ บิ ทใี่ ช้ในการผลติ ผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ สาเรจ็ รูปตามตารางที่ 4.8 ดงั นี้ รายการ ปริมาณการใช้ (กโิ ลกรัม) ราคาตอ่ หน่วย (บาท) จานวนเงิน (บาท) เมลด็ กาแฟคั่วบด 676 268.75 181,675.00 รวม 181,675.00 ตารางที่ 4.8 แสดงตน้ ทนุ วตั ถุดิบที่ใช้ในการแปรรปู ผลติ ภณั ฑก์ าแฟดรปิ สาเรจ็ รปู จากตารางที่ 4.8 พบว่าต้นทุนวัตถดุ ิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเรจ็ รปู ตลอดปี จานวน 181,675.00 บาท 2.2 ค่าแรงงาน (Labor) หมายถึง ในการผลติ ผลิตภณั ฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รปู ตลอดปี สามารถแสดงคา่ แรงทีใ่ ชใ้ นการผลิตผลติ ภัณฑก์ าแฟดริปสาเรจ็ รปู ตามตารางที่ 4.9 ดงั นี้ จานวนแรงงานที่ใช้ จานวนวนั ทใ่ี ช้ จานวนเงนิ ท่จี า่ ย จานวนเงินที่จา่ ยทงั สิน ผลติ ต่อวัน (คน) (วัน) (บาท) (บาท) 2 260 300.00 156,000.00 รวม 156,000.00 ตารางที่ 4.9 แสดงรายละเอียดคา่ แรง ทีม่ า: จากข้อมลู การจ่ายคา่ แรงข้ันตา่

66 ค่าแรงงานทางตรงเมลด็ กาแฟค่วั บด 1 กิโลกรัม = คา่ แรงงานท้ังปี ปรมิ าณการผลิต (ก.ก) = 156,000 676 = 674.56 บาทตอ่ กโิ ลกรัม 2.3 ค่าใช้จ่ายในการผลิต (Manufacturing Overhead) คือ ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับ การผลิตนอกเหนอื จากวัตถุดบิ และค่าแรงงาน แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ 2.3.1 ค่าใช้จ่ายในการผลิตผันแปร (Variable Factory Cost) คือค่าใช้จ่ายการผลิต ท่ีผันแปร ไปตามปริมาณการผลิตเม่ือมีการผลิตมากขึ้นค่าใช้จ่ายส่วนน้กี ็จะมีจานวนสูงตามไปด้วย เมื่อมี การลดปริมาณการผลิต ค่าใช้จ่ายส่วนน้ีก็จะลดตามไปด้วยค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปรของการผลิต ผลติ ภณั ฑ์กาแฟดริปสาเร็จรปู ไดแ้ ก่ ค่าบรรจภุ ณั ฑ์ และคา่ ใช้จ่ายการผลิตผนั แปรอน่ื 1) ค่าบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ค่าบรรจุภัณฑ์ท่ีใช้ในการบรรจุการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริป สาเรจ็ รปู ซ่ึงรวมทง้ั กล่อง และฉลากบรรจุภณั ฑ์ แสดงได้ตามตารางที่ 4.10 ประเภทบรรจุภัณฑ์ ปรมิ าณบรรจุ ราคาต่อหนว่ ย จานวนเงิน ซองกาแฟดริปหูเก่ยี วขอบถ้วย 7 x 9 ซม. ภณั ฑ์ (ซอง) (บาท) (บาท) 145,600.00 52,000 2.8 130,000.00 74,880.00 ซองคราฟ ซลี สามทาง 10 x 15 ซม. 52,000 2.5 24,960.00 กลอ่ งกระดาษขนาดเลก็ บรรจุ 5 ซอง 6,240 12 33,280.00 กลอ่ งกระดาษขนาดใหญ่ บรรจุ 10 ซอง 2,080 12 408,720.00 8,320 4 สติกเกอร์ฉลากบรรจภุ ณั ฑ์ รวม ตารางท่ี 4.10 แสดงประเภทราคาตน้ ทุนต่อหน่วยของบรรจภุ ัณฑ์ ทม่ี า จากการคานวณ

67 จากตารางที่ 4.10 แสดงประเภทราคาต้นทุนต่อหน่วยของบรรจุภัณฑ์แต่ละชนิดสามารถ นาไปคานวณหาต้นทุนคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ ผนั แปรของบรรจุภัณฑใ์ นแต่ละประเภท 2) ค่าไฟฟ้า เป็นการประมาณการค่าไฟฟ้าท่ีเพ่ิมขึ้นจากการดาเนินงานที่เกิดข้ึนจากการผลิตโดยจะ ประมาณคา่ ไฟฟ้าเดือนละ 1,000 บาท คิดเปน็ 12,000 บาทตอ่ ปี คา่ ใช้จา่ ยการผลิตผันแปรเมลด็ กาแฟควั่ บด 1 กิโลกรมั = คา่ ใชจ้ ่ายการผลิตทง้ั ปี ปริมาณการผลติ (ก.ก) = 420,720 676 = 622.39 บาทตอ่ กิโลกรัม 2. คา่ วสั ดกุ ารผลิต - ถงุ พลาสตกิ ใสขนาดใหญ่ ปริมาณการใช้ 22 แพ็ค แพ็คละ 40 บาท เปน็ เงิน 880 บาท - ลังกระดาษไวจ้ ัดเก็บผลิตภัณฑ์รอจาหนา่ ย มีปริมาณการใช้ 10 ลงั ลงั ละ 50 บาท เปน็ เงิน 500 บาท - ถุงขุ่น สาหรับการเก็บผลิตภัณฑ์ที่บรรจุแล้ว ซึ่งกลุ่มมีปริมาณการใช้ 22 แพ็คแพ็คละ 50 บาท เปน็ เงิน 1,100 บาท - ถุงมือ สาหรับการผลิต ซ่ึงกลุ่มมีปริมาณการใช้ 20 คู่ต่อปี คู่ละ 32 บาท เป็นเงิน 640 บาท นามาแสดงค่าใชจ้ า่ ยการผลิตผนั แปรได้ตามตารางที่ 4.11 ตารางที่ 4.11 แสดงค่าวัสดกุ ารผลิตผลติ ภัณฑก์ าแฟดริปสาเร็จรูป รายการ จานวนเงนิ (บาท) คา่ ถงุ พลาสติก 880.00 ลงั กระดาษ 500.00 ค่าถุงขนุ่ 1,100.00 ค่าถงุ มอื 640.00 รวม 3,120.00 จากตารางท่ี 4.11 แสดงคา่ วัสดกุ ารผลติ เมลด็ กาแฟคัว่ บด เท่ากบั 3,120 บาท คานวณหา อัตราค่าใช้จา่ ยการผลติ ผันแปรตอ่ การผลติ กาแฟค่ัวบด 1 กโิ ลกรัม ได้ดังน้ี

68 ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตเมล็ดกาแฟควั่ บด 1 กโิ ลกรมั = คา่ ใช้จ่ายการผลติ ท้งั ปี ปรมิ าณการผลิต (ก.ก) = 3,120 676 = 4.62 บาทตอ่ กโิ ลกรัม ดงั นัน้ การคานวณหาตน้ ทนุ การผลิตผันแปรของเมลด็ กาแฟคว่ั บด กอ่ นการแยกบรรจุภัณฑ์ สามารถแสดงไดต้ ามตารางที่ 4.13 ประเภทของต้นทุนการผลิต ต้นทุนตอ่ กโิ ลกรมั ตน้ ทนุ การผลิตผนั แปรรวม วัตถดุ บิ ทางตรง (ตารางที่ 4.8) (บาท) (บาท) ค่าแรงงานทางตรง (ตารางท่ี 4.9) คา่ ใช้จา่ ยในการผลติ 268.75 181,675.00 วัตถดุ บิ ทางอ้อม (ตารางที่ 4.10) 674.56 156,000.00 วัสดกุ ารผลติ (ตารางที่ 4.11) รวมค่าใชจ้ ่ายการผลิต 622.39 420,720.00 4.62 3,120.00 รวมตน้ ทุนผลิตผันแปรทังสนิ 627.01 423,840.00 1,570.32 761,515.00 ตารางที่ 4.12 การคานวณตน้ ทนุ การผลติ ผันแปรแปรรปู ผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรปู จากตารางท่ี 4.12 ต้นทุนการผลิตผันแปรของผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป ก่อนการแยก บรรจุภณั ฑ์ 1 กิโลกรัม เป็นจานวน 1,559.52 บาท 2.3.2 ค่าใช้จ่ายการผลิตคงท่ี (Fixed Overhead Cost) หมายถึงต้นทุนที่จานวนรวมจะไม่ เปล่ียนแปลงไปตามปริมาณการผลิต ซ่ึงได้แก่ ค่าเสื่อมราคาโรงงานและอุปกรณ์การผลิต ค่าเส่ือมราคา ของสนิ ทรพั ยถ์ าวรในกลุ่มแปรรปู เชน่ คา่ เส่ือมราคาโรงเรือน คา่ เส่ือมราคาเคร่อื งคว่ั เมลด็ กาแฟ ค่าเสื่อม ราคาเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ค่าเสื่อมราคาเคร่ืองซีล เป็นต้น การคิดค่าเส่ือมราคาใช้วิธีเส้นตรง (Straight- Line) ซึ่งคานวณจากมลู ค่าต้นทุนหารดว้ ยจานวนปที ี่ใช้งาน การคานวณคา่ เส่ือมราคาของโรงเรอื นที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดรปิ สาเรจ็ รูปสามารถ แสดงได้ตามตารางท่ี 4.13

69 รายการ ต้นทุนรวม อายุการใชง้ าน คา่ เสอ่ื มราคาต่อปี (ปี) (บาท) อาคารโรงเรือน 500,000.00 20 25,000.00 รวม 25,000.00 ตารางท่ี 4.13 แสดงการคานวณค่าเสอ่ื มราคาอาคารโรงเรอื น จากตารางที่ 4.13 แสดงใหเ้ ห็นถึงคา่ เสือ่ มราคาของโรงเรอื น อายกุ ารใช้งาน 20 ปีมคี ่าเสื่อม ราคา 25,000 บาท การคานวณค่าเสือ่ มราคาอุปกรณก์ ารผลิตอายกุ ารใชง้ านตั้งแต่ 2 - 5 ปี สามารถแสดง ไดต้ ามตารางท่ี 4.14 ดงั นี้ รายการ ตน้ ทนุ รวม อายุการใชง้ าน คา่ เสื่อมราคาตอ่ ปี (ปี) (บาท) เครื่องค่ัวกาแฟ เครอื่ งบดกาแฟ 6,500.00 5 1,300.00 5 1,700.00 8,500.00 เครอื่ งซีลต่อเนอื่ ง 25,000.00 5 5,000.00 โตะ๊ 3,000.00 5 600.00 เครอ่ื งชง่ั ดิจิตอล 2,000.00 2 1,000.00 พดั ลม 2,400.00 2 1,200.00 เก้าอี้ 500.00 2 250.00 ถาดสแตนเลส 400.00 2 200.00 อา่ งสแตนเลส 400.00 2 200.00 ทพั พใี หญ่ 200.00 2 100.00 ชอ้ นสแตนเลส 240.00 2 120.00 เครื่องแต่งกาย 1,050.00 2 375.00 รวม 12,195.00 ตารางท่ี 4.14 แสดงคา่ เสื่อมราคาของอุปกรณ์การผลติ อายกุ ารใช้งานตงั แต่ 2 - 5 ปี

70 จากตารางท่ี 4.14 แสดงค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์การผลิตอายุการใช้งานต้ังแต่ 2-5 ปี เป็น จานวนรวม 12,195 บาท เมื่อนาค่าเสื่อมราคาของโรงเรือนและอุปกรณ์ท่ีใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูปตามตารางที่ 4.13 - 4.14 นามาแสดงตามตารางท่ี 4.15 ดังน้ี รายการ ต้นทนุ รวม (บาท) คา่ เสอื่ มราคา(บาท) อาคารโรงเรือน (ตารางที่ 4.13) 500,000.00 25,000.00 อุปกรณ์ อายุ 2-5 ปี (ตารางที่ 4.14) 50,190.00 12,195.00 รวม 550,190.00 37,195.00 ตารางที่ 4.15 รายละเอียดคา่ เส่ือมราคาโรงเรอื นและอุปกรณก์ ารผลติ 3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบรหิ าร จะประกอบไปด้วย 3.1 ค่าใช้จ่ายในการขาย เป็นค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดในการขายผลติ ภัณฑก์ าแฟดรปิ เชน่ ค่าสว่ นแบ่งจากการ ฝากขายในร้านต่างๆ ส่วนแบง่ ผ้ขู าย ค่าทาแผน่ พับ ประชาสมั พันธ์ในการร่วมออกร้านแนะนาผลิตภัณฑ์ โดยจะเปน็ การประมาณการท่ี 12,000 บาทตอ่ ปี 3.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเก่ียวข้องกบั การบริหาร ประสานงาน ค่าสาธารณูปโภค เช่น คา่ โทรศพั ท์ ค่าไปรษณยี ์ โดยจะเปน็ การประมาณการท่ี 12,000 บาทต่อปี ซ่ึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ผู้ศึกษาไม่ได้นาไปรวมคานวณเป็นต้นทุนในการผลิต สินค้า เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานจึงแยกแสดงไว้ใน ค่าใช้จ่ายในการขายและ บริหาร

71 (หน่วย:บาท) 1 คา่ ใชจ้ ่ายในการลงทนุ ปที ี่ 0 ปที ี 1 (60%) ปที ี่ 2 (80%) ปที ี่ 3-10 1.1 คา่ อาคารโรงเรือน 500,000.00 181,675.00 1.2 คา่ เครื่องจักรและอปุ กรณก์ ารผลติ 50,190.00 156,000.00 423,840.00 2 ตน้ ทุนการผลติ 109,005.00 145,340.00 37,195.00 2.1 วตั ถุดบิ 93,600.00 124,800.00 798,710.00 2.2 คา่ แรงงาน 254,304.00 339,072.00 12,000.00 2.3 คา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ ผนั แปร 12,000.00 คา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ คงท่ี (คา่ 37,195.00 37,195.00 822,710.00 เสื่อมราคา) 494,104.00 646,407.00 รวมตน้ ทุนการผลติ 550,190.00 12,000.00 12,000.00 3 คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบรหิ าร 12,000.00 12,000.00 3.1 คา่ ใชจ้ ่ายในการขาย 518,104.00 670,407.00 3.2 คา่ ใชจ้ ่ายในการบริหาร รวมท้งั ส้ิน ตารางที่ 4.16 แสดงจานวนค่าใช้จ่าย โดยกาหนด แผนการผลิตในปีที่ 1 ร้อยละ 60 และปีท่ีสอง รอ้ ยละ 80 และในปีที่ 3 จะผลิตเตม็ กาลงั ผลติ 4. ผลตอบแทนจากการแปรรปู ผลติ ภัณฑก์ าแฟดรปิ ผลตอบแทนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์กาแฟดริป หมายถึง รายได้จากการจาหน่าย ผลิตภัณฑ์กาแฟดริป ตามผลิตภัณฑ์หักด้วยต้นทุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟดริป เพ่ือคานวณหากาไร ขั้นตน้ โดยรายได้จากการขายคานวณ ได้ดงั นี้ จากขอ้ มลู ต้นทุนในตารางที่ 4.16 ข้อมูลรายไดจ้ ากการขายผลิตภัณฑ์กาแฟดรปิ ในตารางท่ี 4.3 สามารถนามาคานวณหากาไรขั้นตน้ ของผลติ ภัณฑ์กาแฟดริป ดังนี้ กาไรขั้นตน้ = รายได้จากการขาย - ต้นทุนการผลติ กาไรสุทธิ = รายได้จากการขาย - ต้นทุนการผลติ – ค่าใชจ้ ่ายในการขายและบรหิ าร

72 สามารถแสดงกาไรขน้ั ต้นและกาไรสุทธิของผลติ ภณั ฑ์กาแฟดริปสาเรจ็ รปู ตามตารางท่ี 4.17 ดงั นี้ (หน่วย:บาท) รายการ ปีท่ี 0 ปที ี 1 ปที ่ี 2 ปีที่ 3-10 1. รายได้ 1.1 รายได้จากการจาหนา่ ย 886,080.00 1,181,440.00 1,476,800.00 รวมรายได้ 886,080.00 1,181,440.00 1,476,800.00 2 คา่ ใชจ้ า่ ย 2.1 คา่ ใช้จ่ายในการลงทุน 550,190.00 2.2 ต้นทุนการผลิต 518,104.00 670,407.00 822,710.00 รวมคา่ ใชจ้ า่ ย 550,190.00 518,104.00 670,407.00 822,710.00 กาไรข้นั ต้น 367,976.00 511,033.00 654,090.00 อัตรากาไรขนั ตน้ (รอ้ ยละ) 41.53 43.26 44.29 3.1 ค่าใช้จ่ายในการขายและ 24,000 24,000 24,000 บริหาร กาไรสุทธิ (550,190.00) 343,976.00 487,033.00 630,090.00 อตั รากาไรสทุ ธิ (รอ้ ยละ) 38.82 41.22 42.67 ตารางที่ 4.17 แสดงประมาณการรายได้ ค่าใช้จา่ ย กาไรขนั ต้น อัตรากาไรขันต้น กาไรสุทธิ และอัตรา กาไรสุทธิ ในการแปรรปู ผลติ ภณั ฑก์ าแฟดริปสาเรจ็ รปู จากตารางที่ 4.17 พบว่าผลติ ภัณฑ์ผลติ ภณั ฑ์กาแฟดรปิ มกี าไรขนั้ ตน้ เทา่ กับ 367,976.00 บาท ในปีที่ 1 (อัตราการผลิตร้อยละ 60) มีกาไรข้ันต้นเท่ากับ 511,033.00 บาท ในปีที่ 2 (อัตราการผลิตร้อยละ 80) และ มีกาไรขั้นต้นเท่ากับ 654,090.00 ในปีท่ี 3 – 10 (อัตราการผลิตร้อยละ 100) คิดเป็นอัตรากาไร ขนั้ ต้นร้อยละ 41.53 ในปที ี่ 1 (อตั ราการผลติ รอ้ ยละ 60) รอ้ ยละ 43.26 ปที ่ี 2 (อัตราการผลิตรอ้ ยละ 80) และร้อยละ 44.29 ในปที ่ี 3 – 10 (อตั ราการผลิตรอ้ ยละ 100) และมีกาไรสุทธเิ ทา่ กับ 343,976.00 บาท ในปีที่ 1 (อัตราการผลิตรอ้ ยละ 60) มีกาไรสทุ ธิเทา่ กบั 487,033.00 บาท ในปีท่ี 2 (อตั ราการผลิตรอ้ ยละ 80) และ มีกาไรสุทธิเท่ากบั 630,090.00 ในปีท่ี 3 – 10 (อัตราการผลิตร้อยละ 100) คิดเป็นอัตรากาไร สุทธิรอ้ ยละ 38.82 ในปีที่ 1 (อตั ราการผลติ ร้อยละ 60) ร้อยละ 41.22 ปีที่ 2 (อัตราการผลิตร้อย ละ 80) และ รอ้ ยละ 42.67 ในปีที่ 3 – 10 (อตั ราการผลิตรอ้ ยละ 100)

73 (หน่วย:บาท) ปี ผลตอบแทน คา่ ใช้จ่าย ผลตอบแทนสทุ ธิ 0 550,190.00 (550,190.00) 1 886,080.00 518,104.00 367,976.00 2 1,181,440.00 670,407.00 511,033.00 3 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 4 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 5 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 6 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 7 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 8 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 9 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 10 1,476,800.00 822,710.00 654,090.00 รวม 13,881,920.00 8,320,381.00 5,561,539.00 ตารางท่ี 4.18 แสดง ผลตอบแทนสุทธิของการลงทุนจากปริมาณการผลิต 100 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลในข้างต้นดังแสดงในตาราง 4.18 พบว่า จากการคานวณผลตอบแทนจาการลงทุน ผลติ ผลิตภัณฑก์ าแฟดริปสาเร็จรปู ณ อตั ราคดิ ลด ร้อยละ 6.875% ตอ่ ปี (อัตราดอกเบย้ี เงนิ กยู้ มื ธนาคาร เพ่อื การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)) โดยการกาหนดอายโุ ครงการเปน็ ระยะเวลา 10 ปี ในปีที่ 1 (อัตราการผลิตร้อยละ 60) ในปีท่ี 2 (อัตราการผลิตร้อยละ 80) และ ในปีที่ 3 – 10 (อัตราการผลิต ร้อยละ 100) สามารถวิเคราะห์ไดด้ ังนี้ มลู คา่ ปัจจบุ นั สทุ ธิ (NPV) เทา่ กับ 3,677,574.37 บาท อตั ราสว่ นรายไดต้ อ่ ค่าใช้จ่าย (BCR) 1.78 อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ (IRR) 88 เปอร์เซน็ ต์ ระยะเวลาคนื ทุนประมาณ 1 ปี 5 เดือน 8 วนั ผลการวเิ คราะห์แสดงให้เหน็ ว่า ผลตอบแทนทางการเงนิ ของการลงทุนผลติ ผลิตภัณฑ์กาแฟดริป สาเร็จรูป เป็นท่ียอมรับและมีความเหมาะสมในการลงทุน เน่ืองจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับ

74 3,602,002.67 บาท ซ่ึงมีค่าเป็นบวก ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่ เกิดข้ึน เมื่อมีการคิดลดให้เป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิตลอดอายุโครงการแล้วก่อให้เกิดกาไรสุทธิขึ้น สาหรับ อัตราส่วนรายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1.78 นั่นหมายความว่า หากมีการลงทุน 1 บาท ผลตอบแทนทีไ่ ด้รับจะเท่ากบั 1.78 บาท ซงึ่ มสี ว่ นต่างทีเ่ ป็นกาไร 1.78 – 1 เทา่ กบั 0.78 บาท และอัตรา ผลตอบแทนจากการลงทุน คิดเปน็ 88 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซงึ่ มีค่ามากกว่า อัตราดอกเบย้ี เงนิ ก้ยู มื คอื 6.875 ถอื วา่ ไม่เป็นการเสยี โอกาสจากการลงทนุ แสดงให้เหน็ ว่าโครงการน้ีมีความคุ้มค่าในการลงทุน หากพจิ ารณา ระยะเวลาคืนทนุ (Payback Period: PB) ได้ประมาณ 1 ปี 5 เดือน 8 วัน หมายถึง ระยะเวลาของการ ลงทนุ ทกี่ ระแสเงินสดรบั สทุ ธจิ ากโครงการเท่ากับกระแสเงินสดจ่ายสุทธิ ในระยะเวลาดังกลา่ ว ซ่งึ จะทาให้ การลงทุนไม่มีกาไรและไม่ขาดทุน ผู้ลงทุนต้องดาเนินโครงการมากกว่าระยะเวลาท่ีได้ถึงจะถือว่าเกิดผล กาไร การวเิ คราะห์ความออ่ นไหวของการลงทุน การวิเคราะห์โครงการมีเปล่ียนแปลงไป ผู้ศึกษาจึงศึกษาถึงความอ่อนไหวของโครงการ โดยจะ กาหนด สมมุติฐานที่ว่าหากรายได้และค่าใช้จ่ายมีการเปล่ียนแปลงไปจากเดิม จะทาให้ผลตอบแทนของ โครงการเปลยี่ นแปลงไปอย่างไร ซ่งึ ปจั จัยตา่ งๆ ท่ีผู้ศกึ ษากาหนดให้มีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงของโครงการ คือผลตอบแทนและค่าใช้จ่าย โดยสมมุตกิ ารตัดสนิ ใจภายใต้สภาวะความเสีย่ งทส่ี าคญั 3 ประการ ดงั นี้ 1. สมมุติใหผ้ ลตอบแทนลดลง โดยเกิดจากปริมาณการผลิตลดลง 10 เปอร์เซน็ ต์ 2. สมมุติให้ค่าใช้จ่ายสูงข้ึน โดยเกิดจากราคาของวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงข้ึน 10 เปอร์เซ็นต์ 3. สมมุตใิ ห้ ผลตอบแทนลดลง และ ค่าใชจ้ า่ ยสูงขึ้น ในชว่ งเวลาเดยี วกัน โดยผลตอบแทนลดลง 10 เปอรเ์ ซ็นต์ ค่าใช้จา่ ยสูงขึน้ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ โดยการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการท้งั สามประการ ผวู้ จิ ยั จะพจิ ารณาว่าผลตอบแทนท่ไี ด้เป็นไป ตามหลกั เกณฑ์ของตัวชี้วดั ท้ัง 3 ตวั ขา้ งต้น โดยใช้หลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณา ดงั นี้ 1. วิธมี ลู ค่าปัจจุบันสทุ ธิ (NPV) มคี ่ามากกวา่ ศูนย์ 2. อตั ราผลตอบแทนตอ่ ค่าใชจ้ า่ ย (BCR) มีค่ามากกวา่ หน่งึ 3. อัตราผลตอบแทนท่แี ทจ้ รงิ (IRR) มีค่ามากกว่าค่าเสียโอกาสของทนุ 1. สมมตุ ใิ ห้ผลตอบแทนลดลง โดยเกดิ จากปริมาณการผลิตลดลง 10 เปอร์เซ็นต์

75 (หน่วย:บาท) ปี ผลตอบแทน ค่าใช้จ่าย ผลตอบแทนสทุ ธิ 0 1 550,190.00 (550,190.00) 2 3 797,472.00 518,104.00 279,368.00 4 5 1,063,296.00 670,407.00 392,889.00 6 7 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 8 9 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 10 รวมทงั สนิ 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 1,329,120.00 822,710.00 506,410.00 12,493,728.00 8,320,381.00 4,173,347.00 ตารางท่ี 4.19 ผลตอบแทนสทุ ธขิ องการลงทนุ จากปรมิ าณการผลิตลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลในข้างต้นดังแสดงในตาราง 4.19 จากการคานวณผลตอบแทนจาการลงทุนผลิต ผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ สาเร็จรูป ณ อัตราคิดลด ร้อยละ 6.875% ตอ่ ปี (อัตราดอกเบยี้ เงนิ กู้ยืมธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)) โดยการกาหนดอายุโครงการเป็นระยะเวลา 10 ปี ในปีที่ 1 (อตั ราการผลิตร้อยละ 60) ในปที ่ี 2 (อัตราการผลิตรอ้ ยละ 80) และ ในปีที่ 3 – 10 (อตั ราการผลิตร้อย ละ 100) สมมุติให้ผลตอบแทนลดลง โดยเกดิ จากปรมิ าณการผลติ ลดลง 10 เปอร์เซน็ ต์ สามารถวิเคราะห์ ได้ดงั นี้ จากขอ้ มลู ในขา้ งต้น พบวา่ จากการคานวณผลตอบแทนจาการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป โดย สมมุติให้ผลตอบแทน ลดลง โดยเกิดจากปริมาณการผลิตลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ ณ อัตราคิดลด ร้อยละ 6.875% ต่อปี โดยการ กาหนดอายุโครงการเป็นระยะเวลา 10 ปีในปีท่ี 1 (อัตราการผลิตร้อยละ 60) ในปีที่ 2 (อัตราการผลิต ร้อยละ 80) และ ในปีที่ 3 – 10 (อตั ราการผลติ ร้อยละ 100) สามารถวเิ คราะห์ มลู คา่ ปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับ 2,715,442.23 บาท อัตราส่วนรายไดต้ อ่ ค่าใชจ้ า่ ย (BCR) 1.61 อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ (IRR) 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระยะเวลาคนื ทนุ ประมาณ 1 ปี 8 เดือน 8 วัน

76 ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนทางการเงินของการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟด รปิ สาเร็จรูป เปน็ ที่ยอมรับและมคี วามเหมาะสมในการลงทนุ เนอ่ื งจากมลู คา่ ปจั จบุ นั สุทธิ (NPV) เท่ากับ 2,715,442.23 บาท ซ่ึงมีค่าเป็นบวก ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขน้ึ เมอ่ื มกี ารคดิ ลดใหเ้ ปน็ มูลค่าปัจจุบันสุทธิตลอดอายุโครงการแลว้ ก่อให้เกิดกาไรสทุ ธขิ นึ้ สาหรับอตั ราส่วน รายไดต้ ่อคา่ ใช้จา่ ย (BCR) มีค่าเท่ากบั 1.61น่นั หมายความวา่ หากมกี ารลงทุน 1 บาท ผลตอบแทนท่ีได้รับ จะเท่ากับ 1.61บาท ซ่ึง มีส่วนตา่ งท่เี ปน็ กาไร 1.61– 1 เท่ากับ 0.61 บาท และอัตราผลตอบแทนจากการ ลงทุน คดิ เป็น 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซึง่ มคี ่ามากกว่า อตั ราดอกเบ้ยี เงินกยู้ ืม คอื ร้อยละ 6.875 ถือวา่ ไมเ่ ปน็ การ เสียโอกาสจากการลงทุน แสดงใหเ้ หน็ วา่ โครงการน้ีมีความค้มุ ค่าในการลงทุน หากพจิ ารณาระยะเวลาคืน ทุน (Payback Period: PB) ไดป้ ระมาณ 1 ปี 8 เดือน 8 วัน หมายถึง ระยะเวลาของการลงทุนท่ีกระแส เงนิ สดรบั สุทธิจากโครงการเทา่ กับกระแสเงนิ สดจ่ายสุทธิ ในระยะเวลาดังกล่าว ซ่งึ จะทาใหก้ ารลงทุนไม่มี กาไรและไม่ขาดทุน ผู้ลงทนุ ต้องดาเนนิ โครงการมากกว่าระยะเวลาทีไ่ ด้ถึงจะถอื วา่ เกดิ ผลกาไร เม่ือทาการทดสอบ Switching Value Test เพ่ือทดสอบว่าถ้ารายได้ลดลง ร้อยละเท่าใด ณ ระดับผลตอบแทนคงท่ี ท่ีทาให้มลู ค่าปจั จบุ ันสทุ ธิ (NPV) เท่ากบั ศูนย์ อัตราสว่ นรายไดต้ ่อค่าใชจ้ า่ ย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1 และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มีค่าเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมคือ ร้อยละ 6.875 โดยจะเปน็ ระดับการลงทนุ ของกลมุ่ มีกาไรสุทธิเท่ากับ 0 บาท เน่อื งจากเป็นจดุ ท่ีผลตอบแทนและ คา่ ใช้จ่ายมคี ่าเทา่ กนั ซึ่งจากการทดสอบ Switching Value Test พบว่า ถา้ รายได้ลดลง ณ ระดับรอ้ ยละ 38.22 จะทาให้ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับศูนย์ อัตราส่วนรายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1 และ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มีคา่ เทา่ กับอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ยืมคือ ร้อยละ 6.875 ดังนน้ั หากมี ถ้ารายไดล้ ดลง (ตลอดอายุโครงการ 10 ปี) จากเดมิ อีกรอ้ ยละ 38.22 เพิ่มขนึ้ ประมาณ 5,307,058.22 บาท โดยมคี า่ ใชจ้ า่ ยคงที่ ทาใหโ้ ครงการนไี้ ม่มคี วามคุ้มคา่ ในการลงทุน 2. สมมตุ ิใหค้ า่ ใช้จ่ายสงู ข้ึน โดยเกดิ จากราคาของวตั ถดุ บิ คา่ ใช้จ่ายในการผลติ สูงข้ึน 10 เปอรเ์ ซ็นต์

77 (หน่วย:บาท) ปี ผลตอบแทน ค่าใช้จา่ ย ผลตอบแทนสุทธิ 0 1 550,190.00 (550,190.00) 2 3 886,080.00 569,914.40 316,165.60 4 5 1,181,440.00 737,447.70 443,992.30 6 7 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 8 9 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 10 รวมทงั สิน 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 1,476,800.00 904,981.00 571,819.00 13,881,920.00 9,097,400.10 4,784,519.90 ตารางท่ี 4.20 ผลตอบแทนสทุ ธขิ องการลงทุนจากคา่ ใช้จา่ ยในการผลติ สงู ขนึ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ จากข้อมูลในข้างต้น จากข้อมูลในข้างต้นดังแสดงในตาราง 4.20 พบว่า จากการคานวณผลตอบแทนจา การลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป ณ อัตราคิดลด ร้อยละ 6.875% ต่อปี (อัตราดอกเบ้ียเงิน กยู้ มื ธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)) โดยการกาหนดอายุโครงการเปน็ ระยะเวลา 10 ปี โดยสมมุติให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น โดยเกิดจากราคาของวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงข้ึน 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ ในปีท่ี 1 (อัตราการผลิตรอ้ ยละ 60) ในปที ่ี 2 (อัตราการผลติ ร้อยละ 80) และ ในปที ี่ 3 – 10 (อตั ราการผลิตรอ้ ยละ 100) สามารถวเิ คราะห์ได้ดังน้ี มูลค่าปจั จบุ ันสุทธิ (NPV) เทา่ กับ 3,138,218.67 บาท อัตราส่วนรายไดต้ ่อค่าใช้จา่ ย (BCR) 1.62 อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ (IRR) 78 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระยะเวลาคืนทนุ ประมาณ 1 ปี 6 เดือน 10 วนั ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนทางการเงินของการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟด ริปสาเร็จรูป เปน็ ท่ียอมรบั และมีความเหมาะสมในการลงทุน เนอื่ งจากมลู ค่าปัจจบุ นั สุทธิ (NPV) เท่ากับ

78 3,138,218.67 บาทซ่ึงมีค่าเป็นบวก ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึน เมอ่ื มีการคิดลดใหเ้ ป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิตลอดอายุโครงการแลว้ ก่อให้เกิดกาไรสุทธิขึ้น สาหรับอัตราส่วน รายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1.62 นั่นหมายความว่า หากมีการลงทุน 1 บาท ผลตอบแทนที่ ได้รับจะเท่ากับ 1.62 บาท ซึ่ง มีส่วนต่างที่เป็นกาไร 1.62 – 1 เท่ากับ 0.62 บาท และอัตราผลตอบแทน จากการลงทุน คิดเป็น 78 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซง่ึ มีค่ามากกวา่ อัตราดอกเบย้ี เงินกู้ยมื คอื 6.875 ถือว่าไม่เปน็ การ เสียโอกาสจากการลงทุน แสดงใหเ้ ห็นว่าโครงการน้ีมีความคุ้มคา่ ในการลงทนุ หากพจิ ารณาระยะเวลาคืน ทุน (Payback Period: PB) ได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน 10 วัน หมายถึง ระยะเวลาของการลงทุนที่ กระแสเงินสดรับสุทธิจากโครงการเท่ากับกระแสเงินสดจ่ายสุทธิ ในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งจะทาให้การ ลงทนุ ไมม่ กี าไรและไมข่ าดทุน ผลู้ งทนุ ต้องดาเนนิ โครงการมากกวา่ ระยะเวลาทไ่ี ด้ถงึ จะถือว่าเกิดผลกาไร เม่ือทาการทดสอบ Switching Value Test เพ่ือทดสอบว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละเท่าใด ณ ระดับผลตอบแทนคงท่ี ทท่ี าให้มลู คา่ ปจั จบุ นั สุทธิ (NPV) เทา่ กับศนู ย์ อัตราส่วนรายได้ต่อคา่ ใชจ้ ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1 และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มีค่าเท่ากับอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ยืมคือ ร้อยละ 6.875 โดยจะเป็นระดับการลงทนุ ของกลมุ่ มกี าไรสุทธิเท่ากับ 0 บาท เนือ่ งจากเป็นจดุ ท่ีผลตอบแทนและ คา่ ใช้จา่ ยมีค่าเทา่ กนั ซ่ึงจากการทดสอบ Switching Value Test พบว่า ถ้าค่าใช้จ่ายเพ่ิมขึ้น ณ ระดับร้อยละ 66.78 จะทาให้ มลู คา่ ปจั จุบนั สทุ ธิ (NPV) เท่ากบั ศนู ย์ อัตราสว่ นรายไดต้ ่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1 และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มีค่าเท่ากับอัตราดอกเบย้ี เงนิ กยู้ ืมคือ ร้อยละ 6.875 ดังน้ัน หากมคี า่ ใช้จา่ ยเพิ่มขนึ้ (ตลอดอายโุ ครงการ 10 ป)ี จากเดมิ อกี ประมาณรอ้ ยละ 68.18 (เพ่มิ ข้ึนประมาณ 5,297,716.22 บาท ณ ผลตอบแทนคงท่ี จะทาใหโ้ ครงการนีไ้ ม่มคี วามคุม้ คา่ ในการลงทุน

79 3. สมมุติให้ ผลตอบแทนลดลง และ คา่ ใชจ้ า่ ยสูงขึน้ ในชว่ งเวลาเดียวกัน โดยผลตอบแทนลดลง 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ค่าใช้จ่ายสงู ข้นึ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ (หนว่ ย:บาท) ปี ผลตอบแทน ค่าใชจ้ า่ ย ผลตอบแทนสุทธิ 0 1 550,190.00 (550,190.00) 2 3 797,472.00 569,914.40 227,557.60 4 5 1,063,296.00 737,447.70 325,848.30 6 7 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 8 9 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 10 รวมทงั สนิ 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 1,329,120.00 904,981.00 424,139.00 12,493,728.00 9,097,400.10 3,396,327.90 ตารางที่ 4.21 ผลตอบแทนสุทธิของการลงทนุ จากผลตอบแทนลดลง 10 เปอรเ์ ซ็นต์ คา่ ใชจ้ ่ายสูงขึน 10 เปอร์เซน็ ต์ จากขอ้ มลู ในข้างตน้ จากขอ้ มูลในข้างต้นดงั แสดงในตาราง 4.21 พบว่า จากการคานวณผลตอบแทนจาการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปสาเร็จรูป ณ อัตราคิดลด รอ้ ยละ 6.875% ต่อปี โดยการกาหนดอายโุ ครงการเป็นระยะเวลา 10 ปี สมมตุ ิให้ ผลตอบแทนลดลง และ คา่ ใชจ้ ่ายสงู ขนึ้ ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยผลตอบแทนลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ขน้ึ 10 เปอร์เซ็นต์ ในปีท่ี 1 (อตั ราการผลิตรอ้ ยละ 60) ในปีท่ี 2 (อตั ราการผลติ ร้อยละ 80) และ ในปีท่ี 3 – 10 (อตั ราการ ผลิตร้อยละ 100) สามารถวิเคราะห์ได้ดงั น้ี มลู ค่าปจั จุบนั สทุ ธิ (NPV) เท่ากบั 2,176,086.53 บาท อัตราส่วนรายได้ตอ่ ค่าใชจ้ ่าย (BCR) 1.46 อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ (IRR) 0.59 เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลาคนื ทุนประมาณ 1 ปี 11 เดอื น 26 วัน

80 ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนทางการเงินของการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟด ริปสาเร็จรูป เปน็ ท่ียอมรับและมคี วามเหมาะสมในการลงทุน เนือ่ งจากมูลคา่ ปจั จุบันสุทธิ (NPV) เทา่ กับ 2,176,086.53 บาท ซ่ึงมีค่าเป็นบวก ซ่ึงหมายถึงผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขน้ึ เมือ่ มีการคิดลดใหเ้ ป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิตลอดอายุโครงการแลว้ กอ่ ให้เกิดกาไรสทุ ธขิ น้ึ สาหรบั อตั ราส่วน รายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1.46 นั่นหมายความว่า หากมีการลงทุน 1 บาท ผลตอบแทนที่ ได้รับจะเท่ากับ 1.46 บาท ซ่ึง มีส่วนต่างที่เป็นกาไร 1.46 – 1 เท่ากับ 0.46 บาท และอัตราผลตอบแทน จากการลงทนุ คิดเปน็ 59 เปอร์เซน็ ต์ ซึ่งมีค่ามากกวา่ อตั ราดอกเบ้ยี เงนิ ก้ยู มื คอื 6.875 ถือวา่ ไมเ่ ปน็ การ เสยี โอกาสจากการลงทุน แสดงใหเ้ ห็นวา่ โครงการนี้มีความคมุ้ ค่าในการลงทนุ หากพิจารณาระยะเวลาคนื ทนุ (Payback Period: PB) ไดป้ ระมาณ 1 ปี 11 เดอื น 26 วัน หมายถงึ ระยะเวลาของการลงทนุ ที่กระแสเงนิ สดรบั สุทธจิ ากโครงการเทา่ กบั กระแสเงนิ สดจ่ายสทุ ธิ ใน ระยะเวลาดงั กล่าว ซ่ึงจะทาให้การลงทุนไม่มกี าไรและไมข่ าดทุน ผู้ลงทุนตอ้ งดาเนินโครงการมากกวา่ ระยะเวลาทไ่ี ด้ถึงจะถือวา่ เกิดผลกาไร เมื่อทาการทดสอบ Switching Value Test เพ่ือทดสอบว่าค่าใช้จ่ายเพ่ิมข้ึนร้อยละเท่าใด และ รายได้ลดลง ณ ระดับร้อยละเท่าใด ณ ระดับผลตอบแทนคงท่ี ท่ีทาให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เทา่ กบั ศูนย์ อัตราสว่ นรายไดต้ ่อค่าใชจ้ า่ ย (BCR) มคี ่าเทา่ กับ 1 และอัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ (IRR) มีค่าเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมคือ ร้อยละ 6.875 โดยจะเป็นระดับการลงทุนของกลุ่มมีกาไรสุทธิ เท่ากบั 0 บาท เน่ืองจากเปน็ จุดทผ่ี ลตอบแทนและคา่ ใช้จ่ายมีคา่ เทา่ กัน ซ่ึงจากการทดสอบ Switching Value Test พบว่า ถ้าค่าใช้จ่ายเพ่ิมขึ้น ประมาณ ร้อยละ 24.5 และรายไดล้ ดลงประมาณร้อยละ 24.5 จะทาให้ มลู คา่ ปัจจบุ ันสทุ ธิ (NPV) เทา่ กบั ศนู ย์ อัตราสว่ น รายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1 และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มีค่าเท่ากับอัตรา ดอกเบ้ียเงินกู้ยืมคือ ร้อยละ 6.875 ดังน้ันหากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มข้ึนจากเดิมอีกร้อยละ 25 (ประมาณ 1,903,696.80 บาท) รายได้ลดลงร้อยละ 25 (ประมาณ 3,401,070.40 บาท) ทาใหโ้ ครงการนี้ไม่มีความ คมุ้ คา่ ในการลงทุน

81 บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอเสนอแนะ การวจิ ยั เรือ่ ง ต้นทนุ การพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟ จังหวดั นา่ น เป็นการวิจัยเชิงคณุ ภาพทเี่ ป็น การโดยใชก้ ารสัมภาษณ์เชงิ ลึกแบบกึ่งโครงสร้าง (In-depth interview se-mi structure) จาก ผลการวจิ ัย ทาให้ทราบขอเทจ็ จริงซ่งึ ควรนามาอภปิ รายดังต่อไปน้ี สรปุ ผลการวจิ ัยและอภิปรายผล “จังหวัดน่าน” ถือเป็นอีกจังหวัดท่ีมีการปลูกกาแฟ และพัฒนาสายพันธ์ุกันอย่างจริงจัง โดยขอ้ มลู จากเกษตรจังหวัดน่าน กลา่ วถึง กาแฟ เป็นพชื เศรษฐกจิ ทีส่ รา้ งรายได้ใหจ้ งั หวดั นา่ น มพี นื้ ท่ี แหล่งปลูกขนาดใหญ่ของประเทศ มีอัตราการเติบโตปีละ 10% ส่วนใหญ่ปลูกในพน้ื ท่ีป่าและพนื้ ทส่ี ูง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และทาให้มีช่ือเสียง โดยปี 2561 สร้างรายได้ให้จังหวัดประมาณ 382.5 ล้านบาท ปัจจุบันมีพ้ืนท่ีปลูกกาแฟท้ังหมด 22,500 ไร่ เกษตรกร 2,400 ราย ครอบคลุมพ้ืนที่ 15 อาเภอ ปลูก มากสุดท่ี อาเภอท่าวังผา 5,500 ไร่ รองลงมา อาเภอสองแคว 3,400 ไร่ อาเภอบ่อเกลือ 2,700 ไร่ ตามลาดบั แบ่งเปน็ พันธอุ์ ราบกิ ้า 16,700 ไร่ เกษตรกร 1,700 ราย และพันธุ์โรบสั ต้า 5,800 ไร่ การ ปลูกกาแฟในจังหวัดน่าน ในปี 2561 มีผลผลิตกาแฟ 497 ผลผลิต(ตัน) เน้ือที่เก็บเก่ียว 4,440 (ไร)่ และเมือ่ พจิ ารณาจากข้อมูลการผลติ กาแฟทัง้ ประเทศ จงั หวัดน่านยงั มีอนั ดบั ผลผลติ กาแฟในปี 2562 เป็นอันดับ 7 ของประเทศ โดยมีผลิต ถึง 483 ตัน เน้ือที่เก็บเก่ียว 4,440 (ไร่) ท่ีมา : สานักงาน เศรษฐกจิ การเกษตร | สนิ ค้าเกษตรกาแฟ (2562) ธุรกิจกาแฟค่ัวบด มีแนวโน้มเติบโตซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคท่ีมกี ารบรโิ ภคกาแฟ คั่วบดมากข้ึน จึงทาให้ธุรกิจรา้ นกาแฟมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ท้ังในเมืองและต่างจังหวัด รวมถงึ ผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาประกอบธรุ กิจในประเทศไทย จึงใหค้ าดการณไ์ ดว้ ่าตลาดกาแฟในไทย ยงั คงเติบโตต่อเนื่อง ขณะน้ีแนวโนม้ การบรโิ ภคกาแฟของคนร่นุ ใหม่ วัยหน่มุ สาวของไทยเรม่ิ ขยายตัว เพมิ่ มากข้นึ จงึ ทาใหค้ าดวา่ ธุรกจิ กาแฟในภาพรวมจะเตบิ โตต่อไปได้ เพื่อแก้ปัญหาผลติ ภัณฑ์กาแฟใน ตลาดในประเทศยังไม่หลากหลาย และรองรับการด่ืมกาแฟของคนไทยทั้งในรูปกาแฟค่ัวบดหรือ กาแฟสาเร็จรปู ท่มี แี นวโน้มเพิม่ ขนึ้ หากสามารถสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ท่ีเป็น นวตั กรรมใหม่ เชน่ กาแฟดริป เพ่ือโน้มน้าวจิตใจของผู้บริโภคให้มาซ้อื ของตน ดว้ ยรสชาตทิ ีห่ อมกลม กลอ่ มและดม่ื ง่าย แถมยังดตี อ่ สุขภาพของกาแฟดรปิ เพราะกาแฟดริปสว่ นใหญจ่ ะใช้กาแฟค่วั อ่อน-คั่ว กลาง ขณะคว่ั จะไม่เกิดการไหม้ (สารก่อมะเรง็ ) แถมสารอาหารและวิตามินในเมล็ดกาแฟยังคงอยู่ ผู้

82 ศึกษาเห็นความสาคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริป จากเมล็ดกาแฟสายพันธ์อาราบิก้า ที่เป็น วัตถุดิบท่ีสาคัญในการแปรรูป ต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริปเพ่ือเพิ่มมูลค่าให้กับกาแฟของ เกษตรกรทางภาคเหนือน้ันเพ่ือการตอบสนองการแก้ไขประเด็นปัญหา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ เพื่อใชข้ อ้ มูลเปน็ แนวทางในการตัดสินใจ เปรยี บเทยี บ ในการวางแผนการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟให้เกิด ประโยชน์สูงสุด ในการศึกษาคร้ังน้ี มีขอบเขตของโครงการวิจัย โดยผู้วิจัยจะทาการศึกษาข้อมูลต้นทุนการ พัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริป โดยมีรายละเอียดดังนี้ เก็บข้อมูล ต้นทุน การผลิตของผลิตภัณฑ์เพ่ือ จัดเกบ็ ข้อมูลวตั ถุดิบ คา่ แรง ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิต ท้ังทางตรงและทางออ้ ม การผลิตคิดเข้างานของแต่ ละผลิตภัณฑ์ และเก็บรวบรวมข้อมูลราคาขายของผลิตภัณฑ์กาแฟดริปจัดจาหน่ายในภูมิภาคเพอ่ื ใช้ ในการประมาณราคาขาย เพื่อคานวณผลตอบแทน คานวณ วิเคราะห์เปรียบข้อมูลต้นทุนและ ผลตอบแทนในการผลิต ผลิตภัณฑ์กาแฟดริป โดยการศึกษาในคร้ังน้ีจะกาหนดอายุของโครงการใน การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินจากการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปเป็นระยะเวลา 10 ปี ซ่ึงเป็น ระยะเวลาท่ีคิดตามระยะเวลาเส่ือมราคาของอายุการใช้งานของสินทรัพย์ถาวรประเภทเครื่องจักร โดยทวั่ ไป ท้ังน้ีขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาคร้งั นจี้ ะเปน็ ประโยชนส์ าหรับกลมุ่ เกษตรกร ประชาชนผู้สนใจ ท่ีใช้ข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจลงทุนในเรื่องของการแปรรูปพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟ รวมถึง หนว่ ยงานสนบั สนุนตา่ งๆ จะใช้เปน็ ข้อมลู ในการตัดสินใจร่วมกันพฒั นากลุ่มเกษตรกรต่อไป การผลิตผลติ ภัณฑก์ าแฟดริป มีข้ันตอนการผลติ คือวตั ถดุ ิบคือเมล็ดกาแฟสาร คอื เมลด็ กาแฟ ชนิดอราบิก้า (Green Arabica Coffee Bean) ท่ีได้จากการนาผลสุก โดยเริ่มจากเมล็ดกาแฟสาร หมายถึงเมล็ดกาแฟสดท่ีสุกซึ่งจะเรียกว่า “กาแฟเชอร์รี่” ท่ีผ่านการกะเทาะเปลือกและตากให้แห้ง สนทิ จะไดเ้ มล็ดกาแฟดิบ เรียกว่า \"กาแฟกะลา\" และกาแฟกะลานี้ ต้องนาไปลอกเปลือกออกอีกครั้ง ให้เป็น \"กาแฟสาร\" ในราคากิโลกรัมละ 180 – 220 บาท นามาค่ัวบด (น้าหนักกาแฟหลังคั่วบดจะ หายไป ร้อยละ 15 – 20 ข้ึนอยู่กับความชื้นของเมล็ดกาแฟสาร) จากน้ันนาไปบรรจุซองเยอื่ กระดาษ กรองหูเก่ียวขอบถ้วยที่บรรจุกาแฟ โดยมีการชั่งขนาดกาแฟบรรจุซองละ 12 กรัม โดยซีลซองกาแฟ โดยเครื่องซีลกาแฟบรรจุซองขณะที่บรรจุกาแฟ นาซองเยื่อกระดาษกรองหูเก่ียวขอบถ้วยท่ีบรรจุ กาแฟ ไปบรรจุซองฟอยล์สาหรับบรรจุซองเย่ือกระดาษกาแฟดริป และนาไปซีลโดยเคร่ืองซีลซอง ฟอยล์มีระบบฉีดแก๊สไนโตรเจนเพ่ือยืดอายุและรักษาความสดใหม่ของกาแฟคั่วบด จากน้ันจึงเอา กาแฟซองมาบรรจุกล่อง ในขนาดบรรจุ 5 กล่อง และ 10 กล่อง และทาการปิดสติกเกอร์ฉลากบน กล่อง และปิดผนึก อัตราการผลิต โดยใช้แรงงาน 2 คน จะมีอัตราการผลิตประมาณที่ 200 ซองต่อ วัน คิดเป็น 20 กล่องเล็ก หรือ 10 กล่องใหญ่ โดยการกาหนดราคาจาหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟดริป

83 สาเร็จรูป จากการอ้างอิงราคาจาหน่ายในท้องตลาด แยกเป็นชนิดกล่องบรรจุ 5 ซอง กล่องละ 150 บาท และ ชนิดกลอ่ งบรรจุ 10 ซอง กล่องละ 260 บาท ในการวิเคราะห์ด้านการเงินในการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริป โดยการกาหนด ผลตอบแทนในแตล่ ะปี โดยมีแผนการผลิตในปีท่ี 1 รอ้ ยละ 60 ในปีท่ี 2 รอ้ ยละ 80 และปที ี่ 3 – 10 จะ ทาการผลิตเต็มกาลังการผลิต ด้านค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ประเภทท่ี 1 คา่ ใช้จ่ายในการลงทุน ได้แก่คา่ อาคารและส่ิงปลกู สร้าง เครือ่ งจกั รและอปุ กรณ์การผลิต ไดแ้ ก่ เคร่อื ง ค่ัวกาแฟ เครื่องบดกาแฟ เครื่องซีลต่อเน่ือง (เคร่ืองรีดปากซอง) และประเภทท่ี 2 ค่าใช้จ่ายในการ ดาเนินงาน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการผลิต เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต และ คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและการบริหาร อัตรากาไร (%) 44.29 42.67 43.26 41.22 41.53 38.82 อัตรากาไรขนั้ ตน้ อตั รากาไรสทุ ธิ ปีที่ 3-10 ผลติ 100% ปีที่ 1 ผลิต 60% ปืท่ี 2 ผลติ 80% ภาพท่ี 5.1 แสดงอตั รากาไร/อัตรากาลังการผลิตผลติ ภัณฑ์กาแฟดรปิ ผลการวเิ คราะห์อตั รากาไรและผลตอบแทน ผลิตภัณฑก์ าแฟดรปิ เรยี งลาดบั อตั ราการผลติ ร้อยละ 60 รอ้ ยละ 80 และ รอ้ ยละ 100 โดยมอี ตั รากาไรขั้นต้นร้อยละ 41.53 ในปีที่ 1 ร้อยละ 43.26 ปีท่ี 2 (เพิ่มขึน้ รอ้ ยละ 1.73) และ รอ้ ยละ 44.29 ในปีที่ 3 – 10 (เพิ่มขนึ้ ร้อยละ 1.03) ตามลาดับอัตราการผลิต อัตรากาไรสุทธิร้อยละ 38.82 ในปที ่ี 1 รอ้ ยละ 41.22 ปที ่ี 2 (เพ่ิมขน้ึ รอ้ ยละ 2.40) และ รอ้ ยละ 42.67 ในปีท่ี 3 – 10 (เพมิ่ ขนึ้ ร้อยละ 1.45) ตามลาดับอัตราการผลิต จากอตั ราการผลิตเทยี บกับอตั รากาไรทเ่ี พิม่ ข้ึนแสดง ให้เห็นได้ว่าการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟดริปนน้ั ไม่ไดข้ ึน้ อยกู่ บั การผลิตทมี่ ากขนึ้ แล้วอตั รากาไรจะเพม่ิ ขึน้ สงู ขึน้ ตามอตั ราการผลิต เนอ่ื งมาจากการลงทุนผลิตผลิตภณั ฑ์กาแฟดรปิ ค่าใชจ้ ่ายในการลงทุนหรือ คา่ ใช้จ่ายคงทีม่ ีอัตราส่วนทน่ี อ้ ยเมือ่ เทยี บกับค่าใช้จ่ายผนั แปรที่แปรเปลี่ยนตามปริมาณการผลิตเมอื่ มี อัตรากาลงั การผลิตท่ีเหมาะสมจะสง่ ผลต่อการตัดสนิ ใจลงทนุ ทด่ี กี วา่ สรุปได้วา่ การลงทุนผลติ ผลิตภัณฑ์ในอตั รากาลงั การผลิตทเี่ หมาะสมจะส่งผลต่ออตั ราการทากาไร เกิดจากตน้ ทุนการผลิตผัน แปร และคงทท่ี ี่เหมาะสมสาหรับการผลิตผลติ ภัณฑน์ ี้ ผลู้ งทุนสามารถนาอัตรากาไรนี้ไปเปรยี บเทียบ

84 ในการตดั สนิ ใจผลิตเพอ่ื หาจุดอ่อนจดุ แข็งในการลงทนุ สอดคล้องกบั กชพร ศริ โิ ภคากจิ (2552) พบว่า การวิเคราะหค์ วามสามารถในการหากาไรของกิจการจะเป็นพื้นฐาน เปน็ ส่ิงทีว่ ัดผลการทางานของ ฝา่ ยบรหิ ารท่ีรบั ผดิ ชอบในความสาเรจ็ และความก้าวหน้าของกจิ การ โดยอตั ราส่วนท่ใี ช้ในการ วิเคราะห์ความสามารถในการหากาไรไดแ้ ก่ อตั รากาไรสุทธิ จะบอกใหท้ ราบถึงความสามารถในการ หากาไรของธุรกจิ ภายหลงั จากหักค่าใช้จา่ ยต่างตา่ ง แลว้ ถา้ อัตราสว่ นนต้ี า่ แสดงวา่ กิจการมี ผลตอบแทนสทุ ธิต่า ซ่ึงอาจเน่อื งมาจากยอดขายต่าหรอื ตน้ ทุนขายสูง หรือคา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน สูงกเ็ ปน็ ได้ เหน็ วา่ อตั ราส่วนความสามารถในการทากาไรเป็นอัตราสว่ นที่ใช้วัดความสามารถในการหา รายไดแ้ ละกาไรของกจิ การในช่วงระยะเวลาบญั ชีน้ันนน้ั ซงึ่ รายได้เปน็ ส่ิงทส่ี ะทอ้ นให้เหน็ ถึง ความสามารถในการกอ่ หนี้ ความสามารถในการเพมิ่ ทนุ สภาพคลอ่ งของกจิ การ รวมทง้ั ความสามารถ ในการเจรญิ เตบิ โตของธุรกจิ ดังนัน้ ทั้งเจา้ หน้ี ผู้ให้กยู้ มื และนักลงทุนจึงให้ความสนใจในการวเิ คราะห์ ความสามารถในการดาเนนิ งานของฝา่ ยบรหิ ารของกจิ การวา่ ดีเพียงใด อตั ราส่วนที่เก่ยี วขอ้ งกับการ วเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไร ผลการวเิ คราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นวา่ ผลตอบแทนทางการเงนิ ของการลงทนุ ผลติ ผลิตภัณฑก์ าแฟด รปิ สาเรจ็ รูป ตามอตั ราปกติ เป็นทีย่ อมรบั และมีความเหมาะสมในการลงทุน เน่ืองจากมูลค่าปัจจุบัน สทุ ธิ (NPV) เท่ากบั 3,602,002.67 บาท ซ่งึ มีค่าเปน็ บวก ซ่ึงหมายถงึ ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ สูงกว่าค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึน เมื่อมีการคิดลดให้เป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิตลอดอายุโครงการแล้วก่อให้เกดิ กาไรสุทธิขึ้น สาหรับอัตราส่วนรายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีค่าเท่ากับ 1.78 นั่นหมายความวา่ หากมี การลงทนุ 1 บาท ผลตอบแทนท่ไี ดร้ ับจะเทา่ กบั 1.78 บาท ซ่ึง มีส่วนตา่ งท่ีเป็นกาไร 1.78 – 1 เทา่ กับ 0.78 บาท และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) คิดเป็น 88 เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงมีค่ามากกว่า อัตรา ดอกเบ้ียเงินกู้ยืม คือ 6.875 ถือว่าไม่เป็นการเสียโอกาสจากการลงทุน แสดงให้เห็นว่าโครงการน้ีมี ความคุ้มค่าในการลงทุน หากพิจารณาระยะเวลาคนื ทนุ (Payback Period: PB) ไดป้ ระมาณ 1 ปี 5 เดือน 8 วัน หมายถงึ ระยะเวลาของการลงทุนท่กี ระแสเงนิ สดรับสุทธจิ ากโครงการเท่ากับกระแสเงิน สดจ่ายสุทธิ ในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งจะทาให้การลงทุนไม่มีกาไรและไม่ขาดทุน ผู้ลงทุนต้องดาเนิน โครงการมากกว่าระยะเวลาที่ได้ถึงจะถือว่าเกิดผลกาไรซ่ึงถือว่าเป็นโครงการท่ีสามารถคืนทุนได้ ระยะเวลาทส่ี น้ั และอตั ราสว่ นผลตอบแทน อตั ราส่วนรายได้และค่าใช้จ่ายที่สูง (ราคาขายผลิตภัณฑ์ มาราคาสูงเม่ือเทียบกับต้นทุนการผลิต) เน่ืองจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่มีวงจร การตลาดเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกระแสรักสุขภาพและความงามยังคงเป็นปัจจัยสาคัญที่ผลักดันให้ ตลาดสินค้าเพ่ือสุขภาพ และยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท้ังน้ี ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ เป็นคนรุ่นใหม่ท่ีเปล่ียนแปลงอยู่เสมอทาให้ความต้องการสินค้าเพ่ือสุขภาพ ผลิตภัณฑ์กาแฟดริปจะ สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้มาก สอดคลอ้ งกบั Musebe R. O. et al. (2011) ได้ศึกษาต้นทุน และประสิทธิภาพของการใช้วิธีผลิตกาแฟแบบ hand pulpers ในเอธิโอเปีย: การวิเคราะห์ต้นทุน – ผลตอบแทน พบวา่ ในเอธโิ อเปยี การสง่ เสริมวิธกี ารผลิตแบบ hand pulpers เพื่อปรับปรงุ คุณภาพของ กาแฟแปรรูป ได้รับประสิทธิภาพท่ีดี โดยมีอัตราส่วนต้นทุนผลประโยชน์ 1.2 อัตราผลตอบแทน IRR 28.37% และมูลค่าปัจจุบันสุทธิ 1,231 เหรียญสหรัฐ นอกจากน้ี Krishna L. P. et al. (2009) ได้

85 ศกึ ษาการวิเคราะหง์ บประมาณทนุ ของการผลติ กาแฟแบบอนิ ทรีย์ในเขตกัลมีของเนปาลบทความวิจัย นี้มีวัตถุประสงค์เพ่อื ตรวจสอบสภาพปัจจุบันของการทากาแฟออร์แกนกิ ในภูมิภาคกลางเนนิ เขาของ ประเทศเนปาลพบว่ามีความเป็นไปได้ทางการเงนิ ที่สูง คุ้มค่าในการลงทุนในประเทศเนปาลสามารถ สรา้ งความไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขนั จากกาแฟออร์แกนิกดว้ ยการสร้างตลาดเฉพาะ ตัวชี้วดั ทางการเงิน แสดงให้เห็นถึงผลกาไรทางเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างย่ังยืนในการสร้างรายได้ให้กับประชากร ผู้ผลิตในชนบท ตัวชี้วัดทางการเงินท่ีบริหารคืออัตราส่วนรายได้ต่อค่าใช้จ่าย (B / C), มูลค่าปัจจุบัน สุทธิ (NPV) เท่ากับ 67,763.58 อัตราผลตอบแทน (IRR เท่ากับ 43.47%), และระยะเวลาคืนทุน 6 ปี (PP) นอกจากนี้การลงทุนทเ่ี ปลยี่ นแปลงไปผู้ศกึ ษาจึงศกึ ษาถึงความออ่ นไหวของโครงการ โดยจะ กาหนด สมมุติฐานท่ีว่าหากรายได้และค่าใช้จ่ายมีการเปล่ียนแปลงไปจากเดิม จะทาให้ผลตอบแทน ของโครงการเปล่ียนแปลงไปอย่างไร ซึ่งปัจจัยต่างต่าง ท่ีผู้ศึกษากาหนดให้มีผลต่อการเปล่ียนแปลง ของโครงการ คือผลตอบแทนและค่าใช้จ่าย โดยสมมุติการตัดสินใจภายใต้สภาวะความเสี่ยงที่สาคัญ โดยกาหนดปัจจัยเสีย่ ง 3 กรณีจากการผลติ ปกตดิ ังน้ี สมมตุ ิให้ 1. ผลตอบแทนลดลง 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ 2. ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ 3. ผลตอบแทนลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ และ ค่าใช้จ่ายสูงข้ึน 10 เปอรเ์ ซ็นต์ NPV BCR IRR PB การเปล่ยี นแปลงของโครงการ (บาท) (เทา่ ) (เปอรเ์ ซนต)์ (ระยะเวลาคืนทนุ ) 1. อตั ราการผลิตปกติ 3,677,574.37 1.78 88 1 ปี 5 เดือน 8 วนั 2. ผลตอบแทนลดลง 10 2,715,447.23 1.61 70 1 ปี 8 เดือน 8 วัน เปอรเ์ ซ็นต์ 3,137,218.67 1.62 78 1 ปี 6 เดือน 10 วัน 3. คา่ ใช้จา่ ยสูงขึ้น 10 2,176,086.53 1.46 59 1 ปี 11 เดือน 26 วนั เปอรเ์ ซ็นต์ 4. ผลตอบแทนลดลง และ ค่าใช้จา่ ยสงู ขน้ึ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ ตารางท่ี 5.1 แสดงมูลคา่ มูลค่าปจั จบุ ันสุทธิ (NPV) อัตราส่วนรายได้ตอ่ คา่ ใชจ้ า่ ย (BCR) มีอตั รา ผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR) และระยะเวลาคืนทุน (Payback Period: PB) จากการ เปล่ยี นแปลงของโครงการในการแปรรูปผลิตภัณฑก์ าแฟดริปสาเรจ็ รูป

86 NPV (บาท) 4,000,000.00 3,677,574.37 3,137,218.67 3,500,000.00 2,715,447.23 2,176,086.53 3,000,000.00 2,500,000.00 2,000,000.00 1,500,000.00 1,000,000.00 500,000.00 - ภาพที่ 5.2 แสดงมลู ค่าปัจจุบันสทุ ธิ (NPV) BCR (เท่า) 1.78 1.61 1.62 1.46 2 1.5 1 0.5 0 อัตราปกติ ผลตอบแทนลดลง 10 ค่าใชจ้ า่ ยสงู ขนึ้ 10 ผลตอบแทนลดลง และ เปอรเ์ ซ็นต์ เปอรเ์ ซน็ ต์ คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ขนึ้ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ ภาพท่ี 5.3 แสดงอตั ราส่วนรายไดต้ ่อคา่ ใชจ้ ่าย (BCR)

87 IRR (เปอร์เซนต์) 88% 100 70% 78% 59% 80 60 40 20 0 อตั ราปกติ ผลตอบแทนลดลง 10 คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ขนึ้ 10 ผลตอบแทนลดลง และ เปอรเ์ ซน็ ต์ เปอรเ์ ซน็ ต์ คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ขนึ้ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ ภาพท่ี 5.4 แสดงอตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) PB (ระยะเวลาคืนทนุ ) 1 ปี 11 เดือน 26 วนั 1 ปี 6 เดือน 10 วนั ผลตอบแทนลดลง และ ค่าใชจ้ า่ ยสงู ขนึ้ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ขนึ้ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ 1 ปี 8 เดือน 8 วัน 1 ปี 5 เดือน 8 วัน ผลตอบแทนลดลง 10 เปอรเ์ ซ็นต์ อตั ราการผลิตปกติ 1.5 2 2.5 0 0.5 1 ภาพที่ 5.5 แสดงระยะเวลาคืนทุน (Payback Period: PB) ผลการวิเคราะห์ความออ่ นไหวของโครงการลงทุน (Sensitivity Analysis)

88 เพื่อหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากตัวแปรต่างๆ ท่ีมีผลต่อความเสี่ยงและความไม่ แน่นอนในการลงทุน การวิเคราะหโ์ ครงการตามสถานการณ์ที่กาหนดโดยกาหนดปัจจัยเสี่ยง 3 กรณี จากการผลิตปกติ 1.ผลตอบแทนลดลง 10 เปอร์เซน็ ต์ 2.ค่าใชจ้ า่ ยในการผลติ สงู ข้ึน 10 เปอรเ์ ซ็นต์ 3. ผลตอบแทนลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ และ ค่าใช้จ่ายสูงข้ึน 10 เปอร์เซ็นต์ โดยการปรับสถานการณ์ ดังกล่าว พบว่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อัตราส่วนรายได้ต่อค่าใช้จ่าย (BCR) มีอัตราผลตอบแทน จากการลงทนุ (IRR) และระยะเวลาคนื ทนุ (Payback Period: PB) ยังมผี ลการประเมนิ จากโครงการ ที่ดี (ตามตาราง 5.1) และเม่ือแสดงการเปรยี บเทียบ การวิเคราะห์โครงการตามสถานการณ์ (ตามภาพ ที่ 5.2 - 5.4) แสดงให้เห็นว่า ผลการวิเคราะห์ ผลตอบแทนทางการเงินของการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์ กาแฟดริปสาเร็จรูป เป็นที่ยอมรับในโครงการลงทุน เนื่องจากโครงการมีความเป็นไปได้ในการลงทุน ในทุกสถานการณ์ ค่าท่ีคานวณได้จึงมีค่าเป็นบวกและคุ้มค่าในการลงทุน โดยเฉพาะค่าที่คานวณไดม้ ี ค่าสูงแสดงว่าความเส่ียงภัยในโครงการอยู่ในระดับต่าเมื่อเปรียบเทียบตามสถานการณ์แล้ว พบว่า สถานการณ์รายได้ที่ลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ มีผลกระทบต่อโครงการลงทุนมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ค่าใช้จ่ายสูงข้ึน 10 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นโครงการนี้จึงต้องให้ความสาคัญต่อการควบคุมยอดขายและ ราคาขายของผลติ ภัณฑ์ ดังนั้นหากมีการลงทนุ เกิดขน้ึ จรงิ การรักษาระดับยอดขายราคาและค่าใช้จ่าย ในการลงทนุ ให้เปน็ ไปตามที่ประมาณค่าไว้ จะมคี วามสาคัญต่อการตดั สนิ ใจผลติ ผลติ ภัณฑก์ าแฟดริป สาเร็จรูป ในขณะเดียวการการควบคุมการดาเนินงานมีความยืดหยุ่นสูง (ผลตอบแทนลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ และ ค่าใช้จ่ายสูงข้ึน 10 เปอร์เซ็นต์) ผลการดาเนินงานยังเป็นผลบวก โครงการน้ีจึง เหมาะสมอย่างยิ่งในการลงทุนผลิต สอดคล้องกับ ปิยะพงษ์ แสงแก้ว, รณกร สร้อยนาค และ วรรณ ภา ทองแดง (2562) พบวา่ เม่อื วิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis) ของโครงการท่ีมีต่อ คา่ ใชจ้ า่ ยในการลงทนุ ปรมิ าณ ขาย และราคาจาหน่ายแลว้ จะพบวา่ โครงการลงทุนในธรุ กจิ ขนมจีน อบแห้งมีความอ่อนไหวต่อ ปริมาณขายมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ราคาสินค้าและค่าใช้จ่ายในการ ลงทุน และนอกจากนี้ Krishna L. P. et al. (2009) ได้ทาการวิเคราะห์ความอ่อนไหวเพ่ือทานาย วิวัฒนาการของตัวชี้วดั ข้างต้น พบว่าภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ความแปรปรวนของผลผลิตและ ราคานาเข้า และช่องทางการตลาด มผี ลกระทบต่อการลงทนุ ผลการวิเคราะห์การทดสอบ Switching Value Test เม่ือทาการทดสอบ Switching Value Test เพ่ือทดสอบว่า กรณีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ เท่าใด ณ ระดับผลตอบแทนคงที่ กรณีผลตอบแทนลดลง ค่าใชค้ งที่ หรอื กรณที ้งั ผลตอบแทนลดลง และค่าใช้จ่ายคงที่ เป็นจานวนเท่าไหร่จะทาให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับศูนย์ อัตราส่วน รายไดต้ ่อค่าใชจ้ ่าย (BCR) มีคา่ เทา่ กบั 1 และอตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มคี ่าเท่ากับอัตรา ดอกเบ้ียเงินกู้ยืมคือ ร้อยละ 6.875 โดยจะเป็นระดับการลงทุนของกลุ่มมีกาไรสุทธิเท่ากับ 0 บาท เนอื่ งจากเปน็ จดุ ท่ีผลตอบแทนและค่าใช้จา่ ยมคี ่าเทา่ กนั

89 การทดสอบ Switching Value Test โดยกาหนดให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มข้ึนเพียงอย่างเดียว พบว่า ถา้ ค่าใช้จ่ายเพมิ่ ขน้ึ ณ ระดับรอ้ ยละ 68.18 (ประมาณ 5,297,716.22 บาท) ณ ผลตอบแทน คงท่ี จึงจะทาใหโ้ ครงการนี้ไมม่ ีความคุ้มค่าในการลงทุน กาหนดใหร้ ายไดล้ ดลงเพยี งอย่างเดียวพบว่า ถ้ารายได้ลดลง ณ ระดับร้อยละ 38.22 (ประมาณ 5,307,058.02 บาท) ค่าใช้จ่ายคงท่ี จึงจะทาให้ โครงการน้ีไม่มีความคุ้มค่าในการลงทุน และ กาหนดให้รายได้ลดลง และค่าใช้จ่ายเพ่ิมขึ้นพบว่า ถ้า ค่าใช้จ่ายเพิม่ ขนึ้ ประมาณ รอ้ ยละ 24.50 (ประมาณ 1,903,696.80 บาท) และรายได้ลดลงประมาณ ร้อยละ 24.50 (ประมาณ 3,401,070.40 บาท) จึงจะทาให้โครงการนี้ไม่มีความคุ้มค่าในการลงทนุ จากการวเิ คราะห์อัตรารายได้และค่าใช้จ่ายที่ยืดหย่นุ ได้ดงั กล่าวของการลงทุนท่ีกระแสเงินสดรับสุทธิ จากโครงการเท่ากับกระแสเงนิ สดจ่ายสุทธิ ในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งจะทาให้การลงทุนไม่มีกาไรและ ไม่ขาดทุน ผู้ลงทุนต้องดาเนินโครงการให้ได้มากกว่าอัตราที่ได้ถึงจะถือว่าเกิดผลกาไร ดังน้ันการ ตัดสินใจลงทุนจะต้องคานึงถึงค่าท่ีคานวณได้ โดยควบคุมรายได้และค่าใช้จ่ายไม่ให้เกินอัตราค่าที่ คานวณได้ ความเส่ียงภัยในโครงการจะอยู่ในระดับต่า แต่เน่ืองจากการศึกษาในคร้ังนี้เป็นการศึกษา ทางการเงนิ เท่านั้น จึงเป็นตัวชี้วัดไดเ้ พยี งส่วนเดียว การตัดสินใจปัจจัยอื่นเพ่ือประกอบการตัดสนิ ใจ เชน่ วธิ ีการผลติ การ ตลาด ความผนั ผวนของตลาดและประสิทธิภาพการผลิตประกอบดว้ ย ข้อเสนอแนะในการทาวิจยั ครั้งต่อไป ผู้วิจัยได้นาผลจากการการวิเคราะห์ข้อมูลมาเป็นแนวทางในการพิจารณา เพ่ือ เป็น ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจยั ครงั้ ต่อไป ดงั น้ี 1. อัตราส่วนลดที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คิดลดจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส. ณ ปัจจุบันมีค่าเท่ากับ 6.875% ซ่ึงอัตราดอกเบ้ียเงินกูย้ ืม ของแตล่ ะสถาบนั การเงนิ อาจจะไม่เท่ากัน หรอื อาจจะเปล่ียนแปลงข้นึ ลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ดังน้ัน การศึกษาเพิ่มเติมอาจจะต้องใหค้ วามสนใจต่ออัตราสว่ นลดทใี่ ช้ในการศกึ ษา 2. กรณีการศึกษาถึงความอ่อนไหวของโครงการ โดยจะกาหนด สมมุติฐานที่ว่าหากรายได้ และค่าใช้จ่ายมกี ารเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จะทาให้ผลตอบแทนของโครงการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งปัจจัยต่างๆ ท่ีผู้ศึกษากาหนดให้มีผลต่อการเปล่ียนแปลงของโครงการ คือผลตอบแทนและ ค่าใช้จ่าย โดยสมมุติการตัดสินใจภายใต้สภาวะความเส่ียงคือ สมมุติให้ผลตอบแทนลดลง และ ค่าใช้จ่ายสูงข้ึน ในกรณีต่างๆ ซ่ึงในอนาคตอาจะมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลกระทบต่อการวิเคราะห์ทาง การเงนิ หากปจั จยั เหล่านั้นเปล่ียนแปลงไป งานวจิ ยั ในอนาคตอาจจะมีการประเมนิ ความเปน็ ไปได้ตาม การเปลยี่ นแปลงของปัจจัยต่างๆ เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกับความเป็นจรงิ เชงิ เศรษฐกจิ มากทสี่ ุด 3. ขอ้ มลู ทีไ่ ด้ในการวจิ ัยสามารถนาผลการวิจยั ไปใช้ในการถา่ ยทอดให้สาหรับเกษตรกรผู้ผลิต กาแฟในจังหวัดน่านเพื่อใช้เป็นช่องทางในการนาผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟมาสร้างมูลค่าเพิ่มของเมล็ด กาแฟ เมื่อสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ถือเป็นการสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟใน จังหวัดน่าน และเป็นการสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟให้แก่ผู้บริโภคและ นกั ท่องเท่ยี ว 4. สาหรับการทาวิจัยคร้ังต่อไปในส่วนของการนาผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟมาสร้างมูลค่าเพ่ิม อาจจะเพ่ิมความหลากหลายในตัวผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการผสมของเมล็ดกาแฟ เพื่อรสชาติที่

90 หลากหลาย หรอื เพมิ่ ผลติ ภัณฑใ์ หมๆ่ เช่น กาแฟสกดั เยน็ หรือโคลดบ์ รวิ (Cold brew) กาแฟแคปซูล เพ่ือเป็นการการพัฒนาผลติ ภัณฑ์เพม่ิ ทางเลือกใหก้ บั ผู้บริโภค 5. สาหรับการทาวิจัยครั้งต่อไปในส่วนของการศึกษาประโยชน์การใช้เปลือกและกากกาแฟ มาสร้างมูลค่าเพ่ิม โดยการคดิ ค้นผลิตภัณฑ์จากกากกาแฟ เช่นนากากกาแฟมาพฒั นาเปน็ บรรจุภัณฑ์ ย่อยสลายได้ หรือทาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่นสบู่กากกาแฟขัดผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากกาก กาแฟ เพอ่ื เป็นการเพิ่มทางเลอื กให้กับเกษตรกรผู้ผลิตเมลด็ กาแฟ 6. สาหรับการทาวิจัยคร้ังต่อไปด้านความเป็นไปได้ทางการตลาด การขยายตลาดถือเป็น อุปสรรค เน่ืองจากผลิตภัณฑ์กาแฟดรปิ ยังถอื ว่าใหม่ในท้องตลาด ดังน้ันการพฒั นาทางช่องทางด้าน การตลาดอยา่ งต่อเนื่อง เช่นการใหค้ วามรูท้ างดา้ นเทคโนโลยี ดา้ นการสือ่ สาร การพฒั นาจากรูปแบบ การตลาดที่ทันสมัย เช่น การตลาดออนไลน์ และการพัฒนาทางด้านภาษาต่างชาติสาหรับ ผู้ประกอบการเพ่อื พัฒนาสนิ ค้าใหใ้ ห้มจี ุดเด่น จดุ ขายใหเ้ ป็นทรี่ จู้ ักอย่างแพรห่ ลาย นอกจากนี้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ การมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และยอมรับจาก กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ก่อให้เกิดกระบวนการท่ีทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมและการส่งเสริมจากภาครัฐซึ่งมที งั้ การแลกเปล่ียน เรียนรู้ ศึกษาดูงาน ตลอดจนได้พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และพัฒนากระบวนการ ผลิตไปด้วย การสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานั้นเป็นแนวทางท่ีจะทาให้เพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตของผ้ผู ลติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook