รายงานวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ เร่ือง การสร้างสรรค์สอื่ ประชาสมั พันธ์แบบมสี ว่ นรว่ มของชุมชนบา้ นแม่สนู นอ้ ย ตาบลแมส่ ูน อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ The Creating of Public Relations Media with Participatory of Ban Mae Soon Noi Community, Mae Soon Subdistrict, Fang District, Chiang Mai Province. โดย จนั ทร์จิรา นที ไดร้ บั ทุนอดุ หนนุ จากมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา งบประมาณแผน่ ดิน ประจาปี 2562
รายงานวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์ เร่ือง การสร้างสรรค์สอื่ ประชาสมั พันธ์แบบมีสว่ นรว่ มของชุมชนบา้ นแม่สนู นอ้ ย ตาบลแมส่ ูน อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ The Creating of Public Relations Media with Participatory of Ban Mae Soon Noi Community, Mae Soon Subdistrict, Fang District, Chiang Mai Province. โดย จนั ทรจ์ ริ า นที ไดร้ บั ทุนอดุ หนนุ จากมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา งบประมาณแผน่ ดิน ประจาปี 2562
ชอื่ งานวิจยั : การสรา้ งสรรค์สือ่ ประชาสัมพันธ์แบบมสี ่วนรว่ มของชุมชนบา้ นแม่สูนนอ้ ย ตาบลแม่สนู อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ผ้วู จิ ัย : นางจนั ทร์จิรา นที หวั หน้าโครงการ - ผู้ร่วมวจิ ยั สาขาวชิ า : ออกแบบสือ่ สาร สาขาการออกแบบ คณะศลิ ปกรรมและสถาปตั ยกรรม- ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่ ปีงบประมาณ : 2562 บทคัดยอ่ การวิจัยเรื่องน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือออกแบบและศึกษาความพึงพอใจต่อการออกแบบส่ือ ประชาสัมพันธ์ของชุมชนบ้านแม่สูนน้อยได้แก่ การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางและการออกแบบ วิดีโอประชาสมั พันธ์ กล่มุ เปา้ หมายเป็นนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อายุ 25-40 ปี เครื่องมือที่ใช้ในการ วิจัยคือ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการออกแบบส่ือประชาสัมพันธ์ของชุมชนบ้านแม่สูนน้อย ดาเนินการวิจัยโดย ศึกษาการจัดการข้อมูลชุมชน การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทาง การออกแบบ วิดีโอประชาสัมพันธ์ กลุ่มเป้าหมาย นามากาหนดแนวความคิดโดยชุมชนมีส่วนร่วม ร่างแบบ 3 แบบใหช้ ุมชนเลอื ก 1 แบบ นาไปพัฒนาและออกแบบป้ายโฆษณาข้างทาง การเขียนโครงเรื่องโดย ชุมชนมีส่วนร่วม จัดทาแบบร่างเล่าเร่ือง กาหนดนักแสดง ถ่ายทา ตัดต่อวิดีโอ จากนั้นจัดทา แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายประเมินความพึงพอใจต่อการ ออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ของชุมชนบ้านแม่สูนน้อย และนาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ผล โดยใช้สถิติ ค่าเฉล่ีย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) หลังจากนั้นนาผลการ วเิ คราะห์ขอ้ มลู มาปรบั ปรงุ แกไ้ ขและนาไปผลติ เปน็ ผลงานสมบูรณ์ ผลการวจิ ยั พบว่า 1) การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ของชุมชนบา้ นแมส่ นู น้อยประกอบด้วย ปา้ ยโฆษณา ขา้ งทางขนาด 120 ซม.X240 ซม.จานวน 15 ป้าย และส่ือวิดโี อประชาสมั พันธจ์ านวน 1 เรอื่ ง 2) กลุ่มเปา้ หมายมรี ะดับความพงึ พอใจต่อการออกแบบสื่อประชาสมั พนั ธ์ของชุมชนบ้าน แม่สูนนอ้ ย อยู่ในระดับความพงึ พอใจมาก (x¯=4.19) สามารถนาผลงานไปใชไ้ ดจ้ รงิ และสง่ เสริม การท่องเท่ียวใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพได้ ก
Title of research The Creating of Public Relations Media with Participatory of Ban Mae Soon Noi Community, Mae Soon Subdistrict, Researcher Fang District, Chiang Mai Province. Major Mrs. Janjira Natee Fiscal Year Communication Design. Faculty of Arts and Architecture Rajamangala University of Technology Lanna. Chiang Mai. 2019. Abstract This research aimed to designing and studying about the satisfaction of Roadside billboards and Public relations Video for Ban Mae-Soon-Noi community. The target groups were the eco tourists age around 25 to 40 years old. The research instruments consisted of Questionnaires. The Methodology of this research were study about the Organization of Mae-Soon-Noi Community, Concept of design Participatory by community, Image scale, 3 Sketch design for Roadside billboards and community choose 1 sketch to develop and design Roadside billboards, Script writing Participatory by community, Actor shooting and making Video. After that, designing the questionnaire which divided in 5 rating scales and all open-ended questions. for evaluation about the pleasure of medias. The data were analyzed by mean (x¯) and standard deviation (S.D.) And then, developing the result of data analysis and revised it until the complete work. The result showed that : 1) The Creating of Public Relations Media of Ban Mae-Soon-Noi Community consists of 15 Roadside billboards size 120X240 cm. and Public relations Video 1 story 2) The overall Satisfaction of the tourist groups about Public relations media were high level (x¯=4.19) Which presented that the community can used it for real and have a potential for promoting tourism. ข
กิตติกรรมประกาศ การสร้างสรรคส์ อื่ ประชาสัมพนั ธ์แบบมสี ่วนร่วมของชมุ ชนบ้านแม่สูนนอ้ ย ตาบลแมส่ ูน อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากงบประมาณแผ่นดิน ผู้วิจัย ขอขอบคุณ คุณวันชาติ ศิริภัทรนุกูล นายกองค์การบริหารส่วนตาบลแม่สูน คุณเจริญ วงค์ มหาวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านแม่สูนน้อย อาจารย์ทองสุข สมบูรณ์ ครูชานาญการโรงเรียน ฝางชนูปถัมภ์ คุณสหรัฐ ทาราช ประธานกลุ่มโฮมสเตย์บ้านแม่สูนน้อย คุณจันทร์ดี สมบูรณ์ เจ้าของโฮมสเตย์บ้านจันทร์ดี ที่ให้ที่พักเวลาไปลงพ้ืนที่เก็บข้อมูลและสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึง ชาวบ้านในชุมชนแม่สูนน้อยทุกคน นักศึกษารุ่นท่ี 26 หลักสูตรออกแบบส่ือสาร สาขาการ ออกแบบ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และ ทุกหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือให้งานวิจัยชิ้นนี้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เนื่องจากได้รับข้อคิดเห็น รวมทั้งแหล่งข้อมูลจากหลายสถานท่ี ตลอดจนขั้นตอนการปฏิบัติงานก็ด้วยความอนุเคราะห์ สนับสนุน และความรว่ มมอื จากทกุ ฝา่ ย ผวู้ ิจยั จงึ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ค
สารบัญ หนา้ บทคัดย่อ ก กติ ติกรรมประกาศ ค สารบญั ง สารบัญภาพ ฉ สารบัญตาราง ซ บทท่ี 1 บทนา 1 ความเปน็ มาและความสาคัญของการวจิ ัย 2 วตั ถุประสงค์การวจิ ัย 2 กรอบแนวคิดงานวิจยั 2 ประโยชน์ของการวจิ ัย 3 ขอบเขตการวจิ ัย 3 นยิ ามศพั ท์ บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎีและงานวิจัยทีเ่ กยี่ วข้อง 4 ความเป็นมาของชมุ ชนบา้ นแมส่ นู น้อย 14 กลมุ่ เป้าหมาย 14 การวางแผนภาพลกั ษณ์ 18 ความคดิ สร้างสรรค์ 23 การประชาสมั พนั ธ์ 26 การออกแบบป้ายโฆษณาขา้ งทาง 29 การออกแบบสื่อวดิ โี อประชาสัมพนั ธ์ 35 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ในการออกแบบ 36 งานวิจัยท่เี กยี่ วข้อง บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจยั 42 วิธีการวิจัย 74 เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั 74 การเก็บข้อมูล 74 การวิเคราะห์ขอ้ มลู การวจิ ัย บทท่ี 4 ผลการวิจัย 76 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ง
สารบญั (ตอ่ ) หนา้ บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 79 สรปุ ผลการวิจยั 80 อภปิ รายผล 80 ขอ้ เสนอแนะ บรรณานกุ รม 82 ภาคผนวก 86 ภาคผนวก ก. แบบสอบถามความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะสาหรับการออกแบบ ป้ายโฆษณาขา้ งทางของชมุ ชนบ้านแมส่ ูนนอ้ ย 88 93 ภาคผนวก ข. แบบประเมนิ ส่ือประชาสมั พันธ์ชุมชนบา้ นแม่สนู นอ้ ย ภาคผนวก ค. การสง่ สอื่ ประชาสมั พนั ธ์ใหก้ ับชมุ ชนบ้านแม่สูนนอ้ ย ประวัตผิ ู้วิจัย 94 จ
ภาพท่ี สารบัญภาพ หนา้ ภาพท่ี 1 แสดงวัดวิเวกการาม 6 ภาพท่ี 2 แสดงพระธาตุทนั ใจ พระธาตเุ กา่ แก่ของตาบลแม่สนู 7 ภาพท่ี 3 แสดงพระปางอมุ้ บาตร 7 ภาพท่ี 4 แสดงสวนผลไม้ 8 ภาพที่ 5 แสดงเดนิ ป่าสารวจเสน้ ทางทางธรรมชาติ 8 ภาพที่ 6 แสดงดอกกระโถนฤาษี 9 ภาพท่ี 7 แสดงนาตกโปง่ นาดัง 9 ภาพท่ี 8 แสดงนาตกและธารนาหนิ ปนู 10 ภาพท่ี 9 แสดงโฮมสเตย์บา้ นแม่สูนน้อย 10 ภาพท่ี 10 แสดงการแช่เทา้ กจิ กรรมในโฮมสเตย์บา้ นแม่สนู น้อย 11 ภาพที่ 11 แสดงแหลง่ เรยี นรทู้ างศลิ ปะ 11 ภาพที่ 12 แสดงแหลง่ เรยี นรู้การจัดการขยะกลับมาใช้ใหม่ 12 ภาพที่ 13 แสดงผลิตภณั ฑ์จากวสั ดเุ หลอื ใช้ 12 ภาพท่ี 14 แสดงแหลง่ เรียนร้งู านหตั ถกรรมกระเป๋าปกั 13 ภาพท่ี 15 แสดงงานหัตถกรรมกระเป๋าปักมอื 13 ภาพที่ 16 แสดงแหล่งเรยี นรู้การทาไม้กวาด 14 ภาพที่ 17 แสดงการแบง่ สตี ามบคุ ลิกภาพของ ชิเกโนบุ โคบายาชิ 15 ภาพท่ี 18 แสดงสีท่ใี ช้ในงานออกแบบ 17 ภาพท่ี 19 แสดงไอคอลโปรแกรม Adobe Photoshop 35 ภาพท่ี 20 แสดงไอคอลโปรแกรม Adobe Illustrator 36 ภาพท่ี 21 แสดงไอคอลโปรแกรม Adobe Premiere Pro 36 ภาพท่ี 22 แสดงการลงพืนทเี่ พ่ือศกึ ษาข้อมลู 42 ภาพที่ 23 แผนทช่ี ุมชนบ้านแมส่ นู น้อย 43 ภาพที่ 24 แสดงการเดินทางเพอ่ื เกบ็ ข้อมูล 43 ภาพที่ 25 แสดงการเลอื กใช้สีจาก Image scale 44 ภาพที่ 26 แบบร่างปา้ ยโฆษณาขา้ งทางแบบท่ี 1 46 ภาพที่ 27 แบบร่างปา้ ยโฆษณาข้างทางแบบท่ี 2 47 ภาพที่ 28 แบบรา่ งป้ายโฆษณาขา้ งทางแบบท่ี 3 48 ภาพที่ 29 การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทางชินท่ี 1 50 ภาพท่ี 30 การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางชินท่ี 2 51 ภาพท่ี 31 การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทางชนิ ท่ี 3 52 ภาพที่ 32 การออกแบบป้ายโฆษณาขา้ งทางชินที่ 4 53 ภาพที่ 33 การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทางชนิ ท่ี 5 54 ฉ
ภาพท่ี สารบัญภาพ (ต่อ) หนา้ ภาพที่ 34 การออกแบบปา้ ยโฆษณาขา้ งทางชินท่ี 6 55 ภาพท่ี 35 การออกแบบปา้ ยโฆษณาขา้ งทางชนิ ท่ี 7 56 ภาพที่ 36 การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางชนิ ท่ี 8 57 ภาพท่ี 37 การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางชินที่ 9 58 ภาพท่ี 38 การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทางชนิ ท่ี 10 59 ภาพที่ 39 การออกแบบปา้ ยโฆษณาขา้ งทางชินที่ 11 60 ภาพท่ี 40 การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทางชนิ ที่ 12 61 ภาพท่ี 41 การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางชินท่ี 13 62 ภาพที่ 42 การออกแบบป้ายโฆษณาขา้ งทางชนิ ท่ี 14 63 ภาพที่ 43 การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทางชนิ ที่ 15 64 ภาพที่ 44 แสดงการผลติ ป้ายโฆษณาข้างทาง 65 ภาพท่ี 45 แสดงการตดิ ตังป้ายโฆษณาข้างทางชนิ ที่ 1 65 ภาพท่ี 46 แสดงการตดิ ตังป้ายโฆษณาข้างทางชินท่ี 2 66 ภาพที่ 47 แสดงการติดตังปา้ ยโฆษณาข้างทางชนิ ที่ 3 67 ภาพที่ 48 แสดงการตดิ ตังป้ายโฆษณาข้างทางชินที่ 4 68 ภาพท่ี 49 แสดงการติดตังปา้ ยโฆษณาข้างทางชินที่ 5 69 ภาพท่ี 50 แสดงแบบจาลองสอ่ื วิดีโอประชาสัมพนั ธ์ชุมชนบ้านแมส่ ูนน้อย 72 ภาพที่ 51 แสดงการขนยา้ ยปา้ ยโฆษณาขา้ งทาง 91 ภาพที่ 52 แสดงการส่งมอบป้ายโฆษณาขา้ งทางและสือ่ วิดีโอประชาสัมพันธ์ 91 ภาพท่ี 53 แสดงปา้ ยโฆษณาข้างทางทังหมด 92 ภาพที่ 54 แสดงผวู้ ิจัยกับปา้ ยโฆษณาขา้ งทาง 92 ภาพที่ 55 แสดงการขนย้ายปา้ ยโฆษณาข้างทางขึนรถ อบต.แมส่ ูน 93 ภาพที่ 56 แสดงการขนย้ายปา้ ยโฆษณาขา้ งทางไปติดตัง 93 ช
สารบญั ตาราง หนา้ 76 ตารางที่ 77 1 แสดงความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายต่อการออกแบบปา้ ยโฆษณาขา้ งทาง ของชมุ ชนบา้ นแม่สูนน้อย 78 2 แสดงความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายตอ่ การออกแบบสอื่ วิดโี อประชาสัมพันธ์ ชมุ ชนบ้านแมส่ ูนน้อย 3 แสดงการสรุปความพึงพอใจของกลมุ่ เป้าหมายต่อสื่อประชาสมั พันธ์ ชุมชนบา้ นแม่สนู นอ้ ย ซ
1 บทท่ี 1 บทนำ 1. ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของกำรวิจัย บ้านแมส่ ูนน้อย ตั้งอยู่หมู่ท่ี 3 ของตาบลแม่สนู อาเภอฝาง จงั หวัดเชยี งใหม่ เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจ พอเพยี ง มีวิถีในการดารงชีวิตอย่างง่ายๆ มีทิศเหนือ จด บ้านห้วยงูใน ต.สันทราย ทิศใต้ จดหมู่ที่ 8 บ้าน เพชรไพฑูรย์ ทิศตะวันออก จดหมู่ท่ี 7 บ้านหนองยาว ทิศตะวันตก จดฐานปฏิบัติการทหาร สวนสนบ้าน หลวง มีประชากรท้ังสนิ้ 1,556 คน อาชพี หลักทาการเกษตรกรรม อาชีพเสรมิ รบั จ้าง และค้าขาย มีแหล่ง เรียนร้แู ละแหล่งทอ่ งเทยี่ วในหมู่บ้านได้แก่ พระธาตุทันใจ พระธาตุเก่าแก่ของตาบลแม่สูน และพระพุทธะ เมตตาปัญญาวิสุทธิคุณ พระปางอุ้มบาตร ชมภาพฝาผนังวิหารวัดวิเวกการาม ภาพวาดวิถีชีวิตคนเมือง ต้ังแต่การตั้งรกราก การดาเนินชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมต่างๆ เล่าเร่ืองผ่านภาพวาดของบรรพบุรุษบ้าน แมส่ นู นอ้ ย นา้ ตกโปง่ นา้ ดงั และธารน้าหินปูนที่เกิดจากการรวมกันของน้าเป็นลาน้าขนาดใหญ่ มีกิจกรรม ท่ีสามารถทาได้เช่น เดินป่า เล่นน้า ศึกษาธรรมชาติ มีแหล่งเรียนรู้มากกว่า 40 แหล่ง เช่นแหล่งเรียนรู้ การจัดการขยะนากลับมาใช้ใหม่ การใช้กระดาษเหลือใช้ ซองกาแฟ ซองน้ายาปรับผ้านุ่น ฯลฯ นามาทา ของเคร่ืองใช้ เช่น กระเป๋า ตุ้มหู ที่ใส่กระดาษชาระ แหล่งเรียนรู้ การตัดเย็บผ้า โดยการออกแบบเอง ทา เป็นกระเป๋า หลายขนาด นามาเป็นของชาร่วย ของท่ีระลึก และยังมีฝักฝางอาร์ทสตูดิโอ แอนด์ แกลลอร่ี ทส่ี ร้างสรรค์งานศิลป์ ของที่ระลกึ เส้ือ สมุด กระเป๋า พรอ้ มบ้านพกั โฮมสเตย์ ในบา้ นแม่สูนนอ้ ย แต่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักชุมชนบ้านแม่สูนน้อยและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทาให้ประชาชนใน ชมุ ชนขาดรายได้ในการขายสินคา้ เกษตรแบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง รายได้จากการเข้าพักโฮมสเตย์เพราะขาด ส่ือประชาสัมพันธ์และการประชาสัมพันธใ์ ห้เป็นท่ีรู้จกั กันอย่างแพร่หลาย ดังน้นั เพอื่ เป็นการแกป้ ญั หาช่วยให้นกั ท่องเท่ียวรู้จักและมาเย่ียมชม ศึกษาแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญา ชาวบ้าน ซื้อสินค้าเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง และเข้าพักโฮมสเตย์บ้านแม่สูนน้อย และขยายช่อง ทางการประชาสัมพันธ์ของหมู่บ้านสู่ภายนอกชุมชน โดยการนาหลักวิชาการท่ีเก่ียวข้องเข้ามาช่วย โดย การนาเทคโนโลยีท่ีทันสมัยเข้ามาแก้ไข ด้วยการสร้างสรรค์สื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งส่ือประชาสัมพันธ์ท่ี จดั ทาคอื ป้ายบอกทางประชาสมั พนั ธ์ชุมชนและวดิ ีโอประชาสัมพันธช์ มุ ชน สามารถนาเสนอภาพวิถีชีวิต ชุมชนในรูปแบบภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแล้ว ยังถือได้ว่า เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของความเป็นหมู่บ้านที่ทันสมัย ก้าวหน้า ทันความเจริญเติบโตทางด้าน เทคโนโลยีการส่ือสาร สามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเท่ียวได้ทุกท่ี ทุกเพศทุกวัย ทุกระดับการศึกษา มีความ ยดื หยนุ่ ในตวั เองเปน็ อยา่ งดี การออกแบบสามารถสร้างสรรค์รูปแบบภาพประกอบ ตลอดจนแนวทางการ ออกแบบกราฟิกไดอ้ ยา่ งอสิ ระ สวยงามโนม้ น้าวความรู้สกึ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี หากชุมชนบ้านแม่สูนน้อย มีการสร้างสรรค์ส่ือประชาสัมพันธ์ของหมู่บ้าน ซึ่งทาให้ชุมชนถูก เผยแพร่และกระจายข้อมูลข่าวสารของชุมชน ทาให้เพิ่มระดับความสามารถในการแข่งขัน ผู้ท่ีได้รับ ผลประโยชน์สูงสุดคือประชาชนในชุมชนและใกล้เคียงทุกคนท่ีมีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึน และยังสามารถ อนรุ กั ษ์สบื สานตอ่ ยอดภูมิปัญญาท้องถนิ่ จากแหล่งเรยี นรู้ใหเ้ ป็นที่รู้จกั ของคนท่วั โลกและอยู่สืบไปจนรุ่นลูก รุ่นหลาน และเปน็ พน้ื ฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจชมุ ชนให้มีชวี ิตความเป็นอยูท่ ี่ดขี นึ้ และย่ังยืนต่อไป
2 2. วตั ถปุ ระสงคก์ ำรวจิ ัย 1. เพื่อออกแบบสอ่ื ประชาสัมพนั ธ์ชมุ ชนบา้ นแม่สนู น้อย 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุม่ เปา้ หมายตอ่ ส่ือประชาสมั พนั ธ์ชมุ ชนบา้ นแมส่ ูนน้อย 3. กรอบแนวคดิ กำรวจิ ยั ความต้องการในการขยายช่องทางการประชาสัมพนั ธ์ชมุ ชนบ้านแมส่ นู น้อย ให้กลมุ่ เปา้ หมาย โครงการวจิ ัยการสรา้ งสรรค์ส่ือประชาสัมพนั ธ์แบบมสี ว่ นร่วมของชุมชนบ้านแมส่ นู น้อย ตาบลแม่สนู อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ รวบรวมขอ้ มลู ผลติ ภัณฑ์ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว กาหนดกลมุ่ ผู้บรโิ ภค กาหนดแนวความคิดในการออกแบบ วางแผนการออกแบบ การออกแบบและผลติ สอ่ื โฆษณาประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเทยี่ วชุมชนบ้านแม่สูนน้อยมีการขยายช่องทางการประชาสมั พนั ธ์ ชุมชนใหค้ ณุ คา่ และคุณภาพสูง ความสามารถในการพงึ่ พาตัวเองและสรา้ งรายได้ให้แกช่ ุมชนอย่างยงั้ ยืน 4. ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะไดร้ ับ 4.1 ได้สอ่ื ประชาสัมพนั ธ์ชมุ ชนบ้านแมส่ ูนน้อย ตาบลแม่สนู อาเภอฝาง จงั หวัดเชยี งใหม่ 4.2 ได้ผลความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายต่อส่ือประชาสมั พันธ์ชมุ ชนบ้านแมส่ นู นอ้ ย -
3 5. ขอบเขตกำรวจิ ัย 5.1 ขอบเขตเชิงปริมาณ 5.1.1 ดาเนินการออกแบบและผลิตป้ายโฆษณาขา้ งทางจานวน 15 ป้าย 5.1.2 ดาเนนิ การผลิตสื่อวดิ ีโอประชาสมั พันธ์ชุมชนบา้ นแม่สูนน้อยจานวน 1 เร่อื ง 5.2 ขอบเขตเชิงคณุ ภาพ 5.2.1 กลุม่ เปา้ หมายมีความพึงพอใจตอ่ การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางในระดับพึงพอใจ มาก 5.2.2 กลมุ่ เปา้ หมายมีความพึงพอใจต่อส่ือวดิ โี อประชาสมั พันธ์ชุมชนบา้ นแมส่ ูนน้อยในระดับ พึงพอใจมาก 6. นยิ ำมศพั ท์ กำรสร้ำงสรรคส์ อื่ โฆษณำประชำสมั พนั ธ์ หมายถึง การออกแบบส่ือโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ ประกอบดว้ ยการออกแบบปา้ ยโฆษณาขา้ งทางและสอ่ื วดิ ีโอประชาสัมพันธ์ชมุ ชนบา้ นแม่สูนนอ้ ย ป้ำยโฆษณำขำ้ งทำง (Roadside billboards) หมายถึง ป้ายไวนิวสข์ นาด 120x240 ซม.วาง แนวต้ัง ตดิ ตั้งตามทีส่ ญั จรบนทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 107 ตามระยะทางท่ีกาหนดไว้ในแตล่ ะปา้ ย มี โครงสร้างทาดว้ ยไม้ มเี นอื้ หาเกีย่ วกบั แหลง่ ท่องเทีย่ วชมุ ชน ภาพสถานท่ที ่องเท่ียว ระยะทางที่จะถงึ ชุมชนและเบอร์โทรติดต่อ ส่อื วดิ โี อประชำสัมพนั ธ์ (Public relations Video) หมายถงึ การนาเสนอภาพเคล่อื นไหวของ แหล่งท่องเทยี่ วเชงิ นเิ วศน์ แหล่งเกษตรกรรม แหลง่ วัฒนธรรม โฮมสเตย์และวิถีชีวิตชุมชนบ้านแม่สูนนอ้ ย นาเสนอความเป็นธรรมชาตทิ ่ีถ่ายทาจากสถานท่ีจริง แบบมีส่วนรว่ ม หมายถึง การระดมความคิดจากชุมชนบ้านแม่สนู น้อยเข้ามามสี ่วนรว่ มแสดง ความคิดเห็น ชุมชนบ้ำนแม่สูนน้อย หมายถึง บา้ นแม่สูนน้อย หมทู่ ี่ 3 ตาบลแมส่ นู อาเภอฝาง จังหวดั เชยี งใหม่
4 บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยทีเ่ กย่ี วข้อง การวิจัยเร่ือง การสร้างสรรค์ส่ือประชาสัมพันธ์แบบมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านแม่สูนน้อย ตาบลแม่สูน อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่นี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องเพื่อเป็น แนวทางในการวจิ ัยโดยมีหวั ข้อ ดังนี้ 1. ขอ้ มลู ชุมชนบ้านแมส่ นู น้อย ตาบลแมส่ ูน อาเภอฝาง จงั หวัดเชียงใหม่ 2. กลุ่มเปา้ หมาย 3. การวางแผนภาพลกั ษณ์ 4. ความคิดสร้างสรรค์ 5. การประชาสมั พนั ธ์ 6. การออกแบบปา้ ยโฆษณาข้างทาง 7. การออกแบบส่ือวิดีโอประชาสมั พนั ธ์ 8. โปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบ 9. ระบบพมิ พ์ 10. งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง 1. ขอ้ มูลชุมชนบ้านแมส่ นู นอ้ ย ตาบลแมส่ นู อาเภอฝาง จงั หวัดเชียงใหม่ เราเร่มิ รูจ้ ักคาว่าบ้านแมส่ นู ในสมยั เจา้ ของสรุ ิโยยศอยเู่ มอื งฝาง พ.ศ.2324 “แม่สูน” เป็นชื่อ ของแม่น้าสายหนึ่งมีแหล่งต้นกาเนิดจากภูเขาแดนลาว บริเวณติดต่อกับดอยอ่างขางไปทางทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้านแม่สูนน้อยประมาณ 15 กิโลเมตร ไหลจากทิศตะวันตกไปทิศ ตะวันออกแล้วไหลวกลงไปทางทิศใต้ บริเวณป่าต้นน้าและป่าใกล้ ๆ กับแม่น้ามีต้นไม้ชนิดหน่ึง ซึ่ง ราษฎรในทอ้ งถ่นิ เรยี กวา่ “ไม้สูน” มีลักษณะเป็นไม่ยืนต้นสูงใหญ่เปลือกหนา เปราะ ลักษณะของใบ เล็กและหนาคล้ายใบไม้ห้าดงดอกเล็กเป็นพวงมีสีเหลือง มีประโยชน์นาเปลือกมาตา หรือบดให้ ละเอียดใชท้ ากระด้ง “แมน่ ้าแม่สูนน้อย” เกดิ จากลาห้วย (ลาธาร) หลายสายไหลมารวมกัน ประกอบด้วยน้าซึม จากบริเวณน้าโจ้ห้วยปงตอง และห้วยบวกกว๋าง (เล่าสืบต่อกันมาว่า เคยมีกวางมานอนอยู่ในลาห้วย แอง่ น้าที่กวางนอน ภาษาในท้องถิ่นเรียกว่า บวก) ต่อมาได้มีเกษตรกร ชาวนา จากบ้านปางสักได้ไป ขุดลาเหมืองจากแม่น้าแม่สูนบริเวณฝายหิน(อาคารแบ่งน้า) มาเชื่อมกับร่องน้าซึมบริเวณน้าโจ้ (สาเหตุที่เรียกว่าน้าโจ้ เพราะว่าลาเหมืองที่ขุดใหม่มีความสูงกว่าร่องน้าเดิมระดับน้าจึงมีความสูง ต่างกันเหมือนลักษณะของน้าตก ภาษาให้ท้องถิ่นเรียกว่า โจ้) ลาเหมืองท่ีขุดใหม่นี้มีความยาว ประมาณ 1 กิโลเมตร พอถึงช่วงฤดูฝนของทุกปีมีน้าไหลหลาก ทาให้ลาเหมืองและลาห้วยขยาย
5 กว้างมากข้ึน ตั้งแต่นั้นมา เรียกลาน้าสายนี้ว่า “แม่น้าแม่สูนน้อย” และเรียกแม่น้าแม่สูนเป็น “แมน่ ้าแม่สนู หลวง”มาจนทกุ วนั น้ี 1.1 สภาพท่วั ไปของชุนชนบ้านแมส่ ูนนอ้ ย บ้านแม่สนู น้อยเปน็ ทรี่ าบสูงและลาดภูเขา มสี ภาพแวดล้อมดี มปี า่ ไม้ ต้นน้า ประชากรส่วน ใหญ่ ยดึ อาชีพทาการเกษตร รองลงมาเป็นอาชพี รับจา้ งท่ัวไป และค้าขาย ประชาชนให้ความร่วมมือ ในการจดั กิจกรรมตา่ งๆของชุมชน จานวนประชากรท้งั สิน้ 1,556 คน แยกเปน็ ชาย 828 คนและ หญิง 728 คน 1.2 การเดนิ ทางไปชุนชนบ้านแม่สนู นอ้ ย ใชเ้ ส้นทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 107 ระยะทาง 134 กิโลเมตรจากตัวเมืองจงั หวัด เชยี งใหม่ และหา่ งจากอาเภอฝาง (ทางทิศใต)้ เปน็ ระยะทาง 12 กิโลเมตร 1.3 การตดิ ตอ่ ชุมชนบ้านแม่สูนน้อย คณุ เจริญ วงค์มหาวรรณ ผู้ใหญ่บา้ นหมูท่ ่ี 3 บ้านแมส่ นู น้อย เบอร์โทร อบต.แม่สูน 053- 346-333 คุณสหรัฐ ทาราช ประธานกล่มุ โฮมสเตย์บา้ นแมส่ ูนนอ้ ย เบอร์โทร 088-251-2658 ครทู องสุข สมบรู ณ์ (ครูจุ้ม) ครชู านาญการโรงเรียนฝางชนูปถมั ภ์ เบอรโ์ ทร 086-117-6914 1.4 วิสยั ทัศน์ของชนุ ชนบา้ นแมส่ นู น้อย “หมบู่ า้ นมสี ขุ ปลอดยาเสพติด อาชพี มน่ั คง สังคมสามคั คี เกษตรกรรมยั่งยนื ภายใต้ เศรษฐกิจพอเพียง ประชากรมคี ณุ ภาพ คณุ ธรรม นาประชาธิปไตย ปราศจากหนส้ี นิ รักษาเอกลักษณ์ วฒั นธรรมท้องถนิ่ มุง่ สู่การเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ” 1.5 พนั ธกิจของชุมชนบา้ นแมส่ นู นอ้ ย 1.5.1 พัฒนาความเปน็ อยู่ให้ พอกนิ พอใช้ กนิ ดี อยู่ดี มคี วามสุข โดยยดึ หลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง 1.5.2 พัฒนาดา้ นสุขภาพความเปน็ อยู่ ให้มีความสามารถในการป้องกันดแู ลตนเอง ทงั่ ร่างกายและจติ ใจ มีภมู คิ ุ้มกนั ที่ดตี อ่ ปัจจัยภายในและภายนอก 1.5.3 พฒั นาคณุ ภาพชีวติ และอานวยความสะดวกพืน้ ฐานให้เทียบเท่าชุมชนเมือง 1.5.4 พฒั นาอาชีพใหม้ ั่นคง เกษตรกรรมยั่งยืน ภายใต้เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือให้หมู่บ้าน พอมพี อกิน มีการรวมกล่มุ ทาธรุ กิจคา้ ขายท่ีไม่เกินตวั ลดการพง่ึ พาภายนอก ตอ่ ยอดภมู ิปญั ญาท้องถิน่ 1.5.5 เป็นหมู่บา้ นแห่งการเรียนรู้ รอบด้านและต่อเน่ืองตลอดไป เพ่ือให้เทา่ ทนั ความ เปลี่ยนแปลงของโลก ทัง้ ด้านการพฒั นาอาชพี กฎหมาย สงั คม และการเมือง
6 1.6 แหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ทางบ้านแม่สูนน้อยมีแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิง ธรรมชาติ การเดินป่า หรือการสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนชนบทอย่างแท้จริง รวมไปถึง วฒั นธรรมท้องถ่ินแบบดัง้ เดิม มกี ารส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมด้ังเดิม ของคนในชุมชน เพอื่ ฟื้นฟูเศรษฐกิจของชุมชนใหด้ ขี ้ึน พฒั นาคุณภาพชีวิตของคนในชมุ ชนให้เทียบเท่า ชมุ ชนเมือง และยงั ไม่เปน็ ที่รู้จักของกลุ่มนักท่องเท่ียว ทางองค์การบริหารส่วนตาบลแม่สูนจึงได้มีการ สนับสนุนกิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย อาทิเช่น การเดินป่าท่ีมีระยะทางถึง 2.7 กิโลเมตร สัมผัสกับ ธรรมชาติทางนิเวศท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางนักท่องเท่ียวจะพบพืชพรรณธรรมชาติ และ แหล่งน้าที่สมบูรณ์ ได้ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นดอกกระโถนฤาษีที่เป็นจุดเด่นของบ้านแม่สูน เป็น พืชหายากตระกูลกาฝาก โดยแทงรากเพื่อดูดกินน้าและอาหารจากรากเถาวัลย์ของต้นเครือเขาน้า และเถาส้มกุ้ง พบได้ในป่าดิบชื้นซ่ึงปราศจากการบุกรุกแผ้วถาง ต้นกระโถนฤาษีจะออกดอกตอนช่วง ปลายฝนตน้ หนาว ดอกมีลกั ษณะคล้ายปากแตรหรือถว้ ยขนาดใหญด่ อกมกี ลบี สีแดงสด มีจุดประสีขาว หรอื สีเหลืองสวยงามสะดดุ ตา และนักท่องเท่ียวจะพบน้าตกโป่งน้าดัง ต้ังอยู่ที่บ้านแม่สูนน้อย หมู่ท่ี 3 ตาบลแม่สูน อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นน้าตกหินปูนขนาดเล็กที่สวยงามมีการไหลของน้าท่ี สม่าเสมอ ช้ันบนสุดมีความสูงถึง 10 เมตร ช้ันบนสุดข้างในมีถ้าเล็ก ๆ พอให้คนเข้าไปน่ังเล่นได้ 3-4 คนเพดานถ้ามีน้าหยดตลอดเวลาและเกิดเป็นหินงอกเล็กๆไปท่ัวบริเวณ ดอยอ่างขางอยู่ในเขต อทุ ยานแห่งชาติดอยฟา้ ห่มปก ไหลผ่านหมู่บ้านแม่สูนน้อย บ้านใหม่โป่งผา บ้านต้นส้าน และไหลลงสู่ น้าฝางที่บ้านแม่สูนหลวง การเดินทางต้องเดินตามเส้นทางเดินป่าไปสู่น้าตก ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางผ่านป่าดิบแล้งที่ร่มคร้ึมด้วยไม้ใหญ่ บางช่วงต้องเดินไปตาม เส้นทางน้าไหลของลาธารสลับกับทางดิน ท้ังน้ีเมื่อสัมผัสธรรมชาติท่ีงดงามแล้วก็จะมีการเยี่ยมชม ชุมชนแบบด้ังเดิม สัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายชนบท เก็บผลไม้นานาพันธ์ุจากสวนผลไม้ของเกษตรกร บา้ นแม่สนู น้อย ไม่ว่าจะเป็นส้ม ลิ้นจ่ี เสาวรส เป็นต้น กราบไว้พระ ชมความงดงามรูปวาดบนผนังใน วหิ ารวดั วิเวกการาม ท่ีอธิบายถึงการเกิดขึ้นของเมืองฝางแต่อดีตกาล ร่วมรับประทานอาหารเหนือใน รูปแบบของอาหารขันโตกทางภาคเหนือ และร่วมผ่อนคลายไปกับการนวดสมุนไพรต้นตาหรับของ ชุมชน 16.1 วดั วิเวกการาม ภาพที่ 1 แสดงวดั วิเวกการาม
7 ภาพที่ 2 แสดงพระธาตุทนั ใจ พระธาตเุ กา่ แก่ของตาบลแมส่ นู ภาพที่ 3 แสดงพระปางอ้มุ บาตร
8 16.2 สวนผลไม้ (ล้นิ จ่ี, เสาวรส, สม้ , กาแฟ) ภาพที่ 4 แสดงสวนผลไม้ 16.3 เดนิ ป่าสารวจเสน้ ทางทางธรรมชาตริ ะบบนิเวศระยะทางประมาณ 1.4 กม. ภาพท่ี 5 แสดงเดนิ ปา่ สารวจเสน้ ทางทางธรรมชาติ
9 ภาพท่ี 6 แสดงดอกกระโถนฤาษี 16.4 น้าตกโปง่ นา้ ดงั ภาพที่ 7 แสดงน้าตกโป่งนา้ ดัง
10 ภาพท่ี 8 แสดงนา้ ตกและธารน้าหนิ ปนู 16.5 โฮมสเตย์ ภาพที่ 9 แสดงโฮมสเตย์บ้านแม่สูนนอ้ ย
11 ภาพท่ี 10 แสดงการแช่เท้ากิจกรรมในโฮมสเตย์บา้ นแม่สูนนอ้ ย 16.6 แหล่งเรยี นรใู้ นชุมชน ภาพที่ 11 แสดงแหลง่ เรียนรทู้ างศลิ ปะ
12 ภาพท่ี 12 แสดงแหล่งเรียนรู้การจัดการขยะกลบั มาใชใ้ หม่ ภาพที่ 13 แสดงผลิตภัณฑจ์ ากวสั ดเุ หลอื ใช้
13 ภาพท่ี 14 แสดงแหล่งเรยี นรู้งานหัตถกรรมกระเป๋าปัก ภาพที่ 15 แสดงงานหตั ถกรรมกระเป๋าปักมือ
14 ภาพท่ี 16 แสดงแหล่งเรยี นรูก้ ารทาไม้กวาด สรุป ชุมชนต้องมีความเข้มแข็ง มีความรู้เท่าทันส่ิงที่ นาไปสู่ความเปล่ียนแปลง และเข้าใจ วัตถุประสงค์ของสิ่งท่ีตนกาลังดาเนินการ เน่ืองจากชุมชนบ้านแม่สูนน้อยมีจุดเด่นด้านความอุดม สมบรณู ข์ องธรรมชาติ ดังน้ันการจัดการเก่ียวกับแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชนจึงเป็นสิ่งสาคัญท่ีชุมชน ตอ้ งมีหลักแนวทางในการช่วยกนั ปฏบิ ตั ิตามหลกั การ 2. กลมุ่ เปา้ หมาย นักทอ่ งเท่ียวเชงิ นเิ วศ (ชายและหญงิ ) ช่วงอายุ 25-40 ปี มีสถานะทางสงั คมและเศรษฐกิจ ระดับปานกลางถึงสูง (B-C) ชอบความเป็นธรรมชาติ รักสนุกสนาน ชอบความงาของธรรมชาติ มี รายได้ประจาปานกลางถึงสูง เป็นพนักงานบริหารระดับกลาง ข้าราชการระดับกลาง เจ้าของกิจการ รา้ นคา้ รายยอ่ ย 3. การวางแผนภาพลกั ษณ์ ความสาคญั ของการทา Image Planning ในอดีตที่ผ่านมา การออกแบบผลิตภัณฑ์จะถูกกาหนดเงื่อนไข ในการออกแบบโดยผู้ผลิตซ่ึง ทมี นกั ออกแบบในบรษิ ทั นั้นๆจะร่วมมือกันกาหนดแนวคิด (Concept) และรูปปรากฏ(Appearance) และประมาณการความต้องการ ความคาดหวังในรูปแบบสสี นั สาหรับการตดั สินใจซื้อของผ้บู ริโภค ปัจจบุ นั ผูบ้ ริโภคสมยั ใหมจ่ ะเปน็ ผู้กาหนดแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งการตัดสินใจ ซื้อผลิตภัณฑ์หนึ่งๆผู้บริโภคจะใช้อารมณ์ความรู้สึกตัดสินใจต่อรูปแบบ สีสันในการผลิตภัณฑ์ ตลอดจนพิจารณาการใชง้ านทดี่ ีและราคาท่ีสมเหตุสมผล ดังนั้นนักออกแบบผลิตภัณฑ์จึงต้องคานึงถึง รสนิยมความชอบและความต้องการของผู้บริโภคเป็นสาคัญ (Consumeroriented)(Nagamachi, 1995)
15 ในการทาวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ผลิตภัณฑ์หน่ึงๆ จาเป็นต้องศึกษา ผลิตภัณฑค์ แู่ ข่ง หรือเทคโนโลยีท่ใี ชอ้ ยู่ในขณะนั้น เพ่ือศึกษาข้อดีข้อเสียในด้านต่างๆลักษณะพิเศษใน แต่ละผลิตภัณฑ์ ตลอดจนศึกษาถึงเหตุและผลของการออกแบบท้ังรูปลักษณ์ภายนอกที่สัมพันธ์กับ การใช้งาน บนเงื่อนไขของเทคโนโลยี การผลิตท่ีเหมาะสม ดังนั้นความสาคัญในการจัดทาฐานข้อมูล (Database) สาหรับงานออกแบบผลิตภัณฑ์จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงต่อการศึกษาหาในข้อมูลเพ่ือใช้ เป็นพื้นฐานความรู้ในการพฒั นาการออกแบบต่อไป ภาพที่ 17 การแบง่ สีตามบุคลิกภาพของ ชิเกโนบุ โคบายาชิ (Shigenobu Kobayashi) การวางภาพลกั ษณ์ ในโครงงานออกแบบผลติ ภณั ฑห์ น่ึงๆ จาเป็นทจี่ ะต้องพิจารณาถึงตาแหนง่ ของภาพลักษณ์ ของผลติ ภัณฑ์ (Product Positioning) เพ่ือนามาเป็นข้อกาหนดเง่อื นไขท่ีใช้ในการออกแบบต่อไป การศึกษาภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑน์ ้นั จาเปน็ ต้องใช้ผลิตภณั ฑค์ ู่แขง่ และข้อมูลพน้ื ฐานของผลติ ภัณฑ์ นามาเปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ ง (Sample) เพ่ือใช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู ยิง่ มกี ลุม่ ตัวอย่างมากเท่าใด การ วเิ คราะห์ย่อมมีความเช่อื มนั ในขอ้ มูลสงู การวางแผนการออกแบบ จาเปน็ ตอ้ งอธบิ ายดว้ ยระนาบแกน (Axis) และทิศทาง (Vector) ซึง่ เป็นเส้นแกนสมมตุ ิเชงิ คณิตศาสตร์ที่มีการกาหนดระยะทางพร้อมดว้ ย ทศิ ทางกล่มุ ตวั อย่าง (Sample) ตวั อย่างผลิตภณั ฑ์คู่แข่งจะถูกนามาพจิ ารณาคดั สรรให้มคี ณุ สมบัตใิ นทิศทางเดยี วกัน เชน่ หากศกึ ษาเพ่ือออกแบบนาฬิกาขอ้ มือ ดงั น้ันกลุม่ ตวั อย่างก็ควรจะเปน็ นาฬิกาข้อมือเท่านั้น ซงึ่ นาฬิกา แขวน หรนื าฬกิ าตั้งโต๊ะก็มิอาจนามาศึกษาภาพลักษณ์ได้ เนื่องจากมคี ณุ สมบัตเิ บ้ืองต้นทางการใชง้ าน ทม่ี ีความแตกต่างกนั Kobayashi Color Image Scale
16 Kobayashi (1990: 6-9) ไดส้ รา้ งระบบ Color Image Scale ข้ึนมาเพื่อเปน็ เคร่ืองมือในการ แยกแยะคณุ สมบัตติ า่ งๆ ของสี โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังน้ี (1) Chromatic เชน่ สแี ดง เหลอื ง ฟา้ และ (2) achromatic เช่น สขี าว สีดา สเี ทา ซ่งึ ในระบบของ Japanese Industrial Standard จะมอี ยู่ 10 สีทใ่ี ชเ้ ปน็ พนื้ ฐานในการผสมสีตา่ งๆ โดยสีแต่ละสีจะมคี วามแตกต่างของโทนสี ดว้ ย 2 ปัจจยั คอื ความสวา่ งของสี หรือทีเ่ รยี กวา่ Value และความอมิ่ ตัวของสี หรือทเี่ รียกว่า chromo ระบบการไล่ระดับสีของ Kobayashi ข้ึนอยู่กับระยะห่างระหว่างสีในสเกลที่ส่งผลต่อ ภาพลักษณ์ของสีดังเช่น สีขาว สีดา สีแดง ท่ีมีระยะห่างที่ไกลจากกัน ทาให้ภาพลักษณ์ของสีย่ิง แตกต่างกันมากย่งิ ข้นึ ในทางตรงกันขา้ ม สีทีม่ ีระยะห่างใกล้เคียงกันก็จะให้ภาพลักษณ์ที่คล้ายคลึงกัน ซง่ึ สามารถแบ่งเฉดและโทนสไี ด้ดงั น้ี Vivid Tones คือสีสด เป็นสีเดี่ยวที่มีความอิ่มตัวสูงที่สุด เป็นสีสด ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และ ดึงดูดความสนใจไดด้ ี Bright tones คือ สีสว่าง เป็นสีเดียวที่ความสว่างของสีสูง เป็นสีที่สว่างใส ให้ความรู้สึกที่ ออ่ นหวาน น่ารัก ช่างฝัน Subdue tones คือ สหี ม่น เปน็ สที ม่ี คี วามสว่างของสีในระดับกลางถึงต่า ให้ความรู้สึกท่ีสงบ เงยี บ นมุ่ นวล หรูหรา และอนรุ กั ษน์ ยิ ม Dark tones คือ สีโทนมืด เป็นสีเข้มท่ีไม่มีความสว่างของสีหรือมีในระดับที่ต่ามากให้ ความรู้สึกเครง่ เครียด เอาจริงเอาจัง Image Scale Image คือ ความรู้สึกท่ีเกิดข้ึนในใจ และสามารถอธิบายได้ตามความรู้สึกของแต่ละบุคคล Image Scale จะเป็นการอธิบายค้นหาถึงความรู้สึกท่ีเป็นลักษณะสาคัญอันเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม ตัวอย่าง (Sample) และคุณลักษณะ (Characteristics) แต่ละช้ินที่เราจะทาการศึกษาและนามาจัด กลุ่มเพ่ือจาแนกประเภท และในข้ันสุดท้ายจะต้องนา รายการต่างๆทางคุณลักษณะและกลุ่มตัวอย่าง มาจดั วางลงบนระนาบแกน (Axis) อยา่ งมรี ะบบเพอ่ื ศึกษาโครงสร้างความสัมพันธ์และทิศทางระหว่าง คุณลักษณะกับกลุ่มตัวอ่างว่าจะมีการจาแนกกลุ่มตัวอย่าง ว่าจะมีการจาแนกกลุ่มและมีทิศทางไป ในทางใดวิธกี ารทาการวิเคราะห์ด้วย Image Scale สามารถทาได้ 2 วธิ ี คอื 1. ใช้ Template มาตรฐานของ Japan color-design l.aboratory Co,Ltd. โดย Kobayashi (1981) Template นี้จะเน้นฐานข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างท่ีเก่ียวกับคู่สี Graphicตลอดจน รูปร่างรูปทรงผลิตภัณฑ์ที่อธิบายถึง อารมณ์ ความรู้สึกในทิศทางของ Style หรือ รูปแบบของ ผลติ ภณั ฑซ์ งึ่ จะถกู กาหนดตาแหนง่ จัดวางไว้แลว้ 2. ใช้วิธีการคานวณและประมวลผล ด้วยคอมพิวเตอร์ วิธีน้ีผู้วิจัยจะต้องกาหนดกลุ่ม ตัวอย่างและอธิบาย Characteristics ของแต่ละขั้นให้ชัดเจน จากนั้นจึงนาไปประมวลผลด้วย คอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปในการคานวณ คือ Qualitative type lll Research ซ่ึงเป็น การวิเคราะห์ตัวแปรหลายตัวแปรน่ันเอง (Multiple Variation Analysis) วิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยาก ซับซ้อนแต่ก็สามารถศึกษาโครงสร้างของความสัมพันธ์ของตัวแปรหลัก 2 ตัวแปรได้อย่างมีคุณภาพ ตัวอยา่ งการวเิ คราะห์ในลกั ษณะงานอน่ื ๆ หวั ข้อคณุ ลักษณะ (Characteristics) ทน่ี ามาใช้เป็นกรอบความคิดมดี งั นี้
17 กกกกกกกก Pretty นา่ รัก ไร้เดยี งสา ใสซอ่ื เด็กเล็ก Romantic ฟงุ่ ฝัน เสนห่ ์ อ่อนหวาน อ่อนโยน ความรกั ความอบอุ่น กกกกกกกก Natural สนิทสนม คุ้นเคย ดงึ ดูด มีนา้ ใจ กกกกกกกก Elegant สุภาพ สงา่ งดงาม ประณตี ละเอียดอ่อน ผ้หู ญงิ กกกกกกกก Warm Casual หนุม่ สาว สีสนั สนกุ สนาน ร่าเริง ใช้อารมณ์ กกกกกกกก Dynamic มชี ีวิตชีวา อารมณ์รนุ แรง มพี ลงั กระตอื รือรน้ กกกกกกกก Gongeous ฟุม่ เฟือย สะดดุ ตา โอ่อา่ ผู้ใหญ่ กกกกกกกก Classic วฒั นธรรม ประเพณี ซบั ซ้อน ภูมิฐาน เกา่ มีคณุ คา่ กกกกกกกก Dandy ขรึม สงบนิ่ง ภมู ิฐาน นา่ ยาเกรง หนักแน่น จรงิ จัง กกกกกกกก High tone เป็นแบบแผน ราชการ จริงจัง กกกกกกกก Modern ทันสมยั พิถพี ิถัน ฉลาด ลกึ ซง้ึ มีรสนยิ ม เรยี บง่าย กกกกกกกก Chic เท่ห์ เก๋ หรู มีสติ มีเหตุผล ขรมึ สง่า กกกกกกกก Cool Casual สมารท์ สดใส อ่อนวยั มีเหตผุ ล รวดเรว็ กกกกกกกก Clear บริสทุ ธิ์ จืด สดชน่ื เรยี บง่าย ใส เปดิ เผย ชัดเจน กกกกกกกก Ethnic,Wild ดบิ เถ่อื น ไมข่ ดั เกลา ประเพณีทอ้ งถ่นิ ประโยชน์ของการใช้ Image scale 1. นักออกแบบได้ทาความเข้าใจกับโปรเจคการออกแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทาความ เขา้ ใจกบั จุดอ่อนจุดแข็งของผลงานการออกแบบคแู่ ข่งในท้องตลาด 2. เพ่ือสร้างความเข้าใจให้ตรงกันระหวา่ งผสู้ ื่อสารกบั ผรู้ ับสาร 3. เพ่ือตรวจสอบการทาแบบร่าง กับแนวคิดในการออกแบบให้มีความสัมพันธ์กับตาแหน่งที่ กาหนดไว้ใน Image scale (พรเทพ เลิศเทวศิริ, เอกสารประกอบการสอนวิชา การออกแบบกราฟกิ กรงุ เทพ, จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2560) สรุป การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทางของชุมชนแม่สูนน้อย ผู้วิจัยได้ใช้ Image Planning เพื่อ เป็นเคร่ืองมือในการศึกษาภาพลักษณ์ และแนวทางในการออกแบบว่าเป็นไปในทิศทางใด คือ Natural สนทิ สนม ค้นุ เคย ดงึ ดดู มนี า้ ใจ ภาพท่ี 18 แสดงสที ใี่ ชใ้ นงานออกแบบ
18 4. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) เปน็ ความคิดริเร่ิมใหมๆ่ ทใ่ี ห้ความรู้สึกแปลกใหม่ตื่นตาตื่นใจไม่เคยเห็นจากท่ีใดมาก่อน และ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดเ้ หมาะสมกว่าสง่ิ ท่ีมีอยู่เดิม ความคิดสร้างสรรค์เกดิ ขึ้นได้ 2 ทางด้วยกัน 1. เรมิ่ จากจติ นาการ แล้วยอ้ นกลบั สู่ความเปน็ จริง ความคิดสร้างสรรค์ในลกั ษณะนี้ จนิ ตนาการเปน็ สว่ นประกอบทส่ี าคัญอยา่ งยงิ่ เพราะช่วยให้ เราเกิดความคิดฝันใหมๆ่ ได้อยา่ งไม่จากดั ชว่ ยให้เราค้นพบสง่ิ แปลกใหมม่ ากมาย และเมอื่ เรานา ความคดิ ฝันเหลา่ น้ันมากลานกรองความเป็นไปได้ กจ็ ะพบความคิดบางสว่ นทีส่ ามารถดดั แปลงใหใ้ ช้ งานไดใ้ นโลกแห่งความเปน็ จริง 2. เริ่มจากความรู้ แลว้ คดิ ต่อยอดสูส่ ิ่งใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ในลกั ษณะนี้ เกดิ จากการนาเอาขอ้ มูลหรือความรู้ที่มีอย่เู ดิมมาคิดต่อยอด หรือคดิ เพ่ิม จากหลกั ฐานมากมายแสดงให้เหน็ ว่าความคิดใหมๆ่ ทไี่ ดม้ านนั้ มกั จะใช้ ความคดิ ต้นแบบ ลว้ นๆ สว่ นใหญ่เป็นการรวบรวมหรอื ปรบั ปรงุ แนวคิดของผู้อื่นทไี่ ดน้ าเสนอไว้ก่อนนีม้ าผสม ผสานกนั จนกลายเปน็ กลายเป็นความคดิ ใหม่ และความคิดใหม่ทเ่ี กิดขึน้ น้ีกม็ ักถูกทา้ ทายจากอีก ความคดิ หน่ึงเสมอ สง่ ผลใหเ้ กดิ การงอกงามทางความคิดแบบไม่หยุดนง่ิ ตัวอย่างเช่น โธมัส อัลวาเอดิ สัน (Thomas Alva Edison) นกั ประดษิ ฐ์ผูย้ ง่ิ ใหญ่ซ่ึงได้จดสิทธิบตั รส่งิ ประดษิ ฐไ์ วม้ ากกว่า 1,000 รายการ แต่ทงั้ หมดนั้นมเี พยี ง 1 รายการเท่านน้ั ทเี่ ขาสามารถอ้างไดว้ ่ามาจากความคิดของเขาเอง จริงๆ นนั่ คือ หีบเสยี ง สว่ นทเ่ี หลือน้นั เป็นการนาเอาความคิดของคนอนื่ ที่ยงั ไม่เคยถูกพฒั นามา ดดั แปลงและปรบั ปรุงจนเปน็ สง่ิ ประดิษฐ์ใหม่ทีม่ ีคุณค่า ความหมายของการออกแบบ การออกแบบ หมายถึง การรูจ้ กั วางแผนจัดตง้ั ขัน้ ตอน รู้จกั เลือกใช้วัสดวุ ธิ ีการเพื่อทาตามท่ี ตอ้ งการโดยให้สอดคล้องกับลักษณะรปู แบบและคุณสมบัติของวสั ดแุ ต่ละชนดิ ตามความคิดสรา้ งสรรค์ และการสร้างสรรคส์ ่งิ ใหม่ เชน่ การทาเก้าอีจ้ ะต้องวางแผนไว้เปน็ ขั้นตอนโดยต้องเริ่มเลอื กวัสดุทจ่ี ะใช้ ทาเก้าอ้ีนนั้ จะใช้วัสดอุ ะไรทเ่ี หมาะสม วธิ ีการต่อยดึ น้ันควรใช้อย่างไรกาว ตะปนู อต หรอื ใช้ข้อต่อแบบ ใด คานวณสัดสว่ นการใช้งานใหเ้ หมาะสม ความแข็งแรงของเก้าอี้ มากน้อยเพยี งใด สีสนั ควรใชส้ ีอะไร จงึ จะสวยงาม และทนทานกบั การใชง้ าน เป็นต้น การออกแบบ หมายถงึ การปรับปรงุ แบบ ผลงานหรือ ส่ิงตา่ งๆ ทม่ี ีอยแู่ ล้วให้เหมาะสมมี ความแปลกใหม่ข้ึน เชน่ เก้าอ้ีเราทาข้นึ มาใช้ ซึ่งเมื่อใช้ไปนานๆกเ็ กิดความเบื่อหนา่ ยในรปู ทรง เราก็ จัดการปรบั ปรงุ ให้เปน็ รปู งแบบใหม่ให้สวยกวา่ เดมิ ทง้ั ความเหมาะสม ความสะดวกสบายในการใช้ งานยงั คงเหมือนเดิม หรือดีกวา่ เดมิ เปน็ ต้น การออกแบบ หมายถงึ การรวบรวมหรือการจดั องค์ประกอบทงั้ ท่ี เป็น 2 มิติ และ 3 มิติ เขา้ ดว้ ยกนั อย่างมหี ลกั เกณฑ์ การนาองค์ประกอบของการออกแบบมาจัดรวมกนั นน้ั ผอู้ อกแบบจะต้อง คานงึ ถงึ ประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม อนั เปน็ คุณลักษณะสาคัญของการออกแบบ เปน็ ศลิ ปะ
19 ของมนษุ ย์เนื่องจากเปน็ การสร้างค่านยิ มทางความงาม และสนองคุณประโยชนท์ างกายภาพ ให้แก่ มนุษย์ การออกแบบ หมายถึง กระบวนการทีส่ นองความตอ้ งการในสง่ิ ใหมๆ่ ของมนุษย์ซ่งึ สว่ นใหญ่ เพอ่ื ให้ชวี ติ อย่รู อด และมีความสะดวกสบายมากขึน้ (การออกแบบหมายถึง, 20 สงิ หาคม 2562) การออกแบบ (Design) คือศาสตรแ์ ห่งความคดิ การแก้ไขปญั หา ท่มี ีอยู่ เพ่ือสนองต่อ จุดม่งุ หมายและการนากลบั มาใชง้ าน ได้อย่างพึงพอใจ การออกแบบต่างไปจากคณิตศาสตรห์ รือเคมี ซ่งึ การออกแบบมีทางแกป้ ัญหาเกนิ กว่าหน่งึ ทางในแตล่ ะปญั หา หรอื อาจจะเรียกว่า การแกป้ ัญหาทมี่ ี ทางเลอื ก ( Alternate Solution ) นกั ออกแบบพยายามที่จะค้นหาทางออกทีด่ ที ่สี ุดและนามาใช้ ประโยชน์ คาว่า “พึงพอใจ” ความพงึ พอใจนัน้ มองหลกั ๆ มอี ยู่ 3ประเด็นสาคัญคือ 1. ความสวยงาม ( Asthetic) เปน็ ความพึงพอใจแรกทค่ี นเราสมั ผสั ไดก้ ่อน มนษุ ย์เราแตล่ ะคนตา่ งมกี ารรับร้เู ร่ืองความ สวยงามและความพงึ พอใจในเรื่องของความงามไดไ้ มเ่ ท่ากันความงามจึงเป็นประเด็นที่ถูกเถยี งกันมาก และไม่มกี ฎเกณฑ์การตัดสินใดๆ ทีเ่ ปน็ ตัวกาหนดความแน่ชัดลงไป แต่เชอื่ ว่างานท่ีมกี ารจดั องคป์ ระกอบท่ดี ี คนใหญ่ก็จะมองว่าสวยงามไดเ้ หมือน ๆ กัน 2. มปี ระโยชนใ์ หส้ อยท่ีดี (Function) การมปี ระโยชนใ์ ช้สอยที่ดีนั้นเปน็ เรอ่ื งสาคัญมากในงานออกแบบทุกประเภท เช่น ถ้าเป็นการ ออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่น ถ้าเป็นเก้าอี้ เก้าอ้ีน้ันจะต้องนั่งสบาย ถ้าเป็นบ้าน บ้านนั้นจะต้องอยู่แล้วไม่ อดึ อัด ถ้าเป็นงานกราฟิกสื่อส่งิ พิมพ์ ตัวหนังสอื ทีอ่ ยู่ในงาน จะต้องอ่านง่าย ไม่ต้องถึงข้ันเพ่งสายตาถ้า จะเรยี กได้วา่ เป็นงานออกแบบที่มปี ระโยชนใ์ ช้สอยที่ดีได้ เป็นต้น 3. มแี นวความคดิ ในการออกแบบท่ีดี (Concept) แนวความคิดในการออกแบบทีด่ นี ้ันคอื หนทางความคิดทีทาให้งานออกแบบท่ีไตอบสนองต่อ ความรู้สึกพอใจ ช่ืนชม งานออกแบบบางคร้ังจะมีคุณค่า (Value) มากข้ึน ถ้าได้ออกแบบงานจาก แนวความคดิ ทด่ี ี หลักการออกแบบ 1. ความสมดลุ การจัดองค์ประกอบตา่ งๆ ในการออกแบบจะทาใหผ้ ชู้ มเกิดความรู้สึกวา่ มี ความสมดุลท้ังซ้ายและขวา โดยใชค้ วามสมดุลแบบไม่เป็นทางการ เปน็ ความสมดุลในความรสู้ กึ ของ คนดู เปน็ การสร้างองคป์ ระกอบในหน้านนั้ ไมเ่ ปน็ แบบแผนมีขนาดไม่เท่ากนั ท้ังซ้ายและขวา แต่ มองดูแล้วมีความรูส้ ึกเท่ากัน ความแตกต่างจะเกิดข้ึนจากความแตกตา่ งของรูปทรง รปู ร่าง ขนาดของ องคป์ ระกอบ อกั ษร กรอบภาพ น้าหนักของสี 2. เอกภาพ ความเปน็ เอกภาพเป็นหลักท่ีสาคัญสาหรบั การออกแบบมากทส่ี ดุ ซึง่ เป็นการ แสดงถงึ การจัดหน้าทม่ี ีคณุ ภาพ ในลกั ษณะที่มคี วามกลมกลนื มคี วามเด่น เอกภาพน้ีคือ การทาให้
20 ตัวอักษร รูปร่างขององคป์ ระกอบเปน็ แบบเดียวกัน ไม่วา่ จะเป็นเสน้ สี ลักษณะผิว รูปร่าง รูปทรง ตา่ งๆ ของภาพซึ่งเมื่อมองโดยรวมแลว้ จะทาใหเ้ กิดความร้สู ึกเปน็ อันหนึง่ อันเดยี วกนั 3. สัดส่วน คือความสัมพนั ธ์กับองคป์ ระกอบอ่นื ๆ สดั ส่วนตามธรรมชาติ รปู ร่าง รปู ทรงต่างๆ ขององคป์ ระกอบน้นั ต้องได้สัดส่วนกับความเป็นจริงตามธรรมชาติ และเม่ือเปรยี บเทียบกบั องคป์ ระกอบอืน่ ๆจะต้องไดส้ ัดส่วนกนั สดั สว่ นของการจัดวางองคป์ ระกอบ เป็นการมองสดั สว่ น ใน การจัดวางองค์ประกอบบนเลยเ์ อาท์ และสัดสว่ นขอบเขตของงานจากขนาดของหนา้ เป็นหลัก ขนาด ของหนา้ ที่มีอตั ราส่วนทด่ี ีนน้ั จะมขี นาดสดั ส่วน ความกว้างต่อความยาวเท่ากนั 3 ตอ่ 2 สว่ นเรียกวา่ Regular oblong 4. จังหวะการเคลื่อนท่ขี องสายตา เกยี่ วข้องกบั การเคลอื่ นไหวของสายตาทจี่ ะนาสายตาของ ผู้อ่านไปตามทิศทางที่ต้องการ การวางตาแหนง่ ในองคป์ ระกอบในแนวตัง้ จะทาให้ตาเคล่อื นที่ขน้ึ ลง ในขณะทก่ี ารวางตาแหนง่ ขององค์ประกอบตา่ งๆ ตามแนวนอนจะทาให้สายตาเคล่อื นไหวไปซา้ ยและ ขวาหรอื มมุ ทแยง โดยปกติการเคลอื่ นท่ีของสายตาของคน จะเคล่ือนเปน็ ตวั Z คือ จากซ้ายไปขวา และลงมาซา้ ยขวา ตามบรรทัดตัวอกั ษร 5. การเนน้ คือการออกแบบตอ้ งมีจุดเดน่ นกั ออกแบบจะตอ้ งตัดสนิ ใจวา่ จะเน้นส่วนไหนเปน็ ภาพประกอบ เนน้ ภาพหัว เมือ่ จะเนน้ ตรงไหนกต็ ้องทาใหต้ รงนนั้ แตกต่างจากสง่ิ อ่นื เชน่ เน้นดว้ ย ขนาด รูปร่าง สี พืน้ ผวิ ที่แตกต่าง เปน็ ตน้ (หลักการออกแบบ, 20 สิงหาคม 2562) ความสาคญั ของการออกแบบ ในการสรา้ งสรรค์ผลงานหรอื การออกแบบน้ันควรให้ความสาคญั กับลาดบั ขน้ั ตอนหรือการ วางแผนงาน การจดั องคป์ ระกอบที่ถกู ต้อง อาทิ 1. ในแงข่ องการวางแผนการการทางาน งานออกแบบจะชว่ ยใหก้ ารทางานเปน็ ไปตาม ข้ันตอน อยา่ งเหมาะสม และประหยดั เวลา ดังนั้นอาจถือว่าการออกแบบ คอื การวางแผน การทางานก็ได้ 2. ในแง่ของการนาเสนอผลงาน ผลงานออกแบบจะชว่ ยใหผ้ ู้เก่ียวขอ้ งมีความเขา้ ใจ ตรงกัน อย่างชัดเจน ดังนน้ั ความสาคัญในดา้ นน้ี คอื เปน็ สือ่ ความหมายเพื่อความเข้าใจระหวา่ งกัน 3. เป็นสิง่ ทอ่ี ธิบายรายละเอยี ดเกยี่ วกับงาน งานบางประเภทอาจมีรายละเอยี ดมากมาย ซบั ซอ้ น ผลงานออกแบบจะช่วยใหผ้ ู้เกย่ี วขอ้ ง และผู้พบเห็นมคี วามเขา้ ใจที่ชดั เจนขนึ้ หรืออาจกลา่ ว ไดว้ ่า ผลงานออกแบบ คือ ตวั แทนความคิดของผอู้ อกแบบได้ท้ังหมด 4. แบบ จะมคี วามสาคัญอยา่ งทส่ี ดุ ในกรณีท่ี นกั ออกแบบกับผสู้ รา้ งงานหรอื ผผู้ ลิต เปน็ คน ละคนกนั เชน่ สถาปนกิ กับช่างกอ่ สร้าง นกั ออกแบบกบั ผผู้ ลติ ในโรงงาน หรอื ถา้ จะเปรียบดัง นัก ออกแบบกเ็ หมือนกบั คนเขยี นบทละคร (ความสาคัญของการออกแบบ, 20 สิงหาคม 2562)
21 สรุป การออกแบบ คือ กระบวนการคดิ การแก้ไขปัญหาท่มี ีอยู่ ด้วยความคดิ สร้างสรรค์ ทาให้เกดิ สง่ิ ใหมส่ อ่ื สารออกมาผ่านชอ่ งทางศลิ ปะ แล้วนาเอาศลิ ปะที่ได้นัน้ มาปะยุกต์ใช้กบั งานต่างๆ เพ่ือ ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ในการนาไปใชป้ ระโยชน์ใชส้ อย การออกแบบตัวอักษร หลักการใชต้ วั อกั ษร (1) แบบด้ังเดิม หรือแบบมีหัว เป็นเอกลักษณ์ของภาษาไทย แสดงความเป็นทางการ คล้าย serif ใช้ไดก้ บั ทั้งสว่ นหัวเรอ่ื งละเนือ้ เร่ือง (2) แบบตดั หัว คล้าย sanserif ดูเรียบงา่ ยใชง้ านกับงานที่ดทู ันสมยั (3) แบบลายมือ เลียนแบบตัวอักษรท่ีเขียนด้วยมือ เป็นอิสระ สนุกสนาน ไร้กฎเกณฑ์ เทียบ ไดก้ บั ตวั อกั ษรแบบ script (4) แบบคักลายมือ เกิดจากการคัดลายมือด้วยตัวอักษรแบบโบราณท่ีมีหัวแหลม รู้สึกทางกา พิธีการ พธิ รี ีตองแบบด้งั เดมิ อนุรกั ษ์นิยม (5) แบบประดิษฐ์ คล้ายตัวอักษรแบบ display ในภาษาอังกฤษ เป็นตัวอักษรใช้ในงานต่างๆ เพอ่ื เรยี กร้องความสนใจ ใหค้ วามรสู้ ึกหลากหลาย ลกั ษณะของ Font - normal / regular ประเภทตวั ธรรมดา - bold ประเภทตวั หนา - italic ประเภทตวั เอียง - extra ประเภทตวั หนาพเิ ศษ - light ประเภทตัวบางพิเศษ - extended ประเภทตัวกวา้ งพเิ ศษ - narrow ประเภทตัวแคบพิเศษ - outline ประเภทตัวอักษรแบบมขี อบ - all caps ประเภทตัวอกั ษรตัวใหญ่หมด การจัดวางหน้ากระดาษ (Arranging) - flush left วางตัวอกั ษรเสมอซา้ ย - flush right วางตัวอกั ษรเสมอขวา - centered วางตัวอักษรตรงกลาง - justified วางตัวอกั ษรเสมอซา้ ยและขวา - contour วางตัวอกั ษรให้สอดคลอ้ งลกั ษณะของภาพ - concrete วางตวั อักษรเปน็ รูปรา่ งตามตอ้ งการ - direction วางตัวอักษรแบบทศิ ทาง
22 การใชภ้ าพประกอบ (1) ความหมายของภาพประกอบ ภาพประกอบสิง่ พิมพ์หมายถึงเนื้อหาสว่ นท่เี ป็นภาพท่ีปรากฏในเอกสารสง่ิ พิมพต์ ่างๆ นอกเหนือจากเน้ือหาข้อความทเี่ ป็นตวั อักษร ภาพเหล่านอี้ าจเปน็ ภาพวาดหรอื ภาพถ่ายก็ไดแ้ ละยังนบั รวมถึงภาพกราฟิกต่างๆ เช่น จดุ เสน้ สี แถบกราฟิกหรือภาพลายเส้น เรขาคณติ อนื่ ๆ ที่ใชใ้ นการ ตกแตง่ ส่ิงพิมพอ์ ีกด้วย (2) ความสาคัญของภาพประกอบ ภาพประกอบมีความสาคัญต่อสง่ิ พิมพ์มากโดยเฉพาะในดา้ นการส่อื สารความหมายและการ ถา่ ยทอดความร้ดู า้ นวิชาการ เพราะภาพประกอบสามารถใหร้ ายละเอยี ดและความเหมือนจรงิ เหนือ คาบรรยายให้ความสวยงามและความประทับใจหรือใชเ้ ป็นหลกั ฐานอ้างองิ ความสาคัญของ ภาพประกอบสิ่งพิมพม์ สี าระสาคัญสรุปได้ ดังน้ี -ใช้สรา้ งความเขา้ ใจ การอธบิ ายถึงส่งิ หนึง่ ส่งิ ใด บางครัง้ ตัวอกั ษรก็มีขอ้ จากัดท่จี ะบง่ บอกถึงสง่ิ ท่ีอธบิ ายนน้ั ว่าเป็นอย่างไร ในบางกรณแี ม้วา่ ผู้บรรยายจะมีความสามารถในการใชถ้ ้อยคา มากก็ไม่อาจทาใหเ้ กิดความเข้าใจไดโ้ ดยงา่ ย -ใชเ้ สริมสรา้ งความเข้าใจ การนาภาพประกอบมาใชใ้ นกรณที ่ขี ้อความสามารถสรา้ ง ความเขา้ ใจไดใ้ นระดบั หนงึ่ แล้วแต่ยังไม่ชัดเจน จึงจาเป็นตอ้ งใชภ้ าพประกอบเพอ่ื เสริมสรา้ งความ เข้าใจให้ชัดเจนย่งิ ขึ้น -นาไปใช้เป็นหลักฐานเพ่ือบง่ บอกบุคคล การบ่งบอกถึงตัวบุคคลไม่อาจใช้ข้อความ อธิบายให้เห็นภาพหรือเข้าใจได้ว่าบคุ คลผนู้ มี้ หี นา้ ตาอยา่ งไร แตถ่ ้าพิมพภ์ าพลงแล้วบอกช่อื ผทู้ เี่ ห็นก็ จะรู้จักและจดจาได้ทันที -ใช้เป็นหลกั ฐานอ้างองิ หรือแสดงเหตกุ ารณ์ ภาพประกอบสามารถนามาใชเ้ ปน็ หลักฐานประกอบคาบรรยายในกรณเี หตกุ ารณ์น้ันมีความสาคญั หรือเหตกุ ารณน์ ั้นต้องการความ รวดเรว็ เพอ่ื การนาเสนอเปน็ ภาพขา่ วลงในสื่อสารมวลชนตา่ งๆ เปน็ การบอกเล่าเหตุการณ์ให้เขา้ ใจ โดยงา่ ย -นาไปใช้ตกแตง่ หน้าส่ิงพิมพ์ ภาพประกอบช่วยให้ส่ิงพิมพ์สวยงามน่าอ่านมากยิ่งข้ึน เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ตกแต่งภาพ และการพิมพ์ในปัจจุบัน เอื้ออานวยให้การทางานกับ ภาพประกอบสะดวกยง่ิ ข้นึ การถา่ ยภาพทาได้ง่ายขน้ึ ลดขนั้ ตอนการตกแตง่ ภาพลง ใชเ้ วลาน้อยลง (3) ประเภทของภาพประกอบ 1. ภาพถ่าย ภาพถ่ายเป็นภาพท่ีเกิดจากกรรมวิธีทางการถ่ายภาพ ใช้ประโยชน์ได้ดี ในงาน พิมพ์เพราะภาพถ่ายมีคุณลักษณะเฉพาะตัวหลายอย่าง ทั้งในแง่ความเหมือนจริงและความ ละเอียดลออ สามารถสร้างสรรค์ได้ตามความรู้สึกการถ่ายภาพเพื่อนามาใช้ประกอบสิ่งพิมพ์ปัจจุบัน นยิ มใช้กลอ้ งดิจิตอลผลท่ีไดส้ ่วนใหญจ่ ึงออกมาเป็นภาพสี (colour print) แต่ถ้าต้องการภาพขาว-ดา มกั ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยแปลงจากภาพสีใหเ้ ป็นภาพขาว-ดา 2. ภาพวาดลายเส้น ภาพวาดลายเส้นเป็นภาพท่ีใช้ประกอบสิ่งพิมพ์มาต้ังแต่ยุค แรกๆ และยังคงได้รับความนิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน มีการใช้เทคนิคการวาดภาพผสมผสานกันหลาย อย่าง เช่นการวาดลายเส้นแบบภาพการ์ตูนโดยการใช้ดินสอ พู่กัน ปากกาหมึกดา รวมท้ังการผสม สกรีนหรือการสรา้ งพ้ืนผิวลวดลายต่างๆ ร่วมกับภาพลายเส้นดว้ ย
23 3. ภาพวาดน้าหนักสีต่อเน่ืองและภาพระบายสี ภาพวาดน้าหนักสีต่อเนื่องกับภาพ ระบายสี ภาพท้ังสองชนิดมีลักษณะภาพคล้ายคลึงกัน คาว่า “ภาพวาดน้าหนักสีต่อเน่ือง” ใช้เรียก ภาพวาดสีเดียวท่ีมีน้าหนักอ่อนแก่ลดหล่ันกันสาหรับ ”ภาพระบายสี” จะประกอบด้วยสีต่างๆ มากมายหลายสี โดยการเขียนหรือระบายสดี ้วยกรรมวธิ หี รอื เทคนิคต่างๆ กันไปภาพวาดอาจเป็นภาพ ที่วาดในมมุ มองและรายละเอียดเหมือนกบั ภาพถา่ ยได้และยังสามารถวาดในมุมทภ่ี าพถ่ายอาจทาไม่ได้ อกี ดว้ ย ภาพวาดจงึ เป็นภาพอีกชนดิ หนึ่งทใ่ี ชเ้ ปน็ ภาพประกอบได้อยา่ งดี 4. ภาพพิมพ์ ภาพพิมพ์ในท่ีน้ีหมายถึงภาพที่ผ่านการพิมพ์มาแล้ว มีท้ังชนิดท่ีพิมพ์ เป็นภาพลายเส้นและพิมพ์เป็นภาพเม็ดสกรีน ภาพทั้งสองประเภทนี้สามารถนามาพิมพ์ซ้าได้ถ้าเป็น ภาพลายเสน้ จะได้คุณภาพใกล้เคียงของเดิม แต่ภาพทเี่ ป็นเม็ดสกรนี รายละเอยี ดอาจหายไปบา้ ง 5. ภาพดิจิตอล ภาพดจิ ติ อลหมายถึงภาพท่ีผา่ นกระบวนการจดั การโดยคอมพิวเตอร์ มาแล้วด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ทาให้ภาพทุกชนิดที่จะเข้าสู่ระบบการ พิมพ์ต้องผ่านกระบวนการแปลงรูปภาพน้ันให้เป็นภาพดิจิตอลเสียก่อน เช่น การกราดภาพ (scan) การถา่ ยภาพดว้ ยกล้องดจิ ติ อล และการสร้างภาพขึ้นใหม่ดว้ ยคอมพิวเตอร์ เป็นตน้ (ภาพประกอบสิ่งพิมพ์, 20 สงิ หาคม 2562) สรปุ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ : ใช้ San Serif เป็นตัวอักษรท่ีไม่มีเชิง มีความหนาของเส้น สม่าเสมอ วงในตั้งตรงเป็นแบบอ่านง่ายมองเห็นชัดเจน ตัวอักษรภาษาไทย : ใช้ตัวมาตรฐานมี โครงสร้างถูกต้องตามหลักภาษาไทย มีหัวชัดเจน มีการม้วนและหยักครบถ้วนตามหลักการเขียน ตัวอักษรต้ังตรง เป็นแบบท่ีอ่านง่าย เหมาะสาหรับเป็นตัวพ้ืนท่ีแสดงข้อมูลรายละเอียด ทาให้ง่ายใน การอ่านขอ้ มลู ภาพประกอบแบบภาพถ่าย เพราะให้ความเหมือนจริง ละเอียด และสะดุดตาต่อผู้ท่ีพบเห็น และภาพวาดลายเส้น เพราะเป็นภาพที่ไม่มีรูปร่างรูปทรงที่เหมือนจริง แต่ให้ความรู้สึกความต่ืนเต้น ความกลมกลืน 5. การประชาสัมพันธ์ 5.1 ความหมายของการประชาสัมพันธ์ การประชาสัมพันธ์ หมายถึง การส่ือสารความคิดเห็น ข่าวสาร ข้อเท็จจริงต่างๆ ไปสู่กลุ่ม ประชาชน เปน็ การเสรมิ สรา้ งความสัมพนั ธแ์ ละความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงาน องค์การ สถาบัน กับกลุ่ม ประชาชนเป้าหมายและประชาชนท่ีเก่ียวข้อง เพื่อหวังผลในความร่วมมือ สนับสนุนจาก ประชาชน รวมท้ังมสี ่วนช่วยเสรมิ สร้างภาพลักษณ์ ท่ีดีให้แก่หน่วยงาน องค์การ สถาบันด้วย ทาให้ ประชาชนเกดิ ความนยิ ม เลอื่ มใส ศรทั ธาต่อหน่วยงาน ตลอดจนค้นหาและกาจัดแหล่งเข้าใจผิด ช่วย ลบล้างปัญหา เพือ่ สรา้ งความสาเร็จในการดาเนินงานของหนว่ ยงานนน้ั ลักษณะของการประชาสัมพันธ์มดี งั น้ี 1. การประชาสมั พันธ์ เปน็ การสรา้ งภาพพจน์และความใจอันดีโดยการใช้สอื่ มวลชน (Mass Media) 2. การประชาสมั พันธต์ ้องใชส้ ่ือทจี่ ่ายเงนิ ( Paid Media)และสอ่ื ที่ไม่ต้องจา่ ยเงิน (Free media)
24 3. การประชาสมั พันธ์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์มักจะมกี ลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่ม (Multiple target groups) 5.2 การใช้ส่ือเพอื่ การประชาสัมพนั ธ์ เมือ่ พูดถึงสื่อในการประชาสมั พนั ธ์แลว้ หลายคนจะคิดถึงแตส่ ่ือสารมวลชนทเี่ ราคุ้มเคยอัน ไดแ้ ก่ โทรทัศน์ วิทยุ หนงั สอื พิมพ์ นติ ยสาร ป้ายโฆษณา หรือส่อื ภายนอก อาคารสถานที่เท่านั้น หรือ คนทมี่ องกวา้ งไปกวา่ นัน้ อาจจะมองเอกสารหรือส่งิ พมิ พต์ า่ งๆเปน็ ส่อื การประสมั พนั ธไ์ ด้ เชน่ ใบปดิ (Poster) แผน่ พับ (Folder) ใบปลวิ (leaflet) เอกสารและโบวชัวร์ (Brochures) เป็นตน้ แต่กระนั้นก็ ยังไม่อาจกล่าวได้วา่ เป็นการมองสื่อเพ่ือการประชาสมั พนั ธ์ได้อยา่ งครบถว้ น การมองส่ือเพื่อการประชาสัมพันธ์ให้ครบถ้วนน้ัน ควรจะนิยมส่ือว่า “เคร่ืองมือท่ีใช้ในการ กระจายขอ้ มลู ขา่ วสารทก่ี อ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจที่จะนาไปสู่ภาพพจน์ที่ดี” หากมองเช่นน้ีจะเห็น ว่าส่ือประชาสัมพันธ์มีทั้งสิ่งที่เป็นส่ือมวลชน( Mass media) และส่ือท่ีไม่ใช่สื่อมวลชน (Non- mass media)เพราะว่าสิ่งท่ีไม่ใช่ส่ือมวลชนน้ันก็สามารถสื่อข่าวสารได้ สามารถสร้างภาพพจน์ได้ หากจะ ประมวลเป็นหมวดเป็นหมวดหมู่แล้วสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์จะมีดังต่อไปนี้ส่ือสารมวลชน สื่อมวลชนสัมพันธ์ ส่ือสิ่งพิมพ์พิเศษ ส่ือกิจกรรมพิเศษ สื่อบุคคล ส่ือสิ่งของ ส่ืออิเลคทรอนิกส์ ส่ือ พื้นบ้าน ศูนย์กิจกรรม และส่ือโสตทัศนูปกรณ์ ไม่ว่าจะใช้สื่อประเภทใดก็ตาม วัตถุประสงค์ในการใช้ ส่อื จะมีดังตอ่ น้ี 1. การเขา้ ถงึ (Reach) เราตอ้ งเข้าถึงเปา้ หมายให้ได้มากทสี่ ุด 2. ความถ่ี (Frequency) เราตอ้ งเข้าถงึ กล่มุ เป้าหมายดว้ ยความถที่ เ่ี หมาะสม มจี านวนมาก ครั้งพอท่จี ะเกดิ ความสัมฤทธ์ิทางการสื่อสารได้ 3. ความสมั ฤทธิ์ (Impact) เมอื่ เราได้ใชส้ ือ่ ในการประชาสมั พนั ธแ์ ลว้ เราต้องบรรลุ วัตถปุ ระสงค์ท่วี างไว้ ไมว่ ่าจะเปน็ การรบั รู้ ความเข้าใจ การยอมรับ การชนื่ ชม หรือความ พร้อม ความยนิ ดี ที่จะทาตามขอ้ แนะนา หรอื การชักชวนใดๆ 4. ความตอ่ เน่ือง (Continuity) คือการศึกษาการประชาสัมพนั ธ์ที่มีความต่อเนอ่ื งใน ระยะเวลาที่พอเหมาะและเพียงที่จะกอ่ ใหเ้ กิดผลสมั ฤทธ์ิทางการส่ือสาร 5.3 องค์ประกอบของการประชาสมั พนั ธ์ ถ้าหากพิจารณาจากกระบวนการส่ือสารเพ่ือการประชาสัมพันธ์แล้ว ก็สามารถจาแนก องคป์ ระกอบ สาคญั ของการประชาสัมพนั ธ์ออกเป็น 4 ประการ คือ 5.3.1 องค์กร สถาบัน หรือหน่วยงาน ได้แก่ กิจการที่บุคคล หรือคณะบุคคลได้ จดั ทาข้นึ เปน็ แหลง่ ข่าว แหลง่ ขอ้ มลู ในการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะดาเนินการใดๆ ใหส้ าเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี กิจการเหลา่ น้อี าจจะเปน็ กิจการของรฐั บาล รัฐวิสาหกิจ องค์การสาธารณกุศล และธรุ กจิ เอกชน เชน่ รฐั บาล กระทรวง ทบวง กรม หน่วยราชการหรือหน่วยรัฐวิสาหกิจต่างๆ มูลนิธิ บริษทั หา้ งรา้ น ธนาคารพาณชิ ย์ เป็นตน้
25 5.3.2 ข่าวสารประชาสัมพันธ์ เป็นข้อมูลข่าวสารท่ีองค์กร สถาบัน หรือหน่วยงาน ต้องการเผยแพร่ได้แก่ เรื่องราวที่เป็นเน้ือหา สาระ รูปภาพ สัญลักษณ์ หรือเคร่ืองหมาย ที่สามารถ สอ่ื สารความเข้าใจได้ 5.3.3 ส่ือประชาสมั พนั ธ์ ไดแ้ ก่ เรอ่ื งราวทเี่ ป็นเนอื้ หา สาระ รูปภาพ สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย อาจจะเป็นส่ือคาพูด เช่น การสนทนา การประชุม การสัมมนา การอภิปราย การปาฐกถา ฯลฯ ส่ือสิ่งพิมพ์ เช่น จดหมาย บัตรอวยพร แผ่นปลิว หนังสือ วารสาร รูปลอก ฯลฯ หรือส่ือภาพและเสียง เช่น ถ่ายภาพ สไลด์ แผ่นโปร่งใส วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สไลด์มัลติ วิช่ัน เทปเสียง ภาพยนตร์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ซึ่งเป็นสื่อท่ีสามารถสื่อสารความเข้าใจได้ การเลือกใช้ สื่อในการประชาสัมพันธ์มีความสาคัญ ถ้าเป็นบุคคลภายในอาจใช้โทรทัศน์วงจรปิด เสียงตามสาย ประกาศข่าว จดหมายข่าว ถ้าเป็นประชาชนท่ัวไป สื่อประชาสัมพันธ์จะต้องเผยแพร่ข้อมูลได้ใน วงกว้าง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ 5.3.4 กลุ่มประชาชนเป้าหมายในการประชาสัมพันธ์ ได้แก่ กลุ่มบุคคลหรือ ประชาชนทเี่ ปน็ เปา้ หมายในการสอื่ สารประชาสมั พันธค์ ร้ังนั้นๆ ดังนี้ (1) กลมุ่ ประชาชนภายใน หมายถึง กลมุ่ บุคลากร เจ้าหน้าที่ พนักงานขององค์กร สถาบันหรอื หนว่ ยงาน (2) กลุ่มประชาชนภายนอก หมายถึง กลุ่มบุคคลที่อยู่ภายนอกองค์กร สถาบัน หรือหน่วยงาน อันได้แก่ กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน องค์การหรือสถาบันโดยตรง กลุ่มประชาชนในทอ้ งถนิ่ และกลุ่มประชาชนท่ัวไป 5.4 การประชาสมั พนั ธเ์ พื่อการท่องเที่ยว หมายถึง การติดต่อส่ือสารเพื่อส่งเสริมความ เข้าใจอันถูกต้องต่อกัน โดยมุ่งหวังให้เกิดความสัมพันธ์ท่ีดีเพ่ือให้เกิดการยอมรับ สนับสนุน ในตัว สถาบนั องคก์ าร การดาเนินงานประชาสมั พันธ์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไวน้ัน จาเป็นต้องอาศัย หลักการหรือหลักวิชาการ มีเหตุมีผล มีข้อมูลสนับสนุน คาทาอะไรต้องเป็นระบบ เป็นความจริง เชื่อถือได้ ซ่ึงเป็นลักษณะขอศาสตร์ ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ ในลักษณะที่เป็นศาสตร์หือวิทยาการ คือวิชาท่ีมีระเบียบแบบแผนมีเหตุผล และอาจศึกษาเรียนรู้ได้จากตาราต่างๆ เป็นการศึกษาค้นคว้า หลักการและทฤษฎีมาใช้เป็นแนวทางในการดาเนินงานประชาสัมพันธ์ รวมทั้งทักษะและ ประสบการณ์ขอแต่ละบุคคลเข้าร่วมประกอบด้วย ศิลป์ มีความหมายถึงงาน ฝีมือ การแสดงออกให้ เห็นถงึ อารมณ์ ตัวอย่างเช่น การท่ีนักประชาสัมพันธ์มองหาโอกาสในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดย รู้จักเลือกหรือหยิบยกเอาสถานการณ์ที่กาลังอยู่ในความสนใจของสังคม มาเป็นประเด็นในการจัดทา แผนประชาสัมพันธ์ (วิมลพรรณ อาภาเวท, น.12-13) 5.5 การวางแผนการประชาสัมพันธ์ ในการวางแผนการประชาสัมพันธ์ของสถาบัน องค์การน้ันอาจมีความแตกต่างในรายละเอียดปลีกย่อยอยู่บ้าง ท้ังน้ีขึ้นอยู่กับลักษณะของหน้าที่และ วัตถุประสงค์การจัดตั้งองค์การน้ัน อย่างไรก็ตามโดยหลักการและขั้นตอนการวางแผนการ ประชาสัมพันธน์ ้ันประกอบไปด้วย 7 ขนั้ ตอน ซึง่ สามารถสรปุ ได้ดงั น้ี 5.5.1 ศึกษาสภาพการณ์และสภาพปัญหา ผู้วางแผนต้องมีความเข้าใจสถานการณ์ ของสถาบัน องค์การน้นั ต้ังแตภ่ มู หิ ลงั จนถงึ ปัจจุบัน โดยครอบคลมุ ถงึ การศึกษาภาพลักษณ์ประชามติ การวิเคราะห์เน้ือหาข่าวสาร ความครอบคลุมของส่ือท่ีใช้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนมอง สถาบนั องค์การอยา่ งไร และความเป็นจริงอย่างไร เพ่ือจะได้สามารถระบุถึงตัวปัญหาและสาเหตุของ
26 ปญั ญาให้ชดั เจน และจดั ลาดบั ความจาเปน็ ของปัญหาเหลา่ นั้นว่าปัญหาใดควรได้รับการพิจารณาก่อน แล้ว เพื่อให้การแกป้ ัญหาถูกจดุ และทันต่อเหตุการณ์ 5.5.2 กาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องแผนการประชาสมั พันธ์ เพื่อเป็นแนวทางที่จะนาไปสู่ ความสาเร็จโดยเป็นข้อความชดั เจนแน่นอน ว่าสถาบันองค์การต้องการสร้างสรรค์ความเข้าใจในส่ิงใด หรือต้องการแก้ปัญหาใดบ้าง เป็นต้น การกาหนดวัตถุประสงค์ (Objective) และเป้าหมาย (Goal) ต้องมีความชัดเจน เพราะวัตถุประสงค์เป็นเสมือนจุดหมายทางท่ีต้องการให้การดาเนินงานตามแผน นน้ั ๆบรรลถุ งึ สงิ่ ท่ตี ้องการ 5.5.3 การกาหนดกลุ่มประชนเป้าหมาย เพื่อให้ผู้วางแผนและผู้นาแผนไปปฏิบัติได้ เข้าใจประชาชนท่ีแผนน้ันต้องการเข้าถึงเพราะประชาชนแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันในหลายด้าน เช่น การศึกษา ภูมิลาเนา รายได้ เป็นต้น เพื่อหวังผลในเรื่องของการเปล่ียนแปลงความรู้ ทัศนคติ ตลอดจนพฤติกรรมหลงั จากทีไ่ ดร้ ับข่าวสารขอ้ มูลประชาชนสมั พันธไ์ ปแล้ว 5.5.4 กาหนดวิธีการส่ือสารในแผนประชาสัมพันธ์ เป็นขั้นตอนการกาหนดสื่อท่ีจะ ใช้ในการประชาสัมพันธ์ซ่ึงจะต้องสอดคล้องกับวิธีการส่ือสาร ประเภทของสาร และปัจจัยด้านต่างๆ อีกประเด็นคือกลยุทธ์ในการสร้างสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยส่วนมากจะเป็นการให้ข่าวสาร ความร้แู ละทาการจงู ใจกลมุ่ เป้าหมาย ในทางปฏบิ ัตนิ ัน้ งานในขั้นตอนนี้จะต้องกาหนดกิจกรรมออกมา ชัดเจนโดยจะเขียนในรูปของการบรรยาย หรือตาราง พร้อมทั้งกาหนดการใช้ส่ือ ระยะเวลา ประเด็น ของสาร กลุ่มเป้าหมายและผูร้ บั ผิดชอบใหช้ ดั เจน 5.5.5 กาหนดระยะเวลา เป็นการตัดสินใจเรื่องของการกาหนดระยะเวลาต้องการ ศึกษารายละเอียดต่างๆ ของแต่ละข้ันตอนในการวางแผนการประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจเพ่ือให้ได้ ระยะเวลาทเี่ หมาะสมและถกู ตอ้ ง อันจะส่งผลถึงความสาเร็จของแผนการประชาสัมพนั ธ์น้ันๆ 5.5.6 กาหนดงบประมาณ ในการประชาสัมพันธ์จะต้องกาหนดงบประมาณท่ีจะใช้ ในการดาเนินการให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง เช่น งบประมาณไม่พอ เป็นต้น การกาหนด งบประมาณน้ียังรวมถึงกาลังบุคคลต่างๆ ที่จะใช้ในการดาเนินการด้วยแผนการประชาสัมพันธ์จะมี ประสิทธิผลไดน้ ้ัน ส่วนหน่ึงข้ึนอยู่กับงบประมาณที่กาหนดไว้ ถ้ากาหนดเป็นจานวนเงินไม่เหมาะสมก็ จะทาใหแ้ ผนการประชาสัมพนั ธ์น้นั ไม่สามารถนาไปปฏิบัตไิ ด้ 5.5.7 การประเมนิ ผลและติดตามผลงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการวง แผน เพ่ือตรวจสอบผลการดาเนินงานในดา้ นประสทิ ธิภาพการประชาสัมพนั ธว์ ่ามกี ารใช้ทรัพยากรการ สือ่ สารในแผนประชาสัมพันธ์เกิดประโยชนส์ ูงสุดและประหยัด สว่ นอกี ด้านคือการตรวจสอบ ประสิทธิผลของแผน เพอ่ื จะไดท้ ราบว่าแผนประชาสมั พันธด์ งั กล่าวบรรลวุ ตั ถุประสงค์หรือไม่ (การประชาสมั พันธ์. 20 สิงหาคม 2562) 6. การออกแบบป้ายโฆษณาข้างทาง ป้ายโฆษณาข้างทางหรือป้ายกองโจร มีส่วนประกอบหลักคือ โครงไม้ และผ้าไวนิล นิยม นาไปติดตั้งตามสถานที่ที่ทุกคนพลุกพล่านและผู้ท่ีสัญจรไปมา เช่น ตามข้างถนนต่างๆ หรือ ข้างทาง รวมไปถึงตามตรอกซอกซอยต่างๆ ซึ่งสื่อประเภทนี้กาลังได้รับความนิยมอย่างมากเพราะสามารถ เขา้ ถงึ กลุ่มเปา้ หมายได้โดยตรงและทสี่ าคญั ราคาไมแ่ พงเม่ือเทียบกบั สื่อโฆษณาอ่นื ๆ ป้ายกองโจรถึงแมว้ ่าจะเป็นการโฆษณาท่เี ข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน แต่ในมุมกลับกันก็ สรา้ งความราคาญหรือเปน็ อันตรายตอ่ ผู้ใชร้ ถใช้ถนนอยูไ่ มน่ ้อย
27 ส่ือโฆษณากลางแจ้ง (Outdoor Advertising) หมายถึง ส่ือโฆษณาท่ี นาไปติดตั้งไว้ในท่ีที่มี ผู้คนสัญจรไปมาเป็นจานวนมาก ให้มองเห็นได้ในระยะไกลและสามารถจดจาได้ เช่น ตามสี่แยก ถนนท่ีมีการจราจรคับคั่ง ย่านศูนย์การค้า ริมทางด่วน บนอาคารสูง เป็นต้น การโฆษณากลางแจ้ง สามารถแสดงภาพสินค้า ช่ือสินค้า เคร่ืองหมายการค้า คาขวัญ รวมท้ัง แสง สีและการเคลื่อนไหว ดว้ ยภาพท่ีมีขนาดใหญ่ จงึ สามารถสะดุดความสนใจจากประชาชน ทผ่ี า่ นไปมาได้เปน็ อย่างดี ปา้ ยไวนลิ เป็นปา้ ยท่นี ยิ มใชใ้ นงานกลางแจ้งหรือ outdoor เพราะทาจากพลาสติกชนดิ พิเศษ คุณภาพสูง ที่มคี วามทนทานต่อสภาวะอากาศ แสงแดดและความร้อน เหมาะสาหรบั ปา้ ยโฆษณา ป้ายโฆษณาหาเสยี ง ป้ายเลือกตงั้ ป้ายแฟนคลบั หรือป้ายบิลบอรด์ รวมถึงปา้ ยโฆษณาตา่ งๆ เพราะจะ ทาใหง้ านอยคู่ งทนและอยไู่ ด้นาน อีกท้ังยังราคาถูกและประหยดั จึงเป็นทน่ี ิยมสาหรับใช้ในการ ประชาสมั พันธ์ ป้ายไวนลิ นน้ั มอี ยู่ 2 ประเภท ดว้ ยกนั 1. ป้ายไวนลิ ทึบแสง เป็นไวนลิ ทีม่ กี ารเคลอื บสารเคมที ่ดี ้านหลัง เม่ือพิมพอ์ ิงคเ์ จ็ทเวลาส่องไฟจะมองไม่ทะลุ และยงั แบ่งตามการใช้งานได้อกี 4 แบบ - แบบหลงั ขาว เหมาะกับงานพิมพ์ Inkjet ทั่วไป - แบบหลังเทา เหมาะกบั งานทเ่ี ป็นป้ายแขวนท่ีประกบ 2 หนา้ จะช่วยลดการทับซอ้ นของ ภาพเมอื่ มีแสงแดดสอ่ งผา่ น - แบบหลังดา คณุ สมบัติในการใช้งานเหมือนหลังเทาแตจ่ ะกนั แสงได้ดกี วา่ มาก - แบบพมิ พส์ องหน้า ไวนลิ ประเภทนเ้ี หมาะกบั เครอื่ งพิมพ์ UV Flatbed ซึ่งเปน็ ระบบ ซง่ึ สว่ นใหญ่จะนยิ มป้ายไวนลิ แบบหลงั ขาวและหลงั ดา ส่วนมากป้ายไวนิลทึบแสงจะนิยมใช้ ทาปา้ ยโฆษณาต่างๆ เพราะมีความยดื หยุน่ สามารถกันความรอ้ นไดด้ ี ตวั อย่างเชน่ ป้ายไวนิลหาเสียง ปา้ ยกองโจร ปา้ ยคัทเอาท์ ปา้ ยไวนลิ รา้ นกาแฟหรอื ปา้ ยตอนรบั ท่สี นามบิน เชน่ ป้ายลิซ่า blackpink หรอื ป้ายเทศกาลต่างๆ เชน่ ป้ายตรุษจีน ป้ายวาเลนไลนก์ ็เป็นปา้ ยไวนลิ ประเภททึบแสงเช่นกัน 2. ปา้ ยไวนิลโปรง่ แสง ปา้ ยไวนลิ โปร่งแสง ไวนิลท่ีมีการเคลอื บสารเคมีท่ีดา้ นหลังบางกว่าแบบทบึ แสง ซ่งึ แสงสามารถสอ่ ง ทะลไุ ด้สามารถใช้ไดทง้ั งานกลางแจ้งและในอาคาร สว่ นใหญ่จะนิยมใช้ปา้ ยไวนิลโปรง่ แสงประกอบกบั กล่องไฟปา้ ยกลอ่ งไฟ (Lightbox) ทาเปน็ ปา้ ยหนา้ รา้ น เชน่ ปา้ ยรา้ นอาหาร ปา้ ยรา้ นกาแฟ ป้าย โฆษณา ป้ายห้องน้าและปา้ ยอ่นื ๆ (ปา้ ยไวนลิ , 6 มิถนุ ายน 2562) ป้ายโฆษณาเป็นสื่อท่ีมีความสาคัญมากในวงการประชาสัมพันธ์ เพราะป้ายโฆษณาสามารถ แพร่หลายได้สะดวกและกว้างขวางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพื้นท่ีสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ทุก เพศทุกวัย ทุกระดับการศึกษา มีความยืดหยุ่นในการออกแบบ สามารถออกแบบกราฟิกได้อย่าง อสิ ระเพ่ือโน้มน้าวความรสู้ ึกไดอ้ ยา่ งดี ลักษณะท่ดี ีของป้ายโฆษณา - ตอบสนองจุดประสงคใ์ นการสอ่ื ความหมายได้อยา่ งสมบรู ณ์ - มคี วามชัดเจนในภาพลักษณ์และข้อความท่ีใชใ้ นการส่ือความหมายตอ้ งมคี วาม ชดั เจนมขี นาดทเี่ หมาะสม - รูปภาพและข้อความทีน่ าเสนอตอ้ งสอดคล้องสัมพนั ธก์ ันและส่งเสริมซงึ่ กนั และกัน
28 - สามารถเข้าใจได้ง่ายดึงดูดความสนใจกลุม่ เปา้ หมายให้ได้มากทส่ี ดุ ขอ้ ดีของป้ายโฆษณา - ครอบคลุมพืน้ ที่กวา้ งขวางและสามารถเลือกตั้งเฉพาะพ้ืนที่ได้ - มีความถ่ีในการมองเห็นบ่อยเพราะจดุ ติดตัง้ ส่วนใหญเ่ ป็นเส้นทางหรอื บริเวณทตี่ อ้ ง เดนิ ผา่ นไปมาเสมอ - สามารถดึงดดู ความสนใจได้ดี - ไมม่ ีขอ้ จากดั ในเรื่องเวลาในการนาเสนอข้อมูล - ขอ้ ความทก่ี ะทัดรัด ทาใหเ้ กิดความสนใจและเปน็ จดุ เดน่ ท่ที าให้เกดิ ความจดจา ข้อเสยี ของปา้ ยโฆษณา - การนาเสนอข้อมูลมีข้อจากัดสูงทาให้ขาดรายละเอียดเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อชนิด อ่ืนๆ - การตดิ ตง้ั ในตาแหนง่ ทไี่ ม่เหมาะสมทาให้ได้รับความสนใจน้อย - การผลิตจาเปน็ ต้องใชค้ วามละเอียดอ่อนสงู เสียค่าใช้จา่ ยมาก - เป็นการไม่รกั ษาสิ่งแวดล้อมทีด่ ี 5 หลักการออกแบบป้ายโฆษณาทที่ าให้ธรุ กิจของคณุ โดดเดน่ ปา้ ยโฆษณาคือผลิตภณั ฑ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ผสานระหวา่ งสหี ลัก ตัวอักษร การ ออกแบบ และข้อความทางการตลาด นอกเหนือจากการวางแนวคิดและติดต้ังปา้ ยโฆษณาแลว้ ยังมี ปัจจยั อื่นทต่ี ้องพิจารณา เชน่ ป้ายน้ันใชเ้ พือ่ ประชาสมั พันธ์การเปิดตวั ใหม่ของผลติ ภณั ฑ์หรือบริการ นาไปติดต้ังท่ีตาแหน่งใหมห่ รือใชแ้ ทนปา้ ยเกา่ ที่ติดตั้งอย่กู ่อนแลว้ 1. มีประเด็นหลัก ทุกอย่างตั้งแต่ข้อความ ตัวอักษร ไปจนถึงการเลือกใช้สีควรมี พ้ืนฐานมาจากประเด็นหลักท่ีคิดมาอย่างดี นอกโทนสีของป้ายที่เตะตาแล้ว ควรใช้ตัวอักษรท่ี เหมาะสมและจัดวางข้อความให้สามารถอ่านและเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ปัจจัยเหล่าน้ีจะทาให้ป้าย สามารถสร้างความประทับใจใหแ้ กท่ กุ คนท่ีอ่าน 2. สีดึงดูดใจ การเลือกใช้สีมีบทบาทสาคัญในการออกแบบป้ายท่ีดี ลองนึกถึง “สี แดงแห่งโค้ก” หรือ “สีเหลืองของแมคโดนัลด์” โดยปกตแิ ล้วสจี ะช่วยสื่อตัวตนของยี่ห้อ แม้ว่าเจ้าของ ธุรกิจบางรายอาจต้องการใช้สีที่ทันสมัย ไม่ตกยุค และดูสมัยใหม่ในการสื่อตัวตนของยี่ห้อ แต่ก็ควร พิจารณาถึงการออกแบบป้ายเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานด้วย เพราะสีที่ทันสมัยในวันน้ีอาจ กลายเป็นสที ลี่ า้ สมัยไดใ้ นวนั ถัดไป 3. เพ่ิมความแตกต่างให้อ่านง่าย ป้ายส่วนมากมีพื้นหลังเป็นสีและมีพ้ืนหน้าเป็น ตัวอักษรหรือรูปภาพ ความแตกต่างระหว่าง 2 ส่วนน้ีคือสิ่งสาคัญที่จะทาให้ผู้อ่านจาเน้ือหาได้ การ จับคู่สีทีค่ ล้ายกนั อาจทาให้ป้ายอ่านยากข้ึน แต่เราสามารถขับตัวอักษรให้เด่นด้วยการใส่เส้นขอบหรือ แสงเงาใหต้ ัวอักษรพื้นหน้า 4. ขนาดนั้นสาคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกาลังออกแบบป้ายเพื่อติดตั้งริมถนน หรือป้ายท่ีจะถูกอ่านจากระยะไกล เช่น ตามงานประชุม เป็นต้น กฎการคานวณง่ายๆคือตัวอักษรสูง
29 1 นิ้วต่อระยะห่าง 10 ฟุต ดังนั้นหากป้ายของคุณมีระยะห่างจากผู้อ่าน 100 ฟุตก็ควรใช้ตัวอักษรที่มี ความสูง 10 นิ้วเพ่ือมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้แบบของตัวอักษรก็มีผลต่อความยากง่ายในการ อา่ น แมต้ ัวอกั ษรลายดอกไมส้ ามารถส่ือถึงสไตล์ แต่ก็อาจทาให้อา่ นยากจากระยะไกล 5. ทาป้ายธรุ กจิ ด้วยตัวอักษรท่ีโดดเดน่ สไี ม่ใชป่ จั จัยเดียวท่ีทาให้ป้ายธุรกิจของคุณ ดึงดูดสายตา รูปแบบตัวหนังสือที่มีมิติจะทาให้ข้อความบนป้ายของคุณโดดเด่นออกมาจากพื้นหลัง น่ี คือส่ิงท่ีสาคัญมากโดยเฉพาะถ้าหากร้านของคุณรายล้อมไปด้วยร้านค้าอ่ืนๆ เช่น ในห้างสรรพสินค้า หรอื ยา่ นการคา้ แบบหอ้ งแถว เพียงปรบั เปลีย่ นรูปแบบมิติของป้ายธุรกิจก็สามารถเพิ่มความน่าเช่ือถือ และสร้างความแตกต่างใหแ้ กป่ า้ ยโฆษณาและโลโกย้ ่ีหอ้ ของคุณได้ (ปา้ ยโฆษณา, 20 สงิ หาคม 2562) ระบบพมิ พ์ดจิ ิตอล (Digital Printing) การพิมพ์ดิจิตอล (Digital Printing) เป็นการพิมพ์ที่ใช้เครื่องพิมพ์ต่อพ่วงกับ คอมพิวเตอร์ โดยรับข้อมูลภาพจากคอมพิวเตอร์มาพิมพ์ สามารถรองรับงานพิมพ์ตาม ความต้องการ หรือ print on demand จานวนน้อย หรือมากก็สามารถทาได้ อาทิเช่น แผ่นพับ,ใบปลิว, โบรชัวร์, แคตตาล็อค, นิตยสาร ฯลฯ สาหรับการพิมพ์ระบบดิจิตอลจะไม่มีกระบวนการทาฟิล์มแยกสีหรือแม่พิมพ์ สามารถส่ง คาสั่งพิมพ์โดยตรงจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ได้เลย ทาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาท่ีใช้ไปกับการทา แม่พิมพ์ แต่มีข้อเสียคือค่าพิมพ์ต่อแผ่นเทียบกับการพิมพ์แบบปกติยังสูงอยู่ หากพิมพ์จานวนมากจะ ทาใหต้ ้นทุนสูงกว่าแบบปกตปิ ลายทางต่อไป (ระบบพมิ พ์ดิจิตอล, 25 สิงหาคม 2562) 7. การออกแบบส่ือวดิ โี อประชาสมั พนั ธ์ 7.1 ความหมายของวดิ โี อ วิดีโอ คือ มัลติมีเดียท่ีสามารถแสดงภาพเคล่ือนไหวพร้อมเสียงบรรยายได้ การนาเสนอ วดิ โี อมหี ลายรปู แบบ เช่น วดิ โี อเพอื่ การศึกษา วดิ โี อ เพื่อความบันเทิง ประโยชน์ ของวิดีโอมีมากมาย นอกจากให้ความรู้ ให้ ความบันเทิง ยังสามารถ สร้างรายได้ให้กับผู้ ใช้งาน เช่น วิดีโอนาเสนอสินค้า ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เป็นต้น การทางานของวิดีโอมีหลายประเภท ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความ เหมาะสม และความตอ้ งการของผใู้ ชง้ าน 7.2 ขนาดของภาพ (Size of Shot) ในการบันทกึ ภาพเคลื่อนไหวแต่ละซ็อต (Shot) ผู้บนั ทึกภาพจะต้องเลือกขนาดของภาพ ที่เหมาะสมกับเนื้อหาท่ีต้องการนาเสนอในภาพนั้นๆ รวมถึงอารมณ์ของภาพที่ต้องการสื่อสารไปยัง ผู้ชมได้อย่างถูกต้องตามท่ผี ู้บนั ทึกภาพต้องการ ขนาดของภาพท่มี ีการใช้งานกันทัว่ ไป มีดงั น้ี 7.2.1 ภาพระยะไกลที่สุด (Extreme Long Shot: ELS) ใช้นาเสนอภาพของ สภาพแวดล้อม สถานที่ บรรยากาศ บุคคล โดยรวม โดยในภาพอาจมีบุคคลได้ แต่จะไม่สามารถ สังเกตเห็นรายละเอียด สหี น้า อารมณข์ องบุคคลนัน้ 7.2.2 ภาพระยะไกลมาก (Very Long Shot: VLS) ใช้นาเสนอภาพเพื่อให้ผู้ชมรับรู้ ถึงสถานท่แี ละสภาพแวดล้อมเป็นหลักใหญ่ และเห็นบุคคลหรอื วัตถุเปน็ สว่ นประกอบ
30 7.2.3 ภาพระยะไกล (Long Shot: LS) เป็นขนาดภาพที่เห็นสภาพแวดล้อม รวมถึง วัตถุ บุคคล และเหตุการณ์ต่างๆ ครบถ้วนโดยรวม ถ้าเป็นการบันภาพบุคคล หมายถึง ภาพบุคคล แบบเต็มตวั หรอื ภาพตง้ั แต่หัวจรดปลายเทา้ 7.2.4 ภาพระยะไกลปานกลาง (Medium Long Shot: MLS) เป็นภาพที่ถ่ายบุคคล ตั้งแต่ประมาณหน้าแข้ง หัวเข่าขึ้นไปถึงศีรษะ เพ่ือให้เห็นกิริยาอาการของบุคคลนั้นๆ ในขณะที่ยัง มองเหน็ สภาพแวดลอ้ มรอบๆ ตัวบุคคลนัน้ ด้วย 7.2.5 ภาพระยะกลาง (Medium Shot: MS) เป็นภาพที่ถ่ายบุคคลต้ังแต่ระดับเอว ข้ึนไปถึงศรี ษะ ทาใหร้ ับรูท้ ่าทางของบคุ คลน้ัน 7.2.6 ภาพระยะใกล้ปานกลาง (Medium Close Up Shot: MCU) เป็นภาพท่ีถ่าย บุคคลตั้งแต่ระดับหน้าท้องข้ึนไปถึงศีรษะ ซึ่งจะทาให้เห็นสีหน้าพร้อมๆ กับเห็นบุคลิกลักษณะของ บคุ คล 7.2.7 ภาพระยะใกล้ (Close Up Shot: CU) เป็นภาพท่ีถ่ายบุคคล วัตถุ ใน ระยะใกลร้ ะดบั หน้าอกข้นึ ไป เผยใหเ้ ห็นรายละเอียดเกย่ี วกับสหี น้า และอารมณ์ของบคุ คล 7.2.8 ภาพระยะใกล้มาก (Very Close Up Shot: VCU) เป็นภาพท่ีถ่ายบุคคล เฉพาะบริเวณใบหน้า เพ่ือให้เห็นใบหน้าของบุคคล สัตว์ หรือวัตถุอย่างชัดเจน รวมถึงเห็นสีหน้า อารมณ์ ความรู้สกึ อยา่ งชดั เจนดว้ ย 7.2.9 ภาพระยะใกล้ท่ีสุด (Extreme Close Up Shot: ECU) เป็นภาพที่บันทึก เฉพาะบางสว่ นของใบหน้าบคุ คล เช่น ดวงตา 7.3 มุมมองภาพ (Angle Of Vision Of Camera Level Angle) มุมมองภาพ เป็นลักษณะมุมในการการมองเห็นของภาพวัตถุ บุคคล หรือเหตุการณ์ใน มุมต่างๆ อันเกิดจากการ วางตาแหน่งกล้อง ทามุมในแนวด่ิง (VERTICAL ANGLE) กับวัตถุ บุคคล และเหตกุ ารณใ์ นขนาดมมุ ต่างๆ กนั มดี งั นี้ 7.3.1 มุมต่า (LOW LEVEL ANGLE) หมายถึง การวางตาแหน่งกล้องทามุมใน แนวด่ิง โดยท่ีกล้องอยู่ในระดับต่ากว่าวัตถุ หรือบุคคล การสื่อความหมายของการให้มุมกล้องนี้จะ ทาใหผ้ ชู้ มรบั รรู้ ายละเอียดของวตั ถุ บุคคล ในแนวดง่ิ คือร้วู า่ ดกึ นี้ รปู ป้ันนี้ หรือบุคคลน้ี สูงขนาดไหน เป็นต้น ในแงผ่ ลกระทบทางด้านอารมณต์ ่อผูช้ ม คอื ผชู้ มจะมคี วามรู้สึกต่อวัตถุ หรือบุคคลน้ันในเชิงท่ี มีความสาคัญ มีพลัง อานาจ มีศักดิ์ศรี หรือมีความกลัวเหมือนจะถูกคุกคาม หากมุมต่านั้น ต่าจน ระดบั เงยหนา้ 90 องศา เรียกว่า WORM'S EYE VIEW 7.3.2 มุมสงู (HIGH LEVEL ANGLE) คอื มมุ ที่เกิดจากการตั้งตาแหน่งกล้องระดับสูง กว่าสายตา หรืออยู่เหนือวัตถุ บุคคลท่ีกาลังถ่ายอยู่ มุมมองน้ีจะให้ผู้ชมรับรู้วัตถุ หรือบุคคลน้ัน เก่ียวกับรายละเอียดในแนวนอน ถ้าถ่ายภาพมุมสูงบุคคลก็ทาให้ทราบว่าบุคคลน้ันยืนอยู่ ณ จุดใด บริเวณใดในพื้นท่ีน้ัน ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังนามาใช้ในการสร้างผลกระทบทางอารมณ์ หรือทาง จิตใจแก่ผู้ชมท่ีมีต่อวัตถุหรือบุคคลอื่นด้วย คือทาให้ผู้ชมรับฟังถึงวัตถุ หรือบุคคลนั้นไปในเชิงต่าต้อย ไร้อานาจ อ่อนแอ สิ้นหวัง ถ้าหากมุมสูงมาก ๆ จนขนานกับพ้ืนดินเหมือนนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า แล้วมองลงมาขา้ งลา่ งเรียกวา่ BIRD'S EYE VIEW 7.3.3 มุมระดับสายตา (EYE'S LEVEL ANGLE) กล้องจะอยู่ในระดับสายตาเหมือน การมองวัตถุ บุคคล หรือเหตุการณ์ปกติธรรมดา ในชีวิตประจาวันของคนเรา ซ่ึงในการเขียนบทส่วน ใหญ่ จะมีภาพในมุมนี้มาก ให้ความรู้สึกเท่าเทียม หรือ มองดูบุคคลนั้นเหมือนเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา
31 นอกจากนี้มุมระดับสายตาอาจถูกเลื่อนระดับความสูงให้ต่าลงมาโดยท่ียังคงมีทิศ ทางของการมองที่ ขนานกับพ้ืนดินอยู่ ส่วนใหญ่จะใช้แทนสายตาคนทห่ี มอบราบอยกู่ บั พน้ื ทมี่ องตรงไปข้างหน้า 7.4 กระบวนการผลติ สอ่ื เพ่อื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ ว 7.4.1 การวางแผนเป็นการกาหนดเรอื่ งราวทจ่ี ะถ่ายทาว่าตอ้ งการถ่ายทาสิ่งใด และ กาหนดความยาวของเรอ่ื งเพ่ือที่จะได้เตรียมอุปกรณต์ า่ ง ๆ ใหพ้ รอ้ ม 7.4.2 การถ่ายทาเป็นการบันทึกภาพเคล่ือนไหว ภาพนิ่งหรือเหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ ทีผ่ ูผ้ ลิตต้องการจะถ่ายทาเพื่อจะไดน้ าข้อมูลน้ันเก็บไว้ 7.4.3 แคปเจอร์ (Capture) เป็นการถ่ายโอนข้อมูลที่เป็นภาพอย่างเดียว หรือทั้ง ภาพและเสียงทไี ด้จากเทปวีดีโอ (VHS) มาบันทึกลงใน Harddisk ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทาการ จัดเกบ็ เปน็ ไฟล์ .AVI หลาย ๆ ไฟล์ ซ่ึงจะทาใหไ้ ดข้ ้อมลู ท่สี มบูรณ์ และสามารถนาไฟล์ .AVI น้ีไปใช้ใน การตดั ตอ่ ภาพได้ 7.4.4 การตัดต่อเป็นการนาไฟล์หลาย ๆ ไฟล์ท่ีจัดเก็บอยู่ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์มา เรียงต่อกัน โดยทาการเลือกภาพและเสียงที่ต้องการ จากนั้นจึงทาการตกแต่งภาพ โดยการเพิ่มเติม ข้อมูลต่าง ๆเช่น สีสัน ความสวยงาม ข้อความ เพิ่มความเร็วหรือลดความเร็วในการแสดง ภาพเคลอ่ื นไหว ลดเหลีย่ มของภาพ หรือจะทาการปรับเปล่ียนความยาวของข้อมูลก็ได้ เช่นการตัดต่อ วีดีโอด้วย Adobe Premiere ปัจจุบันการตัดต่อวีดีโอด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์จะได้งานท่ีมีคุณภาพ ดีกว่า เนื่องจากสามารถเพ่ิมเทคนิคพิเศษ ปรับแต่งภาพให้สวยงามได้ จึงได้รับความนิยม แต่ผู้ที่ ต้องการตดั ตอ่ อย่างมืออาชีพต้องไม่ลืมว่างบประมาณในการเตรียมอุปกรณ์ตัดต่อน้ันมีราคาแพง หาก จะทาการตัดต่อเพื่อเพ่ิมความรู้ก็ควรใช้อุปกรณ์ที่มีราคาเหมาะกับงานท่ีจะทา เพื่อป้องกันความ สน้ิ เปลืองโดยเปล่าประโยชน์ 7.4.5 การจัดทาส่ือประสมเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีได้จาการตัดต่อวีดีโอด้วยเครื่อง คอมพิวเตอร์ โดยนาผลติ ภัณฑท์ ี่ไดม้ าทาการเก็บบันทึกให้อยู่ในรูปของไฟล์ต่าง ๆ เทปวีดีโอ แผ่นวีซีดี หรือแผ่นดีวีดี ซึ่งเป็นสื่อท่ีนิยมมากในปัจจุบัน เพ่ือจะได้เก็บผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่าน้ันไว้ หรือนา ออกมาเพือ่ เผยแพร่ 7.5 การเขยี นบทวดี ที ัศนแ์ ละภาพยนตร์ 7.5.1 ความหมายของการเขยี นบทภาพยนตร์ บทภาพยนตร์ คือ แบบร่างของการสร้างภาพยนตร์ บทภาพยนตร์จะมีการบอกเล่า เรอ่ื งราววา่ ใครทาอะไร ท่ีไหน อย่างไร และต้องสื่อความหมายออกมาเป็นภาพ โดยใช้ภาพเป็นตัวสื่อ ความหมาย เป็นการเขียนอธิบายรายละเอียดเร่ืองราว เม่ือได้โครงสร้างเร่ืองท่ีชัดเจนแล้วจึงนา เหตุการณ์มาแตกขยายเป็นฉากๆ ลงรายละเอียดย่อยๆ ใส่สถานการณ์ ช่วงเวลา สถานที่ ตัวละคร บทสนทนา บางครงั้ อาจกาหนดมมุ กล้องหรอื ขนาดภาพ ให้ชัดเจนเลยกไ็ ด้ 7.5.2 องค์ประกอบของการเขียนบทภาพยนตร์ 1. เรื่อง (story) หมายถึง เหตุการณ์หรือเรื่องราวท่ีเกิดขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นและ ดาเนินไปสู่จุดสิ้นสุด เรื่องอาจจะสั้นเพียงไม่กี่นาที อาจยาวนานเป็นปี หรือไม่รู้จบ (infinity) ก็ได้ สิ่งสาคัญในการดาเนินเรื่อง คือปมความขัดแย้ง (conflict) ซ่ึงก่อให้เกิดการกระทา ส่งผลให้เกิดเป็น เรือ่ งราว
32 2. แนวความคิด (concept) เรื่องที่จะนาเสนอมีแนวความคิด (Idea) อะไรที่จะสื่อ ใหผ้ ู้ชมรบั รู้ 3. แกน่ เรอ่ื ง (theme) คือ ประเด็นเน้ือหาสาคัญหรือแกนหลัก (Main theme) ของ เร่ืองที่จะนาเสนอ ซึ่งอาจประกอบด้วยประเด็นรองๆ (sub theme) อีกก็ได้ แต่ต้องไม่ออกนอก แนวความคดิ หลัก 4. เรื่องย่อ (synopsis) เป็นจุดเร่ิมต้นของภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองที่คิด ข้ึนมา ใหม่ เรื่องท่ีนามาจากเหตุการณ์จริง เรื่องที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรม หรือแม้แต่เร่ืองท่ี ลอกเลียนแบบมาจากภาพยนตร์อื่น สิง่ แรกน้ันเรอื่ งต้องมีความนา่ สนใจ มีใจความสาคัญชัดเจน ต้องมี การมีการต้ังคาถามว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น (What…if…?) กับเรื่องท่ีคิดมา และสามารถพัฒนาขยายเป็น โครงเรื่องใหญไ่ ด้ 5. โครงเรื่อง (Plot) เป็นการเล่าเรื่องลาดับเหตุการณ์อย่างมีเหตุผล เหตุการณ์ทุก เหตุการณจ์ ะต้องส่งเสรมิ ประเด็นหลกั ของเรือ่ งได้ชดั เจน ไม่ใหห้ ลงประเด็น โครงเร่ืองจะประกอบด้วย เหตุการณ์หลัก (main plot) และเหตุการณ์รอง (sub plot) ซ่ึงเหตุการณ์รองท่ีใส่เข้าไป ต้องผสม กลมกลืนเปน็ เหตเุ ปน็ ผลกับเหตุการณห์ ลกั 6. ตัวละคร (character) มีหน้าท่ีดาเนินเหตุการณ์จากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสิ้นสุดของ เร่ือง ตวั ละครอาจเปน็ คน สัตว์ ส่ิงของ หรือเป็นนามธรรมไม่มีตัวตนก็ได้ การสร้างตัวละครขึ้นมาต้อง คานึงถึงภูมิหลังพ้ืนฐาน ท่ีมาท่ีไป บุคลิกนิสัย ความต้องการ อันก่อให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ของตัว ละครน้ันๆ ตัวละครแบ่งออกเป็นตัวแสดงหลักหรือตัวแสดงนา และตัวแสดงสมทบหรือตัวแสดง ประกอบ ทุกตัวละครจะต้องมีส่งผลต่อเหตุการณ์น้ันๆ มากน้อยตามแต่บทบาทของตน ตัวเอกย่อม มคี วามสาคญั มากกว่าตวั รองเสมอ 7. บทสนทนา (dialogue) เป็นถ้อยคาท่ีกาหนดให้แต่ละตัวละครได้ใช้แสดงโต้ตอบ กัน ใช้บอกถึงอารมณ์ ดาเนินเรื่อง และส่ือสารกับผู้ชม ภาพยนตร์ที่ดีจะสื่อความหมายด้วยภาพ มากกว่าคาพดู การประหยัดถ้อยคาจงึ เป็นส่ิงทีค่ วรทา ความหมายหรอื อารมณ์บางครั้งอาจจาเป็นต้อง ใช้ถอ้ ยคามาช่วยเสริมให้ดดู ยี ง่ิ ขึน้ ก็ได้ 7.5.3 โครงสร้างการเขียนบท 1. จุดเรมิ่ ตน้ (Beginning) ชว่ งของการเปิดเรอื่ ง แนะนาเรอื่ งราว ปูเนือ้ เร่อื ง 2. การพัฒนาเรื่อง (Developing) การดาเนินเร่ือง ผ่านเหตุการณ์เดียวหรือหลาย เหตกุ ารณ์ เน้ือเรือ่ งจะมีความซบั ซอ้ นมากขน้ึ 3. จุดสิ้นสุด (Ending) จุดจบของเร่ือง แบ่งออกเป็นแบบสมหวัง (Happy ending) ทาให้รูส้ ึกอม่ิ เอมใจ และแบบผิดหวัง (Sad ending) ทาใหร้ ู้สกึ สะเทอื นใจ 7.5.4 ขน้ั ตอนสาหรับการเขียนบทภาพยนตร์ 1. การค้นคว้าหาข้อมูล (Research) เป็นข้ันตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรก ที่ต้องทาถือเป็นส่ิงสาคัญหลังจากเราพบประเด็นของเร่ืองแล้ว จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเพ่ือเสริม รายละเอียดเร่ืองราวท่ีถูกต้อง จริง ชัดเจน และมีมิติมากขึ้น คุณภาพของภาพยนตร์จะดีหรือไม่จึงอยู่ ท่ีการคน้ ควา้ หาขอ้ มลู ไมว่ ่าภาพยนตร์นั้นจะมเี นื้อหาใดก็ตาม 2. การกาหนดประโยคหลกั สาคัญ (Premise) หมายถึง ความคิดหรือแนวความคิดท่ี งา่ ยๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ต้ังคาถามว่า “เกิดอะไรขึ้นถ้า…” (What if) ตัวอย่างของ ประโยคหลัก สาคัญตามรูปแบบหนังฮอลลีวู้ด (Hollywood) เช่น เกิดอะไรข้ึนถ้าเรื่องโรเมโอแอนด์ จูเลียต
33 (Romeo and Juliet) เกิดขึ้นในนิวยอร์ค (New York) คือ เร่ือง West Side Story, เกิดอะไร ขึ้นถา้ มนุษยด์ าวองั คารบุกโลก คือเร่ือง The Invasion of Mars, เกิดอะไรข้ึนถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเร่ือง Godzilla, เกิดอะไรข้ึนถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก คือเรื่อง The Independence Day, เกิด อะไรขึ้นถ้าเรอ่ื งโรเมโอแอนดจ์ เู ลียตเกิดขน้ึ บนเรือไททานิค คือ เร่ือง Titanic เปน็ ตน้ 3. การเขียนเร่ืองย่อ (Synopsis) คือ เร่ืองย่อขนาดส้ัน ที่สามารถจบลงได้ 3-4 บรรทัด หรือหนึ่งย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็นสตอรี่เอาท์ไลน์ (story outline) เป็นร่างหลังจากที่เรา คน้ คว้าหาขอ้ มลู แล้วกอ่ นเขียนเป็นโครงเรื่องขยาย (treatment) 4. การเขียนโครงเร่ืองขยาย (Treatment) เป็นการเขียนคาอธิบายของโครงเรื่อง (plot) ในรูปแบบของเรื่องส้ัน โครงเร่ืองขยายอาจใช้สาหรับเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์ท่ี สมบูรณ์ บางครั้งอาจใช้สาหรับยื่นของบประมาณได้ด้วย และการเขียนโครงเรื่องขยายที่ดีต้องมี ประโยคหลกั สาคัญ (premise) ทงี่ า่ ยๆ นา่ สนใจ (1) สว่ นประกอบของโครงเร่อื งขยาย (treatment) - การเปิดเรอ่ื ง คือ จดุ เร่มิ ต้นของเรอื่ งซึ่งถือวา่ เป็นตอนสาคัญท่ีจะดึงดูดความ สนใจของผอู้ ่านให้ตดิ ตามเรื่องราวตอ่ ไป - การดาเนินเรื่อง นอกจากโครงเรื่องจะประกอบด้วยการเปิดเร่ืองในตอนต้น แลว้ การดาเนินเร่ืองซงึ่ เปน็ ตอนกลางของเรือ่ งกม็ ีความสาคัญอยู่มากเช่นเดียวกัน เพราะผู้แต่งจะต้อง ดงึ ความสนใจของผอู้ า่ นให้ตดิ ตามเร่ืองอย่างจดจ่ออยู่เสมอ ดังนั้นจึงต้องสร้างความขัดแย้ง (Conflict) ที่เร้าใจ แล้วคล่ีคลายความขัดแย้งเหล่านั้นอย่างแนบเนียนไปจนถึงเป้าหมายสุดยอดในตอนปิดเร่ือง รวมทั้งตอ้ งอาศัยกลวิธเี ลา่ เรอ่ื งท่ีเหมาะสม - การปิดเรอ่ื ง (2) โครงสร้างของโครงเรื่องขยาย - บทเปิดเร่ือง (Exposition) คือ บทนาเรื่องที่ผู้แต่งจะปูพื้นฐานให้ข้อมูล เกยี่ วกบั ตวั ละคร เหตุการณ์ เวลา และสถานท่ี - การผูกปม (Complication) และการขมวดปม (Rising Action) คือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังบทเปิดเร่ือง ปัญหาและความขัดแย้งของโครงเรื่องจะค่อยๆ ปรากฏออกมาให้ เหน็ อย่างเดน่ ชัด และทวีความเขม้ ข้นข้นึ เรื่อย ๆ จนกระท่ังถงึ จุดหกั เหของเรอื่ ง - จุดวิกฤต (Crisis) เป็นส่วนหนึ่งของการขมวดปม ความตึงเครียดของเร่ือง สามารถเกิดข้ึนได้หลายคร้ัง ฉะน้ัน จุดวิกฤตจึงเกิดขึ้นได้มากกว่าหนึ่งคร้ัง แต่เม่ือเรื่องดาเนินมาถึง ความตึงเครียดท่ีสุดของเร่ืองจนเกิดการหักเหเป็นคร้ังสุดท้ายก่อนเรื่องจะจบลง ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุด ของเร่ือง และเปน็ จดุ สดุ ท้ายของชว่ งการขมวดปม - การแก้ปม (Falling Action) คือ ตอนท่ีเร่ืองค่อยๆ ลดความตึงเครียดลง ซ่งึ จะนาไปส่คู วามคลีค่ ลายของปมปญั หาและความขดั แย้งต่างๆ ในท่สี ุด - การคลี่คลายเรื่อง (Resolution หรือ Denouement) คือ การคล่ีคลาย ปญั หาและความขัดแย้ง เปน็ ตอนจบหรือตอนสดุ ทา้ ยของเรอ่ื ง ทาใหเ้ รอ่ื งจบได้อย่างสมบรู ณแ์ บบ 5. บทภาพยนตร์ (Screenplay) สาหรบั ภาพยนตร์บันเทิง หมายถึง บท (script) ซี เควนส์หลัก (master scene/sequence) หรือ ซีนาริโอ (scenario) คือ บทภาพยนตร์ที่มีโครงเร่ือง บทพูด แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทา (shooting script) เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้ว อยา่ งมีข้ันตอน ประกอบ ด้วยตัวละครหลักบทพูด ฉาก แอ็คชั่น ซีเควนส์ มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง
34 เช่น บทสนทนาอยู่ก่ึงกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานท่ี อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ ไม่มีตัวเลข กากบั ช็อต (shot) และโดยหลักทั่วไปบทภาพยนตรห์ น่ึงหนา้ มคี วามยาวหน่ึงนาที 6. บทถ่ายทา (Shooting Script) คือ บทภาพยนตร์ท่ีเป็นข้ันตอนสุดท้ายของการ เขียน บทถ่ายทาจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ ได้แก่ ตาแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การละลายภาพ หรือการจางซ้อนภาพ (dissolve) การ กวาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect) อื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี เลข ลาดับช็อตกากับเรียงตามลาดับตั้งแต่ช็อตแรกจนกระท่ังจบเรื่อง และขนาดภาพในการเขียน บท ถา่ ยทา 7. บทภาพ (Storyboard) คือ บทภาพยนตร์ประเภทหน่ึงท่ีอธิบายด้วยภาพ คล้าย หนังสือการ์ตูน ให้เห็นความต่อเน่ืองของช็อต ตลอดทั้งซีเควนส์หรือทั้งเรื่องมีคาอธิบายภาพประกอบ เสียงต่างๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสียงพูด เป็นต้น ใช้เป็นแนวทางสาหรับการถ่าย ทา หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า (Pre-visualizing) ก่อนการถ่ายทาว่า เมื่อถ่ายทาสาเร็จ แล้ว หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซ่ึงบริษัทของวอลต์ดิสนีย์ (Walt Disney) นามาใช้กับการ ผลิตภาพยนตร์การ์ตูนของบริษัทเป็นครั้งแรก โดยเขียนภาพเหตุการณ์ของแอ็คช่ันเรียงติดต่อกันบน บอร์ด เพอ่ื ใหค้ นดเู ข้าใจและมองเห็นเร่อื งราวล่วงหน้าไดก้ ่อนลงมอื เขยี นภาพ ส่วนใหญ่บทภาพจะมี เลขทล่ี าดบั ชอ็ ตกากับไว้ คาบรรยายเหตุการณ์ มมุ กล้อง และอาจมีเสียงประกอบด้วย โดยสตอรี่บอร์ด จะประกอบไปดว้ ยรายละเอยี ดดังน้ี (1) ตัวละครอะไรบ้างอยใู่ นซีน ตัวละครหรือวตั ถุเคลอื่ นไหวอยา่ งไร (2) ตัวละครมีบทสนทนาอะไรกนั บา้ ง (3) ใช้เวลาเทา่ ไหรร่ ะหวา่ งซนี ทแ่ี ลว้ ถึงซนี ปัจจบุ ัน (4) ใชม้ ุมกล้อง ใชก้ ล้องอะไรบา้ งในซนี นน้ั ๆ ใกล้หรือไกล หรือใช้มุมอะไร 7.6. สตอรบี่ อรด์ (Storyboard) 7.6.1 ความหมายของสตอรบ่ี อรด์ สตอร่ีบอร์ด คือ การเขียนกรอบแสดงเร่ืองราวท่ีสมบูรณ์ของภาพยนตร์หรือหนังแต่ละ เร่ือง โดยมีการแสดงรายละเอียดท่ีจะปรากฏในแต่ละฉากหรือแต่ละหน้าจอ เช่น ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี เสียงพูดและแต่ละอย่างน้ันมีลาดับของการปรากฏว่าอะไรจะปรากฏขึ้น ก่อน-หลัง อะไรจะปรากฏพร้อมกัน เป็นการออกแบบอย่างละเอียดในแต่ละหน้าจอก่อนท่ีจะลงมือ สรา้ งเอนเิ มชันหรือ หนังขน้ึ มาจริงๆ 7.6.2 หลกั การเขียนสตอรบี่ อรด์ รูปแบบของสตอรี่บอร์ด จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนภาพกับส่วนเสียง โดยปกติ การเขียนสตอร่ีบอร์ด ก็จะวาดภาพในกรอบส่ีเหลี่ยม ต่อด้วยการเขียนบทบรรยายภาพหรือ บทการสนทนา และส่วนสุดท้ายคือการใส่เสียงซ่ึงอาจจะประกอบด้วยเสียงสนทนา เสียงบรรเลง และเสียงประกอบตา่ งๆ ส่งิ สาคญั ที่อยู่ภายในสตอรีบ่ อรด์ ประกอบดว้ ย 1. ตัวละครหรอื ฉาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ ส่ิงของ สถานท่ีหรือตัวการ์ตูน และที่ สาคัญ คอื พวกเขากาลังเคลอ่ื นไหวอย่างไร 2. มมุ กลอ้ ง ทั้งในเรอื่ งของขนาดภาพ มุมภาพและการเคลอื่ นกล้อง 3. เสียงการพดู กันระหว่างตัวละคร มีเสยี งประกอบหรือเสียงดนตรีอยา่ งไร 7.6.3 ข้นั ตอนการทาสตอร่บี อร์ด
35 1. วางโครงเรอื่ งหลัก ไมว่ า่ จะเป็น Theme, ตัวละครหลกั , ฉาก ฯลฯ 1) แนวเรอ่ื ง 2) ฉาก 3) เน้อื เรื่องย่อ 4) Theme/แก่น (ขอ้ คดิ /สิง่ ท่ีตอ้ งการจะสอ่ื ) 5) ตัวละคร สิ่งสาคัญคือกาหนดรูปลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวให้โดดเด่น ไม่คล้ายกันจนเกินไป ควรออกแบบรูปลักษณ์ของตัวละครให้โดดเด่นแตกต่างกัน และมองแล้ว สามารถสอ่ื ถึงลักษณะนสิ ัยของตัวละครไดท้ นั ที 2. ลาดับเหตุการณ์คร่าวๆ จุดสาคัญคือ ทุกเหตุการณ์จะเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและ กัน เหตุการณ์ก่อนหน้าจะทาให้เหตุการณ์ต่อมามีน้าหนักมากขึ้น และต้องหา จุด Climax ของ เร่ืองให้ได้ จุดนี้จะเป็นจุดที่น่าต่ืนเต้นที่สุดก่อนที่จะเฉลยปมทุกอย่างในเร่ือง การสร้างปมให้ผู้อ่าน สงสัยก็เป็นจุดสาคัญในการสร้างเรื่อง ปมจะทาให้ผู้อ่านเกิดคาถามในใจและคาดเดาเน้ือเร่ืองรวมถึง ตอนจบไปตา่ ง ๆ นานา 3. กาหนดหนา้ 4. แต่งบท เป็นข้ันตอนสุดท้ายก่อนลงมือวาดสตอร่ีบอร์ด ควรเขียนบทพูดและ บทความคดิ ทจ่ี ะใชเ้ ขียนลงในหนงั ออกมาโดยละเอียดเพอ่ื ที่จะได้กาหนดขนาดของบอลลูนและจัดวาง ลงบนหนา้ กระดาษได้อย่าเหมาะสม 5. ลงมอื เขียนสตอรบ่ี อร์ด 8. โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ท่ีใช้ในการออกแบบ 8.1 โปรแกรมโฟโตช้ อป (Adobe Photoshop) เป็นโปรแกรมสาหรับจัดการกับภาพ หรืองานกราฟิกท่ีต้องการความละเอียดสูงและเป็น โปรแกรมท่ีได้รบั ความนยิ มในการแต่งภาพสามารถเปิดไฟล์รูปได้หลากหลาย เช่น JPEG, TIFF, DNG, TRAGA, BMP, PICT เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถตกแต่งสีให้กับรูปภาพท่ีคมชัดข้ึนอีกทั้งยังนิยมใช้ โปรแกรมโฟโต้ชอปในการรีทัชภาพ ไดคัทภาพ เพ่ือการออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ บรรจุภัณฑ์รวมถึงการ โฆษณาอีกด้วย ภาพที่ 19 แสดงไอคอลโปรแกรม Adobe Photoshop
36 8.2 โปรแกรมอลิ าสเตเตอร์ (Adobe Illustrator) เป็นโปรแกรมท่ีเหมาะสาหรับออกแบบวาดรูป ตราสัญลักษณ์ งานกราฟิกทุกประเภทด้วย ระบบเลเยอร์เทมเพลตเอฟเฟค ฟิตเตอร์ การเชื่อมต่อกับ Creative Cloud และเคร่ืองมือท่ีรองรับ การทางานรปู แบบต่างๆ มเี คร่ืองมีการใชท้ ่หี ลักหลายพอกับโปรแกรม Adobe Photoshop ภาพท่ี 20 แสดงไอคอลโปรแกรม Adobe Illustrator 8.3 โปรแกรมพรีเมยี ร์ (Adobe Premiere Pro) เป็นโปรแกรมท่ีใช้สาหรับการตัดต่อภาพ ท้ังภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ซ่ึงเป็นภาพมาจาก วิดีโอ ซีดี แม้กระท่งั การทางานเกีย่ วกบั เสียง หรอื หากมขี ้อมลู ภาพจากกล้องดิจิตอลอยู่แล้วก็สามารถ นาภาพจากกลอ้ งมาตดั ต่อ เพื่อสรา้ งเป็นภาพยนตร์สว่ นตวั ได้ ภาพที่ 21 แสดงไอคอลโปรแกรม Adobe Premiere Pro 10. งานวิจัยทเี่ กี่ยวข้อง สมศักด์ิ คลา้ ยสังข์ (2560) ไดศ้ กึ ษาเรอื่ งการพัฒนาสื่อวีดิทัศนแ์ ละส่ือออนไลนเ์ พอื่ ส่งเสรมิ การตลาดและการท่องเที่ยวแบบมสี ่วนร่วมในพ้ืนทเ่ี ขตตล่ิงชัน กรงุ เทพมหานคร วัตถปุ ระสงค์ของ การวิจยั ครง้ั นคี้ ือ เพ่ือพัฒนาสื่อวดี ทิ ศั น์ส่งเสรมิ การตลาดและการท่องเท่ียวแบบมีส่วนรว่ มในพนื้ ท่ีเขต ตลิง่ ชัน กรุงเทพมหานครท่ีมีประสิทธภิ าพตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 และเพ่ือพฒั นาสือ่ ออนไลน์ สง่ เสริมการตลาดและการท่องเท่ียวแบบมสี ่วนร่วมในพ้ืนทเี่ ขตตลิง่ ชัน กรุงเทพมหานคร โดยผูว้ ิจัยมุ่ง พัฒนาสอ่ื วดี ิทัศน์ที่มปี ระสทิ ธิภาพและสือ่ ออนไลน์ในรูปแบบเวบ็ ไซต์เพื่อส่งเสรมิ การตลาดและการ ท่องเท่ียวประเภทตลาดนา้ และศาสนสถานท่ตี งั้ อยู่บนเส้นทางการเดินทางทางน้าในพ้นื ทีเ่ ขตตล่งิ ชัน
37 กรุงเทพมหานคร โดยเนน้ กระบวนการการมสี ่วนรว่ มของชุมชน วธิ กี ารสุ่มกลมุ่ ตัวอยา่ งแบบจัด สดั สว่ น (Quota sampling)โดยแบ่งกลุ่มตัวอยา่ งท่ีคัดเลือกจากประชากรที่มลี ักษณะเป็น 5 กลมุ่ คือ ชาวบา้ นในชุมชน เจา้ หนา้ ที่ภาครฐั ผูป้ ระกอบอาชพี ด้านการบริการนักทอ่ งเทย่ี วปราญชท์ ้องถนิ่ และ นกั ทอ่ งเทยี่ ว จานวนกล่มุ ละ 8 คน รวม 40 คน ทาการสัมภาษณ์ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเส้นทางและ ทรัพยากรการท่องเที่ยวเพื่อนาข้อมลู ทไ่ี ด้ไปวางแผนในการผลิตสอ่ื วดี ทิ ศั น์และสื่อออนไลน์โดยใช้แบบ สัมภาษณแ์ บบไมม่ ีโครงสร้าง ประกอบกบั ข้อมลู เชิงประจักษ์ ทีไ่ ดจ้ ากการเดนิ ทางไปสารวจสถานท่ี ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของผ้วู จิ ยั ส่วนการดา้ นกระบวนการการผลิตส่อื วีดิทัศน์และสอ่ื ออนไลนท์ าการ คัดเลือกผู้แทนจากกลมุ่ ตวั อย่าง 5 กล่มุ จานวน 15 คน เพือ่ ทาการจัดกลุม่ สนทนา (Focus Group) โดยอาศยั หลกั การมีส่วนร่วมตามแนวทางการสรา้ งกระบวนการมสี ่วนรว่ ม เพอ่ื ลงความเห็นหา ขอ้ บกพร่องแล้วทาการปรบั ปรุงเนือ้ หาและรูปแบบการนาเสนอและทาการทดสอบประสทิ ธภิ าพส่ือวดี ิ ทัศนต์ ามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 ผลการวิจยั 1. พบเส้นทางการท่องเท่ียวทางนา้ เส้นทางใหม่ ตามคลองบางระมาด เรยี กว่า เสน้ ทางไหวพ้ ระ 9 วดั ซึง่ นกั ท่องเท่ยี วสามารถเดนิ ทางดว้ ยเรอื นาเทีย่ วที่มีให้บริการอยู่ใน ตลาดน้าทง้ั 4 แหง่ ในพ้นื ทเ่ี ขตตล่งิ ชัน ไปยังวัดต่าง ๆ ในเสน้ ทาง ดังนี้ วัดโพธิ์ วัดมะกอก วดั จาปา วัดกระจัง วัดทอง (บางระมาด) วดั สมรโกฏิ วดั มณฑป วดั ชา่ งเหล็ก และวดั ตล่ิงชนั 2. ได้รบั ส่อื วีดิ ทศั นส์ ง่ เสรมิ การตลาดและการท่องเทย่ี วแบบมสี ว่ นร่วม ชุด 9 วดั ความยาว 11.35 นาทีและชดุ 4 ตลาดน้า ความยาว 9.40 นาที ซึ่งมีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานในระดับ 83/86.7 ในการให้ ความรู้ ความเข้าใจและจงู ใจใหเ้ กิดความสนใจในการเดนิ ทางไปท่องเทยี่ ว ทงั้ นีไ้ ดน้ าเสนอข้อมูลท่ีได้ จากการวิจยั ผ่านชอ่ งทางสอ่ื ออนไลนใ์ นรูปแบบเว็บไซต์ 2 ภาษาทชี่ ่ือว่า www.talingchantour.com ให้ข้อมูลในแบบข้อความ ภาพน่งิ และวดี ิทัศน์ เพอ่ื ให้นักท่องเทยี่ วและผู้สนใจสามารถเข้าถงึ และชมได้ อยา่ งสะดวกและเกดิ ความนา่ สนใจ สภั ยา ไชยมาตย์ และ ณฐั พงษ์ พระลับรักษา (2558) ไดศ้ ึกษาเร่ืองการผลติ สื่อวีดิทศั น์เพือ่ การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเท่ยี วจังหวดั มหาสารคาม การวจิ ยั ครัง้ นี้เพื่อ 1) ผลิตสือ่ มัลติมีเดียเพื่อ การประชาสมั พนั ธแ์ หลง่ ท่องเท่ียวจังหวัดมหาสารคาม 2) ศึกษาความพงึ พอใจของผรู้ บั ชมสอ่ื มัลตมิ ีเดยี เพ่ือการประชาสมั พันธ์แหล่งท่องเท่ียวจงั หวัดมหาสารคามกลุ่มตวั อย่างที่ใชใ้ นการศึกษา คอื นกั ศึกษาคณะเทคโนโลยสี ารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีมลั ตมิ ีเดยี และแอนเิ มชนั มหาวิทยาลัย ราชภฏั มหาสารคาม จานวน 30 คน เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการศึกษา ได้แก่ สื่อมลั ตมิ ีเดยี เพื่อการ ประชาสมั พนั ธแ์ หลง่ ท่องเท่ียวจังหวัดมหาสารคาม แบบประเมินความพึงพอใจของผใู้ ชท้ ่ีมีสอื่ มลั ตมิ ีเดยี เพ่ือการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเทย่ี วจังหวัดมหาสารคาม สถติ ิทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ ขอ้ มลู คือ ค่าเฉลี่ย และค่าสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1) ได้สอื่ มัลติมีเดยี เพื่อการ ประชาสมั พนั ธแ์ หลง่ ท่องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคามในรูปแบบของ รายการน าเทย่ี วจานวน 3 ตอน คือ ตอนพระธาตนุ าดูน ความยาว 11 นาทีตอนกสู่ ันตรัตน์ ความยาว 11 นาที ตอน ปา่ ดูนลาพัน ความยาว 10 นาที 2) ผู้ชมมคี วามพึงพอใจต่อส่ือมัลติมีเดียเพอื่ การประชาสมั พนั ธแ์ หล่งทอ่ งเทย่ี ว จงั หวัด มหาสารคามอยู่ในระดับมาก (X = 4.45, SD = .80) งานวิจัยของ กาลัญ วรพิทยตุ เรือ่ ง กลยุทธก์ ารออกแบบงานโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาถึง “กลยุทธ์การออกแบบงานโฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์” โดยทาการศึกษา ในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์ ได้แก่ ความสาคัญของการโฆษณาทางส่ือ ส่ิงพิมพ์ หลักและองค์ประกอบศิลป์ในการออกแบบงานโฆษณาทางส่ือสิ่งพิมพ์ ขั้นตอนการออกแบบ
38 งานโฆษณาทางสอ่ื สิง่ พิมพ์ กลยทุ ธ์และเทคนคิ การออกแบบงานโฆษณาทางสื่อส่ิงพิมพ์ คุณสมบัติของ ผู้ออกแบบงานโฆษณาทางส่ือสิง่ พิมพ์และแนวโนม้ และทิศทางของการโฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์ โดยมีวิธี เก็บข้อมูลและประมวลผลข้อมูล คือ การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร ตาราและบทความท่ี เกี่ยวข้องกับการออกแบบงานโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ การสัมภาษณ์ แบบเจาะลกึ จากนกั วิชาการและนักวิชาชีพท่ีมีความรู้ มีประสบการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับการออกแบบงาน โฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์ จานวน 7 คน โดยนาข้อมูลท้ังสองส่วนมาวิเคราะห์กับแนวคิดและทฤษฎีที่ ศกึ ษา ซงึ่ ผลจากการศึกษาและวิจยั ครงั้ น้ีพบว่า 1) ความสาคญั ของการโฆษณาทางสอ่ื ส่งิ พิมพ์ เปน็ สื่อโฆษณาท่ีมคี วามสาคญั มากเพราะให้ ข้อมลู ขา่ วสารไดห้ ลากหลาย สามารถเข้าถึงกลุ่มเปา้ หมายเฉพาะได้ทุกกลุ่ม เป็นส่ือโฆษณาท่ีมีราคาใน การผลิตต่าเป็นส่ือโฆษณาท่ีเจ้าของสินค้าและบริการเลือกใช้ลาดับแรก ที่สาคัญเป็นสื่อที่เข้ากับ ลกั ษณะธรรมชาตมิ นุษย์ คือการอา่ นหนงั สือ 2) องค์ประกอบศิลป์ในการออกแบบงานโฆษณาทางสื่อส่ิงพิมพ์ “ศิลปะ” มีความสาคัญมาก ทาใหง้ านออกแบบมีความสวยงาม “สี” คือ สิ่งทีม่ ีอทิ ธพิ ลทส่ี ดุ ในใจของ “ผู้บริโภค” การวางตาแหน่ง และการกาหนดสัดส่วนให้กับการออกแบบงานโฆษณาเพื่อให้งานมีความโดดเด่น ด้วยการศึกษางาน ศลิ ปะจะชว่ ยทาใหก้ ารออกแบบมีความนา่ สนใจขน้ึ ท่ีสาคัญ “ศิลปะ” เกิดการย้อนยุคและสามารถนา กลับมาใชก้ ับงานออกแบบไดเ้ สมอ ฉะน้นั ผ้อู อกแบบจกั ต้องเปน็ ผ้คู าดเดา Trend ท่ดี ี 3) ข้ันตอนการออกแบบงานโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ จะเริ่มขึ้นจากการรวบรวมข้อมูล การ วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายด้วยหลัก “จิตวิทยา” การศึกษาคู่แข่งและการทางานร่วมกันเป็นทีมของทุก ฝ่ายทเ่ี กี่ยวขอ้ งจะช่วยให้งานออกมาตรงตามวัตถปุ ระสงค์ 4) กลยุทธ์และเทคนิคการออกแบบงานโฆษณาทางสอ่ื ส่ิงพิมพ์ ดว้ ยการใช้ “ภาพ” นบั วา่ เป็น กลยุทธท์ ไี่ ด้ผลท่ีสดุ ในการออกแบบ เพราะภาพจะมีผลต่อสายตา การสร้างความสดและความใหมใ่ น ลกั ษณะของงานออกแบบที่ไม่มีใครทา หรือ นกึ ไมถ่ ึง กเ็ ปน็ อกี วธิ ีหนงึ่ ทส่ี า คญั การออกแบบตอ้ ง สามารถสรา้ ง “กิเลศ”ความต้องการใหเ้ กิดข้ึนกับกลมุ่ เปา้ หมายใหไ้ ด้ 5) คุณสมบัติของนักออกแบบงานโฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์ ในลาดับแรกนั้น ต้องศึกษาหา ความรู้และมีความรู้ท่ีหลากหลาย ท้ังด้านศิลปะ การตลาด เปิดรับส่ิงใหม่ๆและศึกษา“ศาสตร์” การ เปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาเป็นผู้ที่สังเกตและวิเคราะห์ ตั้งปัญหาต้ังแต่ประเด็นเล็กๆ จนถึงประเด็น ใหญ่ เพ่อื ฝึกฝนการทางานอยา่ งเป็นกระบวนการและเป็นข้นั ตอน 6) แนวโน้มและทิศทางของโฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์ “ โฆษณาทางส่ือส่ิงพิมพ์” จะมีความ หลากหลายแบง่ เปน็ เฉพาะกลุม่ และสามารถเขา้ ถึงกลมุ่ เปา้ หมายได้มากขน้ึ จะมีเทคโนโลยีและเทคนิค ใหม่ๆ ที่เข้ามาช่วยทาให้การออกแบบมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน ฉะน้ันผู้ออกแบบต้องสนใจติดตาม และศึกษาการเปลย่ี นแปลง รวมถงึ พัฒนาตนเองอยูต่ ลอดเวลา งานวิจัยของ วินัย วรวัตร์ เรื่อง แนวโน้มการใช้ส่ือและเทคโนโลยีเพื่อการประชาสัมพันธ์ ของสานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2549 –
39 2553. ของงานวิจัยวัฒนธรรมของสานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ 2548 โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มการใช้สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการประชาสัมพันธ์ของสานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2549 – 2553 การวิจัยน้ีเป็น การวิจัยเชิงพรรณา โดยใช้วิธีวิจัยแบบเทคนิคเดลฟายในการศึกษาความคิดเห็นของกลุ่มผู้เช่ียวชาญ ด้านการสื่อสารและ/หรือประชาสัมพันธ์ที่มีประสบการณ์โดยตรงจากการปฏิบัติงานหรือวิชาชีพ นักวิชาการด้านการสื่อสารและ/หรือประชาสัมพันธ์ ของผู้บริหารระดับสูงทีมีหน้าท่ีรับผิดชอบด้าน การใช้สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการประชาสัมพันธ์ ซ่ึงผู้วิจัยได้เลือกผู้เช่ียวชาญท่ีมีประสบการณ์ หรือ เป็นท่ีรู้จักและยอมรับแบบเฉพาะเจาะจง เป็นกลุ่มตัวอย่างจานวน 21 คน ในรอบแรกเก็บข้อมูลโดย การสัมภาษณ์ แล้วนาคาตอบท่ีได้มาสร้างเป็นแบบสอบถามรอบท่ี 2 โดยเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณคา่ 5 ระดบั จานวน 71 ข้อ แล้วนาส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเดิมได้เลือกแสดงความคิดเห็นใน แต่ละข้อ เมื่อได้คาตอบรอบที่ 2 กลับคืนมา ได้นามาวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่ามัธยฐาน และค่า พิสยั ระหวา่ งคลอไทล์ แลว้ นามาสร้างเป็นแบบสอบถามรอบที่ 3 แลว้ นาส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเดิมให้ พจิ ารณาทบทวนคาตอบของตนเองอกี ครั้ง นาคาตอบผู้เชีย่ วชาญในรอบที่ 3 ได้นาวิเคราะห์ข้อมูลโดย การหาคา่ มัธยฐาน ฐานนยิ ม ผลต่างระหวา่ งคา่ มธั ยฐานกบั ฐานนิยม และคา่ พิสัยระหว่างคลอไทล์ ผลการวิจัยได้แนวโน้มการใช้สื่อและเทคโนโลยีเพ่ือการประชาสัมพันธ์ของสานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2549 – 2553 ตามความ เป็นไปได้ที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยกับข้อความนั้นมากถึงมากท่ีสุด คือ มีค่ามัธยฐานตั้งแต่ 3.50 ขึ้น ไป และมคี วามสอดคล้องกันทางความคิดเห็นของกลุ่มผู้เช่ียวชาญ คือ เป็นแนวโน้มท่ีมีความแตกต่าง ระหว่างมัธยฐานกับฐานนิยมไม่เกิน 1 และมีความแตกต่างระหว่างคลอไทล์ท่ี 3 กับคลอไทล์ท่ี 1 ไม่ เกิน 2.00 ดงั น้ี 1. แนวโน้มบทบาทของส่ือและเทคโนโลยีเพ่ือการประชาสัมพันธ์ของสานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในช่วงปี พ.ศ. 2549 – 2553 เรียงตามลาดับความสอดคล้องกัน ดังน้ี 1) อนุรักษ์ส่ิงที่เป็นวัฒนธรรมเก็บไว้ในรูปของสื่อต่างๆ 2) ประชาสัมพันธ์ให้เห็นความสาคัญ และบทบาทของสานักงาน 3) สร้างกระแสให้บุคคลเกิดความรู้ความเข้าใจและเห็นคุณค่าของงาน วัฒนธรรม 4) เผยแพร่กิจกรรมต่างๆ ของสานักงานฯ สู่ชุมชน 5) แจ้งแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ เหมาะสมและถูกต้อง 6) เพ่ือแจ้งข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานแก่ประชาชน 7) ปลุกเร้าจิตสานึกใน วัฒนธรรมใหค้ นไทยรกั และหวงแหน 8) ชักชวนใหค้ นไทยเห็นแบบอย่างตามขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของชาติ 9) ปลูกฝังค่านิยมให้รักและหวงแหนวัฒนธรรมไทย 10) แก้ไขภาพลักษณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยทอี่ าจทาใหม้ คี วามเข้าใจไมถ่ กู ต้อง 11) สร้างความสัมพันธ์ในการทางาน ร่วมกันของบุคลากรในหน่วยงาน 12) ประชาสัมพันธ์ให้ประเทศชาติเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และ 13) เผยแพร่ความรู้ขา่ วสารเก่ียวกับวฒั นธรรมไทยไปสคู่ นไทยและชาวตา่ งชาตอิ ย่างทว่ั ถงึ 2. แนวโนม้ รูปแบบของสื่อและเทคโนโลยเี พอ่ื การประชาสมั พันธข์ องสานกั งานคณะกรรมการ วฒั นธรรมแหง่ ชาติ ในชว่ งปี พ.ศ. 2549 – 2553 เรยี งตามลาดบั ความสอดคล้องกนั ดงั น้ี
40 2.1 สอ่ื โทรทศั น์ คือ 1) การสนทนาทางโทรทัศน์โดยผทู้ รงคณุ วุฒิ 2) สารคดีส้นั และ ละครสัน้ และ 3) การถ่ายทอดสดกิจกรรม/โครงการของหน่วยงาน 2.2 ส่ือวทิ ยุ คอื 1) สารคดสี น้ั และ 2) การสนทนาทางวทิ ยุโดยผทู้ รงคณุ วุฒิ 2.3 สื่อวีดทิ ศั น์ คือ 1) ผลิต CD,VCD เกี่ยวกบั แนวประพฤตปิ ฏิบตั ิวัฒนธรรมแจก จ่ายไปยังสถาบันการศึกษาฟรีทุกแห่ง 2) วีดิทัศน์แบบดิจิตอล และ 3) ผลิต CD, DVD, VCD งาน ประชมุ สัมมนา 2.4 สิ่งพิมพ์ คอื 1) สื่อเอกสารเผยแพรส่ าระความรู้ใช้การผลติ เปน็ เอกสารเผยแพร่, วารสาร, นิตยสาร 2) สื่อทางการพิมพ์ใช้รูปแบบการพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 3) ส่ือเอกสาร เผยแพร่สาระความรใู้ ชก้ ารผลิตเป็นวารสารวัฒนธรรมไทย, จุลสารภายในองค์กร Newsletter 4) สื่อ เอกสารประชาสัมพันธ์ประเภทข่าวแจก (Press Release) 5) สื่อภาพนิ่งใช้รูปแบบการถ่ายทาและ พิมพ์แบบดิจิตอล 6) ส่ือเอกสารเผยแพร่สาระความรู้ใช้การผลิตเป็นโปสเตอร์ และ 7) ส่ือป้ายคัท เอาท์รณรงค์วัฒนธรรมเข้มแข็งชาติม่ันคง ในทุกชุมชนเมืองใหม่ สนามบิน สถานีรถไฟ และสถานี ขนส่ง 2.5 สอื่ นทิ รรศการและการจดั กิจกรรมของหนว่ ยงาน คอื 1) จัดสัมมนาส่อื มวลชน นิสติ นกั ศกึ ษา ดา้ นการประชาสมั พันธ์ 2) สือ่ นิทรรศการภายในหน่วยงานใชก้ ารจัดภายในอาคารของ สานักงาน 3) ส่ือนิทรรศการใช้การนาเสนอในโอกาสต่างๆ ร่วมกับการแสดงของหน่วยงานอื่น 4) กจิ กรรมจดั สอื่ มวลชนสญั จรศึกษาภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น 5) กิจกรรมจดั สัมภาษณ์ผู้บริหาร 6) จัดประกวด กิจกรรมทางวัฒนธรรม 7) จัด “ข่าวประชาสัมพันธ์วัฒนธรรม” ในศาลากลางจังหวัด ท่ีว่าการ อาเภอ ที่ทาการ อบต. ทกุ แห่ง 8) กจิ กรรมจดั สัมมนาผบู้ รหิ าร และ 9) ละครเวทีสญั จร 2.6 มลั ตมิ เี ดีย คือ สอื่ เทคโนโลยกี ารผลิตสไลดแ์ ละสไลด์มัลตวิ ิชั่น 2.7 อเิ ล็กทรอนกิ ส์ คือ ส่ือออนไลนใ์ หค้ วามรู้แกบ่ คุ คลทว่ั ไป 2.8 รูปแบบของสื่อที่เหมาะสม คอื 1) สื่อมีความหลากหลายทัง้ เนอ้ื หา สาระชอ่ ง ทาง และวธิ กี ารสอื่ สาร 2)ส่ือมีความทันสมยั เหมาะสมกบั สถานการณ์ รวดเรว็ ทันสมัยตลอดเวลา 3) ส่อื มรี ูปแบบเหมาะสมกบั ผู้รับส่ือ ทงั้ ด้านความคิด ความรู้ วัย ทศั นคติ ความพร้อม และอ่นื ๆ 4)ส่ือใช้ ทกุ รูปแบบขนึ้ อยู่กบั ลกั ษณะกิจกรรม/โครงการ 5)ส่อื ที่ใชใ้ นการเก็บรักษาเปน็ ส่ือทคี่ งทนถาวร 6)สอื่ มรี ูปแบบเหมาะสมกับเนอื้ หาท่ตี อ้ งการประชาสัมพนั ธ์ 7)ส่ือผา่ นกระบวนการออกแบบอยา่ งเหมาะสม โดยมกี ารประยุกต/์ บรู ณาการ หลกั การและทฤษฎีทางด้านเทคโนโลยที างการศึกษา และหลกั การทาง ดา้ นจิตวทิ ยาการศึกษามาใช้ในการออกแบบ 3. แนวโน้มชนิดและลักษณะของสื่อและเทคโนโลยีเพ่ือการประชาสัมพันธ์ของสานักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในช่วงปี พ.ศ. 2549 – 2553 เรียงตามลาดับความสอดคล้องกัน ดงั นี้ 3.1 ชนดิ ของสื่อและเทคโนโลยเี พื่อการประชาสัมพนั ธ์ ของสานกั งานคณะกรรมการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106