ISSN 2586-8268 (Print) ISSN 2651-0723 (Online)
วารสารวิิชวาากรสาารรรวัชิ ับากใาชร้ส้รับัังใชคส้ มงั คมมหมหาาววิทิิทยยาลายัลเัทยั คเโทนโคลยโนรี าโชลมยงีคีรลลาา้ชนมนางคลล้้านนา วตั ถุประสงค์ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีวัตถุประสงค์เพ่ือตีพิมพ์ผลงาน วิชาการด้านรับใช้สังคม ทั้งงานวิจัยและงานบริการวิชาการ เผยแพร่เพ่ือพัฒนาสังคมและส่งเสริมให้นักวิชาการ ด้านรบั ใชส้ งั คมในหน่วยงานต่าง ๆ ได้มแี หล่งนาเสนอผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะ เจา้ ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ทปี่ รกึ ษากองบรรณาธิการ สง่าจิตร ผู้ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีอธกิ ารบดี รองศาสตราจารยศ์ ลี ศิริ ใจวงศษ์ า มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ดร.สุรพล รองอธกิ ารบดฝี ่ายวิจัยและบรกิ ารวชิ าการ กองบรรณาธกิ ารผ้ทู รงคุณวุฒภิ ายในและภายนอก มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ณุ ดร.อารยี ์ วบิ ูลย์พงศ์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ศาสตราจารย์ ดร.จกั รี เสน้ ทอง มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ผดุงศักดิ์ รตั นเดโช มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ ศาสตราจารย์ ดร.พรี ะพงศ์ ทีฆสกลุ สถาบันคลังสมองของชาติ รองศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา แก้วเทพ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.อาวรณ์ โอภาสพัฒนกจิ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สมั ภัสตะกลุ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.ธงชยั ฟองสมุทร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ รองศาสตราจารย์ ดร.กติ ติ บุญเลศิ นิรันดร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.พรหทัย ตัณฑ์จิตานนท์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.ชิติ ศรตี นทิพย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา รองศาสตราจารย์ ดร.พานชิ อินต๊ะ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.รุง่ นภา ชา่ งเจรจา มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ สทุ ศั น์ จุลศรไี กวัล มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาพรรณ พรมศริ ิ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปฏภิ าณ สทุ ธกิ ุลบตุ ร มหาวิทยาลยั นเรศวร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิสิษฏ์ มณีโชติ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.คมกฤตย์ ชมสุวรรณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ไกรสทิ ธิ์ วสเุ พญ็ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ผู้ชว่ ยศาสตราจารยด์ วงพร ออ่ นหวาน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยุทธนา เขาสุเมรุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ผ้ชู ่วยศาสตราจารยส์ ันติ ชา่ งเจรจา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดร.สมคดิ แกว้ ทิพย์ RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
คณะกรรมการดาเนินงาน ธารพรศรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกรยี งไกร ผสั ดี ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์นทชี ัย บัวเจริญ นายวสิ ุทธิ์ ราชสม นางสาวสุรีวรรณ เขาสุเมรุ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ยทุ ธนา ศรีตนทิพย์ รองศาสตราจารย์ ดร.ชติ ิ อนิ ต๊ะ รองศาสตราจารย์ ดร.พานิช ออ่ นหวาน ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดวงพร วรพจน์พรชยั ผ้ชู ่วยศาสตราจารยไ์ พโรจน์ กาแพงแกว้ นายนรศิ หอชยั รตั น์ วา่ ทีร่ อ้ ยตรรี ชั ต์พงษ์ ศรีประเสรฐิ ว่าทรี่ อ้ ยตรีเกรยี งไกร พรมพราย นายพิษณุ คายอง นายวิษณลุ กั ษณ์ ช่นื สมบตั ิ นายจักร์รินทร์ อ่อนนวล นางสาวทนิ สารภี นางสาวรตั นาภรณ์ สภุ าพรเหมินทร์ นายเจษฎา ผอู้ ยสู่ ุข นางสาวสธุ าสนิ ี แสงใส นางสาวหนึง่ ฤทัย ตน้ ใส นางสาววราภรณ์ ณ วรรณมา นายวรี วิทย์ พิมพ์ท่ี สถาบนั ถา่ ยทอดเทคโนโลยีสูช่ มุ ชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 98 หมู่ 8 ตาบลป่าปอ้ ง อาเภอดอยสะเกด็ จังหวัดเชียงใหม่ 50220 สานักงาน สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยสี ูช่ ุมชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 98 หมู่ 8 ตาบลปา่ ป้อง อาเภอดอยสะเก็ด จังหวดั เชยี งใหม่ 50220 แควิิตชณ่่ใา หะก้วคคผอ้ ูา้้าัดิด้า้ร�จรรัลงเบัดัหสออับททิ็นิงาำกคใทำ�รีขช่ว่้แแวบ�มอ้สาัติชลาทงมัง่ใาคะคคทหุกมณวมกุิ้อาิาใเะ้ารรชมืม่ง่ผอ่�ร่คทอหู้ัจบงิงุวกไาัดใดทเาว้ชทริร้มี่มิัท้ื่สอาบั ารยแังงักับไคาลาดลมผระัร้ิัตยมิดับมรเิใชกทวหชาอจคา่ครบคโววตนวิทขาราโมยอวลมราจงยถับีลูคกีรกู ัผยวอาต้เิาดชงอ้ทมชบมงคถทองรโูกคาบรนตงลณขโว้อลิลอชิ้าง้ายงทาธนิกีรกิากาอนางาชรงาวรโบมิช ดเงรายปแครก็ผ็ลนูณลา้ท้� ะแรลารกโน้าธงดอนวิกคยุงคานณุ ผิบริดาูท้วุรขฒุรแเริปองลิณขคง็นะ้ผุอณู้กาแ้�้คเธอนวขิวีิกงุฒีวยาบาคนมิ ขรริด แรไ้อมขลณิมค่ิะใอ่สชวาบง่ธาง่คผทิมกววู้คเาแขนาวรลียมสาไิะนมคิทมิบใิด่สธมินท์เ�งคิใหวัคว็ชัดา็นวน่รคลาขสสวมออาิทาใกรงนมธ์ิ วารสารวิชิ าการรับั ใช้้สัังคม มทร.ล้้านนา ปีที ี่่� 5 ฉบัับที่�่ 1 มกราคม -มิถิ ุุนายน 2564
ปรระาจำย�ำ ฉชื่ร�อ่บาัผยับูช้ท�้ ่ือปผรีปีทูท้ีง่ีท่ร� คง่ี5ุ5คุณณุ ฉฉบววบุฒุบััุฒบัทิผิีู่ปท้1ีผิู่ร่้� เะ�ป้1ดเมรือเินนดะบืเมอืทมิกคนินรวาบามคมทมก(คP–รeวาeมrาคิถRมนุมeาvย(-iPนeweม2ิ)e5ถิ ป6ุrนุ4ระRาจeายฉvนบiบัe2w5)64 รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สมั ภัตตะกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา ไชยมหาวนั มหาวทิ ยาลยั พะเยา รองศาสตราจารย์ ดร.รวีโรจน์ ศรีคำภา มหาจฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตแพร่ รองศาสตราจารยบ์ ษุ บา อารีย์ มหาวทิ ยาลยั พายพั ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชญา วรามติ ร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มงคลกร ศรีวชิ ยั มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พนิ ิจ เน่ืองภริ มย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรสิทธ์ิ วสเุ พญ็ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปฏภิ าณ สุทธกิ ลุ บุตร มหาวิทยาลยั แม่โจ้ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปริญ คงกระพันธ์ มหาวทิ ยาลัยแม่โจ้ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วชั ระ วัธนารวี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ผู้ช่วยศาสตราจารยว์ ัฒนา มกรโรจนฤ์ ทธิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์บษุ ณีย์ เทวะ มหาวิทยาลยั พิษณโุ ลก ผู้ชว่ ยศาสตราจารยเ์ สรฐสดุ า ปรีชานนท์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ดร.พณิ นภา หมวกยอด มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ ดร.เสกสรร ท้าวทมุ มา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ วารสารวิชิ าการรับั ใช้ส้ ังั คม มทร.ล้า้ นนา ปีีที่่� 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิถิ ุุนายน 2564
สารบััญ หน้า้ 1 การจัดั การศึึกษาวิิถีใี หม่ภ่ ายใต้้สถานการณ์์วิิกฤติโิ ควิิด-19 โดยการบููรณาการเรีียนการสอนกัับการพััฒนาท้อ้ งถิ่่�นของมหาวิทิ ยาลัยั ราชภััฏธนบุรุ ีี จักั รพัันธ์์ พรมฉลวย 13 การพัฒั นาระบบการให้น้ ้ำำ�� พืืชสํําหรัับพื้้�นที่่�ขาดแคลนน้ำำ�� กรณีศี ึกึ ษา บ้า้ นแม่ข่ ี้้�มููก ตํําบลบ้า้ นทับั อํําเภอแม่แ่ จ่ม่ จัังหวัดั เชียี งใหม่่ จิริ ศักั ดิ์์� ปัญั ญา, สมาน ดาวเวียี งกััน, เมธัสั ภัทั ทิิยธนีี กระบวนการมีสี ่ว่ นร่ว่ มสร้้างการผลิติ ทางการเกษตรที่่�ดีีและเหมาะสม (GAP) ของผลผลิิต 23 สัับปะรดในตํําบลบ้า้ นสา อํําเภอแจ้ห้ ่ม่ จังั หวัดั ลํําปาง สันั ติิ ช่่างเจรจา, รุ่�ง่ นภา ช่่างเจรจา 35 การจัดั ทํําบัญั ชีีเพื่�อ่ การตัดั สินิ ใจเชิงิ เศรษฐกิิจสํําหรับั ผู้้�ประกอบการทางวััฒนธรรม อํําเภอแม่แ่ จ่ม่ จังั หวััดเชียี งใหม่่ ศศิพิ ััชร์์ สัันกลกิจิ , ผจงวาด ปาลกะวงศ์์ ณ อยุุธยา, ศุุภลัักษณ์์ จงชานสิิทโธ การใช้ป้ ระโยชน์จ์ ากเศษกระจกในผลิติ ภััณฑ์ค์ อนกรีตี บล็็อกประสานปููพื้้น� 43 เจษฎาพงษ์์ หาญสุุทธิิเวชกุุล, มนตรีี จุุใจ, ชยาวุุธ ใฝ่จ่ ิติ ต, และวััชราวุุฒิิ ศรีีจุุมปา, มงคลกร ศรีีวิิชััย 51 การวิิเคราะห์ส์ ภาพแวดล้อ้ มและศัักยภาพ และการยกระดับั มาตรฐาน การบริิหารจัดั การกิิจการกลุ่�มอาชีีพกล้้วยอบ กทบ. แม่ก่ ๊๊ะ สุุรีวี รรณ ราชสม 61 กระบวนการทางสัังคมศาสตร์:์ บทเรียี นความสํําเร็็จของการพััฒนาต้น้ แบบเยาวชน ตํําบลเขื่�อ่ นผาก อํําเภอพร้้าว จังั หวัดั เชียี งใหม่่ ลมััย ผััสดีี, นทีชี ััย ผัสั ดี,ี สธนธร สััมฤทธิ์� 71 การพััฒนาระบบสููบน้ํ�าพลัังงานแสงอาทิิตย์ร์ ่่วมกับั ระบบ IoT แบบไฮโดรกริิด เพื่่อ� ฟื้�้นฟููนิเิ วศป่า่ ชุุมชน ปรีชี า ศรีปี ระภาคาร1, พีีระยศ แข็็งขันั , มณีรี ัตั น์์ วงษ์์ซิ้�ม้ , วิสิ ูตู ร์์ ยังั พลขัันธ์,์ สัักริินทร์์ แซ่่ภู่� RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
การจัดการศกึ ษาวถิ ีใหมภ่ ายใต้สถานการณว์ ิกฤตโิ ควดิ -19 โดยการบรู ณาการเรียนการสอนกบั การพฒั นาทอ้ งถน่ิ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบรุ ี The study of new normal education management during COVID-19 by integrating instruction with local development of Dhonburi Rajabhat University จักรพนั ธ์ พรมฉลวย1* Jakkapan Promchaluay* 1อาจารย์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ธนบุรี 1Lecturer, Faculty of Humanities and Social Sciences, Dhonburi Rajabhat University. E-mail : [email protected] เบอร์โทรศพั ท์ 064-9324996 บทคดั ยอ่ การศึกษาวิจัยเร่ือง การจัดการศึกษาวิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยการบูรณาการเรียนการ สอนกับการพัฒนาท้องถิ่นของมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏธนบรุ ี มีวัตถุประสงค์เพอื่ ศึกษาสภาพการการจัดการศึกษาวิถีใหม่ ตามแนวนโยบายการจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤตโิ ควดิ -19 กรณีศึกษา การบูรณาการเรียนการสอน มหาวิทยาลยั ราชภัฏธนบรุ ีกบั การพฒั นาท้องถ่ิน เพื่อวิเคราะห์การนานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิของมหาวทิ ยาลยั ตลอดจน เสนอแนะแนวทางการพัฒนานโยบายการจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 กับการบูรณาการ เรียนการสอนเพ่ือการพัฒนาท้องถ่ิน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบกรณีศึกษาจากมหาวิทยาลัย ราชภฏั ธนบุรี โดยศกึ ษาจากขอ้ มลู เอกสาร (documentary data) และการสมั ภาษณ์ผู้ให้ข้อมลู สาคัญ จานวน 10 คน คดั เลอื กจากตาแหนง่ บรหิ าร ผ้รู ับผิดชอบหลักสูตร กรรมการบริการวิชาการ และผูแ้ ทนชมุ ชนท้องถนิ่ เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ใน การสารวจข้อมูล คือ แบบสัมภาษณ์ ผลการศึกษา พบว่า การจัดการศึกษาวิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยการบรู ณาการ การเรยี นการสอนกับการพฒั นาทอ้ งถิน่ เปน็ ไปตามนโยบายและแนวทางของรฐั บาลและกระทรวงฯ และสามารถดาเนินการได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพทุกข้ันตอน โดยการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบบรู ณาการเรยี น กับการพฒั นาท้องถิ่น ซง่ึ เป็นแนวทางการจัดการศึกษาตามยทุ ธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฎเพ่ือการพัฒนาท้องถน่ิ คาสาคญั การจดั การศึกษาวถิ ใี หม่ โควดิ -19 นโยบาย พัฒนาท้องถ่ิน ABSTRACT The purposes of this study were to find out an approach to the new normal education management during the crisis situation of COVID-19. Case study: Integrating instruction with local development of Dhonburi Rajabhat University. In addition, to analyze the implementation of university's policy, as well as suggest guidelines for instruction policy development under the pandemic and the integrating instruction with local development. This research is a qualitative research with a case study from Dhonburi Rajabhat University. The methods were to review the literature (documentary data) and interview 10 selective วารสารวิิชาการรัับใช้ส้ ังั คม มทร.ล้า้ นนา 1 ปีีที่�่ 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิถิ ุนุ ายน 2564
samples; selected from management positions, person in charge of the course, academic service committee, and local community representative. The research instrument used in collecting the data was an interview form. The result reveals that new normal education management under COVID-19 circumstance is effectively followed the government and ministry of education’s policy and can operate well in every procedure. Online integrating instruction with local development is an educational management approach according to the strategy of Rajabhat University for local development. Keywords new normal education management, COVID-19, policy, local development บทนา การสอนในมหาวิทยาลัยราชภัฎได้ แต่จะมีปัญหากับ จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 การบูรณาการเรียนการสอนกับการพัฒนาท้องถิ่นเพ่ือ เพ่ิมทักษะปฏิบัติในการในการประยุกต์ใช้ความรู้ลงสู่ ซงึ่ มีแนวโนม้ ทจี่ ะเกิดการระบาดรนุ แรงและวงกว้าง เพอื่ การพัฒนาท้องถิ่นซ่ึงถือว่าเป็นอุดมการณ์ท่ีสาคัญของ เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ให้ปฏิบัติงานเพ่ือ มหาวิทยาลยั ราชภัฎ จึงเห็นได้ว่าโรคระบาด COVID-19 ปอ้ งกันการระบาด ลดความตื่นตระหนกของคนในสงั คม ส่งผลตอ่ การจดั การเรียนการสอนเพ่ือการพฒั นาท้องถิ่น และสร้างความเชื่อมั่นโดยอาศัยความร่วมมือจาก อย่างชัดเจน เครือข่ายต่าง ๆ ในสังคม คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม มีมติ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยต้องการ ให้สถานศึกษาปิดการเรียนการสอนช่ัวคราว ต้ังแต่ ก า ร ศึ ก ษ า ส ภ า พ ก า ร ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า วิ ถี ใ ห ม่ ต า ม วันอังคารท่ี 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 และให้สถานศึกษา แนวนโยบายการจัดการเรียนการสอน ภายใต้ ดาเนินการป้องกันโรคตามมาตรฐานของ กระทรวง สถานการณ์วกิ ฤติโควิด - 19 กรณีศึกษา การบูรณาการ สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด (Strategy and Planning เรียนการสอนมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีกับการพัฒนา Division Ministry of Public Health, 2017) หน่ึงใน ท้องถ่ิน และเพ่ือวิเคราะห์การนานโยบายไปปฏิบัติ วิธีการรับมือกับ การระบาดคือ การเพิ่มระยะห่าง ตลอดจนเสนอแนะแนวทางการพัฒนานโยบายการ ระหว่างกันในสังคม (Social distancing) เพื่อป้องกัน จัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 การระบาดจากคนสู่คนซึ่งมาตรการน้ีได้ส่งผลดีกับ กับการบูรณาการเรียนการสอนเพ่ือการพัฒนาท้องถิ่น ทุกวงการทุกภาคส่วนที่ลดการติดเช้ือจากการที่มีผู้คน เ พื่ อ น า ม า ซ่ึ ง ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ก า ร เ รี ย น รู้ ภ า ย ใ ต้ ติดต่อกัน สาหรับในวงการการศึกษาทั้งในประเทศไทย สถานการณ์วิกฤติโควิด - 19 ให้มีประสิทธิภาพ โดย และต่างประเทศ มีการนาระบบการเรียนการสอน เลือกมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ เป็น ออนไลน์เข้ามาปรับใช้ เพื่อดาเนินการเรียนการสอน พื้นท่ีศึกษาเน่ืองจากมีศักยภาพและความพร้อมในด้าน ต่อไปภายใต้วิกฤติของการเกิดโรคระบาดน้ี ทั้งการสอน การจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด สดคือการสอนในเวลาและถ่ายทอดการสอนให้ผู้เรียน – 19 และการบูรณาการ การเรียนการสอนกับการ ซ่ึงนักศึกษาสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนได้ทันทีคือ พัฒนาทอ้ งถิ่น วัตถปุ ระสงค์การวิจัย 1. เพอ่ื ศึกษาสภาพ เห็นหน้าเห็นตา โต้ตอบสอบถามคุยกันได้ และการสอน การการจัดการศึกษาวิถีใหม่ตามแนวนโยบายการจัด แบบวิดีโอที่ผู้สอนสามารถอัดล่วงหน้าและผู้เรียน การเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 สามารถติดตามภายหลังสาหรับผู้ท่ีมีข้อจากัดเรื่องการ 2. เพื่อวิเคราะห์นโยบายสู่การนาไปปฏิบัติในการ เรี ย น ก า ร ส อ น อ อน ไ ล น์ แ บ บ ส ด หรื อ real time จัดการศึกษาวิถีใหม่ตามแนวนโยบายการจัดการเรียน ทั้ง 2 รูปแบบสามารถนามาใช้กับการจัดการเรียน การสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 3. เพ่ือ 2 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
เสนอแนะแนวทางการพัฒนานโยบายการจัดการเรียน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย การสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด -19 กับ และนวัตกรรม (อว.) ได้กาหนดแนวทางและนโนบาย การบรู ณาการเรยี นการสอนเพอื่ การพัฒนาท้องถิ่น การจดั การเรยี นการสอนในสถานการณ์ การแพรร่ ะบาด วธิ กี ารดาเนินงาน ของโรค COVID – 19 แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ซ่ึงมี เป้าหมายเพื่อลดการแพร่กระจายการติ ด เช้ื อ การศึกษาคร้ังน้ีใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดย การเดินทาง และการรวมกลมุ่ ของคนจานวนมาก ดังน้ี แบ่งเป็น 3 ระยะ ไดแ้ ก่ ระยะท่ี 1) ระยะก่อนดาเนินการ โดยศึกษาจากข้อมูล สภาพปัญหา อุปสรรคและความ 1. หยุดการดาเนินงานด้านการเรียนการสอน ท้ า ท้ า ย ใ น ป ร ะ เ ด็ น ท่ี จ ะ ศึ ก ษ า จ า ก เ อ ก ส า ร ทุกรูปแบบยกเว้นการสอนแบบออนไลน์ (Online) (Documentary data) และปรากฏการณ์สงั คม ระยะที่ เพือ่ ใหส้ ถาบันอดุ มศึกษาได้ปรบั เปลีย่ นรูปแบบการเรียน 2) ระยะดาเนินการ ลงพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์ (Interviwe) การสอนจากแบบปกติเป็นแบบออนไลน์โดยสมบูรณ์ โดยสัมภาษณ์จากผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key informant) ซึ่ง โ ด ย ใ ห้ อ ธิ ก า ร บ ดี ข อ ง แ ต่ ล ะ ส ถ า บั น อุ ด ม ศึ ก ษ า ใ ช้ เป็นบคุ คลท่ีเก่ียวขอ้ งโดยตรงและมคี วามรู้ความเข้าใจใน ดลุ ยพนิ ิจและรบั ผดิ ชอบในการกาหนดนโยบาย เร่ืองและประเด็นต่าง ๆ เป็นอย่างดี โดยผู้วิจัยติดต่อ ประสานงานกับผู้ให้ข้อมูลหลักและลงพ้ืนที่สนามวิจัย 2. ปรับรูปแบบการสอบและการประเมินผล ด้วยตัวเอง ระยะท่ี 3) การประเมนิ ผลจากการนาโนบาย ท่ีมีประสิทธิภาพทดแทนการดาเนินการแบบเดิมโดยให้ ไปปฏิบัติด้านการเรียนการเรียนกับการพัฒนาท้องถิ่น สอดคลอ้ งกับรปู แบบการสอนแบบออนไลน์ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบบลูกโซ่ ( Snowball จ า ก แ น ว นโย บายหลั ก ท่ี ก ร ะทร วงกา ร sampling) ประกอบด้วย ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภฏั อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ธนบุรี จานวน 4 คน อาจารย์ประจาหลักสูตร/อาจารย์ ซึ่งเป็นการบริหารราชการส่วนกลาง ทาหน้าท่ีกาหนด ผู้สอน จานวน 3 คน และผู้ผู้นาท้องถ่ินในพ้ืนท่ี แนวนโยบายเร่งด่วน ทาให้หน่วยงานภายใต้สังกัดต้อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถ่ินของมหาวิทยาลัยราชภัฏ กาหนดแนวนโยบายสู่การนาไปปฏิบัติให้สอดคล้องกัน ธนบุรี จานวน 3 คน รวมทง้ั สนิ้ 10 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้กาหนดแนวทางการ จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ภ า ย ใ ต้ ส ถ า น ก า ร ณ์ โ ค วิ ด - 1 9 ภาพท่ี 1 สมั ภาษณผ์ ใู้ หข้ ้อมูลหลกั (อปท.) กับการบูรณาการการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ผลการศึกษา ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์การดาเนินงานของมหาวิทยาลัยได้ เปน็ 3 ระยะ ดังน้ี 1. สภาพการการจัดการศึกษาวิถีใหม่ตาม แ น ว น โ ย บ า ย ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ภ า ย ใ ต้ ระยะที่ 1 การเตรยี มความพร้อม สถานการณ์วิกฤติโควดิ -19 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มีการสารวจความ พร้อมของบุคลากรในการจัดการเรียนการสอนโดย ม ห า วิ ท ย า ลั ย ม อ บ ห ม า ย ใ ห้ แ ต่ ล ะ ค ณ ะ ด า เ นิ น ก า ร สอบถามความพรอ้ มการจดั การเรยี นในรูปแบบออนไลน์ เพื่อรองรับการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ เนื่องจากช่วงการประกาศปิดสถานศึกษาในช่วงเกิด สถานการณ์ โควิด-19 อยู่ในช่วงระยะเวลาการปิดภาค เรียนท่ี 2/2562 ทาให้ไม่ส่งผลกระทบกับการจัดการ เรียนในเทอมดังกล่าว แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมถึง การจัดการเรียนการสอนหากสถานการณ์ โควิด-19 ไม่ สามารถคลีค่ ลายและผ่อนคลายมาตรการได้ในภาคเรียน ท่ี 1/2563 ซึ่งจะเปดิ ภาคเรยี นวันท่ี 1 กรกฏาคม 2563 วารสารวิิชาการรัับใช้ส้ ัังคม มทร.ล้า้ นนา 3 ปีที ี่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิถิ ุุนายน 2564
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี โดยสานักบริการ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น 2. กลุ่มบุคลากรสายวิชาการ วิชาการร่วมกับสานักคอมพิวเตอร์ ได้ดาเนินการเพ่ือ และสายสนับสนุน ถือเป็นกลุ่มท่ีทาหน้าท่ีปฏิบัติการ เตรียมความพร้อมในเรื่องระบบการเรียนการสอน โดยมี ขับเคล่ือนภาระงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด การแนะนาฝึกอบรมการใช้ระบบ E – Leanning และ ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในส่วนของบุคลากรสายวิชาการ ระบบการเรียนการสอนออนไลน์ เช่น Microsoft จัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Work from home Teams Google Hangouts Meet Zoom Clound ตามแนวทางของมหาวิทยาลัย ส่วนการลงพ้ืนที่เพื่อ Meetings เปน็ ต้น (ธญวรรณ ก๋าคา, 2563 ) บริการวิชาการ มีการปรับเปล่ียนรูปแบบการบริการ ชุมชนมาใช้เป็นรูปแบบออนไลน์ผสมกับบริการ ณ ที่ตั้ง นอกจากการเตรียมความพร้อมการจัดการ ชุมชน โดยยังมุ่งเน้นและให้ความสาคัญกับผลความ เรยี นการสอนสาหรับนักศกึ ษาแล้ว มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ เปล่ียนแลปงท่ีจะเกิดข้ึนกับประชาชนในพื้นที่ ด้วยวิธี ธ น บุ รี ยั ง มี ภ า ร กิ จ ห ลั ก ที่ ต้ อ ง ด า เ นิ น ง า น ภ า ย ใ ต้ และกระบวนการใหม่ ในส่วนของบุคคลากรสาย สถานการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด- สนับสนุน มีการปรับรูปแบบการทางานโดยจัดตาราง 19 ตามที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย การทางานแบบสลับวัน เพื่อลดการรวมกลุ่มและความ ราชภัฏ พ.ศ. 2547 มาตรา 7 ระบุว่า “ให้มหาวิทยาลัย หนาแน่นของบุคคลากร 3. กลุ่มชุมชนท้องถ่ิน (ท่ี เ ป็ น ส ถ า บั น อุ ด ม ศึ ก ษ า เ พ่ื อ ก า ร พั ฒ น า ท้ อ ง ถิ่ น ที่ มหาวิทยาลัยลงพ้ืนที่บริการวิชาการและพัฒนาท้องถน่ิ ) เสริมสร้างพลังปัญญาของแผ่นดิน ฟ้ืนฟูพลังการเรียนรู้ มี ก า ร ป รั บ เ ป ล่ี ย น วิ ธี ก า ร ใ น ก า ร รั บ บ ริ ก า ร จ า ก เชิดชูภูมิปัญญาของท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลปวิทยาเพ่ือ มหาวิทยาลัย โดยผู้นาชุมชนทาหน้าท่ีเป็นผู้ประสาน ความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและย่ังยืนของปวงชนมี กลางเพ่ือรับข้อมูลและพิจารณาถึงความเหมาะสมใน ส่วนร่วมในการจัดการการบารุงรักษาการใช้ประโยชน์ การจัดโครงการบริการวิชาการ ท้ังในรูปแบบการจัด จากทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งสมดุลและ โครงการ ณ ทั้งต้ัง แต่ต้องจากัดจานวนผู้เข้าร่วมและมี ย่ังยืน โดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาส่งเสริมวิชาการ มาตรการเฝ้าระวัง ตรวจคัดกรอง และรูปแบบการจัด และวิชาชีพชั้นสูง ทาการสอน วิจัย ให้บริการทาง โครงการแบบออนไลน์ โดยใช้ท่ีทาการผู้นาชุมชนเป็น วิชาการแก่สังคม ปรับปรุงถ่ายทอดและพัฒนา สถานทอ่ี บรม เน่อื งจากมคี วามสะดวก เหมาะสมในเรอื่ ง เทคโนโลยี ทะนุบารุงศิลปะและวัฒนธรรมผลิตครูและ อุปกรณ์ เทคโนโลยีและอนิ เตอร์เน็ต เป็นต้น สง่ เสริมวทิ ยฐานะครู” ระยะที่ 2 การจดั การเรียนการสอน จากสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยสาคัญในการ สถานการณ์ที่ 1 กรณีสถานการณ์การแพร่ กาหนดรูปแบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในช่วง ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย จะมีการจัดการ สถานการณ์รุนแรง และการเรียนการสอนโดยใช้ทั้งสอง เรียนการสอนด้วยระบบ E – Leanning โดยจัดระบบ ระบบในช่วงท่ีสถานการณ์ผ่อนคลายลง การกาหนด การเรียนการสอนเพื่อให้สอดคล้องกับความ พร้อมใน นโยบายด้านการจัดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย การจัดการเรียนการสอนของอาจารย์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏธนบุรี สามารถกาหนดแนวทางและวเิ คราะห์ถงึ ผู้ ราชภฏั ธนบุรี แบง่ การเรยี นการสอนออกเป็น ท่ีได้รับผลกระทบกับการจัดการศึกษาวิถีใหม่ภายใต้ 1. การเรียนการสอนออนไลน์ผ่านระบบ DRU สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยการบูรณาการเรียนการ E – Leanning ซึ่งอาจารย์ผู้สอนประจารายวิชาทุกคน สอนกับการพัฒนาท้องถ่ินเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่ม ต้ อง ผ่ า น ก า ร เข้ า อบ ร ม ก า ร ใ ช้ ง า น ร ะ บ บ DRU ผู้บริหารมหาวิทยาลัยระดับต่าง ๆ มีการประชมุ วางเพ่ือ E – Leanning เพื่อการจัดการเรียนการสอนให้มี กาหนดแนวทางการดาเนินการและสั่งการเป็นเอกสาร คุณภาพ และสามารถใช้ระบบ DRU E – Leanning ในรูปแบบต่าง ๆ บันทึกข้อความ ประกาศมหาวิทยาลยั เป็นส่ือและช่องทางหลักในการจัดการเรียนการสอน เป็นต้น เพ่ือมอบหมายให้ผู้ปฏิบัติในแต่ละสายงาน การทดสอบ การวดั ประเมินผล และการแลกเปลย่ี นหรอื สามารถดาเนินการขับเคล่ือนงานที่ได้รับมอบหมายได้ 4 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
การจัดกิจกรรมในชั้นเรียนผ่านระบบออนไลน์ (แอนนา อาศัยอยู่ในพน้ื ที่จังหวัดสมุทรปราการ จานวน 6 อาเภอ พายุพัด, 2563) นักศึกษาสามารถเข้ามาเรียนออนไลน์ ประกอบด้วย อาเภอบางพลี อาเภอบางบ่อ อาเภอบาง แบบถ่ายทอดสดตามตารางที่มหาวิทยาลัยกาหนด หรือ เสาธง อาเภอพระประแดง อาเภอพระสมุทรเจดีย์ และ เข้าศึกษาเอกสารต่าง ๆ ได้ย้อนหลัง ซึ่งอาจารย์ผู้สอน อาเภอเมืองสมุทรปราการ ซ่ึงเป็นพื้นท่ีบริการวิชาการ จะนัดไว้ในช่องทางการติดต่อสื่อสารออนไลน์ เช่น ไลน์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี โดยมีบุคลากรและ เพจเฟสบุ๊ค หรือการโทรประสานส่วนตัวกับประธานรนุ่ หน่วยงานทท่ี าหนา้ ทใ่ี นการบูรณาการการเรียนการสอน ของแตล่ ะสาขา กับการพัฒนาท้องถิ่นคืออาจารย์ในสังกัดคณะทั้ง 4 คณะ ประกอบดว้ ย คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ สถานการณ์ที่ 2 เมื่อสถานการณ์การแพร่ คณะวิทยาการจัดการคณะครุศาสตร์ และคณะ ระบาดคล่ีคลายลง มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้จัดทา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี แบบประเมินตนเองตามแนวทางการจัดการเรียนการ สอน และดาเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกนั บุคลากรแต่ละคณะท่ีเป็นสายวิชาการ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า การกาหนด (อาจารย์) ตอ้ งดาเนนิ โครงการบริการวชิ าการชุมชนเพื่อ นโยบายและมาตรการการจัดการเรียนการสอนมีความ เป็นการพัฒนาท้องถิ่นให้สอดคล้องกับข้อกาหนดตาม สอดคล้องกับประกาศของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งจากข้อมูลท่ีผู้ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 โดยคณะกรรมการบริหาร ศึกษาได้ศึกษา พบว่า มหาวิทยาลัยได้รวมกันจัดทา วิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มีมติให้กาหนด ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลยั ราชภัฏระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 แ น ว ท า ง ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น แ ล ะ ม า ต ร ก า ร – 2579) และกาหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาในระยะ ดาเนินการการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติและ 20 ปี ได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ 4 ประเด็น การเรียนการสอนแบบออนไลน์ผสมผสานกัน โดยมี ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การพัฒนาท้องถ่ิน รายละเอยี ดดังน้ี (มหาวิทยาลยั ราชภัฏธนบรุ ,ี 2563) ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนาครู ยุทธศาสตร์ท่ี 3 การยกระดับคุณภาพการศึกษา และยุทธศาสตร์ท่ี 4 1. จานวนนักศึกษา 1-14 คน ให้จัดการเรียน การพัฒนาระบบบริหารจัดการ โดยการวิจัยเร่ืองนี้ให้ การสอนแบบออนไลน์และจัดตารางเรียนปกติได้ไม่เกิน ความสาคัญกับประเดน็ ยุทธศาสตร์การพฒั นาท้องถิ่นใน 8 คร้ัง และเว้นระยะห่างตามมาตรการการเฝา้ ระวังการ บริบทสถานการณ์โควดิ -19 กับการนานโยบายไปปฏบิ ัติ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา่ 2019 ซ่ึงผู้ศึกษาพบว่า การกาหนดแนวทางและนโยบายด้าน การพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มี 2. จานวนนักศึกษา 15 คนขึ้นไป ให้จัดการ เ ป้ า ป ร ะ ส ง ค์ เ พ่ื อ ใ ห้ ท้ อ ง ถิ่ น ไ ด้ รั บ ก า ร พั ฒ น า ด้ า น เรียนการสอนในห้องเรียนปกติพร้อมจัดการเรียนการ เศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและ สอนออนไลน์ในเวลาเดยี วกนั หากมกี ารจัดการเรียนการ สิ่งแวดล้อม และให้ชุมชนท้องถ่ินได้รับการพัฒนา สอนในห้องเรียนปกติจะต้องเป็นไปตามมาตรการการ ด้านการศึกษา/การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมีกลยุทธ์การ เฝา้ ระวงั การระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรน่า 2019 ขั บ เค ล่ื อน ด้ ว ย ก า ร ส ร้ า ง แ ล ะ พั ฒ น า ค ว า ม ร่ ว ม มื อ กั บ จังหวัด ในการวางแผนพัฒนาเชิงพื้นทื่และดาเนิน ระยะท่ี 3 การบรู ณาการเรยี นการสอนกับการ โครงการตามพันธกิจและศักยภาพของมหาวิทยาลัย พฒั นาท้องถิน่ บู ร ณ า ก า ร ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ภ า ย ใ น ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ล ะ ภ า ย น อ ก ม ห า วิ ท ย า ลั ย ( ภ า ค รั ฐ ภ า ค เ อ ก ช น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ภาคประชาชน) ในการบูรณาการการจัดการเรียนการ ท า ใ ห้ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ต้ อ ง ป รั บ เ ป ล่ี ย น รู ป แ บ บ ก า ร สอนการวจิ ยั การทานุบารงุ ศิลปวัฒนธรรมของนกั ศกึ ษา ดาเนินการด้านการจัดการเรียนการสอนเพื่อบูรณาการ กับการพัฒนาท้องถ่ิน ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเช้ือ ไวรสั โควิด-19 มหาวิทยาลัยราชภฏั ธนบรุ ไี ด้จัดการเรียน การสอนโดยบูรณาการกับการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งถือว่า การบริการวิชาการแก่ชุมชนท้องถิ่นให้กับประชาชนที่ วารสารวิชิ าการรัับใช้้สังั คม มทร.ล้า้ นนา 5 ปีีที่�่ 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิิถุุนายน 2564
และอาจารย์ กับการพัฒนาท้องถิ่นประกอบด้วย 3. คณะกรรมการการบูรณาการการเรียนการ โครงการหลัก ดังนี้ สอนเพื่อพัฒนาท้องถ่ิน ระดับมหาวิทยาลัย จัดตั้ง คณะกรรมการระดับคณะ เพอื่ นานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิ 1. โครงการจัดทาฐานข้อมูล (Big Data) ของ พื้นที่บริการเพื่อใช้เป็นเครื่องมือขายตัดสินใจในการ 4. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การดาเนิน วางแผนพัฒนาท้องถ่ินตามบทบาทและศักยภาพของ โครงการการบูรณาการการเรียนการสอนเพื่อพัฒนา มหาวทิ ยาลัย ทอ้ งถ่ิน” โดยเชิญคณะกรรมการการบรู ณาการการเรียน การสอนเพ่ือพัฒนาท้องถ่ิน ระดับมหาวิทยาลัย ระดับ 2. โครงการติดอาวุธทางปัญญาเพื่อการพฒั นา คณะ และผู้นาชุมชนท้องถ่ิน เพื่อช้ีแจงรายละเอียด ท้องถิ่นอย่างย่ังยืน บ่มเพาะประชากรในพื้นท่ีให้บริการ เก่ียวกับแนวทางการปฏบิ ตั ิ และสร้างความเข้าใจกบั ทุก ให้พร้อมด้วยคุณลักษณะ 4 ประการตามแนว ฝา่ ย พระราโชบาย การนาผลการวจิ ัยไปใช้ประโยชน์ - โครงการส่งเสริมความรักความสามัคคีความ 1) ด้านการจัดการเรียนการสอน บุคลากร มรี ะเบยี บวนิ ัย เขา้ ใจสิทธิหน้าท่ีของตนเองและผอู้ น่ื ทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา สามารถประยกุ ต์และ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับ 3. โครงการส่งเสริมสุขภาวะชุมชนเพื่อวัดดชั นี สถานการณท์ ่ีเกดิ ขึน้ โดยนาผลการวจิ ยั ไปตอ่ ยอด ในทุก ชี้วัดความสุขมวลรวมชุมชน สาหรับพ้ืนที่บริการของ กระบวนการบริหารจัดการตั้งแต่ฝ่ายบริหารและ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ ปฏบิ ัติการในสถาบนั การศึกษา - โครงการอ่านออกเขียนได้เพื่อสร้างเสริมสุข 2) ด้านบริการวิชาการชุมชนและพัฒนา ภาวะสาหรบั นกั เรียน ท้องถ่ิน บุคลากรท่ีปฏิบัติหน้าท่ีในมหาวิทยาลัยต้อง ปรับเปล่ียนรูปแบบการลงพื้นท่ีเพ่ือการบริการชุมชน - โครงการยกระดบั สนิ ค้าชมุ ชน OTOP จ า ก ผ ล ก า ร วิ จั ย แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร - โครงการแกไ้ ขความยากจนของประชาชน การบูรณาการเรยี นการสอนภายใตส้ ถานการณโ์ ควิด-19 จ า ก ก า ร ศึ ก ษ านโ ยบา ยก าร บูร ณาการ โดยมีการวางแผน กาหนดนโยบายและปฏิบัติการอย่าง การจัดการเรียนการสอนกับการพัฒนาท้องถ่ินภายใต้ มีส่วนรว่ มของภาคส่วนตา่ ง ๆ อาทิ มหาวิทยาลยั ชมุ ชน ส ถ า น ก า ร ณ์ ก า ร แ พ ร่ ร ะ บ า ด ข อ ง เ ช้ื อ ไ ว รั ส โ ค วิ ด - 1 9 ทอ้ งถิน่ เป็นต้น พบว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบรุ ียังคงไวซ้ ึง่ เป้าประสงค์ แ ล ะ ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ก า ร พั ฒ น า ท้ อ ง ถิ่ น โ ด ย เ น้ น ก า ร 3) ด้านการกาหนดนโยบายสู่การนาไปปฏิบัติ ดาเนินงานด้วยโครงการหลักท่ไี ด้กล่าวไว้ขา้ งตน้ แต่ไดม้ ี ผลการวิจยั ปรากฏให้เห็นถงึ กระบวนการก่อเกิดนโยบาย การปรับเปล่ียนรูปแบบการดาเนินการเพ่ือให้สอดคล้อง ทุกข้ันตอน โดยเน้นการมีส่วนร่วมและเข้าใจใน กับสถานการณ์ ซ่ึงผู้ศึกษาได้สรุปแผนและนโยบาย ปรากฏการณ์ด้วยกัน ทาให้นโยบายท่ีถูกกาหนดจาก การบูรณาการเรียนการสอนกับการพฒั นาท้องถิน่ ดังน้ี ฝ่ายบริหารมีความสอดคล้องกับวิธีการดาเนินงานของ 1. จัดทาแผนการดาเนินโครงการพัฒนา ฝ่ายปฏิบัติการ ทาให้ผลการนานโยบายบายไปปฏิบัติ ท้องถิ่นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส สะท้อนใหเ้ ห็นถึงความสาเรจ็ ทชี่ ัดเจน โควิด-19 โดยกาหนดขอบเขต รูปแบบและวธิ ีการดาเนนิ โครงการแบบบรู ณาการ 2. จัดประชุมและแต่งตั้งคณะกรรมการ การบูรณาการการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ระดับมหาวิทยาลัย เพื่อช้ีแจงระเบียบและแนวทางใน การดาเนนิ งาน 6 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ภาพที่ 2 การประชุมชแี้ จงแนวนโยบายมหาวทิ ยาลยั P - Planning การวางแผน ผ้บู รหิ ารระดบั สูง ราชภฏั ธนบุรีกบั การพฒั นาท้องถ่ิน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้วิเคราะห์สถานการณ์ และวางแผนการกาหนดนโยบายการจัดการเรียนการ ภาพท่ี 3 การบรู ณาการเรยี นการสอนกับการพัฒนา สอนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ล่วงหน้า โดย ทอ้ งถนิ่ ในสถานการณค์ วิด-19 อธิการบดีได้จัดทาบันทึกข้อความแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และให้บุคลากรของมหาวิทยาลัย อภปิ รายผล ราชภัฏธนบรุ ที ุกคนเตรยี มความพร้อมในเรอ่ื งต่าง ๆ เชน่ สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของเช้อื ไวรสั โควดิ - สุขภาพ ความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสงั คม การจดั การ เรียนการสอน การบริการวิชาการ การพัฒนาท้องถิ่น 19 ถือเป็นวิกฤติการณ์ของสังคมไทยและสังคมโลก เป็นต้น จากน้ันมีการประชุมวางแผนร่วมกับผู้บริหาร ระบบโครงสร้างในสังคมต่าง ๆ ได้รับผลกระทบ ระดับคณะและสานักต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมใน โดยเฉพาะระบบการศึกษาท่ีต้องมีการเปล่ียนแปลง การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ อีกท้ังการ รูปแบบ วิธีการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียน จัดรูปแบบการเรียนการสอนในสถานการณ์ท่ีการแพร่ สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ข้อจากัด ระบาดของเชื้อโควิด-19 ท่ียังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ ของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการจัดรูปแบบการเรียนการสอนในสถานการณ์ที่ จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานด้านการศึกษาจะ การแพร่ระบาดได้คล่ีคลายลงแล้ว ซ่ึงต้องเตรียมความ กาหนดนโยบายการจัดการศึกษารูปแบบวิถีใหม่ภายใต้ พร้อมในด้าน อาคารสถานท่ี อุปกรณ์ทาความสะอาด ส ถ า น ก า ร ณ์ วิ ก ฤ ติ โ ค วิ ด - 1 9 ซ่ึ ง ใ น บ ริ บ ท ข อง น้ายาฆ่าเช้ือต่าง ๆ รวมถึงการคัดกรองโดยการตรวจวัด มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏโดยการบูรณาการเรียนการสอนกับ อุณหภูมิร่างกายก่อนจะเข้าภายในมหาวิทยาลัย คณะ การพัฒนาท้องถ่ิน โดยการวิเคราะห์การนานโยบายสู่ ผู้บริหารให้ความสาคัญกบั ทุกสว่ น เนอื่ งจากพ้ืนท่ตี ้งั ของ การปฏิบัติ โดยผู้ศึกษาได้ใช้แนวคิดการบริหารราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีอยู่ในพื้นท่ีกรุงเทพมหานครฯ (POSDCORB) ของ Gylick (อ้างถึงใน ชลิดา ศรมณี, และจังหวัดสมทุ รปราการ ซ่ึงเป็นพืน้ ท่ีสีแดงท่ีมีผตู้ ิดเชือ้ 2562) ดงั นี้ จานวนมาก จงึ ส่งผลให้คณะผู้บรหิ ารเน้นย้าในมาตรการ และนโนยายดงั กล่าว (รองอธกิ ารบดี, สมั ภาษณ์, 2563) O – Organization ก า ร จั ด ก า ร อ ง ค์การ คณะกรรมการบริหารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ธนบุรี แต่งตั้งคณะดาเนินงานเพื่อควบคุมดูแลบุคลากร สายวิชาการ (อาจารย์) ท่ีได้รับมอบหมายในการสอน ออนไลน์และบุคลากรที่ต้องจัดโครงการโดยการบูรณา ก า ร ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น กั บ พั ฒ น า ท้ อ ง ถิ่ น ใ น พื้ น ที่ รับผิดชอบของมหาวิทยาลัย รวมถึงภาระหน้าที่ส่วน อื่น ๆ ที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีต้อง ขับเคล่ือน นอกจากน้ันคณะกรรมการบริหารวิชาการยัง ได้แต่งต้ังคณะกรรมการติดตามตรวจ สอบการ ดาเนินงานขน้ึ มาอกี ชดุ โดยแตง่ ตง้ั จากผู้แทนแตล่ ะคณะ ทั้งบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนเพื่อติดตาม และสารวจปัญหาที่เกิดข้ึนและสามารถรายงานผลการ ติดตามได้ 2 แนวทางคือ 1. รายงานผลติดตามและ วารสารวิิชาการรับั ใช้้สังั คม มทร.ล้้านนา 7 ปีีที่่� 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิถิ ุนุ ายน 2564
สารวจปญั หาทเ่ี กดิ ข้ึนผ่านคณะกรรมการบรหิ ารวชิ าการ (Demand of Direct) เน่ืองจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ และ 2. รายงานผลติดตามและสารวจปัญหาท่ีเกิดข้ึน ธนบุรี เป็นหน่วยงานราชการการ การสั่งการยังคงเป็น ผ่านผู้บริหารคณะ (คณบดีหรือรองคณบดีฝ่ายวิชาการ) รูปแบบระบบราชการ ผู้บริหารต้องใช้ทักษะในการ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือแก้ไขสถานการณ์ โดยการกากับ บริหาร ตลอดจนความสามารถการติดต่อประสานงาน ตดิ ตามของคณะกรรมการบริหารวชิ าการแต่งตง้ั ไว้ เพื่อกระตุ้นให้บุคลากรปฏิบัติงานตามหน้าที่ความ รับผิดชอบของตนเอง เพ่ือให้งานนั้นบรรลุเป้าหมาย S – Staffing การบริหารบุคคล มีการแต่งต้ัง อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการดาเนินงาน เพื่อ ติดตามและสนับสนุนการจัดการเรียนการและการ Co – Coordinating ก า ร ป ร ะ ส า น ง า น พัฒนาท้องถิ่นในสถานการณ์โควิด-19 จานวน 15 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย อธิการบดี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ชดุ ตา่ ง ๆ เพื่อการอานวยความสะดวกในการดาเนินงาน รองอธิการบดีฝ่ายแผนและนโยบาย คณบดีท้ัง 4 คณะ ด้านการจัดการเรียนการสอนกับการบูรณาการเพ่ือการ ผู้แทนบุคลากรแต่ละคณะทั้งสายวิชาการและสาย พัฒนาท้องถ่ินในสถานการณ์โควิด-19 ประกอบด้วย สนับสนุน คณะละ 2 คน รวม 8 คน เพื่อติดตามผลการ คณะกรรมการการบูรณาการการเรียนการสอนเพื่อ ดาเนินงานการจัดการเรียนการสอนโดยการบูรณาการ พัฒนาท้องถิ่น ระดับมหาวิทยาลัยและระดับคณะ กับงานพัฒนาท้องถิ่นภายใต้สถานการณ์โควิด – 19 คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการดาเนนิ งาน เป็นต้น รวมทั้งดูแลเรื่องการดาเนินชีวิตของบุคลากรในช่วงท่ีมี ซ่ึงคณะกรรมการดังกล่าวที่ได้มีการแต่งต้ัง เกิดจาก การประกาศปิดสถานศึกษา โดยให้ปฏิบัติงานอยู่บ้าน ความจาเป็นในสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้น มหาวิทยาลัย (Work from Home ) ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ ราชภัฏธนบุรี จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้น เชอื้ ไวรสั เพ่ือคอยประสานงาน ติดตามและอานวยความสะดวก ให้กับอาจารย์ที่ต้องเตรียมความพร้อมด้านการจัดการ D – Directing การสั่งการ การติดตามและ เรียนการสอนและการพัฒนาท้องถ่ินในสถานการณ์ ส่ังการจะผ่านช่องทางโซเชียลเพื่อการจัดการกับปัญหา โควดิ -19 ที่รวดเร็วและทันการณ์ และลดขั้นตอนการส่ือสาร เพ่ือให้ผู้ปฏิบัติสามารถสอบถามแนวทางการแก้ไข R – Reporting การทารายงาน การรายงาน ปัญหาและขอคาแนะนาจากคณะกรรมการติดตาม ผลการดาเนินงาน จะเป็นไปตามลาดับขั้นของการ ตรวจสอบการดาเนินงานได้โดยตรง ซ่ึงลักษณะการ ปฏิบตั ิงานซ่งึ เปน็ นโยบายและแผนงานท่ีมหาวทิ ยาลยั ได้ สั่งการของผ้บู รหิ าร สามารถจาแนกไดด้ ังน้ี กาหนดไว้ ต้ังแต่ระดับปฏิบัติการ ได้แก่ บุคลากรสาย วิชาการ(อาจารย์) และบุคลากรสายสนับสนุน ที่ได้ - การสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร โดยส่วน ดาเนินการด้านการจดั การเรยี นการสอนและการลงพน้ื ที่ ใหญ่จะเป็นการส่ังการผ่านบันทึกข้อความ ประกาศใน บริการวิชาการเพ่ือการพัฒนาท้องถ่ิน เขียนรายงาน เว็บไซต์ของมหาวิทยาลยั แจ้งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ส รุ ป ผ ล ก า ร ด า เ นิ น ง า น ไ ป ยั ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร เช่น เฟสบุ๊คมหาวทิ ยาลยั ไลนก์ ลมุ่ บคุ ลากร เป็นตน้ การบูรณาการการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาท้องถิ่น ระดับมหาวิทยาลัยและระดับคณะ คณะกรรมการ - การส่ังด้วยวาจา ในบางเรื่องผู้บริหาร ติดตามตรวจสอบการดาเนินงาน และได้สรุปผลการ มหาวิทยาลัยในระดับต่าง ๆ ใช้วิธีการต่อสายโทรศัพท์ ดาเนินงานภาพรวมไปยังคณะกรรมการบริหารวิชาการ เพ่ือสั่งหรือมอบหมายงาน ส่วนใหญ่จะเป็นการ เพื่อเสนอข้อมูลไปยังอธิการบดี ซ่ึงเป็นไปตามลาดับ มอบหมายงานท่ีมีความเร่งด่วนและงานน้ันมีความ ขน้ั ตอนของระบบราชการ เหมาะสม ตรงกบั ความเชีย่ วชาญของบคุ ลากรทีผ่ บู้ รหิ าร ตอ่ สายโดยตรง (วิชชุดา ประสาทแกว้ , 2563) นอกจากนี้ในขัน้ ตอนการรายงาน มหาวทิ ยาลยั ได้เปิดพื้นท่ีการสะท้อนผลการดาเนินงานการจัดการ จากข้อมลู การส่ังการของผบู้ รหิ ารมหาวทิ ยาลยั และคณะ ใช้รูปแบบการสัง่ การแบบ การส่ังการโดยตรง 8 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
เรียนการสอนกับการบูรณาการเพ่ือการพัฒนาท้องถ่ิน คุณภาพชีวิตของประชาชนในพ้ืนที่ รวมท้ังได้ให้ความรู้ ใหก้ ับผูน้ าทอ้ งถ่ินในระดับตา่ ง ๆ ท่ัวทกุ พ้ืนทบี่ รกิ าร เพ่อื และวิธีการปอ้ งกนั ตนเองจากโรคติดตอ่ โควิด-19 เป็นการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะผลการ ดาเนินงานด้านการพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัย กระบวนการนโยบายกับแนวทางการจัดการ ราชภัฏธนบุรที ่ผี ่านมาในชว่ งสถานการณ์โควิด-19 เรียนการสอนเพอื่ การพฒั นาท้องถ่นิ B – Budgeting การงบประมาณ ผู้บริหาร มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี เป็นหน่วยงาน จัดสรรฺงบประมาณเพื่อดาเนินการในการเตรียมพร้อม ภายใต้การกากับของกระทรวงการอุดมศึ กษา ของอุปกรณ์ในการเรียนการสอนออนไลน์รวมท้ัง วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ต้องยึดแนวทาง อปุ กรณใ์ นการป้องกนั การแพร่ระบาดและให้เปน็ ไปตาม ดังกล่าวเพ่ือนามาจัดการการเรียนการสอนตามบริบท มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ความพร้อมของมหาวิทยาลัย จากกระบวนการดังกล่าว ซ่งึ ผู้ศึกษาแบง่ การจดั สรรงบประมาณสาหรบั การดาเนิน เป็นไปตามกระบวนการนโยบายสาธารณะที่ Anderson นโยบายการจัดการศึกษาวิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์ (บุ ญ เกี ย ร ติ ก า ร ะ เว ก พั น ธ์ุ , 2 5 6 2 ) อธิ บ า ย ว่า วิกฤติโควิด-19 โดยการบูรณาการเรียนการสอนกับการ กระบวนการนโยบายสาธารณะ ประกอบด้วย พฒั นาท้องถนิ่ เปน็ 2 สว่ น ดังน้ี กระบวนการ 5 ขน้ั ตอนคือ ส่วนที่ 1 งบประมาณด้านการจัดการเรียนการ 1. การก่อตัวนโยบาย (Policy Formation) สอน มหาวิทยาลัยได้จัดสรรงบประมาณเพื่อดาเนินการ เกิดจากปัญหาสาธารณะท่ีส่งผลกระทบกับคนเป็น ในด้านการจัดการเรียนการสอน โดยให้ความสาคัญกับ จานวนมาก ในท่ีนีค้ อื การแพร่ระบาดของเช้อื ไวรสั โควดิ - ความพร้อมของเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียน 19 การสอน และความปลอดภัยของบุคลากรและนักศึกษา ในส่วนแรกท่ีเป็นความพร้อมมหาวิทยาลัยได้จัดสรร 2.การกาหนดนโยบาย(Policy Formulation) งบประมาณเพ่ือจัดโครงการพัฒนาศักยภาพและ จากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 องค์ความรู้ของบุคลากรในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ คณะรฐั มนตรีมมี ติ เมอ่ื วนั ที่ 17 มีนาคม 2563 เห็นชอบ ท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ ส่วนท่ี มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์โรคติดเช้ือ สอง เร่ืองความปลอดภัยบุคลากรและนักศึกษา ไวรัสโควิด-19 งดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยได้ผลิตหน้ากากอนามัย เจลแอลกอล์ฮอล (สถาบันการศึกษา) โรงเรียน โรงเรียนนานาชาติ และ ลา้ งมือ และจดั ซือ้ เครื่องวัดอณุ หภมู ิรา่ งกาย เพอ่ื ป้องกัน สถาบันกวดวิชา หรือปรับวิธีการเรียนการสอนเป็นทาง และเฝา้ ระวังการแพร่ระบาดของเชอื้ ไวรัสโควดิ -19 ออนไลน์ ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563 และให้ สถานศกึ ษาดาเนินการปอ้ งกนั โรคตามมาตรการ ถอื เปน็ ส่วนที่ 2 งบประมาณด้านการบูรณาการ การกาหนดนโยบายในระดับสูง จากกระทรวง ซึ่งเป็น การเรียนการสอนกับการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัย ราชการส่วนกลาง มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็น จัดทาแผนพัฒนาท้องถิ่นภายใต้สถานการณ์โควิด-19 หน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. ระดับกรม จึงต้องรับ โดยมีคณะกรรมการการบูรณาการการเรียนการสอน นโยบายดังกล่าว เพ่ือมากาหนดนโยบายภายใน เพื่อพัฒนาท้องถ่ินรับผิดชอบดูแลการดาเนินการใน หนว่ ยงานซึ่งเป็นการกาหนดนโยบายสู่การปฏบิ ัติภายใต้ ช่วงเวลาดงั กลา่ ว ช่วงทส่ี ถานการณ์ปกติมหาวิทยาลยั จะ สถานการณ์โควิด-19 มีการจัดสรรงบประมาณด้านการพัฒนาท้องถิ่นตาม ปงี บประมาณ แต่ช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 มหาวิทยาลยั 3. การตัดสินนโยบาย (Policy Decision) ได้อนุมตั งิ บประมาณเพมิ่ เติมสาหรับการจดั โครงการเพ่ือ ภายใต้แนวคิด “การเรียนรู้นาการศึกษา” มหาวิทยาลยั พัฒนาท้องถิ่น โดยเน้นการสร้างอาชีพและพัฒนา อาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้ รูปแบบการ ตดั สินใจพิจารณาจาก วารสารวิชิ าการรัับใช้ส้ ังั คม มทร.ล้้านนา 9 ปีีที่่� 5 ฉบัับที่่� 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
3.1 ประสิทธิผล (Effectiveness) ความสามารถในการ ออนไลน์ในระดับหนึ่ง และมหาวิทยาลัยได้จัดฝึกอบรม บรรลุเป้าหมาย เพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนมีความ เตรียมความพร้อมการใช้สื่อออนไลน์ในการเรียนการ ปลอดภยั สูงสุด สอนโดยใช้ระบบ E-learning จึงทาให้การจัดการเรียน 3.2 ประสิทธิภาพ (Efficiency) ความสามารถในการ การสอนออนไลน์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเมื่อมี ผลิตผลผลิตโดยการดาเนนิ การเรียนการสอนให้เป็นตาม การประกาศผ่อนคลายสถานการณ์การแพร่ระบาดลง บริบทความพร้อมของแต่ละมหาวิทยาลัย คือ การ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรีได้เปิดทาการเรียนการสอน บูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการพัฒนา โดยยังคงรกั ษามาตรการรักษาความปลอดภัย ท้องถิ่น ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ให้นักศึกษา อาจารย์ และท้องถิ่นได้รับประโยชนจ์ ากการเรียนทนี่ าสู่ 5 . ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล น โ ย บ า ย ( Policy การพฒั นาอยา่ งย่ังยนื Evaluation) ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า วิ ถี ใ ห ม่ ภ า ย ใ ต้ 3.3 ความพอเพียง (Adequacy) ความสามารถของการ สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยการบูรณาการเรียน ด า เ นิ น ก า ร ใ ห้ บ ร ร ลุ เ ป้ า ห ม า ย ภ า ย ใ ต้ เ งื่ อ น ไ ข ข อ ง การสอนกับการพัฒนาท้องถ่ิน จากการดาเนินการตาม ทรัพยากรท่ีมีอยู่ ซ่ึงใช้สิ่งท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ คือ นโยบายพบว่า การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพตาม การนาการเรียนรผู้ ่านส่อื ออนไลน์ ในโปรแกรมต่าง ๆ กรอบการศึกษาโดยการใช้วิธีการจัดการเรียนการสอน 3.4 ความเป็นธรรม (Equity) การกระจายตวั ของผลการ รูปแบบใหม่ท่ีสอดคล้องกับบริบทของสังคม รวมทั้งยัง ดาเนินการตามนโยบายต่อประชาชนในสังคม การ สามารถใช้องค์ความรู้สอดแทรกการลงพื้นท่ีเพื่อ จัดการเรียนการสอนครอบคลุมนักศึกษาทุกกลุ่ม การพัฒนาท้องถิ่นในพื้นท่ียุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ทุกชัน้ ปี ท่มี คี วามพรอ้ มและไมม่ ีความพร้อมในการเรียน ราชภัฎธนบุรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกระบวนการ ออนไลน์ รวมถึงชุมชนท้องถ่ินในพื้นที่ได้รับบริการได้ จัดการการเรียนการสอนท่ีสะท้อนถึงอัตลักษณ์และ อยา่ งท่วั ถึง ยุทธศาสตร์ท่สี าคัญในการขับเคล่ือนงานด้านการบริการ 3.5 การตอบสนอง (Responsiveness) การตอบสนอง วิชาการชุมชนเพอื่ การพัฒนาท้องถ่นิ อยา่ งยัง่ ยืน ตอ่ นโยบายโดยจะตัดสินบนพ้นื ฐานของการสารวจความ พร้อมและความต้องการของผู้เรียนและผู้สอน เพ่ือการ แนวทางการพัฒนานโยบายการจัดการเรียน เข้าถึงของผ้เู รียนทกุ กลุ่ม รวมถึงการตอบสนองตอ่ ความ การสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 กับการ ต้องการของชุมชนที่มีความต้องการให้มหาวิทยาลัย บูรณาการเรียนการสอนเพอ่ื การพฒั นาทอ้ งถิ่น ลงพื้นท่ีจัดโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับ คุณภาพชีวิตของประชาชนในพ้ืนท่ีด้วยการบูรณาการ จากการศึกษานโยบายการจัดการศึกษาวิถีใหม่ การเรยี นการสอนกบั การพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยการบูรณาการ 3.6 ความเหมาะสม (Appropriateness) การพิจารณา เรียนการสอนกับการพัฒนาท้องถ่ิน : การวิเคราะห์การ เชิงคุณค่าและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ การจัดการ นานโยบายสู่การปฏิบัติ ผู้วิจัยมีความความเห็นว่า แผน เรียนการสอนให้เปน็ ไปตามบริบทความพร้อมของแตล่ ะ และนโยบายท่ีมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีได้กาหนดและ มหาวิทยาลยั ประกาศเป็นแนวทางการปฏิบัติถือว่ามีความชัดเจน แต่ สิ่งที่พบจากการศึกษาและการเป็นผปู้ ฏิบัติตามนโยบาย 4 . ก า ร น า น โ ย บ า ย ไ ป ป ฏิ บั ติ ( Policy พบวา่ ขัน้ ตอนการกาหนดนโยบาย มหาวทิ ยาลยั กาหนด Implementation) มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี มี นโยบายจากกรอบนโยบายของกระทรวง ทาให้การ ประกาศปิดสถานศึกษาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดตาม กาหนดนโยบายไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของ คาส่ังของกระทรวงและดาเนินการตามแนวทางการ บุคลากร ทาให้มหาวิทยาลัยต้องสร้างความเข้าใจและ จัดการเรียนการสอนของกระทรวง ซึ่งส่วนใหญ่อาจารย์ ช้ีแจงแนวนโยบายท่ีกาหนดข้ึน ซ่ึงมหาวิทยาลัยได้มี มีความพร้อมในเรื่องความรู้เทคโนโลยี และการสอน ข้ันตอนการดาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ อีกขั้นตอน หนึ่งท่ีสาคัญคือ ขั้นตอนการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติ ในข้ันดังกล่าว มหาวิทยาลัยมีการกาหนดแผนและ 10 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ดาเนินการอย่างเป็นข้ันตอน ถึงแม้ ว่าจะอยู่ใน ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของการจัดการการเรียนการ สถานการณ์ท่ีเร่งด่วน แต่ก็สามารถบริหารจัดการได้ สอนจะมีความยุ่งยาก แต่ส่ิงท่ีเกิดข้ึนได้นาไปสู่การ อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนถึงความสาคัญของ เปล่ียนแปลงวิถีชีวิตใหม่ท่ีเกิดข้ึนของอาจารย์ และ กระบวนการนโยบายในข้ันต่าง ๆ ที่ผู้กาหนดต้องให้ นักศึกษาท่ีเรียกว่า new normal ของสังคม เป็นการ ความสาคัญอย่างย่ิง เพราะการกาหนดนโยบายที่ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยต้องสอดคล้องกับ สอดคล้องกับบริบทขององค์กร พ้ืนที่ ความพร้อม ย่อม บรบิ ทของมหาวิทยาลยั ราชภัฏทต่ี อ้ งดาเนนิ งานดา้ นการ ส่งผลต่อส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนจากการนานโยบายสู่การปฏิบัติ เรียนการสอนแบบบูรณาการกับการพัฒนาท้องถิ่น หาก ไดอ้ ย่างชัดเจนเป็นรปู ธรรม ผู้ ท่ี มี ส่ ว นรั บผิ ดชอบ ใน นโยบ ายท่ี เก่ี ยว ข้ องให้ ขอ้ เสนอแนะจากการวิจัย ความสาคัญ ย่อมก่อให้เกิดกับระบบการศึกษาและการ พฒั นาสงั คมไปพรอ้ มกัน 1. ควรพัฒนากระบวนการนโยบายให้มี บรรณานุกรม ประสิทธิภาพและมีส่วนร่วม เพ่ือให้ทุกส่วนสามารถ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ ดาเนินงานได้ตามนโยบายบนความเข้าใจและถูกต้อง ของนโยบาย นวัตกรรม. (2563). ประกาศมาตรการและการ เ ฝ้ า ร ะ วั ง ก า ร ร ะ บ า ด ข อ ง โ ร ค ติ ด เ ชื้ อ ไ ว รั ส 2. อาจารย์ผู้สอนต้องมีการปรับปรุง พัฒนา โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ฉบับท่ี 3 : กระบวนการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับ การปฏิบัติการของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการ สถานการณ์โควิด-19 และส่ือสารให้ผู้เก่ียวข้องทุกภาค ป้ อ ง กั น ก า ร ร ะ บ า ด ข อ ง โร คโ ควิ ด -19. สว่ นทราบ เนน้ ใหผ้ ู้เรียนมสี ่วนร่วม (Active Learning) [ อ อ น ไ ล น์ ] ไ ด้ จ า ก : https://www. ops.go.th/main/images/2563/muaAdmin 3. ยกระดับการประเมินเพื่อการพัฒนา /corona/COVID_3.pdf. (formative assessment) เพื่อไม่ให้ผู้เรียนเสียโอกาส ชลิดา ศรมณี. (2562). เอกสารประกอบการบรรยาย พัฒนาความรู้และทักษะ การประเมินเพื่อพัฒนาจึงไม่ กระบวนวิชา ขอบข่ายและแนวคิดเชิงทฤษฎีรัฐ สามารถลดหรือละท้ิงไปได้ทั้งการประเมินเพื่อการ ป ร ะ ศ า ส น ศ า ส ต ร์ . ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร : เรียนรู้ (assessment for learning) ของผู้เรียนเพ่ือให้ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ร า ม ค า แ ห ง , โ ค ร ง ก า ร รั ฐ ผสู้ อนทราบถงึ กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรยี น ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. สรุป บุญเกียรติ การะเวกพนั ธุ์. (2562). เอกสารประกอบการ บ ร ร ย า ย ก ร ะ บ ว น วิ ช า ก า ร ก า ห น ด แ ล ะ ก า ร จากสถานการณ์ “COVID-19” ที่ส่งผลต่อการ วิเคราะห์นโยบายสาธารณะ กรุงเทพมหานคร: จัดการเรียนการสอนคือ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีถูก ม ห า วิ ท ย า ลั ย ร า ม ค า แ ห ง , โ ค ร ง ก า ร รั ฐ นามาใช้กับการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ผ่านระบบ ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีการสื่อสารท่ีตอ้ งพฒั นา ทา มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบรุ .ี (2563). ประกาศมาตราการ ใหก้ ารเรียนการสอนผา่ นออนไลน์สะดวกและรวดเร็วข้ึน การจัดการเรียนการสอนในช่วงการบริหาร การมีข้อจากดั ของการมรี ะยะห่างทางสงั คม ทาให้ต้องมี สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือ การเรียนแบบออนไลน์ อาจารย์ผู้สอนต้องสร้าง ไวรัสโคโรนา 2019 [ออนไลน์] ได้จ าก: กระบวนการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ https://www.dru.ac.th/uploads/ ความรู้ที่ได้ศึกษาจากระบบออนไลน์ผ่านการฝึกปฏิบัติ docs/law_bachelor.pdf. เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. (2563). ยุทธศาสตรพัฒนา การบูรณาการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี แผนปฏิบัติการ เ รี ย น ก า ร ส อ น ใ น ยุ ค ปั จ จุ บั น อ ย่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีเพ่ือการพัฒนา วารสารวิชิ าการรัับใช้ส้ ัังคม มทร.ล้้านนา 11 ปีีที่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิิถุุนายน 2564
ทองถ่ิน. [ออนไลน์] ได้จาก:https://plan.dru. Strategy and Planning Division Ministry of Public ac.th/filedata/plan1-2560%20%202564 Health. Statistical thailand 2017. Strategy 2020-01-16.pdf. and Planning Division Ministry of Public Report of the WHO-China Joint Mission on Health : Thanon Tiwanon, Amphoe Coronavirus Disease 2019 (COVID-19). 40 Muang, Nonthaburi; 2017. (in Thai) pages. 12 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
การพฒั นาระบบการใหน้ ้าพืชส้าหรับพนื้ ท่ีขาดแคลนน้า กรณศี กึ ษา บ้านแมข่ มี้ กู ต้าบลบา้ นทบั อา้ เภอแม่แจ่ม จงั หวัดเชยี งใหม่ Development of Plant Watering Systems for Water-Scarce Areas : A Case Study of Ban Mae Khimuk, Ban Thap, Mae Chaem, Chiangmai จิรศักดิ์ ปญั ญา1* สมาน ดาวเวียงกนั 1 เมธสั ภัททิยธนี1 Jirasak Panya1* Saman Daowwianggan1 Matas Bhudtiyatanee1 1* อาจารย์ สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 1* Lecturer, Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna E-mail : [email protected], เบอร์โทรศัพท์ 0-5392-1444 ตอ่ 2215, เบอรโ์ ทรสาร 0-5392-1444 ต่อ 2215 บทคัดยอ่ งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือหารูปแบบระบบการให้น้าพืชแบบประหยัดน้าที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ เพื่อออกแบบและติดตั้งระบบการให้น้าพืช และเพื่อลดการเห่ียวเฉาตายของพืชจากการขาดน้าในช่วงฤดูแล้ง (เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน) พ้ืนที่ในการด้าเนินงาน คือ บ้านแม่ข้ีมูก ต้าบลบ้านทับ อ้าเภอแม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่ ซ่ึงมีพื้นที่เพาะปลูกท่ีเข้ารว่ มโครงการจ้านวน 30 แปลง ลักษณะภมู ิประเทศเป็นพ้นื ทล่ี าดชันใช้การปลูกพืช เปน็ แบบข้ันบนั ได วธิ ีดา้ เนนิ งานประกอบด้วย การศึกษาพ้ืนท่เี พาะปลูก การหารูปแบบระบบการใหน้ ้าพืชทเี่ หมาะสม กับบริบทของพื้นที่ การออกแบบและติดตั้งระบบการให้น้าพืช การทดสอบการท้างานระบบการให้น้าพืช และการ ขยายผล ผลการวิจัยพบว่า ระบบการให้น้าพืชที่เหมาะสมคือระบบการให้น้าแบบหยดร่วมกับระบบกาลักน้า ซึ่งสามารถลดการเหี่ยวเฉาตายของพืชจากการขาดน้าได้ 100% และประหยัดน้ากว่าการให้น้าแบบตักรดคิดเป็น 51.2 %นอกจากน้ีจากการขยายผลการศึกษาไปยงั แปลงเพาะปลกู ท่เี ข้าร่วมโครงการ พบว่าสามารถลดพ้ืนทกี่ ารปลูก ขา้ วโพดซง่ึ เปน็ ต้นเหตขุ องการเสือ่ มโทรมของแหลง่ ต้นน้าและปัญหาหมอกควนั ได้ไม่น้อยกว่า 60 ไร่ คา้ ส้าคัญ ระบบนา้ หยด พ้ืนทล่ี าดชัน พ้ืนทข่ี าดแคลนนา้ กาลักนา้ เกษตรผสมผสาน Abstract The objective of this research is to determine the most appropriate water saving plant irrigation system to the context area by design and installation the watering system. The system is expected to reduce plant death rate due to drought during dry seasons (February to April). The study area was Ban-Mae-Khi-Muk, Ban-Tub Subdistrict, Mae-Chaem, Chiang-Mai. There were 30 agricultural sites participating in this project. The topography is a steep slope so the plant cultivation in a ladder was used. This project study methodology consisted of study of planting areas. The investigation of the appropriate watering system regarding planting areas. The design and installation of the appropriated watering system. The validation of the watering system and project expansion. The results showed that the combination of drip irrigation system with siphon system was the most suitable watering system for this area. The system was able to reduce death plant rate for 100% and save. water usage by 51.2% comparing with hand watering. In addition, it was also found that the designed watering system can be applied in other agricultural sites such as the reducing of corn planting area. Planting corn was the cause of deteriorate physical properties วารสารวิชิ าการรัับใช้ส้ ังั คม มทร.ล้า้ นนา 13 ปีีที่�่ 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
of soil. After harvesting corn, corn plants are burnt that causes smog problems. Therefore, the application of this designed watering system can help to reduce smog problems for 60 Rais. Keywords Drip system, Slope Area, Water-scarce areas, Siphon, Integrated Farming บทน้า ส่งผลท้าให้พืชบางส่วนเห่ียวเฉาตายเน่ืองจากการขาด ก า ร ท้ า เก ษ ต ร ก ร ร ร ม ข อ ง ชุ ม ช น บ้ า น แ ม่ ข้ี มู ก น้าในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 20% สอดคล้องกับ ระวิน ซ่ึงได้ศึกษาการเจริญเติบโตของไม้ผลจ้านวน ต้าบลบ้านทับ อ้าเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ในอดีต 5 ชนิด ได้แก่ มะม่วง มะนาว มะเฟือง ฝรั่ง และละมุด น้ันส่วนมากจะนิยมปลูกพืชเชิงเดี่ยวโดยเฉพาะข้าวโพด ในเขตพื้นท่ีแห้งแล้ง โดยศึกษาเปรยี บเทียบระหว่างการ เลย้ี งสัตว์ ซ่งึ การปลกู ขา้ วโพดจะมีผลเสียหลายดา้ น เช่น ให้น้าพืชอย่างเพียงพอกับการไม่ให้น้าพืชเลยตลอด ท้าให้หน้าดินเส่ือมโทรมจากการดูดซึมแร่ธาตุในดินของ ชว่ งเวลาการเก็บข้อมูล (เดอื นมกราคมถึงเดือนเมษายน) ข้าวโพด สารเคมีตกค้างและไหลลงสู่แหล่งต้นน้า พบว่าไม้ผลที่ให้น้าอย่างเพียงพอมีความสูงและทรงพุ่ม เน่ืองจากการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการก้าจัดศัตรูพืช เพ่ิมขึ้นมากกว่าไม้ผลที่ไม่ให้น้า โดยมีไม้ผลท่ีไม่ได้ให้น้า ในพื้ น ที่ต้นน้ า และการเกิด หมอกควันจากการ เห่ียวเฉาตายเนื่องจากการขาดน้า 15% (ระวิน สืบค้า, เผาซังข้าวโพดท้าให้เกิดมลพิษทางอากาศและปัญหา 2557) และข้อเสียของการให้น้าแบบตักรดอีกประการ หมอกควัน ซึ่งทางภาครัฐได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวจึงมี หน่ึงก็คือต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานเพ่ือตักน้า นโยบายช่วยเหลือและส่งเสริมการปลูกพืชผสมผสาน รดต้นพชื เพ่ือทดแทนการปลูกข้าวโพด เพ่ือเป็นการแก้ปัญหาท่ี กล่าวมาข้างต้นอย่างย่ังยืน พืชท่ีทางภาครัฐได้เข้ามา ภาพท่ี 1 ลักษณะการปลูกพชื แบบขน้ั บันได ส่งเสริมให้แก่เกษตรกร เช่น กล้วย แก้วมังกร มะม่วง ดังเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจึงได้ด้าเนินการ มะละกอ น้อยหน่า เป็นต้น แต่ปัญหาท่ีจะตามมา พัฒนาระบบการให้น้าพืชแบบประหยัดน้าส้าหรับพื้นท่ี หลังจากที่ปรับเปล่ียนจากการปลูกข้าวโพดมาเป็นการ แห้งแล้งขาดแคลนแหล่งน้าด้วยการบริหารจัดการน้า ปลกู พืชแบบผสมผสานคือปัญหาเรือ่ งน้า เพราะพืชแบบ อย่างประหยัดและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี ผสมผสานดังกล่าวเป็นพื ชท่ีใช้น้าค่อนข้างมาก วัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบระบบการให้น้าพืชแบบ ตรงกันข้ามกับข้าวโพดซึ่งเป็นพืชท่ีใช้น้าน้อย หาก ประหยัดน้าท่เี หมาะสมกับบรบิ ทของพ้นื ที่ เพ่ือออกแบบ แก้ปัญหาในประเด็นดังกล่าวไม่ได้เกษตรกรก็จะหัน และติดต้ังระบบการให้น้าพืชแบบประหยัดน้า และเพื่อ กลับไปปลูกข้าวโพดอย่างเดิม จากการศึกษาข้อมูล ล ด ก า ร เหี่ ย ว เฉ า ต า ย ข อ ง พื ช จ า ก ก า ร ข า ด น้ า ใน ช่ ว ง เบ้ืองต้นพบว่าพ้ืนที่เพาะปลูกของเกษตรกรส่วนมากจะ ฤดแู ล้งโดยเนน้ การมสี ่วนร่วมของชมุ ชน เป็นพื้นท่ีลาดชัน ดังนั้นการปลูกพืชจะเป็นลักษณะ ขน้ั บันได แสดงดงั ภาพที่ 1 วิธีการให้นา้ ของเกษตรกรใน ปจั จุบันจะใช้วิธีการปล่อยนา้ จากบ่อเก็บน้าทอ่ี ย่ดู ้านบน แปลงเพาะปลูกโดยปล่อยน้าลงมาตามร่องน้าขั้นบันได หรืออาจจะใช้วิธีการตักน้าจากบ่อเก็บน้ามารดที่โคน ต้นพืช ในช่วงหน้าแล้งและฝนท้ิงช่วงนาน ๆ (เดือน กุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน) พืชที่เพาะปลูกจะต้องการ นา้ ในปริมาณมากโดยเฉพาะตน้ กลา้ ที่ปลกู ใหม่เกษตรกร จะให้น้าเฉล่ียประมาณ 5 l/plant/day การให้น้าแบบ ตักรดจะมีข้อเสียคือ น้าบางส่วนไม่สามารถซึมผ่าน ชน้ั ดินได้ทนั และไหลล้นออกไปจากโคนต้นพืชสูญเสียไป โดยไม่เกิดประโยชน์กับต้นพืช ท้าให้น้าที่กักเก็บไว้ท่ี บ่อเก็บน้าไม่เพียงพอส้าหรับการให้น้าพืชตลอดท้ังปี 14 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
วธิ กี ารดา้ เนินงาน 2. ก้าหนดรูปแบบระบบการให้น้าพืชแบบหยดท่ี แนวคิดในการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้าและ เหมาะสมกับบริบทของพ้ืนที่ และออกแบบอุปกรณ์ของ ระ บ บ ก า ร ให้ น้ า พื ช แ บ บ ห ย ด ข อ ง แ ป ล งต้ น แ บ บ โด ย การเห่ียวเฉาตายของพืชนั้น จะใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับ น้าข้อมูลทไี่ ด้ทา้ การศกึ ษามาใชป้ ระกอบในการออกแบบ ระบบการให้น้าแบบหยดทดแทนการให้น้าแบบปล่อย ซึ่ ง ร ะ บ บ ก า ร ให้ น้ า พื ช แ บ บ ห ย ด ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ส่ ว น น้าตามร่องน้าหรือการให้น้าแบบตักรด เน่ืองจากระบบ ประกอบหลัก ดงั ต่อไปนี้ กา รให้ น้ าแ บ บ ห ย ด เป็ น ก ารให้ น้ า แบ บ ป ระ ห ยั ด น้ า 2.1 บอ่ เก็บน้า ใช้เป็นแหล่งกักเก็บนา้ สา้ หรับจา่ ย ลดการส้ินเปลืองน้าโดยไม่จ้าเป็น และข้อดีอีกประการ น้าให้กับแปลงเพาะปลูก ในกรณีที่มีบ่อเก็บน้าส้ารอง หนึ่งของระบบการให้น้าแบบหยด คอื ใช้ความดันน้าต้่า บริเวณใกล้เคียงแปลงเพาะปลูก สามารถสูบน้าจากบ่อ ซ่ึงสามารถใช้ความดันเน่ืองจากความต่างระดับของบ่อ เก็ บ น้ า ส้ า ร อ ง ขึ้ น ไป เติ ม ใน บ่ อ เก็ บ น้ า ด้ า น บ น แ ป ล ง เก็บน้าและแปลงเพาะปลูกได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้า เพาะปลูกได้ โดยสามารถหาก้าลังงานของปั๊มน้าได้ดัง สอดคล้องกับสมบูรณ์ และคณะ ซึ่งพบว่าระบบน้าหยด สมการท่ี (1) (วิศิษฎ์ จาตุรมานและขวัญชัย สินทิพย์ สามารถทา้ งานงานได้ดีที่ความดันต้่าโดยความดันไมเ่ กิน สมบูรณ์, 2542) 1-2 bar (สมบูรณ์ ขจรเดชะศักด์ิ และคณะ, 2552) (1) และสอดคล้องกับ อดิศักด์ิ สัจจพษ์ และคณะ ที่พบว่า P QH การให้น้าแก่บรอคโครีและกระเจี๊ยบเขียวด้วยระบบน้า หยดความดันต่้ามากมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการให้ เมือ่ P คอื ก้าลงั งานของปมั๊ นา้ (W) น้าด้วยระบบสปริงเกอร์ แต่สามารถประหยัดน้าได้ คอื น้าหนักจา้ เพาะของนา้ (N/m3) มากกว่า 44- 89% เม่ือเทียบกับการให้น้าด้วยระบบ Q คอื อัตราการไหลที่ตอ้ งการสบู ส่ง (m3/s) สปริงเกอร์ (อดิศักด์ิ สัจจพงษ์และคณะ, 2546) เมื่อ H คอื เฮดรวมของการสูบส่ง (m) เกษตรกรปรับเปล่ียนวิธีการใหน้ ้าแบบเดิมมาเปน็ การให้ 2.2 ระบบกาลักน้า เพื่อส่งน้าจากบ่อเก็บน้าเข้า น้าแบบหยด จะส่งผลท้าให้การผลิตพืชของเกษตรกรมี ในระบบท่อส่งน้า โดยท่ีไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหรือ ประสิทธิภาพสูงขึ้น และเพื่อให้การปรับเปล่ียนภายใน เชอื้ เพลงิ อน่ื ในการสบู ส่งน้า ชุมชนเป็นไปอย่างยั่งยืน จะอาศัยกลไกของผู้น้าการ 2.3 ตวั กรอง ท้าหน้าทกี่ รองสง่ิ สกปรกก่อนเข้าทอ่ เปลี่ยนแปลง (Change Agent) โดยจะสร้างผู้น้าการ ประธาน เพื่ อป้ องกันไม่ให้สิ่งสกป รกไปอุดตัน ท่ี เปลี่ยนแปลงของชุมชนท้างานควบคู่กับทีมวิจัย เพื่อให้ หัวน้าหยด ตัวกรองที่เหมาะสมส้าหรับระบบน้าหยด เกิดการยอมรับเทคโนโลยีท่ีน้ามาใช้ในระบบการให้น้า ควรจะมีขนาดตะแกรง 120 – 155 Mesh (บุญมา พืช และสามารถพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ให้เกิดความ ป้านประดษิ ฐ์, 2546) ย่ังยืนในชุมชนได้ โดยใช้เทคนิคกระบวนการฝึกอบรม 2.4 ทอ่ ประธานและท่อแขนง ทา้ หน้าที่รับนา้ จาก ในขณะปฏิบัติงาน (on the job training) (ภฤศพงศ์ ระบบกาลกั นา้ เพื่อจ่ายน้าให้กบั หัวน้าหยดซงึ่ สามารถหา เพชรบุล และคณะ, 2559) ซ่ึงขั้นตอนในการด้าเนินงาน ขนาดท่อได้จากสมการท่ี (2) (มนตรี ค้าชู, 2535) มดี ังตอ่ ไปนี้ D 2 1273Q p (2) 1. ศึกษาพน้ื ท่ีเพาะปลูก โดยพ้ืนทด่ี า้ เนินงาน คือ V พ้ืนทีเ่ พาะปลูกของเกษตรกรบา้ นแม่ข้ีมกู ต้าบลบ้านทับ อ้าเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จ้านวน 30 แปลง โดย เมอื่ D คอื ขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลางท่อ (mm) การศกึ ษารายละเอยี ดของพนื้ ท่ีเพาะปลูก ประกอบด้วย Qp คอื อัตราการไหลของน้าในท่อ (l/s) V คือ ความเรว็ ของนา้ ในท่อ (m/s) 1.1 ลักษณะภมู ปิ ระเทศและค่าความลาดชันของ พ้นื ที่เพาะปลกู เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความดันเน่ืองจาก ความเสียดทานในท่อมากเกินไป ความเร็วของน้าในท่อ 1.2 ขนาดของพื้นทเ่ี พาะปลกู และจ้านวนของพืช ไม่ควรเกิน 1.5 m/s (บัญจรัตน์ โจลานันท์ และคณะ, ท่ีปลกู 2561) และสามารถหาการสูญเสียความดันเนื่องจาก ความเสียดทานในท่อได้จากสมการท่ี (3) (มนตรี ค้าชู, 1.3 แหล่งกักเก็บน้าทอ่ี ยดู่ ้านบนแปลงเพาะปลูก 2535) และบ่อเก็บนา้ ส้ารองบริเวณใกล้เคยี งแปลงเพาะปลกู วารสารวิชิ าการรับั ใช้้สังั คม มทร.ล้้านนา 15 ปีที ี่่� 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิถิ ุนุ ายน 2564
Hf 1.21x1010 Q 1.852 L D 4.87 (3) ซักถามข้อสงสัยและให้เกษตรกรได้ฝึกติดตั้งระบบการ C ให้นา้ พืชแบบหยดในแต่ละขัน้ ตอน เมื่อ Hf คือ การสญู เสยี ความดันเนอ่ื งจาก 3.4 อธิบายและสาธติ ขั้นตอนการใชง้ านและการ ความเสยี ดทาน (m) บ้ารุงรักษาระบบการให้น้าพืชแบบหยด โดยเปิดโอกาส ให้เกษตรกรได้ซักถามและฝึกใช้งานและการบ้ารงุ รักษา Qp คือ อตั ราการไหลของนา้ ในท่อ (l/s) ระบบการให้น้าพืชแบบหยดในแตล่ ะขน้ั ตอน C คือ สมั ประสิทธิค์ วามเสยี ดทานของท่อ 4. ทดสอบการท้างานของระบบการให้น้าแบบ L คือ ความยาวท่อ (m) หยด และหาค่าความคลาดเคลอื่ นของอัตราการไหลของ D คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ (mm) หวั น้าหยดในแต่ละพ้ืนที่ยอ่ ยเทียบกบั ค่าอัตราการไหลที่ 2.5 หัวน้าหยด ทา้ หน้าที่จ่ายน้าให้กับพืช ซึ่ง ออกแบบ เพื่อน้าผลการทดสอบท่ีได้มาท้าการวิเคราะห์ หัวน้าหยดมีหลายแบบ เช่น แบบปรับอัตราการไหลได้ การท้างานและประสิทธิภาพของระบบน้าหยด โดยท้า ไม่ชดเชยความดัน แบบอัตราการไหลคงท่ีไม่ชดเชย การตวงปริมาตรของน้าที่ไหลผ่านหัวน้าหยดและจับ ความดัน และแบบอัตราการไหลคงที่ชดเชยความดัน เวลาในการทดสอบเพ่อื หาอตั ราการไหลของหัวน้าหยด ในกรณีหัวน้าหยดแบบอัตราการไหลคงที่ที่มีขายตาม ท้องตลาดทั่วไปจะมีค่าอัตราการไหล 2 l/hr 4 l/hr 5. ขยายผลติดตั้งระบบการให้น้าแบบหยดใน และ 8 l/hr ความดันใช้งานประมาณ 0.5 – 1.0 bar พื้นที่แปลงเพาะปลูกที่เข้าร่วมโครงการ ในขั้นตอนนี้ให้ ซง่ึ สามารถหาปริมาณการใช้น้าสูงสดุ เฉลยี่ ของพชื ไดจ้ าก กลุ่มผู้น้าการเปล่ียนแปลงของชุมชนเป็นผู้ด้าเนินการ สมการที่ (4) (มนตรี คา้ ชู, 2535) รว่ มกบั ทีมวิจยั ผลการดา้ เนินงาน G 0.6E pd 2 (4) 1. ผลการศึกษาพื้นที่เพาะปลกู เม่ือ G คอื ปรมิ าณการใช้น้าสงู สดุ เฉลยี่ ภาพท่ี 2 ลักษณะภมู ปิ ระเทศพ้นื ทเี่ พาะปลูกบ้านแมข่ ม้ี กู ของพชื (l/plant/day) ลักษณะภูมิประเทศของพื้นท่ีเพาะปลูกส่วนมาก E p คอื อัตราการระเหยน้า (mm/วนั ) จะเป็นพ้ืนที่ลาดชันโดยมคี ่าความลาดชันเฉลีย่ ประมาณ d คือ ขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางทรงพมุ่ (m) 45o การปลูกพืชจะเป็นลักษณะขั้นบันได แสดงดัง ภาพที่ 2 พ้ืนท่ีเพาะปลูกของเกษตรกรแต่ละรายจะมี หมายเหตุ อัตราการระเหยน้าสูงสุดเฉลี่ยของ เนื้อท่ีประมาณ 2 ไร่ ซึ่งข้อมูลแปลงเพาะปลูก (แปลง จังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเดือนเมษายน เท่ากับ 6.35 ต้นแบบ) แสดงดงั ตารางท่ี 1 mm/day (มนตรี ค้าชู, 2535) 3. ด้าเนินการติดต้ังระบบการให้น้าพืชแบบหยด ตารางท่ี 1 ข้อมูลแปลงเพาะปลกู (แปลงตน้ แบบ) ในแปลงต้นแบบ เมื่อได้ออกแบบระบบการให้น้าพืช จา้ นวน ความยาว พชื ทป่ี ลกู พืชที่ปลูก แบบหยดแล้ว หลงั จากน้ันก็จะทา้ การติดตง้ั ระบบการให้ แถว แถวมากสุด สงู สดุ ต่อแถว ทั้งหมด น้าพืชแบบหยดในแปลงต้นแบบโดยเน้นการมีส่วนร่วม (row) (m) (plant) (plant) ของชุมชน ซ่ึงข้ันตอนในการติดตั้งระบบการให้น้าพืช แบบหยด ประกอบดว้ ย 6 110 52 275 3.1 แนะน้าอุปกรณ์ของระบบการใหน้ ้าพืชแบบ หยดและหน้าทีข่ องอปุ กรณ์ต่าง ๆ ให้กบั เกษตรกร 3.2 สรปุ หลักการในการเลือกอุปกรณ์ของระบบ การใหน้ า้ พชื แบบหยด 3.3 อธิบายและสาธิตขั้นตอนการติดตั้งระบบ การให้น้าพืชแบบหยด โดยเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้ 16 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
แหล่งเก็บน้าของแปลงเพาะปลูกจะท้าเป็นบ่อ รายการอุปกรณ์หลักของระบบการให้น้าแบบ เก็บน้าอยู่ด้านบนสุดของแปลงเพาะปลูก ซึ่งบ่อเก็บน้า หยด สรุปไดด้ ังต่อไปนี้ สามารถจุน้าได้ประมาณ 200 m3 (200,000 l) และใน บางแปลงจะมีฝายเก็บน้าอยู่ด้านล่างของแปลงเพาะ 1. ปั๊มน้าพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ส้าหรับสูบ ปลูกด้วย โดยฝายเก็บน้าจะเป็นลักษณะฝายขนาดเล็ก นา้ จากแหลง่ เกบ็ น้าส้ารองเพื่อส่งนา้ ไปยงั บ่อเกบ็ น้าดา้ น ก้นั ล้าหว้ ยทไ่ี หลตามธรรมชาติ บนแปลงเพาะปลูก เลือกใช้ป๊ัมน้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 300 W 2. ผลการออกแบบระบบการให้น้าแบบหยด และอุปกรณ์ 2. หัวน้าหยด เลือกใช้หัวน้าหยดแบบอัตรา การไหลคงที่ชดเชยความดัน อัตราการไหลเท่ากับ ภาพท่ี 3 แผนผงั ระบบการให้นา้ แบบหยด 4 l/hr ความดันใช้งาน 0.5 – 1.0 bar เม่ือขนาดเส้น เน่ืองจากแปลงเพาะปลูกเปน็ พน้ื ที่ลาดชัน แต่ละ ผ่านศูนย์กลางทรงพุ่มของพืชท่ีปลูกไม่เกิน 0.8 m แปลงจะมีบ่อเก็บน้าอยู่ด้านบนสุดของแปลงเพาะปลูก ดังน้ัน ปริมาณ การใช้น้าสูงสุดเฉล่ีย เท่ากับ 2.44 ดงั น้ันการส่งน้าจากบ่อเก็บน้าเข้าสู่ระบบการให้น้าแบบ l/plant/day ซ่ึงเพียงพอต่อความต้องการของพืชในแต่ หยดจะอาศยั หลกั การแรงโน้มถ่วงของโลกใหน้ ้าไหลจาก ละวัน (พชื จะไม่เห่ยี วเฉาตายเนือ่ งจากการขาดน้า) ท่ีสูงลงสู่ที่ต่้า (ใช้ระบบกาลักน้า) ซึ่งสามารถเขียน แผนผังระบบการให้น้าแบบหยดได้ดังภาพที่ 3 ซ่ึงจะ 3. ตัวกรอง เลือกใช้ตัวกรองแบบตะแกรง แบ่งออกเป็นสองพ้ืนท่ีย่อยแยกตามบ่อเก็บน้า และมี 120 mesh ขนาด 32 mm (1.5 in) ระบบสูบน้าส้ารอง ส่วนรายละเอียดระบบการให้น้า แบบหยด แสดงดงั ภาพที่ 4 4. ท่ อ ไม โค ร เลื อก ใช้ท่ อ LDPE ข น าด เส้นผ่านศูนย์กลาง 3 mm ซ่ึงเหมาะส้าหรับใช้งานกับ ภาพท่ี 4 รายละเอยี ดระบบการใหน้ ้าแบบหยด หัวนา้ หยดทว่ั ไป 5. ท่อแขนง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ แขนงจะต้องรองรับอัตราการไหลของหัวน้าหยดทั้งหมด ท่ีติดตั้งบนท่อแขนง ดังน้ันเลือกใช้ท่อ LDPE ขนาดเส้น ผ่านศนู ยก์ ลาง 16 mm 6. ท่อประธาน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของ ท่อประธานจะต้องรองรับอัตราการไหลของท่อแขนง ท้ังหมดที่ติดต้ังกับท่อประธาน ดังน้ันเลือกใช้ท่อ LDPE ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 mm เพื่อให้สะดวกในการที่เกษตรกรจะเลือกขนาด ท่อให้เหมาะสมกับจ้านวนหวั นา้ หยด ดงั น้นั จึงสรปุ ขนาด ทอ่ ท่ีสามารถรองรับหัวน้าหยดได้มากท่ีสุดโดยประมาณ เพื่อสะดวกในการใชง้ าน แสดงดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 จ้านวนหัวน้าหยดมากท่ีสดุ ที่ติดตั้งได้ส้าหรับ ทอ่ ขนาดตา่ งๆ จ้านวนหัวนา้ หยดทีต่ ดิ ตงั้ ได้ (หัว) ขนาดทอ่ อัตราการไหลของหัวน้าหยด (mm) 2 l/hr 4 l/hr 8 l/hr 16 390 196 98 20 612 306 153 25 970 485 242 32 1686 843 420 วารสารวิิชาการรัับใช้ส้ ัังคม มทร.ล้า้ นนา 17 ปีีที่่� 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
ตารางท่ี 2 จ้านวนหัวน้าหยดมากท่ีสุดที่ตดิ ต้ังได้ส้าหรับ 3.3 ติดตั้งระบบกาลักน้า ซ่ึงประกอบด้วย ฟุต ท่อขนาดต่างๆ (ตอ่ ) วาลว์ และวาลว์ เตมิ น้าระบบกาลักน้า แสดงดังภาพท่ี 7 จา้ นวนหวั น้าหยดทตี่ ดิ ตั้งได้ (หัว) ขนาดท่อ อตั ราการไหลของหัวนา้ หยด ภาพที่ 7 การตดิ ต้งั ระบบกาลกั นา้ (mm) 3.4 ตดิ ตงั้ ทอ่ ประธาน เช่อื มต่อระหวา่ งระบบกาลัก 2 l/hr 4 l/hr 8 l/hr น้าและทอ่ แขนง แสดงดงั ภาพท่ี 8 40 2628 1314 675 50 4110 2055 1028 ภาพที่ 8 การติดตงั้ ท่อประธาน 63 6558 3278 1640 3.5 ติดตั้งวาล์วท่อประธานและตัวกรองแบบ หมายเหตุ กรณีที่ท่อมีความยาวมากกว่า 100 m ควร ตะแกรง แสดงดงั ภาพท่ี 9 เพม่ิ ขนาดท่อจากตารางอย่างน้อย 1 ขนาด 3. ผลการติดตง้ั ระบบการให้น้าแบบหยด เมื่อได้ออกแบบระบบการให้น้าแบบหยดเสร็จ แลว้ หลังจากน้ันทา้ การตดิ ตง้ั ซึง่ มีขัน้ ตอนดงั ต่อไปน้ี 3.1 แนะน้าอุปกรณ์ของระบบการให้น้าพืชแบบ หยดและหน้าท่ีของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับเกษตรกร แสดงดงั ภาพท่ี 5 ภาพที่ 5 การแนะนา้ ระบบการให้นา้ แบบหยด 3.2 ติดต้ังระบบสูบน้าพลังงานแสงอาทิตย์เพ่ือ ภาพท่ี 9 การติดต้ังวาลว์ ทอ่ ประธานและตัวกรอง สูบน้าจากแหล่งเก็บน้าส้ารองส่งน้าไปยังบ่อเก็บน้า 3.6 ติดตั้งวาล์วท่อแขนงและท่อแขนงเข้ากับ ดา้ นบนแปลงเพาะปลูก แสดงดังรูปที่ 6 ทอ่ ประธาน แสดงดงั ภาพท่ี 10 ภาพที่ 6 การติดตงั้ ระบบสูบน้าพลังงานแสงอาทติ ย์ ภาพที่ 10 การติดตั้งวาลว์ ทอ่ แขนงและทอ่ แขนง 18 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
3.7 ติดตง้ั ท่อไมโคร และหัวน้าหยดเข้ากับทอ่ แถวของแถวท่ี 2 ส่วนค่าความคลาดเคล่อื นสูงสุดเท่ากับ แขนง แสดงดงั รปู ท่ี 11 10% ตรงต้าแหน่งท้ายแถวของแถวท่ี 1 ถ้าพิจารณาค่า เฉล่ียของความคลาดเคลอ่ื นของอัตราการไหลของหวั น้า ภาพท่ี 11 การตดิ ต้ังท่อไมโครและหวั น้าหยด หยด พบว่าความคลาดเคลื่อนเฉล่ียสูงสุดเท่ากับ 7.5% 4. ผลการทดสอบการทา้ งานของระบบการให้ ตรงต้าแหน่งแถวที่ 1 ซ่ึงค่าความคลาดเคลื่อนเฉลี่ย นา้ แบบหยด สูงสุดมีคา่ ไมเ่ กิน 10% ดังนน้ั จงึ สามารถสรุปไดว้ ่าระบบ จากการทดสอบการท้างานของระบบการให้น้า การใหน้ ้าแบบหยดทไ่ี ดอ้ อกแบบและติดตั้งในพ้ืนที่จริงมี แบบหยด พบวา่ การท้างานของระบบกาลกั น้าและอตั รา อตั ราการไหลท่ีสม้่าเสมอใกล้เคียงกันในแต่ละพ้ืนที่ย่อย การไหลของหัวน้าหยดเป็นไปตามท่ีได้ออกแบบไว้ โดย และสามารถใช้งานไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ เฉลย่ี แลว้ จะเปดิ ระบบการใหน้ ้าแบบหยดวนั ละ 37 min การนา้ ไปใช้ จะได้ ป ริม าณ น้ าป ระม าณ 2.44 l/plant/day ซึ่ ง ปริมาณน้าดังกล่าวเพียงพอต่อความต้องการของพืช หลังจากได้ติดตั้งและทดสอบระบบการให้น้า ส่งผลท้าให้ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนน้ัน ไม่ แบบหยดในแปลงต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ขยาย พบพืชเหี่ยวเฉาตายเลย ส่วนความคลาดเคลื่อนของ ผลไปติดตั้งในแปลงเพาะปลูกของเกษตรกรที่เข้าร่วม อตั ราการไหลของหัวน้าหยดในแต่ละพื้นที่ยอ่ ยเทียบกับ โครงการปลูกพืชผสมผสานทดแทนการปลกู ข้าวโพดอีก ค่าท่ีไดอ้ อกแบบไว้ คือ 4 l/hr แสดงดังตารางที่ 3 จ้านวน 29 แปลง ทั้งหมดรวมเปน็ 30 แปลง (รวมแปลง ต้นแบบ) ในพื้นท่ีบ้านแม่ขี้มูก ต้าบลบ้านทับ อ้าเภอ แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยร่วมกันระหว่างผู้น้าการ เปล่ียนแปลงของชุมชน เจ้าของแปลงเพาะปลูก และทีมวิจัย ตัวอย่างพื้ นท่ี ที่ขยายผลการติดต้ัง แสดงดังภาพที่ 12 ตารางท่ี 3 ความคลาดเคล่ือนของอัตราการไหลของหัว น้าหยดในแต่ละพ้ืนทยี่ อ่ ย ความคลาดเคล่อื น (%) แถวที่ ต้าแหนง่ หวั น้าหยด เฉลย่ี หัวแถว กลางแถว ทา้ ยแถว 1 2.5 8.8 10.0 7.5 2 3.8 1.2 5.0 3.8 3 5.0 2.5 3.8 2.5 4 2.5 5.0 2.5 3.8 5 2.5 5.0 3.8 1.2 6 6.2 3.8 5.0 5.0 จากตารางท่ี 3 พบว่าค่าความคลาดเคลื่อนของ อัตราการไหลของหัวน้าหยดเม่ือเทียบกับค่าท่ีออกแบบ ภาพท่ี 12 การติดตัง้ ระบบการใหน้ ้าแบบหยด ไว้ (4 l/hr) น้อยที่สุดเท่ากับ 1.2 % ตรงต้าแหน่งกลาง ในแปลงขยายผล วารสารวิชิ าการรับั ใช้้สังั คม มทร.ล้า้ นนา 19 ปีที ี่�่ 5 ฉบัับที่�่ 1 มกราคม -มิถิ ุนุ ายน 2564
จากการขยายผลการติดตั้งระบบการให้น้าพืช ค้า และมัตติกา พนมธรนิจกุล ซึ่งพบว่าไม้ผลท่ีให้น้า แบบหยดไปยังแปลงเพาะปลูกท่ีเข้าร่วมโครงการ ส่งผล แบบหยดร่วมกับการใช้สารดูดความช้ืนโพลีเมอร์ในช่วง ท้ า ให้ ก า ร ป ลู ก พื ช แ บ บ ผ ส ม ผ ส า น ข อ ง เก ษ ต ร ก ร มี ฤดแู ล้ง (ชว่ งเดือนมกราคมถงึ เดือนเมษายน) ไมเ่ หี่ยวเฉา ประสิทธิภาพสูงข้ึน และสามารถลดพ้ืนท่ีการปลูกข้าว ตายเลย (ระวนิ สบื คา้ และมัตตกิ า พนมธรนจิ กลุ , 2556) โพดได้ไม่น้อยกว่า 60 ไร่ คิดเป็น 26.1% ของพื้นท่ีปลูก ในสว่ นของการประหยัดนา้ พบว่าการให้น้าแบบหยดจะ ข้าวโพดในพื้นที่ศึกษา ส่งผลท้าให้ลดปัญหาหน้าดิน ประหยัดน้ากว่าการให้น้าแบบตักรด คิดเป็น 51.2% เสื่อมโทรม สารเคมีตกค้างในแหล่งต้นน้า และปัญหา เนื่องจากการให้น้าแบบหยดนั้นนา้ ท่ีหยดออกจากหัวน้า หมอกควัน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการการลดพ้ืนที่การ หยดจะค่อย ๆ หยดลงสู่โคนต้นพชื ซึง่ น้าจะคอ่ ย ๆ ไหล ปลูกข้าวโพด น้ันแสดงให้เห็นว่าการวิจัยในพ้ืนท่ีศึกษา ลงสู่ชั้นดินอย่างช้า ๆ ไม่เอ่อล้น ส่วนการให้น้าแบบ เป็นจุดเร่ิมต้นในการแก้ปัญหาการปลูกข้าวโพดอย่าง ตักรดน้ันจะเป็นการตักน้ารดไปยังโคนต้นทีเดียว ซึ่งจะ ยั่งยืน และสามารถน้าผลการวิจัยไปขยายผลให้ ท้าให้น้าบางสว่ นทไี่ มส่ ามารถซมึ ผา่ นชน้ั ดนิ ได้ทนั ไหลลน้ ครอบคลุมพ้ืนที่ปลูกข้าวโพดของบ้านแม่ข้ีมูก และของ ออกไปจากโคนต้นพืช และน้าบางส่วนระเหยสู่อากาศ อ้าเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป และยังพบอีกว่า ส่งผลทา้ ใหน้ ้าบางส่วนสูญเสียไปโดยไม่เกดิ ประโยชน์กับ ผู้น้าการเปล่ียนแปลงของชุมชนได้ใช้ทักษะและความ ต้นพืช สอดคล้องกับบัญจรัตน์ โจลานันท์และคณะ ท่ี เชี่ยวชาญเก่ียวกับระบบการให้น้าแบบหยดที่ได้ฝึก พบว่าการให้น้าแก่ต้นพริกด้วยระบบน้าหยดสามารถ ปฏิบัติมาน้าไปขยายผลเพื่อปรับเปล่ียนวิธีการให้น้า ประหยัดน้าได้ 68.20% เม่ือเทียบกับการให้น้าด้วย แบบเดิมเป็นการให้น้าด้วยระบบน้าหยดได้อย่างมี ระบบร่องคูเล็ก (บัญจรัตน์ และคณะ, 2561) เมื่อระบบ ประสิทธิภาพ การให้น้าแบบหยดเป็นระบบท่ีช่วยลดการสูญเสียและ อภิปรายผล ประหยัดน้าในการเพาะปลูกพืชแบบผสมผสานได้จริง ดงั น้ันค่อนข้างมั่นใจได้วา่ เกษตรกรจะไม่หันกลบั ไปปลูก จากผลการทดสอบซึ่งพบว่าระบบการให้น้าแบบ ข้าวโพดอย่างเดิม และเพื่อให้การปรับเปล่ียนเป็นไป หยดท่ีได้ออกแบบและติดตั้งในพื้นท่ีจริงสามารถใช้งาน อย่างย่ังยืน จึงใช้กลไกของผู้น้าการเปล่ียนแปลงของ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพเน่ืองจากอัตราการไหลของหัวน้า ชมุ ชนที่ได้สรา้ งขึ้นมาเพื่อขยายผลงานวิจัย และทีมวิจัย ห ย ด ใ น แ ต่ ล ะ พื้ น ท่ี ย่ อ ย มี ค่ า ส ม้่ า เส ม อ ใ ก ล้ เคี ย ง กั น ก้ากับติดตามความยั่งยืนผ่านผู้น้าการเปล่ียนแปลงของ สอดคลอ้ งกบั ภุชพงษ์ พรามจร ซ่ึงได้ศึกษาผลของความ ชุมชน ประกอบกับการสร้างจิตส้านึกในการรักษาป่า สม้่าเสมอการกระจายน้าของระบบน้าหยดต่อการ แ ล ะ แ ห ล่ ง ต้ น น้ า เพื่ อ ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ชุ ม ช น เอ ง แ ล ะ เจริญเติบโตและผลผลติ ทานตะวัน พบว่า ระบบนา้ หยด ลูกหลานในอนาคต ท่ี มี ค ว า ม ส ม่้ า เส ม อ ข อ ง ก า ร ก ร ะ จ า ย น้ า สู ง ก ว่ า ค่ า กติ ตกิ รรมประกาศ มาตรฐาน (80%) ส่งผลให้การเจริญเติบโตและผลผลิต เฉลี่ยสูง (ภุชพงษ์ พรามจร, 2560) และจากผลการ งานวิจัยน้ีได้รับงบประมาณสนบั สนุนทุนวจิ ยั จาก ติดตั้งระบบการให้น้าแบบหยดในแปลงต้นแบบ ส่งผล ส้านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ ท้าให้การใช้น้าของพืชในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซ่ึงอยู่ภายใต้ เมษายนเป็นไปอย่างประหยัดเพียงพอต่อความต้องการ โครงการงานวิจัยเพ่ือพัฒนาเชิงพื้นท่ี (Area-Based ของพืช โดยไมพ่ บว่ามีพืชเหีย่ วเฉาตายเน่ืองจากการขาด Collaborative Research, ABC) น้าเลย นั่นแสดงให้เห็นว่าระบบการให้น้าแบบหยดช่วย บรรณานุกรม ลดการสูญเสียของพืชจากการขาดแคลนน้าในช่วงฤดู บุญมา ป้านประดิษฐ์. (2546). หลักการชลประทาน. แล้งได้ 100% สอดคล้องกับระวิน สืบค้า ซ่ึงพบว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนนั้น ไม้ผลที่ให้น้า กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ อย่างเพียงพอมีความสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าไม้ผลที่ไม่ได้ให้ บัญจรัตน์ โจลานันท์ เกศสุดา สิทธิสันติกุล และ นา้ และไม่พบว่าไมผ้ ลทใี่ หน้ ้าอย่างเพยี งพอเหี่ยวเฉาตาย เลย (ระวิน สืบค้า, 2557) และก็สอดคล้องกับระวิน สืบ ป ร า ร ถ น า ย ศ สุ ข (2561). ก า ร วิ จั ย เชิ ง ปฏิบัติการชลประทานน้าหยดแบบมีส่วนร่วม 20 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพการใช้น้า: กรณีศึกษา ระวิน สืบค้า และมัตติกา พนมธรนิจกุล. 2556. การ พ้ืนที่ภัยแล้ง เทศบาลต้าบลออนใต้ จังหวัด เพิ่มประสิทธิภาพของการปลูกไม้ผลบนท่ีลาด เชียงใหม่. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. ส้านกั งาน ชันโดยระบบการให้น้าแบบหยดร่วมกับสารดูด พฒั นาการวจิ ยั การเกษตร ความช้ืนโพลิเมอร์, การประชุมวิชาการสมาคม ภฤศพงศ์ เพชรบลุ ศรีธร อุปค้า จริ ศักด์ิ ปัญญา และ วิศวกรรมเกษตรแห่งงประเทศไทย, คร้ังที่ 14 ชิติ ศรีตนทิพย์. (2559). การศึกษาแนวทาง ณ โรงแรมหัวหินแกรนด์แอนด์พลาซ่า จังหวัด การพัฒนาภาวะผู้น้าเยาวชนบนพื้นที่สูง, การ ประจวบคีรีขันธ์. 1-4 เมษายน 2556 หน้า ประชุมวิชาการผลงานวิจัยของมูลนิธิโครงการ 714-719 หลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนท่ีสูง, ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่. วิศิษฎ์ จาตุรมาน และขวัญชัย สินทิพย์สมบูรณ์. 2542. 7 กนั ยายน 2559 หน้า 311-315 กลศาสตร์ของไหล. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น ภุชพงษ์ พรามจร. 2560. ผลของความสม่้าเสมอการ ม.ป.ป. กระจายน้าของระบบน้าหยดต่อการเจริญ เติ บ โ ต แ ล ะ ผ ล ผ ลิ ต ท า น ต ะ วั น .วิ ท ย า นิ พ น ธ์ สมบูรณ์ ขจรเดชะศักดิ์ สิน พันธ์ุพินิจ วิชัย แหวน ปริญญามหาบัณฑิต. สาขาวิชาเทคโนโลยีการ เพ ชร และยุท ธ ไกยวรรณ์ . 2552. “การ ผลติ พืช มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยสี ุรนารี. ถ่ายทอดเทคโนโลยีการให้น้าแบบหยด .” มนตรี ค้าชู. 2535. หลักการชลประทานแบหยด การ วารสารวิชาการและวิจัย มทร.พระนคร. 3,1: ออกแบ บและการแก้ปัญ ห า. กรุงเท พฯ: 97-105. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ระวิน สืบค้า. 2557. “การให้น้าแบบหยดแก่ไม้ผลที่ อดิศักด์ิ สัจจพงษ์ พจน์ณีย์ โลน้ ทีชัย อรสา ดิษฐ์สถาพร ปลูกเชิงแถบอนุรักษ์ในระบบเกษตรน้าฝนบนท่ี และจิราภา จอมไธสง. 2546. การพัฒนาระบบ ลาดชัน.” วารสารนเรศวรพะเยา. 7,3: 233- การให้น้าแบบหยดโดยใช้ความดันต่้าส้าหรับ 241. พืชผัก. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. ส้านักงาน กองทุนสนับสนนุ การวิจยั . วารสารวิิชาการรัับใช้้สัังคม มทร.ล้้านนา 21 ปีที ี่่� 5 ฉบัับที่�่ 1 มกราคม -มิิถุุนายน 2564
RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
กระบวนการมีส่วนร่วมสร้างการผลิตทางการเกษตรท่ีดแี ละเหมาะสม (GAP) ของผลผลติ สับปะรดในตาบลบา้ นสา อาเภอแจ้ห่ม จังหวดั ลาปาง The participation process for the establishment of the Good Agriculture Practices (GAP) of pineapple products in Ban Sa Sub-district, Chae Hom District, Lampang Province สนั ติ ชา่ งเจรจา1* รุ่งนภา ชา่ งเจรจา2 Sunti Changjeraja 1* Rungnapa Changjeraja 1 1*ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สถาบันวจิ ยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 2รองศาสตราจารย์ ดร. สถาบันวิจยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 1*Asst. Prof., Agricultural Technology Research Institute, Rajamangala University of Thchnology Lanna. 2Assoc. Prof. Dr., Agricultural Technology Research Institute, Rajamangala University of Thchnology Lanna. E-mail : [email protected], เบอรโ์ ทรศัพท์ 08-6730-4040 บทคดั ยอ่ กระบวนการมีส่วนร่วมสร้างการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP) ของผลผลิตสับปะรดในตาบล บ้านสา อาเภอแจ้ห่ม จังหวัดลาปาง มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพผลผลิตสับปะรดของตาบลบ้านสาให้มี มาตรฐานการผลิตทางการเกษตรทดี่ ีและเหมาะสมท่ีสามารถเพิ่มศักยภาพทางการตลาด การสร้างกระบวนการเรียนรู้ เชิงบูรณาการร่วมกันของเครือข่ายหน่วยงานในพื้นท่ี ประกอบด้วย 3 ข้ันตอน 1. กาหนดพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย เลือกพ้ืนที่ดาเนินงานในตาบลบ้านสา กลุ่มเป้าหมายเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดบ้านสา 2. กระบวนการเรียนรู้ ได้แก่ วิเคราะห์ขอ้ มลู โดยการรวบรวบข้อมูลเบ้ืองตน้ ดา้ นมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรท่ีดแี ละเหมาะสมของสับปะรดใน พ้ืนท่ตี าบลบา้ นสา ข้อมลู พน้ื ฐานเชิงนโยบายและแผนการพฒั นาเกษตรปลอดภยั ในระดบั จังหวดั การสรา้ งความเขา้ ใจ และความร่วมมือของกลุ่มเกษตรกรและเครือข่าย ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์การผลิตสับปะรดบนฐานข้อมูล อดีต/ ปัจจบุ นั /อนาคต และกาหนดมุง่ เปา้ การพฒั นาผลผลิตสบั ปะรดบนมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม ท่ีจะส่งผลประโยชน/์ ประโยชน์ต่อสบั ปะรดของบา้ นสาทัง้ ด้านรายได้ สุขภาพ สังคมและสิ่งแวดล้อม ประมวลผลและ กาหนดเป้าหมายของการจัดกิจกรรมการเพ่ิมเติมทักษะความรู้ เพิ่มจานวนและพื้นท่ีการผลิตสับปะรดท่ีได้รับการ รับรองมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม และการสร้างกิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการของ เครือข่าย ให้ความรู้เสริมทักษะเทคโนโลยีการผลิตสับปะรดปลอดภัยและกลไกการขอรับรองมาตรฐานการผลิตทาง การเกษตรที่ดีและเหมาะสมจากกรมวิชาการเกษตร โดยมีการดาเนินงานทงั้ ภาคทฤษฎีและทดลองปฏิบัติการในพ้ืนที่ 3. การติดตามและประเมินผล มีกลไกการหนุนเสริมและให้คาปรึกษาของคณะดาเนินงานร่วมกับการปฏิบัติการ ทดลองกับสมาชิกตัวแทนกลุ่มและมีการกระจายความรู้ให้เครือข่ายได้มีการติดตามข้อมูลอย่างต่อเน่ือง ผลการวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการผลิตสับปะรดบ้านสาให้มีคุณภาพมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรท่ีดีและ เหมาะสม ณ ศาลาประชาคมบ้านสา ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลาปาง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จานวน 73 คน ผลท่ีเกิดข้ึน หลังจากเกษตรกรได้เข้าร่วมกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี พบว่า เกษตรกรมีความเข้าใจและเข้าถึงความรู้และใช้ ประโยชน์จากกลไกการรับรองมาตรฐาน GAP สับปะรดบ้านสามีการต่ออายุการรับรองมาตรฐาน GAP จานวน 43 ราย และได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ใหม่ จานวน 30 ราย คิดเป็นการเพิ่มขึ้นของเกษตรกร ร้อยละ 41.09 จากเดิม กระบวนการรับรองมาตรฐาน GAP สับปะรดส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้ผลิตทาให้ได้ผลผลิต วารสารวิชิ าการรัับใช้้สังั คม มทร.ล้า้ นนา 23 ปีีที่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิถิ ุุนายน 2564
สับปะรดมีคุณภาพสูงเพ่ิมขึ้นมากกว่าเดมิ ร้อยละ 50 เกษตรกรผู้ผลิตและขายผลผลติ สับปะรดเองของบา้ นสา จานวน 10 ราย ที่มีการขยายผลใช้ใบรับรองมาตรฐาน GAP แสดงหลักฐานให้ผู้ซ้ือในสถานที่จาหน่ายทาให้เกิดความเช่ือม่ัน และตัดสินใจของผู้ซ้ือผลผลิตสับปะรดของบ้านสาเพิ่มขึ้นส่งผลต่อผลตอบแทนรายได้จากการขายเพิ่มข้ึนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 10 กระบวนการสร้างมาตรฐาน GAP สับปะรดบ้านสาส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่คณุ คา่ ในการผลิตสบั ปะรดของ เกษตรกรผู้ผลิตในพื้นที่บ้านสาที่สามารถใช้ประกอบในกระบวนการทางการตลาดท้ังตลาดผลสดและโรงงานแปรรูป อาหาร สามารถขยายผลตอ่ ยอดแนวทางการขับเคลอื่ นยทุ ธศาสตรส์ ับปะรดของจังหวัดลาปางตอ่ ไป คาสาคญั การผลิตทางการเกษตรท่ดี แี ละเหมาะสม, สับปะรด, การมสี ว่ นร่วม ABSTRACT This research paper analyzes the participation process for the establishment of the Good Agriculture Practices (GAP) of pineapple products in Ban Sa Sub-district, Chae Hom District, Lampang Province. The objective was to upgrade the quality of pineapple products of Ban Sa Sub-district to have good and appropriate agricultural production standards which can increase the marketing potential. Creating an integrated learning process for the network of local agencies consists of 3 steps. First, determined the area and target group; selected the area of Ban Sa Sub-district. The target group was farmers who grow pineapples. Second, the learning process, includes data analysis by collecting preliminary data on good agricultural production standards. Using basic information on policies and plans for agricultural safety development at provincial level. Building understanding and cooperation among farmers' groups and their networks to participate in pineapple production situation analysis on the database (past/present/future). Set targets for pineapple production development based on appropriate agricultural production standards, causing benefits in terms of income, health, society, and environment. Process and set goals for skills and knowledge enhancement activities. Increase the number and area of pineapple production that met good and suitable agricultural production standards. Creating network integrated learning activities providing knowledge for enhancing skills in pineapple production technology safely and mechanisms for obtaining a certification of good and suitable agricultural production standards from the Department of Agriculture. There were both theoretical and experimental operations in the area. Finally, monitoring and evaluation. There was a mechanism to support and advise from the working group, together with the experiment with group representatives. Knowledge was spread among the networks so that information was continuously monitored. Technology transferring of Ban Sa pineapple production was held at Ban Sa Community Hall, Ban Sa Sub-district, Chae Hom District, Lampang Province, with 73 participants joined. The results showed that farmers knew and understood the benefits of the GAP certification mechanism. 43 Ban Sa pineapple farmers have renewed the GAP certification and also 30 new farmers added, representing an increase of 41.09 percent. The GAP certification process directly affects farmers resulted in 50 percent higher quality of pineapple. 10 farmers with extended GAP certification have provided evidence to buyers at the place of sale, giving them confidence and decision-making. The increase in pineapple yields contributed to more than 10 percent of sales revenue. GAP standardization process affects the value 24 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
chain of pineapple farmers. Producers can use it in marketing process, both fresh fruit market and food processing factory. Therefore, the results can be further extended to drive the pineapples strategy in Lampang province. Keywords the Good Agriculture Practices, GAP, pineapple and Participation บทนา ศูนย์ประสานงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจา สับปะรดเป็นพืชเป้าหมาย หรือ product ภูมิภาค ภาคเหนือตอนบน (ศวภ.1) สถาบันการจัดการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร สานักงานพัฒนา champion ภายใต้แนวทางการเพิ่มมูลค่าและพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) ร่วมกับ ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรของจังหวัดลาปางซ่ึงมีพ้ืนท่ีการ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา และหนว่ ยงาน ผลิตท่ีสาคัญคือ ตาบลบ้านเสด็จ อาเภอเมือง ประมาณ ภาครัฐท่ีเก่ียวข้องในพื้นท่ีตลอดจนตัวแทนเกษตรกร 20,000 ไร่ เกษตรกรผู้ผลติ จานวนประมาณ 1,000 ราย ผู้ปลูกสับปะรด ได้ประชุมหารือแนวทางการนา รองลงมาคือ ตาบลบ้านสา อาเภอแจ้ห่ม ประมาณ องค์ความรู้ มาต่อยอดสาหรับการพัฒนาสับปะรดของ 1,000 ไร่ เกษตรกรผู้ผลิตจานวนประมาณ 1,000 ราย จังหวัดลาปางท่ีเร่ิมต้นต้ังแต่ การพัฒนาการจัดการผลิต มีผลผลิตมากกว่าห้าหมื่นตัน/ปี โดยเฉพาะในช่วงเดือน สับปะรดผลสดให้ได้คุณภาพมาตรฐานปลอดภัย และ มิถุนายน-กรกฎาคม เป้าหมายการตลาดทั้งส่งโรงงาน การรวมกลุ่มผลิต การพัฒนากลางน้าด้านการพัฒนา แปรรูปและ ตลาดบริโภคผลสดซึ่งราคาผลผลิตมักถูก สร้างมูลค่าเพ่ิมผลิตภัณฑส์ ับปะรดผลสดและ การพัฒนา กาหนดโดยกลไกทางการตลาด โดยราคาซื้อของตลาด กลางน้าด้านการส่งเสริมการตลาดและเครือข่ายในและ โรงงานแปรรูปจะถูกกว่าตลาดบริโภคผลสด ซึ่งตลาด นอกพ้ืนท่ี โดยมีองค์ความรู้จากหน่วยงาน ที่ มี ค่อนข้างต้องการผลผลิตท้ังปี แนวทางการพัฒนา ประสบการณ์พร้อมท่ีจะถ่ายทอดข้อมูลให้เกษตรกร ท่ี ศักยภาพการผลิตสาหรับสับปะรดผลสด ท่ีต้องการ จะนาไปสู่การพัฒนามาตรฐานผลผลติ สับปะรดคุณภาพ พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างอัตลักษณ์ ผลสด ของจังหวัดลาปางทศ่ี ักยภาพสามารถแข่งขนั ทาง เชิงพื้นท่ี มีจุดขายทางการตลาดและ เป็นท่ีต้องการของ การตลาดได้ ในแนวทางการแก้ไขปัญหาได้มีส่วน ผู้บริโภคบนเป้า หมาย สับปะรดผลสดท่ีมีคุณภาพได้ ราชการจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ได้ส่งเสริมความรู้ มาตรฐานปลอดภัย สอด คล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ และจัดต้ังกลุ่มเพ่ือแก้ไขปัญหา แต่ยังไม่สามารถ การผลิตสินค้าเกษตรปลอด ภัยของจังหวัดลาปาง การ พัฒนาการผลิตสับปะรด ให้บรรลุเป้าหมายคุณภาพได้ จัดการควบคุมมาตรฐานการผลิตของเกษตรกรเป็นอีก ดงั นัน้ แนวทางการพัฒนาความรูภ้ ายใตว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ หน่ึงปัจจัย ที่ส่งผลกระทบต่อกลไกทางการตลาด ความ เทคโนโลยี สาหรับพัฒนาสับปะรดผลสดครบวงจรแบบ เช่ือม่ันและความต้องการของผู้บริโภค ซ่ึงเกษตรกร มุ่งเป้าจึงจาเป็นต้องมีกระบวนการปรับปรุงระบบการ ผู้ผลิตสับปะรดของลาปาง ยังค่อนข้างขาดทักษะและ ถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกิดประสิทธิภาพสามารถพัฒนา ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ด้ า น ก า ร พั ฒ น า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ แ ล ะ ทักษะและการปฏิบัติของเกษตรอย่างแท้จริง ท่ีสามารถ เทคโนโลยีมาสนับสนุนการผลิต ให้เกิดประสิทธิภาพได้ ขยายผลการสร้างเครือข่ายการพัฒนาการผลิตสบั ปะรด ผลผลิตท่ีมีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย ตลอดจน ผลสด ในเขตจังหวัดภาคเหนือ เช่น เชียงราย อุตรดิตถ์ การบริหารจัดการสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มผู้ผลิต ยัง และพษิ ณโุ ลก ไม่มีประสิทธิภาพเท่าท่ีควร ภายใต้แนวทางการแก้ไข ปัญหาสับปะรดของจังหวัดลาปาง จากข้อมลู การประชุม เชิงปฏิบัติ การ การใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ นวัตกรรมเพ่ือยกระดับสับปะรดลาปาง ปี 2560 โดย วารสารวิชิ าการรัับใช้้สังั คม มทร.ล้า้ นนา 25 ปีที ี่�่ 5 ฉบัับที่่� 1 มกราคม -มิถิ ุนุ ายน 2564
วิธกี ารดาเนินงาน ส่ิงแวดล้อม พร้อมทั้งข้อมูลพื้นฐานความรู้และ กาหนดรายละเอยี ดของขั้นตอนการดาเนินงาน ประสบการณ์ด้านมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรที่ดี และเหมาะสม ทาการประมวลผลและกาหนดประเด็น ดงั น้ี เป้าหมายสาคัญ ของการจัดกิจกรรมการเพ่ิมเติมทักษะ 1. กาหนดพ้ืนท่ีและกลุ่มเป้าหมาย พิจารณา ความรู้และเพ่ิมจานวนและพ้ืนที่การผลิตสับปะรดที่ ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรท่ีดี เลือกพ้ืนท่ีดาเนินงานในตาบลบ้านสา กาหนดประเด็น และเหมาะสมสับปะรดของบา้ นสา พ้ืนฐานอาชีพของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดของบ้านสา ท้ังที่เป็นสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสับปะรดแปลง 2.3) สร้างกิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการ ใหญบ่ า้ นสา และเกษตรกรทไี่ มเ่ ข้าร่วมเปน็ สมาชิกกล่มุ ฯ ภายใต้กิจกรรมเชิงบูรณาการของเครือข่าย โดยมี จานวน 73 คน ประสานงานกลุ่มภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาคีหน่วยงานหลักประกอบด้วย สถาบันวิจัย หน่วยงานสนับสนุนและส่งเสริมทักษะอาชีพภาครัฐ เทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ระดับจังหวัดและอาเภอ เช่น สถาบันวิจัยเทคโนโลยี ล้านนา สานักงานเกษตรอาเภอแจ้ห่ม สานักงานเกษตร เกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดลาปาง ให้ความรู้เสริมทักษะเทคโนโลยีการผลิต สานักงานเกษตรจังหวัดและอาเภอ สานักงานอาเภอ สบั ปะรดปลอดภัยและกลไกการขอรับรองมาตรฐานการ แจ้หม่ และเทศบาลตาบลบา้ นสา เปน็ ต้น ผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม จากกรมวิชาการ เกษตร โดยมีการดาเนินงานทั้งภาคทฤษฎีและทดลอง 2. กรรมวิธีดาเนินงาน กาหนดกระบวนการ ปฏิบัติการในพ้ืนที่ ประกอบกับให้เกษตรกรดาเนินการ เรยี นรู้ 3 กิจกรรม ได้แก่ ขอรับรองมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรท่ีดีและ เหมาะสมของสับปะรด 2.1) วิเคราะห์ข้อมูล โดยการรวบรวบข้อมูล เบ้ืองต้นด้านการสนับสนุนกิจกรรมมาตรฐานการผลิต 3. การตดิ ตามและประเมนิ ผล มีกลไกการหนุน ทางการเกษตรท่ีดีและเหมาะสม (GAP) สับปะรดใน เสริมและให้คาปรึกษาของคณะดาเนินงานร่วมกับการ พ้ืนที่ตาบลบ้านสา จากเครือข่ายหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ปฏิบัติการทดลองกับสมาชิกตัวแทนกลุ่มและมีการ ตรงได้แก่ สานักงานเกษตรอาเภอแจ้ห่ม และข้อมูล กระจายความรู้ให้เครือข่ายได้มีการติดตามข้อมูลอย่าง พ้ืนฐานเชิงนโยบายและแผนการพัฒนาเกษตรปลอดภัย ต่อเน่อื ง ในระดับจังหวัดลาปาง จากหน่วยงานสานักงานเกษตร จงั หวัดลาปาง 4. สรุปผลการดาเนินงาน ทาการจัดเวที แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน สังเคราะห์ผลการดาเนินงาน 2.2) สร้างความเข้าใจและความร่วมมือของ พร้อมทั้งนาเสนอแนวทางการขยายผลใช้ประโยชน์จาก กลุ่มเกษตรกรและเครือข่าย ประกอบด้วยเกษตรกรผู้ เอกสารการรับรองมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรที่ดี ปลูกสับปะรดในตาบลบ้านสา และเครือข่ายหน่วยงาน และเหมาะสมของสับปะรดบ้านสา ในพื้นที่ เช่น เทศบาลตาบลบ้านสา สานักงานเกษตร อาเภอแจ้ห่ม สานักงานเกษตรจังหวัดลาปาง เป็นต้น ผลการดาเนนิ งาน ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้วิเคราะห์สถานการณ์การผลิต ผลการดาเนินงานภายใตก้ ิจกรรมที่ 2.1) วเิ คราะห์ข้อมูล สับปะรดบ้านสาบนฐานข้อมูล อดีต/ปัจจุบัน/อนาคต สาหรับขับเคล่ือนการพัฒนาสับปะรดโดยมีระดับของ และกาหนดประเด็นสาคัญมุ่งเป้าหมายการพัฒนา การวิเคราะห์จากนโยบายในระดับ จังหวัดสู่การ ผลผลติ สบั ปะรดบนมาตรฐานการผลติ ทางการเกษตรทด่ี ี ขับเคลื่อนในระดับอาเภอและตาบลพ้ืนท่ีเป้าหมาย และเหมาะสม ที่จะส่งผลประโยชน์/ประโยชน์ต่อ พบว่า จังหวัดลาปางมีการวางกรอบแผนยุทธศาสตร์ สับปะรดของบ้านสาทั้งด้านรายได้ สุขภาพ สังคมและ 26 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
สับปะรดจังหวัดลาปาง 10 ปี (2561-2569) กาหนด ประเด็นข้อจากัดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการผลิต วิสัยทัศน์ “ผลผลิตสับปะรดคุณภาพที่โดดเด่นของ สับปะรดในพ้ืนที่บ้านสาท่ีผ่านมายังไม่มีการผลิตท่ีเป็น ภาคเหนือ” มีเป้าประสงค์ 4 ข้อ ได้แก่ 1) เพิ่ม อาชีพ มีจานวนพ้ืนท่ีปลูกและเกษตรกรยังมีจานวนไม่ ประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิตสับปะรด 2) ผลผลิต มากแต่ปัจจุบันมีจานวนท่ีเพิ่มขึ้นนอกจากน้ีนโยบาย สับปะรดมีมาตรฐานคุณภาพอินทรีย์/ปลอดภัย 3) สร้าง ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยในปัจจุบันมีการขับเคล่ือน มูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปผลผลิตที่ได้มาตรฐาน และ ก า ร สู่ เ ก ษ ต ร ก ร ม า ก ก ว่ า ใ น อ ดี ต ท า ใ ห้ เ ก ษ ต ร ก ร 4) พฒั นาและเพมิ่ ชอ่ งทางการตลาด กาหนดยทุ ธศาสตร์ จาเป็นต้องมีการปรับเปล่ียนการผลิตเพื่อสร้างการ ไว้ 4 ประเด็นได้แก่ 1) พัฒนาการผลิตสับปะรดให้ได้ แข่งขันทางการตลาด ภายใต้เวทีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ คุณภาพมาตรฐาน 2) พัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ค้นพบขอ้ มูลพนื้ ฐานสาคญั ของชมุ ชนทจ่ี ะใช้ในการขยาย 3) พัฒนาช่องทางการตลาดและขนส่ง และ4) การ ผลสู่การพัฒนาสับปะรดของบ้านสาคือ ค่านิยมของ อานวยการและการจดั การ ซึ่งจากข้อมลู เชิงนโยบายของ ชมุ ชน “ถนิ่ ปลาสด สบั ปะรดหวานฉ่า ชาวบา้ นน้าใจงาม จังหวัดลาปางนามาวิเคราะห์ความสอดคล้องกับการ นามสามัคคี” เป็นคาขวัญท่ีเกิดจากสมาชิกในชุมชน ขับเคลื่อนของสานักงานเกษตรอาเภอแจ้ห่มที่ดูแล ร่วมกันกาหนดรายละเอียดจึงทาให้เห็นถึงการเชื่อมโยง สับปะรดในพ้ืนท่ีพบว่า การขับเคล่ือนการพัฒนา กระบวนการพัฒนาสับปะรดเชิงเอกลักษณ์ของพื้นท่ีเพิ่ม สับปะรดบ้านสากาหนดประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 1 เป็น คุณค่าด้านมาตรฐานความปลอดภัยทาให้ชุมชนเกิด หลักมุ่งเป้าผลิตสับปะรดผลสดคุณภาพมาตรฐาน ความสนใจและให้ความสาคัญต่อมาตรฐาน GAP ปลอดภัยโดยมีการสนับสนุนกิจกรรมสับปะรดแปลง สับปะรด ที่จะเกิดผลกระทบทง้ั ผลประโยชน/์ ประโยชน์ ใหญ่ในพื้นที่ส่งเสริมให้มีระบบการผลิตภายใต้มาตรฐาน ในวิถีอาชีพของชุมชนบ้านสา โดยยอมรับแนวทางและ GAP เป็นกิจกรรมท่ีสามารถบูรณาการกับกิจกรรมการ ยิ น ดี ใ ห้ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ กั บ ห น่ ว ย ง า น ภ า คี ห ลั ก แ ล ะ วิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาท่ีจะ หน่วยงานร่วมสร้างกระบวนการเรียนรู้มาตรฐาน GAP ร่วมหนุนเสริม เป้าหมายตามยุทธศาสตร์สับปะรดของ โดยกาหนดการจัดกิจกรรมเชิงบรู ณาการร่วมกันบนการ จังหวัดลาปาง การขับเคลื่อนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม แบ่งบทบาทหน้าท่ีของการสร้างการเรียนรู้ สถาบันวิจัย ในกิจกรรมที่ 2.2) สร้างความเข้าใจและความร่วมมือ เ ท ค โ น โ ล ยี เ ก ษ ต ร ส ร้ า ง ทั ก ษ ะ ก า ร จั ด ก า ร ที่ มี ข อ ง ก ลุ่ ม เ ก ษ ต ร ก ร แ ล ะ เ ค รื อ ข่ า ย ฐ า น ค ว า ม รู้ แ ล ะ ประสิทธิภาพ ลดต้นทุนบนพ้ืนฐานทางการเกษตรที่ดี ประสบการณ์ด้านมาตรฐานการผลิตทางการเกษตรท่ีดี และเหมาะสม ตัง้ แตก่ ารเตรยี มพืน้ ทป่ี ลกู เตรียมต้นพนั ธุ์ และเหมาะสมของสับปะรดของบ้านสา โดยการจัดเวที การปลูกและการดูแลรักษาที่ตระหนักด้านปลอดภัย แ ล ก เ ป ลี่ ย น เ รี ย น รู้ ร่ ว ม กั น ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร แ ล ะ ภ า คี เกษตรอาเภอแจ้ห่มร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาห้างฉัตร เครือข่ายได้ข้อมูลท่ีเชื่อมโยงกับเป้าหมายของการ ทาหน้าท่ีส่งเสรมิ และให้ความรู้ในกระบวนการขอรบั รอง ขับเคลื่อน GAP พบว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ปลูก มาตรฐาน GAP พร้อมท้ังดาเนินการจัดทารายละเอียด สับปะรดในพ้ืนที่บ้านสาเคยได้รับการรับรองมาตรฐาน การขอรับรองมาตรฐาน โดยภาคีเครือข่ายจะร่วมทา การผลติ ทางการเกษตรท่ดี ีและเหมาะสม (GAP) จานวน หน้าที่วิทยากรพ่ีเลีย้ งและให้คาปรึกษาร่วมกับเกษตรกร 30 ราย ซ่ึงปัจจุบันขาดการต่ออายุใบรับรองมาตรฐาน ในทุกกระบวนการ ภายใตก้ ิจกรรมท่ี 2.3) ซึ่งดาเนินงาน ทาให้ไม่สามารถใช้รับรองมาตรฐานได้ ในการ เชื่อมต่อกับกิจกรรมที่ 3 การติดตามและประเมินผล ประเมินผลความรู้ GAP เบื้องต้นของเกษตรกรในความ ณ ศาลาประชาคมบ้านสา ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลาปาง เ ข้ า ใ จ แ ล ะ ก า ร ใ ห้ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร ผู้ ผ ลิ ต ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จานวน 73 คน มีหน่วยงาน สับปะรดในพ้ืนทบ่ี า้ นสาสว่ นใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 ยัง สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตรจัดกิจกรรมถ่ายทอด ไม่ทราบข้อมูลรายละเอียดถึงบทบาท ความสาคัญและ เทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการเสริมประสิทธิภาพการผลิต กลไกท่ีเก่ียวข้องกับการขอรับรองมาตรฐาน GAP สับปะรดเพื่อเป้าหมายผลผลิตคุณภาพและมีมาตรฐาน วารสารวิิชาการรัับใช้้สัังคม มทร.ล้า้ นนา 27 ปีที ี่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิิถุุนายน 2564
ความปลอดภัยตามระบบเกษตรดีท่ีเหมาะสมของการ คุ้มค่าหรือประโยชน์ท่ีได้รับเมื่อเทียบกับเวลาและ ผ ลิ ต พื ช ม า ต ร ฐ า น ก า ร ผ ลิ ต ท า ง ก า ร เ ก ษ ต ร ที่ ดี แ ล ะ ค่าใช้จา่ ย ผู้รบั การอบรมใหค้ วามพึงพอใจอย่ใู นช่วง ร้อย เหมาะสมครบวงจรตั้งแต่การเตรยี มพน้ื ท่ีปลูกโดยการใช้ ละ 93.33 – 98.67 สรุปโดยรวมพบว่า ผู้เข้าร่วม พลาสติกคลุมดินลดปัญหาการใช้สารเคมีกาจัดวัชพืช กิจกรรมมีความพอใจระดับมาก – มากท่ีสุด โดยรวม การคัดเลือกหน่อพันธ์ุ ที่มีขนาดใกล้เคียงกันเพ่ือให้เกิด เฉล่ยี ร้อยละ 97.04 (ตารางท่ี 1) ความสม่าเสมอของผลผลิต และการดูแลรักษา มีการ วิเคราะห์ดินเพ่ือจัดการธาตุอาหารที่มีประสิทธิภาพ มี ภาพที่ 1 กิจกรรมถา่ ยทอดเทคโนโลยเี ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การจัดการให้น้าระบบหยดเพื่อเสริมคุณภาพผลผลิต เสริมประสิทธภิ าพการผลติ สบั ปะรดเพื่อเป้าหมาย และการจัดการเก็บเก่ียวท่ีมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับ ผลผลติ คุณภาพและมีมาตรฐานความปลอดภยั ความต้องการของตลาด ส่วนหน่วยงานจากสานักงาน เกษตรอาเภอแจ้ห่มเข้าร่วมกิจกรรม เน้ือหาความรู้ ภาพที่ 2 กจิ กรรมฝึกอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการ พ้ืนฐานท่ีเก่ียวข้องกับความสาคัญและประโยชน์ของ การขอมาตรฐาน GAP ระบบเกษตรดีทเ่ี หมาะสมของการผลิตพืชมาตรฐานการ ผลิตทางการเกษตรท่ีดีและเหมาะสมโดยให้ตัวแทน เกษตรกรที่เคยได้รับรองมาตรฐานเกษตรปลอดภัย (GAP) ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การขอรับรองและ ประโยชน์ท่ีได้จากใบรับรอง มีเจ้าหน้าที่จากสานักงาน เกษตรอาเภอแจ้ห่มร่วมอธิบายและสร้างความเข้าใจ แ น ว ท า ง ก า ร ด า เ นิ น ง า น ต า ม ข้ั น ต อ น ก า ร ข อ รั บ ร อ ง มาตรฐานและรับการตรวจประเมินจากศูนย์วิจัยและ พัฒนาห้างฉัตร โดยให้สมาชิกได้มีการเตรียมเอกสาร ร่วมตรวจสอบ และรวบรวมเพื่อเสนอตามขั้นตอนต่อไป ส่วนเกษตรกรท่ีเคยได้รับผ่านการรับรองมาตรฐานการ ผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมแล้ว ให้มีการ ตรวจสอบกาหนดเวลาอายุการรับรองเพ่ือเตรียมการใน ขนั้ ตอนเสนอขอต่อใบรับรองตอ่ ไป (ภาพที่ 1 และ 2) ผลการจากการประเมินความพึงพอใจหลัง กระบวนการผลติ สบั ปะรดบ้านสาใหม้ คี ุณภาพมาตรฐาน การผลิตทางการเกษตรท่ีดีและเหมาะสมของผู้เข้ารับ การอบรมจานวน 73 คน ระดับมาก – มากท่ีสุด พบว่า ในด้านกระบวนการ-ข้ันตอนการให้บริการนั้น ด้าน วิทยากรและเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ และพึงพอใจด้าน สถานท่ีอบรม อาหาร เคร่ืองโสตฯ และเอกสารอบรม อยู่ในช่วง ร้อยละ 98.67-99.11 ส่วนด้านข้อมูลเพ่ือ ปรับปรุงหลักสูตร ในด้านการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ เน้ือหาที่วิทยากรถ่ายทอด วิทยากรท่ีถ่ายทอดด้าน ระยะเวลาเวลาการอบรม ชว่ งเวลาการอบรม และความ 28 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ภายใต้กระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีในกิจกรรม ภาพที่ 3) กระบวนการรับรองมาตรฐาน GAP สับปะรด บม่ เพาะกระบวนการผลิตสบั ปะรดสดมาตรฐานการผลติ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้ผลิตทาให้ไดผ้ ลผลิต ทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมเกษตรกรท่ีได้รับการ สั บ ป ะ ร ด มี คุ ณ ภ า พ เ นื้ อ ห น่ึ ง เ พิ่ ม ข้ึ น ม า ก ก ว่ า เ ดิ ม ถ่ายทอดเทคโนโลยีมีความรู้และเข้าใจขยายผลใช้ ร้อยละ 50 มีเกษตรกรผู้ผลิตและขายผลผลิตเองของ ประโยชน์มากกว่าร้อยละ 80 ด้าน โดยมีจานวนเกษตร บ้านสา จานวน 10 ราย ท่ีมีการขยายผลใช้ใบรับรอง ท่ี ไ ด้ รั บ ก า ร บ่ ม เ พ า ะ ใ น พื้ น ท่ี บ้ า น ส า ส อ ด ค ล้ อ ง ต า ม มาตรฐาน GAP แสดงหลักฐานให้ผู้ซ้ือในสถานท่ี เป้าหมาย คอื 73 ราย มกี ารต่ออายกุ ารรบั รองมาตรฐาน จาหน่ายท่ีทาให้เกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจของผู้ซื้อ GAP จานวน 43 ราย และได้รับการรับรองมาตรฐาน ผลผลติ สับปะรดของบ้านสาเพิม่ ขน้ึ มผี ลตอบแทนรายได้ GAP ใหม่ จานวน 30 ราย คิดเป็นการเพ่ิมขึ้นของ จากการขายเพมิ่ ขึน้ มากกวา่ ร้อยละ 10 (รูปท่ี 4) เกษตรกร ร้อยละ 41.09 จากเดิม (ตารางที่ 2 และ ตารางท่ี 1 ผลการประเมินความพึงพอใจระดับมาก – มากที่สุดในด้านต่าง ๆ ระหว่างการอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยี เชงิ ปฏิบตั ิการ “หมู่บา้ นสับปะรดบา้ นสา” พ้ืนท่บี ้านสา หมู่ 5 ต.บา้ นสา อ.แจห้ ม่ จ.ลาปาง รายการ รอ้ ยละระดับความพึงพอใจ หลังการถ่ายทอด เทคโนโลยี 1. มีขน้ั ตอนการใหบ้ ริการ 99.11 2. วิทยากร เจ้าหน้าที่ให้บริการด้วยความย้ิมแย้มแจม่ ใส 99.11 เปน็ กันเอง 98.67 3. สถานท่อี บรม อาหาร เครอ่ื งโสตฯ เอกสารอบรม 96.89 4. ความรทู้ ่ไี ดร้ ับสามารถนาไปใช้ประโยชน์ 98.67 5. เนื้อหาทว่ี ิทยากรสอน 95.56 6. วทิ ยากรถา่ ยทอดความรู้ 93.33 7. เวลาการอบรม 95.11 8. ชว่ งเวลาของการจัดการอบรม 96.89 9. ความคุ้มค่าหรือประโยชน์ที่ได้รับเมื่อเทียบกับเวลา 97.04 และคา่ ใชจ้ า่ ย เฉลยี่ โดยภาพรวม ตารางท่ี 2 รายชอื่ เกษตรกรท่ไี ดร้ ับสับปะรดคุณภาพมาตรฐานปลอดภัย (GAP) ช่อื – นามสกลุ วันได้รบั การรับรอง วันทส่ี ิน้ สดุ การรับรอง นายสวุ ทิ ย์ วงิ วอน 26-10-2563 26-07-2565 นางสมหวงั แคล้วคลาด 26-10-2561 25-10-2564 นายปญั ญา แคล้วคลาด 26-10-2561 25-10-2564 นายประชัน ศรีนนั ทา 26-10-2561 25-10-2564 นายปรดี า บญุ เตี่ยม 26-10-2561 25-10-2564 นายวิวศิ น์ ปิกมณี 26-10-2561 25-10-2564 นายสงวน ปิกมณี 26-10-2561 25-10-2564 วารสารวิชิ าการรัับใช้ส้ ังั คม มทร.ล้้านนา 29 ปีีที่่� 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิถิ ุุนายน 2564
ชือ่ – นามสกลุ วนั ไดร้ ับการรับรอง วันท่สี นิ้ สุดการรับรอง นางเปยี ทพิ ย์ เตรียมแรง 26-10-2561 25-10-2564 นายสนอง คาลือ 26-10-2561 25-10-2564 นางเกษศริ ิ แคลว้ คลาด 26-10-2561 25-10-2564 นายถนอม จันทะมา 23-08-2562 22-08-2565 นายสุนทร งามสม 23-08-2562 22-08-2565 นายทอง การักษ์ 27-07-2562 26-07-2565 นายช่งั เซมา 27-07-2562 26-07-2565 นางเจริญ แคล้วคลาด 23-08-2562 22-08-2565 นายสวา่ ง มเี ลข 27-07-2562 26-07-2565 นายสิงหค์ า จติ มนั่ 27-07-2562 26-07-2565 นางดารกั ษ์ งามหนา้ 23-08-2562 22-08-2565 นางจนั ทรศ์ รี ตุ้ย 23-08-2562 22-08-2565 นายประสทิ ธิ์ เซมา 23-08-2562 22-08-2565 นางสมยงศ์ อุดชุ่ม 23-08-2562 22-08-2565 นางบญุ สม คาลอื 27-07-2562 26-07-2565 นางประนอม มาจม 27-07-2562 26-07-2565 นายกมล ใจการ 27-07-2562 26-07-2565 นางจาเริญ มีกาไร 23-08-2562 22-08-2565 นางอนงค์ ยศบุรุษ 23-08-2562 22-08-2565 นางราวี แคล้วคลาด 27-07-2562 26-07-2565 นางนภา ชัยวัช 23-08-2562 22-08-2565 นางเครอื แก้ว ทิพเทพา 23-08-2562 22-08-2565 นางสวย วงคส์ วรรค์ 23-08-2562 22-08-2565 นายเฉลิม วงิ วอน 23-08-2562 22-08-2565 นางสังเวียน ใจการ 27-07-2562 26-07-2565 นายสมบูรณ์ กอ๋ งแก้ว 27-07-2562 26-07-2565 นางต๋อย งามสม 27-07-2562 26-07-2565 นายบญุ สง่ แตม้ ดี 27-07-2562 26-07-2565 นายกู้ ตาทรพั ย์ 27-07-2562 26-07-2565 นางเลย การกั ษ์ 23-08-2562 22-08-2565 นายพันธ์ศักดิ์ แคลว้ คลาด 23-08-2562 22-08-2565 นายดนัย แจ้ห่มเครอื 23-08-2562 22-08-2565 นายสุวทิ ย์ วิงวอน 27-07-2562 26-07-2565 นายสิงหแ์ กว้ จติ มัน่ 23-08-2562 22-08-2565 นายสมมุติ มีกาไร 27-07-2562 26-07-2565 นางวรรณร์ ะภา วงคส์ วรรค์ 23-08-2562 22-08-2565 นางสาวจันทรด์ ี วิงวอน 26-10-2561 25-10-2564 30 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ช่อื – นามสกลุ วนั ไดร้ บั การรบั รอง วนั ท่สี น้ิ สุดการรบั รอง นายประภาพ การกั ษ์ 26-10-2563 25-10-2566 นางพลดั ปัน้ รูป 26-10-2563 25-10-2566 นายประภาพ การักษ์ 26-10-2563 25-10-2566 นางสุภาภรณ์ ใจเย็น 26-10-2563 25-10-2566 นางวไิ ลวรรณ อนิ ทรจ์ นั ทร์ 26-10-2563 25-10-2566 นายคานอ้ ย คาสอน 26-10-2563 25-10-2566 นายภมู ิพิภักด์ิ ภักดี 26-10-2563 25-10-2566 นายสมคดิ การหมั่น 26-10-2563 25-10-2566 นางอนงค์ ภกั ดี 26-10-2563 25-10-2566 นายธนู หน้าตรง 26-10-2563 25-10-2566 นายสกล คาลือ 26-10-2563 25-10-2566 นางนงศร์ าม มพี รอ้ ม 26-10-2563 25-10-2566 นางจันดี ถอดสี 26-10-2563 25-10-2566 นางบาง มหาพรหม 26-10-2563 25-10-2566 นายสุวรรณ บุญมาเลิศ 26-10-2563 25-10-2566 นายบุญมา คาลอื 26-10-2563 25-10-2566 นายดารงค์ บุญมาเลิศ 26-10-2563 25-10-2566 นางวิลาวัณย์ แคล้วคลาด 26-10-2563 25-10-2566 นางศรลี าพรรณ ศรีนันทา 26-10-2563 25-10-2566 นางสมหวัง แคล้วคลาด 26-10-2563 25-10-2564 นางทองหลัน่ ปงิ พรม 26-10-2563 25-10-2566 นายไพบูลย์ ศรีชัย 26-10-2563 25-10-2566 นายดาริห์ บญุ มาเลศิ 26-10-2563 25-10-2566 นางศรีไพร กล่ินเมย 26-10-2563 25-10-2566 นายเสรี นาละออง 26-10-2563 25-10-2566 นางศรยี วน จิตมัน่ 26-10-2563 25-10-2566 นายดารง เซมา 26-10-2563 25-10-2566 นายวมิ ล มกี าไร 26-10-2563 25-10-2566 นายเซ็นต์ สตแิ น่ 26-10-2563 25-10-2566 วารสารวิชิ าการรับั ใช้้สังั คม มทร.ล้า้ นนา 31 ปีที ี่�่ 5 ฉบัับที่่� 1 มกราคม -มิถิ ุุนายน 2564
ภาพท่ี 3 ตัวอยา่ งใบรบั รองของแปลงผลติ สบั ปะรด (Q) ท่ีใช้เป็นหลักฐานประกอบ เชิงประจักษ์ ใน มาตรฐานเกษตรปลอดภยั (GAP) ของสมาชิกฯ บา้ นสา กระบวนการทางการตลาดทั้งตลาดผลสดและโรงงาน และแปลงผลิตสับปะรดนอกฤดขู องสมาชกิ บา้ นสาท่มี ี แปรรูปอาหาร ส่วนเกษตรกรหรือผู้ค้าสับปะรดผลสด สามารถแสดงเอกสารประกอบที่ช่วยสร้างความเชื่อม่ัน เปา้ หมายผลผลิตเกบ็ เกยี่ วในช่วงฤดูหนาว ด้านความปลอดภัยของผลผลิตให้กับผู้บริโภคในแหล่ง จาหน่ายต่าง ๆ เช่น ตลาดชุมชนบ้านสา ตลาดสด ภาพที่ 4 ผลผลติ และผลประโยชน์ของกระบวนการ เทศบาลลาปาง เป็นต้น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูป เรยี นรูม้ าตรฐาน GAP ของสับปะรดบา้ นสา สับปะรดบ้านสาสามารถใช้เอกสาร GAP บ่งช้ีถึงผล สับปะรดท่ีใช้ในกระบวนการแปรรูปอาหารมีมาตรฐาน การนาไปใช้ประโยชน์ และปลอดภัย (2) การใช้ประโยชน์ในทางอ้อม กระบวนการมีส่วนร่วมสร้างการผลิตทาง หนว่ ยงานภาคีท่มี ีส่วนรว่ มในการดาเนนิ งาน เชน่ เกษตร อาเภอและเกษตรจังหวัดลาปางสามารถนาข้อมูลไป การเกษตรท่ีดีและเหมาะสม ( GAP) ของผลผลิต ขยายผลภายใต้การสนับสนุนกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับ สบั ปะรดในตาบลบา้ นสา อาเภอแจห้ ่ม จังหวดั ลาปาง มี ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ด้ า น เ ก ษ ต ร ป ล อ ด ภั ย ข อ ง จั ง ห วั ด ล า ป า ง การนาความรู้ที่ได้จากการดาเนินงานไปขยายผลใช้ นอกจากนย้ี ังมีการจดั การความรู้ขยายผลกระบวนการมี ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ท่ีสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เพ่ือ ส่วนร่วมสร้างการผลิตทางการเกษตรท่ีดีและเหมาะสม ยกระดับคุณภาพผลผลติ สับปะรดของตาบลบ้านสาใหม้ ี (GAP) ของผลผลิตสับปะรดในตาบลบ้านสา อาเภอ มาตรฐานการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมที่ แจ้ห่ม จังหวัดลาปาง โดยการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ สามารถเพิม่ ศักยภาพทางการตลาด สามารถจาแนกการ ไปยังกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่อาเภอเมือง นาไปใช้ประโยชน์ท่ีประกอบด้วย (1) การใช้ประโยชน์ ลาปาง และกล่มุ เกษตรกรผผู้ ลิตพืชอนื่ ๆ ในพืน้ ที่จังหวดั ในทางตรงของเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดในพื้นท่ีบ้านสา ใกล้เคียง เช่น พะเยา ตาก อุตรดิตถ์ และสุโขทัย ให้เกิด ได้เอกสารรับรองมาตรฐานผลผลิตสับปะรดปลอดภัย แนวคดิ และแนวทางการพฒั นาผลผลติ ทางการเกษตรให้ มีมาตรฐานความปลอดภัยสาหรับยกระดับคุณภาพที่ สามารถเพมิ่ ศกั ยภาพทางการตลาดต่อไป อภปิ รายผล กระบวนการมีส่วนร่วมสร้างมาตรฐานเกษตรดี ทเี่ หมาะสม (GAP) ของสับปะรดในตาบลบ้านสา อาเภอ แจ้ห่ม จังหวัดลาปาง ภายใต้วัตถุประสงค์ของการ ดาเนินงานเพื่อยกระดับคุณภาพผลผลิตสับปะรดของ ตาบลบ้านสาให้มีผลผลิตสับปะรดมีความปลอดภัย สามารถเพ่ิมศักยภาพทางการตลาดและการตัดสินใจ ของผู้บริโภค สร้างกระบวนการเรียนรู้เชิงบูรณาการ ร่วมกันของเครือข่ายหนว่ ยงานในพ้ืนทบ่ี นการมสี ว่ นร่วม ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่บ้านสา กระบวนการเรียนรู้ท่ีเกิดจากการนาต้นทุนบทเรียนเดิม มาทบทวนและออกแบบปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้ให้ เกิด “ความเหมาะสม” ที่จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 32 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
บนฐานการมสี ่วนร่วมเชงิ ผลประโยชนข์ องผู้ทม่ี ีสว่ นรว่ ม จนกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงส่ิงที่ปฏิบัติอยู่ให้ดีขึ้น ส่ิง แ ล ะ เ กิ ด ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ วิ ถี อ า ชี พ ข อ ง ชุ ม ช น โ ด ย ร ว ม เหล่านี้นับว่าเป็นการปฏิบัติทางสังคม เป็นกระบวนการ ผลผลิตที่เกิดข้ึนจากการเรียนรู้จัดได้ว่าเป็นองค์ความรู้ เรียนรู้ท่ีแต่ละข้ันตอนผู้ท่ีเกี่ยวข้องในสถานการณ์นั้น ๆ เริ่มต้นที่จะทาให้สามารถนามาทบทวนย้อนกลบั สาหรบั ต้องเข้ามามีส่วนร่วมตลอดกระบวนการ มีการ การขยายผลเติมเต็มความรู้สู่การพัฒนาทักษะได้เร็ว แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เป็นการเสริม ย่ิงขึ้น ผู้มีส่วนร่วมมคี วามเข้าใจไดง้ ่ายย่งิ ขึ้นเช่นเดียวกับ พลังอานาจใหค้ วามอิสระและสร้างจิตสานึกใหเ้ กิดข้ึนใน ความสอดคล้องในผลงานวิจัยของ สันติ ช่างเจรจาและ ปัจเจกบุคคล ทาให้เข้าใจอย่างมีวิจารณญาณ และเป็น คณะ (2563) ใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ การสะท้อนคิดในประเด็นต่าง ๆ ในสังคม ซึ่งวิจัยเชิง (Action Research) รวมท้ังวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมมีคุณลักษณะสาคัญ 6 (Qualitative Research) เข้าด้วยกัน เพื่อได้มาซ่ึง ประการคือ กระบวนการวิจัยเป็นวงจรเป็นวิธีที่อาศัย รูปธรรมความรู้แบบมีสว่ นร่วมในทุกขั้นตอน ต้ังแต่ ร่วม การมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นการเรียนรู้อย่างเป็น คิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทา ร่วมตรวจสอบและร่วมรับ ระบบเป็นพลวตั ร เปน็ การพัฒนา และเป็นการวเิ คราะห์ ประโยชนค์ วบคูไ่ ปกับกระบวนการเรียนรขู้ องชุมชน โดย สถานการณ์อย่างมีวิจารณญาณ (วรรณดี สุทธินรากร, ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และแก้ปัญหาโดยใช้ 2557 : อมาวสี อัมพันศิริรัตน์ และพิมพิมล วงศ์ไชยา, กระบวนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Active Learning) 2560) จากการออกแบบโครงสรา้ งการบริหารภาคีเครือขา่ ยเชิง คาขอบคณุ บู ร ณ า ก า ร มี ก า ร ก า ห น ด เ ป้ า ห ม า ย แ ล ะ บู ร ณ า ก า ร กิ จ ก ร ร ม ร่ ว ม กั น บ น ก า ร ก า ห น ด บ ท บ า ท ห น้ า ที่ ต า ม ขอขอบคุณสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและ ภาระกิจหลักของแต่ละกิจกรรมมีท้ังผู้รับผิดชอบหลัก นวัตกรรมเกษตร สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ และผู้ทาหน้าทห่ี นนุ เสริมท่ีสามารถกากับผลประโยชน์ที่ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) ที่ให้ทุนสนับสนุนงานวิจัย ลงตัว (Win/Win) ทาให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนา คลินิกเทคโนโลยี ท่รี ว่ มใหท้ ุนสนับสนนุ โครงการหมบู่ า้ น อย่างเป็นรูปธรรมเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สับปะรดบ้านสา สานักงานเกษตรอาเภอแจ้ห่มและ มากกว่าในอดีตเกิดกระบวนการเรียนรู้สงั คมด้วยวธิ ีการ สานักงานเกษตรจังหวัดลาปาง ที่ร่วมสนับสนนุ งานโดย ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สมดุลสอดคล้องกับ บูรณาการร่วมกัน สมาชิกกลุ่มผู้ปลูกสับปะรดบ้านสาที่ สภาพการณ์ปัจจุบันและวัยวุฒิของกลุ่มเป้าหมายที่ เข้าร่วมกิจกรรม และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร สามารถใช้ศักยภาพเชิงต้นทุนความรู้เทคโนโลยีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ที่สนับสนุน สร้างสรรค์การเรียนรู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางท่ีดี บคุ คลากรใหค้ วามรู้และเทคโนโลยีแก่ชุมชน ข้ึนสอดคล้องกับคุณลักษณะทีด่ ีของการพัฒนา (วิจารณ์ บรรณานกุ รม พานิช, 2548) ทาให้ช่วยสร้างบทเรียนให้กับภาคี ชัชรี นฤทุม. 2551. การพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วน เครือข่ายได้เกิดแนวคิดในการพัฒนาและปรับปรุงการ กระบวนการหรือกจิ กรรมให้เกดิ ประสิทธภิ าพได้ผลผลิต ร่วม. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กาแพงแสน, บรรลเุ ปา้ หมายที่กาหนดไว้รว่ มกัน การวจิ ัยเป็นเสน้ ทาง นครปฐม. 185 น. ของการเปิดความรู้ไปสู่การเปล่ียนแปลง กระบวนการ วรรณดี สุทธินรากร. 2557. การวิจัยเชิงปฏิบัติการ ของการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) เป็น แบบมีส่วนร่วมและกระบวนการทางสานึก. เกลียวของวงจรการสะท้อนคิด และการปฏิบัติเร่ิมจาก สานักพมิ พส์ ยาม. กรุงเทพมหานคร. 256 น. การสังเกตสิ่งท่ีเกิดข้ึน สะท้อนคิดร่วมกัน แลกเปล่ียน วิจารณ์ พานชิ . 2548. องค์การแหง่ การเรียนร้แู ละการ เรียนรู้และวางแผนเพ่ือการเปล่ียนแปลง และลงมือ จดั การความร.ู้ จาก http://nokkrob.org/. 2 ปฏิบัติตามแผนสังเกตผลจากการปฏิบตั ิและวางแผนซ้า พฤศจิกายน 2561) วารสารวิชิ าการรับั ใช้ส้ ัังคม มทร.ล้า้ นนา 33 ปีีที่่� 5 ฉบับั ที่�่ 1 มกราคม -มิถิ ุนุ ายน 2564
สันติ ช่างเจรจา รุ่งนภา ช่างเจรจา และนิอร โฉมศรี. อมาวสี อัมพันศิริรัตน์ และพิมพิมล วงศ์ไชยา. 2560. 2563. ก ร ะ บ วน ก า ร ย ก ร ะ ดั บ คุณ ภาพ การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม : ผลิตภัณฑ์แบบมีส่วนร่วมของชุมชนปกา ลักษณะสาคัญและการประยุกต์ใช้ในชุมชน. เกอะญอ: กรณีศกึ ษาบ้านแมป่ อคี จงั หวดั ตาก. ว า ร ส า ร ม นุ ษ ยศ าส ต ร์ แ ละสั งค มศาสตร์ วารสาริวิชาการิรับใิชิ้สังคม มทร.ิล้านนา. 4(2); มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ปีที่ 36 ฉบับท่ี 6 59-68. พฤศจิกายน - ธันวาคม พ.ศ.2560 : 192-202 34 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
การจัดทาบญั ชีเพื่อการตดั สนิ ใจเชงิ เศรษฐกจิ สาหรบั ผูป้ ระกอบการทางวฒั นธรรม อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวัดเชียงใหม่ Accounting for Economic Decision Making for Cultural Entrepreneurs, Mae Cham District, Chiang Mai Province ศศิพชั ร์ สนั กลกจิ 1* ผจงวาด ปาลกะวงศ์ ณ อยธุ ยา2 ศุภลกั ษณ์ จงชานสิทโธ3 Sasipat Sunkolkit1* Pajongwad palakawong na ayudhya2 Supaluck jongcharnsittho3 1 2 3อาจารยส์ าขาการบญั ชี คณะบรหิ ารธรุ กจิ และศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 1 2 3 Lecturer, Faculty of Business Administration and Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Lanna. *E-mail : [email protected], เบอร์โทรศพั ท์ 053-921444 ต่อ 2638 บทคดั ยอ่ กา รศึ กษ า ค ร้ัง นี้ มี วั ต ถุป ระ ส ง ค์เพ่ื อออกแ บ บ เอกส า ร ท า ง กา รบั ญ ชี ท่ี เหม า ะ ส ม ส า หรับ ผู้ ป ระ กอบ การ ทางวัฒนธรรม การใช้ข้อมลู ทางการบัญชเี พื่อทราบผลการดาเนนิ งานของผูป้ ระกอบการทางวัฒนธรรมในพ้ืนที่อาเภอ แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาคือ สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเส้นฝ้ายลายปัก บ้านห้วยไห ตาบลท่าผ่า อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จานวน 9 คน จัดเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ การประชุม กลุ่มย่อย และการสังเกตการณ์ ผลการศึกษา พบว่า กระบวนการพัฒนาเอกสารสาหรับการทาบัญชีแบบมีส่วนร่วม จะทาให้ผู้ทาบัญชีท่ีไม่ได้จบการศึกษาด้านการบัญชี สามารถเข้าใจการทาบัญชีเบื้องต้นได้ และรูปแบบเอกสาร ทางการบญั ชที ่ีเหมาะสมสาหรับผู้ประกอบการด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมควรมีคุณลกั ษณะเข้าใจงา่ ย การ ใช้งานไม่ซับซ้อน และสามารถจัดเก็บข้อมูลครบถ้วนในหนึ่งหน้ากระดาษ ทาให้กลุ่มตัวอย่างใช้ประโยชน์จากข้อมูล ทางบัญชีเพ่ือการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ อาทิ ด้านคานวณต้นทุนการผลิตที่ถูกต้องมากขึ้นสามารถการกาหนดราคา ขายได้อยา่ งเหมาะสม รวมถึงการตัดสนิ ใจรับคาสง่ั ซื้อจากลูกค้า การต่อรองราคาเพอ่ื สร้างความสามารถในการแข่งขัน ได้ อีกท้ังการบันทึกรายการดังกล่าวทาให้ทราบผลการดาเนินงานแต่ละคาส่ังซื้อ หรือรอบระยะเวลาใดเวลาหน่ึงได้ อนั เป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาศกั ยภาพของกลุ่มวิสาหกจิ ชุมชนได้ คาสาคัญ การจดั ทาบญั ชี การตดั สนิ ใจเชิงเศรษฐกจิ ผปู้ ระกอบการทางวฒั นธรรม ข้อมูลทางการบญั ชี เอกสารทางการบญั ชี Abstract This study aimed to design appropriate accounting documents for the cultural entrepreneurs and to know their performance through the use of accounting information in Mae Cham District, Chiang Mai Province. Samples were selected from 9 members of Embroidery Cotton Thread Community Enterprise, Ban Huai Hai, Tha Pha Sub-district, Mae Cham District, Chiang Mai Province. The data used in this study were collected from interviews, focus group discussions, and observation. The findings indicated that document development process for participatory bookkeeping would make people who did not graduate in the field of accounting understand basic accounting. In addition, the suitable accounting documents for entrepreneurs producing cultural products should be uncomplicated, easy to understand, and can store complete data in one page. Hence, the samples could use the benefits from accounting information for economic decision making. วารสารวิิชาการรัับใช้้สังั คม มทร.ล้้านนา 35 ปีที ี่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
For instance, accurately calculate production costs in order to determine the selling prices reasonably as well as making decision to accept orders from customers. These also included price negotiations to increase competitiveness. Accordingly, the accounting records provided performance of each purchased order or period which benefit in potential development of community enterprise groups. Keywords accounting economic decision making cultural entrepreneurs accounting information accounting documents บทนา ภาพท่ี 2 อาชีพหัวหน้าครวั เรอื น บ้านหว้ ยไห ตาบลทา่ ผา อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั พบว่า หัวหน้าครอบครัวในหมู่บ้านห้วยไห ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักเป็นเกษตรกร-ทาไร่ คิด เชียงใหม่ ในอดีตมีพ้ืนที่เป็นป่าไม้และไร่ของชาวบ้าน เป็นร้อยละ 50 รองลงมาเป็นอาชีพรับจ้างท่ัวไปคิดเป็น ต่อมาผู้คนขยายถ่ินฐาน มาปลูกบ้านเรือนรวมกันจน ร้อยละ 17 และอื่น ๆ อาทิ ทานา ทาสวน เป็นพนักงาน กลายเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ช่ือบ้านห้วยไห มาจากตานาน รับราชาการ พนักงานรัฐวสิ าหกจิ รวมคิดเป็นรอ้ ยละ 33 ที่ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนามว่านางแสงคามา เป็นคนมี ฐานะซึ่งเดิมไม่ได้เป็นคนในอาเภอแม่แจ่ม ได้มาเลี้ยงวัว ที่บ้านห้วยไห มีเงินทองมากมายและได้นาเงินใส่ในไห แล้วนาไปฝ่ังในลาห้วยที่อยู่ในหมู่บ้านห้วยไห จึงเป็น ที่มาของชื่อหมู่บ้านห้วยไห อาณาเขตที่ต้ังปัจจุบัน ทิศเหนือติดต่อกับบ้านปา่ แดด ทิศใต้ติดต่อกับบา้ นใหม่- อารามและบ้านยางหลวง ทิศตะวันออก ติดต่อกับบ้าน นาเรือนและบ้านเหล่า ทิศตะวันตกติดต่อกับบ้าน ป่าแดด คนในชุมชนอาชีพหลัก ทานา ทาไร่ ทาสวน เล้ียงสัตว์ อาชีพเสริม ทอผ้าตีนจก ทอผ้าทอมือ (กรมการปกครอง, 2562) ภาพที่ 1 จานวนประชากรจาแนกตามเพศ ภาพที่ 2 รายได้เฉลี่ยของครวั เรอื น(ปี) บ้านห้วยไหมีจานวนครัวเรือนทั้งสิ้นรวม 118 พบว่า ประชากรในหมู่บ้านห้วยไห มีรายได้ เฉลี่ย 137,813.56 บาทต่อปี จากการประกอบอาชีพ ครัวเรือน จานวนประชากร 422 คน เป็นเพศชายคิด หลักคือทาการเกษตร มากท่ีสุดคิดเป็นร้อยละ 77 มี เปน็ ร้อยละ 54 และเพศหญิงร้อยละ 46 รายได้เฉลยี่ 26,397.46 บาทตอ่ ปี จากอาชพี รองคือการ รับจ้างคิดเป็นร้อยละ 15 รายไดอ้ ่ืน ทามาหากินเองและ อืน่ ๆ คิดเปน็ รวมร้อยละ 18 36 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ภาพท่ี 3 รายจา่ ยเฉลี่ยของครวั เรือน (ป)ี การผลิตไปใช้ในการกาหนดราคาขายได้อย่างถูกต้อง พบว่า รายจ่ายเฉล่ียของครัวเรือนเฉล่ีย ตัดสินใจในการรับคาสั่งซื้อ รวมถึงการทราบผลการ 65,300.85 บาทต่อปี เป็นรายจ่ายทีจ่ าเป็นในครอบครวั ดาเนินงานหรือกาไรในการรับผลิตสินค้า ทาให้ไม่ อาทิ การอุปโภค ค่าสาธารณูปโภค ค่าการศึกษาของ สามารถประมาณการต้นทุนการผลิตเพ่ือใช้ในการ บุตร รองลงมาเป็นรายจ่ายด้านหนี้สินเฉล่ีย 21,067.80 กาหนดราคาขายได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการสรุปผลการ บาทต่อปีคดิ เปน็ รอ้ ยละ 19 และตน้ ทนุ จากการประกอบ รับคาส่ังซ้ือจากลูกค้าแต่ละราย ซึ่งสมาชิกได้เห็น อาชีพหลักของครอบครัว เฉล่ีย 17,576.27 คิดเป็น ความสาคัญของการนาข้อมูลที่ได้จากการจัดทาบญั ชไี ป รอ้ ยละ 16 ตามลาดับ ใช้ในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ จึงมีความต้องการได้รับ “กลุ่มเสน้ ฝา้ ยลายปัก” เปน็ วสิ าหกิจชมุ ชนอีก การพฒั นาและการถ่ายทอดองคค์ วามรดู้ า้ นการทาบัญชี กลุ่มหน่ึงในหมู่บ้านห้วยไห ที่มีลักษณะการดาเนินงาน เพื่อนาไปใช้เป็นแนวทางในการคานวณต้นทุน และ เป็นกลุ่ม จัดตั้งขึ้นโดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อรวมกลุ่มกนั รบั วดั ผลการดาเนนิ งาน งานส่ังทาจากลูกค้าและกระจายงานให้กับสมาชิกตาม ทักษะความเช่ียวชาญของสมาชิกแต่ละคน ปัจจุบันมี ภาพท่ี 4 ผลติ ภณั ฑ์กลมุ่ เส้นฝ้ายลายปัก สมาชิกรวม 9 คน มีประธานกลุ่มเป็นคนรับงานและทา จากการทบทวนวรรณกรรมท่ีเก่ียวข้อง พบว่า การกระจายให้กับสมาชิกกลุ่มตามความถนัดและทกั ษะ การส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนด้านการจัดทา ดา้ นฝีมือ ทกั ษะดา้ นนกั ออกแบบ การทาต้นแบบตดั เย็บ บัญชี ถือเป็นปัจจัยสาคัญที่มีผลกระทบต่อการบริหาร (Pattern) การตัดเย็บ การทอตีนจก การปัก เป็นต้น และพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเนื่องจากการคานวณต้นทุน ด้านการบริหารจัดการกลุ่ม มีการแบง่ หนา้ ที่ความรบั ผดิ การผลิตมีผลต่อการการกาหนดรายได้ การกาหนด ขอบของสมาชิกตามหลักโครงสร้างองค์กรขนาดเล็ก ค่าใช้จ่ายรวมไปถึงการควบคุมปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ปัจจัยด้านการผลิต กลุ่มเส้นฝ้ายลายปักจะเน้นเรื่อง สอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษาของ ชลลดา เหมลุ ินและคณะ ของคุณภาพและการคัดสรรวัตถุดบิ คือผ้าและเสน้ ฝา้ ยท่ี (2561) ท่ีพบว่าปัญหาด้านการทาบัญชีส่วนใหญ่ในการ จะใช้ในการผลิต ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มคือ บริหารจัดการวิสาหกิจชุมชนคือสมาชิกไม่มีการบันทึก เส้ือพ้ืนเมืองบุรุษและสตรี ผลิตภัณฑ์ของตกแต่งบ้าน ประเภทหมอนอิง และผ้ารองโต๊ะและท่ีรองแก้ว เป็นที่ รู้จัก ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ เป็นที่ ต้องการของตลาด อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นท่ีสัมภาษณ์เพ่ือ จัดเก็บข้อมูลพ้ืนฐานของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเส้นฝ้าย ลายปัก พบว่า กลุ่มยังขาดความรู้ ทักษะในการจัดทา บัญชี รวมถึงการเก็บข้อมูลเพ่ือคานวณต้นทนุ การผลิตท่ี เหมาะสม ทาให้ไม่มีข้อมูลตัวเลขต้นทุนการผลิตสินค้า เพื่อนาไปใช้ในการวางแผน ควบคุม และบริหารการ ดาเนินงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การนาข้อมูลต้นทุน วารสารวิชิ าการรับั ใช้ส้ ังั คม มทร.ล้า้ นนา 37 ปีที ี่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิิถุุนายน 2564
รายได้ คา่ ใช้จา่ ยทเ่ี กิดขึน้ จากการดาเนนิ อย่างเป็นระบบ ศักยภาพผู้ประกอบการและสร้างขีดความสามารถใน และมีสมาชิกในกลุ่มบางรายไม่มีพื้นฐานในด้านการทา การแขง่ ขนั ของวิสาหกจิ ชมุ ชน บัญชี จึงส่งผลกระทบต่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในการ คานวณรายได้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุหลักท่ีทา วธิ กี ารดาเนนิ งาน ให้วิสาหกิจชุมชนหลายแห่งล้มหายไปเพราะประสบ คณะทางานจัดเก็บข้อมูลปฐมภูมิ (Primary ปัญหาด้านการบริหารงาน ซ่ึงชาญชัย มะโนธรรม (2558) ศึกษาการจัดทาบัญชีของวิสาหกิจชุมชนใน Data) จากการลงพ้ืนที่กลุ่มเป้าหมาย เพ่ือสารวจข้อมูล จังหวัดเชียงใหม่ตามแนวทางของกรมตรวจบัญชี พื้นฐาน โดยวิธีสัมภาษณ์ (ศศิพัชร์ สันกลกิจและคณะ สหกรณ์ ได้เสนอแนะการใช้ข้อมูลทางการบัญชีในการ ,2563) เพ่ือทราบประเด็นปัญหา ความต้องการของ ตัดสินใจเพ่ือให้เกิดประโยชน์การจัดการเก่ียวกับการ กลุ่มเป้าหมาย และทาการศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ ดาเนินงานของวิสาหกิจมีความยั่งยืน และยังให้ (Secondary Data) เพ่ือทบทวนวรรณกรรม เอกสาร ข้อเสนอแนะหน่วยงานด้านการศึกษา ควรให้การอบรม และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องเป็นทางการออกแบบกิจกรรม ด้านบัญชีหรือจัดคลินิกด้านบัญชีเพื่อส่งเสริมการจัดทา หรือกระบวนการถ่ายทอดองคค์ วามรู้แสดงดงั ภาพท่ี 5 บัญชีท่ีถูกต้อง นาไปใช้ในการบริหารงานท่ีเข้มแข็งของ ชุมชน อย่างไรก็ตาม ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ข้อมูลปฐมภมู ิ : ขอ้ มลู ทุตยิ ภมู ิ: ของขอ้ มลู ทางการเงนิ นบั เป็นอีกคณุ ลกั ษณะเชงิ คุณภาพ ปญั หา/ความต้องการ เอกสาร งานวจิ ยั พื้นฐานที่จะทาให้ข้อมูลมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจตาม กรอบแนวคิดสาหรับรายงานทางการเงิน (ปรับปรุง ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2558) ข้อมูลทางการเงินจาเป็นต้องคานึงถึงข้อจากัด ด้านต้นทุนเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่ผู้ใช้ได้รับ การออกแบบกิจกรรม/กระบวนการ/เอกสารท่เี กยี่ วขอ้ ง ดังนั้นการใช้ข้อกาหนดท่ีแตกต่างกันอาจะเหมาะสมอัน เนื่องจากความแตกต่างของปัจจัยต่าง ๆ (พวงเพ็ญ ถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ >>> workshop >>>ตดิ ตามและ ชรู ินทร์, 2560) ประเมินผล จากประเด็นท่ีพบเอกสารงานวิจัยที่เก่ียวข้อง ภาพท่ี 5 กระบวนการถา่ ยทอดองค์ความรู้ ข้างตัน คณะทางานจึงเล็งเห็นประเด็นปัญหา ผลการดาเนนิ งาน ความสาคัญ จาเป็น และแนวทางการยกระดับศกั ยภาพ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผ่านกระบวนการถ่ายทอดองค์ ผลการจัดเกบ็ ข้อมูลปฐมภมู ิ พบว่าสมาชกิ กลุ่ม ความรู้ด้านการทาบัญชี เพื่อพัฒนาศักยภาพของกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนเส้นฝ้ายลายปัก มีการทาบัญชีอยู่แล้ว วิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยไห ตาบลท่าผา อาเภอแม่แจ่ม เนื่องจากเล็งเห็นความสาคัญและจาเป็นของการจัดทา จงั หวดั เชียงใหม่ บัญชี แต่เป็นบัญชีรูปแบบอย่างง่าย แต่ยังขาด องค์ความรู้เขิงวิชาการว่าควรมีองค์ประกอบหรือ จากประเด็นปัญหาและความต้องการดังกล่าว รูปแบบอย่างไร บันทึกรายการเก่ียวกับรายจ่าย อาทิ ข้างต้น คณะทางานได้ออกแบบกิจกรรมบริการวิชาการ ค่าผ้า กระดุม สีย้อม ค่าแรงช่างเย็บผ้า บันทึกรายรับ ด้านการทาบญั ชีสาหรับผปู้ ระกอบการที่เปน็ สมาชกิ กลุม่ แบบรวมหักรายจ่ายได้ยอดคงเหลือ สมาชิกกลุ่มมคี วาม เสน้ ฝ้ายลายปัก โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พือ่ ออกแบบเอกสาร คิดเห็นตรงกันถึงความต้องการด้านองค์ความรู้การทา ท า ง ก า ร บั ญ ชี ท่ี เ ห ม า ะ ส ม กั บ ก า ร ใ ช้ ง า น ข อ ง บัญชีเบ้ืองต้น รูปแบบเอกสารการบันทึกรายการ ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรมในพื้นที่อาเภอแม่แจ่ม อย่างง่าย เหมาะสมกับบริบทและทักษะพื้นฐานของ จงั หวดั เชยี งใหม่ และเพื่อถา่ ยทอดองค์ความรู้การบนั ทึก สมาชิก รวมถึงต้องการทราบผลการดาเนินงานจากการ รายการและข้อมูลด้านต้นทุนการผลิต และเพื่อให้ รับคาส่ังซื้อจากลูกค้า เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ด้านการ ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ส า ม า ร ถ ส รุ ป ผ ล ก า ร คานวณต้นทุนการผลิต การกาหนดราคาขาย ทราบผล ดาเนินงานจากคาส่ังซ้ือในแต่ละครั้งได้ มุ่งหวังให้มีการ การดาเนนิ งาน และนาเสนอขอ้ มูลใหก้ บั สมาชกิ ใช้ข้อมูลทางการบัญชีให้เป็นประโยชน์เพื่อการพัฒนา 38 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ภาพท่ี 6 บนั ทกึ รายรบั รายจา่ ยของกล่มุ ฯ กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (workshop) การทา บัญชี เป็นกิจกรรมต่อยอดเมื่อผู้เข้าอบรมมีความรู้ พื้นฐานด้านตน้ ทนุ การผลติ การทาบญั ชี การรายงานผล การดาเนนิ งาน คณะทางานออกแบบรา่ งเอกสารสาหรับ การบนั ทึกรายการทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับกลุม่ ฯ ซง่ึ พบว่า รายรับ และรายจ่ายส่วนใหญ่กลุ่มฯ เกิดจากรับคาสั่งซ้ือจาก ลูกค้า คณะทางานได้ประยุกต์ใช้เอกสารบัตรต้นทุนงาน โ ด ย เ พิ่ ม เ ติ ม ร า ย ง า น ท า ง ก า ร เ งิ น โ ด ย แ ส ด ง ผ ล ก า ร ดาเนินงาน และออกแบบให้อยู่ในหน้าเดียว เพื่อจูงใจ ดา้ นการทางานอยา่ งสม่าเสมอและการมองภาพรวมเมื่อ ต้องการนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์เพ่ือการตัดสินใจหรือ คาดการณ์ พบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมเห็นด้วยกับรูปแบบ ของร่างบัตรต้นทุนการผลิต แต่ได้ปรับแก้ไขรูปแบบ เอกสารเพ่ิมเติม อาทิ การสร้างพ้ืนที่สาหรับวาด แพตเทิร์น การปรับคาให้เข้าใจง่ายสาหรับสมาชิกของ กลมุ่ ฯ เป็นต้น แสดงได้ดังภาพที่ 9 ภาพท่ี 7 บรรยากาศลงพื้นทจี่ ัดเกบ็ ข้อมูลปฐมภูมิ ภาพท่ี 8 กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ ดังกล่าวมาข้างต้น คณะทางานจึงได้ออกแบบ กิจกรรมงานบริการวิชาการในคร้ังนี้ จานวน3 กิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการทา บัญชีอย่างง่ายสาหรับผู้ประกอบการด้านทางวัฒนธรรม และกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ(workshop)การทาบัญชี และกจิ กรรมตดิ ตามผล กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการทาบัญชี อย่างง่าย ได้ออกแบบกิจกรรมบนฐานข้อมูลการบันทึก รายการรับรายจ่ายเดิมที่กลุ่มทาไว้ มาใช้เป็นกรณศี ึกษา ในการถ่ายทอดองค์ความรู้แบบบูรณาการและเชื่อมโยง เขา้ สูแ่ นวคดิ เชิงวิชาการดา้ นต้นทนุ การผลิต คอื วัตถุดบิ ทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ผลการดาเนินงานพบว่า กระบวนการถ่ายทอดองค์ ความรู้สามารถสร้างความเข้าใจให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ เป็นอย่างดี มีการถามตอบและเช่ือมโยงองค์ความรู้เข้า กับฐานข้อมูลในบัญชีรับจ่ายของกลุ่มฯได้ อีกทั้งยัง พบว่า ประธานกลุ่มฯ ไม่ได้คานวณค่าแรงของตนเอง และไม่มีการคานวณต้นทุนหรือค่าเสื่อมราคาของจักรท่ี ใช้ในการเย็บผา้ วารสารวิิชาการรับั ใช้ส้ ัังคม มทร.ล้า้ นนา 39 ปีีที่�่ 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
ภาพที่ 9 เอกสารบตั รต้นทนุ เชิงปฏิบัติการ( workshop)การทาบัญชี เสร็จสิ้น จากภาพที่ 9 เอกสารบัตรต้นทุน ได้ออกแบบให้ คณะทางานได้ติดตามผลการนาเอกสารทางการบญั ชไี ป เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ประกอบการกลุ่มวสิ าหกิจ ใช้ ด้วยการสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์เกี่ยวกับประเดน็ เส้นฝ้ายลายปัก มีองค์ประกอบเอกสารดังน้ี ด้านซ้าย ปัญหาการใช้งานเอกสาร ความต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เอกสารเป็นพน้ื ทีว่ ่างสาหรับการวาดตวั แบบผลติ ภณั ฑท์ ่ี ข้อเสนอแนะจากผูป้ ระกอบการหรือผ้ทู าบญั ชี เพือ่ แกไ้ ข ลูกค้าส่ังตัด มีแบบตารางวัดตัวที่มีการใส่ข้อมูลไว้เพ่ือ รูปแบบเอกสาร ขอ้ ความ เพ่มิ เติมขอ้ มูลท่ีจาเปน็ รวมถึง ช่ ว ย ป ร ะ ห ยั ด เ ว ล า ใ น ก า ร จ ด บั น ทึ ก แ ล ะ มี ค ว า ม เป็ น การสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการใช้งานจริง และ ระเบียบ บัตรต้นทุน ประกอบด้วยข้อมูลรายละเอียด ทบทวนความเข้าใจเก่ียวกับชุดข้อมูลในบัตรต้นทุน ของลูกค้า ได้แก่ ซื่อ สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และ จนได้รูปแบบเอกสารท่ีเหมาะสมกับบริบทกระบวนการ ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ประเภทผลิตภัณฑ์ ปริมาณ ทางานของผู้ประกอบการทางวัฒนธรรมในพื้นที่อาเภอ รายละเอียดเพ่ิมเติม กาหนดเลขท่ีเอกสารเพ่ือการ แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทาง จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและเป็นการควบคุมภายใน วัฒนธรรมสามารถทราบต้นทุนการผลิตของคาส่ังซื้อ ท่ีดี มีกาหนดวันที่เร่ิมและส้ินสุดงาน เพื่อทราบวัน กาหนดราคาขายได้เหมาะสม และสรุปผลการ ส่งมอบ ด้านการเก็บข้อมูลต้นทุนการผลิต โดยต้นทุน ดาเนนิ งานของแต่ละคาสั่งซื้อได้ รวมถงึ การใชข้ ้อมลู จาก การผลิตจะประกอบด้วย 3 องค์ประกอบที่สาคัญ คือ บัตรต้นทุนเพื่อการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรงและค่าใช้จ่ายการ ด้านต่อรองราคาไดอ้ ีกด้วย ผลิตโดยเม่ือนาสามองค์ประกอบดังกล่าวมารวมกับจะ ได้ข้อมูลต้นทุนการผลิต และเม่ือนาต้นทุนการผลิตมา จากภาพที่ 12 แสดงตัวอย่างการลงรายการ หารด้วยจานวนหน่วยที่ผลิตได้จะได้ต้นทุนต่อหน่วย จากการติดตามผลของกลมุ่ ตวั อยา่ ง พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง ผู้ประกอบการสามารถนาต้นทุนต่อหน่วยไปบวกกาไรที่ สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของต้นทุนการผลิตและ ต้องการก็จะได้ราคาขาย และเม่ือนารายได้จากการขาย ลงรายการได้ถูกต้อง ทราบต้นทุนการผลิตเท่ากับ สินค้ามาหักต้นทุนการผลิต ก็จะทราบกาไรข้ันต้น การ 835.50 บ า ท ต่ อ ห น่ ว ย มี ก า ไ ร ข้ั น ต้ น เ ท่ า กั บ สรุปยอดรวมต้นทุนการผลติ ท้งั ส้นิ เพ่ือคานวณหาต้นทนุ 614.50 บาทต่อหน่วย รวม 12,290 บาท นอกจากนี้ยัง ต่อหน่วย และการคานวณผลการดาเนินงานหรือกาไร มีข้อมูลท่ัวไปเก่ียวกับลูกค้าซึ่งสามารถนาใช้ในการสร้าง ข้ันต้นจากคาสงั่ ซื้อนัน้ ๆ ประโยชน์เชงิ เศรษฐกิจในด้านการจัดเก็บฐานข้อมูลของ การนาไปใช้ประโยชน์ ลูกค้า ความมีประสิทธิภาพด้านการผลิตสินค้าทันต่อ เวลา รายละเอียดของผลิตภัณฑ์เม่ือมีการส่ังซ้ือซ้า เม่ื อด า เนิ น กิ จ ก ร ร ม กิ จ ก ร ร ม ถ่ า ย ท อด เปน็ ตน้ องค์ความรู้ด้านการทาบัญชีอย่างง่าย และกิจกรรม ภาพที่ 10 ตวั อย่างเอกสารบัตรต้นทุนงาน 40 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
ภาพท่ี 11 กิจกรรมการติดตามผล เกิดความมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งคณะทางาน ภาพที่ 12 ตัวอยา่ งการลงรายการ เห็ น ว่ า มี คว ามสาคั ญเป็นอย่ างมาก เน่ื องจาก ผู้ประกอบการหรือสมาชิกของกลุ่มฯมีประสบการณ์ มี ความเชี่ยวชาญ สามารถให้มุมมองหรือความคิดเห็นที่ เป็นประโยชน์ต่อการประยุกต์ในกระบวนการออกแบบ เอกสารการทาบัญชแี ละการคานวณต้นทุนได้เป็นอยา่ งดี อีกท้ังการมีส่วนร่วมดังกล่าวทาให้ผู้ใช้คือผู้ทาบัญชีของ กลุ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการกรอกข้อมูล จากผล การดาเนนิ งานดงั กลา่ วเปน็ ไปตามแนวทางข้อเสนอแนะ ของชาญชัย มะโนธรรม,(2558) ให้หน่วยงานด้าน การศึกษาให้การอบรมด้านบัญชีเพ่ือส่งเสริมการจัดทา บัญชีท่ีถูกต้อง นาไปใช้ในการบริหารงานที่เข้มแขงของ ชุมชน การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเพ่ือให้เกิดประโยชน์ การจัดการเกี่ยวกับการดาเนินงานของวิสาหกิจมีความ ย่ังยืน การการดาเนินงานทาให้วิสากิจชุมชนกลุ่ม เส้นฝ้ายลายปัก สามารถนาข้อมูลจากบัตรต้นทุนไปใช้ ประโยชน์ในการกาหนดราคาขาย ทราบผลการดานเนิน งานและการนาเสนอข้อมูลด้านต้นทุนการผลิตและผล การดาเนินงานให้กับสาหรับสมาชกิ กลุม่ ฯได้ รวมถึงการ ชยายผลผา่ นการจัดการองค์ความรู้ให้กับผูป้ ระกอบการ ในชมุ ชนและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนใกล้เคยี ง ภาพที่ 13 การใช้งานของผู้ประกอบการ บรรณานกุ รม อภปิ รายผล กรมการปกครอง.2562.รายงานสถิติจานวนประชากร จากข้อมูลปฐมภูมิโดยการสัมภาษณ์สมาชิก และบ้าน พ.ศ. 2561 จังหวัดเชียงใหม่ . กลุ่มของวิสาหกิจชุมชนเส้นฝ้ายลายปัก ตาบลท่าผา [ออนไลน์] ได้จาก: https://stat.bora.dopa. อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พบประเด็นปัญหาด้าน go.th การขาดองค์ความรู้การทาบัญชี ซ่ึงสอดคล้องกับผล ชลลดา เหมะธุลิน นฤมล ชินวงศ์ และยุทธนา จนั ทรป์ ติ ุ. การศึกษาของ ชลลดา เหมะธุลินและคณะ(2561) 2561. ปัญหาการจัดทาบัญชีชุมชนของกลุ่ม สมาชิกกลุ่มเส้นฝ้ายลายปัก เล็งเห็นความสาคัญและ ผู้ผลิตผลิตผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ประเภท จาเป็นของการทาบัญชี การคานวณต้นทุน จึงทาให้เกิด จักสาน ในจังหวัดอุดรธานี. ปีท่ี 8 ฉบับท่ี 1 กระบวนการทางานบริการวิชาการคร้ังน้ีบูรณาการและ มกราคม-มิถุนายน (หน้า 51-57).วารสาร วทิ ยาลัยบัณฑิตเอเชยี ชาญชัย มะโนธรรม.2558. ศึกษาการจัดทาบัญชีของ วสิ าหกิจชมุ ชนในจงั หวดั เชียงใหม่ตามแนวทาง ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์. ปีท่ี 25 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มิถุนายน (หน้า 133-148).วารสาร มหาวิทยาลยั พายพั พรวลิ ัย ปราบภยั และคณะ.2563. การจดั การด้านบัญชี ของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม ในเขตอาเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด วารสารวิิชาการรับั ใช้ส้ ัังคม มทร.ล้้านนา 41 ปีที ี่่� 5 ฉบัับที่�่ 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
ขอนแก่น. ปีที่ 10 ฉบับท่ี 1 มกราคม-เมษายน ศศิพัชร์ สันกลกิจ, อนวัช จิตต์ปรารพ, ภัทราวดี ธงงาม, (หนา้ 34-45).วารสารวิชาการและวิจัย และณิชพัณณ์ ปิตนิ ยิ มโรจน.์ 2563. การประเมนิ พวงเพ็ญ ชูรินทร์.2560. ลักษณะเชิงคุณภาพที่มี ผลตอบแทนทางสังคมของกิจกรรมพัฒนา ประโยชน์และต้นทุนของข้อมูลทางการเงิน. ปีที่ ศั ก ย ภ า พ ก า ร ตั ด เ ย็ บ ขั้ น สู ง ส า ห รั บ 4 ฉบับที่ 2.(หน้า 31-55). วารสารวิทยาการ ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม อาเภอแม่แจ่ม จดั การ จังหวัดเชียงใหม่. ปีท่ี 4 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม- สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปภัมภ์ (2558). กรอบ ธันวาคม (หน้า 9-16). วารสารวิชาการรับใช้ แ น ว คิ ด ร า ย ง า น ท า ง ก า ร เ งิ น ( ป รั บ ป รุ ง 2558) สงั คม มทร.ลา้ นนา (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www.fap.or.th สืบค้น 10 มถิ ุนายน 2564 42 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
การใช้ประโยชนจ์ ากเศษกระจกในผลิตภณั ฑ์คอนกรีตบล็อกประสานปพู นื้ Utilization of Glass Shards in Concrete Paving Blocks เจษฎาพงษ์ หาญสทุ ธเิ วชกลุ 1 มนตรี จใุ จ2 ชยาวธุ ใฝ่จิตต2 วชั ราวุฒิ ศรจี มุ ปา2 มงคลกร ศรีวชิ ยั 1,3* Chetsadaphong Hansudewechakul1 Montree Jujai2 Chayawut Faijit2 Watcharawut Srijumpa2 Mongkonkorn Srivichai1,3* 1อาจารย์ หลกั สูตรวศิ วกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา เชียงราย 2นักศึกษา หลักสตู รวศิ วกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย 3หัวหนา้ ศนู ยว์ ิศวกรรมสรา้ งสรรคเ์ พื่อการพฒั นาทย่ี ่ังยนื คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 1Lecturer, Civil Engineering Program, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna 2Sutdent, Civil Engineering Program, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna 3Director, Center of Creative Engineering for Sustainable Development, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna. E-mail : [email protected]. เบอร์โทรศัพท์ 053-723979 บทคัดย่อ การศกึ ษาในคร้งั นี้มีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือการผสมขึ้นรูปเป็นคอนกรีตบล็อกประสานปพู ้นื โดยนาเศษกระจกเหลอื ใช้จากงานรื้อถอน ชารุดจากการใช้งาน หรือขนาดไม่ได้ตามความต้องการโดยนาไปบดละเอียด เพื่อนามาทดแทน ทรายเพ่ิมข้ึนในสัดส่วนร้อยละ 10 โดยน้าหนักทราย จนทดแทนทรายท้ังหมด อ้างอิงมาตรฐาน มอก. 827-2531 ผลการทดสอบทางวิศวกรรม การทดสอบความต้านทานแรงอัด พบว่าการทดแทนทรายไม่เกินร้อยละ 60 มีความ ต้านทานแรงอัดผ่านมาตรฐาน มอก. 827-2531 โดยทุกอัตราการทดแทนทรายด้วยกระจกท้ังหมด สามารถนาไปใช้ งานในครัวเรือนได้ การผสมเศษกระจกในคอนกรีตบล็อกประสานปพู นื้ ทาใหม้ ีความหนาแนน่ เพม่ิ ขน้ึ แตค่ วามสามารถ ในการดูดซึมนา้ ลดลง จากผลการศึกษาสามารถคานวณต้นทุนการผลิตต่อก้อนอยู่ที่ 2.65-3.30 บาท โดยได้ถ่ายทอด เทคโนโลยีการผลิตนี้ใหก้ ับประชาชนในพื้นที่องคก์ ารบริหารส่วนตาบลเมอื งพาน อาเภอพาน จงั หวัดเชียงราย คาสาคญั คอนกรตี บล็อกประสานปพู ้ืน ชมุ ชน เศษกระจก มลภาวะ เศรษฐกจิ หมนุ เวียน Abstract The objective of this study was to form a concrete paving blocks reference to TIS 827- 2531 standard. Method was to grind left over glass scraps from demolition work, damaged from use, or any size problem in order to replace the proportion of sand by 10 percent increased by weight, until it was completely replaced. Engineering tests together with compressive strength tests found that the sand replacement of not more than 60 percent has a compressive strength which met TIS 827-2531 standard. By all rates of sand replacement, all glass can be used for household use. Mixing glass fragments in interlocking concrete blocks increased the density, yet the ability to absorb water was reduced. The results of the study can calculate the production cost per bale at 2.65-3.30 baht. However, this production technology has been transferred to people in the area of Muang Phan Subdistrict Administrative Organization, Phan District, Chiang Rai Province. Keywords Concrete Paving Blocks Community Glass Waste Pollution Circular Economy วารสารวิชิ าการรัับใช้ส้ ังั คม มทร.ล้า้ นนา 43 ปีที ี่่� 5 ฉบับั ที่่� 1 มกราคม -มิิถุนุ ายน 2564
บทนา เกศสุดา สิทธิสันติกุล, 2563.) โดยทาการออกแบบ กระจกเป็นวัสดุท่ีนิยมใช้ในงานก่อสร้างอย่าง สว่ นผสมแบง่ เปน็ อตั ราสว่ นเทา่ กับ 1 : 3 มีการแทนทดี่ ว้ ย เศษขวดพลาสติก (กิตติพงษ์ สุวีโร และประชุม คาพุฒ, แพร่หลาย ท้ังนาไปตกแต่งอาคารบ้านเรือนภายนอก 2559.) ซึ่งในด้านวิศวกรรมมีการทดสอบหาคุณสมบัติ และภายในรวมถึงการนาไปผลิตเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ พื้นฐาน ความถ่วงจาเพาะ การดูดซึมน้า (จินตนา พวง เพ ร า ะ เหตุ นี้ จึ ง เกิ ด ปั ญ หา ท า ง ด้ า น ข ย ะ ท่ี ไ ม่ ส า ม า ร ถ สันเทียะ และคณะ, 2563., เอกสิทธิ์ เทียนมาศ และ นาไปใช้งานได้ เน่ืองจากกระจกมีความเปราะ แตกหัก สุรเชษฐ์ ตุ้มมี, 2561.) เพ่ือนามาออกแบบส่วนผสม ใน ได้ง่าย เมื่อนาไปตัดให้มีรูปทรงตามที่ต้องการ มักจะมี การผลิตคอนกรีตบล็อกประสานปูพื้น (ภัทรพล เรืองศรี, เศษของการตัด หรือตกแต่ง ก่อให้เกิดเป็นขยะ โดยการ 2561., ทวิช กล้าแท้ และคณะ, 2562., จินตนา พวง นาไปรไี ซเคิลนั้นทาได้ แตป่ ระสทิ ธิภาพในการนากลบั มา สันเทียะ และคณะ, 2563., ชูเกียรติชูสกุล และขวัญชีวา ใช้จะลดลง ประกอบกับปัจจุบันสถานที่รับรีไซเคิลมีไม่ หยงสตาร, 2561.) นอกจากน้ียังมีการทดสอบคุณสมบัติ กี่แห่งในประเทศ ซ่ึงส่วนมากอยู่บริเวณภาคตะวันออก ทางกล และทางกายภาพตามมาตรฐานทดสอบคณุ สมบตั ิ ของประเทศไทย และไม่มีมูลค่าสูงจึงไม่มีการรับซื้อเศษ โดยอ้างอิงมาตรฐาน มอก. 827-2531 (ประชุม คาพุฒ กระจกในพ้ืนที่ต่าง ๆ ไมค่ ุ้มทนุ ส่งผลให้ปัจจบุ ันมีการนา และกิตติพงษ์ สุวีโร, 2561., เอกสิทธ์ิเทียนมาศ และ เศษกระจกไปทิ้งจานวนมาก โดยไม่คานึงถึงความ สุรเชษฐ์ตุ้ม, 2562., ประชุม คาพุฒ และคณะ, 2558., ปลอดภัย และถูกสุขาภิบาล ส่วนมากเลือกใช้วิธีฝังกลบ เตือนใจ ปิยัง และคณะ, 2561.) จากการผลิตตัวอย่าง หรือนาไปทิ้งในพ้ืนท่ีรกร้าง แสดงดังภาพที่ 1 ทาให้ ตามอัตราส่วนผสมแล้ว รวมไปถึงการทดสอบคุณสมบัติ เกิดผลกระทบทางส่ิงแวดล้อมโดยรอบ (เกียรติศักด์ิ พื้นฐานทางด้านวิศวกรรมต่าง ๆ จนนาไปสู่การคิด ดวงจันทร์, 2561., ธีรดิตถ์ โพธิตันติมงคล, 2560.) ปริมาณต้นทุนในการผลิตเพ่ือความคุมค่า และนาไป จากน้ันจึงนามาสู่การหาแนวทางเพ่ือประยุกต์ใช้วัสดุ ถ่ายทอดสชู่ ุมชน ต่อไป (ประชมุ คาพฒุ และคณะ, 2559. เหลือท้ิงให้เกิดประโยชน์ ตามแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจ อาคม เสงี่ยมวิบลู , 2560.) หมนุ เวียน (มงคลกร ศรีวชิ ยั , 2563.จรี นันท์ นาคสมทรง , 2562.ชูเกียรติ ชูสกุล และขวัญชีวา หยงสตาร์, 2561. การศึกษาคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา ณัชธกาภรณ์ จรัญจารุวัฒน์ และสาลินี อาขารีย์, 2561. คุ ณ ส ม บั ติ พ้ื น ฐ า น ด้ า น วิ ศ ว ก ร ร ม ข อ ง เ ศ ษ ก ร ะ จ ก วิหาร ดปี ัญญา และกิตตพิ งษ์ สุวีโร, 2562.) คุณสมบัติทางด้านวิศวกรรม และอัตราส่วนผสมของ คอนกรีตบล็อกประสานปพู ื้นผสมเศษกระจกทไี่ ม่สามารถ นาไปใช้งานได้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยอ้างอิงตาม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมคอนกรีตบล็อก ประสานปูพื้น (มอก. 827-2531) และหาต้นทุนการผลิต ท่ีใช้ในการผลิตคอนกรีตบล็อกประสานปูพื้นผสมเศษ กระจก ภาพที่ 1 เศษกระจกจากการท่ไี ม่สามารถนาไปใชง้ านได้ วิธีดาเนนิ งาน จากงานวิจัยการพัฒนาผลติ ภัณฑ์คอนกรีตบลอ็ ก งานวิจัยคร้ังนี้เป็นการนาเศษกระจกท่ีไม่สามารถ ประสานปูพื้น ผสมเศษวัสดุท่ีไม่สามารถนาไปใช้งานได้ นาไปใชง้ านได้ มาทาใหเ้ กดิ ประโยชน์ใหม่ โดยการนามา โดยการนากลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ (กิตติพันธ์ ละเอียดผา่ นตะแกรงทดแทนทรายเพม่ิ ขนึ้ ในสัดส่วนรอ้ ย บุญโตสิตระกลู และคณะ, 2563., นิรัตน์ แย้มโอษฐ์ และ ละ 10 โดยปริมาตร จนทดแทนทรายท้ังหมด ใน อดิสรณ์ พงษ์สุวรรณ, 2563., บัญจรัตน์ โจลานันท์ และ อัตราส่วนผสมการผลิตคอนกรีตบล็อกประสานปูพ้ืน รูปทรงตัวไอ มีการทดสอบความต้านทานแรงอัดของ คอนกรีตประสานปูพ้ืน และทดสอบคุณสมบัติทางด้าน วิศวกรรม จากเศษกระจกท่ีได้จากอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในพ้นื ทีจ่ ังหวดั เชียงราย 44 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.5 No. 1 January-June 2021
Search