วารสวาารรสวาิชราวกชิ าากรรารบั รใบชั ้สใชงั ส้ คงั มคมมหมาหวาทิวทิยยาาลลยั ยั เเททคคโโนนโโลลยยีรีราาชชมมงงคคลลลลา้ น้านนนา า วัตถปุ ระสงค์ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์ผลงาน วิชาการด้านรับใช้สงั คม ทั้งงานวิจัยและงานบรกิ ารวิชาการ เผยแพร่เพ่ือพัฒนาสังคมและส่งเสรมิ ใหน้ ักวิชาการ ดา้ นรับใชส้ ังคมในหนว่ ยงานต่าง ๆ ไดม้ แี หล่งนาเสนอผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะ เจา้ ของ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ท่ปี รกึ ษากองบรรณาธกิ าร สงา่ จติ ร ผู้ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีอธิการบดี รองศาสตราจารย์ศีลศิริ ใจวงศษ์ า มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ดร.สรุ พล รองอธิการบดฝี ่ายวิจยั และบริการวิชาการ กองบรรณาธิการผู้ทรงคุณวุฒิภายในและภายนอก ศาสตราจารย์ ดร.จกั รี เสน้ ทอง มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ศาสตราจารย์ ดร.อารี วบิ ลู ยพ์ งศ์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ศาสตราจารย์ ดร.ผดงุ ศกั ด์ิ รัตนเดโช มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.พรี ะพงศ์ ทีฆสกุล มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา แก้วเทพ สถาบนั คลงั สมองของชาติ รองศาสตราจารย์ ดร.อาวรณ์ โอภาสพัฒนกจิ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สมั ภัสตะกลุ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย ฟองสมุทร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.กติ ติ บญุ เลศิ นริ ันดร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ รองศาสตราจารย์ ดร.พรหทัย ตณั ฑจ์ ติ านนท์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.ชติ ิ ศรตี นทิพย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา รองศาสตราจารย์ ดร.พานชิ อินต๊ะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา รองศาสตราจารย์ สทุ ัศน์ จุลศรีไกวัล มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาพรรณ พรมศริ ิ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปฏิภาณ สทุ ธิกลุ บตุ ร มหาวิทยาลัยแมโ่ จ้ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พิสษิ ฏ์ มณีโชติ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.คมกฤตย์ ชมสวุ รรณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรสิทธิ์ วสุเพ็ญ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ดวงพร อ่อนหวาน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ยทุ ธนา เขาสเุ มรุ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยส์ ันติ ชา่ งเจรจา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ร่งุ นภา ชา่ งเจรจา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ดร.สมคดิ แกว้ ทิพย์ มหาวิทยาลัยแมโ่ จ้ RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
คณะกรรมการดาเนินงาน ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์เกรียงไกร ธารพรศรี ผชู้ ่วยศาสตราจารยน์ ทชี ัย ผัสดี นายวิสุทธ์ิ บัวเจรญิ นางสาวสรุ ีวรรณ ราชสม ผชู้ ่วยศาสตราจารยย์ ทุ ธนา เขาสเุ มรุ รองศาสตราจารย์ ดร.ชติ ิ ศรีตนทิพย์ รองศาสตราจารย์ ดร.พานิช อนิ ต๊ะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดวงพร อ่อนหวาน ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ไพโรจน์ วรพจน์พรชัย นายนรศิ กาแพงแกว้ วา่ ท่รี อ้ ยตรีรัชต์พงษ์ หอชยั รตั น์ ว่าทีร่ ้อยตรีเกรียงไกร ศรีประเสรฐิ นายพิษณุ พรมพราย นายวษิ ณลุ ักษณ์ คายอง นายจักรร์ ินทร์ ชน่ื สมบตั ิ นางสาวทนิ ออ่ นนวล นางสาวรัตนาภรณ์ สารภี นายเจษฎา สภุ าพรเหมนิ ทร์ นางสาวสุธาสินี ผู้อยู่สขุ นางสาวหน่ึงฤทัย แสงใส นางสาววราภรณ์ ต้นใส นายวีรวทิ ย์ ณ วรรณมา พิมพ์ท่ี สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 98 หมู่ 8 ตาบลป่าปอ้ ง อาเภอดอยสะเกด็ จงั หวัดเชียงใหม่ 50220 สานกั งาน สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยสี ูช่ ุมชน มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 98 หมู่ 8 ตาบลปา่ ปอ้ ง อาเภอดอยสะเก็ด จังหวดั เชียงใหม่ 50220 บทความทุกเรือ่ งได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ขอ้ ความและบทความใน วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่ความ วารสารวชิ าการรบั ใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2563
บทบรรณาธกิ าร ปัจจุบัน รัฐได้เล็งเห็นความสาคัญในการพัฒนาประเทศ โดยการมุ่งเสนอนโยบายต่าง ๆ ที่ให้ชุมชน สังคม เป็นฐานรากของการพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน ได้เข้าไปดาเนนิ การพฒั นาพ้ืนท่ีชุมชน หรือการพัฒนาสงั คม ด้วยวิธี และรูปแบบการทางานอย่างหลากหลาย ก่อเกิดเป็นผลความสาเร็จต่อการพัฒนาชุมชน สังคม ไม่มากก็น้อย ซึ่งในพื้นที่หรือแนวทางการดาเนินการท่ี ประสบความสาเร็จ มักเป็นเร่อื งราว ท่ีผู้สนใจอยากทาการศึกษาหาความรู้ เพื่อก่อเกดิ เป็นประโยชน์ทีใ่ ช้เป็น แบบอย่างท่ีดี (Best Practice) ในการพัฒนาชุมชน สังคม ด้วยเหตุน้ีการขยายผลของการศึกษาเหล่านี้ หน่วยงานวิชาการต่าง ๆ จึงได้เข้ามาสร้างแหล่งเรียนรู้ (Learning Space) เพื่อนาเสนอความรู้ดังกล่าว สู่สาธารณะ ให้ผู้ที่ต้องการศึกษา หรือผู้ที่ต้องการเรียนรู้ สามารถเข้าทาการศึกษา หรือเรียนรู้ได้อย่างตลอด ชีวติ ดังทีเ่ รามกั ได้ยินคาวา่ lifelong learning น่ันเอง วารสารวิชาการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา จึงเป็นพื้นที่แหลง่ วิชาการแห่งหน่งึ ท่ีได้ร่วมใหค้ วามสาคัญ ของการเผยแพรบ่ ทความวิชาการดา้ นการรบั ใช้สังคม ใหเ้ กิดการเผยแพรส่ ู่สาธารณะ เพ่ือการเรียนรูต้ ลอดชีวิต โดยได้ดาเนินการเผยแพรบ่ ทความวิชาการในรปู แบบทหี่ ลากหลาย โดยเฉพาะการเผยแพรใ่ นรูปแบบ หนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Book) ที่ปัจจบุ ันได้รบั ความนิยม และมีความทันสมัยสอดคลอ้ งกบั การเปล่ยี นแปลงของโลก เทคโนโลยี ซึ่งได้ถูกดาเนินการพัฒนาขึ้นผ่านระบบเว็บไซต์ (Website) ของหน่วยงาน และการเข้าร่วมใช้ แพลตฟอร์ม (Platform) ขององค์กรที่มีช่ือเสียงต่าง ๆ โดยมุ่งให้เกิดการขยายผลความรู้สู่สาธารณะ อย่างกวา้ งขวางเพิ่มขึน้ และก่อเกิดเป็นระบบการเผยแพรท่ ีม่ ีความยั่งยนื สามารถสร้างการเรยี นรอู้ ย่างตอ่ เนอ่ื ง นั่นเอง ปัจจุบันวารสารวิชาการรับใช้สังคม มทร.ล้านนา ได้ดาเนินการเข้าสู่ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 โดย กองบรรณาธิการยังคงดาเนินการรวบรวมบทความวิชาการท่ีได้รับการตรวจประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ มาเผยแพรใ่ หผ้ ้สู นใจหรอื ผทู้ ่ที าการศกึ ษางานวชิ าการรบั ใช้สงั คม ไดเ้ ห็นภาพและแนวทางของการทางานรบั ใช้ สังคมในรปู แบบทแ่ี ตกต่าง หลากหลายศาสตร์ จากผลงานของคณะนักวิชาการหลากหลายสถาบันการศกึ ษา บนบริบทของพ้นื ที่ดาเนินการท่ีแตกตา่ งกนั ไป ซ่ึงในวารสารฉบับน้ีปรากฏพืน้ ท่ดี าเนินการ ภายใต้จังหวดั ของ แต่ละภูมภิ าค ทัว่ ประเทศ มากถึง 8 แหง่ ด้วยกนั ไดแ้ ก่ พ้นื ทใ่ี นจังหวัด เชียงราย ตาก สพุ รรณบุรี นครราชสมี า สกลนคร ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี ระยอง โดยการดาเนินการเผยแพร่บทความวิชาการที่ได้รับการตรวจประเมนิ จากผทู้ รงคุณวุฒิ ของวารสาร ฉบับน้ี มีจานวนทั้งส้ิน 8 บทความ ซ่ึงแต่ละบทความได้ดาเนินการอธิบาย ให้เห็นแนวทางการรับใช้สังคม บนบริบทของพ้ืนท่ี ให้สอดคล้องกับวิธีการทางานรับใช้สังคมที่ดี ดังปรากฏในประกาศ ก.พ.อ. ฉบับท่ี 9 ท่ีมุง่ เน้นให้เห็นกระบวนการคิดวเิ คราะหแ์ ละดาเนินการ ต้ังแต่กระบวนการตน้ นา้ กลางนา้ จนกระท่ังปลายนา้ รวมทงั้ การใชอ้ งค์ความรู้จากงานวิจัย เพือ่ สรา้ งความเปล่ยี นแปลงทีด่ ขี ้นึ ใหก้ บั ชมุ ชน สถานประกอบการ ทั้งนี้ ผู้สนใจหรอื ผู้ที่ต้องการศึกษา สามารถเขา้ ไปดูรายละเอียดของเนอ้ื หาในแตล่ ะบทความที่เป็นประโยชน์ ต่อการ นาไปประยุกต์หรือใช้เป็นแนวทาง สาหรับการพัฒนางานรับใช้สังคมที่เหมาะสมกับความต้องการได้ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี และก่อเกิดเป็นพื้นท่ีเพ่ือการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้านการพัฒนาชุมชน สังคม ท่ีจะ ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนให้ดีย่งิ ขน้ึ ตอ่ ไป RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ปรารรยะาจชยอ่ื�ำผชฉปอ่ืูท้บีทผรับง่ี้ทู 4คปรณุทีฉง่ีคบว4ฒุบุณั ฉทิผวบีู่ป้ฒุ1ับรทเะผิ ดเ่ีมู้ป1อื นิ รนเบดะเมทอืมกคนินรวบมาาทคมกมคร(วาP–าคeมeมมrถิ(-PRนุ eมeาveิถยirนนุeRwา2eย)5vนป6ie3ร2ะw5จ)6าฉ3บบั รองศาสตราจารย์สุทศั น์ จุลศรีไกวัล มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.พรหทัย ตัณฑจ์ ติ านนท์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.พานชิ อินตะ๊ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จนั ทนา แสนสุข มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วสุธดิ า นรุ ิตมนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กนกกาญจน์ วชิ าศลิ ป์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กติ ตพิ งษ์ วงศ์ทิพย์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สรศกั ดิ์ เชีย่ วชาญ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พินจิ เนื่องภริ มย์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยุทธนา เขาสุเมรุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ดวงพร ออ่ นหวาน มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสรฐสดุ า ปรชี านนท์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์อรวรรณ เช้อื เมืองพาน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ลา้ นนา ปีท่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
สารบญั หนา้ 1 การออกแบบและพัฒนาบรรจุภณั ฑ์ตามแนวทางเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ 11 สําหรบั ผลติ ภณั ฑ์กลว้ ยอบนำ�้ ผ้ึง (บ้านโฮ่ง) อําเภอแมร่ ะมาด จังหวัดตาก พรรณธิภา เพชรบุญมี, จักรพันธ์ วงศฤ์ กษ์ดี 23 การศกึ ษาปัจจยั ด้านการตลาดบริการ พฤตกิ รรมการใชบ้ ริการ และความพึงพอใจในการใช้ บริการหา้ งสรรพสินคา้ ของลกู ค้าในสามจงั หวัด EEC 35 เอก ชุณหชชั ราชัย 45 การแก้ไขปัญหาการเขยี นสะกดคาํ ภาษาไทยไมถ่ กู ตอ้ งของรา้ นอาหาร 53 บริเวณสถานศึกษา อาํ เภอสามชุก จังหวดั สพุ รรณบุรี ฐาปกรณ์ อว่ มสถติ ย์, ลกั ขณา รุ่งโรจน์, กนกวรรณ ศรีบุญธรรม 65 การกระจายของฝ่นุ และความเขา้ ใจเกย่ี วกับผลกระทบและอันตรายจากฝนุ่ 75 ของผปู้ ฏิบตั ิงานในโรงอิฐมอญ ตําบลหนองกินเพล อาํ เภอวารินชําราบ จงั หวดั อบุ ลราชธานี กตกิ า สระมณอี ินทร,์ ภูษณศิ า ชนะมนตรี, รุ่งทิวา ทันธมิ า การพัฒนาการจดั การขยะมลู ฝอยชมุ ชนในพน้ื ที่ตน้ แบบภายใต้ต้นแบบนักจดั การขยะ มงคลกร ศรวี ชิ ัย, ปาริชาติ วงค์ฉายา, วรินทร์ เรอื งศรี แผนการพัฒนาชมุ ชนหมู่บา้ นพันนาใตแ้ บบมีสว่ นรว่ ม เดอื นรงุ่ สุวรรณโสภา, กรรณิการ์ สมบญุ , สุดารัตน์ สกุลค,ู ศิรพิ ร สารคล่อง , ราตรี พระนคร สุเธยี ร นามวงศ,์ ไกรสทิ ธิ วสุเพ็ญ, พชั รี ครองกจิ ศิริ, ชลนี ุช คนซ่อื คณุ ภาพการบรกิ ารของธรุ กิจทมี่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมของนกั ศึกษาหลงั การใชบ้ รกิ าร บา้ นเชา่ ในอาํ เภอเมือง จงั หวดั ชลบรุ ี เสาวณีย์ คงเจริญพร, ชลธศิ ดาราวงษ์ การพัฒนาบรรจุภณั ฑ์และตราผลติ ภณั ฑข์ า้ วอนิ ทรยี ์ “คงคุณ” ดษุ ฎี เทยี มเทศ บุญมาสูงทรง, พรทพิ ย์ รอดพน้ , สริ ภิ คั ฤทธิ์น�้ำคํา, เพลงพณิ เพยี รภมู ิพงศ์, อนิวรรต หาสุข จิรายสุ วรรัตนโ์ ภคา, นำ้� ฝน สามสาล,ี ชมภนู ุช ฆอ้ งลา, สุมาลี มสุ ิกา RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
การออกแบบและพฒั นาบรรจุภณั ฑต์ ามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส้าหรับผลติ ภณั ฑ์กลว้ ยอบน้าผงึ้ (บา้ นโฮ่ง) อา้ เภอแม่ระมาด จังหวัดตาก The Packaging Design and Development Based on the Creative Economic Concept for Honey Coated Banana (Ban Hong) Product of Maeramat District, Tak Province พรรณธภิ า เพชรบญุ ม1ี * จกั รพันธ์ วงศฤ์ กษ์ด2ี Phanthipha Petchboonmee1* Chakkapan Wongrerkdee2 1ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ตาก 2อาจารย์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ตาก 1 Assistant Professor, Rajamangala University of Technology Lanna Tak 2 Lecturer, Rajamangala University of Technology Lanna Tak Email: [email protected], เบอรโ์ ทรศพั ท์ 081-5342492 บทคัดย่อ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์กล้วยอบน้าผึ้ง (บ้านโฮ่ง) ต้าบลแม่ระมาด อ้าเภอแม่ระมาด จงั หวดั ตาก ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2) เพ่ือประเมินความพึงพอใจของผเู้ ชีย่ วชาญทีม่ ีต่อการ ออกแบบและพฒั นาบรรจภุ ณั ฑ์แบบใหม่ท่ีได้พัฒนาขึ้น และ 3) เพ่ือประเมนิ ความพงึ พอใจของผบู้ รโิ ภคท่ีมีต่อบรรจภุ ัณฑ์ ท่ีได้พัฒนาข้ึน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยอบน้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) 2) กลุ่ม ผู้เชี่ยวชาญท่ีประเมินความเหมาะสมด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ 3) กลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ในการประเมินความ พงึ พอใจทม่ี ีตอ่ บรรจภุ ณั ฑ์ทพ่ี ัฒนาขนึ้ การวิจัยคร้ังนมี้ ีขนั้ ตอนการดา้ เนนิ งาน ดงั นี้ 1) ศึกษาข้อมูลเบอื้ งตน้ ดา้ นรูปแบบ บรรจุภณั ฑข์ องวิสาหกิจชุมชน 2) ออกแบบโลโกแ้ ละออกแบบบรรจุภัณฑส์ ้าหรับกล้วยอบน้าผงึ้ 3) พัฒนาบรรจภุ ัณฑต์ าม แนวทางเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ 4) สร้างแบบสอบถามสา้ หรับประเมนิ รูปแบบบรรจภุ ณั ฑท์ ่พี ฒั นาขน้ึ และ 5) ประเมนิ ความ พึงพอใจของผู้เชย่ี วชาญด้านการออกแบบและผ้บู ริโภคท่ีมีต่อบรรจุภณั ฑท์ ่ีไดพ้ ัฒนาขึ้น ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้วิจัยได้ รูปแบบบรรจุภัณฑแ์ บบใหม่โดยท้าการออกแบบฉลากติดประกอบบรรจภุ ัณฑ์ และกล่องบรรจุภณั ฑ์ จ้านวน 3 รูปแบบ 2) ผู้เช่ียวชาญดา้ นการออกแบบบรรจภุ ัณฑม์ คี วามพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจภุ ณั ฑ์กล้วยอบน้าผึ้ง (บ้านโฮง่ ) ในภาพรวมอยู่ ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.37) และ 2) ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์กล้วยอบน้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (คา่ เฉลี่ย = 4.40) ค้าส้าคัญ เศรษฐกจิ สรา้ งสรรค,์ กล้วยอบน้าผ้ึง Abstract The aim of this research is 1) to design and develop the package of honey roasted banana (Ban Hong) Tambon Mae Ramat, Mae Ramat District, Tak Province, following the Creative Economy Concept 2) to assess the satisfaction of experts in packaging design to develop the package and 3) to assess the satisfaction of customers in packaging design to develop the package. A sample was selected from 1) The Community Enterprise Group Member of Honey Coated Banana (Ban Hong) 2) The experts in packaging design to develop the package and 3) The customers in packaging design to develop the package. This research procedure are as follows: 1) Study the basic information regarding the packaging of the community 2) Design logo and packaging for honey roasted banana 3) Develop the packaging according to the Creative Economy Concept 4) Create a questionnaire for evaluating the developed วารสารวิชาการรบั ใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 1 ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2563
package, and 5) evaluate the satisfaction of experts and consumers’ forwards to the developed package. The results of the research showed that 1) The experts were satisfied with the packaging design of the honey roasted banana (Ban Hong), in overall, as on high level (x̅ = 4.37) and 2) The consumers were satisfied with packaging design of the honey roasted banana (Ban Hong), in overall, as on the high level (x̅ = 4.40). Keywords Creative Economy Concept, Honey Coated Banana บทน้า ในการออกแบบแล ะพัฒ นาผลิ ต ภั ณ ฑ์ บรรจุภัณฑ์ถือว่าเป็นส่งิ ส้าคัญต่อการเลือกซอ้ื (Product) ที่ดีมีคุณภาพ ผู้ออกแบบควรค้านึงถึง องค์ประกอบที่มีความส้าคัญ และต้องใช้ความคิด สินค้าของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ซ่ึงการพัฒนาบรรจุ สร้างสรรค์ ซึ่งสามารถนา้ เอาวิธกี ารต่าง ๆ มาผสมผสาน ภัณฑ์ (packaging) เป็นกระบวนการท่ีช่วยท้าให้ธุรกิจ เพ่อื สร้างเปน็ ผลติ ภัณฑใ์ หม้ ีความเหมาะสม โดยคา้ นึงถงึ การค้าขายต่าง ๆ ประสบความส้าเร็จ การพัฒนา งานทั้งหมดให้อยู่ในหน่วยเดียวกันหรือเป็นเป็นกลุ่ม ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑเ์ ป็นส่ิงจ้าเป็นอยา่ งย่ิงต่อการ เดียวกัน เพราะจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์เกิดความเป็น จัดจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน เนื่องจากสภาพด้าน เอกลักษณ์ อีกท้ังต้องค้านึงถงึ ความสมดลุ ท่เี กิดขน้ึ อาจ ก า ร ต ล า ด มี ก า ร แ ข่ ง ขั น สู ง แ ล ะ ค ว า ม ก้ า ว ห น้ า ข อ ง มาจากองค์ประกอบต่าง ๆ กนั เชน่ รูปทรง ขนาด ความ เทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็วท้าให้มีผลิตภัณฑ์ใหมใ่ น หนาแน่น สี และค้านึงถึงความสัมพันธ์ทางศิลปะ ตลาดจา้ นวนมาก ส่งผลให้วงจรชีวิตของผลิตภณั ฑส์ นั้ ลง (Relativity of Art) ไดแ้ ก่ การเน้นสว่ นสา้ คญั หรอื จดุ ทมี่ ี ผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ีจะอยู่รอดได้ในตลาดจงึ จา้ เปน็ ต้องมีการ ความน่าสนใจ (Emphasis or Center of Interest) พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ส้าหรับงานทางดา้ นศิลปะ ผอู้ อกแบบจะต้องเนน้ ให้เกิด และมีความแตกตา่ ง นอกจากน้ยี ังต้องมคี วามสอดคล้อง ส่ิงที่ประทับใจแก่ผู้ซ้ือโดยไม่ตอ้ งบอกกล่าว (ฐิตาวรรณ ตรงกบั ลักษณะความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค สปุ ระพาส, ศภุ านัน สณู้ รงค์ และณัฐกร สงคราม, 2561) นอกจากน้ีในการออกแบบผลิตภัณฑ์อาจใช้แนวคิด ส้ า ห รั บ ก า ร พั ฒ น า บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ นั้ น เศรษฐกิจสร้างสรรค์มาเป็นแนวทางในการออกแบบได้ นอกเหนือจาก 4Ps ซึ่งได้แก่ ราคา (Price) ผลิตภัณฑ์ โดยค้าว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หมายถึง แนวคิดการ (Product) สถานที่จ้าหน่าย (Place) และการส่งเสริม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การขาย (Promotion) แล้ว P อีกตัวหนึ่งท่ีนับว่าเป็น ( Knowledge) ก า ร ศึ ก ษ า ก า ร ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ง า น กลยทุ ธท์ างการตลาดทีส่ ้าคญั ไมน่ อ้ ยกวา่ P ตัวอนื่ ๆ คอื (Creativity) และรวมถึงการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา บรรจุภัณฑ์ (Packaging) นับว่าเป็นส่วนประกอบที่ (Intellectual property) ท่ีเช่ือมโยงกับรากฐานทาง ส้ า คั ญ ข อ ง สิ น ค้ า ใ น ก า ร ใ ห้ ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ แ ห ล่ ง ท่ี มี วัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม และเทคโนโลยี วฒั นธรรม พรอ้ มทัง้ เสริมสร้างความสมั พนั ธท์ ่ดี ีแก่ลกู ค้า นวัตกรรมสมัยใหม่ เพ่ือผลิตสินค้าและบริการท่ีสร้าง ดว้ ย การสร้างความแตกต่างของสนิ ค้าด้วยบรรจุภัณฑ์ท่ี มูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม ซึ่งตอบสนอง หลากหลายเป็นกลยทุ ธท์ างการตลาดอย่างหน่งึ ทีจ่ ะช่วย ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลกได้ (จุรีวรรณ สรา้ งมลู ค่าเพิม่ และเพ่ิมแรงจูงใจใหผ้ ู้บริโภคซือ้ สินคา้ ได้ จันพลา, วลี สงสุวงศ์, เพ็ญสินี กิจค้า และ สุรีรัตน์ (กฤษณา สิกขมาน, 2551) นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ยังมี วงศส์ มิง, 2559) บทบาทส้าคัญเสมือนโฆษณา ณ จุดขาย ท่ีสามารถ ส่ือสาร สรา้ ง อารมณแ์ ละรับรู้ต่อผูบ้ รโิ ภค เนื่องจากเป็น จดุ สา้ คัญในการปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างสือ่ และผู้บรโิ ภค และ เรง่ ใหเ้ กดิ การตดั สนิ ใจในการเลอื กตราสนิ คา้ ทจี่ ะซื้อได้ 2 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
อา้ เภอแม่ระมาด เป็นหนง่ึ ในอ้าเภอของจังหวดั แพร่หลายต่อไป วัตถุประสงค์ในการวิจัยในครั้งน้ี ตากที่ต้ังอยู่ฝั่งตะวันตก จะมีลักษณะภูมิประเทศเป็น 1. เพ่ือออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตามแนวทาง แอง่ กระทะ มีความอดุ มสมบูรณ์เปน็ อย่างมาก ชาวบา้ น เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส้าหรับผลิตภัณฑ์กล้วยอบน้าผ้ึง ในแถบน้ีจึงนิยมเพาะปลูกกล้วยน้าว้าพันธ์ุมะลิอ่อง ซ่ึง (บา้ นโฮ่ง) อา้ เภอแมร่ ะมาด จงั หวดั ตาก 2. เพอื่ ประเมนิ ผลติ ผลของกลว้ ยจะมีขนาดใหญ่ และมีรสชาติอร่อย ใน ความพึงพอใจของผู้เช่ียวชาญที่มีต่อการออกแบบและ สมัยก่อนผลผลิตจากกล้วยน้าว้าจะขายได้ราคาดี ไม่ พัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่ได้พัฒนาข้ึน 3. เพื่อ เพียงพอต่อความต้องการของตลาดและผู้บริโภค จึงทา้ ประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคท่ีมีต่อบรรจุภัณฑ์ ให้ชาวบ้านหนั มาปลกู กลว้ ยน้าว้ากนั อย่างแพร่หลาย แต่ แบบใหม่ที่ได้พัฒนาข้ึน ขอบเขตการด้าเนินงานได้แก่ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันน้ีได้ชะลอตัวลง 1. ขอบเขตดา้ นพ้ืนทที่ ใ่ี ช้ในการวจิ ัย คือ วสิ าหกจิ ชมุ ชน ส่งผลต่อผลิตผลกล้วยน้าว้า ในอ้าเภอแม่ระมาด ท่ีมี กล้วยอบน้าผึ้ง (บ้านโฮ่ง) ต้าบล แม่ระมาด อ้าเภอแม่ จ้านวนปริมาณมาก ท้าให้เกษตรกรประสบกับภาวะ ระมาด จังหวดั ตาก ขาดทุน เนือ่ งจากผลิตผลกลว้ ยนา้ วา้ ขายไมไ่ ด้ มผี ลผลิต 2. กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 มากเกินความต้องการของตลาด ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงมี กล่มุ ไดแ้ ก่ แนวคดิ ในการจดั ตั้งกลุ่มเพ่อื แปรรปู ผลิตภณั ฑ์จากกลว้ ย น้าว้า โดยท้าการจัดต้ังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยอบ 2.1 สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยอบ น้าผึ้ง (บ้านโฮ่ง) ต้าบลแม่ระมาด อ้าเภอแม่ระมาด น้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) จ้านวน 5 คน ท่ีมีส่วนร่วมในการให้ จังหวัดตาก โดยการรวมกลุ่มนี้ได้ท้าการผลิตกล้วยอบ ข้อมูลเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ โดยร่วมออกแบบโลโก้และ น้าผ้ึงแบบม้วน เพ่ือจ้าหน่ายในชมุ ชนระดบั อ้าเภอ และ บรรจุภัณฑ์ทจี่ ะพฒั นาขน้ึ จา้ หน่ายตามเทศกาลต่าง ๆ ทีจ่ งั หวัดได้จัดกิจกรรม 2.2 กลุ่มผู้เช่ียวชาญท่ีประเมินความเหมาะสม กล้วยอบน้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) ต้าบลแม่ระมาด ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ จ้านวน 5 คน โดยมี อ้าเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ได้รับความนิยมในการ คุณสมบัติคอื มีประสบการณ์ในการออกแบบและบรรจุ รับประทานจากผู้บริโภคมานาน มีรูปแบบที่แตกต่าง ภัณฑ์มาไม่น้อยกว่า 3 ปี การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญใช้ จากแบบเดิมที่ผลิตเป็นลูก ก็คิดค้นรูปแบบใหม่ข้ึนมา วิธกี ารสมุ่ ตวั อย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยน้ากล้วยอบมาท้าให้เป็นแผ่น เพ่ือให้มีรูปแบบ แตกต่างจากแบบเดมิ ส้าหรับบรรจุภัณฑ์ของกล้วยอบ 2.3 กลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคที่ใช้ในการประเมิน น้าผึ้งแบบม้วนของวิสาหกิจชุมชนบ้านโฮ่งในปัจจบุ นั น้ี ความพึงพอใจที่มีตอ่ บรรจุภัณฑ์ทพ่ี ัฒนาขึ้นใหม่ส้าหรบั ยังมีลักษณะท่ีไม่ดึงดูดความสนใจแก่ผูบ้ ริโภค กล่าวคอื ผลิตภัณฑ์กล้วยอบน้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) จ้านวน 15 คน บรรจุภัณฑ์ของกล้วยอบน้าผึ้งแบบแผ่นบรรจุในกล่อง ท้าการสุ่มตวั อย่างจากผู้บริโภคทซี่ ้ือผลิตภัณฑก์ ล้วยอบ พลาสติก ยังไม่มีสติกเกอร์ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง นา้ ผง้ึ (บ้านโฮ่ง) จากวิสาหกิจชุมชนดังกล่าว ท้าให้ผลิตภัณฑ์ไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ท้าให้ผู้บริโภคไม่ วิธกี ารดา้ เนินงาน สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ตามท่ีตนเองชอบได้ การจัด จ้าหนา่ ยผลติ ภัณฑ์ก็จัดจา้ หนา่ ยเฉพาะท่ี ยังไมเ่ ปน็ ท่รี ้จู ัก การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ตาม อย่างแพร่หลาย จากเหตุผลดังกล่าวข้างตน้ คณะผู้วจิ ยั แนวทางเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ สา้ หรบั ผลิตภณั ฑ์กลว้ ยอบ จึงมีแนวคิดท่ีจะทา้ การออกแบบและพฒั นาบรรจุภัณฑ์ น้าผ้งึ (บา้ นโฮง่ ) อา้ เภอแม่ระมาด จังหวดั ตาก มขี ้นั ตอน ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส้าหรับผลิตภัณฑ์ ในการดา้ เนินการวิจัย 6 ขั้นตอน ดังนี้ กล้วยอบน้าผงึ้ (บ้านโฮ่ง) อ้าเภอแม่ระมาด จังหวดั ตาก พร้อมท้ังส่งเสริมการสร้างอาชีพในท้องถิ่น และ ขั้นท่ี 1 การศึกษาข้อมูลเบ้ืองตน้ ของวิสาหกิจ ประชาสัมพันธ์วิสาหกิจชุมชนให้เป็นที่รู้จักกันอย่าง ชุมชนกลว้ ยอบนา้ ผ้งึ (บ้านโฮง่ ) ตา้ บลแมร่ ะมาด อ้าเภอ แมร่ ะมาด จงั หวัดตาก โดยสอบถามขอ้ มลู จาก ประธาน กลุ่ม และสมาชิกในกลุ่ม จ้านวน 3 คน ได้ด้าเนินการ สัมภาษณ์ และพูดคยุ แลกเปลยี่ นในประเดน็ ด้านวัตถุดิบ ดา้ นการผลิต ด้านการแปรรูปผลติ ภัณฑ์ ด้านตน้ ทุนของ วารสารวชิ าการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 3 ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2563
บรรจุภัณฑ์ รวมถึงดา้ นรูปแบบบรรจภุ ณั ฑแ์ บบต่าง ๆ ท่ี คา่ เฉลยี่ ระหวา่ ง ความหมาย ใช้ในปัจจุบัน นอกจากน้ี ผู้วิจัยได้ท้าการศึกษาคน้ ควา้ 4.51 - 5.0 ระดบั มากที่สุด ข้อมูล จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในด้านการ 3.51 - 4.50 พัฒนาและออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ จากนนั้ นา้ ข้อมลู ทีไ่ ด้มา 2.51 - 3.50 ระดับมาก ท้าการวเิ คราะห์เพ่ือเป็นแนวทางในการวิจัยครั้งนี้ 1.51 - 2.50 ระดบั พอใช้ 1.00 - 1.50 ระดับต้องปรบั ปรงุ ขั้นท่ี 2 การออกแบบฉลากติดประกอบ ระดับน้อย บรรจุภณั ฑ์ ในข้นั ตอนนผ้ี ู้วิจยั ไดร้ ่วมพัฒนาและออกแบบ ร่วมกับประธานวิสาหกิจชุมชนกล้วยอบน้าผึง้ (บ้านโฮ่ง) ภาพท่ี 1 การศึกษาขอ้ มลู เบื้องต้นร่วมกบั วสิ าหกิจชมุ ชน โดยออกแบบเปน็ ตวั ร่างของฉลากตดิ ประกอบบรรจุภัณฑ์ ซ่ึงการออกแบบจะใช้แนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภาพท่ี 2 การศึกษาข้อมูลเบอื้ งต้นรว่ มกบั วสิ าหกิจชมุ ชน กล่าวคอื การออกแบบฉลากตดิ ประกอบบรรจุภัณฑ์แบบ ใหม่ จะเน้นการออกแบบให้มีลักษณะที่โดดเด่น มีสีสัน ภาพท่ี 3 ต้นแบบฉลากตดิ ประกอบบรรจภุ ณั ฑ์ สวยงามสะดุดตา โดยประธานวิสาหกิจชุมชนได้เสนอ แนวคิดวา่ ควรจะจดั ท้าเป็นสต๊ิกเกอร์ติดบรรจุภณั ฑ์ และ จัดท้าตรายางส้าหรับป๊ัมบรรจุภัณฑ์ เพ่ือลดต้นทุนและ ช่วยประหยดั เวลา ขั้นที่ 3 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตามแนวทาง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ส้าหรับผลิตภัณฑ์กล้วยอบน้าผึ้ง (บา้ นโฮ่ง) ตา้ บลแมร่ ะมาด อ้าเภอแม่ระมาด จังหวดั ตาก ในข้ันตอนน้ีผู้วิจัยและสมาชกิ กลุ่มวสิ าหกิจชมุ ชนได้ร่วม พดู คยุ แลกเปลย่ี นขอ้ มูลในดา้ นบรรจภุ ัณฑ์ รวมถึงวัสดุที่ ใช้ในการพัฒนาบรรจุภณั ฑ์ในคร้ังน้ี ซึ่งสมาชิกในกล่มุ มี ความคดิ เหน็ ในภาพรวมว่า การพฒั นาบรรจุภณั ฑ์ครั้งนี้ ควรเน้นบรรจุภัณฑ์ท่ีสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และ บรรจุภัณฑ์ท่ีพัฒนาข้ึนควรมีต้นทุนต่อหน่วยไม่สูงมาก เกนิ ไป ข้ันที่ 4 หลังจากท้าการออกแบบและพัฒนา ฉลากติดประกอบบรรจุภณั ฑ์ และบรรจุภณั ฑ์เรยี บรอ้ ย แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือสร้างแบบสอบถามส้าหรับ ประเมินรูปแบบบรรจภุ ัณฑท์ ่ีพัฒนาข้ึน และท้าการเกบ็ ข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ จ้านวน 5 คน และแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจ ของผู้บริโภคทม่ี ีต่อบรรจภุ ัณฑ์กลว้ ยอบน้าผึง้ (บ้านโฮง่ ) จ้านวน 15 คน โดยท้าการประเมินความเหมาะสมของ รูปแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการปกป้อง ด้าน การใช้งาน ด้านความสวยงาม และด้านรูปแบบ แบบ ประเมินเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ( Rating Scale) โดยก้าหนดเกณฑ์การแปลความหมายข้อมูลท่ี เปน็ ค่าเฉลี่ยต่าง ๆ ดงั น้ี 4 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ภาพท่ี 4 ตรายางสา้ หรบั ปม๊ั บรรจุภณั ฑ์ อบน้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) เป็นชื่อของผลิตภัณฑ์ โดยใช้ ตัวอักษรสีด้าบนพ้ืนสีส้ม วางอยู่เหนือรูปกล้วยน้าว้าสี ขั้นท่ี 5 หลัง จากท้าการเก็บข้อมูลจาก เหลือง ในตัวฉลากจะมีค้าอธิบายว่าเป็นผลิตภัณฑท์ ท่ี า้ ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริโภคท่ีท้าแบบสอบถามส้าหรับการ มาจากกลว้ ยอินทรีย์ Organic และมคี ้าขวัญเพม่ิ เตมิ คือ ออกแบบและพฒั นารปู แบบบรรจภุ ณั ฑ์ท่ีพัฒนาข้ึนแล้ว คา้ ว่า กลว้ ยอบมีสาระ จากแม่ระมาด ตาก สา้ หรับบรรจุ ผู้วิจัยได้น้าผลการประเมินมาสรุปผลการวิจัยและ ภัณฑ์ท่ีพัฒนาข้ึนจะมีลักษณะเป็นกล่องกระดาษแข็ง อภปิ รายผลการวิจัยในลา้ ดับต่อไป สีเขียว มีสลากติดประกอบบรรจุภัณฑ์อยู่ต้าแหน่งบน ผลการด้าเนนิ งาน ด้านซ้ายของกลอ่ ง พร้อมกับมีชื่อผลิตภัณฑ์ “กล้วยอบ น้าผึ้ง (บ้านโฮ่ง)” อยู่ต้าแหน่งบนด้านขวาของกล่อง การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ตาม พร้อมกบั มีข้อความแสดงสตอร่ีของผลิตภัณฑ์ปรากฎอยู่ แนวทางเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ ส้าหรับผลิตภัณฑก์ ลว้ ยอบ บนกล่องด้วย ส่วนด้านหลังกล่องจะเป็นสีพื้นสีเขียว น้าผึ้ง (บ้านโฮ่ง) อ้าเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก สเี ดยี วกับกล่อง ผลการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ 1) ผลการ ออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตามแนวทางเศรษฐกจิ ส้าหรับบรรจุภัณฑ์ท่ีใช้ในการวิจัยอีกประเภท สร้างสรรค์ ส้าหรับผลิตภัณฑ์กล้วยอบน้าผึง้ (บ้านโฮ่ง) หน่ึงได้แก่ ถุงกระดาษส้าหรับใส่ผลิตภัณฑ์กล้วยอบ อ้าเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก 2) ผลการประเมินความ น้าผึ้งให้แก่ผู้บรโิ ภคท่ีซื้อเป็นจ้านวนมาก โดยสมาชกิ ใน พึงพอใจของผูเ้ ชี่ยวชาญที่มีตอ่ การออกแบบและพัฒนา ก ลุ่ ม วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น มี ค ว า ม เ ห็ น ต ร ง กั น ว่ า ค ว ร ใ ช้ บรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่ได้พัฒนาขึ้น และ 3) ผลการ ถุงกระดาษที่มีตราสินค้าพิมพ์ลงไป นอกจากน้ีถุง ประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคท่ีมีต่อบรรจุภัณฑ์ กระดาษควรมีหูหิว้ เป็นแบบเชอื ก เพราะมรี าคาตน้ ทุนที่ แบบใหม่ที่ไดพ้ ัฒนาขน้ึ รายละเอียดมีดงั น้ี ไม่สงู เกินไป 1. ผลการวิจัยด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ภาพท่ี 5 บรรจุภัณฑแ์ บบใหมท่ ่ีพฒั นา ผู้วิจัยได้ท้าการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยใช้แนวทาง ภาพท่ี 6 ถุงหวิ้ กระดาษแบบท่ี 1 เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ท้าการออกแบบให้มีความ เหมาะสมกับความต้องการของผู้ประกอบการ และ ผู้บริโภค ซงึ่ ผปู้ ระกอบการจะเน้นด้านการน้าบรรจภุ ัณฑ์ ไปใช้ประโยชน์ไดห้ ลายอย่าง นอกจากน้ยี ังเนน้ ด้านการ ประหยัด และลดต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ โดยท้าการ ออกแบบฉลากติดประกอบบรรจุภัณฑ์และบรรจภุ ณั ฑ์ จะออกแบบให้มลี ักษณะทโ่ี ดดเดน่ มสี ีสนั สวยงามสะดุด ตา ซึ่งฉลากติดประกอบบรรจุภัณฑ์ จะใช้ค้าว่ากล้วย วารสารวิชาการรบั ใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 5 ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
ภาพท่ี 7 ถงุ หว้ิ กระดาษแบบที่ 2 ของมนุษย์มาออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพ่ิม ใหก้ ับสินค้า สามารถจา้ แนกออกเปน็ ด้านต่าง ๆ ไดด้ งั นี้ ภาพท่ี 8 ถงุ หวิ้ กระดาษแบบที่ 3 1) ความพึงพอใจด้านการปกป้องของบรรจุภัณฑ์ โดยรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉล่ีย = 4.10) โดย ภาพที่ 9 ถุงหิ้วกระดาษแบบที่ 4 ผู้เช่ียวชาญมีความพึงพอใจต่อบรรจุภัณฑ์มีความพอดี 2. ผลการประเมินความพึง พอใจ ข อ ง กบั ผลติ ภณั ฑภ์ ายใน (ค่าเฉลย่ี = 4.30) และ บรรจภุ ณั ฑ์ ผู้เช่ียวชาญที่มีต่อการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ มกี ารปอ้ งกนั การสมั ผัสกบั ความชนื้ หรืออากาศ (ค่าเฉลยี่ แบบใหม่ท่ีได้พัฒนาขึ้น โดยผู้เช่ียวชาญด้านการ = 4.00) 2) ความพงึ พอใจด้านการใชง้ านของบรรจภุ ณั ฑ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ จ้านวน 5 ท่าน (ผลการประเมิน โดยรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.35) โดย แสดงตารางที่ 1) พบว่าระดับความพึงพอใจของ ผู้เช่ียวชาญมีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ ผู้เช่ียวชาญในการประเมินความเหมาะสมด้านการ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ พิ จ า ร ณ า สิ น ค้ า ภ า ย ใ น บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ค่าเฉล่ีย = 4.50) และบรรจุภัณฑ์สามารถเปิดบริโภค ซง่ึ เป็นแนวคิดที่นา้ ความคิดสร้างสรรค์ทม่ี อี ยใู่ นความคดิ และเก็บสินค้าได้สะดวก (ค่าเฉล่ีย = 4.20) 3) ความ พึงพอใจด้านความสวยงามของบรรจุภัณฑ์โดยรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉล่ีย = 4.35) โดยผู้เชี่ยวชาญมี ความพึงพอใจบรรจุภัณฑ์ท่ีมีความ สวยงามและ เหมาะสมในการบรรจุ (ค่าเฉล่ีย = 4.50) และการ ออกแบบของบรรจุภัณฑ์มีสีสันและลวดลายมีความ สวยงาม (ค่าเฉล่ยี = 4.20) และ 4) ความพึงพอใจดา้ น รูปแบบของบรรจุภัณฑ์โดยรวม อยู่ในระดับมากท่ีสุด (ค่าเฉล่ีย = 4.70) โดยผู้เชี่ยวชาญมีความพึงพอใจ ต่ อ รู ป แ บ บ บ ร ร จุภั ณฑ์ มี คว า มเ รี ยบ ง่าย มีการ จัดองค์ประกอบกลมกลืน (ค่าเฉลีย่ = 4.80) และบรรจุ ภัณฑ์สามารถน้าไปใช้ประโยชน์ได้ (ค่าเฉล่ีย = 4.60) และผู้เช่ียวชาญมีความพึงพอใจโดยรวมทุกด้านท่ีมีต่อ บรรจุภัณฑ์กล้วยอบน้าผึ้ง (บ้านโฮ่ง) ต้าบลแม่ระมาด อ้าเภอแม่ระมาด จังหวัดอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉล่ีย = 4.35) 3. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้บริโภคที่ มีต่อบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ท่ีได้พัฒนาข้ึน โดยท้าการ ส้ารวจจากผู้บริโภค จ้านวน 15 คน (ผลการประเมิน แสดงตารางที่ 2) ผลการวิจัย สามารถจ้าแนกออกเป็น ด้านต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1) ความพึงพอใจด้านการปกป้อง ของบรรจุภัณฑ์โดยรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.50) โดยผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อบรรจุภัณฑ์ที่มี ความพอดีกับผลิตภัณฑ์ภายใน อยู่ในระดับมากท่ีสุด (ค่าเฉลี่ย = 4.60) และบรรจุภัณฑ์มีการป้องกันการ สัมผัสกับความชื้นหรอื อากาศ อยใู่ นระดับมาก (ค่าเฉลยี่ = 4.40) 2) ความพงึ พอใจดา้ นการใชง้ านของบรรจภุ ณั ฑ์ โดยรวม อยใู่ นระดับมาก (ค่าเฉลยี่ = 4.40) โดยผบู้ ริโภค มีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถตรวจ 6 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
พิจารณาสินค้าภายในบรรจุภัณฑ์ได้ อยู่ในระดับมาก พลาสติกแบบธรรมดา ที่ไม่มีฉลากตราสินค้า เนื่องจาก (ค่าเฉลี่ย = 4.40) และบรรจุภัณฑ์สามารถเปิดบริโภค บรรจุภัณฑแ์ บบใหมท่ ่พี ฒั นาขึ้นมามีความสวยงามและมี และเก็บสินค้าได้สะดวก อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉล่ีย = ความคงทน นอกจากนี้ยังมีฉลากและตราสินคา้ ทแ่ี สดง 4.30) 3) ความพึงพอใจด้านความสวยงามของบรรจุ ถึงความเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ท่ีน้าค้าว่ากล้วย ภัณฑ์โดยรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลยี่ = 4.50) โดย อินทรีย์มาใส่ ซ่ึงเป็นจุดเด่นของชมุ ชนท่ีปลูกกลว้ ยแบบ ผู้บริโภคมีความพึงพอใจบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงาม อินทรีย์ไม่มีสารเคมี ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่า บรรจุ และมคี วามเหมาะสม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลยี่ = 4.40) ภัณฑ์เป็นส่ิงจ้าเป็นที่ตอ้ งได้รับการพัฒนา เพราะบรรจุ และการออกแบบของบรรจุภัณฑ์มีสีสันและลวดลายมี ภัณฑ์นอกจากมีหน้าท่ีหลักในการปกป้องและขนส่ง ความสวยงาม อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉล่ีย = 4.60) สินค้า ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว บรรจุภัณฑ์ยังมี และ 4) ความพึงพอใจด้านรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ บทบาทหน้าทดี่ ้านการส่ือสารการตลาดในการแนะน้าให้ โดยรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.10) โดย ข้อมลู รวมถงึ กระตนุ้ จงู ใจ ลกู คา้ ใหต้ ดั สินใจซือ้ โดยบรรจุ ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์มีความ ภั ณ ฑ์ ถื อ ว่ า เ ป็ น ห น่ึ ง ปั จ จั ย ท่ี มี ค ว า ม ส้ า คั ญ ต่ อ ก า ร เรียบง่ายมีการจัดองค์ประกอบกลมกลืน อยู่ในระดับ ตัดสินใจซ้ือ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของปรารถนา มาก (คา่ เฉล่ยี = 4.20) และบรรจุภณั ฑส์ ามารถนา้ ไปใช้ ศิริสาสน์ และคณะ (2559) ที่ท้าการวิจัยการออกแบบ ประโยชน์ได้ อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉล่ีย = 4.00) และ บรรจุภัณฑ์สมุนไพรพร้อมชงกลุ่มแม่บ้านแหลมคูณ ผู้บริโภคมีความพึงพอใจโดยรวมทุกด้านท่ีมีต่อบรรจุ ก้าวหน้า โดยใช้แนวคิดเพ่ือสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันด้วย ภัณฑ์กล้วยอบน้าผึง้ (บ้านโฮ่ง) ต้าบลแม่ระมาด อ้าเภอ เทคโนโลยีท่ีก้าวไกล อีกทั้งความเร่งรีบในสังคม ท้าให้ แมร่ ะมาด จงั หวดั อยู่ในระดบั มาก (ค่าเฉลีย่ = 4.40) เกิดการน้าวัสดทุ ีส่ ามารถอา้ นวยความสะดวกได้มากกวา่ การน้าไปใช้ประโยชน์ การใช้วัสดุจากธรรมชาติ ซ่ึงมีการผลิตได้จ้านวนมาก และ มคี วามคงทนตอ่ การใช้งานมากกวา่ จงึ มีสว่ นทา้ ให้ จากผลการวิจัย ผู้วิจัยได้ประสานงานไปยัง คนในชุมชนมองข้ามส่ิงใกล้ตัว ท่ีสามารถน้ามาใช้ได้ ส้านักงานพัฒนาชุมชน เพ่ือได้ด้าเนินการในการจัดหา สารพัดประโยชน์ อีกท้ังยังเป็นการก่อให้เกดิ ปัจจัยเส่ยี ง ตลาดให้กบั กล่มุ วสิ าหกจิ ชุมชนกล้วยอบน้าผง้ึ (บ้านโฮง่ ) มลภาวะทางอากาศ หรือสภาพแวดล้อมต่อสังคมเพ่ิม ให้สามารถขายในงานแสดงสินค้าหน่ึงต้าบลหนึ่ง มากข้ึน ดังน้ันการใช้บรรจุภณั ฑ์เพ่ือสิ่งแวดล้อม หรือท่ี ผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมยอดการจ้าหน่ายท้าให้ สามารถย่อยสลายได้โดยง่าย จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งท่ี วิสาหกิจชุมชนมีรายได้เพ่ิมมากข้ึน นอกจากน้ีคณะ สามารถช่วยลดมลพิษทางสังคม และเป็นการมอง คณะผู้วิจัย ได้เขียนโครงการเพื่อของบประมาณ ย้อนกลับไปมองประโยชน์จากธรรมชาติรอบตัวน้ามา สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยดี ้านการแปรรูป และ พัฒนา และประยุกต์เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของ การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการส่งเสริมการตลาด ผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยการใช้วัสดุธรรมชาติ เพื่อให้ ออนไลน์ จากโครงการวิจยั และนวัตกรรมเพ่ือถา่ ยทอด สามารถกระจายกลมุ่ เป้าหมาย และส่งเสรมิ การใช้วสั ดุ เทคโนโลยีสู่ชุมชนฐานราก มหาวิทยาลัยนเรศวร เพ่ือ ท้องถิ่นให้เกิดความน่าสนใจมากข้นึ และผลการวจิ ัยยัง เสริมสร้างศักยภาพของวิสาหกิจชุมชนกล้วยอบน้าผึ้ง พบว่า ผู้บริโภคให้การตอบรับกับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ (บา้ นโฮง่ ) ใหเ้ ขม้ แข็งและย่งั ยนื ตอ่ ไปในอนาคตได้ แบบใหม่ท่ีมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีลวดลายและ อภปิ รายผล สีสันสวยงามยัง สามารถดึงดูดความสนใจซ้ือของ ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับเกษแก้ว ประดิษฐ์ การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ตาม (2561) ทีร่ ะบุวา่ บรรจุภัณฑ์ที่ได้รบั การออกแบบกราฟิก แนวทางเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ สา้ หรบั ผลติ ภัณฑ์กลว้ ยอบ เหมาะสมมีผลต่อสถิติการเลือกซ้ือของผู้บริโภค หาก น้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) อ้าเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก จาก บรรจุภัณฑ์ไม่มีความน่าสนใจ ดึงดูด ผู้บริโภคให้ ผลการวิจัย สามารถอภิปรายผลได้ว่าสมาชิกวิสาหกิจ ตัดสินใจซื้อ ส่งผลท้าให้ยอดขายผลิตภณั ฑ์ไม่ค้มุ ในการ ชุมชนและผู้บริโภคมีความพึงพอใจกับบรรจุภัณฑ์ท่ีได้ ลงทุน ซ่ึงการออกแบบ บรรจุภัณฑ์ที่ศึกษาแบ่งเป็น พัฒนาขึ้นมาใหม่มากกว่าแบบเดิมท่ีท้ามาจากกล่อง 2 ประเภท คือ ลักษณะโครงสร้างบรรจภุ ัณฑ์ และด้าน วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 7 ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
กราฟิกของบรรจุภัณฑ์ โดยค้านึง ถึงด้านรูปแบบบรรจุ ส า ม า ร ถ มี ย อ ด ข า ย สิ น ค้ า เ พิ่ ม ขึ้ น ห ลั ง จ า ก พั ฒ น า ภัณฑ์ ด้านการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ และด้าน บรรจุภัณฑ์ได้ ซ่ึงหลังจากการปิดโครงการวิจัยในครง้ั นี้ การออกแบบกราฟิก จากการศกึ ษาลกั ษณะบรรจุภัณฑ์ คณะผู้วิจัยได้ท้าการติดตามผลการใช้บรรจุภัณฑ์แบบ ตราสนิ ค้าและการแสดงขอ้ มลู รายละเอียดเก่ียวกับบรรจุ ใหม่โดยการสอบถามความพึงพอใจของผู้บริโภคท่มี ีต่อ ภัณฑ์ สามารถน้าข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนาเป็นบรรจุ บรรจุภณั ฑแ์ บบใหมท่ ีไ่ ด้พฒั นาขึ้น ซ่ึงส่วนใหญผ่ ู้บริโภค ภัณฑ์ใหม่ได้ ส้าหรับการประเมินบรรจุภัณฑ์ท่ีพัฒนา ได้ใหค้ วามคิดเหน็ เก่ียวกับความพึงพอใจอยู่ในระดบั มาก ด้านเอกลักษณ์ ด้านความน่าสนใจ และ ด้านรูปแบบ นอกจากน้ีคณะผู้วิจัยและสมาชิกในกลมุ่ วิสาหกิจชุมชน ด้านรูปทรงบรรจุภัณฑ์ วิธกี ารเปรียบเทียบยอดขายของ กล้วยอบน้าผ้งึ (บ้านโฮ่ง) ยงั ได้รว่ มกันออกแบบเพ่ือเป็น บรรจุภัณฑ์เดิมและบรรจุภัณฑ์ใหม่ จะท้าให้เกิดทราบ แนวทางและเพ่ือเตรียมความพร้อมในการพัฒนา แนวโน้มการเจริญเติบโตของผลิตภณั ฑ์ ส่งผลให้ผู้ผลติ รปู แบบบรรจภุ ณั ฑท์ ่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต ตารางที่ 1 แสดงผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผเู้ ชีย่ วชาญท่ีมีตอ่ การออกแบบและพัฒนาบรรจภุ ัณฑแ์ บบใหม่ รายการ คา่ เฉล่ยี ระดบั 1. ด้านการปกป้อง 1.1 ป้องกนั การสัมผัสกบั ความช้นื หรอื อากาศ 4.00 มาก 1.2 บรรจุภัณฑม์ คี วามพอดกี บั ผลติ ภณั ฑ์ภายใน 4.30 มาก โดยรวมดา้ นการปกปอ้ ง 4.10 มาก 2. ดา้ นการใช้งาน 2.1 เปิดบรโิ ภคและเกบ็ สนิ คา้ ไดส้ ะดวก 4.20 มาก 2.2 สามารถตรวจพิจารณาสินคา้ ภายในบรรจุภณั ฑ์ 4.50 มาก โดยรวมด้านการใชง้ าน 4.35 มาก 3. ดา้ นความสวยงาม 3.1 บรรจุภณั ฑม์ คี วามสวยงามและมีความเหมาะสม 4.50 มาก 3.2 สีสันและลวดลายมีความสวยงาม 4.20 มาก โดยรวมดา้ นความสวยงาม 4.35 มาก 4. ด้านรปู แบบ 4.1 ประโยชนใ์ ช้สอย 4.60 มากทส่ี ดุ 4.2 รปู แบบบรรจภุ ัณฑ์มคี วามเรยี บงา่ ยมีการจัดองค์ประกอบกลมกลนื 4.80 มากท่ีสุด โดยรวมด้านรูปแบบ 4.70 มากทส่ี ดุ โดยรวมทกุ ดา้ น 4.35 มาก ตารางท่ี 2 ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผ้บู รโิ ภคท่ีมีตอ่ บรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ระดบั รายการ ค่าเฉลีย่ มาก 1. ด้านการปกปอ้ ง มากทีส่ ุด 1.1 ป้องกันการสมั ผสั กบั ความชน้ื หรอื อากาศ 4.40 มากที่สดุ 1.2 บรรจุภัณฑม์ คี วามพอดีกบั ผลติ ภณั ฑ์ภายใน 4.60 มาก โดยรวมดา้ นการปกปอ้ ง 4.50 มาก 2. การใช้งาน 2.1 เปิดบริโภคและเกบ็ สินคา้ ได้สะดวก 4.30 2.2 สามารถตรวจพจิ ารณาสนิ ค้าภายในบรรจภุ ัณฑ์ได้ 4.40 8 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
รายการ ค่าเฉลีย่ ระดบั โดยรวมดา้ นการใชง้ าน 4.40 มาก 3. ด้านความสวยงาม 4.40 มาก 3.1 บรรจุภัณฑ์มคี วามสวยงามและเหมาะสมในการบรรจุ 4.60 มากท่ีสดุ 3.2 สสี ันและลวดลายมคี วามสวยงาม 4.50 มากท่ีสุด โดยรวมดา้ นความสวยงาม 4.00 มาก 4. ดา้ นรปู แบบ 4.20 มาก 4.1 ประโยชน์ใช้สอย 4.10 มาก 4.2 รูปแบบบรรจุภัณฑ์มีความเรียบง่ายมีการจัดองค์ประกอบ 4.40 มาก กลมกลนื โดยรวมด้านรปู แบบ โดยรวมทกุ ดา้ น ขอ้ เสนอแนะ คณะผ้วู ิจยั ขอขอบคุณมหาวทิ ยาลยั นเรศวรเป็นอยา่ งสูง 1. ผลสรปุ ทีไ่ ดจ้ ากการวิจยั ในครั้งน้ี คณะผวู้ จิ ัย ที่ได้ส่งเสริม สนับสนุน และอนุมัติงบประมาณในการ ด้าเนินงานวิจัยในครั้งนี้ และขอขอบคุณมหาวิทยาลัย และผู้ประกอบวิสาหกิจวิสาหกิจชุมชนกล้วยอบน้าผึ้ง เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก ท่ีให้ความอนุเคราะห์ (บ้านโฮ่ง) สามารถน้าผลการวิจัยมาใช้เป็นแนวทาง ในการสนับสนุนบุคลากรและสถานท่ีในการด้าเนินงาน ส้าคัญสู่การพัฒนาและยกระดับศักยภาพของวิสาหกิจ วจิ ัยในครั้งนี้ ชุมชนกล้วยอบน้าผ้ึง (บ้านโฮ่ง) และสามารถวาง บรรณานุกรม แผนการถ่ายทอดเทคโนโลยใี นการแปรรูปผลติ ภณั ฑ์ใหม้ ี กฤษณา สิกขมาน. (2551). การพฒั นาบรรจุภณั ฑก์ ลว้ ย ความหลากหลาย เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิกใน กลมุ่ ใหม้ ีความยงั่ ยืนย่งิ ขนึ้ ตากบางกระท่มุ . วารสารศรีปทมุ ปริทัศน์ ฉบับ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีท่ี 8 ฉบับท่ี 2. ผลสรุปท่ีได้จากการวิจัย ผู้ประกอบการ 1 หนา้ 103 -110. วิสาหกิจชุมชนกล้วยอบน้าผง้ึ (บ้านโฮ่ง) สามารถน้าไป เกษแก้ว ประดิษฐ์. (2561). การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ขา้ ว พัฒนาด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย กล้องพันธ์ุข้าวหอมกระดงั งาที่มีผลตอ่ การตอบ ตามความต้องการของผู้บริโภคได้ และสามารถน้าไป รับในเชิงพาณิชย์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่ม ต่อยอดในการพัฒนาสถานประกอบการให้ก้าวสู่ระบบ แม่บ้านเกษตรกรบ้านบอฆอ อ้าเภอตากใบ อุตสาหกรรมในอนาคตได้ จังหวัดนราธิวาส. วารสารมหาวิทยาลัย นราธิวาสราชนครินทร์ ปีที่ 10 ฉบับท่ี 2 3. ส้าหรับผู้วิจัยคนอ่ืน ๆ ท่ีจะน้าผลการวิจัย (พฤษภาคม – สิงหาคม 2561) หนา้ 127-139. ในคร้งั น้ไี ปพัฒนาต่อยอดควรมีการศกึ ษาแนวทางในการ จุรีวรรณ จันพลา, วลี สงสุวงศ์, เพ็ญสินี กิจค้า และ พัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความหลากหลายในการ สุรีรัตน์ วงศ์สมิง. (2559). การพัฒนารูปแบบ ออกแบบมากย่ิงขึ้น โดยใช้หลักการหรือทฤษฎีในการ ผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทยทรงด้าเพื่อสร้างมูลคา่ เพิ่ม ออกแบบด้านต่าง ๆ มาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เช่น ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์. วารสาร แรงบันดาลใจหรือแนวความคิดใหม่ๆ มาสร้างสรรค์ ศิลปากร สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ผลิตภัณฑใ์ หต้ รงกับความต้องการของผบู้ ริโภค และตรง และศิลปะ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ปที ่ี 9 ฉบับ กบั สภาพสงั คมในปัจจุบัน ที่ 2 (พฤษภาคม – สิงหาคม 2559). หน้า 82 – กติ ติกรรมประกาศ 89. งานวิจัยนี้ส้าเร็จลุล่วงด้วยดีเพราะได้รับความ กรุณาจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลว้ ยอบน้าผง้ึ (บ้านโฮ่ง) ต้าบลแม่ระมาด อ้าเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก และ วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 9 ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2563
ฐิตาวรรณ สุประพาส, ศุภานัน สู้ณรงค์ และณัฐกร ปรารถนา ศิริสานต์, ชิตพล ประนม, ธีรยุทธ ติคา และ สงคราม. (2561). การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ข้าวสิน ปริพันธ์ จันทะนา. (2559). การออกแบบบรรจุ เหล็กอินทรีย์ กรณีศึกษาภายใต้ย่ีห้อใหม่หอม ภัณฑ์สมุนไพรพร้อมชงกลุ่มแม่บ้านแหลมคูณ กรุ่นออร์แกนิคไรซ์. วารสารเกษตรพระจอม ก้าวหน้า โดยใช้แนวคิดเพื่อส่ิงแวดล้อม. เกล้า ปที ่ี 36 ฉบับท่ี 1 หน้า 30 – 39. วารสารวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและ วิศวกรรม. ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 (2559). หน้า 31 – 46. 10 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
การศกึ ษาปจั จยั ดา้ นการตลาดบริการ พฤตกิ รรมการใชบ้ รกิ าร และความพึงพอใจในการใช้ บรกิ ารหา้ งสรรพสินคา้ ของลกู ค้าในสามจงั หวดั EEC The Study of Service Marketing Factors, Behavior and Satisfaction Toward the Department Store’s Customer Service In Three EEC Provinces. เอก ชณุ หชชั ราชยั * Ake Choonhachatrachai* ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. หลักสตู รบริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยนานาชาตินานาชาติแสตมฟอรด์ Assistant Professor Dr., Master of Business Administration, Stamford International University. *E-mail : [email protected], เบอร์โทรศพั ท์ 087-5944665 บทคัดย่อ การศึกษาคร้ังน้ีมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการชว่ ยเหลือสังคมดว้ ยการพฒั นาความพรอ้ มให้แก่ชมุ ชนท้องถ่ินด้วยการ ศึกษาวิจัยปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการรวมถึงพฤติกรรมการใช้บริการท่ีมีผลต่อความพึงพอใจของลกู ค้า ห้างสรรพสินค้าในสามจังหวัดพ้ืนที่เขตสง่ เสริมระเบียงเศรษฐกจิ พเิ ศษภาคตะวนั ออกซึ่งประกอบไปดว้ ย ฉะเชงิ เทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งถือเป็นพ้ืนที่สาคัญต่อการลงทุน หนึ่งในธุรกิจที่จะเข้ามีบทบาทสาคัญต่อการรองรับ การ เจรญิ เตบิ โตของพ้ืนที่ดังกลา่ วคอื ธุรกิจค้าปลีกซ่ึงถือเป็นโอกาสทางธุรกิจสาหรบั คนในท้องท่ี และธรุ กิจคา้ ปลกี ยังเป็น ตัวกาหนดมาตรฐานความเปน็ อยขู่ องคนในพน้ื ท่ีและยงั สามารถดึงดดู คนนอกพ้ืนท่แี ละนกั ท่องเทย่ี วเข้ามาได้อกี ด้วย กลุ่มตัวอย่างในการวจิ ัยคร้ังนี้ มาจากการเก็บขอ้ มูลโดยใช้วิธีการสุม่ ตวั อย่างแบบสะดวกจาก ผู้มาใช้บรกิ าร หา้ งสรรพสินค้า 3 แหง่ ใน 3 จงั หวดั จานวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครอื่ งมอื ในการวเิ คราะห์ข้อมลู สถติ ทิ ่ี ใช้ คือ สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมลู ประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉล่ยี ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และ สถิติเชิงอนุมานประกอบดว้ ย Independent Samples t-test, One Way ANOVA โดยเปรียบเทียบค่าเฉล่ยี รายคู่ โดยใช้ Scheffe และ Pearson Product Moment Correlation Coefficient ทีร่ ะดบั นยั สาคญั 0.05 ผลการศึกษา พบว่า 1) ลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ต่างกันในเร่ือง อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ มีความสมั พันธ์กบั ความพงึ พอใจต่อการใช้บริการห้างสรรพสินค้าท่ีแตกตา่ งกัน 2) ปัจจัยด้านสว่ น ประสมทางการตลาด ในดา้ นผลติ ภณั ฑ์ ด้านราคา ด้านชอ่ งทางจัดจาหนา่ ย ด้านการส่งเสริมการตลาด ดา้ นบุคลากร ด้านกระบวนการบริการ ด้านลักษณะกายภาพ มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจของลูกค้าท่ีมาใช้บริการ ห้างสรรพสินคา้ ในสามจังหวัด EEC 3) พฤติกรรมการใช้บริการท่ีต่างกันในเรื่อง บุคคลที่ไปใช้บริการดว้ ย ความถใ่ี น การใช้บริการ วันที่มาใช้บริการ ช่วงเวลาที่มาใช้บริการ มีผลต่อความสัมพันธ์กับความพึงพอใจของลูกค้า หา้ งสรรพสินค้าอยา่ งแตกตา่ งกัน คาสาคัญ สว่ นประสมทางการตลาด การตลาดบรกิ าร พฤตกิ รรมผู้บริโภค ผมู้ าใชบ้ รกิ าร ความพงึ พอใจ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 11 ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
Abstract The objective of this research is to provide social service by pave the ways for local community to be ready for new development by studying the relationship between service marketing factors, behavioral factors and customers’ satisfaction toward customer service at 3 department stores in 3 Eastern Economic Corridor provinces (EEC) namely Chacheongsao, Chonburi, and Rayong. This research study used 400 samples collected by using the convenience sampling method in which the questionnaires were given to the customers who visited department stores within 3 EEC provinces. As this research is using questionnaire to be the tool for data collection, Statistics used in this research is descriptive statistics, which consists of frequencies, percentage, mean, standard deviation and inferential statistics, Independent Samples t-test, One Way ANOVA by pair to Scheffe’s test and Pearson Product Moment Correlation Coefficient at a significance level of 0.05. The result of this study was divided into 3 parts which were found that 1) different age, status, education, occupation, income in personal factors caused different satisfaction of the customers 2) product, price, place, promotion, people, process and physical evidence in service marketing mix factors related with satisfaction of the customers who visited department stores in 3 EEC provinces and 3) Differences of behavioral factors also caused different satisfaction levels of customers who visited department stores in 3 EEC provinces as well. Keywords Service Marketing Mix, Behavior, Customer, Satisfaction Keywords Service Marketing Mix, Behavior, Customer, Satisfaction บทนา น โ ย บ า ย ก า ร ใ ช้ จ่ า ย ภ า ค รั ฐ แ ล ะ ม า ต ร ก า ร เ ร่ ง รั ด สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถือเป็นยุคที่อาจ งบประมาณ ท่ีส่งผลให้การบริโภคของประชาชนใน ระดับฐานรากเพ่ิมสูงข้ึนรวมท้ังมาตรการของภาครัฐท่ี กล่าวได้ว่า สภาวะของเศรษฐกิจมีความผันผวนอย่าง ช่วยใส่เงินในระบบ และการส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร ก็ ต่อเนื่อง หนงึ่ ในดชั นีชวี้ ดั เศรษฐกิจไทยในหลายยุคหลาย ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อน สภาวะด้านกาลังซื้อ สมัย ไมพ่ ้น \"ธรุ กจิ ค้าปลีก\" ในช่วงยอ้ นหลัง 2-3 ปที ่ผี า่ น ของเกษตรกรก็ทยอยปรับตวั ดขี ึ้น ทาให้ยอดขายในชว่ ง มา อาจกลา่ วได้วา่ ยังไมม่ ีปจั จัยทโ่ี ดดเด่น ท่ีเก้อื หนนุ ต่อ ต้นปีมีแนวโน้มดีขึ้นตามลาดับ และถึงแม้ช่วงปลายปี ภาคธุรกิจคา้ ปลกี ให้ขยายตัวได้มากเหมือนอยา่ งในอดีต ยอดขายจะลดลงไปบ้าง แต่ในเดือนธันวาคม 2559 ท่ี อย่างไรกต็ ามถึงแมไ้ ม่มปี จั จยั สนบั สนุนมากเท่าที่ควรแต่ รัฐบาลได้มีการออกมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” และ ก็ไม่สามารถหยุดย้ังให้ผู้ประกอบการภาคค้าปลีกหยุด ล่าสุดในปี 2562 มีนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การลงทุนได้ ดังจะเห็นได้ว่ามีการดาเนินการวาง คร้ังย่ิงใหญ่อีกคร้ังภายใต้โครงการ “ชิมช้อปใช้” ซ่ึงก็ แผนการลงทุนขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกอยู่อย่าง ส่งผลให้หมวดสินค้าไม่คงทนถาวร มีอัตราการเติบโต ต่อเนื่องดัชนีอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวมย้อนหลัง เพมิ่ ข้ึนจากปี 2558 อยทู่ ี่ 3.03% และจากการคาดการณ์ นับตั้งแต่ ปี 2559 เติบโตขึ้นถึง 2.97% ซ่ึงใกล้เคียงกับ ปัจจัยเส่ียงที่มีต่อสถานการณ์ธุรกิจค้าปลีก 2564 ก็มี ตัวเลข 3.0% ท่ีประมาณการไว้จากช่วงต้นปี นับว่ามี หนค้ี รวั เรอื น ทอ่ี ยทู่ รี่ ะดบั 80.2% ทาให้การซอ้ื ของภาค อัตราการเติบโตสูงข้ึนเมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีการ ครัวเรือนต่า การบริโภคสินค้าในหมวดคงทนถาวรและ เติบโตเพียง 2.8% สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลของ 12 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ห ม ว ด สิ น ค้ า กึ่ ง ค ง ท น ถ า ว ร อ า จ ต้ อ ง ช ะ ล อ อ อ ก ไ ป ระดับกลางข้ึนไป ขณะเดียวกันธุรกิจค้าปลีกประเภท แนวโน้มหน้ีทไี่ มก่ ่อให้เกดิ รายได้ของวสิ าหกจิ ขนาดกลาง ร้านสะดวกซือ้ เชน่ 7-Eleven, 108 shop, Family Mart และขนาดย่อม จากสถาบันการเงินมีแนวโน้มท่ีจะ ท่ีเน้นการเข้าถึงชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ เป็นร้านเล็ก ๆ เพิ่มขึ้น ซ่ึงจะส่งผลต่อการปล่อยสนิ เชื่อท้ังระบบหดตวั ในชุมชน ไม่ต้องใช้ พื้นท่ีมาก ลงทุนน้อยกว่า อยู่ใกล้ ลง การลงทุนลดลง การว่างงานเพิ่มข้ึน ราคาน้ามัน ชุมชนแวะซอ้ื ของเมอ่ื ใดกไ็ ด้ สะดวกสบาย ไมจ่ าเปน็ ตอ้ ง สงู ขึ้น สง่ ผลให้เงินเฟอ้ สงู ขึ้น ซึ่งจะเพมิ่ แรงกดดันตอ่ การ ซื้อของทีละ จานวนมาก ๆ และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการ ใช้จ่ายของครัวเรือนไทย ให้ชะลอการจับจ่ายลง และ เดินทางเพ่ือไปซ้ือของเยอะ มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ เป็นภาระตน้ ทนุ การขนส่งทีเ่ พ่ิมขึ้น การส่งออกและการ มากกว่า ธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตก็มีการขยายตัวอย่าง ลงทุน ซ่ึงในประเด็นดังกล่าวก็จะส่งผลให้ภาคเอกชน รวดเร็ว และยังมีการแข่งขันทางราคาให้ถูก เพื่อสู้กับ ต้องดูและปรับตวั ตามเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน ธุรกิจไฮเปอร์มารเ์ ก็ตดว้ ยกันเองและสู้กบั ธรุ กิจประเภท อยา่ งตอ่ เนื่องจนทาให้บางครงั้ ต้องมกี ารพึ่งพาการลงทุน อ่ืนอย่างร้านสะดวกซื้อด้วย ด้วยเหตุน้ีจึงส่งผลทาให้ จากภาครฐั เปน็ หลัก ธุรกิจค้าปลีกในปจั จบุ นั ต้องปรบั ตัวเป็นอย่างมาก (จริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย, 2560) ธุรกิจ ทิศทางการค้าปลีก ในปี 2564 หมวดสินค้าไม่ ค้าปลีกซึ่งมักจะมีการเติบโตในพื้นที่ที่มีประชากร คงทนถาวร ยังมีแนวโน้มทจี่ ะปรับตัวเพ่ิมขึ้นมากกว่า หนาแน่น ซึ่งสามจังหวัด EEC ที่ผู้วิจัยไดท้ าการเลอื กมา หมวดอื่น ซ่ึงเป็นผลมาจากการผลักดันการใช้จ่าย เ ป็ น พื้ น ที่ ใ น ก า ร ส า ร ว จ ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง พ ฤ ติ ก ร ร ม งบประมาณของภาครฐั สฐู่ านรากไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ผู้บริโภคตลอดจนความพึงพอใจในการเข้าใช้บริการใน และมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เป็นจานวนกว่า 2 ล้านล้าน ห้ า ง ส ร ร พ สิ น ค้ า ข อ ง พ ว ก เ ข า ก็ ถื อ เ ป็ น พ้ื น ท่ี บาท ที่กาลังได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมาก จนมีจานวน ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ือง มีการคาดการณ์ไว้ว่า หมวดสินค้าคงทนถาวร แม้ว่าภาครัฐจะ จานวนประชากร ประชากรแฝง แรงงาน พยายามเร่งรัดการลงทนุ โครงสรา้ งพืน้ ฐาน เพื่อผลักดัน และนักท่องเท่ียว จะเข้ามาในพ้ืนท่ีประมาณ 4.38 การเติบโตของอสงั หารมิ ทรัพย์ แต่ก็อาจจะยงั ไมส่ ามารถ ล้านคนในปี 2565 และเพิ่มสูงถึง 6 ล้านคน ภายในปี ทาใหเ้ หน็ ยอดการเติบโตที่ชดั เจนไดภ้ ายเวลาอนั รวดเร็ว 2580 (สานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนา อตั ราการเตบิ โตในหมวดนน้ี ่าจะอยู่ในระดับทรงตัว พเิ ศษภาคตะวนั ออก สกพอ, 2019) หมวด สินค้ากึ่งคงทนถาวร สินค้าแฟชั่น ด้วยการเพิ่มขนึ้ ของจานวนประชากรดงั กลา่ วจึง เครอื่ งสาอาง และเครอ่ื งหนัง ยงั ต้องหวงั ผลจากนโยบาย ทาให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างย่ิงผู้ประกอบการใน ภาครัฐในการผ่อนปรนการพิจารณาภาษีนาเข้า เพื่อ ธุรกิจค้าปลีกควรมีการเตรียมความพร้อมเพ่ือเพิ่มหรือ กระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวทเ่ี พ่ิมข้นึ กว่า 12% เน้นย้าการสร้างคุณภาพการให้บริการของธุรกิจตนเอง รวมทั้งพจิ ารณาผ่อนปรนการอานวยความสะดวกการคา้ เพ่ือรองรับจานวนลูกค้าที่เพิ่มข้ึนอย่างมีประสิทธิภาพ ชายแดน โดยเฉพาะนกั ทอ่ งเทย่ี วท่มี าจากประเทศเพ่ือน โดยมวี ตั ถุประสงคด์ ังนี้ บ้าน ส่วนการบรโิ ภคภายในประเทศน่าจะยังทรงตัว แต่ อาจจะมีการขยายตัวในบางพ้ืนที่ท่ีมีการกระตุ้นการ 1.เพอ่ื ศึกษาปัจจยั ทางดา้ นประชากรศาสตร์ เจริญเติบโตด้วยโครงการเมกะโปรเจคจากภาครัฐอย่าง ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ การศึกษา อาชีพ และรายได้ โครงการพัฒนาพ้นื ท่เี ขตส่งเสรมิ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีความสัมพันธ์ต่อความพึงพอใจในการใช้บริการ ภาคตะวนั ออก ห้างสรรพสนิ คา้ ในสามจังหวดั EEC สถานการณ์ค้าปลีก ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2 . เ พ่ื อ ศึ ก ษ า ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะห ว่ า ง ส่ ว น 2564 น่าจะมีเติบโตระหว่าง 2.8-3.0% คืออยู่ในระดับ ประสมทางการตลาด (7Ps) ประกอบด้วย ปัจจัยด้าน ทรงตัว อย่างไรกต็ ามการเตบิ โตทเี่ หน็ เดน่ ชดั ในเกือบทุก ผลิตภัณฑ์ (Product) ปัจจัยด้านราคา (Price) ปัจจัย หมวดสินค้ามีลักษณะกระจุกตัวเฉพาะที่โดยเฉพา ะ ใน ดา้ นช่องทางการจดั จาหน่าย (Place) ปจั จัยทางด้านการ กรุง เทพและหัวเมืองหลักๆ โด ย หมวด ที่มีการ ส่งเสริมการตลาด (Promotion) ปัจจัยด้านบุคคล เติบโตมากยังเป็นหมวดสินค้า “ซุปเปอร์มาร์เก็ต” (People) ปัจจัยดา้ นการสร้างและนาเสนอลักษณะทาง ( Supermarket) ซึ่ ง มี เ ป้ า ห มา ยก ลุ่ ม ผู้บ ริ โภคคือ วารสารวชิ าการรับใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 13 ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
กายภาพ (Physical and Presentation) และปัจจัย ภาพที่ 1 ลงพนื้ ที่ทาการวจิ ัยเรือ่ ง การศกึ ษาปจั จัยด้าน ดา้ ยกระบวนการ (Process) กับความพึงพอใจของลกู คา้ การตลาดบรกิ าร พฤติกรรมการใชบ้ ริการและความพงึ ในการใชบ้ รกิ ารห้างสรรพสนิ ค้าในสามจงั หวดั EEC พอใจในการใช้บริการหา้ งสรรพสนิ คา้ ของลูกค้าในสาม 3.เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการเข้าใช้บริการของ จังหวดั EEC ลูกค้า ที่มีความสัมพันธ์ต่อความพึงพอใจของลูกค้าใน การใชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสินคา้ ในสามจังหวดั EEC ภาพท่ี 2 ผวู้ จิ ยั และทีมงานได้ลงพนื้ ที่พดู คยุ กบั ประชาชนในพ้ืนท่ีสามจังหวดั EEC ทีม่ ปี ระสบการณ์การ 4.เพื่อส่งเสริมใหห้ ้างสรรพสินคา้ ทงั้ สามแห่งซ่งึ ใช้บรกิ ารจับจา่ ยใชส้ อยในหา้ งสรรพสินคา้ ท่ีตง้ั อยู่ในสาม ถือเป็นสถานท่ีสาคัญในการดารงชีวิตของคนในสังคม สามารถนาเอาข้อมูลการทาวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์เพ่ือการ จังหวดั EEC พัฒนารปู แบบการใหบ้ ริการได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ วิธีการดาเนนิ งาน ภาพที่ 3 พดู คยุ กับเจา้ หน้าท่ีระดบั สูงของ คณะกรรมการนโยบายการพฒั นา ระเบียงเศรษฐกจิ การวิจัย ครั้ง น้ีเป็นการวิ จัย เชิง ป ริ ม า ณ พิเศษภาคตะวนั ออก EEC ถงึ โอกาสในการเจรญิ เติบโต (Quantitative Research) โดยเน้นการเก็บรวบรวม ข้อมูลจากการสารวจความพึงพอใจของลูกค้าท่ีมาใช้ ของธุรกจิ ค้าปลีกในพ้ืนท่ีสามจงั หวดั EEC บริการในห้างสรรพสินค้าชั้นนาสามแห่ง แห่งละหน่ึง ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง จังหวัด รวมเป็นสามจังหวัดท่ีตั้งอยใู่ นพื้นท่ีสามจังหวัด EEC ผ่านเคร่ืองมือท่ีใช้ได้แก่แบบสอบถาม วิธีการสุ่ม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ ลูกค้าท่ี ตัวอย่างในการวิจัยคร้ังน้ีใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ ได้มาซ้ือสินค้าและใช้บริการห้างสรรพสินค้าท่ีต้ังอยู่ใน สะดวกหรือ convenient sampling หลังจากท่ีได้ขอ้ มลู พ้ืนท่ีสามจังหวัด EEC ซึ่งมีจานวนเฉล่ียอยู่ที่ประมาณ ดิบจากการลงพน้ื ท่ีเป็นทเี่ รียบร้อยแล้ว ผู้วิจัยได้ใชห้ ลัก สถิติในการวิเคราะห์ไดแ้ ก่ หลักการหาค่าเฉลย่ี และสว่ น เบีย่ งเบนมาตรฐาน นอกเหนือจากน้ีแล้วผู้วิจัยได้ทาการส่งหนังสือ ขออนุญาตถึงผู้จดั การท่ังไปของห้างสรรพสินค้าท้ังสาม แห่งในการเข้าไปในพ้นื ทเี่ พ่อื แจกแบบสอบถามแก่ลูกค้า ของทางห้างโดยวัตถุประสงค์ของการทาวิจัยนี้ได้มีการ อธิบายไปยังห้างสรรพสนิ ค้าอย่างชัดเจนว่าต้องการทา เพื่อศึกษาวิจัยความพึงพอใจต่อการให้บริการและยังมี ความประสงค์ที่จะมอบผลวิจัยดังกล่าวให้กับทาง ห้างสรรพสินคา้ หลังสนิ้ สุดงานวจิ ัยดว้ ย ทางทีมผู้วิจัยมีความเห็นตรงกันกับผู้จัดการ ท่ัวไปของห้างสรรพสินค้าทั้งสามแห่งว่าผลวิจัยน้ีควร ได้รับการเผยแพร่โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในหมู่ผู้ที่เก่ียวข้อง กับธุรกิจค้าปลีกในพ้ืนที่สามจังหวัด EEC ซ่ึง ไม่ จาเป็นต้องเป็นห้างสรรคสินค้าแต่รวมไปถึง ธุรกิจค้า ปลกี อน่ื ๆ เชน่ รา้ นสะดวกซ้อื ตลาดสด หรอื แม้แตร่ ้าน ขายของชาทั่วไปทย่ี ังพบอยู่เยอะในพ้ืนที่ 14 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
9,000 คน ต่อวัน การเลือกกลมุ่ ตัวอยา่ งท่ีใช้ในการวิจยั ผลการดาเนนิ งาน นี้ได้มาจากการคานวณ เน่ืองจากทางผวู้ ิจยั มกี ารทาเรื่อง ผ ล ก า ร ด า เ นิ น ง า น ใ น ค ร้ั ง ผู้ วิ จั ย ไ ด้ ใ ช้ ก า ร ติดต่อขอเขา้ พืน้ ท่ีหา้ งสรรพสินคา้ โดยมีการทาหนังสอื ขอ อนุญาตอย่างเป็นทางการ และได้ทราบจานวนของ วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยหลกั สถิติ 2 ลกั ษณะดังตอ่ ไปน้ี ผู้ ม า ใ ช้ บ ริ ก า ร ห้ า ง ส ร ร พ สิ นค้ า ท้ั ง ส า ม แ ห่ ง จ า ก ท า ง 1. สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) ผบู้ ริหารห้างสรรพสนิ คา้ ดงั น้นั ผู้วิจัยจึงใชว้ ิธีการกาหนด ขนาดของกลุม่ ตวั อยา่ งแบบทราบจานวนประชากร โดย ได้แก่ แจกแจง ความถ่ี (Frequency) ค่าร้อยละ ใชส้ ูตรของ Taro Yamane (1973) กาหนดระดับความ (Percentage) ค่าเฉล่ียเลขคณิต (Mean) และค่าส่วน เช่ือมั่นอยู่ท่ี 95% และยอมใหค้ ลาดเคลอ่ื นได้ 5 % เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ในการ วเิ คราะห์ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ปจั จยั สว่ นประสม เ ค รื่ อ ง มื อ ท่ี ใ ช้ ใ น ก า ร วิ จั ย ป ร ะ ก อ บ ไ ป ด้ ว ย ทางการตลาด ข้อมูลด้านพฤติกรรมของผู้ใช้บริการใน แบบสอบถาม ซึ่งผู้วิจัยดาเนินการสร้างโดยการแบ่ง ห้างสรรพสินคา้ และความพึงพอใจท่ีมตี อ่ การใชบ้ ริการ ออกเป็น 4 ส่วนดงั น้ี ห้างสรรพสินคา้ ส่วนท่ี 1 เป็นคาถามเก่ียวข้องกับข้อมูลด้าน 2. สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistic) ใน ประชากรศาสตร์ของผ้ตู อบแบบสอบถามจานวนทง้ั สนิ้ การทดสอบเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความแตกต่างของ 6 ข้อ ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการ ศึกษา ประชากรในแต่ละกลุ่มท่ีเป็นอิสระกัน ด้วยค่าสถิติ อาชพี และรายได้ต่อเดือน มลี ักษะณะเป็นคาถามปลาย t-test (Independent Sample t-test) และเปรียบเทยี บ ปิด ( Close – ended questions)โดย คาถามเป็น ค่าเฉลี่ยความแตกต่างของประชากรมากกว่า 2 กลุ่ม ลกั ษณะ (Multiple choices) ดว้ ยค่าสถติ ิ F-test (One-way ANOVA) โดยเปรียบเทยี บ ค่าเฉลี่ยความแตกต่างรายคู่วิธี Scheffe สาหรับการ ส่วนท่ี 2 เปน็ คาถามเก่ยี วกบั ปจั จยั ส่วนประสม ทดสอบสมมติฐานการวิจัยข้อท่ี 1 และ 3 ตลอดจน ทางการตลาด (7P’s) ที่ให้ความสาคญั กับความสัมพันธ์ ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับตัวแปร ขององค์ประกอบทางการตลาดต่าง ๆ กับด้านความพึง ตามทร่ี ะดบั การวดั ของขอ้ มูลต้งั แต่ระดับช่วง (Interval พอใจของลูกค้าที่มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าโดยใช้ Scale) ขึ ้น ไ ป ด้ ว ย ค่ า ส ถิ ติ Pearson Product คาถามปลายปิด (Close – ended questions) เป็น Moment Correlation Coefficient ส า ห รับ ก า ร แบบสอบถามท่ีใช้มาตรวัดส่วนประมาณคา่ ของ ลิเคิร์ทส ทดสอบสมมติฐานการวจิ ยั ข้อที่ 2 โดยทดสอบสมมติฐาน เ ค ล ( Method of summated rating the Likert ท่รี ะดับความเช่ือมน่ั ทางสถิติ 95% (=0.05) scale) จานวน 21 ข้อ โดยการใหค้ ะแนน 1 ถึง 5 แทน ผลการวิจยั ระดับความพงึ พอใจ จากข้อมูลศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ ส่วนท่ี 3 เป็นคาถามที่เกี่ยวข้องกับพฤตกิ รรม พบว่า ลักษณะทางด้านประชากรศาสตร์ของ ผู้ตอบ ของผู้ท่ีมาใช้บริการห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีจานวน 4 ข้อ แบบสอบถาม มรี ายละเอียดดังนี้ ได้แก่ บุคคลท่ีเดินทางไปใช้บริการด้วย, เหตุผลที่ไปใช้ บริการ, ความถ่ีในการไปใชบ้ ริการต่อเดือน, ช่วงเวลาท่ี 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมู ล ลักษ ณ ะ ท า ง มักไปใช้บริการอยู่บ่อย ๆ ในส่วนนี้จะมีลักษะณะเป็น ประชากรศาสตร์ของผตู้ อบแบบสอบถามที่ใช้ในกลุ่มครง้ั คาถามปลายปิด (Close – ended questions)โดย นี้ จานวน 400 ตัวอย่างในสามหา้ งสรรพสินค้าของสาม คาถามเปน็ ลกั ษณะ (Multiple choices) จังหวัด EEC พบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 202 คน คิดเป็น ร้อยละ 50.5 และเพศชาย ตอนที่ 4 เป็นคาถามเกีย่ วกับความพึงพอใจใน จานวน 198 คน คิดเปน็ ร้อยละ 49.5 อยู่ในช่วงอายุ 31- ภาพรวมของการมาใชบ้ ริการในห้างสรรพสินคา้ โดยใช้ 40 ปี จานวน 163 คน คิดเป็นร้อยละ 40.8 รองลงมา คาถามปลายปิด (Close – ended questions) เป็น เป็นช่วงอายุ 20-30 ปี จานวน 98 คน คิดเป็นร้อยละ แบบสอบถามท่ีใช้มาตรวัดส่วนประมาณคา่ ของ ลิเคริ ท์ 24.5 สถานภาพโสดจานวน 245 คน คิดเป็นร้อยละ ส เ ค ล ( Method of summated rating the Likert 61.3 รองลงมาเป็นสถานสมรส จานวน 155 คน คิดเป็น scale) โดยการให้คะแนน 1 ถึง 5 แทนระดับความ ร้อยละ 38.8 ระดับปริญญาตรีจานวน 225 คน คิดเป็น พงึ พอใจ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มทร.ล้านนา 15 ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
ร้อยละ 56.3 รองลงมาเป็น ต่ากว่าปริญญาตรี 115 คน จังหวัด EEC โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( xˉ = 4.02 ) ดัง คิดเปน็ รอ้ ยละ 28.7 อาชพี หลกั เปน็ ธุรกิจสว่ นตัวจานวน แสดงในตารางที่ 2 122 คนคดิ เป็นรอ้ ยละ 30.5 รองลงมาพนกั งาน/ลูกจ้าง บริษัทเอกชน จานวน 106 คน คิดเป็นร้อยละ 26.5 ตารางที่ 2 แสดงจานวน(ความถี่) ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและ รายได้ต่อเดือนอยู่ในช่วง 30,001 บาทข้ึนไป จานวน 143 คน คิดเป็นร้อยละ 35.8 รองลงมาเป็นรายได้ต่อ ส่ ว น เ บ่ี ย ง ม า ต ร ฐ า น ข อ ง ผู้ ม า ใ ช้ บ ริ ก า ร เดือนอยู่ในช่วง 10,001 – 20,000 บาท จานวน 101 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 25.3 จาแนกตามความพึงพอใจโดยรวมต่อการมา 2. ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ปัจจัยสว่ นประสมทาง ใชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสนิ คา้ ในสามจงั หวดั EEC การตลาดท้ัง 7 ด้าน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( xˉ = 3.87 ) แยกออกเป็นหัวข้อ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์มาก ความพึงพอใจโดยรวมต่อ จานวน ร้อยละ ที่สุด ( xˉ = 4.14 ) รองลงมาคอื ปัจจัยดา้ นชอ่ งทางการ การมาใช้บรกิ าร (xˉ =4.02, 58 14.5 จัดจาหน่าย ( ˉx = 4.02 ) น้อยท่ีสุดคือ ปัจจัยด้าน S.D.=0.52) บคุ ลากร ( xˉ = 3.42 ) ดังแสดงในตารางท่ี 1 มากท่สี ดุ มาก 291 72.8 ปานกลาง 51 12.8 ตารางท่ี 1 สรุป ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงมาตรฐานของ นอ้ ย 0 0.0 ผู้ใช้บริการจาแนกตามปัจจัยส่วนประสม ทางการตลาดของห้างสรรพสินค้าในสาม นอ้ ยท่ีสดุ 0 0.0 รวม 400 100 จังหวดั EEC ทงั้ 7 ดา้ น การนาไปใช้ ปั จ จั ย ส่ ว น ป ร ะ ส ม ท า ง xˉ ระดับ จากการศึกษาเรื่อง “การศึกษาความสัมพันธ์ การตลาดทั้ง 7 ด้าน ความสาคญั ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ และ 1. ปจั จยั ดา้ นผลิตภัณฑ์ 4.14 มาก พฤตกิ รรมการเขา้ ใช้ที่มีต่อการใช้บรกิ ารห้างสรรพสินค้า ในพนื้ ที่สามจังหวดั EEC” ผวู้ ิจยั ได้สรุปแบ่งออกมาเป็น 2. ปัจจยั ดา้ นราคา 3.83 มาก หัวข้อ ดังนี้ 3. ปัจจยั ดา้ นชอ่ งทางการจดั 4.02 มาก จากผลจากการวิจัย ผู้ทาการวิจัยพบว่า ปัจจัย ด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านราคา ปัจจัยด้านช่องทางจัด จาหนา่ ย จาหน่าย ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด ปัจจัย ลักษณะทางกายภาพ อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก 4. ปัจจยั ดา้ นการส่งเสริม 3.75 มาก ยกเว้น ด้านบุคลากร อยู่ในระดับปานกลาง และผล วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทาง การตลาด การตลาดกับความพึงพอใจ ดังตารางท่ี 4.36 ที่กล่าวไว้ ข้างต้นแล้ว ทาให้ทราบว่าปัจจัยส่วนประสมทาง 5. ปัจจยั ดา้ นบคุ ลากร 3.42 ปานกลาง การตลาดด้านต่าง ๆ มีผลต่อระดับความพึงพอใจของ ลูกค้าที่มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าทั้งสามแห่งอย่างมี 6. ปัจจยั ดา้ นกระบวนการใน 3.95 มาก นัยยะสาคญั การให้บริการ ปัจจัยทางด้านผลิตภัณฑ์ มีผลต่อความ พึงพอใจของผู้บริโภค จากข้อมูลตรงส่วนนี้สามารถ 7. ปัจจยั ดา้ นลักษณะทาง 4.00 มาก นามาใช้ในการวางแผนกลยทุ ธ์ของทางห้างสรรพสนิ คา้ ได้ โดยสามารถวางแผนในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ท่ีมี กายภาพ คณุ ภาพ เข้ามาวางจาหนา่ ย และต้องมีความหลากหลาย รวมปจั จยั ส่วนประสมทาง 3.87 มาก การตลาดทง้ั 7 ด้าน 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ความพึงพอใจ โดยรวมต่อการมาใช้บริการห้างสรรพสินค้าในสาม 16 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ของผลิตภัณฑเ์ พ่อื ตอบสนองตอ่ ความพงึ พอใจและความ ดังน้ันผู้ประกอบการควรมีการอบรมพนักงาน ต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะท่ี ในเรื่องของการให้บริการ อีกทั้งปลูกจิตสานึกให้ ปัจจัยทางด้านราคามีผลต่อความพึงพอใจของผูบ้ ริโภค พนกั งานทุกคนมจี ิตบรกิ ารมีใจรักงานบริการ และเอาใจ โดยระดับราคาต้องมีความเหมาะสม และสามารถ ใส่ลูกค้าอย่างเท่าเทียมกัน เพ่ือให้ลูกค้าเกิดความ ตอบสนองตอ่ ความต้องการของผู้บริโภคทแ่ี ตกต่างกนั ได้ ประทบั ใจในการให้บรกิ าร และควรวางแผนการส่งเสริม รวมถงึ มกี ารแจง้ ราคาชดั เจนด้วย การตลาด ด้วยวิธีการติดต่อส่ือสารการตลาดแบบ ครบเครือ่ ง [(Integrated Marketing Communication ปัจจัยทางด้านสถานท่ีมีผลต่อความพึงพอใจ (IMC)] เพื่อส่งเสริมการตลาดโดยใช้ทุกเครื่องมือของ ของผู้บริโภค มีความสาคัญอย่างย่ิงในการวางแผน ก า ร จู ง ใ จ ท่ี เ ห ม า ะ ส ม เ พื่ อ ใ ห้ ลู ก ค้ า ไ ด้ ข่ า ว ส า ร แ ล ะ ปรับปรุงทางด้าน สถานที่จัดจาหน่าย โดยมีการพัฒนา ภาพพจนท์ ส่ี อดคล้องกันและเป็นอันหน่ึงอันเดียวกนั โดย ในเรื่องของอาคารสถานท่ีรวมถึงท่จี อดรถ รวมถึงการจดั ถือเกณฑ์แนวความคิด 4 ประการ คือ เลือกใช้การ แผนกสนิ คา้ ต่าง ๆ ใหผ้ บู้ รโิ ภคสามารถเข้าถงึ ไดง้ า่ ย และ สื่อสารทางการตลาดทุกรูปแบบท่ีเหมาะสมกับลูกค้า มีความสะดวกรวดเร็วในการที่จะมาจับจ่ายสินค้า ท่ี เร่ิมที่ลูกค้าไม่ใช่จากผลิตภัณฑ์ ค้นหาการสร้างการ ห้างสรรพสินค้าทั้งสามแห่ง นอกจากนี้ยังสามารถนา ติ ด ต่ อ ส่ื อ ส า ร กั บ ลู ก ค้ า ด้ ว ย ค ว า ม ถี่ สู ง แ ล ะ เ ป็ น ก า ร ขอ้ มลู มาใชใ้ นการวางกลยุทธท์ างด้านการตกแต่งอาคาร ติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทางหรือการให้ลูกค้ามีส่วนร่วม สถานท่ี บริเวณภายในห้างสรรพสินค้า รวมถึงความ โดยใช้วิธีการสื่อสารการตลาดแบบครบเครื่อง ซึ่งมี สะอาด บรรยากาศภายในห้าง ก็เป็นส่วนท่ีต้องนามา ตัวอย่างดงั นี้ คือ พิจารณา เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ท่ดี ีที่สุดในการดาเนินธรุ กิจ เชน่ กนั 1. โฆษณา (Advertising) ผ่านส่อื ส่งิ พิมพท์ ี่ หลากหลายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มาก ขึ้น ปัจจัยทางด้านการส่งเสริมการตลาดมีผลต่อ เช่น การทาโฆษณาเคลื่อนท่ีเพื่อเรียกความสนใจของ ความพึงพอใจของผบู้ ริโภคเช่นกัน จากข้อมูลตรงสว่ นน้ี ผู้บริโภคบริเวณใกล้เคียงศูนย์การค้าซ่ึงสามารถ สร้าง สามารถนามาใช้ ในการวางแผนการส่งเสริมการตลาด แรงจูงใจใหก้ ับผู้บรโิ ภคไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ของห้างสรรพสินค้าท้ังสามแห่งได้ เพื่อเป็นการกระตุ้น ให้ผู้บริโภค มีความต้อง การมาจับจ่ายสินค้า ท่ี 2. ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร ข า ย ( Sales หา้ งสรรพสินคา้ มากขนึ้ ไมเ่ กดิ ความเบื่อหนา่ ยและจาเจ promotion) โดยใช้กลยุทธ์ผลักสินค้าเข้าร้านเช่นช่วย การกาหนดกลยุทธ์ทางการตลาดท่ี เหมาะสมกับกลุ่ม ในเรอื่ งการจัดแสดงสนิ คา้ ให้กบั ร้านคา้ ทีม่ าเชา่ ท่ีในพน้ื ที่ ลูกค้าย่อมสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาจับจ่ายมากขึน้ ของห้างสรรพสินค้า และกลยุทธ์ดึงเพ่ือให้ลูกค้าเกิด ส่งผลต่อยอดขายทางธุรกิจ ที่เพิ่มขึ้น จากการวาง ความต้องการซ้ือและดึงสนิ คา้ ออกจากร้าน เช่น การให้ แผนการส่งเสริมการขายอย่างมีประสิทธิภาพน่ันเอง ส่วนลดการสะสมแสตมป์ หรือคะแนนการให้คปู องแลก นอกจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางส่ือต่าง ๆ แล้ว ซื้อการแจกของตัวอยา่ งการให้ของแถม การรับประกัน อาจให้พนักงานของห้างสรรพสินค้าเข้ามามีบทบาทและ และรับเปล่ียนสินค้าหรือคืนเงิน การจัดกิจกรรมพิเศษ ส่วนร่วมในการทาการส่งเสริมการตลาด ภายใน การใหท้ ดลองใช้ การให้คาปรึกษาฟรฯี ลฯ ห้างสรรพสินค้าโดยตรง ย่อมเป็นการดึงดูดความสนใจ ของลูกค้าท่ีเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าได้เป็น 3. การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) อย่างดี เพื่อเป็นการแจ้งข่าวสารตา่ ง ๆ เก่ียวกับศนู ย์การค้า ไป ยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเช่นส่ง SMS เพ่ือแจ้งข่าว จากผลการวจิ ยั คร้งั นี้พบว่าปัจจัยด้านบุคลากร เกย่ี วกับการจดั กิจกรรมพเิ ศษ ของห้างสรรพสินค้าท้ังสามแห่งมีผลต่อความพึงพอใจ อยู่ในระดับปานกลาง ผู้วิจัยเห็นว่า ควรมีกระตุ้นให้ 4. การจัดกิจกรรมพิเศษ (Special Event) บุคลากรมีความกระตือรือร้นและทีมผู้บริหารควรเพ่ิม และการจัดแสดงสินค้า (Display) อย่างตอ่ เนอ่ื ง ซง่ึ จาก การดูแลเอาใจใสใ่ นการให้บริการของพนักงานและการ การวิจัยพบว่าผู้บริโภคได้รับอิทธิพลมากจากกิจกรรม กระบวนการใหบ้ รกิ ารที่เทา่ เทยี มกนั และเปน็ ระบบ ทางการตลาดเพราะเป็นปัจจัยสาคัญท่ีดึงดูดให้ ลูกค้า เขา้ มาจับจ่ายใชส้ อยและมาใช้บริการในหา้ งสรรพสินค้า ดังน้ันจึงต้องพยายามสร้างให้มีเอกลักษณ์ท่ีเป็นเฉพาะ วารสารวิชาการรับใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 17 ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
ของห้างสรรพสินค้าแต่ละแห่งเพื่อช่วยสร้างการจดจา เกิดความพึงพอใจของผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่การแต่งกาย ให้กับผู้บริโภคว่าหากต้องการซ้ือสินค้าที่จัดรายการ ของพนักงาน ต้ังแต่พนักงานต้อนรับท่ีอานวยความ โปรโมชั่นแบบน้ีต้องมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งน้ีเท่าน้ัน สะดวกด้านการจัดการจราจรไปจนถึงพนักงานขาย เช่น กิจกรรม MIDNIGHT SALES ลดท้ังวันลดทั้งห้าง ภายในห้าง ตอ้ งมกี ารแต่งกายทส่ี ะอาดดนู ่าเชอื่ ถือ สง่ ผล โดยควรมีการจัดกิจกรรมพิเศษอย่างสม่าเสมอ และ ตอ่ ภาพลกั ษณ์อนั ดขี องหา้ งสรรพสนิ ค้า ต่อเนื่องซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวยังเป็นการช่วยส่งเสริมสร้าง ภ า พ ลั ก ษ ณ์ ท่ี ดี ข อ ง ห้ า ง ส ร ร พ สิ น ค้ า แ ล ะ ยั ง ช่ ว ย ดึ ง ส่วนทางดา้ นกระบวนการให้บริการ ต้องมีการ ผู้บริโภคให้เข้ามาเที่ยวในห้างสรรพสินค้าให้มากข้ึนซง่ึ อบรมพนักงานอย่างต่อเน่ือง อาจมีการจัดกิจกรรม จุดนี้ ถือว่าเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมด้วยเพราะคนส่วน ประกาศรางวัลพนักงานดเี ดน่ ประจาในช่วงเดอื นตา่ ง ๆ ใหญ่ท่ีมาเที่ยวในงานอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายโดยตรงท่ี เพื่อกระตุ้นให้พนักงาน มีกาลังใจในการทางานมากขึน้ ห้างสรรพสินค้าเคยกาหนดไว้ แต่ก็สามารถท่จี ะเปลีย่ น รวมถึงหากพนักงานได้รับความช่ืนชมจากลูกค้า ก็ควร สถานะของพวกเขาให้มาเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ด้วย นามาเผยแพรใ่ ห้ทราบโดยทัว่ กนั ผ่านทางส่อื ตา่ ง ๆ เพื่อ กจิ กรรมเหล่านี้เชน่ กัน เป็นกาลังใจให้กับพนักงาน รวมถึงเป็นตัวอยา่ งอันดกี ับ พนักงานคนอื่น ๆ ในแผนกต่าง ๆ 5. ทางห้างสรรพสินค้ามีการติดต่อส่ือสาร อภิปรายผล กับผู้บริโภคผ่านเครือข่ายสงั คมออนไลน์ตา่ ง ๆ (Social Network) เช่น Facebook เพื่อโฆษณาแจ้งข่าวสาร จากการศึกษาเรื่อง “ปัจจัยส่วนประสมทาง ประชาสมั พันธก์ ิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ เช่นการจัด การตลาดบรกิ าร และพฤตกิ รรมการเข้าใชบ้ ริการที่มีผล โปรโมช่ันของห้างสรรพสินค้าแก่ผบู้ ริโภคได้โดยตรงอีก ต่ อ ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ ข อ ง ลู ก ค้ า ห้ า ง ส ร ร พ สิ นค้ า ใ นส าม ทั้งยังสามารถตอบโต้พูดคุยตอบคาถามแลกเปลี่ยน จังหวัด EEC” สามารถอภิปรายผลไดด้ งั นี้ ข้อมูลด้านการบริการต่าง ๆ เพ่ือสร้างความสัมพันธก์ ับ ผบู้ รโิ ภคโดยอาศยั กิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีหลากหลายเช่น การ 1 . ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ข อ ง ลั ก ษ ณ ะ ท า ง เปิดโอกาสให้ผู้บริโภครวมถึงพนักงานมีส่วนร่วมในการ ประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับห้างสรรพสินคา้ ในดา้ นต่าง ๆ การศกึ ษา อาชพี และรายได้ มผี ลตอ่ ความพึงพอใจของ และให้มีการโหวตความคิดเห็น ที่ช่ืนชอบรวมไปถงึ การ ลูกคา้ ห้างสรรพสนิ คา้ ในสามจงั หวดั EEC เสรมิ ความคดิ เหน็ ของคนอน่ื ๆ ไดด้ ว้ ย ย่งิ ไปกว่านั้นหาก ความคิดเห็น ใครที่ถูกโหวตมากท่ีสุดจะได้รับเงนิ รางวลั จากงานวิจัยได้ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ และผู้ร่วมโหวตก็จะได้ของรางวัลด้วยเช่นกัน อีกทั้ง ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ ข อ ง ลู ก ค้ า ที่ ม า ใ ช้ บ ริ ห า ร ใ น ห้างสรรพสินค้าเองก็จะสามารถนาความคิดเห็นนั้นมา ห้างสรรพสินค้า จาแนกตามลกั ษณะสว่ นบคุ คล พบวา่ ผู้ พิจารณา ดาเนินการและปรับปรุงเพ่ือให้เหมาะสมกับ ท่ีมาใชบ้ รกิ ารสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง เพราะเพศหญิงนั้น ความต้องการของผู้บริโภคเพื่อเป็นการสร้างความ มีความต้องการสินค้าและต้องการศึกษารายละเอียด น่าเช่ือถือและความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคและเมื่อ สนิ คา้ ลกึ ซ้ึงกว่าเพศชาย ผู้บริโภคท่ีเป็นสมาชิกในเครือข่ายเหล่านี้รู้สึกดีก็จะ ก ร ะ จ า ย ข่ า ว ส า ร นั้ น อ อ ก ไ ป เ ป็ น ว ง ก ว้ า ง แ ล ะ ท า ใ ห้ ด้านอายุ จากงานวิจัยพบว่า ลูกค้าที่มาใช้ เครือข่ายขยายมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ บริการส่วนใหญ่ มีช่วงอายุ 31-40 ปี เป็นกลุ่มวัยท่ีมี ลกู คา้ เทา่ น้ันทเ่ี ข้าร่วมได้แต่เปดิ โอกาสให้ทกุ คนไดม้ ีส่วน กาลงั ซอ้ื และมั่นคงทางรายได้ ร่ ว ม โ ด ย เ น้ น ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ร่ ว ม กั น ซึ่ ง ถื อ เ ป็ น ก า ร ประชาสมั พันธ์หา้ งสรรพสินคา้ อีกทางหน่ึงดว้ ย จากการทดสอบสมมุติฐานพบว่า อายุ ระดับ การศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือนท่ีแตกต่างกันมีผลต่อ ปัจจัยท่ีเหลือคือทางด้านกายภาพ และ ความพึงพอใจของลูกค้าทม่ี าใชบ้ ริหารหา้ งสรรพสินค้าท่ี กระบวนการในการดาเนินงาน ซ่ึงก็มีผลต่อความพึง แตกต่างกันไป จากผลวิจัยดังกล่าวมีความขัดแย้งกับ พอใจของผู้บริโภคเช่นกัน ดังน้ันการพัฒนาทางด้าน อิริสา ศรพี ัฒนกุล (2559) ทไี่ ดท้ าการศกึ ษาเรือ่ ง ปัจจัย ลักษณะทางกายภาพก็เป็นส่วนสาคัญในการท่ีจะทาให้ ทม่ี ผี ลต่อความพึงพอใจในการซื้อสนิ คา้ เทสโกโ้ ลตัส ของ ผู้บริโภคในเขต กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลด้วย โดยวิธี Independent-Samples T-Test และ One- Way ANOVA พจิ ารณาทร่ี ะดบั นัยสาคัญท่ี 0.05 18 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ซึ่งในส่วนของเพศท่ีแตกต่างกัน ไม่มีผลต่อ รับประกัน มีความน่าเช่ือถือ มีมาตรฐาน และมีความ ค ว า ม พึ ง พอ ใจ เ พ ร า ะ ลู กค้า ท่ีมา ใช้ บริก าร ใน หลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการค้าปลีกของ ห้างสรรพสินค้าต่างมีจุดมุ่งหมายในการมาใช้บริการใน Oxden (2005) กล่าวว่าปัจจุบันผู้บริโภคต้องการซื้อ แต่คร้ังคล้ายๆกัน ซึ่งทาให้มีความต้องการและความ สินค้าในร้านที่มีความหลากหลาย หรือครบวงจรในร้าน พอใจในการให้บริการที่ไม่แตกต่างกัน ซึ่งสอดคลอ้ งกับ เดียว ซึ่งตรงความต้องการซึ่งส่งผลโดยตรงกับความ งานวจิ ัยของ เอมมกิ า แตงรอด (2557) ทไี่ ด้ศกึ ษาปัจจยั พึงพอใจของลกู คา้ ท่ีมาใชบ้ รกิ ารท่ีห้างสรรพสินค้า ท่ีผลต่อความพึงพอใจการใช้บริการศูนย์การค้าชุมชน ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร และแนวคิด 2. ปัจจัยด้านราคา ผลการวิจัยพบว่า เกี่ยวกับปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคของ ลูกค้าท่ีมาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าของพ้ืนที่ 3 ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคนอ่นื ๆ (2541) ที่กล่าวว่า การ จังหวัด EEC ส่วนใหญ่ทให้ความสาคัญต่อปัจจัยด้าน ตัดสินใจของผู้ซ้ือมักได้รับอิทธิพลมาจากลักษณะหรือ ราคามาก ซ่ึงมีความสมั พันธ์กับความพึงพอใจในการมา ปัจจัยส่วนบุคคล เป็นบางปัจจัยเช่น อายุ อาชีพ ใช้บริการท่ีมากข้ึนด้วย เพราะลูกค้าต้องการสินค้าที่ การศึกษา รายได้ ขั้นตอนวัฏจักรชีวิตครอบครัว คุ้มคา่ และเหมาะสมกบั ราคาท่ีลกู คา้ ตอ้ งจ่าย บุคลิกภาพ และรูปแบบการดารงชีวิต ซ่ึงความแตกต่าง ทางด้านเพศจะไม่ได้ถูกนามากล่าวถึงเม่ืออภิปรายถึง 3. ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจาหน่าย ความไม่แตกตา่ งของปัจจัยส่วนบุคคลตอ่ ความพึงพอใจ ผลการวิจัยพบว่า ลูกคา้ ทมี่ าใชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสนิ คา้ ใน หรือการตดั สินใจของผบู้ ริโภค พื้นท่ี 3 จังหวัด EEC ที่ให้ความสาคญั ต่อปจั จัยด้านช่อง ทางการจดั จาหน่ายมาก จึงทาให้มีผลต่อความพึงพอใจ 2. ผลการวเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์ระหว่างความ ตอ่ การมาใชบ้ รกิ ารทีม่ ากขึ้นด้วย ซึง่ สอดคล้องกับทฤษฎี พึงพอใจของลูกค้าท่ีมาใช้บริการในห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีกของ Michael levy (2007) กล่าวว่า การ ภายในสามจังหวัด EEC กับปัจจัยส่วนประสมทาง พจิ ารณาการเลอื กทาเล ทต่ี ัง้ ของรา้ นค้าปลกี ซึง่ คานงึ ถงึ การตลาดท้ัง 7 ด้าน ความหนาแน่นของประชาการ อานาจการซ้ือ การ แข่งขันของธุรกิจ อุปกรณ์อานวยความสะดวก เพราะ จากงานวิจัย ผวู้ จิ ัยได้ใช้ข้อมูลเชงิ พรรณนาและ ห้ า ง ส ร ร พ สิ น ค้ า ทั้ ง ส า ม แ ห่ ง มี ท า เ ล ที่ ต้ั ง ข อ ง อนุมาน โด ย ใช้สถิติ Pearson Product Moment ห้างสรรพสินค้าอยู่ในตวั เมอื ง ทาให้ลูกคา้ มคี วามสะดวก Correlation Coefficient เพ่ือทดสอบความสัมพันธ์ ต่อการเดนิ ทางมาใช้บริการ ระหวา่ งตวั แปรอิสระกบั ตัวแปรตาม พบวา่ ไปสอดคล้อง กับแนวคิดของพฤติกรรมผู้บริโภคของ Kotler (2000) 4. ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลา ด กล่าวว่า ในการตัดสินใจซ้ือผลิตภัณฑ์ โดยมีจุดเริ่มต้น ผลการวิจัยพบวา่ ลกู คา้ ท่ีมาใช้บริการหา้ งสรรพสนิ คา้ ใน จากการทีเ่ กิดสงิ่ กระตนุ้ ซ่งึ ส่วนประสมทางการตลาดท้ัง พื้นท่ี 3 จังหวัด EEC ท่ีให้ความสาคญั ต่อปัจจัยด้านการ 7 ด้านถือว่าเป็นสิ่งสาคัญในการกระตุ้นให้เกิด ส่งเสริมการตลาดมาก จึงทาให้มีผลต่อความพึงพอใจ กระบวนการตัดสินใจซอื้ ซ่ึงตรงกับงานวจิ ัย ปัจจัยส่วน ต่อการมาใช้บริการที่มากข้ึนด้วย เพราะด้านส่งเสริม ประสมทางการตลาดบริการ และพฤติกรรมการเข้าใช้ การตลาด มีอิทธิผลต่อพฤติกรรมการซื้อและการใช้ บริการท่ีมีผลต่อความพึงพอใจของลูกคา้ ท่ีมาใชบ้ ริการ บริการ และห้างสรรพสินค้าท้ังสามแห่งก็มีการจัดทา ห้างสรรพสินค้าภายในพื้นท่สี ามจังหวดั EEC ซงึ่ สามารถ บัตรสมาชิก The 1 Card เพื่อสะสมคะแนน เพื่อให้ สรุปมาเปน็ ผลวจิ ัยได้ดังนี้ ลกู คา้ ทมี่ าใชบ้ รกิ ารใช้จา่ ยเพ่ือสะสมแต้ม ดงั นน้ั จงึ มกี าร แจง้ ขอ้ มลู ข่าวสาร และโปรโมชั่นตา่ ง ๆ มีการจดั รายการ 1. ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ผู้ทาวิจัยพบว่า โปรโมชั่นส่วนลดพิเศษอย่างตอ่ เนื่องและสอดคลอ้ งกบั ลูกค้าท่ีมาใช้บริการห้างสรรพสินค้าภายในพื้นท่ีสาม ช่วงเทศกาลต่าง ๆ ตลอดจนมีการประชาสัมพันธ์ จังหวัด EEC ที่ให้ความสาคัญต่อ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการส่งเสริมการขายผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างทั่วถงึ มาก จึงทามีความคาดหวังในตัวผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสูง ในตัวพ้ืนที่ต่าง ๆ ของจังหวัดโดยเฉพาะอย่างพื้นที่ ซึ่งมีความสมั พันธ์สอดคลอ้ งกับความพึงพอใจตอ่ ในการ ตัวเมือง เพ่ือให้ลูกค้าทราบขอ้ มูลและมีแรงจูงใจในการ มาใช้บริการท่ีเพ่ิมมากข้ึนด้วย ซึ่งพบว่าลูกค้าที่มาใช้ มาใชบ้ ริการ บริการมีความต้องการสินค้าท่ีมีคุณภาพ มีการ วารสารวชิ าการรบั ใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 19 ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
5. ปัจจัยดา้ นบุคลากร พบว่า ลูกค้าที่มาใช้ เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่บอกว่า ส่วนใน บริการท่ีห้างสรรพสินค้าในพ้ืนที่ 3 จังหวัด EEC ที่ให้ ด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ด้านการมีส่วนลด ความสาคญั ตอ่ ปัจจัยด้านบุคลากรมาก จึงทาใหม้ ผี ลตอ่ ราคาให้ ด้านการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย ด้าน ความพงึ พอใจในการมาใชบ้ ริการท่มี ากขนึ้ ด้วย ซ่ึงพบวา่ การบริการรวดเร็วคล่องแคล่ว และถูกต้อง และด้าน ผู้ตอบแบบสอบถามยังไม่ค่อยมีความพึงพอใจอยู่ใน ความยิ้มแย้มแจ่มใสของพนักงาน ผู้บริโภคให้ความ ระดับดีต่อปัจจัยด้านบุคลากรในการมาใช้บริการของ พอใจแตกต่างกนั ห้างสรรพสินค้า ซึ่งผู้วิจัยได้ทราบข้อมูลในภายหลังว่า เน่ืองจากห้างสรรพสินค้าทั้งสามแห่งมีการหมุนเวียน 3. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทยี บความพึงพอใจ เปล่ียนพนักงาน ทาให้พนักงานขายบางจุด ขาดความ ของลูกค้าห้างสรรพสินค้าในพื้นท่ีสามจังหวัด EEC ชานาญในการแนะนาเกี่ยวกับสินค้าและให้ข้อมูลแก่ จาแนกตามลักษณะพฤติกรรมของผบู้ ริโภคไดแ้ ก่ บคุ คล ลูกค้า ทาให้พนักงานไม่สามารถ ให้ความช่วยเหลือใน ทีไ่ ปใชบ้ ริการด้วย, เหตุผลทไ่ี ปใช้บริการ, ความถ่ใี นการ การหาสินค้าไดด้ เี ท่าที่ควร และพนักงานควรมีอธั ยาศยั ใช้บริการ และช่วงเวลาที่มักไปใช้บริการอยู่เป็นประจา ท่ีดี ต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ที่สาคัญควร ซึ่งผลการวิจัยพบวา่ พฤติกรรม ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อ ปลกู ฝังความความรักและกระตอื รอื ร้นในการให้บริการ ความพงึ พอใจท่ไี มแ่ ตกต่างกัน 6. ปัจจัยด้านกระบวนการในการใหบ้ รกิ าร บุคคลท่ีไปใช้เวลาร่วมกัน ส่วนใหญ่พบว่า ไป ผลการวจิ ยั พบว่า ลกู ค้าท่ีมาใช้บริการห้างสรรพสินคา้ ใน กับครอบครัว และ ประเภทที่เลือกใช้บริการ ส่วนใหญ่ พ้ืนท่ี 3 จังหวัด EEC ท่ีให้ความสาคัญต่อปัจจัยด้าน พบว่า เดินพักผ่อน ซึ่งสอดคล้องกับ เอมมิกา แตงรอด บุคลากรมาก จึงทาให้มีผลต่อความพึงพอใจ ต่อการมา (2557) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจการใช้ ใช้บริการท่ีมากข้ึนด้วย ซึ่งผลการวิจัยพบว่าความ บ ริ ก า ร ศู น ย์ ก า ร ค้ า ชุ ม ช น ข อ ง ผู้ บ ริ โ ภ ค เ ข ต พึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามต่อปัจจัยด้านการ กรุงเทพมหานคร จากผลวิจัยดังกล่าว ผู้วิจัยพบว่า กระบวนการในการให้บริการน้ันยงั ถือว่าอยู่ในระดับตา่ ห้างสรรพสินค้าท้ังสามแห่งเป็นแหล่งซ้ือสินค้า จับจ่าย เน่ืองจากห้างสรรพสินค้ามีปัญหาในเร่ืองการให้ความ ใช้สอยรับประทานอาหาร ชมภาพยนตร์ อีกทั้งยังมี ช่วยเหลือกรณีสินค้ามีปัญหา ซึ่งสาเหตุมาจากพนักงาน ลักษณะเป็นแหลง่ ท่องเท่ียวพักผ่อนหยอ่ นใจเช่นกัน จึง ขาดการให้ข้อมูลอย่างละเอียดถ่ีถ้วนจึงไม่สามารถให้ เหมาะสาหรับการนัด พบปะกับเพอ่ื นฝูง หรือจะใช้เป็น คาตอบและจดั การกับปญั หาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ สถานทเ่ี พือ่ พักผ่อนหยอ่ นใจของครอบครัว 7. ปัจจัยด้านลักษ ณะทาง กายภาพ ความถ่ีการใช้ต่อเดือน ส่วนใหญ่พบว่าผู้ตอบ ผลการวจิ ยั พบว่า ลูกคา้ ทมี่ าใช้บรกิ ารห้างสรรพสนิ ค้าใน แบบสอบถามเดินทางมาใช้บริการมากกว่า 3 คร้ังต่อ พื้นที่ 3 จังหวัด EEC ที่ให้ความสาคัญต่อปัจจัยลักษณะ เดอื น, วันท่ีนิยมไปใช้บรกิ าร ส่วนใหญพ่ บว่าเปน็ วันเสาร์ ทางกายภาพมาก จึงทาให้มีผลตอ่ ความพึงพอใจ ตอ่ การ ซึง่ สอดคล้องกบั กนกพรรณ สขุ ฤทธ์ิ (2557) ศกึ ษาสว่ น มาใชบ้ รกิ ารทม่ี ากข้ึนดว้ ย เพราะหา้ งสรรพสินค้าท้งั สาม ประสมทางการตลาดบรกิ ารและพฤตกิ รรมการใช้บริการ แห่งมกี ารจัดวางสนิ คา้ เป็นหมวดหมู่และปรบั อากาศและ ร้านอาหารญ่ีปุ่นย่าน Community Mall ของผู้บริโภค อุณหภูมิภายในอาคารเย็นสบายรวมท้ัง มีการจัด ในกรงุ เพมหานคร ผ้ตู อบแบบสอบถามนยิ มมาใช้บริการ บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าให้มีความสะอาด ช่วง วนั เสาร์-อาทิตย์ สวยงาม มีแสงสวา่ งพอเหมาะ อากาศถ่ายเทได้ อีกท้ังยัง มพี ้ืนท่ีจัดแตง่ สวยงามให้ลกู คา้ สามารถถ่ายรูปได้ และเพ่ือให้ผลวิจัยครั้ง นี้ สามารถนาไป ประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมากข้ึน ผู้วิจัยขอ ผลจาการวิจัย ปัจจัยส่วนประสมทาง เสนอขอ้ เสนอแนะในการวิจยั ครัง้ ต่อไปดังน้ี การตลาดทั้ง 7 ด้าน พบว่าปัจจัยส่วนประสมทาง การตลาด ท่ีแตกต่างกัน มีผลต่อความความความพึง 1. ผลการศึกษาคร้ังน้ีทาให้ทราบปัจจัยส่วน พอใจ สอดคล้องกับ อริสา ศรีฒนกุล (2559) ได้ ประสมทางการตลาดวา่ มดี า้ นใดทีม่ ีผลตอ่ ระดับความพงึ ทาการศึกษาเรื่อง ปัจจัยท่ีมีผลต่อความพึงพอใจในการ พอใจของผู้บริโภค และระดับความพึงพอใจต่อปัจจัย ซ้ือสินค้าเทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus) ของผู้บริโภคใน ส่วนประสมทางการตลาดวา่ มดี ้านใดท่ีมีระดับนอ้ ยทสี่ ดุ ซึ่งสามารถนาไปพัฒนาธุรกิจได้ แต่ในการที่จะนาไป ปรับปรงุ หรอื พฒั นาน้ันจะมีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึนหาก 20 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ผลการวิจัยสามารถระบุเป็นด้านต่าง ๆของปัจจัยส่วน ชุติมา ชัยบัญชาการ. 2559. ปัจจัยท่ีมีผลต่อความ ประสมทางการตลาดไดอ้ ย่างเฉพาะเจาะจง เช่น ปัจจัย พึงพอใจ ในการใช้บริกา รศูนย์อาหารท่ี ด้านบุคลากร ท่ีห้างสรรพสินค้าควรให้การปรับปรุงคอื ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต. ด้านทักษะการสื่อสารของพนักงาน และ ด้านการแต่ง วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต.กรุงเทพฯ: กายของพนักงาน เป็นตน้ บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสยาม. 2. การวิจัยคร้ังนี้สารวจความพึงพอใจของ ธนวรรณ แสงสวุ รรณ. 2557. “การจัดการการตลาด”. ผู้ตอบแบบถามภายใต้การทาวิจัยแบบเชิงปริมาณ พมิ พ์คร้งั ที่ 10. ฉบับถูกต้องตามลิขสิทธิ์ แปลและ คาตอบที่ได้จากการวิจัยจึงอาจไม่ลึกเพียงพอ หากการ เรียบเรียงจาก MARKETING MANAGEMENT, ทาวจิ ยั ในครั้งต่อไปผ้วู ิจยั สามารถดาเนินการทาวจิ ยั แบบ 11th edition. (บริษัท เพียร์สัน เอ็ดดูเคช่ัน อิน เชิงคุณภาพดว้ ยก็จะทาให้คาตอบที่ได้จากการทาวจิ ัยมี โดไชนา่ จากดั : กรุงเทพฯ) ความลึกซึง้ มากข้นึ ธนาทิพย์ ทอนไธสง. 2557. อ้างอิงในวารสารราช 3. เน่ืองจากในปัจจุบันพื้นที่สามจังหวัด EEC นครินทร์ กรกฎาคม-ธันวาคม 2557. กรุงเทพฯ. ซึ่งประกอบไปด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง มี การขยายตวั อย่างต่อเนื่องทาให้มีนักลงทุนและแรงงาน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จากัด (มหาชน) .ข้อมูลองค์กร. ชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่อย่างหลากหลาย เช่น จีน เข้าถึงเมื่อ 16 มิถุนายน 2560, เข้าถึงได้จาก อเมริกา ยุโรป อินเดีย และประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย http://www.cpn.co.th. ตะวันออกเฉียงใต้ การศึกษาวิจัยในครั้งต่อไปจึงควรมี การศกึ ษาความพึงพอใจของคนต่างชาติด้วยในการมาใช้ บริษทั โรบนิ สัน จากดั (มหาชน). ธรุ กิจของบรษิ ัท. ซ้อื . บริการ ซึ่งอาจใช้ตัวแปรและขอบเขตเน้ือหาที่แตกตา่ ง เข้าถึงเมื่อ 15 มิถุนายน 2560, เข้าถึงได้จาก กันไปจากงานวิจัยน้ี เช่นอาจระบุลงไปถึงช่องการการ http://robins-th.listedcompany.com. ติดต่อ ความสะดวกในการเดินทาง ทักษะการใช้ ภาษาต่างประเทศของพนักงานขาย ตลอดจนความ กฤษติกา คงสมพงษ์. กลยุทธ์การจัดการธุรกิจบริการ หลากหลายของสินค้าและบริการต่าง ๆ ตามความ ยุคดิจิทัล. เข้าถึงเมื่อ 16 มิถุนายน 2560, เหมาะสมของคนประเทศนั้น ๆ เข้าถึงได้จาก https://marketeeronline.com/ archives/23735. โดยภาพรวมหลงั จากทไี่ ดท้ าการสรปุ ผลวิจัยใน งานครั้งนี้ผูว้ ิจัยพบว่ามีปัจจัยทางการตลาดหลายปจั จัย ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณ ะ. 2552. ก ารบริหาร เช่น ปจั จยั ด้านบคุ ลากร ทีใ่ หข้ ้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่ การตลาดยุคใหม่. กรุงเทพฯ: บริษัท ธรรมสาร ห้างสรรพสินค้ามากมายไม่ว่าจะเปน็ ข้อสรุปที่พนักงาน จากัด ขายของห้างสรรพสินค้าควรได้รับการพัฒนาทักษะ ทางด้านการสื่อสารให้เพ่ิมมากขึ้น ซึ่งผลสรุปของ สมาคมผคู้ ้าปลีกไทย. 2555. ภาวะอตุ สาหกรรมคา้ ปลีก. งานวิจัยนี้กจ็ ะสามารถส่งผลตอ่ การเพ่มิ ศักยภาพในการ เขา้ ถงึ เมอ่ื 16 มถิ ุนายน 2560, เข้าถงึ ไดจ้ าก ใหบ้ ริการไดด้ ีขน้ึ ต่อไปในอนาคต http//www.theretailacademy.wordpress.c บรรณานกุ รม om/tag/สมาคมผคู้ ้าปลกี ไทย:ภาวะอตุ สาหกรรม กนกพรรณ สุขฤทธิ์. 2557. ส่วนประสมการตลาด คา้ ปลีก/. บริการและพฤตกิ รรมการใชบ้ ริการรา้ นอาหาร สยามนิวส์. การเจริญเติบโตธุรกิจค้าปลีกในจังหวัด ญี่ปุ่น ย่าน Community Mall ของผู้บริโภค จันทบุรี. เข้าถึงเมื่อ 16 มิถุนายน 2560, เข้าถึง ในกรุงเทพมหานคร.วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจ ไดจ้ าก http://www.siamnewschan.com/. มหาบัณฑิต.กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยา ลัย มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรว์ ิโรฒ. สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จากัด. รูปแบบธุรกิจ. เข้าถึงเม่ือ 15 มิถุนายน 2560, เข้าถึงได้จาก http://www.siamfuture.com/ อริสา ศรีพัฒนกุล และผู้แต่งอ่ืนๆ. 2559.ปัจจัยที่มีผล ต่อความพึงพอใจในการซ้ือสินค้าเทสโก้ โลตัส ( Tesco Lotus) ข อ ง ผู้ บ ริ โ ภ ค ใ น เ ข ต ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร แ ล ะ ป ริ ม ณ ฑ ล . มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์: ม.ป.ท. วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 21 ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
เอมมิกา แตงรอด. 2557.ปจั จัยทม่ี ผี ลต่อความพึงพอใจ James R. Oxden and Denise T. Oxden. 2005. การใชบ้ ริการศนู ยก์ ารคา้ ชุมชนของผู้บรโิ ภคใน Retailing (1st Ed). Houghton Mifflin. เขตกรุงเทพมหานคร กรณีศึกษา เดอะ เซอร์ เคิล ราชพฤกษ์ .วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจ Kotler, P. (203) Marketing Management. 11th ม ห า บั ณ ฑิ ต . ก รุ ง เ ท พ ฯ :บั ณ ฑิ ต วิ ท ย า ลั ย Edition, Prenice-Hall, Upper Saddle River. มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. Maslow, A H. 1970. Motivation and Personality Best, John W. 1981. “Likert Method,” Research 2nd ed.). New York: Harper & Row. in Education. 4 th ed.Eaglewood Cliffs: N.S, Prentice – Hall. Michael Lev and Barton Weitz . 2007.Retailing Managemen. (6th Ed). McGraw-Hill. Cronbach, J. ( 2003) . Essential of psychology testing. New York: Hanpercollishes. Schiffman Lon G. and Kanuk Leslis Lazar. 1991. Consumer Behavior. 4 th ed. Englewood DeFleur, M. L., & Ball-Rokeach, S. J. 1996. Cliffs Theoriesof mass communication.London: Longman. New Jersey Prentice – Hall,Inc, A Division of Simon & Schuster. 22 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
การแก้ไขปญั หาการเขยี นสะกดคาภาษาไทยไมถ่ กู ตอ้ งของร้านอาหาร บริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จงั หวัดสพุ รรณบุรี A Solution to The Misspelling of The Words At The Restaurants Near The Educstional Institutes in Sam Chuk District, Suphanburi Province. ฐาปกรณ์ อ่วมสถติ ย์1* ลกั ขณา รุง่ โรจน์2, กนกวรรณ ศรบี ญุ ธรรม3 Thapakon Uamsathit1*, Lakkana Rungrot2, kanokwan Sribuntham3 1,2,3อาจารย์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ ศนู ยส์ พุ รรณบรุ ี 1,2,3 Lecturer, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi, Suphanburi Campus Instructor *E-mail : [email protected] เบอร์โทรศัพท์ 088-1625950 บทคัดยอ่ งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณ สถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และแก้ไขปัญหาดงั กล่าว โดยใช้แบบสังเกตการเขียนสะกดคาไม่ถกู ตอ้ ง เป็นเคร่ืองมือในการเก็บข้อมูล และใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) ในการวิเคราะห์ข้อมูล และแก้ไขปัญหาด้วยเคร่ืองมือแก้ไขปัญหาการเขียนสะกดคา ภาษาไทยไมถ่ กู ตอ้ งในรา้ นอาหารบรเิ วณสถานศกึ ษา อาเภอสามชกุ จังหวัดสุพรรณบรุ ี ผลการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่พบคาสะกดผดิ ในร้านอาหารประเภททั่วไปและริมบาทวิถี โดยพบคาสะกดผดิ ท้ังส้ิน 49 คา นับเป็นจานวนคร้ังรวมทั้งส้ิน 175 คา คาท่ีพบมากครั้งท่ีสุดคอื ผัดกะเพรา รองลงมาคอื ผัดไทยและ ซุบหน่อไม้ สว่ นสาเหตหุ ลักทท่ี าให้เขียนสะกดไม่ถกู ต้องคือใช้แนวเทียบผิดและเปน็ คาภาษาต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาพบว่าปัญหาการเขียนสะกดคาไม่ถูกต้องส่วนใหญ่อยู่ท่ีร้านอาหารบริเวณมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบรุ ี และโรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม โดยพบคาสะกดไม่ถกู ตอ้ งทง้ั สน้ิ 175 คา ไดร้ บั การแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง 129 คา คดิ เป็นรอ้ ยละ 73.71 ซง่ึ ถือวา่ สัมฤทธิผ์ ลตามตวั ชว้ี ัดท่ีต้ังไวค้ ือรา้ นอาหาร ดังกลา่ วได้แก้ไขคาสะกดไม่ถกู ต้องใหถ้ กู ตอ้ งมากกว่ารอ้ ยละ 70 คาสาคญั การเขียนสะกดคา ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา Abstract The purposes of this research were 1) to investigate the misspelling of Thai words found at the restaurants near the educational institutes in Sam Chuk District, Suphanburi Province, and 2) to solve the misspelling of Thai words found at the restaurants near the educational institutes in Sam Chuk District, Suphanburi Province. The research instrument was observation form of word-spelled writing. The data analysis by descriptive statistics was frequency and percentage. The result showed that the most frequently misspelled words were 49 misspelled word forms lexical items with 175 times. The problem words were fried rice with basil (Pad-Ka-Prao), followed by Thai-style stir-fried noodles (Pad-Thai) and Thai-Esan spicy salad of shredded bamboo วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 23 ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2563
shoots (Soup-Nor-Mai). The causes of misspelling were form spelling guidelines overgeneralization of loanwords. The most of the problem words were at the food stalls and carts around Rajamangala University of Technology Suvarnabumi and Samchuk Ratanapokaram school in Suphanburi. The problem words that were resolved were 129 out of 175, calculated as 73.71 percent. The result was higher than 70 percent as the criterion. Keywords spelling, restaurants around educational institutes บทนา อักษร ท้ังพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเครื่องหมาย ภาษาไทยเปน็ เคร่ืองมือหลักในการส่อื สารของ ต่าง ๆ มาร้อยเรียงให้เป็นคาท่ีมีความหมายได้อย่าง ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ซึ่งถ้าเป็นคาภาษาไทยนั้น คนในชาติไทย เป็นวัฒนธรรมประจาชาติอย่างหนึ่งซ่ึง สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้จากพจนานุกรมฉบบั แสดงถึงเอกลักษณ์ของไทยได้อย่างชัดเจน การใช้ ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ถ าน ฉ บั บ ปั จ จุ บั น ( พ . ศ . 2556) ภาษาไทยใหถ้ กู ตอ้ งจึงเปน็ เรอ่ื งจาเป็นอยา่ งย่ิง เพือ่ ไม่ให้ (สุธา ขวัญพุฒ, 2550. สมลักษณ์ สุวรรณวงศ์, 2550 เกิดความสับสนในการใช้ภาษา ผู้ใช้ภาษาควรคานึงถึง และกระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2552) หลกั เกณฑ์การใชภ้ าษาไทย ถงึ แมภ้ าษาไทยเป็นภาษาที่ ยังไม่ตาย เป็นเร่ืองปกติที่จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้า การเขียนสะกดคาไม่ถูกต้องและเผยแพร่ออก ผูใ้ ช้ภาษาไมค่ านึงถึงหลักเกณฑแ์ ละความถูกต้องก็จะทา สื่อสาธารณะทาให้ผู้พบเห็นท่ีไม่ได้ตรวจสอบ จะจดจา ให้เกิดความสับสนและอัตลักษณ์ของภาษาไทยก็จะ และนาไปใช้ ซึ่งส่ือสาธารณะคือสื่อที่ประชาชนเข้าถึง ค่อย ๆ เลือนจางไป ง่ายและเป็นท่ีติดตาของผู้พบเห็น เป็นช่องทางการ สอื่ สารทส่ี าคญั โดยเฉพาะปา้ ยโฆษณาประชาสัมพันธ์ใน ปัญหาการใช้ภาษาไทยเป็นปัญหาหนึ่งท่ี รา้ นอาหารที่ไมค่ ่อยใส่ใจในเรื่องความถกู ผดิ ของรายการ รฐั บาลให้ความสนใจโดยระบไุ ว้ในแผนพฒั นาการศึกษา อาหาร จึงทาให้ลูกค้าที่ไม่ได้ตรวจสอบคาถูกผิดจดจา ของกระทรวงศึกษาธิการฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - และนาไปใช้ 2564) (2559) โดยในส่วนท่ี 1 : เหตุผลความจาเป็นใน การจัดทาแผนพัฒนาการศึกษาฯ ได้กล่าวถงึ ปัญหาการ ร้ า น อ า ห า ร บ ริ เ ว ณ ส ถ า น ศึ ก ษ า ค ว ร เ ป็ น ใชภ้ าษาไทยทีไ่ มเ่ หมาะสมของคนในชาติ ซ่งึ เปน็ สิง่ หน่ึง แบบอย่างในการใช้ภาษาด้านการเขียนสะกดคาให้ ทแ่ี สดงถึงความเส่ือมถอยทางวฒั นธรรมของไทย ถูกตอ้ ง เพราะลกู ค้าส่วนใหญ่เป็นนกั เรยี น นักศึกษา ถ้า หากมีคาผิดในร้านอาหารหรือรายการอาหาร นักเรียน ในปจั จบุ นั นน้ั มีหลากประเด็นทแ่ี สดงถึงการใช้ นักศึกษากจ็ ะจาและนาไปใชอ้ ย่างไม่ถูกตอ้ ง และถือเป็น ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เช่น การเขียนสะกดคาไม่ถูกต้อง การแพร่กระจายคาผิดได้รวดเรว็ และคงทน เพราะสถาน การใช้คาไม่ตรงความหมาย การใช้คากากวม การใชค้ า การศึกษาคอื แหล่งความรูอ้ ันทรงคณุ คา่ และเป็นสถานที่ ฟุ่มเฟือย การใช้คาทับศพั ท์โดยไม่จาเป็น การใชส้ านวน ที่ได้รับความเช่ือถือจากประชาชนภายนอกทางด้าน ต่างประเทศ การใช้ลักษณะนามไมถ่ ูกตอ้ ง การใช้คาซ้า วชิ าการมากกวา่ หน่วยงานอื่น บริเวณใกล้เคียง (ไม่หลากคา) การใช้ภาษาผิดระดับ เป็นต้น ซึ่งปัญหาที่เด่นชดั และตรวจสอบได้สะดวกทีส่ ดุ จ า ก ก า ร ล ง พื้ น ที่ ส า ร ว จ ข้ อ มู ล ข อ ง ผู้ วิ จั ย คือปัญหาการเขียนสะกดคาไม่ถูกต้อง โดยสามารถ โดยสังเขป ณ ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษาในอาเภอ ต รวจสอบได้ทันทีเม่ือเทีย บกับคาที่ถูกต้อง ใน สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พบการเขียนสะกดคาผดิ ใน พจนานุกรมไทย ซึ่งการเขียนสะกดคาหมายถึงการนา ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษาหลายแห่ง เช่นคาว่า 24 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ผัดกระเพรา ผัดไท ก๋วยจ๊ับ หมูกะทะ หอยจ๊อ ปลา บรรยากาศแบบสบาย ๆ เป็นกันเองราคาอาหารระดับ กระพง ซุปหน่อไม้ ไอศครีม น้าแข็งใส พแนงหมู แซบ ปานกลางพนักงานบริการแบบเป็นกันเองไมม่ พี ธิ ีรีตอง หมูหยอง ช็อคโกแล็ต สตอเบอร่ี เป็นต้น ซึ่งคาเหลา่ นี้ เขียนสะกดคาไมถ่ ูกตอ้ ง ควรไดร้ บั การแกไ้ ข 2.3 ร้านอาหารทัว่ ไป (Fast Dining) เป็นรา้ นท่ี มีการออกแบบตกแต่งแบบเรยี บง่าย สะดวก รวดเรว็ มีความ ฉะน้ันผู้วิจัยเห็นควรแก้ไขปัญหาการเขียน ทันสมัย เน้นบริการอาหารจานด่วน มีรายการอาหารจากดั สะกดคาในร้านอาหารบริเวณสถานศกึ ษาในเขตอาเภอ และสามารถหมนุ เวียนลูกคา้ ได้ในปรมิ าณมาก สามชุก จงั หวดั สุพรรณบรุ ี เพอื่ ไมใ่ หเ้ กิดความสบั สนและ เ ป็ น ปั ญ ห า ท า ง ด้ า น ก า ร ส่ื อ ส า ร ท่ี ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ 2.4 ร้านริมบาทวิถี (Kiosk) เป็นร้านที่มีการ วฒั นธรรมของชาติ และเพ่ือให้นกั เรียน นักศึกษา และผู้ ออกแบบตกแต่งแบบง่าย ๆ เน้นอาหาร จานเดียว สามารถ เขา้ ใชบ้ ริการในร้านอาหารเหล่านี้ในชุมชนได้ซึมซับคาที่ ปรุง ได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเปน็ ธุรกจิ ขนาดย่อมที่มีเจ้าของ เขียนได้ถูกต้อง เพ่อื จะใชใ้ นการเขยี นของตนเองได้อยา่ ง ร้านเป็นพ่อครัวเอง ถูกต้อง ซ่ึงวัตถุประสงค์ของการวิจัยคือ 1. เพื่อศึกษา ปั ญ ห า ก า ร เ ขี ย น ส ะ ก ด ค า ภ า ษ า ไ ท ย ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ใ น ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษาจึงหมายถึง ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัด สถานท่ปี ระกอบอาหาร หรือปรงุ อาหารสาเร็จ และจาหน่าย สุพรรณบุรี 2. เพื่อแก้ไขปัญหาการเขียนสะกดคา ให้ผู้ซ้ือสามารถบริโภคได้ทันที ซึ่งต้ังอยู่ในและบริเวณรอบ ภาษาไทยไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา สถานศึกษา โดยมีกลุ่มลกู ค้าหลักคอื นักเรียนนักศึกษาและ อาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบรุ ี บุคลากรในสถานศึกษา วิธีการดาเนนิ งาน 3. ลงพ้ืนทร่ี วบรวมขอ้ มูลตามขอบเขตของการวิจัย ก า ร ศึ ก ษ า ค ร้ั ง นี้ เ ป็ น ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง ส า ร ว จ โดยใช้แบบสงั เกตการณเ์ ขยี นสะกดคาไมถ่ ูกต้อง (Survey research) และเชิงทดลอง (Experimental research) ซ่ึงมีขอบเขตของการศึกษาคือคาภาษาไทย 4. วเิ คราะหข์ ้อมูลแบบสงั เกตการเขียนสะกดคาไม่ ในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา (ในสถานศึกษาและ ถูกต้องโดยใช้หลักเกณฑ์การเขียนสะกดคาภาษาไทย รอบอาณาเขตสถานศึกษาไม่เกิน 500 เมตร) อาเภอ และใช้พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2554 สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีรายละเอียดของ (ราชบัณฑิตยสถาน, 2557) เป็นแนวเทียบ หากคาใดเขียน กระบวนการศึกษาดังตอ่ ไปนี้ สะกดคาไม่ตรงตามหลักเกณฑ์และพจนานุกรมดังกล่าว ถือวา่ คานนั้ สะกดไม่ถกู ตอ้ ง 1. ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง 2. ศึกษาปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยด้วย ภาพท่ี 1 การเกบ็ ขอ้ มูลการเขยี นสะกดคาไม่ถูกตอ้ ง การลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา ณ ร้านขา้ วแกงปา้ แจ้ บรเิ วณมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยี อ.สามชกุ จ.สุพรรณบรุ ี โดยผู้วจิ ัยจาแนกประเภทร้านอาหาร ตามเกณฑ์ของวนดิ า สงิ หจ์ าวลา (2554) ดังตอ่ ไปน้ี ราชมงคลสวุ รรณภูมิ ศนู ยส์ ุพรรณบรุ ี 2.1 ร้านอาหารระดับหรู (Fine Dining) เป็น ร้านที่มีการออกแบบตกแตง่ อยา่ งประณีต สวยงาม ใช้วัสดุ และอุปกรณร์ าคาแพง จัดอาหารอยา่ งหรู มีการบริการระดับ 5 ดาว 2.2 ร้านอาหารระดับกลาง (Casual Dining) เป็นร้านท่ีมี การออกแบบตกแต่งแบบพอสมควรเน้น วารสารวชิ าการรบั ใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 25 ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
ผลการดาเนินงาน การศึกษาและแก้ไขปัญหาการเขียนสะกดคา ไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอ สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี สรุปผลได้ตามวัตถุประสงค์ การวิจยั ดังนี้ 1. ปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยไม่ ถูกต้องในรา้ นอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชกุ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี ภาพท่ี 2 การเกบ็ ขอ้ มลู การเขยี นสะกดคาไม่ถูกตอ้ ง จากการศึกษาปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยไม่ ณ ร้านกาแฟโบราณเจข๊ ่อย บริเวณโรงเรยี นวดั บางขวาก ถูกต้องในร้านอาหารบรเิ วณสถานศึกษา อาเภอสามชกุ จังหวัดสุพรรณบุรี ผ้วู จิ ยั สรุปผลโดยจาแนกประเด็นเป็น ภาพท่ี 3 การเกบ็ ขอ้ มลู การเขยี นสะกดคาไมถ่ กู ตอ้ ง 3 ประเด็นและนาเสนอในรปู แบบตารางดงั น้ี ณ อาหารตามสง่ั บรเิ วณโรงเรยี นสามชุกรตั นโภคาราม ตารางที่ 1 แสดงจานวนร้านอาหารบริเวณสถานศกึ ษา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี แต่ละประเภทที่ 5. สร้างเคร่ืองมือการแก้ไขปัญหาเขียนสะกดคา เขียนสะกดคาภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง ภาษาไทยในร้านอาหารบริเวณสถานศกึ ษาและสถานศกึ ษา ในอาเภอสามชุก จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ประเภทของ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ ร้านอาหาร ร้านอาหาร คาผดิ 6. ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือท่ีจะใช้ 1. ระดับหรู 0 0.00 0 0.00 แก้ปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยในร้านอาหารบรเิ วณ (Fine Dining) 12 12.00 27 15.42 สถานศึกษาและสถานศึกษาในอาเภอสามชุก จังหวัด 2. ระดับกลาง สพุ รรณบุรี (Casual 54 54.00 101 57.71 Dining) 34 34.00 47 26.87 7. ใช้เครื่องมอื ในการแก้ไขปัญหาโดยการเผยแพร่ 3. อาหารทวั่ ไป ให้กับร้านอาหารบริเวณสถานศึกษาและสถานศึกษา (Fast Dining) อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี พร้อมบอกถึงปัญหา อธิบายถึง 4. รมิ บาทวถิ ี ความสาคัญของการเขียนสะกดคาไม่ถูกต้อง และกาหนด (Kiosk) ระยะเวลาในการแกไ้ ขไม่เกิน 1 เดอื น รวม 100 100 175 100 8. ประเมนิ ผลการแกไ้ ขปญั หาดว้ ยการลงพนื้ ทโ่ี ดย จากตารางที่ 1 พบว่าร้านอาหารบริเวณ ใช้แบบสังเกตการเขียนสะกดคาในร้านอาหารบริเวณ สถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เขียน สถานศกึ ษา อ.สามชุก จ.สุพรรณบรุ ี สะกดคาไมถ่ ูกต้อง มมี ากท่สี ุดคอื รา้ นอาหารทวั่ ไป (Fast Dining) มีท้ังส้ิน 54 รา้ น คิดเปน็ ร้อยละ 54.00 โดยพบ 9. สรุปผล อภิปรายผลการวิจัย และให้ คาสะกดผดิ 101 คา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 57.71 รองลงมาคอื ขอ้ เสนอแนะ ร้านอาหารริมบาทวิถี (Kiosk) มีท้ังสิ้น 34 ร้าน คิดเปน็ ร้อยละ 34.00 โดยพบคาสะกดผิด 47 คา คิดเป็น รอ้ ยละ 26.87 ของคาสะกดผิดทัง้ หมด และอนั ดับ 3 คือ ร้านอาหารระดับกลาง (Casual Dining) มีทั้งส้ิน 12 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 12.00 โดยพบคาสะกดผิด 27 คา คิดเป็นร้อยละ 15.42 ของคาสะกดผิดทั้งหมด ส่วน ร้านอาหารระดับหรู (Fine Dining) ไม่พบในบริเวณ สถานศกึ ษา อาเภอสามชกุ จงั หวดั สุพรรณบุรี 26 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ตารางท่ี 2 แสดงจานวนคาภาษาไทยท่ีสะกดไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัด สุพรรณบุรี คาภาษาไทยทีส่ ะกดไมถ่ กู ตอ้ ง คาท่ีสะกดถกู ตอ้ ง สาเหตุท่ีสะกดคาไมถ่ กู ต้อง จานวน รอ้ ยละ 1. ผดั ฉา่ ปลากระพง ปลากะพง ใช้แนวเทียบผิด 1 0.57 2. ผดั คน่ื ชา่ ยหมสู บั ขน้ึ ฉา่ ย ออกเสยี งผดิ 1 0.57 3. พแนงไก่ พะแนง ใช้แนวเทยี บผิด 1 0.57 4. หมูกะทะ/หอยกะทะ กระทะ ใชแ้ นวเทยี บผดิ 2 1.14 5. บฟุ เฟต่ ์ บฟุ เฟต์/บ๊ฟุ เฟต่ ์ คาภาษาต่างประเทศ 3 1.72 6. ซีฟดู๊ ซฟี ดู /ซฟี ูด้ คาภาษาต่างประเทศ 1 0.57 7. ผดั ซอี ้วิ /ปลานง่ึ ซีอว้ิ ซอี ิ๊ว เทยี บเสยี งวรรณยกุ ตผ์ ดิ 5 2.86 8. สตอเบอรี่ สตรอวเ์ บอร์รี คาภาษาตา่ งประเทศ 8 4.58 9. ผดั กระเพราะ/ผดั กระเพา ผดั กะเพรา ใชแ้ นวเทียบผดิ 56 32 10. ข้าวผดั กุ้ว ขา้ วผัดกงุ้ เลนิ เล่อ 1 0.57 11. สุกยี้ ากี้ สกุ ียากี้ คาภาษาต่างประเทศ 2 1.14 12. ผดั ไท ผดั ไทย เข้าใจความหมายผดิ 10 5.71 13. ลาดหน้า ราดหนา้ เข้าใจความหมายผดิ 3 1.72 14. ซุปหน่อไม้ ซบุ หนอ่ ไม้ เข้าใจความหมายผดิ 10 5.71 15. นา้ ยากระทิ/ลอดช่องนา้ กระทิ กะทิ ใชแ้ นวเทยี บผิด 3 1.72 16. ขา้ วยาไกแ่ ซบ/ต้มแซบ แซบ่ ยดึ การสะกดแบบเดิม 2 1.14 17. น้าแขง็ ใส น้าแขง็ ไส เข้าใจความหมายผดิ 4 2.29 18. สเต็ก สเต๊ก คาภาษาตา่ งประเทศ 5 2.86 19. สปั ปะรด/สบั ปะรส/สัปรด สับปะรด ใช้แนวเทียบผิด 3 1.72 20. เฟรนฟราย เฟรนช์ฟรายส์ คาภาษาต่างประเทศ 4 2.29 21. กว๋ ยจั๊บ กวยจั๊บ ออกเสียงผดิ 3 1.72 22. ตม้ ใส้เน้ือ/ใสก้ รอก/ ไส้ ใชแ้ นวเทยี บผดิ 3 1.72 ใสก้ รอกอีสาน 23. กระหลา่ ปลีทอดนา้ ปลา กะหลา่ ปลี ใชแ้ นวเทยี บผดิ 2 1.14 24. นา้ แครอท แคร์รอต คาภาษาต่างประเทศ 1 0.57 25. นา้ โคก๊ ปนั่ โค้ก เทียบเสยี งวรรณยุกต์ผดิ 1 0.57 26. พ๊นั ซแ์ ดง พันช์/พ้ันช์ คาภาษาตา่ งประเทศ 1 0.57 27. ช็อคโกแลต/ชอ็ คโกแลต็ ช็อกโกแลต/ คาภาษาต่างประเทศ ชอ็ กโกเลต 7 4.00 28. แซนวิช แซนด์วชิ คาภาษาตา่ งประเทศ 2 1.14 29. ปลาเคา้ ทอดน้าปลา ปลาค้าว ออกเสยี งผดิ 1 0.57 30. ไอศครีม ไอศกรมี คาภาษาต่างประเทศ 7 4.00 31. ปผู ดั ผงกระหร่ี/ทะเลผดั ผง ผงกะหร่ี ใชแ้ นวเทียบผิด กระหรี่ 1 0.57 32. แกงมัสหม่ันไก่ มสั มั่น ใชแ้ นวเทยี บผิด 1 0.57 วารสารวิชาการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 27 ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
คาภาษาไทยที่สะกดไม่ถกู ต้อง คาที่สะกดถกู ต้อง สาเหตุท่ีสะกดคาไมถ่ ูกต้อง จานวน รอ้ ยละ 33. นา้ ดอกอญั ชญั -มะนาว อญั ชนั ใช้แนวเทยี บผิด 1 0.57 34. วนิลา วานิลลา คาภาษาตา่ งประเทศ 1 0.57 35. ทอดมันปลากลาย ปลากราย เขา้ ใจความหมายผดิ 1 0.57 36. ข้าวเหนยี วมูลน้ากะทิ/ขา้ ว ขา้ วเหนยี วมนู เขา้ ใจความหมายผดิ 2 1.14 เหนยี วมลู ทเุ รยี น 0.57 37. ตบั หวน ตับหวาน เลินเลอ่ 1 0.57 38. หมกู ะเทยี ม หมกู ระเทยี ม ใชแ้ นวเทียบผดิ 1 1.72 39. ขนมปงั พริกเผาหมหู ยอง หมหู ยอ็ ง ไมท่ ราบความหมายของคา 3 0.57 40. ตม้ จดื วุ่นเส้น วนุ้ เส้น เทยี บเสยี งวรรณยุกต์ผดิ 1 0.57 41. แกงจดื เตา้ หู่ไข่ เตา้ หู้ เทียบเสยี งวรรณยุกต์ผดิ 1 0.57 42. เค๊กนมสด เคก้ เทยี บเสียงวรรณยกุ ตผ์ ดิ 1 0.57 43. สปาเกต็ ตี้ สปาเกตตี คาภาษาต่างประเทศ 1 0.57 44. ผดั กะเฉดหมกู รอบ กระเฉด ใชแ้ นวเทยี บผิด 1 0.57 45. ยาขมนจีน ยาขนมจีน เลนิ เล่อ 1 0.57 46. หอยจอ๊ ทอด ฮอ่ ยจ๊อทอด เข้าใจความหมายผดิ 1 0.57 47. ส้มตาป+ู ปารา้ ปลารา้ เลนิ เลอ่ 1 0.57 48. เย็นตาโพ เย็นตาโฟ เลนิ เลอ่ 1 0.57 49. เฉ๋ากว๊ ย เฉากว๊ ย เลินเล่อ 1 100 175 รวม จากตารางท่ี 2 พบคาภาษาไทยทส่ี ะกดไม่ถกู ตอ้ ง น้าแข็งไสและเฟรนช์ฟรายส์ คาละ 4 ครั้ง อันดับ 7 ใ น ร้ า น อ า ห า ร บ ริ เ ว ณ ส ถ า น ศึ ก ษ า อ า เ ภ อ ได้แก่คาว่า บุฟเฟต์/บุ๊ฟเฟ่ต์ ราดหน้า กะทิ สับปะรด สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ท้ังส้ิน 49 คา รวมจานวนท่ี กวยจั๊บ ไส้ และหมูหย็อง คาละ 3 ครั้ง อันดับ 8 ได้แก่ พบ 175 คร้งั โดยพบคาภาษาไทยท่สี ะกดไมถ่ ูกต้องมาก คาว่า กระทะ สุกียาก้ี แซ่บ กะหล่าปลี แซนด์วิช และ ท่ีสุดได้แก่คาว่ากะเพรา 56 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 32 ข้าวเหนียวมูน คาละ 2 คร้ัง และอันดับสดุ ท้ายไดแ้ กค่ า รองลงมาได้แก่คาว่า ผัดไทยและซุบหน่อไม้ คาละ 10 ว่า ปลากะพง ข้ึนฉ่าย พะแนง ซีฟูด/ซีฟู้ด ข้าวผัดกุ้ง ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 5.71 อันดับ 3 ได้แก่คาว่า สตรอว์ แคร์รอต โค้ก พันช์/พ้ันช์ ปลาค้าว ผงกะหรี่ มัสมั่น เบอร์รี 8 ครัง้ คิดเปน็ ร้อยละ 4.58 อันดับ 4 ได้แก่คาว่า อัญชัน วานิลลา ปลากราย ตับหวาน หมูกระเทียม วุ้น ช็อกโกแลต/ช็อกโกเลตและไอศกรีม คาละ 7 ครั้ง คิด เส้น เต้าหู้ เค้ก สปาเกตตี กระเฉด ยาขนมจีน ฮ่อยจ๊อ เป็นร้อยละ 4.00 อันดับ 5 ได้แก่คาว่า ซีอิ๊วและสเต๊ก ทอด ปลาร้า เย็นตาโฟ และเฉาก๊วย คาละ 1 คร้ัง คิด คาละ 5 ครั้ง คิดเป็นรอ้ ยละ 2.86 อันดับ 6 ได้แกค่ าว่า เปน็ ร้อยละ 0.57 28 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ตารางท่ี 3 แสดงสาเหตทุ ท่ี าให้เกดิ การสะกดคาภาษาไทยไมถ่ ูกต้องในรา้ นอาหารบรเิ วณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จงั หวัดสุพรรณบรุ ี สาเหตทุ ่สี ะกดคาไมถ่ ูกตอ้ ง จานวนคาผดิ รอ้ ยละ 1. ใชแ้ นวเทยี บผดิ 13 26.53 2. ออกเสียงผดิ 3 6.12 3. คาภาษาตา่ งประเทศ 13 26.53 4. เทยี บเสยี งวรรณยกุ ต์ผิด 5 10.20 5. เลนิ เลอ่ 6 12.25 6. ยดึ การสะกดแบบเดมิ 1 2.04 7. เขา้ ใจความหมายของคาผดิ 7 14.29 8. ไม่ทราบความหมายของคา 1 2.04 รวม 49 100 จากตารางท่ี 3 พบว่า สาเหตุท่ีทาให้เกิดการ ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัด ส ะก ด ค า ภ า ษ า ไ ท ย ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ใ นร้ า นอ า ห า ร บ ริ เ ว ณ สุพรรณบุรี ปรากฏผลดังตารางที่ 4 สถานศึกษา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีมากท่ีสุดคือใชแ้ นว เทยี บผิดและเป็นการทบั ศพั ทค์ าภาษาตา่ งประเทศ โดย ภาพท่ี 4 เคร่อื งมอื แก้ไขปัญหาการเขียนสะกดคา พบท้ังสิ้น 13 คา คิดเป็นร้อยละ 26.53 รองลงมาคือ ภาษาไทยไม่ถกู ต้องในร้านอาหารบรเิ วณสถานศึกษา เขา้ ใจความหมายของคาผิด 7 คา คิดเป็นรอ้ ยละ 14.29 อันดับ 3 คือ เลนิ เล่อ 6 คา คดิ เป็นรอ้ ยละ 12.25 อนั ดับ อาเภอสามชุก จงั หวดั สุพรรณบุรี หนา้ ที่ 1 4 คือ เทียบเสียงวรรณยุกต์ผิด 5 คา คิดเป็นร้อยละ ภาพที่ 5 เคร่ืองมอื แกไ้ ขปัญหาการเขียนสะกดคา 10.20 อันดับ 5 คือ ออกเสียงผิด 3 คา คิดเป็นร้อยละ ภาษาไทยไมถ่ ูกต้องในร้านอาหารบรเิ วณสถานศกึ ษา 6.12 และอันดับสุดท้ายได้แก่ยึดการสะกดคาแบบเดมิ และไม่ทราบความหมายของคา 1 คา คิดเป็นร้อยละ อาเภอสามชกุ จงั หวดั สพุ รรณบุรี หนา้ ท่ี 2 2.04 จากผลการศึกษาปัญหาการเขียนสะกดคา ภาษาไทยไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้วิจัยสร้างเคร่ืองมือ เพือ่ ใช้แก้ไขปญั หาดังกลา่ ว โดยเป็นเคร่อื งมอื ในลักษณะ แผ่นพับประชาสัมพนั ธ์ท่บี ง่ บอกถึงคาที่สะกดไมถ่ ูกต้อง ต้องแก้ไขด้วยการสะกดอย่างไรจึงจะถูกต้อง และที่ สะกดไม่ถูกต้องนั้นมีสาเหตุจากอะไร โดยเคร่ืองมือ ดงั กลา่ วมลี ักษณะดังนี้ 2. การแกไ้ ขปญั หาการเขยี นสะกดคาภาษาไทย ไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอ สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรีจากการใช้เคร่ืองมือแก้ไข ปั ญ ห า ก า ร เ ขี ย น ส ะ ก ด ค า ภ า ษ า ไ ท ย ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ใ น วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 29 ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
ตารางที่ 4 แสดงผลการแก้ไขปญั หาการเขียนสะกดคาภาษาไทยไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชกุ จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ร้านอาหาร จานวน รอ้ ยละของ จานวน รอ้ ยละของ ร้อยละ บริเวณสถานศกึ ษา คาผิด คาผดิ คาทแ่ี กไ้ ข คาผิด ของการแกไ้ ข 1. มทร. สวุ รรณภมู ิ ศนู ยส์ ุพรรณบุรี 66 ทง้ั หมด ท้งั หมด 2. รร. สามชุกรัตนโภคาราม 28 37.71 47 26.86 71.21 3. รร. วดั บางขวาก 16 25 14.29 89.29 4. รร. วดั สามชกุ 5 2.86 4 2.29 80.00 5. รร. อนบุ าลสมเดจ็ พระวนั รัต 2 1.14 2 1.14 100.00 6. รร. ศรีรตั นว์ ิทยา 5 2.86 3 1.71 60.00 7. รร. วัดใหมส่ ระพลอย 5 2.86 4 2.29 80.00 8. รร. วดั หนองสงั ขท์ อง 7 4 3 1.71 42.86 9. รร. วัดหนองสะเดา 3 1.71 3 1.71 100.00 10. รร. วดั หนองโรง 2 1.14 2 1.14 100.00 11. รร. วดั หนองไผ่ 0 0 0 0.00 0.00 12. รร. วดั หนองผกั นาก 5 2.86 5 2.86 100.00 13. รร. วดั สวุ รรณตะไล 3 1.71 3 1.71 100.00 14. รร. วดั วงั หนิ 0 0.00 0 0.00 0.00 15. รร. วัดวงั หวา้ 5 2.86 1 0.57 20.00 16. รร. วัดวงั จกิ 4 2.29 4 2.29 100.00 17. รร. วดั ลาดสงิ ห์ 4 2.29 3 1.71 75.00 18. รร. วดั โปง่ แดง 0 0 0 0.00 0.00 19. รร. วดั บา้ นสระ 4 2.29 4 2.29 100.00 20. รร. วดั บา้ นทงึ 5 2.86 4 2.29 80.00 21. รร. วดั นางพมิ พ์ 1 0.57 1 0.57 100.00 22. รร. วดั โคกหม้อ 2 1.14 2 1.14 100.00 23. รร. วดั คลองขอม 0 0.00 0 0.00 0.00 25. รร. บา้ นหนองบวั ทอง 4 2.29 3 1.71 75.00 26. รร. บ้านทงุ่ ใหญ่ 0 0.00 0 0.00 0.00 27. รร. บรรหารแจม่ ใสวทิ ยา 6 7 4.00 1 0.57 14.29 8 4.57 5 2.86 62.50 รวม 175 100 129 73.71 73.71 จากตารางท่ี 4 พบคาสะกดไม่ถูกต้องในร้านอาหาร และได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง 47 คา คิดเป็นร้อยละ บริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 26.86 ของคาสะกดไม่ถกู ต้องท้งั หมด ซ่ึงค่าร้อยละของ ศูนย์สุพรรณบุรมี ากท่ีสุด โดยพบคาสะกดไม่ถกู ตอ้ ง 66 การแก้ไขเท่ากับ 71.21 รองลงมาคอื ร้านอาหารบรเิ วณ คา คิดเป็นร้อยละ 37.71 ของคาสะกดไมถ่ กู ตอ้ งทง้ั หมด สามชุกรัตนโภคารามโดยพบคาสะกดไมถ่ ูกตอ้ ง 19 คา 30 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
คือ พบคาสะกดไม่สะกดถูกต้องท้ังส้ิน 175 คา ได้รับ การแก้ไข 129 คา คิดเป็นร้อยละ 73.71 ของคาสะกด ไม่ถูกต้องทั้งหมด ภาพท่ี 6 หนงั สือรบั รองการนางานวจิ ยั ไปใช้ประโยชน์ การนาไปใช้ประโยชน์ จากสานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษา ผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือการ สพุ รรณบรุ ี เขต 3 แก้ไขปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยไม่ถูกต้องใน ร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัด สุพรรณบุรี สามารถนาไปใช้แก้ปัญหาในร้านอาหาร บริเวณสถานศึกษา อาเภอสามชุก จงั หวดั สุพรรณบรุ ีได้ จริงและมีประสิทธิภาพ และนอกจากน้ันผู้วิจัยยังนา เคร่ืองมือและผลการศึกษาดังกล่าวไปใช้ประโยชน์กับ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 และ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุพรรณบุรี เขต 3 เพ่ือให้หน่วยงานดังกล่าวได้ใช้ประโยชน์ใน เชิงนโยบายดา้ นงานวชิ าการอนั เปน็ การพฒั นาศกั ยภาพ ผูเ้ รียนต่อไป ภาพท่ี 7 หนงั สือรบั รองการนางานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ อภิปรายผล จากสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 9 1. ปัญหาการเขียนสะกดคาภาษาไทยไม่ คิดเป็นร้อยละ 16.00 ของคาสะกดไม่ถูกต้องทั้งหมด และไดร้ บั การแก้ไขใหถ้ กู ต้อง 25 คา คิ ด เ ป็ น ร้ อ ย ล ะ ถูกต้องในร้านอาหารบรเิ วณสถานศกึ ษา อาเภอสามชุก 14.29 ของคาสะกดไม่ถูกตอ้ งท้งั หมด ซึ่งค่าร้อยละของ จังหวดั สุพรรณบุรี การแก้ไขเท่ากับ 89.29 ผลการแก้ไขปัญหาการเขียน สะกดคาภาษาไทยไม่ถูกต้องในร้านอาหาร บริเวณ การเขยี นสะกดคาภาษาไทยไมถ่ กู ตอ้ งส่วน สถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวดั สพุ รรณบุรี โดยรวม ใหญ่พบในรา้ นอาหารทั่วไปคอื เป็นร้านทม่ี ีการออกแบบ ตกแต่งแบบเรียบง่าย สะดวก รวดเร็ว มีความทันสมัย เน้นบริการอาหารจานดว่ น มีรายการอาหารจากดั และ สามารถหมุนเวียนลูกค้าไดใ้ นปริมาณมาก รองลงมาคอื ร้านอาหารริมบาทวิถีเป็นร้านท่ีมีการออกแบบตกแต่ง แบบง่าย ๆ เน้นอาหาร จานเดียว สามารถปรุง ได้ง่าย และรวดเรว็ โดยเป็นธรุ กิจขนาดยอ่ มทีม่ ีเจา้ ของรา้ นเปน็ พ่อครัวเอง โดยผู้วจิ ยั พบรา้ นอาหารลกั ษณะนใี้ นรูปแบบ รถเข็น รถพ่วงข้าง และการต้ังโต๊ะขายช่วั คราวเปน็ สว่ น ใหญ่ เหตุเพราะว่า ร้านอาหารประเภทดังกล่าว ไม่ได้ เน้นตกแต่งให้สวยงามหรูหรา ไม่ประณีต รอบคอบ ต่อรายละเอียด เน้นนาเสนอสินค้าเป็นหลัก ฉะน้ันจึง ไม่ได้ให้ความสาคัญกับการเขียนสะกดคามากนัก จงึ ไม่ได้ตรวจสอบใหแ้ นช่ ัดวา่ สะกดไดถ้ ูกต้องหรือไม่ วารสารวชิ าการรับใช้สังคม มทร.ล้านนา 31 ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2563
สาหรบั คาภาษาไทยทสี่ ะกดไมถ่ กู ตอ้ งทพ่ี บ คาภาษาอังกฤษว่า soup แต่ ซุบ ท่ีสะกดด้วย บ เป็น ใ น ร้ า น อ า ห า ร บ ริ เ ว ณ ส ถ า น ศึ ก ษ า อ า เ ภ อ ภาษาถ่ินอีสานหมายถึงอาหารจาพวกยา ฉะน้ันซุบ สามชกุ จังหวดั สุพรรณบุรี พบทง้ั สิน้ 49 คา รวมจานวน หนอ่ ไม้ต้องสะกดด้วย บ เพราะเป็นอาหารประเภทยา ท่ีพบ 175 ครั้ง โดยพบคาว่า “กระเพรา” มากท่ีสุด ซ่ึง สอดคล้องกบั การจดั อันดับของทีมงานท็อปเทนไทยแลน สาหรับสาเหตุที่ทาให้เกิดการเขียนสะกด (Topten Thailand, 2556 : ออนไลน)์ ทจ่ี ดั อนั ดับใหค้ า คาภาษาไทยไม่ถูกต้องดังกล่าว ผู้วิจัยพบทั้งหมด ว่ากะเพราเป็นคาท่ีคนไทยเขียนผิดเป็นอันดับ 1 โดยที่ 8 สาเหตุ ได้แก่ ใช้แนวเทียบผิด ออกเสียงผิด เป็นคา ถูกต้อง ต้องสะกด ว่า “กะเพรา ” เหตุเพราะใช้ ภาษาต่างประเทศ เทียบเสียงวรรณยุกต์ผิด เลินเล่อ แนวเทียบผิด อีกประการหน่ึงเกดิ จากการเขา้ ใจตามสอื่ ยดึ การสะกดแบบเดมิ เข้าใจความหมายของคาผดิ และ ต่าง ๆ ว่าถูกต้องจึงยึดเป็นแบบอย่าง เช่น ส่ือออนไลน์ ไม่ทราบความหมายของคา โดยคาสะกดไม่ถูกต้องสว่ น ส่ือสาธารณะท่ัวไปท่ีเขียนคานี้ผิดจนชินตา โดย ใหญ่มีสาเหตุจากการใช้แนวเทียบผิดและเป็นคา สอดคล้องกับแนวคิดของวิรัลพัชร ศรีจันทร์และ ภาษาตา่ งประเทศ โดยการใชแ้ นวเทียบผดิ คือการนาคา จอมขวญั สุทธินนท์ (มปป. : ออนไลน)์ โดยกลา่ วว่าการ อื่นท่ีมีลักษณะใกล้เคียงกันมาเป็นแม่แบบในการเขียน ใช้ภาษาไทยปัจจุบันมักมีปัญหาเกิดขึ้นเสมอ เนื่องจาก ซึ่งบางคาอาจมิได้สะกดตามแม่แบบ เช่น กระเพรา สั ง ค ม ไ ท ย ไ ด้ รั บ อิ ท ธิ พ ล ก า ร สื่ อ ส า ร ผ่ า น เ ค รื อ ข่ า ย (กะเพรา) กะทะ (กระทะ) กะเทยี ม (กระเทยี ม) กระพง คอมพิวเตอร์ท่ีประยุกต์ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต จึง (กะพง) เหล่าน้ีเป็นคาที่มี ประวิสรรชนีย์ในลักษณะท่ี เคยชินกับการใช้ภาษาเฉพาะกลุ่มในเครือข่ายสังคม ใกล้เคยี งกนั ทาใหผ้ เู้ ขียนสบั สนและเป็นเหตหุ ลกั ท่ีทาให้ ออนไลน์ อีกท้ังผัดกะเพรายังเป็นอาหารจานเดียว สะกดผดิ สว่ นคาทเี่ ปน็ คาภาษาตา่ งประเทศ โดยเฉพาะ ยอดนิยมของคนไทย ร้านอาหารทขี่ ายอาหารจานเดียว ภาษาอังกฤษ ที่ส่วนใหญ่สะกดไม่ถูกต้องเนื่องจาก แทบทุกประเภทมักมีผัดกะเพราอยู่ในรายการอาหาร ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ก า ร ใ ช้ ตั ว อั ก ษ ร แ ท น เ สี ย ง ข อ ง จงึ เปน็ เหตุหนึง่ ทพี่ บคาสะกดไมถ่ กู ตอ้ งน้ีมากที่สดุ ภาษาต่างประเทศแตกตา่ งกับของภาษาไทย และบางคา ยงั ไม่ปรากฏอยู่ในพจนานุกรม ผู้เขยี นจึงตอ้ งเขียนสะกด ส่วนคาสะกดผิดท่ีพบรองลงมาคือคาว่า คาข้ึนเองและไม่ได้เขียนตามหลักเกณฑ์การทับศัพท์ ผัดไทและซุปหน่อไม้ โดยคาว่า “ผัดไท” สะกดให้ ภาษาต่างประเทศของสานักงานราชบัณฑิตยสภา ถูกต้องคือ “ผัดไทย” เหตุท่ีสะกดผิดเพราะเข้าใจ จงึ เปน็ เหตใุ ห้เขยี นสะกดคดิ ไมถ่ ูกตอ้ ง ความหมายผิด กล่าวคือไม่ทราบความหมายที่แท้จริง หรือเข้าใจคลาดเคล่ือน ระหว่างคาว่า “ไท” และ 2. การแก้ไขปญั หาการเขยี นสะกดคาภาษาไทย “ไทย” โดยคาว่า “ไท” หมายถึง กลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ ไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณสถานศึกษา อาเภอ ภาษาไทในการสื่อสาร ส่วน “ไทย” หมายถึง ชนชาตทิ ่ี สามชุก จังหวัดสพุ รรณบรุ ี อดีตเรียกตนเองว่าสยามอันปรับตามนโยบายของ จอมพล ป. พิบลู สงคราม ซงึ่ ในชว่ งนัน้ วัฒนธรรมอาหาร จากการศึกษาปัญหาปัญหาการเขียน จากชาวจีนเข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยเป็นอย่างมาก ส ะก ด ค า ภ า ษ า ไ ท ย ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ใ นร้ า นอ า ห า ร บ ริ เ ว ณ โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยว ดังน้ันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ สถานศึกษา อาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ท้ัง การปกครอง จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงคิดค้น 26 แห่ง พบคาสะกดไม่ถูกต้องในร้านอาหารบริเวณ ก๋วยเต๋ียวสูตรของไทยขึ้น นั่นคือผัดไทย อันเกิดในช่วง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์ หลังจากการเปล่ียนช่ือประเทศจากสยามเป็นประเทศ สุพรรณบุรีมากท่ีสุด เหตุเพราะเป็นสถานศึกษา ไทยแล้ว ฉะนั้นผัดไทย จึงต้องเขียนว่า ผัดไทย ไม่ใช่ ระดบั อดุ มศกึ ษามีนกั ศึกษาและบคุ ลากรจานวนมากกว่า ผัดไท ส่วนอีกคาหนึง่ คอื “ซุปหน่อไม้” ต้องสะกดดว้ ย บ สถานศกึ ษาอื่น ฉะน้นั รา้ นอาหารจึงมากกว่าสถานศกึ ษา ไม่ใช่ ป เพราะ ซุป หมายถึงอาหารประเภทน้า มาจาก อื่นเช่นกัน รองลงมาคือร้านอาหารบริเวณสามชุก รัตนโภคาราม ซ่ึงต้ังอยู่บริเวณตลาดสามชุกเป็นแหล่ง ชุมชนท่ีมีร้านอาหารเป็นจานวนมาก ฉะน้ันจึงพบ 32 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
คาสะกดผดิ เป็นอันดับต้น ๆ ส่วนสถานศึกษาแห่งอ่ืน ๆ 2 5 6 1 จ า ก http://www.toptenthailand. ตั้งอยู่ห่างจากชุมชนที่ชุกชม จึงพบร้านอาหารและ com/detail.php?id=20131120154857594 คาสะกดผิดไม่มากนัก บางแห่งก็ไม่พบเลย โดยพบ ราชบัณฑิตยสถาน . 2557. พจ นานุกรมฉ บั บ คาสะกดไม่ถูกต้องท้ังส้ิน 175 คา ได้รับการแก้ไขให้ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554. พิมพ์ครั้งท่ี 2. ถูกต้อง 129 คา คิดเป็นร้อยละ 73.71 ซึ่งถือว่าประสบ กรงุ เทพฯ : นานมีบุ๊คส์. ความสาเร็จตามตวั ชวี้ ัดคอื รอ้ ยละ 70 ทไี่ ดร้ บั การแก้ไข วนิดา สิงห์จาวลา. 2554. ร้านอาหารเนื้อย่าง-หมูย่าง จากคาสะกดไม่ถกู ต้องทัง้ หมด โดยเหตผุ ลท่ีรา้ นค้าแก้ไข \"โนบิตะ\". การศึกษาเฉพาะบุคคล ปริญญา คาทสี่ ะกดไม่ถูกต้องดังกล่าวเพราะต้องการเปน็ สว่ นหนง่ึ มหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพ. ของการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องและเป็นตัวอย่างการใช้ วิรลั พชั ร ศรจี ันทร์ และจอมขวัญ สุทธินนท์. มปป. การ ภาษาไทยใหแ้ กช่ มุ ชน อุบัติและการวิบัติของภาษาไทยในสังคม ปัจจุบัน. สืบค้นวันท่ี 3 มิถุนายน 2561 จาก จากผลการวิจัยข้างต้น ผู้เขียนได้จัดทา https://research.dru.ac.th/hjournal/file/ แบบทดสอบการการเขียนสะกดคาให้ถูกต้องและใช้ 2018_07_16_110123.pdf ทดสอบกับนกั เรยี น นกั ศึกษา ตามขอบเขตของการวิจัย ศึกษาธิการ, กระทรวง. 2552. การเขียนสะกดคา. ดังกล่าว เพ่ือติดตามและธารงรักษาพัฒนาการท่เี กิดข้ึน สืบค้นเมื่อวันท่ี 23 พฤษภาคม 2561 จาก ใหค้ งอยูต่ อ่ ไป http://www.moe.go.th/moe/th/news/de ข้อเสนอแนะ tail.php?NewsID=1 0 4 3 3 &Key=news_ research 1. ขอ้ เสนอแนะจากการวจิ ัย ศึกษาธิการ, กระทรวง. 2599. แผนพัฒนาการศึกษา 1.1 ควรเผยแพร่เครอื่ งมอื ที่ใชใ้ นการแก้ไข ของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพ : สานักนโยบายและ ปั ญ ห า ก า ร เ ขี ย น ส ะ ก ด ค า ภ า ษ า ไ ท ย ไ ม่ ถู ก ต้ อ ง ใ น ยทุ ธศาสตร์ สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ รา้ นอาหารบริเวณสถานศึกษา ให้แกผ่ ู้ประกอบการและ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร พนักงานในรา้ นอาหาร สมลักษณ์ สุวรรณวงศ์. 2550. การพัฒนาแผนการ จั ดก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ แ บ บ ฝึ ก ทั ก ษ ะ ก า รเ ขี ยน 1.2 ควรนาไปใช้ในการเรยี นการสอน เพื่อ สะกดคายาก กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เสริมสร้างความรู้ด้านการเขียนสะกดคาภาษาไทยและ ชั้นประถมศึกษาชั้นปีท่ี 5 โรงเรียนอนุบาลศรี เสริมสร้างทักษะการสังเกตให้แก่นักเรียน นักศึกษา วิไล สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา อนั เป็นประโยชน์ยิ่งในการพัฒนาการเรียนรู้ตอ่ ไป ห น อ ง ค าย เ ข ต 3. วิ ท ย า นิ พ น ธ์ ค ม . , มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยราชภัฎมหาสารคาม 2. ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการวจิ ัยครงั้ ต่อไป สุธา ขวัญพุฒ. 2550. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิก์ าร ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ก า ร เ ขี ย น ส ะ ก ด ค า สะกดคาภาษาไทยที่มีการนั ต์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาชั้นปีท่ี 3 ท่ีเรียนแบบบรู ณาการ ภาษาไทยไม่ถูกตอ้ งในร้านอาหารบริเวณสถานศกึ ษา ใน ทักษะกับการเรียนแบบร่วมมือ. วิทยานิพนธ์ พืน้ ท่อี ื่น ๆ ของประเทศไทย ศษ.ม., กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคาแหง. บรรณานุกรม ท็อปเทนไทยแลน. 2556. 10 คาภาษาไทยท่ีเรามักจะ เขียนผดิ กันบ่อย ๆ. สืบค้นเม่ือวนั ที่ 2 มถิ นุ ายน วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 33 ปีท่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
การกระจายของฝ่นุ และความเขา้ ใจเก่ียวกบั ผลกระทบและอันตรายจากฝุ่น ของผปู้ ฏบิ ัตงิ านในโรงอิฐมอญ ตาบลหนองกนิ เพล อาเภอวารินชาราบ จงั หวดั อุบลราชธานี Distribution of dust in brickwork plants and understanding of brick workers in relation to health effects and dangers from dust at Nongkinplane, Warinchamrab, Ubon Ratchathani กตกิ า สระมณอี นิ ทร์1* ภูษณศิ า ชนะมนตรี2 รงุ่ ทวิ า ทนั ธมิ า2 Katika Samaneein1* Poosanisa Chanamontree2 Rungthiwa Tanthima2 1ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี 2นักศกึ ษา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี 1Assistant Professor Dr., Faculty of Science, Ubon Ratchathani University 2Student, Faculty of Science, Ubon Ratchathani University E-mail: [email protected], เบอร์โทรศัพท์ 093-3205982 บทคัดย่อ งานวจิ ัยน้ีมวี ัตถุประสงค์ คอื ศกึ ษาปริมาณการกระจายของฝนุ่ ในโรงอฐิ มอญ และเพิม่ ความเขา้ ใจของชา่ งทา อิฐมอญเกี่ยวกับผลกระทบและอันตรายจากฝุ่น เพ่ือนาผลการศึกษาไปหาแนวทางจัดพื้นที่การทางานที่ปลอดภัย กลมุ่ ตวั อย่าง คือ ผูป้ ฏบิ ตั งิ านในโรงงานอิฐมอญขนาดเลก็ 64 คน จานวน 9 แห่ง ในตาบลหนองกนิ เพล อาเภอวาริน ชาราบ จังหวัดอุบลราชธานี เก็บตัวอย่างฝุ่นในพื้นที่การทางานท้ังฝุ่นรวม และฝุ่นขนาดเล็ก ตามหลักสุขศาสตร์ อุตสาหกรรม พบวา่ ฝนุ่ รวมในบริเวณปฏิบัติงานไมเ่ กินมาตรฐานทุกจดุ และมกี ารกระจายลดลงอยา่ งมีนยั สาคัญตาม ระยะทางในรศั มี 5 เมตร จากเตาเผาอิฐ ส่วนฝุ่นขนาดเลก็ มีค่าเกนิ มาตรฐาน แต่ปริมาณความเขม้ ข้นฝุ่นลดลงในระยะ ท่ีไกลขึ้นจากแหล่งกาเนิดฝุ่น มีการการกระจายตัวอย่างไม่มีนัยสาคัญ ผู้วิจัยได้วัดความเข้าใจของช่างทาอิฐมอญ เก่ียวกบั อันตรายและผลกระทบตอ่ สขุ ภาพจากฝนุ่ กอ่ น และหลังการหาแนวทางการทางานท่ปี ลอดภยั จากฝุ่นรว่ มกนั พบว่าผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นเพิ่มข้ึนอย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิ โดยมขี ้อสรุปแนวทางการทางานท่ปี ลอดภยั ร่วมกนั คอื ผู้ปฏบิ ตั งิ านในโรงอฐิ มอญควรปอ้ งกนั ตนเอง โดยสวมหน้ากาก ผ้าในขณะปฏบิ ัตงิ าน หรือหน้ากากกรองฝุ่นขณะปฏิบัตงิ านในบริเวณเตาเผาอิฐมอญ ควรมีการสับเปล่ียนหมุนเวยี น พนกั งานเข้ามาทางานในบรเิ วณเตาเผาอิฐมอญ เพ่ือไม่ใหพ้ นักงานได้รับสัมผัสฝนุ่ ในระยะเวลาการทางานทีม่ ากเกนิ ไป หากไม่จาเป็น ไม่ควรน่ังพัก หรือเข้าไปอยู่ในบริเวณเตาเผา ควรชาระล้างร่างกาย และทาความสะอาดเส้ือผ้าหลัง เลิกงาน หรอื ก่อนกลบั บ้าน เพอ่ื ลดโอกาสการนาฝนุ่ ที่ติดตามรา่ งกาย และเส้ือผ้าไปสสู่ ่ิงแวดล้อม หรือคนในครอบครวั คาสาคัญ การกระจายของฝุ่น โรงอฐิ มอญ ช่างทาอิฐมอญ Abstract The aims of this study were to examine the distribution of dust during the brickwork manufacturing process and also to increase the levels of understanding of brick workers about the health effects and dangers of dust. The results of the study were used to formulate safety guidelines for brick manufacturers. 64 workers, from 9 small brickworks in Nongkinplane subdistrict, วารสารวิชาการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 35 ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2563
Warinchamrab district, Ubon Ratchathani province, were recruited in this study. Total dust and respirable dust were determined in the work area. The results showed that the distribution of total dust did not exceed the total dust standard at any of the sampling points and was significantly reduced from each point to a distance of 5 meters radius from the brick burning area. However, the results of the distribution of respirable dust showed that it exceeded the standard and showed no significant reduction by increasing the distance. The understanding of brick workers in relation to the dangers and health effects from dust from pre and post tests showed a significant increase after they were provided with information educating them about work safety at brickwork plants (p-value = 0.03). The conclusions of the safety guidelines were as follows: workers should wear a cloth mask in the general area and dust masks while working at the brick burning area; workers should be rotated during the brick burning process to reduce their exposure to dust; workers should not be near the brick burning area unless absolutely necessary; and, finally, workers should wash their body and clean their clothes after exposure to reduce the chance of transferring dust to public environments out with the manufacturing plant, or to their family members. Keywords distribution of dust, brickwork plants, brick workers บทนา เผาอิฐมอญจะใช้เวลาในการเผาประมาณ 7-10 วัน ประชากรส่วนใหญ่ในตาบลหนองกินเพล (พงษ์เจษฎาคา้ วัสดุ, 2559) ซ่ึงการเผาในท่ีโล่ง จะเป็น แหล่งกาเนิดมลพิษทางอากาศเชิงพื้นท่ี ท่ีส่งผลกระทบ อาเภอวารินชาราบ จงั หวดั อุบลราชธานี ประกอบอาชีพ ต่ อ คุ ณ ภ า พ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ สุ ข ภ า พ อ น า มั ย ข อ ง ทาอิฐมอญแดง โดยมีจานวนโรงเผาอิฐมอญแดง ประชาชน (กรมควบคมุ มลพิษ, 2559) ท้ังน้ีฝุ่นสามารถ ประมาณ 50 โรงเผา มีการพัฒนารูปแบบการผลติ เป็น กระจายไปยังบริเวณภายในโรงอิฐมอญเอง และบริเวณ การผลิตผลิตภัณฑ์ในระดับอุตสาหกรรมครัวเรอื น มีท้ัง รอบนอกโรงงาน อาจทาให้บ้านเรือนท่ีอยู่อาศัยใน วิสาหกิจชุมชนขนาดย่อม ขนาดกลาง ไปจนถึงประกอบ บริเวณใกล้เคียงเกิดความสกปรก เครื่องอุปโภคบริโภค กิจการโรงงานฝุ่นท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการการผลิต ปนเป้ือนละออง และเกิดการระคายเคือง แสบหรือ อิฐมอญนั้น พบได้ทุกขั้นตอน ต้ังแต่การเตรียมดนิ ก่อน คนั ตา คันตามร่างกาย คัดจมกู เกดิ การระคายของระบบ เผาอิฐมอญ การข้ึนรูปดิน การตากดิน การเผาอิฐมอญ ทางเดินหายใจ หากได้รับสัมผัสฝุ่นละอองลักษณะน้ีเป็น และการจาหน่ายอิฐมอญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้นั ตอน ระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน อาจก่อให้เกิดอาการเร้ือรัง การเผาอิฐมอญ (ภาพท่ี 1) ผู้ปฏิบัติงานจะตั้งอิฐมอญ คือโรคปอดฝุ่นหิน (Rosen, 1996; Law et al., 2001) เพ่ือเผา โดยจะนาผนังสังกะสี หรืออลูมิเนียมทาเป็น นอกจากนี้ ยังมีการสารวจสุขภาพของผู้คนท่ีอาศัยอยู่ กาแพงปิดเตา รอบเตาอิฐมอญดา้ นบนกองอิฐเปิดโล่งไว้ รอบเตาเผาอิฐมีแนวโน้มท่ีจะเจ็บป่วย จากการได้รับ เพื่อใสแ่ กลบท่ีจะเผา เม่ือปดิ เตาเผาอิฐมอญแล้ว จะหาบ ม ล พิ ษ ข อ ง เ ต า เ ผ า อิ ฐ แ ล ะ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง แกลบมาเติมให้เตม็ เตาเผา และจุดเตาเผา การจุดเตาจะ ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและมลพิษจาก จุดไฟรอบเตาเพื่อให้อิฐมอญสุกพร้อมกัน และระหว่าง เตาเผาอิฐ (Sanjel et al., 2017) อย่างไรก็ตาม ในพ้นื ที่ เผาต้องคอยเติมแกลบ อย่าให้แกลบหมดก่อนอิฐมอญ ของ ตา บลหนอง กินเพล อาเภอเมือง จัง หวัด จะสุก และต้องคอยเกลี่ยขเี้ ถา้ เสมอเพือ่ ใหม้ ีช่องไฟผ่าน อุบลราชธานีน้ัน นิตยา ชาคารุณ และลักษณีย์ บุญขาว ไปเผาอิฐมอญตลอด เพราะหากไม่เกล่ียขี้เถ้าจะทาให้ (2562) ได้ศึกษามลพิษในอากาศ โดยได้ตรวจประเมนิ การเผาอิฐมอญช้าใชเ้ วลานาน และสนิ้ เปลอื งแกลบ การ 36 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
ฝุ่นละอองในชุมชนหนองกินเพล รอบนอกโรงงานอิฐ สถิติ เพื่อนาผลการศึกษาไปหาแนวทางจัดพ้ืนท่ีการ มอญ พบว่ามีค่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานท้ังหมด แต่หากมี ทางานท่ปี ลอดภยั ร่วมกับชา่ งทาอิฐมอญ และเพ่มิ ความ กจิ กรรมทกี่ ่อใหเ้ กิดฝุน่ ในบางพนื้ ทห่ี รอื บางช่วงเวลาและ เข้าใจของผู้ปฏิบัติงานเก่ียวกับอันตรายและผลกระทบ ประกอบกับมพี นักงานหรือชาวบ้านเข้าไปสัมผัสอยูใ่ กล้ ต่อสขุ ภาพจากฝุ่น เรียนรู้การป้องกนั ตนเองจากฝนุ่ และ กับพื้นที่หรือกิจกรรมดังกล่าว อาจจะได้รับผลกระทบ สามารถปฏิบตั ิงานในโรงอฐิ ได้อย่างความปลอดภยั ยงิ่ ขนึ้ ต่อสุขภาพได้ ดังนั้นโรงงานเผาอิฐมอญแดงควร ลดโอกาสในการเกิดโรคในระบบทางเดนิ หายใจ หรอื โรค ดาเนินการเฝ้าระวังและประชาสมั พันธ์แนวทางป้องกนั ปอดท่ีเป็นผลกระทบในระยะยาวของการสัมผัสฝุ่น เบ้ืองต้นใหก้ ับคนงานหรือชาวบ้านในชุมชน เพราะสว่ น ตลอดระยะเวลาการทางาน ใหญ่แล้ว ผู้ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมครัวเรือนหรือ ขนาดเล็ก จะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองหรือจากเพื่อน วิธกี ารดาเนนิ งาน ร่วมงานในเรื่องของพฤติกรรมการป้องกันตนเองจาก งานวิจัยน้ีเป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง การทางาน อาจไม่เพียงพอจาเป็นต้องอาศัยการ ฝึ ก อ บ ร ม แ ล ะเ รี ย นรู้ อ ย่ า ง เ ป็ นร ะบ บ จ า ก เ จ้ า ห น้ า ที่ (Cross-sectional study) โดยแบ่งวิธีการวิจัยตาม สาธารณสุขหรือเจ้าหน้าที่ด้านอาชีวอนามัย (จิราภรณ์ วั ต ถุ ป ระ สง ค์ข อง ง าน วิจั ย เป็น 3 ส่ ว น ได้แก่ หลาบคา จินตนา สิริบูรณ์พิพัฆนา และธนาพร ทองสิม, 1) การศึกษาการกระจายของฝุ่นจากกระบวนการทา 2560) ซ่ึงยังไม่มีหน่วยงานใด เข้าไปศึกษาปัญหาเร่ือง อิฐมอญ 2) การวัดความเข้าใจของช่างทาอิฐมอญ ฝุ่นท่ีเกิดข้ึนจากกระบวนการผลิตอิฐมอญ ท่ีฟุ้งกระจาย เกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น และ อยู่ในบริเวณปฏบิ ัติงาน (ภาพท่ี 2) ด้วยเหตนุ ้ี ผู้วิจยั จึง 3) การหาแนวทางการทางานท่ีปลอดภยั จากฝุ่นรว่ มกบั เห็นปัญหาและโอกาสในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาของผู้ ช่างทาอิฐมอญ กลุ่มตัวอย่างท่ี คือ ผู้ปฏิบัติงานทาอิฐ ประกอบอาชีพในโรงอิฐมอญ ท่ีกาลังเผชิญกับความ จ า น ว น 6 4 ค น ใ น โ ร ง ง า น อิฐม อญขนาดเล็ก เสี่ยงต่อสขุ ภาพ หากไม่มกี ารควบคุมป้องกนั ทเี่ หมาะสม (ผู้ปฏิบัติงานประมาณ 5 - 10 คน) จานวน 9 แห่ง ใน ขณะปฏบิ ัติงาน โดยเฉพาะจากการรับสัมผสั ฝุน่ จากการ ตาบลหนองกินเพล อาเภอวารินชาราบ จังหวัด เผาอิฐมอญแดงอยเู่ ป็นประจา จากการศึกษาก่อนหน้านี้ อุบลราชธานี ดาเนินการวิจัยและเก็บตัวอย่างในช่วง เก่ียวกับสมรรถภาพปอดของช่างทาอิฐมอญ โดยรุจิรา เดือนกุมภาพนั ธ์ – เดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 สถิติทใ่ี ช้ สีลารัตน์ และสุทธิดา ทองทรัพย์ (2561) พบว่า ช่างทา ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา เพ่ือ อิฐมอญน้ันจะมีความเส่ียงทาให้เกิดการเจ็บป่วยต่อ บรรยายลักษณะข้อมูล สถิติเชิงอนุมาน ทดสอบความ ระบบทางเดนิ หายใจจากฝุ่นละอองในสถานท่ที างานจะ แตกต่างของค่าคะแนนกอ่ นและหลังดว้ ย Paired t-test มีการสัมผัสกับฝุ่นละอองตลอดระยะเวลาการทางาน และทดสอบการกระจายของฝุ่นโดยใช้การวเิ คราะห์การ และยังไม่มีการใชอ้ ุปกรณ์ป้องกนั ระบบทางเดนิ หายใจที่ ถดถอย ถูกต้อง ส่งผลให้มีการหายใจเอาฝุ่นละอองในสถานที่ ทางานเข้าสู่ร่างกายซึ่งเป็นปัจจัยเสยี่ งของโรคจากการ 1) การศึกษาการกระจายตัวของฝุ่นจาก ทางาน แม้ว่าผู้ปฏิบัตเิ ลกิ ทางาน หรือเลิกสัมผัสกบั ฝุ่น กระบวนการทาอฐิ มอญ โดยเก็บตวั อยา่ งฝนุ่ ในพืน้ ที่การ ไปแล้วก็ยังมีความเสี่ยงของการเกิดโรคได้เม่ือสูงอายุ ทางาน ทั้งฝุ่นรวม หรือฝุ่นที่สามารถหายใจเข้าไปได้ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ปฏิบัติงานไม่เคยได้รับความรู้ใน (Total Dust) และฝุ่นขนาดเล็กท่ีสามารถเข้าถึงและ การป้องกันตนเองจากฝุน่ ขณะปฏิบัติงานท่ีถกู ตอ้ ง ด้วย สะสมในถุงลมของปอดได้ (Respirable Dust) ตามหลัก เหตุนี้ยิง่ ทาให้ผู้วจิ ยั สนใจศกึ ษาปริมาณการกระจายของ สุขศาสตร์อุตสาหกรรม (ภาพท่ี 3) โดยวิธีเก็บตัวอย่าง ฝุ่นในโรงอิฐมอญ และศึกษาความเข้าใจของช่างทา ฝุ่นรวมในบรรย ากาศ ( Total Dust) ต าม NIOSH อิฐมอญเกี่ยวกับผลกระทบและอันตรายจากฝุ่น โดยใช้ Method No. 0500 (NIOSH, 1994) เก็บตัวอย่างฝุ่น หลักการทางสุขศาสตร์อุตสาหกรรม และหลักการทาง ขนาดเล็ก (Respirable Dust) ตาม NIOSH Method No. 0600 (NIOSH, 1998) แบบพ้ืนที่ ซึ่งเก็บจุดแรก คือ จุดที่ กอ่ มลพิษหลัก วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 37 ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2563
ภาพท่ี 1 ข้นั ตอนการเผาอฐิ มอญ ภาพที่ 4 การเก็บตวั อยา่ งฝุ่นในพน้ื ทเี่ ผาอฐิ ภาพท่ี 2 การปฏบิ ัตงิ านบริเวณทั่วไป ภาพท่ี 5 การอธบิ ายข้ันตอนการวิจยั แกช่ า่ งทาอฐิ มอญ ภาพที่ 3 การเกบ็ ตัวอยา่ งฝุน่ ในพืน้ ทก่ี ารทางาน ภาพที่ 6 การวดั ความเขา้ ใจของชา่ งทาอฐิ มอญ 38 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
มลพิษหลัก ได้แก่ ขั้นตอนการเผาอิฐมอญ (ภาพท่ี 4) y = -1 . 5 5 4 8 x + 7 . 1 7 2 4 ( Coefficient of และห่างออกไปทุก 1 เมตร ในรัศมี 5 เมตร หรือ 5 จุด Determination R2 = 0.83) รายละเอียดแสดงในภาพ เก็บตัวอย่าง ตามทิศทางลม โดยเก็บตลอดระยะการ ท่ี 7 ส่วนในภาพที่ 8 แสดงการกระจายของฝุ่นขนาด ทางาน 8 ชัว่ โมง โดยใชพ้ ลาสตกิ ไซโคลนอตั ราการไหลท่ี เล็ก พบว่า ในระยะ 1 เมตรของการตรวจวัดค่าความ 2.2 ลิตรต่อนาที และอลูมินัมไซโคลนอัตราการไหลท่ี เข้มข้นของฝุ่นขนาดเล็กมีค่าเกินค่ามาตรฐานซ่ึงตรวจ 2.5 ลติ รตอ่ นาที พบในโรงอฐิ ท่ี 1 และโรงอฐิ ท่ี 3 เพราะว่าทง้ั สองโรงเป็น เตาเผาค่อนข้างท่ีจะมีขนาดใหญ่กวา่ มากกว่าโรงอิฐอื่นๆ 2) การวัดความเข้าใจของช่างทาอิฐมอญ และมีปรมิ าณการเผาแกลบทมี่ ากกวา่ ด้วย นอกจากน้ียงั เก่ยี วกับอนั ตรายและผลกระทบตอ่ สขุ ภาพจากฝุ่น (ภาพ พบว่าการกระจายของฝุ่นขนาดเล็ก ไม่ได้ลดลงตาม ที่ 5 และภาพที่ 6) โดยใช้แบบสอบถาม 3 ส่วน ไดแ้ ก่ ร ะ ย ะ ท า ง จ า ก แ ห ล่ ง ก า เ นิ ด อ ย่ า ง มี นั ย ส า คั ญ ขอ้ มลู สว่ นบุคคล ข้อมลู ความเขา้ ใจเกีย่ วกับอนั ตรายของ ( Coefficient of Determination R2 = 0 . 3 5 ) ฝ่นุ 25 ขอ้ และความเข้าใจเกีย่ วกบั ผลกระทบตอ่ สุขภาพ เหมือนกับการกระจายของฝุ่นรวม ซึ่งฝุ่นขนาดเล็ก ของการสัมผัสฝุ่นจากการทางาน จานวน 19 ข้อ มีการ สามารถกระจายได้ทว่ั ไปในพนื้ ทีป่ ฏบิ ัติงาน แตอ่ ย่างไรก็ กาหนดเกณฑ์การให้คะแนน 5 ระดับ โดยระดับ 1 ตามปริมาณความเข้มข้นของฝุ่นขนาดเล็กที่ระยะห่าง หมายถึง มีความเข้าใจอย่ใู นระดับน้อยที่สุด และ 5 มี จากเตาเผามากกว่า 2 เมตร ก็มีค่าลดลง และไม่เกนิ ค่า ความเข้าใจอยู่ในระดับดีมาก โดยทาการวัดก่อน และ มาตรฐานทีย่ อมรับได้ ห ลั ง ก า ร ห า แ น ว ท า ง ก า ร ท า ง า น ที่ ป ล อ ด ภั ย จ า ก ฝุ่ น ร่วมกับชา่ งทาอิฐมอญ เพื่อเปรียบเทยี บกัน ผปู้ ฏิบัตงิ านในโรงอฐิ มอญ จานวน 64 คน ส่วน ใหญเ่ ปน็ ผปู้ ฏิบัติงานเพศหญิง อายุเฉล่ยี ประมาณ 37 ปี 3) การหาแนวทางการทางานท่ีปลอดภัยจาก ประสบการณ์การทางานในโรงอิฐมากกว่า 5 ปี โดย ฝุ่นร่วมกับช่างทาอิฐมอญ คณะผู้วิจัยได้ถอดบทเรียน ประกอบอาชพี ช่างทาอิฐมอญเปน็ หลัก วันละ 8 ชั่วโมง จากการวัดความเข้าใจของช่างทาอิฐมอญเกี่ยวกับ ผู้ปฏบิ ัตงิ านส่วนใหญม่ ีท่ีพกั อาศัยหา่ งจากสถานทท่ี างาน อันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น เพ่ือหา มากกว่า 25 กิโลเมตร ไม่มีอาการป่วยเป็นโรคระบบ แนวทางสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับอันตรายและ ทางเดินหายใจขณะปฏิบัติงาน ระดับความเข้าใจของ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพจากการทางานทีม่ ฝี ่นุ และลงพ้ืนท่ี ช่างทาอิฐมอญเกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบต่อ ให้ข้อมูลผลการตรวจวัดการกระจายของฝุน่ พูดคุยเพ่ือ สุขภาพจากฝุ่น ก่อนการดาเนินการหาแนวทางการ เสนอแนวทางการทางานที่ปลอดภัยจากฝุ่นร่วมกันกับ ทางานท่ีปลอดภัยจากฝุ่นร่วมกับชา่ งทาอิฐมอญ พบวา่ ผปู้ ฏบิ ตั ิงานในโรงอิฐมอญ ไม่มีพนักงานได้คะแนนในระดับดีมาก ส่วนใหญ่มี ผลการดาเนินงาน คะแนนความเข้าใจอยใู่ นระดับดี ร้อยละ 55.56 ระดับ พอใช้ ร้อยละ 41.67 และระดับน้อย ร้อยละ 2.78 ข้อ การตรวจวัดฝุ่นจากกระบวนการทาอิฐมอญ คาถามทผ่ี ู้ปฏิบัตงิ านในโรงอิฐมอญตอบผดิ มากท่สี ุด คอื เนื่องจากข้อจากัดดา้ นเคร่ืองมือ และเวลาในการเผาอฐิ ความเข้าใจเกี่ยวกับขนาดของฝุ่น โดยไม่ทราบว่าฝุ่นใน ผ้วู ิจัยสามารถเก็บตวั อยา่ งฝุ่นได้ 5 แห่ง โดยเก็บตวั อยา่ ง โรงอิฐมอญมที ้ังทมี่ องเหน็ ไดแ้ ละมองไม่เหน็ คิดเปน็ รอ้ ย ทั้งฝุ่นรวม และฝุ่นขนาดเล็ก โดยเทียบกับค่ามาตรฐาน ละ 80.6 ฝุ่นขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ของไทยท่ีกาหนดค่าฝุ่นรวมให้ไม่เกิน 15 มิลลิกรัมต่อ มากกว่าฝุ่นท่ีมีขนาดใหญ่ ร้อยละ 66.67 ฝุ่นขนาดเล็ก ลูกบาศก์เมตร และฝุ่นขนาดเล็กไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อ สามารถเดนิ ทางเขา้ สู่ระบบทางเดนิ หายใจได้ลกึ กวา่ ฝุ่น ลูกบาศก์เมตร ผลการเก็บตัวอย่างฝุ่นรวมพบว่า ท้ัง ใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 65.89 และความรู้เก่ียวกับการ 5 โรงอิฐมีปริมาณของฝนุ่ ไมเ่ กินคา่ มาตรฐาน และมีการ ป้องกันตนเองจากฝุ่น โดยไม่ทราบว่าการใช้ผ้าชุบน้า กระจายลดลงตามระยะทางจากจุดกาเนิดฝุ่น โดยมี สามารถปอ้ งกันฝนุ่ ได้ดีกวา่ ผ้าแหง้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 69.40 ส ม ก า ร ก า ร ถ ด ถ อ ย ที่ แ ส ด ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ปริมาณของฝุ่น (y) และระยะห่างจากเตาเผา (x) คือ วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 39 ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
15 ป ิรมาณ ่ฝุนรวม (มก./ลบม.) 10 5 0 12345 จุดเกบ็ ตวั อยา่ งทร่ี ะยะหา่ งจากเตาเผา (ม.) โรงอิฐ 1 โรงอิฐ 2 โรงอฐิ 3 โรงอิฐ 4 โรงอิฐ 5 ภาพที่ 7 การกระจายของฝุน่ รวมตามปริมาณความเขม้ ขน้ ในอากาศที่จดุ เก็บตัวอยา่ งทงั้ 5 จดุ 15 ป ิรมาณฝุ่นขนาดเ ็ลก (มก./ลบม.) 10 5 0 5 1234 จดุ เก็บตัวอยา่ งทีร่ ะยะหา่ งจากเตาเผา (ม.) โรงอฐิ 1 โรงอฐิ 2 โรงอิฐ 3 โรงอิฐ 4 โรงอฐิ 5 ภาพท่ี 8 การกระจายของฝนุ่ ขนาดเลก็ ตามปริมาณความเข้มขน้ ในอากาศทจ่ี ดุ เกบ็ ตัวอยา่ งทงั้ 5 จดุ ตารางที่ 1 ระดับความเข้าใจอนั ตรายเกยี่ วกบั ฝ่นุ กอ่ นและหลงั หาแนวทางการทางานที่ปลอดภัย ระดับความเขา้ ใจอันตรายเกยี่ วกับฝนุ่ กอ่ น หลงั ระดบั 5 ดีมาก (21 – 25 คะแนน) 0 100 ระดบั 4 ดี (16 – 20 คะแนน) 55.56 0 ระดับ 3 พอใช้ (11 – 15 คะแนน) 41.67 0 ระดบั 2 นอ้ ย (6 – 10 คะแนน) 2.78 0 ระดับ 1 น้อยทีส่ ดุ (0 – 5 คะแนน) 0 0 40 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
และคดิ ว่าการใช้ผ้าฝ้ายหรอื ผ้าขาวมา้ มาปิดจมกู สามารถ ความรู้ถึงอนั ตรายของฝุ่นท่สี ง่ ผลกระทบต่อสุขภาพและ ปอ้ งกนั ฝนุ่ ไดด้ ีเท่าหน้ากากกรองฝุ่น ร้อยละ 61.10 แนวทางการป้องกันท่ีถูกต้อง ให้กับผู้ปฏิบัติงานในโรง อฐิ มอญ จากผลการศึกษาการกระจายตัวของฝุ่นจาก ภาพท่ี 9 การป้องกนั ตนเองจากฝนุ่ ในพืน้ ทก่ี ารทางาน กระบวนการทาอิฐมอญ และความเข้าใจของช่างทาอิฐ มอญเกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบตอ่ สขุ ภาพจากฝุน่ ท่วั ไป จงึ นามาสู่แนวทางการทางานทีป่ ลอดภยั โดยผวู้ ิจัยไดใ้ ห้ ความรู้เกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจาก ฝุ่น โดยเฉพาะความเข้าใจเก่ียวกับขนาดของฝุ่น อนั ตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และการปอ้ งกนั ตนเอง ขณะปฏิบตั ิงาน หลังการดาเนนิ การพูดคยุ เพื่อเสนอแนว ทางการทางานทป่ี ลอดภยั จากฝนุ่ ร่วมกนั กบั ผู้ปฏบิ ัติงาน ในโรงอิฐมอญพบว่า ผู้ปฏิบัติงานมีคะแนนความเข้าใจ อยู่ในระดับดีมากท้ังหมด คิดเป็นร้อยละ 100.00 รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1 และจากการทดสอบทาง สถิติ พบว่า ผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับอันตราย และผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นมากข้ึน หลังการ ดาเนินการการหาแนวทางการทางานที่ปลอดภยั จากฝุ่น รว่ มกันอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติ (p-value = 0.03) การนาไปใช้ ภาพท่ี 10 การปอ้ งกันตนเองจากฝุ่นขณะฝุ่นฟงุ้ กระจาย ในการลดความเสยี่ งโรคทางเดนิ ระบบทางเดิน จากการเขยี่ ข้ีเถา้ จากเตาเผา หายใจจากการทางานกับฝุ่นในโรงอิฐน้ัน ผู้วิจัยและ อภปิ รายผล ผู้ปฏิบัติงานได้พิจารณาแนวทางการทางานท่ีปลอดภัย การกระจายของฝุ่นกับระยะห่างจากเตาเผาอิฐ รว่ มกนั จงึ ได้ข้อสรปุ ว่า ผู้ปฏบิ ัติงานในโรงอิฐมอญควรมี แนวทางในการป้องกันตนเอง โดยสวมหน้ากากผ้า มอญ ในโรงงานอิฐมอญ ขนาดเล็ก จานวน 5 แห่ง ใน ในขณะปฏิบัติงานทั่วไป หรือหน้ากากกรองฝุ่นขณะ ตาบลหนองกินเพล อาเภอวารินชาราบ จังหวัด ปฏิบตั งิ านในบริเวณเตาเผาอฐิ มอญ ควรมกี ารสับเปลยี่ น อุบลราชธานี พบว่า ปรมิ าณความเขม้ ข้นฝุ่นรวมมีค่าไม่ หมุนเวียนพนักงานเข้ามาทางานในบริเวณเตาเผาอิฐ เกินค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ และมีการกระจายลดลง มอญ เพื่อไม่ใหพ้ นกั งานไดร้ ับสัมผัสฝุ่นในระยะเวลาการ แปรผันตรงกับระยะทางจากจุดกาเนิดฝุ่น โดยมีสมการ ทางานที่มากเกินไป หากไม่จาเป็น ไม่ควรน่ังพัก หรือ การถดถอยท่ีสามารถทานายความสัมพันธ์ระหว่าง เข้าไปอยู่ในบริเวณเตาเผา ควรชาระลา้ งร่างกาย และทา ปริมาณของฝุ่น และระยะห่างจากเตาเผา ได้ ซ่ึง ความสะอาดเสื้อผ้าหลังเลิกงาน หรือก่อนกลับบ้าน เพอื่ สอดคล้องกับงานวิจัยของ สุพัตรา มะโร ศุภิสรา ลดโอกาสการนาฝุ่นที่ติดตามร่างกาย และเสื้อผ้าไปสู่ ส่ิงแวดล้อมนอกโรงงาน หรือนาไปสู่คนในครอบครัว โรงงานควรมกี ารควบคมุ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมใน การทางานให้เหมาะสม เช่น การปิดกั้นบริเวณ การใช้ ระบบเปียกหรือการปิดคลมุ เพื่อลดปริมาณฝุ่นในพ้ืนที่ ทางานให้น้อยลง และควรจัดให้มีการฝึกอบรม หรือให้ วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 41 ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2563
อินธิเดช และกติกา สระมณีอินทร์ (2560) ที่ได้ศึกษา ไม่เพียงพอ ดังนั้นจาเป็นต้องอาศัยการฝึกอบรมและ การกระจายของฝุ่นข้าวในโรงสีข้าวชุมชน และ เรียนรู้อย่างเป็นระบบจากเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขหรือ ผลกระทบในบริเวณปฏิบัติงานและทพี่ ักอาศัย ซงึ่ พบว่า เจ้าหน้าท่ีด้านอาชีวอนามัย ซ่ึงหลังจากท่ีผู้วิจัยได้ ยิ่งจุดที่ตรวจวัดใกล้เคร่ืองสีข้าวมาก หรือแหล่งกาเนิด สะท้อนผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่น และสร้างความรู้ ฝุ่นในกระบวนการผลิตมาก ปรมิ าณความเข้มขน้ ของฝุน่ ความเข้าใจเก่ียวกับอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพ มาก และปริมาณฝุ่นรวมจะลดลงอย่างมีนัยสาคัญตาม จากการทางานที่มีฝุ่นแล้ว พบว่าผู้ปฏิบัติงานมีคะแนน ระยะทางทไ่ี กลออกไป ความเข้าใจอยู่ในระดับดีมากท้ังหมด (ระดับ 5 จาก 5 ระดบั ) ผลการเก็บตวั อย่างฝุ่นขนาดเล็ก พบว่า ในโรง อิฐท่ีมีกาลังผลิตขนาดใหญ่ มีค่าความเข้มข้นของฝุ่น ข้อเสนอแนะแนวทางในการวจิ ัยตอ่ ในอนาคต ขนาดเล็กในบรเิ วณเตาเผาอฐิ ระยะรัศมี 1 เมตร เกินค่า เก่ียวกับการกระจายของฝุ่น และผลกระทบจาก มาตรฐานท่ียอมรับได้ ดงั น้ันผู้ปฏบิ ัติควรสวมใส่หน้ากาก อันตรายจากฝุ่นในโรงอิฐมอญ ควรศึกษาเพ่ิมเติมการ ป้องกันฝุ่นขณะทต่ี ้องทางานเผาอิฐ หรือต้องปฏบิ ตั งิ าน ตรวจวดั ฝุ่นแบบตดิ ตามส่วนบุคคล เพื่อศกึ ษาปริมาณฝ่นุ ในบริเวณเตาเผาอิฐ อย่างไรก็ตามปริมาณความเขม้ ข้น สะสมตลอดระยะเวลาการทางาน ที่ผู้ปฏิบัติงานแต่ละ ของฝุ่นขนาดเล็กทรี่ ะยะหา่ งจากเตาเผามากกว่า 2 เมตร คนรบั สมั ผสั และหาแนวทางปอ้ งกนั ควบคมุ ปจั จัยเสีย่ ง มีค่าลดลง และไม่เกินค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ ในการทาง านในโรง อิฐ มอญ และติดต ามการ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของนิตยา ชาคารณุ และ ลกั ษณีย์ เปล่ียนแปลงพฤติกรรมในการปอ้ งกนั ตนเองจากฝุ่นตาม บุญขาว (2562) ท่ีได้ตรวจประเมินฝุ่นละอองในชุมชน แนวทางการทางานที่ปลอดภยั ท่ไี ดต้ กลงรว่ มกนั ระหว่าง หนองกินเพล นอกรั้วโรงอิฐ พบว่ามีค่าผ่านเกณฑ์ ผู้วจิ ัยและผ้ปู ฏบิ ตั ิงาน มาตรฐานทั้งหมด กติ ติกรรมประกาศ ผู้ปฏิบัตงิ านในโรงอิฐมอญ มีระดับความเข้าใจ งานวิจัยน้ีได้ศึกษาต่อยอดจากโครงการวิจัย เกยี่ วกบั อนั ตรายและผลกระทบต่อสขุ ภาพจากฝุ่น ก่อน ภายใต้ทุนอุดหนุนการวิจัยโครงการความร่วมมือเพ่ือ การดาเนินการหาแนวทางการทางานทปี่ ลอดภยั จากฝุ่น พัฒนาบทบาทของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีในการทา ร่วมกัน ส่วนใหญ่มีคะแนนความเข้าใจอยู่ในระดับดี วิจัยเพอ่ื สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวดั เรอ่ื ง (ระดับ 4 จาก 5 ระดับ) ข้อคาถามท่ีผู้ปฏิบัติงานใน ผลกระทบต่อสุขภาพทางเดนิ หายใจในระยะยาวของชา่ ง โรงอิฐมอญตอบผิดมากท่ีสุด คือ ความเข้าใจเกี่ยวกับ ทาอิฐมอญ ตาบลหนองกินเพล อาเภอวารินชาราบ ขนาดของฝุ่น ผลกระทบต่อสขุ ภาพอนามัย และความรู้ จงั หวัดอุบลราชธานี เกี่ยวกบั การปอ้ งกนั ตนเองจากฝุ่น โดยสภาพการณก์ ่อน บรรณานกุ รม การศึกษาวิจัย ผู้ปฏิบัติงานรับประทานอาหาร นั่งพัก กรมควบคุมมลพษิ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่ง และนาบุตรหลานเข้ามาในบริเวณปฏิบัติงานท่ีมีการ กระจายของฝุ่นทั่วบริเวณ โดยจะใช้เสื้อยืดโพกศีรษะ แวดล้อม. (2559). การดาเนินงานของกรม พันหน้า หรือผ้าขาวม้าคาดหน้าเพ่ือกันฝุ่น (ภาพที่ 9 ค ว บ คุ ม ม ล พิ ษ . [ อ อ น ไ ล น์ ] ไ ด้ จ า ก : และ ภาพท่ี 10) เฉพาะบริเวณท่ีผู้ปฏิบัติงานมองเห็น http://www.pcd.go.th/operation. ฝุ่น และปฏิบัติคล้ายกันกับหัวหน้า และเพื่อนร่วมงาน ก ร ม ส่ ง เ ส ริ ม คุ ณ ภ า พ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ก ร ะ ท ร ว ง สอดคล้องกับงานของจิราภรณ์ หลาบคา จินตนา สิริ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2537). บูรณ์พิพัฆนา และธนาพร ทองสิม (2560) ที่พบว่า มลพิษท างอากาศ. [ออนไลน์] ได้จาก: ผปู้ ฏบิ ัตงิ านในอุตสาหกรรมครัวเรอื นหรือขนาดเลก็ การ http://www.deqp.go.th /knowledge. แสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองหรอื จากเพอื่ นร่วมงานในเรื่อง ของพฤตกิ รรมการป้องกันตนเองจากการทางาน ซง่ึ อาจ 42 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol.4 No. 1 January - June 2020
Search