การศึกษาประสิทธภิ าพการไลย่ งุ ของน้ามนั หอมระเหยจากเมลด็ มะไฟจีนในมนุษย์เพ่ือพัฒนา เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ไลย่ ุง Study on the Activity of Mosquito Repellent of Essential Oil from Wampee Seed for Product Development รชั ณภี รณ์ อิน่ คา้ สุทธิดา ปัญญาอินทร์ เจนจิรา ลานแก้ว กาศรี นามเคน งบประมาณแผ่นดนิ ปี 2562 มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา น่าน รายงานผลการวจิ ัย
การศกึ ษาประสิทธภิ าพการไล่ยุงของน้ามันหอมระเหยจากเมลด็ มะไฟจีนในมนษุ ย์เพื่อพฒั นา เป็นผลิตภณั ฑ์ไล่ยงุ Study on the Activity of Mosquito Repellent of Essential Oil from Wampee Seed for Product Development รชั ณีภรณ์ อ่นิ คา้ สุทธดิ า ปญั ญาอนิ ทร์ เจนจิรา ลานแกว้ กาศรี นามเคน งบประมาณแผน่ ดนิ ปี 2562 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา นา่ น
ฉ สารบญั หนา้ กิตติกรรมประกาศ ค บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ง บทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ จ สารบัญตาราง ซ สารบญั รปู ภาพ ฌ บทที่ 1 บทนา 1 มะไฟจีน 1 น้ามันหอมระเหย 3 การสกดั น้ามันหอมระเหย 6 18 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยที่เกีย่ วขอ้ ง 19 ขอบเขตของงานวิจยั 20 วัตถุประสงคข์ องโครงการวจิ ยั 22 22 บทที่ 3 วิธีดาเนินงานวิจยั 23 สารเคมี อุปกรณแ์ ละเครอื่ งมือ 24 การกลน่ั นา้ มันหอมระเหย 28 การก้าหนดประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 33 วิธดี า้ เนินงานวิจัย 38 การแปรรปู และการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ 39 บทท่ี 4 ผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง 41 การศึกษาความเขม้ ข้นระดับตา่ งๆของน้ามันเมลด็ มะไฟจนี กับสาร ควบคมุ 44 การศึกษาความเขม้ ขน้ ของนา้ มันเมลด็ มะไฟจนี ท่คี วามเขม้ ข้นเมาะ 45 สมมาปรับปรุงประสิทธภิ าพโดยการเตมิ additives ตา่ งๆ 48 บทที่ 5 สรปุ ผลการทดลอง เอกสารอา้ งอิง ภาคผนวก
ฉ สารบญั หนา้ กิตติกรรมประกาศ ค บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ง บทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ จ สารบัญตาราง ซ สารบญั รปู ภาพ ฌ บทที่ 1 บทนา 1 มะไฟจีน 1 น้ามันหอมระเหย 3 การสกดั น้ามันหอมระเหย 6 18 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยที่เกีย่ วขอ้ ง 19 ขอบเขตของงานวิจยั 20 วัตถุประสงคข์ องโครงการวจิ ยั 22 22 บทที่ 3 วิธีดาเนินงานวิจยั 23 สารเคมี อุปกรณแ์ ละเครอื่ งมือ 24 การกลน่ั นา้ มันหอมระเหย 28 การก้าหนดประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 33 วิธดี า้ เนินงานวิจัย 38 การแปรรปู และการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ 39 บทท่ี 4 ผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง 41 การศึกษาความเขม้ ข้นระดับตา่ งๆของน้ามันเมลด็ มะไฟจนี กับสาร ควบคมุ 44 การศึกษาความเขม้ ขน้ ของนา้ มันเมลด็ มะไฟจนี ท่คี วามเขม้ ข้นเมาะ 45 สมมาปรับปรุงประสิทธภิ าพโดยการเตมิ additives ตา่ งๆ 48 บทที่ 5 สรปุ ผลการทดลอง เอกสารอา้ งอิง ภาคผนวก
ฌ สารบญั ภาพ หนา้ 1 รปู 2 1.1 ลกั ษณะลาต้นและลักษณะใบของมะไฟจนี 20 23 1.2 ลักษณะของผลมะไฟจนี 26 2.1 แผนภาพแสดงขอบเขตแผนงานวจิ ยั 26 27 3.1 เครอ่ื งมอื กลั่นนามนั หอมระเหย 28 3.2 แสดงปเิ ปตทใ่ี ชว้ ัดปริมาณสารทดสอบ 29 3.3 กรงใสย่ งุ ขนาด 30x30x30 ลกู บาศก์เซนติเมตร 30 3.4 ปลอกแขนพลาสติกซงึ่ ใช้หมุ้ แขนสว่ นที่ไม่ไดท้ าสารทดสอบ 31 3.5 แสดงการทดสอบประสิทธิภาพของสารปอ้ งกนั ดว้ ยวิธี Arm-in-cage 33 33 3.6 แสดงการทาสารทดสอบดว้ ยปเิ ปตลงพนื ทีท่ ดสอบขนาด 30 ตาราง 35 เซนตเิ มตร 36 47 3.7 แสดงการสวมปลอกแขนพลาสติกทเี่ จาะรูพอดกี ับบริเวณทดสอบ 3.8 แสดงการทดสอบการไลย่ ุง 3.9 แสดงการสว่ นผสมในการทาสเปรย์ไล่ยุง 3.10 แสดงการทาสเปรยไ์ ล่ยงุ 3.11 แสดงการส่วนผสมในการทาโลชันไล่ยุง 3.12 แสดงการทาโลชันไล่ยงุ 4.1 ภาพบรรยากาศการอบรม
ซ สารบญั ตาราง ตาราง หนา้ 4.1 แสดงการศึกษาความเขม้ ข้นระดับตา่ งๆของนา้ มันเมลด็ มะไฟจนี กับสารควบคมุ 41 4.2 แสดงการศึกษาความเข้มขน้ ระดับตา่ งๆของนา้ มันเมลด็ มะไฟจีนเมื่อมสี ารเตมิ 44 แต่ง
ค กิตตกิ รรมประกาศ งานวจิ ัยนี้สาเรจ็ ลุล่วงไปดว้ ยดี ด้วยความอนเุ คราะห์จาก สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.) ท่ี สนบั สนนุ งบประมาณในการดาเนนิ งานวจิ ยั ครัง้ นี้ ท้ายที่สุดน้ี ขอกราบพระคุณบิดา มารดา อันเป็นท่ีรักของคณะผู้จัดทา ผู้ซึ่งคอยอยู่เคียงข้าง เปน็ กาลงั ใจ ให้ความเอาใจใส่ดูแล อีกทง้ั การส่งเสรมิ และสนับสนนุ การทางานวจิ ัย คณะผูจ้ ัดทาหวงั เปน็ อย่างยง่ิ ว่ารายงานวิจัยฉบับนีจ้ ะเปน็ ประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย หากรายงานนบ้ี กพร่องประการใด คณะผจู้ ดั ทาขอกราบขออภยั ไว้ ณ ท่นี ดี้ ว้ ย คณะผ้จู ดั ทา
ง บทคดั ย่อ งานวจิ ัยน้สี นใจศกึ ษาการใชน้ ้ามันหอมระเหยจากเมลด็ มะไฟจีนเพื่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ ผูค้ น และประชาชน ดว้ ยว่าในเมล็ดมะไฟจนี มีน้ามันหอมระเหยอยมู่ าก และด้วยมะไฟจีนเปน็ พืชตระกูล เดยี วกับส้ม ซ่ึงน้ามันผวิ ส้มสามารถไล่ยุงได้ ทั้งยังมีรายงานวิจยั ว่าน้ามันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟ จีน มี limonene เปน็ ส่วนประกอบ คล้ายกบั สม้ เมื่อน้ามาศึกษาประสทิ ธภิ าพการไลย่ งุ ในมนุษยพ์ บว่า น้ามนั หอมระเหยมะไฟจีนสามารถไล่ ยุงได้ดที ่ีความเข้มขน้ 16% โดยปรมิ าตร นาน 30 นาที แต่เพ่ือความปลอดภัยตอ่ ผใู้ ช้จึงเลอื กใชค้ วาม เข้มข้นของน้ามันมะไฟจีน 8% โดยปริมาตรซึ่งไล่ยุงได้นาน 22.5 นาที และเม่ือน้าไปปรับปรุง ประสิทธภิ าพของน้ามันมะไฟจีนท่มี คี วามเข้มข้น 8 % โดยปริมาตรดว้ ยน้ามนั หอมระเหยลาเวนเดอร์ และ น้ามนั หอมระเหยยูคาลปิ ตสั พบวา่ สามารถไลย่ ุงไดน้ าน 3 ชว่ั โมง
จ Abstract These study concerned wampee seed essential oil usage. The seed gave highest percentage yield of essential oil. Both of wampee and orange contained with same family. Many reports revealed the mosquito repellent of orange peel essential oil. Therefore wampee seed essential oil expected to gave similar with orange peel essential oil. Although the efficiency of mosquito repellent of wampee seed essential oil showed 16%v/v as optimum concentration to gave highest protection time for 30 minutes. The selection of 8%v/v for the mixture with others additives was considered under consumer safety. It was found 8%v/v with lavender essential oil could be gave higher protection time for 3 hours
บทที่ 1 บทนำ 1.1 มะไฟจีน มะไฟจีน มชี ือ่ สามญั ว่าแวมป้ี (Wampee) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Clausena lansium เป็นพืชทอี่ ยู่ในวงศ์ เดียวกบั ส้ม จาแนกลกั ษณะทางพฤกษศาสตรแ์ ละสัณฐานวทิ ยาตามลาดับ (ศูนย์สง่ เสรมิ และผลิตภณั ฑ์พืช สวนนา่ น, 2533) อันดบั (Order): Geraniales วงศ์ (Family): Reutaceae (rue) เผ่า (Tribe): Clausena สกุล (Genus): Clausena ชนิด (Species): Lansium มะไฟจีน จดั เป็นไม้ยนื ตน้ ขนาดกลาง (พรรณผกา, 2552) มลี ักษณะดงั น้ี 1. ลาตน้ เป็นไมผ้ ลขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10-15 เมตร กิ่งกา้ นสาขากวา้ ง ทรงพุม่ ค่อนขา้ งทบึ ดังรปู 1.1 (ก) รปู 1.1 ลักษณะลาต้น (ก) และลักษณะใบ (ข) ของมะไฟจนี 2. รำก มรี ากแก้ว ถ้าขยายพนั ธด์ุ ว้ ยการตอนมเี ฉพาะรากแขนงและรากฝอย ระบบรากสานกนั แน่นข 3. ใบ เปน็ ใบประกอบ (Compouกnd leave) มใี บยอ่ ยแตกสลับกัน ท้ัง 2 ขา้ งของแกนกลางมใี บ 5-11 ใบ ปกติมี 7– 9 ใบ เปน็ ใบประกอบมีใบยอ่ ยเพยี งใบเดยี ว ปลายใบเปน็ ใบรูปหอก สีเขียวเข้ม ทอ้ งใบสเี ขียว อ่อน ยอดและใบอ่อนเป็นสเี ขียวออ่ น ดังรูป 1.1 (ข)
2 4. ผล ออกเป็นพวงปลายก่ิงหรือปลายยอด 1 พวง มี 5-50 ผล รูปร่างมีทั้งกลมและรีปลายแหลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-0.75 นิ้ว ผิวผลเรียบ มีขนเล็กๆ ติดอยู่ เปลือกบาง ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่ สุกจะ เปล่ียนเปน็ สีเหลอื ง จะคล้าเปน็ สนี า้ ตาลเมอื่ สกุ เต็มท่ี ดังรูป 1.2 รูป 1.2 ลกั ษณะของผลมะไฟจีน 5. เนอ้ื สขี าวนวลหรอื ขาวขุ่น เนือ้ หุ้มเมล็ดลอ่ นไม่ ติดเมลด็ ติดกบั เปลอื กผล รสหวานอมเปรี้ยว สุก เต็มที่จะหวาน เปลือกมีกลิ่นฉุนเฉพาะคล้ายสม้ 6. เมล็ด ทรงยาวรีค่อนขา้ งแบน สเี ขยี ว 1 ผล มี 1-5 เมลด็ บางผลไมม่ เี มลด็ 7. ดอก ออกท่ีปลายยอดหรือปลายกิ่ง ดอกสีขาวดอกย่อยขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลางเมื่อบานแล้ว ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร กลบี ดอกช้นั เดยี ว 5 กลบี ดอกสมบูรณ์เพศ เรมิ่ บานปลายเดอื นธนั วาคมจนถงึ เดือน กุมภาพันธ์ การออกดอกตดิ ผลช่วงออกดอกฤดูแล้ง เดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ย 21 oC เก็บ เก่ยี วผลผลติ เดอื นเมษายน ถึง มิถุนายน เมือ่ ฝนตกมากจะเก็บเกี่ยวผลผลติ ไม่ได้เนอื่ งจากผลแตก และเปลือก ผลหนาทาใหไ้ มเ่ ปน็ ท่ีต้องการของทอ้ งตลาด 1.2 น้ำมันหอมระเหย น้ามันหอมระเหย (essential oil) เป็นสารอินทรีย์ท่ีพืชสร้างขึ้น มักมีกลิ่นหอมและระเหยงา่ ย โดย พชื ท่ีผลิตนา้ มันหอมระเหยเหล่านี้จะมีเซลล์พเิ ศษ ตอ่ มหรอื ทอ่ เพื่อสรา้ งและเกบ็ กักนา้ มันหอมระเหย ซ่งึ จะ เห็นต่อมน้ามันได้ชัดในส่วนของใบและเปลือกผลของพืชจาพวกส้ม น้ามันหอมระเหยพบได้ตามส่วนต่างๆ ของพืช ซ่ึงได้แก่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล และเมล็ด (สมุนไพรไม้เมืองน่าน, 2549 และสิริลักษณ์, 2545) ISO ได้ให้คาจากัดความของน้ามันหอมระเหยหรือภาษาอังกฤษ ไว้ดังนี้ “An essential oil is a product made by distillation with either water or steam or by mechanical processing of citrus
3 rinds or by dry distillation of natural material. Following the distillation, the essential oil is physically separate from the water phase” สารหอมระเหยประกอบด้วยส่วนประกอบทางเคมีที่สลับซับซ้อนอาจจะแบ่งน้ามันหอมระเหยตาม ชนิดขององคป์ ระกอบใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ (วนั ดี กฤษณพันธ์. 2536) 1. Hydrocarbon volatile oils ไดแ้ ก่ นา้ มนั หอมระเหยทมี่ ไี ฮโดรคารบ์ อนเปน็ องค์ประกอบหลัก อาจพบได้ทั้งในรูปไฮโดรคาร์บอนโมโนไซคลิกเทอร์ปีน (hydrocarbon monocyclic terpene) เช่น limonene ซึ่งพบได้ในน้ามันม้ินต์ น้ามันจากส้ม กระวาน และน้ามันสน, p-cymene พบได้ในน้ามันจาก ลูกผักชีอบเชย นอกจากนี้อาจพบไฮโดรคาร์บอนในรูปของไดไซคลิกโมโนเทอปีนส์ (dicyclic monoterpene) เชน่ pinene ซึง่ พบได้ในนา้ มนั ยูคาลิปตัส น้ามนั ดอกส้ม และนา้ มันลกู ผกั ชี 2. Alcohol volatile oils ได้แก่ น้ามันหอมระเหยท่ีมีแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบหลัก ที่สาคญั ได้แก่ น้ามันมิ้นต์ น้ามันจากลูกผักชี ลูกกระวาน ดอกส้ม ดอกกุหลาบ และ น้ามันสน ตัวอย่างของ แอลกอฮอล์ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ geraniol, citronellol ซึ่งเป็น acyclic alcohol ส่วน menthol และ α - terpineol เปน็ monocyclic alcohol เปน็ ตน้ 3. Aldehyde volatile oils ได้แก่ น้ามันหอมระเหยที่มีสารจาพวกแอลดีไฮด์เป็นองค์ประกอบ หลัก น้ามันหอมระเหยที่จัดอยู่ในกลุ่มน้ีที่สาคัญได้แก่ น้ามันอบเชย น้ามันจากส้มมะนาว และตะไคร้หอม ตัวอยา่ งของ aldehyde ทพี่ บไดแ้ ก่ geranial, neral และ citronellal เป็นต้น 4. Ketone volatile oils มสี ารจาพวก ketones เปน็ องค์ประกอบหลกั ตวั อยา่ งของ ketones ท่ี พบได้แก่ menthone, carvone piperitone และ pulegone ซ่ึงเป็น monocyclic terpene ketone นอกจากน้ยี งั พบ camphor, fenchone และ thujone ซึง่ เปน็ dicyclic ketones นา้ มันหอมระเหยทสี่ าคญั ในกลมุ่ นไี้ ดแ้ ก่ การบูร และมนิ้ ต์ 5. Phenol volatile oils มีสารจาพวก phenol เป็นองค์ประกอบหลัก phenol ท่ีพบได้แก่ eugenol, thymol, carvacrol เป็นต้น น้ามันหอมระเหยในกลุ่มนี้ได้แก่ น้ามันกานพลู thyme oil, creosote, pine tar และ juniper tar 6. Phenolic ether volatile oils มีสารจาพวก phenolic ether เป็นองคป์ ระกอบหลัก ตัวอย่าง ของน้ามันหอมระเหยในกลุ่มน้ี ได้แก่ น้ามันโป๊ยก๊ัก ซ่ึงพบสาร anethole น้ามันจันทน์เทศ และน้ามัน sassafras ซงึ่ พบสาร safrole เป็นต้น
4 7. Oxide volatile oils มีสารจาพวก oxides เป็นองค์ประกอบหลัก ตัวอย่างของสาร oxide ที่ พบในนา้ มนั หอมระเหยได้แก่ cineole (eucalyptol) ซึ่งพบในน้ามนั ยูคาลิปตสั 8. Ester volatile oils มีสารจาพวก esters เป็นองค์ประกอบหลัก ตัวอย่างของสาร จาพวกเอ สเตอร์ท่ีพบได้แก่ allyl isothiocyanate พบในน้ามันมัสตาด (mystard oil) และ methyl salicylate พบ ได้ในwintergreen oil 1.3 กำรสกดั น้ำมนั หอมระเหย กรรมวธิ ีท่ีจะได้มาซงึ่ นา้ มันหอมระเหยจะต้องผ่านกรรมวธิ ีท่ีเรียกวา่ “การสกัด” ซึง่ สามารถทาได้ 5 วิธคี อื 1. กำรกลั่น (distillation) เปน็ วิธีทน่ี ิยมใช้อย่างแพรห่ ลายเนือ่ งจากเปน็ วธิ ีท่ีประหยดั โดยการให้ไอน้าผา่ นพืชสมนุ ไพรทจี่ ะสกัด นา้ มันหอมระเหยทอ่ี ยใู่ นหม้อกลั่น น้ามนั หอมระเหยจะถูกสกดั ออกมาพร้อมกับไอน้าซึง่ จะผา่ นไปตามท่อ และถูกทาให้เย็นตัวเปน็ ของเหลวเก็บไว้ในขวด น้ามนั หอมระเหยจะแยกตวั ออกจากชั้นน้า ทาให้สามารถทจี่ ะ นาออกมาใชไ้ ดง้ า่ ย นา้ มนั หอมระเหยท่สี กดั ไดโ้ ดยวิธีนไ้ี ดแ้ ก่ น้ามนั ไพล นา้ มันตะไคร้ เปน็ ตน้ ข้อดขี องวธิ นี ี้ คือ ทาได้งา่ ย ต้นทุนต่า และนยิ มใชก้ บั การสกัดกลิ่น 2. กำรสกัดดว้ ยนำ้ มันสัตว์ (extraction by animal fat) วิธีนจ้ี ะใช้กับนา้ มันหอมระเหยทรี่ ะเหยได้ง่ายเม่อื กลน่ั ดว้ ยไอนา้ วิธนี ี้จะใชเ้ วลานานเนื่องจากต้องแช่ พืชสมุนไพรไว้ในน้ามันหลายวันเพื่อให้น้ามันดูดเอากล่ินหอมออกมา น้ามันหอมระเหยที่สกัดได้โดยวิธีน้ี ได้แก่ นา้ มนั หอมระเหยจากดอกมะลิ ดอกกุหลาบ เป็นต้น 3. กำรสกดั ด้วยสำรเคมี (solvent extraction) วิธนี ี้จะไดน้ ้ามนั หอมระเหยทมี่ ีความเข้มข้นสงู แต่คุณภาพไมด่ ีเนือ่ งจากจะมีสารอน่ื ปะปนออกมา ดว้ ย การสกดั แบบนจ้ี ะได้น้ามันหอมระเหยท่เี รียกว่า absolute oil วิธนี ีจ้ ะใชก้ ับพชื สมุนไพรทท่ี นความรอ้ น สงู ไม่ได้ เช่น มะลิ และหลังจากการสกดั ต้องระเหยสารละลายทีใ่ ช้เปน็ ตัวสกดั ออกใหห้ มด ซึ่งสารละลายท่ี นิยมใช้เป็นตวั สกดั คอื แอลกอฮอล์ ขอ้ เสยี ของวธิ ีนคี้ ือตน้ ทนุ การผลติ สูงและการกาจดั ตัวทาละลายในสาร สกัดทาได้คอ่ นขา้ งยากและไม่นิยมใชก้ บั การสกดั กล่นิ 4. กำรคัน้ หรือบบี
5 วธิ นี ีจ้ ะทาให้นา้ มันท่อี ยู่ในเปลือกของผลไม้ เช่นเปลือกพืชตระกูลส้ม ออกมา แต่น้ามนั หอมระเหยท่ี ได้จะมีปริมาณน้อยและไม่บริสทุ ธ์ิ 5. สำรสกัดด้วยคำรบ์ อนไดออกไซดเ์ หลว โดยการปลอ่ ยคาร์บอนไดออกไซด์เหลวท่ีความดันสูงผ่านพชื สมุนไพร ซ่งึ วธิ นี จ้ี ะมตี น้ ทุนการผลติ ที่ สูง แตจ่ ะได้น้ามันหอมระเหยท่ีมีคณุ ภาพดี และมีความบริสุทธ์ิสูง แต่ต้นทุนการผลติ สงู 1.5 ยงุ (Mosquitoes) Phylum : Arthopoda Class : Insecta Order : Diptera Family : Culcidae ยุงเปน็ แมลงขนาดเลก็ มีปีก 1 คู่ ในประเทศไทยมปี ระมาณ 412 ชนดิ มแี หล่งอาศัยอยูท่ ่ัวไปทง้ั ในเขตเมอื ง ชนบทและปา่ ยงุ บางชนิดเปน็ พาหะนาโรคมาสู่คนและสตั ว์ เชน่ ยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) ยงุ ลายสวน (Aedes. Albopictus) นาโรคไขเ้ ลอื ดออก (Dengue haemorrhagic fever) ยงุ Culex tritaeniorhynchus นาโรคไข้สมองอักเสบ (Japanese encephalitis) ยงุ กน้ ปล่องนาโรคมาลาเรยี (Malaria) และยุงเสอื นาโรคฟิลาเรยี (Filariasis) หรือโรคเทา้ ช้าง โรคที่กล่าวมานเ้ี กดิ ในคน ส่วนในสตั ว์นั้น ยงุ ก็มคี วามสาคัญมากเช่นกนั เนอ่ื งจากเป็นตวั นาโรคต่างๆ หลายชนิดในสัตว์ เชน่ ยงุ ราคาญ (Culex quinquefasciatus) นาโรคพยาธิหัวใจสนุ ัขและโรคมาลาเรียในนก ยุงบางชนดิ ชอบกดั วัวทาใหน้ า้ หนกั ลด ผลิตนมไดน้ ้อยลง ยงุ นอกจากเปน็ อันตรายตอ่ คนและสตั ว์เลอื ดอ่นุ แลว้ ยังเป็นอันตรายต่อสตั ว์เลอื ดเยน็ อกี ด้วย วงจรชีวติ ยงุ มีการเจริญแบบสมบูรณ์(Complete metamorphosis หรอื holometabola) หมายถึง การเจริญเติบโต ทีมีการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างในแต่ละระยะแตกตา่ งกันมาก แบ่งเป็น 4 ระยะ คอื ระยะไข(่ egg) ระยะลกู นา้ (larva) ระยะตัวโม่ง(pupa) และระยะตัวเตม็ วยั (adult) ระหว่างการเจรญิ เตบิ โตในแต่ละระยะตอ้ งมีการลอก คราบ(molting) ซงึ่ ถูกควบคุมโดยฮอรโ์ มนท่ีสาคัญ 3 ชนิด คือ brain hormone, ecdysone และ juvenile hormone
6 ระยะไข่ไขย่ ุงแต่ละชนิดมีขนาดและลักษณะไม่เหมอื นกัน จากลักษณะการวางไขอ่ าจบอกชนดิ ของกลุ่มยงุ ได้ ยุงชอบวางไขบ่ นผิวน้าหรือบริเวณชน้ื เชน่ บรเิ วณขอบภาชนะเหนอื ระดบั น้า การวางไข่ของยงุ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท - วางไขใ่ บเดยี่ วๆ บนผวิ น้า เช่น ยงุ กน้ ปล่อง - วางไข่เปน็ แพ (raft) บนผิวนา้ เช่น ยงุ ราคาญ - วางไข่เด่ยี วๆ ตามขอบเหนอื ระดับนา้ เช่น ยุงลาย - วางไข่ตดิ กบั ใบพชื นา้ เป็นกลมุ่ เชน่ ยงุ เสือหรือยงุ ฟิลาเรีย ระยะไข่ใช้เวลา 2-3 วัน จงึ ฟกั ตวั ออกเปน็ ลูกนา้ ในยุงบางชนดิ ไขส่ ามารถอย่ใู นสภาพแห้งไดห้ ลายเดอื น จนกระทง่ั เปน็ ปี เม่ือมีนา้ กจ็ ะฟกั ออกเป็นลกู น้า แหลง่ วางไข่ของยุงแต่ละชนิดแตกต่างกัน เช่น ยงุ ลายชอบ วางไขใ่ นภาชนะขังน้าทีม่ นษุ ย์สรา้ งขึ้น ส่วนยงุ ราคาญชอบวางไขใ่ นแหลง่ นา้ สกปรกตา่ งๆ น้าเสยี จากท่อ ระบายน้า แตห่ ากไมพ่ บสภาพน้าทชี่ อบยงุ กอ็ าจวางไขใ่ นสภาพน้าท่ีผดิ ไป นักวทิ ยาศาสตร์หลายคนรายงาน ว่าปัจจัยท่ีชว่ ยให้ยงุ ตวั เมียรวู้ า่ ควรจะวางไข่ทีใ่ ดก็คือ สารเคมีบางอย่างในนา้ สารเคมีอาจเป็น diglycerides ซึ่งผลติ โดยลกู นา้ ยุงทอี่ าศัยอยู่ในแหล่งนา้ น้นั หรอื เปน็ กรดไขมัน(fatty acid) จากแบคทเี รยี หรือเป็นสาร พวก phenolic compounds จากพืชนา้ ระยะลกู นำ้ ลูกน้ายงุ แตล่ ะชนดิ อาศัยอยู่ในนา้ ตา่ งชนิดกนั เชน่ ภาชนะขงั น้าตา่ งๆ ตามบอ่ นา้ หนอง ลาธาร โพรงไม้หรือ กาบใบไม้ทีอ่ ุ้มนา้ เป็นต้น ลูกนา้ ยงุ สว่ นใหญล่ อยตัวขนึ้ มาหายใจบนผิวนา้ โดยมที ่อสาหรบั หายใจ เรยี กว่า siphon ยกเว้นยุงก้นปล่องไมม่ ีท่อหายใจ แตจ่ ะวางตัวขนานกับผวิ นา้ โดยมขี นลกั ษณะคล้ายใบพดั (palmate hair) ช่วยให้ลอยตัวและหายใจทางรูหายใจ(spiracle) ซึง่ อย่ดู า้ นข้างอกและลาตัว ส่วนยงุ เสอื จะ ใช้ท่อหายใจซึ่งสนั้ และปลายแหลมเจาะพืชนา้ และหายใจเอาออกซิเจนผ่านรากของพืชนา้ อาหารของลูกนา้ ยงุ ไดแ้ ก่ สง่ิ มีชวี ิตเล็กๆ ในน้า เชน่ แบคทีเรยี ยีสต์ สาหร่าย ลกู น้าจะลอกคราบ 4 ครั้ง เม่อื ลอกคราบครัง้ สดุ ทา้ ยกลายเป็นตัวโม่ง การเจรญิ เตบิ โตในระยะลกู น้าใชเ้ วลาประมาณ 7-10 ขึ้นอยู่กับชนดิ ของลูกนา้ อาหาร อณุ หภมู ิ และความหนาแนน่ ของลกู น้าดว้ ย ระยะตัวโมง่
7 ตัวโมง่ รปู รา่ งผิดไปจากลูกน้า ส่วนหัวเชอ่ื มตอ่ กบั สว่ นอก รปู รา่ งลกั ษณะคลา้ ยเครื่องหมายจุลภาค(,) ระยะนี้ ไม่กินอาหาร เคล่ือนไหวอย่างรวดเร็ว มที อ่ หายใจค่หู นึ่งท่สี ่วนหวั เรียก trumpets ระยะนใ้ี ช้เวลาในการ เจริญเตบิ โตเพยี ง 1-3 วนั ระยะตัวเตม็ วยั ตัวยุงแบง่ ออกเป็น 3 สว่ น ส่วนหวั (head) มลี ักษณะกลมเชอ่ื มติดกับสว่ นอก ประกอบด้วยตา 1 คู่ ตาของยุงเป็นแบบตาประกอบ (compound eyes) มีหนวด (antenna) 1 คู่ มีรยางคป์ าก (labial palpi) 1 ค่แู ละมีอวยั วะเจาะดูด (proboscis) 1 อนั มีลักษณะเป็นแท่งเรียวยาวคล้ายเขม็ สาหรับแทงดดู อาหาร หนวดของยงุ แบง่ เป็น 15 ปล้อง สามารถใช้จาแนกเพศของยงุ ได้ แตล่ ะปล้องจะมีขนรอบๆ ในยงุ ตวั เมีย ขนนจ้ี ะสั้นและไมห่ นาแนน่ (sparse) เรียกวา่ pilose antenna สว่ นตัวผู้ ขนจะยาวและเปน็ พุ่ม (bushy) เรียกวา่ plumose antenna หนวดยุงเป็นอวยั วะทใ่ี ชใ้ นการรบั คล่นื เสยี ง ตัวผู้จะใชร้ บั เสียงการกระพอื ปกี ของตัวเมยี ความชน้ื ของอากาศ และรบั กล่ิน Labial palpi แบ่งเป็น 5 ปล้อง อยู่ติดกับ proboscis ในยุงก้นปลอ่ งตัวเมยี palpi จะตรงและยาวเทา่ กับ proboscis ส่วนยงุ ตวั ผูต้ รงปลาย palpi จะโป่งออกคลา้ ยกระบอง ในยุงตวั อ่นื ท่ไี มใ่ ชย่ งุ ก้นปล่อง palpi ของ ตวั เมยี จะส้ันประมาณ ¼ ของ proboscis สว่ นตวั ผู้ palpi จะยาวแตต่ รงปลายไม่โปง่ และมีขนมากที่สอง ปล้องสดุ ท้ายซึง่ จะงอข้ึน สว่ นอก (thorax) มปี ีก 1 คู่ ด้านบนของอก ปล้องกลาง (mesonotum) ปกคลุมดว้ ยขนหยาบๆ และเกลด็ ซงึ่ มีสีและลวดลายต่างๆ กัน เราใช้ลวดลายนส้ี าหรับแยกชนดิ ของยงุ ได้ ดา้ นขา้ งของอกมเี กลด็ และกลมุ่ ขนซง่ึ ใชแ้ ยกชนิดของยงุ ไดเ้ ช่นกัน ด้านล่างของอกมีขา โดยขาแต่ละข้างจะประกอบดว้ ย coxa ซงึ่ มขี นาดสัน้ อย่ทู ี่ โคนสดุ ตอ่ ไปเป็น trochanter คล้ายๆ บานพับ femur, tibia และ tarsus ซ่ึงมอี ยู่ 5 ปล้อง ปล้องสุดท้ายมี หนามงอๆ 1 คู่ เรียกว่า claws ขาก็มีเกล็ดสตี ่างๆ ใชแ้ ยกชนิดของยงุ ได้ ปีกมลี ักษณะแคบและยาว มลี ายเส้น ปกี (Veins) ซ่ึงมชี ื่อเฉพาะของแต่ละเส้นปกี และจะมีเกล็ดสตี า่ งๆ กนั ตรงขอบปีกด้านหลงั จะมีขนเรียงเปน็ แถวเรยี ก เกล็ด (fringe) และขนบนปีกนี้ก็ใช้ในการแยกชนดิ ของยงุ ได้เช่นกัน นอกจากนย้ี งั มี halteres 1 คู่ อยทู่ ่อี กปลอ้ งสุดทา้ ยมลี กั ษณะเป็นป่มุ เลก็ ๆ อยู่ต่อจากปีก เมอ่ื ยุงบิน halteres จะสน่ั อย่างเร็วใชป้ ระโยชน์ ในการทรงตัวของยงุ
8 ส่วนทอ้ ง (abdomen) มีลกั ษณะกลม ยาว ประกอบดว้ ย 10 ปล้อง แตจ่ ะเหน็ ชัดเพียง 8 ปลอ้ ง ปล้องท่ี 9 - 10 จะดดั แปลงเปน็ อวยั วะสืบพนั ธ์ใุ นยงุ ตัวผู้จะใชส้ ่วนนแ้ี ยกชนิดของยุงได้ ชีวติ ประจำวัน (Daily life) อาหาร ยงุ ตวั เต็มวัยทัง้ 2 เพศ กนิ น้าหวานจากเกสรดอกไม้กส็ ามารถดารงชีวิตอยไู่ ด้ แตส่ ว่ นใหญ่ยงุ ตวั เมียยงั ตอ้ งการโปรตนี จากเลือดมนุษย์หรอื สัตว์ เพอื่ ช่วยในการเจรญิ เติบโตของไขแ่ ละใช้สร้างพลงั งาน ยุงตัวเมีย เท่านน้ั ทีก่ ดั คนและสัตว์ ยงุ แต่ละชนดิ ชอบกนิ เลอื ดตา่ งกนั พวกที่ชอบกนิ เลือดเรียกว่า zoophilic สว่ นพวกที่ ชอบกนิ เลือดคนเรยี กว่า anthropophilic เลือดจะเข้าไปชว่ ยในการเจริญเตบิ โตของไข่ การเจริญเติบโตของ ไขแ่ บบทต่ี ้องการโปรตีนจากเลือดเรยี กวา่ anautogeny มียุงไมก่ ี่ชนิดทไ่ี ข่สกุ ไดโ้ ดยใชอ้ าหารที่สะสมไว้โดย ไม่ต้องกนิ เลือด เรียก autogeny เช่นยุง Aedes togoi, Culex molestus เวลาทยี่ งุ หากินก็ไม่เหมือนกนั เช่น ยงุ ลายชอบหากินในเวลากลางวัน สว่ นยงุ ราคาญชอบหากนิ ในเวลากลางคนื ยุงแมไ่ กช่ อบหากินตอน พลบค่าและยา่ รุ่ง เป็นต้น การบิน มีลกั ษณะเฉพาะสาหรับยงุ แต่ละชนิด เชน่ ยุงบ้านจะบินไปไมไ่ กล บินไดป้ ระมาณ 30 - 300 เมตร ยุงลาย สวนบินไดป้ ระมาณ 400 - 600 เมตร ยงุ ก้นปล่องบนิ ได้ประมาณ 0.5 – 2.5 กโิ ลเมตร สว่ นยงุ ราคาญบินได้ ตัง้ แต่ 200 เมตรถึงหลายกิโลเมตร ยุงพาหะนาโรคไขส้ มองอกั เสบบินไดไ้ กลถึง 50 กโิ ลเมตร ยุงตัวเมยี สามารถบนิ ได้ไกลกวา่ ยงุ ตวั ผู้ การผสมพนั ธ์ุ ยงุ ตวั ผลู้ อกคราบโผลอ่ อกจากตวั โมง่ กอ่ นยงุ ตัวเมยี และอยู่ใกลๆ้ แหลง่ เพาะพันธเ์ุ มอื่ ตวั เมียออกมา 1-2 วัน จะผสมพันธ์ุกนั หลงั จากผสมพันธ์ุแลว้ ยงุ ตวั เมียจะออกหาแหล่งเลือด แต่ยงุ บางชนดิ ตอ้ งการเลือดกอ่ นการ ผสมพันธุ์ เช่น Anopheles culicfacies นอกจากนยี้ ุงกน้ ปลอ่ งมีพฤติกรรมการบินวอ่ นเป็นกลุ่มเพือ่ จับ ค่ผู สมพันธ์ุ เรียก swarming มกั เกิดขึน้ ตอนพระอาทิตย์กาลังตก โดยแสงทอ่ี ่อนลงอย่างรวดเรว็ มผี ลในการ กระตนุ้ กจิ กรรมนี้ ส่วนยงุ ลายจับค่ผู สมพันธโุ์ ดยไมต่ ้อง swarm ตวั ผจู้ ะตอบสนองตอ่ เสยี งกระพอื ปกี ของยงุ ตัวเมยี ยุงลายตัวผู้สามารถค้นหาตวั เมียได้ภายในระยะทาง 25 เซนตเิ มตร
9 อายขุ องยุง ยงุ ตวั ผูม้ ักมีอายุส้นั กว่ายงุ ตัวเมยี โดยยุงตวั ผ้มู ีอายุประมาณ 1 สัปดาห์ ยกเวน้ ในกรณีท่เี ล้ียงดดู ว้ ยอาหาร สมบรู ณ์และมคี วามช้ืนเหมาะสมจะมีอายอุ ยู่ได้เป็นเดอื น สว่ นยุงตัวเมียมีอายุ 1 - 5 เดอื น อายขุ องยุงขนึ้ กบั ปัจจยั หลายอย่าง เช่น ในฤดรู อ้ น ยุงมกี ิจกรรมมากทาให้อายุสัน้ เฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์ ในฤดูหนาวยุงมี กิจกรรมนอ้ ยจงึ มอี ายุยืน ในบางพ้ืนทยี่ งุ สามารถจาศีลตลอดฤดูหนาว ชนิดยุงที่สำคญั ชนดิ ของยุงทีส่ าคญั ในทางการแพทย์ มี 4 ตระกลู ดงั นี้ 1. ตระกลู ยุงลำย (Genus Aedes) ยุงลำยบ้ำน (Aedes aegypti) เป็นตัวการสาคัญในการนาโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย (ใน ประเทศอเมริกาใตน้ าโรคไขเ้ หลือง (Yellow fever) มถี ิ่นกาเนดิ จากอัฟริกา ชอบอาศัยอยูบ่ า้ นหรอื บรเิ วณ รอบๆ บา้ น แหลง่ เพาะพันธย์ุ ุงลาย ได้แก่ ภาชนะขงั นา้ ทีม่ นุษยส์ ร้างขึน้ เช่น ตุ่มนา้ ถงั ซีเมนต์ใสบ่ อ่ บอ่ คอนกรตี ในห้องน้า จานรองขาตกู้ นั มด ยางรถยนต์เกา่ กระปอ๋ ง รางนา้ ฝนท่มี นี ้าขัง กะลามะพรา้ ว เป็นตน้ ยุงลายบ้านมวี งจรชีวิตเป็นแบบสมบรู ณ์ (Complete metamorphosis) เชน่ เดียวกบั ยุงชนดิ อน่ื การ เจริญเตบิ โตแบ่งเป็น 4 ระยะ คอื ระยะไข่ ยุงลายจะวางไขเ่ ปน็ ฟองเด่ยี วๆ ตดิ ไว้ด้านในบริเวณทขี่ ึ้นเหนือระดบั น้า ไข่ใหม่มสี ขี าว ต่อมาประมาณ 12 - 24 ชวั่ โมง จะเปลีย่ นเป็นสีดา ไขย่ ุงลายสามรถอยู่ในท่แี หง้ ไดน้ านเป็นปี (ความชื้นสงู และอณุ หภมู ิประมาณ 28-30 องศาเซลเซียส) เมื่อระดับนา้ ทว่ มไข่จงึ ฟักตวั ออกมาเป็นลกู น้า ระยะฟักตัวใน ไข่ประมาณ 2.5 – 3.5 วนั ระยะลูกนา้ หลงั จากออกจากไข่แล้วลกู นา้ เริ่มกินอาหาร การเจริญเติบโตและลอกคราบ 4 ครง้ั ตวั อ่อนท่ไี ด้จากการลอกคราบแต่ละครัง้ รยี กว่า instar เช่น ลกู นา้ ท่ีฟกั ออกจากไขเ่ รยี กว่า first instar เม่ือลอก คราบต่อไปกลายเป็น second instar เป็นตน้ ลูกนา้ ใช้เวลาในการเจริญเตบิ โตประมาณ 7 - 10 วัน ลอก คราบครั้งสดุ ท้ายกลายเปน็ ตัวโม่งหรือดักแด้ ระยะตวั โมง่ ระยะน้ีตัวจะโค้งงอ ไม่กินอาหาร ชอบลอยติดกบั ผิวนา้ ใช้เวลา 1 - 2 วันจงึ ลอกคราบ ออกเป็นตัวเต็มวยั
10 ระยะตัวเตม็ วยั เริม่ ผสมพันธ์เุ มอื่ อายุประมาณ 24 ช่ัวโมง ตวั เมียผสมพันธ์เุ พียงครง้ั เดยี วแต่วางไข่ได้ หลายครง้ั สว่ นตวั ผู้ผสมพันธุ์ไดห้ ลายสิบคร้งั ในหนง่ึ ช่ัวโมง หลงั จากนน้ั ยงุ ตัวเมียจะออกกนิ เลอื ด ยงุ ลายชอบ กินเลือดคนและหากนิ ในเวลากลางวนั บางคร้ังยงุ ลายอาจกัดคนในเวลากลางคืนแตเ่ ป็นภาวะจาเป็น เชน่ ไม่ มเี หยอื่ ในเวลากลางวนั หลังจากกินเลือดอิ่มแล้วยุงตวั เมยี จะไปเกาะพกั รอใหไ้ ขเ่ จริญเตบิ โต เรยี กช่วงน้วี ่า gonotrophic cycle ซ่ึงใชเ้ วลาประมาณ 2.5 – 3.5 วนั แหลง่ เกาะพกั ของยุงลาย ไดแ้ ก่ บริเวณท่ีมืดอับลม ในหอ้ งน้าในบ้าน โดยเฉพาะตามสิง่ หอ้ ยแขวนภายในบา้ น เชน่ เสอื้ ผ้า มงุ้ มา่ น เปน็ ต้น หลังจากไขเ่ จริญ เต็มทแี่ ล้วจะบนิ ไปหาท่ีวางไข่ ชอบท่รี ม่ น้าทม่ี ใี บรว่ งลงไปและมีสีนา้ ตาลอ่อน จะกระตนุ้ การวางไขไ่ ด้ดีแต่ ยงุ ลายไมช่ อบนา้ ทีม่ ีกลนิ่ เหม็น ลกั ษณะทส่ี าคญั ของยงุ ลายบ้านเต็มวัย ตรงบริเวณดา้ นหลงั ของอกมีเกล็ดสีขาวเป็นรปู เคยี ว 2 อันคกู่ ัน ยุงลำยสวน (Aedes albopictus) ยุงลายชนิดนม้ี ถี น่ิ กาเนดิ ในเอเชยี ลักษณะคล้ายคลึงกบั ยงุ ลาย บา้ นมาก แต่สงั เกตได้จากเกล็ดสขี าวบนดา้ นหลงั ของอกไม่เปน็ รูปเคียว แตเ่ ปน็ เสน้ ตรงเส้นเดยี วพาดตามยาว ตรงกลาง อุปนิสัยความเป็นอยคู่ ลา้ ยยงุ ลายแต่มกั จะพบอยู่ในชนบท ในสวนผลไม้ สวนยาง อทุ ยานตา่ งๆ แหลง่ นา้ ที่ใช้เพาะพนั ธ์ุมักจะเปน็ แหล่งนา้ ธรรมชาติ เชน่ โพรงไม้ กระบอกไมไ้ ผ่ ลกู มะพร้าว กะลา กระป๋อง ขวดพลาสติกท่นี ักท่องเท่ียวท้ิงไว้ เปน็ ตน้ ยุงลายสวนจะบนิ ได้ไกลกว่ายุงลายบ้าน ยุงชนิดน้ีเปน็ ตวั การนาเชื้อ ไวรสั โรคไขเ้ ลอื ดออกได้เชน่ เดียวกัน 2. ตระกลู ยุงคิวเล็กซห์ รือยงุ รำคำญ (Genus Culex) ยงุ ในตระกลู นที้ ่สี าคญั ทางแพทยม์ ี 4 ชนิด คอื ยุงรำคำญ (Culex quinquefasciatus) พบมากในแอฟรกิ าและเอเชีย วางไข่เป็นแพในน้าเนา่ เสีย แหล่งเพาะพนั ธ์มุ ักอยใู่ กล้บ้าน ไข่แพหนึ่งมีประมาณ 200- 250 ฟอง ไขฟ่ กั ภายใน 30 ชว่ั โมง ท่อี ุณหภูมิ 24 - 30 องศาเซลเซยี ส ออกหากนิ กลางคนื ชอบกินเลอื ดคน ในประเทศพม่า อนิ เดีย อนิ โดนเี ซยี ยุงชนิดนี้ เป็นตัวการสาคญั ในการนาโรคฟิลาเรีย สาหรับประเทศไทยพบวา่ ยุงชนิดนสี้ ามารถนาเช้อื ฟลิ าเรยี ได้เชน่ กัน แตย่ งั มขี อ้ มูลน้อย นอกจากน้ีอาจทาใหม้ ีอาการคันแพแ้ ละเกดิ แผลพพุ องได้ Culex tritaeniorhynchus ชนิดน้เี ป็นตวั นาเช้อื ไวรสั Japanese encephalitis ซง่ึ ทาใหเ้ กิด โรคไขส้ มองอกั เสบทั่วไปในระเทศไทย แตพ่ บมากในจังหวดั ภาคเหนอื เชน่ เชียงใหม่ เชียงราย อุตรดิตถ์ น่าน
11 แหลง่ เพาะพันธุอ์ ยูต่ ามทอ้ งนา แหล่งนา้ ท่ีเกิดจากรอยเท้าสตั ว์ บ่อนา้ เล็กๆ ทีม่ พี ชื น้า ลาธาร ชอบกินเลอื ดววั ควาย หมูมากกวา่ เลอื ดคนและนก ออกหากนิ ตั้งแต่พลบคา่ จนตลอดคืน ส่วนมากหากนิ นอกบา้ น Culex gelidus เป็นตัวนาเชอ้ื ไวรสั ท่ที าใหเ้ กดิ โรคไขส้ มองอกั เสบ เช่นเดียวกับ Cx.tritaeniorhynchus แหลง่ เพาะพันธ์ไุ ดแ้ ก่ สระน้า บอ่ หนองนา้ น้าลา้ งคอกสตั ว์ ลาธารเลก็ ๆ ชอบอาศัย อยใู่ นแหล่งน้าทีม่ ีพืชน้า หากินกลางคนื ชอบกนิ เน้ือสตั ว์ Culex fuscocephala เปน็ ตวั นาเช้ือไวรสั ทีท่ าใหเ้ กิดโรคไข้สมองอกั เสบ พบตามหนองนา้ บึงนา ข้าว หากินกลางคนื ชอบกินเนอื้ สตั ว์ เช่น วัว ความ สุกร นก และคน 3. ตระกูลยุงกน้ ปลอ่ ง (Genus Anopheles) ยงุ ตระกูลนี้เปน็ ตัวการนาโรคมาลาเรยี ซง่ึ เกดิ จากเชื้อโปรโตชวั Plasmodium ยุงก้นปลอ่ งทเี ปน็ พาหะสาคญั ในประเทศไทยมี 4 ชนดิ คือ Anopheles minimus เพาะพันธุ์ตามลาธารท่มี ีนา้ ใสสะอาดไหล ไหลช้าๆ มีหญา้ ขึน้ ตามขอบและ มรี ่มเงาเล็กนอ้ ย พบในท้องทแ่ี ถบเขาหรือใกล้เขา เกาะพักในบ้านทีค่ ่อนขา้ งมืดตอนกลางวัน แต่ในบางท้องที่ ไม่เกาะพกั ในบา้ น ชอบกินเลอื ดคนมากวา่ สัตว์ Anopheles dirus (A. balabacensis) เพาะพนั ธ์ตุ ามแหล่งนา้ น่ิง มีรม่ เงา เช่น ตามปลักโคลน รอยเทา้ สตั ว์และแหล่งน้าช่วั คราวอื่นๆ ท่ีมีน้าใส มีใบไม้แหง้ ถังซีเมนต์รดน้าตน้ ไม้ในสวน ชอบอยตู่ ามเขา และปา่ เชงิ เขา กดั คนตอนกลางคนื ตง้ั แต่เวลา 22:00 น. และมากท่สี ุดหลังเท่ยี งคนื มีนิสยั ชอบเกาะพกั นอก บ้าน ชอบกนิ เลือดคน Anopheles sundaicus เพาะพันธ์ุตามแหล่งนา้ กร่อยทีม่ ีแสงแดดสอ่ งถงึ พบทางชายทะเล หากิน นอกบ้าน ไม่มรี ายงานเกาะพกั นอกบา้ น
12 Anopheles maculates เพาะพันธตุ์ ามท้องทปี่ ่าเขา ปา่ บุกเบิกท่ัวไป แหลง่ เพาะพนั ธุไ์ ดแ้ ก่ ลา ธารเล็กๆ ท่ีมีแสงแดดสอ่ งถึง คล้ายแหลง่ เพาะพันธุ์ของ A.minimus ตวั เตม็ วยั ชอบเกาะพกั ตามพ่มุ ไม้เตี้ยๆ กนิ เลอื ดทัง้ คนสัตว์ หากนิ นอกบา้ น มากกว่านอกบา้ น วงจรชวี ติ ของยงุ ก้นปล่อง มอี ยู่ 4 ระยะเชน่ กัน ระยะไข่ ยงุ กน้ ปลอ่ งจะวางไขเ่ ปน็ ฟองเดี่ยว บนผิวนา้ ในตอนกลางคนื ครั้งละประมาณ 150 ฟอง ไข่ รปู รา่ งคล้ายเรอื บริเวณสองขา้ งตอนกลางฟองไขม่ เี ย่อื อากาศเปน็ ทุ่น เรยี กว่า float เป็นสว่ นที่ทาใหไ้ ข่ลอย น้า ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะเฉพาะของไขย่ ุงในตระกลู ยงุ กน้ ปล่อง ไขใ่ ชเ้ วลา 2-3 วนั จงึ ฟักตัวเปน็ ลูกนา้ ระยะลกู นา้ มีการลอกคราบ 4 คร้งั สุดทา้ ยกลายเปน็ ตวั โมง่ ใชเ้ วลาประมาณ 13-15 วันหรอื มากกวา่ นน้ั ท่ีอณุ หภูมติ า่ ลกู นา้ วางตัวขนานกบั ผิวน้า มีขนรูปพัดเรียกวา่ palmate hairs ปรากฏอยู่บนปลอ้ งท้อง เกอื บทกุ ปล้อง ทาหนา้ ที่พยงุ ลูกน้าให้ลอยตวั เป็นลักษณะเฉพาะของลกู นา้ ยงุ ก้นปลอ่ ง ระยะตวั โมง่ ใช้เวลาประมาณ 2-3 วันเมอ่ื ลอกคราบครัง้ สุดท้ายกลายเป็นตัวยุงพรอ้ มทีจ่ ะบนิ รวม ระยะเวลาจากไขจ่ นกลายเปน็ ตัวเต็มวนั ประมาณ 17 - 21 วัย ระยะตัวเต็มวัย ยงุ ตวั เมยี ผสมพนั ธไุ์ ดท้ นั ที การผสมพันธเ์ุ พียงครง่ึ หน่ึงสามารถวางไขไ่ ด้ 5 - 6 ชุด แตจ่ ะต้องได้รบั เลือดกอ่ นทุกคร้งั เมอ่ื ได้กนิ เลือดแล้วยุงตัวเมียจะไปเลอื กทีส่ งบเกาะพักรอใหไ้ ขส่ กุ ซึ่งใช้เวลา ประมาณ 48 ช่ัวโมง แล้วมักจะบินไปหาแหล่งน้าท่เี หมาะสมเพ่ือวางไข่ ยุงท่วี างไข่แลว้ เรียกวา่ parous สว่ น ยงุ ท่ียงั ไม่เคยวางไข่เรียก nulliparous 4. ตระกลู ยุงเสอื หรือยุงฟิลำเรีย (Genus Mansonia) ยุงในตระกูลนีส้ าคญั และเปน็ ตวั การนาโรคฟลิ าเรีย (filariasis) ซ่ึงเกิดมาจากเชอ้ื Brugia Malayi ทางภาคใต้ ของประเทศไทย ชนดิ ทพ่ี บแพร่หลายไดแ้ ก่ Mansonia uniformis, Mansonia dives, Mansonia bonneae, Mansonia annulifera วงจรชวี ิตของยงุ Mansonia เปน็ แบบสมบรู ณ์ (Complete metamorphosis) เช่นเดียวกบั ยงุ ชนิดอืน่ ๆ ระยะเวลาการเจรญิ เติบโตค่อนขา้ งยาว จากไข่จนกระทั่งเป็นตวั เต็มวยั ใชเ้ วลาประมาณ 23 - 30 วนั มี 4 ระยะ คือ ระยะไข่ ไข่จะถูกวางติดกับด้านใตข้ องพืชน้า มีสีคลา้ เกาะกนั อยเู่ ป็นกระจุกรูปรา่ งคล้ายกลีบดอกไม้ กลุ่มหน่ึงประกอบดว้ ยไขป่ ระมาณ 75 - 200 ฟอง ไข่ใช้เวลาประมาณ 2 - 3 วนั จึงฟักเป็นตัวลูกน้า
13 ระยะลูกนา้ มลี ักษณะพเิ ศษอยทู่ ที่ อ่ หายใจ (siphon) มลี กั ษณะรูปกรวยสั้นปลายแหลมหยักคลา้ ย ใบเลื่อยใช้เจาะติดับตน้ รากพชื น้า มีล้ินปิดเปิดแข็งแรงมาก หายใจโดยได้รับออกซเิ จนจากเซลลข์ องพชื นา้ ใช้ เวลาเจรญิ เตบิ โต 16 - 20 วนั ระตวั โมง่ ทอ่ หายใจดัดแปลงรูปรา่ งเพือ่ แทงเขา้ ไปในเนื้อเยื่อพืชน้าใช้เวลา 5 - 7 วนั ระยะตัวเต็มวยั ยงุ ชนดิ นแ้ี ตกต่างจากยงุ ชนิดอืน่ ๆ ตรงที่เกล็ด (Scale) บนปีกมีสสี ันลวดลายแปลก ตาโดยมากเป็นสนี า้ ตาล โดยเฉพาะที่เกล็ดมีลกั ษณะกลมและใหญก่ ว่ายุงชนดิ อ่ืน ยุงชนดิ นีห้ ากินกลางคืน เมื่อผสมพนั ธแ์ุ ละกนิ เลือดแล้วมกั จะเกาะพักบริเวณยอดหญ้ารอจนไข่สกุ จึงไปวางไข่ในแหล่งเพาะพนั ธ์ตุ าม บงึ หรือหนองนา้ ทมี่ พี ืชนา้ เช่น พวกจอกและผกั ตบชวา ยงุ ตัวเมียหากนิ นอกบ้าน ชอบกินเลือดววั สนุ ขั แพะ สัตวป์ ีกและคน เวลาทีอ่ อกหากินมากทส่ี ุดเปน็ ช่วง พลบคา่ และก่อนพระอาทิตยข์ ึน้ อาจพบออกหากนิ เวลา กลางวันในบรเิ วณทีค่ วามชื้นสงู มรี ่มเงา ยุงตัวเมียกินเลอื ดเพียงครง้ั เดียวก็เพียงพอต่อการเจริญของไข่ ระยะเวลาในการสร้างไขป่ ระมาณ 4 - 5 วัน 1.4 กำรไลย่ งุ สารไล่ยงุ (repellent) เปนสารทมี่ คี ุณสมบัติสามารถไล่ยุงและแมลงตาง ไมใหเขามากดั โดยอาจเป นสารเคมีสังเคราะหหรือสารสกัดธรรมชาติ เชน พืชสมุนไพร สารทากันยุงที่ดีตองไมใชสารฆาแมลง ไม สามารถฆายงุ และแมลงตางๆ ได มคี วามปลอดภยั สูง สามารถสมั ผัสผิวหนังได สาร ไ ล่ยุง จะ เคลือบผิวหนั ง ของ ผู ใช ทาให รบกวน การรับกล่ิน ของ ยุง ที่ร าง กายคน ผลิตออ ก ม า นอกจากนั้นสารไล่ยุงบางชนิดยังมกี ล่นิ ไปรบกวนกลไกการทางานในการลาเหยอ่ื ของยุง จงึ สามารถไล่ไมใหยุง มาเกาะผวิ หนงั และดูดเลือดได ผลิตภัณฑปองกันยุงในทองตลาดมีมากมายหลายชนิดและหลากหลายรูปแบบ สามารถเลือกใชตามความ สะดวก ความเหมาะสม และความชอบส วนบุคคล โดยสารออกฤทธ์ิหลักในผลิตภัณฑ ไดแก สารเคมี สังเคราะห เชน DEET (N,N-Diethyl-3-methylbenzamide), สารสกัดธรรมชาติ เชน สารสกัดจากพืช โดยเฉพาะพืชที่มนี า้ มนั หอมระเหยเปนองคประกอบ ไดแก ตะไครหอม สม ขมนิ้ ยูคาลิปตัส และเจอราเนียม สูตรผสมระหวางสารเคมีสังเคราะหและสารสกัดธรรมชาติ เชน DEET ผสมกับน้ามันหอมระเหยจากตะไคร หอม สม และเจอราเนยี ม สวนรปู แบบของผลติ ภัณฑทาปองกันยงุ ทพี่ บในทองตลาดไดแก ครมี โลช่ัน แปงทา ตวั สเปรย และลกู กล้งิ
14 การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงท่ีประกอบไปด้วยสารเคมีในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะทาให้เกิดการสร้างความต้านทานของยุงต่อสารเคมีแลว้ ยังก่อให้เกิดการปนเปือ้ นของสารพิษใน สิ่งแวดล้อมและปัญหาต่อผู้บริโภคได้ ในปัจจุบันมีการศึกษาเก่ียวกับสมุนไพรเพื่อนามาใช้เป็นทางเลือกใน การรักษาโรคต่างๆ รวมไปถึงการนามาพัฒนาเป็นสารไล่ยุง ซ่ึงสมุนไพรมีสารเคมีตามธรรมชาติที่มีความ ปลอดภยั ตอ่ สง่ิ แวดล้อม แตค่ วรระมดั ระวังกรณีเกิดการแพเ้ ฉพาะบุคคล ดงั นัน้ งานวิจยั สมุนไพรไทยจงึ ควร ได้รบั การส่งเสรมิ ใหม้ กี ารศกึ ษาวจิ ัยและพฒั นามาใชป้ ระโยชนม์ ากย่ิงขน้ึ เพ่ือเป็นผลิตภณั ฑอ์ กี ทางเลอื กหน่ึง ใหก้ ับผู้บริโภคตอ่ ไป น้ามันหอมระเหยจากสมุนไพรเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงในการวิจัยและพัฒนาไปสู่ ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง เช่น น้ามันหอมระเหยตะไคร้หอมซ่ึงเป็นน้ามันหอมระเหยที่ได้รบั ความนิยมในการนามาไล่ ยุงมากที่สุดในโลก ส่วนน้ามันหอมระเหยอื่นๆที่มีรายงาน เช่น มะแข่น กานพลู แมงลัก ยูคาลิปตัส ขมิน้ ชนั เป็นต้น และยงั มงี านวจิ ยั ท่ศี ึกษาคุณสมบัตขิ องนา้ มันหอมระเหยท่ีมปี ระสทิ ธิภาพไล่ยงุ มากข้ึน ในงานวิจยั น้ีจึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาประสทิ ธิภาพการไล่ยงุ ของน้ามันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟ จีน โดยทาการทดสอบในห้องปฏบิ ตั กิ าร เนอ่ื งจากมะไฟจีนเป็นพืชตระกลู สม้ จงึ น่าจะมคี ณุ สมบัติในการไล่ ยุงได้ เช่นเดียวกับ น้ามันส้ม หรือ ส้มโอ นอกจากนี้จากการสืบค้นเอกสารที่เก่ียวข้องท้ังในประเทศและ ตา่ งประเทศ ยังไม่พบงานวจิ ยั ท่ศี ึกษานา้ มันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจนี ในการไลย่ ุง ทัง้ ยงั ไม่พบความเปน็ ในนา้ มนั หอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีน ความสาคัญในงานวจิ ัย 1. เพ่ือศึกษาประสิทธภิ าพการไล่ยุงของนา้ มันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีนในมนุษย์เปรียบเทยี บ กับการไล่ยุงของนา้ มันหอมระเหยชนดิ อน่ื ทม่ี ีคณุ สมบตั ิในการไลย่ ุง 2. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการไล่ยุงในมนุษย์ด้วยอัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างน้ามันหอมระเหย จากเมล็ดมะไฟจนี กับตวั ทาละลายทใ่ี ชเ้ ตรยี มผลติ ภัณฑ์ 3. เพ่ือพฒั นาผลติ ภัณฑ์ไลย่ งุ จากนา้ มนั หอมระเหยมะไฟจนี เพื่อตอบสนองความพึงพอใจต่อผู้บริโภค ดว้ ยอตั ราสว่ นทีเ่ หมาะสมระหวา่ งนา้ มนั ระเหยจากเมล็ดมะไฟจนี และน้ามันหอมระเหยอืน่
15 4. เพื่อศึกษาการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไล่ยุงจากน้ามันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีนภายใต้ความ แตกตา่ งของแสงและอุณหภูมิ
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง 2.1 มะไฟจนี มะไฟจีนเปน็ ผลไม้เฉพาะทอ้ งถิน่ สามารถเจรญิ ไดด้ ีในสภาพภูมปิ ระเทศในจงั หวดั นา่ นสามารถให้ ผลผลติ สูงถึง 150 กิโลกรัม ซงึ่ หากนาไปปลกู ในพ้นื ท่ีอื่นโดยเฉพาะทภ่ี าคกลางจะให้ผลผลติ ต่า สาเหตหุ นง่ึ อาจเป็นเพราะชาวน่านมปี ระสบการณ์ในการดแู ล บารงุ รักษา และเข้าใจลักษณะการเจริญเติบโตของมะไฟ จนี จึงทาใหม้ ะไฟจีนมผี ลผลิตสูง (เตม็ , 2554 และ ธดิ ารตั น์, 2548) มะไฟจีนมีประโยชนท์ ้ังทางด้านอาหาร สมุนไพร และเภสัชกรรม ซึ่งเป็นที่ทราบเป็นเวลานานและ ประยุกต์ใชใ้ นการแพทยแ์ ผนโบราน เชน่ ชาวจีนและชาวไต้หวันใช้ส่วนตา่ งๆ มะไฟจนี เชน่ ราก ใบ และผลใน การรักษาโรคลมพิษ ไวรัสตับอักเสบแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง และชาวฟิลิปปินส์ใช้รักษาอาการปวด ท้องเร้ือรงั ไขห้ วดั และไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ (Chokeprasert และคณะ., 2007 และ Perry, 1980) พบวา่ สาร สกัดจากใบมะไฟจีนสามารถกาจัดรงั แคและรกั ษาสผี มได้ ปัจจุบันได้มงี านวิจยั สกัดสารจากผลมะไฟจีนพบว่า มคี ุณสมบัติตา้ นไวรัสเอดส์โดยจะทาการยับยงั้ ขบวนการ reverse transcriptase ของไวรัสเอดส์ นอกจากนี้ มะไฟจีนยังมีคุณสมบตั ใิ นการยับย้ังการทางานของเชื้อรา (Ng และคณะ., 2003) มะไฟจนี มนี ้ามันหอมระเหยเป็นองค์ประกอบหลายชนดิ จากงานวจิ ัยของ (Zhao และคณะ, 2547) ได้รายงานถึงการวิเคราะห์น้ามันหอมระเหยจากส่วนต่างของมะไฟจีน เช่น ใบ ดอก เมล็ดโดยใช้เทคนิค GC/MS พบองค์ประกอบหลกั ของนา้ มนั หอมระเหย กวา่ 50 ชนิด มรี ายงานว่านา้ มันหอมระเหยท่พี บในผลของมะไฟจีนส่วนใหญป่ ระกอบดว้ ย sabinene, α-pinene, β–phellandrene, และ myrcene (ประเทือง โชคประเสริฐ และคณะ, 2007) นอกจากน้ียังมีรายงาน พบว่า น้ามันหอมระเหยในมะไฟจีน ที่มีองค์ประกอบคือ E-caryophyllene humulene และ 3-hexenyl 2-methylbutanoate มฤี ทธิ์ฆา่ แมลงสามารถประยุกต์ใช้ในการกาจัดแมลงได้ (Loughrin และคณะ, 1994) นอกจากน้ียังมีงานวิจัยของ Okugawa และ Ueda (1995) ทดสอบสาร β-santalol ซึ่งสามารถสกัดน้ามัน หอมระเหยจากใบ เปลือกผลและดอกของมะไฟจีน พบว่ามีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางของหนูสามารถ ผลติ ยากลมุ่ neuroleptic ได้
19 งานวิจัยที่เกีย่ วกบั มะไฟจนี ทผ่ี ่านมาม่งุ เน้นในการศึกษาเก่ยี วกับการสกัดและการวิเคราะห์ สารประกอบที่ไม่สามารถระเหยไดจ้ ากส่วนตา่ งๆ ของมะไฟจีน เช่น Dehydroindicolactone (Khan และ คณะ., 1983) Coumarins (Kumar และคณะ., 1995) Carbozole alkaloids (Li และคณะ., 1991) Cinnamamide derivatives (Lin, 1989) และ Cyclic (Yang และคณะ, 1988) แต่มีงานวิจัยท่ีศึกษาน้ามนั หอมระเหยในมะไฟจนี และการประยุกตใ์ ชเ้ พียงเลก็ นอ้ ยเทา่ น้นั ดงั นน้ั งานวิจัยนี้จึงสนใจทจ่ี ะศกึ ษาการออก ฤทธิ์ไล่ยุงของน้ามันหอมระเหยจากมะไฟจีน 2.2 สารทาป้องกนั ยงุ สารทาป้องกนั ยุงแบง่ เป็น 2 ชนิดตามกลไกท่อี อกฤทธ์ิ คือ olfactory repellents เช่น DEET ซึ่งจะ ป้องกันการเกาะของยงุ ดว้ ยการระเหยของสาร อกี ชนดิ หนึง่ คือ gustatory repellent เช่น Indalone ยงุ สมั ผสั สาร แล้วจึงไล่ออกไป สารไล่ยงุ สว่ นใหญ่จะสามารถระเหยไดเ้ พือ่ รบกวนการรบั กล่นิ ของยงุ 55 เพราะฉะน้นั สารไล่ยุงควรมี อตั ราการระเหยทส่ี อดคล้องกับพฤตกิ รรมของยุงจึงจะมปี ระสิทธภิ าพสงู สารเคมีสงั เคราะห์หลายชนิด เชน่ Permethrin, Picaridin, DEET เปน็ สารไล่ยงุ ทีม่ ีประสทิ ธิภาพสงู แตอ่ าจเกดิ พิษหรอื สะสมอยูใ่ นสิ่งแวดล้อม การศกึ ษาแนงทางการใชน้ า้ มนั หอมระเหยจากพืชชนดิ ตา่ งๆจงึ มีการทาวจิ ัยกันอยา่ งแพรห่ ลาย เช่น พชื ใน ตระกูลตะไครห้ อม, ยคู าลปิ ตสั , และแมงลัก, ดอกเจอราเนียม, ลาเวนเดอร,์ สน, เสมด็ ขาว, อบเชย, โรสแมร,่ี ใบโหระพา, กระเทยี ม, สะระแหน่ เป็นต้น การผสม vanillin 5%v/v กบั นา้ มนั หอมระเหยจาก Cymbopogon winterianus ที่มคี วามเข้มขน้ 25% v/v สามารถป้องกนั ยงุ ลายบ้าน (Aedes aegypti) ไดน้ านขน้ึ 11 และพชื ตระกลู ตะไครห้ อมอื่น เช่น Cymbopogon martini martini, Cymbopogon nardus, Cymbopogon citratus สามารถป้องกนั ยุงกน้ ปล่องได้นาน 12 ช่วั โมง, ยงุ ลายบา้ นได้นาน 60 นาที และ 30 นาที ตามลาดบั นอกจากน้ี Cymbopogon nardus ยงั สามารถปอ้ งกนั ยงุ ราคาญ (Culex quinquefasciatus) ไดอ้ ีกด้วย ยงั มนี า้ มันหอมระเหยอกี หลากหลายยชนิดทม่ี ีคณุ สมบตั ในการไลย่ งุ เช่น แมงลัก มะแข่น กานพลู พมิ เสนใบ พรกิ ไทยญี่ปนุ่ ขงิ ขา่ ใหญ่ เป็นตน้
20 2.3 ขอบเขตของงานวิจยั การวจิ ัยครงั้ นเ้ี ปน็ การวิจยั เชงิ ทดลอง ไดแ้ บ่งการทดลองเป็น 2 หัวข้อหลกั คอื - ศกึ ษาประสิทธภิ าพการไลย่ งุ ของน้ามันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีน - พฒั นาอัตราส่วนผสมเพ่อื เพ่ิมประสทิ ธภิ าพของนา้ มันหอมระเหยจากมะไฟจนี ศึกษาประสทิ ธิภาพการไลย่ ุงของน้ามนั หอมระเหย นา้ มนั หอมระเหยออกฤทธไิ์ ล่ยุงได้ การใชป้ ระโยชน์จากน้ามนั หอมระเหยเมล็ดมะไฟจีน ผลิตภัณฑ์ใหม่ รปู 2.1 แผนภาพแสดงขอบเขตแผนงานวิจยั 2.3 วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อศกึ ษาสารออกฤทธิ์ในน้ามนั หอมระเหยจากสว่ นต่างๆของต้นมะไฟจนี 2. ศึกษาแปรรูปและการใชป้ ระโยชนจ์ ากสารสกดั น้ามนั หอมระเหย
บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ งำนวิจยั 3.1 สำรเคมี อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือ สว่ นประกอบต่างๆ ของมะไฟจีน เชน่ ผล และเมล็ดทพี่ บในจังหวดั น่าน (มสี องลกั ษณะคอื ผล กลม และผลแหลม) สารเคมีและเคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการเตรยี มและศกึ ษาการออกฤทธ์ิแสดงดังตารางที่ 3.1 , 3.2 และ 3.3 ตามลาดับ ตารางท่ี 3.1 สารเคมีทใ่ี ช้ในการทดลองและรายละเอยี ดตา่ งๆ ลาดับ สารเคมี บริษทั ผู้ผลิต ควำมบรสิ ทุ ธิ์ 1 Sodiumsulfate anhydrous Ajax Finechem Poly 99.0 % 2 Ethyl Acetate Ajax Finechem Poly 99.5 % 3 Vanillin Sigma Aldrich 99.5% 4 Dichloromethane Carlo 99.5% 5 Lavender Essential oil Perfumerworlds 99.5% 6 Eucalyptus Essential oil Perfumerworlds 99.5% 7 C8-C40 Alkanes Calibration Standard Sigma Aldrich 99.5% ตารางท่ี 3.2 เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการทดลองและบรษิ ทั ผ้ผู ลติ ลาดับ สารเคมี บริษทั ผูผ้ ลติ 1 Rotary evaporator BUCHI R200 2 Heating mantle ELECTROMANTLE MS-E101 3000M 3 ชุดกลัน่ ไอนา - กำรกลัน่ นำมันหอมระเหยมะไฟจนี
23 ทาการสกัดนามันหอมระเหยด้วยวิธีการกลั่น แสดงดังภาพท่ี 1 โดยนา เมล็ดมะไฟจีน 150 กรัม ซึ่งมีนาบรรจุอยู่ 250 มิลลิลิตร แล้วนาไปกล่ัน เมื่อนาในขวดเดือด ไอนาจะพาเอานามันหอม ระเหยออกมาพรอ้ มกบั ไอนา เมื่อผ่านเข้าไปในเคร่ืองควบแน่นท่ีมีนาเยน็ หล่ออยู่ก็จะกลั่นตัวเป็นของ เหลวไหลลงสู่ภาชนะท่ีรองรับไว้ เมื่อทาการกลั่นไปได้ระยะหน่งึ ปริมาณสารที่กลั่นได้จะเพิ่มขึน และ จะปรากฏการแยกชันของนากบั นามัน โดยชันของนามันหอมระเหยจะลอยอยูด่ ้านบน และชันนาจะ อยู่ด้านลา่ ง เม่อื ปรมิ าณสารทก่ี ลนั่ ไดเ้ พิ่มขนึ ชนั นาจะเพ่ิมมากจนถึงระดับหน่ึงก็จะไหลยอ้ นกลบั ลงมา ท่ขี วดกลัน่ ทาใหเ้ กิดการกลน่ั อย่างต่อเนอื่ งเป็นเวลา 3 ชว่ั โมง และไขเอาส่วนท่ีเป็นนามันหอมระเหย เก็บไว้ นามันหอมระเหยที่ได้อาจจะยังมีความชืนอยู่เล็กน้อย ต้องกาจัดความชืนโดยเติมโซเดียม ซัลเฟตแอนไฮดรัส จากนนั ดูดนามันหอมระเหยท่ีมีสีเหลืองใส่ในขวด vial และเก็บรักษาไว้ท่ีอุณหภูมิ ตา่ รปู 3.1 เครือ่ งมือกลน่ั นามันหอมระเหย กำรกำหนดประชำกรและกลุ่มตัวอยำ่ ง ประชำกร (Population) และกลุ่มตวั อย่ำง (Sample) ประชากรไดแ้ ก่ กลมุ่ อาสาสมคั รชายหญิงอายุ 20-60 ปี สขุ ภาพแข็งแรง ที่ใหค้ วามยนิ ยอม เขา้ รว่ มโครงการวจิ ัย โดยผู้วิจยั ทาการเลอื กกลุ่มอาสาสมัครอายรุ ะหว่าง 20-60 ปี ท่มี ีสขุ ภาพ แขง็ แรงจานวน 56 คน โดยอาสาสมัครสมัครใจและใหค้ วามร่วมมมือยนิ ยอมเข้าร่วมโครงการวิจยั
24 กำรเลอื กกลุ่มตัวอย่ำง กฎเกณฑ์ในการคัดเลือกเขา้ มาศึกษา (Inclusion criteria) 1. อาสาสมคั รอายุตังแต่ 20-60 ปี ไม่จากัดเพศ เขา้ รว่ มการวิจยั โดยความสมัครใจ 2. อาสาสมคั รมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจาตัวรนุ แรง 3. อาสาสมัครทเ่ี ขา้ ร่วมโครงการตอ้ งสามารถมารับการตรวจติดตามผลทีเ่ วลา 24 ชว่ั โมง, 72 ชว่ั โมง และ 7 วันหลังการทดสอบ กฎเกณฑ์ในการคดั อาสาสมัครออกจากการศกึ ษา (Exclusion criteria) 1. มีอาการของโรคผิวหนงั อื่นรว่ มด้วยในบริเวณที่ทดสอบ 2. มีประวัตผิ น่ื แพส้ มั ผสั ตอ่ ยาทาในกลมุ่ คอรต์ ิโคสเตียรอยด์ 3. มปี ระวัติปฏกิ ิริยาภูมิแพ้ต่อยงุ หรอื แมลงกดั ทางผิวหนงั แบบรนุ่ แรง โดยอาศยั การซักประวตั อิ าการ ทางผิวหนงั หลงั การสมั ผสั ยุงหรือแมลงกัดตอ่ ย มีลักษณะข้อใดข้อหน่ึงตอ่ ไปนี 1 ) ตาบวม (Periorbital edema) 2) ปากบวม (Lip swelling) 3) หายใจลาบาก (Breathlessness) 4) มีอาการของทางเดนิ หายใจส่วนบนหรอื ล่างบวม (Stridor,wheezing) 5) ความดนั โลหติ ต่า (Hypotension) 6) เจ็บหนา้ อก (Chest pain) 7) ปวดทอ้ ง คลืน่ ไสอ้ าเจยี น ท้องเสีย 4. มปี ระวตั ผิ ืน่ แพ้สัมผัสต่อนามนั หอมระเหยมากอ่ น 5. มปี ระวัติรบั ประทานยาคอร์ตโิ คสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิแพก้ นั ในช่วง 4 สัปดาห์ หรอื รับประทาน ยาทม่ี ฤี ทธิต์ ้านฮสิ ตามีนในชว่ ง 2 สัปดาห์กอ่ นเข้าร่วมการวิจัย 6. มีประวัตทิ ายากลุ่มคอรต์ โิ คสเตยี รอยด์ในบรเิ สณท้องแขนท่ีจะทาการทดสอบในช่วงสปั ดาหก์ ่อน เข้าร่วมการวจิ ยั 7. สตรตี ังครรภ์ หรอื กาลงั ใหน้ มบุตร 8. ไมส่ ามารถมาทาการทดสอบและตดิ ตามผลเป็นระยะได้ กฎเกณฑใ์ นการให้อาสาสมคั รเลกิ จากการศกึ ษา (Discontinuation Criteria) 1. มีปฏิกริ ิยาภมู ิแพ้ตอ่ ยุงหรือแมลงกดั ทางผวิ หนังชนดิ รุ่นแรงดงั ไดก้ ล่าวมาขา้ งต้น
25 2. มีผ่ืนแพ้สัมผัส (Allergic dermatitis) เกดิ ขึนระหวา่ งทาการศกึ ษา 3. ผปู้ ว่ ยต้องการออกจากการศึกษา อุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นกำรวิจยั 1.นามนั หอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีน (Clausena lansium Lour) สกัดโดยวธิ ีการกลัน่ (Hydro distillation) โดยเตรยี มความเขม้ ข้น 1, 2, 4, 8, 16, 32 %โดยปริมาตร และใช้ 70% เปน็ ตัวทาละลาย 2. เอทิลแอลกอฮอล์ความเข้มข้นรอ้ ยละ 70 3. ปเิ ปต (Pipette) วัดปรมิ าณสารทดสอบ (รูป 3.2) 4. ยงุ ลายบ้านตวั เมียปลอดเชือ (Aedes aegypti) จากห้องปฏิบตั ิการ โดยไดร้ ับการ อนเุ คราะห์ไข่จากภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตร์เขตรอ้ น มหาวิทยาลัยมหิดล เลยี งใน หอ้ งทดลองอณุ หภูมิ 25±2 อาศาเซลเซยี ส ความชืนสมั ผสั (Relative humidity) 80±10% ระยะเวลา สวา่ ง 14 ช่ัวโมง ระยะเวลามืด 10 ช่ัวโมง ตวั ออ่ นยุงไดร้ ับอาหารเป็นอาหารปลาแบบเมด็ ส่วนยุงระยะตวั เตม็ วัยนนั ได้รับอาหารเป็น นาผึงความเข้มขน้ รอ้ ยละ 5 ยุงที่นามาทดสอบเปน็ ยงุ ลายตัวเมยี มอี ายุ 5-7 วัน อดอาหารนาน 12 ช่ัวโมงก่อนทาการทดสอบ ใหย้ งุ สัมผัสแค่แผน่ ที่เปียกชมุ่ ไปดว้ ยนาเท่านนั 5. กรงใสย่ ุงขนาด 30x30x30 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร กรงยุงลอ้ มรอบดว้ ยมุงลวด (รปู 3.3) 6. ปลอกแขนพลาสตกิ เจาะรขู นาด 3x10 ตารางเซนตเิ มตร (รปู 3.4) 7. ถุงมือยาง 8. นาฬกิ าจบั เวลา 9. เทปกาว ใช้แปะบนผิวหนังเพ่ือกาหนดขอบเขตของบริเวณทดสอบ 10. เอกสารอธิบายขอ้ มูลและขนั ตอนการวจิ ัย
26 รปู 3.2 แสดงปิเปตท่ีใช้วัดประมาสารทดสอบให้ได้ปรมิ าณ 0.1 มิลลิเมตรเพ่ือทาลงบนบริเวณทดสอบ รูป 3.3 แสดงกรงใสย่ งุ ขนาด 30x30x30 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร
27 รปู 3.4 แสดงปลอกแขนพลาสตกิ ซงึ่ ใชห้ ุม้ แขนส่วนทไ่ี ม่ได้ทาสารทดสอบ วธิ ีดำเนนิ งำนวิจยั ผู้ วิ จั ย ใ ช้ วิ ธี ม า ต ร ฐ า น ข อ ง ก า ร ท ด ส อ บ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ป้ อ ง กั น ยุ ง ข อ ง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประทรวงสาธารณสุข และมาตรฐานการทดสอบประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยาทากัดยุงกรมอุตสาหกรรม ร่วมกับวิธีการขององค์การอนามัยโลก(WHO) วิธีการนีเรียกว่า Arm-in-cage (รูป 3.5) ซ่ึงได้รับการตีพิมพ์ครังแรกในปี 1919 โดยนับเป็นวิธีการ ทดสอบสารปอ้ งกนั ยงุ และอมลงวิธแี รกท่ไี ดร้ ับการยอมรบั ทาการทดลองในห้องปฏิบตั ิการเทา่ นัน
28 รปู 3.5 แสดงการทดสอบประสิทธภิ าพของสารป้องกันดว้ ยวิธี Arm-in-cage ท่มี า:จารยี ์ บนั สทิ ธ.์ิ สมนุ ไพรป้องกนั กาจดั แมลงทางการแพทย์ 2 นามนั หอมระเหย.บรษิ ัทดี ไซร์ จากัด; 2548. หนา้ 8-25. ขนั ตอนการดาเนินงานวิจัยมีดงั ตอ่ ไปนี 1. คัดเลอื กอาสาสมคั รตามเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้ข้างต้น 2. ให้ข้อมูลและอธิบายข้อมูลต่างๆ ในระหว่างการเข้าร่วมวิจัย รวมถึงอธิบายผลข้างเคียงท่ี อาจเกิดขึนได้จากการถูกยุงกัด เช่น ตุ่นแดงคัน และจากการทานามันหอมระเหย เช่น คัน แสบร้อน เป็นต้น 3. อาสาสมคั รลงลายลักษณ์อกั ษรในใบยินยอมเข้ารว่ มโครงการ (Informed consent) 4. การทดสอบในยงุ ลายบา้ นจะทาในชว่ งเวลา 8.00-16.00 น. เนอ่ื งจากปกติยุงราคาญจะกัด ในเวลาพลบค่าไปจนตลอดคืน และตอ้ งมีการควบคมุ สิง่ แวดลอ้ มภายในห้องปฏบิ ัตกิ ารทดสอบด้วย โดยควบคุมให้แสงสวา่ งอยู่ในชว่ ง 300-500 Lux ความชนื สัมพัทธร์ ้อยละ 70-80 และอุณหภมู ิอยู่ ในช่วง 26-28 องศาเซลเซยี ส 5. ทาการเตรียมนามันหอมระเหยที่ความเข้มขน้ ต่างๆโดยทาให้เจือจางด้วยเอทิลแอลกอฮอล์ จนไดน้ ามันหอมระเหยความเข้มขน้ ร้อยละ 1, 2, 4, 8, 16, 32 โดยปรมิ าตร และตัวแปรควบคุมเป็น 70%เอทิลแอลกอฮอล์ เก็บรักษานามันหอมระเหยท่ียังไม่ได้ใช้โดยแช่ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 องศา เซลเซยี ส ในภาชนะทบึ แสงเทา่ นัน
29 6.กาหนดบรเิ วณทดสอบใหเ้ ป็นแขนทอ่ นลา่ งซ้ายและขา้ งขวา โดยบริเวณศกึ ษาจะอย่ใู นพืนที่ สเี่ หลย่ี มผนื ผ้า ขนาด 3x10 ตารางเซนตเิ มตร โดยหา่ งจากข้อพับแขนประมาณ 5 เซนติเมตร 7. ทาความสะอาดแขนทงั 2 ข้างทจ่ี ะทาการทดสอบด้วยนาเปลา่ ให้สะอาด ในวันทีท่ าการ ทดสอบไมใ่ ห้อาสาสมคั รทาโลชั่น นามนั ครีมกนั แดด หรือฟอกสบู่ โดยที่แขนข้างหนึ่งเปน็ ขา้ งทที่ า นามันหอมระเหย อีกขา้ งไม่ทาอะไรเลย โดยการกาหนดวา่ ข้างไหนทาหรือไมท่ านันเป็นไปอยา่ งสุม่ โดย ให้จับฉลากเช่นกันว่าแขนขา้ งใดเป็นข้างทท่ี านามนั หอมระเหย 8. ใช้นามนั หอมระเหยปรมิ าณ 0.1 มิลลลิ ิตร ทาลงบนผวิ หนงั แขนดา้ นแขนทีใ่ ชเ้ ป็นพนื ท่ี ทดสอบในช่วงระหวา่ งขอ้ มอื ถึงขอ้ ศอกในพืนทข่ี นาด 3x10 ตารางเซนติเมตร ซึง่ ไดใ้ ชเ้ ทปกาวแปะบน ผิวหนังเพ่ือกาหนดขอบเขตไวแ้ ลว้ แลว้ ปลอ่ ยใหแ้ ห้งนาน 1 นาที ทอี่ ุณหภมู ิ (รปู 3.6) รปู 3.6 แสดงการทาสารทดสอบด้วยปิเปตลงพืนที่ทดสอบขนาด 30 ตารางเซนติเมตร ซ่งึ ไดก้ าหนด ขอบเขตดว้ ยเทปกาวเรยี บรอ้ ยแลว้ 9. อาสามสมัครจะปิดผิวส่วนทีไ่ มไ่ ด้ทานามนั หอมระเหย โดยการสวมปลอกแขนซง่ึ ได้เจาะรู เปิดเป็นช่อง ขนาด 3x10 ตารางเซนตเิ มตร ท่พี อดีกับบรเิ วณพนื ท่ีทดสอบ (รูป 3.7) 10. เคาะข้างกรงยุงเพอ่ื กระต้นุ ใหย้ งุ มคี วามตื่นตัว 11. สอดแขนเข้าไปในกรงยุงขนาด 30x30x30 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ซง่ึ บดุ ้วยผา้ ไนลอ่ นสขี าว ในกรงยุงนจี ะมียงุ ลายบ้าน (Aedes aegpti) เพศเมีย จานวน 50 ตัว อายุ 5-7 วัน ซง่ึ อดอาหารนาน
30 12 ชัว่ โมง ทาการเลอื กยงุ มาแบบสมุ่ แลว้ ปล่อยเขา้ ไปในกรงใหท้ าการปรบั ตวั ให้ชนิ กบั อากาศนาน 1 ชั่วโมง รปู 3.7 แสดงการสวมปลอกแขนพลาสติกท่เี จาะรูพอดีกับบรเิ วณทดสอบเพื่อปกปิดส่วนที่ไมไ่ ดท้ าสาร ทดสอบไว้ 12. สอดแขนข้างทไ่ี มไ่ ด้ทานามนั หอมระเหยเข้าไปกอ่ นนาน 3 นาที ถา้ มียุงลายอยา่ งน้อย 2 ตวั มาเกาะบนแขนใหส้ ะบัดแขนให้ยุงบินออกจากแขนทนั ที โดยให้ยงุ กดั แลว้ นาแขนขา้ งนนั ออกมาจาก กรง ขันตอนนที าเพ่ือทดสอบใหแ้ น่ใจว่ายุงลายชุดนนั หวิ และมีความพร้อมท่จี ะกดั 13. จากนันอาสาสมัครใส่แขนข้างท่ีทานามันหอมระเหยจากข่าเล็กในกรงยุงนาน 3 นาที เช่นเดียวกนั ในระหว่างนนั สังเกตบรเิ วณพนื ที่ท่ีใช้ทดสอบ และนบั จานวนยงุ ที่ลงกดั ในแต่ละครัง เม่ือ ครบเวลาจึงเอาแขนออกและนาแขนเข้ากรงทดสอบทกุ ๆ 15 นาที โดยสอดแขนเขา้ ในกรงนาน 3 นาที เท่าเดมิ โดยระยะเวลา 3 นาทีรวมอย่ใู น 15 นาทีแล้ว (รปู 3.8) 14. สอดแขนข้างที่ทานามันหอมระเหยกับแขนเปล่าท่ีไม่ได้ทาอะไรเลยสลับกันเป็นระยะเพอื่ ยนื ยันวา่ มคี วามพรอ้ มทีจ่ ะกัด และเพ่อื เป็นการลดอคตใิ นการทาวจิ ยั ดว้ ย 15. ระหว่างท่ีนาแขนทีท่ านามันหอมระเหยออกมานอกกรง ระวงั ไมใ่ ห้บรเิ วณทดสอบมกี ารถู เสยี ดสี หรอื สัมผัสกับสารอ่นื ๆ 16. บันทึกเวลาตังแต่เร่ิมย่ืนแขนเข้าไปในกรงยุงครังแรกจนถึงช่วงเวลาซึ่งมียุงลงกัดในพืนที่ ทดสอบเป็นตัวที่ 2 หมายถึงมียุงกัด 2 ตัวในเวลาเดียวกันหรือยุงกัดครังละ 1 ตัวในช่วงระยะเวลา ระยะเวลาท่ีติดกัน 2 ช่วง ช่วงเวลาดังกล่าวกาหนดให้เป็นระยะเวลาป้องกันยุงกัดอย่างสมบูรณ์ (Completed protection time)
31 17. ทาซาตามขันตอนท่ี 10-16 ในอาสาสมคั รคนเดิมทงั หมด 3 รอบ จากนันนาระยะเวลา ปอ้ งกันยุงกัดมาหาคา่ เฉลยี่ จะไดร้ ะยะเวลาป้องกนั ยุงกัดเฉล่ียที่ความเข้มข้นนนั ๆ ในคนนัน 18. อาสาสมัครทกุ คนทาการทดสอบนามันหอมระเหยทุกความเขม้ ข้น (ความเข้มขน้ ร้อยละ 1, 2, 4, 8, 16, 32 โดยปรมิ าตร) และทาในสารควบคมุ ดว้ ย (70%เอทิลแอลกอฮอล)์ โดยทาการทดสอบ เพยี งวนั ละครังในอาสาสมคั ร 1 คน และทาการทดสอบอยา่ งน้อยหา่ งกัน 1 สปั ดาหเ์ พ่อื ใหแ้ นใ่ จวา่ ไม่มี ผื่นแพส้ ัมผัสเกิดขึนจึงจะทาการทดสอบตอ่ รูป 3.8 แสดงการทดสอบการไลย่ ุง กำรประเมนิ ผล 1. ประเมินประสิทธิภาพของนามันหอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีนที่ความเข้มข้นต่างๆในการ ปอ้ งกนั ยงุ ลายบา้ น โดยเร่มิ วัดระยะเวลาตังแต่แขนเข้าไปในกรงยงุ จนถงึ เวลาท่ียงุ 2 ตวั กดั ในช่วงเวลา เดียวกัน หรือยุง 1 ตวั กดั ในช่วงเวลาท่ีตดิ จ่อกนั 2 ช่วง นามาหาค่าเฉลีย่ ค่าท่ีไดเ้ ป็นระยะเวลาในการ ป้องกันยงุ ลายกัดอย่างสมบูรณ์ (Completed protection time) โดยมีหน่อยในการวัดเป็นนาที แลว้ นาค่าทีไ่ ดข้ องแตล่ ะความเข้มขน้ มาเปรียบเทียบกนั
32 2. อาสาสมัครประเมนิ ผลข้างเคียง หลงั สินสุดการทดสอบท่ี 24 ชวั่ โมง 72 ชวั่ โมงและ7 วันหลงั การทดสอบ สถติ ทิ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล 1. วเิ คราะห์ระยะเวลาในการปอ้ งกันยงุ ลายกัดอย่างสมบรู ณ์ (Complete protection time) ของนามนั หอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจนี แตล่ ะความเข้มขน้ โดยใช้ค่าเฉล่ยี จากอาสาสมัครทงั หมด วัด หนว่ ยเป็นนาที และคานวณค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานระหว่างอาสาสมคั รแต่ละคนดว้ ย 2. การนาเสนอขอ้ มูลเป็นแผนภมู แิ ละตาราง กำรทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบไลย่ ุง กำรทำสเปรย์ไล่ยุง ส่วนผสม 1. นามนั จากเมล็ดมะไฟจนี 2. นา 3. 95%เอทานอล 4. PEG-40 hydrogenated castor oil 5. นามันหอมระเหยลาเวนเดอร์ รปู 3.9 แสดงการสว่ นผสมในการทาสเปรย์ไลย่ งุ
33 ขนั ตอนการทาสเปรยไ์ ลย่ ุง 1. เตรียม 70% เอทานอล โดยใช้ 95%เอทานอล 75 มลิ ลิลิตรผสมกับ นา 25 มิลลิลติ ร 2. นานามันเมลด็ มะไฟจนี ท่ีได้จากการกลัน่ มาผสมกับนามันหอมระเหยลาเวนเดอร์ และ PEG-40 hydrogenated castor oil คนใหเ้ ข้ากนั เปน็ เนือเดยี ว 3. นาของเหลวทไ่ี ดจ้ ากขอ้ 2 มาผสมกบั 70%เอทานอลทเ่ี ตรียมได้ 4. จากนนั จึงบรรจุใส่ขวดสเปรย์ รปู 3.10 แสดงการทาสเปรยไ์ ลย่ ุง รูป 3.10แสดงสเปรยไ์ ล่ยงุ
34 กำรทำโลชันไลย่ งุ สว่ นผสม 1. นาสะอาด 2. โพรพลิ นี ไกลคอล 3. Eumulgin SG 4. phenoxyethanol 5. Cosmedia SP 6. Cetiol 7. นามันมะพร้าว 8. นามนั หอมระเหยจากเมล็ดมะไฟจีน
35 รปู 3.11 แสดงการสว่ นผสมในการทาโลชันไลย่ งุ
36 ขันตอนการทาโลชันไล่ยุง 1. นาสว่ นผสม ข้อ 1-4 มาผสมให้เข้ากันเป็นเนือเดียว 2. นาสว่ นผสม ขอ้ 5-8 ผสมเป็นเนือเดยี วกัน 3. คอ่ ยๆเทสว่ นผสมในข้อที่ 2 เตมิ ลงใน ส่วนผสมข้อท่ี 1 กวนจนขนึ เนอื ครมี 4. บรรจุโลชันท่ไี ดใ้ สใ่ นบรรจภุ ัณฑ์
37 รูป 3.12 แสดงการทาโลชนั ไลย่ ุง
38 บทที่ 4 ผลการทดลอง การวิจัยนี้ทดลองศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของน้ามันหอมระเหยจากน้ามันเมล็ดมะไฟจีนใน การน้ามาใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพการไล่ยุง ซึ่งไข่ยุงที่น้ามาเล้ียงเพ่ือท้าการทดสอบในคร้ังนี้ได้มาจาก ภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยในการทดลองเพ่ือหา ประสิทธภิ าพได้น้านา้ มนั เมล็ดมะไฟจีน ไดน้ ้ามาศกึ ษาทีค่ วามเขม้ ข้นระดับตา่ งๆ และการปรับปรงุ โดยการเติม additives เพ่ือเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการไล่ยุง จะแบง่ การศึกษาออกเปน็ 2 ช่วงดงั น้ี 4.1 เปน็ การศกึ ษาความเขม้ ขน้ ระดับต่างๆของน้ามนั เมลด็ มะไฟจีนกับสารควบคุม 4.2 เปน็ การศึกษาความเขม้ ข้นของน้ามันเมล็ดมะไฟจีนที่ความเขม้ ขน้ เมาะสมมาปรบั ปรุงประสิทธภิ าพโดย การเติม additives ต่างๆ สตู รท่ใี ชใ้ นการทดลองทง้ั หมด และความหายแต่ละสูตรอธิบายดังตารางต่อไปนี้ สตู ร องคป์ ระกอบ Control 70% EtOH น้ามันเมลด็ มะไฟจนี ใน EtOH 1% น้ามนั เมล็ดมะไฟจนี ใน EtOH 2% นา้ มนั เมล็ดมะไฟจนี ใน EtOH 4% นา้ มนั เมล็ดมะไฟจีนใน EtOH 8% น้ามนั เมลด็ มะไฟจีนใน EtOH 16% น้ามันเมล็ดมะไฟจนี ใน EtOH 32% นา้ มันเมลด็ มะไฟจนี และ vaniline ใน EtOH 8% + VL น้ามันเมล็ดมะไฟจีนและlavender ใน EtOH 8% + LV นา้ มันเมลด็ มะไฟจีนและEucalyptus ใน EtOH 8% + EU น้ามันเมล็ดมะไฟจนี lavender และEucalyptus ใน EtOH 8% + LV + EU น้ามนั เมลด็ มะไฟจนี lavender และvanilineใน EtOH 8% + LV + VL นา้ มนั เมล็ดมะไฟจนี Eucalyptus และvanilineใน EtOH 8% + EU + VL ซ่ึงแตล่ ะสูตรไดท้ ้าการทดลองกับอาสาสมคั รเพ่ือน้ามาหาค่าเฉล่ยี ของระยะเวลาในการปอ้ งกันยงุ กดั แสดงผล ในการทดลองตอ่ ไปน้ี การศึกษาความเข้มข้นระดับต่างๆของนา้ มันเมลด็ มะไฟจีนกับสารควบคุม
39 สารควบคุม 70% EtOH ใชเ้ วลาในการป้องกันยงุ กัด 1.15 นาที ความเขม้ ขน้ 1% อาสาสมัครคนที่ ระยะเวลาในการป้องกนั ยงุ กัด (นาที) 1 30 2 15 3 15 ความเข้มขน้ 2 % อาสาสมัครคนท่ี ระยะเวลาในการปอ้ งกันยงุ กดั (นาที) 1 15 2 15 3 15 ความเขม้ ขน้ 4% อาสาสมัครคนที่ ระยะเวลาในการป้องกันยงุ กัด (นาที) 1 15 2 30 3 15 4 15 5 15 ความเข้มขน้ 8% อาสาสมัครคนท่ี ระยะเวลาในการป้องกนั ยงุ กดั (นาที) 1 15 2 30 3 30 4 15 5 30
40 6 15 ความเขม้ ข้น 16% อาสาสมัครคนท่ี ระยะเวลาในการป้องกันยงุ กัด (นาท)ี 1 15 2 45 3 45 4 30 5 15 ความเขม้ ขน้ 32% อาสาสมัครคนที่ ระยะเวลาในการป้องกันยงุ กัด (นาที) 1 30 2 30 3 15 4 15 กราฟ 4.1 แสดงการศึกษาความเขม้ ข้นระดบั ตา่ งๆของน้ามันเมล็ดมะไฟจีนกบั สารควบคมุ 35 คา่ เฉล่ียระยะเวลาการปอ้ งกนั ยงุ กดั (เวลา-นาที) 32% 30 25 1% 2% 4% 8% 16% 20 15 10 5 0 control
41 จากกราฟแทง่ แสดง การศึกษาความเข้มข้นระดับตา่ งๆของน้ามันเมล็ดมะไฟจนี กับสารควบคมุ เปรียบเทียบ ระยะเวลาในการป้องกนั ยงุ กัดอย่างสมบรู ณ์จากน้ามันเมลด็ มะไฟจีน ความเขม้ ข้นท่ีศึกษา 1% ถึง 32 % และ สารควบควบพบว่าทุกความเข้มขน้ ของนา้ มันเมล็ดมะไฟจนี มีระยะเวลาในการป้องกนั ยงุ กดั ท่ีมากกวา่ สาร ควบคุม โดยทพี่ บวา่ ว่า16% มปี ระสิทธิภาพท่ีสงู ที่สุด รองลงมาคอื ความเขม้ ขน้ 8 และ 32 % และเนือ่ งจากสารไลย่ งุ ควรมีค่า ไม่เกิน 10% เนื่องจากจะท้าให้เกิดการระคายเคือง ดงั น้นั จงึ เลอื กใช้ 8% ของน้ามนั เมลด็ มะไฟจนี มาปรบั ปรงุ โดยการเตมิ additives ต่างๆ เชน่ EU VLและ LV เป็นตน้ ซ่ึงมผี ลการ ทดสอบดังนี้ การศึกษาความเขม้ ขน้ ของนา้ มนั เมล็ดมะไฟจีนทีค่ วามเขม้ ขน้ เมาะสมมาปรบั ปรุงประสทิ ธภิ าพโดยการ เตมิ additives ต่างๆ ความเขม้ ขน้ 8% + VL ระยะเวลาในการป้องกันยงุ กัด (นาที) อาสาสมัครคนท่ี 45 1 360 2 360 3 ความเขม้ ข้น 8% + LV ระยะเวลาในการป้องกนั ยงุ กดั (นาท)ี 360 อาสาสมัครคนท่ี 270 1 300 2 360 3 180 4 360 5 6 ความเขม้ ขน้ 8% + EU ระยะเวลาในการปอ้ งกันยงุ กดั (นาท)ี 45 อาสาสมัครคนท่ี 45 1 2
3 42 4 360 ความเขม้ ข้น 8% + LV + EU 180 อาสาสมัครคนที่ 1 ระยะเวลาในการป้องกันยงุ กัด (นาท)ี 2 15 3 45 4 30 15 ความเขม้ ข้น 8% + LV + VL ระยะเวลาในการปอ้ งกนั ยงุ กัด (นาที) อาสาสมัครคนท่ี 45 1 30 2 360 3 ความเขม้ ขน้ 8% + EU + VL ระยะเวลาในการป้องกันยงุ กัด (นาที) 360 อาสาสมัครคนที่ 180 1 360 2 3 จากการทดลองพบว่า เมื่อนา้ มาค่าเฉลีย่ สามารถแสดงผลไดใ้ นตารางดงั น้ี สตู ร คา่ เฉล่ยี ระยะเวลาการป้องกนั ยงุ กัด 8% + VL 255 8% + LV 305 8% + EU 157.5
43 8% + LV + EU 30 8% + LV + VL 145 8% + EU + VL 300 8% + VL 255 เมอื่ นา้ ข้อมลู ทงั้ หมด มาเปรียบเทียบเป็นกราฟแทง่ สามารถแสดงได้ในรูปดังน้ี กราฟ 4.2 แสดงการศกึ ษาความเขม้ ขน้ ระดบั ตา่ งๆของน้ามันเมล็ดมะไฟจนี เมอื่ มีสารเตมิ แต่ง คา่ เฉลย่ี ระยะเวลาการปอ้ งกนั ยงุ กดั (เวลา-นาที) 350 300 250 200 150 100 50 0 1% 2% 4% 8% 16% 32% 8% + 8% + 8% + 8% + 8% + 8% + VL LV EU LV + LV + EU + EU VL VL จากการทดลองในรูปพบวา่ ประสทิ ธภิ าพในการป้องกันยงุ กัด ของสารทม่ี ีการปรบั แต่งโดยการเตมิ additives โดยรวมเม่ือมา ท้างานร่วมกันกบั น้ามันเมล็ดมะไฟจีนจะมีประสทิ ธิภาพทส่ี ูงกว่า น้ามนั เมล็ดมะไฟจนี เพยี งอย่างเดียว และ หลังจากทไ่ี ดม้ กี ารเตมิ additives พบว่าประสิทธิภาพในการป้องกนั ยงุ กัดเรียงตามล้าดับมากท่สี ุดไดแ้ ก่ นา้ มนั เมล็ดมะไฟจนี ความเข้มข้น 8%+10%LV ตามดว้ ย 8%+EU+LV 8%+LV ตามล้าดับ
44 การอบรมเพื่อถา่ ยทอดความรู้ การอบรมและให้ความรแู้ กป่ ระชาชนผู้สนใจจา้ นวน 60 คน ณ สาขาวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา นา่ น โดยหวั ข้อในการอบรมได้แก่ การกล่ันน้ามนั หอมระเหย การท้าสเปรย์ไลย่ งุ
Search