Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561)

วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-09-09 04:43:49

Description: 1. การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแก๊สชีวภาพเพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง

2. การใช้สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดการทรัพยากรชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว กรณีศึกษา ชุมชนบ้านกองกาน จังหวัดเชียงใหม่

3. การบูรณาการการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนตาม แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงการการคัดแยกเมล็ดถั่วเขียว

4. การบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชนตำบลหนองแขมแบบมีส่วนร่วม เพื่อความเข้มแข็งของชุมชนบ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพราม จังหวัดพิษณุโลก

5. การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอมด้วยเทคนิคเคลเวนเจอร์และระบบคูลลิ่งคอนเดนเซอร์ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

6. การพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแปรรูปผลิตภัณฑ์เห็ด กรณีสุขประเสริฐฟาร์มเห็ด

7. การศึกษาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์จากมะไฟจีนของกลุ่มแปรรูปมะไฟจีน ตำบลท่าน้าว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน

8. การวิเคราะห์ต้นทุนเปรียบเทียบของการผลิตธูปหอมสมุนไพร: กรณีศึกษากลุ่มธูปหอมสมุนไพรไล่ยุง ตำบลน้ำแก่น อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน

Search

Read the Text Version

วารสวาารวสิชาราวกชิ าารกราบัรรใชบั ้สใชังส้คงัมคมหมาหวาิทวยทิ ายลาลยั ยัเทเทคคโนโนโลโลยยีรีราาชมงคลลลลา้ า้ นนนนาา วตั ถุประสงค์ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีวัตถุประสงค์เพ่ือตีพิมพ์ผลงาน วิชาการด้านรับใช้สังคม ท้ังงานวิจัยและงานบริการวิชาการ เผยแพร่เพ่ือพัฒนาสังคมและส่งเสริมให้นักวิชาการ ด้านรับใช้สงั คมในหน่วยงานต่าง ๆ ไดม้ แี หล่งนาเสนอผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะ เจา้ ของ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ท่ปี รกึ ษากองบรรณาธิการ อธกิ ารบดมี หาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา รองอธกิ ารบดฝี ่ายวจิ ัยและบรกิ ารวชิ าการ บรรณาธกิ ารผู้ทรงคุณวุฒิภายในและภายนอก มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์ ดร.จักรี เส้นทอง มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ศาสตราจารย์ ดร.อารี วบิ ูลย์พงศ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ผดุงศกั ด์ิ รัตนเดโช สถาบันคลงั สมองของชาติ รองศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา แกว้ เทพ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.อาวรณ์ โอภาสพัฒนกิจ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สมั ภสั ตะกลุ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย ฟองสมุทร มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ รองศาสตราจารย์ ดร.กติ ติ บุญเลศิ นิรันดร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา รองศาสตราจารย์ ดร.พรหทัย ตัณฑ์จิตานนท์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา รองศาสตราจารย์ ดร.ชิติ ศรีตนทพิ ย์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา รองศาสตราจารย์ ดร.พานชิ อนิ ตะ๊ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ รองศาสตราจารย์ สุทศั น์ จุลศรีไกวัล มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อาพรรณ พรมศิริ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฏภิ าณ สุทธกิ ุลบุตร มหาวทิ ยาลัยนเรศวร ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พิสษิ ฏ์ มณีโชติ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.คมกฤตย์ ชมสุวรรณ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรสทิ ธิ์ วสเุ พ็ญ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยด์ วงพร ออ่ นหวาน มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยย์ ุทธนา เขาสุเมรุ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผชู้ ่วยศาสตราจารยส์ นั ติ ช่างเจรจา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์รุง่ นภา ช่างเจรจา มหาวทิ ยาลัยแม่โจ้ ดร.สมคิด แกว้ ทิพย์ RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 2 No. 2 July - December 2018

กองบครรณณะากธริกรามรบกราิหราดรำ� เนินงาน นายภฤศพงศ์ เพชรบุล ผูช้ ่วยศาสตราจารยย์ ทุ ธนา เขาสุเมรุ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์เกรียงไกร ธารพรศรี รองศาสตราจารย์ ดร.ชิติ ศรีตนทพิ ย์ รองศาสตราจารย์ ดร.พานชิ อินตะ๊ ผู้ช่วยศาสตราจารยด์ วงพร อ่อนหวาน ผู้ช่วยศาสตราจารยไ์ พโรจน์ วรพจนพ์ รชยั นายนริศ กาแพงแกว้ วา่ ทร่ี อ้ ยตรีรัชตพ์ งษ์ หอชยั รัตน์ วา่ ท่รี อ้ ยตรีเกรยี งไกร ศรีประเสรฐิ นายพษิ ณุ พรมพราย นางสาวทนิ ออ่ นนวล นางสาวรัตนาภรณ์ สารภี นางสาวอารีรตั น์ พมิ พน์ วน นายเจษฎา สุภาพรเหมินทร์ นางสาวสธุ าสินี ผอู้ ยูส่ ขุ นางสาวหนึง่ ฤทยั แสงใส นางสาวฉัตวณัฐ มโนพฤกษ์ นางสาวเสาวลักษณ์ จนั ทร์พรหม นางสาววราภรณ์ ตน้ ใส นายวรี วทิ ย์ ณ วรรณมา พิมพท์ ี่ สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 98 หมู่ 8 ตาบลป่าป้อง อาเภอดอยสะเกด็ จงั หวัดเชยี งใหม่ 50220 สานักงาน สถาบันถา่ ยทอดเทคโนโลยีสชู่ ุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 98 หมู่ 8 ตาบลปา่ ปอ้ ง อาเภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชียงใหม่ 50220 บทความทุกเร่ืองได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อความและบทความใน วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่ความ คิดเห็นของคณะผู้จัดทาและมิใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ และกองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ คัดลอก แตใ่ หอ้ า้ งองิ ท่ีมา วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา ปที ี่ 2 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

บบททบรบรรณราณธิกาาธริการ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปีท่ี 2 ฉบับที่ 2 เล่มน้ี มีบทความนาเสนอท้ังหมด 8 เรื่อง เป็นบทความท่ีมาจากการวิจัยและการบริการวิชาการของผู้ประพันธ์ ที่ได้เข้าไปดาเนินการร่วมกับชุมชน หรือสถานประกอบการ ในพ้ืนท่ีต่างๆ หลากหลายจังหวัด อาทิ กาแพงเพชร พษิ ณุโลก นา่ น เชียงใหม่ และตรงั เปน็ ต้น ซง่ึ พื้นท่ดี ังกลา่ ว ล้วนมคี วามแตกต่างกัน ทางกายภาพ บริบทของพ้ืนที่ และมีปัญหา ความต้องการ ท่ีแตกต่างกัน ด้วยเหตุน้ี บทความวิชาการดังกล่าวท้ัง 8 เร่ือง จึงเป็นบทความท่ีน่าสนใจ น่าติดตาม และเป็นผลดีแก่ผู้อ่านหรือผู้ศึกษา ได้เล็งเห็นถึงหลักการ แนวคิด แนวทางในวิธีการดาเนินการวิจัย หรือการบริการวิชาการ บนพื้นฐานหลักวิชาการ ที่มีความแตกต่าง หลากหลาย อันจะก่อเกิดคุณค่าทางวิชาการ ที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติ ใช้เป็นแบบอย่างต่อ การศึกษา หรือเป็นแนวทางการทางานร่วมกับชุมชน สังคม รวมถึงการสร้างความรู้ การใช้ความรู้ สู่ภาคชีวิต ของชุมชน สงั คมจริง ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี นอกจากน้ี ในการดาเนนิ การของวารสารวชิ าการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ในปีท่ี 2 น้ี ทางกองบรรณาธิการ ยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาวารสารวิชาการรับใช้สังคมฯ ให้มี ประสิทธิภาพ มีความเป็นสากลมากย่ิงขึ้น และก้าวทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้ทาการพัฒนา “ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการวารสารวิชาการรับใช้สังคมฯ ออนไลน์” ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ในรูปแบบของ web-based application ที่สามารถจัดการ สืบค้น และตีพิมพ์วารสาร ในรูปแบบวารสารออนไลน์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า E-Journal ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะเป็นการสร้าง ความสะดวก รวดเร็ว ในการเข้าถึงความรู้ สาหรับผู้ท่ีศึกษาหรือติดตาม ให้ง่ายยิ่งขึ้น ซ่ึงหวังเป็นอย่างย่ิงว่า การขับเคล่ือนวารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา บนความมุ่งมั่น ตั้งใจ จริงใจ ท่ีต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของการรับใช้สังคมของภาควิชาการที่มีต่อชุมชน สังคม ประเทศ อย่างแท้จริง จะเป็นส่วนหน่ึงของการขับเคล่ือนงานวิชาการของประเทศ สู่การยกระดับความรู้ของ ภาคประชาชน อันจะนาไปสูก่ ารเปล่ียนแปลง การพฒั นาของสงั คมและประเทศได้อย่างสืบไป วารสารฉบับน้ีสาเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย กองบรรณาธิการต้องขอขอบพระคุณ คณะที่ปรึกษา ที่ให้ความช่วยเหลือ อนุเคราะห์ ชี้แนะแนวทางต่างๆ เก่ียวกับการดาเนินงาน ขอบคุณ คณะทางานวารสารวิชาการรับใช้สังคม ท่ีร่วมดาเนินการจัดทาวารสารฉบับนี้ และต้องขอขอบพระคุณ กองบรรณาธกิ ารผู้ทรงคณุ วฒุ ภิ ายในและภายนอกที่กรณุ าพิจารณาปรับปรงุ แกไ้ ขบทความให้มคี วามสมบรู ณ์ กองบรรณาธิการวารสารวชิ าการรับใช้สังคม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา หวังวา่ วารสาร ฉบบั นี้ จะเปน็ ประโยชน์ทางวชิ าการสาหรบั ผู้อ่านทุกท่าน และขอขอบคุณท่ที ่านผู้อ่านได้ให้ความสนใจติดตาม วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนามาอย่างต่อเน่ือง ถ้าทา่ นใดสนใจประสงค์ ส่งบทความเพ่ือเผยแพร่ กองบรรณาธิการยินดีรับตีพิมพ์ โดยตอ้ งผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทัง้ ภายในและภายนอก และหากทา่ นมีข้อเสนอแนะประการใด กองบรรณาธกิ ารยินดนี ้อมรบั คาแนะนาเพื่อจะ ได้นาไปปรบั ปรุงและพัฒนาคณุ ภาพวารสารให้มมี าตรฐานยิ่งขึน้ ต่อไป พบกันใหมฉ่ บบั หน้า กองบรรณาธิการ RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 2 No. 2 July - December 2018

รารยาชยอื่ ผชท่อืู้ รผงู้ทครณุ งควุฒณผิ วปู้ฒุ ระผิ เมู้ปนิรบะเทมคินวบาทมค(วPาeมer(PReveireRwe) vปieระwจ)าฉบบั ประจำ� ฉปบีทับี่ 2ปที ฉ่ีบ2บั ฉทบ่ี 2ับทเดี่ 2อื นเดกือรนกกฎราคกมฎา–คมธนั -วธาคันมวา2ค5ม612561 รองศาสตราจารย์ ดร.ชติ ิ ศรตี นทิพย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.พรหทัย ตัณฑ์จิตานนท์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สมั ภสั ตะกุล มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พสิ ิษฏ์ มณโี ชติ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปฏภิ าณ สทุ ธิกลุ บตุ ร มหาวิทยาลยั แม่โจ้ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สายสกุล ฟองมลู มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรสทิ ธิ์ วสเุ พ็ญ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ่งนภา ช่างเจรจา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สนั ติ ช่างเจรจา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ผชู้ ่วยศาสตราจารยย์ ุทธนา เขาสเุ มรุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ดวงพร ออ่ นหวาน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ดร.พิศาพมิ พ์ จนั ทร์พรหม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา ปีท่ี 2 ฉบับท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

สารบญั หน้า 1 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ แก๊สชีวภาพเพ่อื สรา้ งความเข้มแขง็ ของชุมชน ตำ� บลเกาะสกุ ร อำ� เภอปะเหลยี น จังหวดั ตรัง 9 สุปราณี วนุ่ ศรี นพดล โพชกำ� เหนิด 21 การใช้ส่ือและเทคโนโลยีสารสนเทศเปน็ เครอ่ื งมอื ส�ำหรบั การจัดการทรพั ยากรชุมชน เพือ่ การท่องเทย่ี ว กรณศี กึ ษา ชุมชนบา้ นกองกาน จังหวดั เชียงใหม่ 27 นรศิ ก�ำแพงแก้ว พศิ าพิมพ์ จันทรพ์ รหม การบรู ณาการการมีสว่ นร่วมเพือ่ พัฒนาคณุ ภาพชีวติ ชมุ ชนตามแนวทาง 33 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงโครงการการคดั แยกเมล็ดถ่วั เขยี ว ธวัชชยั ชาติตำ� นาญ สุรสิทธ์ิ ประกอบกจิ และ กลุ ยศ สุวนั ทโรจน์ 41 การบริหารจัดการโรงสีข้าวชมุ ชนตำ� บลหนองแขมแบบมีสว่ นรว่ ม เพือ่ ความเข้มแข็งของชุมชน 53 บา้ นคลองตาล หมู่ที่ 8 ต�ำบลหนองแขม อ�ำเภอพรหมพราม จงั หวัดพษิ ณุโลก รัชนีกร แรงขิง 71 การสกัดนำ้� มนั หอมระเหยจากตะไคร้หอมด้วยเทคนิคเคลเวนเจอร์และระบบคลู ล่งิ คอนเดนเซอร์ เพ่ือระดับผลติ ภัณฑช์ ุมชน ตำ� บลขว่ งเปา อำ� เภอจอมทอง จงั หวัดเชียงใหม่ กิตตชิ ัย จินะไชย สาวิตรี กาทองทงุ่ การพฒั นาศกั ยภาพและเพ่ิมขีดความสามารถในการแปรรูปผลิตภณั ฑ์เหด็ กรณสี ุขประเสรฐิ ฟารม์ เหด็ พนิ จิ เนื่องภริ มย์ นพรัตน์ เตชะพนั ธ์รัตนกุล สาคร ปนั ตา ดิเรก มณีวรรณ และ กิจจา ไชยทนุ การศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มทางธรุ กิจของผลิตภณั ฑ์จากมะไฟจีนของกลุ่มแปรรปู มะไฟจีน ต�ำบลทา่ นา้ ว อำ� เภอภูเพยี ง จงั หวัดน่าน วันวภิ า ค�ำมงคล ธติ ินันทน์ กุมาร และ รัตนาภรณ์ อนุรักษ์ การวเิ คราะหต์ ้นทนุ เปรียบเทียบของการผลิตธูปหอมสมนุ ไพร : กรณศี ึกษากลมุ่ ธปู หอมสมนุ ไพรไล่ยงุ ต�ำบลน�้ำแก่น อ�ำเภอภเู พยี ง จังหวดั น่าน อธปิ ตั ย์ สายสงู วันวิภา ค�ำมงคล และ อัจฉราภรณ์ พลู ย่ิง RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 2 No. 2 July - December 2018

การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลิตแก๊สชีวภาพเพอื่ สร้างความเข้มแข็งของชมุ ชน ตาบลเกาะสุกร อาเภอปะเหลียน จังหวดั ตรัง Knowledge Transfer of Biogas Technology to Strengthen the Community at Koh Sukorn, Palian District, Trang Province สปุ ราณี วนุ่ ศรี1* นพดล โพชกาเหนดิ 1 Supranee Wunsri1* Noppadon Podkumnerd1 1อาจารย์ สาขาวชิ าศกึ ษาทว่ั ไป คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย E-mail : [email protected], เบอร์โทรศัพท์ 08-1539-0193 บทคดั ย่อ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแก๊สชีวภาพด้วยถุงพลาสติก LDPE สาหรับการจัดการของเสียอินทรีย์เพ่ือ สรา้ งความเข้มแขง็ ของชุมชนเกษตรตาบลเกาะสกุ ร อาเภอปะเหลยี น จังหวัดตรัง มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อนามูลสัตวม์ าผลติ แก๊สชีวภาพเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเช้ือเพลิงในครัวเรือนและเป็น การสร้างพลังงานทางเลือกแก่ชุมชน การดาเนินโครงการการถ่ายทอดเทคโนโลยี องค์ความรู้เก่ียวกับการผลิตแก๊ส ชวี ภาพจะใช้ถงุ หมกั แบบพลาสตกิ LPDE ขนาดความจุ 7-8 ลกู บาศกเ์ มตร โดยท่ีผู้เรียนร้จู ะไดฝ้ กึ ทกั ษะขัน้ ตอนในการ ผลิตแก๊สชวี ภาพ หลังจากการถา่ ยทอดเทคโนโลยสี ่งผลให้ชมุ ชนสามารถผลติ แก๊สชวี ภาพได้ ลดค่าใช้จา่ ยในการใชแ้ ก๊ส หุงต้มในครัวเรือน การใช้นาท้ิงหลังจากกระบวนการหมักเป็นปุ๋ยในการเกษตรสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมี ประมาณ 33% และยังทาให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรเพ่ิมขึ้น และช่วยลดมลภาวะจากกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์รวมท้ัง แมลง ทาให้ชุมชนมีสภาพแวดล้อมดีข้ึน สามารถผลิตแก๊สชีวภาพเป็นพลงั งานความร้อนในครัวเรือน และปุ๋ยสาหรับ การเกษตร คาสาคัญ แกส๊ ชีวภาพ บอ่ แก๊สชวี ภาพ เทคโนโลยีการผลติ แกส๊ ชวี มวล Abstract Knowledge transfer of biogas technology using LDPE plastic for organic wastes management at Koh Sukorn, Palian District, Trang Province was aimed to produce biogas from animal dung and use as heating source in household. The use of biogas can reduce household fuel costs and create alternative energy for the community. The knowledge transfer of biogas technology was performed with LDPE bag with the size of 7-8 m3 where the people in the community were trained the biogas production processes. After knowledge transfer, the community could be able to produce biogas and can reduce cost of energy for household use. The use of effluent after biogas production as a bio-fertilizer could reduce the cost of chemical fertilizer about 3 3 % and also increase agricultural productivity. The production of biogas from animal dung also solved environmental problem since the smell of manure and flies could be reduce and this would make a pleasant environment for a community. Keywords Biogas, Biogas pothole, technology transfer of biomass gas วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 1 ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

บทนา จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของชุมชนตาบล พื้นที่ตาบลเกาะสุกรเป็นพ้ืนท่ีเกาะอยู่ห่างจาก เกาะสุกร อาเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นชุมชนที่มี ความพร้อมในดา้ นวัตถุดบิ สาหรับการทาบ่อแก๊สชวี ภาพ ฝั่งเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ แ ล ะ เ ป็ น ชุ ม ช น ท่ี มี ค ว า ม ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ใ น ก า ร ศึ ก ษ า 8,750 ไร่ หรือประมาณ 14 ตารางกิโลเมตร เป็นชุมชน เกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากถุงพลาสติก เกษตรกรรม ไดแ้ ก่ ปลกู ข้าว ปลกู แตงโม ปลกู ตน้ มะมว่ ง LDPE ซึง่ จะส่งผลให้ชุมชนมีการจดั การขยะอินทรีย์ท่ีถูก หิมพานต์ ทาสวนยางพารา ทาปศุสัตว์ และทาการ วิธี แก้ไขปัญหามูลสัตว์ตามถนนสาธารณะ ลดค่าใช้จ่าย ประมง ซ่ึงในสภาวะปัจจุบันราคาพืชผลทางการเกษตร ด้านพลังงานหุงต้มระดับครัวเรือนสูง และลดค่าปุ๋ย ตกต่าและการทาประมงก็จับสัตว์น้าได้น้อยเน่ืองจาก สาหรับปลกู พืช ความสมบูรณ์ของท้องทะเลลดลง ส่งผลให้ประชากรใน วธิ ดี าเนนิ งาน ชุมชนมีรายได้น้อยลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในด้าน 1. การวางแผน ต่าง ๆ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานหุงต้ม มรี าคาสูงข้นึ และราคาเชือ้ เพลงิ หงุ ต้มในพืน้ ที่ตาบลเกาะ ลงพ้ืนท่ีสารวจความพร้อมของครัวเรือนที่รับ สุกร ราคาสูงกว่าปกติเพราะมีการบวกค่าขนส่ง ซึ่งการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีบ่อแก๊สในด้านพ้ืนที่สาหรับการ น า เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร ผ ลิ ต แ ก๊ ส ชี ว ภ า พ ด้ ว ย ถุ ง พ ล า ส ติ ก ติดตั้งบ่อแก๊ส และวัตถุดิบ ได้แก่ มูลสัตว์ และความ LDPE สามารถนามาช่วยลดรายจ่ายด้านเชื้อเพลิง เป็น ต้องการของชุมชน ได้ทาการปรึกษากับทีมบริหารของ พลังงานทดแทนแทนการใช้พลังงานหุงต้ม LPG และ ชุมชนพิจารณาคดั เลอื กครวั เรือนที่เหมาะสมสาหรับการ น้าหมักชีวภาพท่ีได้จากการหมักนามาเป็นปุ๋ยบารุงพืช รับเทคโนโลยี จานวน 16 ครัวเรือน อธิบายเทคโนโลยี ซ่ึงเทคโนโลยีการผลติ แก๊สชีวภาพดว้ ยถงุ พลาสตกิ LDPE การผลิตแก๊สชีวภาพ เย่ียมชมบ่อแก๊สตัวอย่างในชุมชน เป็นเทคโนโลยีการผลิตแก๊สที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ตามภาพที่ 1 พร้อมทั้งสารวจความต้องการของชุมชนที่ จากการย่อยสลายสารอินทรีย์ภายใต้สภาวะทปี่ ราศจาก รับเทคโนโลยีบ่อแก๊สชีวภาพ สาหรับครัวเรือนท่ีจะรับ ออกซิเจน ในขณะท่ีเกิดการย่อยสลายของเสียอินทรีย์ เทคโนโลยีบ่อแก๊สชีวภาพจะต้องเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัว ได้แก่ มูลสัตว์ เศษอาหาร เศษผักและผลไม้ จะเกิด สกุ ร กระบอื ไก่ และมพี ้นื ท่สี าหรบั การขุดเตรยี มบ่อแกส๊ ก๊าซข้ึน ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทน รองลงมาเป็น 2. การดาเนนิ งาน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน ไฮโดรเจน และ ก๊าซอ่ืน ๆ ซึ่งก๊าซมีเทนมีคุณสมบัติไม่มีสี ไม่มีกล่ินและ จัดถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพ ติดไฟได้ เบากว่าอากาศ สามารถนามาเป็นก๊าซหุงต้ม ณ ตาบลเกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง โดย นางราตรี แทนแก๊ส LPG ซ่ึงจากการดาเนินโครงการการถ่ายทอด จิตรหลัง นายกองค์การบริหารส่วนตาบลเกาะสุกรเป็น เทคโนโลยีการผลิตแก๊สชีวภาพจากถุง LDPE ในพื้นที่ ผ้กู ลา่ วตอ้ นรบั และกล่าวเปดิ โครงการ ตาบลเกาะสุกร อาเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง จานวน 16 บ่อ ในปีงบประมาณ 2559 (สุปราณี วุ่นศรี, ภาพท่ี 1 บ่อแก๊สชวี ภาพตัวอยา่ งของตาบลเกาะสุกร สมบูรณ์ ประสงค์จันทร์, ณิชา ประสงค์จันทร์, โกสนิ ทร์ ทปี รกั ษพนั ธ์ และพลชัย ขาวนวล, 2559) และ ในชุมชนตาบลคลองลุ อาเภอกันตัง จังหวัดตรัง จานวน 24 บ่อ ในปีงบประมาณ 2560 (สุปราณี วุ่นศรี, นพดล โพชกาเหนิด และพวงทิพย์ แก้วทับทิม, 2560) พบว่า การจัดการขยะอินทรีย์และมูลสัตว์ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์โดยการผลติ แก๊สชวี ภาพสาหรบั ใชใ้ นครวั เรือน น้ันมีประโยชน์ต่อชุมชนในการลดรายจ่ายด้านพลังงาน ลดรายจ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี เพิ่มรายได้ ช่วยลดปัญหา ผลกระทบทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้ เป็นอยา่ งดี 2RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

(ก) (ก) (ข) (ข) ภาพท่ี 2 ปรกึ ษาชุมชนเพื่ออธบิ ายและใหค้ วามรู้ ภาพที่ 3 บรรยากาศการจัดอบรมการผลิตก๊าซชวี ภาพ เกย่ี วกับบ่อแกส๊ ชวี ภาพ ณ ตาบลเกาะสุกร อ.ปะเหลยี น จ.ตรงั โดยในตาบลเกาะสกุ ร มกี ารจัดทาบ่อสาธติ ท้งั สิน้ จานวน ภาพท่ี 4 ระบบการทางานของบอ่ หมักกา๊ ซชีวภาพ 16 บ่อ ซึ่งเนื้อหาในการอบรมสัมมนา ได้แก่วัตถุดิบที่ แบบถุง LDPE สามารถนามาผลิตก๊าซชีวภาพ เทคนิคการเพ่ิมผลผลิต จากสัตว์เลี้ยง การจัดการของเสีย (มูล ปัสสาวะ และนา้ วัสดุและอุปกรณ์ท่ีต้องเตรียมในการทาบ่อแก๊ส ล้างคอก) เทคโนโลยกี ารผลติ ก๊าซชีวภาพ ประโยชน์ของ ชีวภาพ ไดแ้ ก่ ก๊าซชีวภาพ การพัฒนาสารดูดซับไฮโดรเจนซัลไฟด์และ คาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ประโยชน์จากกากมูลสัตว์ 1. ปนู 1 ถุง และทรายเพ่ือเททบั ทอ่ พวี ีซีบริเวณ จากบ่อบาบัดก๊าซชีวภาพ และตัวอย่างบ่อก๊าซชีวภาพ ปากบ่อเติมมูล และบ่อล้น ในพื้นทีต่ ่าง ๆ 2. วงบ่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 – 100 การสาธิตและการปฏิบัติในการเตรียมอุปกรณ์ เซนติเมตร จานวน 2 วงบ่อ ทาบ่อก๊าซชวี ภาพด้วยถุง LDPE มีการเตรียมมูลสตั ว์เขา้ สู่บ่อบาบัด และแนวทางการใช้ประโยชน์จากบ่อก๊าซ ชีวภาพและกากมูลสัตว์ ตามลักษณะการติดต้ังบ่อแก๊ส ชีวภาพระดับครัวเรือน (สุชน ตั้งทวีวิพัฒน์, 2557) ดงั ภาพที่ 4 วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 3 ปที ี่ 2 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

3. ไม้ไผ่ หรือไม้ เพื่อขัดท่อ PVC และจัดทาท่ี เก็บมูลปริมาณ 7-8 ลูกบาศก์เมตร ขุดเป็นส่ีเหลี่ยม แขวนขวดน้าปรบั แรงดนั คางหมใู หฐ้ านของบอ่ มีพืน้ ทีห่ น้าตดั ท่ีแคบกว่าเลก็ น้อย 3. การประเมนิ 4. เครื่องสูบน้าหรือรถดับเพลิง (ถ้ามี) เพื่อ สูบนา้ เข้าบ่อหมักแก๊สในขั้นตอนการติดตงั้ ในการประเมินโครงการมีแบบสอบถามความ พึงพอใจสาหรับครัวเรือนท่ีรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี 5. ท่อพีวีซี (สีฟ้า) เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว บ่อแก๊สชีวภาพ ได้มีความรู้เกี่ยวกับบ่อแก๊สชีวภาพ เช่น ยาว 1.2 เมตร จานวน 2 ท่อน ในการเติมของเสียอินทรีย์ในบ่อแก๊สได้อย่างถูกวิธี เข้าใจกระบวนการท่ีเกิดข้ึนภายในถุงบ่อแก๊สชีวภาพ 6. ยางในรถจกั รยานยนตเ์ ก่าเพื่อใช้มดั ทอ่ พวี ีซี ใช้ประโยชน์จากบ่อแก๊ส และการดูแลบารุงรักษา 7. ท่อพีอี (ท่อน้าประปาสีดา) ใช้เป็นท่อส่งกา๊ ซ บ่อแก๊สให้สามารถใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งาน 5 ปี เส้นผ่าศูนย์กลาง 25 มิลลิเมตร ความยาวประมาณ มีแบบประเมินความพึงพอใจเม่ือจบการถ่ายทอด 20 เมตร หรอื ตามตอ้ งการ เทคโนโลยีทันที และแบบประเมินความพึงพอใจแบบ 8. เขม็ ขัดรัดท่อ ขนาด 4 นิ้ว จานวน 2 อนั ติดตามประเมินผลหลังการ ใช้บ่อแ ก๊สชี ว ภ า พ 9. ขวดขนาด 1.5 ลิตร ดักจับไอน้า 1 ใบ ระยะ 3 เดือน (ขวดน้าด่ืมทใี่ ชแ้ ลว้ ) สาหรับพ้ืนที่ในการทาบ่อแก๊สชีวภาพ ควรเป็น (ก) พ้ืนท่ีโล่งแจ้งได้รับแสงแดดตลอดเวลาเพ่ือให้ได้รับ (ข) แสงแดดอย่างเต็มท่ี อยู่ใกล้คอก และไม่มีกิ่งไม้หล่นทับ ภาพที่ 5 การดูแลป้องกันบอ่ แกส๊ ชวี ภาพ โดยระดับปากบ่อของบ่อเติมควรอยู่ต่ากว่าระดับคอก สัตว์เล็กน้อย เพ่ือให้มูลสัตว์ไหลระบายเข้าบ่อเองหรือ อาจทาเป็นบ่อชนิดตักมูลสัตว์มาเติมก็ได้ และข้อควร ระวงั ในการทาบอ่ แกส๊ ชีวภาพ ได้แก่ 1. ไม่ควรขุดหลุมใต้ต้นไม้ เพราะจะทาให้รากไม้ แทงถงุ 2. ไม่ควรขุดหลุมใต้ชายคา เพราะน้าที่ไหลลงมา จากชายคาจะทาใหถ้ ุงฉกี ขาดได้ 3. ไม่ควรขุดหลุมในทรี่ ่ม เพราะจุลินทรีย์ที่ทาให้ เกดิ ก๊าซสามารถเจริญเตบิ โตไดด้ ใี นอุณหภูมิสูง 4. ระยะห่างจากหลุมถึงห้องครัว ควรห่าง ประมาณ 10-20 เมตร ไม่ควรใกล้เกินไปเพราะบางราย หากมีการทาอาหารโดยใช้ฟืนจะทาให้เถ้าถ่านปลิวตกบน ถุงหมัก ซึ่งอาจทาให้เกิดการระเบิดได้แต่ถ้าหากไกล เกินไปจะทาให้แรงดนั กา๊ ซน้อย ไฟไม่แรง 5. พื้นท่ีท่ีจะทาการสร้างบ่อหมัก หากจะทา รางระบายจากคอก เช่น สุกร โค หรือ ไก่ ควรเป็นพ้ืนท่ี ลาดเอียงต่ากว่าระดบั คอกสัตว์เล็กนอ้ ยเพื่อให้มูลสตั ว์ไหล ระบายเข้าบ่อเอง หรืออาจทาเป็นบ่อชนิดตักมูลสัตว์มา เติมได้ หากไม่คานึงถึงระดับของบ่อหมักกับคอกสัตว์ ขนาดของหลุมท่ีจะขุด ควรมีขนาดกว้างด้านบน 1.4 เมตร ด้านล่างกว้าง 1.1 เมตร ด้านบนยาว 4.3 เมตร ด้านล่างยาว 4.1 เมตร ลึก 0.9-1 เมตร (สาหรับการเล้ียงสุกรขนาดเฉลี่ยปานกลางจานวน 15 ตัว โค 5-10 ตัว ไก่ 100-200 ตัว หรือเท่ากับบ่อ 4VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

ภาพท่ี 6 ลกั ษณะรปู แบบบอ่ แกส๊ ชีวภาพ แก้ปัญหาที่เกิดข้ึนได้ด้วยตัวเอง ตามรูปแบบบ่อแก๊ส (ก) ชีวภาพ ดังนี้ ส่วนประกอบของบ่อแก๊สชีวภาพที่มีการปรับ เพ่ือให้ได้บ่อแก๊สท่ีสามารถใช้งานง่าย และชุมชน สามารถดแู ลแกป้ ัญหาระบบได้ด้วยตนเอง มีดงั นี้ 1. ขนาดของบ่อแก๊สสาหรับถุงพลาสติก LDPE ความหนา 0.3 มิลลิเมตร กว้าง 2.8 เมตร และยาว 6 เมตร เป็นขนาดบ่อกว้าง 1.3 เมตร ยาว 4.3 เมตร และ ลึก 0.8 – 0.9 เมตร บ่อแก๊สมีขนาด 8 ลูกบาศก์ เมตร และมีพ้ืนที่เก็บแก๊ส ประมาณ 4 ลูกบาศก์เมตร ดงั ภาพที่ 8 2. พลาสติกสาหรับรองบ่อแก๊สชีวภาพ ดงั ภาพที่ 9 3. ความยาวที่ใช้ในการผูกปลายท่อเติม และ ท่อล้นของบ่อแก๊ส จะหมัดห่างจากปลายท่อเป็นระยะ 15 เซนติเมตร สาหรับท่อเติม และ 20 เซนติเมตร สาหรับท่อล้น พร้อมกันมีเข็มขัดเหล็กรัดท่อเพื่อเสริม ความแข็งแรง ดังภาพที่ 10 4. เหล็กรัดท่อหลักจากมีการผูกด้วยยางและ หุ้มดว้ ยสก็อตเทปแลว้ ดังภาพที่ 11 5. ลกั ษณะของวงบอ่ ทางด้านเติมจะมที อ่ ขนาด 4 นิ้ว เพ่ือทาใหส้ ะดวกในการแช่มูลให้ละลายก่อนปล่อย มลู ลงในบอ่ แกส๊ ดงั ภาพท่ี 12 6. ลักษณะของทาด้านล้น ความลาดเอียงของ ทอ่ เพื่องา่ ยต่อการล้นของน้าหมกั ดงั ภาพท่ี 13 7. ขวดน้าสาหรบั ระบายแก๊สในถงุ สูง ประมาณ 2 นิว้ เพอื่ ระบายแก๊สได้งา่ ย ดงั ภาพท่ี 14 8. ลักษณะการวางถุงบ่อแก๊สชีวภาพที่ขุดบ่อ ไมล่ ึกจะได้บอ่ แก๊สท่ีมลี กั ษณะรูปทรง ดงั ภาพท่ี 15 (ข) ภาพที่ 8 ขนาดของการขดุ บอ่ แกส๊ ชีวภาพ ภาพที่ 7 ลักษณะของแก๊สชวี ภาพ 4. นาผลมาปรับปรุงการทางาน (นพดล โพชกาเหนิด, 2559), (สชุ น ตงั้ ทววี ิพัฒน์, 2557) จากการดาเนินโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยไี ด้ มีการปรับรูปแบบเพื่อให้บอ่ แก๊สชีวภาพมีระบบสามารถ ใช้งาน ดูแลรักษาง่าย ผู้ได้รับการถ่ายทอดสามารถ วารสารวชิ าการรับใช้สังคม มทร.ล้านนา 5 ปที ี่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

ภาพที่ 9 พลาสติกรองบ่อแก๊สชวี ภาพ ภาพท่ี 11 บริเวณปลายท่อ (ก) (ก) (ข) (ข) ภาพท่ี 10 ลักษณะการผูกปลายทอ่ บอ่ แก๊สชีวภาพ 6VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

(c) ภาพท่ี 15 บอ่ แกส๊ ชีวภาพที่ความลกึ ของบ่อเหมาะสม ภาพที่ 12 บ่อเตมิ มูลสตั วแ์ ละเศษกากอินทรีย์ การนาไปใชป้ ระโยชน์ ภาพท่ี 13 ลกั ษณะบอ่ ลน้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแก๊สชีวภาพ ภาพท่ี 14 ตดิ ตง้ั ขวดนา้ เพือ่ ระบายแกส๊ ให้กับชุมชนตาบลเกาะสุกร อาเภอปะเหลียน จังหวดั ตรัง จานวน 16 บ่อ สามารถใชง้ านไดจ้ ริงทงั้ หมด ทาให้ชุมชนสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเชื้อเพลิง สาหรับการหุงต้ม และลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมี ประมาณ 33% ซึ่งส่งผลให้ชุมชนเป็นศูนย์การเรียนรู้ เปน็ ชมุ ชนตัวอย่างในดา้ นการจดั การของเสยี จากปศสุ ัตว์ และขยะอินทรีย์ท่ีเกิดประโยชน์ เป็นแหล่งท่องเท่ียว เชงิ อนุรักษ์ และมคี วามยัง่ ยนื อภิปรายผลการดาเนนิ งาน ผลของการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแก๊ส ชีวภาพเพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในตาบลเกาะ สุกร อาเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง จานวน 16 บ่อ ตามวัตถุประสงค์เพื่อนามูลสัตว์มาผลิตแก๊สชีวภาพเป็น พลงั งานความรอ้ นในครัวเรอื น เพือ่ ส่งเสริมและถ่ายทอด เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกแก่ชุมชนท่ีมีการเล้ียงสัตว์ ให้เกิดประโยชน์สูงสดุ และเพ่ือเปน็ การลดคา่ ใช้จ่ายดา้ น พลังงานเชื้อเพลิงในครัวเรือนได้ จากการสารวจข้อมูล จากแบบประเมินผลการติดตามโครงการ พบว่า ผลทาง เศรษฐกิจสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้แก๊สหุงต้มหรือ ค่าเชอื้ เพลงิ ในครัวเรือน อย่างนอ้ ยครัวเรือนละประมาณ 400 บาท/เดือน ซึ่งเท่ากับท้ังโครงการฯ (16 บ่อ) คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 6,400 บาท/เดือน (16 ราย x 400 บาท) หรือเท่ากับประมาณ 76,800 บาท/ปี ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีสาหรับการเกษตร ลงได้ประมาณ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายเดิมหรือเท่ากับได้ ปยุ๋ อนิ ทรยี จ์ ากการหมักมลู สัตวไ์ ปใช้กับแปลงพชื ผักหรือ วารสารวิชาการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 7 ปีที่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

ใช้กับพื้นท่ีเกษตรอื่น ๆ ท่ีทาให้ได้ผลผลิตเพิ่มข้ึน (ใน สุชน ต้ังทวีวิพัฒน์. (2557). การติดต้ังบ่อแก๊สชีวภาพ รายท่ีไม่เคยซ้ือ/ไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมี) ครัวเรือนละประมาณ ระดับครัวเรอื น. มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม.่ 200 บาท/เดือน เท่ากับ 3,200 บาท/เดือน (16 ราย x 200 บาท) หรือเท่ากับประมาณ 38,400 บาท/ปี ส่วน สุปราณี วุน่ ศรี, สมบูรณ์ ประสงคจ์ นั ทร์, ณชิ า ประสงค์ ผลทางสังคมและส่ิงแวดล้อม คือทาให้ชุมชนอยู่ดีมีสุข จันทร์, โกสินทร์ ทีปรักษพันธ์ และพลชัย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน ขาวนวล. (2559). การถ่ายทอดเทคโนโลยีการ ช่วยลดมลภาวะจากกลิ่นเหม็น รวมทั้งแมลงท่ีบินไป ผลิตแก๊สชวี ภาพระดับครวั เรือนจากถุงพลาสติก สร้างความราคาญหรือรบกวนเพื่อนบ้านท่ีอยู่ในชุมชน LDPE ในพ้ืนท่ีชุมชนเกาะสุกรอาเภอปะเหลียน เม่ือมกี ารเลย้ี งสัตว์ เชน่ โค กระบอื แพะ และสตั วป์ กี จังหวัดตรัง. คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย บรรณานุกรม เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ัย สงขลา. นพดล โพชกาเนิด. (2559). การถ่ายทอดเทคโนโลยีการ สุปราณี วุ่นศรี, นพดล โพชกาเหนิด และพวงทิพย์ ผลิตก๊าซชีวภาพจากถุงพลาสติก LDPE โดยใช้ แก้วทับทิม. (2560). การถ่ายทอดเทคโนโลยี ของเสียจากการเล้ียงสัตว์เพ่ือความยั่งยืนของ ก า ร ผ ลิ ต แ ก๊ ส ชี ว ภ า พ ร ะ ดั บ ค รั ว เ รื อ น จ า ก ชุมชน. คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย ถุงพลาสติก LDPE ในพ้ืนท่ีชุมชน ตาบลคลองลุ เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ัย สงขลา. อาเภอกันตัง จังหวัดตรัง. คลินิกเทคโนโลยี ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ร า ช ม ง ค ล ศ รี วิ ชั ย สงขลา. 8RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

การใชส้ ื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเคร่อื งมือสาหรบั การจัดการทรพั ยากรชมุ ชน เพอื่ การทอ่ งเทย่ี ว กรณีศึกษา ชมุ ชนบ้านกองกาน จังหวัดเชียงใหม่ The used of Media and Information Technology as a Tool for Manage Community Resources for Tourism. Case Study : Ban Kong Kan, Chiang Mai Province. นรศิ กำแพงแกว้ 1* พิศำพมิ พ์ จนั ทรพ์ รหม2 Naris Khampangkaew1* Phisaphim Junprom2 1 นักวิชำกำรคอมพวิ เตอร์ สถำบนั ถำ่ ยทอดเทคโนโลยสี ชู่ ุมชน มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลล้ำนนำ 2 อำจำรย์ สำขำวิชำภำษำตะวันออก คณะบริหำรธรุ กจิ และศิลปศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลลำ้ นนำ 1 *Email : [email protected] บทคัดย่อ กำรใช้ส่ือและเทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเคร่ืองมือสำหรับกำร จัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพ่ือกำรท่องเท่ียว กรณีศึกษำ ชุมชนบ้ำนกองกำน จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนำและใช้ สื่อและเทคโนโลยีสำรสนเทศ เป็นเครื่องมือในกำรศึกษำกำรใช้สื่อและเทคโนโลยีสำรสนเทศที่เหมำะสมต่อกำร จัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพ่ือกำร ท่องเที่ยว บ้ำนกองกำน โดยได้มีกำรดำเนินกำรพัฒนำเครื่องมือ ภำยใต้กำรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยมุ่งให้ เกดิ กำรสรำ้ งกระบวนกำรมีสว่ นรว่ มและกำรเรยี นรู้ของชมุ ชน ในกำรเตรยี มควำมพร้อมตอ่ กำรจดั กำรทรัพยำกรชุมชน เพื่อกำรทอ่ งเท่ียว ภำยใต้กำรมสี ว่ นร่วมของบคุ ลำกร 3 กลมุ่ คอื กลุ่มนกั วจิ ยั กลุ่มบุคลำกรชมุ ชน และกล่มุ เครอื ข่ำย ซ่ึงจำกกำรดำเนินกำรพบว่ำ กำรใช้สื่อและเทคโนโลยีสำรสนเทศเปน็ เครื่องมือสำหรับกำรจดั กำรทรัพยำกรชุมชนเพ่อื กำรท่องเที่ยว น้ัน กำรใช้ส่ือดั้งเดิม (Traditional Media) ในรูปแบบของส่ือส่ิงพิมพ์ (Printed Media) สำมำรถช่วย จัดกำรทรัพยำกรข้อมูลสำคัญเพื่อกำรท่องเท่ียวในชุมชนได้ดี โดยกระตุ้นให้ชุมชนเกิดกระบวนกำรมีส่วนร่วมของ บุคลำกรในทุกเพศ ทุกวัย และเกิดกำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อกำรรื้อฟ้ืนข้อมูลสำคัญของชุมชน ส่วนกำรใช้ส่ือใหม่ (New Media) ในรูปแบบสื่อออนไลน์ (Online Media) จะสำมำรถช่วยในเร่ืองของกำรจัดกำรข้อมูลทรัพยำกรเพ่ือ กำรท่องเที่ยว ให้อยู่ในรูปแบบของฐำนข้อมูลออนไลน์ และกำรประชำสัมพันธ์ให้เกิดประสิทธิภำพมำกย่ิงขึ้น ซึ่งมี ควำมเหมำะสมกับวัยเยำวชนมำกกว่ำวัยอื่น โดยสำมำรถประชำสัมพันธ์ สถำนที่สำคัญหรือสถำนท่ีท่องเท่ียวของ ชุมชนให้แก่บุคลำกรภำยนอกได้เพิ่มข้ึน โดยมีผลสถิติกำรเข้ำถึงข้อมูลผ่ำนเว็บไซต์ชุมชน ตั้งแต่เดือนมกรำคม ถึง เดือนกรกฏำคม 2561 จำนวน 1,753 รำยและมีผู้เข้ำร่วมเป็นสมำชิกในเครือข่ำยสังคมออนไลน์ : Facebook Fanpage จำนวน 116 รำย และมีกำรเขำ้ ถงึ เนอ้ื หำต่ำง ๆ จำนวน 1,840 คร้ัง สง่ ผลทำใหช้ ุมชนเกดิ กำรเปลี่ยนแปลง ทด่ี ขี ้ึนทง้ั ในด้ำนกำรจดั กำรทรัพยำกรชมุ ชนเพอื่ กำรท่องเทีย่ ว และกำรพฒั นำกระบวนเรียนรขู้ องชุมชน คาสาคัญ สื่อ เทคโนโลยีสำรสนเทศ กำรจดั กำรทรพั ยำกรชุมชน กำรทอ่ งเทีย่ ว สอ่ื สงั คมออนไลน์ Abstract The used of media and information technology as a tool for manage community resources for tourism. case Study: Ban Kong Kan, Chiang Mai province. It has the purpose to develop and use Media and Information Technology as the suitable tools for the study the use of this that to manage community resources for tourism of Ban Kong Kan village. In developing tools under new technology, which will be creating participatory processes and community learning in preparation for community resource management for tourism under the participation of 3 groups: researchers, community group วารสารวชิ าการรับใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 9 ปีที่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

and networks groups. As a result, the print media of traditional media will help to manage resources for community tourism as well and encourage the community of all to participate in the process of participation and sharing knowledge to revitalize information. And the online media of new media, this tool will be able to manage the resources of tourism data to online database format and will make more effective for public relations and suitable for youth than other ages. It can be promoted important places or attractions of the community to have external personnel have increased. The statistics on accessing Bankongkan website from January to July 2018 were 1,753 and 116 people as friend in Social Media (Facebook and Facebook Fan page) and there were 1,840 accesses to content, which resulted in better community change in terms of community resource management for tourism, and development of community learning process. Keyword Media, Information Technology, Manage community resources, Tourism, Social Media บทนา ได้วำ่ \"กระบวนกำรเรียนรรู้ ว่ มกัน (สนิ ธุ์ สโรบล, 2546) กำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชน ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ สื่อและเทคโนโลยีสำรสนเทศ บนโลกยุค สำคัญต่อกำรพัฒนำกำรจัดกำรท่องเท่ียวโดยชุมชน ปจั จบุ นั ถือเปน็ เร่ืองที่มีควำมสำคัญ และมคี วำมสมั พนั ธ์ เนื่องด้วยว่ำ ชุมชนคือผู้ถือครองกรรมสิทธ์ิ หรือเป็น กับกำรดำเนินชวี ติ ของมนุษย์ โดยคำวำ่ สอ่ื (Media) คือ เจ้ำของทรัพยำกรในชุมชนเอง ดังนั้น เมื่อกำรท่องเท่ียว ช่องทำงในกำรติดต่อส่อื สำร (Heinich และคณะ, 1996) เกิดขึ้นในชุมชน ผลกระทบหรือปัญหำท่ีจะเกิดข้ึนต่อ หรือตัวกลำงท่ีช่วยในกำรถ่ำยทอดเรื่องรำว ข่ำวสำร ชุมชนอย่ำงหลีกเล่ียงไม่ได้ ก็คือ ควำมเสียหำยหรือกำร ควำมรู้ เหตุกำรณ์ แนวคิด สถำนกำรณ์ ฯลฯ ท่ีผู้ส่งสำร สูญเสียที่จะเกิดข้ึนกับทรัพยำกรของชุมชน ดังนั้นกำร ต้องกำรไปยังผู้รับสำร (สุมำลี ชัยเจริญ, 2545) ส่วน เตรียมควำมพร้อมในกำรรับมือกับปัญหำทจี่ ะเกิดขึ้นกับ เทคโนโลยีสำรสนเทศ (Information Technology: IT) บทบำทของชุมชนต่อกำรจัดกำรใช้ทรัพยำกรชุมชนเพอ่ื เป็นกำรประกอบของคำว่ำ เทคโนโลยี และ คำว่ำ กำรท่องเที่ยว จึงถือเป็นเร่ืองสำคัญย่ิงท่ีชุมชนจะต้อง สำรสนเทศ ซึ่งเม่ือนำมำรวมกันแล้ว จึงหมำยถึงกำรนำ เรียนรู้และทำกำรศึกษำ ซ่ึงสอดคล้องกับสำนักงำน ควำมร้ทู ำงดำ้ นวิทยำศำสตร์มำประยุกต์ใช้เพ่อื สร้ำงหรือ กองทุนสนับสนุนกำรวิจัย (สกว.) ที่ได้ให้ควำมสำคญั กับ จัดกำรสำรสนเทศอย่ำงเปน็ ระบบและรวดเร็วโดยอำศัย บทบำทชุมชนในกำรจัดกำรท่องเท่ียว จึงได้นิยำมเชิง เทคโนโลยีทำงด้ำนคอมพิวเตอร์ ซ่ึงจำกควำมหมำย ปฏิบัติกำรในงำนกำรท่องเที่ยวโดยชุมชนว่ำ \"หมำยถึง ขำ้ งตน้ จงึ ทำให้เหน็ ถึงควำมสำคญั ของคำดงั กล่ำว ท่ีเริ่ม ทำงเลือกในกำรจัดกำรท่องเท่ียวที่ชุมชนมีส่วนร่วมใน เ ข้ ำ ม ำ มี บ ท บ ำ ท กับ กำ ร ด ำ เ นิน ชีวิต ขอ ง มนุษ ย์ ใน ยุค กำรกำหนดทิศทำงของกำรท่องเที่ยวบนฐำนคิดท่ีว่ำ ปัจจุบันมำกขึ้น ทั้งในรูปแบบส่ือดั้งเดิม (Traditional ชำวบ้ำนทุกคนเปน็ เจ้ำของทรัพยำกรและเปน็ ผมู้ ีสว่ นได้ Media) และส่อื ใหม่(New Media) (พสนนั ท์ ปัญญำพร, เสยี จำกกำรท่องเทีย่ ว โดยกำรนำเอำทรพั ยำกรที่มีอยู่ไม่ 2561) โดยเฉพำะเมือ่ สือ่ ใหมเ่ กิดกำรพฒั นำขนึ้ มำกมำย ว่ำจะเป็นธรรมชำติ ประวัติศำสตร์ วัฒนธรรมประเพณี หลำกหลำยรปู แบบเอ้ือใหผ้ ูส้ ่งสำรและผรู้ บั สำรทำหน้ำที่ วิถีชีวิต และวิถีกำรผลิตของชุมชนมำใช้เป็นต้นทุนหรือ ส่งสำรและรับสำรได้พร้อมกันเป็นกำรส่ือสำรสองทำง ปัจจัยในกำรจัดกำรท่องเที่ยวอย่ำงเหมำะสม รวมทั้งมี (Burnett, R. and Marshall D. P., 2003) จนเกิดเป็น ก ำ ร พั ฒ น ำ ศั ก ย ภ ำ พ ค น ใ น ชุ ม ช น ใ ห้ มี ค ว ำ ม รู้ วิถีของคนส่วนหน่ึงในสังคม จึงกล่ำวได้ว่ำ สื่อและ ควำมสำมำรถในกำรดำเนนิ งำน ตั้งแต่กำรตัดสินใจ กำร เทคโนโลยีสำรสนเทศ ในปัจจุบัน ถือเป็นเร่ืองสำคัญ วำงแผน กำรดำเนินงำน กำรสรุปบทเรียน โดยเน้นให้ ประกำรหนึ่งที่มนุษย์ในทุกระดับสังคมจะต้องเรียนรู้ เกิดควำมยั่งยนื ส่คู นรนุ่ ลูกรนุ่ หลำนและเกิดประโยชน์ต่อ เพ่ือสำมำรถดำเนนิ ชีวิตอยู่บนสงั คมท่ีมีกำรเปลี่ยนแปลง ท้องถิ่น ตลอดจนคำนึงถึงควำมสำมำรถในกำรรองรับ ของเทคโนโลยีตอ่ ไปได้ ของธรรมชำติเป็นสำคัญ\" กระบวนกำรข้ำงต้นอำจเรียก ด้ ว ย เ ห ตุ น้ี จึ ง เ ป็ น ท่ี ม ำ ข อ ง ก ำ ร ใ ช้ ส่ื อ แ ล ะ 10RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

เทคโนโลยีสำรสนเทศ ในรูปแบบต่ำง ๆ เป็นเครื่องมือ ข้อมูลสนับสนุนเพ่ิมเติม ด้ำนกำรประสำนงำนร่วมกับ สำหรับกำรสร้ำง หรือแสวงหำช่องทำง วิธีกำรหรือ องคก์ รตำ่ ง ๆ และกำรสนบั สนนุ ดำ้ นงบประมำณ กระบวนกำรท่ีเหมำะสม สำหรับกำรจัดกำรทรัพยำกร เพ่ือกำรท่องเที่ยวในชุมชน ภำยใต้บริบทของพื้นที่ โดย โดยมีลำดับข้ันตอนของกระบวนกำรพัฒนำ มุ่งหวงั ใหเ้ กิดกำรมีส่วนร่วม ของบุคลำกรในชมุ ชนอีกท้ัง เคร่ืองมือ ส่ือ เทคโนโลยีสำรสนเทศ สำหรับกำรจัดกำร เพื่อเป็นกำรยกระดับควำมรู้ของบุคลำกรในชุมชนใน ทรัพยำกรเพื่อกำรท่องท่องเท่ียวชุมชน (ดังภำพที่ 1) ด้ำนต่ำง ๆ โดยเฉพำะควำมรู้ด้ำนเทคโนโลยี ต่อกำร ดังน้ี จัดกำรทรัพยำกรชุมชนให้เกิดกำรพัฒนำบนพื้นฐำนของ สภำวะกำรณ์ที่เปล่ียนแปลงไปของเทคโนโลยีในโลกยุค 1. ดำเนินกำรสำรวจและวิเครำะห์ข้อมูล ปัจจุบันได้ ท้ังน้ีเพ่ือก่อเกิดกำรเปลี่ยนแปลงท่ีดีขึ้น และ ทรัพยำกรทำงวัฒนธรรมเบ้ืองต้น ด้วยกำรประเมิน ควำมย่งั ยืนของชุมชนต่อไป ศักยภำพทรัพยำกรในชุมชนเพื่อกำรจัดกำรท่องเที่ยว วธิ ีการดาเนนิ งาน โดยกำรจำแนกทรัพยำกรในรูปแบบของทรัพยำกรท่ีจับ ต้องไดแ้ ละทรพั ยำกรทีจ่ ับตอ้ งไมไ่ ด้ (ธนิก เลิศชำญฤทธ์ิ, กำรดำเนินกำรในครั้งนี้ ได้ดำเนินกำรโดยใช้ 2554) ผ่ำนกำรใช้สื่อส่ิงพิมพ์ แผนที่ประสิทธิภำพสูงใน กระบวนกำรวิจัยภำยใต้กระบวนกำรมีส่วนร่วมของ ลักษณะของแผนท่ีเดินดินร่วม เป็นเคร่ืองมือในกำร บุคคล 3 กลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่มนักวิจัย กลุ่ม ดำเนินงำน บุคลำกรชุมชน (กลุ่มแกนนำชุมชน กลุ่มผู้รู้/ปรำชญ์ ชุมชน กลุ่มเยำวชน : รักบ้ำนกองกำน) และกลุ่ม 2. ดำเนนิ สอบถำม วิเครำะห์ควำมต้องกำรของ เครือข่ำย โดยมีกำรดำเนินกำรสอดประสำนภำยใต้กำร ชุมชน และดำเนินกำรวำงแผนและออกแบบเคร่ืองมือ ทำหนำ้ ทขี่ องแตล่ ะกลมุ่ บคุ คล ดงั น้ี ออนไลน์ ภำยใต้กำรใช้เทคโนโลยี ให้สอดรับและ เหมำะสมกับกำรใช้งำนสำหรับชุมชน โดยให้ชุมชนมี 1) กลมุ่ นกั วิจยั ทำหนำ้ ท่ี ส่วนร่วมในกำรดำเนินกำรและจัดกำรร่วมกันกับ 1. ดำเนินกำรประสำนงำนเชื่อมควำมสัมพันธ์ คณะผู้วิจัย ภำยใตก้ ำรระดมควำมคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่ำงกลมุ่ บุคคล 3 ฝำ่ ย ภำยใตก้ ำรสร้ำงควำมรู้ ควำม ระหวำ่ งกลมุ่ บุคคลตำ่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง และดำเนนิ กำรจดั เข้ำใจ 3 เรือ่ ง ดังนี้ เวทีกำรมีสว่ นร่วม เพ่อื ระดมควำมคิด แลกเปลยี่ นเรียนรู้ เพื่อได้ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และข้อมูล สำหรับกำร 2.1 ควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรจัดกำร วิเครำะห์ ทรพั ยำกรชมุ ชนเพ่อื กำรท่องเท่ยี ว 2. สร้ำงเคร่ืองมือ ในรูปแบบของส่ือ (Media) 2.2 ควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับเครื่องมือ ทั้งในรูปแบบของสื่อด้ังเดิม (Traditional Media) โดย อุปกรณ์ และเทคโนโลยี ประกอบกำรสร้ำงเครื่อง อำทิ มุ่งเป้ำในรูปแบบส่ือสิ่งพิมพ์ (Printed Media) และ ส่ือ กำรใชเ้ ครอ่ื งมือสื่อสำรเพื่อกำรระบุพิกัด บนพืน้ ฐำนกำร ใหม่ (New Media) ในรูปแบบสื่อออนไลน์ (Online ใช้เทคโนโลยีบริกำรแผนที่ประสิทธิภำพสูง (GPS) Media) เพื่อใช้สำหรับกำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพื่อ วิธีกำรใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศ เทคโนโลยบี ำร์โค้ด 2 มติ ิ กำรท่องเที่ยวบนพื้นฐำนของควำมรู้ด้ำนเทคโนโลยี (QR Code) และระบบอนิ เทอรเ์ น็ต เป็นตน้ สำรสนเทศ 2.3 ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ในทิศทำงหรือแนว 2) กลุ่มบุคลำกรในชุมชน ทำหน้ำท่ีเป็นเจ้ำบ้ำน ทำงกำรพัฒนำกำรท่องเท่ยี วโดยชุมชนแบบมสี ่วนร่วม เจ้ำของทรัพยำกรชุมชน ในกำรอำนวยควำมสะดวกของ กระบวนกำรสำรวจและใหข้ ้อมลู รวมถึงทำหน้ำทใ่ี นกำร 3. ดำเนินกำรสร้ำงเครื่องมอื ส่ือและเทคโนโลยี ตัดสนิ ใจตอ่ แนวทำงกำรพฒั นำกำรจัดกำรทรพั ยำกรเพ่ือ สำรสนเทศ และถ่ำยทอดกระบวนกำร ควำมรู้และ ท่องเทยี่ วของชมุ ชน วิธีกำรใช้เครื่องมือท่ีได้สร้ำงข้ึน แก่ชุมชนโดยเร่ิมจำก กลุ่มแกนนำชมุ ชน และกลุม่ เยำวชน: รกั บ้ำนกองกำน 3) กลุ่มเครือข่ำย ทำหน้ำที่สอดประสำนให้ควำม ช่วยเหลือ สนับสนุนกำรดำเนินงำนต่ำง ๆ ทั้งในด้ำน 4. ดำเนินกำรติดตำมและประเมินผลกำรใช้ งำนเคร่ืองมือ จำกกำรวิเครำะห์กำรใช้บริกำรของผู้ ให้บริกำร Web Server และประเมนิ ผลผใู้ ช้งำนชุมชน วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 11 ปที ี่ 2 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

ภำพท่ี 1 แสดงกระบวนกำรพฒั นำเครื่องมือ ส่ือ เทคโนโลยสี ำรสนเทศ สำหรบั กำรจดั กำรทรัพยำกรเพื่อกำรทอ่ งท่องเท่ยี วชมุ ชน ผลการดาเนินงาน ทำงำนของกำรวิจัย ภำยใต้รูปแบบสื่อ 2 ประเภท (ดัง 1. สภาพและการคาดหวังของชุมชนก่อนการ ตำรำงท่ี 2) ทำให้อนุมำนได้ว่ำ ประเด็นท่ีค้นพบใน รูปแบบของผลผลิต จำกกระบวนกำรที่ได้ดำเนินกำร ดาเนนิ งาน ในรูปแบบของ ผลลพั ธแ์ ละกำรเรยี นรู้น้ัน เปน็ ผลกำรวิจยั กำรวิเครำะห์ชุมชนก่อนกำรดำเนินกำรตำม ท่ีได้ตอบโจทย์ของควำมคำดหวังของชุมชนในรูปแบบ ของเครื่องมือ ช่องทำงกำรประชำสัมพันธ์ กำรเรียนรู้ กระบวนวิจัย เพ่ือให้ทรำบถึงลักษณะหรือสภำพกำรณ์ เทคโนโลยี และแนวทำงกำรจัดกำรทรัพยำกรเบ้ืองต้น ของชุมชนก่อนกำรดำเนินงำน และควำมคำดหวังของ ภำยใต้กำรมีส่วนรว่ มของบุคลำกรทกุ ฝำ่ ย ชมุ ชน ที่มีต่อกำรดำเนินงำนวิจัยในครัง้ น้ี ภำยใตแ้ นวทำง ของกำรกำรพูดคุยและสอบถำมภำยใต้ประเด็นต่ำง ๆ แต่ทั้งน้ีควำมคำดหวังต่อกำรเปลี่ยนแปลงท่ีดี กับบุคลำกรในชุมชน พบว่ำ ชุมชนยังคงขำดควำมรู้ ข้ึน ในรูปแบบของรำยได้เสริมจำกกำรท่องเท่ียวนั้น ควำมเข้ำใจ เร่ืองกำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพ่ือกำร กำรใช้ส่ือและเทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเคร่ืองมือ ยังไม่ ท่องเท่ียว กำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ รวมถึงเครื่องมือ สำมำรถวัดผลให้เห็นในเชิงปริมำณได้ ด้วยว่ำเป็นระยะ ต่ำง ๆ สำหรับกำรประชำสัมพันธ์สถำนท่ีท่องเท่ียวใน เริ่มต้นของกำรศึกษำและกำรทดลองเตรียมควำมพร้อม ชุมชน อีกทั้งยังคำดหวังให้เกิดรำยได้เสริมจำกกำร ชุมชนต่อกำรท่องเท่ียว ภำยใต้กำรวิจัยท่ีใช้นักท่องเท่ียว ท่องเที่ยว และเวทีกำรพบปะ พูดคุย ระหว่ำงคนในชุมชน จำลองเป็นเครื่องมือ แต่ทั้งน้ีจะมีกำรดำเนนิ กำรวดั ผลใน ให้มำกขึ้น เพ่ือกำรสร้ำงควำมเข้ำใจ และกำรถ่ำยทอด รูปแบบควำมสัมพนั ธข์ องรำยได้ท่ีไดร้ ับจำกกำรท่องเท่ียว ควำมรู้ ภูมิปัญญำ ท่ีมีในชุมชนให้เกิดกำรสำนต่อจำกรนุ่ กบั สอื่ และเทคโนโลยที ี่ใช้ จำกกำรวจิ ัยในระยะต่อไป ส่รู ุ่น (ดงั ตำรำงที่ 1) 2. ผลลัพธจ์ ากการดาเนนิ งาน ผลท่ีได้จำกกำรดำเนินกำร ภำยใต้กระบวนกำร 12VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

ตารางท่ี 1 สภำพกำรณ์กอ่ นกำรดำเนนิ งำน ก่อนการดาเนินงาน ความคาดหวังจากการดาเนนิ การ 1. คนในชมุ ชนขำดควำมรู้ ควำมเข้ำใจ เรือ่ งกำรจดั กำร 1 . ต้ อ ง ก ำ ร เ ค รื่ อ ง มื อ แ ล ะ ช่ อ ง ท ำ ง ส ำ ห รั บ ก ำ ร ทรัพยำกรชุมชนเพื่อกำรท่องเที่ยว ประชำสัมพันธ์กำรท่องเที่ยวชุมชน อำทิ แผ่นพับ 2. คนในชุมชนขำดควำมรู้ ด้ำนกำรใช้เทคโนโลยี เวบ็ ไซต์ ส่อื สังคมออนไลน์ สำรสนเทศ 2. ชุมชนสำมำรถมีควำมเข้ำใจและสำมำรถดำเนินกำร 3. ขำดเคร่ืองมือและช่องทำงกำรประชำสัมพันธ์กำร จัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพ่ือกำรท่องเท่ียวได้ด้วยตัว ท่องเทีย่ วด้วยกำรใช้เทคโนโลยีท่ที ันสมยั ชุมชนเอง 4. เวทีควำมร่วมมือ พบปะ พูดคุย สร้ำงควำมเข้ำใจ 3. เกิดกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ภูมิปัญญำจำกผู้รู้/ปรำชญ์ ระหวำ่ งชุมชนเพ่ือกำรพัฒนำ เกิดข้ึนน้อย ชุมชน สกู่ ลุ่มเยำวชน 5. ขำดหำย กำรถ่ำยทอดควำมรู้ ภมู ปิ ญั ญำ ของชมุ ชน 4. เกิดควำมสมคั รสมำนสำมัคคขี องคนในชมุ ชน จำกรนุ่ สูร่ นุ่ 5. เกดิ กำรรำยได้เสริมจำกกำรทอ่ งเท่ยี ว ตารางที่ 2 ผลกำรดำเนินงำน ภำยใต้รปู แบบสือ่ 2 ประเภท ประเดน็ ข้อค้นพบ กระบวนการ ผลลพั ธ์ การเรียนรู้ 1. ส่อื ด้งั เดมิ (Traditional Media) ในรูปแบบสือ่ ส่งิ พิมพ์ (Printed Media) : ผลผลิต : 1) เอกสารชมุ ชน 2) แผน่ พับ 3) โปสเตอร์แผนทป่ี ระสทิ ธภิ าพสูง สงิ่ พิมพ์ : เอกสำรชมุ ชน ทีมวิจัยได้ใช้เอกสำร 1) ได้รับควำมร่วมมือจำกกลุ่ม เอกสำรชุมชนและแผ่นพบั เป็น และแผน่ พบั เป็นเครื่องมือ ชุมชน และแผ่นพับ เป็น เยำวชนและกลุ่มหนุ่มสำวในกำร เคร่ืองมอื ท่ีดีในสร้ำงกำรมีส่วน ท่ีดีในสร้ำงกำรมีส่วน เครื่องมือในสร้ำงกำร เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรทำกิจกรรม ร่วมของกลุ่มเด็กและเยำวชน ร่วมของกลุ่มเด็กและ ส่วนร่วมในกำรศึกษำ แผนทีเ่ ดินดิน ได้ และยังสำมำรถสร้ำงกำร เยำวชน ทรัพยำกรชุมชน 2) กำรถ่ำยทอดข้อมูลควำมรู้ ภูมิ เรียนรู้ร่วมระหวำ่ งกลุ่มเยำวชน/ ปัญญำจำกผู้รู้/ปรำชญ์ชุมชน สู่กลุ่ม กลุ่มหนุ่มสำว กับกลุ่มพ่อบ้ำน เยำวชน แมบ่ ำ้ น และผู้สูงอำยไุ ด้ ส่ิ ง พิ ม พ์ : แ ผ น ที่ ที ม วิ จั ย จั ด ท ำ แ ผ นที่ 1) ชุมชนเกิดควำมเข้ำใจลักษณะ 1) แผนที่ประสิทธิภำพสูงสรำ้ ง ประสิ ทธิ ภำพสู ง เป็ น ประสิทธิภำพสูง โดย ก ำ ย ภ ำ พ ชุ ม ช น แ ล ะ เ ห็ น ภ ำ พ ควำมรู้ควำมเข้ำใจในทรัพยำกร เครือ่ งมือในสรำ้ งกำรมีส่วน จัดพิมพ์ขนำดใหญ่ (A0) ทรัพยำกรวัฒนธรรมของชุมชน ของชุมชนไดช้ ัดเจนเสมอื นจรงิ ร่วมในศึกษำทรัพยำกร เ พื่ อ ใ ช้ ส ำ ห รั บ เ ป็ น เสมือนจริงจำกแผนที่ประสิทธิภำพ 2) ชุมชนใช้แผนทีประสิทธิภำพ วฒั นธรรมของชมุ ชน เครื่องมือในกำรศึกษำ สูง สูง จดั กำรทรพั ยำกรชมุ ชนเพื่อ ทรพั ยำกรวฒั นธรรมของ 2) ชมุ ชนจดั กำรทรพั ยำกรของชมุ ชน กำรท่องเท่ียวได้ในส่วนของ ชุมชนร่วมกันกับชุมชน เพ่ือกำรจัดกำรท่องเท่ียวโดยใช้แผน กำรจัดกำรโปรแกรมกำร บนพ้ืนฐำนของทรัพยำกร ที่ประสิทธิภำพสูง ในกำรออกแบบ ท่องเท่ียว จรงิ ของชุมชน เสน้ ทำงกำรทอ่ งเที่ยวของชมุ ชนตำม 3) ชุมชนออกแบบโปรแกรม ควำมเหมำะสม กำรท่องเท่ียวร่วมกันโดยใช้ 3) เกิดแผนพัฒนำทรัพยำกรและ แผนที่ประสิทธภิ ำพสูง แผนพฒั นำพน้ื ที่ในชมุ ชน จำกกำรใช้ 4) คณะทำงำนอำจจะต้อง แผนทปี่ ระสทิ ธิภำพสงู สร้ำงเวทีร่วมมือกันระหว่ำง 4) สร้ำงควำมเข้ำใจร่วมกันในทิศ ชุมชน หน่วยงำนรำชกำร ทำงกำรพัฒนำชุมชนระหว่ำงคนใน (อบต.) หรือหน่วยงำนอื่น ๆ ชุมชน หน่วยงำนรำชกำร(อบต.) โดยใช้ แผนทีประสิทธิภำพสูง หรือหน่วยงำนอื่น ๆ บนกำรใช้ เป็นเคร่ืองมือ เพ่ือออกแบบ เครือ่ งมือแผนทปี่ ระสิทธภิ ำพสูง กำรพัฒนำทรัพยำกรและ วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 13 ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

ประเดน็ ข้อค้นพบ กระบวนการ ผลลัพธ์ การเรียนรู้ พัฒนำพ้ืนท่ีที่มีกำรขยำยวง กวำ้ งข้ึน ประเดน็ ขอ้ ค้นพบ กระบวนการ ผลลัพธ์ การเรียนรู้ 2. สอ่ื ใหม่ (New Media) ในรปู แบบส่ือออนไลน์ (Online Media) ผลผลิต : 1) เวบ็ ไซตแ์ ละระบบสารสนเทศ 2) สื่อสังคมออนไลน์ (Facebook) สื่อออนไลน์ : เว็บไซต์ คณะทำงำนใช้ เว็บไซต์ 1) เกิดกำรจัดกำรข้อมูลทรัพยำกร 1) เว็บไซต์เป็นเคร่ืองมื อ และระบบสำรสนเทศ และระบบสำรสนเทศ ชุมชนเพ่ือกำรท่องเท่ียว ผ่ำนทำง สื่อสำรข้อมลู ระหวำ่ งชุมชนกับ เป็นเครื่องมือในสร้ำง www.bankongkan.com ระบบสำรสนเทศและนำเสนอบน คนภำยนอกชมุ ชนไดด้ ี กำรมีส่วนร่วมในจัดกำร เป็นเครื่องมือในกำร เว็บไซตข์ องชุมชน 2) ระบบสำรสนเทศเว็บไซต์ ทรพั ยำกรวัฒนธรรมของ สร้ำงกำรมีส่วนร่วมใน www. bankongkan. com อ ำ ทิ สำมำรถจดั กำรข้อมลู ทรัพยำกร ชุมชน จั ด ก ำ ร ท รั พ ย ำ ก ร ข้อมูลแหล่งเรียนรู้ชุมชน ข้อมูล ชุมชนได้ดีกว่ำ ส่ือส่ิงพิมพ์ หรือ วัฒนธรรมของชุมชน กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ชุมชน ข้อมูล สอื่ สงั คมออนไลน์ (Facebook) ผ่ำนกระบวนกำร พกิ ดั แผนท่ี เป็นตน้ 1) สร้ำงควำมรู้ ควำม 2) เกิดควำมรู้สึกภูมิใจและมีควำม เข้ำใจ เกยี่ วกับเทคโนโลยี เป็นเจ้ำของรว่ มในเวบ็ ไซต์และระบบ ต่ำง ๆ อำทิ เทคโนโลยี สำรสนเทศชมุ ชน บริกำรแผนทปี่ ระสทิ ธภิ ำพ 3) เกิดช่องทำงกำรส่ือสำรท่ีคน สูง (GPS) เทคโนโลยี ภำยนอกชุมชน สำมำรถเขำ้ ถึงข้อมูล บำร์โค้ด 2 มิติ (QR Code) ชุมชนเพื่อกำรท่องเท่ียวได้สะดวก 2) กำรเรียนรู้วิธีกำรใช้ งำ่ ยขึ้น งำนระบบสำรสนเทศ 4) เกดิ กำรยกระดบั ควำมรขู้ องบคุ ลำกร เพื่อกำรจัดกำรทรัพยำกร ในชุมชนต่อกำรใช้เทคโนโลยี ต่ำงๆ ชุมชน อำทิ เทคโนโลยีแผนที่ประสิทธิภำพสูง (GPS) เทคโนโลยีบำร์โค้ด 2 มิติ (QR Code) ผ่ำนกระบวนกำรเรียนรู้กำร ใช้งำนเว็บไซต์และระบบสำรสนเทศ ของชุมชน 5) ผู้เย่ียมชมเว็บไซต์ต้ังแต่ เดือน ม.ค. ถึง ก.ค. 2561 จำนวน 1,753 รำย สื่อออนไลน์: ส่ือสังคม คณะทำงำนใช้ ส่ือสังคม 1) ชุมชนเกิดควำมเข้ำใจบทบำท 1) เกิดกำรเรียนรู้หลักกำร ออนไลน์ (Facebook และ ออนไลน์ เพื่อใช้เป็น แ ล ะ แ น ว ท ำ ง วิ ธี ก ำ ร ก ำ ร ใ ช้ ทำงำน วธิ กี ำรใชง้ ำน ส่ือสังคม Facebook Fanpage) : เคร่ืองมือในกำรจัดกำร เ ท ค โ น โ ล ยี สื่ อ สั ง ค ม อ อ น ไ ล น์ อ อ น ไ ล น์ Facebook ใ น Bankongkan Maechaem ทรัพยำกรวัฒนธรรม เทคโนโลยีกำรสื่อสำรและกำร รูปแบบเพจหลัก (Facebook) เป็นเครื่องมือในสร้ำงกำร ร่วมกันกับชุมชน โดย ประชำสัมพนั ธ์ทดี่ ี แ ล ะ ในรู ป แ บบ แ ฟนเพจ มี ส่ วนร่ วมในจั ดกำร กำรใช้กระบวนกำรมี 2) ตัวแทนชุมชน สำหรับกำรเป็น (Facebok Fanpage) ทรัพยำกรวัฒนธรรมของ ส่วนร่วมของกำรเป็น ผู้ดูแลเพจ ส่อื สงั คมออนไลน์ 2) สื่ อ สั ง ค ม อ อ น ไ ล น์ ชุมชน เจ้ำของหรือผู้ดูแลเพจ 3) เกิดเครือข่ำยควำมสัมพันธ์ (Facebook) สำมำรถใช้เป็น หลักของชุมชน(Admin) ระหว่ำงชุมชน คณะวิจัยและกลุ่ม เคร่ืองมือในกำรสื่อสำรกัน และใช้กระบวนกำรพี่ เครือข่ำยจำกภำยนอกในลักษณะ ร ะ ห ว่ำ งค น ภ ำ ยในชุ มชน เลี้ยงในกำรสร้ำงควำม เพื่อนช่วยเพ่ือน ด้วยกัน และระหว่ำงคนใน เขำ้ ใจ ถำ่ ยทอดควำมรู้ 4) สมำชิกในเครือข่ำยสังคมออนไลน์ ชุมชนกับคนนอกชมุ ชน ไดด้ ี 14RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship ต้ังแต่เดือน ม.ค. ถึง ก.ค. 2561

ประเด็นขอ้ คน้ พบ กระบวนการ ผลลัพธ์ การเรียนรู้ จำนวน 116 รำยและมีกำรเข้ำถึง 3) ส่ื อ สั ง ค ม อ อ น ไ ล น์ ขอ้ มูลจำนวน 1,840 คร้ัง (Facebook) เป็นเคร่ืองมือที่ สร้ำงควำมสนใจและสร้ำงกำร มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ชุ ม ช น ไ ด้ ดี ก ว่ ำ ส่อื สิง่ พิมพ์ หรือเวบ็ ไซต์ 3. การนาไปใชป้ ระโยชน์และความยัง่ ยนื เปล่ียนแปลงของกำรจัดกำรทรัพยำกร ชุมชนสำมำรถ จำกผลผลิตที่ได้จำกกำรดำเนินกำรท่ีอยู่ใน นำผลผลิตน้ไี ปปรับปรุงใหเ้ หมำะสมได้ด้วยตัวชมุ ชนเอง รูปแบบของเครื่องมือ ส่ือและเทคโนโลยีสำรสนเทศ ผลผลิต : ส่อื ใหม่ (New Media) ในรปู แบบ สำหรับชุมชนท่ีเป็นรูปธรรมนั้น ทำให้ชุมชนสำมำรถนำ สือ่ ออนไลน์ (Online Media) ผลผลิตท่ีได้จำกกำรดำเนินกำรคร้ังน้ีไปใช้ให้เกิดควำม ต่อเน่ืองกับชุมชนไดใ้ นอนำคต ด้วยวิธีกำรส่งเสริมขยำย ชุมชนได้รับผลผลิตคืนในรูปของระบบเว็บไซต์ วงกำรใช้งำนจำกกลุ่มเยำวชนสู่กลุ่มผู้ใช้งำนอื่นๆ และ และระบบสำรสนเทศชุมชน (ดังภำพที่ 3) ซึ่งเป็นกำร กำรพัฒนำเครื่องมือให้เหมำะสมกับข้อมูลชมุ ชนเมื่อเกิด สร้ำงเคร่ืองมือบนฐำนของเทคโนโลยีที่มีควำมยืดหยุ่น กำรเปลี่ยนแปลงของข้อมูล ท้ังนี้เพ่ือทำให้ผลผลิตหรือ ทำให้เมื่อมีกำรเปล่ียนแปลงเก่ียวกับข้อมูลกำรจัดกำร เคร่ืองมือที่ได้เกิดควำมต่อเนื่องและย่ังยืนของกำรใช้ ข้อมูลทรัพยำกรในชุมชน ชุมชนสำมำรถดำเนินกำร ประโยชน์ ภำยใตก้ ำรจดั กำรข้อมลู ชมุ ชนดว้ ยตัวเอง จัดกำรทรัพยำกรข้อมูลน้ันได้ด้วยตัวเอง ผ่ำนระบบ ดังกล่ำวได้ทันที ท้ังนี้ในระยะของกำรต้ังตัวต่อกำรใช้ ผลผลติ : ส่อื ดง้ั เดมิ (Traditional Media) เคร่ืองมือและกำรปรับปรุงพัฒนำของส่ือท้ัง 2 รูปแบบ ในรปู แบบสื่อส่ิงพมิ พ์ (Printed Media) นักวิจัยยังคงทำหน้ำท่ีพี่เล้ียงให้แก่ชุมชนเพื่อสร้ำงฐำน ควำมเข้ำใจและมั่นใจแก่ชุมชน เพ่ือให้เกิดกำรพัฒนำ ชุมชนได้รับผลผลิตคืนในรูปแบบสิ่งพิมพ์ และกำรใช้ประโยชน์จำกเครื่องมือบนฐำนกำรปฏิบัติ (Hard Copy) และไฟล์ข้อมูล (Soft Copy) (ดังภำพท่ี ของชมุ ชนบนควำมยง่ั ยืนแท้จริงตอ่ ไป 2) ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งต้นของชุมชน ซึ่งเม่ือเกิดกำร ภำพท่ี 2 แสดงเครอ่ื งมือ ส่ือดง้ั เดิม (Traditional Media) รูปแบบสือ่ สง่ิ พมิ พ์ (Printed Media) ภำพท่ี 3 แสดงเคร่อื งมอื สือ่ ใหม่ (New Media) รูปแบบส่ือออนไลน์ (Online Media) วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 15 ปที ่ี 2 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

ภำพท่ี 4 แสดงสถิตกิ ำรเขำ้ ใช้งำนเว็บไซต์ www.bankongkan.com ภำพที่ 5 แสดงสถติ ผิ เู้ ข้ำรว่ มเปน็ ในสมำชิกในเครือข่ำยสังคมออนไลน์ : Facebook Fanpage : bankongkan ภำพท่ี 6 แสดงสถติ ิกำรเข้ำถึงขอ้ มูล Content Facebook Fanpage : bankongkan อภิปรายผล 1. กำรใช้สื่อด้ังเดิม (Traditional Media) ใน จำกผลกำรศึกษำกำรใช้สื่อและเทคโนโลยี รูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media) ประกอบไป ด้วย เอกสำรชุมชนท่องเท่ียวอย่ำงแจ่มบ้ำนกองกำน สำรสนเทศเป็นเครื่องมือในกำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชน แผ่นพับเพื่อกำรท่องเที่ยวบ้ำนกองกำน และโปสเตอร์ เพ่ือกำรท่องเที่ยว กรณีศึกษำบ้ำนกองกำน ตำบลแม่ศึก แผนท่ปี ระสทิ ธภิ ำพสงู ขนำดใหญ่ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ผลปรำกฏว่ำในกำร จัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพื่อกำรท่องเท่ียว โดยกำรใช้สอ่ื 2. กำรใช้สื่อใหม่ (New Media) ในรูปแบบส่ือ และเทคโนโลยสี ำรสนเทศ 2 รปู แบบ คือ ออนไลน์ (Online Media) ประกอบไปด้วย เว็บไซต์ 16VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

และระบบสำรสนเทศเพ่ือกำรท่องเท่ียวโดยชุมชน ( Traditional Media) ใ น รู ป แ บ บ ข อง ส่ื อสิ่ ง พิ ม พ์ www. bankongkan. com สื่ อ สั ง ค ม อ อ น ไ ล น์ (Printed Media) สำมำรถช่วยจัดกำรทรัพยำกรข้อมูล Facebook : bankongkan maecheam แ ล ะ สำคัญเพื่อกำรท่องเที่ยวในชุมชนได้ดี โดยกระตุ้นให้ Facebook Fanpage : bankongkan ชุมชนเกิดกระบวนกำรมสี ว่ นรว่ มของบุคลำกรในทุกเพศ ทุกวัย และเกิดกำรแลกเปล่ยี นเรียนรูต้ ่อกำรรอ้ื ฟนื้ ข้อมูล ภำยใต้กำรมีส่วนร่วมของบุคลำกร 3 กลุ่ม คือ สำคัญของชุมชน ส่วนกำรใช้ส่ือใหม่ในรูปแบบส่ือ กลุ่มนักวิจัย กลุ่มบุคลำกรชุมชน (กลุ่มแกนนำชุมชน ออนไลน์ จะสำมำรถช่วยในเรื่องของกำรจัดกำรข้อมูล กลุ่มผู้รู้/ปรำชญ์ชุมชน กลุ่มเยำวชน : รักบ้ำนกองกำน) ทรัพยำกรเพื่อกำรท่องเที่ยว ให้อยู่ในรูปแบบของ และกลุ่มเครือข่ำย ด้วยกำรดำเนินกำรใน 4 ขั้นตอน ฐ ำ น ข้ อมู ล ออนไลน์ แ ล ะ ช่ ว ยใ นเร่ื อง ข อง กำร พบว่ำ กำรใชส้ ือ่ และเทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเครื่องมือ ประชำสัมพันธ์ เผยแพร่ ข้อมูลชุมชน ให้มีควำม ในกำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพ่ือกำรท่องเที่ยวบ้ำน เหมำะสมกบั ยุคของกำรใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ซง่ึ กำรใช้ กองกำน ส่งผลดังนี้ สื่อในรปู แบบออนไลน์จะมีควำมเหมำะสมกับวัยเยำวชน มำกกว่ำวัยอ่ืน โดยสำมำรถประชำสัมพันธ์ สถำนท่ี 1. สร้ำงกำรมีส่วนร่วมและกำรเรียนรู้ร่วมกัน สำคัญหรือสถำนที่ท่องเท่ียวของชุมชนให้แก่บุคลำกร ระหว่ำงคนในชุมชนกับคนในชุมชน คนในชุมชนกับ ภำยนอกได้เพ่ิมข้ึนอย่ำงมีนัยยะ โดยมีผลสถิติจำกกำร นอกชุมชน หรือแม้กระท่ังระหว่ำงคนในชุมชนกับ ติดตำมกำรเข้ำถึงข้อมูลจำกใช้สื่อเว็บไซต์ออนไลน์ คนทำงำนร่วมกับชุมชน จนทำให้เกิดกระบวนเรียนรู้ใน www.bankongkan.com ตั้งแต่เดือน มกรำคม ถึง กำรพัฒนำตนเอง พัฒนำชุมชนร่วมกัน ดังที่ วิจำรณ์ เดือนกรกฏำคม พ.ศ.2561 จำนวน 1,753 รำย (ดังภำพ พำนิช (2547) กล่ำวว่ำ “ควำมรู้” เป็นส่ิงทที่ ำให้ชดั เจน ท่ี 4) และมีผู้เข้ำร่วมเป็นสมำชิกในเครือข่ำยสังคม ได้ยำก เนอ่ื งจำกมี 3 สง่ิ ท่เี ก่ียวขอ้ งกันและต้องแยกจำก ออนไลน์ : Facebook Fanpage จำนวน 116 รำย กันให้ชัดเจน คือ ข้อมูล ( Data) สำรสนเทศ (ดังภำพที่ 5) และมีกำรเข้ำถึงเนื้อหำต่ำงๆ จำนวน (Information) และควำมรู้ (Knowledge) กล่ำวคือ 1,840 คร้งั (ดงั ภำพที่ 6) “ข้อมูล” อำจเป็นข้อมูลเชิงบรรยำย หรือข้อมูลเชิง ปริมำณเก่ียวกับส่ิงใดสิ่งหน่ึง เหตุกำรณ์ใดเหตุกำรณ์ 3. ทำให้เห็นควำมสัมพันธ์ของกำรใช้ส่ือและ หนึ่งหรือเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง หำกมีกำรนำมำตีควำม เทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเครื่องมือในกำรจัดกำร วิเครำะห์ ประมวล แยกส่วนที่ผิดพลำดออกไป หรือ ทรัพยำกรชุมชนเพ่ือกำรท่องเที่ยว ภำยใต้แนวคิดเชิง สรุปย่อให้ส้ันลง จะกลำยเป็น “สำรสนเทศ” และ ร ะ บ บ 4 ส่ ว น คื อ Input Process Output แ ล ะ สำรสนเทศจะเปล่ียนไปเป็น “ควำมรู้” โดยคน โดยผ่ำน Feedback ภำยใต้กำรมีส่วนร่วมและกำรเรียนรู้ร่วมกัน กระบวนกำรต่ำงๆ ได้แก่ กำรเปรียบเทียบ กำร ของทุกภำคสว่ น (ดงั ภำพที่ 7) ตรวจสอบผลกระทบ กำรเช่ือมโยงกับควำมรู้อ่ืน กำร นำมำอภิปรำยโต้เถียงหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ควำมรู้ จำกผลดงั กล่ำวข้ำงต้น อำจกล่ำวได้ว่ำ สื่อและ เกิดข้ึนโดยกระบวนกำรภำยในคนหรือกระบวนกำร เทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเครื่องมือหน่ึงท่ีสำมำรถ ควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งคนในองค์กร เรำจะพบควำมรอู้ ยู่ จัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพื่อกำรท่องเที่ยวโดยชุมชนมี ในตัวคนและในกิจกรรมประจำวันขององค์กร ควำมรู้ ส่วนร่วม เพื่อกำรพัฒนำศักยภำพของคนในชุมชน และ เหล่ำนี้ถ่ำยทอดจำกตัวบุคคลสู่ตัวบุคคล โดยกิจกรรม เพ่ือได้ซึ่งข้อมูลทรัพยำกรชมุ ชนท่ีมีกำรจัดกำรเหมำะสม ต่ำงๆ ตั้งแต่กำรพูดคุย ไปจนถึงกำรฝึกฝน หรืออำจ กับยุคสมัยของกำรเปล่ียนแปลง ของเทคโนโลยีในโลก ถำ่ ยทอดผำ่ นสอื่ เช่น หนังสอื และสอ่ื อน่ื ๆ ยุคปัจจุบนั ได้อยำ่ งแท้จริง 2. สร้ำงกำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชนเพื่อกำร ท่องเที่ยวได้ด้วยตัวชุมชนเอง ซึ่งพบว่ำกำรใช้สื่อดั้งเดิม วารสารวิชาการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 17 ปีท่ี 2 ฉบับท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

ภำพที่ 7 ควำมสมั พนั ธ์ของกำรใชส้ ่อื และเทคโนโลยีสำรสนเทศเป็นเครือ่ งมือ ในกำรจัดกำรทรพั ยำกรชุมชนเพ่อื กำรทอ่ งเท่ียว ภำยใตแ้ นวคดิ เชิงระบบ 4 สว่ น (Input Process Output Feedback) ขอ้ เสนอแนะ 3. กำรดำเนินกำรวัดผลเชิงปริมำณในลักษณะ 1. ควรมีกำรศึกษำหำแนวทำงกำรพัฒนำ ของตัวเลขทำงเศรษฐกิจ อำทิ รำยได้เสริมจำกกำร ท่องเท่ียว ผ่ำนกำรเครื่องมือ สื่อและเทคโนโลยี เคร่ืองมือสื่อในรูปแบบอ่ืนๆ ที่มีควำมเหมำะสมเพ่ิมเติม สำรสนเทศคร้ังนี้ จะมกี ำรดำเนนิ กำรในระยะตอ่ ไป เพื่อกำรพัฒนำศักยภำพด้ำนอ่ืนๆ อำทิ เช่น ศักยภำพ บรรณานุกรม ด้ำนกำรตลำด เพื่อสร้ำงช่องทำงในกำรสร้ำงควำมย่งั ยืน ธนิก เลิศชำญฤทธ์ิ. 2554. การจัดการทรัพยากรทาง ดำ้ นเศรษฐกจิ ท่ีเกิดขึ้นจำกกำรทอ่ งเทยี่ ว เป็นต้น วัฒนธรรม. กรงุ เทพฯ: ศนู ย์มำนษุ ยวิทยำสริ นิ ทร 2. กำรใช้สื่อและเทคโนโลยีสำรสนเทศในกำร (องค์กำรมหำชน). จัดกำรทรัพยำกรของชุมชน โดยใช้กำรท่องเที่ยวเป็น พสนันท์ ปัญญำพร. แนวความคิดเกี่ยวกับส่ือใหม่ เง่ือนไขในกำรเรียนรู้ เป็นเพียงตัวอย่ำงหน่ึงในกำร (New Media). สืบค้นเม่ือ มิถุนำยน 2561จำก พัฒนำศักยภำพให้กับชุมชนตำมนโยบำย 4.0 ของ http: / / photsanan. blogspot. com ภำครัฐ ดังนั้น จึงสำมำรถประยุกต์ใช้ส่ือและเทคโนโลยี /2012/03/new-media.html สำรสนเทศเปน็ เคร่ืองมือในกำรพฒั นำศักยภำพชมุ ชนใน ด้ำนอนื่ ๆ ต่อไปได้ด้วยเชน่ เดยี วกนั 18RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

วิจำรณ์ พำนิช. 2547. การดาเนินการจัดการความรู้ สุมำลี ชัยเจริญ. 2547. การพัฒนารูปแบบการสร้าง ในองค์กร. ตำมหนังสือ Learning to Fly. ความรู้โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ. คณะ เอกสำรคำบรรยำย 9 กันยำยน 2547. ศกึ ษำศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ขอนแกน่ . สินธุ์ สโรบล. 2546. การทอ่ งเท่ียวโดยชุมชน : แนวคิด Burnett, R. ad David P. M. 2003. Web Theory. และประสบการณ์พ้ืนท่ีภาคเหนือ.เชียงใหม่. London: Routlege. โ ค ร ง ก ำ ร วิ จั ย แ ล ะ พั ฒ น ำ เ ค รื อ ข่ ำ ย ก ำ ร ทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชนสำนักงำนกองทุนสนบั สนนุ Heinich และคณะ. 1996. ความหมายของสื่อการ กำรวจิ ยั (สกว.) สำนกั งำนภำค. เรียนการสอน, ศำสตรำจำรยภ์ำควิชำเทคโนโลยี ระบบกำรเรียนกำรสอน ของมหำวิทยำลัย อนิ เดยี นำ่ วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 19 ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

20 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 2 No. 2 July - December 2018

การบูรณาการการมีสว่ นรว่ มเพอ่ื พฒั นาคุณภาพชวี ติ ชุมชนตาม แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งโครงการการคัดแยกเมล็ดถั่วเขยี ว An Integrated for Participation to Improve Community-Based Quality of Life The Sufficiency Economy of Green Bean separate Project ธวชั ชยั ชาตติ านาญ1* สรุ สทิ ธิ์ ประกอบกิจ2 และ กลุ ยศ สุวนั ทโรจน์3 Thawachchai Chattamnan1* Surasit Prakobkit2 and Kullayot Suwantaroj3 1อาจารย์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร ศูนย์พระนครเหนือ 2ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศนู ยพ์ ระนครเหนอื 3ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พระนครเหนอื 1Lecturer Rajamangala University of Technology Phra Nakhon North Bangkok Campus 2Assistant Professor Rajamangala University of Technology Phra Nakhon North Bangkok Campus 3Assistant Professor Rajamangala University of Technology Phra Nakhon North Bangkok Campus *E-mail: [email protected], เบอร์โทรศพั ท์ 086-5068224, 02-836300 บทคัดยอ่ การบูรณาการการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนตามแนวปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงภายใต้ โครงการการคัดแยกเมล็ดถั่วเขียวด้วยการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรและการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ความรู้ ผ่านการ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกเมล็ดพันธ์ุถ่ัวด้วยการใช้เครื่องจักรแก่วิสาหกิจชุมชนไทรงาม ตาบลไทรงาม อาเภอไทรงาม จังหวัดกาแพงเพชร โดยมวี ตั ถุประสงค์เพ่อื การลดต้นทนุ การผลิต ในขั้นตอนการดาเนินการของเกษตรกรต่อการคัดแยกเมล็ดพันธ์ุถ่ัวเขียวและเพ่ือการส่งเสริมองค์ความรู้แก่ เกษตรกร ด้วยแนวคิดเชิงวิศวกรรมสาหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีตอ่ กระบวนการดาเนนิ งานคดั แยกเมลด็ พันธพุ์ ชื ซึ่งผลการดาเนินการพบว่า จากเดิม การคัดแยกเมล็ดพันธ์ุถ่ัวเขียว 20 กิโลกรัม จะต้องใช้ระยะเวลาในการคัดแยก 1 สัปดาห์ มีการใช้แรงงานทักษะจานวน 5 คน มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 1,000 บาท แต่เม่ือมีการใช้เทคโนโลยี เครื่องจักรสาหรับคัดแยกเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว ทาให้สามารถลดต้นทุนการผลิตในรูปแบบของระยะเวลาในการคัดแยก เหลือเพียง 1 – 2 ชว่ั โมง ลดการใชแ้ รงงานทักษะเหลือเพียงจานวน 2 คน มคี า่ ใช้จ่ายลดลงกวา่ ร้อยละ 50 อกี ท้ังการ อบรมสร้างองค์ความรู้ให้กลุ่มชุมชนจากการดาเนินการในครั้งน้ีสามารถชว่ ยทาให้กลมุ่ ชมุ ชนนาไปขยายผลต่อยอดใน การสรา้ งอาชีพใหม่และพัฒนาอาชีพเดิมได้เพ่ิมขึ้นถึงร้อยละ 16.67 และ 83.33 ตามลาดับ อนั เป็นการสง่ ผลทาใหเ้ กดิ การพัฒนาชุมชน บนความยัง่ ยนื ต่อไปได้อยา่ งดี คาสาคญั เมล็ดถั่วเขยี ว เครอ่ื งคัดแยกขนาด ABSTRACT Integrating Participation to Improve the Quality of Community Life by Sufficiency Economy, Philosophy under the Green Bean Removal Program by Using Machine Technology and Knowledge Transfer. Training on knowledge of bean seed extraction by using machinery for Sai Ngam community วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 21 ปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

enterprise, Tambon Sai Ngam, Sai Ngam District, Kamphaengphet Province. The purpose is to reduce production costs. In the process of farmer's action of the separation of green bean seeds and to promote the knowledge to farmers. Based on the concept of engineering for the application of technology to the process of seed extraction, the results showed that the separation of 20 kg of green mung bean seeds had to take one week. Five skill workers cost about 1,000 baht, but with the technology used to separate the seeds of green beans. It can reduce the production cost in the form of the separation time to only 1-2 hours, reduce the skill to only two people, the cost reduced by more than 50%, and the training to build knowledge. The communities in this study can help the community to expand their occupation and career development by 16.67% and 83.33%, respectively. Significant results contribute to the development community. On a sustainable basis, well. Keywords Green Bean, Separate Machine Mesh size บทนา หลักการเรียงลาดับความสาคัญ ด้วยพาเรโตไดอะแกรม เน่ืองด้วยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ไทรงามจังหวัด โดยลงพื้นที่ประชุมหารือกับหัวหน้าชุมชนและชุมชน เป้าหมายเพื่อหาประเด็นปัญหา สาเหตุท่ีต้องการแก้ไข กาแพงเพชร มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจานวนมากที่ มากสุด เพื่อนาไปทารายละเอียดในการออกแบบและ ต้องการ แปรรูปและถนอมอาหาร โดยทางชุมชนมี สร้างเคร่ืองมือตามหลักวิศวกรรม (Electric Motor แนวคิดเชิงวิจัยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอยู่เป็น Calculator, 2017; Pulley Calculator, 2017) แ ล ะ ปัจจุบันแล้ว และทางชุมชน ต้องการความอนุเคราะห์ ดาเนนิ การนาเสนอเพื่อจัดอบรมตอ่ ไป อุปกรณ์เคร่ืองมือเชิงวิศวกรรม ทางด้านการแปรรูป การเกษตร จึงได้ขอความอนุเคราะห์จากคณะ 2. นาเสนอผู้บริหารเพื่อขอความเห็นชอบใน วิศวกรรมศาสตร์เพ่ือขอให้มีการสร้างเครื่องต้นแบบ หลักการในการเข้าร่วมแก้ปัญหาโดยใช้ศาสตร์สหสาขา สาหรับคัดแยกเมล็ดพันธ์ุถั่วเขียว ซ่ึงการคัดแยก หลายแขนงในการบูรณาการการแก้ไข ได้แก่ วิศวกรรม เมล็ดพันธ์ุจะนาไปสู่ผลิตภัณฑ์อาหารต่อไป อีกท้ังใน การผลิต วศิ วกรรมไฟฟา้ และวศิ วกรรมเครอ่ื งกล ปัจจุบนั ผลิตภัณฑ์จากการเกษตรอินทรียไ์ ด้รับความนยิ ม เป็นอย่างสูงและยังสอดคล้องกับวิถีชีวิตท้องถิ่นของ 3. ปรับรายละเอียดโครงการตามเครื่องมือการ ประเทศไทย โดยผลที่จะได้รับจากโครงการน้ีก็คือ จดั การความรู้ ภ า พ ลั ก ษ ณ์ ข อ ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย ด้ า น ก า ร ส นั บ ส นุ น นวัตกรรมและองค์ความรู้ท่ีใช้ในการเกษตร ซ่ึงจะทาให้ 4. ประสานแผน วทิ ยากรและทรพั ยากรดาเนนิ งาน มหาวทิ ยาลยั เป็นท่ีร้จู กั ในกลุ่มเกษตรกรเปน็ วงกวา้ ง ภายใต้การบูรณาการการมีส่วนร่วมระหว่างนักวิชาการ วธิ กี ารดาเนินงาน และชุมชน (กลมุ่ วิสาหกจิ ) โดยอาศยั การถา่ ยทอดความรู้ ตามหลักวิชาการผ่านการสาธิตและร่วมลงมือปฏิบัติ 1. ร่างรายละเอียดโครงการฯ จัดทาแผน ทดลองบนสถานการณ์จริง ทาให้ชุมชนได้เกิดความรู้ ดาเนินงานย่อย โดยการลงพื้นที่ ในวิสาหกิจชุมชนกลุ่ม ความเขา้ ใจในเครือ่ งมอื และกระบวนการผลิตและวิธกี าร สง่ เสริมและผลติ พันธขุ์ ้าวดปี ทมุ ธานี 1 ไทรงาม หมู่ท่ี 1 คัดแยกเมลด็ พนั ธุ์ (Electric Motor Calculator, 2017; ตาบลไทรงาม อาเภอไทรงาม จังหวัดกาแพงเพชร Pulley Calculator, 2017; Joseph K.& Park, 1979; เพ่ือประชุมหารือในข้อประเด็นเร่ืองเร่งด่วน โดยใช้ Rebert C. et al, 2000) 6. ดาเนินโครงการประชุมสัมมนาโดยอาศัย เครื่องมือการจัดการความรู้ และเครอื่ งมือท่ีใช้แก้ปัญหา 22VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

7. ติดตามประเมินผลโครงการและรายงานผล ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของกลุ่มได้ในอนาคตอีกด้วย การดาเนินโครงการ รายงานผลการติดตามการนา ดังแสดงในภาพที่ 1 – 4 ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ การเปลี่ยนแปลงทเ่ี กดิ ข้นึ ในชมุ ชน ผลการดาเนนิ งาน ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมโครงการและรับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยี การฝึกอบรมการประเมินผลการจัดโครงการสัมมนา ราชมงคลพระนคร โดยได้รับการสนับสนุนเงิน “โครงการบูรณาการการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพ งบประมาณรายจ่าย ประจาปี 2560 จากมหาวิทยาลัย ชีวิตชุมชนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ให้ดาเนินการ“โครงการ โครงการการคัดแยกเมล็ดถั่วเขียว” โดยผู้เข้าร่วม บูรณาการการมีส่วนร่วมเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน โครงการและรับการฝึกอบรม รวม 88 คน พบว่า ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงการ มีผตู้ อบแบบประเมินทง้ั ส้นิ 88 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 การคัดแยกเมล็ดถ่ัวเขียว” ผู้เข้าร่วมโครงการจานวน 88 คน ในรูปแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ จากการวิเคราะห์ พบว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ตามการอบรมให้ความรู้การคัดแยกเมล็ดพันธ์ุถ่ัวเขียว ส่วนมาก มอี ายุระหวา่ ง 31-40 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 52.27 และถั่วขาว หลังจากได้มีการลงพื้นที่และพบปะกลุ่ม รองลงมา มีอายุ 41-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 31.82 ผู้เข้า วิสาหกิจพบว่ากาลังในการผลิตหรือวิธีการทางานของ อบรมอายุมากกว่า 51-60 ปี คิดเป็นร้อยละ 10.23 ชาวบ้านในการคัดแยกขนาดเมล็ดถั่วต้องใช้จานวน และผู้ตอบแบบประเมินมีอายุระหว่าง 21 – 30 ปี คนมาก พ่ึงพาทักษะการตัดสินใจส่วนบุคคลในการแยก คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5.68 ขนาดเมล็ดถั่วเขียวและถั่วขาว ทาให้ใช้เวลามากใน ขั้นตอนดังกล่าว หลังจากคณะวิจัยได้เข้าไปอธิบายถึง ภาพที่ 1 การฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ เป้าหมายในการผลิตและช้ีใหเ้ ห็นถึง เวลาทสี่ ญู เสยี ไปให้ ภาพท่ี 2 การสาธติ การทางานของเครือ่ ง สัมพันธ์กับค่าแรงต่อนาที ซ่ึงชาวบ้านเห็นถึงจุดประสงค์ น้ี จึงเกิดแรงภายในในการศึกษาเรียนรู้และการใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทางาน อีกท้ังยังเล็งเห็นถึง การทางานท่ีเร็วจากการใช้เทคโนโลยีและแนวความคิด ทางวิศวกรรม มาช่วยลดเวลาในกระบวนการท่ีเป็น คอขวดและตอ้ งใช้ประสบการณ์ อกี ท้ังมีประสิทธภิ าพใน อนาคตโดยสามารถนาไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ ทางการเกษตรอ่ืน ๆ ต่อไปได้ เช่น การคัดแยกเมล็ด พันธุ์ข้าวโพด หรือข้าวดีด ท้ังน้ีทางคณะวิจัยได้ร่วม ดาเนินงาน โดยการใช้เครื่องคัดแยกเมล็ดถ่ัวเขียวเป็น เครือ่ งมือช่วยในการจดั การความรู้ ใหแ้ ก่ วสิ าหกจิ ชุมชน กลุ่มส่งเสริมและผลิต พันธ์ุข้าวดีปทุมธานี 1 ไทรงาม หมู่ท่ี 1 ตาบลไทรงาม อาเภอไทรงาม จังหวัด กาแพงเพชร ให้สามารถนาความรู้ทไี่ ด้นาไปใชป้ ระโยชน์ ในชุมชนต่อไป อีกทั้งยังใช้เป็นเครื่องต้นแบบให้กลุ่ม เกษตรกรในพ้ืนท่ีได้เห็นและมีโอกาสสร้างแนวคิดให้กับ วารสารวชิ าการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 23 ปีที่ 2 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

ภาพที่ 3 การถ่ายทอดความรู้การปรับแตง่ เคร่อื ง 9,001 - 10,000 บาท และรายได้ คดิ เป็นร้อยละ 27.27 มีรายได้ระหว่าง 8,001 - 9,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 11.36 และมีรายได้ระหว่าง 7,001 - 8,000 บาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 9.09 การทราบข่าวในการฝึกอบรม พบว่าร้อยละ 77.27 ทราบข่าวการจัดฝึกอบรมจากหน่วยงานท้องถ่ิน รองลงมาคือทราบข่าวจากเจ้าหน้าท่ีของรัฐ คิดเป็น ร้อยละ 22.73 การเข้าร่วมฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยี กับงานบริการวิชาการแก่สังคมและงานศูนย์การจัดการ ความรู้ (KM) ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร คิดเป็นร้อยละ 34.09 และไม่เคยเข้าร่วม ฝึกอบรมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร คิดเป็นร้อยละ 65.91 และท้ังหมดคือร้อยละ 100 ไม่เคยลงทะเบียนคนจนประเภทการขาดอาชีพ พบว่า ผลกระทบที่เกิดข้ึนท่ีได้จากโครงการ แบ่งได้ 3 ด้าน คือ ทางเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มท่ีดี ดังแสดงในตารางท่ี 1 ภาพที่ 4 การทางานของเคร่ืองคดั แยกเมล็ด ตารางท่ี 1 ผลกระทบทเ่ี กิดขนึ้ ทีไ่ ด้จากโครงการ ด้านอาชีพหลัก พบว่า ร้อยละ 47.73 ทาอาชีพ ผลท่ีได้ ผลกระทบ เกษตรกร รองลงมาคือเป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชน คิดเป็นร้อยละ 34.09 ประกอบอาชีพแม่บ้าน คิดเป็น เศรษฐกิจ ร้อยละ 10.23 และอาชีพรับราชการ คิดเป็นร้อยละ ลดต้นทุนในการผลิต มีผลิตภณั ฑ์เพ่มิ มากข้ึน 7.95 จากแรงงานได้ สงั คม สาหรับระดับการศึกษา พบว่า ร้อยละ 34.09 เพิ่มความสามารถ ชุมชนเริ่มเข้าใจในการเขียน ของผู้ตอบแบบประเมินระดับการศึกษาจบระดับ ให้กับชุมชนรวมถึง โครงการหัวข้อเพ่ือขอการ การศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูงและ ความรู้ สนับสนนุ จากรฐั ไดเ้ อง อนุปริญญา รองลงมาคือจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา สง่ิ แวดล้อม ตอนปลายและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ คิดเป็น ทาให้ไม่เกิดการล้น ชาวบ้านมีเวลาเพ่ิมมากขึ้น ร้อยละ 31.82 จบการศึกษาระดับมัธยมต้น คิดเป็น ของผลิตภณั ฑ์แปรรูป สามารถไปพัฒนาชุมชนด้าน ร้อยละ 20.45 และจบการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็น รอ้ ยละ 13.64 อ่นื ๆ ได้ ผู้ตอบแบบประเมินร้อยละ 52.27 มีรายได้ต่อเดือน จากตารางที่ 1 ผลท่ีได้ทางเศรษฐกิจ จากการ มากกว่า 10,000 บาท รองลงมาคือ รายได้ต่อเดือน ทดลองใช้เคร่ืองจักรช่วยในการคัดแยก พบว่า ในช่วง ของการทดลองใช้งานในช่วงระยะเร่ิมต้น ประมาณ 1 สัปดาห์ จานวนถ่ัวขนาด 20 กิโลกรัม จากเดิมใช้ แรงงานมีประสบการณ์ จานวน 5 คน ค่าแรง 200 บาท ต่อหัว ใช้เวลาในการคัด 3-4 ชั่วโมง รวมเป็นต้นทุน 1,000 บาท ต่อ 20 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับการใช้เคร่ือง 24RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

จะใช้เวลา 1-2 ช่ัวโมง ใช้แรงงาน 2 คนในการ และเข้าใจง่าย ส่วนเจ้าหน้าท่ีอานวยความสะดวก คุมเครื่องจักร และ ค่าไฟท่ีใช้กับเคร่ือง คิดเป็นค่าแรง ตลอดเวลาของการเข้าร่วมโครงการ คิดเป็นร้อยละ 96 เหมา 500 บาท ต่อ 20 กโิ ลกรัม ด้านวิทยากร พบว่า ผู้ประเมินมีความพึงพอใจ ผลท่ีได้จากส่ิงแวดลอ้ ม ประเมินจากจานวนถ่ัว มากท่ีสุดในเรื่องวิทยากรมีการเตรียมการอบรมเป็น ท่ีรอการคดั ขนาดและแบ่งเกรดคณุ ภาพ เมื่อทาไดเ้ ร็วขน้ึ อย่างดี วิทยากรเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในเรื่องท่ี ทาให้แรงงานในชุมชน สามารถใช้เวลาไปพัฒนาทางาน อบรม และเรื่องวิทยากรมีความสามารถในการถ่ายทอด ด้านการเกษตรอ่นื ๆ ได้ ความรู้ คดิ เป็นร้อยละ 96 การนาไปใช้ในดา้ นตา่ ง ๆ ของชุมชน ด้านกระบวนการและข้ันตอนการให้บริการ 1. แนวคิดของคนในชมุ ชน พบว่าชุมชนเกิดการ พบว่า ผู้ประเมินมีความพึงพอใจมากที่สุดในเรื่องการมี รักการเรียนรู้ มีความรู้สึกเชิงบวกในชุมชนที่อยู่ เกิดการ การประชาสัมพันธ์โครงการอย่างทั่วถึง คิดเป็นร้อยละ เปลี่ยนแปลงท่ีอยากพัฒนาตนเองให้สามารถพัฒนา 97 รองลงมาผู้ตอบแบบประเมินคือเรื่องมีการแจ้ง ท้องถิ่นที่อยู่ และเร่ิมรู้จักการวางแผนอย่างเป็นระบบ กาหนดการโครงการให้ทราบล่วงหน้าก่อน เอกสาร เรียนรู้ที่จะร่วมวิจัยกับนักวิจัยภาครัฐ ให้เกิดประโยชน์ ประกอบการอบรมมีความเหมาะสม การอบรมทาให้มี สงู สดุ โดยได้ประเมนิ จากการสอบถามจากหัวหน้าชมุ ชน ความรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งท่ีอบรมเพ่มิ มากข้ึน และมีการ และ หน่วยงานภาครัฐในท้องถิ่น ประกอบกับทาง ประเมินผลการอบรมอย่างชัดเจน คิดเป็นร้อยละ 96 ทีมวิจัยได้เคยนาผลงานวิจัยชุมชน มานาเสนอก่อนหน้า ส่วนเรื่องติดต่อสอบถามรายละเอียดการอบรมได้ง่าย นี้ อยา่ งต่อเนือ่ ง และสะดวก และเรื่องการให้ข้อมูลคาแนะนาต่าง ๆ มี ความชัดเจนและถูกตอ้ ง คดิ เปน็ ร้อยละ 95 2. ทิศทางการพัฒนาภายในชุมชน พบว่า ชุมชนเริ่มเข้าใจในการจากัดปัญหา รู้การหาท่ีมาของ ด้านสิ่งอานวยความสะดวก ผู้ประเมินมีความ ปัญหาอย่างเป็นระบบ การจัดลาดับความสาคัญของ พึงพอใจมากที่สุด ในเรื่องส่ือและวัสดุอุปกรณ์ ปัญหา และรวมถึงวิธีการการแก้ปัญหา ร่วมกับการวิจัย ป ร ะ ก อ บ ก า ร อ บ ร ม มี ค ว า ม ทั น ส มั ย พ ร้ อ ม ใ ช้ ง า น ของภาครัฐอยา่ งย่งั ยืน สภาพแวดล้อมในห้องอบรมสะอาดและเป็นระเบียบ และเรื่องบริการอาหารของว่างและเครื่องดื่มมีความ 3. ความสาเร็จของชุมชน พบว่าการวาง เหมาะสม คดิ เปน็ ร้อยละ 96 กระบวนการอย่างเป็นระบบโดยการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ของนักวิจัยร่วมกับชุมชน เป็นกระบวนการที่มี ด้านประโยชน์จากการรับบริการ ผู้ประเมินมี ประสิทธิภาพ และสามารถนามาปฏิบัติได้จริง เช่นการ ความพึงพอใจมากท่ีสุดในเร่ืองความคุ้มค่าเม่ือเทียบกับ ท า บั ญ ชี ค รั ว เ รื อ น แ ล ะ ห ลั ก ก า ร เ บ้ื อ ง ต้ น ท า ง เวลาและค่าใช้จ่าย คิดเป็นร้อยละ 97 ส่วนเร่ืองการนา เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม แต่ต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ คิดเป็นร้อยละ 96 ดังตารางสรปุ และแลกเปลีย่ นระยะหนงึ่ จึงสามารถวจิ ัยและพัฒนาให้ แบบประเมินความพึงพอใจการจัดฝึกอบรมโครงการ ชุมชนเขม้ แขง็ ได้ บูรณาการการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน อภิปรายผล ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงการ การคัดแยกเมล็ดถั่วเขยี ว จากข้อมูลวัดความพึงพอใจด้านการให้บริการ ของเจา้ หน้าท่ี พบว่า ผู้ประเมนิ มีความพึงพอใจมากที่สดุ จากการศึกษาพบว่า ผู้ผ่านการฝึกอบรม ในเรื่องเจ้าหน้าท่ใี ห้บริการด้วยความสุภาพและเป็นมติ ร ร้อยละ 75 ใช้ประโยชน์หลังการอบรมทันที และร้อยละ คิดเป็นร้อยละ 97 เรื่องเจ้าหน้าที่ให้คาแนะนาหรือตอบ 16.67 ใช้ประโยชน์หลังการอบรม 1 เดือน และหลัง ข้อซักถามเป็นอย่างดีและเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจน การรับบริการและอบรมภายใน 2 - 3 เดือน คิดเป็น รอ้ ยละ 8.33 วารสารวิชาการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 25 ปที ี่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

แนวทางการนาไปใช้ประโยชน์พบวา่ นาความรู้ นอ้ ย 0 0.00 ไปใช้ในครอบครัว ร้อยละ 48.33 และความรู้ไปใช้ใน นอ้ ยทีส่ ดุ 0 0.00 ชุมชนและกล่มุ รอ้ ยละ 41.67 และนาไปองคค์ วามรูท้ ีไ่ ด้ 60 100.00 จากการฝึกอบรมนาไปสอนและบอกความรู้แก่ผู้อื่น รวม จานวน ร้อยละ คิดเป็นรอ้ ยละ 10 การนาความรู้ไปขยายผลตอ่ 10 16.67 สรา้ งอาชพี ใหม่ 50 83.33 นอกจากนี้ ยังพบว่า ความพึงพอใจต่อ พฒั นาอาชีพเดมิ 0 0.00 ประโยชน์ท่ีได้รับจากการรับบริการข้อมูล ให้คาปรึกษา ไม่สามารถสรา้ งอาชพี ใหมห่ รอื 60 100.00 และฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี มีระดับความ พัฒนาอาชพี เดิมได้ พงึ พอใจมากทีส่ ดุ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96.67 มีความพึงพอใจ ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 3.33 และมีผู้เข้าร่วมอบรม รวม ร้อยละ 83.33 สามารถประยุกต์ใช้ประสบการณ์จาก การฝึกอบรมพัฒนาเป็นโอกาสในการพัฒนาอาชีพเดิม จากตารางที่ 2 ด้านแนวทางการนาไปใช้ และผู้ฝึกอบรมนาความรู้ไปขยายผลต่อการสร้างอาชีพ ประโยชน์ พบว่ากลุ่มชาวบ้านส่วนใหญ่ท่ีทาภาคเกษตร ใหม่ คิดเป็นร้อยละ 16.67 ขอ้ มลู ดงั ตารางที่ 2 เกิดแนวความคิดในการพัฒนาอาชีพเดิมท่ีทาภายใน ครัวเรือนเพ่ิมข้ึนเช่น ผลที่ได้จากการคัดแยกขนาด ตารางท่ี 2 ผลการใช้ประโยชน์จาแนกตามระยะเวลาที่ ถั่วเขียวมี 3 ขนาดได้แก่เกรดเล็ก กลาง และ มาตรฐาน ใชป้ ระโยชน์แนวทางการนาไปใชป้ ระโยชน์ จ า ก เ ดิ ม คั ด เ ฉ พ า ะ เ ก ร ด ม า ต ร ฐ า น เ พ่ื อ ส่ ง ข า ย ใ ห้ ผลการใช้ประโยชน์ จานวน ร้อยละ ผู้ประกอบการ แต่ปัจจุบันสามารถ นามาพัฒนาอาชีพ หลงั การอบรมทันที 45 75.00 ใหม่ หรือ ทาให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนเช่น ขนาดเล็ก หลังอบรมภายใน 1 เดอื น 10 16.67 นามาทาอาหารสัตว์ ขนาดกลางนามาทาผลิตภัณฑ์ บริโภคเองและ จัดจาหน่ายเป็นสินค้าประจาชุมชนได้ หลังการรบั บรกิ าร/อบรม 2-3 5 8.33 บรรณานุกรม เดอื น Electric Motor Calculator, November 21, 2017, หลงั การรบั บรกิ าร/อบรม 4-6 เดือน 0 0.00 [ Online] Available at: https: / / www. engineeringtoolbox. com/ electrical- motor- รวม 60 100.00 calculator-d_832.html แนวทางการนาไปใชป้ ระโยชน์ จานวน ร้อยละ Pulley Calculator - Centers RPM Belt Length and นาความรไู้ ปใช้ในครอบครัว 29 48.33 Speed, November 21, 2017, [ Online] นาความรไู้ ปใช้ในชมุ ชน/กลุม่ 25 41.67 Available at: https: / / www. blocklayer. สอน/บอกความรู้แกผ่ ู้อ่ืน 6 10.00 com/pulley-belteng.aspx นาความรไู้ ปดดั แปลงทาแบบ Joseph K. & Park. ( 1979). A Machine that ใหม่ 0 0.00 Separates Rough from Smooth Seed Transactions of the ASAE. นาไปทาเป็นรายไดห้ ลกั /เดือน 0 0.00 Robert C., Makkus Arno H., Janssen H., Frank A., นาไปทาเป็นรายได้เสริม/เดือน 0 0.00 สามารถลดรายจา่ ยในครอบครัว Ronald K. & Mallant A. M. (2000). Use of ได/้ เดือน 0 0.00 stainless steel for cost competitive bipolar plates in the SPFC. Journal of รวม 60 100.00 Power Sources Volume 86, Issues 1– 2, ความพงึ พอใจตอ่ ประโยชน์ท่ี March 2000, Pages 274 - 28 ไดร้ บั จากการบรกิ ารข้อมูล จานวน ร้อยละ มากทส่ี ุด 58 96.67 มาก 2 3.33 ปานกลาง 0 0.00 26RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

การบริหารจดั การโรงสีข้าวชมุ ชนตาบลหนองแขมแบบมสี ่วนร่วม เพ่อื ความเขม้ แข็งของ ชุมชนบ้านคลองตาล หมู่ท่ี 8 ตาบลหนองแขม อาเภอพรหมพราม จงั หวัดพษิ ณุโลก Participatory Management of Nong Khaem Subdistrict Community Rice Mill for Strength Enhancement of Ban Khlong Tan Community, Moo 8, Nong Khaem Subdistrict, Phrom Piram District, Phitsanulok Province รชั นกี ร แรงขงิ 1* Rutchaneegron rangkhing1* 1เจ้าหน้าท่บี รหิ ารงานทวั่ ไป กองการศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา พษิ ณโุ ลก 1General Administration Officer, Education Division, Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok E-mail: [email protected], เบอร์โทรศัพท์ 055-298438, 055-298440 บทคดั ย่อ โครงการยกระดับคณุ ภาพชวี ิตของหมู่บ้าน ชุมชนบ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ตาบลหนองแขม อาเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ท่ีเข้าร่วมโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของหมู่บ้าน ชุมชน แบบมีส่วนร่วม ของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก ในการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ ศึกษาปัจจัยการบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชน โดยใช้กระบวนการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Rural Appraisal; PRA) การดาเนินโครงการระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2557-2559) ทาให้เกิดโรงสีข้าวระดับชมุ ชนท่ีประสบความสาเร็จ วิธีดาเนินการมี 4 ข้ันตอนคือ 1) จัดให้มีการ ประชาคมเพ่ือให้ทราบถึงความต้องการโรงสีข้าวชุมชนท่ีแท้จริง 2) ถ่ายทอดองค์ความรู้กระบวนการจัดต้ังโรงสีข้าว ชุมชน 3) การบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชน และ 4) การจัดการทางการตลาด โดยชุมชนสามารถดาเนินการบริหาร จัดการโรงสีข้าวชุมชนตาบลหนองแขมในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารจัดการได้อย่างเข้มแข็งนาไปสู่รายได้ จากการดาเนินกิจการโรงสขี ้าวชุมชนตาบลหนองแขม จากการศึกษาพบว่าปจั จัยที่นาไปสคู่ วามสาเร็จของการดาเนนิ กิจการโรงสีข้าวระดับชุมชนตาบลหนองแขมสามารถบริหารจัดการได้อย่างเข้มแข็ง ได้แก่ 1) การมีส่วนร่วมภายใน ชุมชน การร่วมกันคิด ร่วมกันทา ร่วมกันวางแผน เพ่ือนาไปสู่ความสาเร็จ 2) การพึ่งพาตนเองโดยใชท้ รัพยากรบคุ คล ในชุมชนใหเ้ กิดประโยชนต์ ามความสามารถ สง่ ผลต่อการดาเนินงานส่คู วามสาเรจ็ 3) ชมุ ชนต้องมกี ารเรียนรู้ สามารถ แก้ปัญหาได้ดว้ ยตัวเอง เพ่ือใหช้ ุมชนเกิดความเขม้ แขง็ ผลการดาเนินกิจการโรงสีขา้ วชมุ ชนตาบลหนองแขมมีผลกาไร สุทธิ ในปี พ.ศ.2559 จานวน 58,645.13 บาท การมสี ว่ นร่วมจนทาใหช้ ุมชนสามารถรวมตวั กนั และกอ่ ต้งั กลมุ่ วิสาหกจิ ชุมชนศูนย์ผลิตแปรรูปข้าวปลอดสารพิษบ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ซ่ึงสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ตนเองและครอบครัว โดยไม่ผ่านพ่อคา้ คนกลาง ซ่ึงแสดงถึงการยกระดับคณุ ภาพชีวติ ของชุมชนดา้ นเศรษฐกิจภายในชุมชน คาสาคญั การบรหิ ารจัดการ การมีสว่ นรว่ ม ชุมชน โรงสขี ้าวชุมชน Abstract Ban Khlong Tan, Moo 8, Nong Khaem subdistrict, Phrom Piram district, Phitsanulok province is a community participated in the Participatory Community’ s Life Quality Improvement project of Rajamangala University of Technology Lanna, Phitsanulok Campus. This study aims to study of community rice mill management factors through a Participatory Rural Appraisal (PRA) process. The วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 27 ปที ี่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

3-year project (2014-2016) had created successful community rice mill. There are 4 steps were: 1) Public hearing about actual need of community rice mill; 2) Transfer of knowledge about process of setting up community rice mill; 3) Management of rice mills community; and 4) Marketing Management. The community could effectively manage the Nong Khaem subdistrict community rice mill in a form of administration committee, resulting in additional income from the rice mill operation. The study revealed several factors that led to success and effective management of the Nong Khaem subdistrict community rice mill, including: 1) Internal cooperation within the community in thinking, operating, and planning to success; 2) Self-reliance on the community’s human resources to get the most benefit and success of the operation; and 3) The community’s learning and problem solving to strengthen the community. Result of the operation of Nong Khaem subdistrict community rice mill showed a net profit of 58,645.13 baht in 2016. The community’s cooperation that resulted in the set- up Ban Khlong Tan non- toxic rice processing community enterprise center to gain additional income for themselves and their families without middleman clearly demonstrated the benefit of economic life quality improvement within the community. Keywords management, participation, community, community rice mill บทนา เข้ามาส่งเสริมและพัฒนาให้กับชุมชน เพื่อให้ชุมชน ชุมชนบ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ตาบลหนองแขม สามารถยกระดับคุณภาพการผลิตในภาคเกษตรกรรมสู่ การพัฒนาท่ีย่ังยืนตามแผนการดาเนินงานระยะเวลา อาเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ดาเนิน 3 ปี ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2557-2559 ด้วยกระบวนการมี โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตหมู่บ้าน ชุมชน แบบมี ส่วนร่วม (ยุพาพร : 2545) กระบวนการให้บุคคลเข้ามา ส่วนร่วม ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีส่วนเกี่ยวข้องในการดาเนินงานพัฒนา ร่วมคิด เขตพื้นที่พิษณุโลก ชุมชนบ้านคลองตาลเป็นชุมชน ตัดสินใจ แก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เน้นการมีส่วนร่วม เกษตรกรรมในพื้นท่ีราบลุ่มแม่น้าน่าน มีอาชีพหลักใน เก่ียวข้องอย่างแข็งขันของบุคคล แก้ไขปัญหาร่วมกับ การทานา เปน็ การปลูกพืชเชงิ เดีย่ ว รายไดจ้ งึ มาจากการ การใช้วิทยาการที่เหมาะสมและสนับสนุน ติดตามการ ทานา ความเสี่ยงด้านรายได้คือราคาข้าวเปลือกใน ปฏิบัติงานขององค์การและบคุ คลทเ่ี กี่ยวข้อง จนนามาสู่ ตลาดโลกไม่สามารถควบคุมกาหนดราคาขายได้ ผลการดาเนินงานท่ีประสบผลสาเร็จของการดาเนิน การนาเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน กิจการโรงสีข้าวระดับชุมชนตาบลหนองแขมสามารถ การดารงชีวิต กล่าวคือชุมชนบ้านคลองตาลเป็นพื้นที่ บรหิ ารจดั การได้อยา่ งเข้มแขง็ ทานาและบางพืน้ ท่ที ากจิ กรรมอื่น ๆ โรงสีขา้ วชมุ ชนเปน็ วิธีการดาเนนิ งาน หน่ึงในกิจกรรมที่ชุมชนมีความต้องการเพราะในชุมชน บ้านคลองตาลยังไม่มีโรงสีข้าว ชาวบ้านบริเวณน้ันหาก ก า ร จั ด ตั้ ง โ ร ง สี ข้ า ว ชุ ม ช น ต า บ ล ห น อ ง แ ข ม จ ะ สี ข้ า ว ต้ อ ง ข น ข้ า ว เ ป ลื อ ก ไ ป สี อี ก ห มู่ บ้ า น ซ่ึ ง ท า ให้ ของชุมชนบ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ตาบลหนองแขม ชาวบ้านต้องใช้เวลาและเดินทางพอสมควร อีกทั้ง อาเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก มุ่งเน้นในเรื่องของ ผลกระทบทางด้านราคาผลผลิตข้าวที่ตกต่าต้นทุนการ กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลักดังภาพท่ี 1 ผลิตสูง ชุมชนจึงมีแนวความคิดที่จะแปรรูปผลิต โดยมีขนั้ ตอนดงั นี้ ข้าวเปลือกเป็นข้าวสารเพื่อจาหน่ายเอง ดังนั้น มหาวิทยาลัยฯ จึงได้นาองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ 28RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

1. จัดให้มีการประชาคมเพ่ือให้ทราบถึงความ ภาพท่ี 1 ข้ันตอนการมีสว่ นร่วมของชุมชน ต้องการโรงสีข้าวชุมชนท่ีแท้จริง โดยใช้กระบวนการมี ส่วนร่วมของชุมชน เปิดโอกาสให้ชุมชน ร่วมรับรู้ ภาพท่ี 2 กระบวนการสรา้ งความร่วมมอื รับฟงั ความ ร่วมคิด ร่วมทา ร่วมรับผล ร่วมกันเป็นเจ้าของ ร่วมกัน คิดเห็นของชมุ ชน จัดทาแผน ปฏิบัติตามแผน และติดตามประเมินผลใน กิจกรรม เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการ ภาพท่ี 3 ตวั แทนชุมชนรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ดาเนนิ งาน อนั เป็นการปลกู ฝังจิตสานึกในเร่อื งความเปน็ หลังจากศึกษาดูงานเสร็จสิ้น คณะกรรมการ เจ้าของดงั ภาพท่ี 2 และ 3 หมู่บ้าน ได้นาเสนอข้อมูลต่อชุมชน ทาให้เกิดการมี 2. ถ่ายทอดองค์ความรูก้ ระบวนการจดั ตงั้ โรงสีขา้ ว ชุมชนแบบมีส่วนร่วม เพื่อการพ่ึงพาตนเองของชุมชน อย่างยั่งยืน โดยมหาวิทยาลัยสนับสนุนองค์ความรู้ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ด้านการบริหารจัดการ และ ด้านเกษตรศาสตร์ ร่วมกับชุมชน โดยเน้นให้ชุมชนใช้ ศักยภาพที่มีอยู่ให้มากท่ีสุด ใช้ความรู้ ความสามารถมา ปรับปรุงพัฒนา ให้ชุมชนคิด วางแผน เพ่ือร่วมกัน คณะทางาน 3. การบริหารจัดการโรงสีข้าว มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการเข้ามาบริหารจัดการจานวน 20 คน มีการกาหนดรูปแบบการบริหารงาน มีโครงสร้างการ บริหารงาน 4 ส่วน ได้แก่ ประธานบริหารโรงสีข้าว ฝ่ายบริหาร ฝา่ ยการเงิน และฝ่ายบรกิ ารและบารุงรักษา โดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 8 นางสาวพยอม เนี่ยมเหล่ียม เป็นประธานบริหาร 4. การจัดการทางการตลาด กระบวนการรับซ้ือ การรับซ้ือข้าวเปลือกจากกลุ่มผู้ปลูกข้าวปลอดภัย บ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ตาบลหนองแขม อาเภอพรหม พิราม จังหวัดพิษณุโลก เพ่ือนามาแปรรูปสีเป็นข้าวสาร จาหน่ายภายในชุมชน และภายนอกชุมชน เช่น ตลาด สดตาบลหนองตม อาเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ตลาดประชารัฐ หน่วยงานราชการภายในจังหวัด และ จังหวดั ใกล้เคียง กิ จ ก ร ร ม คื อ ก า ร พ า ตั ว แ ท น ชุ ม ช น แ ล ะ คณะกรรมการบริหารหมู่บ้านไปศึกษาดูงานที่โรงสีข้าว บ้านเวฬุวัน อาเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อศึกษาการบริการจัดการโรงสีข้าวชุมชนอย่างไรให้ ประสบความสาเร็จ วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 29 ปที ี่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

ส่วนร่วมจากการตัดสินใจของคนในชุมชน จึงจัดการทา คณะกรรมการบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชนตาบล ประชาคมข้ึน เพ่ือให้ได้ผลการตัดสินใจในการจัดตั้ง หนองแขม พร้อมท้ังกาหนดหน้าที่ของคณะกรรมการ โรงสีข้าวชุมชน โดยมีผู้ใหญ่พยอม เนียมเหล่ี ยม แต่ละฝ่าย เพื่อให้การบรหิ ารจัดการอย่างเป็นระบบ มอบทด่ี นิ ขนาด 1 ไร่ 2 งาน ใหเ้ พอื่ จัดตัง้ โรงสขี า้ วชมุ ชน การบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชนตาบลหนองแขม ซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซ่ึงหากมีการสีข้าวจะไม่ส่งผลกระทบ กาหนดบคุ คลรับผิดชอบงานของแผนกงาน ด้านมลพิษแก่ชุมชน โดยงบประมาณท่ีดาเนินการจัดตั้ง โรงสีข้าวชุมชนใช้งบประมาณโครงการ SML พร้อมท้ัง ผู้จัดการโรงสีข้าวควรเชิญสมาชิกภายในกลุ่ม จัดต้ังคณะกรรมการบริหารจัดการโรงสีข้าวเพื่อเตรียม รับทราบโครงสร้างการแบ่งงานภายในโรงสีข้าวชุมชน จัดต้ังโรงสีข้าวชุมชน โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของ “คลองตาล”ดงั ภาพที่ 4 และแบ่งงานตามความสามารถ ชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และพัฒนา และความถนัดของสมาชิกแต่ละคน (สืบค้นออนไลน์ : กระบวนการชุมชนเข้มแข็งให้เกิดพลังด้วยการ ร่วมคิด 2561) รว่ มทา แกไ้ ขปัญหาของชมุ ชน กรอบแนวคดิ ประธานกรรมการ ชุมชนบ้านคลองตาลหมู่ท่ี 8 ตาบลหนองแขม ฝา่ ยบริหาร ฝา่ ยการเงิน ฝ่ายบริการ อาเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก มีความพร้อมทั้ง และบารุงรักษา ด้านทรัพยากรและงบประมาณในการจัดต้ังโรงสีข้าว ชุมชน ประกอบไปด้วยบุคลากรภายในชุมชนท่ีมี ภาพที่ 4 โครงสร้างการบรหิ ารจดั การโรงสขี ้าวชมุ ชน ศกั ยภาพในการบริหารจัด งบประมาณของชุมชนในการ ตาบลหนองแขม จัดซ้ือโรงสีข้าวชุมชน องค์ความรู้ของชุมชน ผลผลิต ข้าวเปลือกสาหรับการแปรรูปข้าวและที่สาคัญคือชุมชน คณะกรรมการบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชนมีการ มีความมุ่งมั่นและร่วมแรงร่วมใจในการจัดต้ังโรงสีข้าว ระดมทุน มีสมาชิกทั้งหมด 107 ราย และกลุ่มที่ร่วมหุน้ ชุมชน ซ่ึงเป็นปัจจัยที่จะส่งเสริมให้เกิดความย่ังยืนของ จานวน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการผลิตบ้าน โรงสีข้าวชุมชน และเป็นไปตามแนวคิดท่ีว่า องค์กร คลองตาล จานวน 500 หุน้ ศูนย์สาธิตการตลาด จานวน แสดงให้เห็นจากกลุ่มบุคคลท่ีมาร่วมกันทางานด้วย 500 หุ้น มีจานวนหุ้น 2,061 หุ้น หุ้นๆละ 100 บาท โครงสร้างและการประสานงานเป็นหลักการชัดเจนแน่ รวมหุ้นทั้งหมด 206,100 บาท เป็นทุนในการบริหาร ชัด โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้บรรลุผลสาเร็จตามท่ี จัดการโรงสขี ้าว โรงสีขา้ วชุมชนตาบลหนองแขม กาหนดเป้าหมายไว้ (Ricky W. Griffin, 1999) โดยใช้ ทรัพยากรจากสภาพแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วย คน เงิน การวางแผนการตลาด วัตถุดิบ เครื่องจักร วิธีการ และการบริหาร หรือที่นิยม คณะกรรมการมีการวางแผนการตลาดขา้ วสาร ดงั น้ี เรียกกนั ว่า 6M’s 1) ลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ครัวเรือนภายใน ผลการดาเนนิ งาน หมู่บา้ นคลองตาล และตาบลหนองแขม ลูกค้าเป้าหมาย ผลการดาเนินงานการบริหารจัดการโรงสีข้าว รอง ไดแ้ ก่ ร้านจาหน่ายขา้ วสาร ชุมชนตาบลหนองแขม แบบมีส่วนร่วมของชุมชน ท่ีพรอ้ มสกู่ ารพัฒนาคุณภาพชีวิตใหเ้ ขม้ เข็งข้นึ 2) กลุ่มลูกค้า กลุ่มผู้เลี้ยงไก่พื้นเมือง เล้ียงสุกร ชุมชนใกล้เคยี ง พอ่ คา้ มารบั ซ้ือผลพลอยไดจ้ ากการสขี า้ ว การจัดตั้งโรงสีข้าวชุมชนตาบลหนองแขม ขนาด อัตรากาลังการผลิต 4,000 กิโลกรัมต่อวัน มีการจัดตั้ง 30RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

3) ชอ่ งการตลาด ชุมชน จ.พิษณุโลก : 2560) ราคาจาหน่ายข้าวสาร - จาหน่ายให้กับผูช้ อ้ื ข้าวบริโภคภายในชุมชน ถังละ 450 บาท กโิ ลกรัมละ 30 บาท - จาหน่ายให้กับผู้คา้ ข้าวสารตลาดทั่วไป ผลพลอยได้จากการสีข้าว - จาหน่ายตลาดประชารัฐภายใต้การกากบั ของ ขา้ วท่อน 100 กิโลกรัม ขายกโิ ลกรัมละ 20 บาท หน่วยงานพฒั นาชุมชน ปลายขา้ ว 50 กโิ ลกรัม ขายกิโลกรัมละ 10 บาท การกาหนดราคาจาหน่ายข้าวสารและผลพลอยได้ ราอ่อน 50 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 2 บาท แกลบ 250 กิโลกรัม ขายกระสอบละ 3 บาท จากการสีข้าว (ราคาผลพลอยได้จากการสีข้าวโรงสีข้าว ตารางท่ี 1 แสดงรายได้และรายจา่ ยของโรงสขี า้ วชมุ ชนตาบลหนองแขม คงเหลอื เดือน รายได้ รายจา่ ย (บาท) (ปี พ.ศ.2559) (บาท) (บาท) 8,133 มกราคม 8,442 309 9,059 กมุ ภาพนั ธ์ 11,255 2,196 20,936.26 มนี าคม 22,560 1,623.74 23,945.16 เมษายน 25,650 1,704.84 21,491.74 พฤษภาคม 24,345 2,853.26 23,010.75 มิถนุ ายน 25,780 2,769.25 24,047.69 กรกฎาคม 26,800 2,752.31 24,845.68 สิงหาคม 27,900 3,054.32 26,040.46 กนั ยายน 29,430 3,389.54 26,805.79 ตุลาคม 30,560 3,754.21 29,476.44 พฤศจกิ ายน 32,800 3,323.56 26,926.16 ธนั วาคม 30,800 3,873.84 264,745.13 รวมทงั้ ส้นิ 296,322 31,576.87 จากตารางท่ี 1 แสดงรายได้และค่าใช้จ่าย ส า ม า ร ถ ร ว ม ตั ว กั น แ ล ะ ก่ อ ตั้ ง ก ลุ่ ม วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น ในการบริหารจัดการโรงสีข้าวชุมชนตาบลหนองแขม ศูนย์ผลิตแปรรูปข้าวปลอดสารพิษบ้านคลองตาล ระยะเวลา 12 เดือน โดยเร่ิมตั้งแต่ เดือนมกราคม – หมู่ที่ 8 ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและ ธันวาคม 2559 ซ่ึงแสดงให้เห็นรายได้ทั้งหมด จานวน ครอบครัวโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง นั้นแสดงถึง 296,322 บาท และรายจ่ายจานวน 31,576.87 บาท การยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนด้านเศรษฐกิจและ โ ด ย ร า ย จ่ า ย ท่ี ก า ห น ด ไ ว้ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ค่ า แ ร ง สี ข้ า ว ด้านสุขภาพ ส่งผลให้ชีวิตชุมชนดีขึ้นสามารถเพ่ิมรายได้ 300 บาท/วัน ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 1,531.41 บาท/เดือน และลดรายจ่ายให้กับครวั เรอื นได้ ค่าซ่อมบารุงเฉลี่ย 800 บาท/เดือน และแสดงยอดเงิน สรุปผลการศึกษา คงเหลือหลังหักค่าใช้จ่าย จานวน 264,745.13 บาท (ข้อมลู : สมุดบันทึกข้อมลู โรงสีข้าวชมุ ชน) ปัจจัยท่ีนาไปสู่ความสาเร็จของการดาเนินกิจการ โรงสีข้าวระดับชุมชนตาบลหนองแขมสามารถบริหาร ผลการดาเนินกิจการโรงสีข้าวชุมชน ตาบล จัดการได้อย่างเข้มแข็ง ได้แก่ 1) การมีส่วนร่วมภายใน หนองแขมมีผลกาไรสุทธิ จานวน 58,645.13 บาท ชุมชน การร่วมกันคิด ร่วมกันทา ร่วมกันวางแผน การจัดสรรกาไรสุทธิประจาปี การมีส่วนร่วมในชุมชน วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 31 ปที ่ี 2 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

เพ่ือนาไปสู่ความสาเร็จ 2) การพึ่งพาตนเองโดยใช้ การบริหารจัดการเป็นระยะเวลา 2 ปี มีผลการ ทรัพยากรบุคคลในชุมชน ให้เกิดประโยชน์ตาม ดาเนินงานท่ีสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในพ้ืนที่ ความสามารถ ส่งผลต่อการดาเนินงานสู่ความสาเร็จ ท้ังทางตรงและทางอ้อมเป็นอย่างดี ได้แก่ สร้างรายได้ 3) ชุมชนต้องมีการเรียนรู้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วย เพ่ิมให้แก่เกษตรกรในพื้นท่ีและการสร้างองค์ความรู้ ตัวเอง เพ่ือใหช้ ุมชนเกิดความเขม้ แข็ง ด้านการบริหารจัดการ การดาเนินธุรกิจโรงสีข้าวชุมชน อภปิ รายผล ตาบลหนองแขมให้แก่คนในชุมชน โดยคนในชุมชนได้มี โอกาสเข้ามาร่วมมือกัน ช่วยกันบริหารจัดการองค์การ โรงสีข้าวชุมชนตาบลหนองแขม มีการรับซ้ือ และการจัดการนี้ก่อให้เกิด “องค์ความรู้ใหม่” ข้าวเปลือกภายในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง เพื่อนามา ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร โ ร ง สี ข้ า ว ร ะ ดั บ ชุ ม ช น อ ย่ า ง ย่ั ง ยื น แปรรูปสีเป็นข้าวสาร จาหน่ายให้แก่บุคคลท่ัวไป เช่น มีการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทางาน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตลอดจนบริการสีข้าวให้แก่ บริหารจัดการโรงสีข้าว การส่งเสริมพัฒนาอาชีพ สมาชิกและชุมชน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเข้ามา กา รถ่า ยทอดเทคโน โลยีด้า น กา รเพ่ิมผลผลิต ข้ า ว แ ก่ บริหารจัดการจานวน 20 คน ตามโครงสร้างการบริหาร ชุมชนใกล้เคียง และการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ จัดการโรงสีข้าวชุมชนมีการแต่งตั้งประธานกรรมการ ผลพลอยได้จากโรงสีเป็นสินค้าที่สามารถเพิ่มมูลค่า มีหน้าที่บริหารงานกลุ่มฯ ให้มีประสิทธิภาพและ ได้อกี ด้วย ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ก า ร ด า เ นิ น ง า น บรรณานกุ รม ประสานงาน รวมท้ังช้ีแจงและทาความเข้าใจกบั สมาชกิ คุลยา ศรีโยม. 2560. การจัดตั้งโรงสีขา้ วชมุ ชนตาบลทงุ่ ถงึ แผนการทางาน ผลงานและความรว่ มมือตา่ ง ๆ ใหญ่. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภฏั ภูเก็ต. ฝ่ายบริหาร มีหน้าที่ 1) บริหารงานท่วั ไป โดยเนน้ รายงานฉบับสมบูรณ์. 2559. การจัดต้ังโรงสีข้าวชุมชน. การบริหารจัดการเวลาการทางานของเคร่ืองจักร จัดลาดับการให้บริการ จัดระบบการผลิตและบริหาร โ ค ร ง ก า ร ย ก ร ะ ดั บ คุ ณ ภ า พ ชี วิ ต ข อ ง ห มู่ บ้ า น รายได้ให้เกิดประโยชน์ 2) รวบรวมข้อมูลและสรุปผล ชุมชนบ้านคลองตาล หมู่ท่ี 8 ตาบลหนองแขม การทางานจากคณะกรรมการกลุ่มฯ ทุก ๆ ฝ่าย อาเภอพรหมพริ าม จังหวัดพษิ ณุโลก 3) รวบรวม บันทึกข้อมูล และจัดทาบันทึกผลการ ร า ค า ผ ล พ ล อ ย ไ ด้ จ า ก ก า ร สี ข้ า ว โ ร ง สี ข้ า ว ชุ ม ช น ประชุมคณะกรรมการท่ีเกี่ยวข้องและมีผลต่อการใช้ จ.พษิ ณโุ ลก : 2560 เคร่ืองจักรกลการเกษตร โรงสีข้าวชุมชนและระบบการบริหารจัดการ, 2561. [ออนไลน์] ได้จากhttp://www.atsc.doae. ฝ่ายการเงิน มีหน้าท่ี 1) วางแผน ควบคุมดูแล go. th/ ศู น ย์ บ ริ ก า ร แ ล ะ ถ่ า ย ท อ ด เ ท ค โ น โ ล ยี ตรวจสอบเงินรายได้และค่าใช้จ่ายในการบริหารโรงสี การเกษตรประจาตาบล : ศบกต. ข้าวชุมชนตาบลหนองแขม เช่น ค่าบารุงรักษาและ ผลการดาเนนิ งานคณะกรรมการบริหารจดั การโรงสขี ้าว ซ่อมแซมเครื่องจักรฯ เป็นต้น 2) จัดทาบัญชี รายรับ- ชมุ ชนตาบลหนองแขม. 2559-2560. สมดุ บนั ทกึ รายจ่าย อย่างชัดเจนและถูกต้องสมบูรณ์ 3) จัดสรร ขอ้ มูลโรงสีข้าวชุมชน. ร า ย ไ ด้ จ า ก ก า ร ด า เ นิ น ง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ต า ม แ น ว ยุพาพร รูปงาม. (2545). การมีสวนร่วมของขาราชการ ทางการบริหารรายได้ สานักงบประมาณในการปฏิรูประบบราชการ. วิทยานิพนธศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการ ฝ่ายบรกิ ารและบารงุ รกั ษามีหน้าที่ 1) ควบคุมดูแล บ ริ ห า ร ก า ร พั ฒ น า สั ง ค ม ,ค ณ ะ พั ฒ น า สั ง ค ม , การใช้งาน การซ่อมแซมและบารุงรักษาเคร่ืองจักรฯ สถาบันบัณฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร. ของโครงการให้เป็นไปตามข้อกาหนดด้านเทคนิคพร้อม Ricky W. Griffin. ( 1999) . Management. 6th ed. ท่ีจะใช้งานตลอดเวลา มีความปลอดภัยและมีจานวน Boston: Houghton Griffin. ครบถ้วน 2) จัดทาบัญชีพัสดุ-ครุภัณฑ์ 3) จัดทาบันทึก การใช้งานและปญั หาของการใช้งานเครอ่ื งจกั รฯ 32VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

การสกดั นา้ มันหอมระเหยจากตะไครห้ อมด้วยเทคนคิ เคลเวนเจอร์และระบบคูลลิ่งคอนเดนเซอร์ เพื่อยกระดับผลิตภณั ฑช์ ุมชน ต้าบลขว่ งเปา อ้าเภอจอมทอง จงั หวดั เชียงใหม่ Citronella essential oil extraction using clevenger and cooling condenser techniques for improving the quality of community products in Khuangpao subdistrict, Chom Thong district, Chiang Mai province กิตตชิ ัย จินะไชย* สาวติ รี กาทองทุ่ง Kittichai Jinachai* Sawitree Kathongthung คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา จังหวดั เชียงใหม่ Faculty of Science and Agricultural Technology Rajamangala University of Technology Lanna Chiang Mai *E-mail: [email protected] เบอร์โทรศพั ท์ 053-921444 เบอร์โทรสาร 053-213183 บทคัดย่อ ปจั จบุ ันการใช้สารสกัดสมุนไพรไดร้ บั ความสนใจจากทั่วโลก เน่อื งจากสามารถเตรยี มจากทรัพยากรธรรมชาติ ทส่ี ร้างเสริมได้และเปน็ มติ รกับส่ิงแวดล้อม ประเทศไทยจึงไดม้ แี ผนพฒั นาและผลักดันใหส้ มุนไพรไทยเป็นพืชเศรษฐกจิ ตวั ใหม่ เพือ่ เพ่มิ โอกาสและทางเลือกให้กบั ประชาชนมากข้นึ ดังนั้นคณะผู้วจิ ัยจึงมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือให้ความรู้เร่ืองการ สกัดน้ามันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรด้วยเทคนิคตา่ ง ๆ ในเขตพ้ืนท่ีต้าบลข่วงเปา อ้าเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยการยกตวั อย่างเทคนคิ การสกัดนา้ มันหอมระเหยจากตะไคร้หอมดว้ ยชุดกลั่นเคลเวนเจอร์และชุดกลนั่ ระบบคลู ล่งิ คอนเดนเซอร์ พบว่า ได้ร้อยละผลผลิตมีค่า 0.38 และ 0.54 ตามล้าดับ จากนั้นน้าน้ามันตะไคร้หอมท่ีสกัดได้ไปผลิต สเปรยไ์ ลย่ งุ แลว้ ทดสอบประสทิ ธิภาพการไล่ยุงพบว่า มรี ะยะเวลาในการป้องกนั ยุงกดั นาน 3-5 ชั่วโมง ซ่ึงใกล้เคียงกับ ผลติ ภณั ฑป์ ระเภทเดียวกันทขี่ ายตามทอ้ งตลาด และผู้เขา้ รับการอบรม 34 คน มคี วามพึงพอใจต่อโครงการระดบั มาก ค้าสา้ คญั การสกัดสมุนไพร น้ามนั หอมระเหย ตะไคร้หอม สเปรยไ์ ล่ยุง Abstract Nowadays, the use of herbal extraction has drawn worldwide attention because it was produced from renewable natural resources and safe to environment. Thailand plans to develop and promote Thai herbs as a new economic crop to increase opportunities and alternative choices for the Thai people. Therefore, this research aims to provide the knowledge about extraction techniques of essential oils from medicinal plants in Khuangpao subdistrict, Chom Thong district, Chiang Mai province. The extraction of essential oil form Citronella grass using clevenger and cooling condenser techniques was studied. From the results, it was found that the %yields of the extract obtained from clevenger and cooling condenser techniques were 0.38 and 0.54, respectively. The obtained essential oils were utilized to produce mosquito repellant spray. We found that our prepared mosquito repellant spray showed the protection time about 3-5 hours similar to the commercial mosquito repellant spray and 34 trainees highly satisfied in this project. Keywords herbal extraction plant, essential oil, citronella grass, mosquito repellent วารสารวิชาการรับใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 33 ปีที่ 2 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

บทน้า เปน็ ผลติ ภณั ฑ์สเปรย์ไลย่ งุ กลนิ่ ตะไคร้หอม เพ่ือสรา้ งองค์ ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีความ ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจได้น้าไปสร้าง รายไดพ้ ัฒนาคุณภาพชีวติ อย่างยัง่ ยนื ต่อไป หลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) มีวัตถุดิบ พืช สมุนไพรมากมายประมาณ 11,625 ชนิด ซึ่งมีเพียง วิธกี ารดา้ เนนิ งาน 1,800 ชนิดเท่าน้ัน ที่มีการน้ามาใช้ประโยชน์ใน ทีมวิทยากร คณาจารย์กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรแปรรูป สมุนไพรแปรรูป (สารสกัดสมุนไพร เคร่ืองส้าอาง ผลิตภัณฑ์สปา ฯลฯ) ค ณ ะ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร เก ษ ต ร (ลกั ษณะเลิศ เปรมปรีด,์ิ 2560) เมือ่ พิจารณาการสง่ ออก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ สมุนไพรช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2561 พบว่ามีมูลค่าไม่สูง ไดด้ ้าเนนิ การถ่ายทอดความรู้แบบมสี ่วนรว่ ม เพ่ือพฒั นา มากนัก (ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ศักยภาพก่อให้เกิดความเข้าใจในด้านการแปรรูป 2561) เน่ืองจากผลิตกันในครัวเรือนมากกว่าผลิตเพ่ือ สมุนไพรเร่ืองการสกัดสมุนไพรด้วยเทคนิคต่าง ๆ เพื่อ การค้า เกษตรกรไทยขาดองค์ความรู้ด้านการวิจัยและ ย ก ร ะ ดั บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ชุ ม ช น แ ก่ ช ม ร ม ผู้ สู ง อ า ยุ ท่ี ร่ ว ม เ ท ค โ น โ ล ยี ใ น ก า ร ผ ลิ ต สิ น ค้ า ใ ห้ ไ ด้ ม า ต ร ฐ า น แ ล ะ มี โครงการ จ้านวน 34 คน ผ่านการประสานงานของ คุณภาพ ขณะเดียวกันสินค้าท่ีมีแนวโน้มและเป็นท่ี หน่วยงานองค์การบริหารส่วนต้าบลข่วงเปา อ.จอมทอง ต้องการของตลาดโลกคือ สารสกัดสมุนไพร (Global จ.เชียงใหม่ ท่ีช่วยประชาสัมพันธ์แก่ชาวบ้านผู้สนใจ Herbal Medicine Market by Segment, 2014) อีกท้ังพร้อมน้าผลลัพธ์ของการด้าเนินโครงการคร้ังน้ีเข้า ด้วยเหตุน้ีรัฐบาลไทยจึงมีแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการ เ ส ริ ม ใ น แ ผ น ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ก า ร พั ฒ น า ด้ า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับท่ี 1 พ.ศ.2560 - 2564 ของชุมชนในเขตพื้นท่ีดังกล่าวต่อไป โดยมีรายละเอียด เพ่ือผลักดันให้สมุนไพรเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสร้างความ ข้ันตอนการด้าเนนิ การดังนี้ มั่งคั่งและม่ันคงให้กับประเทศ (ข้อมูลทางบรรณานุกรม ขั้นตอนที่ 1 อบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) โดยการ หอสมุดแห่งชาต,ิ 2560) ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการนา้ สมุนไพรมาใช้ประโยชน์ ในรูปแบบของน้ามันหอมระเหย และการสกัดสมุนไพร จากยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองสมุนไพร ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ดังต่อไปน้ี (ประเทืองศรี สินชัยศรี, (Herbal city) (วัฒนศักดิ์ ศรรุ่ง และคณะ, 2560) 2545) ตามแผนแม่บทแห่งชาติ ได้มีโครงการเพ่ือพัฒนา 1. การกลั่น (Distillation) ศักยภาพของประชาชนด้านสมุนไพรเกิดขึ้นในหลาย พ้ืนท่ี (วิวัฒน์ ศรีวิชา, 2553; พรหมมินทร์ สายนาค้า, - การกลั่นด้วยนา้ (Water distillation) 2554; จฬุ าวลี มณีเลิศ, 2559; ภคพร สาทลาลัย, 2560; - การกลั่นด้วยน้าและไอน้า (Water and Steam สามารถ ใจเต้ีย และพัชรี วงศ์ฟั่น, 2560) ประกอบกับ ชมรมผู้สูงอายุเขตพื้นที่ต้าบลข่วงเปา อ้าเภอจอมทอง distillation) จั ง หวั ด เชี ย ง ใ หม่ มี กิ จ ก ร ร ม ก า ร ท้ า ผ ลิ ตภัณฑ์ - การกลน่ั ดว้ ยไอนา้ (Steam distillation) จากสมุนไพร เช่น สบู่ แชมพู เพ่ือหารายได้เสริมและ 2. การสกดั ด้วยตัวท้าละลาย (Solvent extraction) พัฒนาศักยภาพการใช้ชีวิต จึงมีความประสงค์เรียนรู้ 3. การบีบหรือบีบเยน็ (Expression/Cold expression) เทคนิคการสกัดสมุนไพรเพ่ือน้าไปใช้ส้าหรับผลิตภัณฑ์ 4. การสกดั โดยใชไ้ ขมนั (Enfleurage) ท่ที า้ อยู่ คณะผู้วิจัยจงึ ได้นา้ ไปด้าเนนิ การเพ่ือใหบ้ รรลผุ ล 5. การสกดั โดยใช้คารบ์ อนไดออกไซด์ (Super-critical ส้าเร็จ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้เบ้ืองต้น carbon dioxide extraction) เกี่ยวกับการสกัดสมุนไพรด้วยเทคนิคต่าง ๆ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะมีส่วนร่วมในอภิปรายแลกเปลี่ยน ยังสามารถน้าน้ามันหอมระเหยที่ได้ไปพัฒนาต่อยอด ความคดิ เห็นอันกอ่ ใหเ้ กิดความรรู้ ่วมกัน ดังภาพที่ 1 34VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

ภาพท่ี 1 บรรยายความร้ทู ่วั ไปเกยี่ วกบั สมนุ ไพรและ ภาพที่ 3 ปฏบิ ัติการกลนั่ น้ามันหอมระเหยด้วยระบบ การสกัดน้ามนั หอมระเหยดว้ ยเทคนคิ ตา่ งๆ คูลลิง่ คอนเดนเซอร์ (Cooling condenser) ข้ันตอนท่ี 2 ตะไคร้หอมเป็นพืชตัวอย่างทถ่ี ูกน้ามาศึกษา ข้ันตอนที่ 3 เตรียมสเปรย์ไล่ยุงกลิ่นตะไคร้หอม (จิรพัฒน์ เ นื่ อ ง จ า ก เ ป็ น ส มุ น ไ พ ร พ้ื น บ้ า น มี ส ร ร พ คุ ณ ท า ง ย า พงษ์ เสนาบุตร, 2560)โดยผสมเอทิลแอลกอฮอล์กับ รักษาโรค ไล่แมลง และแปรรูปได้หลากหลาย (ศูนย์ น้าต้มตะไครห้ อม ในสดั สว่ น 1 ตอ่ 4 โดยปริมาตร ลงใน การศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเน่ืองมาจาก บีกเกอร์ขนาด 100 mL หยดน้ามันหอมระเหยที่ได้จาก พระราชด้าริ, 2556) นอกจากนี้ชาวบ้านในเขตพื้นที่ การสกัด 5-10 mL แล้วบรรจุขวด ดังภาพท่ี 4 พร้อม ต้าบลข่วงเปาซ่ึงมีอาชีพหลักท่ีถูกส่งเสริมในยุทธศาสตร์ สาธิตและปฏิบัติการด้วยตนเอง ดังภาพที่ 5 และ 6 การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ(องค์การบริหารส่วนต้าบล ตามล้าดบั ข่วงเปา, 2561) นั่นคือ อาชีพเกษตรกรรมและอาชีพ ปลูกพืชผักสวนครัว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถจัดหาพืช สมุนไพรดังกล่าวได้ง่าย เริ่มจากการน้าตะไคร้หอม ล้างน้าให้สะอาด น้าไปตากแดดให้แห้งแล้วหั่นเป็นช้ิน เล็ก ๆ จากนั้นติดตั้งชุดกล่ันเพ่ือสกัดน้ามันหอมระเหย โดยใช้เทคนิคการกล่ันด้วยน้า ต้มเป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมง ดว้ ยชดุ กล่นั เคลเวนเจอร์ (Clevenger) และชดุ กลั่นระบบคูลล่ิงคอนเดนเซอร์ (Cooling condenser) แสดงดงั ภาพท่ี 2 และ 3 ตามลา้ ดับ ภาพท่ี 4 การเตรยี มสเปรย์ไล่ยุงกล่ินตะไคร้หอม ภาพที่ 2 ปฏิบตั ิการกลั่นนา้ มันหอมระเหยด้วย ชดุ กล่นั เคลเวนเจอร์ (Clevenger) วารสารวชิ าการรบั ใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 35 ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

ภาพท่ี 5 สาธิตการเตรียมผลติ ภัณฑ์สเปรย์ไลย่ งุ ข้ันตอนท่ี 4 ติดตามและประเมินผลโดยการวางแผน กล่นิ ตะไคร้หอม ร่วมมือประสานงานกับ อบต.ข่วงเปา ในด้านการใช้ ประโยชน์จรงิ และรายได้ที่เพิม่ ขึน้ หลงั เขา้ รับการอบรม ภาพที่ 6 ปฏิบตั ิการเตรยี มผลติ ภณั ฑ์สเปรยไ์ ลย่ ุง ผลการดา้ เนนิ งาน กล่นิ ตะไครห้ อมด้วยตนเอง คณะผู้วิจัย ได้สาธิตพร้อมลงมือปฏิบัติการ ร่วมกับผู้เข้ารับการอบรมโดยแยกผลการด้าเนินงาน แบ่งเป็น 3 ส่วน ดงั นี้ 1. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการสกัดน้ามัน หอมระเหยด้วยชุดกล่ันเคลเวนเจอร์กับชุดกล่ันระบบ คลู ลิง่ คอนเดนเซอร์ สามารถแสดงผลไดด้ ังตารางที่ 1 2. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสเปรย์ไล่ยุงกลิ่น ต ะ ไ ค ร้ ห อ ม ท่ี เ ต รี ย ม ไ ด้ กั บ ส เ ป ร ย์ ไ ล่ ยุ ง ท่ี ข า ย ต า ม ทอ้ งตลาด สามารถแสดงผลไดด้ ังตารางที่ 2 3. สภาพชุมชนก่อนและหลงั การเปลย่ี นแปลง คณะผู้วิจัย ได้ท้าการทบทวนถึงสภาพของ ชุมชนก่อนการพัฒนา และคาดการณ์ถึงผลการ เปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ข้ึน สามารถแสดงผลได้ดังตารางที่ 3 ตารางท่ี 1 เปรยี บเทยี บประสิทธภิ าพของการสกดั น้ามนั หอมระเหยจากตะไครห้ อมดว้ ยชดุ กลน่ั เคลเวนเจอร์กับ ชุดกลน่ั ระบบคลู ล่ิงคอนเดนเซอร์ นา้ หนักตะไคร้หอม ปรมิ าณนา้ มนั ชนิดของชุดกลน่ั ทใ่ี ช้ในการสกดั ระยะเวลาการกลั่น หอมระเหย ร้อยละผลผลิต (กิโลกรัม) (ชว่ั โมง) (มิลลลิ ิตร) (กรัม) (%yield) ชดุ กลนั่ เคลเวนเจอร์ 0.20 4 0.85 0.75 0.38 ชุดกลนั่ ระบบคลู ล่ิง คอนเดนเซอร์ 5.00 4 30.0 27.00 0.54 ตารางท่ี 2 ประสทิ ธิภาพการไล่ยุงของสเปรย์ไลย่ ุงกล่นิ ตะไครห้ อม ระยะเวลาเฉลีย่ การปอ้ งกนั ยุงกัด ชนดิ ของสเปรย์ไลย่ งุ (ชัว่ โมง) 3–5 1. สเปรยไ์ ล่ยงุ กลนิ่ ตะไคร้หอมทีเ่ ตรียมได้ 3–7 2. สเปรย์ไลย่ ุงกลนิ่ ตะไคร้หอมท่ีขายตามท้องตลาด (อภยั ภเู บศร / เพียวกรนี / มอร์เพียว / ซอฟเฟล / ชิลด์ท้อกซ์) 36VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

ตารางที่ 3 สภาพชมุ ชนกอ่ นและหลงั การเปลีย่ นแปลง สภาพชมุ ชนก่อนการเปล่ยี นแปลง สภาพชมุ ชนหลังการเปล่ียนแปลง 1. ประโยชน์จากสมุนไพร 1. ประโยชน์จากสมนุ ไพร - ปลูกหอมแดง กระเทียม พริก ตะไคร้ ถ่ัวเหลือง และ - พัฒนารูปแบบการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรเพ่ือการ ข้าวโพดเลยี้ งสตั วเ์ พอ่ื คา้ ขายในรูปแบบของวัตถุดบิ โดย บริโภคภายในครัวเรือนสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อการค้า ยังไมไ่ ด้ผา่ นการแปรรูป ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของพืชเศรษฐกิจชุมชน สร้างงาน - ปลูกพชื ผักสวนครัว เพอื่ บริโภคภายในครัวเรอื น และรายไดเ้ สรมิ ให้กับสมาชกิ ในชุมชนมากขึน้ 2. วิธกี ารแปรรปู 2. วธิ ีการแปรรูป - - การสกัดแบบด้ังเดิม โดยการต้มน้ารวมกับสมุนไพร - ประชาชนได้รับความรู้ในเรื่องการสกัดด้วยเทคนิค โดยตรง แล้วกรองแยกกากท้าให้ได้เพียงน้าต้ม ใหม่ท่ีมีประสิทธิภาพ สามารถให้น้ามันหอมระเหยได้ สมนุ ไพร ไมส่ ามารถแยกส่วนของน้ามันออกมาได้ มากกว่าเดิม ซงึ่ เพม่ิ มลู ค่าผลิตภณั ฑ์สมนุ ไพร 3. ผลติ ภัณฑจ์ ากสมนุ ไพร 3. ผลติ ภณั ฑจ์ ากสมนุ ไพร - น้าน้าต้มสมุนไพรมาท้า สบู่ แชมพู เพ่ือสร้างรายได้ - ได้นา้ มนั หอมระเหยที่บรสิ ุทธมิ์ มี าตรฐานมากข้นึ เสริม - ได้ผลติ ภณั ฑท์ างเลอื กใหมแ่ ก่ชมุ ชนคือ สเปรยไ์ ล่ยงุ การน้าไปใช้ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี การสกัดสมุนไพรด้วยเทคนิคต่าง ๆ เพื่อ สารเคมีสังเคราะห์เพ่ือป้องกันยุงในขนาดและปริมาณที่ ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง อาจท้าให้ยุงเกิดการสร้าง ยกระดบั ผลิตภณั ฑ์ชุมชน ต้าบลขว่ งเปา อา้ เภอจอมทอง ความต้านทานต่อสารเคมีน้ันในภายหลัง และเกิดการ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโครงการถ่ายทอดผลงานวิจัย ปนเปื้อนของสารเคมีในสง่ิ แวดล้อมได้ (Katz TM et al, ด้ า น วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ซ่ึ ง ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ 2008) ดังนั้นจึงมีการศึกษาเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่ นโยบายของประเทศท่ีต้องการผลักดันให้สมุนไพรเป็น น้ามาใช้ท้าผลิตภัณฑ์ไล่ยุงมากขึ้น การท้าสเปรย์ไล่ยุง พืชเศรษฐกิจ โดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กล่ินตะไคร้หอมที่ ผู้เข้ารับการอบรมได้ลองฝึกปฏบิ ตั ิจงึ ล้ า น น า จั ด ท้ า โ ค ร ง ก า ร อ บ ร ม เ ชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร ใ ห้ แ ก่ เป็นทางเลือกหนึ่งท่ีสามารถนา้ มาใช้เป็นผลิตภัณฑไ์ ล่ยงุ ผู้ประกอบการและประชาชนผู้ที่สนใจในพ้ืนที่ดังกล่าว ได้ เน่ืองจากขั้นตอนการท้าไม่ยุ่งยากซับซ้อน ท้าได้ง่าย ได้รับความรู้และเทคนิคการสกัดสมุนไพรที่ถูกต้อง ด้วยตนเอง สะดวกในการพกพา และมีประสิทธิภาพใน เพื่อพัฒนายกระดับศักยภาพด้านการผลิตแปรรูป การไล่ยุงใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ไล่ ยุงท่ีขายตาม สมนุ ไพรให้มมี าตรฐานและคณุ ภาพ สามารถน้าหลกั การ ท้องตลาด นอกจากน้ีถ้าพัฒนาออกแบบรูปลักษณ์ของ ที่ได้รับการอบรมไปประยุกต์ใช้ในการสร้างเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ให้สวยงามเป็นท่ีนิยมก็จะสามารถน้าไปใช้ และอุปกรณ์ท่ีช่วยในการสกัดสมุนไพรที่เหมาะสมกับ ประโยชน์เชิงพาณิชย์สร้างรายได้ให้กับตนเองได้อีกทาง บริบทของชุมชนได้ กล่าวคือ จากหลักการของการสกัด หนง่ึ ดว้ ย น้ามันหอมระเหยโดยใช้ เทคนิคการกลั่นด้วยน้า ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ส้าคัญ 2 ส่วน คือ หม้อกล่ัน ก า ร ส ร้ า ง เ ค รื อ ข่ า ย ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ร ะ ห ว่ า ง และเครื่องควบแนน่ ทางชุมชนสามารถประยกุ ตน์ า้ วัสดุ สถานศึกษา หน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนในครั้งน้ี อุปกรณ์ที่มีอยู่ในชุมชนทดแทนเคร่ืองแก้วที่มีราคาแพง ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงในการช่วยกันพัฒนาระบบ สร้างเป็นชุดกลั่นได้ เช่น การประยุกต์ใช้หม้อก๋วยเต๋ียว เศรษฐกิจท่ีขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation- สร้างเป็นหม้อกล่ัน การประยุกต์ใช้ท่อประปาเป็น driven economy) ซึ่งเป็น 1 ในวิธีการสร้างมูลค่าเพ่ิม เครือ่ งควบแน่น เป็นตน้ ให้แก่ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร สามารถแก้ไขปัญหาเพื่อ วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 37 ปที ่ี 2 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางอันเป็น น้ามันหอมระเหยปริมาตร 30.0 mL หรือ หนัก 27.00 g ผลลพั ธ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป (0.54 %yield) ท้ังนี้ถ้าต้องการเพิ่มผลผลิตน้ามันหอม อภปิ รายผล ระเหยก็สามารถทา้ ได้โดยการเพิ่มปรมิ าณใบตะไคร้หอม ท่ีใช้สกัด ระยะเวลาในการต้ม และการออกแบบพัฒนา การสกัดน้ามันหอมระเหยจากใบตะไคร้หอมท่ี เพ่มิ ความจุของชดุ กลนั่ นัน่ เอง ใช้ถ่ายทอดในการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารคร้ังน้ี ใชเ้ ทคนิคการ กลั่นด้วยน้า(Water distillation / Hydrodistillation) ภาพท่ี 8 การกล่นั นา้ มันหอมระเหยดว้ ยระบบคูลล่ิง (ประเทืองศรี สินชัยศรี, 2545) หลักการคือ ใช้น้าร้อนเข้า คอนเดนเซอร์ (Cooling Condenser) ไปแยกน้ามันหอมระเหยออกมาจากพืช โดยการ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อพืช ความร้อนจะท้าให้น้ามัน การกล่ันโดยใช้น้าน้ีมีข้อดีคือ เป็นวิธีที่ง่าย หอมระเหยออกมากลายเป็นไอปนมากับน้าร้อนหรือ กลั่นได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อเพิ่ม ไอน้า เม่ือผ่านเคร่ืองควบแนน่ (Condenser) ไอน้าและ ปริมาณผลผลิตได้ แต่มีข้อเสียคือ ในกรณีท่ีต้องกล่ันพืช ไอของนา้ มนั หอมระเหยจะควบแน่นได้นา้ มันหอมระเหย ปรมิ าณมาก ๆ ความร้อนทีใ่ หส้ ่หู มอ้ กล่นั จะไมส่ มา้่ เสมอ ท่ีมีลักษณะเป็นของเหลวใสสีเหลืองอ่อนและน้าแยกชนั้ ตลอดท้ังหม้อกลั่น พืชท่ีอยู่ด้านล่างใกล้กับเตาอาจเกิด กัน ซึ่งการกลั่นพืชปริมาณน้อย ๆ ในปฏิบัติการครั้งน้ี การไหม้ได้ ท้าให้น้ามันหอมระเหยที่กลั่นได้มีกล่ินไหม้ ใช้ใบตะไคร้หอมเพียง 0.20 kg ผ่านกระบวนการสกัด ติดปนมาและมีสารไม่พึงประสงค์ติดมาในน้ามันหอม ด้วยชุดกล่ันเคลเวนเจอร์ ดังภาพที่ 7 ด้วยการต้มนาน ระเหยได้ อีกทั้งการกลั่นโดยวิธีนี้พืชจะต้องสัมผัสกับ 4 ชั่วโมง จะได้น้ามันหอมระเหยปริมาตร 0.85 mL หรือ น้าเดือดโดยตรงเป็นเวลานาน ท้าให้องค์ประกอบทาง หนัก 0.75 g (0.38 %yield) เคมีของน้ามันหอมระเหยเกิดการเปล่ียนแปลงไปบ้าง บางส่วน ภาพท่ี 7 การกล่นั น้ามนั หอมระเหยด้วยชดุ กลน่ั เคลเวนเจอร์ (Clevenger) จากผลการทดสอบประสิทธิภาพการไล่ยุงของ สเปรย์ไล่ยุงกล่ินตะไคร้หอมที่เตรียมได้พบว่า สามารถ ส่วนการกล่ันพชื ปริมาณมาก ควรใช้ชุดกลั่นที่มี ป้องกันยุงกัดได้ดีในระดับท่ีน่าพอใจ โดยมีระยะเวลาใน ขนาดใหญ่ขึน้ อาจทา้ ดว้ ยเหลก็ สแตนเลส หรอื ทองแดง การป้องกันยุงกัดนาน 3 – 5 ช่ัวโมง สอดคล้องกับ โดยอาศัยหลักการเดียวกัน เช่น ชุดกล่ัน ระบบคูลลิ่ง การศึกษาฤทธ์ิไล่ยุงของต้ารับน้ามันหอมระเหยจาก คอนเดนเซอร์ ขนาด 100 ลิตร ดังภาพที่ 8 จะสามารถใช้ ตะไคร้หอมท่ีสามารถป้องกันยุงลายได้นาน 3 ชั่วโมง ใบตะไคร้หอมได้มากถึง 25 kg (ปฏิบัติการนี้ใช้ใบตะไคร้ (สุวรรณ ธีระวรพันธ์, 2550) และใกล้เคียงกับสเปรย์ไล่ หอม 5 kg) ต้มด้วยระยะเวลา 4 ชั่วโมงเท่ากัน จะได้ ยุงกล่ินชนิดเดียวกันจากหลายย่ีห้อที่ขายตามท้องตลาด ซ่ึงมีประสิทธิภาพป้องกันยุงกัดได้นานถึง 3 – 7 ช่ัวโมง (Kapook Home ของใช้ในบ้าน, 2561) 38VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

น้ามันตะไคร้หอมได้รับการจดทะเบียนกับ บรรณานกุ รม United States Environmental Protection Agency ข้อมูลทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ. 2560. แผน (US EPA) ว่าเป็นสารไล่แมลง (Fradin Ms, 1998) ซ่ึงมี ส่วนประกอบที่ส้าคัญคือ citronellal, geraniol และ แม่บทแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย citronellol ซึง่ มฤี ทธ์ิในการไลย่ งุ เนื่องจากไอระเหยน้ัน ฉบับท่ี 1 พ.ศ. 2560–2564. (ฉบบั ที่ 2). บรษิ ทั มีกล่ินและรสท่ียุงไม่ชอบ ท้าหน้าท่ีเป็นเกราะก้าบัง ทีเอส อินเตอร์พริ้นท์ จ้ากัด: กรมการแพทย์แผน เม่ือยุงบินเข้ามาใกล้ก็จะบินหนีออกไป ดังนั้น ไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวง ความสามารถในการไล่ยุงจึงข้ึนอยู่กับความเข้มข้นและ สาธารณสุข. อัตราการระเหยของน้ามันหอมระเหยแต่ละชนิดนั่นเอง จริ พฒั น์พงษ์ เสนาบุตร. 2560. การถา่ ยทอดเทคโนโลยี (Grason LR, Winnike Me, 1998) เครื่องกลั่นน้ามันหอมระเหยจากพืชสมุนไพร พืนบ้านด้วยระบบคูลลิ่งคอนเดนเซอร์. รายงาน จากการถ่ายทอดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผลการด้าเนินงานฉบับสมบูรณ์ โครงการ ครั้งน้ี นอกจากผู้เข้ารับการอบรมจะได้เพิ่มพูนความรู้ ถ่ายทอดผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี และทักษะการสกัดสมุนไพรท่ีถูกต้องเพ่ือท่ีจะน้าไปใช้ ราชมงคลลา้ นนา เชียงราย พฒั นาผลิตภณั ฑช์ มุ ชนเดมิ เช่น สบู่ แชมพู ให้มคี ณุ ภาพ จุฬาวลี มณีเลิศ. 2559. การจัดการความรู้ด้านการใช้ และมาตรฐานมากข้ึนแลว้ สเปรย์สมุนไพรไล่ยุงที่เตรียม สมุนไพรเพ่ือสุขภาพ โดยกระบวนการมีส่วน ไ ด้ ยั ง เ ป็ น อี ก ท า ง เ ลื อ ก ห น่ึ ง ข อ ง กา รพั ฒ น า รู ป แ บ บ รว่ มของชุมชน ในเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากสมุนไพรทดแทนการใช้สารเคมี อ้าเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่. รายงานวิจัย อันตราย เน่ืองจากผลิตได้ง่าย ต้นทุนต่า้ ใช้ประโยชนไ์ ด้ ฉบับสมบูรณ์ ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะ จริง ซ่ึงเป็นการเพ่ิมความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย ชุมชนไปด้วย จากการศึกษาครั้งนี้ท้าให้มองเห็น ราชภฏั เชียงใหม่ วิวัฒนาการของการพัฒนาชุมชนในอนาคตท้ังนี้เพ่ือให้ ประเทืองศรี สินชัยศรี. 2545. การผลิตสมุนไพรและ ประสบความส้าเร็จตามเป้าหมาย จึงมีข้อเสนอแนะ เครื่องเทศ. กรุงเทพฯ: กองเกษตรเคมี กรม เบอื้ งต้น ดงั ต่อไปนี้ วิชาการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 1) ส่งเสริมสนับสนุน การน้าองค์ความรู้ดังกล่าวไป พรหมมินทร์ สายนาคา้ . 2554. การแปรรูปสมนุ ไพรเพ่ือ เผยแพร่เพื่อพัฒนาจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่ม เศรษฐกิจชุมชนบนพืนฐาน เศรษฐกิจพอเพียง. อ่ืน ๆ และการสร้างเครือข่ายแลกเปล่ียนการเรียนรู้กับ รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการถ่ายท อด หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้อง เทคโนโลยี คลินิกเทคโนโลยีมหาวิทยาลัย 2) วางแผนติดตามประเมินผลหลังจากอบรมโดยการ เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ลา้ ปาง ประสานงานกับ อบต.ข่วงเปาว่าผู้เข้าอบรมมีการ ภคพร สาทลาลัย. 2560. การแปรรูปสมุนไพรใน นา้ ไปใช้ประโยชน์และรายไดเ้ พม่ิ ขึ้นมากนอ้ ยเพยี งใด ท้ อ ง ถิ่ น เ ป็ น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ เ พ่ื อ สุ ข ภ า พ ส้ า ห รั บ 3) การน้าไปทดสอบเพ่ือให้ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ธุ ร กิ จ ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว ใ น พื น ที่ จั ง ห วั ด อุตสาหกรรมสเปรย์ไล่ยุง และการพัฒนาต่อยอดไปสู่ กาญจนบุรี. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการ กระบวนการท้าสารให้บริสุทธิ์ (Purification) ให้ได้สาร ถ่ ายทอดเทคโนโลยี คลิ นิ กเ ท ค โ น โ ล ยี สกัดสมุนไพรท่ีมีคุณภาพ สร้างความเข้มแข็งด้านการ ม หา วิ ท ย า ลั ย เก ษ ต ร ศ า ส ต ร์ วิ ท ย า เ ข ต พฒั นาพืชเศรษฐกิจระดับทอ้ งถนิ่ อย่างยงั่ ยนื ต่อไป ก้าแพงแสน วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 39 ปีที่ 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2561

ลักษณะเลิศ เปรมปรีด์ิ. 2560. “สมุนไพรไทย : สุวรรณ ธรี ะวรพนั ธ์. 2550. สมุนไพรป้องกันยุง. จลุ สาร ภูมิปัญญาไทยสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ.” ขอ้ มูลสมนุ ไพร ฉบับท่ี 24 (3). กรุงเทพมหานคร: TPSO Journal. ปที ี่ 7 (66), 4-5. ส้านักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล. วัฒนศักดิ์ ศรรุ่ง และคณะ. 2560. ยุทธศาสตร์การ พฒั นาเมอื งสมุนไพร (Herbal City). (ฉบบั ท่ี 1). องค์การบริหารส่วนต้าบลข่วงเปา. 2561. แผนพัฒนาส่ีปี กรุงเทพฯ: ส้านักงานคณะกรรมการนโยบาย (พ.ศ.2561-2564) องค์การบริหารส่วนต้าบล สมุนไพรแห่งชาติ กองวิชาการและแผนงาน ข่วงเปา. [ออนไลน์] ได้จาก: http://www. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก khuangpao.go.th/index.php?p=1 กระทรวงสาธารณสุข. Fradin MS. 1998. “Mosquitoes and mosquito วิวัฒน์ ศรีวิชา. 2553. การผลิตสมุนไพรท่ีมีคุณภาพ. repellents: a clinician’s guide”. Ann รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการถ่ายทอด Intern Med. 128: 931-940. เทคโนโลยี คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร Garson LR, Winnike ME. 1968. “Relationships between insect repellency and chemical ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส้านักงาน and physical parameters-a review”. J ปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจาก Med Ent. 5(3): 339-352. กรมศุลกากร, 2561. สินค้าส่งออกส้าคัญของ ไ ท ย ต า ม โ คร ง ส ร้ า ง สิน ค้า ส่ ง ออก โลก. Global Herbal Medicine Market by Segment., 2014. [ออนไลน์] ได้จาก: http://tradereport.moc. Growth Projections in Key Product go.th/TradeThai.aspx Segments. [Online] Available at: http:// strategyr.com/MarketResearch/Herbal_S ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเน่ืองมาจาก upplements_and_Remedies_Market_ พระราชดา้ ริ. 2556. การแปรรปู สมนุ ไพร. ฉบบั Trends. asp (Feb.,2015) ที่ 1. จันทบุรี : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้ง กระเบน อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ อ้าเภอ Kapook Home ของใช้ในบ้าน. 2561. 7 สเปรย์ไล่ยุง ทา่ ใหม่ จงั หวัดจันทบุร.ี จากตะไคร้หอม ฉีดกันไว้ก่อนขาลาย . [ออนไลน์] ได้จาก: https://home.kapook.com/ สามารถ ใจเต้ีย และพัชรี วงศ์ฟั่น. 2560. “ความ view196335. html ห ล า ก ห ล า ย แ ล ะ ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก พื ช สมุนไพรพ้ืนบ้านในพื้นท่ลี มุ่ นา้ ล้ี จงั หวดั ลา้ พนู .” Katz TM, Miller JH, Hebert AA. 2008. “Insect ว า ร ส า ร วิ ท ย า ลั ย พ ย า บ า ล บ ร ม ร า ช ช น นี repellents: Historical perspective and อตุ รดติ ถ์. ปีที่ 9 (1), 13-22. new development”. J Am Acad Dermatol. 58: 865-871. 40VRoMl.U1 TNLo.J1oJuaRVrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship

การพัฒนาศกั ยภาพและเพ่มิ ขดี ความสามารถในการแปรรปู ผลิตภณั ฑ์เหด็ กรณีสขุ ประเสรฐิ ฟาร์มเห็ด Potential Development and Capacity Building for Mushroom Product Processing: Case study of Sukprasert Mushroom Farm พนิ จิ เนอื่ งภิรมย1์ * นพรตั น์ เตชะพันธ์รัตนกลุ 2 สาคร ปนั ตา3 ดเิ รก มณวี รรณ4 และ กิจจา ไชยทนุ5 Pinit Nuangpirom 1* Noparat Techapunratanakul2 Sakorn Panta3 Direk Maneewan4 and Kitchar Chitanu5 1ผชู้ ่วยศาสตรจารย์ ดร. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 2,3อาจารย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 4ผ้ชู ่วยศาสตรจารย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 5อาจารย์ ดร. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 1Asistant Professor. DR., Rajamangala University of Technology Lanna 2,3 Lecturer, Rajamangala University of Technology Lanna 4Asistant Professor. Rajamangala University of Technology Lanna 5 Lecturer. DR., Rajamangala University of Technology Lanna *E-mail : [email protected], เบอร์โทรศัพท์ 089-5552266 บทคดั ยอ่ การวิจยั นีม้ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือพัฒนาศักยภาพและเพิม่ ขีดความสามารถในการแปรรปู ผลติ ภณั ฑเ์ หด็ และศึกษา รูปแบบท่ีเหมาะสมของการอบแห้งเห็ด สาหรับการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นสาหรับ การแปรรูปด้วยการอบแหง้ ท่สี ามารถควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาในการอบได้ ผลการวจิ ยั พบว่าเครอ่ื งอบลมรอ้ นที่ พัฒนาข้ึนสามารถควบคุมอุณหภูมิการทางานได้ที่ 0 – 100 องศาเซลเซียส สามารถตั้งเวลาได้ 0 - 8 ชั่วโมง ผลการศึกษาการแปรรูปเห็ดตัวอย่าง ที่เป็นเห็ดหลินจือ พบว่าจานวนที่เหมาะสมต่อการอบแต่ละถาด (ช้ัน) อยู่ที่ 1 กิโลกรมั และสามารถอบได้ 10 กโิ ลกรัมต่อการอบ 1 ครั้ง อุณหภูมิท่ีเหมาะสมกับการอบเห็ดหลินจอื อยูท่ ี่ 40 องศา เซลเซียสสาหรับการอบใน 2 ช่ัวโมงแรก และ 70 องศาเซลเซียสสาหรับ 4 ชั่วโมงถัดไป ปริมาณน้าหนักต่อเวลา พบวา่ ปริมาณน้าหนักของเห็ดที่ใชอ้ บ ลดลงอย่างต่อเน่ือง ตั้งแต่ 75% ทชี่ ่วงเวลาการอบ 1 ชั่วโมง จนปรมิ าณน้าหนัก ต่อเวลา เหลือค่าน้าหนกั ท่ี 25% ท่ีช่วงเวลาการอบ 6 ชั่วโมง จุดคุ้มทุนของการลงทนุ ในครั้งน้ี เม่ือเทียบกับวิธีการอบ แบบดั้งเดิม จะอยู่ที่การอบในรอบท่ี 42 เป็นต้นไป และกาไรท่ีได้จากการแปรรูปผลิตภัณฑ์อยู่ท่ี 50% เมื่อเทียบกั บ การวิธีการแบบด้งั เดมิ คาสาคญั การแปรรปู เหด็ เหด็ หลินจอื เครอ่ื งอบลมรอ้ น Abstract The objective for this research is to develop the potential and capability of drying mushroom processing, and study the suitable type of mushroom for drying processing. The drying processing developed by using the innovation that can be able to control temperature and time. From the researched founded that the electric dryer that we develop for drying processing, can control the temperature at the range between 0 to 100 Degree Celsius, and can set the time between 0 to 8 hours. The study of sample mushroom which used this drying processing technique we found that Shiitake mushroom (Ganoderma Lucidum) has the suitable amount as following; 1 kilogram per tray วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 41 ปที ่ี 2 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2561

per level and 10 trays per a time of drying, and the suitable temperature is 40 Degree Celsius for first two hours and for the next four hours, the suitable temperature is 70 degree Celsius. For the Weight gain per time, It was found that the weight of mushrooms continuous decrease from 75% at 1 hr to 25% at 6 hours. Also for the break-even point of the drying technique when compared whit the original drying technique is in the 42nd time of drying, and the profit for drying mushroom processing is 50 percent when we compare with the original drying technique. Keywords Mushroom processing, Ganoderma Lucidum, Hot air dryer บทนา ด้านเศรษฐศาสตร์ของการทาฟาร์มเห็ด จาเป็นต้องมี สุขประเสริฐฟาร์มเห็ด ดาเนินการโดย การเพ่ิมผลผลิต การเพ่ิมมูลค่าของสินค้า เพ่ือทากาไร และส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนท้องถ่ินอย่างยั่งยืน และ นางสุเทียน ใจเมคา ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 11 ตาบล จะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเคล่ือนตัว แมแ่ ฝกใหม่ อาเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มดาเนนิ สอดคล้องกับนโยบายของการพัฒนาเศรษฐกิจและ กิจการ การเพาะเห็ดตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2541 บนเน้ือที่ สังคม จึงเป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรผู้เพาะเห็ดได้ทา ขนาด 1 ไร่เศษ โดยเร่ิมจากการเพาะเห็ดสกุลนางฟ้า การแปรรูปผลิตภัณฑ์เห็ด เพ่ือการสร้างมูลค่ารวมไปถึง เห็ดนางรม และได้พัฒนาการเพาะเห็ดในตระกูลต่าง ๆ เป็นการถนอมอาหารให้สามารถเก็บรักษาได้นาน โดย เช่น เห็ดขอน เห็ดลม เห็ดหอม และเห็ดเป๋าฮื้อ อย่าง เริ่มต้นจากการทดลองนาเห็ดหลินจือ ไปตากแห้งด้วย ต่อเน่ือง จนถึงปี พ.ศ. 2559 ทางเจ้าของฟาร์ม ได้ริเริ่ม พลังงานแสงอาทิตย์ และใช้วิธีการลองผิดลองถูกด้วย ทาการทดลองเพาะเห็ดหลินจือ ท่ีเป็นเห็ดที่มีมูลค่าสูง ประสบการณ์ส่วนตัวของเกษตรกร ส่งผลให้ผลผลิต โดยวิธีการศึกษาด้วยตนเอง และการฝึกอบรมจาก ออกมาเป็นท่ีน่าพอใจในระดับหน่ึง แต่ก็ยังพบว่าเห็ด หนว่ ยงานราชการ จนประสบความสาเรจ็ หลินจือที่ได้จากการตากแห้งด้วยแสงอาทิตย์มีข้อจากัด ในเรื่องของปริมาณแสงท่ีขึ้นอยู่กับเวลา และฤดูกาล กระบวนการเพาะเห็ดของสุขประเสริฐฟาร์ม ประกอบกับเห็ดหลินจือที่ได้จากการตากแห้ง ยังคงมี จะใช้วิธีการพึ่งพาตนเองด้วยหลักการของปรัชญา ความช้ืนสะสมอยู่ภายในเห็ด ส่งผลให้อายุในการเก็บ เศรษฐกิจแบบพอเพียง ตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบ รักษาของเห็ดหลินจือที่ตากแห้งด้วยแสงอาทิตย์อยู่ได้ และสรา้ งโรงเรอื นสาหรับเพาะเหด็ การทาก้อนเชื้อเพาะ เพียง 6 เดือน ก็จะเกิดเช้ือราข้ึนท่ีตัวเห็ด ประกอบกับ เห็ดท่ีคิดค้นส่วนผสมต่าง ๆ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหาร ทางสุขประเสริฐฟาร์มเห็ดได้มีการเพาะเห็ดสาหรับ ของเห็ดมากย่ิงขึ้น การหยอดเชื้อและบ่มเพาะเห็ด และ จาหน่ายเป็นเห็ดสดหลายชนิด อาทิ เช่น เห็ดนางรม ข้ันตอนของการเก็บเก่ียวผลผลิตให้ได้จานวนคร้ังและ เห็ดลม เห็ดขอน เห็ดหอม และเห็ดเป๋าฮ้ือ อยู่แล้ว จึงมี เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ผลผลิตที่ได้จากสุขประเสริฐ ความสนใจที่จะทดลองแปรรูปเห็ดต่างชนิดเหล่าน้ีด้วย ฟาร์ม มีการวางจาหน่ายตั้งแต่เชื้อเห็ด เชื้อเห็ดอัดก้อน การอบแห้ง เพื่อเป็นการเพ่ิมมูลค่าของสินค้า และ รวมไปถึงผลผลิตทางการเกษตรที่ประกอบไปด้วยเห็ด ยืดอายุการเก็บรักษาเห็ดเมื่อถึงมือผู้บริโภคได้อย่าง นานาชนิด และการแปรรูปผลิตภณั ฑเ์ ห็ด เป็นตน้ ยาวนานและปลอดภัย จ า ก ก า ร สั ม ภ า ษ ณ์ เ จ้ า ข อ ง ฟ า ร์ ม ใ น ด้ า น ด้วยเหตุน้ี ทางสุขประเสริฐฟาร์มเห็ด จึงมี กระบวนการผลิตและเพาะเห็ดแต่ละชนดิ พบว่ามคี วาม ความต้องการในการทาความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ แตกต่างกันด้วยกระบวนการและสภาพแวดล้อมที่ สาหรับพัฒนาศักยภาพและเพ่ิมขีดความสามารถในการ จาเป็นต่อการเพาะเห็ดชนิดน้ัน ๆ การดูแล เอาใจใส่ แปรรปู ผลิตภัณฑเ์ หด็ ด้วยการใช้นวตั กรรมสาหรับการท่ี และการใช้เทคนิคเฉพาะทางท่ีคิดค้น ด้วยการทดลอง สามารถควบคุมอุณหภมู ิและเวลาทเี่ หมาะสม และศึกษา และประสบความสาเร็จในปัจจุบัน อันจะสังเกตได้จาก รูปแบบการอบแห้ง เพ่ือการแปรรูปเห็ดแต่ละชนิด การให้ความสนใจของกลมุ่ เกษตรกร กลุ่มผู้บริโภค และ สถาบันการศึกษา ที่ได้ส่งบุคลากรมาศึกษาดูงาน และ เข้ารับการอบรมในฟาร์มเห็ดอย่างต่อเนื่อง แต่ท้ังนี้ใน 42RVoMl.U1 TNLo.J1oJuaVRrnonMula.aU2rlySTN-LooJ.cJu2inoaJeulul2rylyn0o1a-6flDSEecnoegcmiaabgleleyrd2o0Sf18hEonlgaarsgheidpScholarship