จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของวัตถุดบิ ได 2. คาํ นวณตนทุนในการจัดหาวัตถดุ ิบได 3. อธิบายวธิ คี วบคมุ วตั ถดุ บิ โดยใชแบบฟอรมตางๆ ได 4. คาํ นวณตนทนุ วัตถุดบิ เบิกใชและวัตถดุ บิ คงเหลอื ปลายงวดโดยวธิ ีตางๆ ได 5. ตีราคาวัตถดุ ิบคงเหลือวธิ ีราคาทุนหรือมลู คาสทุ ธิทีจ่ ะไดรับทํตี่ า่ กวาได 6. บนั ทึกรายการเกี่ยวกบั วตั ถดุ บิ ในสมดุ รายวนั ทัว่ ไปได
ต้นทุนในการจดั หาวัตถุดิบ วัตถุดิบเปนปจจัยการผลิตท่ีสําคัญของกระบวนการผลิต ซ่ึงในการผลิตสินคาของกิจการจะมี การใชวัตถุดิบหลาย ชนิด วัตถุดิบบางชนิดนําไปใชในการผลิตโดยตรง ถือเปนสวนประกอบสําคัญ ของผลิตภัณฑ วัตถุดิบบางชนิดนําไป ใชเปนสวนประกอบทไี่ มสาํ คัญ หรอื นําไปชวยใหผลติ ภัณฑนั้นๆ สมบรู ณขึน้ ดงั นั้น จงึ มกี ารแบงประเภทวัตถุดิบเปน 2 ประเภท คอื วัตถุดบิ ทางตรง วตั ถดุ บิ ทางออ้ ม กิจการบางแหงอาจบันทึกรายการวัตถุดิบทางตรง และรายการวัตถุดิบทางออมแยก ออกจากกัน โดยเรียก บญั ชวี ตั ถุดิบทางออมวา บัญชีวัสดุโรงงาน (Factory Supplies) หรือวัสดุส้ินเปลือง (Supplies) คาวัตถุดิบ ทางออมทใี่ ชไปในการผลติ ถอื เปนสวนหน่ึงของตนทนุ คาใชจาย ในการผลติ
ตน้ ทนุ ในการจดั หาวัตถุดิบ วตั ถดุ ิบเปนปจจัยการผลิตที่สาคญั ของกระบวนการผลติ ดงั นั้น จงึ มีการแบงประเภทวัตถุดิบเปน 2 ประเภท คือ วัตถุดิบทางตรง (Direct Material) หมายถึง วัตถุดิบท่ีนํามาใชในการผลิตสินคาโดยตรง เม่ือผลิตสินคาสําเร็จลง จะเห็นได ชดั เจนวาผลิตภัณฑนน้ั ผลติ จากวัตถดุ บิ ใด และสามารถคาํ นวณตนทุนทใ่ี ชในการผลิตสินคาหนึง่ หนวยไดโดยงาย เชน ตนทนุ ของผาท่ีนํามาใชตดั เส้อื 1 ตัว ตนทนุ ของหนงั สัตวทนี่ ํามาใชทาํ กระเปา 1 ใบ เปนตน วตั ถุดบิ ทางออ้ ม (Indirect Material) หมายถงึ วัตถุดิบที่นํามาใชผลติ สินคาสาํ เร็จรูป เชนกัน แตใชเปนจาํ นวนนอยเปน็ วัตถุดิบที่ชวยทําใหผลิตภัณฑน้ันเสร็จสมบูรณขึ้น การคํานวณตนทุนวัตถุดิบทางออมที่ใชในการผลิตสินคา 1 หนวย น้ันทําได ยาก ตวั อยางของวัตถดุ ิบทางออมไดแก ดาย กาว น้ํามันหลอลน่ื เอน็ ท่ีใชเย็บกระเปา เปนตนกิจการบางแหงอาจบันทึกรายการ วัตถดุ บิ ทางตรง
ตน้ ทุนในการจดั หาวตั ถุดิบ ในการจัดหาวัตถุดิบเขามาปอนการผลิต เกี่ยวของกบั แผนกบรกิ ารหลายฝาย หลายแผนกคาใชจายท่ีเกิดขึ้น ในการจดั หาวตั ถดุ ิบตางๆ ใหมาอยใู นสภาพที่พรอมจะปอนเขาสูการผลิตที่ควรนํามาคํานวณเปนตนทุนของ วัตถุดิบ ไดแก คาขนสง คาเบ้ียประกัน คาภาษีตางๆ คาใชจายของแผนกจัดซื้อ คาใชจายของแผนกตรวจ รบั ของ คาใชจายของคลงั พัสดุ คาใชจายของแผนกบญั ชที ี่เกยี่ วกับการบนั ทึกรายการวัตถุดิบ และคาใชจาย ในแผนกตางๆ ท่ีเก่ียวของ ดังนั้น ในการปฏิบัติจริงจึงมักใหคาใชจายเหลาน้ีเปนคาใชจายในการผลิตแทน การนํามารวมเปนตนทุนของวัตถดุ ิบ สวนตนทุนวัตถุดิบท่ีจะนํามาใชคํานวณตนทุนผลิตจะใชตนทุนวัตถุดิบ ตามใบกํากบั สนิ ค้า
การควบคมุ วตั ถดุ บิ ในกิจการอุตสาหกรรมโดยทั่วไปจะตองมีการควบคุมภายในเกี่ยวกับวัตถุดิบ การควบคุมภายในเก่ียวกับ วตั ถดุ ิบจะประกอบดวย 1. การควบคมุ เกยี่ วกบั การซอ้ื และการตรวจรับวัตถุดบิ (Purchase and Receipt of Material) 2. การควบคุมเก่ียวกับการเก็บรักษาวัตถุดิบและการเบิกใชวัตถุดิบ (Storage of Material and Requisition and Consumption of Material)
การควบคมุ วตั ถดุ ิบ การควบคุมวัตถุดิบเกี่ยวกับการซื้อและการตรวจรับวัตถุดิบ เมื่อฝายผลิตตองการผลิตสินคา ก็จะมีการกะ ประมาณจาํ นวนวัตถุดิบท่ีตองการและเสนอใหฝายจัดซอ้ื ดําเนินการจัดซื้อ ซ่ึงในข้ันตอนการจัดซอื้ น้ีถือเปนข้ัน ตอนในการจัดหาวัตถุดบิ จะตองมกี ารดําเนินการในลักษณะใหมีการควบคมุ โดยเอกสารหลักฐานดังนี้ 1. ใบขอซือ้ (Purchase Requisitions) 2. ใบสง่ั ซอ้ื (Purchase Orders) 3. ใบกากบั ภาษี (Tax Invoices) 4. ใบตรวจรบั ของ (Receiving Reports) 5. ใบหักหนี้/เพ่มิ หน้ี (Debit-note/Credit-note)
1. ใบขอซ้ือ (Purchase Requisitions) เปนเอกสารทจ่ี ัดทําโดยแผนกคลงั วตั ถดุ ิบ เพื่อขอซอื้ วัตถุดิบตามความตองการของแผนกผลติ และสัง่ ใหฝายจัดซ้อื ดําเนนิ การ จดั ซ้อื 2. ใบส่ังซ้ือ (Purchase Orders) เปนเอกสารที่ฝายจัดซื้อเปนผูจดั ทําข้นึ เมอื่ ไดรับใบขอซ้อื จากฝายวตั ถดุ ิบรายละเอียดของใบสั่งซื้อจะประกอบดวย ช่อื ของ กิจการทีท่ าํ ใบสั่งซอื้ ชอ่ื ผูจําหนาย วันทอ่ี อกใบส่ังซอื้ จํานวน คณุ ภาพ และราคาของวัตถดุ บิ ตอหนวย เงอ่ื นไขการชําระเงิน เปนตน 3. ใบกากบั ภาษี (Tax Invoices) ปกตกิ จิ การจะไดรบั ใบกํากับสนิ คา กอนท่ีผูขายจะสงวัตถดุ ิบมาใหกจิ การ เพอ่ื ใหผูซอื้ ไดตรวจสอบเกยี่ วกบั จาํ นวน ราคา เง่ือนไขการชาํ ระเงนิ และวิธกี ารสงมอบสินคา
4. ใบตรวจรบั ของ (Receiving Reports) เมื่อผูขายสงวัตถุดิบมาใหตามใบส่ังซื้อ พรอมกับใบกํากับสินคา เจาหนาที่ตรวจรับของจะทําการตรวจสอบวัตถุดิบที่ไดรับ กบั ใบกํากบั สินคาวาถูกตองตรงกันหรอื ไม และตรงตามที่สัง่ ซ้อื ในใบส่ังซ้ือหรอื ไม ทั้งชนิด คุณภาพ และจํานวน จากน้ันก็จะ จัดทาํ รายงานการตรวจรับ (Receiving Report) 5. ใบหกั หน้ี/เพม่ิ หนี้ (Debit-note/Credit-note) จากการตรวจรับของ จะทําใหทราบวาวัตถุดิบที่ไดรับมามีจํานวน คุณภาพตรงตามท่ีกิจการส่ังซ้ือไปหรือไม หรือวัตถุดิบ ชํารุด แตกหักหรือไม หากมีกรณีตางๆ ดังกลาวเกิดข้ึนแผนกจัดซื้อจะจัดทําเอกสารหักหนี้หรือเพ่ิมหน้ีเพ่ือสงใหบริษัทผู ขายเพิ่มหรือลดหนใี้ หตรงตามความเปนจริง
การควบคมุ วัตถดุ ิบ การควบคุมเก่ียวกับการเก็บรักษาวัตถุดิบและการเบิกใช้วัตถุดิบ ท่ีกลาวมาแลวขางตนเปนการกลาวถึงการควบคุม วัตถุดิบในขั้นตอนการจัดหาวตั ถดุ ิบ ซึ่งเริ่มต้ังแตการส่งั ซอ้ื การตรวจรบั จนกระทั่งวัตถุดิบถูกสงเขาคลังวัตถุดิบ ในหัวขอน้ี จึงเปน การกลาวถงึ การควบคมุ วัตถดุ บิ ในขณะที่วัตถุดิบอยใู นคลงั เก็บเอกสารท่ใี ชในขนั้ ตอนน้ี ไดแก 1. ใบเบกิ วตั ถดุ บิ (Material Requisition หรือ Stores Requisition) 2. รายงานการสงคนื วัตถุดบิ (Returned Material Report)
การคานวณต้นทนุ วตั ถดุ บิ เบิกใช้ และต้นทนุ วัตถุดบิ คงเหลอื เม่ือเริ่มตนการผลติ ถากิจการมกี ารซ้อื วัตถุดิบเขาคลังหลายครั้งในราคาท่ีแตกตางกัน ก็จะประสบปญหาในการคานวณตนทุนวัตถุดิบ ที่เบิกใชและตนทุนวตั ถุดิบคงเหลอื ในวันส้นิ งวด เพราะมีวิธกี ารคานวณไดหลายวธิ ีโดยอาศัยหลกั การบนั ทกึ ของคงเหลือ 2 วธิ ี คอื การบนั ทกึ วัตถุดบิ คงเหลอื เมอื่ สิน้ งวด(Periodic Inventory Method) กิจการจะคาํ นวณวตั ถดุ บิ เบกิ ไปใชในระหวางงวดไดก็ตอเมอื่ ทําการตรวจนับและตรี าคาวัตถดุ บิ คงเหลอื ทคี่ งเหลืออยูจริง การบนั ทึกวัตถุดบิ คงเหลือแบบตอเนอ่ื ง (Perpetual Inventory Method) จะมบี ัญชวี ตั ถดุ บิ แสดงการเคลอ่ื นไหวของวตั ถุดิบตอเนอ่ื ง กนั ตลอดเวลา ดังน้นั การคาํ นวณตนทนุ วตั ถุดิบทเี่ บิกใชในการผลิต และวัตถุดิบคงเหลอื ปลายงวดจะคํานวณจากบัญชีวตั ถดุ ิบโดยตรง
การคานวณตน้ ทนุ วตั ถุดบิ เบิกใช้ และต้นทุนวตั ถุดิบคงเหลือ การคาํ นวณตนทนุ วัตถุดบิ คงเหลือส้นิ งวด และตนทนุ วัตถุดบิ เบิกใชในระหวางงวด มีวิธกี ารคํานวณหรือตีราคาได หลายวิธี ไดแก 11. ราคาทุน (Cost Method) 22. ราคาทนุ หรือมูลคาสุทธทิ ี่จะไดรับแลวแตราคาใดจะตา่ กวา 3. ราคามาตรฐาน (Standard Cost)
การคานวณต้นทุนวัตถดุ บิ เบกิ ใช้ และต้นทุนวตั ถดุ ิบคงเหลอื วธิ กี ารตีราคาวัตถดุ ิบคงเหลือตามราคาทุน มีวิธกี ารคานวณดังนี้คอื 1. ราคาทนุ ทแ่ี ทจรงิ หรือเจาะจง (Specific Identification Method) 2. เขากอน - ออกกอน (First in -First out หรอื FIFO ) 3. ถวั เฉลี่ยอยางงาย (Simple Average Method) 4. ถัวเฉลย่ี ถวงน้าํ หนกั (Weighted Average Method)
วธิ ีราคาทนุ ที่แทจ้ รงิ หรอื เจาะจง วิธรี าคาทุนที่แทจ้ ริงหรอื เจาะจง วิธนี เ้ี หมาะกับกจิ การท่ีมวี ัตถุดบิ อยูเพียง 2-3 ชนิด หรือสินคาราคาแพงมีลักษณะเฉพาะ เชน เพชร พลอย รถยนต เปนตน วิธีเข้ากอ่ น – ออกกอ่ น วิธีนี้มีสมมติฐานวา วัตถุดิบท่ีซ้ือมากอนควรจะเบิกใชในการผลิตกอน โดยเฉพาะวัตถุดบิ ทเ่ี สื่อมสภาพงาย ดังน้ัน วัตถุดิบคงเหลืออยูในวันสิ้นงวด จึงเปนวตั ถุดบิ ทีซ่ อื้ มาในคร้ังหลงั สดุ ยอนข้ึนไปหาครั้งแรก
วธิ ีถัวเฉลีย่ อยา่ งง่าย วิธีถัวเฉลี่ยอย่างง่าย วิธีน้ีเปนการนําเอาตนทุนวัตถุดิบตอหนวย ท้ังที่ เหลือตนงวดและซื้อในระหวางงวดมา รวมกัน แลวหารดวยจํานวนครั้ง ของการซ้ือ จะไดตนทนุ ถัวเฉลีย่ ตอหนวยเพียงราคาเดยี ว วิธีถวั เฉล่ยี ถว่ งนา้ หนัก วิธถี ัวเฉลี่ยถ่วงนา้ํ หนกั เปนวิธที ีถ่ ือวาวัตถดุ บิ ทุกหนวยมีโอกาสถูกเบิกใชได เทากนั เนอื่ งจาก วัตถุดิบมีลักษณะ ท่ีเหมือนกัน เชน ขาวโพด ถั่ว เปนตน หรือของเหลวตางๆ
การตรี าคาวัตถุดบิ คงเหลอื วธิ รี าคาทนุ หรือมูลค่าสทุ ธิ ที่จะได้รบั ทต่ี ่ากวา่ การตีราคาวตั ถดุ ิบคงเหลือตามท่ีกลาวมาแลวขางตนเปนการตีราคาทุนตามมาตรฐาน การบัญชี ฉบับท่ี 2 เรื่อง สินค้า คงเหลือ กําหนดวิธีการตีราคาสินคาคงเหลือไววา สินคาคงเหลือ ตองวัดมูลคาดวยราคาทุนหรือมูลคาสุทธิท่ีจะไดรับ แลวแตมูลคาใดจะตํ่ากวา กิจการตองไมปรับมูลคาวตั ถุดิบหรอื วัสดอุ นื่ ทถ่ี ือไวเพอ่ื ใชใชในการผลิตสินคาใหลดตํ่ากวาราคาทุน ถาสินคาสําเร็จรูป ท่ีผลิตจากวัตถุดิบหรือวัสดุน้ันคาดวาจะขายไดในราคาเทากับหรือสูงกวาราคาทุน อยางไรก็ตาม เม่ือการที่ราคา วัตถุดิบลดลงเปนขอบงช้ีวา ตนทุนของสินคาสําเร็จรูปนั้นสูงกวามูลคาสุทธิท่ีจะไดรับ กิจการตองปรับลดมูลคา วัตถุดิบใหลดลงเทากับมูลคาสุทธิที่จะไดรับในสถานการณเชนน้ี ตนทุนเปล่ียนแทนของวัตถุดิบอาจจะเปนมูลคาท่ีดี ที่สดุ ในการกําหนดมูลคาสทุ ธิท่จี ะไดรบั
การตรี าคาวตั ถดุ ิบคงเหลือวธิ รี าคาทนุ หรอื มลู ค่าสทุ ธิ ท่จี ะได้รบั ที่ตา่ กวา่ วธิ กี ารตีราคาทุนหรอื มูลค่าสทุ ธิท่จี ะได้รับทตี่ ํ่ากวา่ มี 3 วธิ ี คือ 1 การตรี าคาทนุ หรือมลู ค่าสทุ ธิทีจ่ ะได้รับที่ต่ํากวา่ โดยพจิ ารณาวตั ถดุ ิบหรอื สินคา้ แตล่ ะรายการ หรอื แตล่ ะหน่วย 2 การตรี าคาทนุ หรอื มูลคา่ สุทธทิ จ่ี ะได้รับทต่ี ่ํากวา่ โดยพจิ ารณาจากยอดรวม 3 การตรี าคาทนุ หรอื มูลค่าสุทธิทจ่ี ะได้รบั ท่ีตํ่ากว่า โดยพจิ ารณาตาม กลมุ่ หรอื ประเภทของวัตถุดิบ
วธิ ีการบันทึกบญั ชเี กยี่ วกบั วตั ถุดิบ การบันทึกบัญชีเก่ียวกับวัตถุดิบนั้น จะเร่ิมต้ังแตขั้นการจัดหาวัตถุดิบ หรือการซ้ือวัตถุดิบและวัตถุดิบที่กิจการใชในการ ผลิตนน้ั มกั จะมีหลายชนิด ดังนั้นกิจการจึงตองมีการใชบัญชีคุมยอดกับบัญชียอยประกอบกัน ในการบันทึกบัญชีเก่ียวกับ วตั ถดุ บิ บญั ชคี มุ ยอดวตั ถดุ บิ จะเปนบัญชแี ยกประเภททวั่ ไป สวนบัญชียอยนัน้ จะหมายถึงบัตรวตั ถุดบิ แตละชนิด การบันทึกบัญชีวัตถุดิบจะเกิดขึ้นหลังจากท่ีแผนกบัญชีไดตรวจสอบเอกสารท้ัง 3 ฉบับคือ ใบส่ังซื้อ ใบตรวจรับของ ใบกํากับสินคา เรียบรอยแลว กิจการก็จะจัดทําใบสําคัญจายเงิน (Disbursement Voucher) และหากมีการสงคืนวัตถุ ดบิ ใหผขู าย กิจการก็จะจดั ทําใบหกั หนสี้ งใหผขู ายดวย
การบันทึกบัญชกี รณวี ตั ถดุ บิ คงเหลอื ที่ตรวจนบั ไดไ้ ม่ ตรงกับยอดตามบญั ชี บางครง้ั กจิ การตรวจนบั วตั ถดุ ิบไดไมตรงกบั ยอดคงเหลอื ท่ีปรากฏในบญั ชี หรือในบตั รวตั ถุดิบกจ็ ะมีการปรบั ปรุง รายการดงั กลาว โดยปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนดังน้ี ขน้ั ตอนท่ี 1 แกไขในบตั รวตั ถดุ บิ โดยบนั ทกึ จํานวนที่ขาดหรือสูญหายลงในชองจาย ขนั้ ตอนท่ี 2 บนั ทกึ รายการปรบั ปรงุ ในสมุดรายวนั ทวั่ ไป หลังจากแกไขจาํ นวนในบตั รวตั ถดุ ิบในขัน้ ตอนท่ี 1 แลวทาํ การปรับปรงุ รายการวตั ถุดบิ ขาดหรือเกนิ ดงั น้ี กรณีท่ี 1 วตั ถดุ บิ ขาดจากบญั ชโี ดยไมทราบสาเหตุ กรณที ี่ 2 วตั ถุดบิ เกนิ จากบัญชีโดยไมทราบสาเหตุ กรณที ่ี 3 วตั ถดุ บิ ขาดหรอื เกนิ โดยทราบสาเหตุ
สาเหตุการตรวจนับวตั ถุดิบและบตั รวัตถุดิบไมตรงกนั 1 2 3 การเก็บรักษาไม ดีพอ เช น การขาดความระวังที่ดีเช น การบันทึกบัญชีไม่รอบคอบ สถานท่ีเก็บไม ได มาตรฐาน โ ด น ข โ ม ย ห รื อ ถู ก ยั ก ย อ ก เชน ไมไดทําเอกสารตางๆ ให ก า ร ร ะ เ ห ย ห รื อ ห ด ตั ว ข อ ง วั ต ถุ ดิ บ จ ง ใ จ ทุ จ ริ ต ข อ ง ครบวงจรวัตถดุ บิ บนั ทกึ รับ วัตถุดิบสภาพของวัตถุดิบหรือ พนักงาน จายไมครบถวน หรือบันทึก จัดเกบ็ ไมดีพอ บัญชีผดิ พลาด
หน่วยท่ี 4 การบญั ชีเก่ยี วกบั คา่ แรงงาน
ค่าแรงงาน เป็นส่วนประกอบส่วนหน่ึงของต้นทุนการผลิต แบ่งออกเป็นค่าแรง สาระสาคญั ทางตรงและค่าแรง ทางอ้อม ในการปฏิบัติงานของคนงานน้ัน กิจการจะต้องมี การวางกฎเกณฑ์เป็นอย่างดี ตั้งแต่การเข้าทํางาน การปฏิบัติงานในโรงงานเวลา ปกติ การทํางานล่วงเวลาทั้งในวันปกติและวันหยุด และพึงระมัดระวังในการ ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน เพ่ือให้การคํานวณค่าแรงให้กับคนงานนั้นเป็นไป อยา่ งถูกต้องและยตุ ิธรรม รวมทั้งสวัสดิการต่างๆ ที่คนงานพึงจะได้รับซง่ึ จะส่งผล ใหค้ นงานมขี วัญและกาํ ลงั ใจในการปฏบิ ตั ิงาน
สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของค่าแรงงาน 2. การควบคมุ เก่ียวกบั คา่ แรงงาน 3. การคํานวณตน้ ทุนค่าแรงงาน 4. การวิเคราะห์และจาํ แนกประเภทของคา่ แรงงาน 5. การบันทึกบญั ชีเก่ียวกับค่าแรงงาน 6. เงนิ พิเศษต่างๆ และสวัสดิการ สมรรถนะประจาหน่วย 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับค่าแรงงานในเร่อื งจําแนกประเภทของคา่ แรงงาน เงนิ พเิ ศษ และสวัสดกิ าร 2. บันทกึ ควบคมุ เกี่ยวกับคา่ แรง ตามหลกั การบันทึก 3. ทาํ บัญชีเกย่ี วกับคา่ แรงงาน ตามหลักการคาํ นวณค่าแรงงานตามเงอื่ นไขทก่ี ําหนด
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของคา่ แรงงานและการควบคุมเก่ียวกับค่าแรงงานได้ 2. คาํ นวณต้นทุนค่าแรงงานได้ 3. วิเคราะห์และจําแนกประเภทของคา่ แรงงานได้ 4. บันทึกบัญชีเกี่ยวกับคา่ แรงงานได้ 5. อธบิ ายเงินพิเศษตา่ งๆ และสวัสดกิ าร และบนั ทกึ บญั ชีได้
ความหมายของคา่ แรง ค่าแรง ในท่ีน้ีหมายถึง ค่าจ้าง (Wages) และเงินเดือน (Salaries) การจ่ายค่าจ้าง มักกระทําเปน็ รายช่ัวโมง (Hourly) รายวัน (Daily) รายช้ิน (Piecework) หรือรายเดือน การจ่ายเงินเดือนจะจ่ายเป็นประจําเดือนท่ี เทา่ ๆ กนั ทุกเดือนประเภทของค่าแรงออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. ค่าแรงทางตรง (Direct Labor Cost) 2. คา่ แรงทางอ้อม (Indirect Labor Cost)
ความหมายของคา่ แรง 1. ค่าแรงทางตรง (Direct Labor Cost) เป็นค่าแรงท่กี ิจการจา่ ยใหค้ นงานทีท่ ําหนา้ ที่ในการผลติ สินคา้ โดยตรง คือ เปน็ ผู้ทาํ การแปรสภาพวตั ถุดบิ ใหก้ ลายเปน็ สินค้าสําเร็จรปู เช่น ค่าแรงของ พนกั งานแผนกผลิต ค่าแรงผู้ควบคมุ เครอื่ งจักร (Operator) ค่าแรงทางตรงน้จี ะคดิ เข้าเป็นตน้ ทุนของ 2ชน้ิ. งคา่านแทรี่ผงลทติ าโดงยอต้อรมง (Indirect Labor Cost) เปน็ ค่าแรงท่จี ่ายใหค้ นงาน หรอื พนักงาน ทีอ่ ย่ใู นแผนกอื่นๆ ในโรงงานท่ีไมไ่ ดท้ าํ การผลิตโดยตรง เชน่ ค่าแรงของผคู้ วบคุมพสั ดุ เงินเดือนยาม เงินเดอื นผู้จดั การโรงงาน เปน็ ตน้
การควบคมุ เกย่ี วกบั คา่ แรง การควบคุมการทํางานและการบัญชีท่ีดีเกี่ยวกับค่าแรงจึงเป็นส่ิงสําคัญในการควบคุมต้นทุนประเภทน้ี ในการจัดการ เก่ียวกบั แรงงานจงึ ต้องมีแผนกตา่ งๆ เข้ามาเกย่ี วข้องดงั นี้ คอื 1. แผนกบคุ ลากร (Personnel Department) มหี น้าทจ่ี ดั หาแรงงานตา่ งๆ เข้ามาในโรงงาน หนา้ ทโ่ี ดยสรุป ของแผนกน้ี คอื • การกาํ หนดมาตรฐานแรงงาน เกยี่ วขอ้ งกับการแบง่ ประเภทงาน • การวา่ จ้าง เก่ียวขอ้ งกบั การรับสมคั ร การสมั ภาษณ์ การทดสอบและการบรรจุเข้าทาํ งาน • การฝึกอบรม เกี่ยวขอ้ งกบั การอบรมฝกึ ฝน เพื่อให้พนักงานได้มคี วามชํานาญเพม่ิ ข้ึน • สวัสดิการ เป็นเรอ่ื งของการดูแลความปลอดภัยของคนงาน
การควบคมุ เก่ียวกับคา่ แรง 2. แผนกวางแผนการผลติ (Production Planning Department) มีหน้าทีใ่ นการกาํ หนด แผนการผลติ วา่ จะใช้ แรงงานประเภทใด แผนกใด เปน็ จาํ นวนเทา่ ใด 3. แผนกบญั ชเี กย่ี วกบั ค่าแรง(Payroll Accounting Department) มหี น้าท่เี กบ็ เวลาทํางานของคนงาน คํานวณ คา่ แรง วิเคราะห์คา่ แรงเขา้ งาน และจ่ายค่าแรงใหค้ นงาน แผนกทีท่ ําหน้าท่ีนี้อาจแบง่ เปน็ 3 แผนกย่อยๆ คอื • แผนกควบคุมเวลาทาํ งาน (Time-Keeping Department) มหี นา้ ท่ีบนั ทกึ เวลาทํางานของคนงาน • แผนกค่าแรง (Payroll Department) มีหน้าที่ค านวณค่าแรงตามเวลาทีแ่ ผนกควบคมุ เวลาทํางานรวบรวมได้ • แผนกบัญชตี น้ ทุน (Cost Accounting Department) ท าหน้าที่วเิ คราะห์คา่ แรงท่ีคาํ นวณโดยแผนกคา่ แรง
การควบคมุ เกยี่ วกบั ค่าแรง เอกสารที่ใชป้ ระกอบกระบวนการเก่ยี วกบั ค่าแรง ไดแ้ ก่ 1. บตั รลงเวลา (Clock Card) หรอื บตัรนาฬกิ า เป็นบัตรท่ีจดั ทําสําหรับคนงานแต่ละคนในแต่ละงวดค่าแรงเพื่อให้คนงานบันทึกเวลาท่ี เขา้ -ออกในโรงงาน โดยสอดบัตรเข้าไปในนาฬิกาเพือ่ ประทบั เวลา ซ่งึ เรยี กว่า การตอกบัตร 2. บัตรบันทกึ เวลาทํางาน (Time Ticket) คอื บัตรทใ่ี ช้บันทกึ เวลาท่พี นักงานใชไ้ ปในการผลติ ในลกั ษณะต่างๆ เพอ่ื แสดงให้ทราบว่า พนักงานทาํ งานประเภทใด ทไี่ หน ใชเ้ วลาเทา่ ใด 3. ทะเบยี นคา่ แรง (Payroll Record) เปน็ หน้าท่ีของแผนกคา่ แรงท่ีจะจัดทําทะเบียนคา่ แรงขึน้ เพ่ือใช้บนั ทกึ ค่าแรงของพนกั งานทกุ คน ทีค่ าํ นวณไดจ้ ากบตั รบันทกึ เวลาทํางาน 4. ใบสรปุ ต้นทนุ ค่าแรงงาน (Labor Cost Summary) ใบสรุปต้นทุนค่าแรงงานเป็นเอกสารท่ี ใช้บันทกึ คา่ แรงงานที่ได้วิเคราะหแ์ ละแยก ประเภทแลว้ ว่าเป็นคา่ แรงงานทางตรง หรอื คา่ แรงทางอ้อม
การคานวณตน้ ทนุ ค่าแรง การคํานวณต้นทุนค่าแรงเป็นหน้าที่ของแผนกค่าแรง (Payroll Department) ท่ีจะต้องคํานวณและจําแนกประเภทของเงินเดือนและ คา่ แรงต่างๆ ในแตล่ ะงวดทจี่ ะต้องจ่ายใหก้ ับพนกั งานและคนงานโดยจะคํานวณจากบัตรบันทกึ เวลาทํางานของคนงานแต่ละคนเป็นค่าแรง เบ้ืองต้น หักด้วยรายการหักต่างๆ เป็นค่าแรงสุทธิ จากนั้นก็จะส่งข้อมูลเหล่าน้ีไปยังแผนกการเงิน และแผนกบัญชีต่อไป เพื่อดําเนินการ จา่ ยคา่ แรง และบันทกึ บญั ชีต่อไป
การคานวณค่าแรงเบื้องต้น (Gross Payrolls) เป็นค่าแรงก่อนหักรายการต่างๆ ของคนงาน โดยคํานวณจากชั่วโมงการทํางาน หรืออาจคํานวณจ่ายเป็นรายชิ้นงาน ค่าแรงเบ้ืองต้นน้ีคํานวณได้จา กค่าแรงปกติรวมกับค่าแรง ล่วงเวลา ดังน้ี คอื 1. การคานวณค่าแรงปกติ การคํานวณตามชว่ั โมงการทํางาน ค่าแรงปกติ = จานวนชว่ั โมงการทางาน x อตั ราคา่ แรงรายชว่ั โมง การคาํ นวณตามชิน้ งาน คา่ แรงปกติ = จานวนหนว่ ยทผ่ี ลติ ได้ x อตั ราคา่ แรงรายช้นิ
2. การคานวณคา่ แรงล่วงเวลา(Overtime) กฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้บัญญัติเกี่ยวกับกําหนดเวลาทํางานปกติของกิจการอุตสาหกรรมว่า หาก ลูกจ้างทํางานเกนิ กวา่ เวลาและชั่วโมงปกติท่กี ิจการกาํ หนดไว้ นายจา้ งจะตอ้ งจา่ ยคา่ แรงล่วงเวลาให้แก่ลกู จ้าง อัตราค่า ล่วงเวลาตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน แบง่ ไดเ้ ป็น อัตราค่าล่วงเวลาในวนั ทางานปกติ หมายถึง ถ้าคนงานทํางานนอกเวลาปกติ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าแรงงาน ให้ลกู จา้ งในอตั ราหนึ่งเทา่ คร่งึ ของคา่ แรงต่อชัว่ โมงหรือต่อหนว่ ยของผลงานในเวลาทาํ งานปกติ อัตราล่วงเวลาในวันหยุด ถ้าคนงานหรือพนักงานลูกจ้างทํางานในวันหยุด หรือวันอ่ืนๆ นายจ้างต้องจ่ายค่า ล่วงเวลาใหแ้ ก่ลกู จา้ งตามหลกั เกณฑ์ สรุป คา่ แรงงานเบอื้ งต้น = ค่าแรงงานปกติ + คา่ แรงงานลว่ งเวลา
การคานวณคา่ แรงสุทธ(ิ Net Payroll or Net Earning) สรปุ คา่ แรงงานสุทธิ = คา่ แรงงานเบ้อื งตน้ – รายการหกั ต่าง ๆ ในการจ่ายค่าแรงและเงินเดือนให้คนงานหรือพนักงาน กิจการจะหักภาษีเงินได้ของคนงานไว้ เพื่อนําส่งสรรพากร ที่ตั้งอยู่ในเขตหรืออําเภอที่กิจการต้ังอยู่ นอกจากรายการภาษีเงินได้แล้ว ก็อาจมีรายการหักอ่ืนๆ อีก รายการหัก ดังกล่าวทุกรายการจะนําไปหักจาก คา่ แรงเบือ้ งตน้ เพื่อคาํ นวณหาคา่ แรงสทุ ธิประจาํ งวด
การวเิ คราะหแ์ ละจาแนกประเภทของคา่ แรง เม่ือพนักงานในแผนกค่าแรงได้คํานวณค่าแรงท่ีกิจการจะต้องจ่ายในแต่ละงวดเสร็จ แล้ว ก็จะมอบให้พนักงานท่ีทําหน้าที่วิเคราะห์ค่าแรงได้ทําการวิเคราะห์ค่าแรงของ งวดนัน้ ๆ ออกเปน็ ค่าแรงทางตรงและค่าแรงทางอ้อม เมอื่ วเิ คราะห์และจําแนกค่าแรง ได้แลว้ ก็จะบนั ทึกไวใ้ นใบสรปุ ตน้ ทุนค่าแรงงาน การจา่ ยคา่ แรง การจ่ายคา่ แรงให้แก่คนงานหรือพนักงาน อาจจ่ายใหต้ ามรายชิ้นของผลงานที่ทําได้ หรืออาจจ่าย เป็นรายช่ัวโมงท่ีท างาน บางประเภทอาจจ่ายในรูปของเงินเดือนประจํา การจ่ายค่าแรงและ เงนิ เดือนดงั กล่าวอาจจา่ ยเปน็ เงินสดหรอื เช็คกไ็ ด้
การบนั ทกึ บัญชเี ก่ยี วกบั ค่าแรง การบนั ทกึ บัญชเี กยี่ วกับคา่ แรง จะประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1. บันทึกคา่ แรงเบื้องตน้ รายการหักตา่ งๆ และคา่ แรงสทุ ธิ 2. บนั ทึกคา่ แรงเป็นตน้ ทุนการผลิต 3. บนั ทกึ การจา่ ยค่าแรงแกค่ นงาน
เงนิ พิเศษตา่ ง ๆ ค่าล่วงเวลา(Overtime) หมายถึง ค่าแรงท่ีจ่ายให้พนักงานหรือคนงานในช่วงนอก และสวสั ดิการ เวลางานปกติ การคิดคา่ ล่วงเวลาเปน็ ตน้ ทุนการผลิต มหี ลกั เกณฑ์ ดังน้ี 1. ค่าล่วงเวลาของคนงาน ซ่ึงไม่ได้ทําการผลิตสินค้าโดยตรง ถือเป็นต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการผลิต 2. ค่าล่วงเวลาของคนงาน ซ่งึ ทาํ หนา้ ที่ในการผลิตสนิ ค้าโดยตรงให้พิจารณา ดงั น้ี • ถ้าการทํางานล่วงเวลาเกิดขึ้นจากการรับงานจากลูกค้า กรณีเช่นน้ี จะถือวา่ คา่ ล่วงเวลาน้ันเป็นค่าแรงทางตรง • ถ้าการทํางานล่วงเวลาเกิดขึ้น จากการท่ีกิจการรับงานไว้เกินกําลัง ท่ีจะผลิตได้ทันในเวลาปกติ กรณีเช่นนี้จะถือว่า ค่าล่วงเวลาท่ีต้อง จ่ายเพิ่มข้ึนจากอัตราปกติเป็นค่าใช้จ่ายในการผลิต ส่วนท่ีจ่ายใน อัตราปกตถิ อื เปน็ ตน้ ทนุ ค่าแรงงานทางตรง
เงนิ พเิ ศษตา่ ง ๆ เงินรางวัลพนักงาน (Bonus) เงินรางวัลพนักงานเป็นผลตอบแทนท่ีกิจการจ่ายไปเพ่ือเพิ่มขวัญและ และสวัสดิการ กําลังใจแก่พนักงานนอกเหนือจากค่าจ้างหรือเงินเดือน ปกตินิยมจ่ายเป็นรางวัลพนักงานในวันสิ้นปี ดําเนินงานและมักจะจ่ายเมื่อกิจการมีผลกําไรสุทธิเท่าน้ัน โดยอาจ กําหนดว่าจ่ายเป็นก่ีเท่าของเงินเดือน หรอื กาํ หนดเปน็ เปอรเ์ ซน็ ตข์ องกําไรสุทธิประจําปี ค่าแรงระหวา่ งวนั หยุด พกั ผ่อน (Vacation Pay) การคํานวณค่าแรงท่ีจ่ายให้น้ีใช้หลักการเดียวกับการ จ่ายเงนิ รางวลั พนกั งาน คอื ถือวา่ เงนิ ท่ีจ่ายนเ้ี ป็นคา่ ใช้จ่ายในการผลิต เงินบานาญ (Employee Pension Cost) หมายถึง เงินท่ีลูกจา้ งจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ การกําหนด นโยบายเก่ียวกับเงนิ บาํ นาญ กิจการอาจกาํ หนดเพียงฝา่ ยเดียวหรืออาจกําหนดรว่ มกนั กับลูกจ้าง
เงนิ พเิ ศษต่าง ๆ ค่าเขา้ กะ(Shift Premium) เปน็ เงนิ พเิ ศษทกี่ ิจการจา่ ยให้ลูกจ้างกรณีทํางานนอกเวลาปกติ ซึ่งเป็นการ และสวัสดกิ าร จา่ ยให้เป็นกรณีพเิ ศษเพ่อื ชดเชยกบั การท่ีลกู จา้ งทํางานในตอนกลางคืน ผู้ท่ีทํางานในช่วงกะกลางคืน จะ ไดร้ ับเงนิ เพ่มิ พิเศษที่เรียกว่า ค่าเขา้ กะ หรือเงนิ เพม่ิ พเิ ศษยามวิกาล เงินชดเชยเมอื่ ออกจากงาน เป็นเงนิ ท่ีบริษทั จ่ายให้พนักงานในกรณที ใ่ี หพ้ นักงานออกจากงานโดยไม่มี ความผดิ ตามกฎหมายค้มุ ครองแรงงานไดบ้ ัญญตั ิใหล้ ูกจา้ งมสี ิทธไิ ดร้ ับคา่ ชดเชย หากนายจา้ งเลิกจา้ งโดย ไม่มีความผดิ เงนิ สวัสดกิ ารอนื่ ๆ กจิ การบางแห่งก็ยงั ไดจ้ ัดสวัสดกิ ารดา้ นต่างๆ เช่น คา่ รักษาพยาบาล การจัดรถรับส่ง พนักงานการเลย้ี งอาหารกลางวนั แก่พนักงาน เปน็ ต้น
การบัญชีเกีย่ วกับ คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5
สาระสาคญั ค่าใช้จ่ายการผลิต เป็นส่วนประกอบส่วนหน่ึงของต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เป็นต้นทุน การผลิตที่มิใช่วัตถุดิบทางตรงและค่าแรงทางตรง จะถือเป็นค่าใช้จ่ายการผลิต ค่าใช้จ่ายการ ผลิต อาจเรียกว่า โสหุ้ย การผลิตหรือค่าใช้จ่ายโรงงาน แบ่งออกเป็น ค่าใช้จ่ายการผลิตของ แผนกผลิต และคา่ ใช้จา่ ยการผลติ ของแผนกบริการ
สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของค่าใช้จา่ ยการผลิต 2. คา่ ใช้จ่ายการผลติ ของแผนกผลติ 3. ค่าใช้จ่ายการผลิตของแผนกบรกิ าร 4. ลกั ษณะการเกิดค่าใชจ้ ่ายการผลิตจริงและวธิ กี ารบนั ทึกบญั ชี 5. คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คดิ เขา้ งาน 6. การคํานวณและการบนั ทึกบัญชเี กยี่ วกับค่าใช้จ่ายการผลิตคิดเขา้ งาน 7. การปนั ส่วนค่าใชจ้ ่ายท่ีเกดิ ข้นึ จรงิ จากแผนกบริการเขา้ สู่แผนกผลติ สมรรถนะประจาหน่วย 1. แสดงความรู้เก่ียวกบั คา่ ใช้จ่ายการผลิตของแผนกต่างๆ 2. คาํ นวณ และบันทึกบญั ชเี กยี่ วกบั ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ ท่ีเกิดจากแผนกตา่ งๆ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมายและลักษณะของคา่ ใช้จ่ายการผลิตได้ 2. อธบิ ายลกั ษณะการเกดิ ค่าใช้จา่ ยการผลติ จริงได้ 3. บันทึกบัญชคี า่ ใช้จ่ายการผลิตทเี่ กดิ ขึน้ จริงได้ 4. คํานวณอัตราค่าใชจ้ ่ายการผลิตคิดเข้างานได้ 5. คํานวณและบนั ทกึ บญั ชเี กี่ยวกบั คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คิดเข้างานได้ 6. ปนั ส่วนค่าใช้จา่ ยของแผนกบริการให้แผนกผลติ ได้
ความหมายของคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ ค่าใช้จ่ายการผลติ (Manufacturing Overhead) หมายถึง ค่าใช้จา่ ยตา่ งๆ ที่เกดิ ขน้ึ ในโรงงานถือเปน็ ต้นทุนการ ผลิตชนดิ หนึง่ นอกเหนอื จากวัตถดุ ิบทางตรง และค่าแรงทางตรง ซึง่ อาจเรยี กอกี อย่างหนึ่งว่า โสหยุ้ การผลติ หรือ คา่ ใช้จา่ ยโรงงาน ลักษณะของค่าใช้จ่ายการผลิต เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นเป็นส่วนรวม การเกิดของค่าใช้จ่ายการผลิตอาจเกิดขึ้นได้ทั้ง ในแผนกผลิตที่ทําการผลิตสินค้าโดยตรง(Producing Department) และแผนกบริการ (Service Department) ซ่งึ เปน็ แผนกทส่ี ่งเสริมสนบั สนนุ การผลิตทางอ้อม
คา่ ใช้จ่ายการผลติ ของแผนกผลติ คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตแต่ละแผนก หมายถงึ ค่าใช้จา่ ยการผลติ ท่ถี อื เปน็ ต้นทุนของแผนกผลิตนั้นๆ ซง่ึ ประกอบดว้ ย ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิต 2 ประเภท คอื 1 2 คา่ ใชจ้ ่ายทางตรงของแผนกผลติ คา่ ใชจ้ า่ ยทางอ้อมของแผนกผลติ เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนสําหรับแผนกผลิตใด ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายที่ได้รับการปันส่วนจาก แผนกผลิตหน่ึงโดยเฉพาะเพื่อการทํางานของ แผนกบริการ แผนกใดแผนกหน่ึงโดยตรงกับท่ี แผนกน้ันๆ โดยตรง สามารถบอกได้แน่ชัดว่า ได้รบั ปนั ส่วนมาจากคา่ ใช้จา่ ยในการผลิตทั่วไป เป็นค่าใชจ้ า่ ยของแผนกใดเท่าไร
คา่ ใช้จ่ายการผลติ ของแผนกบรกิ าร แผนกบริการเป็นแผนกที่ช่วยในการผลิตทางอ้อมหรือช่วยอํานวยความสะดวกให้แผนกผลิตในการผลิตสินค้า ค่าใชจ้ ่ายของแผนบรกิ ารประกอบด้วย ค่าใชจ้ า่ ย 2 ประเภท เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการผลติ คอื 1 ค่าใช้จา่ ยทางตรง 2 ค่าใช้จ่ายทางอ้อม
คา่ ใช้จา่ ยการผลติ ของแผนกบรกิ าร 1 ค่าใช้จ่ายทางตรง เป็นค่าใช้จ่ายทเี่ กิดขน้ึ ในแผนกบรกิ ารเอง เช่น แผนกบรกิ าร ซ่อมแซมบํารงุ รกั ษา คา่ ใชจ้ า่ ย ทางตรงก็คอื ค่าเส่ือมราคา-เคร่อื งมืออุปกรณท์ ี่ใช้ในการซอ่ มแซม บาํ รงุ รกั ษา 2 ค่าใชจ้ า่ ยทางออ้ ม เปน็ คา่ ใช้จ่ายท่ีแผนกบรกิ ารได้รบั ปนั สว่ นตามเกณฑท์ ี่เหมาะสม จากค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตทั่วไป เน่ืองจากค่าใชจ้ ่ายในการผลติ ทว่ั ไป
ลักษณะการเกดิ คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ จริงและวธิ ีการบนั ทึกบญั ชี การดําเนินการผลิตค่าใช้จา่ ยในการผลติ จะประกอบด้วยค่าใช้จ่ายหลายๆ ประเภท ขึ้นอยู่กบั ลกั ษณะการผลิต ของแต่ละธรุ กิจ ซึง่ มักจะแตกต่างกนั โดยทั่วไปคา่ ใช้จ่ายในการผลิต มีลักษณะการเกิดขน้ึ 3 ลกั ษณะ 1. เกิดจากการจ่ายเงิน วิธีการบันทึกบัญชีจะ 2. เกิดจากการโอนบัญชี ซึ่งจะบันทึกบัญชีโดย 3. เกิดจากการปรับปรุงเม่ือส้ินงวด การ บันทึกในบัญชีคุมยอดค่าใช้จ่าย ในการผลิต เข้าบัญชีค่าใช้จ่ายการผลิตท้ังสองบัญชี เมื่อเกิด บันทึกบัญชีโดยการปรับปรุงรายการจะทําใน จากน้ันก็จะผ่านรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการ รายการจะบันทึกในสมุดรายวันทั่วไปโดยใช้ สมุดรายวันทั่วไป จากนั้นก็จะผ่านไปยังบัญชี ผลิตแต่ละชนิดไปยังบัญชีย่อย ซึ่งจะปรากฏอยู่ หลักฐานจากใบเบิกวัตถุดิบและบัตรลงเวลา ย่อย คือ ใบสรุปค่าใช้จ่ายการผลิตประจํา ในใบสรปุ ค่าใช้จา่ ยการผลติ ของแตล่ ะแผนก คนงาน แผนกเช่นกนั
คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตคดิ เข้างาน ลักษณะของคา่ ใช้จ่ายการผลิตจะเป็นท้ังตน้ ทนุ ผนั แปรตน้ ทนุ คงท่ี และต้นทนุ ผสมหรือต้นทนุ กง่ึ ผนั แปร ต้นทุนผันแปร (Variable Expenses) เป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายประเภทที่จะเปล่ียนแปลงเพ่ิมหรือ ลดไปตามปรมิ าณกจิ กรรม ตน้ ทุนคงที่ (Fixed Expenses) เป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่ต้นทุนรวมจะคงที่อยู่ในช่วงระยะเวลา หนึ่ง เม่ือกิจกรรมเพ่ิมต้นทุนคงท่ีต่อหน่วยจะลดลง แต่ถ้ากิจกรรมลดลงต้นทุนคงท่ีต่อหน่วยจะ เพ่มิ ขึ้น ต้นทนุ กงึ่ ผนั แปร (Semivariable Expenses) หรอื ค่าใช้จ่ายก่ึงผนั แปร เป็นคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีจะ เปลย่ี นแปลงไปตามปรมิ าณกิจกรรม แตก่ ารเปลยี่ นแปลงนน้ั จะไมเ่ ป็นไปตามอัตราส่วนโดยตรงกับ การเปล่ยี นแปลงของปริมาณกิจกรรม
ค่าใชจ้ ่ายการผลิตคิดเข้างาน ในการกาํ หนดอัตราค่าใช้จา่ ยการผลติ คดิ เขา้ งาน ตอ้ งคํานึงถงึ เร่อื งตอ่ ไปน้คี อื 1. จะกําหนดอตั ราต่อหนว่ ยใด เช่น ต่อหนง่ึ หน่วยผลผลิต ต่อ 1 ชว่ั โมงแรงงานทางตรง ต่อ 1 ชัว่ โมงเครอ่ื งจักร 2. การกําหนดอตั ราคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คดิ เข้างานน้ีจะกําหนด ณ ระดบั กําลงั การผลติ ใด 3. ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ ที่จะนํามาคาํ นวณต้นทุนผลติ น้ัน จะคดิ โดยวธิ ีต้นทนุ รวม (Absorption Costing) ซงึ่ รวม คา่ ใชจ้ ่ายคงท่ีกบั คา่ ใช้จา่ ยผนั แปรไว้ด้วยกัน ส่วนค่าใชจ้ ่ายคงท่ีจะถอื เปน็ ค่าใช้จ่ายประจํางวด ซ่งึ เป็นวธิ ที ี่เรียกวา่ ต้นทนุ โดยตรง(Direct Costing) 4. อัตราคา่ ใช้จ่ายในการผลิตคดิ เขา้ งานนจี้ ะกําหนดเปน็ อตั ราเดยี วใช้ท้ังโรงงาน (Plant-wide หรือ Blanket Rate) หรือจะกําหนดขึน้ เป็นอตั ราประจาํ แผนก (Departmental Rate) 5. กําหนดอัตราค่าใช้จ่ายการผลิตคิดเข้างานจะแยกกันระหว่างค่าใช้จ่ายประเภทบริการ หรือของแผนกบริการ และแผนกผลิต หรอื ไม่
ปัจจัยท่ใี ช้เปน็ เกณฑใ์ นการกาหนดอัตราคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ คดิ เขา้ งาน การท่ีจะคํานวณต้นทุนค่าใช้จ่ายการผลิตเข้าเป็นต้นทุนของสินค้าสําเร็จรูปน้ัน จะต้องอาศัยปัจจัยท่ีมี ความสัมพันธโ์ ดยตรงกับสินคา้ ที่ผลติ เพ่ือเปน็ เกณฑใ์ นการคาํ นวณต้นทุนคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตเข้าเป็นต้นทุน ของสินค้าสําเร็จรปู อัตราค่าใช้จ่ายการผลิตคิดเข้างานจึงคํานวณได้ โดยนําค่าใช้จ่ายการผลิตที่ประมาณไว้หารด้วย ปริมาณ กิจกรรม หรอื ตามงบประมาณ ดังนี้ คอื อัตราคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตคดิ เขา้ งาน = คา่ ใช้จ่ายการผลติ ทั้งปีโดยประมาณ ปรมิ าณกิจกรรมรวมทง้ั ปโี ดยประมาณ
การกาหนดอตั ราค่าใชจ้ ่ายในการผลติ คดิ เขา้ งานโดยใชเ้ กณฑผล์ ผลติ อัตราค่าใช้จ่ายการผลติ คิดเขา้ งาน = คา่ ใช้จา่ ยการผลิตโดยประมาณ จานวนหนว่ ยสนิ คา้ ท่ผี ลิตสาเร็จ วิธกี ารคาํ นวณวิธีน้เี หมาะสําหรับกิจการทผ่ี ลิตสินค้าเพียงชนิดเดียว หรือถา้ ผลิตสนิ คา้ หลายชนิด กรรมวิธีการผลติ ของสนิ คา้ เหล่าน้นั ตอ้ งคล้ายคลึงกนั มากที่สุด การกาหนดอตั ราค่าใช้จ่ายการผลิตคดิ เข้างานโดยใชเ้ กณฑ์ช่วั โมงแรงงานทางตรง อตั ราคา่ ใช้จา่ ยการผลิตคิดเข้างาน = คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ โดยประมาณ ชว่ั โมงค่าแรงงานทางตรงโดยประมาณ วธิ นี เ้ี หมาะสาํ หรบั กจิ การทใ่ี ชแ้ รงงานคนในการผลติ เปน็ สว่ นใหญ่ และอตั ราคา่ แรงทจ่ี า่ ยใหค้ นงานนน้ั มหี ลายอตั รา เนอ่ื งจาก การคาํ นวณโดยวธิ นี ้ไี มไ่ ด้นาํ อัตราค่าแรงของคนงานเขา้ มาเก่ยี วข้อง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137