เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรมแนะแนว รหัสวชิ า 31901-32902 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 นางสาวศิรริ ัตน์ หนอ่ ศรี ครูผ้สู อน โรงเรียนมหาวชริ าวธุ จังหวดั สงขลา สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 16
คานา กิจกรรมแนะแนวเป๐นกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน สามารถวางแผนด้าน การศึกษา อาชีพและสังคม ได้อย่างเหมาะสมกับตนเอง มีทักษะชีวิตสามารถปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่าง เหมาะสม เป๐นประโยชน์และเป๐นสุข อีกท้ังยังเป๐นโอกาสที่ครูจะได้รู้จัก และเข้าใจผู้เรียน ซ่ึงจะนําไปสู่การ ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองและบุคคลอื่นที่เก่ียวข้อง ในการช่วยเหลือ แก้ไข และพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพย่ิงข้ึน งานแนะแนวล้วนเก่ียวข้องกับการพัฒนาชีวิตและจิตใจ การจัดกิจกรรมแนะแนวให้บรรลุผ ล ดังกล่าว ครูผู้จัดกิจกรรมจึงควรรู้และเข้าใจธรรมชาติของชีวิต จิตวิทยาวัยรุ่น จิตวิทยาและการแนะแนว อีกทั้ง กระบวนการในการจัดกิจกรรมแนะแนวเพ่อื พัฒนาชีวติ ให้เกดิ ความสมดุลและเป๐นสุข ดังน้ันการเริ่มต้นศึกษาและ ทําความเข้าใจอย่างลึกซ้ึง และนําไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียนและบริบทของโรงเรียน จะ เอ้อื อาํ นวยใหผ้ ้เู รียนเตบิ โต งอกงาม เตม็ ตามศกั ยภาพของตน เอกสารหลักสูตรกิจกรรมแนะแนวฉบับน้ี เกิดจากความตั้งใจของคณะทํางาน โดยการนํา ประสบการณ์จากการปฏบิ ัติงานแนะแนวด้วยความรักและมุ่งมั่นตั้งใจย่ิง ในโรงเรียนอย่างยาวนาน มาหลอมรวม ร่วมพัฒนาเป๐นหลักสูตรเพื่อเป๐นแนวทางให้เพ่ือนผู้ร่วมอาชีพได้นําไปเป๐นคู่มือในการจัดทําแผนการจัดกิจกรรม แนะแนวเพ่อื พัฒนาผ้เู รียนใหท้ สี่ อดคล้องกบั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 นางสาวศิรริ ตั น์ หน่อศรี ผ้จู ดั ทาํ 19 มนี าคม 2563
คาอธิบายรายวิชา กิจกรรมแนะแนวช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 กจิ กรรมแนะแนวชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 มีเนือ้ หาวชิ าใหนกั เรียนไดเรียนรูและศึกษาเกย่ี วกบั การยอมรบั ผลการกระทําของตนเอง การสํารวจจดุ เดนและความสามารถพเิ ศษ การปรับปรุงพัฒนาทางดานการเรยี นและ บคุ ลิกภาพ การพัฒนาสวนดแี ละแกไขขอบกพรอง ในตนเองการชนื่ ชมยินดใี นความดีงามของผูอื่น การวเิ คราะห และสงั เคราะห์ข้อมูลการเลือกรับขอมูลขาวสารผลกระทบของการตัดสินใจการแลกเปลี่ยน ประสบการณชวี ิต ทักษะการสื่อสารการเปลยี่ นวิกฤติใหเปนโอกาส คนดศี รสี ังคม และการสรางมนุษยสมั พันธโดยมวี ตั ถปุ ระสงคใ์ ห นกั เรยี นไดพัฒนาตนเองในดานตาง ๆ ยอมรบั ชืน่ ชมตนเองและผูอน่ื สามารถวเิ คราะหและสังเคราะหขอมูลไดมี ทักษะในการสื่อสารมีความสามารถในการเปล่ียนวกิ ฤตใหเปนโอกาส สามารถนาํ คณุ ธรรมความดขี องคนดศี รีสงั คม ไปปรบั ใชกับชวี ิตของตนเองและมมี นุษยสัมพนั ธท่ีดีกับบุคคลท่ัวไป
การจดั กิจกรรมแนะแนว หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 หลักการ เป๐นกิจกรรมท่ีสอดคล้องกบั สภาพปญ๎ หา ความต้องการ ความสนใจธรรมชาตขิ องผู้เรียนและ วิสยั ทัศน์ของสถานศึกษาทต่ี อบสนองจดุ มุ่งหมายของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ใหค้ รอบคลมุ ทงั้ ด้านการศกึ ษา การงานและอาชีพ ชวี ิตและสังคม เน้นผเู้ รยี นเปน๐ สาํ คัญ ผู้เรียนมีอสิ ระในการคิด และตดั สนิ ใจด้วยตนเอง เรยี นรู้ดว้ ยตนเองดว้ ยการปฏบิ ัตจิ นกระทั่งเกดิ ทกั ษะชวี ติ หรือการเรียนรู้ ตลอดจนครทู ุก คนมีสว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรม โดยมีครูแนะแนวเป๐นพี่เล้ยี งและประสานงาน วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ รจู้ ัก เขา้ ใจ รักและเห็นคุณคา่ ในตนเองและผอู้ ่นื 2. เพ่อื ให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรยี น อาชีพ รวมทั้งการดาํ เนนิ ชวี ิตและสงั คม 3. เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ สามารถปรับตวั ได้อย่างเหมาะสม และอยรู่ ่วมกบั ผอู้ น่ื ได้อย่างมี ความสขุ ขอบข่าย สาระการจดั กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมแนะแนวเป๐นกิจกรรมที่สง่ เสริมและพฒั นาผู้เรยี นใหร้ ู้จดั ตนเอง รู้รกั ษ์สิ่งแวดล้อม สามรถติด สินใจ คดิ แกป้ ๎ญหา กําหนดเปูาหมาย วางแผนชวี ิตท้งั ด้านการเรียนและอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนยี้ ังช่วยใหค้ รรู ู้จักและเขา้ ใจผู้เรยี นทั้งยังเปน๐ กจิ กรรมทีช่ ว่ ยเหลอื และให้คําปรกึ ษาแก่ผูป้ กครองในการมี ส่วนรว่ มพัฒนาผู้เรียน การจดั กจิ กรรมแนะแนว ครอบคลมุ 3 ดา้ น คือ 1. ด้านการศึกษา 2. ด้านการงานอาชีพ 3. ดา้ นชีวติ และสังคม 1. ด้านการศกึ ษา ให้ผูเ้ รยี นได้พฒั นาตนเองในดา้ นการเรียนอย่างเตม็ ศักยภาพ รูจ้ กั แสวงหาและ ใช้ขอ้ มลู ประกอบการวางแผนการเรียนหรอื การศกึ ษาต่อได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ มีนสิ ัยใฝุเรยี นรู้ มวี ิธีการเรียนรู้ และสามารถวางแผนการเรียนรูห้ รอื การศึกษาตอ่ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. ดา้ นการงานอาชีพ ให้ผูเ้ รยี นไดร้ ู้จกั ตนเองในทุกดา้ น รู้และเข้าใจโลกของงานอาชีพอยา่ ง หลากหลาย มีเจตคตทิ ่ีดตี อ่ อาชีพสจุ ริต มกี ารเตรยี มตัวสู่อาชพี สามารถวางแผนเพือ่ ประกอบอาชีพตามทตี่ นเองมี ความถนดั และความสนใจ 3. ด้านชวี ิตและสังคม ใหผ้ ู้เรยี นรูจ้ กั และเข้าใจตนเอง รกั และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นรกั ษ์ สง่ิ แวดล้อม มวี ฒุ ิภาวะทางอารมณ์ มเี จตคติท่ดี ตี ่อการมชี วี ติ ท่ดี ี มคี ุณภาพ มที ักษะ และสามารถปรับตัวให้ ดาํ รงชวี ิตอยูใ่ นสังคมได้อย่างมคี วามสุข
การวัดผล ประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลกิจกรรมแนะแนว 1. ประเมินการผ่านผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั 2. ประเมินจากการสังเกตพฤตกิ รรม และประเมนิ คุณลักษณะด้านคุณธรรม 2.1 ดา้ นความมีระเบยี บวนิ ยั ได้แก่ พฤตกิ รรมการเข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกต้องตามระเบยี บ และผลงานสะอาดเรยี บร้อยถูกต้อง 2.2 ดา้ นความซื่อสัตยต์ อ่ ตนเองและผู้อนื่ ไดแ้ ก่ พฤติกรรมการยอมรบั ในผลงานตนเอง และผ้อู ื่น พฤติกรรมการไมร่ บกวนผู้อน่ื ในขณะจัดการเรียนการสอน 2.3 ด้านความขยนั หมน่ั เพยี รและมคี วามรับผิดชอบได้แก่ พฤติกรรมการปฏิบัตติ ามหน้าทท่ี ีไ่ ด้รับ มอบหมาย ดว้ ยความตงั้ ใจ และพฤตกิ รรมการสง่ งานตรงเวลา 2.4 ด้านความสามคั คี ไดแ้ ก่ พฤติกรรมการรว่ มมือกันปฏิบตั ิงานจนสาํ เร็จ และพฤติกรรมการมี ความเปน๐ ประชาธปิ ไตย 2.5 ด้านความมีนํ้าใจ ได้แก่ พฤติกรรมการช่วยเหลือเพ่ือน และพฤติกรรมการอธิบายความรู้และ ชว่ ยเหลือซงึ่ กันและกัน 3. ประเมนิ จากการมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมแนะแนวไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาทั้งหมด ท่จี ดั กิจกรรม ตลอดปีการศึกษา การตัดสินผลการประเมินกิจกรรมแนะแนว เมื่อนักเรียนมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาทงั้ หมดทีจ่ ัดกิจกรรม ตลอดปี การศกึ ษา และปฏิบตั กิ จิ กรรมตามผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวังทัง้ หมดที่กาํ หนด ให้ไดผ้ ลการประเมิน “ผ” และถา้ ไม่ผา่ นตามเกณฑ์ที่กําหนดให้ไดผ้ ลการประเมนิ “มผ” การเปลี่ยนผลการประเมนิ กิจกรมแนะแนว “มผ” เป็น “ผ” ใหน้ ักเรยี นทํากิจกรรมในส่วนทย่ี งั ขาดอยู่ให้ครบ และผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ตามผลการเรยี นรู้ที่ คาดหวังในแตล่ ะกิจกรรม
โครงสร้างการจดั กจิ กรรมแนะแนว ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ลาํ ดบั วัตถปุ ระสงค์ วัตถุประสงค์ชน้ั ปี หนว่ ยการ สาระสาํ คัญ สาระการเรียนรู้ จํานวน ที่ จดั กิจกรรม (ความคดิ รวบยอด) (เน้อื หา) เวลา (ชม.) 1 1.1 นกั เรียนรจู้ กั นักเรียนร้จู ักและ คา่ นยิ มกบั คา่ นยิ มคือสิง่ ที่ 1. คา่ นยิ มท่ี 3 เข้าใจ เหน็ คณุ ค่า เขา้ ใจค่านยิ มท่ี คุณค่าของ บุคคลให้คุณค่าและ นักเรียนให้ 4 ในตนเองและ ตนให้ความสําคญั ชีวติ เป๐นแรงจงู ใจในการ ความสําคญั พัฒนาตนเองได้ มแี นวทางการ กระทาํ ส่งิ ต่างๆ 2. แนวทางการ 7 เต็มตามศักยภาพ พัฒนาตนให้ ดังนั้นการตระหนกั พัฒนาตนให้ สอดคลอ้ งกับ รแู้ ละพัฒนาค่านิยม สอดคลอ้ งกบั ค่านยิ มอย่าง ของตนให้เหมาะสม ค่านิยมอย่าง เหมาะสมและ และเป๐นประโยชน์ เหมาะสมและ เป๐นประโยชน์ จะช่วยให้นักเรยี น เปน๐ ประโยชน์ สามารถพฒั นาตน ไดเ้ ต็มตาม ศกั ยภาพ 2 1.2. นักเรียน นักเรยี นเข้าใจ ฉันกบั คนใน ครอบครวั เปน๐ 1. ความสาํ คญั ร้จู กั เขา้ ใจ เห็น และตระหนักถงึ ครอบครัว พนื้ ฐานสําคญั ของ และคุณค่าของ คณุ คา่ ของผูอ้ ืน่ ความสาํ คญั ของ ชวี ิต สัมพนั ธภาพ คนในครอบครวั และปฏบิ ตั ิตนต่อ บคุ คลใน ท่ดี ี ความรัก ความ ที่มสี ว่ นเก้อื กูล ผ้อู น่ื อยา่ ง ครอบครัวที่มสี ว่ น อบอนุ่ ภายใน ตอ่ ชวี ิตตน เหมาะสม เกื้อกลู ต่อชีวติ ตน ครอบครัวจะช่วย 2. แนวทางการ และปฏบิ ัตติ นต่อ หล่อหลอมบุคคลให้ ปฏิบัติตนต่อคน คนในครอบครัว เตบิ โตอยา่ งมี ในครอบครัว ด้วยความรสู้ กึ คณุ ภาพ ดังน้ันการ อย่างเห็นคุณค่า เหน็ คุณคา่ และ ได้เรยี นรแู้ ละเข้าใจ และกตญั ํู กตญั ํู ในบทบาท หนา้ ที่ ความรบั ผิดชอบที่มี ตอ่ กันในครอบครัว จะทาํ ใหน้ ักเรยี นมี แนวทางการปฏบิ ัติ ตนต่อคนใน ครอบครัวอยา่ ง เหมาะสม 3 2.1 นักเรยี น นกั เรยี นสามารถ เปูาหมายสู่ การมีเปาู หมายการ 1. สามารถคิด ปรับปรงุ แก้ไข อนาคต เรียนทชี่ ัดเจน จะ ความสามารถ วเิ คราะห์ ตนเองดา้ นการ เปน๐ แรงจูงใจให้ ทางการเรยี น ตดั สนิ ใจ เรยี นและวางแผน นกั เรียนแสวงหา 2. เปาู หมาย แกป้ ๎ญหา และ พฒั นาการเรยี น แนวทางในการ การศกึ ษาต่อ วางแผนดา้ น ได้อย่างสอดคลอ้ ง พฒั นาตนเอง 3. วิธีการ การศกึ ษา กบั เปูาหมาย ทางการเรียนอยา่ ง พัฒนาตนดา้ น
ลาํ ดับ วัตถุประสงค์ วตั ถปุ ระสงคช์ ัน้ ปี หน่วยการ สาระสาํ คัญ สาระการเรยี นรู้ จํานวน ท่ี จัดกิจกรรม (ความคดิ รวบยอด) (เน้ือหา) เวลา 4 3.1 นักเรียนมี (ชม.) ทกั ษะการจดั การ การศกึ ษาของตน ต่อเนอ่ื งเพ่ือไปสู่ การเรยี นอยา่ ง 3 กบั อารมณ์และ นักเรียนตระหนัก จดั ใจก่อน เปาู หมายทางการ สอดคลอ้ งกับ ความเครียด รแู้ ละยอมรบั จดั การ เรยี นของตน เปูาหมาย 3 ป๎ญหาทเี่ กิด การศึกษา 5 3.2 นักเรียนมี ขึ้นกับตน ความเครยี ดเปน๐ ผล 1. ป๎ญหาของ ทกั ษะการส่ือสาร สามารถจัดลาํ ดับ จากการสะสม นกั เรียน และสร้าง ความสาํ คญั ของ ป๎ญหาทเี่ กดิ ขึ้นใน 2. การจดั ลาํ ดับ สมั พันธภาพ ป๎ญหาและจัดการ ชวี ิตประจาํ วนั ความสําคัญของ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดังน้นั การจัดลําดับ ป๎ญหาและ ความสาํ คัญของ วธิ กี ารจัดการ นักเรยี นรู้จักและ การ ปญ๎ หาจะชว่ ยให้ กับป๎ญหาอย่าง เหน็ ความสําคัญ แสดงออก นักเรียนสามารถ เหมาะสม ของ อยา่ ง จัดการกบั พฤติกรรมการ เหมาะสม สถานการณ์ที่เปน๐ แสดงออกอยา่ ง ปญ๎ หาเหล่านนั้ ได้ เหมาะสม อย่างเหมาะสม สามารถ ตามลําดบั แสดงออกได้อย่าง ความสาํ คัญ เหมาะสม พฤติกรรมการ 1. รูปแบบและ แสดงออกอยา่ ง ความสาํ คญั ของ เหมาะสมเป๐น พฤติกรรมการ รูปแบบหน่งึ ของ แสดงออกอยา่ ง การส่อื สารท่ี เหมาะสม ชว่ ยใหน้ กั เรยี น 2. ฝกึ สามารถส่อื สารได้ พฤติกรรมการ อย่างสอดคล้องกบั แสดงออกอยา่ ง ความรสู้ ึกและ เหมาะสม ความต้องการของ ตน โดยสามารถ รกั ษาสัมพนั ธภาพที่ ดรี ะหวา่ งตนและ ผู้อน่ื
โครงสร้างการจดั กจิ กรรมแนะแนว ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ลําดั วัตถปุ ระสงค์ วตั ถุประสงคช์ ัน้ ปี หน่วยการ สาระสําคัญ สาระการเรยี นรู้ จํานวน บท่ี จัดกจิ กรรม (ความคดิ รวบยอด) (เน้อื หา) เวลา 1 2.2 นกั เรยี น (ชม.) นกั เรยี นรู้ค่านยิ ม คา่ นิยม การสาํ รวจค่านยิ ม 1. ค่านิยมใน 6 สามารถคดิ ในงานอาชีพของ พัฒนาสู่ ในงานอาชีพ จะ งานอาชีพของ วเิ คราะห์ ตนเองและรู้ อาชีพ ทําใหน้ กั เรยี นรู้จัก ตนเอง ตดั สนิ ใจ ขอ้ มลู อาชพี ท่ี และเข้าใจตนเอง 2. ข้อมลู อาชพี แกป้ ๎ญหา และ สอดคลอ้ งกบั ตลอดจนมีแนวทาง ทส่ี อดคล้องกับ วางแผนดา้ น คา่ นยิ มของตน ในการวางแผนไปสู่ คา่ นยิ มของตน อาชีพ เขา้ ใจคุณสมบัติ อาชีพทส่ี อดคล้อง 3. คุณสมบัติ ของบุคคลทีจ่ ะ และเหมาะสมกับ ของบุคคลที่ เขา้ สู่ คา่ นยิ มของตน ตลาดแรงงานใน ตลาดแรงงานใน และการศกึ ษา กลมุ่ ประเทศ กลมุ่ ประเทศ ขอ้ มูลคุณสมบัติ อาเซยี นและ อาเซียนและ ของบุคคลท่ี อาชพี ในระบบ อาชพี ในระบบ ตลาดแรงงานใน เศรษฐกจิ ยุค เศรษฐกิจยุคใหม่ กลมุ่ ประเทศ ใหม่ต้องการ สามารถระบุ อาเซียนและอาชีพ 4. แนวทางการ อาชีพที่เหมาะสม ในระบบเศรษฐกจิ พฒั นาตนเอง กับตนเองพร้อม ยุคใหม่ต้องการ และการ เหตผุ ล และ จะชว่ ยใหน้ ักเรยี นมี วางแผนศกึ ษา กําหนดแนวทาง ความพร้อมในการ ตอ่ เพื่อเข้าสู่ พฒั นาตนเองหรือ เตรียมตวั เข้าสู่โลก อาชพี ท่ีตัดสนิ ใจ ศึกษาตอ่ เพือ่ เข้าสู่ ของงานในอนาคต เลือก อาชพี ที่ตัดสนิ ใจ และสามารถ เลือก วางแผนชีวติ เพ่อื ไปสเู่ ปาู หมายอาชีพ ที่สนใจได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ 3 3.3 นักเรยี นมี นักเรยี นตระหนัก รักให้ดีดว้ ย การเสรมิ สรา้ งวุฒิ 1. ผลกระทบ 6 ทกั ษะการปฏบิ ัติ ถึง อีควิ ภาวะทางอารมณ์ ของป๎ญหาที่เกิด ตนอยา่ ง ผลกระทบของ จะช่วยให้นักเรียนมี จากความรกั เหมาะสมและ ปญ๎ หาท่เี กดิ จาก เหตุผล มีจติ ใจท่ี 2. วธิ ีการ ปลอดภยั ในเรือ่ ง ความรกั เข้มแข็ง รู้จกั จดั การปญ๎ หาท่ี เพศ และสามารถ ควบคุมอารมณ์และ เกดิ จากความ จดั การกับป๎ญหา มแี นวทางจดั การ รักอยา่ ง ได้อย่างเหมาะสม กับป๎ญหาที่เกิดจาก เหมาะสม ความรักไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม
ลาํ ดั วัตถปุ ระสงค์ วัตถปุ ระสงค์ชัน้ ปี หน่วยการ สาระสาํ คัญ สาระการเรยี นรู้ จาํ นวน บท่ี จัดกิจกรรม (ความคดิ รวบยอด) (เนื้อหา) เวลา 4 3.4 นักเรียนมี ภัยสังคมมี (ชม.) นกั เรยี นตระหนัก ภยั สงั คม หลากหลายและ 1. สถานทแ่ี ละ 5 ทักษะการ ถึง ปรบั เปลยี่ นรปู แบบ สถานการณ์ ดํารงชีวิตอย่าง สถานการณ์ใน ไปตามการ ท่เี ปน๐ ภยั ต่อ เป๐นประโยชน์ สังคมทีเ่ ป๐น เปล่ยี นแปลงของ นักเรยี น และปลอดภัย อันตราย สงั คม ดงั นนั้ การ 2. แนวทางการ ต่อตนเองและ เรียนรู้สถานการณ์ ปฏบิ ัติตนเพอ่ื ให้ สามารถปฏิบตั ิตน ทเี่ ปน๐ ภยั ในสังคม ปลอดภัยจาก เพือ่ ให้ปลอดภยั เป๐นสง่ิ สําคญั ทที่ ํา ภยั ตา่ ง ๆ ใน จากภยั สงั คม ใหน้ กั เรยี นรเู้ ทา่ ทัน สงั คม และสามารถปฏบิ ตั ิ ตนให้ปลอดภยั จาก ภัยสงั คม
สารบัญ หนา้ คํานํา 1 คาํ อธิบายรายวชิ า 4 มาตรฐานและตวั ชว้ี ัด ผลการเรียน 9 เน้อื หากิจกรรมภาคเรียนท่ี 1 13 14 ใบงานเรอื่ งชีวติ ในทะเลทราย 16 ใบงานเรื่อง แบบสํารวจค่านยิ มในการดําเนินชีวติ 19 ใบความรู้ เร่อื งวิถีของค่านิยมความรํ่ารวย 20 ใบงานเรอ่ื ง สายสมั พันธ์แห่งครอบครวั 22 ใบความรู้เร่ือง รกั คนไกล ระอาคนใกล้ 29 ใบความรู้เร่ือง ลูกเอ๋ย 30 ใบงานเรอ่ื ง ครอบครวั อบอุ่น 32 ใบงานเรอ่ื ง มองตนมองผลการเรยี น 33 ใบงานเรื่อง แบบสํารวจนิสยั และทัศนคตทิ างการเรียน 59 ใบงานเรื่อง พัฒนาตนเพ่อื ผลการเรียน 62 ใบความรู้เรอ่ื ง รปู แบบการรับสมัครบุคคลเขา้ ศกึ ษาตอ่ ระดับอดุ มศึกษา 63 ใบงานเรือ่ ง เตรียมตวั เพอ่ื แอดมิชช่นั 65 ใบความรู้เรือ่ ง การจดั ทําแฟูมสะสมงานและเอกสารประวัตยิ ่อ 67 ใบงานเรื่อง แบบสํารวจค่านิยม 68 ใบงานเรื่อง ค่านิยมของฉนั 69 ใบงานเรอ่ื ง ค่านยิ มกบั งานอาชีพ 72 ใบความรู้เรื่อง การเขยี นโครงการ 74 ใบงานเรอ่ื ง ผลผลิตจากความรัก 76 ใบงานเร่ือง ผลกระทบของป๎ญหาที่เกิดจากความรกั 79 ใบความรู้เรื่อง วิธปี ูองกันป๎ญหาทีเ่ กิดจากความรกั 80 ใบความรู้เรื่อง รักใหด้ ดี ้วยอคี ิว 81 ใบงานเรอื่ ง แนวทางการจัดการกบั ป๎ญหาท่ีเกิดจากความรกั 85 ใบความรู้เรือ่ ง สถานการณ์ภัยออนไลน์ ใบงานเร่อื ง วเิ คราะหส์ ถานการณภ์ ัยออนไลน์ ใบงาน กรณศี ึกษาเรือ่ งของจอย ใบความรู้เรื่อง ภยั สงั คมรอบตัว ใบงานเรอ่ื ง วิเคราะหส์ ถานการณ์ภยั สงั คม
สารบัญ หนา้ 86 ใบความรู้เรื่อง ตัวอยา่ งการทํา Mind mapping 87 ใบงานเรือ่ ง Mind mapping ปอู งกนั ภยั สงั คม บรรณานกุ รม
1 ใบงานกจิ กรรมแนะแนว หนว่ ยการจัดกิจกรรมค่านิยมกับคุณค่าของชวี ิต ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ช่อื -สกุลนักเรียน................................................................................ชั้น ม.5/..........เลขที่..................... ใบงานเรื่อง ชีวติ ในทะเลทราย คําชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นชมสื่อภาพน่งิ และฟ๎งสถานการณ์สมมติ “ชวี ติ ในทะเลทราย” จากนั้นตอบคาํ ถาม ดงั นี้ 1. การตัดสินใจและเหตผุ ลการเลอื ก ครั้งที่ 2 ครงั้ ที่ 1 สตั วท์ ต่ี ัดสนิ ใจเอาออก คอื ……………………………………………… สัตว์ท่ตี ดั สนิ ใจเอาออก เหตผุ ลคือ……………………………………… คือ…………………………………………. ………………………………………………… เหตผุ ลคอื ………………………………….. ……………………………………………. ครง้ั ที่ 4 ครง้ั ท่ี 3 สัตวท์ ี่ตดั สินใจเอาออก คือ……………………………………………… สตั ว์ทีต่ ดั สินใจเอาออก เหตผุ ลคือ……………………………………… คอื …………………………………………. ………………………………………………… เหตผุ ลคือ………………………………….. สัตวท์ ี่ตดั สนิ ใจเก็บไว้ ……………………………………………. คือ……………………………………………… เหตุผลคือ……………………………………… ………………………………………………… 2. เมอื่ นักเรียนฟ๎งเหตผุ ลที่กลุม่ ร่วมกันอภิปราย แลว้ คิดว่าจะเปล่ียนแปลงการตดั สนิ ใจเลือกใหม่ หรอื ยังคง การเลือกเดมิ เพราะอะไร ............................................................................................................................. ....................... .................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................... .................................................................................................................................................... 3. สิง่ ท่นี กั เรียนยดึ ถือในการในการตัดสนิ ใจเลือกกระทาํ คือ .................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................
2 เอกสารประกอบกจิ กรรมแนะแนว หน่วยการจดั กิจกรรมค่านยิ มกับคุณคา่ ของชวี ติ ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 สถานการณ์สมมติ ชีวติ ในทะเลทราย *คณุ กําลงั หลงทางอย่ใู นทะเลทราย โดยมีสตั ว์ 5 ตัว คือ สิงโต ววั ม้า แกะ และลงิ อยู่เป๐นเพอื่ น แตก่ ารจะหาทางออกจากท่นี ่ีได้ คุณต้องเสียสละเพื่อนออกไป 1 ตวั คณุ จะเลือกสตั ว์ตัวไหน ? *คุณเหลือเพือ่ น 4 ตวั ท่ีต้องร่วมทางกันไป เมื่อมองไปข้างหนา้ คณุ เห็นทะเลทรายอันเวงิ้ ว้าง กวา้ ง ใหญก่ าํ ลังถูกแสงแดดแผดเผา ไอแดดระยิบระยบั มองเหน็ เปน๐ ระยะทางยาวสดุ สายตา จะทํายงั ไง ดี มองไปท่ีไหน ก็มีแตท่ ราย......ทราย......ทราย........อาหารกเ็ หลือน้อยเตม็ ทีทาํ ใหค้ ุณคิดข้นึ ไดว้ ่าถ้าจะมี ชีวติ รอดออกไปจากทีน่ ี่คณุ ต้องเลือกเพอื่ นออกไปอีก 1 ตัว คราวนคี้ ุณจะเลอื กไม่นาํ สัตว์ตวั ใดไปด้วย? *ตอนนี้คุณเหลอื เพ่ือนรว่ มชะตากรรมอยู่ 3 ตัว ท้งั หมดตัง้ หน้าตงั้ ตาเดนิ ต่อไป เพื่อหาแหล่งนาํ้ ทา่ มกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ และแลว้ คุณก็ไดพ้ บโอเอซิสแตก่ ต็ ้องผดิ หวัง เพราะโอเอซิสแห่งนีน้ ํ้าแหง้ ขอด ไมม่ เี ลยสกั หยด โอ๊ย...ทาํ ไมถงึ โชคร้ายขนาดน้ีนะ คุณเหลือบมองเพอ่ื นท้ังสามตวั พลางคิดวา่ มนั ไม่มที างเลอื กแลว้ จาํ เป๐นท่จี ะต้องเลือกไม่นําเพ่ือนอีก 1 ตัวไปดว้ ย เพือ่ ให้นํ้าท่มี เี หลอื น้อยนิดพอสําหรบั ชวี ิตทีเ่ หลอื อยู่ ตอนน้ี ถงึ เวลาที่ตอ้ งตดั สนิ ใจแล้วว่า คุณจะเลือกสัตว์ตวั ไหน? A *ขณะน้ีคุณก็มกี ันแค่ 3 ชีวิตกลางทะเลทราย ที่พากนั เดินไปเรือ่ ยๆ ทนั ใดนนั้ คณุ กเ็ ห็นเส้นขอบฟูาอยู่ ตรงหน้า ซงึ่ แสดงว่าคุณและเพือ่ นๆ เห็นหนทางท่จี ะหลุดออกจากทะเลยทรายแหง่ ไดแ้ ล้ว แตว่ ่าอาหารและ นํา้ มเี หลือพอสาํ หรบั 2 ชวี ติ เทา่ น้ัน เพราะฉะนัน้ โอกาสสุดท้ายของคุณคือ พาเพอ่ื นเพียง 1 ตัวไปด้วย แล้วปลอ่ ยอีกตัวหนง่ึ ไว้กลางทะเลทราย คําถามคอื คณุ จะพาสัตวต์ วั ไหนไปกบั คุณและสัตวต์ วั ไหนทีไ่ ม่ถกู เลอื กไปดว้ ยกนั ?
3 ความหมายของสถานการณ์ “ชีวติ ในทะเลทราย” ดงั น้ี ทะเลทราย คือตวั แทนอุปสรรค ความยากลาํ บาก สัตว์ คอื ตวั แทนของสง่ิ ต่อไปน้ี สิงโต แทน ความภาคภมู ิใจ ลิง แทน ลูกๆ ของคณุ แกะ แทน มติ รภาพ ความสัมพนั ธฉ์ นั เพ่ือน วัว แทน ความต้องการขน้ั พื้นฐานของมนุษย์ ม้า แทน อารมณ์ ความรสู้ กึ กเิ ลสตณั หา เม่ือต้องเผชญิ กับอุปสรรค ความทุกขย์ าก คุณจะยอมเสีย สง่ิ เหลา่ นี้เพ่อื แลกเปลี่ยนกบั การหลดุ พน้ ความ ยากลาํ บาก ตามลําดบั และสัตว์ตวั สุดทา้ ยทเ่ี หลืออยู่ คอื ตัวแทนของสิ่งที่คุณยดึ ม่ันมากท่ีสุด ซงึ่ คณุ ยอมเสียสละทุก สิ่ง เพ่อื รักษามนั ไว้กบั ตัวคุณ
4 เอกสารประกอบกิจกรรมแนะแนว หนว่ ยการจัดกจิ กรรมค่านยิ มกับคุณคา่ ของชวี ิต ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 กอ่ หนี้
5 เรือ่ ง คา่ นิยมในสังคมปจั จุบัน ตดิ ของแบรนด์เนม
6 แฟชั่นอนั ตราย
7 ใฝ่ ใจเรียนรู้ สุขภาพ
8 ใบงานกิจกรรมแนะแนว หนว่ ยการจัดกจิ กรรมค่านิยมกับคุณค่าของชวี ิต ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 มุ่งมนั่ ทางาน สงบสุข
9 ชื่อ-สกลุ นกั เรยี น............................................................................................ช้นั ม.5/........เลขท่ี................. ใบงาน เร่ือง แบบสารวจค่านิยมในการดาเนนิ ชวี ิต พัฒนาจากแบบสาํ รวจคา่ นิยม Proper Use of the Schwartz Value Survey Prof. Shalom H. Schwartz Compiled by Rome Littrell, แปลโดย รศ.ดร.สมชนก ภาสกรจรัส ([email protected], 12 July 2008) -------------------------------------------------- ค่านยิ ม คอื ความรู้สกึ พอใจและใหค้ ุณค่าต่อสิง่ ท่ีตนเองเช่ือ ยึดถือ และปฏิบัตติ ามความเชือ่ นน้ั อยา่ งสม่ําเสมอ คา่ นิยม เปน๐ ความคดิ ความเช่ือทีก่ ่อใหเ้ กดิ การกระทาํ คา่ นิยมของแตล่ ะคนต่างกนั บางคนอาจคิดวา่ ความอสิ ระมคี วามสําคัญมากกวา่ ความมัน่ คง หรือการกระทาํ ประโยชนใ์ ห้สังคมมคี ่ามากกวา่ การมี อํานาจ และคา่ นยิ มอาจมีการเปล่ียนแปลงไดเ้ ม่ือมีสถานการณ์ เหตผุ ล ความตอ้ งการ ความคิด และ จุดมงุ่ หมายในชวี ิตเปล่ียนไป คาชี้แจง ให้นกั เรียนพิจารณารายชือ่ คา่ นิยมและคําต่อท้ายค่านยิ มในวงเลบ็ (ซึ่งแตล่ ะอนั เปน๐ การอธิบายท่ีอาจ ช่วยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจความหมายของแต่ละข้อได้ดี) ในหน้าถดั ไป และ 1. ใหน้ กั เรยี นถามตวั เองวา่ “คา่ นิยม (values) อะไรทีส่ ําคัญตอ่ ตัวนักเรียน ซึง่ ใช้เปน๐ หลักในการนาํ ชีวติ ของนักเรียน?” 2. ใหป้ ระเมนิ วา่ ค่านิยมแต่ละอันนนั้ สาํ คญั ขนาดไหนต่อนักเรียนทเ่ี ปน๐ หลกั ในการดาํ เนินชีวิตของนักเรยี น โดยใช้เกณฑ์ประเมินดังต่อไปนี้ 0 หมายถึง คา่ นยิ มไมส่ าํ คัญเลย ไม่มีสว่ นเกี่ยวขอ้ งกบั หลักการในการดาํ เนินชีวิตของนกั เรยี น 3 หมายถึง ค่านิยมสาํ คัญ 6 หมายถงึ ค่านยิ มสําคญั มาก คะแนนยงิ่ สูงขึน้ (0, 1, 2, 3, 4, 5, 6) ก็หมายความวา่ คา่ นิยมนัน้ ยง่ิ สาํ คัญมากขน้ึ ต่อหลกั การดําเนินชีวติ ของ นักเรยี น การประเมนิ แบบพเิ ศษ -1 สาํ หรบั ประเมิน ค่านิยมทขี่ ัดต่อหลักการท่ีเป๐นแนวทางของนกั เรียน 7 สาํ หรับประเมิน คา่ นยิ มทีส่ าํ คัญมากทีส่ ุดทเี่ ปน๐ หลกั ในการดาํ เนินชวี ิตของนักเรียน โดยปกติแล้ว คนทั่วไปพบวา่ มไี ม่เกิน 2 คา่ นยิ มท่ีจะเปน็ หลกั การในดาเนนิ ชวี ติ ในช่องว่างก่อนหนา้ ค่านิยมแต่ละอนั กรุณาเขยี นตัวเลข (-1,0,1,2,3,4,5,6,7) เพ่อื บ่งบอกความสาํ คัญ ของแต่ละค่านิยมต่อตวั คุณ พยายามแยกแยะใหไ้ ดม้ ากทีส่ ุดเทา่ ทจ่ี ะเป๐นไปไดร้ ะหวา่ งค่านิยมต่างๆ พยายามใช้ ตัวเลขทุกตัวเพ่ือแสดงถงึ ระดับความสาํ คัญท่ีตา่ งกนั ตัวเลขเหลา่ นี้ใช้ก่ีครงั้ กไ็ ด้
10 โปรดอา่ นคาชีแ้ จงและปฏบิ ัติตามขน้ั ตอนต่อไปน้ี 1. กอ่ นที่นักเรียนจะเรม่ิ ทํา ให้อ่านขอ้ ความของแต่ละคา่ นยิ มทงั้ 57 รายการ ตามรายการขา้ งลา่ ง 2. เลอื กคา่ นยิ มอนั ทสี่ าํ คญั มากที่สดุ สาํ หรบั นักเรยี น โดยประเมินความสําคญั ของคา่ นยิ มน้ันดว้ ย ตวั เลขทมี่ ากท่สี ุด คือ 7 3. เลือกคา่ นยิ มทตี่ รงกนั ขา้ มกบั คา่ นยิ มทีน่ ักเรียนให้ความสําคัญมากท่ีสดุ และให้คะแนนเป๐น –1 (ถา้ ไมม่ ีค่านยิ มชนดิ น้ี เลอื กค่านิยมทส่ี ําคัญน้อยที่สุดสําหรับนักเรียนและประเมนิ 0 หรอื 1 ตามความสาํ คัญของ ค่านิยม) 4. ประเมินคุณคา่ ของแต่ละคา่ นิยมทเ่ี หลือตามรายการเหลือ ตามมาตราส่วนประเมินค่า ขดั แยง้ กับคา่ นยิ มของฉัน ไมส่ ําคัญ สําคั สําคัญมาก สาํ คัญมาก ญ ทสี่ ดุ -1 0 12 3 4 5 6 7 ในฐานะทเี่ ป็นหลกั การในการดาเนนิ ชีวติ ของฉนั คา่ นิยมน้ี… 1 _________ ความเท่าเทยี มกนั (โอกาสท่เี ทา่ เทียมกนั สาํ หรบั ทุกคน) 2 _________ ความสอดคล้องกลมกลืนภายใน (ความสงบในจติ ใจของตนเอง) 3 _________ อาํ นาจทางสังคม (การควบคุม มอี าํ นาจเหนือผอู้ นื่ ) 4 _________ ความพอใจ (การทําตามความปรารถนา) 5 _________ อิสรภาพ (อสิ รภาพทางการกระทําและความคิด) 6 _________ ชวี ิตทเ่ี นน้ จติ ใจ (ใหค้ วามสําคัญกบั เรื่องจติ ใจมากกว่าเร่ืองวัตถุ) 7 _________ ความรู้สึกถึงความเป๐นส่วนหนง่ึ (รู้สึกว่าคนอืน่ เอาใจใสใ่ นตัวเรา) 8 _________ ความเปน๐ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยของสังคม (ความมเี สถียรภาพของสังคม) 9 _________ ชวี ติ ทตี่ นื่ เตน้ (ประสบการณ์ท่ีเร้าใจ) 10 _________ ความหมายในชีวิต (ความมุ่งหมายในชีวิต) 11 _________ ความสุภาพ (อ่อนโยน มกี ริ ิยามารยาททีด่ ี) 12 _________ ความมั่งคั่ง (มีทรพั ย์สมบัติ เงินทอง) 13 _________ ความม่ันคงของประเทศชาติ (การปกปูองประเทศชาตจิ ากศัตรู) 14 _________ การเคารพตนเอง (ความเช่ือในคณุ ค่าของตนเอง) 15 _________ การตอบแทนการกระทาํ ของผ้อู ่นื (การหลีกเล่ยี งการเป๐นหนีผ้ ู้อน่ื ) 16 _________ ความคดิ สร้างสรรค์ (ความเป๐นเอกลักษณ์ การจินตนาการ) 17 _________ โลกทีม่ สี ันติภาพ (ปราศจากสงครามและความขดั แย้ง) 18 _________ การเคารพในธรรมเนยี ม ประเพณี (รกั ษาขนบธรรมเนียม ประเพณที ่มี ีมาชา้ นาน) _________ ความรกั แบบเนื้อคู่ (ความรสู้ ึกรัก และผูกพันอย่างลกึ ซงึ้ ต่อผอู้ ่นื ) 19 20 _________ วินัยแหง่ ตนเอง (การควบคุมตนเอง และอดทนตอ่ ส่งิ ล่อใจได้) 21 _________ ความเป๐นสว่ นตวั (สิทธ์ิของการมีโลกส่วนตัว) 22 _________ ความมั่นคงปลอดภยั ของครอบครวั (ความปลอดภัยของผูเ้ ป๐นทีร่ ัก) 23 _________ การไดร้ ับการยอมรับของสังคม (การยอมรบั นับถือจากผ้อู ่ืน)
11 24 _________ ความเป๐นอันหน่งึ อนั เดียวกับธรรมชาติ (การเขา้ กันได้กับธรรมชาติ) 25 _________ ชวี ิตท่ีหลากหลาย (ชวี ติ ท่ีเต็มไปด้วยความท้าทาย ความแปลกใหม่ และการเปล่ยี นแปลง) 26 _________ ปญ๎ ญา (ความเขา้ ใจในชวี ติ อย่างถ่องแท้) 27 _________ อํานาจ (สทิ ธใิ นการนําหรือสัง่ ผ้อู น่ื ) 28 _________ มิตรภาพทแ่ี ท้จรงิ (เพือ่ นสนทิ ทีส่ นับสนุน เป๐นกําลงั ใจ) 29 _________ โลกท่สี วยงาม (ความสวยงามของธรรมชาตแิ ละศิลปะ) 30 _________ ความยตุ ิธรรมของสงั คม (การแก้ไขความไมย่ ุติธรรม และการดแู ลผทู้ ี่ออ่ นแอ) 31 _________ เป๐นอสิ ระ (พ่ึงพา ชว่ ยเหลือตนเองได้) 32 _________ ดาํ เนนิ สายกลาง (หลกี เลี่ยงความรสู้ ึกและการกระทาํ ทีเ่ ป๐นขีดสุด) 33 _________ จงรักภกั ดี (จรงิ ใจตอ่ เพอื่ นและกลมุ่ ) 34 _________ ทะเยอทะยาน (ขยัน มคี วามมงุ่ หวงั ) 35 _________ ใจกว้าง (อดทนต่อความคดิ และความเชือ่ ที่แตกต่าง) 36 _________ ถอ่ มตน (ทําตวั เรยี บงา่ ย) 37 _________ กล้าหาญ (แสวงหาการผจญภยั กลา้ เสย่ี ง) 38 _________ ปกปอู งรักษาสิ่งแวดล้อม (อนุรักษ์ธรรมชาติ) 39 _________ มอี ิทธิพล (มีผลตอ่ บุคคลและเหตุการณต์ ่าง ๆ) 40 _________ ยกยอ่ งบิดามารดาและผู้อาวุโส (แสดงความเคารพ) 41 _________ เลือกเปาู หมายของตนเอง (เลือกจุดมุ่งหวงั ของตนเอง) 42 _________ สขุ ภาพดี (ไม่เจบ็ ปุวยท้ังทางกายหรือทางจติ ใจ) 43 _________ มคี วามสามารถ (มีศกั ยภาพ ประสิทธิผล และประสิทธภิ าพ) 44 _________ ยอมรับสงิ่ ทเี่ กดิ ขึ้นในชีวิต (ยอมรบั กับสภาพเหตกุ ารณต์ ่าง ๆในชวี ติ ) 45 _________ ซ่ือตรง (แท้จรงิ จริงใจ) 46 _________ รักษาภาพพจน์ของตนในสังคม (รักษาหนา้ ตาและช่ือเสยี งของตนเอง) 47 _________ เชอื่ ฟง๎ (รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี) 48 _________ ฉลาด (มีเหตมุ ีผล มคี วามคดิ ) 49 _________ ช่วยเหลือ มีนํ้าใจ (ทาํ งานเพือ่ ประโยชน์ของผู้อ่ืน) 50 _________ สนุกสนานกับชวี ติ (สนกุ กบั การกินอาหาร การใช้เวลาวา่ ง กิจกรรมทางเพศและอ่นื ๆ) 51 _________ ศรทั ธา (เชื่อมัน่ เลอ่ื มใสในศาสนา) 52 _________ รบั ผิดชอบ (พ่งึ พาได้ ไว้ใจได้) 53 _________ อยากรู้อยากเหน็ (สนใจในทุกส่ิง ชอบสํารวจ) 54 _________ ใหอ้ ภยั (เต็มใจที่จะยกโทษให้ผอู้ ืน่ ) 55 _________ สาํ เร็จ (บรรลุเปาู หมาย) 56 _________ สะอาด (ประณีต เปน๐ ระเบยี บเรียบร้อย)
12 วิธีการตรวจใหค้ ะแนน 1. ใหน้ ักเรยี นรวมคะแนนทไี่ ด้ตามกลุ่มคา่ นิยม และหาคา่ เฉลี่ย จัดอนั ดับคา่ เฉลี่ยตามตาราง คะแนน ค่าเฉล่ีย ค่านิยม ขอ้ ท่ี รวม (คะแนนรวม อนั ดบั หารด้วย จํานวนข้อ) กล่มุ ที่ 1 Individual level ด้านการคล้อยตาม 11,20,40,47 ด้านประเพณนี ิยม 18,32,36,44,51 ดา้ นความเมตตา 33,45,49,52,54 ดา้ นการยึดหลักสากล 1,17,24,26,29,30,35,38 ดา้ นยึดในวิถีแหง่ ตน 5,16,31,41,53 ดา้ นยดึ ความตน่ื เต้น 9,25,37 ดา้ นบรโิ ภคนิยมสุขนยิ ม 4,50,57 ดา้ นความสัมฤทธ์ิผล 34,39,43,55 ดา้ นอาํ นาจนิยม 3,12,27,46 ด้านม่ันคง ปลอดภยั 8,13,15,22,56 กลุ่ม 2 Cultural level 8,11,13,15,18,20,26, ดา้ นสาํ นึกทางคณุ ธรรม 32,40,46,47,51,54,56 ดา้ นยดึ ระบบชนช้ัน ศักดนิ านิยม 3,12,27,36,39 ดา้ นความรอบรู้ 34,37,43,55 ด้านการตอบสนองทางอารมณ์ 4,9,25,31,41,50,57 ดา้ นการตอบสนองทางป๎ญญา 5,16,35,53 ด้านความเสมอภาค 1,30,33,45,49,52 ดา้ นความสามคั คี 17,24,29,38 2. สรุปค่านยิ มท่ีนกั เรยี น ใช้เป็นหลักในการดาเนินชีวิต คอื อันดับท่ี 1 ........................................................................................................... อันดบั ท่ี 2 ...........................................................................................................
13 ใบความรู้กจิ กรรมแนะแนว หนว่ ยการจดั กจิ กรรมค่านยิ มกับคุณค่าของชีวติ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ช่องทาง วิธรี วย 8 ประการ ใบความรู้ เร่อื งวิถีของค่านิยมความรา่ รวย ความร่าํ รวยยอ่ มจะเปน๐ ทป่ี รารถนาและความใฝุฝ๎นของคน ทงั้ โลก แต่การไดม้ าซ่ึงเงนิ ตราและทรัพยส์ นิ นน้ั มีทงั้ วธิ ีการรวยแบบรวดเร็ว แบบทางลดั และรวยแบบเช่อื งชา้ ท่ีต้อง ประกอบไปด้วยความหมน่ั เพียรในการหาความมวี นิ ยั ในการเกบ็ หอมรอมรบิ และประการสุดทา้ ยคือการทําให้งอก เงย ในยคุ คา่ นิยมของสงั คมท่ยี กย่อง และนับถอื คนรวยน้ันจะทําให้เกดิ ค่านยิ มท่ีน่าเป๐นห่วงคือ ทํา อะไรก็ได้ วิธใี ดก็ได้ขอให้รวยไว้กอ่ น แล้วอาํ นาจและความเคารพนับถอื จะ ตามมาเอง และคนสว่ นหน่ึงจงึ กระทําทุก วิถีทางเพ่ือใหร้ วย วธิ กี าร 8 ประการหลกั ท่นี ําไปสู่ความราํ่ รวยของคนในสังคม อนั นส้ี ามารถใช้ไดเ้ ปน๐ สากล ไม่ เฉพาะกรณีของประเทศหน่งึ ประเทศใด ส่ิงท่ตี ่างคอื ในประเทศที่พัฒนาแล้วคนทร่ี วยแบบท่ีไปท่ีมาไมโ่ ปรง่ ใสจะไม่ได้ การยอมรับจากประชาชน และการจะเป๐นบคุ คลสาธารณะหรอื นักการเมอื งจะต้องมกี ารตรวจสอบ มีคนเสนอวิธีทาใหต้ นเองรา่ รวย ตา่ งๆ ดงั นี้ 1. แตง่ งานกับคนรวย สิ่งทีต่ ้องแลกเปลี่ยน คอื การแตง่ งานกบั คนท่ีมีฐานะร่ํารวย แตอ่ าจต้องใช้ ชวี ิตอย่กู ับคนท่ีไม่ไดร้ ัก เปน๐ ความรวยทต่ี ้องจา่ ยด้วยราคาที่แพงมากเลย แตส่ ําหรับคนบางคนแลว้ อาจบอกวา่ ช่างมัน ฉันไมแ่ คร์ ไมว่ ่าคนท่ีจะแต่งงานด้วยน้ันจะแก่คราวใด หรอื รปู โฉมจะเป๐นท่ีถูกใจของตนเองหรือไม่ การจะได้แต่งงาน กบั คนรวยไดน้ น้ั กค็ งต้องมีคณุ สมบตั สิ ําคัญ คือ มรี ปู เป๐นทรัพย์ คือต้องสวยหรอื หล่อ จงึ จะมสี ทิ ธถิ ูกหวยในการแต่ง กับคนรวย ตัวอย่างที่เห็นคอื บรรดานางงาม ดารา หรือนายแบบ นางแบบ เป๐นตน้ 2. เปน็ นักตม้ ตนุ๋ ค้ายาเสพติด คดโกง หรอื เปน็ อาชญากร กลุม่ นี้จะรวยได้อย่างรวดเรว็ ใน ระยะเวลาอันส้ัน เป๐นกลุ่มทีป่ ระพฤติผิดกฎหมาย หรอื ตามนยิ ามของผมู้ ีอิทธพิ ลนับตงั้ แต่ คา้ ยาเสพติด บ่อนการ พนัน ซอ่ งโสเภณี หวยเถ่อื น หรอื คา้ สินค้าผดิ กฎหมาย คา้ ของเถอ่ื นนานาประเภท เป๐นวธิ กี ารทส่ี รา้ งเงินอยา่ ง รวดเรว็ คนกลุ่มนเ้ี ส่ยี งต่อการถูกจบั กุม จงึ ต้องมกี ารสร้างเครอื ขา่ ยกับเจา้ พนักงานของรัฐ หรือนกั การเมือง หรือการ เขา้ มาเป๐นนักการเมืองเองเพื่อให้มีอาํ นาจในการปกปูองค้มุ ครองธรุ กิจ และการรวยอีกประเภทคือ การทุจรติ คอรร์ ัปช่ัน การรวยของคนกลุ่มนีม้ ผี ลกระทบมากตอ่ เศรษฐกจิ ของประเทศ และเป๐นมะเร็งร้ายท่ที ําลายความ เจรญิ ก้าวหนา้ ของการพฒั นาประเทศ
14 3. รวยเพราะถกู ลอตเตอรี่ คนกลุ่มน้ีเปน๐ ผทู้ ีม่ โี ชคแต่ถ้าไม่มีแผนการว่าจะจัดการกบั เงนิ จาํ นวน มหาศาลอยา่ งไรกจ็ ะกลบั ไปจนอีกในท่สี ดุ จะเห็นได้วา่ ประชาชน ส่วนหนง่ึ ยงั คงติดการเล่นหวยอยา่ งงอมแงม โดยเฉพาะอย่างย่ิงคนจนและผู้มรี ายได้น้อย คนกลุ่มน้ีมีความหวังกบั ลาภลอยวา่ การเลน่ หวยและลอตเตอร่จี ะทําให้ รวยได้ โอกาสเช่นนนั้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่โอกาสถกู หวยหรือรํา่ รวยจากลอตเตอรใ่ี นแตล่ ะงวดมีอยู่อยา่ งค่อนข้างจํากัด มาก 4. หาทางไปเป็นดารา ศิลปิน นกั กีฬาดังๆ ต้องใชค้ วามฉลาด มีพรสวรรค์ บคุ ลิก ดี แต่ถ้ายงั ไม่ มีก็ให้รีบสะสมกนั เขา้ ไว้ทเ่ี รียกกนั ว่าพรแสวง และเช่นกันคือ คนที่ได้รับการคัดเลือกจะมีจํานวนจาํ กดั นอกจากน้ี แล้วจะ มรี ะยะเวลาการทํางานไม่ยาวนานนกั เพราะจะมีคลื่นลูกใหม่ขน้ึ มาทดแทนอยตู่ ลอดเวลา โดยเฉพาะใน วงการแสดงดงั ที่เราจะเหน็ ว่าดารา เดก็ ๆ อายเุ พยี ง 20-30 ปี กถ็ กู กดดันให้รับบทแม่ เพราะเมื่อดาราหรือนักร้อง เริ่มดังค่าตวั ก็จะสูง ทําให้มีการป๒น๎ ดาราเด็ก ๆ ใหม่ ๆ ข้ึนทดแทนอยูต่ ลอดเวลา ยกเว้นนกั ดนตรหี รอื นักกีฬาท่ตี ้องมี พรสวรรคพ์ เิ ศษเฉพาะตัวท่ีหาคนทดแทนไดย้ าก 5. รวยด้วยการเปน็ คนโลภ หรือภาษาชาวบ้านเรียกวา่ “งก” คุณต้องทาํ งานหนกั ขึ้นเพื่อเก็บ สิ่งทีต่ ้องการเอาไวค้ นเดียว หรือการเอารดั เอาเปรยี บผู้อื่นเช่นกินขา้ วรว่ มกับคนอน่ื แล้วไมย่ อมจ่ายหรือจา่ ยน้อยกวา่ คนอนื่ คนอืน่ ๆ กจ็ ะทํากบั ตัวคณุ เช่นเดียวกนั เขาเหลา่ น้ันคงไม่เคยช่วยเหลอื ใคร การเป๐นคนงก คือมักได้ของผู้อื่น จึงทาํ ใหไ้ มเ่ ปน๐ ท่ชี ื่นชอบของเพื่อนฝงู คนไม่ค่อยคบหาสมาคมดว้ ย 6. รวยไดด้ ้วยการอยอู่ ยา่ งยากไร้ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ขีเ้ หนียว” การมชี วี ิตที่ยากไร้ และตายอยา่ งอนาถา เปน๐ โศกนาฏกรรม แตก่ ารอยู่อย่างขดั สน กระเบยี ดกระเสียร แต่ตายอย่างร่ํารวย ถอื เปน๐ ความ วิกลจริตทางจติ และเปน๐ คนกลุ่มทมี่ ีกรรมเกา่ คนกลุ่มนีจ้ ะมีความสขุ อยกู่ ับการเห็นตวั เลขเงินฝากที่อยู่กับธนาคาร แต่ ไมน่ า่ จะมีความสุขเพราะเงินท่ีหามานัน้ ไม่ได้ใช้ทําใหต้ ัวเองมีความเป๐นอย่ใู นมาตรฐานท่ีควรจะเปน๐ เงนิ ท่ีหามาน้ันจะ ใหไ้ ว้สําหรับคนอ่ืนใช้ซ่งึ คนรา่ํ รวยจากประเภทน้ีมีอยคู่ ่อนข้างมากเปน๐ บุคคลท่นี ่าสงสารยงิ่ และเปน๐ คนทเี่ บยี ดเบียน ตนเอง 7. รวยโดยอาศัยความเฉลียวฉลาดทางการเงนิ และความรูใ้ นดา้ นเจา้ ของกจิ การและนกั ลงทนุ สิ่งทีต่ ้องเสยี ไปเพื่อแลกกบั อิสรภาพทางการเงนิ ก็คอื เวลาและการทุ่มเททาํ งานอย่างหนกั เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงการศกึ ษา สงู ๆ มีประสบการณ์ จนกวา่ จะมคี วามฉลาดทางการเงิน กลุ่มน้ีจะมีทั้งนกั ธรุ กิจท่ีประสบความสําเรจ็ ในการคดิ หา ผลผลิตใหม่ ๆ มกี ารตลาดหรือมจี ดุ ขายทต่ี อบสนองความต้องการของตลาดได้แต่ก็มีอีกกลุม่ หนึ่งที่ใชค้ วามรู้ และ โอกาสท่มี ากกวา่ คนอนื่ ในการแสวงกําไร หรอื การเก็งกาํ ไรในการค้าเงิน หรือ เลน่ ห้นุ 8. รวยด้วยการเอ้อื เฟ้ือเผ่อื แผ่ คอื กลุ่มทีร่ ํา่ รวยโดยการให้กับคนอน่ื ในรปู การใหค้ วามช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ บุคคลที่ทําไดเ้ ช่นน้จี ะรวยมากกวา่ ท่ีคาดฝ๎นไวเ้ สียอกี กล่มุ นี้กจ็ ะเปน๐ คนท่ีถ้าหากหาปลามาได้ ก็จะทําเปน๐ อาหารและแจกจา่ ยให้กบั ญาตพิ ่นี อ้ งและเพื่อนฝงู และจะไดร้ ับผลตอบแทนกลับคนื มาคือความชว่ ยเหลือจากญาติพ่ี น้องและเพื่อนฝงู เมื่อยามเดือดรอ้ นและขัดสน คนประเภทนจี้ ะไม่ตกอับเพราะการให้ออกไปกจ็ ะยิง่ มีกลับมา ตลอดเวลา ทเ่ี รียกว่ายง่ิ ให้ออกไปมากเท่าไรกย็ ิ่งจะไดก้ ลับคืนมามากกว่าเดิม
15 นกั เรยี นตอ้ งเลอื กเอานะคะว่า จะเลือกเอาวิธีใดใน 8 วิธขี า้ งตน้ จะรวยแบบมีคณุ ค่า หรือรวยแบบ รวยเร็วที่ผดิ ศลี ธรรมและการคดโกงบนความทกุ ข์ยากเดือดร้อนของผู้อ่นื แต่เงินทีม่ าโดยมชิ อบ คงเปน็ เงนิ รอ้ นที่ ไม่ทาให้เจา้ ของเงินอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ เพราะเกรงวา่ จะถูกจับได้ แตส่ ิ่งทีอ่ ยากจะฝากไวก้ ็คือทางสายกลางหรือ เศรษฐกจิ พอเพียงท่ีมีความพอเหมาะพอดี สมเหตุสมผล คือ การใชจ้ ่ายท่พี อประมาณไมก่ อ่ ให้เกดิ ความเดือดร้อน กับตนเองหรอื ครอบครวั ก็ขอฝากขอ้ คดิ สําหรับวันนีไ้ ว้วา่ เงินเป๐นส่วนหนงึ่ ของชวี ติ แตเ่ งินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอยา่ งของ ชีวติ ลองคดิ แบบใหม่ ..... คนรวยแล้วยิ่งสมถะและใช้ชีวติ เรียบงา่ ย (กรุงเทพธุรกจิ ออนไลน์ ) คณุ เคยสงสัยม้ยั วา่ เรากส็ ู้อุตส่าห์อดออม ขยันทาํ งานตวั เป๐นเกลียว ประหยัดเอวคอดเอวกว่ิ ไมเ่ คย ขอ้ งแวะกับความฟุมเฟือย พอมีเงินก็เอาไปต่อยอดให้มันออกดอกออกผล เรยี กว่า ทําทุกอยา่ งตามสตู รของการเป๐น เศรษฐี ปฏิบตั ทิ กุ อย่างตามคัมภีร์แหง่ ความม่งั ค่งั แต่จนแล้วจนรอด กย็ งั ไม่ได้เปน๐ เจ้าของสรรพนามคําวา่ เศรษฐอี ยู่ ดี ถ้าอยา่ งนั้น Fundamentals ฉบับนี้ จะพาไปแกะรอยไปดวู า่ บรรดาเศรษฐีตัวจรงิ เขาคิดและ มองกนั อย่างไร ถึงได้มั่งค่ังอย่างย่ังยนื บนกองเงนิ กองทอง ที.ฮารฟ์ เอเคอร์ เจ้าของงานเขียน “เคล็ดลบั ทําใจใหเ้ ปน๐ เศรษฐีเงินล้าน “การคุมเกมสรา้ งความม่ังคง่ั ” เชือ่ ว่า คนรวยคดิ แตกต่างเกยี่ วกับเงิน และแต่ละคนมแี ผนการเงนิ เฉพาะตวั ซึ่งคดิ กาํ หนดข้ึนมาตลอดชว่ งชวี ิตในการลงทุนเกยี่ วข้องกับเงิน ลองตามมาดวู ธิ ีคิดและมมุ มองแบบคนรวย วา่ เขาคดิ กนั อยา่ งไร 1. คนรวยเชอ่ื วา่ ฉนั สรา้ งชวี ิตด้วยตัวเอง พดู ใหเ้ ข้าใจง่ายคือ คนท่ีจะรวยไดต้ ้องเริม่ คิดสร้างเน้ือสร้างตัวดว้ ยตัวเอง ไมค่ ิดพง่ึ พงิ คนอ่ืน สังเกตวา่ พวกที่ไมไ่ ด้เป๐น เศรษฐี มกั คิดแคว่ า่ เราช่างโชคดีเหลือเกินท่ีเกิดมาบนกองเงินกองทองท่ีพอ่ แม่สร้างไว้ให้ ไม่ตอ้ งทาํ อะไรก็มีมรดกตก ทอดมาจากพอ่ แม่เอาไว้ใหใ้ ช้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องทําอะไร ก็อยูไ่ ด้ไปชั่วชวี ติ จะเหน็ ไดว้ ่าเศรษฐีในบา้ นเราหลายคน ไม่วา่ จะเปน๐ “คณุ เจรญิ สริ ิวฒั นภักดี” หรือ “คุณเฉลยี ว อยู่วทิ ยา” ก็ ลว้ นแต่สร้างและสั่งสมความร่ํารวยมาด้วยตวั เองแทบท้งั ส้ิน กว่าจะนอนเกลอื กกล้งิ บนกองเงนิ กองทองเศรษฐีพวกนี้ เริม่ ต้นจากศูนย์และสองมือเปล่า และเป๐นคนที่มีพน้ื ฐานครอบครวั ไม่รวย กรณขี องคุณเฉลียว เขาไม่ไดเ้ กิดมาในชาติตระกลู ของผู้มีอันจะกิน แต่เกิดมาท่ามกลางครอบครวั ยากจน ทาํ ใหเ้ ขา ต้องช่วยที่บ้านทาํ งานมาตั้งแต่เด็กๆ กอ่ นจะมาขายกระทิงแดงอย่างทุกวนั นี้ เขาทงั้ ขายผลไม้ ขายยา และทาํ ธุรกิจมากมายหลายอย่าง
16 2. มีหัวการค้าต้ังแตเ่ ดก็ กวา่ จะมาเป๐นคนทรี่ วยท่สี ดุ ในประเทศไทย เปน๐ เจา้ ของเหลา้ แม่โขง และเหลา้ แสงโสม เบียรช์ า้ ง เศรษฐีแถวหนา้ ของ เมืองไทยอยา่ งคุณเจริญ เปน๐ คนทม่ี ีหัวการคา้ ตง้ั แตเ่ ลก็ และเขาเช่ือเสมอวา่ คนจะรวยได้ตอ้ ง ทําการคา้ เทา่ นนั้ นั่นทาํ ใหเ้ ขามุง่ ม่ันกับการทาํ การคา้ มาตั้งแตเ่ ดก็
17 ตวั อย่างภาพครอบครวั
18
19 ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมฉนั กบั คนในครอบครัว ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ชอื่ -สกลุ นกั เรยี น....................................................................................ช้นั ม.5/..............เลขที่………… ใบงานเรือ่ ง สายสัมพันธ์แห่งครอบครวั . 1.ครอบครัว คอื อะไร .........................................................................................................................……………….. 2. ทาไม จงึ มีครอบครัว …………………………………………………………………………………………………………. . 3. ภายในครอบครัว มีใครบ้าง สมาชกิ แตล่ ะคนในครอบครัว มีบทบาทหน้าท่ีอะไรบ้าง ........................................................................ …………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….…………………………… …………………………………………………………………………………………… 4. สายสมั พนั ธ์ (Relationship) คนในครอบครัวท่ีให้การช่วยเหลือเกือ้ กลู / เก่ียวข้องกบั ฉนั ได้แก่ ด้านอาหาร คอื …..………………………..……………...……………………………………… ด้านที่อย่อู าศยั คือ………...............................................................................……………… ด้านการศกึ ษา คอื ……...................................................................................……………… ด้านความสะดวกสบาย คือ…………………………..………………………..………………… ด้านสขุ ภาพและอนามยั คือ………………...………………….……………………..………… ด้านการอบรมสงั่ สอน คือ…………………………………..…………………………………… ด้านความสนกุ สนาน คอื …………………………………………………………………………
20 ใบความรกู้ ิจกรรมแนะแนว หนว่ ยการจัดกิจกรรมฉนั กบั คนในครอบครัว ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ชอ่ื -สกุล....................................................................................ชน้ั ม.5/...........................เลขท่ี………… ใบความรเู้ รือ่ ง รกั คนไกล ระอาคนใกล้ (นักเรยี นเป๐นเช่นนนั้ หรอื ไม่? ) “แอม” เสาวลักษณ์ ลลี ะบตุ ร เลา่ ว่า ไดพ้ บเพ่ือนคนหนึง่ ซ่ึงเพงิ่ กลบั จากการไปปลูกปุา หนา้ ตาของ เธอเบกิ บานดว้ ยความปตี ทิ ี่ได้ช่วยฟื๒นฟธู รรมชาติ เธอพรรณนาถึงคุณประโยชนม์ ากมายของการปลูกปาุ ทั้งให้ รม่ เงา ชว่ ยบรรเทาโลกรอ้ น เพมิ่ ออกซเิ จน ปกปูองหน้าดนิ และชว่ ยให้ฝนฟาู ตกต้องตามฤดูกาล ฯลฯ เธอยงั เล่าถงึ นัก ปลกู ปุาอยา่ ง ด.ต.วชิ ัย ทีเ่ ปน๐ แรงบันดาลใจใหแ้ ก่ผู้คนมากมาย “ดจี ังเลย” แอมยินดกี บั เพ่ือน “ตอนนเ้ี ธอปลูกต้นไม้ทบ่ี ้านเยอะเลยซีท่า” เพ่ือนทาํ หน้าเซ็งทันทีแล้ว ตอบว่า “โอ๊ย !ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยไู่ ด้ เลยตัดทิง้ ไปแล้ว” รกั ปุา รกั ต้นไม้ทัว่ โลกนน้ั บางครง้ั กลับ ง่ายกวา่ รกั ต้นไมใ้ นบ้าน เราพร้อมจะไปปลกู ปาุ ทวั่ ทุกหนแหง่ แต่ครา้ นทจ่ี ะดูแลต้นไม้ในบา้ น ไปปลูกปุานอกบ้าน ไม่ใชเ่ รื่องยาก แคห่ ย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ จากนั้นก็กลบั บ้านไดเ้ ลย แตป่ ลกู ตน้ ไมท้ ี่บา้ นน่ีสิ เรายังตอ้ งรดนา้ํ พรวนดนิ ใสป่ ยุ นานนับปี ครั้นต้นไม้เตบิ โตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสยี เวลา กวาดใบไม้รว่ งไม่หยุดหยอ่ น วนั ดคี นื ดกี ่ิงไม้ อาจตกมากระแทกหลังคาเป๐นรู เป๐นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่ส่ิงดๆี มีแต่สิง่ ทีน่ ่าชน่ื ชม ไมเ่ ป๐นภาระแกเ่ ราเลย เราจงึ รักเขาไดง้ า่ ย สว่ นตน้ ไมใ้ นบา้ นนนั้ เรียกรอ้ งการดูแลเอาใจใสจ่ ากเรา แถมยังอาจก่อปญ๎ หาใหด้ ้วย หลายคน จึงมองเหน็ แตข่ ้อเสยี ของเขา จนรสู้ ึกระอาข้นึ มา เป็นเพราะเหตุผลเดยี วกันน้หี รือเปลา่ ผูค้ นเปน็ อันมากจึงรกั และชื่นชมคนอืน่ ได้งา่ ยกวา่ คนในบ้าน เราเห็นแตค่ วามดีของคนไกลตวั เพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย สว่ นคนในบ้านนนั้ อยู่ใกลก้ ับเรา มากเกนิ ไป จงึ เห็นแต่ข้อเสียของเขา หรือเหน็ เขาเป็นภาระท่ตี อ้ งดแู ลเอาใจใสจ่ นกลบขอ้ ดีของเขาไปเกอื บ หมด ผลก็คือ เรามกั สภุ าพอ่อนโยนกบั คนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกบั คนใกลต้ ัว ลองมองใหเ้ หน็ คุณประโยชน์ หรอื ความดขี องต้นไมใ้ นบ้านบ้าง เราอาจจะรกั เขาได้ง่ายข้นึ หลายคนมองเห็นประโยชน์ของตน้ ไม้ ในบ้าน ก็หลังจากทีโ่ ค่นจนเหลือแตต่ อ แต่นน่ั กส็ ายไปแล้ว จะไมด่ กี วา่ หรือ หากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะทย่ี ังอยู่กับ เรา กับคนในบ้านกเ็ ชน่ กนั เราควรหัดชน่ื ชมคณุ ความดีของเขาบา้ ง ทแี่ ล้วมาเราอาจมองข้ามไป เพราะคุ้นชนิ กบั ความดที ี่เขาทาํ ใหเ้ รา จนเรามองเห็นเป๐นเร่ืองธรรมดา เพลงท่แี สนไพเราะ หากได้ฟง๎ ทุกวันทกุ คืนก็กลายเป๐นเพลง ดาษๆ ไม่มีเสนห่ ส์ ําหรับเรา ฉันใดก็ฉันนัน้ คําพูดท่ีไพเราะของภรรยา นา้ํ ใจของสามี หรือความใสใ่ จของพ่อแม่ หากเราไดย้ ินได้ฟ๎ง หรอื ไดร้ บั ติดตอ่ กันเป๐นปีๆ หรอื นานนับสิบปี กก็ ลับกลายเป๐นสิง่ สามญั จนเรามองไมเ่ ห็น ความสาํ คัญ ไมต่ า่ งจากอากาศที่เราไมค่ ่อยเหน็ คุณค่า ทงั้ ๆ ทขี่ าดมันไม่ได้เลย น่าแปลกกต็ รงท่.ี . หากคนใกล้ตวั ทาํ ผิดพลาด หรอื สรา้ งความไม่พอใจแก่เรา แม้เพยี งครง้ั เดียว การกระทาํ น้ันๆ กลบั ฝง๎ ใจเราไดน้ าน หรือลึกกว่าความ ดที เี่ ขาทํากับเรานับร้อยนับพันครง้ั ใชห่ รอื ไม่วา่ เวลาเขาทําดกี ับเรา เรามองว่านน่ั เปน๐ “หนา้ ที่ของเขา” หรือเป๐น “สิทธิที่เราควรได้รบั ” แต่เม่ือใดที่เขาทาํ ไม่ดีกบั เรา ทําใหเ้ ราไม่พอใจ เรากลับมองวา่ การกระทาํ เช่นน้ันเป๐น “สิง่ ท่ี ไมส่ มควร” เปน๐ เรื่องท่ี “ไมธ่ รรมดา” ดังนั้น จงึ ฝ๎งใจเราได้งา่ ยกวา่ อนั ทีจ่ ริงเขาอาจไม่ได้ทําผิดพลาดเกินวสิ ยั ปถุ ุชน แต่ความที่เรามกั จะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด ความผิดพลาดของเขา แมเ้ พียงเล็กน้อยก็ทําใหเ้ ราหวั เสยี ขุน่ เคอื ง หรอื นอ้ ยเน้ือตา่ํ ใจไดง้ า่ ยและนาน คนในบ้าน หรอื คนใกล้ตวั นัน้ ไม่วา่ จะดแี สนดเี พยี งใดก็ยอ่ มมวี ันทตี่ ้องกระทบ กระท่ังกบั เราบา้ ง แตห่ ากเราไม่ฝ๎งใจอยกู่ บั เหตุการณเ์ หลา่ นั้น หนั มามองและชนื่ ชมคุณความดีของเขา เปิดใจรับรู้ ความรกั ทเี่ ขามตี ่อเรา เราจะรกั เขาไดง้ ่ายขึ้น และตระหนกั วา่ เขามีความสําคญั ต่อชีวิตของเรายิ่งกวา่ คนไกลตวั เสยี อีก อยา่ รอให้เขาจากไปเสยี ก่อนถงึ คอ่ ยมาเหน็ คุณคา่ ของเขา ถงึ ตอนนนั้ ก็สายไปเสียแลว้
21 อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตวั มากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้งา่ ยมากเทา่ น้ัน เพราะใจที่ชอบเห็นแตแ่ งล่ บมากกว่าแง่บวก (จาก Forwarded Mail)
22 ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกจิ กรรมฉนั กบั คนในครอบครวั ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ชอ่ื -สกุล....................................................................................ช้นั ม.5/...........................เลขที่………… ใบความรู้เรือ่ ง ลูกเอ๋ย บา้ นพักคนชราเปน๐ อาคารไม้ชน้ั เดียวไมใ่ หญ่โตนัก ทีน่ เี่ ป๐นสว่ นหน่งึ ของวดั เล็กๆ หญงิ ชรารูปรา่ งเล็กผวิ สองสีบอบบาง ทอดกายเหยยี ดตรงบนเตยี งเล็กๆ แตส่ ะอาด มผี า้ ห่มผืนบางๆห่มปิดทรวงอกทยี่ ังกระเพื่อม เบาๆ ราวเครือ่ งยนต์ใกล้ดับอย่างเหน่ือยหน่าย แมเ่ ฒ่าพยายามยกมือขึน้ ไหว้ เม่ือท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบ เตียง กงั วานนาํ้ เสยี งแหง่ พุทธบตุ รผู้เมตตาเปลง่ วาจาถามไถ่อาการ และให้ศีลให้พรเบาๆ แตเ่ ขม้ ขลังศกั ด์ิสิทธิ์ ในขณะทห่ี ยาดน้าํ ตาแหง่ ความปิติ ท่วมทน้ ดวงตาสีขาวข่นุ แล้วค่อยๆ ซมึ เซาะรินไหลไปตามรอ่ งขอบตาท่ีเห่ียวยน่ บนใบหนา้ จนผมตอ้ งเบือนหนา้ หนี ผู้เฒา่ อายุ 91 ปี แมเ่ ฒ่ามีลกู ชายสองคนและ หญิงหน่งึ คน 60 ปที ี่ผา่ นมา ครอบครวั แมเ่ ฒา่ จัดอยใู่ นระดับผมู้ อี นั จะกินของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมา ก่อสร้าง ก่อร่างสร้างตวั จากกรรมกรกินค่าแรงรายวัน โดยแมเ่ ฒ่ารบั จ้างทอผ้าอยู่ในโรงงงานแหง่ หนึง่ อดออม สะสมจนฐานะดีขนึ้ สามารถสร้างหลกั ฐานจนมที ด่ี นิ บ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยงั ทาํ งานหนกั ไม่ยอม พกั หวงั จะฟมู ฟก๎ ลกู 3 คน ใหอ้ ยู่อนุ่ กนิ อิ่มโดยไม่ตอ้ งลําบาก ช่วงนั้นแม่เฒา่ เลกิ ทอผา้ แล้ว อยูบ่ ้านเลี้ยงลกู 3 คนที่อยูใ่ นวัยซน ไลเ่ รียงตามลําดับ เชา้ วนั หนง่ึ เมอื่ ลกู ชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามขี องแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ําลา หมอที่ โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายท้ังๆ ทีไ่ มเ่ คยแตะเหล้าสกั หยด แม่เฒา่ เปลยี่ นสภาพบ้านพกั เปดิ เป๐นร้านคา้ โช ห่วย อดทนอดออมเลย้ี งลูกทั้ง 3 คนให้รํา่ เรียนจนจบปรญิ ญา เป๐นครอบครวั อบอุน่ พนี่ ้องรักใคร่กันดี ไม่มเี ค้าลาง ว่าจะแตกหักดง่ั หน่งึ คนละสายเลือด ลกู ชายคนโตแต่งงานไปกบั ลูกสาวเจา้ ของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่ เฒ่าไมเ่ คยมีความสุขครัง้ ไหนเหมือนวนั ทล่ี ูกชายแต่งงาน สมบตั ิทม่ี ีอยแู่ มเ่ ฒ่าจัดแบง่ เปน๐ สามสว่ น ใหล้ ูกชายคนโต เปิดร้านขายทองตามทส่ี ะใภ้ต้องการ ปีต่อมา ลกู คนทีส่ องแตง่ สาวเขา้ บา้ นอกี คน แมเ่ ฒ่ายกบ้าน และทีด่ นิ ท่ีเปดิ รา้ นขายของสองคหู าสามช้ันให้เปน๐ สมบตั ิของลกู ด้วย ความยนิ ดีโดยท่แี มเ่ ฒา่ ขอสิทธแ์ิ ค่อยู่อาศยั สองปีถดั มาลูก สาวคนสดุ ท้องแตง่ กบั ข้าราชการระดบั หวั หนา้ กองในจงั หวดั แม่เฒ่ายกทีด่ นิ และเงนิ สดก้อนสดุ ทา้ ยของแมเ่ ฒ่า รบั ขวญั ลูกเขยดว้ ยความปรีดา สัตวโ์ ลกทัง้ หลาย ล้วนเวียนว่ายกอ่ เกดิ เพ่ือมาชดใชก้ รรมเกา่ สะใภค้ นที่สองเร่มิ จดุ ประกายแห่ง การ แตกหกั ตงั้ แต่แต่งเข้าบา้ นไม่เคยแมแ้ ต่เสยี บปล๊ักหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป๐นทาสในเรือน ซักผ้าทํา กับข้าว จดั สํารับตั้งโตะ๊ คอยท่าสองผัวเมียกนิ ก่อนจนอ่ิม แม่เฒา่ จึงมโี อกาสได้กนิ ของเหลือก่อนจะเก็บกวาดถว้ ยชามไปล้าง กวาดเชด็ บา้ นช่องเรียบร้อยแล้ว จงึ ได้พักผ่อนดว้ ยการเดนิ ออกไปคยุ กับเพอื่ นบา้ นในวัยไลเ่ ล่ียกัน หลายครง้ั ทแี่ ม่ เฒา่ คิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒา่ จะเจียดเงนิ ท่เี กบ็ ออมไว้ ซอ้ื ผลไมท้ ลี่ ูกชอบตดิ มือไปดว้ ย แตท่ กุ คร้ังที่แม่เฒา่ เดินเขา้ ไปในบา้ น สะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ แลว้ เดนิ หนีเขา้ ห้องแอร์ ปิดประตนู อนดู โทรทศั น์ ส่งั คนใชใ้ หค้ อยสอดส่องเดนิ ตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผวั ขโมยของในบ้าน และให้คนใช้ห้ิวถุงผลไม้ตามมา ยดั คืนใสม่ ือ ระหวา่ งทางลูกสาวคนเลก็ ทแี่ ม่เฒา่ ท้ังรักทั้งหวงนัน่ แทบไม่ต้องพูดถงึ เธอย่นื คําขาดกับแม่เฒ่าตัง้ แต่คร้ัง แรกท่ีไปเยีย่ มว่า ถา้ ไม่จาํ เป๐นก็ไมต่ ้องไปหา เพราะบ้านเธอมีแขกทเ่ี ปน๐ ลกู น้องของผวั และพ่อคา้ วานิชเข้าพบผวั ของ เธอ เพ่ือขออํานวยความสะดวกในทางธุรกจิ บ่อยๆ และผัวของหล่อนกค็ ่อนข้างเจา้ ยศเจ้าอยา่ ง ถ้าแมเ่ ฒ่ารักลูกก็ ควรจะต้องรักษาเกยี รติ รกั ษาหน้าตาของผวั ลกู ดว้ ย แม่เฒ่าไมเ่ ข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลกู เขยนน้ั ต้องทํา อยา่ งไร แม่เฒ่ายงั เคยปลืม้ กับคําชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่ามวี าสนาดี ไดล้ ูกเขยเปน๐ เจา้ คนนายคน แม่เฒ่าก็
23 ได้แต่แอบปลื้มทงั้ ๆ ท่ีไม่เข้าใจวา่ ทําไมการเปน๐ เจา้ คนนายคน จึงเหมือนกําแพงชนชั้นปดิ ก้นั ระหวา่ งความเปน๐ แมล่ ูก 3 ทมุ่ ของคืนโลกาวินาศ ทอ้ งฟูามดื ครึ้มไปดว้ ยพยับเมฆ สลบั กับเสยี งฟาู ร้องดงั กึกก้องเปน๐ ระยะๆ ครู่ ใหญๆ่ สายฝนจึงโปรยปรายชมุ่ ฉ่ํานํ้านองไปทั่วเมือง ลูกชาย ลกู สะใภ้ออกไปกนิ ข้าวนอกบ้านยงั ไม่กลบั ปลอ่ ยแม่ เฒา่ เฝูารา้ นค้าคนเดยี ว แม่เฒ่าจําได้วา่ วัยรนุ่ สองคนข่รี ถเครอ่ื งฝาุ สายฝนมาจอดหนา้ ร้าน ขอซือ้ เบยี ร์หนง่ึ ขวด แม่ เฒา่ รบั เงินแลว้ เดินเข้าไปเก็บในลนิ้ ชกั โดยไมร่ ะแวงว่าสองวยั รนุ่ แอบยกลังใส่บุหรท่ี ่ีลูกชายสงั่ มายังไม่แกะกลอ่ ง ชว่ ยกันแบกขนึ้ รถขี่หายไปกบั ความมืด ก่อนสที่ ุ่มเล็กน้อย สองผัวเมยี จงึ ขับรถกลบั เข้า ถงึ บา้ น ช่วยกันเก็บของเขา้ รา้ น วางของทุกช้ินเขา้ ท่ีๆเคยวาง เมื่อไม่เห็นลงั บหุ รี่ จึงหันไปตะโกนถามแมเ่ ฒา่ ที่กําลังจดุ ธูปไหวร้ ูปสามบี นห้ิง เพยี งคาํ ตอบที่แมเ่ ฒา่ ตอบวา่ ไมเ่ ห็น ก่อนปก๎ ธปู ลงกระถาง เสยี งสบถด้วยคาํ หยาบของลกู ชายก็ดงั สวนสนนั่ บา้ น ครูเ่ ดียวท้ังลูกสะใภ้กับลูกชายก็สลับปากจกิ หัวด่าแม่ กึกก้องประสานเสียงกบั สายลมนอกบา้ น ก่อนที่ทง้ั ค่จู ะขับรถ ไปโรงพกั แจ้งจบั แมล่ ักทรัพย์ ตาํ รวจพาแม่เฒา่ ไปนั่งอยหู่ น้าโตะ๊ รอ้ ยเวร แม่เฒา่ ให้การไมร่ ดู้ ว้ ยซือ่ บริสทุ ธกิ์ ว่าชว่ั โมง ในห้องแอรเ์ ยน็ เฉียบ แต่ในอกในใจของรอ้ ยเวรหนมุ่ รอ้ นร่มุ เหมอื นถกู ไฟนรกแผดเผาที่ต้องวิงวอนสองผัวเมยี ให้ เห็นบาปบุญคุณโทษ แตส่ องผัวเมยี กลับโยนภาระตอกย้ําใหต้ ํารวจอบรมแม่เฒา่ ก่อนท่ีจะสะบัดกน้ กลบั ไปบา้ น โดยไม่ใส่ใจแม่เฒา่ ที่เปียกฝนน่ังสั่นสะทา้ นดว้ ยความหนาวเหน็บ สายฝนยังสาดซัดกระหนํ่าหนักเหมอื นฟาู แตก ตาํ รวจยศนายดาบขับรถรอ้ ยเวรมาส่งแมเ่ ฒ่าทบี่ า้ น บ้านซึ่งประตเู หลก็ ถูกปดิ สนทิ แมเ่ ฒ่าลงจากรถเดินฝุาฝนถึง หน้าบา้ น แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสดุ ขดี กบั ภาพเบ้อื งหน้าทพ่ี ื้นหนา้ บ้าน เสือ้ ผา้ เกา่ ๆ ยัดแน่นอย่ใู นถงุ ถูกโยนออกมา กองเรย่ี ราดเหมอื นขยะ บนกองเสอื้ ผา้ ของแมเ่ ฒา่ กระถางธปู และรปู ถา่ ยของสามีแตกกระจายเกลอื่ นกลาด หยาด ฝนสาดซัดรูปถา่ ยขาวดําของสามจี นเปยี กปอนขาดวิ่น แม่เฒา่ กม้ ลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก นาํ้ ตาแหง่ ความรันทดทะลกั ล้น ปนนํา้ ฝน ปวดร้าวเหมือนถกู ฟูาผ่าเข้ากลางใจ แมเ่ ฒา่ กอดรูปนน้ั ไวเ้ หมอื นจะปกปูองจากสาย ฝนสุดชวี ิต สองเท้าออกก้าวช้าๆ เหมือนรา่ งไรว้ ญิ ญาณเขา้ ตลาดไปหยุดนงิ่ อยหู่ น้าร้านขายทองของลกู ชายคนโต เหมอื นเป๐นการ บอกลา แลว้ ลดั เลาะฝาุ ความมืด และสายฝนไปยืนอย่หู น้าบา้ นลกู สาวคนเล็ก เกบ็ ภาพแหง่ ความรกั ความทรงจาํ สดุ ท้าย จึงเดินจากไปทา่ มกลางเสยี งกึกก้องของฟูารอ้ งระงม สลับกบั เสยี งฟาู ผา่ แนน่ หนักเปน๐ ระยะ รถกระบะ เกา่ ๆ คนั น้ันวง่ิ ฝุาสายฝนมาจอดสงบนิง่ อยูห่ น้ากุฏพิ ระของสมภารเจ้าวดั ตอนตีสามเศษๆ คนขบั รถพบแม่เฒา่ เดิน โซซัดโซเซอยขู่ ้างถนนเปล่าเปลีย่ วเดียวดาย ดว้ ยใจเมตตา เม่อื แมเ่ ฒ่าต้องการมาทน่ี ี่ จึงขับรถมาสง่ ด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวดั นมี้ านานแลว้ ตงั้ แต่เจ้าอาวาสองคเ์ กา่ ยงั อยู่ แล้วนาทสี ดุ ท้ายของการตดั สินใจครั้งใหญ่ ของชวี ติ จึงไม่มที ่ไี หนอบอนุ่ ใหพ้ ึ่งพิงเหมือนร่มเงาฉตั รแก้วกงธรรมแห่งรตั นท้งั สาม ฟูาเร่ิมขมุกขมัวใกลค้ ่าํ ลงทุก ขณะ ผมจาํ เปน๐ ตอ้ งบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจา้ ของเรอ่ื งราวน่าสลด นบั แต่นาทีแรกท่แี มเ่ ฒ่ามาถึงทน่ี จี่ น วันนี้ แมเ่ ฒา่ ไม่เคยออกไปนอกวดั เหมอื นๆ กับที่ทรพีทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหา จะรหู้ รอื ไมก่ ็แล้วแต่ ว่าแมซ่ มซานมาอยู่วดั แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของสามเนรคุณ ผมลากลับออกมาท้ังทนี่ า้ํ ตานองหนา้ และนคี่ ือ ประโยคสุดทา้ ยท่ีแม่เฒ่าเอย่ ก่อนผมลากลับ.. “แมจ่ าลกู ไดท้ กุ อย่างตงั้ แต่เกิดจนโต จะทุกขจ์ ะสุขกค็ อื ลกู ของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จาก ลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เม่ือลกู ยังเป็นทารก ทุกคร้ังท่ีแนบอกดูดด่ืมน้านมจากเตา้ สองมือน้อยๆ ของเจา้ ไขว่คว้าอยู่ไหวๆ วันนแ้ี ม่สิน้ แรงแทบสนิ้ ใจ จะมมี ือของลูกคนไหน เออื้ มมาปิดตาใหแ้ ม่ก่อนสิ้นลม.....”
24 ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกจิ กรรมฉนั กับคนในครอบครัว ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ช่อื -สกุลนักเรียน.................................................................................ชน้ั ม.5/....................เลขที่………… ใบงานเรอื่ ง ครอบครัวอบอุ่น ให้นกั เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั สมาชกิ ในกลมุ่ วา่ จะทาอยา่ งไร ในการ บารุง รักษา และสร้างความสมั พนั ธ์ที่ดี ระหวา่ งคนภายในครอบครัว ให้มี ความสขุ เป็นครอบครัวอบอนุ่ และยง่ั ยืนนาน โดยเขียนเป็ นสญั ญาใจ สัญญาใจท่ฉี ันอยากจะบอกไว้ให้ทุกคนทราบ คือ 1……………….………………………………………………………………… 2………………………………..………………………………………………… 3…………………………………………………………………………………… 4…………………………….…………………………………………………….. 5…………………………………..……………………………………………….. 6……………………………………………………………….…………………..
25 ใบงานกิจกรรมแนะแนว หนว่ ยการจัดกจิ กรรมเปูาหมายสอู่ นาคต ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ช่อื -สกลุ นักเรยี น………….…………….…………..…………………..ชนั้ ม.5 /............เลขท่ี….............. ใบงานเร่ือง มองตนมองผลการเรียน 1. ให้นกั เรียนกรอกผลการเรียนเฉลยี่ ชนั้ ม.4 (2 ภาคเรยี น) และพจิ ารณาผลการเรยี นของ ตนเองเพ่ือ ประเมนิ ความพึงพอใจท่ีมีต่อผลการเรยี นในแต่ละกลุม่ วิชา โดยเขียนเครื่องหมาย ลงในชอ่ งตามระดับความพึงพอใจ ลกั ษณะความสามารถ ระดับความพงึ พอใจ คะแนนเฉลย่ี กลุ่มวชิ าช้ัน ม.4 พอใจ พอใจ พอรับ ไม่ ไม่ (เกรดเทอม1 + เกรดเทอม2) มาก มาก ได้ พอใจ พอใจ 2 ทส่ี ุด ทส่ี ุด คณติ ศาสตร์ การคิดคานวณตัวเลข เกรดเฉลยี่ ........... วทิ ยาศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ค้นคว้าหาเหตผุ ล เกรดเฉลยี่ ........... ภาษาองั กฤษ การอ่าน ฟัง เขียนและพูดภาษาอังกฤษ เกรดเฉลย่ี ........... ภาษาไทย ด้านการอ่าน ฟัง เขียนและพดู ภาษาไทย เกรดเฉลย่ี ........... สังคมศึกษา การจดจาเร่ืองราว และวิเคราะห์เหตุการณ์ เกรดเฉลยี่ ........... สุข-พลศึกษา การเคลื่อนไหวร่ างกายและการรั กษา เกรดเฉลยี่ ........... สุขภาพอนามยั ศิลปศึกษา การใช้ความคิดและฝี มือในการสร้างสรรค์ เกรดเฉลย่ี ........... งานศิลปะ การงานอาชีพฯ การใช้มือในการทางานและประดิษฐ์ เกรดเฉลยี่ ........... ชิ้นงานต่างๆ เกรดเฉลยี่ ช้ัน ม.4 (2 ภาคเรียน)....................... 2. ใหน้ ักเรยี นจัดอนั ดบั รายวิชาในแตล่ ะข้อ ต่อไปน้ี
26 วชิ าท่ีมีผลการเรียนในระดับ วิชาทมี่ ผี ลการเรียนในระดบั วชิ าท่ีมีผลการเรียนในระดับ พงึ พอใจในระดับมาก ไม่พอใจถงึ ไม่พอใจมากท่ีสุด ถงึ มากท่สี ุด ทพ่ี อรับได้ 1………………… 1……………………… 1……………………… ………… …. …… 2………………… 2……………………… 2……………………… ………… 33….…ใ.ห…น้ กั เ…รยี น…วิเค…ราะ…หพ์ …ฤติก…รรม…ทางการ…3เร…ีย…นข…อง…ตนเ…อง …………… 3………………… …. ปัจจัยท่สี นับสนุนใ…ห้ส…ามารถเรียนได้ดี ………… 4………………… …………………………………………………………………………… ………………….……………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… . ปัญหาและอุปสรรคท่ที าให้ไม่สามารถเรียนได้ดี …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… ………………….……………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………
27 ใบงานกจิ กรรมแนะแนว หน่วยการจดั กจิ กรรมเปาู หมายสู่อนาคต ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ชอื่ -สกลุ นกั เรยี น..........................................................................................ชั้น ม.5/..........เลขท่.ี .......... ใบงานเรอื่ ง แบบสารวจนิสัยและทศั นคตทิ างการเรยี น (SURVEY OF STUDY HABITS AND ATTITUDES) คาแนะนาในการทาแบบสารวจ แบบสํารวจชดุ น้มี จี ํานวน 100 ข้อ เปน๐ ข้อคําถามเกย่ี วกับลักษณะนิสัยที่ทา่ นเคยปฏิบตั ิและความ คิดเห็นในดา้ นการศึกษาเล่าเรียนของท่าน จงึ ไม่มีคาํ ตอบใดถูกหรือผดิ สิ่งสาํ คัญท่ีสดุ คือขอให้ท่านตอบใหต้ รงกับ ความเป๐นจรงิ ท่ีท่านประพฤติปฏิบัติหรือตามท่ีท่านรสู้ ึกจรงิ ๆ การตอบแบบสํารวจนี้ ใหท้ ่านอ่านและพจิ ารณาข้อความทีละขอ้ แลว้ พจิ ารณาวา่ ท่านเคยปฏิบตั ิ หรือมคี วามคิดเห็นความรู้สึกในเรื่องนน้ั มากน้อยเพยี งใด ใน 5 ลําดับต่อไปน้ี ก หมายถึง ปฏบิ ตั บิ ่อยครัง้ ทีส่ ดุ หรอื เห็นด้วยอย่างยงิ่ ข หมายถงึ ปฏบิ ัตบิ อ่ ยมาก หรือเห็นด้วย ค หมายถึง ปฏบิ ัตปิ านกลาง หรือรู้สกึ เฉยๆ ง หมายถงึ ปฏิบตั บิ างคร้ัง หรอื ไมเ่ ห็นด้วย จ หมายถงึ ไม่เคยปฏบิ ตั เิ ลย หรือไม่เหน็ ดว้ ยอย่างยง่ิ โปรดทาํ ลงในกระดาษคําตอบและไม่ขีดเขียนข้อความใดๆ ลงในแบบสํารวจ 1. ฉันพยายามท่จี ะแกร้ ายงาน ข้อสอบ การบ้านใหถ้ ูกต้องตามที่อาจารย์ตรวจให้ 2. ในเร่ืองการเรียนฉนั พยายามปรับปรงุ ตนเองให้ดขี น้ึ เรื่อยๆ 3. ฉันคดิ ว่าอาจารย์ไมย่ อมรบั ฟ๎งความคิดเหน็ ของนักเรยี น เพราะท่านคิดว่าทา่ นรู้ดีกวา่ นักเรียน 4. ฉันชอบเรยี นวิชาท่ีไม่ต้องมีการสอบเลย 5. ฉนั มกั จะวางหวั ขอ้ การเขียนรายงาน การบา้ น ฯลฯ ทง้ิ ไวจ้ นใกลถ้ งึ เวลาจงึ จะทาํ 6. ก่อนลงมือเขยี นรายงานฉันต้องแน่ใจว่าเข้าใจส่งิ ท่ีต้องการจะทาํ นน้ั ๆอย่างแจ่มแจ้งเสียก่อน 7. ฉนั รูส้ กึ วา่ ถ้าอาจารยผ์ ูส้ อนอารมณ์ไม่ดี ฉันจะเรียนไม่รูเ้ ร่ือง 8. ฉนั เรียนหนังสือดว้ ยความสนุกสนานมากกว่าทกุ ขใ์ จ 9. ในชั่วโมงเรยี น ฉนั ชอบชวนใหอ้ าจารย์พูดนอกเรอ่ื ง 10. ในบทเรียนที่ยากๆ น้นั ฉันจะอา่ นซํา้ หลายๆ คร้ัง จนเข้าใจแล้วจึงผ่านไป 11. ฉนั คิดว่าการทนี่ ักเรียนไมก่ ลา้ ซกั ถามอาจารย์ เพราะอาจารยถ์ อื ตัว ไมเ่ ปน๐ กันเอง หรือดมุ ากเกินไป 12. ฉนั มกั ขาดเรยี นดว้ ยเหตผุ ลทไ่ี ม่จาํ เป๐นนัก เชน่ เม่ือมงี านบางอยา่ งท่ตี ้องทาํ หรือเมอ่ื ต้องดหู นงั สอื ใกล้ สอบหรอื ไปธรุ ะกบั เพ่ือนๆ 13. ฉันชอบอา่ น ทํางาน ทาํ การบา้ นดว้ ยความม่นั ใจและรับผิดชอบต่อตนเองโดยไมต่ ้องมใี ครบอก บน่ หรือ บงั คับ 14. ฉันจะจดงานหรือขดี เส้นใตข้ ้อความสาํ คญั ท่ีอาจารยเ์ น้น 15. ฉนั คิดวา่ อาจารย์ทําการสอนโดยไมเ่ ตรียมตวั ล่วงหน้า 16. ฉันรสู้ ึกยนิ ดเี ม่ือทราบว่าอาจารยไ์ ม่มาสอนหรือมีการงดเรยี นในบางชั่วโมง 17. มีป๎ญหาบางอยา่ ง เช่น ป๎ญหาการเงิน ปญ๎ หาความรัก ความไม่เข้าใจกับพ่อแม่ ทําให้ฉันไม่สนใจ การเรยี น
28 18. ฉันชอบต่ืนนอนแต่เช้า และอ่านหนังสือก่อนไปโรงเรยี น 19. ฉนั มั่นใจว่า อาจารยท์ ่ีมาสอนนน้ั จะตอ้ งมคี วามรู้ในเรอื่ งที่ทา่ นสอนเป๐นอยา่ งดี 20. ฉันเช่อื ว่า การได้สนุกสนาน และการทาํ ให้คนอื่นมีส่วนร่วมสนุกดว้ ยน้ัน มีความสําคญั มากกวา่ การเรียน 21. เมือ่ เรมิ่ เรียน ฉนั รู้สกึ เหน่อื ย เบอื่ หนา่ ย และง่วงนอนเกนิ กวา่ จะเรยี นให้ไดผ้ ลดี 22. ในระหว่างสอบ ฉนั ลืมสตู ร คํานยิ าม และรายละเอยี ดอน่ื ๆท่ฉี นั เคยจาํ ได้หรือมคี วามรจู้ ริงๆ 23. ฉันคิดว่า อาจารย์สว่ นมากมีความลาํ เอยี ง ชอบนักเรยี นที่รจู้ กั เอาใจท่าน 24. ฉนั คดิ อยเู่ สมอว่า สง่ิ ท่ีมีคา่ มากทส่ี ดุ และอนาคตของฉันขึ้นอยกู่ บั ความสําเรจ็ ของการศึกษา 25. ฉนั เสียเวลาไปกับการพูดคยุ อ่านหนงั สือทไ่ี ม่เกี่ยวกบั การเรยี น ฟง๎ วิทยุ ดโู ทรทศั น์ หรือภาพยนตร์ มากเกินไป 26. เมือ่ ทราบกําหนดการสอบ ฉันจะวางแผนดูหนังสือเพ่ือเตรียมตัวสอบทนั ที 27. อาจารย์สอนเรว็ จนฉนั ตามไม่ทนั ทาํ ใหเ้ กดิ ความเบ่ือหน่ายและท้อแท้ 28. ฉนั รู้สึกว่าเป๐นการท่ีไม่คุ้มคา่ ที่ตอ้ งเสียเวลา เสยี เงิน ในการเขา้ เรยี นในโรงเรียน 29. ฉนั ไมส่ ามารถเขียนได้เหมือนอยา่ งที่คิดไวเ้ ม่ือตอนสอบ ทําการบา้ น หรือรายงานต่างๆ ทีอ่ าจารย์สง่ั จน ทําใหต้ อ้ งสง่ งานล่าชา้ หรือทําคะแนนได้ไมด่ ี 30. ในห้องเรยี น ฉันพยายามหลบเล่ียง หรือน่ังกม้ หนา้ เพื่ออาจารย์จะได้ไมต่ ้องถามปญ๎ หาฉัน 31. ฉนั รู้สกึ วา่ การโต้แย้งกบั อาจารย์ ทาํ ให้กระทบกระเทือนต่อผลการเรียนของฉนั เป๐นอยา่ งมาก 32. ฉนั คดิ วา่ ไดเ้ รียนวชิ าท่ีมปี ระโยชน์ต่อตัวฉนั นอ้ ย 33. ฉนั ไม่ค่อยมีความพยายาม หรือความอดทนทจี่ ะใช้ความสามารถใหเ้ ต็มทใี่ นการทาํ การบ้าน รายงานหรือ ข้อสอบ 34. เมอื่ ต้องอ่านตาํ ราท่ีมเี น้อื หายาวมาก ฉนั จะหยดุ เป๐นช่วงๆ และทบทวนถงึ ตอนสําคญั ๆ ทไี่ ด้อ่านแล้ว 35. ฉันคิดวา่ อาจารย์มกั จะหลีกเลี่ยงการอภิปรายเร่ืองราวและเหตุการณป์ ๎จจบุ นั ในช้ันเรยี น 36. ฉนั พยายามปรบั ปรุงตนเองให้สนใจวชิ าเรยี นตา่ งๆ อยา่ งจริงจงั 37. ฉนั เปน๐ คนที่ขยนั ทํางานอย่างสมํา่ เสมอ 38. หลงั จากท่ไี ด้อ่านหนังสือไปหลายหน้าแลว้ ฉนั กล็ ืมและไม่สามารถจะระลึกถงึ ส่งิ ท่ีอ่านผ่านไปได้ 39. ฉนั ร้สู ึกทอ้ แทแ้ ละเจบ็ ใจ เมื่ออาจารย์ตําหนิว่าฉนั เปน๐ คนสะเพร่าทาํ งานไม่เรียบร้อย 40. วิชาที่เรียนบางวิชาน่าเบอื่ หน่าย ฉันจงึ ใชเ้ วลาทเี่ รียนนัน้ วาดรูปบา้ ง เขยี นจดหมายบ้าง พดู คยุ กับเพ่ือน บ้าง หรอื คิดถึงเรอ่ื งต่างๆ แทนการฟ๎งอาจารย์สอน 41. ฉนั มกั ใจลอยเวลาเรยี นหนังสือ 42. ฉันจับใจความสาํ คัญของเร่อื งท่ีอา่ นไมค่ ่อยได้ ซงึ่ ใจความสาํ คญั นี้มักจะปรากฏในข้อสอบภายหลงั 43. ฉนั รู้สกึ ว่าอาจารยใ์ ห้การบา้ นมากเกนิ ไป จนทําใหน้ ักเรยี นที่เรยี นปานกลางไมส่ ามารถทําใหเ้ สร็จได้ทัน 44. ฉันเชอ่ื ว่า จุดม่งุ หมายของการศึกษาจะเปน๐ เครื่องมือในการดําเนนิ ชวี ติ แก่นกั เรยี น 45. เปน๐ การยากทจ่ี ะคิดวางแผนการเขยี นตอบให้ไดด้ ีในเวลาอนั ส้ัน ฉันจึงทําคะแนนไม่ได้ดี 46. ในการทบทวนบทเรียน ฉันใช้วิธีตัง้ คาํ ถามให้กับตัวเองมากกว่าการใชว้ ธิ อี า่ นไปเร่ือยๆ 47. ฉันรสู้ ึกวา่ อาจารย์หลายคนไม่มีความยืดหยุ่น ใจแคบ เอาแตใ่ จตนเอง หรอื ชอบใช้อํานาจมากเกนิ ไป 48. ฉนั เรยี นไดด้ ีเฉพาะวชิ าทีฉ่ นั ชอบเทา่ น้นั 49. ถา้ มีการบ้านมากหรือยากกว่าปกติ ฉันมักจะไมท่ ํา หรือถา้ ทาํ ฉนั จะทําเฉพาะสว่ นที่ง่ายเทา่ น้นั 50. ฉนั มักประมาทเลนิ เลอ่ และมีความสะเพร่าในการทําการบา้ น เขยี นรายงานหรือตอบข้อสอบ 51. อาจารย์ของฉันไม่ได้อธบิ ายรายละเอียดให้เพียงพอในเร่ืองทท่ี า่ นสอนอยู่
29 52. ฉนั ขาดความสนใจในการเรียน จึงรู้สึกวา่ เป๐นการยากท่จี ะทาํ ความเข้าใจเนื้อหาจากการอา่ นหนังสือ 53. ฉนั ทาํ รายงาน อา่ นหนงั สือทอ่ี าจารย์สั่ง และทําการบ้านแต่ละวันเสร็จเสมอ 54. ฉันมักใชเ้ วลากับการศึกษาวิชาหนง่ึ วิชาใดทชี่ อบมากเกนิ ไป จนมเี วลาเหลอื นอ้ ยสําหรับวชิ าอื่นๆ 55. ฉนั รสู้ กึ วา่ ในเวลาทําข้อสอบ ถ้าอาจารย์มายนื ดู ฉันจะไม่สามารถทําตอ่ ไปได้ คิดไม่คอ่ ยออกหรือหยุดทาํ ข้อสอบ 56. การไมช่ อบอาจารยบ์ างคน ทําให้ฉันละเลยการเรียน 57. เมือ่ อาจารย์ตําหนิหรอื วจิ ารณ์การบ้านหรือรายงานของฉันบ่อยๆ ฉนั รู้สกึ ไมอ่ ยากทาํ สง่ หรอื ไม่กอ็ ยาก หลกี เล่ียงการสง่ งาน 58. ฉันชอบรบั ประทานขนมหรือคุยกับเพือ่ นในชัว่ โมงเรยี น 59. ฉันคิดว่านักเรียนท่ีถามคําถามหรือเขา้ ร่วมในการอภปิ ราย เป๐นคนท่ีพยายามเอาใจอาจารย์ 60. ฉันคิดวา่ ไม่จําเป๐นต้องเรยี นมาก คนเราก็สามารถดํารงชีวิตอยไู่ ด้อยา่ งมคี วามสุข 61. ฉนั มาโรงเรียนแตเ่ ชา้ และเข้าเรยี นทันเวลาทกุ คร้ัง 62. ฉนั เตรียมสมดุ แบบเรยี น เครื่องเขยี นและอปุ กรณ์เก่ียวกับการเรียนมาพรอ้ มทกุ คร้งั ท่ีมีการเรียน 63. ฉนั มคี วามรสู้ กึ วา่ อาจารยค์ าํ นึงถงึ เรอื่ งเกรดมากเกินไป ทําให้ลมื ความม่งุ หมายทีแ่ ทจ้ รงิ ของการศึกษา 64. ฉนั คดิ ว่าวิชาท่ีเรียนทกุ วชิ าสามารถนําไปใชใ้ ห้เปน๐ ประโยชนไ์ ดท้ ัง้ น้นั 65. ฉันใชเ้ วลาในวนั หยดุ ใหก้ ับการเรยี นมากกวา่ การไปเทยี่ วหรอื สังสรรค์กับเพอื่ นฝูง 66. อาจารยว์ จิ ารณร์ ายงานของฉันวา่ วางแผนการเขียนไม่ดี หรอื เขียนอยา่ งรบี ร้อน สะเพร่า สกปรก ทาํ ไมเ่ รียบร้อย 67. การทอ่ี าจารยใ์ ช้ภาษาถ้อยคาํ ท่ฉี ันไม่เขา้ ใจมาอธบิ าย ยกตัวอยา่ ง และใช้เทคนคิ มากเกินไป ทาํ ให้ฉนั ย่งิ ไม่เข้าใจมากขึน้ ไปอีก 68. ฉนั เชือ่ ว่าคนท่ีมีการศึกษาจะสามารถแก้ป๎ญหาได้ดกี วา่ คนท่ไี ม่มกี ารศึกษา 69. ฉนั จะเก็บรวบรวมรายงานทุกชนิ้ ในแต่ละวิชาไว้ด้วยกนั และนํามาจดั เปน๐ หมวดหมู่ให้เรียบร้อย 70. ฉันจาํ กฎการสะกดคํา คําจํากัดความ หลกั ไวยากรณ์ สตู ร ฯลฯ โดยไม่ทําความเข้าใจอยา่ งแท้จรงิ เสยี ก่อน 71. ฉนั รู้สึกวา่ อาจารย์ไม่ใครจ่ ะเช่ือถือนกั เรียน และมกั คิดวา่ นักเรียนเปน๐ เดก็ อยู่เสมอ 72. เหตุท่ีฉนั ไม่อยากมาเรยี น เพราะฉนั เรียนไมท่ นั เพอื่ น 73. ถ้าฉนั ทํารายงานหรอื ทําการบ้านไมเ่ สร็จ ฉนั จะขอลอกจากเพอ่ื นเพื่อให้มงี านส่งอาจารย์ 74. ฉนั มปี ญ๎ หาเกยี่ วกบั การอา่ นบทความต่างๆ เชน่ เข้าใจเร่อื งท่อี ่านไมต่ รงกบั ความจริง หรือเข้าใจเรื่อง เพยี งบางส่วน บางส่วนก็ไมเ่ ขา้ ใจแจม่ แจ้ง 75. ฉนั รูส้ ึกวา่ อาจารย์พยายามทําวชิ าทีง่ า่ ยใหก้ ลายเปน๐ วิชาทีย่ ากสําหรบั นักเรยี น 76. ฉันคิดว่าจะเรยี นต่อไปใหส้ งู ที่สดุ เทา่ ที่โอกาสอํานวย 77. ถงึ แมว้ า่ งานทอ่ี าจารย์มอบหมายให้ทาํ จะไมน่ า่ สนใจและน่าเบอื่ หนา่ ย ฉนั กต็ ั้งใจทําจนสําเร็จเรียบร้อย 78. ฉนั รูส้ ึกเครยี ดและสับสนในขณะทําขอ้ สอบ และไมส่ ามารถตอบคําถามใหไ้ ดด้ ีตามความสามารถ ของฉนั 79. ฉันรู้สึกวา่ การท่ีอาจารยห์ ัวเราะเยาะผลงานของนกั เรียน เป๐นสาเหตสุ ําคญั ทีท่ ําให้นกั เรียนโกง หรือ หลกี เล่ยี งการทํางาน 80. ฉันคิดวา่ ความราํ่ รวยสามารถซ้อื ตาํ แหนง่ การงานได้ 81. การทีฉ่ ันเหนื่อยเกินไป อารมณ์เสียหรือมีความเศรา้ ใจ ทาํ ใหฉ้ ันไม่มสี มาธิในการเรยี น 82. ฉันตง้ั ใจเรียนอย่างสม่ําเสมอขณะที่อาจารยส์ อน
30 83. ฉนั รู้สึกว่า ความชอบหรอื ความไมช่ อบนกั เรียนของอาจารย์มอี ิทธิพลตอ่ การใหเ้ กรด 84. ฉันรู้สึกภูมใิ จท่ีมโี อกาสไดเ้ ข้าเรียนในโรงเรยี นน้ี 85. ถ้าการบา้ นหรืองานที่อาจารย์มอบหมายใหท้ ําน้นั ยาก ฉนั จะเพิ่มความพยายามใหม้ ากขน้ึ 86. เมื่อฉนั จาํ เป๐นตอ้ งขาดเรียน ฉันจะพยายามเรยี นให้ทนั โดยเรว็ โดยทีอ่ าจารย์ไม่ต้องเตอื น 87. ฉนั ร้สู กึ ว่าในขณะทสี่ อน อาจารย์ชอบพดู นอกเร่ืองหรือพูดไรส้ าระ 88. แม้ว่าฉันไมช่ อบเรยี นบางวชิ า แตก่ ็พยายามเอาใจใส่เพือ่ ให้ไดเ้ กรดดี 89. เมือ่ อาจารย์มอบหมายให้ค้นควา้ หรืออา่ นหนังสือเพิ่มเติม ฉันจะรีบเขา้ ห้องสมดุ ทนั ทที ่ีมเี วลาวา่ ง จากการเรียน 90. ฉันชอบคุยหรอื ถกเถยี งปญ๎ หาตา่ งๆ เก่ียวกบั การเรยี นกบั เพื่อนๆ 91. ฉันคิดว่าอาจารย์มอบหมายใหน้ กั เรยี นไปค้นควา้ นอกหอ้ งเรียนมากเกนิ ไป 92. ฉนั ตดั สนิ ใจไม่ได้ว่าจะเลือกเรียนวชิ าใดทเี่ หมาะสมเพ่ือไปประกอบอาชีพได้ 93. ฉันพยายามเรียนใหด้ ีข้นึ เมื่อสอบได้คะแนนน้อยกวา่ เพื่อนๆ ในวชิ าใดวิชาหน่งึ 94. ฉันจะทบทวนบทเรียนหรอื อา่ นหนังสอื ล่วงหน้าเพื่อเตรยี มตัวทจ่ี ะเรยี นในวันถัดไป 95. ฉนั รู้สึกว่าอาจารยบ์ างคนใช้อารมณม์ ากเกินไป พูดจาไม่สุภาพ บ่นจจู้ ้ี และดุมากเกินไป ทาํ ใหน้ ักเรียนไม่อยากเรียน 96. แมว้ า่ ฉันจะชอบวชิ าหนงึ่ วชิ าใดจริงๆ ฉนั เช่ือว่าจะทาํ คะแนนได้เพยี งแค่ผา่ นเท่าน้นั 97. ฉันใช้เวลาศกึ ษาคน้ คว้าเพมิ่ เติมนอกหอ้ งเรยี นวนั ละ 1 - 2 ชั่วโมง หรือมากกวา่ นัน้ 98. ฉันทาํ บันทึกยอ่ ไวท้ กุ วชิ าเพ่ือช่วยความจาํ และสะดวกในการทบทวนบทเรียน 99. ฉนั พยายามเลอื กที่น่งั หลังชนั้ เวลาเรยี น เพราะไมช่ อบเผชิญหน้ากับอาจารย์ 100. หลังจากเปิดภาคเรยี นไดเ้ พียง 1 สัปดาห์ ฉนั กห็ มดความสนใจในวิชาที่เรยี น
31 กระดาษคาํ ตอบแบบสํารวจลักษณะนสิ ยั และทัศนคตทิ างการเรียน ชื่อ-สกลุ นกั เรยี น..............................................................................ชั้น ม. 5/............เลขที่................... ข้อ ก ข ค ง จ คะแนน ข้อ ก ข ค ง จ คะแนน ข้อ ก ข ค ง จ คะแนน ข้อ ก ข ค ง จ 1 26 51 76 2 27 52 77 3 28 53 78 4 29 54 79 5 30 55 80 6 31 56 81 7 32 57 82 8 33 58 83 9 34 59 84 10 35 60 85 11 36 61 86 12 37 62 87 13 38 63 88 14 39 64 89 15 40 65 90 16 41 66 91 17 42 67 92 18 43 68 93 19 44 69 94 20 45 70 95 21 46 71 96 22 47 72 97 23 48 73 98 24 49 74 99 25 50 75 100
32 การตรวจให้คะแนนแบบสารวจนิสยั และทศั นคติทางการเรียน 1. นสิ ัยทางการเรยี น ประกอบด้วย แรงจูงใจในการเรียน ได้แก่ คอลมั นท์ ่ี 1 (นับแนวดง่ิ ของกระดาษคาํ ตอบลงมา) ตั้งแต่ ขอ้ 1,5,9 ...........89,93,97 วธิ ีเรยี น ไดแ้ ก่ คอลัมน์ที่ 2 ตงั้ แตข่ ้อ 2,4,6 ...............94,98, 2. ทัศนคติในการเรยี น ประกอบดว้ ย การยอมรับในตวั ครู ไดแ้ ก่คอลัมน์ท่ี 3 ตง้ั แต่ข้อ 3,7,11 .....91,95,99 การยอมรบั คุณคา่ ของการศึกษา ไดแ้ กค่ อลมั นท์ ่ี 4 ตง้ั แต่ข้อ 4,8,12 .........92,96,100 การนับคะแนน กข คงจ 54 321 คอลัมน์ 1 5 21 25 33 41 45 53 69 73 93 1 คอลมั น์ 2 6 10 14 18 22 26 34 50 54 58 70 74 82 86 90 2 คอลมั น์ 15 55 59 67 75 95 3 คอลมั น์ 4 20 24 28 32 44 48 52 56 72 96 100 4 คอลมั 9 1 1 2 3 4 5 6 6 7 8 8 8 9 น์ 1 3 7 9 7 9 7 1 5 7 1 5 9 7 คอลัม 3 3 4 4 6 6 7 9 9 น์ 2 0 8 2 6 2 6 8 4 8 คอลมั 3 7 1 1 2 2 3 3 3 4 4 5 6 7 7 8 8 9 9 น์ 3 1 9 3 7 1 5 9 3 7 1 3 1 9 3 7 1 9 คอลมั 8 1 1 3 4 6 6 6 7 8 8 8 9 น์ 4 2 6 6 0 0 4 8 6 0 8 9 2 การนับคะแนน กข คงจ การแปลผล 12 345
33 1 - 25 หมายถึง ตอ้ งปรับปรุง 26 - 50 หมายถงึ พอใช้ 51 - 75 หมายถงึ ปานกลาง 76 - 100 หมายถงึ ดี 101 - 125 หมายถึง ดมี าก
34 ใบงานกจิ กรรมแนะแนว หนว่ ยการจดั กิจกรรมเปูาหมายสอู่ นาคต ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ชื่อ-สกุลนักเรียน.............................................,,,................,,,,,..............ช้นั ม. 5/............เลขท่ี............... ใบงานเร่ือง พัฒนาตนเพอ่ื ผลการเรียน 1. ใหน้ กั เรียนบนั ทึกผลจากแบบสาํ รวจลกั ษณะนสิ ัยและทัศนคติทางการเรียน และพิจารณาเพ่ือการรจู้ ักและ พฒั นาตนเองด้านการเรียนต่อไป 1. ลักษณะนิสัยทางการเรียน คะแนน................. แปลผล ......................................... มี 2 องค์ประกอบได้แก่ 1.1 แรงจงู ใจในการเรียน คะแนน................. แปลผล.................................................... 1.2 วิธีการเรียน คะแนน................. แปลผล..................................................... 2. ทัศนคตทิ างการเรียน คะแนน................. แปลผล ................................................ มี 2 องค์ประกอบได้แก่ การพัฒนาต2น.1เอทงศั เพนค่อื ตผติ ลอ่ กอาารจเารรียยน์ คะแนน................. แปลผล.................................................... 1. วิธีการพัฒนาลักษณะนิสัยทางการเรียน .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 2. วิธีการพัฒนาทศั นคติทางการเรียน .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................
35 ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หนว่ ยการจดั กิจกรรมเปูาหมายสอู่ นาคต ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 ใบความร้เู รื่อง รูปแบบการรับสมคั รบคุ คลเขา้ ศกึ ษาต่อระดับอุดมศกึ ษา 1. ระบบแอดมิชช่ันกลาง (Central Admissions) สกอ.จะดําเนินการรบั สมัครให้กับทุกหลกั สตู รของสถาบัน ต่างๆ ทีแ่ สดงความจํานงเขา้ ร่วมในระบบแอดมชิ ชน่ั กลาง ผูส้ มคั รจะเลือกสมัครหลกั สตู รตา่ ง ๆ ได้ไมเ่ กนิ 4 อันดับ ส่วนเกณฑ์คะแนนที่ใช้ในการคัดเลอื กจะเปน๐ ไปตามทีส่ าขาวชิ าชีพของคณะตา่ ง ๆ มีมตริ ่วมกนั และไดร้ บั ความ เห็นชอบจากทปี่ ระชุมอธิการบดแี หง่ ประเทศไทย (ทปอ.) ด้วย ซ่ึงจะใช้องคป์ ระกอบ ดังนี้ 1.1 GPAX 20% คือ ผลการเรียนสะสม 6 ภาคเรยี นทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้ 1.2 O-NET (Ordinary National Education Test) 30% คือการทดสอบความรู้รวบยอด 6 ภาคเรยี น ทั้ง 8 กลมุ่ สาระ ไดแ้ ก่ วิชาภาษาไทย วิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาภาษาองั กฤษ วชิ า คณิตศาสตร์ วิชาวทิ ยาศาสตร์ วชิ าสุขศึกษาและพลศึกษา วิชาศิลปะ วชิ าการงานอาชพี และเทคโนโลยี 1.3 GAT (General Aptitude Test) 10-50% คอื ความถนัดทว่ั ไป เปน๐ การวดั ศักยภาพในการเรียน ในมหาวทิ ยาลัยให้ประสบความสาํ เรจ็ แยกเป๐น 2 สว่ นคือ * ความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแกโ้ จทยป์ ๎ญหา 50% * ความสามารถในการสอ่ื สารดว้ ยภาษาองั กฤษ 50 % 1.4 PAT (Professional and Academic Aptitude Test) 0-40% คอื ความถนัดทางวชิ าชีพ และวชิ าการ เปน๐ การวัดความรทู้ เ่ี ปน๐ พนื้ ฐานท่จี ะเรยี นต่อในวชิ านั้น ๆ กบั ศกั ยภาพท่จี ะเรยี นในวิชานน้ั ๆ ให้ ประสบความสาํ เร็จ มี 7 ประเภท คือ PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ PAT 2 ความถนัดทางวทิ ยาศาสตร์ PAT 3 ความถนดั ทางวศิ วกรรมศาสตร์ PAT 4 ความถนัดทางสถาป๎ตยกรรมศาสตร์ PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู PAT 6 ความถนดั ทางศลิ ปกรรม PAT 7 ความถนดั ทางภาษาต่างประเทศ (ฝรั่งเศส เยอรมนั ญี่ปุน จีน อาหรบั บาล)ี นกั เรียนสามารถหาข้อมลู เพ่ิมเติมได้ที่ www.cuas.or.th 2. ระบบ Direct Admissions เปน๐ ระบบที่คณะแพทยศาสตร์ และคณะทันตแพทยศาสตร์ไดม้ อบหมายให้กล่มุ สถาบันแพทยศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย (กสพท.) เป๐นผู้ดําเนินการรับสมัคร จดั สอบวิชาเฉพาะ วิชาสามัญและ พิจารณาคัดเลือกนกั ศกึ ษา 3. ระบบรบั ตรง หรอื ระบบโควตา หรอื โครงการพิเศษ ซ่งึ ทางสถาบันเป๐นผรู้ บั สมัครและคดั เลอื กเองตามเง่ือนไข และหลักเกณฑ์ของแตล่ ะสถาบนั นกั เรียนสามารถหาข้อมูลได้จาก เว็บไซต์ของมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ 4. ระบบ Clearing House ระบบยนื ยนั สทิ ธิการเข้าศึกษาในมหาวทิ ยาลยั /สถาบนั /กลมุ่ สถาบนั ทีต่ นไดร้ ับการ คดั เลอื กเพียง 1 แห่ง ดาํ เนินการโดยสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(สอท.) โดยการรวบรวมรายชื่อนักเรยี นท่ี ผา่ นการคดั เลือกในระบบรบั ตรงหรือระบบโควตา้ ของสถาบันตา่ งๆ ทเี่ ขา้ ร่วมโครงการCLEARINGHOUSE และตอ้ ง ยนื ยันสิทธ์ิ ท่เี วบ็ ไซต์ http://www.cuas.or.th หากไม่ยืนยนั ถือวา่ สละสทิ ธิ์ หมายเหตุ สอท. จะตดั สทิ ธิผู้ทย่ี ืนยันเข้าศึกษาจากการผ่านการคดั เลือกในระบบโควตาพิเศษของหลกั สตู ร ในสถาบนั ตา่ ง ๆ ทด่ี ําเนินการไปลว่ งหนา้ เพอ่ื ไมใ่ ห้ผู้สมัครคนเดียวกันมีชอื่ ในหลายหลักสูตร อนั จะเปน๐ การซาํ้ ซ้อนและเกดิ การสละสิทธิ์ทีท่ าํ ให้เกิดทีว่ า่ งในภายหลัง
ใบงานกจิ กรรมแนะแนว 36 ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 หนว่ ยการจัดกจิ กรรมเปูาหมายสู่อนาคต ชอื่ -สกลุ นกั เรียน……………….……………..…..………………..ชัน้ ม.5 /............เลขท่ี….................... ใบงานเรอ่ื ง เตรยี มตัวเพ่ือแอดมชิ ช่นั 1. ข้อมูลสว่ นตวั 1.1 แผนการเรยี น...................................... ผลการเรยี นเฉลี่ยสะสม.............................. 1.2 ความสามารถพเิ ศษ............................................................................................... 1.3 อาชพี ทสี่ นใจ……………………………………………………………………………. 2. คณะ/สาขา/สถาบนั ท่สี นใจ สถาบัน คะแนนต่ําสุด ค่านํา้ หนกั % คณะ/สาขา 2 ปียอ้ นหลัง 1. 2. ป.ี ......... ปี.......... GAT PAT 3. 4. …….….. …….….. …….% P…....% P…....% …….….. …….….. …….% P…....% P…....% …….….. …….….. …….% P…....% P…....% …….….. …….….. …….% P…....% P…....% 3. สรุป PAT ทต่ี ้องใช้ในการสมคั รแอดมชิ ชน่ั ………………………………………………………………………………………………………................................................................... ....................................................................................................... .......................................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................
37 ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หนว่ ยการจัดกจิ กรรมเปูาหมายสูอ่ นาคต ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ใบความรู้เรอื่ ง การจัดทาแฟมู สะสมงาน PORTFOLIOและเอกสารประวัตยิ ่อ RESUME แฟูมสะสมงาน (PORTFOLIO) แฟูมสะสมงาน คือ การเก็บรวบรวมผลงานของตนเองมาสะสมไว้อย่างเป๐นระบบ มีจดุ มุ่งหมายแสดง ถงึ ความสามารถ พฒั นาการ ความกา้ วหน้า และผลสมั ฤทธิ์ ในส่วนหนึง่ หรือหลายสว่ นของการเรียนรู้ในวชิ าตา่ งๆ ของนักเรียน และยังเป๐นหลักฐานท่สี ะท้อนการประเมินตนเองของนักเรียนด้วย องค์ประกอบของแฟูมสะสมงานนกั เรยี น แฟูมสะสมงานนักเรียนอาจมีรปู ร่างอย่างไรก็ได้ ขึน้ อยกู่ บั สภาพการเกบ็ สะสม โดยยึดหลกั การใช้ สะดวก และมีประสทิ ธิภาพ ซงึ่ มอี งค์ประกอบดังนี้โครงสร้างแฟูมสะสมผลงานของศูนย์พัฒนาหลักสูตร กรม วิชาการ มดี ังน้ี สว่ นท่ี 1 ประกอบด้วย คํานาํ สารบญั ประวัติสว่ นตัว ส่วนที่ 2 ช้ินงานจากรายวชิ าตา่ งๆ ผลงานจากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมต่างๆ ผลจากแบบทดสอบต่างๆ ผลการ ประเมนิ ตนเอง การประเมนิ ผลโดยเพื่อน การประเมนิ ผลโดยครูผ้สู อน การประเมนิ ผลโดยผ้ปู กครอง การ ประเมินผลโดยผสู้ นใจอืน่ ๆ ฯลฯ โดยจัดไว้เปน๐ หมวดหมใู่ ห้ดงู ่ายและนา่ สนใจ สว่ นท่ี 3 ภาคผนวก ไดแ้ ก่ เอกสาร หลกั ฐานต่างๆ รปู ภาพ ทแี่ สดงเพือ่ สนับสนุนยนื ยนั ข้อมูลที่ใส่ไวใ้ นแฟมู สะสม งาน ข้อคดิ ในการทาแฟูมสะสมผลงานของนักเรยี น ในการคัดเลือกชนิ้ งานหรือผลงงานมาลงหรอื ใส่ในแฟมู ไม่จําเป๐นต้องเอามาทกุ ชิน้ แตใ่ หพ้ ิจารณา คดั เลอื กงานทเี่ ราคดิ ว่าดีทีส่ ดุ ในแตล่ ะด้าน ด้านละ1-2 ช้ินกไ็ ด้ ถ้ามีผลงานหลายด้านก็จะเป๐นการแสดงใหเ้ หน็ วา่ เรา มีความสามารถหลายด้าน หรอื ดา้ นใดด้านหนงึ่ เป๐นพิเศษ
38 ตวั อยา่ ง แฟมู สะสมงาน (PORTFOLIO) รูป ของ ช่อื -สกลุ ............................................................................ ชนั้ ม.............../................ เลขท่ี ……………. โรงเรยี น.......................................................... อาเภอ……................... จงั หวดั ................................... สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต ……..….. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
Search