Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสำรอง - สามัญ - สามัญรุ่นใหญ่

คู่มือสำรอง - สามัญ - สามัญรุ่นใหญ่

Published by apinuchs, 2019-10-03 10:19:23

Description: คู่มือสำรอง - สามัญ - สามัญรุ่นใหญ่

Search

Read the Text Version

ในการฝกอบรมลกู เสือ หรอื ฝกอบรมผบู งั คับบัญชาลกู เสอื จะมีการรองเพลงสรรเสริญพระบารมี เชน ตอน หลงั จากสวดมนตก อนนอน หลงั จากสวดมนตใ นพิธชี ุมนุมรอบกองไฟ เปนตน ควรใชคําบอกตางกัน ดังตอ ไปน้ี กรณีท่ี 1 กรณใี นท่ีน้นั มีพระบรมรูปหรือพระฉายาลักษณอยูในท่ีชุมชนนั้นดวย ใหใชคําบอกวา “ กองตรง ถวายคํานับ ” แลวจึงเร่ิมรองเพลงสรรเสรญิ พระบารมี กรณีท่ี 2 ในกรณที ่ี ไมม พี ระบรมรูปหรอื พระบรมฉายาลักษณอยูในท่ีชุมนุมนั้น ใหใชคําใชบอกวา “ ทุกคนหนั หนาไปทางทิศ ......... ( ทิศที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวกําลังประทับอยู ) ”จากนั้นส่ัง “ กองตรง ถวายคาํ นับ ” คร้ันแลวใหเร่มิ รอ งเพลงสรรเสริญพระบารมี กรณีท่ี 3 ในกรณีที่ลูกเสือ มีอาวุธอยูใหใชคําบอกวา “ กองตรง วันทยาวุธ ” แลวจึงเร่ิมรองเพลง หมายเหตุ สรรเสริญพระบารมี เม่ือจบเพลงแลวใหใชคําบอกวา “ กอง เรียบอาวุธ ” “ เลิกแถว ” แลว แตก รณี 1. ขณะทร่ี อ งเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ถาไมม ีอาวุธ ยนื ตรง ถา มีอาวุธ ทําวนั ทยาวุธ 2. ผูบังคบั บัญชาลกู เสอื ท่ีรว มอยูในพธิ นี นั้ ก็ตองปฏบิ ตั ิเชนเดียวกนั

คําปฏิญาณลูกเสือ ( Scout Promise ) คือ ถอยคําที่กลาวดวยความจริงใจ และเขาใจใน ความหมายนั้น เปนการใหค าํ มน่ั สญั ญาท่ลี ูกเสอื ใหไ วก ับผบู ังคบั บญั ชาลกู เสอื ท่ีเปน สักขีพยานอยู ณ ทน่ี น้ั กฎของลูกเสือ ( Scout Law ) คือ หลักเกณฑซ่ึงวางคุณสมบัติของลูกเสือ เพ่ือกําหนดใหลูกเสือนําไปประพฤติ และปฏิบัตอิ ยเู สมอ เพอ่ื เปนการปลกู ฝง ใหเ กิดคุณลักษณะ อปุ นิสัยประจําตัวที่ดี สมเปน พลเมืองทดี่ ขี องชาติ คําปฏญิ าณของลกู เสือสาํ รอง ขาสญั ญาวา ขอ 1 ขาจะจงรักภกั ดตี อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย ขอ 2 ขาจะยึดมัน่ ในกฎของลูกเสอื สํารอง และบําเพญ็ ประโยชนต อผอู ื่นทุกวัน กฎของลูกเสือสํารอง ขอ 1 ลกู เสือสาํ รองทําตามลกู เสอื รุนพ่ี ขอ 2 ลูกเสือสาํ รองไมท าํ ตามใจตนเอง คาํ ปฏญิ าณของลูกเสือสามัญ / ลกู เสือสามญั รุน ใหญแ ละลกู เสอื วสิ ามัญ ดว ยเกียรติของขา ฯ ขา สญั ญาวา ขอ 1 ขาจะจงรกั ภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ  ขอ 2 ขา จะชวยเหลือผูอ ่นื ทุกเม่ือ ขอ 3 ขาจะปฏบิ ตั ิตามกฎของลกู เสือ กฎของลกู เสือสามัญ / ลกู เสือสามญั รนุ ใหญและลกู เสือวิสามญั ขอ 1 ลูกเสอื มเี กียรตเิ ช่ือถือได ขอ 2 ลกู เสอื มคี วามจงรักภักดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ  และซอื่ ตรงตอ ผูมพี ระคณุ ขอ 3 ลูกเสือมหี นา ท่ีกระทําตนใหเปน ประโยชนและชวยเหลอื ผูอ่นื ขอ 4 ลกู เสอื เปนมิตรของคนทุกคนและเปนพ่นี องกบั ลกู เสืออ่นื ทว่ั โลก ขอ 5 ลูกเสอื เปนผูสุภาพเรยี บรอ ย ขอ 6 ลูกเสือมคี วามเมตตากรุณาตอ สตั ว ขอ 7 ลกู เสอื เชอ่ื ฟงคาํ สั่งของบดิ ามารดา และผูบงั คบั บัญชาดวยความเคารพ ขอ 8 ลูกเสอื มใี จราเรงิ่ และไมยอทอตอความยากลําบาก ขอ 9 ลกู เสอื เปน ผมู ัธยัสถ ขอ 10 ลูกเสือประพฤติชอบดว ยกาย วาจา ใจ คติพจน คอื ถอยคําอันเปน แบบอยางมีคติสอนใจทีด่ ี เปน ความจรงิ ทีล่ กู เสือพงึ ยดึ ถือปฏบิ ัติ

ตามพระราชบัญญัตลิ ูกเสือ พ.ศ. 2551 ไดกาํ หนดไวใ นมาตรา 8 ความวา “มาตรา ๘ คณะลูกเสือแหงชาติ มีวัตถปุ ระสงคเ พื่อพฒั นาลกู เสอื ทั้งทางกาย สติปญญา จติ ใจ และศีลธรรม ใหเปน พลเมอื งดี มีความรบั ผิดชอบ และชวยสรา งสรรคส ังคมใหเ กดิ ความสามคั คี และมีความ เจริญกาวหนา ท้งั นี้ เพือ่ ความสงบสุข และความมัน่ คงของประเทศชาติตามแนวทาง ดังตอไปนี้ (1) ใหมีนิสยั ในการสงั เกต จดจํา เชอื่ ฟง และพงึ่ ตนเอง (2) ใหซ่อื สัตยสุจรติ มีระเบียบวนิ ัยและเห็นอกเหน็ ใจผอู ่นื (3) ใหรจู กั บําเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน (4) ใหรูจกั ทําการฝมือ และฝก ฝนใหท ํากจิ การตา งๆ ตามความเหมาะสม (5) ใหรจู กั รักษาและสงเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความมนั่ คงของประเทศชาติ

การถวายราชสดุดีพระบรมรปู รชั กาลท่ี 6 จะใชใ้ นกรณี 1. ทําพธิ ีราชสดดุ ตี อหนาพระบรมรูปรชั กาลท่ี 6 ในวันที่ 25 พฤศจกิ ายน ของทุกป 2. ทําพธิ ีเปด การอบรมลกู เสอื หรือผูก ํากบั ลูกเสอื 3. เขาคา ยพกั แรมในคายลูกเสอื หรอื ทอ่ี ่ืน ๆ อนั มพี ระบรมรปู รัชกาลท่ี 6 อยู ณ ทน่ี ั้น 1. เครอื่ งบูชา จัดตัง้ ไวห นา พระบรมรปู ควรมี ธปู 1 ดอก , เทยี น 1 เลม และพานสาํ หรบั วงพวงมาลยั หรือชอ ดอกไม 2. พิธกี ร เมอื่ ไดเ วลา พธิ ีกรเชิญประธานในพิธีจดุ ธูปเทียนถวายสกั การะ ( โดยปกตจิ ะเปน ภายหลังทไ่ี ดจุดธปู เทียนบูชาพระรตั นตรยั แลว ) 3. ประธานในพธิ ี ปฏบิ ตั ดิ ังตอ ไปน้ี 3.1 เดินไปยังพระบรมรูป ถวายคาํ นบั รับชอดอกไมหรือพวงมาลัยจากเจาหนาท่ี ถวายไวที่หนาพระบรมรูป ( บนพาน ) แลวจุดเทียน จุดธูปตาม ลําดับ 3.2 เสร็จแลว นง่ั คกุ เขา ประนมมอื ถวายบังคม 3 คร้ัง แลวลกุ ขึน้ ยืนถวายคํานบั อีกครั้งหน่งึ 3.3 ถอยออกมานงั่ เตรียมถวายราชสดุดี โดยกาวเทาซายไปขางหนาครึ่งกาว คุกเขาลง ตั้งเขาซายนั่งบนสน เทา ขวา มอื ขวาแบคว่ําวางลงบนเขาขวา แขนซายวางพาดบนเขาซายเอียงไปทางขวาเล็กนอย เมื่อรอง เพลงราชสดุดี ใหกมหนาเล็กนอย และใหเงยหนาขึ้นตามเดิมเม่ือเพลงจบ ( ถาถือหมวกอยู ดว ย ใหป ฏบิ ตั ิตามคมู อื ระเบยี บแถวของสาํ นกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหง ชาติ ) 4. ผูเ ขา รบั การอบรมลูกเสือ และแขกผูรับเชญิ อื่น ๆ ปฏบิ ตั ิดงั น้ี 4.1 เมอ่ื ประธานเดนิ ไปจุดธปู เทียนบูชาพระบรมรปู ทุกคนยืนข้ึนในทาตรง 4.2 เม่ือประธานลงนั่งคุกเขาถวายบงั คม ใหท กุ คนนง่ั ลงในทา เตรียมถวายราชสดดุ ี 4.3 เม่อื ประธานถอยมานั่งในทา เตรยี มถวายราชสดุดี พธิ กี รจะข้นึ เพลงราชสดุดี ใหท ุกคนรอ งพรอ มกนั 5. เมอื่ เพลงราชสดดุ จี บแลว พิธีกรจะสั่ง “ ลกุ ” ใหท กุ คนลกุ ขึ้นยนื เปน การเสรจ็ พิธีราชสดดุ ี

ผูใหกําเนิดการลูกเสือโลก คือ ลอรด เบเดน – โพเอลล ช่ือเต็ม เรียกวา “ โรเบิรต สตีเฟนสัน สไมธ เบเดน – โพเอลล ” ( Robert Stephenson Smyth Baden-Powell ) ในวงการลูกเสือมักเรียกยอ ๆ วา บี – พี ( B.P. ) บี – พี เกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ พ.ศ. 2400 ( ค.ศ. 1857 ) เปนบุตรคนที่ 8 ในจํานวน 10 คน ของ ศาสตราจารย เอช . จี . เบเดน – โพเอลล ( H.G. Baden-Powell ) กับนางเฮนริ เอตตา เกรซ สไมธ ( Henrietta Grace Smyth ) บิดาถงึ แกกรรมขณะท่ี บี – พี มีอายุเพียง 3 ขวบ มารดาตองรับภาระเล้ียงดูบุตร ถึง 7 คน ชีวิตในวยั เด็ก บี – พี เปนคนราเริง ชอบเลนกับสัตว ชอบตนไม ตอนวัยเด็กไดเรียนในโรงเรียนโรสฮิลล และ มธั ยมชาเตอรเ ฮาส ทแ่ี หงนไี้ ดฝก ให บี – พี มีระเบียบวนิ ัย ชอบเลนกฬี า ชอบผจญภัย รักธรรมชาติ ชอบ ชีวิตกลางแจง เปนคนชางสังเกตจดจํา และไดเรียนรูชีวิตแบบชาวปาระหวางปดภาคเรียน พี่ชายของทานชอบชวน ทานไปเดินทางไกลพกั แรมเสมอ ชีวิตทหาร บี – พี อายุ 19 ป หลงั จากจบโรงรียนมัธยมชาเตอรเ ฮาส ก็ไดสอบเขารับราชการในกองทัพบกเปนรอยตรี ประจาํ กองทหารมาฮลุ ซารท่ี 13 ประเทศอินเดยี เปน เวลา 8 ป จนไดร ับยศเปนรอยเอก หลังจากนั้น บี – พี ยาย ไปประจําการกองทหารที่แอฟริกา รบชนะเผาซูลูปราบพวกอะชันติ พวกมาตาบิล่ี และไปรบปองกันเมืองมาฟอีคิง ถือวาเปนการรบที่สําคัญที่สุดของ บี – พี และไดรับการยกยองเปน “ วีรบุรุษ ” มีฉายาวา มาฟอีคิง ดีเฟนเดอร ( Mafeking Defender ) แปลวา ผปู อ งกนั มาฟอคี ิง จากประสบการณเ มอื งมาฟอีคิง บี – พี จัดใหเด็ก ๆ มาชวยเหลือในการรักษาเมือง เชน การทําหนาท่ีเปน ผสู ืบขา วและสอดแนม เปน ยามคอยสงสญั ญาณใหเม่ือพวกบัวรโจมตี ไดผลดีไมแพผูใหญ ส่ิงน้ีเองทําให บี – พี นํา หลกั การน้ีมาทดลองนําเด็ก 20 คน ไปอยูคายพักแรมที่เกาะบราวนซี ในป พ.ศ. 2450 ซึ่งถือเปนจุดกําเนิดการ ลูกเสอื โลกปน ้เี อง ในป พ.ศ. 2463 มีการชุมนุมลูกเสือโลกและไดยกยองให บี – พี เปน“ ประมุขคณะลูกเสือโลก ตลอดกาล ” ป พ.ศ. 2471 บี – พี ไดรับพระราชทานบรรดาศักด์ิเปน “ บารอน เบเดนโพเอลล แหงกิลเวลล ” บี – พี ถึงแกกรรม เมื่อวันท่ี 8 มกราคม พ.ศ. 2487 ที่เมืองเคนยา ( Kenye ) ในแอฟริกา อายไุ ด 84 ป

ครั้งหน่ึงทหารอังกฤษไดทําสงครามกับชนเผาอัฟริกันซึ่งเปนนักรบท่ีกลาหาญ ทหารอังกฤษไม สามารถจะจับหวั หนาเผา ชื่อ ดินสิ ซูลู ( Denisulu ) และแพสงครามหลายคร้ัง จนตอมาทางอังกฤษไดสง บี – พี เปนหวั หนา นาํ ทหารมารบกบั ชนเผา ซลู ู จึงไดพยายามหาวิธีลอ มจับดินิสซลู ู โดย บี – พี ไดแสดงใหดินิสซูลู เห็นวาทานมาอยางมิตร ไมไดมาอยางศัตรูจึงเรียกใหดินิสซูลู ออกมา พูดกนั ดินสิ ซูลู เห็น บี – พี มาอยา งมิตร ไมม ีเลหเ หลี่ยมหรือเลห ก ลในสงคราม เชน นายทหาร คนอื่น จึงยอม จํานน เดินออกไปหา บี – พี บี – พี เห็นวาสงครามสงบโดยสันติ จึงกลาวกับชนชาวซูลูตอหนาทหารทั้งปวง “ นับแตน้ีตอไป ทหารซลู ู กับทหารอังกฤษ เผาซูลูและอังกฤษ จงเลิกรบกัน เปนมิตรกันเถอะ ” กลาวเสร็จ บี – พี ย่ืนมือขวา ให ดินสิ ซลู ู หัวหนาเผา ไมยอมจับดวยมือขวา แตกลับย่ืนมือซา ยออกมาใหจับ แลว บอกกับ บี – พี วา “ มือขวา เปนมอื สกปรก ฆาคนมามากเปนมืออํามหิตโหดราย ไมสมควร มือซายเปนมือสะอาดและใกลหัวใจ ” บี – พี เห็นดวยจึงย่ืนมือซายออกไปสัมผัสกับดินิสซูลู หัวหนาเผาซูลู จึงมอบกระดูกเครื่องราง ที่หอยคออยู ใหก ับ บี – พี ไปเปนที่ระลึก บี – พี จึงนาํ มาใชใ นวงการลกู เสอื ใหล ูกเสือแสดงความเปนพวกเดียวกัน ทักทายกันโดยการสัมผัส มือซาย เพราะถอื วาเปน พวกเดียวกนั ขอเท็จจรงิ ที่ ดินสิ ซูลู ใชมือซา ยจับกนั นั้น เพราะ 1. ดินิสซูลู ( Denisulu ) เปนคนไมประมาท ถาจับมือขวาก็จะเปนการปลดอาวุธตัวเอง เปนการไมเ ตรียมพรอ มหากเกิดอนั ตราย ปองกันตัวไมท นั 2. แสดงวา ดนิ สิ ซูลู ( Denisulu ) เปนผูร อบคอบ มไี หวพริบ ระวังตัว เตรยี มพรอมตลอดเวลา ซึ่ง เปนคณุ สมบัตอิ ยา งหนงึ่ ของลูกเสือในปจจบุ ัน เพลงจับมอื ลกู เสือ ลูกเสอื เขาไมจ ับมือขวา ยนื่ ซา ยมาจบั มือกันมน่ั มอื ขวาใชเ คารพกนั ( ซ้ํา ) ย่นื ซา ยออกมาพลันจบั มือ จับมอื จบั มอื นน้ั หมายถงึ มติ ร เหมือนญาตสิ นทิ ควรคดิ ยดึ ถือ ย้มิ ดวยเมื่อยามจับมอื ( ซา้ํ ) เพราะพวกเราคือลูกเสอื ดว ยกัน

1. กลิ เวลล วอกเกิล้ ( Gilwell Woggle ) คือ หวงสวมผาผูกคอลูกเสือ สานดวยสายหนังเสนกลม ถักเปนรูปคลายตะกรอ ซ่ึงมีลักษณะคลาย กับสายรัดผาโพกศีรษะของพวกแขกตุรกีในสมัยโบราณ วอลเก้ิล มี ความหมาย เตือนใจใหมีความเขมแข็ง อดทนและกลาหาญเด็ดเดี่ยว เหมอื นนกั รบชาวตรุ กี ผบู งั คับบัญชาลูกเสือจะไดรับ กิลเวลล วอกเกิ้ล กลิ เวลล์ วอล เมอื่ ผานการฝกอบมวชิ าผูกาํ กับลูกเสือขน้ั ความรูเ บื้องตน ( B.T.C ) 2. วดู แบดจ ( Wood Badge ) เครอื่ งหมายวูดแบดจ เปน วดู แบดจ์ ไมหมอน 2 ทอน รอยอยูบนสายหนังสําหรับสวมที่คอ เวลาสวมสาย ผ้าผกู คอกลิ เวลล์ หนังอยูใตผ าผูกคอ สว นดา นหนา ใหวางทับบนผา ผูกคอ เคร่ืองหมายวูด แบดจน ้ี บี – พี สรางข้ึนตามแบบสรอยคอของหัวหนาเผาอัฟริกัน ช่ือ ดินิซูลู ( Denisulu ) ซ่ึง บี – พี ไดรับมอบเมื่อ ป ค.ศ 1888 ( พ.ศ. 2431 ) ในระหวางที่ บี – พี เปนทหารไป รบทีอ่ ัฟริกัน 3. ผาผูกคอกิลเวลล ( Gilwell Scarf ) เปนผาผูกคอผืนสามเหล่ียมทอ เปน 2 สี ดานนอกเปนสีน้ําตาล ดานในเปน สีแดงที่ชายผา สามเหล่ียมดานหลัง มีตราสกอต ขนาด 1.5 x 2.5 นิ้ว ติดอยู ผาสกอตน้ีเปนสัญลักษณที่ใหเกียรติแกนายดับบลิว เอฟ เดอะบัวร แมคคลาเรน ชาวสกอตแลนด ท่ีบริจาคเงินซ้ือ ที่ดนิ 57 เอเคอร จัดตง้ั เปน ศนู ยฝกกิลเวลลป ารค ทัง้ เครือ่ งหมาย วูด แบดจ และผาผูกคอกิลเวลล ผูบังคับบัญชาลูกเสือ มีสิทธิประดับ เคร่ืองหมายท้ัง 2 นี้ เม่ือผานการอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือขั้นความรู ช้นั สูง ( A.T.C ) และผา นการประเมิน ( ตรวจขั้นท่ี 5 ) อนุมัติใหไดรับ เคร่ืองหมายวูดแบดจ

กิลเวลลปารค ( Gilwell Park ) คือ คายลูกเสือแหงแรกท่ีไดจัดสรางขึ้นตามความประสงคของ บี – พี เพอื่ ใชเ ปนศูนยฝก อบรมผบู งั คบั บัญชาลูกเสอื และการอยูค ายพกั แรมของลูกเสือ ลูกเสือทั่ว ๆ ไปมักจะเรียกวา “ ศนู ยฝ ก อบรมลกู เสือโลก ” กิลเวลลปารค ต้ังอยูที่เมืองชิงฟอรด ใกลกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แตเดิมเปนท่ีรกรางวางเปลา แลว นายดบั บลวิ ยู เอฟ เดอะบัวร แมคคลาเรน คหบดชี าวสกอตแลนด ไดซ้อื ทด่ี ินแปลงนี้ ซึ่งมีพื้นท่ี 57 เอเคอร ประมาณ 142 ไร เม่ือวันที่ 31 มกราคม 2462 และตอมาไดมกี ารปรบั ปรุง และพัฒนา ใหเปน คา ยลูกเสือ ตามแบบท่ี บี – พี ตองการ 26 กรกฎาคม 2462 บี – พี ไดทําพิธีเปดคาย “ กิลเวลลปารค ” โดยใชเปนคายสําหรับลูกเสือมา พกั แรมในระยะแรก 8 กันยายน 2462 บี – พี เปดการฝกอบรมผูบังคับบัญชาลูกเสือรุนแรก โดยมี บี – พี เปน ผูอํานวยการฝก อบรม ผสู ําเรจ็ การฝก อบรมรนุ นี้ จะไดรับเคร่ืองหมายบดี 2 ชิน้ สาํ หรับหอ ยคอ ป พ.ศ. 2504 “ กิลเวลลปารค ” มีฐานะเปนองคกรหน่ึงขององคการลูกเสือโลกและถูกกําหนดให เปน “ ศูนยฝกอบรมผูบังคับบัญชาลูกเสือนานาชาติ ” ต้ังแตน้ันมา โดยมีผูบังคับการคาย ( Camp Chief ) สวมเครื่องหมายวูดแบดจ ( Wood Badge ) 6 ทอ น เปนหัวหนา ตงั้ แต ป พ.ศ. 2512 เปน ตน มา “ กิลเวลลปารค ” ก็ไมไดทําหนาที่เปนศูนยฝกอบรมผูบังคับบัญชา ลูกเสือนานาชาติแลว แตเปนคายลูกเสือของสมาคมลูกเสืออังกฤษ โดยมีผูบริหารคาย ฯ เรียกวา “ ผูอํานวยการ คา ย ( Director ) ” เปน ผดู แู ล ปจจุบัน “ กิลเวลลปารค ” เปนคายลูกเสือของสมาคมลูกเสืออังกฤษ ที่มีวัสดุอุปกรณการฝกอบรม และสง่ิ อํานวยความสะดวกตาง ๆ ในการอยคู า ยพักแรมของลกู เสอื อยา งครบถวนดงั ท่เี ปนอยูถึงทุกวันน้ี ปจจุบันมีเน้ือ ที่ 110 เอเคอร ประมาณ 275 ไร



สญั ลักษณของลูกเสอื เปนเคร่ืองหมายเฉพาะในวงการลูกเสือ ซึ่งลูกเสือควรรับรู และเขาใจความหมาย ซ่งึ กนั และกนั อนั เปนการแสดงวา “ เราเปน พวกเดยี วกัน ” ซึ่งมีอยูด ว ยกนั 4 อยา ง 1. เครอื่ งหมายลกู เสอื ( Scout Badge ) เปนที่รวมเอกลักษณตาง ๆ ขององคการลูกเสือโลกท่ีทุกประเทศตองมีรูป “ เฟลอ – เดอ – ลีส ” เปนแกนกลางในเครื่องหมายองคการลูกเสือ แหง ชาตนิ ้ัน ๆ 2. การแสดงความเคารพ ( The Scout Salute ) เปน การทําความเคารพแบบลูกเสือเมือ่ อยใู นเคร่ืองแบบลูกเสอื 3. การแสดงรหัส ( The Scout Sign ) เปนการยกมือขวาแลวแสดงรหัสลูกเสือ 3 น้ิว ใชเม่ือลูกเสือทบทวนคํา ปฏิญาณตน หรือพบกับลูกเสือทั้งในประเทศและ นอกประเทศ เปน การรบั รวู าเปน พวกเดยี วกนั 4. การจับมอื ซา ย ( The Scout Handshake ) เปนการยื่นมือซายเพื่อทักทาย หรือแสดงความยินดีกับลูกเสือหรือคนอ่ืน บี – พี นํามาใชใ นกจิ การลกู เสือและไดป ฏบิ ตั เิ ปน ธรรมนยี มตลอดมา

1. ความหมาย ลูกเสอื ลูกเสือ ( SCOUT ) หมายถึง คณะบุคคลซึ่งมีทั้งเด็กและผูใหญท่ีแตงกายดวยเคร่ืองแบบชนิดหน่ึง ซึ่ง สามารถปฏิบัติงานในอุดมคติอยางเดียวกัน คือ การบําเพ็ญประโยชนตอสวนรวมไดอยาง มี ประสิทธิภาพและอยูรวมกันดวยความผาสุขตลอดมาโดยมิไดคํานึงถึง วัย วุฒิหรือช้ันวรรณะเปนเคร่ืองกีดขวาง แตป ระการใด 2. SCOUT ยอ มาจาก Sincerity แปลวา ความจรงิ ใจ S ยอมาจาก Courtesty แปลวา ความสุภาพออนโยน C ยอมาจาก Obediently O ยอมาจาก Unity แปลวา ความเช่ือฟง U ยอมาจาก Thrifty แปลวา ความเปน หนงึ่ เดียวกนั T ยอมาจาก แปลวา ความมธั ยัสถ 3. ประเภทของลูกเสอื ตามพระราชบัญญตั ิ ( ฉบบั ที่ 3 ) พ.ศ. 2528 มาตรา 35 แบงลกู เสือออกเปน 4 ประเภท คอื 1. ลกู เสือสํารอง 2. ลูกเสือสามญั 3. ลกู เสอื สามญั รุนใหญ 4. ลูกเสือวิสามัญ ลูกเสือท่ีเปนหญิง อาจใชช่ือวา เนตรนารี หรือชื่ออื่นซึ่งไดรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหาร ลกู เสอื แหง ชาติ และคําวา “ ลกู เสอื ” ในพระราชบัญญัตินีใ้ หหมายถงึ “ ลกู เสือท่ีเปน หญิงดว ย ”

พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล า เ จ า อ ยู หั ว ท ร ง เ ป น พ ร ะ ร า ช โ อ ร ส ข อ ง พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พร ะ จุ ล จ อ ม เ กล า เ จ าอ ยู หั ว กั บ ส ม เ ด็จ พ ร ะ ศรี พั ช ริน ท ร า บร ม ร า ชินี น า ถ ท ร งพ ร ะ ร าช ส ม ภ พ เม่ือวันที่ 1 มกราคม 2423 ไดรับพระราชทานนามวา “ เจาฟาวชิราวุธ ” เมื่อทรงพระเยาว ไดศึกษาวิชาภาษาไทยจนแตกฉาน พอพระชนมายุได 13 พรรษา ไดเสร็จไปทรงศึกษา วชิ าการตาง ๆ ณ ประเทศองั กฤษ ทโี่ รงเรยี นนายรอ ยทหารบกเซนตเฮิสต และไดเขาศึกษาตอ ในมหาวิทยาลัยออก ฟอรด ทรงศึกษาในประเทศองั กฤษ นาน 9 ป แลวเสร็จนิวัติพระนคร เม่ือ พ.ศ. 2445 ทรงเสวยราชสมบัติ เมื่อ วนั ที่ 23 ตุลาคม 2453 ขณะพระชนมายไุ ด 30 พรรษา พระราชกรณียกจิ ทส่ี ําคญั ๆ ของพระองคมเี อนกประการ เชน การปลุกใจพลเมืองใหรักชาติบานเมือง โดย ทรงตงั้ “ กองเสอื ปา ” เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2454 เพ่ือใหขาราชการพลเรือนไดรับ การฝกฝน หลังจากน้ัน พระองคท รงเหน็ วา เมื่อเสอื ปา เจรญิ กาวหนาแลวควรจะอบรมบตุ รของเสอื ปา ดว ย อันเปนการอบรมเด็กตั้งแตเยาววัย ใหเปนคนดีของชาติ ดังนั้นจึงทรงต้ัง “ กองลูกเสือ ” ขึ้น เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม 2454 ณ โรงเรียน มหาดเลก็ หลวง ( โรงเรียนวชิราวุธวทิ ยาลยั ) ซึง่ ถือวา เปน การกาํ เนิดลูกเสอื ไทย ดวยพระปรีชาสามารถหลากหลายของพระองค เชน ดานการทหาร การปกครอง การศึกษา พระราชนิพนธ ตาง ๆ ประชาชนจึงไดถวายสมญานามแดพระองควา “ สมเด็จพระมหาธีรราชเจา ” พระองค สวรรคต เมือ่ วันท่ี 25 พฤศจิกายน 2468 พระชนมายุรวม 46 พรรษา วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุก ๆ ป จึงถือเปนวัยคลายวันสถาปนาคณะลูกเสือแหงชาติ ซ่ึงจะจัดใหมีพิธีสวน สนามของลูกเสือ เพือ่ ทบทวนคําปฏิญาณของลกู เสือ และวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุก ๆ ป จะเปนวันท่ีใหมีพิธีถวายราชสดุดี แดองคสมเด็จ พระมงกฎุ เกลา เจาอยหู ัว

1. ด อ ก ไ ม ส า ม แ ฉ ก เ รี ย ก ว า ด อ ก เ ฟ ล อ ร เ ด อ ลี ส ( Fleur – de – Lie ) เปรียบเสมือนน้ิวท้ัง 3 ของรหัส ลกู เสอื อนั หมายถึง คาํ ปฏญิ าณของลกู เสือท้งั 3 ขอ 2. ดาว 2 ดวง ดวงละ 5 แฉก รวมเปน 10 แฉก หมายถึง คุณธรรม 10 ประการของลูกเสือ อันหมายถึงกฎของ ลูกเสือ 10 ขอ 3. หนาเสือ เปนเคร่ืองหมายคณะลูกเสือ อันหมายถึง คณะ ลกู เสือท่ีปฏิบัติหนาท่ีดวยความองอาจ กลาหาญ ซ่ือสัตย เฉลียวฉลาด มไี หวพริบประดจุ เสอื 4. แถบงอนโคงดานลาง ตอนที่งอนขึ้นเปรียบเสมือนมุมปาก ของเสือกําลังยิ้ม ราเริง แจมใสเสมอ อันเปนมิตรกับคน ท่วั ไป 5. คติพจนของลูกเสือบนแถบงอนโคง ท่ีวา “ เสียชีพอยางเสียสัตย ” หมายความวา ลูกเสือตองรักษา สัตยย ่ิงกวาชีวติ ของตน 6. หวงปมเชือกสุด ตรงกลางดานลางของแถบโคง เปนเคร่ืองเตือนใจลูกเสือใหหวงใยตอการปฏิบัติตามคํา ปฏิญาณของลูกเสือ และเปนเครื่องเตือนใจใหลูกเสือ หว งใยในภารกิจที่เปน หนาทท่ี ่ีจะตองปฏบิ ัติ

สัญญาณ ( Formation ) หมายถึงการสื่อความหมายท่ีแสดงออกดวยทาทาง หรือการกระทํา เพื่อใหรู เขาใจและปฏบิ ตั ิตาม สัญญาณที่ใชในกจิ การของลูกเสือ มีหลายชนิด คอื สัญญาณมอื สัญญาณนกหวีด สัญญาณธง สัญญาณไฟ เปน ตน สญั ญาณทใี่ ชไปในขบวนการลกู เสอื มี 2 แบบ คอื สญั ญาณมือ และสญั ญาณนกหวีดกอนใชสัญญาณ ควร คาํ นงึ ถึง 1. จะใชเ พ่อื ใหเขาทําอะไร 2. จะใชสญั ญาณชนิดใด 3. บางคร้งั จะตองคาํ นงึ ถึงสถานที่ เวลา สญั ญาณนกหวดี จะใชเ้ มื่อไร 1. เม่อื ผเู รยี น อยูไกลซึง่ อาจมองไมเ หน็ กนั 2. เพ่อื ใหเ กดิ ความสนใจขณะผูเรยี น กําลงั ทาํ งาน กําลงั คุย กําลังเดิน หรือ ทํากิจการอ่ืน ๆ สัญญาณนกหวดี มีอยู 6 ชนิด คอื 1. เปา ยาวหนึ่งครงั้ หมายถึง หยุด ฟง เงยี บ เปนสัญญาณแรกของการเรยี กสญั ญาณนกหวีด 2. เปาส้นั ๆ ติดกนั หมายถงึ รวมกอง 3. เปา ยาวหลายครง้ั ติดตอ กัน หมายถึง ทาํ ตอไป เดนิ ตอ ไป 4. เปาส้ัน 3 คร้ัง ยาว 1 ครัง้ หมายถงึ เรยี กนายหมู 5. เปา ส้นั ยาวสลบั กนั หมายถึง เกิดเหตุ มอี นั ตราย 6. เปา ยาว 3 ครง้ั ส้ัน 1 ครัง้ หมายถงึ เชญิ ธงชาตลิ งจากยอดเสา เมอ่ื เวลา 18.00 น.

การใชส ญั ญาณมอื ในการเรยี กแถวรปู ตาง ๆ ในกรณีฝกอบรมลูกเสือนั้น ผูบังคับบัญชาลูกเสือที่จะเรียกแถว นั้น จะตอ งคาํ นึงถึงเรือ่ งตอไปน้ี 1. รสู้ ญั ญาณมือในการเรียก ทา สัญญาณมือในการเรียกรูปแถวตา ง ๆ ของลกู เสอื ท่ีนยิ มใชอ ยู 10 ประเภท คอื 1.1 แถวตอนหมู 1.2. แถวตอนเรยี งหนง่ึ 1.3 แถวหนากระดานหมูปดระยะ

1.4 แถวหนากระดานหมูเปดระยะ 1.5 แถวหนา กระดานแถวเดียว 1.6 แถวรูปครึง่ วงกลม 1.7 แถวรูปวงกลม แบบผเู รียกยนื ที่จดุ ศนู ยก ลาง ( วงกลม ก )

1.8 แถวรูปวงกลม แบบผเู รียกอยูท่เี สน รอบวง ( วงกลม ข ) 1.9 แถวรัศมี หรือ แถวลอเกวียน 1.10 แถวสเ่ี หลยี่ มเปดดา นหน่งึ 2. กอนการใช ผกู าํ กบั ลูกเสือ จะตอ งคํานึงถงึ คอื 2.1 ใหลูกเสือเขา แถว เพือ่ ทาํ กจิ กรรมอะไร ? 2.2 จาํ นวนลูกเสอื มีมากนอยเพยี งใร ? 2.3 สถานท่ีเขาแถวพอเพียง หรือเหมาะสมหรือไม ? 2.4 เลอื กสัญญาณมือทจ่ี ะใชเ รียกแถวแบบไหน ? ( ทสี่ อดคลองกบั ขอ 2.1 – 2.3 ) 3. ขณะที่เรียก ผกู ํากับลูกเสือ จะตองคํานึงถงึ คือ 3.1 ผูเ รยี ก จะตองทําทาสญั ญาณมือ ใหชดั เจน 3.2 ผูเรียก จะตองยืนอยกู ับท่ี เพอื่ เปนหลกั ในการเขา แถว 3.3 เพ่ือความเรียบรอยในการเขา แถว ผูเรยี กจะตอ งตรวจแถว แลวสั่ง “ น่งิ ”

4. คําสั่งที่ใชเ รยี ก ผกู าํ กับลกู เสือ จะตองคํานึงถึง คอื 4.1 สาํ รองใช คําวา “ แพค ” 4.2 สามัญ / สามญั รุนใหญ / วิสามญั ใชค าํ วา “ กอง ” 1. การจดั รปู ขบวนสวนสนามผา นประธาน   ธงท่ี 1 ธงที่ 3 ประธาน ธงที่ 2 2. ความสําคัญของธง ธงที่ 1  เรียกวา “ ธงระวงั ” ธงท่ี 2  เรียกวา “ ธงทาํ ความเคารพ ” ธงท่ี 3  เรียกวา “ ธงเลิกทาํ ความเคารพ ” 3. รายละเอียดบางประการในการเดินสวนสนาม 1.1 ลูกเสือถือปายชื่อกองลูกเสือ ใหถือปายในรองไหลขวา โดยใชมือซายงอศอกขนานกับพ้ืนจับใต ปายช่ือกองลูกเสือ สวนมือขวาเหยียดตรงลงขางลําตัวจับปายช่ือกอง เมื่อถึงธงที่ 1 ใหบิดปายหันดานอักษรไป ทางดา นประธาน เพ่อื ใหผทู ีอ่ ยูดา นประธานไดเหน็ และใหบิดปายกลบั เมื่อถงึ ธงท่ี 3 1.2 ลูกเสือท่ีถือธงประจํากอง ใหแบกธงในไหลขวา มือขวาจับดามธงโผลประมาณ 1 ศอก สวนมือซายแกวงแขนตามปกติ เม่ือถึงธงที่ 1 ใหลดมือขวาพรอมท้ังใชมือซายงอศอกขนานกับพื้นจับดาม ธงอยูในรองไหลขวา ธงจะอยูในลักษณะต้ังตรง เมื่อถึงธงท่ี 2 ใหฟาดธงลงไป โดยมือซายจับดามธงเหยียดตรงไป ขางหนา สวนมอื ขวาจบั ดา มธงเหยียดตรงชดิ ลําตวั พอถงึ ธงท่ี 3 ใหยกธงข้ึนกลับมาอยใู นทา แบกอาวธุ 1.3 ผูกํากับลูกเสือ เมื่อถึงธงท่ี 1 ใหทําระวัง คือ ( ในกรณีไมถือ ) ยกไมจากทาบาอาวุธมาอยู เสมอปาก เมื่อถึงธงท่ี 2 ใหฟาดลงในทาวันทยาวุธ พรอมทําแลขวา แขนซายไมแกวง จนถึงธงท่ี 3 ใหยกขึ้นมา เสมอปาก แลว ลดลงกลบั มาอยใู นทาบาอาวธุ สะบดั หนาตรงและเดินตอไป 1.4 รองผูกํากับ เมื่อถึงธงที่ 1 สั่ง “ ระวัง ” เมื่อถึงธงที่ 2 สั่ง “ แลขวา – ทํา ” การทํา ความเคารพใหทําเชนเดียวกับผูกํากับ สวนลูกเสือเม่ือไดยินวา “ แลขวา – ทํา ” ใหลูกเสือทุกคนในแถวสะบัดหนา แลขวา จนถึงธงท่ี 3 ก็สะบัดหนาแลตรงและเดินตอไป ถามีอาวุธเวลาแลขวาใหแกวงแขนปกติ ถาไมมีอาวุธให เหยียดแขนท้ัง 2 แนบชิดลําตัว ยกเวนปกขวานายหมูหรือแถวท่ีติดประธาน ไมตอง สะบัดหนา เดิน ตามปกติ

ตวั อยา่ งรูปแถวสวนสนาม แถวตอน ตวั อยา่ งรูปแถวสวนสนาม แถวหนา้ กระดาน หมายเหตุ 1. ระยะตอ ระยะขางเคยี งคิดเปน กาว อาจเปล่ยี นแปลงไดตามความเหมาะสมขึ้นอยูก ับสภาพสนาม 2. การจัดแถวสวนสนามเปน แถวตอนหมู หรือแถวหนากระดานหมู ไมค วรนอยกวา 4 หมู

การใชไมถ ือของผูบ งั คับบญั ชาลูกเสือ ตัวไมมีลักษณะกลม เสน ผา ศูนยก ลางหวั ไม ๑.๘ ซม. กลางไม ๑.๕ ซม. ปลายไม ๑.๒ ซม. ยาว ๗๕ ซม. ท่ีหวั ไมและปลายไมใหม ีปลอกทองเหลอื งหมุ ทางดา นหัวไมย าว ๖ ซม. ดา นปลายไมยาว ๔ ซม. จากหวั ไมล งมา ๑๒ ซม. ใหม พี ู ๒ พู ผูกติดอยกู บั ไม และจากหัวไมลงมา ๑๖ ซม. ใหมปี ลอกทองเหลืองเปน ตราคณะ ลูกเสือแหง ชาตหิ มุ อยู ไมถ ือใหเ ปนสีนาํ้ ตาลแก ลกั ษณะพูของไมถ ือ เปน ดายหรอื ไหมพรม สตี ามประเภทของลูกเสือหรอื ตําแหนงของลูกเสือ ถักเปน เชอื กผกู ติดกับไมถือ ปลายเชือกยาวขางละ ๖ ซม. ตอจากปลายเชือกแตล ะขางทําเปนพยู าวขางละ ๗ ซม. ขนาดโตพอสมควร ผูบังคบั บญั ชาลกู เสอื สามัญ เชือกและพเู ปน สีเขยี ว ผูบังคบั บัญชาลูกเสือสามัญรุนใหญ เชอื กและพเู ปน สีเลือดหมู ผบู ังคบั บญั ชาลูกเสอื วิสามญั เชอื กและพูเ ปน สแี ดง ผบู งั คับบัญชาลกู เสือชั้นผตู รวจการลกู เสอื สังกัดสาํ นกั งานคณะกรรมการ บริหารลกู เสือแหง ชาติ เชอื กและพูเปนสมี ว ง ผบู งั คับบัญชาลูกเสอื ชน้ั ผูตรวจการลูกเสอื สงั กัดสาํ นักงานคณะกรรมการ ลูกเสือจังหวดั เชอื กสมี ว งพสู ีมวงกบั สีเหลอื ง ผูบังคับบญั ชาลูกเสือชั้นผูตรวจการลูกเสอื สังกดั สาํ นักงานคณะกรรมการ ลูกเสือเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา เชือกสมี วงพูสีมว งกบั สแี ดง (ลกู เสือสํารองไมม อี าวธุ ผบู ังคบั บญั ชาลกู เสือสาํ รองไมมีไมถ ือ) วธิ ใี ชไ มถ อื ของผูบังคับบัญชาลกู เสอื การใชไมถ ือของผูบังคับบญั ชาลูกเสอื จะใชในโอกาสท่จี ัดแถวลูกเสือในพิธีใดๆ ที่ลูกเสือถือไมพลองหรือไมงาม ผูบังคับบญั ชาลูกเสอื กต็ อ งถือไมถ ือ ซงึ่ มีวธิ ีใชดงั ตอไปนี้ ๑.วธิ ีถอื ไมใ นทาปกติ โดยปกติไมถือจะหนีบอยใู นซอกรักแรซาย แขนซายทอนบนขนานกบั ลาํ ตวั หนบี ไมไว แขนซา ยทอนลา งเหยียดตรงไปขา งหนา มือซา ยกําไมไหฝ า มือหงายขึ้นหา งจากโคนไมประมาณ ๑ ฝา มือ ใหไ มขนานกับ พ้ืน

๒.ทาบาอาวธุ ใชม ือขวาจบั โคนไมถือใหฝามอื ควา่ํ ลงแลวนาํ ไมมาแนบขา งตวั ทางขวาในทา ตรง ใหน ว้ิ ทงั้ ส่เี รยี งกันอยดู า นนอกหัวแมมอื อยูด า นในใหโ คนไมอ ยรู ะหวา งนิว้ ช้ีกบั นิ้วหัวแมม ือ ปลายไม อยแู นบรองไหลข วา พรอ มกบั ปลอ ยมือซา ยลงขางตวั ๓.ทา ทาํ การเคารพอยกู ับท่ี เมื่อบอกแถวทาํ ความเคารพ “ขวา (ซาย,ตรงหนา )ระวงั , วันทยา – วุธ” พรอมกนั นัน้ ผูควบคุมแถวตอ งทําวนั ทยาวุธดว ยไมถ ือ โดยใชม อื ขวาถอื ไมมาในทาบา อาวุธ แลว ยกไมขึน้ มาใหปลายไมต้งั ตรง นวิ้ หวั แมมือหันเขาหาตัว ตง้ั ตรงขึน้ ตามไม ปลายนิ้วหวั แมมอื เสมอปาก หางจากปาก ๑ ฝา มอื แลวฟาดปลายไมและแขนขวาลงอยูในทาตรง มือขวากาํ โคนไม ให น้วิ หัวแมมืออยูขางบน และชป้ี ลายน้ิวไปทางปลายไม ใหปลายไมช ้ีตรงไปขางหนา และเฉยี งลงหา งจาก พื้นประมาณ ๑ คบื ทา เรียบอาวธุ เม่ือบอก “เรยี บ - อาวุธ” ใหยกไมถอื ข้ึนมาเสมอปาก แลวนาํ ลงมาในทา บา อาวุธ แลว จึงยกไม ชแู ขนขวาขนึ้ เหนือศรี ษะ เฉียงไปขา งหนาทางกึง่ ขวา พรอมกับเอนปลายไมล งมา เหน็บท่ีซอกรกั แร มอื ซายยกขนึ้ กําโคนไมไ ว แลวปลอยมอื ขวาลงในทา ตรงตามเดมิ ๔.เดินตามผูรบั การเคารพที่เดนิ ตรวจแถว เมื่อไดบ อกแถวทาํ ความเคารพดว ยทา วันทยาวุธแลว ถาผรู ับการเคารพเดนิ ตรวจแถว ผูควบคุมแถว ซงึ่ ไดทําทาวนั ทยาวธุ อยูแลว ใหยกไมข น้ึ เสมอปาก และเดินตามผูร บั การเคารพไปจนสดุ แถว จึงว่ิงกลับมาอยูท่ีเดิม พรอ มกับฟาดไมล ง ในทาวันทยาวุธอีก แลว จงึ บอกแถว “เรียบ – อาวุธ” ตอไป ๕.การรายงาน เมือ่ บอกแถวทาํ วันทยาวุธแลว ในกรณีทจี่ ะตอ งเขาไปรายงานผูรบั การเคารพ กใ็ หย กไมขึ้น เสมอปาก ออกว่งิ ไปหยุดตรงหนา หา งจากผรู ับรายงาน ๓ กาว พรอมกบั ฟาดไมลงในทาวนั ทยาวุธ แลวจึงรายงานเม่อื รายงานเสรจ็ ใหยกไมข ้นึ เสมอปาก กา วเทา ถอยหลัง ๑ กา ว ทํากลับหลังหนั วิ่งกลบั ท่ี เมื่อถึงที่แลว ใหห ยุดและทาํ กลับ หลังหนั พรอ มกับฟาดไมล งในทา วันทยาวุธ แลวจงึ บอกแถว “เรยี บ – อาวุธ” ตอ ไป

๖.ควบคุมแถวลูกเสือเดิน เม่ือบอกลกู เสือแบกอาวธุ ผูบ งั คบั บญั ชาลกู เสือตองอยูใ นทา บา อาวุธ และเดนิ ไปในทา บาวอาวธุ จนกวา จะบอกใหล ูกเสือเรียบอาวุธ ๗.สวนสนาม เมื่อจะถึงผูรบั การเคารพ คือถึงธงแรกใหทาํ ระวัง คอื ยกไมจากทาบา อาวุธมาอยเู สมอปากเม่ือถึง ธงท่ี ๒ ใหฟาดไมลงในทาวันทยาวธุ พรอมกบั ทาํ แลขวาแขนซา ยไมแ กวง จนถึงธงที่ ๓ ใหยกไมข้ึนเสมอปากแลว ลดลง ในทา บา อาวธุ สะบัดหนาแลตรงและเดินตอไป การทําความเคารพของผถู ือธง ธงตาง ๆ หมายถงึ ธงลูกเสือแหงชาติ ธงลูกเสือประจําจังหวดั ธงประจํากลุมหรือกองลกู เสือ (เวน ธงประจาํ หมูลกู เสอื ) กรณที ี่ 1 เวลาอยูกับที่ ใหถอื ธงดวยมือขวา โคนคันธงจรดกับพนื้ ประมาณโคนนว้ิ กอยขวา คันธงแนบกบั ตวั อยูในรองไหลข วา เวลาทําความเคารพ เมอื่ เพลงสรรเสริญพระบารมเี ริ่มบรรเลง ใหผ ูถ อื ธงทําความเคารพดว ยทา ธงติดตอกนั ไปดังน้ี 1. เอามือซายไปจับคันธงเหนอื มือขวาและชิดมอื ขวา แลว ยกคันธงขนึ้ ดว ยมือซา ยใหเ สมอแนวบาจนขอศอก ซายตัง้ ไดมมุ ฉาก ขณะเดยี วกันมือขวากจ็ บั ทโี่ คนคันธง และเหยียดตรงแลว ทําก่งึ ขวาหัน

2. คอ ย ๆ ลดคันธงชา ๆ ตามจังหวะเพลง จนคนั ธงขนานกบั พน้ื มือซายอยเู สมอแนวบาหางตวั พอสมควร มือขวาจับ โคนคันธงคอย ๆ โรยธงลง แขนเหยยี ดตรงไปตามคนั ธง (เม่อื บรรเลงเพลงไปไดคร่งึ ของเพลง) 3. คร้นั แลวใหยกปลายคนั ธงข้ึนในทา เคารพชา ๆ ใหไดจงั หวะเชน เดียวกันขาลงเม่ือเพลงสรรเสริญพระบารมีจบก็ให ลดธงลงในทา ตรงตามเดมิ 4. แลวใหล ดมอื ซา ยกลับท่ี และทําก่ึงขวาหันกลบั ทีเ่ ดมิ

กรณีท่ี 2 เวลาเคล่อื นท่ี ใหแบกธงดวยบาขวา มือขวาจับดา มธง หา งจากโคนพอสมควร ศอกขวาแนบลาํ ตวั ทาํ มมุ 90 องศากับลําตัว เวลาทาํ ความเคารพในขณะสวนสนาม ใหปฏิบตั ิดงั นี้ 1. เมื่อมาถึงธงท่ี 1 (ธงระวงั ) ใหล ดธงลงจากทา แบกมาแนบลําตวั ใหคนั ธงตั้งตรงมือขวากําโคนธงมือซายจบั คันธงใน แนวเสมอบา ยกขอศอกซา ยใหตัง้ ฉากกับลาํ ตวั 2. เมอื่ เดนิ ถงึ ธงที่ 2 (ธงทาํ ความเคารพ) ใหเหยยี ดแขนซา ยดนั คันธงตรงออกไปขางหนาใหค นั ธงเอนไปขา งหนา ประมาณ 45 องศา มอื ขวาแนบลําตวั ตาแลตรงออกไปขางหนา ขนานกับพืน้ (ไมต องสะบดั หนาแลไปยงั ผรู บั การเคารพ) 3. เมือ่ เดนิ ถึงธงอนั ที่ 3 (เปน ธงใหเ ลกิ ทําความเคารพ) ใหยกธงข้นึ มาในทาแบกธงตามเดิม แลวลดมือซา ยลงแลวเดนิ แกวงแขนตามปกติ

1. การเปิ ดประชุมกอง 1.1 ลกู เสือสํารอง เรียก Pack Meeting มลี ําดับขั้นตอน 2 ข้นั ดงั นี้ ขัน้ ตอนท่ี 1 ทําแกรนดฮ าวล • ผูกํากับ เรียกลูกเสือ “ แพค แพค แพค ” ลูกเสือทุกคนรับ “ แพค ” เขาวงกลมเล็ก ( Rock Circle ) • ขยายเปนวงกลมใหญ แขนพอตึงแลวปลอยมือ ( Parade Circle ) ยืนตรง ผูกํากับ ผายมือ หงายมอื ข้ึน • ผูกํากับคว่ํามือ หักขอมือปกลงพื้น ( ใหนั่งลูกเสือน่ัง ) แลวหงายมือข้ึน ลูกเสือขานวา “ อา เคลา เราจะทําดีท่สี ุด ”

• ส้นิ เสยี งขานรบั ลกู เสือกระโดดข้นึ ยืน ดงั รูป นายหมูบรกิ ารรอง “ จงทําดี จงทาํ ดี จงทําดี ” • สน้ิ คาํ “ จงทําดี ” สุดทา ย ลกู เสือทกุ คนลดมอื ซายลงอยใู นทาวันทยาหัตถและรอง “ เราจะทําดี จะทาํ ดี จะทําดี ” • ส้นิ คาํ “ จะทาํ ดี ” ทุกคนเอามือลงอยใู นทาตรง ข้ันตอนท่ี 2 เคารพธงชาติ • ชกั ธงชาติ • สวดมนต • สงบน่ิง  ตรวจ / แยก

หมายเหตุ ผูเรยี กแถวจะตองเปนผูกํากับลูกเสอื ซ่งึ ทาํ หนาท่คี นเดียวตลอดขนั้ ที่ 1 – 5 2. การปิ ด ประชุมกอง เมื่อมีการประชมุ กอง เรยี นหรือทาํ กจิ กรรมเสร็จ กจ็ ะมีพธิ ปี ด ประชุมกอง มีลาํ ดับขั้นตอนดังนี้ ขนั้ ท่ี 1 เรยี กวงกลมเล็กและนัดหมาย ขน้ั ท่ี 2 ตรวจ ( ตรวจเคร่ืองแบบ ) ขัน้ ท่ี 3 ชักธงลง ข้นั ท่ี 4 เลกิ หมายเหตุ ผูเรยี กแถวจะตอ งเปนผกู าํ กับลกู เสอื ซง่ึ ทําหนาท่ีคนเดียวตลอดข้นั ท่ี 1 – 4 ( การเปด – ปด ผกู ํากับดาํ เนนิ การคนเดยี ว )

3. การประชุมรอบเสาธงในตอนเชา้ ระหวา่ งการฝึกอบรม ใชสําหรับการฝกอบรมผูกํากับลูกเสือหรือลูกเสือ ในการอยูคายพักแรม ใหมีการปฏิบัติ ชักธงขึ้นสยู อดเสาในตอนเชา มีลาํ ดบั ขน้ั ตอน ดังน้ี เรยี กแถวรปู ครึง่ วงกลม ข้ันที่ 1 ชกั ธงขน้ึ ข้นั ที่ 2 สวดมนต ขั้นท่ี 3 สงบนิง่ ขน้ั ที่ 4 เชิญผูอาํ นวยการ / ฝก / คา ย / หวั หนา กลาวปราศยั ขั้นท่ี 5 แยก หมายเหตุ ในกรณีน้ี จะตอ งมพี ธิ ีกรหนา เสาธงหน่ึงคนท่ีทาํ หนา ที่เรียกแถวจนถึงขั้นท่ี 3 จึงจะเชิญผูอํานวยการ / ฝก / คา ย / หัวหนา มากลา ว พอจบ พิธกี รกท็ าํ หนา ทตี่ อ 4. พิธีเชิญธงลง ในการปิ ดค่ายฝึกอบรม ใชสาํ หรับปด คายอบรมผูก าํ กบั ลกู เสือหรอื ลูกเสอื ปด คายพักแรม มลี ําดบั ขนั้ ตอน ดังนี้ ข้นั ท่ี 1 ประธานกลา วปด คา ย ขัน้ ที่ 2 สวดมนต ขัน้ ที่ 3 สงบน่งิ ขนั้ ที่ 4 ชกั ธงลง ข้ันที่ 5 จบั มอื รองเพลงสามัคคีชุมนมุ ขน้ั ท่ี 6 จบั มอื ลา หมายเหตุ ในกรณีนี้ จะตองมีพธิ กี รหนาเสาธง

หลกั เกณฑก ารตรวจคา ย มอี ยู 4 ประการ คอื 1. ความสะอาดความเปน ระเบยี บเรียบรอย ( นายหมู ) - การแตงกายถูกตองตามขอ บังคับหรอื ไม - การแตงกายเปนระเบียบเพียงใด เชน การสวมหมวก การผูกผาผูกคอ การสวมวอกเกิ้ล กระดุม กระเปา กางเกงหรือกระโปรง รองเทา ถุงเทา ฯลฯ - เคร่ืองทองเหลือง เชน หนา หมวก หวั เขม็ ขดั มกี ารขัดโลหะใหสะอาดแวววาวหรือไม 2. ความเปน ระเบียบเรยี บรอ ยในการเก็บสิง่ ของที่พกั ( รองนายหมู ) - การจัดวางอปุ กรณเ คร่อื งใชตาง ๆ เปนระเบียบเรียบรอ ยหรือไม ( ควรจดั ใหเหมอื นกนั เปนระบบหมู ) - การวางรองเทา เปน ระเบียบ เรยี บรอ ยหรือไม และไดจัดทาํ ท่วี างรองเทาไวเ หมาะสมเพียงใด - การจัดวางอปุ กรณเ คร่ืองสขุ ภัณฑ เชน แปรงสีฟน ขันนา้ํ สบู เปน ระเบียบเรยี บรอ ยหรอื ไม - เคร่ืองมือเครื่องใชเก็บรักษา ทําความสะอาดเรียบรอยเพียงใด ( ตองเก็บเขาท่ีและชะโลมนํ้ามันทุกคร้ัง เม่ือใชเ สรจ็ ) - เสอื้ ผา ตากแขวนเปนระเบยี บเรียบรอยเพยี งใด ( ตอ งทาํ ทต่ี ากผาใหเ ปน ระเบยี บ ) - การขึงราวมงุ เรียบรอยและเก็บเขา ทสี่ ะดวก ปลอดภัยหรอื ไม 3. ความสะอาดของอปุ กรณก ารครัวและการวางผังครัว ( ในกรณที อ่ี บรมขัน้ สูง A.T.C ) ( หวั หนาคนครัว ) - การวางผังครัว ความสะดวกสบายเวลาปฎิบัติ เชน ที่วางอุปกรณหุงตมและจาน ไมไกลจาก เตา ไฟมากนกั หลุมเปย ก หลุมแหงไมห างจากเตา หรอื โตะ ประกอบอาหารมากเกินไปแตละหลุมตองทําฝาปด ขุดใหลกึ พอสมควรแกก ารใชไ มน อ ยกวา 7-8 วนั เตาไฟทจ่ี ดั ทําควรสูงประมาณบ้ันเอว ขางใตใชเปนท่ีเก็บ ฟน ที่วางถังนํ้ารับประทานควรอยูสูงพอสมควร ทําฝาปดปองกันยุง ฝุนละออง และมีที่แขวนกระบอก น้าํ ที่ต้งั อา งลา ง มือ ฯลฯ - ความสะอาดของเตาไฟ เมื่อใชแลว เกบ็ เถาถา นใหเ รียบรอย - อุปกรณห ุงตม เชน หมอขา ว หมอ แกง กะทะ ขดั ลา งใหสะอาด 4. สขุ าภิบาล ( ในกรณีทีเ่ ขา รับการอบรมข้นั ความรูช ั้นสงู A.T.C ) ( พลาธิการ ) - ความสะอาดบรเิ วณท่ีพักตลอดจนความสะอาดของครัว ทนี่ อน ทีพ่ กั - หลุมเปยกมดิ ชดิ เพยี งใด เปล่ียนใบไมทีท่ าํ ฝาปด ทุกวัน - หลมุ แหงมีการกลบเศษอาหารหรือไม และมดิ ชดิ เพยี งใด - มรี าวตากผา เปย กหรือไม ตากเปน ระเบียบเพยี งใด - ตะเกยี งร้วั ประจาํ หมทู ําความสะอาดเพียงใด (เชด็ ใหสะอาดและเติมนํา้ มนั เติมทุกวัน) หนา ทีห่ มูบรกิ าร 1. ทาํ ความสะอาดสถานท่ใี ชรวมกัน เชน ทีเ่ รียน ที่ชมุ นุมรอบกองไฟ บริเวณเสาธง หอ งน้ํา - หองสว ม 2. เชญิ ธงข้นึ - ลง นํารอ งเพลงชาติ นาํ สวดมนต 3. ในวันท่ีมีประชุมรอบกองไฟ เตรียมสถานที่ ทําพวงมาลัยสําหรับมอบใหประธาน เรียกประชุม ใหพรอม กอ นเวลา 5 นาที จุดไฟ เติมฟน และเก็บกองไฟเมอ่ื เลิกใชแลว 4. เรยี กผูอ บรมเขา ที่เรยี นกอ นเวลาประมาณ 5 นาที 5. ทาํ หนา ท่อี ื่นๆ ตามทีค่ ณะผใู หอบรมรองขอ

หมายเหตุ 1. เชิญธงขึ้นเวลาประชุมรอบเสาธงตอนเชา หลงั รับการตรวจเย่ยี มในการประชมุ กองแตละครง้ั 2. เชญิ ธงลงเวลา 18.00 น. (แตง เครอ่ื งแบบครบ) 3. เปลย่ี นหนาท่ีหมบู ริการเวลา 18.00 น. (หลังเชญิ ธง) ระเบียบการอยคู าย 1. ใหความรว มมือกับคณะผใู หก ารอบรมทุกประการ 2. อยูใ นระเบยี บวินัย วอ งไว สะอาด ตรงตอเวลา 3. ชว ยกันรักษาทรัพยส ินสวนตัวและสวนรวม 4. หามออกนอกบริเวณคายกอนไดรับอนญุ าต 5. ชว ยกนั รักษาความสะอาดกองอาํ นวยการ ที่เรียน หองสุขา และที่พัก 05.30 น. ตนื่ นอนระเบียบแถว 06.15 น. ความสะอาดท่ีพัก 07.00 น. รบั ประทานอาหาร 07.45 น. ตรวจ ประชมุ รอบเสาธง ( เชิญธงชาติ สวดมนต สงบนง่ิ ประเมนิ ผลการตรวจ ) 08.45 น. เกม 09.00 น. ฝกอบรม 12.00 น. รบั ประทานอาหาร พักผอ น (กิจกรรมยามวา ง) 13.30 น. ฝกอบรม 15.30 น. อาหารวาง 17.30 น. ประชุมนายหมู 18.00 น. เชิญธงลง รบั ประธานอาหาร 19.00 น. นันทนาการ / ฝกอบรม 21.30 น. สวดมนต 22.00 น. ดบั ไฟนอน

1. วินัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยไดทรงปรารภไวในบันทึกจดหมาย เหตเุ สือปา เม่ือคราวประกาศต้ังกองลกู เสอื มีขอความตอนหนง่ึ ที่เกีย่ วกบั “ วนิ ัย ” วา “ การที่บุคคลได้รับการฝึ กหัดอบรมอย่างทหารน้ัน เป็นการทาํ ให้คนรู้จักวินัย คือ การฝึ กหัด คน ให้เป็ นผู้ท่ีอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่เป็ นหัวหน้าหรือนายเหนือคน ซ่ึงจะนาํ ประโยชน์นั้นมาให้แก่ ตนเองเป็ นอันมาก เพราะคนเรานั้นถ้ารู้จักเป็ นผู้ในบังคับบัญชาของคนอื่นได้ดี จะเป็ นนายที่รู้จักนา้ํ ใจ ผ้นู ้อย ทั้งนีเ้ ป็นการส่ังสอนอย่างหน่ึง ให้คนมีความยาํ เกรงต้งั อยู่ในพระราชกาํ หนดกฎมายของ บ้านเมือง ท้ังปลกุ ใจคนให้ มีความรู้สึกรักพระเจ้าแผ่นดิน ประเทศชาติ และศาสนาของตนได้ ” วินยั เปนสิง่ ท่ีมองไมเห็น มันเกิดข้ึนจากการที่ลูกเสือรวมกันรักษาสัตยท่ีจะประพฤติตนตามขอบังคับ แบบ แผนตา ง ๆ ท่ีหวั หนา วางไวหรือขอรอ งเกดิ ความเคยชิน จนเปนนสิ ยั เกดิ ขึ้นในตวั เอง สืบตอมา วนิ ยั ทดี่ ยี อมเกดิ จากความรกั ความเลื่อมใสศรัทธา เด็ก ๆ ยอมเช่ือฟงและเคารพเลื่อมใสผูท่ีฉลาดกวาตน มีอายุมากกวาตน รูปรางใหญกวาตน ฉะนั้น ผูกํากับลูกเสือ จึงเปนกุญแจดอกสําคัญในการสรางวินัยใหเกิดข้ึน ในตัวเด็ก ผูกํากับลูกเสือจึงตองวางตัวใหดีท่ีสุด มีบุคลิกภาพท่ีนานับถือ ยิ้มแยมแจมใส พูดจาชัดถอยชัดคํา เด็กก็จะเกิดความรักใครน บั ถอื นิยมชมชอบและเลอ่ื มใสศรัทธาเด็กกจ็ ะใหค วามรวมมือปฏิบัติตามกฎเกณฑตาง ๆ ผลที่สุดการปฏิบัติตามคําส่ัง หรือปฏิบัติตัวอยูในระเบียบวินัยของลูกเสือก็เปนของงาย ผูกํากับลูกเสือก็ควรจะ กวดขันในเรือ่ งวินัย การเช่อื ฟง ปฏิบัติตามคําสั่งดวยความรวดเร็ว เครงครัด แมในเรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ ก็ไมควร ปลอ ยเลยไป กองลูกเสือที่มีระเบียบวินัยดี กองลูกเสือนั้นก็จะมีความสุข ประสบผลสําเร็จในกิจกรรมตาง ๆ ไดโดยงา ย 1. สงิ่ ที่ชว ยใหลกู เสือมีระเบียบวินัยทีด่ ไี ดกค็ ือ 1. การออกคําสั่งของผูกํากับ ควรเปนคําสั่งงาย ๆ ตรง ๆ มีจุดมุงหมายแนนอน ไมใชเปนคําสั่ง ท่ีเกิดจาก การขมขู หรอื บงั คับใหก ระทํา 2. การใหลูกเสือปฏิบัติตามระเบียบพิธีการตาง ๆ ทําใหลูกเสืออยูในอาการสํารวมเพราะในพิธีการตาง ๆ นัน้ มีระเบียบปฏิบตั ิเปน ลําดับขั้นตอน 3. การเปด – ปด ประชมุ กอง การตรวจ หรือการตรวจการอยูคายพกั แรมในตอนเชา เปนการชวยใหลูกเสือ ไดปรับมาตรฐานและระเบียบ วินยั ของลูกเสอื ใหมรี ะดบั ดขี ้นึ 2. การแตง เครอ่ื งแบบ เปน สญั ลักษณแสดงความเปนพวกเปนหมู ในขบวนการลูกเสือ เคร่ืองแบบเปนเครื่องแสดงความมีระเบียบ วินัย มองดูจากภายนอกรูไดทันทีวาผูแตงเครื่องแบบน้ันเปนผูมีความเปนระเบียบเรียบรอยเพียงใด ไดจากการ สวมใสเ คร่ืองแตง กายของผูน ้นั เปนประการแรก บคุ คลภายนอกจะมองและตัดสนิ จากสิ่งที่เขาเห็นเทานั้น ฉะนั้นผู กํากับลกู เสอื จึงตองแตง “ เครื่องแบบ ” ใหเรียบรอยถูกตอง เปนแบบฉบับท่ีดีของลูกเสือความสงาผาเผยของผู กาํ กับจะสง ผลสะทอนไปยงั เดก็ ๆ

3. โอกาสในการแตงเครื่องแบบ 3.1 แตง ทุกคร้งั ทีม่ กี ารแตง ตามปกติ 3.2 เมอ่ื ควบคุมลูกเสือออกไปนอกสถานที่ 3.3 ในพธิ กี ารลูกเสอื เชน พธิ ีเขาประจาํ กอง 3.4 ในโอกาสอื่นอีกตามสมควร 4. สัญญาณมือและรูปแถวตา ง ๆ รวมทัง้ สัญญาณนกหวดี เปน สิ่งจําเปนสําหรับกองลูกเสือ ระเบียบรูปแถวตาง ๆ สรางความเปนระเบียบเรียบรอยและความวองไว ใหแกก องลูกเสือ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจาอยหู ัว “ ระเบียบวินัยดี เปน สงิ่ ช้คี วามเจรญิ ” สาํ รอง สามญั สามญั รุน ใหญ วิสามญั การฝกลูกเสือตามฐานตาง ๆ น้ัน ใหจัดฐานเปนวงกลม หรือ รูปสี่เหลี่ยมมีศูนยกลางระยะทางระหวางฐาน ควรเทากนั เสนทางการเดินทางใหสะดวก บางฐานอาจมีเสนทางเขาสูฐานไมสะดวกตองออม ส่ิงปลูก สราง พุมไม หรือบอนํ้า ก็ควรจะคํานึงถึงเวลาเดินทางใหเทากับฐานอื่น ๆ มิฉะน้ัน ลูกเสือจะเสียเวลาเดินทางมาก ไมไดร บั ความรูต ามฐานน้ันเต็มที่ การเคล่ือนที่เขาสูฐานนิยมเคล่ือนโดยเวียนขวา คือไปตามเข็มนาฬิกา ฉะนั้นผูอยูประจําฐาน ( วิทยากร ) จะตองหันหนาเขาสูจุดศูนยกลางของวงใหญ ( สนามฝก ) เมื่อลูกเสือฝกครบเวลามีสัญญาณปลอยแลว จะเขาแถวหนากระดาน ทาํ ขวาหันแลว เคลือ่ นทต่ี ามนายหมูไ ดเ ลย การเขาฐานครั้งละหลาย ๆ หมู แตละหมูนายหมูตองรายงานเองทุกหมู ไมควรใหหมูท่ีหน่ึงรายงานรวบคร้ัง เดียว เพราะนายหมูส่งั การไดเ ฉพาะลูกหมูของตนเองเทานั้น หากมีการเขาฐานมากหมูจนเกินไปเสียเวลามาก ก็ควร เปลย่ี นวธิ ีการเขา ฐานแบบวิทยากรเคลื่อนที่ไปหาลูกเสอื ซึง่ การรายงานนส้ี ามารถมผี ูแทนส่ังทําความเคารพคนเดียวได เสมอื นครูเขา หองสอน

1. การรายงานกรณที กุ คนมอี าวุธ การรายงาน ( มอี าวธุ ครบทุกคน ) ขนั้ ท่ี 1 นายหมู หมู .... ( อทู องตรง วนั ทยา – วธุ ) ทกุ คน ทําวนั ทยาวธุ ขน้ั ที่ 2 นายหมู ลดมือลง กาวขน้ึ หนา แถว 1 กา ว ( ใชเทา ซายเปนเทา นาํ ) “ ทําวันทยาวุธ ” แลว กลา วรายงานวา “ หมู ... ( อทู อง พรอมท่ีจะรับการฝกแลว ... ครับ ) ถอยหลงั เขา ท่ีเดมิ “ ทาํ วันทยาวธุ ” ไว ข้นั ท่ี 3 นายหมู.... สง่ั “ เรียบ – อาวธุ ทุกคนลดมอื ลงอยใู นทาตรง นายหมู.... ส่งั ตามระเบยี บพกั / .... เริม่ เรยี น .... หมายเหตุ ผูประจําฐาน รับการเคารพดว ยทา วันทยหัตถค างอยูจนกวานายหมูรายงานจบ จึงลดมอื ลงพรอมนายหมู ขอสังเกต 1 จากข้ันท่ี 1 – 3 ลกู เสือภายในหมทู ําวันทยาวุธคางไว จนไดยนิ คําสงั่ “ เรียบอาวธุ ” เม่ือเรยี นจบตามกําหนดเวลาหรือไดย นิ สญั ญาณ ลกู เสอื เขา แถวหมหู นา กระดานหนา ผกู าํ กับ เชน เดมิ การรายงานออกจากฐาน ข้ันท่ี 4 นายหมู....สั่งหมู … ( “ อูท องตรง วันทยา- วุธ ” ) ทกุ คนทําวนั ทยาวุธพรอมกัน นายหมกู ลาวขอบคุณ ผูก าํ กับประจาํ ฐานคนเดยี ว “ หมูอทู องขอบคุณครบั ”

นายหมู...ส่ัง เรยี บ – อาวธุ ทุกคนลดมือลง นายหมู...สงั่ “ ขวาหัน ตามขา พเจา ” ลูกเสือเคลื่อนท่ีไปเขา ฐาน อนื่ ตอไป ขอ สังเกต 2 การรายงานออกจากฐานนายหมูไมตองกาวข้ึนขา งหนา แถว ยนื อยูร ะดับเดยี วกบั สมาชิกหมู 2. การเขาฐานกรณี นายหมูมอี าวุธคนเดียว หมู .... ( อูทอง ..... ตรง ) ลูกเสอื ทุกคนยนื ตรง ขัน้ ท่ี 1 นายหมู ขัน้ ท่ี 2 ทาํ “วันทยาวธุ ” คนเดียว ลดมอื ลงกา วข้ึนหนา 1 กาว นายหมู ( ใชเทาซา ยเปนเทา นํา ) “ ทําวันทยาวุธ ” แลวกลา ว รายงานวา นายหมู “ หมู ..... ( อูท อง พรอมที่จะรบั การฝก แลว .... ครับ ) ” ลดมือลงถอยหลังเขาท่ีเดิม “ ทาํ วนั ทยาวุธ ” และ เรยี บอาวธุ โดยอตั โนมตั ิ ขน้ั ท่ี 3 นายหมู สัง่ “ ตามระเบียบพกั ” และเริม่ เรยี นจนจบ หมายเหตุ ผูประจําฐาน รบั การเคารพดวยทาวนั ทยหัตถค างอยูจนกวานายหมรู ายงานจบ จงึ ลดมอื ลงพรอ มนายหมู ขอ สงั เกต 1 จากขน้ั ที่ 1 – 3 ลูกเสือภายในหมูทกุ คนยืนอยูในทาตรงจนไดย ินคําสั่ง “ ตามระเบยี บพัก ”

เมอ่ื เรยี นจบตามกําหนดเวลาหรือไดย นิ สญั ญาณ ลูกเสือเขาแถวหมหู นากระดานหนาผกู ํากับ เชนเดิม การรายงานออกจากฐาน ขั้นที่ 4 นายหมู ส่ังหมู …( อูท อง ..... ตรง ) นายหมู ทําวนั ทยาวุธคนเดียว แลว กลาวขอบคณุ ลดมอื ลง แลว สง่ั “ ขวาหัน ตามขาพเจา ” เคล่ือนที่ไปเขาฐานอืน่ ตอไป หมายเหตุ ผปู ระจาํ ฐาน รบั การเคารพดว ยทา วันทยหัตถค า งอยูจนกวา นายหมูรายงานจบ จึงลดมือลงพรอมนายหมู ขอสงั เกต 2 การรายงานออกจากฐานนายหมูยนื อยใู นแถวไมต องกา วขึ้นขา งหนาทําวนั ทยาวุธคนเดียว คนอน่ื ๆ ยนื ตรง 3. การเขา ฐานกรณี ลูกเสือทกุ คนไมม อี าวธุ ( ลูกเสอื สาํ รองใชรูปแบบน้ี ) ขน้ั ที่ 1 นายหมู สั่งหมู .... ( อทู อง ..... ตรง ) ลกู เสอื ทุกคนยืนตรง กรณี ลกู เสอื สํารอง ใชคาํ สงั่ เปน สี ......... นายหมู สงั่ หม.ู ... (สแี ดง .... ตรง ) ลกู เสือทกุ คนยืนตรง

ข้นั ที่ 2 นายหมู ทํา “ วันทยหตั ถ ” คนเดยี วลดมือลงแลว กาวขนึ้ หนา 1 กา ว ( ใชเ ทา ซายเปนเทา นํา ) “ ทาํ วนั ทยหตั ถ ” พูดวา “ หมู ... ( อูทอง พรอ มที่จะรับการฝก แลว ครับ ) ” ลดมอื ลง ถอยหลังเขาท่ี ลูกเสอื สํารอง นายหมู “ หมู ... ( สแี ดง พรอ มท่ีจะรบั การฝก แลว ครับ ) ” ลดมือลง ถอยหลังเขา ท่ี ขนั้ ที่ 3 นายหมู “ ทาํ วันทยหตั ถ ” ลดมือลง สงั่ “ ตามระเบียบพกั ” และเร่มิ เรียนจนจบ หมายเหตุ ผูป ระจาํ ฐาน รบั การเคารพดวยทา วนั ทยหตั ถค างอยจู นกวา นายหมูรายงานจบ จงึ ลดมือลงพรอมนายหมู ขอ สังเกต 1 จากขน้ั ที่ 1 – 3 ลูกเสือทุกคนยนื อยใู นทา ตรงอยางเดียว เม่ือเรยี นจบตามกําหนดเวลาหรอื ไดย นิ สญั ญาณ ลกู เสือเขา แถวหมูห นา กระดานหนาผกู ํากับ เชนเดมิ การรายงานออก ขั้นท่ี 4 สัง่ หมู …( อูท อง ..... ตรง ) ลูกเสอื ทกุ คนยืนตรง นายหมู ทําวันทย – หตั ถค นเดียว แลวกลา ว“ ขอบคณุ ครับ ” นายหมู ลดมอื ลง แลว ส่ัง “ ขวาหัน ตามขา พเจามา ” ไปเขาฐานอ่ืนตอไป

ลูกเสอื สํารอง ทาํ เชน เดยี วกัน อยาลมื คําส่ังใช “ สี ” หมายเหตุ ผปู ระจาํ ฐาน รบั การเคารพดวยทาวนั ทยหัตถคางอยจู นกวานายหมรู ายงานจบ จงึ ลดมือลงพรอมนายหมู ขอสงั เกต 2 การรายงานออกจากฐาน นายหมูยนื ระดับเดยี วกบั สมาชกิ หมอู ยูในแถว 4. การเขา ฐานกรณีผปู ระจาํ ฐานเคลอ่ื นทีเ่ อง การสอนแบบนี้ เหมาะสําหรับมีลูกเสือจํานวนมาก เมื่อแบงฐานแลวมีลูกเสือหลาย ๆ หมูในฐาน หากจะให ลูกเสอื เคล่อื นทจ่ี ะเสียเวลามาก จึงควรจัดใหลกู เสอื อยูกบั ที่ กรณีนี้ ไมตองมีการรายงาน ใหทําเหมือนครูเดินเขาหองสอน เมื่อผูสอนเขาประจําฐานแลว ใหนายหมู ช่ัวคราวทีไ่ ดรบั การแตงตง้ั เปนผูส งั่ ทาํ ความเคารพ โดยสง่ั วา ( ลูกเสอื ตรง – วนั ทยาวธุ – เรียบ – อาวุธ ตามระเบียบ พัก ) กรณีมีอาวุธเฉพาะนายหมู ( หลายหมู ) ใหส่ังวา ( ลูกเสือ ........ ตรง เฉย ๆ แตนายหมูทุกคน ที่มี อาวธุ เมอื่ ตรงแลว ใหท าํ วนั ทยาวุธ – เรยี บอาวธุ เองโดยไมมใี ครสง่ั ) กรณไี มมีอาวธุ ทกุ คนหรอื เปน ลูกเสอื สํารอง นายหมูช ั่วคราวควรสั่ง ( ลูกเสอื ........ ตรง เฉย ๆ นายหมูตรงแลวทาํ วันทยหัตถและลดมอื ลงเอง ) สาํ หรับผปู ระจาํ ฐาน ใหรบั การเคารพตามปกติ ( วันทยหัตถ - ลดมอื ลง เพราะไมม ีการรายงาน )

ลูกเสอื โลก โดย ศาสตราจารยน ายแพทยบ ญุ สม มารต นิ การลูกเสอื โลกไดถอื กําเนดิ มา 112 ปแ ลว พ.ศ. 2450 เริม่ โดยการทีล่ อรด เบเดน โพเอลล นําเด็กชาย จํานวน 20 คน ไปพกั แรมที่ เกาะบราวนซี สาํ หรบั การลกู เสือไทย เปน ชาตทิ ี่มีลูกเสือโดยไดรับพระราชทานกําเนิดมาจากองคพระมหาธีรราชเจาลนเกลาลน กระหมอ ม รัชกาลที่ 6 เมือ่ พ.ศ. 2454 หลังจากไดถ อื กาํ เนิดมาแลว กิจการลูกเสือโลกก็ไดรับการจรรโลง พัฒนาปรับปรุงใหเปนองคกรรวมของการ ลกู เสือชาติตาง ๆ ท่ัวโลก ปจจุบันน้ีมีชาติตาง ๆ มีกิจการลูกเสืออยูถึง 170 ประเทศ ในเดือนมกราคม พ.ศ.2562 แมจะมีการพัฒนา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัยบางก็เปนเพียงแตการดําเนินการเทาน้ัน วัตถุประสงคหลัก หรือหลกั การกค็ งเปน ไปตามเจตนารมณเดิมทลี่ อรด เบเดน โพเอลล ไดก าํ หนดไว วัตถุประสงคหลักของลูกเสือคือการสรางประสบการณใหกับเยาวชน โดยคงเปนการศึกษานอกโรงเรียน ไม คํานึงถึงเรื่องการเมือง แตเปนการรวมมือกันของคนทุกชนช้ัน ทุกเหลา เพ่ือกอใหเกิดความเจริญแกเยาวชนในทาง กาย จิตใจ สังคม สติปญญา และศีลธรรม เพื่อเปนบุคคลท่ีพึงประสงคของสังคมของชาติ และของเพ่ือนมนุษย ดว ยกนั ปลูกฝงใหม คี วามจงรักภักดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ( ประมุข ) ควบคูไปกับการสงเสริมใหมีสันติสุข ขน้ึ ในชุมชนในชาติ และระหวา งชาติดว ย ลักษณะเฉพาะของลกู เสือในการดําเนนิ การน้ัน อาศยั ความสมคั รใจความเต็มใจเปนสําคัญและรวมมือกันทําท่ี เรียกวาระบบหมู โดยนําเอาธรรมชาติเขามาเปนสื่อ อาศัยความสําคัญและความนาสนใจของธรรมชาติเปนเครื่องจูง ใจ และปฏิบัตกิ ันจริง ๆ ซ่ึงสว นใหญจ ะอยูกลางแจง โดยหลักการดงั กลา ว เพื่อความเปนปกแผน และดําเนินการไปทํานองเดียวกันชาติตาง ๆ ท่ีมีกิจการลูกเสือ จึงรวมตัวกันเปนองคกรข้ึนและขนานนามวา ลูกเสือโลก ( World Scout ) มีธรรมนูญวาดวยการปกครองเปน บทบัญญัติในการดําเนินการอยา งเปน ปกแผน โดยแยกออกเปน 3 องคกร คือ 1. สมัชชาลกู เสือโลก ( World Scout Conference ) สมชั ชาลูกเสือโลกเปนองคกรท่ีกําหนดนโยบายเปนสําคัญ ทุก ๆ 2 ป สมาชิกชาติตาง ๆ ของลูกเสือโลก นัดหมายกันไปประชุมที่ใดที่หนึ่ง เพ่ือกําหนดนโยบายใหขอเสนอแนะในการดําเนินการ รับทราบการดําเนินกิจการ ลูกเสอื ทัว่ โลกตัง้ กรรมการ สมัชชาลูกเสือมีการประชุมคร้ังแรก ณ กรุงลอนดอน เมื่อ พ.ศ. 2454 การประชุมแบบ 2 ปตอครั้ง ครั้งหลังสุดมีข้ึน ณ เมืองเมลเบอรน ประเทศออสเตรเลีย ในป 2530 หลังจากคร้ังนี้เปนตนไป จัด ประชุมทุก ๆ 3 ป เร่ิมปพ.ศ. 2533 ป พ.ศ. 2536 จัดประชุมที่ประเทศไทย ในเดือนกรกฎาคม นับเปนครั้งที่ 33

2. คณะกรรมการลกู เสือโลก โดยที่สมัชชาใหญโตมาก จึงกําหนดใหมีการเลือกต้ัง เพื่อใหมีคณะกรรมการเปนตัวแทนไปประชุมกันทุกป ปละอยา งนอย 1 ครั้ง พิจารณาดําเนินการในเรื่องตาง ๆ ท่ีทางสมัชชาไดมีมติไวและเรื่องสมควรแกการดําเนินการ ตามหลักการลกู เสือ คณะกรรมการมี 12 คน เลือกทุก 2 ป ครั้งละ 4 คน หมุนเวียนผลัดเปล่ียนไป แลวแตจะ ไดร บั ความนิยมจากสมชั ชาลูกเสือโลก โดยชาติตาง ๆ ก็จะเสนอคนของตนเขาแขงขัน กรรมการลูกเสือโลกจะอยูใน ตําแหนงคราวละ 6 ป สําหรับประเทศไทย ไดรับเกียรติเขาเปนกรรมการลูกเสือโลกแลว 2 คน ทานแรกคือ ฯพณฯ นายอภัย จันทวิมล ระหวางป 2506 – 2514 อีกคนหนึ่ง คือผูเขียน ดร. บุญสม มารติน ซ่ึงดํารง ตําแหนงมาต้ังแต ป 2524 – 2530 คณะกรรมการ มีเลขาธิการของสํานักงานลูกเสือเปนกรรมการและ เลขานุการโดยตําแหนง คณะกรรมการลูกเสือโลกนี้ ไดกําหนดใหมีคณะกรรมการลูกเสือชุดเล็กเปนชุดทํางานประกอบดวยประธาน รองประธานและเลขาธิการ เพ่ือจะจัดประชุมขึ้นอยางนอยปละ 1 ครั้ง เพ่ือดําเนินการประชุมแทนในบางเร่ืองที่ รีบดวนหรือเพื่อกล่ันกรอง เพราะกรรมการประชุมใหญน้ัน อาจจะไมสะดวกเพราะกรรมการตองมาจากท่ัวโลก ประธานมักจะมีประชมุ พิเศษ ในกรณีท่โี อกาสอํานวยและพิจารณากลัน่ กรองเร่อื งตาง ๆเสียกอ น 3. สํานักงานลกู เสือโลก ( World Scout Bureau ) เปนสํานักงานที่มีเลขาธิการเปนผูบังคับบัญชา ดําเนินการเปนสํานักงานปฏิบัติและดําเนินการ เชนเดียวกับ สํานักงานขององคการท้ังหลาย ต้ังอยูที่เมืองเจนิวา ประเทศสวิสเซอรแลนด ( ครั้งแรกต้ังอยูท่ี กรงุ ลอนดอน เม่ือป ค.ศ. 1920 ตอมายา ยไปแคนาดา ในป ค.ศ 1957 และ สวสิ เซอรแลนด ต้งั แตป ค.ศ. 1968 ปจ จบุ ันต้งั อยทู ีป่ ระเทศมาเลเซยี เพ่ือความสะดวกและความเหมาะสมหลายประการ ) นอกจากจะมีสํานักงานใหญที่ ประเทศมาเลเซีย แลว ยังมีสํานกั งานสาขาตามภมู ิภาค ตาง ๆ ของโลก อีก ดงั น้ี 1. อฟั รกิ า ที่ไนโรบี ประเทศเคนยา 2. อาหรบั ทอ่ี ียิปต 3. เอเชียและแปซิฟก ทฟี่ ล ิปปน ส 4. ยโุ รป ที่สวิสเซอรแลนด 5. อเมรกิ า ( เหนือ – ใต ) ทีค่ อสตาริกา สาํ นักงานสาขา ดแู ลสงเสรมิ และทําหนา ทเ่ี ปนผใู หก ารบริการ ประสานงานระหวางชาติ ในภาค และนอกภาค รวมถงึ สาํ นักงานใหญดวย สาํ นกั งานลูกเสือน้ี แบง งานหลกั ออกเปน 3 สวนดงั น้ี 1. ฝา ยวชิ าการ ( Educational Method Group ) มีงานหลักกค็ ือ ใหก ารแนะนําในทางความคดิ แนวทาง / เอกสาร 2. ฝายดําเนนิ การ ( Operations Group ) รว มมือกนั กบั ภมู ิภาคท้งั หลายในการท่ีจะนาํ เอาสว นทีก่ ลา วไวใ นขอ 1 ออกมาเปนเชงิ ปฏบิ ัติ 3. ฝา ยสนบั สนุน ( Support Service Group )

เปนผูเสนอแนะนโยบายและทบทวนในเรื่องตาง ๆ ท่ีทางคณะกรรมการลูกเสือโลกมีมติไปเกี่ยวกับการจัดหา และใชอุปกรณ วธิ กี ารตา ง ๆ ทม่ี ีความจาํ เปน ตอ การดาํ เนินกิจการของลูกเสือโลก แตละฝายก็จะมีคณะอนุกรรมการ ประจําคณะ และคณะทํางานในกิจการพิเศษที่จะมีขนึ้ นอกจากงานประจําที่สํานักงานคณะลูกเสือปฏิบัติอยูแลว สํานักงานนี้ยังเขาไปมีสวนชวยเหลืองานของภาค ในเร่ืองอื่น ๆ เชน การจัดการชุมนุมหรือติดตอประสานงานกับองคกรตาง ๆ ที่เก่ียวของกับ การลูกเสือ และเยาวชนของโลกอีกดวย เชน องคการสหประชาชาติ ( UNICEF UNESCO ) หรือองคการ ท่ีเก่ียวกับ เยาวชนโดยตรง โดยเฉพาะอยางย่ิง องคกรของเนตรนารีหรือผูบําเพ็ญประโยชน WAGGGS ( World Association of Girl Guides and Girl Scout ) การเงนิ 1. จากสมาชิกลกู เสือ การเงินของสํานักงานลูกเสือโลก อยูไดโดยอาศัยคาบํารุงจากสมาชิก โดยไดรับชําระเปนเงิน 32 ซังตมี สวิสส ( 4.50 บาท ) 2. จากมลู นิธลิ ูกเสอื โลก มลู นธิ ิลูกเสอื โลกเปนมลู นิธิเกดิ ใหม เปนอีกองคการหน่ึงในลูกเสือโลก ทําหนาท่ีขอรับบริจาคไปท่ัวโลก เพื่อ นําดอกผลจากเงนิ บริจาค สง ใหลูกเสอื ไวใ ชจ า ย ขณะนีก้ ม็ เี งินรายไดท่ีสง ใหล กู เสอื โลก ปละ ประมาณ 1 ลา นฟรังคส วสิ ส หรือ 14 ลา นบาท 3. จากเงินชวยเหลือจากองคการตา ง ๆ อสิ ริยาภรณ์ ลูกเสือโลกมีอิสริยาภรณชนิดหนึ่ง สําหรับมอบใหแกผูที่มีผลงานดีเดนแกการลูกเสือเปนอยางยิ่งเปนแถบ คลองคอสีเขยี วคาดเหลอื ง และมีรูปสนุ ขั ปา เปนบร็อนซหอ ยอยเู รียกช่อื Bronze Wolf ประเทศไทยมผี ไู ดรับเกยี รตริ บั มอบเครื่องอสิ รยิ าภรณช นิดน้จี ากลกู เสือโลกแลว 5 ทา นคือ 1. ฯพณฯ นายอภัย จันทวิมล 4. นายเพทาย อมาตยกลุ 2. นายจิตร ทังสบุ ตุ ร5. นายแพทยบ ุญสม มารต นิ 3. นายกอง วสิ ทุ ธารมณ ( รายที่ 1 – 4 ถงึ แกก รรมแลว ) องคกรลูกเสือโลก ( World Organization of the Scout Movement ) คือ องคการแหงโลก ท่ที ําหนาท่ีรกั ษาและดาํ รงไวซ ง่ึ ความเปนเอกภพ ( Unity ) ของขบวนการลูกเสือแหงโลก อันประกอบดวยประเทศท่ี เปนสมาชกิ โดยมธี รรมนญู ลกู เสอื เปน กฎหมาย สําหรับยดึ ถือปฏบิ ตั ิในการดาํ เนินกิจการลกู เสอื ท่วั โลก องคป ระกอบขององคการลูกเสอื โลก ประกอบดว ย 3 องคก รหลัก 1. สมัชชาลกู เสอื โลก 2. คณะกรรมการลูกเสือโลก 3. สํานักงานลูกเสอื โลก

1. สมัชชาลูกเสือโลก ( World Scout Conference ) คือ ที่ประชุมใหญประกอบดวย ผูแทนของ ประเทศสมาชิกทุกประเทศ มารวมประชุมกันทุก ๆ สามปตอครั้ง ยกเวนแตวาปใดที่สถานการณของโลกมีความ วุนวายและมเี รอ่ื งรา ยแรงที่เกดิ ขึน้ ก็ใหเ วนประชุม ฯ ในเฉพาะปน นั้ ๆ 2. คณะกรรมการลูกเสือโลก ( World Scout Committee ) คือ คณะกรรมการท่ีบริหารองคกร ลูกเสือโลก มีจํานวนทั้งหมด 12 คน ซึ่งไดรับการคัดเลือกในท่ีประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ตามวิธีการ เงื่อนไขและ บทบัญญัติท่ีกําหนดไวในธรรมนูญลกู เสอื โลก 3. สํานักงานลูกเสือโลก ( World Scout Bureau ) คือ สํานักงานเลขาธิการลูกเสือโลก มีเลขาธิการสํานักงานลูกเสือโลกเปนผูบังคับบัญชาสํานักงาน ทําหนาที่เปนศูนยประสานงาน ดําเนินงานและสราง ความสัมพันธระหวางองคการลูกเสือ สมาชิกท่ัวโลกเพ่ือรักษาและดํารงไวซ่ึงความเปนเอกภาพของขบวนการลูกเสือ แหงโลก ใหอ ยูอยางสถาพรและมัน่ คงตลอดไป มสี าํ นกั งานอยทู ี่ กรุงเจนีวา ประเทศสวสิ เซอรแ ลนด ลกู เสือหญงิ ของโลก World Association of Girl Guides and Girl Scouts ( WAGGGS ) เปนอีกองคกรหน่ึงซึ่งอาศัยหลักการเดียวกับลูกเสือ แตมีช่ือ เปน ภาษาไทยตา ง ๆ กนั แลวแตจ ะสมัครใจใช คือ ลูกเสือหญิง เนตร นารีและผูบําเพ็ญประโยชน ( มีสํานักงานใหญอยูท่ีกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ) เปนคนละองคกรกับลูกเสือแตรวมมือประสานงาน อยางใกลชดิ กับลูกเสอื โลก มีสมาชกิ เปนหญิงเทาน้นั เรื่องทั้งมวลน้ี เปนเรื่องท่ีเกี่ยวกับลูกเสือโลกโดยสังเขป หวัง วา จะเปนประโยชนก ับคณะลูกเสอื และผทู สี่ นใจโดยทวั่ กัน Girl Guides ในปัจจุบนั

ประวัตกิ ารลกู เสือไทย ภูมิหลงั เม่อื รศ . 112 ( พ.ศ. 2437 ) ในขณะท่ีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ซึ่งขณะน้ันดํารงพระยศ เปนเจาฟามหาวชิราวุธ กําลังจะเสด็จไปทรงศึกษาตอ ณ ประเทศอังกฤษ ไดมีเหตุการณไมคาดฝนอันย่ิงใหญเกิด ขึ้นกับประเทศสยามของเรา ประเทศฝรั่งเศสไดสงเรือรบ 3 ลํา ไดแก เรือรบบูลแดง , แองกองสตัง และเรดคอมเมท เขาปดปากอาวไทย และไดมีการปะทะกับกองทัพเรือไทย ตั้งแตบานดอน ปอมพระจุลจอมเกลา และปอมผีเสือสมุทร จนกระท่ังเรือรบทั้ง 3 ลําของฝรั่งเศสไดมาจอดอยูหนา สถานกงสุลฝรั่งเศสท่ีจังหวัด สมุทรปราการ การปะทะกนั ในครงั้ น้นั ไทยไดเสยี เรอื รบ ( ไม ) ไปหลายลํา เชน สคุ รีพรั้งสมุทร และ มงกุฎ ราชกุมาร แตเรือรบ ( เหล็ก ) ของฝรั่งเศสเสียหายเล็กนอย ฝรั่งเศสไดถือเอาเหตุการณท่ีปะทะ กับไทยใน คร้ังนี้เปนสาเหตุเรียกคาเสียหายจากประเทศไทย โดยยอนไปตั้งแตทหารไทยกับทหารฝร่ังเศสปะทะกันที่ทุงเชียงคํา และทงุ คาํ มวน ( อยใู นประเทศลาว ) ซ่งึ ฝรง่ั เศสเปนฝายแพอยางยับเยินกับการปะทะที่ปากนํ้าครั้งนั้นใหไทยชดใชให เปน เงิน 3 ลา นฟรังค และมขี อ ผกู มดั ตา ง ๆ ดังนี้ • ใหไทยยกดินแดนฝง ซายของแมน ํา้ โขงทง้ั หมด ( คอื ในประเทศลาวในปจจบุ ันใหแ กฝ รัง่ เศส ) • ดินแดนฝงขวาของแมน้ําโขงตลอดแนวแมน้ํา 40 กิโลเมตร จากฝงตองเปนเขตปลอดทหาร ( ซึ่งอยูใน ประเทศไทย ) • ระยะ 15 กโิ ลเมตร จากรมิ ฝง ขวาของแมน ้าํ โขง เขา มาในประเทศไทยจะตอ งยอมใหฝร่ังเศส ตั้งสถานีเก็บ ฟน สาํ หรบั ใหกับเรอื กลไฟของฝรง่ั เศสได • กองทพั ไทยจะเพิม่ กาํ ลังทหารข้ึนอีกไมไ ด • ภาษีผา นทางหรอื ภาษีศลุ กากร ใหไ ทยเกบ็ จากฝร่งั เศสไดรอยละ 3 เทาน้นั จากวิกฤติการณในคร้ังน้ีไดทําใหลนเกลา รัชกาลท่ี 6 ทรงเจ็บชํ้าพระทัยเปนอยางยิ่งถึงกับทรงขอรองกับ พระราชบิดา ( รัชกาลท่ี 5 ) วาจะขออยูในประเทศไทย ไมไปศึกษายังประเทศอังกฤษ เพ่ือจะคอยชวยเหลือ บานเมืองยามคับขัน แตพระราชบิดามิทรงยินยอม กลับตรัสวา “ จงไปศึกษาหาความรูใหมากท่ีสุด เพ่ือมาชวย ปอ งกนั ประเทศชาติของเรา ซ่งึ อาจจะมเี หตุการณท ี่คบั ขันทมี่ ากกวา น้ีอกี หลายเทาในวันขางหนา ” ลนเกลา ( รัชกาลที่ 6 ) จึงจําพระทัยตองเสด็จไปทรงศึกษาตอในประเทศอังกฤษตามหมายกําหนดการเดิม แตความเจ็บช้ํานํ้าพระทัยมิไดหายไปแตประการใด เม่ือเสด็จไปถึงประเทศอังกฤษและทรงศึกษาทั้งทางดานอักษร ศาสตร , ปรัชญา , การเมือง การทหารและไดทรงเห็นประเทศอังกฤษจัดตั้งกองลูกเสือข้ึนเปนคร้ังแรก ทรงเห็นวาถา นาํ เดก็ มาฝกไวแตย งั เยาวัยนน้ั โตข้นึ จะทาํ ประโยชนใหแ กป ระเทศชาติไดอ ยา งมหาศาล เมื่อพระองคสําเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ กลับมาถึงประเทศไทยความทรงจําของพระองค ยังมิทรง ไดลืมเลือนไปแมแตนอย จึงไดทรงพระราชนิพนธท้ังบทความและเพลงปลุกใจ เชน สยามมานุสติ สรอยเพลง โดยเฉพาะคาํ วา “ แมหวงั ต้ังสงบจงเตรียมรบใหพ รอมสรรพ ” ทรงต้ังกองเสือปาขึน้ เมือ่ วันท่ี 1 พฤษภาคม 2454 เพื่อเปนการฝกขาราชการพลเรอื นใหมีความรูทางวิชาการ ทหาร รจู ักการสอดแนม ลาดตระเวน ใชอ าวุธเปน เพ่ือเปนกําลังสํารองชวยทหารเมื่อมีความจําเปนพระองคไดทรง เปน ผบู ญั ชาการ ซอ มรบกองเสอื ปาดว ยพระองคเอง ทรงสนับสนุนกิจการของเสือปาทุกดาน จนทําใหฝายทหารเกิด ความนอยใจวาพระองคทรงสนพระทัยแตเสือปา สวนทหารซ่ึงมีหนาที่ปองกันประเทศโดยตรงกับเฉยเมย แตเขา เหลานนั้ ไมร ูหรอกวา “ สัญญาระหวางไทยกับฝรัง่ เศสน้นั เขาหามสงเสริมและเพ่ิมกําลังทหาร ” ถึงกับมีทหาร กลุมหนึ่งคิดลอบปลงพระชนมพระองคแตก็มี ส่ิงศักด์ิสิทธิ์ดลใจใหทหารที่ไดรับคําส่ังใหมาลอบปลงพระชนมกลับใจ นําความกราบบงั คมทลู ใหทรงทราบ และพระองคก ็ไดท รงพระราชอภัยโทษใหทุกคน

เม่ือทรงเห็นวาเสือปาเปนกําลังสํารองไดแลว จึงทรงมีพระราชดําริวา เมื่อพอเปนเสือปา เอาลูกมาฝกเปน ลูกเสือ ก็จะไดประโยชนอยางมหาศาลเพราะพอทุกคนตองการใหลูกเสือเปนคนดี พอสอนลูกก็จะสอนใหอยางไม ปด บัง จึงไดท รงตงั้ กองลูกเสือกองแรกข้นึ ประวตั กิ ารลกู เสอื อาจแบงออกเปน 5 ยุค ดังนี้ 1. ยคุ กอ ตงั้ ( พ.ศ. 2454 – 2468 ) ภายหลังสงครามบัวร กองทพั อังกฤษมีชัยชนะ เมื่อ พ.ศ. 2442 บี.พี. เห็นความสําคัญของเด็ก ๆ วาเด็กมี นิสัยกลาหาญไมเกรงอันตราย มีความฉลาด ไหวพริบดี ถาไดรับการฝกอบรมที่ดีแลว จะเปนประโยชนแกบานเมือง อยางยิ่ง จึงจัดเด็กชาวพ้ืนเมืองมาตั้งเปนกองทหารเรียกวา “MAFEKINGCARDET” มีหนาท่ีชวยเหลือกองทัพ เปน ตนวา เปนกองแมวมองหรือลาดตระเวน เด็ก ๆ เหลานั้นสามารถปฏิบัติไดผลเปนอยางดีเปนท่ีพอใจของ บี.พี. กลบั มากรุงลอนดอนก็ไดก ็เรม่ิ กิจการลูกเสือ เมื่อ พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงมีความเห็นพองกัน บี.พี. จึงไดทรงเริ่มตั้งกองลูกเสือขึ้น เมื่อ วันท่ี 1 กรกฎาคม 2454 ท่ีโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ปจจุบันคือโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย พระราชทานคติพจน ใหแกคณะลูกเสือแหงชาติวา “เสียชีพอยางเสียสัตย” ลูกเสือคนแรกคือ “นายชัพพ บุนนาค” เพราะเปนผูกลาว คาํ ปฏญิ าณของลูกเสือไดเปนคนแรก จึงมีพระราชโองการวา“ อายชัพพ เองเปนลูกเสือแลว ”เราจึงยอมรับนับถือ วา นายชัพพ บนุ นาค เปนลกู เสอื คนแรกของไทย กิจการลูกเสือในยุคกอต้ังเจริญรุงเรืองอยางมาก เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรง ดําเนินการดวยพระองคเอง เปนตนวา ทรงตราระเบียบ ขอบังคับ ลักษณะการปกครอง ทรงฝกอบรมส่ังสอนดวย พระองคเอง ในระหวางรัชกาลของพระองค พระองคทรงพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแกคณะลูกเสือแหงชาติ ดงั นี้ 1. ทรงตั้งคณะกรรมการกลางจัดการลูกเสือแหงชาติ และพระองคทรงดํารงตําแหนงสภานายก สมเด็จกรมพระ ยาดํารงราชานภุ าพเสนาบดกี ระทรวงมหาดไทยเปน อุปนายก ตอมาสมเดจ็ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพทรงลาออก จึงไดโปรดเกลา ฯ แตง ตั้งเจาพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ( ม.ร.ว. เปย มาลากุล ) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ดํารงตําแหนงแทน ในปเดียวกันน้ันสมเด็จเจาพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีปวยหนัก ลาออกจากราชการ จึง โปรดเกลา ฯ แตงต้งั พระยาไพศาลศิลปศาสตร( รืน่ ศยามานนท ) 2. พ.ศ. 2457 พระราชทานเหรียญการนิยมใหแกลูกเสือโทฝาย บุญเลี้ยง ตอมาเปนครูมีบรรดาศักดิ์เปน ขุนวรศาสนดรุณกจิ 3. พ.ศ. 2458 ทรงต้งั โรงเรยี นผูกํากบั ลกู เสือในพระบรมราชปู ถมั ภข ึน้ ท่ีสโมสรเสอื ปา บริเวณเขาดินวนา 4. พ.ศ. 2465 สมัครเปนสมาชิกของสมัชชาลูกเสือโลก ซ่ึงมีทั้งสิ้น 31 ประเทศ และถือวาเปนสมาชิกผูริเริ่มใน การจดั ตงั้ องคก ารลกู เสอื โลก 2. ยุคสงเสริม ( พ.ศ. 2468 – 2482 ) ยุคน้เี ริ่มต้ังแตแ ผน ดนิ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา ฯ จนถึงตน สงครามโลกคร้งั ท่ี 2เมื่อ ปพ .ศ. 2482 ( ก ) รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา ฯ กอ นเปลี่ยนแปลงการปกครอง ( พ.ศ. 2468 – 2475 ) ระยะน้ี พระบาทสมเด็จพระปกเกลา ฯ ทรงดํารงตําแหนงสภานายกกรรมการกลาง จัดการลูกเสือแหงชาติ และพระองคเ จา ธานนี ิวัติทรงดาํ รงตําแหนงอุปนายกสภา ฯ พ.ศ. 2470 มีการชุมนุมลูกเสือแหงชาติ คร้ังที่ 1 ณ พระราชอุทยานสราญรมย จังหวัดพระนครมีลูกเสือ และผูบังคบั บญั ชาลกู เสือเขารว มชุมนุม 1,836 คน พ.ศ. 2473 มีการชุมนุมลูกเสือแหงชาติ คร้ังท่ี 2 ณ พระราชอุทยานสราญรมย จังหวัดพระนครมีลูกเสือ และผูบ ังคบั บัญชาลูกเสือเขารวมชมุ นุม 1,955 คน กบั มีผูแทนคณะลกู เสือญป่ี ุนเขารวมชมุ นุมดว ย 22 คน

พ.ศ. 2474 ต้ังโรงเรียนผูกํากับลูกเสือข้ึนใหม ณ พระรามราชนิเวศน ( พระราชวังบานปน )จังหวัด เพชรบรุ ี โดยมมี หาอาํ มาตยต รี พระยาสรุ พันธเสนยี เปนผอู าํ นวยการ อน่ึงในปเ ดียวกนั น้ี ไดส งผูแทนไปรวมชมุ นมุ ลกู เสอื โรเวอร ครั้งแรกแหงโลก ณ เมืองคานเดอสเต็กโดยมีนาย อภัย จันทวมิ ล เปนหัวหนาคณะ ( ข ) รชั กาลพระบาทสมเด็จพระปกเกลา ฯ กอนทรงสละราชสมบัติ ( พ.ศ. 2477 ) และรัชกาลสมเด็จพระ เจาอานันทมหิดล จนถงึ ตนสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ( พ.ศ. 2477 – 2482 ) ระยะนี้ พระเจาอยูหัวยังทรงดํารงตําแหนงสภานายกกรรมการกลาง จัดการลูกเสือแหงชาติและนาวาเอก หลวงศุภชลาศัย รฐั มนตรีและอธบิ ดกี รมพลศกึ ษา ดาํ รงตําแหนง อุปนายกสมาคม ฯ พ.ศ. 2476 สง ตวั แทนไปรว มงานชุมนมุ ลูกเสือโลก คร้ังท่ี 4 ณ ประเทศฮังการี โดยมีนายอภัย จันทวิมล เปนหวั หนา คณะ พ.ศ. 2478 สงตัวแทนไปรวมงานชุมนุมลูกเสือโรเวอร คร้ังท่ี 2 ณ ประเทศสวีเดน โดยมีนายกอง วิสุท ธารมณ เปน หัวหนาคณะ พ.ศ. 2480 สงตัวแทนไปรวมงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งท่ี 5 ณ ประเทศเนเธอรแลนด โดยมี นายวิทย ศิวศริ ิยานนท เปน หัวหนาคณะ พ.ศ. 2482 ประกาศใชพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2482 กําหนดใหมีการจัดตั้งกองลูกเสือ สมุทรเสนาขึ้นเปนครัง้ แรกในประเทศไทย 3. ยคุ ประคบั ประคอง ( พ.ศ. 2482 – 2489 ) ยุคน้ีเปนตอนปลายของรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวอานันทมหิดล ( พ.ศ. 2477 – 2489 ) และอยู ในระหวา งสงครามโลกครั้งที่ 2 ( พ.ศ. 2482 – 2489 ) ระยะนี้ การลูกเสือในประเทศไทยไดซบเซาลงไปบาง เน่ืองจากประเทศไทยอยูในภาวะสงครามและในป 2486 ไดมีพระราชบัญญัติยุวชนแหงชาติ มีการจัดตั้งหนวยยุวชนทหารซ่ึงมีการฝกการใชอาวุธแบบทหาร และไดรับ การสนับสนนุ อยา งแข็งแรงจากรัฐบาลในสมัยนี้ สวนกจิ การของลกู เสอื ก็ยังคงดําเนนิ การอยู และในบางจังหวัดก็มีการ สงแสรมิ กจิ การลกู เสืออยา งเขมแขง็ เชน จังหวดั สกลนคร และจังหวัดอุบลราชธานี ก็ไดจัดใหมีการชุมนุมลูกเสือขึ้น ในระยะนี้ 4. ยคุ กา วหนา ( พ.ศ. 2489 – 2503 ) ยุคนี้ เร่ิมตนขึ้นดวยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดชและอาจแบงออกได เปน 2 ระยะ คอื ( ก ) ระยะกา วหนา ( พ.ศ. 2489 – 2503 ) พ.ศ. 2490 - มีพระราชบญั ญตั ิยกเลิกยุวชนแหงชาติ พุทธศักราช 2480 - มีพระราชบัญญตั ิลกู เสอื พ.ศ. 2490 พ.ศ. 2496 - เร่ิมดําเนินการสรางคายลูกเสือวชิราวุธ โดยใหงบประมาณแผนดินซ้ือที่ดินบริเวณหลังเขาซาก แขก ต. บางพระ จ. ชลบุรี เน้อื ที่ 88 ไร 58 ตารางวา พ.ศ. 2497 - มีการชุมนุมลูกเสือแหงชาติ คร้ังท่ี 3 ณ สนามกีฬาแหงชาติ จังหวัดพระนคร มีลกู เสอื และผูบงั คบั บญั ชาเขา รว มชุมนมุ 5,155 คน พ.ศ. 2501 - ทําการฝก อบรมวิชาผกู าํ กับลูกเสือสํารอง ขน้ั ความรเู บื้องตน ครั้งแรกตามหลักสูตรของกิลเวลล ปารค - จัดตั้งกองลูกเสอื สาํ รองกองแรกในประเทศไทย เม่อื วันท่ี 5 สิงหาคม 2501 พ.ศ. 2503 - เปดการฝกอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือสํารอง ข้ันวูดแบดจ คร้ังท่ี 1 ณ คายพระตําหนักอางศิลา จังหวัดชลบุรี

- ส ง ผู แ ท น ไ ป ร ว ม ก า ร ป ร ะ ชุ ม ส มั ช ช า ลู ก เ สื อ ภ า ค ต ะ วั น อ อ ก ไ ก ล ค รั้ ง ท่ี 2 ณ กรุงรางกุง ประเทศพมา โดยมีนายแพทยแสง สุทธิพงศ เปนหัวหนาคณะและทานไดรับเลือก เปน กรรมการลกู เสอื ภาคตะวนั ออกไกลเปนเวลา 4 ป( พ.ศ. 2503 – 2507 ) ( ข ) ระยะกาวหนา ( พ.ศ. 2504 – 2514 ) พ.ศ. 2504 โดยเหตุที่คณะลูกเสือแหงชาติจะมีอายุครบ 50 ป ในป พ.ศ. 2504 และผูท่ีไดรวมการประชุมสมัชชา ลูกเสือภาคตะวันออกไกล คร้ังที่ 2 ในประเทศพมา เม่ือป พ.ศ. 2503 ก็ไดเห็นวากิจการลูกเสือ ประเทศพมา กําลังวางแผนขยายกิจการลูกเสือเปนการใหญ ท้ังในป พ.ศ. 2503 ก็จะมีการประชุมสมัชชาลูกเสือภาคตะวันออก ไกล คร้ังท่ี 3 ในกรุงเทพ ฯ ดังน้ัน ผูที่มีสวนรับผิดชอบในกิจการลูกเสือจึงไดพรอมใจกันวางแผนปรับปรุงงาน ลูกเสอื ซ่งึ ไดร ับการสนบั สนุนจากรัฐบาลและทกุ ฝายรวมมอื เปนอยา งดี ดงั น้ันจึงอาจเรียกไดวาเปนระยะกาวหนาของ การลูกเสอื ในประเทศไทย กลา วคือ พ.ศ. 2504 - เปด การฝกอบรมวิชาผกู าํ กบั ลูกเสอื สามัญ ขั้นวดู แบดจ ครง้ั ที่ 1 ณ คายลูกเสอื วชริ าวธุ - จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน นายกรัฐมนตรี วางศิลาฤกษศาลาวชิราวุธ จังหวัดพระนครเมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม 2504 เพื่อใชเปนสํานักงานเลขาธิการ ทพี่ ักของลูกเสอื และรา นลูกเสือ - มีการชุมนุมลูกเสือแหงชาติ ครั้งท่ี 4 ณ สวนลุมพินี จังหวัดพระนคร มีลูกเสือและ ผูบังคับบญั ชาลูกเสอื เขา รว มชมุ นมุ 5,537 คน กับมีลูกเสือตางประเทศเขารวมชุมนุมดวย 10 ประเทศ จาํ นวน 348 คน พ.ศ. 2505 - เปด การฝกอบรมวชิ าผูกาํ กับลกู เสือข้ันผูใหการฝกอบรม คร้ังท่ี 9 ของภาคตะวันออกไกล ณ คาย ลกู เสอื วชริ าวุธ - พลเอกถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรี เปนประธานในพิธีเปดคายลูกเสือวชิราวุธ เม่ือวันท่ี 17 กรกฎาคม 2505 คากอสรางทง้ั สน้ิ รวมเปนเงิน 4,300,000 บาท - พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพิธีเปดศาลาวชิราวุธ เมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม 2505 คากอ สรา งเปน เงนิ 1,820,000 บาท - มีการประชุมสมัชชาลูกเสือภาคตะวันออกไกล ครั้งที่ 9 ณ ศาลาสันติธรรมจังหวัดพระนคร ระหวา งวนั ที่ 5 – 12 ธันวาคม 2505 พ.ศ. 2506 - จดั ตงั้ กองลูกเสอื วิสามัญเปน คร้ังแรกในประเทศไทย เม่ือวนั ท่ี 17 มนี าคม 2506 - เปดการฝกอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือข้ันผูใหการฝกอบรม คร้ังท่ี 11 ของภาคตะวันออกไกลณ คาย ลูกเสือวชิราวุธ โดยมีนายจอหน เธอแมน ผูบังคับการคายฝกอบรมกิลเวลลปารค มาเปน ผอู าํ นวยการฝกอบรมดว ยตนเอง ระหวา งวันที่ 2 – 25 พฤษภาคม 2506 - ส ง ผู แ ท น ไ ป ร ว ม ก า ร ป ร ะ ชุ ม นุ ม ลู ก เ สื อ โ ล ก ค รั้ ง ที่ 1 1 ณ ป ร ะ เ ท ศ ก รี ซ โ ด ย มี นายเพทาย อมาตกุล เปน หวั หนาคณะ พ.ศ. 2507 - ประกาศใชพระราชบญั ญัตลิ กู เสือ พ.ศ. 2507 - ไดร บั งบประมาณ จัดซื้อทดี่ ินขยายบรเิ วณคายวชริ าวธุ อกี 306 ไร 3 งาน 14 ตารางวา รวม เปน เนอ้ื ท่ีคา ยลูกเสอื วชริ าวธุ 394 ไร 3 งาน 77 ตารางวา พ.ศ. 2508 - ประชุมสภาลกู เสอื แหงชาติ คร้ังท่ี 1 ณ ศาลาสันติธรรม จังหวัดพระนคร ระหวางวันที่ 1 – 3 กรกฎาคม 2508 - จดทะเบียนกองลูกเสือส ามัญเหลาส มุทรกองแรก ณ โ รงเรียนสัตหีบ เม่ือวันท่ี 7 ธนั วาคม 2508 - มีการชมุ นมุ ลกู เสือแหง ชาติ ครง้ั ที่ 5 ณ คายลกู เสอื วชริ าวธุ พ.ศ. 2509 - จดทะเบียนกองลูกเสือสามัญรุนใหญกองแรกในประเทศไทย ณ โรงเรียนวัดเทพศิรินทร เม่ือวันที่ 28 กุมภาพนั ธ 2509

พ.ศ. 2510 - มีการจัดสรางและประกอบพิธีเปดคายลูกเสือประจําจังหวัดและอําเภอตาง ๆ โดยสํานักงาน สลากกนิ แบง ฯ ใหเ งนิ อุดหนนุ จงั หวัดละ 100,000 บาท พ.ศ. 2512 - ชุมนมุ ลูกเสือแหงชาติ คร้งั ที่ 6 ณ คา ยลูกเสือวชิราวุธ - ซ้ือทีด่ นิ เพ่อื ขยายบริเวณคา ยลกู เสอื วชริ าวธุ ครั้งท่ี 2 เนอ้ื ที่ 40 ไร 3 งาน 24 ตารางวา รวม เปน เน้อื ทีค่ ายลูกเสือวชริ าวุธ ท้ังหมด 435 ไร 3 งาน 1 ตารางวา พ.ศ. 2514 - ชุมนุมลูกเสือแหงชาติ คร้ังท่ี 7 ณ คายลูกเสือวชิราวุธ เพื่อเปนการเฉลิมฉลอง คณะลกู เสอื ไทยครบ 60 ป 5. ยุคถึงประชาชน ( พ.ศ. 2514 ....... ) ที่เรียกยุคนี้เปนยุคถึงประชาชนนั้น เนื่องดวยป 2514 เปนปท่ีมีการฝกอบรมลูกเสือชาวบานเปนคร้ังแรก ประวัตลิ ูกเสือชาวบานสรุปโดยยอ ๆ ดงั นี้ ในป พ.ศ. 2514 กองกํากับการตํารวจตระเวนชายแดน เขต 4 และสํานักงานศึกษาธิการเขต 9 จังหวัด อุดรธานี ไดรว มมือกันจดั ใหม ีการทดลองฝก อบรมชาวบา นอายุตง้ั แต 15 ปขนึ้ ไป จํานวน 115 คน เปนเวลา 5 วัน ที่บานเหลากอหก ก่ิงอําเภอนาแหว อําเภอดานซาย จังหวัดเลย โดยใชวิธีฝกอบรมแบบลูกเสือและเรียกการ ฝกอบรมนี้วา “ การฝกอบรมลูกเสือชาวบาน ” ปรากฏวาการทดลองในคร้ังนี้ไดผลดีมาก เพราะเปนการกอใหเกิด ความสามัคคีในหมูประชาชน ยึดม่ันในความรักชาติบานเมือง ศาสนา ประเพณีอันดีงามตลอดจนความมีระเบียบ วนิ ยั ความเสยี สละและการบาํ เพญ็ ประโยชนเพ่ือสวนรวมทง้ั เปน การชวยพฒั นาชุมชน ทําใหประชาชนรูสึกสนุกสนาน ราเรงิ และเขา กับเจา หนาทข่ี องรฐั บาลไดด ยี ง่ิ ขนึ้ ดว ย ในวันท่ี 5 กรกฎาคม 2516 สภาลูกเสือแหงชาติพิจารณาเห็นวากิจการลูกเสือชาวบานเปนประโยชนแก บานเมืองและการพัฒนาชุมชน จึงไดตกลงรับกิจการลูกเสือชาวบานเขาเปนสวนหนึ่งของคณะลูกเสือแหงชาติและใน วันเดียวกันนั้นรัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเปนประธาน คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ไดออก คําสั่งแตงตั้งผูวาราชการจังหวัดทุกจังหวัดซ่ึงเปนผูอํานวยการลูกเสือจังหวัด เปนผูอํานวยการลูกเสือชาวบานจังหวัด โดยตําแหนงกับใหม ีอํานาจแตง ต้ังเจาหนาทตี่ ามสมควร ปรากฏวาในป 2518 ไดม กี ารฝก อบรมลกู เสอื ชาวบานครบทกุ จังหวดั สมดังพระราชประสงคแลวนับจํานวน รนุ ถึงปลายเดอื นตุลาคม 2518 ได 1,736 รุน มผี ูเขา รบั การฝก อบรมลูกเสือชาวบานแลวท้ังส้ิน จํานวน 406,436 คน และยังมีการเปดการฝกอบรมลูกเสือชาวบานเพ่ิมข้ึนเนือง ๆ นอกจากกิจการลูกเสือชาวบาน เหตุการณสําคัญ เก่ียวกับการลกู เสือทีเ่ กิดขึน้ ในระยะนีค้ ือ พ.ศ. 2516 - กระทรวงศึกษาธิการมีคําส่ัง ลงวันที่ 4 เมษายน 2516 ใหนําวิชาลูกเสือเขาอยูในหลักสูตร ของโรงเรียน - พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงประกอบพิธีเปดพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา ณ บรเิ วณดานหนาคายลูกเสอื วชิราวธุ ในวนั ท่ี 23 พฤศจกิ ายน 2516 และทรงประกอบพิธี เปดงานชุมนุมลูกเสือแหงชาติ คร้ังท่ี 8 ณ คายลูกเสือวชิราวุธ ระหวางวันที่ 23 – 30 พฤศจกิ ายน 2516 มีลูกเสือและผูบังคับบัญชาลูกเสือเขารวมชุมนุม 4,968 คน กับมีลูกเสือ ตางประเทศเขา รว มชมุ นุมดว ย 8 ประเทศรวม 526 คน พ.ศ. 2518 - มีการสงผูแทนไปรวมการชุมนุมลูกเสือโลก คร้ังท่ี 14 ณ ประเทศนอรเวย โดยมี นายเชต โคตรวชิ ัย เปนหวั หนาคณะ - สงผแู ทนไปรว มประชมุ สมัชชาลกู เสือโลก ครั้งท่ี 14 ณ ประเทศเดนมารค โดยมีนายแพทยบุญ สม มารต ิน เปน หวั หนาคณะ พ.ศ. 2519 - นายจิตร ทังสุบุตร ผูตรวจการลูกเสือฝายตางประเทศ ไดรับเหรียญ Bronze Wolf ท่ีกรุง เตหะราน ประเทศอิหราน - นายแพทยบุญสม มารติน ไดรับเลือกเปนกรรมการลูกเสือเขตเอเชีย – แปซิฟก ระหวาง ป พ.ศ. 2518 – 2523

พ.ศ. 2523 - นายกอง วิสุธารมณ ผูตรวจการลูกเสือฝายฝกอบรม ฯ ไดรับเหรียญ Bronze Wolf ท่ี พ.ศ. 2524 ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2528 - พลโทเยี่ยม อินทรกําแหง ผูตรวจการลูกเสือฝายการเจาหนาที่ ไดรับการเลือกตั้งเปน พ.ศ. 2532 กรรมการลกู เสอื เขตเอเชยี – แปซิฟก ระหวาง ป พ.ศ. 2523 - 2527 พ.ศ. 2534 - นายแพทยบ ญุ สม มารติน ไดรับเลือกเปนกรรมการลูกเสือโลก จากการประชุมสมัชชาลูกเสือ พ.ศ. 2536 โลก ครง้ั ที2่ 8 ณ เมอื งดาคาร ประเทศเซเนกัลระหวา งป พ.ศ. 2524 – 2530 - มีการชุมนมุ ลกู เสอื เขตเอเชยี – แปซฟิ ก คร้ังท่ี 9 และการชุมนุมลูกเสือแหงชาติ คร้ังที่ 11 ณ คายลูกเสือวชิราวุธ การชุมนุมน้ีจัดเปน 9 คายยอย ลูกเสือตางประเทศกระจายไปทุก คา ยยอ ย - กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศใชหลักสูตรลูกเสือ เปนวิชาในโรงเรียนเฉพาะระดับช้ัน มธั ยมศึกษาตอนตน มคี า หนว ยกิตดว ย ปล ะ 1 หนว ยกิต รวม 3 ป 3 หนวย เปนการเรียน ใหรจู ักลูกเสือ โดยไมตอ งแตง เคร่ืองแบบ - มีการชมุ นมุ ลูกเสอื แหง ชาติ ครง้ั ที่ 12 ณ คายลกู เสือวชริ าวุธ - กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศใชกิจกรรมลูกเสือเปนกิจกรรมบังคับในช้ันเรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนตน ซึ่งจะเลือกเรียนลูกเสือ – เนตรนารี ยุวกาชาด สมาชิกผูบําเพ็ญ ประโยชน อยางใดอยา งหนึ่งกไ็ ด ( ไมเ รียนไมจ บหลกั สูตร ) - มีการชุมนุมลูกเสือ ครั้งที่ 13 ณ คายลูกเสือวชิราวุธ เปนการเฉลิมฉลองกิจการลูกเสือไทย ครบ 80 ป การชมุ นมุ ครัง้ น้ี จัดแบบสากล โดยจดั ใหม ีลกู เสือคละกันภายในคายยอยคละกัน ทั้งภูมิภาค พื้นท่ีและประเภทลูกเสือ กลาวคือ ในแตละคายยอย จะมีลูกเสือสามัญ สามัญ รุนใหญ วิสามัญ จาก 6 จังหวัด ซึ่งต้ังอยูคนละภาคพื้นที่จังหวัดละ 8 หมูกับลูกเสือ สวนกลางจาก 8 หนวยงาน ๆ ละ 4 หมู รวมคายละ 68 หมู - มกี ารชมุ นุมสมชั ชาลกู เสอื โลก ครง้ั ที่ 33 วนั ท่ี 19 – 23 กรกฎาคม ที่ กรงุ เทพ ฯ - มีการชุมนมุ ลกู เสือแหงชาติ คร้ังที่ 14 วนั ท่ี 22 – 28 พฤศจกิ ายน ณ คายลกู เสอื วชริ าวธุ คํานยิ ามของคาํ วา Scout จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ย 2493 วา “ เดก็ ท่ีอยูในคณะทต่ี ้ังขน้ึ สาํ หรับใหเปน พลเมืองดี ” การลกู เสือตามทศั นคติของ บี.พี. วา โรงเรียนสอนวชิ าหนาท่ีพลเมอื งดวยการใหความรใู นวิชาเชงิ พราน ประวตั ิเนตรนารไี ทย เมือ่ พ.ศ. 2454 พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยูห วั รชั กาลที่ 6 ไดท รงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ต้ังกอง เสือปา ข้นึ เพ่ือปลูกฝงประชาชนชาวไทยใหต นื่ ตัว สามคั คีรว มใจ รวมกําลังกัน ระลึกถึงเกียรติของชาติ รักชาติและ เสียสละเพื่อชาติ เพราะพระองคทรงถือคติที่วา “ แมหวังตั้งสงบจงเตรียมรบใหพรอมสรรพ ” พระองคไดทรง บัญชาการฝกซอมเสือปาดวยพระองคและทรงใชจายพระราชทรัพยสวนพระองคทั้งสิ้น ทรงจัดดําเนินการฝกท่ีสนาม เสอื ปาน่ันเอง

ในปเดียวกันนี้ พระองคทานก็ไดตั้งกองลูกเสือขึ้น เพ่ืออบรมจิตใจเด็กชายใหมีความกลาหาญ อดทน เขม แขง็ สมชาย รูจ ักบาํ เพ็ญตนใหเปนประโยชนแกผอู ่ืน กิจการลกู เสอื ไดแ พรหลายไปท่ัวประเทศกอนพระราชบัญญัติ ประถมศึกษาถึง 10 ป จงึ นับไดวา การลกู เสือเปนอุปกรณการศกึ ษาที่ดเี ลิศ ตอ มา พระองคไดทรงคาํ นงึ วาสตรแี ละเด็กหญิงก็อาจเปนกําลังของชาติได จึงไดทรงต้ังกลุมสตรีข้ึน เรียกวา “ สมาชกิ แมเ สือ ” โดยใหรบั สมัครบรรดาสตรีท่ีสวนมากเปนบุตรและภริยาของเสือปา สมาชิกแมเสือน้ีตองเสียคา บาํ รงุ ผูใหญค นละ 2 บาท เด็กคนละ 60 สตางค สมาชกิ แมเสือมีสทิ ธป์ิ ระดับเข็มเครอื่ งหมายเปน รปู หนาเสือ ทํา ดว ยเงิน อัญเชญิ พระปรมาภิไธย ยอ ว.ป.ร. ทรงอุณาโลม มีโบวสีดําเปนรูปดอกจันทร สอดใตเข็มเคร่ืองหมายติด ไวท่ีอกเส้ือ งานสําคัญ ๆ ที่สมาชิกแมเสือไดปฏิบัติเปนการประจําในครั้งน้ัน คือ การจัดหาเสบียงอาหารและ เวชภณั ฑส ง ใหก องลูกเสือปา ในขณะนั้นสมาชกิ แมเสือปา ยังไมมเี ครื่องแบบแตง และไมมีระเบียบขอบังคับ เปนการตายตัว สวนเด็กหญิง นน้ั พระองคไดมีพระราชดําริที่จะจัดต้ังข้ึนเปนกองลูกเสือหญิงโดยไดทรงคิดนามพระราชทานไววา “ เนตรนารี ” ดวยเห็นวาเด็กหญิงยอมมีความสําคัญแกครอบครัว ถาไดรับการฝกอบรมตามวิธีของลูกเสือบางก็จะเปนประโยชนแก ประเทศชาติเปนอันมาก จึงทรงรางขอบังคับ ลักษณะการปกครองคณะเนตรนารี เม่ือ พ.ศ. 2456 ดังมีความ เบื้องตน ดงั น้ี “ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงประราชปรารภวา ไดทรงตั้งกองลูกเสือข้ึน เพ่ือบํารุงเด็กชายใหไดรับ การฝก ฝนในทางทีจ่ ะเปน ผูมลี กั ษณะ สมกับทเ่ี ปน พลเมอื งอันพึงปรารถนา มีพระราชประสงคที่จะทะนุบํารุงเด็กหญิง ดวย เพราะเดก็ หญงิ เปนผูที่มคี วามเปน อยขู องชาติตองอาศัย นับจาํ เดิมแตปฐมวยั คือ เด็กหญิงเปนผูที่นําทางพ่ีนอง แมที่สุดบางทีถึงนําทางบิดา เม่ือเติบโตข้ึนเปนสาวก็นําทางชายหนุมท่ีมาประสบ เม่ือถึงคราวที่ตองเปนมารดาก็ยอม เปนผูนาํ ของเด็ก ซ่ึงจะเติบโตเปนพลเมืองในสมัยขางหนาไปตามที่ไดรับการอบรมไว จึงพระราชดําริวาถึงเวลาที่ควร จะฝกหัดใหหญิงเปนผูนําทางไปที่ชอบ คือฝกฝนใหเด็กหญิงเหมาะที่จะเปนพลเมืองดีในภายหนาดวยการอบรมนิสัย ฝกหดั ใหรูจักสงั เกต รจู กั อยูในถอยคาํ ผใู หญ ตลอดจนอยูในพระราชกําหนดกฎหมาย มีความจงรักภักดีตอผูใหญของ ตน ตลอดถงึ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย มีการเอื้อเฟอเผ่ือแผตอผูอื่น ทําประโยชนแกมหาชนในกิจการที่จะเปน ประโยชนแกตน ก็ฝกหัดรางกายใหเจริญเต็มท่ี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราขอบังคับลักษณะปกครองคณะ เนตรนารขี ึน้ ไว ” ในครั้งน้ัน โรงเรียนสตรีท่ีสําคัญ คือ โรงเรียนสตรีวังหลัง ซ่ึงตอมาไดเปล่ียนเปนโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ก็ไดสนองพระราชดําริ โดยจดั ตั้งกองเนตรนารขี ึ้นเปนโรงเรียนแรก เมอ่ื พ.ศ. 2457 โดยมี คุณหนุย ( พี่สาวของพระ นางเจาสุวัฒนาพระวรราชเทวี ซ่ึงทรงเปนพระมารดาของสมเด็จพระเจาภคินีเธอเจาฟาเพชรรัตนราชสุดา สิริ โสภาพัณณวดี พระราชธดิ าของสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจา อยหู วั ) และเพอื่ น อีก11คน เปน เนตรนารีรุนแรก ( 12 คน ) เครื่องแบบของเนตรนารที ใ่ี ชในคราวนนั้ คอื เสือ้ ผาขาว ปกผูกโบวแดงทค่ี อ ตัวยาวคลมุ สะโพก นุงกางเกงผา สีน้าํ เงินแบบลมู เมอร คอื กางเกงขาใหญม สี ายรัดใหพองอยูเหนอื เขา ความพองของผา ตกลงมาคลุมเขา สวมรองเทา ผา ใบสีดาํ สวมหมวกปกสขี าวตลบปกดา นขวาขึน้ มโี บวแดงเย็บตดิ ตรงกลางดานท่ีตลบ นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนสตรีอีกหลายแหง จัดตั้งกองเนตรนารีข้ึน เชน โรงเรียนดาราวิทยาลัย จังหวัด เชียงใหม โรงเรยี นศึกษากุมารี จงั หวันครศรธี รรมราช ภายหลังเปลี่ยนการปกครอง เม่ือ พ.ศ. 2475 กิจการลูกเสือทรุดโทรมลง กิจการเนตรนารีก็พลอยทรุด โทรมลงดวย มีการตั้งหนวยยุวชนและหนวยยุวนารีขึ้นในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เปนผูนําของชาติ การ ลูกเสือย่งิ ซบเซามากข้นึ อกี หลายปตอ มา เมื่อกิจการลูกเสอื ชายไดรับการฟนฟูขึ้น เรือเอกหลวงชัชวาลชลธี หัวหนากองลูกเสือจึงได นํารางขอบังคับลักษณะปกครองเนตรนารีซ่ึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงเขียนไวไปมอบใหทาน ผูหญิงดุษฎี มาลากุล ขณะน้ันดํารงตําแหนงเปนอุปนายกสโมสรวัฒนธรรมหญิงเม่ือ พ.ศ. 2497และขอใหร้ือฟน กจิ กรรมเนตรนารีขึน้ ใหม

ครั้นถึง พ.ศ. 2499 ทานผูหญิงดุษฎี มาลากุล ไดจัดใหคณะเนตรนารี จํานวน 32 คน ไปฝก การอยูค า ยพกั แรม ทีต่ ําบลอางศลิ า จังหวดั ชลบรุ ี หลงั จากน้ัน ทา นผูห ญิงยงั ไดม อบหมายให อาจารยสุดสวาท วชั รเกยี รติ ทําหนาที่ฝก อบรมผูบ ังคบั บญั ชาลูกเสอื หญิงท่ีบริเวณเตรยี มอดุ มศกึ ษาดว ย ตอมา พลโทเผชญิ นมิ ิตรบุตร ซง่ึ ขณะนั้นดํารงตาํ แหนงเลขาธกิ ารคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ได ขอใหสมาชกิ สตรีอาสาสมัครแหง ประเทศไทย จดั สงสมาชกิ ทเี่ ปน ผูบงั คบั บญั ชาเนตรนารี จํานวน 16 คน ไปรับการ ฝกอบรมผูบ ังคบั บัญชาลกู เสือสาํ รอง เม่อื พ.ศ. 2502 จากน้ันมากิจการเนตรนารี จึงไดเปนกิจกรรมอยางหน่ึงของสมาคมสตรีอาสาสมัครแหงประเทศไทย และ คณะกรรมการสมาคมสตรีอาสาสมัครไดกราบทูลเชิญสมเด็จพระเจาภคินีเธอเจาฟาเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณ วดี เปน องคอปุ ถัมภคณะเนตรนารี ซ่งึ ก็ทรงพระกรณุ ารบั ไว กบั ไดทรงพระกรุณาแตงแตงตั้งผูซึ่งมีหนาท่ีเก่ียวของกับ กิจการเนตรนารีในระยะนั้นใหดํารงตําแหนงตาง ๆ ในคณะเนตรนารีอีกดวย นอกจากนั้นยังไดทรงพระกรุณา สนับสนุนกิจการเนตรนารีตลอดมาจนถึงปจจุบันไดพระราชทานเข็มเพชราวุธอันเปนเครื่องหมายประจําพระองคแก คณะผูกํากบั เนตรนารีทุกคนที่มีจิตใจเสียสละเพื่อกิจการนี้จริง ๆ นับเปนเกียรติและสิริมงคลแกคณะเนตรนารีและตัว เนตรนารีทกุ คนเปนอยา งยงิ่ ในระยะใกลเคียงกันน้ี ไดมีผูจัดต้ังสมาคมผูบําเพ็ญประโยชนและจัดใหมีการฝกอบรมโดยใชแบบลูกเสือหญิง ของประเทศองั กฤษ ใชชื่อเปน ภาษาอังกฤาวา Girl Guide หรอื ผูบ าํ เพ็ญประโยชนไมไดใชค าํ วา เนตรนารีหรือลูกเสือ หญงิ เด็กผูหญิงทีเ่ ปนสมาชิกแตง เคร่อื งแบบสฟี า กิจกรรมของสมาคมผบู ําเพญ็ ประโยชนน้ีจะขนึ้ ตรงกับตา งประเทศ สวนกิจการเนตรนารี หรือลูกเสือหญิงของสมาคมสตรีอาสามัครแหงประเทศไทยดําเนินการตามหลักของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว แทจริงกิจการเนตรนารีก็คือลูกเสือหญิงแบบไทยสวนสมาคมผูบําเพ็ญ ประโยชนเ ปนลกู เสือหญงิ แบบสากลนนั่ เอง แตทง้ั สององคก ารมีวตั ถปุ ระสงคใ กลเคียงกันในอันท่ีจะอบรมเยาวชนหญิง ใหเปนพลเมอื งดีของประเทศชาติในโอกาสตอ ไป มีขอสังเกตอยางหนึ่งวา สมาคมลูกเสือโลกนั้นทานลอรดเบเดนโพเอลล เปนผูกอตั้งขึ้น และยัง ไดกอตั้ง กิจการลูกเสือหญิงข้ึนเชนเดียวกับกิจการลูกเสือในประเทศไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวก็ไดทรง พระราชทานกําเนดิ กจิ การเนตรนารีดวยเชน เดยี วกนั กจิ การเนตรนารีลูกเสือหญิงนับวันจะกาวหนาย่ิงข้ึน ท้ังนี้ รัฐบาลไดเล็งเห็นวาเด็กหญิงก็มีความสามารถเทา เทยี มกบั เดก็ ชาย ซึง่ อาจทําประโยชนแ กประเทศชาติได ฉะนั้นในป พ.ศ. 2518 ซ่ึงเปนปสตรีสากล คณะกรรมการ บริหารลูกเสือแหงชาติจึงไดมีมติใหรับกิจการเนตรนารีเปนงานหนวยหน่ึงใน คณะลูกเสือแหงชาติ เม่ือวันที่ 15 กันยายน 2518 และไดตรวจขอบังคับคณะลูกเสือแหงชาติวาดวยการปกครอง หลักสูตรวิชาพิเศษและเครื่องแบบ ของเนตรนารี ( ฉบับช่ัวคราว ) พ.ศ. 2520 ขึ้น เมื่อวันท่ี 1 สิงหาคม 2520 ปจจุบัน พระราชบัญญัติลูกเสือ ระบวุ า ลูกเสือหญิงใชช ่ือวา “ เนตรนารี ” ขอบงั คับชัว่ คราวก็ยกเลิก ( คดั ลอกจากวารสารการศึกษาเอกชน ในป 2521 บทความของ อาจารยส วา ง นิ่มสมบญุ สโมสรเนตรนารเี พชราวธุ ) คณุ หนุย โชติกเสถียร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook