ใบความรู้ วชิ าอินเตอร์เพื่องานธรุ กิจ (Business Internet) รหสั วชิ า ๒๒๐๔ – ๒๑๑๑ จุดประสงค์รายวชิ า เพอื่ ให้ 1. มคี วามร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกับการใช้สังคมออนไลน์ (Social Network) 2. การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตในงานธรุ กิจ 3. มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมท่ีดีในการใช้อนิ เทอร์เน็ต สชรรยาะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลักการใช้สังคมออนไลน์ (Social Network) เพอ่ื งานธรุ กิจ 2. ใช้บริการทมี่ ีในสังคมออนไลน์ (Social Network) เพอื่ งานธรุ กจิ คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัติเก่ยี วกบั การใช้สังคมออนไลน์ (Social Network) การใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ในงานธรุ กจิ การ ค้นหาขอ้ มูลด้วย Search Engine การรับ-ส่งขอ้ มลู บนเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ตและการใชบ้ ริการทมี่ อี ยใู่ นสงั คม ออนไลน์ โปรแกรมจดั การสารสนเทศสว่ นบคุ คล (Personal Information Manager) การเรยี นรผู้ า่ นระบบ เครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต การป้องกันและกาจัดไวรัสคอมพวิ เตอร์ จรยิ ธรรมและกฎหมายท่เี ก่ยี วข้องกับการใช้ อินเทอร์เนต็ พระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการกระทาความผดิ เก่ยี วกับคอมพวิ เตอร์
บทท่ี 1 เครือข่ายสังคชออาไลา์ ( Social Network) หชายยงึ สาหรบั ในยุคน้ี เราคงจะหลกี เลีย่ งหรอื หนีคาว่า Social Media ไปไมไ่ ด้ เพราะไมว่ า่ จะไปที่ไหน กจ็ ะพบเห็นมันอยู่ ตลอดเวลา ซ่งึ หลายๆ คนก็อาจจะยงั สงสัยว่า “Social Media” มนั คอื อะไรกนั แน่ วนั น้เี ราจะมารจู้ ักความหมาย ของมนั กนั ครบั คาว่า “Social” หมายถงึ สังคม ซงึ่ ในท่ีน้จี ะหมายถงึ สงั คมออนไลน์ ซึง่ มขี นาดใหมม่ ากในปัจจุบัน คาวา่ “Media” หมายถงึ สื่อ ซึง่ กค็ ือ เนอ้ื หา เร่ืองราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นตน้ ดังนนั้ คาว่า Social Media จงึ หมายถงึ ส่ือสงั คมออนไลน์ท่ีมีการตอบสนองทางสงั คมไดห้ ลายทิศทาง โดยผา่ น เครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต พูดงา่ ยๆ ก็คอื เวบ็ ไซต์ทีบ่ คุ คลบนโลกนสี้ ามารถมีปฏสิ มั พันธ้โ์ ต้ตอบกนั ได้น่นั เอง พ้ืนฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนษุ ย์หรอื คนเราที่ต้องการติดตอ่ สือ่ สารหรือมี ปฏสิ ัมพนั ธก์ นั จากเดมิ เรามีเวบ็ ในยุค 1.0 ซึ่งก็คอื เวบ็ ท่แี สดงเนือ้ หาอย่างเดียว บคุ คลแต่ละคนไมส่ ามารถติดต่อ หรือโต้ตอบกนั ได้ แต่เมอ่ื เทคโนโลยเี วบ็ พฒั นาเขา้ สยู่ ุค 2.0 ก็มกี ารพัฒนาเวบ็ ไซตท์ ีเ่ รียกว่า web application ซ่งึ ก็คอื เวบ็ ไซตม์ แี อพลเิ คชนั หรือโปรแกรมตา่ งๆ ทีม่ กี ารโต้ตอบกบั ผู้ใชง้ านมากขึ้น ผู้ใชง้ านแตล่ ะคนสามารถโต้ตอบ กันไดผ้ ่านหน้าเวบ็ อา้ งอิง : http://www.dmc.tv/pages/top_of_week เว็บไซต์ ทีใ่ ห้บรกิ าร Social Network หรือ Social Mediaนยคุ น้ที าให้เกิดครือข่ายสงั คมออนไลน์ ซ่งึ เป็นสงั คม ออนไลนท์ ่ีช่วยให้คนสามารถทาความรจู้ ักกัน เปดิ เผย ข้อมูลส่วนตวั รูปภาพ วดิ โี อ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และ ความสนใจรว่ มกัน (Cheung, Chiu, & Lee, 2010) จากสถติ ิพบว่าปัจจุบันมีคนกว่า 100 ลา้ นคนท่ัวโลกที่ ติดตอ่ ผ่านเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ มีการใช้ Face book, MySpace, LinkedIn และเครือข่ายอ่ืนๆ ซง่ึ แต่ละคน สามารถท่ีจะสร้าง Profile ของตนเอง และสามารถ เชือ่ มตอ่ กับ Profile ของบุคคลอ่นื เพื่อใช้ในการแลกเปลยี่ น ขอ้ มูลระหว่างกนั ได้ (Cheung & Lee, 2010) เครอื ขา่ ย สงั คมออนไลน์ได้รบั ความนยิ มสงู สุดไมเ่ พียงเฉพาะใน กลมุ่ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเท่านั้น แม้แตบ่ รรดา ผนู้ าองค์กรช้นั นาของโลก กลมุ่ คนทางานทีม่ หี ลากหลายวัย ตา่ งก็ใช้เครือข่ายสงั คมออนไลนก์ นั อยเู่ ป็นประจา
อา้ งอิง : http://phutthawan.blogspot.com/ คาวา่ เครือข่ายสังคมออนไลน์มผี ูใ้ ห้ความหมาย ไวห้ ลากหลาย แต่ในบทความนจ้ี ะใช้ความหมายของ อดิเทพ บุ ตราช (2553) ซ่ึงได้ให้นิยามคาว่าเครอื ข่าย สังคมออนไลน์ หมายถึง กลมุ่ คนที่รวมกันเปน็ สังคมและ มีการทา กจิ กรรมร่วมกนั บนเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต ซึ่ง อยใู่ นรปู แบบของเว็บไซตม์ ีการแพร่ขยายออกไปเรอื่ ยๆ โดยใช้ รูปแบบของการตดิ ต่อสอ่ื สารผ่านเครือขา่ ย อนิ เทอรเ์ นต็ มีการสรา้ งเครือขา่ ยชมุ ชนเสมือนบน เครอื ข่าย คอมพวิ เตอรเ์ พื่อใช้เปน็ เคร่ืองมอื สาคญั ในการ ตดิ ต่อส่อื สาร การทากิจกรรมตา่ งๆ รวมทง้ั การใชป้ ระโยชน์ ทางด้านการศึกษา ธรุ กจิ และความบันเทิง คนในสงั คม ปจั จบุ นั ส่วนใหญจ่ ะใช้ชวี ติ อยู่กับสังคมออนไลนเ์ พมิ่ มาก ข้นึ มกี ารใช้เครือข่ายสงั คมออนไลนเ์ พ่อื บอกเลา่ เร่อื งราว ประสบการณ์ รูปภาพ และวิดโี อ ท่ีผใู้ ช้จัดทาขนึ้ เอง หรอื พบเจอจากสื่อต่างๆ แลว้ นามาแบ่งปนั ให้ กับเพื่อนและผอู้ น่ื ท่ีอยใู่ นเครือขา่ ยของตนได้ทราบผา่ น ทางเว็บไซต์ ของเครือข่ายสงั คมออนไลน์ ประเภทเครือข่ายสงั คมออนไลน์ บรกิ ารท่ีมลี กั ษณะ Social Network สามารถแบ่งเป็นประเภทได้ 6 ประเภท ดงั น้ี 1. สร้างและประกาศตัวตา (Identity Network) เครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ประเภทนใี้ ช้สาหรับให้ผเู้ ขา้ ใชง้ านได้มี พื้นทใี่ นการสรา้ งตวั ตนข้ึนมาบนเวบ็ ไซต์ และสามารถทจ่ี ะเผยแพรเ่ ร่อื งราวของตนผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดย ลักษณะของ การเผยแพร่อาจจะเปน็ รปู ภาพ วดิ ีโอ การเขยี นขอ้ ความลงในบล็อก อีกทง้ั ยงั เป็นเวบ็ ทเี่ น้นการหา เพื่อนใหม่ หรือการคน้ หาเพื่อนเกา่ ท่ีขาดการตดิ ต่อได้ ตวั อย่างเช่น
2. สรา้ งและประกาศผลงาา (Creative Network) เครอื ข่ายสังคมออนไลนป์ ระเภทน้ี เป็นสงั คมสาหรับผู้ใช้ท่ี ตอ้ งการแสดงออกและนาเสนอผลงานของตวั เอง สามารถแสดงผลงานไดจ้ ากทั่วทกุ มมุ โลก จงึ มีเว็บไซต์ทีใ่ หบ้ รกิ าร พ้ืนที่เสมอื นเปน็ แกลเลอรี่ (Gallery) ที่ใชจ้ ัดโชว์ผลงานของตวั เองไม่วา่ จะเป็นวดิ ีโอ รูปภาพ เพลง อีกทั้งยังมี จุดประสงคห์ ลักเพ่อื แชร์เนอื้ หาระหว่างผใู้ ช้เว็บทีใ่ ชฝ้ ากหรอื แบ่งปัน โดยใชว้ ิธเี ดยี วกันแบบเวบ็ ฝากภาพ แต่เวบ็ น้ี เน้นเฉพาะไฟลท์ ่เี ปน็ มลั ตมิ ีเดีย ซึง่ ผใู้ ห้บริการเครือข่ายสงั คมออนไลน์ ประเภทน้ี ไดแ้ ก่ YouTube, Flickr, Multiply, Photobucket และ Slideshare เปน็ ต้น 3. ควาชชอบใาสง่ิ เดียวกาั (Passion Network) เปน็ เครือขา่ ยสังคมออนไลน์ท่ที าหนา้ ทีเ่ ก็บในส่ิงทีช่ อบไว้บน เครอื ข่าย เป็นการสรา้ ง ท่คี ่ันหนงั สอื ออนไลน์ (Online Bookmarking) มีแนวคดิ เพื่อให้ผใู้ ช้สามารถเก็บหน้าเว็บ เพจที่คั่นไวใ้ นเคร่อื งคนเดียวกน็ ามาเกบ็ ไว้บนเว็บไซต์ได้ เพ่อื ทีจ่ ะได้เปน็ การแบ่งปันใหก้ บั คนท่ีมคี วามชอบในเรือ่ ง เดยี วกัน สามารถใชเ้ ปน็ แหล่งอ้างอิงในการเข้าไปหาข้อมลู ได้ และนอกจากน้ียังสามารถโหวตเพ่ือให้คะแนนกบั ที่ ค่ันหนงั สอื ออนไลน์ที่ผู้ใชค้ ดิ วา่ มีประโยชนแ์ ละเป็นที่นิยม ซงึ่ ผใู้ หบ้ รกิ ารเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ ได้แก่ Digg,
Zickr, Ning, del.icio.us, Catchh และ Reddit เป็นต้น 4. เวทีทางาารว่ ชกาั (Collaboration Network) เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ทตี่ อ้ งการความคิด ความรู้ และ การต่อยอดจากผู้ใช้ท่ีเป็นผมู้ ีความรู้ เพอ่ื ให้ความร้ทู ไี่ ด้ออกมามีการปรบั ปรงุ อยา่ งต่อเนอื่ งและเกดิ การพฒั นาใน ทีส่ ุด ซ่ึงหากลองมองจากแรงจงู ใจที่เกิดข้ึนแล้ว คนท่เี ขา้ มาในสงั คมนีม้ ักจะเปน็ คนท่มี ีความภมู ิใจที่ได้เผยแพรส่ งิ่ ที่ ตนเองรู้ และทาให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ สังคม เพอ่ื รวบรวมขอ้ มลู ความรู้ในเร่ืองต่างๆ ในลกั ษณะเนื้อหา ทง้ั วิชาการ ภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ สินคา้ หรอื บรกิ าร โดยส่วนใหญ่มกั เปน็ นักวิชาการหรอื ผ้เู ชย่ี วชาญ ผใู้ หบ้ ริการเครอื ขา่ ย สังคมออนไลน์ในลักษณะเวทีทางานรว่ มกัน ในลกั ษณะเวทที างานรว่ มกัน เชน่ Wikipedia, Google earth และ Google Maps เปน็ ต้น 5. เครอื ข่ายทเ่ี ชอื่ ชต่อกาั ระหวา่ งผใู้ ช้ (Peer to Peer : P2P) เป็นเครือขา่ ยสังคมออนไลนแ์ หง่ การเชอ่ื มต่อกนั ระหวา่ งเครอื่ งผู้ใชด้ ้วยกันเองโดยตรง จึงทาใหเ้ กิดการสื่อสารหรอื แบ่งปันขอ้ มลู ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว และตรงถงึ ผใู้ ช้ทันที ซง่ึ ผใู้ ห้บริการเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ ประเภทน้ี ไดแ้ ก่ Skype และ BitTorrent เป็นตน้ 6. ประสบการณ์เสชือาจรงิ (Virtual Reality) เครอื ข่ายสังคมออนไลนป์ ระเภทนมี้ ีลกั ษณะเปน็ เกมออนไลน์ (Online games) ซึง่ เปน็ เว็บท่ีนยิ มมากเพราะเปน็ แหลง่ รวบรวมเกมไวม้ ากมาย มีลกั ษณะเปน็ วดิ โี อเกมท่ผี ใู้ ช้
สามารถเลน่ บนเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต เกมออนไลนน์ ้มี ลี ักษณะเปน็ เกม 3 มิตทิ ผี่ ู้ใชน้ าเสนอตัวตนตามบทบาทใน เกม ผู้เลน่ สามารถติดตอ่ ปฏิสัมพันธก์ ับผู้เลน่ คนอ่ืนๆ ได้เสมอื นอยูใ่ นโลกแห่งความเป็นจรงิ สร้างความรสู้ กึ สนุก เหมอื นไดม้ สี งั คมของผเู้ ลน่ ท่ีชอบในแบบเดียวกนั อกี ท้ังยงั มกี ราฟิกทส่ี วยงามดึงดดู ความสนใจและมกี จิ กรรมตา่ งๆ ใหผ้ เู้ ลน่ รู้สกึ บนั เทงิ เชน่ Second Life, Audition, Ragnarok, Pangya และ World of Warcraft เป็นต้น ประโยชน์เครือข่ายสงั คมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปล่ยี นขอ้ มูลความร้ใู นสิ่งทสี่ นใจรว่ มกนั ได้ 2. เป็นคลงั ข้อมลู ความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคดิ เหน็ แลกเปล่ียนความรู้ หรือ ตงั้ คาถามในเรื่องต่างๆ เพอื่ ใหบ้ ุคคลอื่นท่ีสนใจหรือมคี าตอบไดช้ ่วยกนั ตอบ 3. ประหยัดคา่ ใช้จา่ ยในการติดต่อสือ่ สารกับคนอนื่ สะดวกและรวดเร็ว 4.เปน็ ส่อื ในการนาเสนอผลงานของตวั เอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอตา่ งๆ เพ่ือให้ผอู้ น่ื ไดเ้ ข้ามารบั ชม และแสดงความคดิ เห็น อ้างองิ : http://www.rakball.net/home/82183/ 5. ใชเ้ ปน็ สอื่ ในการโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ หรอื บรกิ ารลกู ค้าสาหรับบรษิ ทั และองคก์ รต่างๆ ช่วยสร้าง ความเชอื่ ม่นั ให้ลกู คา้ 6. ชว่ ยสรา้ งผลงานและรายไดใ้ ห้แก่ผูใ้ ช้งาน เกดิ การจา้ งงานแบบใหมๆ่ ขน้ึ 7.คลายเครียดไดส้ าหรบั ผใู้ ช้ทตี่ ้องการหาเพ่ือนคุยเล่นสนุกๆ 8. สรา้ งความสัมพันธท์ ีด่ จี ากเพื่อนสเู่ พ่ือนได้ แนวโนม้ การใชส้ ื่อเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์
แาวโา้ชใา ดา้ าบวก การพัฒนาเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ทเี่ ช่ือมโยงกนั ทั่วโลก กอ่ ใหเ้ กิดการ เปลยี่ นแปลงทางสังคม ช่องทางการดาเนนิ ธุรกิจ เช่น การทาธุรกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ การพาณิชย์ อเิ ล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนงั ฟงั เพลง และบันเทงิ ต่างๆ เกมออนไลน์ การพฒั นาให้คอมพวิ เตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอกั ษรหรือลายมอื เขยี นได้ การ แสดงผลของคอมพิวเตอร์ไดเ้ สมือนจริง เป็นแบบสามมติ ิ และการรับร้ดู ้วยประสาทสมั ผสั เสมือนว่าได้อยู่ ในที่นนั้ จริง การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานขอ้ มูล ฐานความรู้ เพ่อื พัฒนาระบบผู้เช่ยี วชาญและการจัดการความรู้ การศกึ ษาตามอัธยาศยั ด้วยระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนดว้ ยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากหอ้ งสมุดเสมือน (virtual library) การพฒั นาเครือขา่ ยโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผา่ นเครือขา่ ยไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบ สารสนเทศภูมศิ าสตร์ ทาให้สามารถคน้ หาตาแหนง่ ได้อยา่ งแมน่ ยา การบรหิ ารจดั การภาครัฐสมยั ใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและเครือขา่ ยการสอื่ สารเพอ่ื เพ่มิ ประสทิ ธิภาพการ ดาเนนิ การของภาครฐั ที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทง้ั ระบบ ฐานข้อมลู ประชาชน หรอื e-citizen แาวโา้ชใา ด้าาลบ ความผิดพลาดในการทางานของระบบ คอมพวิ เตอร์ ท้งั สว่ นฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟต์แวร์ ท่เี กดิ ขึน้ จากการ ออกแบบและพัฒนา ทาให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแกป้ ัญหา การละเมดิ ลิขสิทธิข์ องทรพั ย์สนิ ทางปัญญา การทาสาเนาและลอกเลยี นแบบ การกอ่ อาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์ การโจรกรรมขอ้ มูล การลว่ งละเมดิ การกอ่ กวนระบบคอมพิวเตอร์ เว็บไซตท์ ใ่ี ห้บรกิ ารเครือข่ายสังคมออนไลน์ สรา้ งและประกาศตัวตา
Facebook (เฟซบุ๊ก) เป็นบรกิ ารเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ เปดิ ใหบ้ รกิ ารเม่ือ 4 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2547 เจ้าของคอื Facebook, Inc. ผูก้ อ่ ต้ังคอื มารก์ ซกั เคอร์เบริ ก์ (Mark Zuckerberg) ปจั จบุ ันเป็นทีน่ ยิ มและมีจานวนผูใ้ ช้เพม่ิ ขึ้นอยา่ งรวดเร็ว Twitter (ทวติ เตอร)์ เปน็ บริการเครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ประเภทไมโครบล็อก จัดเป็นบลอ็ กขนาด เล็ก มีคุณสมบัตคิ ลา้ ยกบั บล็อกทว่ั ไป ทวิตเตอรก์ อ่ ต้ังเมอ่ื เดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 โดย แจก็ คอรซ์ ยี ์, บิซ สโตน และ อวี าน วิลเลยี มส์ เจ้าของบริษัท Obvious Corp ทซี่ านฟรานซสิ โก สหรฐั อเมริกา Bloggang (บลอ็ กแก๊ง) เปน็ บริการเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ประเภทบล็อกของประเทศไทยท่เี ปดิ บล็อกเพ่ือให้บรกิ ารกับผใู้ ช้ เพ่ือให้ผใู้ ชน้ าเสนอเรื่องราวและเหตุการณ์ตา่ งๆ ของผูใ้ ช้ในรูปแบบ ของบทความ กราฟิก หรอื วดิ โี อ และอนุญาตใหผ้ ู้อืน่ ทเี่ ข้ามาดูบลอ็ กนน้ั ๆ สามารถเขยี นความ คดิ เหน็ ตา่ งๆ ลงไปได้ สร้างและประกาศผลงาา
YouTube (ยูทบู ) เป็นเวบ็ ไซตป์ ระเภทแชรไ์ ฟล์วิดโี อ กอ่ ตง้ั เมอ่ื 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดย แชด เฮอร์ลีย์ สตีฟ เชง และยาวดี คารมิ ยทู ูบมีบริการเพื่อใหผ้ ู้ใชง้ านสามารถอัปโหลดและ แลกเปล่ียนคลิปวดิ ีโอผ่านทางเว็บไซต์ รวมถึงการสรา้ งรายการโทรทศั น์ มิวสิกวิดีโอ วิดโี อจาก สมาชิก งานโฆษณา ผา่ นเวบ็ ยูทูบ Flickr (ฟลคิ เกอร์) เป็นบรกิ ารเครอื ข่ายสงั คมประเภทแชรร์ ูปภาพ มีต้นกาเนิดจากประเทศ แคนาดา บรษิ ัทลูดคิ อรป์ (Ludicorp) เป็นผพู้ ัฒนาโดย Catherina Fake และ Stewart Butterfield ไดพ้ ัฒนาระบบการจัดเกบ็ ข้อมลู โดยคานงึ ถงึ ระดับของผู้ใชง้ าน เพ่ือใหม้ ีการ เช่อื มโยงขอ้ มลู ถึงกนั ท้ังหมด ควาชชอบหรอื คล่งั ไคล้ใาสิง่ เดียวกาั Ning (หนิง) เป็นแพลตฟอรม์ ออนไลนส์ าหรบั บุคคลและองค์กรในการสร้างเครอื ข่ายทางสงั คมที่ กาหนดเอง เปดิ ตัวเม่อื เดือนตุลาคม พ.ศ. 2548 หนิงไดร้ ว่ มกอ่ ตง้ั โดย Marc Andreessen และ Gina Bianchini หนงิ เปน็ เว็บสาหรับผู้ที่ชอบอะไรท่ีเหมือนกนั และสรา้ งชมุ ชนเพ่อื ตอบสนอง ความสนใจและความต้องการของกลุ่ม
Pantip (พันทิป) เปน็ เว็บไซตข์ องประเทศไทยท่ใี หบ้ ริการกระดานขา่ วสาหรับผู้ท่ี ชื่นชอบในเร่ือง เดยี วกัน กอ่ ต้งั โดยนายวันฉัตร ผดุงรตั น์ เปิดตวั เม่ือวันที่ 17 มถิ ุนายน พ.ศ. 2546 พันทปิ ให้บรกิ ารผู้ใชโ้ ดยจัดใหม้ ีหอ้ งสนทนาเป็นกลมุ่ ใหญ่ครอบคลุมเร่ืองต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ การเมอื ง ความรู้ กฬี า บันเทิง ศาสนา ความงาม และกฎหมาย เป็นตน้ เวทที างาารว่ ชกัา Wikipedia (วิกพิ เี ดยี ) เป็นโครงการสารานกุ รมเนอ้ื หาเสรีหลายภาษาบนเว็บไซต์ เปิดตัวในปี พ.ศ. 2544 โดย จมิ มี เวลส์ และแลร์รี แซงเจอร์ คาวา่ “วกิ พิ ีเดีย” มาจากการผสมคาว่า wiki ซึง่ เป็นลักษณะของการสรา้ งเวบ็ ไซต์แบบมีสว่ นรว่ ม เป็นคาในภาษาฮาวายท่ีแปลว่า “เรว็ ” และ คาวา่ encyclopedia ท่แี ปลว่าสารานุกรม
Google Earth (กูเกิล เอริ ์ธ) พัฒนาโดยบริษัทกูเกิล เป็นซอฟต์แวรส์ าหรับให้บริการดูแผนท่ี ภาพถา่ ยทางอากาศจากท่วั โลก และผังเมอื งซอ้ นทับลงในแผนทรี่ วมทั้งระบบจีไอเอส (GIS) ใน รูปแบบ 3 มิติ ประสบการณเ์ สชอื าจริง Second Life (เซคันด์ไลฟ์) พฒั นาโดยบรษิ ทั ลินเดนรีเสิรช์ เซคนั ดไ์ ลฟไ์ ด้รับแรงบันดาลใจจาก วรรณกรรมทเ่ี รียกวา่ ไซเบอร์พงั ก์ (cyberpunk) และนวนิยายของนลี สตีเฟนสัน (Neal Stephenson) เรอ่ื ง Snow Crash ให้บริการเม่ือ พ.ศ. 2546 เปน็ เครอื ข่ายสังคมออนไลน์ที่ ชว่ ยในการรว่ มสรา้ งประสบการณเ์ สมอื นจรงิ World of Warcraft เกมรูปแบบ Massively multiplayer online game (MMORG) ใน จกั รวาลของ warcaft พัฒนาโดย Blizzard Entertainment เร่มิ วางจาหนา่ ยในวนั ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 สรา้ งโดยนาบรรยากาศในซรี ยี ์ Warcraft จาลองไว้ในเกม และไดจ้ ัดทา เปน็ เกม 3 มติ ิโดยผเู้ ลน่ นาเสนอตัวตนตามบทบาทในเกม ทาให้ผู้เลน่ สามารถตดิ ตอ่ ปฏิสมั พนั ธ์ กบั ผู้เล่นคนอ่นื ๆ ได้เสมอื นอยใู่ นโลกแหง่ ความเป็นจรงิ เครอื ขา่ ยเพอื่ การประกอบอาชพี
ลงิ ค์อนิ (LinkedIn) เป็นเว็บไซต์เครือข่ายสงั คมทีใ่ ห้บริการเพอ่ื การประกอบอาชพี เนน้ ดา้ น เครอื ขา่ ยธุรกิจ โดยจดุ ประสงค์หลักของลิงคอ์ ินเพอ่ื ให้บรกิ ารแกใ่ หผ้ ู้ใช้ทล่ี งทะเบียนกบั ทาง เว็บไซต์แลว้ ผใู้ ช้จะสามารถสรา้ งรายการสว่ นตัวเกี่ยวกับอาชพี สาหรับติดตอ่ กับผอู้ ืน่ หรอื กับ บรษิ ัทต่างๆ และเปน็ การสรา้ งเครือขา่ ยทางอาชีพของผู้ใช้เอง เครือขา่ ยทีเ่ ช่อื ชตอ่ กาั ระหว่างผู้ใช้ Skype (สไกป์)เปน็ โปรแกรมท่ีให้ผู้บรกิ ารผใู้ ชส้ าหรบั สนทนาโทรศัพท์ สนทนาแบบวิดโี อ สง่ ข้อความผา่ นอินเทอร์เนต็ สไกปก์ ่อตั้งโดย Niklas Zennström และ Janus Friis ชาวสวเี ดน หน้าที่ของสไกปค์ อื ให้บริการผ่านทางคอมพวิ เตอร์เครื่องหน่งึ สูค่ อมพวิ เตอรอ์ กี เครอ่ื งหน่งึ เป็น เสยี งและภาพขณะสนทนา การสง่ ขอ้ ความ และการส่งข้อมูลในรปู แบบไฟล์ โดยไม่เสียค่าใช้จา่ ย BitTorrent (บติ ทอรเ์ รนต์) เปน็ โพรโทคอลรปู แบบ peer-to-peer ในการแลกเปลีย่ นขอ้ มูล ระหวา่ งเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ดว้ ยกันโดยตรงผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ ถูกพัฒนาตัง้ แต่เดือน เมษายน พ.ศ. 2544 จากความคิดของแบรม โคเฮน (Bram Cohen) ท่ตี อ้ งการให้การส่งผ่าน
ข้อมูลสามารถอานวยประโยชนไ์ ดท้ ง้ั ขาเข้าและขาออก เครอื ข่ายของการใช้โปรแกรมบิตทอร์ เรนต์น้นั เป็นลักษณะโยงใยถึงกนั หมดทุกเครอื่ งคอมพิวเตอรส์ ามารถรบั ส่งไฟลถ์ ึงกันได้ตลอดเวลา อ้างองิ จาก http://thedctmike.blogspot.com/2013/01/technology-lesson-5_22.html เว็บ social media แบง่ ตามหมวด 1. หชวดการส่ือสาร (Communication) Blogs: Blogger, LiveJournal, TypePad, WordPress, Vox Internet forums: vBulletin, phpBB Micro-blogging: Twitter,Plurk, Pownce, Jaiku Social networking: Avatars United, Bebo, Facebook, LinkedIn, MySpace, Orkut, Skyrock, Netlog, Hi5, Friendster, Multiply Social network aggregation: FriendFeed, Youmeo Events: Upcoming, Eventful, Meetup.com 2. หชวดควาชร่วชชอื และแบ่งปาั (Collaboration) Wikis: Wikipedia, PBwiki, wetpaint Social bookmarking: Delicious, StumbleUpon, Stumpedia, Google Reader, CiteULike Social news: Digg, Mixx, Reddit Opinion sites: epinions, Yelp
3. หชวด ชลั ติชเี ดยี (Multimedia) Photo sharing: Flickr, Zooomr, Photobucket, SmugMug Video sharing: YouTube, Vimeo, Revver Art sharing: deviantART Livecasting: Ustream.tv, Justin.tv, Skype Audio and Music Sharing: imeem, The Hype Machine, Last.fm, ccMixter 4. หชวดรีวิว และแสดงควาชคดิ เหา็ (Reviews and Opinions) Product Reviews: epinions.com, MouthShut.com, Yelp.com Q&A: Yahoo Answers 5. หชวดบาั เทงิ (Entertainment) Virtual worlds: Second Life, The Sims Online Online gaming: World of Warcraft, EverQuest, Age of Conan, Spore (2008 video game) Game sharing: Miniclip อ้างอิง : https://sites.google.com/site/kruun10/socail-media/web-social-media-baeng-tam-hmwd ภัยจากการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
“เครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์” กลายเป็นสงั คมท่ีมีขนาดใหญม่ ากขน้ึ และมีความหลากหลายท้ังในแง่คณุ ลกั ษณะทาง เพศและอายุ ตลอดจนวัตถปุ ระสงค์การใช้งาน ท่ีนับวนั ภาพของ “สงั คมออนไลน์” กจ็ ะยงิ่ สะท้อนภาพของคนใน “สงั คมไทย” เข้าไปทุกที ขณะเดียวกนั ผลวิจัยเร่ือง “วัยรุ่นใชส้ ือ่ ออนไลนอ์ ยา่ งไรในการหาคู่” ของ นิพนธ์ ดาราวุฒิมาประกรณ์ นกั วิจยั สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลัยมหิดล พบความน่าเป็นห่วง คอื กลมุ่ วัยรนุ่ ใช้สอื่ สงั คมออนไลน์ ไมว่ า่ จะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ ในการหา “ก๊กิ ” และคนู่ อน โดยพฤติกรรมการมแี ฟนและเพศสมั พันธ์แบ่งเปน็ กล่มุ 4 กลุ่ม คอื (1) มีแฟนทลี ะคนไมม่ กี ิก๊ หรอื กล่มุ วยั รนุ่ ทใ่ี ช้ส่ือออนไลนใ์ นการพูดคุยกบั เพือ่ นทวั่ ไปเทา่ นนั้ (2) มีแฟนและกก๊ิ แตจ่ ะมเี พศสมั พนั ธก์ บั แฟนคนเดยี ว คือกล่มุ วยั รนุ่ ทใี่ ช้สอ่ื ออนไลนเ์ ปน็ ชอ่ งทางในการคุยกบั กก๊ิ แต่ไม่คยุ เพอื่ จะมีเพศสัมพนั ธด์ ้วย และไม่ใช้สอ่ื ออนไลน์ในการหาคู่ (3) มแี ฟนและกกิ๊ และมเี พศสมั พนั ธ์กบั ทกุ คน และ (4) มเี พศสัมพนั ธก์ บั ใครก็ไดไ้ ม่จาเปน็ ต้องแฟนหรอื กิก๊ สองกลุ่มหลังน้ีคือ กล่มุ ทีใ่ ช้ส่อื อนไลน์ในการตดิ ตอ่ กนั เพือ่ นาไปสกู่ ารมเี พศสัมพนั ธ์ โดยวยั รุ่นชายจะใช้ส่อื ออนไลน์ในการหาคชู่ ัดเจรกวา่ วัยรุน่ หญงิ อกี ท้งั ใชเ้ วลาพูดคุยทาความรูจ้ ักไม่นานกอ่ นการมี เพศสมั พันธ์ เจ้าของงานวิจัยเร่อื ง “วัยรนุ่ ใช้สื่อออนไลน์อย่างไรในการหาคู่” ใหค้ วามเห็นว่า โดยปกติแลว้ ผูช้ ายสว่ นใหญจ่ ะ สามารถหาคูไ่ ด้งา่ ยกว่าผู้หญงิ ผ้ชู ายสามารถมเี ซก็ ส์กบั แฟนตวั เอง เพ่ือนคนร้จู กั รวมทัง้ พนกั งานบรกิ าร ขณะเดยี วกัน ผูห้ ญงิ สามารถมีเซ็กส์ได้กบั แฟนตวั เอง สามี ส่วนคนรจู้ กั อาจถูกบงั คบั หรือไม่เตม็ ใจ ทั้งนี้ ผู้ชายจะมี ความตั้งใจในการมีเซก็ สม์ ากกว่าผหู้ ญงิ อา้ งองิ : http://bloouz.blogspot.com/2013/12/blog-post_9496.html ควาชขัดแยง้ บาโลกออาไลา์ สู่โลกควาชเปา็ จริง จะเห็นไดว้ า่ ต้งั แต่เทคโนโลยีการส่ือสารพฒั นาอยา่ งกา้ วล้า สือ่ สังคมออนไลนก์ ลับสง่ ผลไปในการลบตอ่ ชีวิตประจาวันและความสัมพนั ธ์ของคนในสังคมอย่างชัดเจนยง่ิ ขนึ้ จนกลายเปน็ ประเดน็ ทางสังคม ทีท่ ง้ั สอื่ กฎหมายและประชาชนเองจะตอ้ งให้ความสาคัญในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาเหล่านี้ โดยเฉพาะกบั กลุ่มวัยรุน่ ที่ ใชเ้ วลาไปกบั สอื่ ออนไลนว์ ันละ หลายชว่ั โมง จนอาจนาไปสูค่ วามขัดแย้ง ทะเลาะววิ าท จนถงึ ข้นั ทารา้ ยร่างกาย ตามมา
จากผลการวจิ ยั หวั ข้อ “เหว่ยี ง’ และ ‘วนี ’ ออนไลน์… ความขัดแยง้ และการววิ าทในส่อื สังคมของวัยรุ่น” ของผศ. ดร.ภูเบศร์ สมุทรจกั ร อาจารย์ประจาสถาบันวจิ ัยประชากรและสงั คมมหาวทิ ยาลยั มหดิ ล พบว่า ความขัดแยง้ ใน กลุ่มวยั รุน่ ส่วนใหญเ่ ปน็ ประเดน็ เกย่ี วกับความสมั พนั ธ์ในกลมุ่ เพ่ือนและคนรัก การแข่งขนั ในการเรยี น และ สถานภาพทางสงั คม “การทไ่ี ม่มตี ัวตน หรอื มตี วั ตนซ่อนเรน้ ในโลกออนไลน์ ทาให้คนมีอสิ ระในการแสดงความคิดเหน็ หรือแสดง ‘ความ แรง’ ออกมาในสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะในสังคมวัยรุ่นสมัยนี้ทม่ี กี ารสอื่ สารหว้ นขึน้ สั้นขึน้ แรงขึน้ หรอื วัฒนธรรม แบบสามคาสี่พยางค์ อย่างเวลาทเี่ ราพดู หว้ นๆ จะมีความแรงอยู่ดว้ ย ซึง่ จะนาไปสู่การวิวาทง่ายขนึ้ ” ผศ.ดร. ภเู บศร์ กล่าวและว่า การทะเลาะวิวาท ในสังคมออนไลนม์ ีหลายกรณี เชน่ “ทะเลาะในเฟซบ๊กุ แล้วไปต่อในไลน์ หรอื ทะเลาะในไลนแ์ ลว้ ไปตอ่ ในตอ่ ในเฟซบุ๊ก แล้วออกมาเคลยี ร์กันตวั ต่อตวั ” จากความรุนแรงทางความสมั พนั ธ์ ในการส่อื สาร กลายเป็นความรนุ แรงทางกายภาพ ด้านนายแพทยอ์ ภิชาต จรยิ าวิลาศ จิตแพทยโ์ รงพยาบาลศรธี ญั ญา กรมสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสุข ให้ คาแนะนาว่า เพอื่ ป้องกันปญั หาทต่ี ามมา ควรระวงั บุคคลทจี่ ะสอื่ สารดว้ ย เพราะอาจมอี าชญากรรมแฟงตัว และไม่ ควรหมกมนุ่ ในการสอ่ื มากเกินไป อย่างไรก็ตาม สง่ิ ท่เี ราสามารถทาไดใ้ นการป้องกันภัยท่ีมาจากส่อื สงั คมออนไลน์ ก็คอื การร้เู ทา่ ทนั ส่ือ (Media Literacy) โดยต้องเขา้ ใจสภาพของสอ่ื ออนไลน์วา่ เป็นสังคมทมี่ ีท้ังพน้ื ทส่ี ่วนตวั และพนื้ ทสี่ าธารณะ เรียนรู้การ สือ่ สารและการมีปฏสิ ัมพันธบ์ นโลกออนไลนก์ บั ชวี ติ จริงว่า ความรอบคอบและมสี ติทกุ ครงั้ ในการสื่อสารและแสดง ความคดิ เหน็ ต่างๆ บนโลกออนไลน์ คือวิธปี อ้ งกนั ภยั ร้ายไดอ้ ย่างดี อ้างองิ : http://bloouz.blogspot.com/2013/12/blog-post_9496.html สรุปท้ายหา่วย สงั คมออนไลน์ หรือทเี่ รียก Social Network เป็นสังคมท่สี ามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างกว้างขวาง และใช้ ในการเรยี นรู้ดา้ นต่างๆ อยา่ งมากมาย ไมว่ ่าจะเปน็ รูปแบบของบทความ วดี โี อ เพลง รูปภาพ เปน็ ต้น โดยผา่ นโซ เชียลเนต็ เวิรก์ (Social Network) ท่ีให้บรกิ ารบนโลกออนไลน์ แตท่ ั้งน้ี สังคมออนไลนก์ ็ยงั มีข้อท่ีต้องระมดั ระวัง เพราะมีผู้ไมป่ ระสงค์ดีเขา้ มาหลอกลวง ผู้ใชจ้ รงิ ต้องมคี วามระมดั ระวงั ใหม้ าก ผทู้ เ่ี ขา้ ใช้ระบบสงั คมออนไลน์จะตอ้ ง เรียนร้อู ุปกรณ์เครือขา่ ยและฮาร์ดแวร์ทใ่ี ช้ให้เหมาะสม โดยในปจั จุบนั มอี ปุ กรณท์ ท่ี นั สมยั มากขนึ้ ไม่ว่าเป็นสมาร์ท ทีวี หรอื สมาร์ทโฟน
ใบงาาบทท่ี 1 ตอาท่ี 1 จงตอบคายาชต่อไปาี้ให้ไดใ้ จควาชสชบรู ณ์ 1. จงอธิบายความหมายของสังคมออนไลน์ 2. จงบอกประเภทของสงั คมออนไลนม์ า 5 ประเภท 3. จงอธิบายสงั คมออนไลนป์ ระเภท Webiogs 4. จงอธิบายสงั คมออนไลน์ประเภท Social Networking 5. จงอธิบายสังคมออนไลนป์ ระเภท Micro Biogging 6. จงอธิบายสังคมออนไลนป์ ระเภท Online Vedio 7.จงอธิบายสงั คมออนไลนป์ ระเภท Photo Sharing 8. จงอธิบายประโยชน์ของสังคมออนไลน์ 9. จงอธิบายโทษของสงั คมออนไลน์ 10. จงบอกประเภทของอปุ กรณฮ์ ารด์ แวรท์ มี่ ีอยใู่ นระบบ Social Network ในปจั จบุ นั ตอาที่2 จงทาเคร่อื งหชายกากบาท (X) ลงหา้าข้อทย่ี ูกทีส่ ดุ 1. ข้อใดหมายถงึ สังคม ก. Social ข. Medlia ค. Network ง. People 2. ขอ้ ใดหมายถึงเครือข่าย ก. Social ข. Medlia ค. Network ง. People 3. สงั คมออนไลน์ประเภทใดมีลกั ษณะเปน็ แหล่งความรทู้ ีม่ ผี ูเชีย่ วชายเข้าไปเขียนได้อยา่ งอิสระ Sourcing คอื อะไร ก. Webiogs ข. Social Networking ค. Micro Biogging ง. Photo Sharing 4. Facebook จดั อยู่ในสังคมออนไลน์ประเภทใด ก. Webiogs ข. Social Networking ค. Micro Biogging ง. Photo Sharing
5. Twitter จัดอยใู่ นสังคมออนไลน์ประเภทใด ก. Webiogs ข. Social Networking ค. Micro Biogging ง. Photo Sharing จ. Wikis 6.เว็บไซตใ์ ดทใี่ หบ้ ริการวีดีโอออนไลนืท่ีมีผู้นยิ มใช้มากที่สดุ ก. Yahoo ข. MSN ค. Hotmail ง. Sanook 7. Virtual Worlds เป็นการสอื่ สารระหว่างกนั บนอนิ เทอร์เน็ตทีม่ ีลกั ษณะโลกเสมือนจรงิ หนว่ ยงานประเภทใดท่ี นยิ มเขา้ ไปใช้ ก. สานกั ข่าวรอยเตอร์ ข. บริษทั สรา้ งภาพยนตร์ ค. สถานศกึ ษา ง. สถานพยาบาล 8. ข้อดีของสงั คมออนไลนป์ ระเภท Crow Sourcing คอื อะไร ก. มีไฟล์วีดโี อให้คน้ หา ข. ทาใหเ้ กดิ ควาหลายหลายทางความคิดเพอ่ื แก้ไขปัญหา ค. มีข้อมูลทางดา้ นรถยนตโ์ ดยเฉพาะ ง. มไี ฟลร์ ูปภาพต่างๆ 9. Pantip.com เปน็ เว็บไซตท์ มี่ ีลักษณะเฉพาะตามข้อใด ก. มไี ฟลว์ ดี โี อใหค้ น้ หา ข. ทาใหเ้ กิดควาหลายหลายทางความคดิ เพื่อแก้ไขปญั หา ค. เป็นเวบ็ บอรด์ที่ใหเ้ ข้ามาแสดงความคดิ เห็น ง. มีไฟลร์ ปู ภาพต่างๆ 10. Thaigraph.com เปน็ เวบ็ ไซต์ทีม่ ลี ักษณะเฉพาะตามขอ้ ด ก. มไี ฟลว์ ีดีโอให้คน้ หา ข. ทาให้เกิดควาหลายหลายทางความคดิ ค. มขี อ้ มลู ทางด้านรถยนตโ์ ดยเฉพาะ ง. มไี ฟล์รูปภาพ ต่างๆ
บทที่ 2 การใช้อิาเทอรเ์ าต็ ใางาาธรุ กิจ ธรุ กิจในปจั จบุ ันสามารถทจี่ ะดาเนนิ การตอ่ ไปอย่างเข้มแข็ง และมีกลมุ่ เป้าหมายที่กว้างขวางมากย่งิ ขึ้น ทาให้ การเกดิ การแขง่ ขนั และขยายตวั ทางการตลาดมากข้ึน การใชอ้ นิ เทอร์เนต็ จึงมีสว่ นสาคัญในการพฒั นาธรุ กจิ เพราะ โลกอินเทอรเ์ น็ตสามารถที่จะตดิ ต่อส่ือสารไดท้ ัว่ โลกธุรกิจที่นาอินเทอรเ์ นต็ มาใช้งานมักจะไดเ้ ปรยี บคู่แขง่ ขนั เสมอ โดยทธี่ รุ กิจตา่ ง ๆ สามารถที่จะนาอินเทอรเ์ น็ตมาใชใ้ นงานธรุ กิจของตนเองได้แทบทุกดา้ น ควาชสาคญั ของการาาอิาเทอร์เาต็ ชาใชใ้ างาาธรุ กิจดา้ าตา่ งๆ ธุรกจิ (Business) หมายถึง กิจกรรมต่างๆทีท่ าให้การผลติ สินค้าและบรกิ าร มีการซื้อขายแลกเปล่ียนมี การจาหน่าย มกี ารกระจายสนิ ค้า และมีประโยชน์ คอื ไดก้ าไรจากกิจการน้นั ธรุ กิจมคี วามจาเปน็ ตอ่ คนในสงั คม ปจั จบุ นั มาก ไม่วา่ จะเปน็ องค์กรท่ีผลติ สินค้าหรอื บริการท่ีเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดารงชีวติ หรือปจั จัยสี่แล้ว การประกอบธุรกิจต่างๆ องคข์ นาดเลก็ หรอื ใหญ่แค่ไหนก็ตาม ส่ิงสาคัญก็คอื กาไร เพราะ กาไรเป็นสงิ่ จงู ใจ สาคัญในทางธุรกจิ ก่อให้เกดิ การแข่งขนั และขยายตวั ทางธรุ กิจทาให้เกิดความเจริญก้าวหน้ามากขนึ้ การดาเนนิ ธุรกจิ หมายถงึ การทากิจกรรมใด ๆ ท่ที าใหเ้ กดิ การค้าหรอื การบริการ แล้วมรการ แลกเปลีย่ นซอ้ื ขายกัน และมวี ัตถปุ ระสงค์ท่ีจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากกจิ กรรมน้ัน ๆ โดยท่ีผา่ นช่องทางการจาหนา่ ย ในรูปแบบของรา้ นค้า ฝากขาย และดาเนนิ ธรุ กิจผา่ นระบบอินเทอรเ์ น็ต ทงั้ น้ี ธุรกจิ ผา่ นระบบอินเทอรเ์ นต็ เป็นท่ี นิยมมากในปจั จบุ นั เพราะเป็นการนาคอมพวิ เตอร์เขา้ มามบี ทบาทในธรุ กจิ เพ่อื ทาให้เกดิ ผลกาไร และมี ประสทิ ธภิ าพมากยิ่งข้ึน การนาอินเทอรเ์ น็ตเข้ามามีสว่ นร่วมในงานธุรกิจมีประโยชน์เป็นอย่างมาก คือ ช่วยในการสนบั สนนุ การ ทางานของพนักงานในฝ่ายต่าง ๆ ช่วยทาใหก้ ารสือ่ สารมคี วามสะดวกและรวดเรว็ และยังชว่ ยในการลดตน้ ทุน ขอลการสื่อสารใหต้ ่าลงได้ ทาใหเ้ กิดรูปแบบใหม่ ๆ ในการติดต่อส่ือสารไดต้ ลอดเวลา เชน่ จดหมาย อิเล็กทรอนกิ ส์ (Eletronic Mail) เวบ็ ไซต์ (Website) ฯลฯ การพัฒนารปู แบบใหม่ อินเทอร์เนต็ เป็นส่อื กลางทางการค้าท่ีทันสมยั ซึงทาให้ธรุ กิจสามารถแขง่ ขนั กบั ธุรกจิ อ่นื ได้โดยสร้างชอื่ เสยี งใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรบั ของลูกค้าท่ีอินเทอร์เนต็ สามารถชว่ ยทางธรุ กิจ คือ ธรุ กจิ สามารถ เขา้ ถึงระบบการแลกเปล่ียนขอ้ มูลอเิ ล็กทรอนิกส์ และระบบเครือข่ายทม่ี ีต้นทุนสูงได้โดยตรงอย่างท่ีไมส่ ามารถ กระทาได้โดยในอดตี ในยุคของอนิ เทอรเ์ นต็ ความเรว็ กลายเป็นส่งิ ทมี่ คี วามสาคญั ทีส่ ุด เป้าหมายสาคัญขอ้ แรกใน กระบวนการวางแผนธุรกิจ คอื แผนงานในการสร้างความเร็วให้ระบบ โดยผ่านงานดงั กลา่ วจะประสบ ความสาเรจ็ ไดน้ นั้ ต้องวางกรอบการทางานเพือ่ ตอบสนองคาถามพน้ื ฐานต่อไปน้ี 1. องค์กรมีวธิ กี ารทจ่ี ะนาสนิ ค้าเจา้ สูก่ ารตลาดให้รวดเร็วได้อยา่ งไร 2. คู่แขง่ ขนั ขององค์กรมีวกี ารทต่ี ะนาสินคา้ ของเขาเขา้ สตู่ ลาดใหร้ วดเร็วไดอ้ ย่างไร 3. องค์กรสามารถพัฒนาและเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพให้กับสนิ ค้าท่ีมีอยู่ได้อยา่ งรวดเร็วมากน้อยแค่ไหน 4. อนิ เทอรเ์ น็ตสามารถเปลี่ยนแปลงการดาเนินธุรกจิ ขององคก์ รได้เร็วแคไ่ หน
ความสาคญั ของการนาอินเทอรเ์ น็ตมาใช้ในงานธรุ กิจดา้ นต่าง ๆ มดี งั นี้ 1. การนาอนิ เทอรเ์ นต็ มาใช้งานทางด้านธรุ กจิ การศกึ ษา(Education) เชน่ 1.1 การเรยี นรู้ผ่านระบบอนิ เทอรเ์ นต็ 1.2 การรับสมคั รนกั ศกึ ษาเข้าเรยี น 1.3 การดูผลการเรียน การศึกษาในยุคเทคโนโลยสี ารสนเทศ E-Learning เก่ียวข้องกบั ครูผสู้ อนและผู้เรยี นโดยตรง ปัจจุบนั องคก์ รของภาครฐั และเอกชน ตลอดจนสถาบันการศกึ ษา เรม่ิ โครงการสอนแบบ E-Learning หรอื เรยี นแบบ E-Learning ควบคู่กบั การเรียนในหอ้ งเรียนปกติ ควาชหชายของ E-Learning E-Learning มาจากคาวา่ Eletronic Learning หมายถงึ การเรียนรู้ทางอเิ ล็กทรอนิกส์ หรือการโดย ใช้คอมพวิ เตอรม์ าชว่ ยสอนแทนรูปแบบการสอนเดิม การใช้วีดิทศั น์ ซดี รี อม สญั ญาณดาวเทียม อนิ เทอรเ์ น็ต และอนิ ทราเนต็ E-Learning เปน็ การศกึ ษาทางคอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ช้ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (Internet Computer Network) ทงั้ หลาย และเทคโนโลยีต่างๆ ท่ีมีอยู่ มาช่วยเพม่ิ ความสะดวกในการเรยี น การวัดผลและการจดั การศึกษาท้ังหมดแทนการเรยี นการสอนแบบเดมิ ลักษณะของ E-Learning E-Learning เปน็ ลักษณะการเรียนแบบออนไลน์ หมายถงึ ลักษณะของขอ้ มลู ที่เป็นขอ้ มูลทาง คอมพิวเตอร์ หรืออเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นสภาพท่ีพร้อมใชง้ านได้ตลอดเวลา ทาใหก้ ารเรียนการสอนแบบ E-Learning เป็นการเรยี นท่สี ามารถโต้ตอบกนั ได้เหมอื นการเรยี นในห้องเรยี นปกติ เพราะเปน็ ข้อมูลอิเลก็ ทรอนกิ ส์สามารถ นาเสนอโดยใช้เทคโนโลยีท่เี ปน็ ลักษณะของมลั ตมิ ีเดยี หรือลักษณะการแสดงขอ้ มลู เป็นรปู กราฟ เสียง และ ภาพเคล่อื นไหว ทาให้ดารเรียนการสอนแบบ E-Learning เปน็ ทนี่ ่าสนใจมากข้ึน นอกจากน้ี E-Learning มีคณุ สมบตั ิสาคัญคือ การเรยี นทางไกล(Distance Learning) ซึ่งผู้เรยี นและ ผสู้ อนไมต่ ้องพบกนั ตามารถเรยี นหนังสอื ได้ ทาใหไ้ ม่ต้องเสยี เวลา ผเู้ รียนและผสู้ อนมเี คร่ืองคอมพวิ เตอร์สามารถ เช่ือมตอ่ ดว้ ยอนิ เทอร์เน็ตก็เรยี น สอนกันได้จงึ เป็นทาใหเ้ กิดการเรยี นรู้ด้วยตัวเอง(Self-Learning) มีประโยชน์ คือ ผู้เรยี นได้เรียนรู้ดว้ ยตวั เองมากขน้ึ มอี สิ ระในการเรยี นและมคี วามคล่องตวั ในการเรยี นมากขึน้ 2. การนาอนิ เทอร์เน็ตมาใชง้ านทางด้านธุรกจิ การเงนิ และการธนาคาร (Finance) เชน่ 2.1 การให้บรกิ ารกับลูกค้าดา้ นการเงิน 2.2 การฝากเงนิ การโอเงิน และการถอนเงิน 2.3 การชารพค่าบริ กิ ารต่าง ๆ เป็นตน้ 3. การนาอินเทอร์เน็ตมาใช้งานทางดา้ นธรุ กจิ โรงแรม(Hotel) เชน่ 3.1 การเข้าไปดรู ายละเอยี ดสถานท่ีของที่พัก 3.2 การส่งั จองที่พกั 3.3 การบนั ทกึ ข้อมลู การเข้าพัก และการแจง้ คนื ห้องพกั ของลกู ค้า 3.4 การชาระค่าหอ้ งพัก เปน็ ต้น
ธรุ กจิ พาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอาิกส์ (E-Commerce) คอื ธรุ กจิ ทด่ี าเนนิ ซ้ือขายทางอนิ เทอร์เนต็ อย่างเป็นระบบ และ เป็นการดาเนนิ ธุรกิจที่น่าเชื่อถอื มากกวา่ ซึง่ วัตถปุ ระสงค์ในการดาเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ 1. เพอ่ื เพิ่มช่องทางในการทาการตลาดและขยายช่องทางในการจัดจาหน่ายสนิ ค้าหรอื บริการให้ทั่วถงึ มากยิ่งขึน้ โดยเฉพาะลูกคา้ ในต่างประเทศ 2. เปน็ การประชาสมั พนั ธส์ ินค้าหรอื บรกิ ารให้เป็นที่รจู้ ักแพรห่ ลายมากข้นึ 3. เพื่ออานวยความสะดวกให้กบั ผ้บู ริโภคโดยไม่ตอ้ งเสียเวลา ในการเดินทางมาซอ้ื สินคา้ หรอื บรกิ ารด้วย ตัวเอง เพราะสามารถที่จะดาเนนิ การได้ตลอด 24 ช่วั โมง อย่างไรก็ตาม พาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ (E- Commerce) มีท้ังขอ้ ดี และข้อเสีย สรุปไดด้ งั น้ี ข้อดี 1. สามารถดาเนินการได้ 24 ชั่วโมง 2. ดาเนินการค้าอย่างกว้างขวางและรวดเรว็ 3. สามารถประชาสัมพนั ธส์ ินคา้ หรอื บรกิ ารไดท้ ่ัวโลกโดยใชง้ บประมาณลงทุนน้อย 4. ลดปญั หาในการเดนิ ทาง ข้อเสีย 1. ผู้ซื้อและผูข้ ายจะตอ้ งเป็นผู้ทมี่ ีความรแู้ ละมคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยีอนิ เทอรเ์ น็ต 2. ประเทศของผู้ซอื้ และผูข้ ายจะตอ้ งมีกฎหมายรบั รองอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 3. ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่นา่ เชอ่ื ถือและไวว้ างใจได้ 4. สินคา้ ท่แี สดงบนอินเทอรเ์ นต็ อาจจะไม่ตรงตามความเป็นจริง การดาเนินการพาณชิ ย์อิเล็กทรอนิกส์ อาจจะมที ง้ั ข้อดแี ละขอ้ เสยี แตก่ ารทาธุรกจิ บนอินเทอรเ์ นต็ ที่ เรยี กวา่ พาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ มปี ระโยนช์หลายดา้ น ทั้งผู้บรโิ ภค ผู้ผลิต และผจู้ ัดจาหนา่ ย คอื 1. ประโยาช์ต่อผูบ้ รโิ ภค 1.1 ไดร้ ับความสะดสกรวดเรว็ ในการซอ้ื สินค้า 1.2 มีช่องทางในการเลกื ซ้ือสินคา้ และบริการมากขึ้น 1.3 มสี ินคา้ และบริการให้เลือกซื้อมากขนึ้ 1.4 ทาใหร้ าคาสนิ คา้ และบริการถูกลง เพราะไมต่ ้องผ่านคนกลาง 1.5 สามารถซ้อื ข้อมูลเพ่อื เปรยี บเทยี บราคาและคณุ ภาพก่อนการตดั สินใจซ้อื 2. ประโยชา์ต่อผ้ผู ลติ 2.1 สามารถเพิ่มชอ่ ทางในการจดั จาหนา่ ยได้มากข้ึน 2.2 สามารถขยายตลาดใหมไ่ ดม้ ากข้ึน 2.3 สร้างความสัมพนั ธ์กับผ้บู รโิ ภคไดม้ ากข้นึ 2.4 ลดคา่ ใช้จ่ายในการจดั เก็บเอกสาร 2.5 เพ่ิมประสิทธิภาพในการผลติ เพราะรู้ขอ้ มลู ความต้องการข้อผู้บโิ ภค 3. ประโยาช์ตอ่ ผจู้ ดั จาหาา่ ย 3.1 เพิ่มประสทิ ธิภาพในการดาเนนิ งานและการขาย
3.2 สามารถเขา้ ถึงลูกค้าไดท้ ว่ั โลก 3.3 เพม่ิ ยอดขายได้มากขน้ึ 3.4 เปิดทาการจาหนา่ ยได้ 24 ช่วั โมง 3.5 ลดตน้ ทนุ และเวลาในการจัดทาหนา่ ย 3.6 สร้างความเทา่ เทยี มกนั ในผู้จาหนา่ ยรายยอ่ ยและรายใหญ่ 3.7 ลดค่าใช้จา่ ยในการจัดเกบ็ สินค้า เพราะสามารถลดจานวนสินคา้ คงคลังลง 3.8 สามารถโฆษณาประชาสมั พันธส์ ินค้าได้กว้างขวางข้ึน 3.9 สามารถทาตลาดและใหบ้ รกิ ารกบั ลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ ปัจจุบนั อนิ เทอรเ์ นต็ ได้เข้ามาเก่ียวข้องในชีวติ ประจาวันเปน็ อยา่ งมาก เพราะฉะนัน้ เม่ือมคี นเขา้ ใช้ อนิ เทอร์เน็ตมากขึ้นและกวา้ งขวางขนึ้ ย่อมทาให้ธรุ กจิ ทใ่ี ช้อนิ เทอรเ์ นต็ มตี ลาดท่ีใหญข่ นึ้ มีรายไดท้ ่ีมากขึน้ ทาให้ การนาอินเทอรเ์ นต็ มาใชใ้ นงานธุรกจิ มคี วามสาคัญ สรปุ ไดด้ งั นี้ 1. เพอ่ื ให้ธรุ กจิ ของตาเองใหพ้ รอ้ ชบรกิ ารแกล่ ูกคา้ ทางอิาเทอร์เาต็ เน่ืองจากอนิ เทอรเ์ น็ตมผี ู้ใช้จานวนมากจากทั่วโลก และมรอัตราการเพมิ่ ข้ึนแบบเทา่ ตวั ทุกปี ในฐานะผู้ ประกอบธุรกิจแล้วควรทต่ี อ้ งคานึงถึงช่องทางการตลาดขนาดใหญท่ ่ีสามารถเขา้ ถึงผู้บริโภคได้โดยตรง โดยไม่มี ข้อจากัดในสถานประกอบการ เวลาทาของธรุ กจิ ดว้ ยตน้ ทนุ ท่ปี ระหยดั ดังน้ัน ธุรกิจ ต้องอาศยั คุฯสมบัตขิ อง อินเทอรเ์ นต็ ในการเตรียมความพรอ้ ม เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารแก่ลูกค้าที่เปน็ ผใู้ ชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตต่อคู่แขง่ ขัน 2. เพอ่ื เพชิ่ ประสิทธภิ าพใาการสรา้ งเครอื ข่ายของธุรกจิ ในการดาเนินธุรกจิ การสรา้ งความสมั พันธก์ ับผทู้ เ่ี กีย่ วขอ้ งในธรุ กิจของตนเองมีความสาคญั วิธกี าร สาคญั วธิ หี น่งึ ท่ีนักธุรกิจใชใ้ นการสรา้ งความสมั พันธ์ในเครอื ขา่ ยทางธรุ กิจของตนเอง เม่ือมโี อกาสพบผูท้ ่ี เก่ียวข้อง คอื การให้นามบตั ร( Business Card) ซง่ึ นามบัตรแบบทว่ั ไปจะให้ขอ้ มลู ที่คอ่ นข้างจากัดว่าตนั เองเปน็ ใคร อยทู่ ี่ไหน ขายสินค้า/ให้บริการอะไร แตใ่ นนามบตั รของนกั ธุรกิจที่มี Websiteของตนเองซง่ึ จะบอกทอ่ี ยู่บน อินเทอรเ์ น็ตของบริษทั คอื เว็บไซต์ หรือจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ ทาให้ผ้มู ีความสนใจในบรษิ ัท ซ่ึงเปน็ ลกู ค้าทุก ระดับ สามารถดขู ้อมลู ของบริษัท สนิ ค้าหรอื บริการไดอ้ ย่างสะดวก และสามารถตดิ ต่อส่อื สารธรุ กิจไดอ้ ย่างมร ประสิทธิภาพตลอด 24 ชว่ั โมง ทุกวัน และประหยดั คา่ ใช้จ่าย ซ่ึงจะทาให้ธรุ กจิ มรโอกาสขยายเครือขา่ ยของ ธรุ กิจได้มากข้นึ อกี ดว้ ย 3. เพอื่ ให้ขอ้ ชลู ของธรุ กจิ พร้อชให้ลูกค้าเขา้ ชาค้าหาได้ การเผยแพร่ข้อมูลธุรกจิ เพื่อให้ลกู คา้ ค้นหาบริษัทไดแ้ ละทาธรุ กิจกบั ตนเองดว้ ยวธิ ีทท่ี ันสมยั กวา่ ระบบท่ี เปน็ อยู่โดยทั่วไป ซึง่ ระบบอินเทอร์เน็ต ธุรกิจสามารถให้ลกู คา้ เข้ามาคน้ หาข้อมูลของธุรกจิ ได้อยา่ งง่ายดาย และ สามารถลงโฆษณาอะไรกไ็ ดม้ ากเทา่ ท่ีตอ้ งการ นอกจากนน้ี ยงั สามารถปรับปรุงขอ้ มลู ไดต้ ลอดเวลา เช่น การ เสนอสว่ นลดพิเศษในแตล่ ะชว่ งเวลา การจักรายไดพ้ เิ ศษส่งเสริมการขาย เชน่ การตอบปัญหาหรอื การเขา้ ร่วมเลน่ เกมตา่ ง ๆ ท่จี ูงใจลกู ค้าซ่งึ หากบริษัทมีโอกาสให้ข้อมลู เหล่าน้แี ก่ลูกค้า และมสี ว่ นชว่ ยให้ลกู คา้ ตดั สนิ ใจซื้อสินค้าหรอื บรกิ ารของบรษิ ทั ได้มากข้นึ อีกดว้ ย 4. เพื่อเพิ่ชประสทิ ธภิ าพใาการให้บรกิ ารลกู คา้ ระบบอนิ เทอรเ์ น็ตเปน็ ระบบที่มคี ุณสมบัตขิ องเครือขา่ ยที่มีอยู่ท่วั โลกของการติดตอ่ ส่ือสารขอ้ มลู ข่าวสาร เป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ โดยระบบท่ใี ห้ลูกคา้ สามารถค้นหาสินค้าและขอ้ มลู ของสนิ ค้าที่ตอ้ งการจากฐานขอ้ มลู
สินคา้ ของธุรกจิ รวมท้งั วธิ กี ารสง่ั ซ้ือสินค้าละเง่ือนไขตา่ ง ๆ ดว้ ยตนเองตลอกเวลา ทาให้ลกู ค้ามีขอ้ มลู ประกอบการตัดสนิ ใจซอ้ื สินคา้ ธุรกจิ นัน้ ๆ ในส่วนของสินค้าหรอื บรกิ ารท่ตี รงตามความตอ้ งการ ดา้ น ราคา ทราบจานวนที่ตอ้ งการ วธิ กี ารและค่าใช้จ่ายในการจดั ส่ง วนั ทจ่ี ะไดร้ ับสินคา้ วธิ กี ารชาระเงนิ การจดั สง่ สินคา้ เง่อื นไขและสว่ นลดพเิ ศษ ฯลฯ 5. เพอ่ื ขยายผลและขอบเขตการโฆษณาและประชาสชั พัาธใ์ ห้ชากขา้ึ เนอื่ งจากเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตเป็นเครือขา่ ยทีท่ าใหโ้ ลกของการตดิ ตอ่ สอ่ื สารข้อมลู ข่าวสารไปเปน็ อยา่ ง ไร้พรหมแดน ทาใหข้ อ้ มลู การโฆษณาและประชาสัมพนั ธ์ของบริษัทสามารถกระจายไปยังบุคคลต่าง ๆ ทว่ั ไป (Anybody ) ไปยงั ทุกๆเมือง (Anywhere) ทีส่ ามารถเข้าสรู่ ะบบอินเทอรเ์ น็ตสามารถเขา้ ถึงข้อมูลทีท่ ันสมันของ บริษทั ได้ดงั กลา่ ว 6. เพ่ือขจดั ปญั หาดา้ าเวลาดาเาาิ การของธุรกิจ การดาเนนิ ธุรกจิ ของสานักงานทวั่ ไป คือ 8.00-17.00น. แตใ่ นความเปน็ จรงิ ยังไม่เพียงพอตอ่ ความ ตอ้ งการของลูกคา้ ทบี่ างทีต้องการติดต่อและขอบรกิ ารจากบรษิ ัทนอกเวลาเป็นทาการโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ บริทษั ที่ ทาธรุ กจิ กาค้าระหวา่ งประเทศที่มีปญั หาเรอื่ งของเวลาทางานทแ่ี ตกตา่ งกนั ซงึ่ ระบบอินเทอรเ์ นต็ สามารขจดั ปญั หา ดังกล่าวได้ โดยสามารถตอบสนองความตอ้ งการของลกู ค้าผ่านระบบอนิ เทอร์เน็ตไดต้ ลอดเวลา 7. เพอื่ ขายสิาคา้ หรือบริการ อนิ เทอร์เนต็ นอกจากระบบเป็นส่ือกลางในการตดิ ต่อสื่อสารระหว่างบริษทั กับลกู ค้าแล้ว ยงั เปน็ ชอ่ งทางการตลาด และเปน็ วธิ ใี นการขายสินคา้ แก่ลูกคา้ ท่ีครบทกุ ขนั้ ตอน ตั้งแต่การให้คาแนะนาและขอ้ มูลสนิ ค้า แก่ลกู คา้ การตกลงเง่อื ไขทางการค้า การตอ่ รองราคาสนิ ค้า การเลอื กวิธีการขนส่ง จนกระทัง่ การชาระเงนิ คา่ สินค้าผ่านทางอนิ เทอร์เน็ตดว้ ยบตั รเครดิต หรือระบบ Telebanking ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตซ่ึงทาให้สะดวกมาก ยงิ่ ขึ้น 8. เพือ่ าาเสาอข้อชลู ของธุรกิจแบบชลั ติชเี ดีย (Multimedia) เนอ่ื งจากบนอินเทอรเ์ นต็ น้ัน ธุรกิจมีเวบ็ ไซต์ท่ีสามารถทจี่ ะนาเสนอดว้ ยตัวหนังสอื ภาพนง่ิ เสยี ง และ ภาพเคลอื่ นไหวประกอบเสยี ง มานาเสนอเรื่องราวของเกีย่ วกับตวั สินคา้ หรอื บรกิ ารดว้ ยคณุ สมบตั ิที่มาให้ลกู ค้า นามาใชป้ ระกอบการตัดสนใจในการเลอื กสนิ ค้าหรอื ใช้บรกิ ารไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ และตรงตามความต้องการ 9. เพ่ือเข้าสูต่ ลาดทลี่ กู คา้ ชคี วาชตอ้ งการบรโิ ภคสิาคา้ สงู (Highly Desirable Dmographic Market) เนือ่ งจากผูใ้ ช้อนิ เทอรเ์ นต็ มีทกุ เพศทุกวัย ทกุ ระดบั และทุกอาชพี สว่ นใหญ่จะมอี านาจในการซ้ือ/บรโิ ภคสนิ คา้ สงู กลุ่มคนดังกลา่ วจะเป็นผู้บริโภคที่มีความสาคัญมากบนอินเทอร์เน็ต และมพี ฤติกรรมการบรโิ ภคทีจ่ ะใช้ อินเทอรเ์ น็ตเป็นเครือ่ งมือหรือช่องทางอย่างหนึ่งในการบริโภคสนิ คา้ จั้งแตก่ ารคน้ หาขอ้ มูลของสนิ ค้าหรือ บรกิ าร การเปรียบเทยี บคุณสมบัตแิ ละราคาสนิ ค้าหรอื บรกิ ารของแต่ละบรษิ ัท การซ้ือสินค้าผ่านทาง อนิ เทอรเ์ น็ต และต้องการการบรกิ ารหลงั การขายทางอนิ เทอรเ์ น็ต
ใบงาาบทท่ี 2 ตอนท่ี1 จงตอบคาถามต่อไปนใี้ หไ้ ดใ้ จความสมบูรณ์ 1. จงอธบิ ายความหมายเก่ยี วกบั ธรุ กิจ 2. จงอธิบายความหมายของการดาเนนิ ธุรกจิ 3. จงบอกชื่อเวบ็ ไซตท์ ีด่ าเนินงานทางด้านธรุ กิจการศกึ ษามา 3 ชื่อ 4. จงบอกชื่อเว็บไซต์ที่ดาเนินงานทางด้านธุรกิจการเงินและการธนาคาร มา 3 ชื่อ 5. จงบอกชอ่ื เวบ็ ไซตท์ ี่ดาเนินงานทางด้านธุรกิจโรงแรม มา 3 ชอื่ 6. จงบอกชื่อเวบ็ ไซตท์ ี่ดาเนนิ งานทางดา้ นธรุ กจิ สายการบิน มา 3 ชื่อ 7. จงบอกชอ่ื เว็บไซต์ทดี่ าเนนิ งานทางด้านธุรกจิ สายการแพทย์ มา 3 ช่อื 8. จงบอกชือ่ เว็บไซตท์ ด่ี าเนนิ งานทางด้านธุรกจิ สายการสอื่ สาร มา 3 ชอ่ื 9. จงบอกชือ่ เวบ็ ไซตท์ ีด่ าเนินงานทางดา้ นธรุ กจิ สายสอ่ื ส่ืงพมิ พ์ มา 3 ชื่อ 10. จงอธบิ ายลักษณะของธุรกจิ พาณิชยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ตอนท่ี2 จงทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงหนา้ ข้อท่ีถกู ทสี่ ุด 1. Business หมายถึงข้อใด ก. ธุรกิจ ข. การดาเนินธุรกจิ ค. การซื้อขาย ง. การแลกเปล่ียน จ. การทามาหากิน 2. E-Learning ยอ่ มาจากอะไร ก. Easy Learning ข. Electronic Learning ค. Every Learning ง. Ethic Learning จ. Economic Learning 3. การใชบ้ รกิ าร KTC เป็นการใชบ้ รกิ ารอนิ เทอร์เน็ตด้านใด ก. ดา้ นธรุ กจิ การเงนิ และการธนาคาร ข. ด้านธุรกจิ โรงแรม ค.ด้านธรุ กจิ สายการบนิ ง. ด้านธรุ กจิ การแพทย์ จ. ดา้ นธุรกจิ บนั เทิง 4. เวบ็ ไซต์ Major Cineplex เป็นการใหบ้ รกิ ารอินเทอร์เนต็ ดา้ นใดประเทศท่วั โลก ก. ดา้ นธุรกิจการเงนิ และการธนาคาร ข. ด้านธรุ กจิ โรงแรม ค.ด้านธรุ กจิ สายการบนิ ง. ดา้ นธุรกิจการแพทย์ จ. ดา้ นธุรกจิ บันเทิง 5. เวบ็ ไซต์ HotelThailand.com เป็นการให้บริการ เรียกว่า อนิ เทอร์เนต็ ดา้ นใด ก. ดา้ นธุรกิจการเงินและการธนาคาร ข. ด้านธุรกิจโรงแรม ค.ด้านธรุ กิจสายการบิน ง. ด้านธุรกจิ การแพทย์ จ. ดา้ นธรุ กิจบันเทิง 6. E-Commerce หมายถึงข้อใด ก. การรับ-ส่งจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ข. การเพ่ิมชอ่ งทางการตลาด ค. พาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ง. การประชาสัมพันธอ์ อนไลน์ จ. การอานวยความสะดวกให้กบั ลกู ค้า
7. ข้อใดไม่ใช่ข้อดขี อง E-Commerce ก. สนิ ค้าทีแ่ สดงอาจจะไมต่ รงตามความเปน็ จรงิ ข. สามารถดาเนนิ การได้ 24 ช่ัวโมง ค. ลดปัญหาในการเดินทาง ง. ดาเนินการค้าอย่างกว้างขวางและรวดเรว็ จ. ใช้งบประมาณลงทนุ น้อย 8. ข้อใดหมายถงึ อนิ เทอรเ์ น็ตสามารถติกตอ่ กนั ทุกคนได้ทว่ั โลก ก. Anywhere ข. Anyplace ค. Anyperson ง. Anybody จ. Anyone 9. ข้อใดหมายถึงอินเทอร์เนต็ สามารถติกต่อกนั ทุกประเทศทั่วโลก ก. Anywhere ข. Anyplace ค. Anyperson ง. Anybody จ. Anyone 10. การตดิ ต่อเรอื่ งการเงินผ่านธนาคาร เรยี กวา่ อนิ เทอร์เน็ตด้านใด ก. BankingService ข. Data Banking ค. AccountBank ง. Telebankink จ. Internet Banking
บทท่ี 3 การคา้ หาข้อชลู ด้วย Search Engine การหาค้นหาขอ้ มูลด้วย Search Engine สาระสาคัญ สงั คมออนไลนโ์ ดยเฉพาะสงั คมแหง่ ข้อมูลข่าวสาร การค้นหาขอ้ มูลด้วย Search Engine เป็นท่นี ิยม ใชใ้ นการค้นหา เพราะประโยชนท์ ไี่ ด้รับนน้ั มอี ยา่ งมากมาย อีกท้ังมีความสะดวก รวดเรว็ ขอ้ มูลท่ีได้มีหลายรูปแบบ ไมว่ ่าจะเป็นเวบ็ ไซต์ทเี่ กี่ยวข้อง รปู ภาพ แผนที่ และไฟล์วีดีโอ และขอ้ มลู ท่ีได้จากคน้ หา สามารถท่ีจะทาการบนั ทึก ซง่ึ การบันทึกมหี ลายลักษณะ เช่น ไฟล์ PDF ไฟล์ DOC ไฟล์PPT และไฟลว์ ีดโี อ ความหมายของ Search Engine Search Engine หมายถงึ เครอ่ื งมอื ทช่ี ่วยในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผา่ นระบบเวบ็ ไซต์และเครอื ขา่ ย อินเทอรเ์ น็ต เพื่อเขา้ ถงึ เว็บไซตข์ อ้ มลู ทต่ี ้องการค้นหา เรียกอย่างเปน็ ทางการวา่ “โปรแกรมช่วยในการสบื คน้ ข้อมูล” ซงึ่ “Search Engine”สามารถสบื ค้นไดท้ ้ังข้อความ รูปภาพ สื่อ มลั ตมิ เี ดีย (Multimedia) ภาพเคลอื่ นไหว (Animation) วีดโี อ (Video) แผนท่ี (Map) และขอ้ มลู อื่น ๆ ท่ไี ด้ตาม ต้องการ โดยการกรอกคาคน้ หา (Keyword) ลงไปในช่องคาค้นหาและคลกิ คน้ หา Search Engine กจ็ ะแสดง เว็บไซต์หรือรูปภาพทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับคาคน้ หาน้นั ออกมาแสดงผลใหผ้ ู้ใชง้ านได้เห็น ผู้ใช้งานก็จะเลือกอ่านหวั ขอ้ เรือ่ ง (Title) รายละเอียด (Description) ทเ่ี กี่ยวข้องกับคาคน้ หาหรอื ขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการและคลกิ เขา้ สู่เว็บไซตข์ อ้ มูล เพ่อื คน้ หาขอ้ มูลตอ่ ไป ประโยชน์ของ Search Engine Search Engine นั้นมปี ระโยชนอ์ ยา่ งมากในการคน้ หาขอ้ มูลบนอนิ เตอรเ์ นต็ และเปน็ เหมอื นตัวกลาง ในการเชอื่ มต่อระหว่างผ้ใู ช้งานและเว็บไซต์ ปัจจุบันผใู้ ชง้ านสว่ นใหญใ่ ช้งาน Search Engine มากกวา่ การเชา้ ชม เว็บไซต์โดยตรง เพราะเว็บไซต์ในระบบอนิ เทอร์เนต็ มมี ากมายหลายเว็บไซต์ ซึง่ ไมส่ ามารถทีจ่ ะรไู้ ดว้ ่าข้อมูลที่ ตอ้ งการนนั้ อยใู่ นเว็บไซตใ์ ด เพราะฉะนั้น Search Engine จงึ มีประโยชนม์ ากมายดังนี้ 1. สามารถค้นหา้ เวบ็ ไซต์ท่ีต้องการได้สะดวก รวดเร็ว 2. สามารถคน้ หาแบบเจาะลึกได้ไมว่ า่ จะเปน็ รปู ภาพ ข่าว MP3 วดี ีโอ แผนที่ และอน่ื ๆ 3. สามารถค้นหาจากเว็บไซตเ์ ฉพาะทางท่ีมกี ารจดั ทาไว้เชน่ www.download.com 4. มีความหลากหลายในการค้นหาขอ้ มูล 5. รอบรบั การคน้ หาภาษาไทย ลักษณะการทางานของ Search Engine Search Engine แต่ละประเภทจะมกี ารทางานท่ีคลา้ ย ๆ กนั คอื การสง่ Web Crawler หรอื Spider ไปเก็บ ข้อมลู เว็บไซต์ต่าง ๆ เขา้ มาเก็บไวใ้ นระบบ เพื่อจดั ทาเปน็ ดัชนี (Index) การคน้ หา และเมอื่ ผใู้ ชง้ านค้นหาขอ้ มูล ผ่าน Search Engine ตวั โปรแกรม Search Engine ก็จะทาการประมวลผลดว้ ยอัลกอรทิ ึมการจัด อันดับ (Ranking) และนาผลลัพธจ์ ากขอ้ มูลท่มี อี ยู่ออกมาแสดงผลใหผ้ ู้ใชง้ านได้เห็น Search Engine ท่ีนิยมใช้ในปัจจบุ นั ไดแ้ ก่ www.google.co.th www.youtube.com www.wikipedia.org www.sanook.com www.thaiware.com www.yahoo.com
การคน้ หาแผนที่ มีวิธีปฏบิ ัติ ดังน้ี 1. พิมพช์ ื่อสง่ิ ที่ตอ้ งการค้นหา ในทน่ี ีค้ อื จังหวัดลพบรุ ี 2. จะปรากฏแผนที่ตามทต่ี ้องการ ในทน่ี ีค้ ือต้องการหาจังหวดั ลพบุรี อยดู่ ้านขวามือ 3. ใหค้ ลิกท่รี ปู แผนท่ที ีป่ รากฏ แผนท่ีจะขยายเต็มหนา้ จอ ดังรูป 4. ทาการขยาย เพ่ือที่จะใหเ้ ห็นภาพเดน่ ชดั หรือใกล้เคียงสถานที่ทตี่ อ้ งการมากยิ่งข้ึน 5. ให้สังเกตทางดา้ นซ้ายมือ จะปรากฏรปู Earth เพื่อที่จะใหด้ แู ผนท่ีตามสภาพจรงิ ให้ทาการคลิกท่ี บริเวณ Earth 6. จะปรากฏแผนท่ีตามสภาพจรงิ ดงั น้ี
การค้าหารูป การค้นหารูป มวี ธิ ีปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1. พิมพ์ชอ่ื ทีต่ ้องการคน้ หา แลว้ คลิกท่ี ค้นรปู 2. จะปรากฏรูปภาพตามช่ือท่ีตอ้ งการ 3. ใหค้ ลกิ บรเิ วณรปู ภาพที่ต้องการ รปู ภาพนัน้ จะขยายขึ้น 4. ถา้ ต้องการบันทกึ ภาพนั้น ใหค้ ลิกเมาส์ข้างขวาบริเวณรปู ภาพที่ต้องการ แลว้ คลกิ ที่ Save image as… 5. จะปรากฏกรอบ Save as แลว้ ให้พมิ พ์ชื่อรูปภาพในช่อง File name แลว้ เลอื กแหล่งเก็บขอ้ มลู ที่ ตอ้ งการ เสร็จแล้ว คลกิ ท่ีปุ่ม Save
การค้าหาวีดโี อ ในเวบ็ ไซต์ www.google.co.th นนั้ ยงั สามารถทีจ่ ะหาไฟลว์ ีดโี อทเี่ กีย่ วขอ้ งกับสิง่ ท่ีตอ้ งการค้นหาไดอ้ ีกดว้ ย โดยคลกิ ท่ีคาวา่ วีดโี อจะปรากฏไฟล์วีดโี อท่เี ก่ียวข้องใหเ้ ลือก ใบงาาบทที่ 3 ตอาท่ี 1 จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ีใหไ้ ด้ใจความสมบรู ณ์ 1. จงอธบิ ายความหมายของ Search Engine 2. จงอธิบายลักษณะการทางานของ Search Engine 3. จงบอกเวบ็ ไซตท์ ี่ใหบ้ รกิ าร Search Engine มา 5 เว็บไซต์ 4. จงอธิบายข้นั ตอนการคน้ หาขอ้ มูลจากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ ด้วย Google 5. จงอธิบายขน้ั ตอนการค้นหาแผนท่ีดว้ ย Google 6. จงอธิบายขั้นตอนการคน้ หารปู ภาพดว้ ย Google 7. จงอธิบายข้ันตอนการค้นหาไฟลว์ ีดโี อดว้ ย Youtube 8. จงอธิบายขั้นตอนการคน้ หาแผนท่ีดว้ ย Wikipedia 9. จงบอกสารบัญเวบ็ ไซตข์ อง Sanook.com ว่ามอี ะไรบ้าง 10. จงบอกหมวดหมกู่ ารค้นหาของ Yahoo
บทท่ี 5 การใชบ้ รกิ ารทช่ี อี ยบู่ าโลกสงั คชออาไลา์ 1.บรกิ ารเวิลดไ์ วนเ์ วบ็ (WWW) เวลิ ดไ์ วน์เวบ็ (World Wide Web) หรือเครือข่ายใยแมงมมุ เหตทุ ่ีเรยี กชือ่ นี้เพราะเปน็ ลกั ษณะของการเช่ือมโยง ข้อมลู จากทห่ี นง่ึ ไปยงั อกี ทีห่ นึ่งเรื่อยๆ เวลิ ดไ์ วน์เวบ็ เปน็ บริการท่ีได้รับความนยิ มมากท่ีสดุ ในการเรียกดเู วบ็ ไซต์ ตอ้ งอาศัยโปรแกรมเวบ็ บราวเ์ ซอร์ (Web Browser) ในการดขู ้อมูล เว็บบราวเ์ ซอรท์ ่ไี ด้รบั ความนิยมใช้ในปจั จุบนั เช่น Internet Explorer , Firefox , Google Chrome , Safari ลา่ สดุ เว็บไซต์ Top Ten Review ไดจ้ ดั อันดบั เวบ็ บราวเ์ ซอรย์ อดนยิ มตา่ งๆของโลก โดยผลการจดั อันดับท่อี อกมาจะมีการให้คะแนนในสว่ นตา่ งๆให้ครอบคลุมมากที่สุด ซ่ึงผลปรากฏว่าอันดับหนงึ่ คือ Google Chrome ตามมาดว้ ย Mozilla Firefox และ Microsoft Internet Explorer สว่ น Safari จะใชก้ บั โทรศพั ท์ สมาร์ตโฟนย่ีห้อ IPhone 2.บริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Mail) การติดตอ่ สือ่ สารโดยใช้อีเมล์สามารถทาไดส้ ะดวกและประหยดั เวลา หลักการทางานของอีเมล์คล้ายกบั การส่ง จดหมายธรรมดา คือ จะต้องมีท่ีอยู่ที่ระบชุ ัดเจน ท่ีเรยี กว่า อเี มล์แอดเดรส (E-Mail Address) เชน่ [email protected] การใชง้ านอเี มล์ แบ่งได้ดังน้ี คือ 1. Corporate E-mail คอื อเี มล์ที่หนว่ ยงานตา่ งๆ สร้างข้นึ มาให้กับพนักงานหรือบุคคลากรในองค์กรน้ัน เชน่ [email protected] 2. Free E-Mail คอื อเี มล์ท่านสามารถสมัครไดฟ้ รตี าม Web Mail ต่างๆ เช่น Hotmail , Yahoo , Gmail , Mail
3.บริการโอายา้ ยไฟล์ ( File Transfer Protocol) บริการโอนย้ายไฟล์ เป็นบริการทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอนิ เตอร์เน็ต การโอนย้ายไฟล์แบ่ง ไดด้ ังนี้ 1.การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรบั ข้อมูลเข้ามายงั เครือ่ ง คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปจั จุบนั มีหลายเว็บไซต์ที่จัดใหม้ ีการดาวนโ์ หลดโปรแกรมไดฟ้ รี เชน่ www.downlond.com , www.thaiware.com 2.การอพั โหลดไฟล์ (Upload File) การอพั โหลดไฟล์ คือ การนาไฟล์ขอ้ มูลจากเครือ่ งของผใู้ ชไ้ ปเกบ็ ไวใ้ นเคร่ืองทีใ่ ห้บริการ (Server) ผา่ นระบบอนิ เตอรเ์ นต็ เช่น กรณีที่ทาการสรา้ งเวบ็ ไซต์ จะมกี ารอัพโหลดไฟลไ์ ป เกบ็ ไวใ้ นเคร่ืองบริการเว็บไซต์ (Web Sever) ทขี่ อใช้บริการพื้นที่ (Web Server) โปรแกรมทใี่ ช้ในการอัพโหลด ไฟล์ เชน่ FileZilla Client 4.บริการรบั ฝากไฟลแ์ ละข้อชูล บริการรบั ฝากไฟล์และข้อมลู เป็นบริการท่ีให้ผูใ้ ช้บรกิ ารสามารถแบ่งปันไฟล์และข้อมลู ให้ผ้อู ่ืนได้ โดยผู้ฝากไฟล์ และขอ้ มูลจะต้องทาการลงทะเบยี นการใช้บรกิ ารจากเวบ็ ไซต์ผู้ให้บรกิ าร เช่น www.skydrive.live.com , www.4share.com , www.youtube.com
5.บริการสาทาาแบบอาิ เตอรเ์ า็ต การสนทนาบนอินเตอรเ์ นต็ คือ การส่งข้อความถงึ กันโดยทนั ทที นั ใด นอกจากน้ี ยงั สามารถสง่ สัญลักษณ์ตา่ งๆ เชน่ รปู ภาพ ไฟล์ขอ้ มูลไดด้ ้วย การสนทนาบนอินเตอร์เนต็ เป็นโปรแกรมทไี่ ด้รบั ความนิยมในปจั จบุ นั โปรแกรมประเภท นี้ เชน่ โปรแกรม MSN Messenger , Skype , Line เป็นต้น สาระาา่ รู้ … สังคมออนไลนห์ รือการใช้อินเตอรเ์ น็ตเพอ่ื งานธุรกจิ จะสงั เกตไดว้ ่า ทุกองคก์ รธรุ กจิ หรือ แม้แตร่ ายบุคคลกต็ าม จะต้องเข้าไปใชบ้ ริการทมี่ ีอย่บู นสังคมออนไลน์ อยา่ งนอ้ ย 2 อย่างข้ึนไป ส่งิ ท่ีสาคัญ คอื คอมพวิ เตอร์ทุกเครอื่ ง จะตอ้ งมีโปรแกรมท่ีเรียกวา่ เว็บบราว์เซอร์ (Web Browser) อย่างนอ้ ย 3 โปรแกรม คือ Internet Explorer , Google Chrome และ Mozilla Firefox
ใบงาาบทที่ 5 ตอนท่ี 1 จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ได้ใจความสมบูรณ์ 1.จงบอกเวบ็ เบราว์เซอร์ที่ได้รับความนยิ มในปจั จุบนั มา 3 ขอ้ 2.จงอธบิ ายลักษณะของการบริการโอนยา้ ยไฟล์ 3.จงอธบิ ายความหมายของการอพั โหลดไฟล์ 4.จงบอกชอ่ื เว็บไซตท์ ใ่ี หบ้ รกิ ารรับฝากไฟลแ์ ละข้อมูล 5.จงอธิบายลักษณะของการบริการสนทนาบนอินเทอรเ์ นต็ 6.จงอธิบายประเภทของการคน้ หาขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ 7.จงบอกชอ่ื เว็บไซตท์ ี่ใหบ้ ริการด้านการค้นหาข้อมูล มา 5 เวบ็ ไซต์ 8.จงบอกชอื่ เว็บไซตท์ ใ่ี ห้บริการหอ้ งสนทนา มา 3 ขอ้ 9.จงบอกชอ่ื เว็บไซต์ท่ีใหบ้ รกิ ารอีคอมเมิร์ช มา 5 เวบ็ ไซต์ 10.จงบอกชอ่ื เวบ็ ไซตท์ ่ีใหบ้ ริการวิทยุและโทรทัศน์ออนไลน์ มา 5 เวบ็ ไซต์ ตอนท่ี2 จงทาเครื่องหมายกากบาท(X)ลงหนา้ ขอ้ ท่ีถูกตอ้ งท่ีสุด 1. เวบ็ เบราวเ์ ซอร์ใดท่ีใชก้ ับโทรศพั ท์มอื ถือยหี่ อ้ IPhone ก. Internet Explorer ข. FireFox ค. Google Chrome ง. Safari จ. Samsung 2. ข้อใดไมใ่ ช่เวบ็ เบราว์เซอร์ ก. Internet Explorer ข. Firefox ค. Google Chrome ง. Safari จ. Samsung 3. www. ย่อมาจากคาใด ก. World Wide Web ข. Wide W0rld Web ค. Web World Wide ง. Website World Wide จ. Website Wide Web 4. การใช้งานอเี มล์ แบ่งออกเปน็ กีแ่ บบ ก. 2 แบบ ข. 3 แบบ ค. 4 แบบ ง. 5 แบบ จ. 6 แบบ 5. เวบ็ ไซต์ใดที่ใช้ทาการดาวนโ์ หลดโปรแกรมตา่ งๆไดฟ้ รี ก. sanook.com ข. mthai.com ค. Thaiware.com ง. hunsa.com จ. google.com 6. FileZilla Client หมายถงึ บรกิ ารแบบใด ก. บรกิ ารโอนย้ายไฟล์ ข. บริการอัพโหลดไฟล์ ค. บรกิ ารรบั ฝากไฟลแ์ ละข้อมลู ง. บรกิ ารสนทนาบนอนิ เทอรเ์ นต็ จ. บรกิ ารคน้ หาขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็
7. Line หมายถงึ บรกิ ารแบบใด ก. บรกิ ารโอนย้ายไฟล์ ข. บริการอพั โหลดไฟล์ ค. บรกิ ารรับฝากไฟล์และข้อมูล ง. บริการสนทนาบนอินเทอรเ์ น็ต จ. บริการคน้ หาข้อมูลบนอนิ เทอร์เน็ต 8. Search Engine คือบรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ รปู แบบใด ก. บรกิ ารโอนยา้ ยไฟล์ ข. บรกิ ารอัพโหลดไฟล์ ค. บริการรบั ฝากไฟล์และข้อมลู ง. บริการสนทนาบนอนิ เทอร์เนต็ จ. บริการค้นหาขอ้ มูลบนอินเทอรเ์ นต็ 9. เว็บไซตใ์ ดท่ใี หบ้ ริการเปดิ รา้ นค้าฟรบี นอนิ เทอรเ์ นต็ ก. sanook.com ข. lnwshop.com ค. pantip.com ง. google.com จ. siamha.com จ. siamha.com 10. เว็บไซตใ์ ดทใ่ี ห้บรกิ ารวิทยอุ อนไลนบ์ นอนิ เทอร์เน็ต ก. sanook.com ข. lnwshop.com ค. pantip.com ง. google.com
บทท่ี 6 โปรแกรชจดั การสารสาเทศสว่ าบคุ คล โปรแกรชจัดการสารสาเทศส่วาบคุ คล ความหมายของโปรแกรมจดั การสารสนเทศส่วนบุคคล การจัดการสารสนเทศส่วนบคุ คล (Personal Information Manager) หมายถงึ การ พฒั นากลยทุ ธท์ ี่ชดั เจนในการดาเนินการกบั สารสนเทศที่ได้รับ อาจจะอยู่ในรูปแบบของการจัดเก็บ การดูแล การ สบื ค้น การแสดงผล และการจากัดสารสนเทศท่ีไมต่ อ้ งการ สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ข้อมลู ข่าวสารทกุ ประเภทที่ไดร้ ับ อาจอยู่ในรูปแบบของ ภาพนิง่ ตวั อกั ษร ภาพเคลื่อนไหว เสียง ซงึ่ อาจมีแหลง่ ท่ีมาต่างๆ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร สอ่ื คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ส่วนบุคคล (Personal) หมายถึง การท่ีบุคคลมคี วามต้องการหรอื ความจาเปน็ ในการใช้ สารสนเทศหนงึ่ ๆในการประกอบกิจการงานหรอื การดารงชวี ิตประจาวัน สรุปไดว้ ่า โปรแกรมจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล เปน็ แนวคดิ ที่อาศัยทกั ษะหลายด้านในการ ดาเนนิ การเกย่ี วกับสารสนเทศทกุ ประการทีแ่ ต่ละบุคคลไดร้ ับ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรม์ าชว่ ยในการจัดการทัง้ ทีเ่ กี่ยวกบั การประกอบกิจการงานหรือการดารงชวี ิต เพ่อื ใหส้ ามารถนาสารสนเทศทสี่ าคญั หรือจาเปน็ ต่อบคุ คลน้ัน ออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่าง ประโยชน์ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ความสาคัญของการจดั การสารสนเทศส่วนบคุ คล ความสาคัญของการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล มแี นวคดิ เก่ียวกับการวางแผนดา้ น สารสนเทศสาหรับบุคคลเป็นแนวคดิ ใหมท่ ี่ต้องอาศัยทักษะหลายดา้ น โดนเฉพาะอย่างยิง่ ทักษะด้านการจัดการ ทง้ั น้ี เพ่ือใหป้ ระสบความสาเร็จในการประกอบกจิ การงานและการดารงชีวติ ในยุคการเปล่ยี นแปลงดังเชน่ ปัจจบุ ัน แนวคิดน้ีเรยี กว่า การจดั การ สารสนเทศสว่ นบุคคล การจดั การสารสนเทศส่วนบคุ คลใหป้ ระสบความสาเร็จมีขนั้ ตอนดารดาเนินการ ดงั นี้ 1. วเิ คราะห์ความต้องการดา้ นสารสนเทศของตนเอง 2. สารวจและทดลองระบบ 3. พัฒนาความรูแ้ ละทักษะท่ีจาเปน็ เพอ่ื ให้สามารถกาหนดระบบทีเ่ หมาะสมท่ีสุด 4. นาระบบทกี่ าหนดแล้วมาใชง้ าน 5. ศึกษาหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ เกย่ี วกับเทคโนโลยีใหม่ๆ สาระนา่ รู้ การนดั หมายบุคคลโดยทาการบนั ทึกโปรแกรมตา่ งๆ ที่อยูใ่ นเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ซงึ่ สามารถท่ีจะ เชอ่ื มโยงและเปดิ ดูตารางการนดั หมายได้ตลอดเวลา กอ่ นทจ่ี ะเข้าไปใชโ้ ปรแกรมการบรหิ ารจัดการสว่ นบุคคล ควร ที่จะทาการนดั หมายและการตดิ ตามงานในสมุดโนต้ หรอื สมุดบันทกึ สว่ นตวั เพ่อื ท่ีจะได้ทราบในแต่ละวนั หรือมีกา นดั หมายบุคคลใดบ้าง เมื่อไรจะได้ไมพ่ ลาดการนดั หมายนัน้ ๆ แล้วจงึ เข้าไปใช้โปรแกรมการบริหารจัดการส่วน บคุ คลในคอมพวิ เตอรห์ รอื ระบบอนิ เตอรเ์ นต็ ต่อไป ซ่ึงไดแ้ ก่ Calendar , Note หรอื ใน Outlook เป็นต้น
องคป์ ระกอบของระบบการจดั การสารสาเทศสว่ าบคุ คล องคป์ ระกอบของระบบการจดั การสารสนเทศสว่ นบคุ คล เมื่อพิจารณาตามโครงสรา้ งของระบบท่ี ใชจ้ ัดการฐานขอ้ มลู แล้ว พบว่ามีองค์ประกอบที่เหมอื นกนั คอื ส่วนรับเขา้ แบ่งออกเปน็ 2 ส่วนย่อย คือ - ความต้องการด้านสารสนเทศของผู้ใช้ - ข้อมลู ที่เข้าระบบ สว่ นประมวลผล (Processing Unit) หมายถงึ กลไกทท่ี าหนา้ ที่ในการจัดหมวดหมู่ หาสถานที่ สาหรับจัดเก็บขอ้ มูลเพ่ือสามารถนาออกมาใช้ได้ การจัดการเข้าถงึ ขอ้ มูล ส่วนแสดงผล (Output Unit) เป็นสว่ นทม่ี ีความสาคัญมากระดบั หนึง่ คือ ผู้ใช้จะพงึ พอใจระบบ มากนอ้ ยเพียงใด ข้นึ อยกู่ ับคุณภาพของผลลัพท์ ความต้องการและวัตถปุ ระสงค์ของผ้ใู ชร้ ะบบเปน็ หลัก ประเภทของระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคล ประเภทของระบบการจดั การสารสนเทศสว่ นบุคคล จาแนกตามรปู ลกั ษณแ์ บ่งออกได้ดงั น้ี 1. ประเภทโปรแกรมสาเรจ็ รูป เช่น โปรแกรมบรหิ ารบคุ คล โปรแกรมระบบบัญชีเงินเดือน 2. ใช้กับไมโครคอมพิวเตอรใ์ นลกั ษณะใช้งานอิสระและผ่านเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรภ์ ายในองค์กร 3. ฟังกช์ ่ันการทางานหลกั ไดแ้ ก่ ฟังกช์ ั่นนดั หมาย ฟงั กช์ ั่นตดิ ตามงาน ฟังกช์ ่นั ติดต่อส่ือสาร 4. โปรแกรมสาเร็จรูปที่ใช้ในงานสานักงานทวั่ ไป เชน่ โปรแกรมไมโครซอฟต์เวริ ด์ โปรแกรมเอก็ เซล โปรแกรม พาวเวอร์พอยท์ ประเภทของระบบการจดั การสารสนเทศส่วนบุคคลจาแนกไดต้ ามฟังกช์ ัน่ การทางานสามารถแบง่ ออกได้ดงั น้ี 1.ประเภทพนื้ ฐาน เป็นระบบทีม่ คี วามซับซอ้ นนอ้ ยทส่ี ุด ประกอบด้วยฟงั ก์ชน่ั การทางานสามฟงั ก์ช่ันทม่ี รี ะดับ ความสามารถในการทางานไม่ซับซอ้ น นอกจากน้ี ยงั มีโปรแกรมอรรถประโยชน์ตา่ งๆ เชน่ บนั ทึกชว่ ยจา นาฬกิ า ปลกุ เครอ่ื งคิดเลข เกม 2.ประเภทก่ึงซบั ซ้อน เป็นระบบทม่ี ีความซบั ซ้อนมากกวา่ ระบบประเภทพืน้ ฐาน ประกอบดว้ ยฟังกช์ นั่ ทวั่ ไป ท้ังหมดของประเภทพ้ืนฐานและฟงั ก์ชนั ติดตามงานกลุ่มเขา้ ไป ระบบน้เี หมะสาหรับกลมุ่ ผู้ใชท้ ีม่ ีภารกจิ ประจาวนั คอ่ นข้างมาก ไดแ้ ก่ ผู้บริหาร นกั ธรุ กิจทว่ั ไป 3. ประเภทซับซ้อน เป็นระบบทมี่ ีความซบั ซ้อนมากท่ีสุด ประกอบดว้ ย ฟงั กช์ ัน่ ท่วั ไปท้งั หมดของสองประเภทแรก เพมิ่ ฟังกช์ ันการติดต่อสือ่ สารแบบซบั ซ้อนทงั้ ท่ีผ่านเครอื ขา่ ยโทรศพั ทแ์ ละคอมพิวเตอร์ มีราคาแพงทีส่ ุด เหมาะ สาหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่ ระบบาดั หชายสว่ าบุคคล
เปน็ โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ่พี บในระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล โดยทว่ั ไปมีลกั ษณะ คล้ายสมุดนัดหมายบุคคลที่เปน็ กระดาษ เปน็ เครื่องมอื ในการบริหารเวลา และช่วยให้มกี ารใช้เวลาอยา่ งคุม้ ค่า ซ่ึง ระบบนดั หมายสว่ นบุคคล มีประโยชน์ดงั นี้ 1. การใชง้ านระบบ 2. เป็นระบบทใ่ี ชง้ านง่าย 3. ระบบมกี ารบันทึกขอ้ มูลแบบลดั 4. การค้นหาขอ้ มลู (Search) สามารถทาไดเ้ ปน็ รายวนั รายสัปดาห์ หรือ รายปี และสามารถใช้ฟังกช์ ั่นทาซา้ 5. หากมีกจิ กรรมมากกว่าหน่ึงกจิ กรรมซา้ ซอ้ นในเวลาเดยี วกนั ระบบจะเตือนใหผ้ ู้ใช้งานทราบเพ่ือแกไ้ ขปญั หา 6. มสี ัญญาณเตอื นการนัดหมาย (Appointment Alarm) 7. มีระบบชว่ ยจา(Reminder) 8. ป้อนข้อความเตอื นความจาเข้าสู่ระบบนัดหมายส่วนบคุ คลโดยอตั โนมตั ิ 9. มหี น้าต่างเตอื นความจาแสดงขนึ้ ที่หน้าจอภาพ เมอ่ื มีการเปดิ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์หรอื พดี เี อ 10. สง่ ข้อความเตือนความจาผา่ นระบบไปรษณยี อ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Mail) 11. เป็นระบบคอมพิวเตอรท์ ่ชี ่วยในการนดั ประชุม (Meeting) หรือเรยี กว่า ระบบนัดหมาย (Group) ระบบการติดตามงานส่วนบคุ คล ส่วนหนงึ่ ของโปรแกรมการบริหารจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คลท่นี ยิ มใช้ คอื ระบบการตดิ ตามงานสว่ น บุคคล เพราะมีประโยชน์ในการติดตามเพือ่ ใหง้ านประสบผลสาเรจ็ ซ่งึ ระบบการตดิ ตามงานสว่ นบุคคลมี รายละเอียดเก่ยี วกับโปรแกรม ดงั นี้ 1. ระบบตดิ ตามงานสว่ นบุคคล เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์เช่นเดยี วกับนาฬิกาปลกุ และเครอื่ งคิดเลข 2. ระบบติดตามงานบุคคล หมายถงึ บญั ชีรายงานที่ยังไมไ่ ด้ดาเนนิ การ มีลักษณะคลา้ ยสมุดจดบันทึกช่วยจาทเี่ ป็น กระดาษ 3. ระบบตดิ ตามงานส่วนบคุ คล เปน็ เครอ่ื งมอื อย่างหนึ่งในกาบรหิ ารงานและเวลาของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะผมู้ ี ภารกิจมาก 4. ปัญหาท่พี บในการบรหิ ารเวลาของตนเอง คือ พยายามที่จะทางานหลายอย่างให้เสร็จภายในวันเดียว 5. มีนิสัยผดั วันประกนั พรุ่ง จงึ ต้องทางานแบบเรง่ รีบในชว่ งเวลาสุดทา้ ย พัฒาาการของระบบการจัดการสารสาเทศสว่ าบคุ คล ในขณะท่ใี ช้ระบบการจัดการส่วนบคุ คล หมายถงึ การพัฒนาการบริหารจัดการในรปู แบบของกระดาษ มาใชเ้ ปน็ ระบบเทคโนโลยที ่ีทันสมยั โดยมีลักษณะของการพฒั นาการ ดังน้ี 1. ระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคลในรปู กระดาษทม่ี มี าตงั้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั 2. ระบบสารสนเทศส่วนบคุ คลในรูปคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมคี วามหลากหลายท้งั ดา้ นรปู ลกั ษณ์ ระดบั ความสามารถใน การทางาน และราคา ซ่งึ แนวโน้มวา่ ในอดตี จะมีความผกผันระหวา่ งขนาดของฮาดร์แวร์และความสามารถในการ ทางานของระบบ
3. ระบบการจัดการสารสนเทศของกลมุ่ ซง่ึ เปน็ การเชือ่ มโยงสารสนเทศบคุ คลของกลมุ่ บคุ คลที่ทางานรว่ มกันเข้า ดว้ ยกนั โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เกณฑก์ ารเลือกระบบการจัดการสารสาเทศสว่ าบุคคล การพิจารณาเป้าหมายสว่ นบุคคลที่เกยี่ วกับชวี ิตการทางานและชวี ติ ส่วนตัว และเปา้ หมายขององค์กร รวมท้งั ลักษณะ ประเภท และนโยบายหลกั ขององคก์ ร มีเกณฑ์การเลอื กระบบการจัดการสาสนเทศสว่ นบุคคล ดงั น้ี 1. ความต้องการด้านสารสนเทศ 2. ความต้องการระบบนดั หมายส่วนบคุ คลหรอื ระบบนัดหมายกลุ่ม 3. ความตอ้ งการระบบติดตามงานหรือไม่ 4. ความตอ้ งการระบบตดิ ต่อสือ่ สารในลกั ษณะใด 5. สภาพแวดล้อมในการทางาน 6. การทางานในลักษณะคนเดียวหรือกล่มุ 7. การทางานภายในหรือภายนอกองค์กร 8. การตดิ ตอ่ สือ่ สารกบั บคุ คลอืน่ 9. ความสามารถในการทางาน พจิ ารณาด้านคุณลกั ษณะเฉพาะและประสทิ ธิภาพในการทางานของแต่ละระบบ 10. ราคา พิจารณาเร่ืองวัตถปุ ระสงค์ที่สามารถจากัดวตั ถปุ ระสงค์ทีจ่ ะเลือก เพ่ือให้สอดคล้องกบั งบประมาณ ทตี่ ัง้ ไว้ 11. ความยากง่ายในการทางาน พิจารณาในการเข้าถึงระบบ การป้อนสารสนเทศเข้าสรู่ ะบบ เรื่องวัตถปุ ระสงค์ ในการใช้เวลามากนอ้ ยเพียงใด ในการเรียนรู้ระบบ จะคุ้มค่าหรอื ไม่กับเวลาที่เสียไป 12. การสนบั สนุนด้านเทคนคิ ชว่ ยเหลือในระบบออนไลน์ พิจารณาวัตถุประสงค์ทีบ่ ริษัทผู้ผลิตหรอื ผูจ้ าหนา่ ย มี การสนบั สนุนดา้ นเทคนคิ 13. การรับฟังความคดิ เหน็ พิจารณาวตั ถุประสงค์ในการทราบความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ระบบตา่ งๆ 14. การทดลองใชร้ ะบบ พิจารณาให้สามารถประเมินระบบจากการปฏบิ ัติ โดยทดลองใช้ระบบที่คาดวา่ จะนาใช้ จรงิ สรุปท้ายหา่วย โปรแกรมการจดั การสารสนเทศสว่ นบคุ คล เปน็ แนวคิดทีอ่ าศยั ทกั ษะหลายด้านในการดาเนินการ เกี่ยวกับสารสนเทศทกุ ประเภททแ่ี ต่ละบคุ คลได้รบั โดยการใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์มาช่วยในการจดั การ ท้ังท่ี เกี่ยวกบั การประกอบกิจการ หรอื การดารงชวี ติ เพอ่ื นาสารสนเทศท่สี าคัญหรอื จาเป็นต่อบุคคลนัน้ นามาใช้ ประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยความสาคัญของการจดั การสารสนเทศส่วนบคุ คล มีแนวคดิ เกี่ยวกบั การ วางแผนสารสนเทศสาหรบั บคุ คล เปน็ แนวคิดใหม่ทต่ี ้องอาศยั ทักษะหลายดา้ น โดยเฉพาะอย่างย่งิ ทกั ษะดา้ นการ จดั การ ทั้งน้ี เพอ่ื ให้ประสบความสาเรจ็ ในการประกอบกิจการงานและการดารงชวี ิตในยคุ การเปลย่ี นแปลง
ใบงาาบทท่ี 6 ตอนท่ี 1 จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ใหไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ 1.จงอธิบายความหมายของการจดั การสารสนเทศส่วนบคุ คล 2.จงอธบิ ายความหมายของสารสนเทศ 3.จงอธิบายความหมายส่วนบุคคล 4.จงอธบิ ายความหมายของโปรแกรมจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคล 5.จงอธิบายขน้ั ตอนการดาเนินการที่ทาใหก้ ารจัดการสารสสนเทศสว่ นบุคคลประสบความสาเรจ็ 6.จงอธบิ ายองค์ประกอบของระบบดารจดั การสารสนเทศส่วนบคุ คล 7.จงอธิบายประเภทของระบบการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล 8.อธบิ ายระบบนดั หมายส่วนบุคคล 9.จงอธบิ ายพัฒนาการของระบบการจดั การสารสนเทศสว่ นบุคคล 10.จงอธิบายเกณฑ์การเลอื กระบบการจัดการสารสนเทศส่วนบคุ คล ตอนที่ 2 จงทาเครื่องหมาย (x) ลงหน้าข้อท่ีถกู ที่สุด 1.ข้อใดไม่ใชร่ ูปแบบของการจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคล ก. การจัดเก็บ ข. การดูแลรกั ษา ค. การสบื คน้ ง. การดาวนโ์ หลดข้อมลู จ. การจัดการสารสนเทศท่ีไมต่ ้องการ 2.ขอ้ ใดจัดเปน็ ประเภทของระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบุคคลท่แี บ่งตามฟงั ก์ชนั่ การทางาน ก. ประเภทพื้นฐาน ข. ประเภทโปรแกรมสาเร็จรปู ค. ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ ง. ฟงั กช์ ั่นการทางานหลกั จ. โปรแกรมสาเรจ็ รูปท่ใี ช้ในงานสานักงานทั่วไป 3.บนั ทกึ ชว่ ยจา จัดเป็นระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คลประเภทใด ก. ประเภทพื้นฐาน ข. ประเภทโปรแกรมสาเร็จรปู ค. ใชก้ ับไมโครคอมพวิ เตอร์ ง. ฟังก์ช่ันการทางานหลกั จ. โปรแกรมสาเรจ็ รปู ทีใ่ ชใ้ นงานสานักงานทั่วไป 4.ส่วนรบั เขา้ ของระบบการจัดการสารสนเทศสว่ นบคุ คล แบ่งออกเป็นกี่ส่วนย่อย ก. 1 สว่ น ข. 2 สว่ น ค. 3 สว่ น ง. 4 ส่วน จ. 5 ส่วน 5.ส่วนใดจดั เปน็ ส่วนของการประมวลผล ก. Input ข. Output ค. Process ง. Income จ. Reply 6.องค์ประกอบของระบบการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล แบ่งออกเปน็ กส่ี ่วน ก. 1 สว่ น ข. 2 ส่วน ค. 3 สว่ น ง. 4 สว่ น จ. 5 สว่ น
7.ขอ้ ใดหมายถึงระบบชว่ ยจา ก. Search ข. Remember ค. Appointment ง. Electronic Mail จ. Alarm จ. Alarm 8.ขอ้ ใดหมายถงึ การนัดหมาย จ. Alarm จ. Alarm ก. Search ข. Remember ค. Appointment ง. Electronic Mail 9.ข้อใดหมายถงึ การเตือนความจาผ่านจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ก. Search ข. Remember ค. Appointment ง. Electronic Mail 10.ขอ้ ใดหมายถงึ การคน้ หาข้อมูล ก. Search ข. Remember ค. Appointment ง. Electronic Mail
บทท่ี 7 การเรยี ารผู้ ่าาระบบเครือข่ายอาิ เทอรเ์ าต็ ความหมายของเครอื ข่ายการเรยี นรู้ ความหมายของเครือขา่ ยการเรยี นรู้ (Web Based Instruction) หมายถึง การเรยี นรู้ในระบบ คอมพวิ เตอร์ เพื่อใช้ประกอบกจิ กรรมทางการศึกษาทุกระดบั โดยมีองค์ประกอบสาคญั คอื อุปกรณ์ คอมพวิ เตอร์ โปรแกรมท่ีใชค้ วบคุมระบบการทางานและเครอื ข่ายการส่อื สาร นอกจากน้ี การเรยี นรขู้ อง ผู้เรยี นแตล่ ะคนยงั แตกต่างกนั ออกไปตามความสามารถในการส่ือสาร และสภาวะแวดล้อมในการเชื่อมโยงขอ้ มูล อกี ดว้ ย คุณลกั ษณะพเิ ศษของเครอื ข่ายการเรียนรู้ 1.สามารถเข้าถึงได้กว้างขวาง งา่ ย สะดวก เรยี กข้อมูลมาใช้ได้ง่าย เช่อื มโยงเข้าหานักเรยี นคนอน่ื ได้ งา่ ย รวดเรว็ และสามารถเรยี กใช้ขอ้ มูลไดท้ กุ เวลา ทกุ สถานท่ีมีเครอื ข่าย 2.เป็นการเรียนแบบร่วมกันและทางานร่วมกนั เปน็ กล่มุ คุณลกั ษณะพ้นื ฐานของเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ คอื การเรยี นแบบร่วมมอื กัน ดงั นั้น ระบบเครอื ข่ายจงึ ควรเปน็ กลุ่มของการเรียนร้โู ดยผ่านระบบการส่อื สารท่ีสงั คม ยอมรับ เครอื ข่ายการเรยี นรู้จงึ มรี ปู แบบของการร่วมกนั บนพน้ื ฐานนของการแบง่ ปนั ความน่าสนใจของขอ้ มลู ข่าวสารซ่ึงกันและกัน 3.สร้างกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยเน้นใหผ้ ู้เรียนเป็นผู้กระทามากกว่าเป็นผู้ถกู กระทา 4.ผเู้ รียนเปน็ ศูนย์กลางการเรียนการสอน และเนน้ บทบาทท่เี ปลีย่ นแปลงไป 5.จัดใหเ้ ครอื ขายการเรยี นรู้เปน็ เสมอื นชุมชนของการเรียนร้แู บบออนไลน์ แนวทางการบริหารจัดการและพฒั นาเครอื ข่ายการเรยี นรู้ แนวทางการบรหิ ารจัดการและพฒั นาเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ แบง่ ออกเปน็ 4 ขัน้ ดังนี้ 1.ข้นั การก่อรปู เครอื ข่ายการเรยี นรู้ (Learning Network Forming) เป็นการก่อตัวขึน้ โดยมี แนวทางสาคัญท่ี ควรดาเนินการ 4 ประการ ได้แก่ 1.1 การสรา้ งความตระหนกั ในปญั หา 1.2 การสร้างสานกึ ในการรวมตัว 1.3 การสรา้ งจุดรวมของผลประโยชนใ์ นเครอื ข่ายการแสวงหาแกนนาทีด่ ขี องเครือขา่ ย 1.4 การสร้างแนวร่วมของสมาชกิ เครือข่าย ถ้าเครือข่ายแหง่ ใดปฏิบตั ไิ ด้ตามแนวทางดงั กลา่ วก็เช่ือไดว้ า่ จะสามารถก่อต้งั เครอื ข่ายในชุมชนไดอ้ ยา่ งแนน่ อน 2.ขัน้ การจดั ระบบบริหารเครอื ข่ายการเรียนรู้ (Learning Network Organizing) การจดั ระบบบรหิ าร เครอื ข่ายการเรียนรทู้ ีจ่ ะนาไปสู่ความสาเรจ็ มีองคป์ ระกอบสาคญั ที่ควรพิจารณา 5 ประการ คือ 1. การจดั ผังกลุ่มเครือขา่ ย 2. การจดั บทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในเครอื ขา่ ย 3. การจัดระบบการตดิ ต่อส่อื สาร 4. การจัดระบบการเรยี นรู้รว่ มกัน 5. การจัดระบบสารสนเทศ
ดังนัน้ ถา้ สามารถจัดระบบบริหารเครือข่ายไดค้ รบถว้ นดงั กล่าว ผลท่ตี ามมาก็จะเปน็ ไปอยา่ งราบรนื่ 3.ขนั้ การใช้เครือขา่ ยการเรยี นรู้ (Learning Network Utilizing) การใชป้ ระโยชนจ์ ากเครือข่ายการเรียนรู้ จากการดาเนนิ งานดา้ นตา่ งๆ ทสี่ าคญั 5 ประการ ได้แก่ 1. การใชเ้ ครอื ขา่ ยเพื่อใหเ้ ป็นเวทกี ลางประสานงานรว่ มกนั ระหวา่ งสมาชิกภายในและภายนอกเครือข่าย 2. การใชเ้ ครือข่ายเพอ่ื เป็นเวทีแลกเปลีย่ นสารสนเทศและความรขู้ องสมาชกิ เครือข่ายและผู้สนใจ 3. การใช้เครอื ขา่ ยเพื่อให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนระดมทรพั ยากรรว่ มกันของสมาชกิ เครอื ข่าย 4. การใชเ้ ครอื ข่ายเพื่อใหเ้ ปน็ เวทีร่วมสร้างสรรค์และพฒั นาความรใู้ หม่ๆใหแ้ ก่สมาชิกทงั้ ภายในและ ภายนอกเครอื ขา่ ย 5. การใชเ้ ครือขา่ ยเพ่อื ใหเ้ ป็นเวทีสร้างกระแสผลักดนั ประเดน็ ใหม่ๆทีเ่ ป็นปัญหาของชมุ ชนและสังคม 4.ข้ันการธารงรักษาเครือขา่ ยการเรียนรู้ (Learning Network Maintaining) การธารงรักษาเครือขา่ ยเพ่ือให้ ดาเนนิ การไปสคู่ วามสาเร็จ มีแนวทางปฏบิ ัติ 6 ประการ คอื 1. การจดั ดาเนินการกิจกรรมต่างๆ ร่วมกนั อย่างตอ่ เนอ่ื ง 2. การรักษาสมั พนั ธภาพท่ดี ีตอ่ กนั ระหว่างสมาชกิ เครอื ขา่ ย 3. การกาหนดกลไก 4. การสร้างระบบแรงจูงใจให้แก่สมาชกิ ของเครือขา่ ย 5. การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปญั หาอย่างจรงิ จัง 6. การสรา้ งผนู้ ารุ่นใหมอ่ ยา่ งต่อเนื่อง ข้อดแี ละขอ้ เสยี ของการเรียารู้ผ่าาเครอื ขา่ ยอิาเทอรเ์ าต็ ขอ้ ดี 1. เอ้อื อานวยใหก้ บั การตดิ ตอ่ สือ่ สารท่ีรวดเร็ว ไมจ่ ากดั เวลาสถานที่ รวมทง้ั บุคคล 2. ผเู้ รียนและผู้สอนไมต่ อ้ งการเรียนและสอนในเวลาเดียวกัน 3. ผ้เู รยี นและผู้สอนไม่ต้องมาพบกนั ในห้องเรยี น 4. ตอบสนองความต้องการของผูเ้ รยี นและผู้สอนท่ีไมพ่ รอ้ มด้านเวลา ระยะทางในการเรยี นได้เปน็ อย่างดี 5. ผเู้ รยี นทไี่ มม่ คี วามม่นั ใจ กลวั การตอบคาถาม ตัง้ คาถาม ตัง้ ประเด็นการเรยี นรู้ในหอ้ งเรยี น มคี วาม กลา้ มากกวา่ เดมิ เนือ่ งจากไมต่ ้องแสดงตนตอ่ หนา้ ผ้สู อนและเพือ่ นร่วมชนั้ โดยอาศัยเครื่องมือ เช่น E-Mail , Webboard , Chat , Newsgroup แสดงความคิดเห็นได้อยา่ งอิสระ ข้อเสยี 1. ไมส่ ามารถรับรู้ความรูส้ ึก ปฏกิ ริ ิยาทแ่ี ทจ้ รงิ ของผูเ้ รยี นและผสู้ อน 2. ไม่สามารถสื่อความรสู้ ึก อารมณใ์ นการเรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง 3. ผ้เู รยี นและผ้สู อนจะต้องมคี วามพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอรเ์ นต็ ท้ังด้านอุปกรณ์ทกั ษะ การใช้งาน
ข้อคานงึ ในการจัดการเรียนรผู้ า่ นระบบเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ตในการจดั การเรยี นการสอนผ่านเว็บไซต์หรอื ผ่าน ระบบเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ต ควรคานึงถงึ ประเดน็ ต่างๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. ความพรอ้ มของอุปกรณแ์ ละระบบเครอื ข่าย เนอื่ งจากการเรยี นการสอนผ่านเว็บไซต์ เป็นการปรบั เนื้อหาเดมิ ส่รู ปู แบบใหม่ จาเปน็ ตอ้ งมีเครอ่ื งมือ อปุ กรณ์ และระบบเครือขา่ ยที่พรอ้ มและสมบรู ณ์ เพ่ือใหไ้ ด้ บทเรยี นดิจิตอลท่ีมคี ุณภาพ และทันตอ่ ความต้องการ ผ้เู รียนสามารถเลอื กเวลาเรียนได้ทุกช่วงเวลาตามที่ต้องการ เรียน ซึง่ ในประเทศไทยพบวา่ มปี ญั หาในดา้ นนมี้ าก โดยเฉพาะในเขตนอกเมืองใหญ่ 2. ทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละอินเทอรเ์ น็ต ผู้เรยี นและผู้สอนตอ้ งมีความรแู้ ละทกั ษะท้งั ด้าน คอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เนต็ พอสมควร โดยเฉพาะผู้สอนจาเปน็ ต้องมที ักษะอ่ืนๆ ประกอบเพือ่ สรา้ ง เวบ็ ไซตก์ ารสอนท่ีน่าสนใจใหก้ บั ผ้เู รยี น 3. ความพร้อมของผูเ้ รียน ผู้เรยี นจะตอ้ งมีความพรอ้ มท้งั ทางดา้ นจิตใจและความรู้ คอื จะตอ้ งยอมรบั ในเทคโนโลยีรูปแบบนี้ ยอมรับการเรียนดว้ ยตนเอง มคี วามกระตือรือร้น ต่ืนตัว ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ กล้า แสดงความคิดเหน็ และศกึ ษาหาความรู้ใหม่ๆ 4. ความพรอ้ มของผสู้ อน ผู้สอนจะตอ้ งเปล่ยี นบทบาทจากผแู้ นะนามาเป็นผอู้ านวยความสะดวก ยึด ผู้เรียนเป็นศนู ย์กลาง กระตนุ้ ให้ผ้เู รยี นเกิดความอยากรอู้ ยากเหน็ อยากเรยี นรู้ กระตุ้นการทากจิ กรรมออนไลน์ และการเผยแพร่บทเรียนผ่านเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต 5. เนื้อหา บทเรียน เนอ้ื หาบทเรยี นจะตอ้ งเหมาะสมกบั ผู้เรยี นใหม้ ากกลุม่ ทีส่ ดุ มีหลากหลายใหแ้ ละ ผู้เรียนแตล่ ะกล่มุ เลอื กเรยี นได้ดว้ ยตนเอง มีกิจกรรม วัตถุประสงคท์ ชี่ ัดเจน เลอื กใช้สอื่ การสอนท่เี หมาะสมและ เหมาะสมกับความพรอ้ มของเทคโนโลยี การลาดับเน้ือหาไมซ่ บั ซอ้ น ไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความสับสน ระบแุ หล่งคน้ ควา้ อื่นๆ ทช่ี ดั เจน ใบงาาบทที่ 7 จงตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. จงอธบิ ายความหมายของเครือขา่ ยการเรยี นรู้ 2. จงอธิบายคุณลักษณะพเิ ศษของเครอื ข่ายการเรียนรู้ 3. จงอธบิ ายแนวทางการบรหิ ารจดั การและพัฒนาเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ 4. จงอธิบายกระบวนการและวธิ กี ารสรา้ งเครอื ข่ายการเรยี นรู้ 5. จงอธิบายความหมายของ E-Learning 6. จงอธิบายลักษณะของ E-Learning ในประเทศไทย 7. จงอธบิ ายปญั หาการพัฒนาระบบการเรยี นรู้ผ่านเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ในประเทศไทย 8. จงอธบิ ายขอ้ ดแี ละข้อเสียของการเรยี นรูผ้ ่านเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ 9. จงอธิบายขอ้ คานงึ ในการจดั การเรียนรู้ผ่านระบบเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต 10. จงบอกชอื่ เวบ็ ไซตท์ ีเ่ ป็นเครือข่ายการเรียนรู้มา 5 ชอื่
บทท่ี 8 การป้องกาั และกาจดั ไวรัส ความหมายของไวรัส (Virus) ไวรัสคอมพวิ เตอร์ เป็นโปรแกรมชนิดหนง่ึ ทมี่ คี วามสามารถในการสาเนาตัวเองเข้าไปติดอยใู่ นระบบ คอมพิวเตอร์ และถา้ มโี อกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพวิ เตอรอ์ ่นื ๆ ซง่ึ อาจเกดิ จากการนาเอา ไวรัสจากเครอื่ งหน่ึงไปใชอ้ กี เคร่อื งหนงึ่ หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรอื ระบบส่อื สารข้อมลู ไวรัสก็อาจแพร่ ระบาดได้เช่นกนั เมอื่ ไวรัสเขา้ มาอยู่ในคอมพวิ เตอร์แลว้ อาจจะทาความเสียหายแก่ขอ้ มลู ทอี่ ยู่ในคอมพิวเตอร์ หรอื รบกวนการทางานของระบบปฏบิ ัตกิ าร การท่เี ครือ่ งคอมพวิ เตอร์เครือ่ งใดติดไวรสั ไวรัสไดเ้ ข้าไปฝังตัวอย่ใู น หน่วยความจาของคอมพวิ เตอร์ ประเภทของไวรัส ไวรัสมีอย่หู ลายประเภท โดยแบง่ เป็นประเภทใหญๆ่ ไดด้ ังนี้ 1. ไฟลไ์ วรสั (File Virus) เป็นประเภทไวรัสที่ใหญท่ สี่ ุด โดยไวรสั ประเภทนจ้ี ะซ่อนตวั เองไปกับ ไฟล์ ซง่ึ โดยมากมกั เปน็ ไฟล์ประเภทโปรแกรมทม่ี ีนามสกลุ เป็น .com , .exe, .sys, .dll 2. บู๊ตเซกเตอร์ไวรสั (Boot Sector Virus) เปน็ ไวรัสประเภททีต่ ิดทางอุปกรณพ์ กพา คอื แฟลซ ไดรฟ์ ตัวไวรสั จะทางานโหลดตวั เองขึ้นมาก่อนระบบปฏิบตั กิ าร ทุกคร้งั ทีเ่ ปิดเครอ่ื ง ก็เท่ากบั ว่าไปทาใหไ้ วรัส ข้ึนมาทางานทกุ ครั้งกอ่ นการเรยี กใช้โปรแกรมอนื่ ๆ 3. มาไครไวรัส (Macro Virus) เป็นไวรสั ประเภทใหมท่ ีก่ อ่ กวนโปรแกรมสานักงานตา่ งๆ เชน่ MS Word, Excel, PowerPoint ซ่งึ จะใชล้ ักษณะพเิ ศษของโปรแกรมที่มีการเขยี นโปรแกรมด้วยมาโครเป็น ชดุ คาสง่ั เลก็ ๆทางานอตั โนมตั ิ มักจะทาใหไ้ ฟลม์ ขี นาดใหญข่ ึ้นผิดปกติ การทางานหยดุ ชะงักโดยไมท่ ราบสาเหตุ หรอื ทาใหไ้ ฟลเ์ สียหาย ขดั ขวางกระบวนการพมิ พ์ เปน็ ตน้ 4. หนอนไวรัส (Worm) โดยท่ีจริงแลว้ หนอนไวรสั ยงั ไมถ่ อื วา่ เปน็ ไวรสั เสยี ทีเดยี ว เน่อื งจากจะไม่ ตดิ กับโปรแกรมใดๆ หนอนไวรัสอาจจะเป็นโปรแกรมหนงึ่ หรอื ชดุ คาส่ังโปรแกรม ซ่ึงสามารถทาสาเนาได้เอง และจะตดิ กบั คอมพวิ เตอร์ในระบบเครอื ข่าย (Network) เปา้ หมายของหนอนไวรัส คอื การโจมตผี า่ นเครอื ข่าย ซ่ึงมตี ัง้ แตข่ ัดขวางการทางานไปจนถึงทาใหเ้ ครอื ข่ายลม่ 5. โทรจัน (Trojan) มีลักษณะและพฤติกรรมไมแ่ พร่เชื้อไปติดไฟล์อ่ืนๆ ไมส่ ามารถส่งตัวเองไปยัง คอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งอนื่ ๆได้โทรจันเปน็ โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ถ่ี ูกออกแบบมาใหแ้ ฝงตวั เองเขา้ ไปในระบบและจะ ทางานโดยการดักจบั เอารหัสผ่านเข้าส่รู ะบบต่างๆและสง่ กลบั ไปยังผปู้ ระสงค์รา้ ย เพ่ือเข้าใช้หรอื โจมตรี ะบบใน ภายหลัง ซึง่ แฝงมาในหลายๆ รปู แบบ เช่น โปรแกรม หรอื การ์ดอวยพร เป็นตน้ เพือ่ ดักจบั ติดตาม หรอื ควบคมุ การทางานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ถ่ี กู คุกคาม สปานแวร์ (Spyware) สปานแวร์ (Spyware) คือ โปรแกรมทีแ่ ฝงเขา้ มาในคอมพิวเตอร์ขณะที่กาลังทางานบน อินเทอร์เนต็ เป็นโปรแกรมท่ถี ูกเขียนขึ้นมาสอดส่อง หรือดักจับข้อมลู การใช้งานเคร่อื งคอมพิวเตอร์ นอกจากน้ี อาจมีการสารวจโปรแกรมและไฟล์ตา่ งๆ ในเครือ่ งคอมพวิ เตอรอ์ กี ดว้ ย สปายแวรน์ ีจ้ ะทาการสุ่มข้อมลู ดังกล่าวไป ในเครอื่ งปลายทางที่โปรแกรมไดร้ ะบเุ อาไว้ ดงั นนั้ ขอ้ มูลตา่ งๆในเคร่ืองคอมพิวเตอรอ์ าจจะไม่เปน็ ความลับอกี
ต่อไป สปายแวรอ์ าจเข้ามาเพื่อโฆษณาสนิ คา้ ต่างๆบางตัวกส็ รา้ งความราคาญเพราะจะเปิดหน้าต่างโฆษณาบอ่ ยๆ แต่บางตวั ร้ายกวา่ นั้น คอื ทาให้ไม่สามารถใช้อนิ เทอร์เน็ตไดเ้ ลย สปายแวร์ตดิ เคร่ืองคอมพิวเตอรไ์ ด้อยา่ งไร ผู้ใช้คอมพิวเตอรส์ ว่ นใหญ่ไมค่ ่อยได้ดแู ลเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ที่ใช้ ไม่เคยปอ้ งกนั ไมเ่ คยบารงุ รกั ษา จึงมกั เกิดปัญหา สปายแวร์จะตดิ ไดห้ ลายทางแตห่ ลกั ๆ คือ 1. เขา้ เย่ียมเว็บไซตต์ ่างๆ เมื่อเว็บไซต์บอกให้ดาวนโ์ หลดโปรแกรมดาวนโ์ หลดโดยท่ีไมร่ วู้ า่ คืออะไร 2. ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีท่ีเรยี กวา่ Freeware มาใช้โปรแกรมฟรนี ้ันมีใชก้ ็ได้ แต่กค็ วรดูให้ดีเพราะโปรแกรม ฟรีหลายตวั จะมีสปายแวร์ติดมาดว้ ย 3. เปิดโปรแกรมท่ีสง่ มากบั อเี มล บางคร้งั มีผทู้ ี่สง่ อีเมล์มาให้พรอ้ มโปรแกรมสวยงาม โดยทไ่ี ม่รวู้ า่ มีสปาย แวร์อยู่ด้วย กส็ ง่ ตอ่ ๆกันไป ขอ้ สังเกตเกี่ยวกบั สปายแวร์ เมือ่ สปายแวร์เข้ามาอยใู่ นเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ก็จะสาแดงลกั ษณะพิเศษของโปรแกรมออกมา คือ นาเสนอหนา้ เว็บไซต์โฆษณาเชิญชวนใหค้ ิดทกุ คร้งั ทีอ่ อนไลน์อินเทอรเ์ นต็ โดยมาในรปู ต่างๆกัน ดังน้ี 1. มี Pop up ขึ้นมาบอ่ ยครงั้ ที่เข้าเวบ็ 2. ทลู บาร์ ( Toolbar ) มแี ถบปมุ่ เคร่ืองเมื่อเพม่ิ 3. หน้าจอ ( Desktop ) มีไอคอน ( Icon ) แปลกๆเพม่ิ ข้นึ 4. เมื่อเปิดเว็บเบราวเ์ ซอร์ ( Web Browser ) หนา้ เวบ็ แรกทีพ่ บแสดงเว็บไซต์ทไ่ี มร่ จู้ กั หรือไมเ่ คยพบเห็นมา กอ่ น 5. เวบ็ ไซตใ์ ดที่ไมส่ ามารถเขา้ ไดห้ นา้ เว็บไซต์โฆษณาของสปายแวรจ์ ะมาแทนทีว่ ิธีการป้องกันเพอื่ ไม่ใหถ้ ูกโจมตี จากสปายแวร์ 1. ตดิ ตง้ั โปรแกรม Anti-Spyware ไว้ในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพอื่ ให้ Anti-Spyware สามารถตรวจสอบค้นหา สิ่งแปลกปลอม (Spyware) ท่จี ะเข้าฝ่ังตวั อย่ภู ายในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ ซงึ่ โปรแกรม Anti-Spyware จะทา หน้าท่ีตรวจสอบเปน็ ลกั ษณะเรียลไทม์ เม่อื Anti-Spyware ตรวจพบสปายแวร์กจ็ ะทาการเตือนให้ผ้ใู ช้ทราบ และทาการลบสปายแวร์ออกจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์โดยทันที 2. ไมด่ าวน์โหลดไฟลข์ ้อมลู หรอื โปรแกรมจากเว็บไซตท์ ี่ไม่น่าเชื่อถือ ควรจะดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ท่ีนา่ เชื่อถือ เท่านั้น 3. เม่ือเขา้ ไปในเว็บไซตใ์ ดเวบ็ ไซต์หนง่ึ และพบหนา้ จอทผี่ ิดปกติ ใหพ้ จิ ารณาอา่ นข้อความเพือ่ ตรวจสอบเงื่อนไข การใช้
การปอ้ งกัาสปายแวรแ์ ละซอฟต์แวรท์ ี่ไชพ่ งึ ประสงค์ บางครัง้ อาจจะมีซอฟตแ์ วรไ์ มพ่ งึ ประสงคอ์ นื่ ๆ เข้ามาละเมิดความเปน็ ส่วนตวั แสดงโฆษณาทไ่ี ม่ ต้องการแบบไมร่ ู้ กาลเทศะ ทาให้คอมพิวเตอรท์ างานช้า หรอื อาจทาให้คอมพิวเตอรม์ ีปญั หาใช้งานไมไ่ ด้ วธิ ีการช่วยป้องกัน คอมพิวเตอร์จากสปายแวร์และซอฟตแ์ วรท์ ไ่ี มพ่ งึ ประสงคต์ ่างๆ มีดังนี้ ขนั้ ตอนท่ี 1 อัพเดตซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ ถา้ หากใช้ Windows XP อยู่วิธกี ารอย่างหนง่ึ ซง่ึ ช่วยปอ้ งกนั สปายแวร์และซอฟแวรไ์ มพ่ ึงประสงค์ ต่างๆ ได้ คือ ตรวจสอบใหแ้ นใ่ จวา่ ซอฟตแ์ วรท์ ้ังหมดไดร้ ับการอพั เดตแลว้ โดยจะต้องเข้าไปท่ีเมนู Windows Update เพอ่ื ดวู ่า หัวข้อ Automatic Updates เปิดทางานอยู่แลว้ หรือไม่ เพราะคุณสมบตั ิขอ้ นี้ จะช่วยใหด้ าวน์โหลดอพั เดตโปรแกรมสาคญั และระบบรักษาความปลอดภยั ลา่ สุดมายังคอมพิวเตอร์ได้ ขน้ั ตอนท่ี 2 ปรบั แตง่ ตัวแปรระบบรักษาความปลอดภยั ของ Internet Explorer สามารถปรับแตง่ ตวั แปรระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บเบราวเซอร์ Internet Explorer วา่ ตอ้ งการรับขอ้ มูลจากเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ มากนอ้ ยเพยี งใดได้ ไมโครซอฟต์แนะนาให้คณุ ต้ังค่าตัวแปรของระบบรกั ษา ความปลอดภยั ของ Internet Zone ใหอ้ ยูท่ ่ี Medium หรือสงู กว่าจึงจะดีทสี่ ุด ขนั้ ตอนท่ี 3 ใช้ไฟรว์ อลล์ (Firewall) แมว้ า่ สปายแวรแ์ ละซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่มกั จะมากับโปรแกรมอ่นื ๆ แตย่ ังมสี ปายแวร์ อีกประเภทหน่ึงซึ่งอาจถกู แฮกเกอรน์ ามาปลอ่ ยเอาไว้กเ็ ปน็ ได้ ดังนั้น การติดต้งั ไฟร์วอลล์หรือใช้ไฟร์วอลล์ที่มีอยู่ ใน Windows XP จะช่วยให้ป้องกันแฮกเกอร์เหล่านีไ้ ด้ ข้ันตอนที่ 4 ทอ่ งเวบ็ ไซต์และดาวน์โหลดข้อมูลอยา่ งรอบคอบ วธิ กี ารป้องกนั สปายแวร์และซอฟตแ์ วร์ไมพ่ งึ ประสงคต์ า่ งๆ ก็คือ การไม่ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ เหล่านีม้ าต้งั แต่แรก เทคนคิ ชว่ ยป้องกันตวั จากการดาวน์โหลดซอฟแวรท์ ไ่ี มต่ ้องการ มีดงั นี้ คอื 1. ดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซตท์ ีเ่ ช่ือใจเท่าน้ัน ถา้ หากไม่แน่ใจวา่ จะเช่ือใจซอฟต์แวรท์ กี่ าลงั ดาวน์โหลดมา หรือไมค่ วรสอบถามจากเพ่อื นที่มีความรู้มากกวา่ หรือใสช่ ือ่ โปรแกรมดังกล่าวลงไปในกลไกค้นหาข้อมลู ชนิดใดก็ ได้เพอ่ื ดูว่ามีการรายงานพบสปายแวร์ในโปรแกรมชนิดน้ีหรือไม่ 2. อา่ นคาเตือนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ข้อตกลงเร่ืองลิขสิทธ์ิ และขอ้ ความมที่เกีย่ วข้องกับขอ้ มูลส่วนตวั ในซอฟต์แวรท์ ่กี าลงั จะดาวนโ์ หลดมาใช้ 3. หา้ มคลิกที่ Agree หรือ Ok เพือ่ ปดิ วินโดวส์ แต่ควรคลิกทป่ี มุ่ X สแี ดงที่มุมขวาบนของวินโดวส์ 4. เลือกใชโ้ ปรแกรมแลกไฟล์เพลงและภาพยนตร์ “แจกฟรี” ชอ่ื ดังชนดิ ต่างๆ อยา่ งระมัดระวงั ต้องตรวจสอบ ให้แนใ่ จว่ามซี อฟตแ์ วร์อะไรทพี่ ่วงมากับตวั โปรแกรมหลกั แลว้ บา้ ง วิธีการป้องกนั ไวรสั คอมพวิ เตอร์ วิธกี ารที่ดที ่ีสดุ ในการปอ้ งกันปญั หาไวรัสคอมพวิ เตอร์ คือ ให้ติดตั้งโปรแกรมแอนตไี้ วรสั แล้วทา การอัพเดตไวรสั อย่างสมา่ เสมอ และให้ทาการสแกนไวรัสเปน็ ประจา โดยสแกนแบบ Full ทัง้ น้ี มีข้อที่ควร ปฏบิ ัติในการปอ้ งกนั ไวรัส ดงั นี้
1. ตดิ ต้งั โปรแกรมป้องกันไวรัส และอัพเดตไวรัสอย่เู สมอ 2. ติดตง้ั โปรแกรมป้องกนั ไวรัสทเ่ี หมาะสมกับระบบปฏบิ ตั กิ ารของเคร่อื ง 3. สรา้ งแผ่น Emergency Disc หรือแผ่น Boot CD/USB เพือ่ ใชใ้ นการกู้ระบบ 4. อพั เดตข้อมูลไวรสั ของโปรแกรมทกุ วัน หรอื ทุกครงั้ ที่โปรแกรมแจง้ เตอื นใหอ้ ัพเดต 5. เปดิ ใชง้ าน auto-protect ถา้ โปรแกรมสนบั สนนุ 6. ตรวจสอบหาไวรัสทกุ ครงั้ ก่อนเปิดไฟลจ์ ากแผ่นหรอื สือ่ บันทึกขอ้ มลู ตา่ งๆ 7. ใชโ้ ปรแกรมเพื่อทาการตรวจหาไวรัสบนเครื่องคอมพวิ เตอร์อยา่ งนอ้ ย 1 ครง้ั ตอ่ สปั ดาห์ โปรแกรชทีา่ ยิ ชใชใ้ าการป้องกาั ไวรสั การใช้โปรแกรมปอ้ งกันไวรัส สว่ นมากจะชอบโหลดโปรแกรมสแกนไวรสั จากเว็บไซต์ตา่ งๆ จะมีโปรแกรมทนี่ ยิ ม ดาวนโ์ หลดใช้ในการป้องกันไวรสั มีดังน้ี 1. AVG Antivirus Free Edition 2011 เป็นโปรแกรมที่สามารถปอ้ งกนั ไวรัสและสปายแวรต์ ใหมๆ่ ได้ เช่น ไวรสั ทม่ี ากับ E-mail เพราะทกุ วันนไี้ วรสั และสปายแวรจ์ ะมกี ารอพั เดตความสามารถในการทาลายอยู่ ตลอด ดงั น้ัน ควรอัพเดตโปรแกรมทมี่ ีอยแู่ ละอัพเดตเวอร์ชัน่ ใหม่ๆ ของโปรแกรมอยู่ตลอดเวลา ถ้ายังไมม่ ี โปรแกรมสแกนไวรัส ลองใชโ้ ปรแกรมท่ตี ดิ อันดับตน้ ๆ ของการดาวนโ์ หลด อย่าง AVG Antivirus Free Edition 2011 มาลองใชก้ นั 2. Avira AntiVir Personal Free Edition สามารถกาจัดไวรสั ได้มากกวา่ 300,000 ชนิดมีการ อพั เดต ขอ้ มลู ไวรสั ในเครอื่ งแบบอัตโนมตั ิทาใหโ้ ปรแกรมไม่ลา้ หลังและตามไวรัสตัวใหม่ๆ ไดท้ ันโปรแกรมน้ี เหมาะสมสาหรับคนทชี่ อบเล่นอนิ เทอร์เนต็ และชอบดาวนโ์ หลดทง้ั หลายแต่บางที่เวลาทีส่ แกนโปรแกรมกอ็ าจจะ ลบข้อมลู บางอย่างออกไปดว้ ย
3. Avast Free Antivirus สามารถปอ้ งกันไวรสั Spyware หรอื Malware ต่างๆ ทีแ่ ฝงตัวมากับเว็บไซต์ ไมใ่ หเ้ ข้ามาทารา้ ยขอ้ มลู ในเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ได้ การสแกนสามารถสแกนได้ทั้งไฟล์ที่อยู่ในเครื่ คอมพิวเตอร์ และสแกนสามารถสแกนขณะท่ีบู๊ตเครอื่ งก็ได้ โดยโปรแกรมจะตรวจจับไวรสั และกาจัดไวรสั ใหท้ ันที ท่พี บ และในปัจจุบนั โปรแกรมสามารถรองรับภาษาได้มากกวา่ 19 ภาษา เปน็ โปรแกรมท่มี ีขนาดเลก็ กะทัดรัด สามารถใชง้ านไดง้ า่ ย ทีส่ าคญั ไมห่ นกั เครอื่ งด้วย 4. PC Tools AntiVirus Free โปรแกรมน้จี ะช่วยป้องกนั เครอื่ งคอมพวิ เตอรไ์ มใ่ หต้ ดิ ไวรัสได้ง่ายๆ ซึ่ง เหมอื นกบั โปรแกรมสแกนไวรัสตัวอื่นๆ โปรแกรมนส้ี ามารถดาวน์โหลดมาใชง้ านไดฟ้ รี แต่ขนาดของไฟลอ์ าจจะ ค่อนข้างใหญ่ และอาจทาให้หนกั เครือ่ งอยู่บ้าง 5. Microsoft Security Essentials โปรแกรมนีเ้ ป็นโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบและกาจัดไวรสั หรอื สปาย แวรไ์ ด้เกอื บทกุ รูปแบบ ไมว่ ่าไวรสั จะเปลย่ี นสถานะในการเข้าถงึ ข้อมลู เป็นอย่างไรก็ตามโปรแกรมก็จะตรวจพบ ไวรัสได้อยู่ดี จึงควรดาวน์โหลดโปรแกรมนไี้ ปใช้ เพราะเป็นโปรแกรมท่ีพัฒนาขึน้ มาโดยบรัท Microsoft เองซึง่ นา่ จะช่วยผ้ทู ี่ใชง้ านคอมพิวเตอรใ์ นระบบปฏิบตั กิ าร Windows User
6. ThreatFire AntiVirus Free Edition โปรแกรมป้องกันและกาจดั ไวรสั น้ีสามารถตรวจได้ท้ัง Trojans, rootkits, hijackers, keyloggers และ Malware ตวั อื่นๆ แตโ่ ปรแกรมสแกนไวรสั ตัวนไี้ มส่ ามารถสแกนครัง้ ละ File หรือ Folder ได้ เพราะโปรแกรมจะบงั คบั ให้สแกนทุกไดรฟ์ พรอ้ มกนั หมด 7. Emsisoft Anti-Malware 5.0 เปน็ โปรแกรมที่ช่วยปอ้ งกันไวรสั โทรจนั ประเภท Back Orifice และ โปรแกรมน้ียงั สามารถตรวจหาไวรสั ท่ีแนบมากับ E-Mail ท่ีเป็นตระกลู ZIP, ARJ, CAB หรือไฟลท์ ี่มาจากการ ดาวนโ์ หลดได้เช่นกัน และในโปรแกรมนี้ยังสามารถสแกนตัวโทรจันและระบขุ อ้ มูลของไวรัสโทรจนั แตล่ ะประเภท ไดอ้ กี ด้วย การเรยี นร้เู กย่ี วกับไวรัสโทรจนั เหลา่ นี้ ถ้าจะใชโ้ ปรแกรมนี้จะตอ้ งใช้เวลานานในการตดิ ตั้ง เพราะ โปรแกรมมขี นาดใหญพ่ อสมควร 8. Panda Cloud Antivirus Free เป็นโปรแกรมท่ีมขี นาดเล็ก ใช้พนื้ ท่ขี องเครื่องคอมพิวเตอร์น้อย สาหรบั โปรแกรมนสี้ ามารถใชง้ านง่าย เพราะมไี อคอนเพยี งไมก่ ีป่ ุ่ม ในการทางานของโปรแกรมน้จี ะทาการอพั เดต อัตโนมตั เิ มอ่ื เราเชื่อมต่ออนิ เตอร์เนต็ ทาให้สามารถสแกนไวรสั ตัวใหมๆ่ ได้ อีกทั้งยังสแกนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 9. MultiVirusCleaner 2009 โปรแกรมนเ้ี ป็นโปรแกรมอเนกประสงค์ท่สี ามารถตรวจจับและกาจดั ไวรัสหรอื สปายแวรไ์ ด้ และสามารถอพั เดตฐานข้อมูลไวรัสของตัวเองเพ่อื ให้โปรแกรมสามารถตรวจจับไวรัสขนิด
ใหมๆ่ ได้ โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใชง้ านไดห้ ากเคร่ืองมีปญั หา นอกจากนโี้ ปรแกรมสแกน ไวรัส MultiVirusCleaner 2009 ยงั สามารถตรวจพบไวรัสได้มากถึง 6,400 ประเภทในแบบต่างๆ กันไดโ้ ดย ไม่มีปญั หา 10. Avast-Virus Cleaner and Worm Removal Tool โปรแกรมนจ้ี ะชว่ ยกาจัดไวรสั และหนอน ต่างๆ ในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเปน็ การลบจาก Registry หรือ Start up สาหรับขอ้ เสียของโปรแกรม น้ี คอื ไมส่ ามารถกาจัดไวรสั ได้ทุกตวั สว่ นขอ้ ดี คือ โปรแกรมนีไ้ มจ่ าเป็นตอ้ งตดิ ตัง้ ให้ยงุ่ ยากเพียงแค่ดบั เบิ้ล คลิกกส็ ามารถใชง้ านได้ทนั ที และข้อดอี กี อยา่ งหนง่ึ กค็ อื โปรแกรมนส้ี ามารถพกพาได้งายเพยี งแคท่ าการบันทกึ ใส่ Flash Drive ก็นาไปสแกนไดท้ กุ ท่ี 11. Baidu Antivirus 2014 เป็นโปรแกรมสแกนไวรสั แจกฟรีที่มปี ระสทิ ธภิ าพสูงจากประเทศจีน พฒั นา โดย Baidu Inc. เป็นบรษิ ัททใ่ี หบ้ รกิ าร Search Engine ใหญท่ ี่สดุ แห่งหนง่ึ ของประเทศจนี และผู้ใชม้ าก ท่สี ุดในประเทศ โดยใหด้ าวนโ์ หลดแบบไม่ตอ้ งเสียคา่ ใช้จา่ ย โปรแกรมสแกนไวรสั Baidu Antivirus สามารถดูแลคอมพิวเตอร์ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ปลอดภัยจากไฟล์ท่ีไม่ พงึ ประสงค์ต่างๆ ปอ้ งกนั ไวรัสมลั แวร์ และภัยคุกคามอน่ื ๆ ท่อี าจจะเกิดข้ึนกบั เครอ่ื งคอมพิวเตอรไ์ ด้ทุกเวลา
Search