Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1214004TM-คู่มือครูสุขศึกษาฯ-ป2[211111]

1214004TM-คู่มือครูสุขศึกษาฯ-ป2[211111]

Published by marongmeud21, 2022-05-19 06:27:19

Description: 1214004TM-คู่มือครูสุขศึกษาฯ-ป2[211111]

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหน ักเรียนออกมาแสดงทาทางการใชข องใช ๒. การป้องกันอนั ตรายจากของใชใ้ นบา้ น โดยอาจทําถกู วิธีหรอื ไมถ กู วธิ กี ไ็ ด แลว ให การป้องกันอันตรายจากของใช้ในบ้าน ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ เพอ่ื นๆ รวมกนั บอกวา เปนวิธใี ชข องใชท ่ี ถกู ตอ งหรือไม เพราะอะไร และถาไมถกู ๑ หมั่นซ่อมแซมโต๊ะ หรอื เกา้ อี้ทชี่ �ารดุ อย่เู สมอ ควรปรบั ปรงุ แกไขอยา งไร และจดั ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ 2. ใหนักเรยี นทาํ แบบฝก กจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง ของใชใ นบา น จากแบบวัด สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๒ จดั เกบ็ อปุ กรณท์ า� ความสะอาดใหเ้ ปน็ ระเบยี บ สขุ ศึกษาฯ ป.2 แบบฝกกิจกรรมที่ 1 เร�อ่ ง ของใชในบา น ๓ ควรใช้ของมีคมด้วยความระมัดระวัง ๓บทท่ี ของใชแ ละของเลน และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย แบบฝกกจิ กรรมท่ี ๑ ของใชใ นบา น ๔ ใช้เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ อย่างระมัดระวังและ คําช้ีแจง : การเรยี นรูเรือ่ งอันตรายจากของใช ทาํ ใหเ ราเกิดความ ตตอร้ วงจถสออดบปปลลั๊ก1กั๊แไลฟะเอกยบ็ เู่ สใหมเ้อร ยี เบมรอื่ ้อใชย้เสรจ็ แลว้ ระมัดระวงั ในการใชข องใช ดภู าพ แลวบอกวิธีปองกนั อนั ตรายทีอ่ าจเกดิ จากของใชตามภาพ การป้องกนั อันตราย จากของใช้ในบา้ น ของใช วิธปี องกนั อันตรายท่ีอาจเกิดขึ้น ๕ เคมวอื่รดใชบั ้เไตฟาใถหา่ เ้นรหยี บรอืรเอ้ ตยา แแกลส๊ะปเสดิ รถ็จงั แแลกว้ ส๊ 2ใหส้ นทิ ๑) เกบ็ เศษแกวที่แตกไปทง้ิ ที่ถงั ขยะ โดยหยบิ................................................................................................................................... และตงั้ ใหห้ า่ งจากวตั ถไุ วไฟ ๒) อยางระมัดระวัง................................................................................................................................... ๓) .-....เ..ก.....บ็ ....ใ...น.....ท....ี่เ..ก.....บ็ ....ข...อ....ง....ใ...ห....เ..ร....ยี ...บ.....ร....อ...ย.......โ...ด....ย....แ....ข...ว...น.....จ....อ...บ.....ใ...ห..... เฉฉบลับย .....ด.....า...น.....ห....วั...อ....ย....ดู ....า...น.....บ....น........แ....ล....ะ...ห....ัน.....ด.....า ...น....ค.....ม....เ..ข...า...ห....า...ผ....น.....งั ......... - ไมควรนาํ มาเลนกนั................................................................................................................................... - ระมัดระวงั ขณะเดนิ ผา น................................................................................................................................... ๖ ของใชท้ ตี่ ิดไฟงา่ ย เชน่ ไมข้ ดี ไฟ ควรเก็บให้ - ไมว ่ิงเลน ขณะอยใู กลใ ตะ ท่ีมีมุมแหลม................................................................................................................................... พ้นมอื เด็ก และไมเ่ ก็บไว้ในท่ีท่ีมีอุณหภูมิสงู ................................................................................................................................... ๗ ระมดั ระวงั ไม่ใหแ้ ก้วน�้า จาน หรอื ชาม ๔) - ปดวาลว ท่หี ัวเตาแกสใหเรยี บรอ ยหลงั ใช................................................................................................................................... เสรจ็ แลว................................................................................................................................... กระทบกนั เพราะจะท�าใหแ้ ตกได้งา่ ย - ไมนาํ วัตถไุ วไฟเขา ใกลเ ตาแกส................................................................................................................................... ๕) - ถอดปล๊ักทกุ ครง้ั หลงั ใชเ สรจ็ แลว................................................................................................................................... - ไมนาํ นว้ิ แหยที่ใบพดั ขณะพัดลมกําลังทาํ งาน................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ๓๕ ๘ ควรทา� เครอ่ื งหมาย สญั ลกั ษณห์ รอื ปา้ ยเตอื น ตดิ ไว้บนกระจก เพือ่ ใหค้ นมองเห็นได ้ จะได้ ไม่เดนิ ชนกระจก 42 นักเรียนควรรู ขอสอบเนนการคิด ขอใดเปนของใชทีค่ วรใชอ ยางระมดั ระวงั มากท่สี ดุ 1 ถอดปลัก๊ เวลาถอดปลกั๊ ไฟ ใหใชมอื จับทต่ี ัวปล๊กั แลวดึง อยาดงึ ทส่ี ายไฟ ก. ตะกรา และอยา ใชม อื แตะถกู ขาปลก๊ั เพราะจะทาํ ใหถ กู ไฟดดู และเปน อนั ตรายถงึ แกช วี ติ ได ข. หมอน 2 ปดถังแกส เม่ือตองการปด เตาแกส ใหห มุนลกู บดิ ตามเขม็ นาฬก าจนสุด ค. เตารดี แกสจะหยดุ ไหล แลวไฟก็จะดบั ถาอยูๆ แกสกด็ ับไปเองโดยไมไดห มุนลกู บดิ ง. ไมกวาด แสดงวา การไหลของแกสเกิดการตดิ ขัด เราควรปด จา ยหวั แกส กอ นและ วิเคราะหค ําตอบ เตารดี เปนเครอ่ื งใชไ ฟฟา ทีม่ ีดานหนง่ึ เปน โลหะ เม่อื มี รอประมาณ 1 นาที แลวจึงคอยเปดเตาแกส ใหมอ ีกครั้ง ความรอ นมาก หากถกู ผิวหนังจะทําใหผ วิ หนังพองได และถาถอดปลกั๊ ไมถกู วธิ ีก็อาจทาํ ใหถกู ไฟดดู ได ดงั น้นั ขอ ค. เปนคําตอบท่ีถูก 42 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ ของเลน่ 1. ใหน ักเรยี นจบั คูกบั เพอ่ื น จากนั้นผลดั กันยก ของเล่นมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น ลูกแก้ว หนุ่ ยนต์ ต๊กุ ตา ตวั อยา งของเลน มา 1 ชนดิ แลว ใหค ูของตน ลกู บอล เปน็ ตน้ ของเลน่ ทา� ใหผ้ เู้ ลน่ เกดิ ความเพลดิ เพลนิ สนกุ สนาน บอกอันตรายทีอ่ าจเกดิ จากของเลน ชนดิ น้ี และเสริมสร้างพัฒนาการท่ดี ีใหก้ ับเด็ก แตข่ องเลน่ บางชนิด อาจท�า อนั ตรายต่อผู้เลน่ ไดถ้ า้ เล่นอย่างไมร่ ะมัดระวงั 2. ใหน ักเรยี นรวมกันบอกวธิ ีเลน ของเลนให ๑. อันตรายจากของเล่น ปลอดภัย ของเล่นก่อให้เกิดอันตรายได้ถ้าเล่นผิดวิธี เล่นของเล่นท่ี ช�ารุด หรือเล่นของเล่นท่ีไม่เหมาะกับวัย ซึ่งท�าให้ผู้เล่นบาดเจ็บ 3. ครตู ัง้ คาํ ถามวา และอาจถงึ ขน้ั เสียชีวติ ได้ • อันตรายท่ีเกดิ จากของเลน สวนใหญเกิดขึน้ อนั ตรายท่ีเกดิ จากของเลน่ มีดงั นี้ จากสาเหตุใด ๑) ของเล่นที่มีวัสดุยัดไส้ในเป็นเม็ดเล็กๆ เช่น ลูกปัด (แนวตอบ ผเู ลนเลน ของเลน อยา ง ลกู แกว้ เปน็ ตน้ อาจทา� ใหห้ ลดุ เขา้ ไปอดุ ตนั ทางเดนิ หายใจไดเ้ มอื่ นา� ไมร ะมัดระวงั หรอื เลน ผดิ วิธี) มาอมเล่น • ถา นักเรียนพบเหน็ นอ งเลน ของเลนที่ ๒) ของเล่นท่ีใชย้ ิงหรอื พุ่ง เช่น ปืนอัดลม1 ลกู ดอก ทเ่ี ป็น อนั ตราย นักเรียนควรทําอยางไร อันตราย ถา้ เขา้ ตาอาจท�าให้ตาบอดได้ (แนวตอบ หา มนองไมใ หเ ลน ของเลนนี้ทนั ท)ี • ถา ของเลน ของนกั เรียนชํารุด นักเรียนควร ทาํ อยา งไร (แนวตอบ นาํ ของเลน ไปซอ มแซมกอ นนํามา เลนอกี แตถ าซอมแซมไมไ ดใ หน ําไปท้ิง) • นักเรียนมีหลักในการเลน ของเลน ให ปลอดภยั อยา งไร (แนวตอบ เลือกเลน ของเลนที่ทาํ จากวัสดุที่ ปลอดภัย และเลน อยา งถกู วิธี) ๓) ของเล่นท่ีมีลูกล้อ เช่น รองเท้าสเกต ท่ีต้องใช้การ ทรงตัว ถา้ เลน่ อยา่ งไม่ระมดั ระวงั อาจทา� ให้ไดร้ บั บาดเจบ็ ได้ ๔) ของเลน่ ทเี่ ปน็ วตั ถรุ ะเบดิ เชน่ พลุ ดอกไมไ้ ฟ อาจแตก หรอื ระเบดิ จนท�าให้บาดเจบ็ หรอื เสียชวี ิตได้ ๕) ของเลน่ ทท่ี าหรอื พน่ สี ซง่ึ อาจมสี ารตะกว่ั ปะปนอยเู่ กนิ กว่าก�าหนด เม่อื สัมผสั หรืออมก็จะทา� ให้ไดร้ ับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย 43 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอ ใดกลา วถูกตอ งเก่ยี วกบั การเลือกซื้อของเลน ครูแนะนาํ นักเรยี นในการเลอื กซอื้ ของเลนใหเหมาะกบั วยั ความสนใจ และ ก. เลอื กของเลน ทเี่ หมาะกบั วัย ความสามารถ ดงั นี้ ข. เลือกของเลนทม่ี ีสีสนั สดใส ค. เลอื กของเลน ท่มี กี ารลดราคาเทานน้ั เดก็ วัยประถมศกึ ษาทีม่ อี ายปุ ระมาณ 6 - 9 ป จะอยากรอู ยากเห็น อยากเสาะหา ง. เลือกซื้อของเลน ทีน่ าํ เขา จากตางประเทศ สง่ิ ใหมๆ ชอบทดลอง ชอบการเลน ทท่ี าทายมากข้ึน เริ่มเขา สสู งั คมที่กวา งกวา วเิ คราะหคาํ ตอบ การเลอื กของเลนควรเลอื กซอื้ ใหเ หมาะกบั วยั ของ ในบา น และเพื่อนจะมอี ทิ ธิพลสูงตอความคดิ และความรสู ึกของเด็ก ดงั นน้ั ของเลน ผูเลน รวมถงึ ความสนใจและความสามารถในการเลน รวมถงึ ดูคณุ ภาพ ทค่ี วรเลอื ก เชน เกมกระดานหมากรุกหรือหมากฮอส อปุ กรณกฬี าชนดิ ตา งๆ และความปลอดภยั ของของเลน เชน ราคาไมแพงจนเกินไป ของเลน อยใู น จกิ๊ ซอว แทง ไมรปู ทรงตางๆ จักรยาน ชดุ ฝกมายากล หนังสอื เปนตน สภาพดี ไมช าํ รดุ และของเลนไมค วรมีสสี ันสดใสจนเกนิ ไป เพราะอาจมี สารพษิ อยูใ นสี เม่อื เดก็ สมั ผสั หรืออมกอ็ าจจะไดร บั สารพษิ นัน้ ได เปนตน นักเรียนควรรู ดงั น้ัน ขอ ก. เปนคาํ ตอบที่ถกู 1 ปนอัดลม ลูกกระสนุ ทีย่ ิงจากปนอดั ลมมีความแรงพอสมควร ถาถูกผิวหนงั จะทาํ ใหเจ็บและฟกชา้ํ ได ถา ถูกนยั นต าอาจทาํ ใหต าบอดได ดงั นนั้ พอ แมจ งึ ไมค วรใหลกู เลน ปน อดั ลมทกุ ชนดิ คมู ือครู 43

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน ักเรยี นดภู าพของใชแ ละของเลนจาก ๒. การปอ้ งกันอนั ตรายจากของเล่น กิจกรรม ชวนคดิ ชวนทํา ขอ 1 แลวบอก การป้องกันอันตรายจากของเลน่ ควรปฏิบตั ิ ดังนี้ อันตรายที่อาจเกดิ ขึน้ และวิธีปองกนั ๑ ไม่น�าของเลน่ ทีเ่ ปน็ ชน้ิ เล็ก หรอื แยกสว่ นได้ 2. ใหนกั เรียนวาดภาพหรือติดภาพของเลนหรอื ของใช 1 ชนดิ แลว เขยี นอันตรายที่อาจเกิดขนึ้ เขา้ ปาก เพราะอาจทา� ใหอ้ ดุ ทางเดินหายใจ จากของเลนหรอื ของใชชนดิ นั้น จากนน้ั เขยี น วิธีการใชห รือการเลนที่ถกู วิธี แลวนาํ ไปจดั ๒ เลน่ ของเล่นทม่ี สี ายยาวอยา่ งระมดั ระวงั ปา ยนิเทศ และไมน่ า� สายมาพันคอตนเองและเพ่อื น 3. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 3.3 จาก แบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 3.3 แบบประเมนิ ตัวช้�วดั พ 4.2 ป.2/3 ๓ ไม่ควรนา� ปืนอดั ลมหรือลกู ดอก1มายิงหรือ แบบประเมนิ ผลการเรียนรตู ามตวั ชวี้ ัด ประจาํ หนวยท่ี ๓ บทที่ ๓ การป้องกนั อันตราย จ ากของเลน่ ปาใส่กนั เพราะอาจทา� ให้ได้รบั บาดเจบ็ กจิ กรรมรวบยอดที่ ๓.๓ ถ้าเข้าตากอ็ าจท�าใหต้ าบอดได้ แบบประเมนิ ตวั ช้ีวัด พ ๔.๑ ป.๒/๓ • ระบุของใชแ ละของเลน ท่มี ผี ลเสยี ตอสุขภาพ ชุดท่ี ๑ ๑๐ คะแนน ๔ ของเล่นท่ีมลี อ้ เชน่ รองเทา้ สเกต เป็นตน้ ๑ ยกตวั อยางของใชทอี่ าจทาํ ใหเ กิดอันตรายมา ๕ ชนิด แลวเขยี นอนั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ ควรเลน่ อย่างระมดั ระวงั และควรฝก ฝน ใหช้ า� นาญ พรอ มท้ังบอกวิธปี องกัน (ตวั อยาง) ของใช อันตราย วธิ ปี องกัน ๑) ก…ร…ร…ไ…ก…ร………. …ถูก……ค…มข…อ…ง…ก…ร…ร…ไก……รบ……าด………. …ใช…อ…ย…า…ง…ระ…ม…ัด…ร…ะ…วัง…,…เ…ก…บ็ …เข…า…ท…ีใ่ …ห…เร…ยี …บ…ร…อ .ย. ๕ ไมเ่ ลน่ พลหุ รอื ดอกไมไ้ ฟ หรือไมจ่ ุดเลน่ ๒) เ…ส…ยี …ม……………. …ถูก……ค…มข…อ…ง…เส……ยี ม…แ…ท…ง……………. …ใช…อ …ย…า …ง…ระ…ว…งั …, …เก…บ็…เ…ข…า ท…่ใี…ห…เ…รีย…บ…ร…อ…ย……….. ๓) จ…า…น…ก…ร…ะ…เบ…ือ้…ง. …อา…จ…แ…ต…ก…แ…ล…ว…บ…าด…น……้ิว …………. …ใช…อ …ย…า …ง…ระ…ว…ัง…, …เก…็บ…ใ…น…ท…่ีค…ว…่าํ …ให…เ…ร…ีย…บ…ร…อ…ย.. เฉฉบลบั ย โดยท่ีไม่มผี ูใ้ หญ่ดแู ล ๔) ว…ง…เว…ีย…น…………. …ถกู……ป…ล…าย…แ…ห…ล…ม…ท…ม่ิ …น…ว้ิ …………. …ใช…อ…ย…า…ง…ระ…ว…งั …, …ไ…มน……าํ ม…า…เล…น……………………….. ๕) ก…า…ต…ม…น…ํ้า………. …ถา…ร…อ…น…อ…า…จ…ล…วก……ผิว…ห…น…งั………. …จ…ับ…อ…ยา…ง…ร…ะ…วัง…,…ถ…า…ร…อ…น…ใ…ห…ใช…ผ …า …จ…บั …ก…อ …น…ย..ก ๒ ดภู าพ แลวตอบคาํ ถาม ตวั ชี้วดั พ ๔.๑ ขอ ๓ õไดค ะแนน คะแนนเตม็ ช้ินท่ี ๑ ชนิ้ ท่ี ๒ ๖ หกาลรีกสเะลสย่ี มงขขอองงเสลา่นรทตะที่ กา่ัวห2ใรนือรพ่าง่นกสาี ยเพื่อป้องกนั ๑) ของเลน ชิ้นท่ี ๑ คอื อะไร มปี ระโยชนอยา งไร ของเลนไม ใชเ ลน เพอื่ ความเพลิดเพลิน............................................................................................................................................................................................ ๒) ของเลน ชิ้นท่ี ๒ คืออะไร มีประโยชนอ ยา งไร ของเลนพลาสตกิ ใชเลนเพื่อความเพลดิ เพลนิ ๓๗............................................................................................................................................................................................ 44 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ลกู ดอก ไมหรือหลักปลายแหลมมหี างใชปาไปที่เปา ใหน ักเรียนสํารวจรานคา ใกลๆ บา นและโรงเรียนวามีการจําหนาย 2 สารตะก่ัว สารตะกว่ั จะมผี ลเสียตอ สมอง ทําใหเมด็ เลอื ดแดงแตกงา ย ของเลนที่มอี นั ตรายอะไรบาง จากนนั้ ออกมาเลาใหเ พ่อื นทราบเพือ่ จะไมซ ื้อ จึงทําใหเ ปนโรคโลหิตจาง และเกดิ ผลเสียตอ การทํางานของไต มาเลน มมุ IT กิจกรรมทาทาย ครูคน หาขอ มูลเพิม่ เติมเก่ยี วกับอนั ตรายและการปอ งกนั อันตรายจากของเลน ได ใหนักเรยี นเขียนคาํ ขวญั รณรงคใหใชข องใชแ ละของเลนอยางระมัดระวงั จากเว็บไซต http://www.doctor.or.th/article/detail/2048 เพื่อชว ยลดอนั ตรายทเี่ กดิ จากการใชของใชและของเลน จากน้ันนาํ ไปตดิ ท่ี ปา ยนิเทศ 44 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของใบงานของเลน หรือของใชทบ่ี อกอันตราย และวธิ ีใชห รือเลน ตอนที ่ ๑ คา� ถามชวนคิด ทถี่ ูกวธิ ี เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนล้ี งในสมุด ๑) ข องใช้หรือของเล่นในบ้านของนักเรียนที่อาจเป็นอันตรายมีอะไรบ้าง 2. ครูตรวจความถูกตอ งของกิจกรรมรวบยอดท่ี 3.3 จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป. 2 และอันตรายอย่างไร แล้วนักเรียนจะป้องกันอันตรายจากของใช้หรือ ของเล่นนั้นอยา่ งไร หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๒) นกั เรียนรู้สกึ อยา่ งไร เมื่อเหน็ ผใู้ หญม่ กั หา้ มเดก็ เลน่ พลุหรือประทดั ๓) ถา้ นกั เรยี นพบวา่ น้องน�าของใชท้ ีม่ ีอนั ตรายมาเลน่ ควรทา� อยา่ งไร 1. ใบงานของเลน หรือของใชทอี่ าจเกิดอันตราย ๔) ใ นวยั ของนกั เรยี นควรหยบิ ใชข้ องมคี ม เชน่ มดี จอบ เปน็ ตน้ ดว้ ยตวั เอง 2. กิจกรรมรวบยอดที่ 3.3 จากแบบวดั ฯ หรอื ไม ่ เพราะเหตใุ ด สุขศึกษาฯ ป. 2 ตอนที ่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า บอกอนั ตรายท่อี าจเกิดจากสิง่ ของทีก่ า� หนดให ้ และวิธปี อ้ งกนั ๑) กรรไกร ๒) ลกู แกว้ ๓) คัตเตอร์ ๔) พล ุ / ดอกไมไ้ ฟ ตอนที ่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ 45 เขียนชือ่ ของใชแ้ ละของเลน่ ท่มี ีผลเสียต่อสขุ ภาพ แลว้ อธิบายผลเสยี ทมี่ ีตอ่ สุขภาพ (อาจตดิ ภาพประกอบ) ลงในกระดาษ จากนั้นนา� ไปจดั ปา้ ยนเิ ทศ เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 1 คําถามชวนคดิ แนวตอบ 1) ปล๊ักไฟ หากใชใ นขณะที่มอื เปยกอาจทําใหถ ูกไฟดดู ได วิธีปองกนั คือ ควรเชด็ มอื ใหแหง กอนจบั ปลก๊ั ไฟ 2) คาํ ตอบข้ึนอยกู ับนักเรียนแตละคน 3) หา มไมใ หน องนาํ มาเลน และบอกอันตรายทอ่ี าจเกิดข้นึ ใหน องเขา ใจ 4) ไมค วร เพราะยงั ไมมคี วามระมดั ระวังเพียงพอ ควรขอใหผ ใู หญชว ยถาจาํ เปนตอ งใช ตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทํา 1. แนวตอบ 1) ถูกบาดจนมแี ผลเลอื ดออก มวี ธิ ีปองกัน คือ ไมนํามาเลน และเกบ็ เขาที่ใหเ รยี บรอยหลังใชง านเสรจ็ แลว 2) อาจอมเขาไปจนตดิ คอ มวี ธิ ีปอ งกันคอื ไมค วรเอาเขา ปาก 3) ถูกบาดจนเปน แผล มีวธิ ีปองกัน คือ ไมนํามาเลน เมอื่ ใชเสรจ็ แลวใหเ ล่อื นใบมดี เก็บ และเก็บเขา ท่ใี หเรยี บรอ ย 4) อาจระเบิดทําใหบาดเจบ็ หรือเสยี ชีวิตได มีวธิ ีปอ งกัน คือ ไมจดุ เลนตามลําพงั คูมือครู 45

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรยี นรู ôบทที่ 1. อธิบายอาการและวธิ ปี อ งกันการเจบ็ ปว ย การบาดเจ็บ การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกิดขน้ึ (พ 4.1 ป.2/4) และเจ็บปวย สาระสา� คญั การป้องกันการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บโดย 2. ปฏิบตั ิตามคาํ แนะนําเมือ่ มีอาการเจ็บปว ยและ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ปฏิบัตติ ามค�าแนะนา� จะชว่ ยลดความรุนแรง บาดเจบ็ (พ 4.1 ป.2/5) ของโรคและอนั ตรายจากการบาดเจบ็ ได้ สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป ญหา คุณลกั ษณะอันพึงประสงค ไขหวดั ฟกชาํ้ ฟน ผุ อีสกุ อใี ส1 1. ใฝเ รยี นรู 2. มีวินัย รบั ผิดชอบ กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหนกั เรยี นออกมาทาํ ทา เจ็บปว ยหรือบาดเจ็บ ภูมแิ พ ตาแดง ทห่ี นา ชั้น แลว ใหเพือ่ นๆ ชวยกันทายวาเปน หัด อาการเจ็บปว ยหรอื บาดเจบ็ ใด โรคËร×อ¡ÒรบÒ´เ¨บç ã´ ? ทนÕè ¡ั เรÕÂนเคÂเป็นมÒบŒÒ§ 2. ครถู ามนักเรียนวา • การเจ็บปว ยและการบาดเจบ็ แตกตางกนั ทอ งเสยี อยา งไร (แนวตอบ การเจบ็ ปวย เปน อาการที่เกดิ จาก 46 รางกายของเราไดร บั เชื้อโรคหรือเกิดจากการ มพี ฤติกรรมที่ไมเ หมาะสม เชน รับประทาน อาหารทไ่ี มสะอาด แลวทาํ ใหปวดทอง เปน ตน สว นการบาดเจบ็ เกดิ จากการมพี ฤตกิ รรม ทไี่ มเ หมาะสมหรอื ประมาท จนทําใหร า งกาย ไดร บั บาดเจ็บ เชน เปน แผล เปนตน) 3. ใหน ักเรียนรว มกันบอกวาเคยเจ็บปวยหรือ บาดเจบ็ อยางไรบา ง แลว ครจู ดลงบนกระดาน เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ • อธิบายอาการของโรคบางชนดิ และการบาดเจ็บบางชนิด • วเิ คราะหสาเหตุของการเกดิ โรค • วางแผนปองกันโรคและอาการบาดเจบ็ จนเกดิ เปนความรคู วามเขา ใจวา การเจบ็ ปวยเกดิ จากการไดร บั เชื้อโรคและการ บาดเจบ็ เกดิ จากการมพี ฤตกิ รรมที่ไมเ หมาะสม จนทาํ ใหเราเจบ็ ปว ยหรือบาดเจบ็ ซึ่งอาการเจ็บปว ยหรือบาดเจ็บสามารถปอ งกันได ถา รจู ักสาเหตุ อาการ วธิ ีปองกนั นกั เรียนควรรู 1 อีสกุ อใี ส เปนโรคที่เกิดจากเช้ือไวรสั ทําใหผ ปู ว ยมีไข มผี น่ื ขึ้นเปน ตมุ นูน และมีน้าํ ใสๆ อยูขา งใน มอี าการคัน หลังจากน้ัน 2 - 4 วนั กจ็ ะตกสะเก็ด 46 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Evaluate Explore Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ โรคต่างๆ ที่ควรรู้ 1. ครสู ุมเรยี กนกั เรยี นทีเ่ คยเจ็บปว ยหรอื บาดเจบ็ การมคี วามรเู้ กย่ี วกบั สาเหตุ อาการ และวธิ ปี อ้ งกนั โรค จะชว่ ย ออกมาเลาอาการและสาเหตขุ องการเจ็บปวย ให้เราป๑อ้ .งโกรนั คตไนข้หเอวงดั จ1ากโรคได้ ซง่ึ โรคตา่ งๆ ทวี่ ัยเดก็ ควรรู้ มดี งั นี้ ที่หนาชน้ั ไข้หวัดเป็นโรคตดิ ตอ่ ท่พี บบ่อยในชว่ งฤดฝู น หรือฤดหู นาว สาเหตุ เกิดจากเช้ือไวรัส ติดต่อโดยการได้รับเช้ือโรคผ่าน 2. ใหน กั เรียนสํารวจตนเองวา มีอาการและเกิด การไอ การจามของผ้ปู ่วย หรอื สมั ผสั สง่ิ ของทผี่ ูป้ ่วยใช้ จากสาเหตุท่ีเหมอื นหรือตา งจากเพ่ือนหรือไม อาการ ในระยะเร่ิมแรกมีอาการคดั จมกู นา้� มูกไหล คอแหง้ อยางไร เจ็บคอ ตอ่ มาจะไอและจาม อาจจะมไี ข้ และปวดเม่ือยตามรา่ งกาย การปฏิบัตติ น ควรปฏิบัติ ดังน้ี 3. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ เปน 6 กลมุ ใหแ ตล ะ ๑) กินอาหารออ่ นๆ ย่อยงา่ ย เชน่ ข้าวต้ม โจ๊ก เป็นต้น กลมุ ศกึ ษาการเจ็บปว ยหรอื การบาดเจบ็ ๒) ด่มื น้า� อุ่นมากๆ และนอนพกั ผอ่ นให้เพียงพอ ตามหวั ขอ ดังนี้ ๓) ใช้ผ้าชุบน้�าเชด็ ตวั เมอ่ื มไี ข้ ถา้ มีอาการปวดศีรษะมาก • กลุมที่ 1 ศึกษา โรคไขห วัด • กลุมที่ 2 ศึกษา โรคตาแดง • กลุมที่ 3 ศึกษา โรคทอ งเสีย • กลุมท่ี 4 ศึกษา การบาดเจบ็ จากของมีคม • กลุมท่ี 5 ศึกษา การบาดเจ็บจากการถกู แมลงสัตวกดั ตอ ย • กลุม ที่ 6 ศกึ ษา การบาดเจ็บจากการ พลัดตกหกลม จากน้ันใหแ ตละกลมุ สง ตวั แทนออกมารายงาน หนาชนั้ ใหก้ นิ ยาแกป้ วด ทกุ ๔ - ๖ ชั่วโมง ถา้ ไม่หายควรไปพบแพทย์ วธิ ีปอ้ งกนั ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ ๑) ท�าร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการกินอาหารที่มี ประโยชน์ ออกก�าลงั กายอยา่ งสม่�าเสมอ และพักผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ๒) ไมค่ ลกุ คลหี รือใชส้ ่ิงของร่วมกับผู้ปว่ ย ๓) ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหรือปิดจมูกเมื่อจะจามหรือไอ และสวมหน้ากากอนามัย เพือ่ ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาด ๔) กนิ อาหารท่ีปรุงสุกใหม่ ใชช้ อ้ นกลางในการตกั อาหาร และล้างมอื ทกุ คร้งั กอ่ นกินอาหาร และหลังขับถา่ ย 47 ขอ สอบเนน การคิด นกั เรียนควรรู หากนกั เรยี นมอี าการคดั จมกู นกั เรยี นควรสง่ั นาํ้ มกู แรงๆ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด 1 โรคไขห วดั ในปจ จบุ ันมีการแพรร ะบาดของโรคไขห วดั ใหญส ายพนั ธใุ หม ก. ควร เพราะจะไดห ายคดั จมูก 2009 จะมอี าการเร่มิ ตนเหมอื นไขห วัดใหญแ ละตอมาจะมีอาการรนุ แรงมากขึน้ ข. ควร เพราะน้ํามกู จะไดไ หลออกมาจนหมด ดงั นัน้ ถามีอาการเปน ไขส ูงหลายวันควรบอกพอแมใหรีบพาไปพบแพทยท นั ที ค. ไมควร เพราะอาจทําใหเลือดมาค่ังทจ่ี มูก ง. ไมควร เพราะทาํ ใหเสียบคุ ลิก มุม IT วิเคราะหคาํ ตอบ การส่ังน้ํามกู แรงๆ จะทําใหจมกู ย่งิ คัดมากขึน้ และ หายใจลาํ บากข้นึ เพราะจมูกจะมีเลือดมาคง่ั ทําใหจมูกบวม และอกั เสบ ครสู แกน QR Code เร่อื ง การปองกนั โรคโควดิ -19 เพ่ือใหค วามรูเสรมิ รวมถึงหากมกี ารสั่งน้าํ มูกแรงๆ และมีการแคะ แกะ เกาในรูจมกู อาจทําให แกนกั เรียน เกย่ี วกับโรคทแ่ี พรระบาดในปจจบุ นั เลอื ดกําเดาไหลได ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบที่ถกู การปองกนั โรคโควดิ -19 คูมอื ครู 47

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครตู ้ังคําถามและใหนกั เรยี นชวยกันตอบ ๒. โรคตาแดง ตาแดงเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทพ่ี บ • โรคไขหวัด สวนใหญเกิดจากสาเหตุใด (แนวตอบ การไดรบั เช้อื โรคที่แพรกระจายอยู ไดบ้ อ่ ยในเดก็ วยั เรยี น เพราะตดิ ตอ่ ในอากาศ) ไดง้ ่ายถ้าไมร่ ะมัดระวัง • เพราะเหตใุ ดจึงไมควรใชมือขยี้ตาเมื่อมี สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัส อาการคนั ตาหรอื เคืองตา หรือเช้ือแบคทีเรียท่ีเข้าไปท�าให้ (แนวตอบ เพราะมอื ของเราอาจสกปรกและ เยื่อบุตาอักเสบหรืออาจเกิดจาก มีเช้อื โรคติดอยู ถานาํ มอื ไปขยี้ตา อาจทาํ ให แมลงหว่ีไปไต่ตอมตาของคนที่ เชื้อโรคแพรเขาสตู าไดงาย) โรคตาแดงเกดิ จากเชอื้ ไวรสั จงึ ไม่มยี ารักษา เปน็ โรค ทา� ใหม้ เี ชอ้ื โรคตดิ มาดว้ ย • อาหารชนดิ ใดทเี่ ปนสาเหตขุ องอาการ โดยเฉพาะ แพทยจ์ ึงรกั ษาตามอาการ ทองเสีย โดยใแหพ้ยทอายปา์จฏะกิชใหวีาน้ยระาหหยยผออดดู้ปตตาา่วลถยด้ากจตาาระออรกักั เู้สเสสบึบกมเาคก ืองตซผาอู้ึ่งถนมื่ ้ากีนแจ็้�ามะตทลาา�ไงใหหหลวไ้ ดี่ไปมร้ บัไีขตเ้ีตช่ตาอื้1อโมรตคตาเขาขขาา้ วอไมปงี (แนวตอบ อาหารบดู เนา อาหารหมักดอง ลกั ษณะเปน็ ปืน้ แดงคลา้ ยเสน้ เลือดฝอยแตก อาหารทม่ี ีแมลงวันตอม) การปฏบิ ตั ติ น ควรปฏิบัติ ดงั น้ี • ถามอี าการเจ็บปว ยหรอื บาดเจบ็ เดก็ ในวัย ของนกั เรียนควรทาํ อยา งไร (แนวตอบ บอกใหพอ แมห รอื ครูทราบ เพ่ือจะ ไดห าทางรักษาโรคตอ ไป) 2. ใหนักเรียนรว มกันยกตัวอยา งพฤตกิ รรมที่อาจ ทําใหเกิดโรค แลวใหเพอ่ื นๆ ชว ยกนั บอกวา จะทาํ ใหเ กิดโรคใด ๑) ถ้ารสู้ กึ เคอื งตา ตาแดง ควรให้พอ่ แมพ่ าไปพบแพทย์ ๒) ไม่ควรใช้มือขย้ีตาเม่ือรู้สึกระคายเคืองตา หรือเม่ือ มนี ้�าตาไหล ควรใชผ้ า้ เชด็ หนา้ เชด็ เบาๆ ๓) ตอ้ งหยดุ เรยี นจนกวา่ จะหาย เพอื่ ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาด วิธีปอ้ งกนั ๑) ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยหรือใช้ส่ิงของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผา้ เชด็ หน้า ผา้ เช็ดตัว เปน็ ตน้ 48 ๒) ไม่ควรปล่อยให้แมลงหวีม่ าไตต่ อมตา เกรด็ แนะครู ขอ สอบเนนการคิด ใครปฏิบตั ติ นไดถูกตองเม่ือปว ยเปน โรคตาแดง ครแู นะนําใหน ักเรียนท่ปี ว ยเปนโรคตาแดงควรหยดุ เรยี น หรอื หยุดรกั ษาตัว ก. แกมดม่ื นํา้ ตม สุกทุกมอ้ื อยทู บ่ี า น เพ่ือปอ งกันไมใหโรคตาแดงลกุ ลามหรอื ติดตอ สูคนอน่ื ข. นุน ลางตาดว ยนาํ้ สะอาด ค. หนึ่งใชย าหยอดตาทกุ ช่วั โมง นักเรยี นควรรู ง. มดหยดุ เรยี นเพือ่ พักรักษาตวงตา วิเคราะหคําตอบ โรคตาแดงเปนโรคติดตอ ดังนั้น เม่ือเราเปน โรคตาแดง 1 ข้ตี า ลกั ษณะของขต้ี าสามารถบอกสาเหตุของโรคบางชนิดได ดงั นี้ ควรหยดุ พกั จนกวาจะหายดี เพอ่ื ปองกนั การแพรก ระจายของโรค ดังนั้น • ขี้ตาใสเหมอื นนํา้ ตา มกั จะเกิดจากไวรัสหรอื ภูมแิ พ ขอ ง. เปน คาํ ตอบท่ถี กู • ข้ตี าเปน เมือกขาว มกั จะเกิดจากภูมิแพหรือตาแหง • ขต้ี าเปน หนอง มกั จะเปนรว มกบั มีสะเก็ดปดตาตอนเชา ทําใหเปด ตา ลาํ บาก สาเหตุมักเกดิ จากเชือ้ แบคทเี รยี 48 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. ท้องเสยี 1. ใหน กั เรียนแตละกลุมรว มกนั ต้ังคําถาม ท้องเสีย เป็นโรคท่ีเกิดขึ้นจากการกินอาหารที่ไม่สะอาดหรือ เกี่ยวกบั การปอ งกันและการดูแลการเจ็บปว ย มเี ชอื้ โรคปนเปอ้ื น สามารถเป็นไดท้ ุกเพศทกุ วยั และอาการบาดเจ็บมากลุม ละ 5 คําถาม สาเหตุ เกิดจากการกินอาหารท่มี เี ช้อื โรคเขา้ ไป เช่น อาหาร จากนัน้ ใหแ ตละกลมุ ถามเพ่อื นตา งกลมุ เชน ที่ไม่สุก ไมส่ ะอาด หรือกนิ อาหารรสเผ็ดจดั เปร้ยี วจัด เป็นตน้ • ถานกั เรียนมีอาการปวดศีรษะและมไี ข อาจอาอเจาียกนา รม ไีถข่า้ ยถเห้าสลูญวมเสาียกนก�า้ว1มา่ า๓ก คอรา้ังจตช่ออ็ วกนั หปมวดดสทต้อิ งแ ลอะอ่ ตนาเยพไดล้ีย ควรทําอยา งไร การปฏิบัติตน ควรปฏบิ ัต ิ ดงั น้ี (แนวตอบ กนิ ยาแกปวด เชน พาราเซตามอล ๑) ด่ืมน�้าเกลือแร่ หรือผสมผงน�้าตาลเกลือแร่ ๑ ซอง และใชผา ชุบนํ้าเช็ดตัวเมอื่ มไี ขข ้นึ สูง) กับน้�าต้มสกุ ๑ แก้ว ถา้ ถ่ายบอ่ ยให้ดม่ื บ่อยครั้งขน้ึ ถ้าอาเจียนด้วย • เพราะเหตใุ ดเมื่อมอี าการตาแดง ผปู ว ยจึง ให้ด่มื ทลี ะนอ้ ยๆ แตบ่ อ่ ยคร้ัง ควรหยดุ เรียน ๒) ถ้าอาการยังไมด่ ีข้ึน ให้รบี ไปพบแพทย์ (แนวตอบ เพื่อปอ งกนั การแพรกระจายของ วิธปี อ้ งกนั ควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ เชื้อโรคสเู พื่อน และเปน การพกั ผอนรา งกาย ๑) กนิ อาหารทป่ี รุงสกุ ใหม่ๆ เพือ่ ใหรางกายแข็งแรงข้ึน) การทา� น�้าเกลือแร่ • ถา นักเรียนมอี าการทองเสียมาก ถายอจุ จาระไมหยุด นักเรยี นควรทําอยางไร น้�าตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ สะอาด ไมม่ แี มลงวนั ตอม และใช้ (แนวตอบ ควรบอกผใู หญใ หร บี พาไปพบแพทย เพราะถา ถา ยอจุ จาระไมห ยุด จะทาํ ให + = ช้อนกลางตักอาหาร รางกายสญู เสียน้ําและเกลอื แร แลวอาจเกิด ๒) ดม่ื นา้� สะอาดหรอื นา�้ ตม้ สกุ อาการช็อก) เกลือ ๑/๒ ช้อนชา • เพราะอะไรจงึ ตองประคบเยน็ กอนเม่อื มี อาการฟกช้ํา หอ เลือด (แนวตอบ เพราะการประคบเย็นจะทําให หลอดเลอื ดหดตวั ทาํ ใหอ าการบวมยุบลง อยา งรวดเร็ว) + ๓) ลา้ งมอื กอ่ นกนิ อาหารและ นา�้ ต้มสุกทเ่ี ย็นแลว้ ๑ ขวด น้า� เกลือแร่ หลงั ขับถ่าย (๗๕๐ มลิ ลิลติ ร) ๔) ดูแลรักษาบ้านให้สะอาด เม่ือผสมแลว้ ควร ไม่เป็นท่ีอยู่ของสัตว์น�าโรค เช่น ด่มื ภายใน ๑ วัน ถ้าเหลอื ควรเทท้ิง หน ู เป็นต้น 49 ขอ สอบเนนการคิด นักเรยี นควรรู ในชว งท่ีโรคไขห วดั ระบาด นกั เรยี นควรมวี ธิ กี ารปองกันตนเองอยา งไร 1 สญู เสียน้าํ การสญู เสียนํา้ มากทาํ ใหเ กดิ อาการขาดนํ้า ดงั น้ี ก. ไมออกนอกบา น • หิวน้าํ บอย ข. ดม่ื น้ําอุน มากๆ • ปาก ลิ้น และผิวหนงั แหง ค. ไมใ ชของสวนตัวรวมกับผอู ืน่ • ไมถา ยปส สาวะมากกวา 3 ชั่วโมง ง. รบั ประทานยาพาราเซตามอลกอนนอน • ชพี จรเตนเบาและถี่ วิเคราะหค าํ ตอบ เม่ือมอี าการระบาดของโรคไขห วดั คนทัว่ ไปควร • ออนเพลีย เวยี นศรี ษะ ปอ งกนั ตนเองโดยรกั ษาสุขภาพใหแ ขง็ แรง รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน ถามีอาการดังน้ี ควรรบี ไปพบแพทยท นั ที ไมใชข องสวนตวั รว มกับผอู ่นื เชน ผาเชด็ หนา เพราะอาจไดรบั เช้ือโรคได ดงั นั้น ขอ ค. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู คมู ือครู 49

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู 1. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ ออกมาแสดงบทบาท ๒ การบาดเจ็บต่างๆ สมมุติในการดแู ลตนเองเมอื่ เกดิ อาการเจ็บปว ย หรอื บาดเจบ็ ท่ีหนาชั้น การบาดเจบ็ เปน็ สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ไดถ้ า้ เราไมร่ ะมดั ระวงั การบาดเจบ็ ที่นักเรยี นควรรู้ มดี งั นี้ 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั สรปุ อาการเจบ็ ปว ยและอาการ บาดเจ็บทมี่ กั พบในเด็ก และการดูแลตนเอง ๑. การบาดเจบ็ จากของมคี ม ของมีคม เชน่ มีด คัตเตอร์ (Cutter) เปน็ ต้น หากใช้งานดว้ ย ขยายความเขา ใจ Expand ความไมร่ ะมดั ระวงั อาจทา� ใหเ้ ราไดร้ บั บาดเจบ็ ได้ เมอ่ื เราไดร้ บั บาดเจบ็ จากของมีคม เราควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. ใหนกั เรียนอานขอความจากกิจกรรม ชวนคิด ๑) ล้างแผลด้วยน�้าสะอาดและสบู่ แล้วใช้ผ้าซับแผลให้แห้ง ชวนทํา ขอ 2 จากนัน้ ใหบ อกวิธีปฏบิ ตั ติ น ๒) ถ้าบาดแผลใหญ่หรือเลือดไม่หยุดไหล ให้ห้ามเลือดโดย เมอื่ มอี าการเจบ็ ปวย โดยทาํ ลงในสมุด กใหาท้รใาชย้ผา้าใสสแ่ะอผาลดสกดดเทช่ีบน่ าดโพแผวโิลดนแ-ลไะอรโีบอดไปนี พ1(บPแovพidทoยn์ eถI้าoเdลiือneด)หเยปุด็นไตหน้ล ลงบนแผล 2. ใหนักเรียนทํากจิ กรรมรวบยอดที่ 3.4 จาก ๓) ถ้าบาดแผลใหญ่ให้ใชพ้ ลาสเตอรย์ าหรอื ผา้ กอ๊ ซปิดแผล แบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.2 โดยอา นขอ ความ วิธีปอ้ งกัน แลวตอบคาํ ถาม ๑) ใชข้ องมคี มอยา่ งระมดั ระวงั และไมน่ า� ของมคี มมาเลน่ กนั ๒) เมอื่ ใชข้ องมีคมเสร็จแล้วควรล้างและเกบ็ เขา้ ที่ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ๒. การบาดเจบ็ จากการถูกแมลงสตั วก์ ดั ต่อย สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.4 แมลงหรือสัตว์ที่ท�าอันตรายต่อมนุษย์น้ัน มีหลายชนิด เช่น แบบประเมินตวั ช้ว� ัด พ 4.1 ป.2/4 ผ้ึง ต่อ งู สนุ ัข เป็นตน้ ซึ่งถา้ เราถูกแมลงสัตวก์ ัดตอ่ ย ควรรบี บอกพ่อ แม่ หรือผู้ใหญ่ใหท้ ราบทันที และควรปฏิบัติ ดงั นี้ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูตามตวั ชี้วดั ประจําหนวยที่ ๓ บทที่ ๓ ไสป้ ากก าอ๑อ)ก ถแล้าถว้ คูกรผอึ้งบจตดุ ่อทถี่ แกู ตตนอ่ ตย่อยกดลใหงใ้ใหช้เ้ดห้า็นมเปหาลกก็ กใาน2ลโผูกลลอ่่ืนอทก่ีถมอาด แลว้ ดงึ เอาเหลก็ ในออก จากนนั้ ทาแผลดว้ ยแอมโมเนยี ถา้ มอี าการปวด กิจกรรมรวบยอดที่ ๓.๔ ให้กินยาแก้ปวด แบบประเมนิ ตัวชว้ี ดั พ ๔.๑ ป.๒/๔ 50 • อธิบายอาการและวธิ ปี อ งกันการเจบ็ ปว ย การบาดเจ็บท่อี าจเกดิ ขึ้น ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน ๑ อานขอ ความแลวตอบคําถาม ในตอนเชาของฤดูหนาว เมื่อมดตื่นขึ้นมาแลวรูสึกไมสบาย มดจึงบอกคณุ แม คุณแมบ อกวา มดเปนไขห วัด จงึ ใหหยุดเรยี น แลวคณุ แมก็เตอื นนอ งมุกใหร ะวังติดไขห วัดจากพีม่ ด เฉฉบลับย ๑) มดปว ยเปนไขหวัด นา จะมีอาการอยางไรบา ง (ตวั อยา ง) เปนไข ตัวรอน ปวดศีรษะ มนี ํา้ มกู คัดจมกู ไอ จาม............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ๒) การทมี่ ดปว ยเปน ไขหวดั อาจจะมาจากสาเหตใุ ด (ยกตัวอยา งมา ๒ ขอ ) ๑) ไมสวมเสื้อผา ที่หนาเม่อื มีอากาศหนาว............................................................................................................................................................................................ ๒) ใกลชิดกับผปู ว ยท่ีเปน โรคไขห วดั............................................................................................................................................................................................ ๓) นอ งมุกควรทําอยางไรจึงจะไมติดไขห วดั จากพี่มด ๑) ไมเ ขาไปอยใู กลช ิดกบั พ่มี ด............................................................................................................................................................................................ ๒) ไมใชส่งิ ของสวนตัว เชน ผาเชด็ หนา แกวนํา้ รวมกบั พมี่ ด............................................................................................................................................................................................ ตวั ชีว้ ดั พ ๔.๑ ขอ ๔ öไดคะแนน คะแนนเตม็ ๔๑ นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนนการคิด ตน วงิ่ ชนกบั เพ่อื นจนหนาผากโน ตน ควรดแู ลรกั ษาอาการบาดเจ็บ 1 โพวโิ ดน-ไอโอดนี เปนนํา้ ยาใสแ ผลท่มี ฤี ทธิ์ฆาและทาํ ลายเชอ้ื โรค ซ่ึงไมท าํ ให อยางไรกอ น แสบแผลเหมือนทิงเจอรไอโอดีน ก. ทายาหมอ งบริเวณหนาผาก 2 เหลก็ ใน เดอื ยแหลมทมี่ ีในกน หรอื ปลายหางสตั วบ างชนิด เชน ผ้ึง ตอ แตน ข. ใชผาหอ นา้ํ แขง็ ประคบทหี่ นาผาก เปน ตน ค. ใชผา ชบุ นาํ้ รอ นประคบท่หี นาผาก ง. ใชแอลกอฮอลเ ชด็ บริเวณหนาผาก วเิ คราะหคําตอบ เมอื่ มีอาการฟกช้าํ หอเลือด โน ควรนาํ ผา หอ นาํ้ แขง็ หรอื ประคบเยน็ กอ นเพ่อื ทาํ ใหเลอื ดหมุนเวียนชาลง ทําใหห ยดุ เลือดท่ตี ก ภายในไดเร็วข้นึ ดงั นั้น ขอ ข. เปน คําตอบทถ่ี ูก 50 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๒) ถา้ สนุ ขั 1แมว หรอื สตั วเ์ ลยี้ งกดั ใหล้ า้ งแผลดว้ ยนา�้ สะอาด 1. ใหน กั เรยี นแบง กลุม ใหแตล ะกลุมสืบคน ขอมูล และสบู่ ลา้ งแผลดว้ ยนา�้ มากๆ และนานๆ เพอื่ ใหล้ า้ งนา้� ลายทมี่ เี ชอ้ื โรค เกยี่ วกบั โรคทีเ่ ดก็ เปนกนั มาก กลมุ ละ 1 โรค หมดไป แล้วปิดดว้ ยผา้ กอ๊ ซ จากน้นั ไปพบแพทย์ เพอื่ ฉีดวคั ซนี แลวบันทึกชอ่ื อาการ สาเหตุ การปอ งกัน ๓) ถา้ งกู ดั ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งรดั เหนอื บาดแผล แตถ่ า้ ตอ้ งการรดั และการดแู ลรกั ษาลงในใบงาน จากน้นั ออกมา ไใหมพ้ค่ วารไปรัดพแบนแ่นพจทนยเก์ แนิ ลไะปตอ้แงลจะ�าคลวักรคษลณาะยขทอกุ งๆงูท๑ีก่ ๐ัดในหา้ไทดี ้เแพล่ือ้วฉบดี อเกซพรุม่่อ2แม่ รายงานหนาชน้ั 2. ใหนกั เรียนทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 3.5 จาก แบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยดภู าพ แลวบอก วิธีปฏิบตั ติ นในการดูแลรักษา วิธีป้องกัน ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.5 ๑) ไมเ่ ลน่ บรเิ วณท่มี อี นั ตราย เช่น ท่ที ่ีมีรังผง้ึ รงั ตอ่ หรอื แบบประเมินตวั ช้ว� ัด พ 4.1 ป.2/5 รงั แตนอยู่ โดยเฉพาะบรเิ วณทมี่ ตี น้ ไมม้ าก บรเิ วณทรี่ กรา้ ง มหี ญา้ ขนึ้ สงู ๒) ไมเ่ ลน่ กับสุนขั แมว หรอื สัตว์เลี้ยงท่ีไมม่ เี จ้าของ ๓. การบาดเจบ็ จากการพลัดตก หกลม้ กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๕ แผกลารถพลอลักด3ตแกผลหฟกกลช้ม�้า เทป�าน็ ใหต้เน้ กิดบาดแผลต่างๆ ตามร่างกาย เชน่ แบบประเมนิ ตวั ช้ีวัด พ ๔.๑ ป.๒/๕ • ปฏบิ ัติตามคาํ แนะนาํ เม่อื มีอาการเจ็บปวยและบาดเจบ็ ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน ดูภาพ แลว บอกวิธปี ฏบิ ตั ิตนในการดูแลรกั ษาอาการเจบ็ ปว ยหรอื อาการบาดเจบ็ ตามภ(าตพวั อยาง) ๑) ๑) แผลถลอก ควรปฏิบัติ ดงั น้ี ลา้ งแผลดว้ ยนา�้ สะอาดและใชส้ บฟู่ อก เชด็ รอบแผลดว้ ย แอลกอฮอล์ แล้วทายาใสแ่ ผลสดบรเิ วณแผล เฉฉบลับย เดก็ ในภาพควรดูแลรักษาอาการเจ็บปว ย ดงั น้ี.................................................................. .๑...).......ใ...ช...ผ....า..ช....บุ ....น.....ํ้า..เ..ช....็ด....ต....วั ...เ.ม....่อื....ม...ไี...ข...ส....ูง................๒....).......ก....นิ.....ย...า...แ...ก...ป. ...ว...ด....ศ....รี...ษ....ะ...ถ....า ..ม....อี...า...ก....า..ร....ป....ว..ด....ศ....รี....ษ....ะ.. ๒ ) (แ๑ผ)ล ใฟชก้นชา�้ เ้า� ย็นหอ้หเรลืออื นดา�้ แคขว็งร4ปปรฏะบิ คัตบิ ทดนั งั ทนีี้ โดยประคบนาน ๓) นอนพกั ผอนและด่ืมน้ําอุนมากๆ........................................................................................................................................................................................................ ๒) เด็กในภาพควรดูแลรักษา อาการบาดเจบ็ ดงั นี้ ผมลืน่ ลม ครับ .๑...)......ใ...ช...ผ....า..ช....บุ ....น.....้าํ ..เ..ย....็น.....ห....ร...อื....น.....้าํ ..แ....ข...ง็ ................. ประมาณ ๑๕ - ๓๐ นาที ไมค่ วรใชน้ า�้ มนั แกป้ วดบวมทรี่ อ้ นทาบรเิ วณ ประคบทบ่ี าดแผล.......................................................................................... .๒....).....ห....ล....ัง....จ...า...ก....ป....ร....ะ...ค....บ....เ..ย....น็ ....ผ....า...น....ไ...ป............... ที่ได้รบั บาดเจ็บ เพราะจะท�าใหแ้ ผลบวมมากขึน้ กวา่ เดิม ..........๒....๔.......ช...ัว่ ...โ...ม...ง.......ใ..ห....ใ...ช...ผ....า ...ช...บุ ....น.....ํ้า...ร...อ....น......... (๒) หลังจากประคบด้วยน้�าเย็นหรือน้�าแข็งผ่านไป ประคบ.......................................................................................... ตวั ชี้วดั พ ๔.๑ ขอ ๕ ñðไดคะแนน คะแนนเตม็ ๔๓ ๒๔ - ๔๘ ชวั่ โมงแลว้ จึงใหใ้ ชผ้ ้าชบุ น้า� รอ้ นประคบบรเิ วณทีฟ่ กชา้� วิธปี ้องกนั ไมเ่ ลน่ ดว้ ยความรนุ แรง ไมเ่ ลน่ โลดโผน หรอื หยอกลอ้ กนั ระหว่างท�ากิจกรรม 51 ขอ สอบเนนการคดิ นักเรียนควรรู เมอ่ื เกิดบาดแผลฟกช้ํา หอเลอื ด เราควรดาํ เนนิ การปฐมพยาบาลอยา งไร ก. ทาดว ยยาหมอง ข. ใชน ้าํ แขง็ ประคบ 1 สนุ ขั ถา ถกู สุนขั กัด ใหก กั สนุ ัขไวด ูอาการอยางนอย 15 วัน โดยใหน ้าํ ค. ปลอยท้ิงไวเ ฉยๆ ง. เชด็ ดวยแอลกอฮอล และอาหารตามปกติ ถาสุนัขตายควรสง ไปตรวจสอบวา มเี ชอ้ื พษิ สุนขั บาหรือไม 2 เซรมุ เปนของเหลวสเี หลืองใสทส่ี กดั จากเลือดสตั ว ซ่งึ ทาํ ใหเกดิ ภมู ติ า นทาน วิเคราะหคําตอบ เมือ่ ไดร บั บาดเจ็บ มีแผลฟกชํา้ หอ เลือด ควรใชนํา้ แข็ง เชอ้ื โรค แลว นาํ มาฉดี ในคนเพือ่ ใหเกดิ ภมู ิตานทานเช้ือโรคนน้ั ประคบ เพอื่ ใหหลอดเลอื ดหดตัว จะไดลดอาการบวม อักเสบ ดงั นั้น 3 แผลถลอก เปน บาดแผลทเี่ กดิ กบั ผวิ หนงั ชนั้ ตนื้ โดยการฉกี ขาดของหนงั กาํ พรา อาจมีเลอื ดซมึ ออกมาภายหลัง 24 ชวั่ โมงไปแลว ขอ ข. เปนคําตอบท่ีถูก 4 นํ้าเยน็ หรอื นา้ํ แขง็ ความเยน็ จะมผี ลทําใหอ าการเจ็บปวดบรเิ วณที่ฟกชํา้ ลดลง หลอดเลอื ดจะหดตวั ทําใหอ าการบวมยบุ ลงอยา งรวดเรว็ ถามีเลือดตกในบรเิ วณท่ี กิจกรรมทาทาย ฟกชา้ํ กจ็ ะทาํ ใหเลอื ดหยดุ ได ครูจดั กจิ กรรมสัปดาหปองกนั โรค โดยใหนกั เรยี นสืบคน ขอมูลเกย่ี วกบั โรคตดิ ตอในปจ จบุ นั การดแู ล และการปอ งกันมา 1 โรค แลว นําขอ มูลมา จดั ปายนเิ ทศ คมู อื ครู 51

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งของใบงานโรคท่เี ด็ก ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ เปน กันมาก ตอนท ี่ ๑ คา� ถามชวนคดิ 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทํากจิ กรรม เขยี นตอบค�าถามต่อไปนลี้ งในสมุด รวบยอดท่ี 3.4 และ 3.5 จากแบบวัดฯ ๑) ถา้ นักเรียนปว่ ยเปน็ โรคไขห้ วดั นักเรียนจะรสู้ ึกอย่างไร สุขศกึ ษาฯ ป.2 ๒) นักเรียนเคยพบเห็นคนที่ป่วยหรือบาดเจ็บหนักๆ หรือไม่ และนักเรียน หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู รู้สกึ อยา่ งไร ๓) ถ้านักเรยี นไมอ่ ยากเจ็บปว่ ยหรอื ได้รบั บาดเจบ็ ควรทา� อย่างไร 1. ใบงานเร่อื งโรคทเี่ ด็กเปนกันมาก ๔) ถ้าบคุ คลใกลช้ ดิ มีอาการเป็นโรคตาแดง นกั เรยี นควรเขา้ ไปคลกุ คลี 2. กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.4 และ 3.5 จากแบบวดั ฯ ดว้ ยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๕) ถา้ นักเรยี นไมอ่ ยากเป็นโรคตาแดง นักเรยี นควรทา� อยา่ งไร สุขศกึ ษาฯ ป.2 ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนท�า ๑. เล่าอาการเจ็บปว ยท่ีนกั เรียนเคยเปน็ โดยบอกสาเหต ุ อาการและการ ปฏบิ ตั ิตน ๒. อ่านขอ้ ความทก่ี �าหนดให้ แล้วบอกวิธีปฏบิ ัติตนเมอื่ มีอาการเจ็บปว ย ๑) แก้มวิ่งเล่นในบ้านจนหวั เขา่ ชนโต๊ะ แล้วเกิดแผลฟกช้�าทห่ี ัวเขา่ ๒) ดวงปอกมะม่วง แล้วถูกมีดบาดนว้ิ ๓) ตองไปเล่นซอ่ นหาในสวน จึงท�าให้ถกู ผงึ้ ต่อยทแี่ ขน ๓ . สบื ค้นข้อมลู เก่ียวกบั โรคท่เี ป็นกนั มากในวัยของนักเรยี นมา ๑ โรค โดยบอกสาเหตุ อาการ และการปฏบิ ัติตน แล้วบนั ทกึ ข้อมลู ลงในสมุด ตอนท่ ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แบง่ กลมุ่ กลุ่มละ ๔ - ๕ คน สบื ค้นข้อมูลเก่ียวกบั อาการเจบ็ ปวยหรือบาดเจ็บ มา ๑ ชนดิ แลว้ บนั ทกึ อาการ สาเหต ุ การปอ้ งกนั และการปฏบิ ตั ติ นลงในกระดาษ แลว้ น�าไปจดั ทา� ปา้ ยนิเทศในช้ันเรียน 52 เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ขอ สอบเนน การคดิ ตอนท่ี 1 คําถามชวนคิด ในวัยของนักเรียน ถา มีไขสงู ควรทาํ อยา งไรเปน อยางแรก ก. บอกพอแม แนวตอบ ข. กินยาลดไข 1) รสู กึ ไมสบายตัว ออ นเพลีย เจบ็ คอ ปวดเม่ือยตามตวั ค. ดม่ื นํ้าอนุ มากๆ 2) คาํ ตอบขนึ้ อยูกับนกั เรียนแตล ะคน ง. ใชผาชุบน้ําเชด็ ตวั 3) ดูแลสุขภาพใหแขง็ แรงอยูเสมอ วิเคราะหค าํ ตอบ ในวยั ของนักเรียน ถารสู ึกวา มีไขสูงมาก ควรรีบบอก 4) ไมควร เพราะอาจทําใหต ดิ โรคได พอ แม เพ่ือใหพอแมห ายามาใหก ินหรอื พาไปพบแพทย ดงั นั้น ขอ ก. 5) ไมใ ชสิ่งของรวมกับผทู ี่เปนโรคตาแดง เปน คําตอบท่ีถกู ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 2. แนวตอบ 1) ใชผ า ชบุ นํ้าเยน็ ประคบ หลังจากนน้ั 1 วัน ใชผาชบุ นา้ํ รอนประคบ 2) ใชน้าํ สะอาดลางแผล หามเลอื ด ทาํ ความสะอาดแผล และใสยา 3) ใชก ุญแจกดบริเวณที่ผงึ้ ตอย หรอื ใชส ันบัตรเอทเี อ็มกดบรเิ วณทถ่ี ูกตอ ย เพื่อเอาเหล็กในออกมา แลว ใชแ อมโมเนียทาแผล 52 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Evaluate Explore Expand Engage ôEngage Explain กระตนุ ความสนใจ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1. ครูสอนนักเรยี นรองเพลง “ขา มถนน” ชีวติ ปลอดภยั จนสามารถรองไดอยางคลอ งแคลว จากนั้น ใหนักเรียนรวมกันคิดทาทางประกอบเพลง เป้าหมายการเรียนรู้ประจ�าหน่วยที่ ๔ แลวใหรวมกันรอ งเพลงอีกครง้ั พรอ มทง้ั ทาํ ทา ประกอบเพลง เมอื่ เรียนจบหน่วยน้� ผู้เรยี นจะมคี วามรู้ ความสามารถต่อไปน้� 2. ครูสนทนากับนกั เรียนวา ขณะขามถนน ๑. ป ฏิบตั ิตนในการป้องกันอบุ ัติเหตุทอี่ าจเกิดขึน้ นักเรียนทําอยางไรบาง โดยครูยังไมบอก นักเรยี นวาสง่ิ ท่นี กั เรยี นปฏิบัตินน้ั ถูกหรอื ผิด ทางนา้� และทางบก (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๑) ๒. ป ฏิบัตติ นตามสัญลกั ษณแ์ ละปา้ ยเตือนของ 3. ครูถามนักเรยี นวา ใครเคยประสบอุบตั ิเหตุ ขณะขามถนนบาง จากนน้ั ใหน ักเรยี นทเ่ี คย ส่งิ ของหรอื สถานท่ที ่เี ป็นอนั ตราย ออกมาเลาเหตุการณทีห่ นาชน้ั (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๔) ๓. อ ธิบายเหตุผล อนั ตราย วธิ ีปอ้ งกนั อัคคภี ยั และแสดงการหนไ� ฟ (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๕) ÍÑ¡ÉÃà¨ÃÞÔ Ç·Ô Â เกร็ดแนะครู ครูสอนนกั เรยี นรองเพลง “ขา มถนน” ดังนี้ เพลง ขา มถนน อยาเหมอมอง ตองดูขางหนา อกี ซา ยและขวา เมื่อจะขามถนน หากยวดยานหลาย กต็ องอดใจทน อยา ตัดหนารถยนต ทกุ คนจงระวังเอย *มง แซะ มง แซะ แซะ มง ตะลุม ตุม มง คมู อื ครู 53

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรียนรู ñบทที่ • ปฏบิ ัตติ นในการปองกันอบุ ัติเหตุท่อี าจเกดิ ขน้ึ ทางนา้ํ และทางบก (พ 5.1 ป.2/1) สาระสา� คญั อบุ ตั เิ หตสุ ามารถปอ้ งกนั ได ้ ถา้ เราไมป่ ระมาท สมรรถนะของผเู รียน อบุ ัตเิ หตุ และมีความระมัดระวังในการด�าเนนิ ชวี ิต และการปองกนั 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 3. ความสามารถในการแกปญ หา คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค 1. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage ÊÁ㨠1. ครขู ออาสาสมัครออกมาแสดงทาทาง โดยให Ê˾ҹԪ คนหนึ่งเปนคนขบั รถ และใหอ ีกคนเปน คนขา มถนน จากนน้ั ใหผ ูท ีข่ า มถนนทาํ ทา 5432 6014 ว่งิ ตัดหนารถพอดี แลวหยุดคา งไว 1516 ?1234 2. ใหนักเรยี นลองคาดเดาวา เหตุการณทจ่ี ะ เกดิ ขน้ึ คือเหตุการณใ ด และมผี ลอยางไรทัง้ ตอ ¨Ò¡ÀÒ¾ ¶ŒÒ¹¡Ñ àÃÕ¹µŒÍ§¡ÒâŒÒÁ¶¹¹ คนขบั รถและคนขา มถนน น¡ั เรÕÂน¨ÐทÒí อÂÒ่ §ไร¨§Ö ¨ÐปÅอ´Àั 3. ใหน ักเรียนดูภาพจากหนงั สอื หนา 54 แลว บอกวา ถานักเรียนตองการขามถนน นักเรียน ควรทาํ อยางไรจึงจะปลอดภยั (แนวตอบ รอใหส ญั ญาณไฟจราจรเปนสีแดง แลวรถหยุด จงึ ขา มถนนตรงทางมาลาย) 54 เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรียนปฏบิ ัติ ดงั น้ี • สํารวจการเดินทางและขอ ปฏบิ ัติในการเดนิ ทาง • แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับการเดนิ ทางทีถ่ ูกวธิ ี • ปฏบิ ตั ติ นในการเดนิ ทางไดอยางปลอดภัย จนเกดิ เปนความรู ความเขาใจวา ชวี ิตของเราจะปลอดภยั จากอุบตั เิ หตุได ถามีความระมดั ระวงั และไมม ีพฤติกรรมเสยี่ งตอ การเกิดอบุ ัติเหตุ 54 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Evaluate Explore Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ ความหมายของอุบตั เิ หตุ 1. ครสู าํ รวจวา นักเรยี นมีการเดนิ ทางมาโรงเรยี น ดว ยวิธใี ดบา ง แลว ครจู ดบนกระดาน อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุที่เกิดข้ึนโดยไม่คาดคิด ก่อให้เกิด การบาดเจ็บ พิการ และอาจเสียชวี ติ ได้ 2. ใหน ักเรียนชว ยกันจดั กลมุ วา การเดินทางใด อุบัติเหตุท่ีมักพบบ่อย เช่น อุบัติเหตุจากการจราจร หกล้ม เปนการเดนิ ทางทางบก และการเดินทางใด มีดบาด ถูกน้�าร้อนลวก ตกนา้� เป็นต้น เปนการเดนิ ทางทางน้ํา ๒ อุบัติเหตทุ างบก 3. ครูสนทนากับนักเรยี นวา จากเหตกุ ารณสมมตุ ิ อบุ ตั เิ หตทุ างบก เปน็ อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ ขน้ึ ขณะเดนิ ทางตามถนน ทแ่ี สดง ถา คนเราไมระมดั ระวงั กอ็ าจทาํ ใหเกดิ หรอื โดยสารรถตา่ งๆ อุบตั ิเหตไุ ด ๑. สาเหตขุ องอบุ ตั เิ หตทุ างบก อุบัตเิ หตุทางบกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดงั น้ี 4. ใหนักเรียนแบง กลมุ เปน 4 กลุม ใหแตล ะ ๑) ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น เดินบนถนนไม่เดินบน กลุมรับผดิ ชอบกลมุ ละ 1 หวั ขอ ดังนี้ ทางเท้า ไม่ขา้ มถนนตรงทางมา้ ลายหรือสะพานลอย เป็นตน้ กลุม ที่ 1 รับผิดชอบ การเดนิ ทางตามถนน กลุมท่ี 2 รับผดิ ชอบ การเดินทางดวยรถ กลุมที่ 3 รบั ผดิ ชอบ การเดนิ ทางดวย รถจกั รยาน กลุมท่ี 4 รับผดิ ชอบ การเดนิ ทางทางนํ้า จากนั้นใหแตล ะกลมุ ศกึ ษาวา การเดนิ ทางท่ี ตนเองรับผิดชอบจะทาํ ใหเ กิดอุบตั เิ หตไุ ดอยา งไร เกดิ จากสาเหตุใด และมีวิธีปอ งกนั อุบตั ิเหตนุ ้ัน อยา งไร แลวใหแ ตละกลุมออกมารายงานหนาชัน้ ๒) ความประมาท เชน่ วงิ่ เลน่ หรอื เลน่ หยอกลอ้ กนั รมิ ถนน ใชโ้ ทรศัพท์มือถือขณะข้ามถนน เป็นต้น มหี มอก 1 ๓) สภาพภมู อิ ากาศและภูมิประเทศ เชน่ ฝนตก ถนนล่นื เปน็ ตน้ ๔) สภาพรา่ งกายเจบ็ ปว่ ยไมส่ บาย เชน่ เกดิ อาการหนา้ มดื 2 ขณะขา้ มถนน เป็นตน้ ๕) ขาดความรู้เรื่องกฎจราจร เช่น ไม่รู้จักสัญญาณไฟ จราจร เป็นต้น 55 บรู ณาการเชือ่ มสาระ นักเรยี นควรรู ครูบูรณาการความรูใ นสาระสขุ ศกึ ษาฯ กบั สาระศลิ ปะ วิชาทัศนศลิ ป 1 หมอก เปน ละอองนา้ํ ขนาดเล็กทมี่ องเหน็ ดวยตาเปลา ซงึ่ เกดิ จากการควบแนน โดยใหนกั เรยี นวาดแผนผังเสน ทางการเดนิ ทางจากบา นมาโรงเรยี น เพ่ือให ของไอนา้ํ นักเรียนสังเกตเห็นจุดทอ่ี าจเปนอนั ตราย และหาวิธีปอ งกันอนั ตรายได หมอกทําใหเ กดิ ฝามัว และบดบงั การมองเห็น โดยเฉพาะการขบั ขย่ี านพาหนะ ซง่ึ อาจทําใหเ กิดอบุ ัตเิ หตไุ ด 2 อาการหนา มืด เกิดจากการทีส่ มองขาดเลือด และแกสออกซเิ จนไปเล้ียงชั่วคราว โดยจะรสู ึกวิงเวยี นศีรษะ มอี าการวูบเหมอื นจะเปน ลม หรอื หากมอี าการรนุ แรง อาจเปน ลมหมดสติได เมอื่ มีอาการหนามืด ควรหยุดพกั จากการทาํ กิจกรรมตางๆ กอ น โดยนง่ั พกั หรอื นอนพักในทรี่ ม ท่มี ีอากาศถายเทไดดี จนกวา อาการจะดขี ึ้น คมู อื ครู 55

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครตู ัง้ คําถามเก่ียวกบั สาเหตุของการเกิด ๒. การป้องกันตนเองจากอุบตั ิเหตุทางบก อบุ ัตเิ หตุทางบกและทางนํ้า และใหนักเรยี น การปอ้ งกันตนเองจากอบุ ัติเหตุทางบก ทา� ได้ ดงั นี้ ชวยกนั ตอบ • นกั เรียนคดิ วา การเกิดอบุ ตั เิ หตจุ ากการ ขณะเดนิ ทางตามถนน เดินทาง เกดิ จากสาเหตใุ ดมากที่สุด (แนวตอบ ความประมาทของผขู ับข่ี ๑) ไม่วิ่งเล่นใกล้ถนนหรือไม่ผลักเพ่ือนขณะเดินทาง ยานพาหนะและผเู ดนิ ทาง) ตถ าา้ มไมถ ม่ นที น๒า)ง เเทดา้ นิ คบวนรเทดานิ งชเทดิ า้ ไ1ใหหลเ้ ดท่ นิ าชง2ทดิ าทงาดงา้ดนา้ นขใวนา • ผลเสียของการเกดิ อุบัตเิ หตุจากการเดินทาง เพือ่ จะได้เหน็ รถที่แลน่ สวนมา มอี ะไรบา ง ๓) ขณะเดินทางในเวลากลางคืน ควร (แนวตอบ ทรพั ยสนิ เสียหาย ไดรับบาดเจบ็ สวมใส่เส้ือผ้าสีขาวหรือสีสว่าง เพ่ือให้ผู้ขับข่ี เดนิ ชิดไหลท่ าง พกิ าร และอาจเสยี ชีวติ ได) ทางดา้ นขวา • การเดนิ ทางควรมีความรูใ นเร่อื งใด เพราะอะไร สามา รถ๔ม)อ งคเวหร็นเดไดิน้อขย้า่ามงถชนัดนเจตนรงทางมา้ ลาย3หรอื ใช้สะพานลอย (แนวตอบ กฎจราจร เพราะจะไดป ฏิบัติตนใน ๕) กอ่ นขา้ มถนนตรงทางมา้ ลาย ควรมองใหแ้ น่ใจวา่ ไมม่ ี การเดนิ ทางไดถูกตอ งและปลอดภยั ) รถแลว้ จึงเดนิ ข้ามถนน โดยให้มองขวา มองซา้ ย และมองขวา • นกั เรียนคิดวาพฤตกิ รรม “เมาแลวขบั ” อีกครง้ั แล้วจงึ ขา้ มถนน เปน็ ๔ ขน้ั ตอน ดังน้ี จะสงผลเสียตอ ผูขับขี่เพยี งคนเดียวหรือไม เพราะอะไร (แนวตอบ ไม เพราะถา ผูขบั ขย่ี านพาหนะ มีอาการเมาจะทาํ ใหขาดสติ และทําใหเ กดิ อุบัติเหตไุ ดง า ย ซ่ึงอบุ ัติเหตนุ อี้ าจสงผลตอ ผโู ดยสารหรอื บุคคลอน่ื ท่เี ดนิ ทางอยบู นถนน เชน ขบั รถเฉ่ียวชนผอู น่ื จนพิการหรอื ถึงแก ความตายได) 2. ใหนักเรียนและครูรว มกนั สรปุ สาเหตขุ อง การเกิดอบุ ัติเหตใุ นการเดนิ ทาง ๑. มองขวา ๒. มองซา้ ย ๓. มองขวาอกี คร้ัง ๔. รีบเดนิ ข้ามถนน 56 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ เพราะเหตใุ ด เราจงึ ควรมองขวา มองซาย และมองขวาอีกคร้ังกอ นขามถนน ครใู หนกั เรียนฝก ซอมการเดนิ ทางตามถนน โดยครอู าจจาํ ลองสถานการณ แนวตอบ เพราะเปนการมองเพื่อตรวจสอบใหแ นใจวา ไมม รี ถกาํ ลัง การเดนิ ทางตามถนน เพ่ือใหน ักเรียนเกิดความเขาใจมากขึ้น แลนมา หรอื รถหยุดรอใหคนขา มแนแลว กอนจะขา มถนน เพื่อสรา งความ ปลอดภยั ใหกับตนเอง นักเรยี นควรรู 1 ทางเทา เปน ทางขามทม่ี กั ยกสงู ขึน้ สาํ หรบั ใหค นเดนิ ภาษาปาก เรียกวา ฟุตบาท 2 ไหลท าง หมายถึง สวนของถนนท่ตี ิดอยูกับทางจราจรท้งั 2 ขาง 3 ทางมา ลาย กฎหมายไดก ําหนดหลักเกณฑไวว า ภายในระยะทางไมเกนิ 100 เมตร นับจากทางขา ม ถา คนเดนิ เทาไมข า มถนนตรงทที่ างขา มหรอื ทางมา ลาย ถอื วาเปน ความผดิ มโี ทษปรบั ไมเ กนิ 200 บาท 56 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ขณะเดินทางด้วยรถโดยสารประจ�าทาง รถไฟ หรือรถไฟฟา้ 1 1. ครตู ั้งคาํ ถามเก่ยี วกับการปอ งกนั อุบัติเหตุ ๑) ยืนรอรถโดยสารท่ีป้ายหยุดรถโดยสารบนทางเท้า ทางบกและทางน้ําและใหนักเรยี นชว ยกันตอบ และยืนหา่ งจากขอบทางเทา้ เขา้ ไปดา้ นใน ไม่เล่นกนั ขณะรอรถ • ถานักเรียนตอ งการขามถนน แตบ ริเวณนัน้ ๒) ยืนรอรถไฟหรือรถไฟฟ้า ให้ยืนรอหลังเส้นสีเหลือง ไมม ที างขาม นกั เรียนควรทาํ อยา งไร ทปี่ รากฏอยบู่ นพน้ื ชานชาลา และหา้ มลงไปในรางรถไฟเดด็ ขาด (แนวตอบ ควรมองขวา มองซา ย และมองขวา ไมเ่ ล่นกนั ขณะรอรถ อีกครัง้ ใหแนใจกอนวาบนถนนไมม รี ถ ๓) ขึ้นหรือลงรถอย่างเป็นระเบียบ ไม่ควรผลักกันหรือ แลว จึงรบี เดนิ ขาม) แย่งกนั • ถาตอ งโดยสารรถประจาํ ทาง ๔) เมอื่ ข้นึ รถแลว้ ควรเดินเข้ามาด้านในรถและหาที่นงั่ แตรถประจําทางมีคนแนนมาก นกั เรียน แต่ถา้ ไมม่ ที น่ี ง่ั ว่าง ให้ยืนจับราวหรอื พนกั พิงให้มั่นคง ไม่เลน่ กนั ควรทาํ อยางไร บนรถ (แนวตอบ ควรรอรถโดยสารประจาํ ทาง ๕) ไมค่ วรยนื ใกลป้ ระตรู ถ หรอื ยนื หอ้ ยโหนอยทู่ ปี่ ระตรู ถ คนั ตอ ไปที่วา งกวา คนั น)้ี ๖) ถา้ ตอ้ งการลงจากรถโดยสาร ควรกดกริง่ ให้สัญญาณ • นักเรียนมวี ธิ ีขี่จกั รยานใหป ลอดภยั กับพนักงานขับรถก่อนท่ีจะถึงป้าย แล้วไปยืนคอยบริเวณใกล้ๆ ไดอ ยา งไร กับประตูรถ (แนวตอบ ควรขี่จักรยานใหคลอ งกอ นขี่ ออกมานอกถนน ควรสวมหมวกนริ ภยั ขณะขี่ และควรมคี วามรูเร่อื งกฎจราจร กอ นขจ่ี กั รยานออกนอกถนน) • ถา เพื่อนชวนไปเลน ริมแมนํ้า แตนักเรยี น วา ยนํา้ ไมเปน นกั เรยี นควรไปหรอื ไมไ ป เพราะอะไร (แนวตอบ ไมควรไป เพราะอาจเกดิ อุบตั เิ หตุ ลน่ื ตกนํ้าได) 2. ใหน กั เรียนรวมกนั สรุปวธิ ีปองกนั อบุ ัตเิ หตุ ทางบกและทางนํ้า ขณะรอขน้ึ รถโดยสารประจําทาง ควรเขา้ แถวใหเ้ ปนระเบยี บ 57 ขอ สอบเนนการคดิ นกั เรยี นควรรู หากรถประจําทางยังไมจ อดสนทิ นกั เรยี นควรรบี ข้ึนรถหรอื ไม เพราะเหตุใด 1 รถไฟฟา ขอปฏบิ ัติในการรอรถไฟฟา มีดงั นี้ ก. ควร เพราะจะไดม ีทน่ี ่ัง • ยนื เขาแถวรอขบวนรถและวางสัมภาระหลังเสนเหลอื ง ข. ควร เพราะรสู ึกเทเม่ือไดข ึ้นรถเปนคนแรก • ควรดแู ลเด็กเล็กขณะยืนรอ และเขา - ออกขบวนรถ ค. ไมค วร เพราะจะถูกเบยี ดใหไ ปยืนดา นใน • หลกี ทางใหผูโ ดยสารในขบวนรถออกกอ นเสมอ ง. ไมค วร เพราะอาจเกดิ อบุ ัตเิ หตุได • ระวงั ชอ งวางระหวา งพน้ื ชานชาลากบั ขบวนรถ วิเคราะหค าํ ตอบ ไมควรรีบขน้ึ - ลง ในขณะท่รี ถยงั จอดไมสนิท เพราะอาจ • เมือ่ ไดย ินเสยี งสญั ญาณปดประตู ควรหยุดเพื่อรอรถไฟฟาขบวนถัดไป • เม่อื สงิ่ ของตกลงในราง โปรดแจง พนกั งานทนั ที หา มลงไปเกบ็ เอง ทาํ ใหเ ราเสยี หลกั หกลม และบาดเจบ็ ได ดงั น้นั ขอ ง. เปน คาํ ตอบทีถ่ กู • หา มวิ่ง เลน ผลกั หรือหยอกลอ กนั บริเวณชานชาลา • หา มลงรางโดยเดด็ ขาด เพราะจะไดรบั อันตรายจากขบวนรถและ ไฟฟาแรงสูง • หา มเขาไปในเขตหวงหา มบริเวณปลายชานชาลา คมู ือครู 57

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนักเรยี นทํากจิ กรรม ชวนคิด ชวนทาํ ขณะขจี่ ักรยาน ขอ 1 โดยใหน กั เรยี นอา นพฤตกิ รรมทกี่ าํ หนดให ๑) ตรวจสอบสภาพรถจักรยานให้อยู่ในสภาพดีทุกคร้ัง แลว รวมกันบอกวา พฤตกิ รรมใดบางท่อี าจ ก อ่ น น�าม๒า) ขส่ี วมหมวกนิรภยั 1ขณะขรี่ ถจกั รยานบนถนนทกุ ครงั้ ทําใหเกิดอุบตั เิ หตุ จากนัน้ ใหนักเรียนรว มกนั ๓) ขี่จักรยานในช่องทางจักรยานท่ีก�าหนดไว้ หรือข่ีชิด ปรับปรงุ แกไขพฤติกรรมใหถ ูกตอง ช่องทางเดินรถประจ�าทาง หรอื ชิดขอบทางซ้ายของทางเดนิ รถ ๔) ปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรเม่ือจะเล้ียวหรือหยดุ รถ โดยให้ 2. ครเู ขียนแผนผงั กางปลาแสดงวธิ ปี อ งกัน สัญญาณมอื ดังน้ี อุบัตเิ หตุลงบนกระดาน แลว ใหนกั เรยี นรวมกัน ออกมาเตมิ ขอ มลู โดยใหเ พ่ือนและครูรว มกัน เลีย้ วขวา เลยี้ วซ้าย หยุดรถ ตรวจสอบความถูกตอง 3. ใหน ักเรยี นรวมกนั สรุปใหไ ดวา “ชีวิตจะปลอดภัย ถาเราไมป ระมาท” 4. ใหน ักเรยี นรว มกันสรปุ วา เม่อื ประสบอบุ ตั ิเหตุ ควรขอความชว ยเหลือจากผูอนื่ ที่ไวว างใจได หรือหนว ยงานท่ีใหความชวยเหลอื โดยให นักเรยี นสืบคนชอื่ และเบอรโ ทรศพั ทของ ผูชว ยเหลือหรอื หนว ยงานท่ีใหความชวยเหลอื แลวจดบันทกึ และนําติดตวั ไวต ลอดเวลา เพอ่ื วาจะไดข อความชวยเหลือไดทันที ๕) ขณะข่ีจักรยานออกจากซอยหรือก�าลังจะขี่จักรยาน ขา้ มถนน ควรหยุดรถหรอื ชะลอรถ แลว้ มองขวา มองซ้าย และ มองขวาอีกคร้งั เม่ือเหน็ ว่าปลอดภยั แล้วจงึ ขีต่ อ่ ไป ๖) ขณะข่ีจักรยานในเวลากลางคืนต้องเปิดโคมไฟหน้า รถและโคมไฟติดท้ายรถจักรยาน ถ้าไม่มีให้ติดวัตถุสะท้อนแสง สีแดงทีต่ วั รถจักรยานแทน ขณะซอ้ นท้ายรถจักรยานยนต์ 58 วผาซงู้ เอ้ ทน้าทบา้นยทรี่วถาจงกั เรทยา้ านแยลนะไตม์ ค่คววรรแซตอ้ ง่ นกกายันรเดักกนิ มุ ๑สวคมนห2มวก นริ ภัย นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด ขอ ใดเปน ขอปฏิบตั ิตนในการขามถนนตรงทางมาลาย 1 หมวกนิรภยั (หมวกกนั น็อก) มปี ระโยชนช วยลดความเสยี่ งของการบาดเจบ็ ก. รีบวง่ิ ขา มใหเ ร็วท่ีสุด ที่สมองและศีรษะอยางรนุ แรง การสวมหมวกนิรภยั หรอื หมวกกนั น็อก มีวธิ ีปฏบิ ัติ ข. มองใหแนใจวา รถหยดุ จึงขา ม ที่ถูกตอ ง ดงั นี้ ค. ลงมายืนรอขา มตรงถนนท่มี ีทางมา ลาย ง. ขา มขณะสญั ญาณไฟรูปคนขามเปนสแี ดง • สวมตรงๆ บนศรี ษะ ไมใ หเอียงไปดา นใดดานหนงึ่ วเิ คราะหคาํ ตอบ การขามถนนตรงทางมาลาย ควรมองขวา มองซาย • รดั สายรัดคางอยา งพอดีโดยไมห ลวมหรือแนนเกนิ ไป และมองขวาอกี คร้งั ใหแนใจกอ นวา รถหยดุ แลว จึงคอยเดินขา ม จึงจะ 2 ไมควรซอนกนั เกนิ 1 คน การซอนทา ยรถจกั รยานยนตเกิน 1 คน ปลอดภยั ดงั นั้น ขอ ข. เปนคําตอบท่ีถกู หรือที่เรียกวา “การซอ นสาม” อาจทําใหเกดิ อนั ตรายได เชน พลัดตกจากรถ ไดรบั บาดเจบ็ หรืออาจทาํ ใหรถบรรทกุ นาํ้ หนักมากเกนิ ไปจนไมส ามารถควบคุม รถได เปนตน 58 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๓ อบุ ัติเหตทุ างน�้า 1. ใหน กั เรียนแบงกลมุ จากนนั้ แสดงบทบาท สมมตุ ิเก่ยี วกับการเดินทางใหปลอดภยั อุบัติเหตทุ างน้า� มหี ลายอย่าง เชน่ ตกน้�า เรอื ล่ม เปน็ ต้น โดยใหกําหนดสถานการณเอง แลวออกมา ๑. สาเหตุของอุบัตเิ หตทุ างนา�้ แสดงท่ีหนาช้นั อุบัติเหตทุ างนา้� เกิดขึ้นไดจ้ ากหลายสาเหตุ ดังน้ี ๑) เรือหรอื โป๊ะรวั่ หรือช�ารดุ 2. ใหน กั เรียนวาดแผนผังแสดงเสนทางการ ๒) ไมม่ ที กั ษะในการว่ายนา้� เดนิ ทางมาโรงเรยี น แลว เขียนอธิบายการ ๓) ความประมาทของผขู้ บั เรอื เชน่ ขบั เรอื ขณะเมา เปน็ ตน้ เดนิ ทางมาโรงเรียนตามเสนทางใหปลอดภัย ๔) ความประมาทของผูโ้ ดยสาร เชน่ แย่งกันขึน้ หรอื ลงเรอื นัง่ หรอื ยืนบรเิ วณกราบเรอื เลน่ กนั บนเรอื เปน็ ต้น 3. ใหน ักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 4.1 จาก ๕) เรือหรือโป๊ะมีการบรรทุกคนหรือส่ิงของเกินน�้าหนักท่ี แบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 โดยอานสถานการณ กา� หนด ทก่ี าํ หนดให แลวเขียนวธิ ปี อ งกนั อบุ ัติเหตุ ๖) สภาพแวดลอ้ มไม่อา� นวย เช่น ฝนตก มพี าย ุ มีเกาะแก่ง มโี ขดหินใตน้ �้า กระแสน้�าไหลแรง เป็นต้น ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๒. การปอ้ งกนั ตวั เองจากอุบตั ิเหตุทางนา�้ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.1 เราสามารถปอ้ งกันอบุ ัตเิ หตุทางน้�าได ้ ดังน้ี แบบประเมนิ ตวั ช้ว� ดั พ 5.1 ป.2/1 ๑) หดั ว่ายน�้า ลอยตัวในน�า้ ใหช้ า� นาญ ๒) ไม่ควรเล่นใกล้แม่น�้าล�าคลอง และถ้าจะเล่นน้�าต้องมี แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตัวชว้ี ดั ประจําหนว ยที่ ๔ บทท่ี ๑ ผ้ใู หญ่ดแู ล ๓) ขณะรอลงเรือควรรอท่ฝี งั่ หรือบนท่า กิจกรรมรวบยอดที่ ๔.๑ ๔) ควรรอใหเ้ รอื จอดเทยี บทา่ ใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ นขน้ึ หรอื ลงเรอื ๕) เมอ่ื ลงเรอื แล้วควรเดนิ เข้าไปในตวั เรือ นั่งในทที่ ่จี ัดไวใ้ ห ้ แบบประเมินตวั ชว้ี ดั พ ๕.๑ ป.๒/๑ ไม่ควรนง่ั ทก่ี ราบเรือ • ปฏบิ ตั ิตนในการปอ งกนั อบุ ตั ิเหตุทอ่ี าจเกิดขน้ึ ทางนาํ้ และทางบก ๖) ถ้าต้องโดยสารเรอื ตอ้ งสวมเสอ้ื ชชู ีพทกุ ครัง้ ชุดท่ี ๑ ๑๐ คะแนน 59 อานสถานการณท กี่ ําหนดให แลว เขียนวิธปี ฏบิ ัติตนทเ่ี หมาะสมเพอื่ ปองกนั อบุ ัตเิ หตุ ๑) พ่ีแพรชวนพิมน่ังเรอื ไปเที่ยวเกาะเกร็ด แตพมิ วายนํา้ ไมเ ปน พมิ ควรทําอยา งไร • ปฏเิ สธคาํ ชักชวน....................................................................................................................................... • ตอบรบั แลว ขณะโดยสารเรอื พมิ ควรสวมเสอื้ ชชู ีพ............................................................................................................................................................................................ เฉฉบลับย ๒) ตนขี่จักรยานเลนกับเพื่อนๆ แลวตอยก็ไดแสดงการขี่จักรยาน ปลอยมือใหเพื่อนๆ ดู พรอมกับทาทายใหเพ่ือนๆ ทําตามเขา ตน ควรทําอยางไร ตน ไมควรทาํ ตามแบบตอ ย แตควรขจี่ กั รยาน........................................................................................................................................ โดยจบั คันบงั คบั ดวยมือทัง้ สองขา ง............................................................................................................................................................................................ ๓) หนอยกําลังยืนรอรถไฟฟาอยูที่ชานชาลา แลวหนอยก็เผลอ ทํากระเปาเงินตกไปท่รี างรถไฟฟา หนอยควรทาํ อยางไร หนอ ยไมค วรลงไปเกบ็ กระเปา เงนิ ดว ยตนเอง แตค วรบอกเจา หนา ท่ี............................................................................................................................................................................................ ใหเกบ็ กระเปา เงินให............................................................................................................................................................................................ ๔) วันนี้รถโดยสารประจําทางแนนมาก จนแทบไมมีท่ีวางดานใน เหลือแตที่วางบริเวณบันได ปอมซึ่งรีบจะไปโรงเรียน ควรทํา อยา งไร • ปอมควรยนื รอรถคันตอ ไปแทน..................................................................................................................................................................... • อาจเบียดคนขึน้ ไปยืนอยดู า นในรถ............................................................................................................................................................................................ ๔๖ ขอ สอบเนนการคดิ เกรด็ แนะครู สริ ตี อ งโดยสารเรอื ไปโรงเรยี นทุกวนั แตสิรีไมย อมสวมเส้ือชูชพี เพราะรสู กึ ครูย้าํ ใหน กั เรียนเขา ใจวา ขณะยนื รอเรือไมควรรอท่ีโปะ เรอื เพราะโปะเรอื อึดอัด หากนกั เรียนเปน เพอ่ื นกับสิรี นักเรยี นควรบอกสิรอี ยา งไรเพื่อปอ งกนั รบั นํา้ หนกั ไดจ ํากดั ถา มคี นไปยืนรอที่โปะ เปน จาํ นวนมาก อาจทําใหโปะ ลม ได ตนเองจากอุบัตเิ หตทุ างน้าํ ก. เปล่ียนไปโดยสารรถประจําทางดกี วา บเศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง ข. ไมต อ งสวมหรอก เพราะเรือคงไมล ม ค. สวมเส้อื ชชู ีพดกี วา นะเพื่อความปลอดภยั นกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน แตละกลุมรว มกนั คดิ การทําเสื้อชูชีพจาก ง. ไปน่งั ขา งคนขับเรอื ดีกวา จะไดปลอดภยั วสั ดุรอบตวั แลว ประดษิ ฐต ัวอยางเส้อื ชชู ีพ และออกมานําเสนอหนา ช้นั เรยี น วเิ คราะหค ําตอบ ถาหากตอ งโดยสารเรอื เปนประจําหรือเปนระยะทางไกลๆ ผโู ดยสารควรสวมเสือ้ ชชู ีพทกุ คร้งั เพอ่ื ความปลอดภยั เพราะอบุ ตั เิ หตสุ ามารถ เกดิ ขึ้นไดโ ดยทเี่ ราไมคาดคดิ ดังนนั้ ขอ ค. เปน คําตอบทถ่ี ูก คูมือครู 59

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสอบความถกู ตอ งของการแสดงบทบาท ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ สมมุติของนกั เรยี นในการปอ งกันอุบัตเิ หตุ ทางบกและทางนาํ้ ตอนที ่ ๑ ค�าถามชวนคดิ เขียนตอบคา� ถามต่อไปนี้ลงในสมดุ 2. ครูตรวจสอบการอธบิ ายการปฏบิ ตั ติ นในการ ๑) นกั เรยี นรสู้ ึกอยา่ งไรเมือ่ ทราบขา่ วอบุ ตั เิ หตใุ นชวี ิตประจา� วนั เดินทางใหป ลอดภัย ๒) ถา้ เปน็ นักเรยี น นักเรยี นจะป้องกนั ไม่ให้เกดิ อุบัตเิ หตุนนั้ อยา่ งไร ๓) น กั เรียนขา้ มถนนอย่างไร และปฏิบตั ิตามวธิ กี ารขา้ มถนนท้งั ๔ ขัน้ ตอน 3. ครูตรวจความถกู ตอ งของการทํากจิ กรรม รวบยอดท่ี 4.1 จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 หรือไม ่ เพราะอะไร หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนท�า ๑. บอกวา่ พฤติกรรมในขอ้ ใดทอ่ี าจก่อให้เกิดอบุ ตั ิเหตุ 1. แบบประเมนิ ผลการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๑) ขา้ มถนนตรงทางม้าลาย 2. ผลงานการเขียนอธิบายการเดินทางใหปลอดภยั ๒) ยืนเกาะราวบันไดของรถโดยสาร 3. กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.1 จากแบบวดั ฯ ๓) ว่งิ เล่นกับเพอื่ นขณะเดนิ ทางตามถนน ๔) ขจี่ ักรยานกลางถนน สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ๕) วิ่งแซงเพือ่ นขณะก�าลงั ลงเรือ ๒. เขียนแผนภูมกิ ้างปลาแสดงวธิ ปี อ้ งกนั อุบัตเิ หตุทางบกและทางน�้า โดยท�า ลงในสมุด ทาขงสา้ มมว้ามถลนเาสนย้ือตชรชูง(พี ตัวอยางแผนภมู ิกางปลา) วธิ ปี อ้ งกัน อบุ ตั ิเหตุ ตอนท ี่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ แบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔ - ๕ คน แล้วให้แตล่ ะกลุม่ แสดงบทบาทสมมติเกีย่ วกับการ ป้องกันอุบัตเิ หตมุ ากลุ่มละ ๑ เหตกุ ารณ์ 60 เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู สวมเสื้อชูชีพ ไมแกลง กันขณะเดินตามถนน ขน้ึ และลงรถอยา งเปนระเบยี บ ตอนที่ 1 คําถามชวนคิด ขามถนนตรงทางมา ลาย ปฏิบตั ิตามกฎจราจร ข้นึ และลงเรอื อยางเปนระเบียบ แนวตอบ 1) - 3 คาํ ตอบขนึ้ อยกู ับนกั เรยี นแตล ะคน ตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทํา 1. ตอบ 2), 3), 4), 5) 2. แนวตอบ วธิ ปี องกัน อบุ ตั ิเหตุ 60 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate òบทที่ เปาหมายการเรียนรู สญั ลกั ษณ สาระส�าคญั • ปฏิบัตติ นตามสญั ลกั ษณแ ละปายเตอื น และปายเตือน เราควรระมัดระวังตัวในการป้องกันอุบัติเหตุ ของสง่ิ ของหรอื สถานทีท่ เ่ี ปน อนั ตราย โดยปฏิบัติตามกฎระเบยี บ และคา� เตือนต่างๆ (พ 5.1 ป.2/4) ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ท่ีอยู่ในรูปของสัญลกั ษณ์และปา้ ยเตือน สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต คุณลกั ษณะอันพึงประสงค AUTHORIZED PERSONNEL 1. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ ONLY 2. ใฝเ รยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage WรCEะAวTงัUFพTLื้นIOOลONื่นR สวมHหEMมAUวDSกTนPิรRBภOEยั TปWEอ้ COงTกRIนัNOศNรี ษะ 1. ครูใหน ักเรยี นดภู าพสัญลกั ษณใ นหนังสอื เรยี น หนา 61 จากนน้ั ใหนักเรยี นบอกวานักเรยี น ห้ามจดุ ไฟ ? ระวงั เลเซอร์ รูจกั สัญลักษณเ หลา น้ีหรือไม ถา รจู ัก NO FIRE IGNITION สญั ลักษณเหลาน้หี มายถงึ อะไร ¨Ò¡ÀÒ¾น¡ั เรÕÂนร¨ŒÙ ั¡ÊัÞÅ¡ั ษ³ã´บŒÒ§ áÅÐเมอè× ¾บÊÞั Åั¡ษ³เ ËÅ่ÒนéÕ 2. ใหน ักเรียนสงั เกตวา สญั ลักษณเ หลา นีม้ ีสี ¹¡Ñ àÃÕ¹»¯ºÔ ѵÔÍ‹ҧäà แตกตางกนั แลว ครูใหนกั เรียนคาดเดาวา การมีสแี ตกตางกันมผี ลตอ ความรูสกึ ของ 61 ผูพบเห็นอยางไร เกรด็ แนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรียนปฏิบัติ ดงั น้ี • สืบคนสัญลักษณแ ละปายเตือน • อธิบายสญั ลักษณและปา ยเตือน • ปฏบิ ัติตามสญั ลักษณและปายเตือน จนเกิดความรูความเขา ใจวา สญั ลักษณห รือปายเตอื นอนั ตรายเปน สิ่งทบ่ี อก เราวามอี นั ตราย จึงควรปฏิบัติตามสัญลักษณหรือปา ยเตอื นเหลานนั้ เพ่ือความ ปลอดภยั คมู อื ครู 61

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore 1. ครูนาํ ตัวอยา งภาพสัญลกั ษณ หรือปา ยเตอื น สญั ลกั ษณและปา ยเตือน อนั ตรายท่พี บเหน็ ในชวี ิตประจาํ วันมาแสดงให สญั ลกั ษณแ์ ละปา้ ยเตอื น มไี วส้ า� หรบั แจง้ ใหท้ ราบถงึ อนั ตราย นักเรียนดู แลวใหน กั เรียนคาดเดาวาปายเตอื น และวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมในพ้ืนที่ท่ีเส่ียงอันตราย หรือต้องใช้ หรือสญั ลกั ษณน ี้หมายถงึ อะไร และพบเห็นได ความระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ หรอื ใหป้ ฏบิ ัตติ าม ซึ่งมีความหมาย ดงั น้ี ท่ใี ด สีเพ่อื ความปลอดภัย ความหมาย ตวั อยา่ งการใช้งาน 2. ใหนกั เรียนแบงกลุม จากนนั้ ใหแ ตละกลุม สบื คนสญั ลกั ษณหรือปา ยเตอื นอนั ตรายจาก สงิ่ ทีอ่ ยรู อบตวั และหาความหมาย แลวออกมานําเสนอท่หี นาช้ัน อธบิ ายความรู Explain หยุด  เครื่องหมายหยดุ  เครอ่ื งหมายอุปกรณห์ ยุดฉุกเฉนิ 1. ใหน กั เรียนรว มกนั สรุปวา สัญลกั ษณหรือปาย  เครื่องหมายหา้ ม เตอื นอนั ตรายจะสามารถพบในทีต่ างๆ เชน บนถนน หนาบาน บนตกึ หรอื อาคารสงู มีอรนั ะตวรังาย  ชบี้ ่งวา่ มอี ันตราย (เชน่ ไฟ วัตถุระเบิด บนฉลากของภาชนะบรรจสุ นิ คาตางๆ เปน ตน วัตถมุ พี ิษ) เพอ่ื ใหคนไดระมัดระวงั และปฏบิ ัตติ ามคําเตือน  ช้บี ง่ ถงึ เขตอนั ตราย ทางผ่านทมี่ อี ันตราย ขอ ความนัน้ ซ่ึงจะทําใหเ กดิ ความปลอดภยั เครอ่ื งกีดขวาง เครือ่ งหมายเตือน 2. ใหน กั เรียนดูสที ่ปี รากฏบนสัญลกั ษณห รอื ตบ้องังคปับฏใิบหัต้ ิ  บังคบั ให้ตอ้ งสวมเครอื่ งป้องกนั อันตราย ปา ยเตอื นแลว อธิบายเพิ่มเตมิ วา สีท่ใี ชใน ส่วนบคุ คล สัญลักษณห รอื ปา ยเตือนก็มคี วามหมาย เชน สัญลักษณหรือปา ยเตอื นทอี่ นั ตรายหรอื แปสลดองดภภาวัยะ  ทางหนไี ฟ หามกระทาํ มักจะมสี ีแดง สว นสัญลักษณหรอื  ทางออกฉกุ เฉิน ปายเตือนทใ่ี หร ะมดั ระวงั จะมีสเี หลอื ง เปนตน  หน่วยปฐมพยาบาล  หน่วยก้ภู ัย 3. ใหน กั เรยี นทํากิจกรรม ชวนคดิ ชวนทํา  ฝกั บวั ชา� ระล้างฉุกเฉิน หนา 64 โดยจบั คูภาพใหตรงกับขอ ความและ บอกความหมายของสัญลักษณและปา ยเตอื น ÊáÕ ´§ : ËÂØ´ร¶ ÊÕเËÅอ× §อÒí ¾ัน : เµรÂÕ มãËËŒ 嫯 ร¶ ÊÕเขÂÕ Ç : อนÞØ ÒµãËรŒ ¶ขบั ¼Ò่ นไปไ´Œ 62 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนนการคดิ ใครปฏบิ ัติตนไดถูกตองเม่ือพบปา ย ครอู าจเตรยี มสญั ลักษณห รอื ปา ยเตอื นทพี่ บในภาชนะบรรจุสง่ิ ของมาใหนักเรียน ก. มดเตรียมน้าํ ไวดบั ไฟ ดเู พม่ิ เตมิ เชน ข. ฝา ยไมเขาใกลบริเวณนนั้ ค. ตมั้ ไมขุดเจาะถนนบรเิ วณน้นั หมายถึง วัตถไุ วไฟ ง. หนอยสวมหมวกนิรภัยขณะผา นบรเิ วณนนั้ วเิ คราะหค ําตอบ ปา ยสัญลกั ษณน้ี หมายถึง บรเิ วณนัน้ มีกระแสไฟฟา หมายถงึ เปนอันตรายตอ สิง่ แวดลอมทางนํ้าเฉยี บพลัน แรงสูง ดังน้นั ถาพบเหน็ ปายน้ี จงึ ไมค วรเขาไปใกลบรเิ วณนัน้ เพราะอาจ ถกู ไฟดูดได ดังน้ัน ขอ ข. เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก หมายถึง กัดกรอ นหรือระคายเคอื งตอ ผิวหนัง 62 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ตวั อย่าง สญั ลกั ษณ์และปา้ ยเตือนอนั ตราย 1. ใหน ักเรียนแบง กลมุ ใหแตละกลมุ รวบรวม สญั ลักษณห รือปายเตือนที่พบเหน็ ใน สญั ลกั ษณ ์/ ปา้ ยเตอื น ความหมาย ตัวอยา่ งการใช้งาน ชวี ิตประจาํ วัน จากนน้ั นาํ มาตดิ ในกระดาษ พรอ มทงั้ เขยี นอธบิ ายความหมาย แลวจดั บรเิ วณนนั้ มี มกั จะพบบริเวณโรงไฟฟ้า เสาไฟฟา้ รวบรวมทําเปน สมดุ ภาพ และนําสง ครู กระแสไฟฟา้ แรงสงู แรงสูง เราไมค่ วรเข้าไปใกลบ้ รเิ วณนน้ั ปลอดภยั ไว้ก่อน มักจะพบบริเวณสถานทีต่ า่ งๆ เช่น 2. ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.2 จาก โรงงาน โรงพยาบาล เป็นตน้ แบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยดูภาพและ ระวงั วัตถุไวไฟ มกั จะพบบรเิ วณที่มีวัตถุไวไฟ เชน่ อธิบายความหมายและวิธีปฏบิ ตั ติ นตามภาพ นา้� มนั ถังแกส๊ พล ุ เราไมค่ วรทา� ให้ เกดิ ประกายไฟในบริเวณนี้ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สุขศึกษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 4.2 แบบประเมนิ ตัวช้ว� ัด พ 5.1 ป.2/4 วตั ถุอนั ตราย มักจะพบในภาชนะทีบ่ รรจสุ ารเคมี แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูตามตวั ชว้ี ดั ประจําหนว ยท่ี ๔ บทที่ ๒ ที่เป็นอนั ตรายต่อผูใ้ ช้ กจิ กรรมรวบยอดที่ ๔.๒ ระวังอันตราย มกั จะพบบริเวณทีม่ ีการกอ่ สรา้ ง แบบประเมนิ ตวั ช้วี ัด พ ๕.๑ ป.๒/๔ หา้ มสบู บหุ ร่ี 1 หรอื เปน็ สถานท่ีอันตราย • ปฏิบตั ติ นตามสญั ลักษณและปายเตอื นของสง่ิ ของหรอื สถานที่ท่เี ปน อันตราย มกั จะพบบนรถโดยสารประจา� ทาง โรงพยาบาล อาคารต่างๆ ปมั น�า้ มัน ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน อธบิ ายความหมายของภาพ แลว บอกวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นทถ่ี กู ตอ งเมอ่ื พบสญั ลกั ษณห รอื ปา ยเตอื นตามภาพ ทางหนีไฟ มกั จะพบในอาคารท่ีสงู เพอื่ ให้ผ้อู าศยั ใชเ้ ป็นทางหลบหนีขณะเกดิ ไฟไหม้ ๑) ความหมาย ระวังลนื่............................................................................................... วิธปี ฏิบัติตน..ค.....ว..ร....เ..ด....นิ.....อ...ย....า...ง...ร....ะ..ม....ัด....ร....ะ..ว...งั....ใ..น.....บ....ร....เิ..ว...ณ.....น....ี้ ระวังสุนขั ดุ มกั จะพบตามบา้ น ไมค่ วรเขา้ ไปใกล้ หรอื เขา้ ไปแหยส่ นุ ขั เพราะอาจถกู กดั ได้ .แ...ล....ะ...ไ..ม....ค....ว...ร....ว...่ิง......เ..พ....ร....า...ะ..พ.....ื้น....เ..ป....ย....ก....อ....า..จ....ท....ํา...ใ...ห....ล....่ืน.....ล....ม ...ไ...ด........... ระวังสะดดุ มักจะพบตามสถานที่ท่ีมีพื้นไม่เท่ากัน เฉฉบลับย การจดั ระดับ เช่น ข้ันบันได ลกู ระนาด เปน็ ตน้ ความเหมาะสมของ สญั ลกั ษณ์การจดั ระดับความเหมาะสม ๒) ความหมาย หามสบู บุหร่ี............................................................................................... รายการโทรทศั น์ ของรายการโทรทศั นจ์ ะม ี ๖ สญั ลกั ษณ ์ วธิ ีปฏิบตั ิตน..ไ...ม...ค. ....ว...ร...ส....บ.ู ....บ....หุ....ร....ใ่ี..น.....พ....นื้.....ท....ห่ี....ร....อื...บ.....ร...เิ..ว...ณ.....น....ี้ สญั ลกั ษณท์ ย่ี กตวั อยา่ งมาน ี้ เหมาะกบั ผชู้ มท่มี ีอายมุ ากกวา่ ๑๓ ปขนึ้ ไป ผทู้ ี่ ................................................................................................................................. มีอายุน้อยกว่าควรได้รับค�าแนะน�าจาก ผู้ใหญ่ ๓) ความหมาย ระวงั สุนัขดุ............................................................................................... วิธีปฏิบตั ติ น..ไ...ม....ค....ว...ร...เ..ข...า...ใ...ก....ล....ส....ุน.....ัข...ต....วั...น.....้ี ...ห....ร...ือ....แ...ห....ย.......... 63 .ส....ุน.....ัข...ใ..ห.....โ..ก....ร....ธ......เ..พ....ร....า...ะ..อ....า...จ....ถ...กู.....ก....ัด....ไ..ด..... ............................................ ๔) ความหมาย ระวงั วัตถไุ วไฟ............................................................................................... วธิ ีปฏิบตั ิตน..ไ...ม....ค ....ว...ร...ท.....ํา..ใ...ห....เ..ก....ดิ....ป....ร....ะ..ก.....า..ย....ไ...ฟ.......................... ในบริเวณน้ี................................................................................................................................. ๔๙ กิจกรรมทาทาย นักเรยี นควรรู ใหนกั เรยี นเลอื กสัญลกั ษณห รอื ปายเตือนอันตรายมา 5 ชนิด จากนั้น 1 หา มสบู บหุ ร่ี สถานทบี่ างแหงกําหนดไวเปน พนื้ ทีห่ ามสูบบุหร่ี เชน คิดสรา งสถานการณท ่ีเกย่ี วของกับสัญลักษณห รือปายเตือนนัน้ แลวออกมา • บนรถโดยสารประจาํ ทาง ในโรงพยาบาล เพราะเปน การละเมดิ สิทธขิ อง แสดงบทบาทสมมุติทห่ี นา ชัน้ ผอู นื่ เพราะควันบหุ รี่ นอกจากมกี ล่ินเหมน็ แลวยงั มีอันตรายตอสขุ ภาพของผูสดู ดม • บริเวณปมน้าํ มัน เพราะเปนวัตถไุ วไฟ ซง่ึ อาจทําใหเกิดเหตเุ พลงิ ไหมหรือ เกิดการระเบดิ ได คมู ือครู 63

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของสมุดภาพ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ สัญลกั ษณห รือปา ยเตอื น ตอนที่ ๑ คาํ ถามชวนคดิ 2. ครูตรวจสอบการอธบิ ายความหมายและวิธีการ เขียนตอบคาํ ถามตอไปน้ีลงในสมุด ปฏบิ ัติตนใหปลอดภยั จากกิจกรรมรวบยอดท่ี 4.2 จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 ๑) นกั เรยี นรูสกึ อยางไรเม่อื เหน็ สญั ลักษณ หรือปา ยเตอื นอนั ตรายตา งๆ ๒) ถานกั เรียนพบสญั ลักษณห รอื ปายเตอื น ควรปฏิบัตอิ ยางไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓) เม่อื พบเห็นสัญลกั ษณหรือปายเตือนที่ไมร ูจกั ควรทาํ อยา งไร 1. สมดุ ภาพสัญลักษณหรือปายเตือน ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทํา 2. กจิ กรรมรวบยอดที่ 4.2 จากแบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.2 ๑. จับคภู าพกับขอความทีส่ มั พันธกนั แลวเขียนลงในสมุด (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) ก. ระวงั ตกหลมุ /บอ ข. ฝกบัวชําระลา งฉกุ เฉิน ค. ระวงั สะดุด ง. หามเขากอ นไดรบั อนุญาต จ. ระวังมีการยกของหนกั เหนือศรี ษะ ๒. บอกความหมายของปา ยหรือสัญลักษณทก่ี าํ หนดให และการปฏิบัตติ น สวมHหEMมAUวDSกTนPริRBภOEยั TปWEอ COงTกRIนัNOศNีรษะ ตอนที่ ๓ ผลงานสรา งสรรค หาภาพสัญลักษณหรือปายเตือนอันตรายมา ๑ ชนิด ติดบนกระดาษและเขียน อธบิ ายความหมาย แลวนํามารวบรวมจดั ทาํ เปนสมดุ สัญลักษณแ ละปายเตอื น ๖๔ เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ขอสอบเนนการคดิ ตอนที่ 1 คําถามชวนคิด ตน กาํ ลังรบี วิ่งไปพบเพ่ือน แตเมื่อเหน็ ปา ยเตอื นบนพนื้ อันหน่ึง เขาก็หยดุ วง่ิ แลว เดินอยา งระมัดระวงั ตน เหน็ ปา ยเตอื นในขอใด แนวตอบ ก. ข. 1) คําตอบขึ้นอยกู ับนักเรยี นแตละคน 2) ปฏิบัตติ ามสัญลักษณและปายเตือนเหลาน้นั ค. ง. 3) ศกึ ษาขอมลู จากผทู ่ีอยูบรเิ วณน้นั หรือสงั เกตสภาพแวดลอ มบริเวณนน้ั วเิ คราะหคาํ ตอบ ก. เปน ปา ยเตอื นวัตถุอันตราย ข. เปน ปา ยเตอื นระวังวัตถุไวไฟ วาเสย่ี งตอ การเกิดอนั ตรายหรือไม ถาดแู ลววา ไมปลอดภยั ควรออกจาก ค. เปน ปา ยหา มสูบบหุ ร่ี บริเวณนัน้ ง. เปน ปายระวังลื่น ซึง่ ตน เห็นปายเตือนแลว เดินอยางระมดั ระวงั นา จะเปน ตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทาํ 1. ตอบ ภาพที่ 1 - ค การเตือนวา พ้ืนลืน่ ดงั นัน้ ขอ ง. เปน คําตอบที่ถูก ภาพที่ 2 - ข ภาพท่ี 3 - ก ภาพที่ 4 - จ ภาพที่ 5 - ง 2. ตอบ ภาพท่ี 1 หา มสูบบุหร่ี ภาพที่ 2 ใหส วมหมวกนริ ภยั ปอ งกนั ศรี ษะทกุ ครงั้ เมอื่ เขา ใกลบ รเิ วณทกี่ าํ หนด ภาพท่ี 3 ใหร ะวังศีรษะหรอื รางกาย เพราะอาจมวี สั ดุตกมาจากดา นบน 64 คูมอื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate óบทที่ เปา หมายการเรยี นรู สาระสา� คัญ • อธิบายเหตผุ ล อนั ตราย วธิ ปี องกนั อคั คภี ัย อัคคีภัยเป็นภยั ทีเ่ กิดจากไฟ ซงึ่ ทา� ใหเ้ กิด และแสดงการหนีไฟ (พ 5.1 ป.2/5) ความเสียหายมากมายมหาศาล ดังนน้ั เราจงึ อัคคีภยั ควรรวู้ ิธีปอ้ งกันและวธิ ีหนไี ฟ สมรรถนะของผเู รียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกปญ หา คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค 1. มีวินัย รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรยี นรู 3. อยูอ ยางพอเพยี ง กระตนุ ความสนใจ Engage ? 1. ครใู หอ าสาสมัครลองตะโกนวา “ไฟไหม” โดย ไมใ หเ พือ่ นในหอ งรตู ัว แลว ครสู ังเกต ¨Ò¡Ê¶Òน¡Òร³ã นÀÒ¾ น¡ั เรÕÂนคÔ´ÇÒ่ พฤตกิ รรมของนักเรียน โดยขณะทน่ี ักเรียน ¨Ð¡่อãËเŒ ¡´Ô คÇÒมเÊÂÕ ËÒÂã´บÒŒ § ตะโกน ใหค รปู ดประตหู องเรียนเพ่อื ปอ งกนั ไมใหห องขางเคยี งไดยินและตกใจ 65 2. ครเู ฉลยวา ส่งิ ทเี่ พอ่ื นตะโกนเปนการจาํ ลอง สถานการณวาถา เกิดเหตไุ ฟไหม นักเรียน จะทาํ อยา งไร จากน้นั ครสู นทนากับนกั เรยี น วา นักเรียนรูสกึ อยา งไร เม่อื ไดย ินวาเกิดเหตุ ไฟไหม และถาเกดิ เหตุไฟไหมจ รงิ ๆ นักเรียน จะทาํ อยา งไร เกรด็ แนะครู ครจู ัดกระบวนการเรียนรูโ ดยการใหน กั เรยี นปฏิบัติ ดังน้ี • สืบคนสาเหตขุ องอคั คภี ยั • อธบิ ายอันตรายและวิธีปอ งกนั อัคคภี ยั • ปฏบิ ัติตนในการหนไี ฟ จนเกดิ ความรคู วามเขา ใจวา อคั คีภยั เปน ภัยที่รายแรง อาจทําใหสญู เสียชวี ติ ได ดังนั้น เราจงึ ควรระมดั ระวงั ไมใ หเกิดอคั คีภยั และควรเรียนรวู ิธีปองกนั อันตรายจาก อคั คภี ัย และรูวธิ ีหนไี ฟเม่อื เกดิ ไฟไหม เพ่ือใหเกดิ ความปลอดภัยในชวี ิต มุม IT ครสู บื คน ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การปอ งกนั อคั คภี ยั ไดท ่ี http://www.ffi ire2fight. com/articles.php?cat_id=1 ซง่ึ เปนเว็บไซตท ี่ใหความรทู ัว่ ไปเกยี่ วกับอคั คภี ยั ของ สถานีดบั เพลิงบางเขน คูมอื ครู 65

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหนกั เรยี นรว มกันคดิ วา ไฟไหมเกิดจากสาเหตุ ๑ สาเหตขุ องการเกิดอคั คีภยั ใดไดบ า ง จากนน้ั ครเู ขียนสาเหตทุ ่ีนักเรียนบอก อคั คภี ยั หรอื ไฟไหมเ้ ปน็ อบุ ตั เิ หตทุ รี่ า้ ยแรงมาก เพราะไมเ่ พยี ง บนกระดาน แจงึตม่จีคะทา� ก�าลลา่าวยวท่าร ัพ“โยจ์สรปินล น้แสติบ่อคาจรั้งท�าไใมห่เ้ผทู้ท่าไ่ีอฟยไู่ใหนมเห้คตรุก้ังเาดรียณว์เ”ส1ียชีวิตได ้ อัคค๑ีภ) ัยไเฟกฟิดจ้าลากดั ควงวจามร2จปารกะกมาารทใชหอ้ลุปายกสรณาเห์ไฟตฟุ ด้าังไนม้ีถ่ กู ต้อง 2. ใหนกั เรียนดสู าเหตุไฟไหมแ ลวรว มกันจาํ แนก วา สาเหตุขอ ใดทม่ี าจากพฤตกิ รรมของคนเรา ๒) การจุดธูปเทียนท้ิง เชน จุดธูปเทียนทงิ้ ไว ใชอปุ กรณไฟฟา ท่ีชาํ รุด ไว้จนลามไปติดสง่ิ ของไวไฟ เปน ตน และสาเหตุขอใดทมี่ าจากธรรมชาติ ๓) การจุดไฟใกล้วัตถุ เชน ฟา ผา เปน ตน ไวไฟ ๔) การเลน่ ไมข้ ดี ไฟ 3. ครตู ัง้ คําถามวา ดอกไมไ้ ฟ • สิ่งของใดท่เี ปนวตั ถไุ วไฟบา ง ๕) การเผาขยะแลว้ ดบั (แนวตอบ กระดาษ นาํ้ มันกาด เตาแกส พลุ) ไฟไม่สนทิ ไฟไหม้เปน็ อันตรายทงั้ ตอ่ ชีวิตและทรพั ย์สนิ • การใชอปุ กรณไฟฟา อยา งไรที่อาจทําใหเ กิด ไฟฟา ลัดวงจรได ๒ อนั ตรายที่เกดิ จากอคั คีภยั (แนวตอบ เกดิ จากสาเหตหุ ลายประการ เชน • สายไฟทีใ่ ชใ นบานเส่ือมสภาพ หรอื หมด อัคคีภัยหรือไฟไหม้เป็นอันตรายที่ก่อให้เกิดผลเสียทั้งต่อ อายกุ ารใชง านทําใหฉนวนหมุ เปลือยขาด ตัวเองและสง่ิ รอบขา้ ง ดงั น้ี จนลวดตัวนาํ ภายในเสน สายไฟเกดิ การ สมั ผัสกัน ทา� ใหต้ นเองหรือผอู้ ื่นได้รบั บาดเจบ็ • สว นประกอบภายในอุปกรณเครอื่ งใชไ ฟฟา ชาํ รุด ขณะเคร่ืองใชไ ฟฟาเกิดขดั ของหรอื อันตราย ท�าใหท้ รพั ย์สินต่างๆ เสียหาย ชํารุด กระแสไฟฟาเกิดความผดิ ปกติ ท่เี กดิ จากอคั คีภยั • การท้ิงเคร่ืองใชไฟฟาบางอยา งขณะกาํ ลัง ทํางานคางไว เชน เตารีดไฟฟา เตาตม น้ํา 66 ทา� ใหต้ นเองหรือผอู้ ื่นเสยี ชวี ติ ไฟฟา ทง้ิ ไวเพอื่ ไปทาํ ธุระอยา งอื่น อาจจะ ลมื ทําใหเกิดความรอน และเกิดเพลงิ ไหม) 4. ใหนกั เรียนรว มกันคดิ ตอไปวา การเกิดไฟไหม จะเกิดอนั ตรายใดบาง จากน้ันครยู กคํากลา ว ท่วี า “โจรปลน บา นสิบคร้ัง ไมเ ทากบั ไฟไหม คร้ังเดยี ว” แลว ใหน กั เรียนคาดเดาความหมาย 5. ใหนกั เรียนแบง กลุม จากนนั้ ใหแตล ะกลมุ รวมกนั คดิ วาจะปอ งกันการเกิดอคั คีภยั ได อยางไร นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนนการคดิ ขอ ใดเปนวิธปี ฏบิ ัตทิ ี่ถกู ตอ งในการจดุ ธปู เทียนบูชาพระทบี่ าน 1 โจรปลนสิบครั้ง ไมเ ทาไฟไหมค รงั้ เดยี ว หมายถงึ ความเสียหายท่ีเกิดจาก ก. รอใหธูปเทียนดับกอ นคอ ยไปทํากิจกรรมอืน่ การถกู โจรปลน ถงึ สบิ คร้งั กไ็ มเ ทา กับความเสียหายที่เกิดจากไฟไหมเ พียงครัง้ เดยี ว ข. จุดธปู เทยี นเฉพาะในวันสําคญั ทางศาสนาเทา น้นั เพราะบา นที่ถูกโจรปลน กย็ ังเหลือตวั บา นและชวี ิตผอู ยอู าศัย แตบา นทถี่ ูกไฟไหม ค. จุดธปู เทยี นเสร็จแลว ใหใ ชน ํา้ ราดเพอื่ ใหแ นใจวา ธูปเทยี นดับสนิท อาจจะไมเ หลือทรัพยส นิ ใดเลย และอาจทาํ ใหผ อู ยอู าศัยเสยี ชวี ติ ได ง. จุดเสรจ็ แลวลุกไปทาํ งานอยา งอื่นกอ นแลวจึงคอยกลบั มาดบั ธูปเทียน 2 ไฟฟา ลัดวงจร หมายถึง การทีไ่ ฟฟา ไหลผานจากสายไฟฟาเสน หน่ึงไปยังอีก วเิ คราะหค ําตอบ การจดุ ธปู เทยี นบชู าพระ เมือ่ เสร็จแลว ควรรอให เสนหนงึ่ โดยไมผ านเครอื่ งใชไฟฟา สาเหตสุ ว นใหญเ กดิ จากฉนวนของสายไฟฟา ธปู เทยี นดบั สนิทกอ น แลวจึงคอ ยลกุ ไปทาํ งานอ่นื เพ่ือปองกันการเกดิ ไฟไหม ชํารดุ และมาสัมผัสกัน จึงมคี วามรอนสงู มปี ระกายไฟ ทาํ ใหเ กดิ เพลิงไหมไ ด ดงั นั้น ขอ ก. เปนคาํ ตอบท่ถี กู ถาบรเิ วณนน้ั มวี สั ดไุ วไฟ 66 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓ การปอ งกันการเกิดอคั คภี ัย 1. ใหน ักเรียนรวมกนั สรุปอันตรายท่ีเกดิ จาก ไฟไหมวา มีอนั ตรายทัง้ ดา นรางกายและ การป้องกนั อคั คภี ัย สามารถปฏิบตั ิได ้ ดงั นี้ จติ ใจ คือ ไดร บั ความตกใจ ไดร ับบาดเจบ็ หรือเสยี ชีวติ และเปนอันตรายตอ ทรัพยส ิน ✓ ควรทา� ✗ ไมค่ วรทา� คอื ทําใหท รัพยสินเสียหายดวย  ตรวจสอบอปุ กรณ์ไฟฟา้  ไมค่ วรเลน่ ไมข้ ดี ไฟ ไฟแชก็ 1 หรือเผากระดาษเล่น 2. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ วา ไฟไหมเ ปนภยั ทร่ี า ยแรง ใหอ้ ยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ  ไมค่ วรจดุ ธปู เทยี นทง้ิ ไว ้ แต่ มาก เหน็ ไดจากคําเปรียบทว่ี า โจรปลนบา น  ถอดปลก๊ั เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ควรรอให้ดบั สนิทเสยี ก่อน สบิ ครั้ง ไมเทากบั ไฟไหมครั้งเดียว เพราะโจร ทกุ ชนดิ หลังใช้เสร็จแลว้  ไม่ควรใชเ้ ต้ารบั 2ตัวเดียว ปลน บานยังเหลือชวี ิตและบาน แตไ ฟไหม  ถา้ พบเห็นอปุ กรณ์ไฟฟา้ กบั อปุ กรณ์ไฟฟา้ หลาย แคค ร้งั เดยี วอาจทําใหต ายและไมเ หลอื มีกล่ินไหม ้ หรือมคี วันลอย ชนิดในเวลาเดียวกัน ทรพั ยส ินอ่ืนๆ อกี เลย ดงั นั้น เราจึงควร ออกมา ควรรีบถอดปลกั๊  ไม่ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟา้ ปอ งกันไมใหเ กิดเหตไุ ฟไหม แลว้ แจง้ ใหผ้ ใู้ หญ่ทราบ ที่ชา� รดุ เสียหาย  ควรเตรยี มตัวใหพ้ ร้อม3  ไมค่ วรจุดไฟใกลก้ ับ 3. ใหนกั เรยี นแตล ะกลุมออกมารายงานเรอื่ ง เมอ่ื ตอ้ งเผชญิ กบั เหตกุ ารณ์ เชอ้ื เพลิงหรอื วัตถไุ วไฟ วิธปี อ งกันอคั คภี ัย และการปฏบิ ัตติ น ไฟไหม้ เมอื่ เกดิ อคั คีภัย  ควรจดั ให้มกี ารฝกซอ้ ม การหนไี ฟทกุ ๆ ๖ เดือน 4. ใหน กั เรยี นและครูรว มกันสรปุ การปองกนั อัคคภี ยั โดยจําแนกเปน พฤตกิ รรมทคี่ วรทํา และไมควรทาํ 5. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกบั วิธหี นไี ฟ จากนั้นครขู ออาสาสมคั รออกมาแสดงตัวอยา ง การปฏบิ ัติตนในการหนีไฟถา ตดิ อยูใ น สถานการณท ่ีเกิดไฟไหม 6. ใหค รูกําหนดวนั ซอมหนไี ฟ (ซอ มทง้ั โรงเรียน) แลว บอกใหน กั เรียนเตรยี มตัวซอ มหนีไฟ เพ่ือเปนการเตรยี มความพรอ มหากเกดิ เหตกุ ารณไฟไหม 67 ขอสอบเนนการคิด นักเรียนควรรู ถา นักเรยี นอาศัยอยูในอาคาร ช้นั 5 แลวเกิดเหตุไฟไหมท่ีชัน้ 7 นักเรียน 1 ไฟแช็ก เปน เครือ่ งจดุ ไฟชนิดหน่ึง เมือ่ จุดไฟจะมกี ลไกท่ที ําใหเ กิดประกายไฟ ควรทาํ อยางไร ตดิ ไสท่ีชมุ ดว ยน้ํามันหรือแกส ทบ่ี รรจอุ ยใู นไฟแชก็ แลวลกุ เปน เปลวไฟขึ้นมา แนวตอบ รบี หนีออกมาจากหอ ง โดยตรวจสอบกอ นวา ไฟไดล กุ ลามมา 2 เตา รับ หรอื เรยี กอีกอยางหนึ่งวา ปลั๊กตวั เมีย คอื ข้ัวรบั สาํ หรบั หวั เสยี บ ถงึ ช้ันท่เี ราอยหู รอื ยัง ถาช้ันทเ่ี ราอยยู งั ไมม ีไฟ ใหร ีบวง่ิ หนไี ปทางบันได จากเครอ่ื งใชไ ฟฟา ตามปกตเิ ตา รับจะติดตง้ั อยกู ับท่ี เชน ผนังอาคาร กําแพงบาน หนไี ฟ แลวออกหา งจากทเี่ กิดเหตใุ หม ากท่ีสดุ แตถ าไฟลามมาถงึ ช้นั 5 เปนตน สวนปลัก๊ ท่ตี ดิ กับเคร่อื งใชไ ฟฟา เรยี กวา เตาเสียบ หรือปล๊ักตวั ผู แลวและมคี วันมากใหค ลานหนไี ฟมาทบี่ นั ไดหนีไฟ แลวรีบหนใี หห าง 3 ควรเตรยี มตัวใหพ รอม ดวยการศกึ ษาทางหนีไฟท่เี ร็วทีส่ ุดและปลอดภยั ทีส่ ุด ทเี่ กิดเหตุ จากทกุ หองในบา น เตรียมไฟฉายไวใกลมือเวลานอน ใหฝ กเดินในความมืด เพอ่ื รบั เหตกุ ารณไ ฟไหมในเวลากลางคนื โดยหลับตาแลวฝกเดินชดิ กําแพงไปท่ี ประตูทางออก และสอนใหเดก็ รจู กั ใชโทรศัพทแ จงไฟไหมถา พวกเขาตดิ อยใู นบา น และออกจากบา นไมได คมู อื ครู 67

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ครจู ัดกิจกรรมซอมหนีไฟ เพ่ือใหนกั เรยี นเตรียม ๔ การหนไี ฟ ความพรอม ขณะเกดิ ไฟไหม ้ แลว้ นักเรยี นอยู่ใกลก้ ับสถานทเี่ กดิ เหตหุ รอื 2. ใหนกั เรยี นสํารวจบานของตนเองวา มสี ถานที่ ติดอยู่ในอาคารที่เกิดไฟไหม ้ ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี หรืออุปกรณใดบางท่อี าจเปนสาเหตุของอัคคภี ยั จากนน้ั หาทางปอ งกัน แลวบันทกึ ผลลงในสมุด ทางหนไี ฟ ตง้ั สติ ไมค่ วรตน่ื ตกใจ รีบหนอี อกทางประตหู รือ แล้วรีบตะโกนแจ้งเหตุ หน้าต่างด้านท่ีไม่เกดิ ไฟไหม้ 3. ใหน กั เรียนแบงกลมุ ใหแ ตล ะกลุมอาน ด้วยเสียงดงั ว่า ใหเ้ ร็วท่ีสดุ สถานการณจ ากกจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3 ผลงานสรา งสรรค หนา 69 จากนัน้ ใหรว มกนั “ไฟไหม้” บอกวิธปี อ งกันอบุ ัติเหตุจากอัคคภี ัยตาม สถานการณน ้ี และรวมกันแสดงวิธหี นีไฟ เมื่อตดิ อยู่ในอาคารแล้ว ใชบ้ นั ไดหนไี ฟ เมอื่ ตดิ อย่ใู นอาคาร ถา้ จะเปดิ ออกไม่ได้ ให้ใช้ผ้าชบุ น้า� แทนลฟิ ต์ ประตูควรคล�าลูกบิดกอ่ น 4. ใหน กั เรียนทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.3 จาก อุดใตป้ ระตแู ละหนา้ ตา่ งเพือ่ ถา้ รู้สกึ ร้อนอยา่ เปิด แตถ่ า้ แบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยอานสถานการณ ป้องกนั ไฟ แลว้ พยายาม รสู้ กึ เยน็ ใหเ้ ปดิ ได ้ แลว้ รบี หนี แลว บอกอนั ตราย วธิ ปี อ งกนั และเขียนอธบิ าย ติดต่อคนภายนอกใหม้ า วธิ กี ารหนีไฟ ชว่ ยเหลือ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.3 แบบประเมินตัวช้ว� ัด พ 5.1 ป. 2/5 ๓ เติมคาํ ลงในชองวา งใหถูกตอง ขณะหนีไฟ ถ้ามีคว1นั มากให้ ถ้าตอ้ งวิ่งผา่ นไฟไหม้ ๑) ขณะเกดิ เหตไุ ฟไหมค วร……ร…ีบ……ห…น…ี …….ออกจากทเ่ี กดิ เหตใุ หเ รว็ ทส่ี ดุ หมอบคลานหนไี ฟ ออกมา ให้ใช้ผ้าห่ม ๒) เมือ่ ตดิ อยูในหอง ควร……………ค…ล…ํา…ล…ูก……บ…ิด…………..กอนเปดประตูออกมา โดยกม้ ศรี ษะ ชบุ นา�้ คลุมตวั แล้วว่ิง ๓) เม่ือตดิ อยบู นช้ันสูง ไมค วรใชล ฟิ ต แตควรใช …บ…นั……ได……ห…น…ีไ…ฟ….. แทน ให้สงู จากพน้ื ไมเ่ กิน ๓๐ เซนติเมตร ผา่ นไฟใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ ๔) ถาตอ งวิง่ ผา นไฟออกมา ควรใช… ……………ผ…า…ห…ม…………….. ชบุ นา้ํ คลุมตัว แลววิ่งผานไฟโดยเร็ว ทางออก เเกมดิื่อเหหนตีอแุ อลก้ว2 มใาหจ้ไาปกรสวมถาตนวั ที่ ถ้าไฟไหม้เสื้อผ้าหรอื ตวั ห้ามวงิ่ ๕) ขณะหนไี ฟ ถามคี วันมาก ควร…………ห…ม…อ…บ…ค…ล……าน…………..หนีไฟ โดยกม Exit ยังท่ีนดั หมายกนั ไว้ ให้หยุด แล้วกล้ิงตัวกับพื้นไปมา ศรี ษะใหส ูงจากพ้นื ไมเกิน ๓๐ เซนตเิ มตร พร้อมทัง้ เอามอื ปิดหนา้ จนกว่า ไฟจะดบั แบบประเมนิ ผลการเรยี นรตู ามตวั ช้ีวัด ประจาํ หนว ยท่ี ๔ บทท่ี ๓ 68 กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๔.๓ เฉฉบลับย แบบประเมินตัวช้ีวัด พ ๕.๑ ป.๒/๕ • อธิบายเหตุผล อนั ตราย วิธีปองกันอคั คีภัย และแสดงการหนไี ฟ ชดุ ที่ ๑ ๒๐ คะแนน ๑ อา นสถานการณท่ีกาํ หนดให แลวบอกอนั ตรายและวิธปี อ งกันอัคคีภัย ๑) ลงุ ชางสูบบุหรเี่ สร็จแลวก็ท้ิงบหุ รลี่ งในถังขยะทันที อันตราย อาจเกดิ ไฟไหม................................................................................................................................................................... วิธีปอ งกัน ควรดบั บุหร่กี อ นทิ้งลงในทีท่ ้งิ บุหร่ี.............................................................................................................................................................. ๒) ปา จันจดุ ธูปเทยี นไหวพ ระทงิ้ ไว แลว รีบไปทาํ กับขาวตอ อันตราย อาจเกิดไฟไหมบา น................................................................................................................................................................... วิธีปอ งกัน ดบั ธปู เทยี นใหเรียบรอ ยกอ นไปทาํ กจิ กรรมอืน่.............................................................................................................................................................. ๕๒ เกรด็ แนะครู กจิ กรรมทา ทาย ครยู ํา้ ใหน ักเรยี นเขา ใจวา การหนีไฟใหปลอดภยั ผูหนีไฟอยา ตืน่ ตระหนก ใหน กั เรยี นหาขา วเกย่ี วกบั การเกดิ อคั คภี ยั มา 1 ขา ว และวเิ คราะหส าเหตุ ตอ งมีสติ เพราะจะทําใหหาทางหนีไฟไดอ ยา งปลอดภัย อนั ตรายทเ่ี กิดขน้ึ จากอคั คีภัยน้ี จากนั้นใหนกั เรยี นเสนอแนะวิธปี องกัน การเกดิ อัคคีภยั จากขาวนี้ นักเรียนควรรู 1 คลานหนไี ฟ เพราะขณะไฟไหม บริเวณทต่ี ่าํ ๆ จะมีแกสออกซิเจนลอยตวั อยูมากกวาในอากาศดานบนที่มแี กสคารบอนไดออกไซดม ากกวา ซ่ึงถาสดู ดม แกส คารบ อนไดออกไซดเขาไปมากกจ็ ะเปน อันตรายตอ รางกาย 2 เมือ่ หนอี อกมาจากสถานท่เี กดิ เหตแุ ลว ใหรบี แจง เหตกุ บั กองดับเพลิง โดยโทรศพั ทไปทีห่ มายเลข 199 68 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบผลงานการปอ งกันอัคคภี ยั ตาม สถานการณท ่กี าํ หนดและความถูกตองของ ตอนที่ ๑ ค�าถามชวนคิด การแสดงหนไี ฟ เขยี นตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ลงในสมดุ ๑) เ มอ่ื เหน็ คนจุดไฟเผาเศษใบไมแ้ ละหญ้าแหง้ นักเรียนควรทา� อยา่ งไร 2. ครูตรวจสอบกิจกรรมรวบยอดท่ี 4.3 จาก แบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 เพื่อปอ้ งกนั การเกดิ อัคคีภยั ๒) นักเรียนรสู้ ึกอย่างไร เมอ่ื เห็นภาพขา่ วไฟไหม้ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๓) ถ้านกั เรยี นพบวา่ น้องกา� ลังเล่นดอกไม้ไฟ นกั เรียนควรท�าอย่างไร ๔) ใ นบ้านของนักเรียน มีสิ่งใดเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้บ้าง และควรท�า 1. ผลงานการแสดงวิธีปองกนั อคั คภี ัยและ การหนีไฟ อยา่ งไร ตอนท่ ี ๒ ชวนคิด ชวนทา� 2. กจิ กรรมรวบยอดที่ 4.3 จากแบบวัดฯ ๑. สา� รวจบา้ นของตนเองวา่ มสี ถานทห่ี รอื อปุ กรณใ์ ดบา้ งทอี่ าจทา� ใหเ้ กดิ อคั คภี ยั สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ๒. บอกอันตรายทีไ่ ด้รบั จากการเกิดอัคคีภัยมา ๓ ข้อ โดยเขียนลงในสมดุ ๓. เขียนอธบิ ายขั้นตอนการหนไี ฟ ถ้านักเรยี นติดอย่ใู นอาคาร โดยเขยี นลง ในสมุด ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แ บ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน จากนั้นอ่านสถานการณ์ท่ีก�าหนดให้แล้วบอกวิธี ป้องกันอบุ ัตเิ หตจุ ากอัคคภี ยั ตามสถานการณ์น้ ี และรว่ มกันแสดงวธิ หี นไี ฟ ดวงพรจดุ ธปู เทยี นไหวพ้ ระทห่ี อ้ งพระ ซง่ึ อยชู่ น้ั ๒ ของบา้ น ระหวา่ งนน้ั มีโทรศัพทม์ า เธอจึงไปรับโทรศัพท์ แล้วพูดคยุ โทรศัพทอ์ ยูน่ าน จนลืมไปว่า ยงั ไมไ่ ดด้ บั ธปู เทยี น ในขณะน้นั กม็ ลี มพดั เข้ามาทางหนา้ ตา่ ง ทา� ให้เปลวไฟ จากเทยี นไขลามไปติดทผี่ ้าม่าน ท�าให้ไฟลุกลามไปทว่ั บา้ น 69 เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 คําถามชวนคิด แนวตอบ 1) เฝาดูและรบี ดบั ไฟใหส นทิ ทันที หลังจากเศษใบไมแ ละหญาแหง ไหมหมดแลว และแนะนาํ วา ควรกาํ จัดดวยวิธอี ืน่ เชน การขุดหลุมฝงกลบ เปนตน 2) คาํ ตอบขึ้นอยกู ับนกั เรียนแตละคน 3) หา มไมใ หน อ งเลน และดับดอกไมไฟทนั ที แลวบอกนองวา หากเลน ดอกไมไฟโดยไมร ะวัง อาจทาํ ใหเ กดิ ไฟไหมห รือถูกไฟลวกจนบาดเจ็บได 4) คาํ ตอบขึน้ อยกู ับนกั เรียนแตละคน ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 2) รีบหนอี อกทางประตูหรอื หนา ตา งดา นทไ่ี มเกดิ ไฟไหมใหเ ร็วที่สดุ 2. แนวตอบ 1) บาดเจ็บ 2) เสียทรพั ยสนิ 3) เสยี ชวี ติ 4) ถา มคี วนั มากใหหมอบคลานหนีไฟ 3. แนวตอบ 6) เมื่อหนอี อกมาจากทเ่ี กดิ เหตุไดแลว ใหไ ปรวมตัวกันยงั ท่ีนัดหมายไว 1) ตง้ั สติ แลวรีบตะโกนเสยี งดังวา “ไฟไหม” 3) ใชบ นั ไดหนไี ฟแทนลิฟต 5) ถา ไฟไหมเ ส้ือผาหรอื ตวั หามว่ิง ใหหยุด แลว กล้ิงตัวกบั พืน้ จนกวา ไฟจะดับ คูม ือครู 69

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Engage Evaluate õExpand กระตนุ ความสนใจ 1. ครเู ปด วิดีโอการต นู เรื่อง “ยาปฏชิ วี นะ หน่วยการเรยี นรู้ที่ อยา ใชเ รอ่ื ยเปอ ย” ใหน ักเรยี นดู แลวสนทนากับ ยาและสารเสพตดิ นกั เรยี นเกีย่ วกับเร่ืองการใชย า เปา้ หมายการเรียนร้ปู ระจา� หนว่ ยที่ ๕ 2. ครูเลา ขา วเกีย่ วกับขาวสารเสพติด แลวครูถาม นกั เรยี นวา ขาวนเี้ ปนขาวเก่ียวกบั อะไร และ เม่อื เรียนจบหน่วยน้� ผูเ้ รียนจะมคี วามรู้ เกดิ อันตรายอะไรกับผูท ่เี ปน ขาวบา ง โดยครูเนน ความสามารถตอ่ ไปน้� ใหนกั เรียนเหน็ โทษของการเสพสารเสพติด ๑. บ อกชือ่ ยาสามัญประจ�าบา้ นและใช้ยา ตามคา� แนะน�า (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๒) ๒. ร ะบโุ ทษของสารเสพตดิ สารอนั ตรายใกล้ตัว และวธิ ปี ้องกนั (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๓) มุม IT ครแู ละนกั เรยี นดวู ดิ ีโอการตนู เร่ือง “ยาปฏชิ วี นะ อยา ใชเรอื่ ยเปอ ย” ไดท ่ี www.oryor.com/index.php/th/animation/animation/item/38 ซงึ่ เปน เว็บไซตของกองพฒั นาศักยภาพผบู รโิ ภค สํานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา 70 คูม อื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ñบทท่ี เปา หมายการเรียนรู สาระสา� คัญ • บอกช่ือยาสามัญประจําบานและใชย าตาม ยามีท้ังคุณและโทษ ดังนั้นเราจงึ ตอ้ งร้จู ักการ คําแนะนํา (พ 5.1 ป.2/2) ใช้ยาอย่างถูกวธิ ี เพื่อไม่ให้เกดิ อันตราย ยานา รู สมรรถนะของผเู รยี น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค 1. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรียนรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูถามนกั เรยี นวา ใครเคยไมส บายบาง และ เมือ่ ไมสบายนกั เรยี นกนิ ยาหรือไม นักเรียน รจู ักยาทกี่ นิ หรือไม เปนยาอะไร แลว นักเรียน กนิ ยางา ยหรอื ไม 2. ใหน ักเรียนดูภาพยาในหนังสอื หนา 71 แลว ใหนกั เรียนบอกวา นักเรียนรูจกั หรอื เคยใชย า ตามภาพใดบาง และใชรักษาโรคอะไร ? นั¡เรÕÂนเคÂãªÂŒ ÒเËÅ่ÒนÕéบÒŒ §Ëร×อไม่ ÂÒเËÅÒ่ นéãÕ ªŒร¡ั ษÒโรคอÐไร 71 เกรด็ แนะครู ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนกั เรียนปฏิบัติ ดงั น้ี • สบื คน ขอมลู ยาสามญั ประจาํ บาน • อธิบายขอมลู ยาสามญั ประจาํ บา น และวิธใี ช จนเกิดเปน ความรูค วามเขาใจวา ยามีท้ังใหประโยชนแ ละใหโ ทษ ดงั น้ัน กอนใชยา จึงควรศึกษาสรรพคณุ วิธใี ช คําเตือนใหล ะเอียดกอนใช เพอื่ ปอ งกนั อันตรายท่ีอาจเกดิ กับชวี ติ ได คมู ือครู 71

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหน ักเรยี นกลบั ไปสํารวจทีบ่ านวามียาอะไรบา ง ๑ ยาสามัญประจ�าบา้ น จากนน้ั สอบถามผูใหญใ นบานวา ยาน้ี มีสรรพคุณรกั ษาโรคอะไร มวี ิธีการใชอ ยา งไร ยาสามัญประจ�าบ้านเป็นยาที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ และมีขอ ควรระมดั ระวังในการใชอยา งไร ว่าเป็นยาทเี่ หมาะสมทจี่ ะให้ประชาชนหาซื้อมาใช้ด้วยตนเอง เพอื่ ใช้ จากนั้นใหอ อกมาเลาทีห่ นาชั้น ดูแลรักษาอาการเจ็บปว่ ยเล็กๆ น้อยๆ ที่มกั จะเกิดขนึ้ ได้ ยาสามัญประจ�าบ้านเป็นยาท่ีมีความปลอดภัยมาก ถ้าผู้ใช้ 2. ครูพานกั เรียนไปที่หอ งพยาบาล แลวใหนกั เรยี น ใช้ยาอย่างถูกต้อง และเป็นยาท่ีมีราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายตาม สงั เกตวา มยี าอะไรบา งทีเ่ หมือนกบั ยาทบี่ า น ร้านขายยาทั่วไปหรือร้านสะดวกซ้ือ โดยท่ีฉลากของยาจะมีค�าว่า จากนัน้ ใหน กั เรยี นสอบถามครูพยาบาลเกยี่ วกบั ยาทม่ี ใี นหองพยาบาล “ยาสามัญประจําบ้าน” ติดไว้เสมอ ยาสามัญประจ�าบ้านที่มี 3. ครเู ชญิ ครูพยาบาลมาใหความรูเรือ่ งยาสามัญ อยู่ในปัจจบุ นั จะมี ๒ ประเภท คือ ประจําบาน ซ่งึ เปน ยาทีท่ ุกบานควรมี เพื่อใช ฉลากของยาสามญั ประจา� บา้ น ตอ้ งระบุวา่ ยาสามัญประจ�าบ้านแผนปัจจุบัน รกั ษาอาการเจ็บปว ยเลก็ ๆ นอ ยๆ เบื้องตน ๒ยาชนิดนี้เปน็ ยาสามัญประจ�าบ้าน แโบลระายณ1าหสราือมยัาญไทปยรแะผจน�าโบบ้ารนาณแผน- 4. หลงั จากท่คี รูพยาบาลใหค วามรเู สรจ็ แลว ครใู ห นักเรียนรว มกนั ตง้ั คําถามเพือ่ ถามครูพยาบาล ตวั อย่างยาสามญั ประจ�าบ้าน เพิ่มเติม เชน ยาสามัญประจ�าบา้ นมหี ลายชนดิ ทีน่ กั เรียนควรรู้จกั มดี ังนี้ • อาการลกั ษณะใดทีส่ ามารถใชย าสามัญ ประจาํ บา นไดโดยยังไมตองไปพบแพทย ชอื่ ยา สรรพคุณ ขนาดและวิธใี ช้ คา� เตอื น (แนวตอบ อาการเจ็บปว ยเลก็ ๆ นอยๆ ๓๒๕ มก. ๕๒๑๐ท -ุก๐ ๑ ๔ มเ -มก ๖็ด. • ไม่ควรใช้ยาติดต่อกัน มีอาการไมรนุ แรง และเปนระยะเริ่มตน เชน พาราเซตามอล2 ลดไข้ ผู้ ให ่ญ ๖ - ๑๒ ป นานเกนิ ๗ วัน ปวดศรี ษะ ปวดทอ ง ปวดเม่ือยตามรางกาย บรรเทา ๑ เมด็ เปนตน) ยาแก้แพค้ ลอรเ์ ฟนริ ามนี 3 อาการปวด ทกุ ๔ หรือ ๖ • เราจะรไู ดอยางไรวา ยาใดเปนยาสามัญ ชั่วโมง ชว่ั โมง ประจาํ บาน บรรเทาอาการแพ ้ ๒ เม็ด ๑ เม็ด (แนวตอบ ยาบางชนดิ อาจดไู ดจากฉลากยาท่ีมี เช่น ลมพษิ ทุก ๔ - ๖ ทุก ๔ ระบุวา เปน ยาสามัญประจาํ บา น หรอื สอบถาม ช่วั โมง ชั่วโมง จากเภสชั กรประจํารา นขายยา) • ยาสามญั ประจําบานเปนยาท่ไี มม ีอันตราย • กินทุกๆ ๔ ชัว่ โมง • ไม่ควรใช้ยาติดต่อกัน ใชห รอื ไม เพราะอะไร หรอื ๖ ชว่ั โมง นานเกิน ๗ วนั (แนวตอบ ไมใช เพราะยาทุกชนดิ มที ั้งผลดี เมอื่ มอี าการแพ้ และผลเสีย เชน ยาบางชนดิ ถา ใชตดิ ตอกนั เปน เวลานานอาจทาํ ใหต ิดยาได ดังนนั้ 72 การใชยาสามัญประจําบานจงึ ควรใชตาม คําแนะนําอยา งเครง ครดั ) นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ ขอใดกลาวถงึ ยาสามญั ประจําบาน 1 ยาสามัญประจําบานแผนโบราณ เปน ยาที่ไดจ ากพืช สัตว หรอื แรธาตุมา ก. ตอ งนําใบส่งั ยาจากแพทยไ ปซอ้ื แปรรูปใหอยใู นรูปยานาํ้ ยาเม็ด หรอื แคปซูลแลว ไดรบั ประกาศจากกระทรวง ข. ใชรักษาอาการเจบ็ ปว ยเลก็ ๆ นอยๆ สาธารณสขุ ใหเ ปน ยาสามัญประจาํ บานแผนโบราณ เชน ค. กนิ ตดิ ตอกันเปนเวลานานไดเ พราะปลอดภัย ง. หาซ้อื ไดต ามรา นขายยาในหางสรรพสินคา เทา นน้ั • ยาประสะกระเพรา แกทอ งข้ึน ทอ งเฟอ วเิ คราะหคาํ ตอบ ยาสามญั ประจําบานเปนยาท่ีประชาชนสามารถซ้อื มา • ยาประสะกานพลู แกป วดทอง เนื่องจากธาตุไมป กติ ใชเ พื่อรกั ษาอาการเจบ็ ปว ยเล็กๆ นอยๆ โดยไมเปนอันตรายถา ใชอยา ง • ยาแสงหมึก แกไ อ ขบั เสมหะ เปนตน ถกู ตอ ง สามารถหาซ้อื ยาสามญั ประจาํ บา นไดต ามรานขายยาทัว่ ไปโดย 2 พาราเซตามอล เดก็ อายุ 6 - 12 ป ไมควรรบั ประทานเกินวันละ 2.6 กรัม ไมตองมใี บส่งั ยาจากแพทย รวมถงึ มรี าคาไมแพงอกี ดว ย ดังนน้ั ขอ ข. และผใู หญไมควรรับประทานเกนิ วนั ละ 4 กรมั (ขนาด 500 มก. 8 เม็ด) เปน คําตอบท่ถี กู 3 ยาแกแพค ลอรเฟนิรามนี เดก็ ทม่ี ีอายุ 6 - 12 ป ใหรบั ประทานคร้งั ละ 1 เมด็ ไมค วรรบั ประทานเกนิ วนั ละ 6 เม็ด และยานอ้ี าจทาํ ใหเกดิ อาการงวงซมึ จึงไมค วรขบั ขย่ี านยนตห รือทํางานเกีย่ วกับเครอื่ งจักรกล และหลกี เล่ียงเครื่องด่มื ท่มี ีแอลกอฮอลผ สม 72 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ชอื่ ยา สรรพคุณ ขนาดและวิธีใช ้ ค�าเตอื น 1. ใหนักเรียนรวมกนั สรุปความรูเก่ยี วกบั ยาสามญั ประจาํ บา น ยาน�้าแกไ้ อ บรรเทาอาการไอ • เขย่าขวดกอ่ นใช้ • ห้ามใชย้ าน้กี บั เด็ก ยาแก้ท้องเสยี และขบั เสมหะ • กนิ วนั ละ ๓-๔ ครง้ั อายุต�า่ กวา่ ๖ ป 2. ใหนกั เรียนรว มกนั อภิปรายวาจะมีวิธีปฏิบัตติ น ผงนา้� ตาลเกลือแร่ ในการใชยาใหป ลอดภยั ไดอ ยางไร ยาเม็ดลดกรด ทดแทนการเสยี นา�้ • เทผงทง้ั ซองละลาย • ผู้ท่ีเป็นโรคหวั ใจหรอื ในรายท่ีทอ้ งรว่ ง ในน�้าตม้ สกุ ประมาณ โรคไต ควรปรึกษา 3. ครูตัง้ คําถามวา ยาธาตุน�า้ แดง ๒๕๐ มลิ ลิลิตร แพทย์กอ่ นใช้ • ในวยั ของนักเรียนสามารถหยิบยาสามัญ เอทลิ แอลกอฮอล์ แลว้ ดม่ื ประจําบานมาใชเองไดห รอื ไม เพราะอะไร น�า้ ยาใส่บาดแผล (แนวตอบ ยาบางชนิด เชน ยาแกแพ โพวิโดน - ไอโอดีน บรรเทาอาการจกุ เสียด • เค้ยี วยากอ่ นกลนื 1 • หา้ มใชใ้ นผ้ทู ่เี ป็น ยาพาราเซตามอล เปน ตน นักเรยี นไมค วร โรคหวั ใจหรือโรคไต หยบิ ยามากนิ เอง เพราะอาจกนิ ไมถ ูกตามวธิ ี ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟอ้ • กินกอ่ นอาหาร • ไมค่ วรใชย้ า หรอื ตรงกับโรค ดังนนั้ เดก็ ในวยั นี้จงึ ควร ครึ่งชวั่ โมง ติดต่อกนั นานเกิน แจง ใหผ ูใ หญท ราบกอ นใชย า) หรือหลังอาหาร ๒ สปั ดาห์ • ถานกั เรยี นลืมกนิ ยากอนอาหาร ควรนาํ ยา ๑ ชวั่ โมง กอนอาหารมากินหลังอาหารหรอื ไม เพราะอะไร บรรเทาอาการ • เขยา่ ขวดก่อนใช้ • หา้ มใชใ้ นผทู้ ี่เป็น (แนวตอบ ไมค วร เพราะสรรพคณุ ในการ จกุ เสียด ท้องขน้ึ • กินกอ่ นอาหาร โรคหวั ใจหรือโรคไต รกั ษาอาจลดลง เน่อื งจากยากอนอาหาร วันละ ๓ ครงั้ • ไมค่ วรใช้ยาตดิ ตอ่ กัน จะดูดซมึ ไดด เี มอ่ื ทองวา ง ดังนน้ั จงึ ควร นานเกิน ๒ สัปดาห์ กนิ ยากอนอาหารในม้อื ถดั ไป) • มสี ่วนผสมของ • ถายาท่ีเรารูจักดี แตฉลากหลุดหายหรือ แอลกอฮอล์ เลือนจนอานไมออก นกั เรยี นคิดวาควรใช ยานหี้ รอื ไม เพราะอะไร ใชท้ า� ความสะอาด • ใชส้ �าลีชบุ และเชด็ • ยาใชภ้ ายนอก (แนวตอบ ไมค วร เพราะไมท ราบวนั หมดอายุ บาดแผล รอบๆ บาดแผล ห้ามรบั ประทาน ของยา ถานาํ ไปใชอ าจกอใหเกดิ อันตรายได ดงั นน้ั จงึ ไมควรใช และควรทิ้งยานน้ั ) และฆา่ เชือ้ โรค 4. ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ เร่อื งการจัดตยู าวา ควรแยก ฆ่าเช้ือแบคทีเรีย • ใชท้ าบริเวณแผล • ยาใชภ้ ายนอก ยาใหเ ปนหมวดหมู เชน ยาใชเ ฉพาะภายนอก เช้อื รา เช้ือไวรัส ท�าความสะอาด ห้ามรับประทาน ยาใชกนิ เปน ตน เพอ่ื ใหหยิบใชไ ดส ะดวกและ และโปรโตซวั แผลติดเชอ้ื ปลอดภัย 5. ใหนักเรยี นรวมกันสรุปขอ ควรปฏบิ ัตใิ นการ ใชยา 73 ขอสอบเนนการคดิ นกั เรยี นควรรู ผปู วยในขอใดท่ีควรจะใชยาพาราเซตามอลมากที่สุด 1 เคยี้ วยากอนกลนื ยาเม็ดลดกรดมีคุณสมบัตใิ นการลดกรดในกระเพาะอาหาร ก. กอ ยปวดศรี ษะเพราะมีไข อาการปวดทอ งจงึ ทเุ ลาลง การเคีย้ วยาใหล ะเอียดกอนกลืนจะชว ยใหเมด็ ยา ข. แจนปวดทองเพราะไมไ ดก นิ ขาว กระจายตวั และออกฤทธ์ไิ ดอยางมีประสทิ ธิภาพมากขึ้น ค. หนอยปวดหเู พราะมีแมลงเขาหู ง. ตกุ ปวดตาเพราะอา นหนังสือในที่มดื นานๆ มุม IT วิเคราะหคําตอบ ยาพาราเซตามอล มสี รรพคุณลดไข บรรเทาปวด เม่ือมอี าการปวดศีรษะเพราะมีไข จงึ ควรใชยาพาราเซตามอลมากทีส่ ุด ครูสบื คนชอ่ื ยาสามัญประจาํ บานเพิม่ เติมไดท ี่ http://drug.fda.moph.go.th แลว คลกิ เลอื ก ยาสามญั ประจําบา น ซ่ึงเปนเว็บไซตของสาํ นักยา ดงั นนั้ ขอ ก. เปน คําตอบทถ่ี กู คูมอื ครู 73

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหนกั เรียนดูภาพยาจากกิจกรรมการเรียนรู ชอ่ื ยา สรรพคุณ ขนาดและวิธใี ช ้ ค�าเตอื น ชวนคดิ ชวนทาํ หนา 75 แลว เขียนชอ่ื ยา สรรพคุณของยา วธิ ีใช และขอ ควรระวงั ใน ยาหมอ่ ง ชนิดข้ีผงึ้ บรรเทาอาการปวด • ใชท้ าและนวด • ยาใช้ภายนอก การใชล งในสมุด แอมโมเนยี หอม จากแมลงสัตว์ บรเิ วณท่มี อี าการ หา้ มรบั ประทาน 2. ใหนักเรยี นทาํ บตั รภาพยาสามัญประจําบา นมา กดั ตอ่ ย บรรเทาอาการ ปวด คนละ 1 ชนดิ จากนนั้ รวบรวมสงครูเพื่อจดั ทาํ ปวดเม่ือย เปน สมุดภาพยาสามัญประจาํ บาน บรรเทาอาการ • ใช้ชบุ ส�าลีดม • ยาใช้ภายนอก 3. ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.1 วงิ เวยี นศรี ษะ แกว้ ิงเวยี นศีรษะ ห้ามรับประทาน จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยบอกชอ่ื หรอื ใชท้ าบรเิ วณ ยาสามญั ประจําบา น หน้ามดื ขมบั ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.1 แบบประเมินตัวช้�วัด พ 5.1 ป.2/2 แบบประเมินผลการเรยี นรูต ามตัวชว้ี ดั ประจําหนวยท่ี ๕ บทที่ ๑ ๓ ข้อควรปฏบิ ัติในการใชย้ า กิจกรรมรวบยอดท่ี ๕.๑ ยาแต่ละชนิดมีสรรพคณุ และวธิ กี ารใช้ทแี่ ตกต่างกันไป ดังน้ัน นกั เรยี นควรใหพ้ อ่ แม ่ หรอื ผใู้ หญ ่ หยบิ ยาให ้ และปฏบิ ตั ติ ามคา� แนะนา� แบบประเมินตวั ช้ีวัด พ ๕.๑ ป.๒/๒ ของพอ่ แม ่ หรือผู้ใหญ่ ในการใชย้ า เพอ่ื ไม่ใหเ้ กดิ อนั ตราย • บอกชอื่ ยาสามญั ประจําบา นและใชยาตามคําแนะนํา ข้อควรปฏบิ ัติในการใช้ยา มดี งั น้ี ๑) เลอื กใชย้ าตามความจา� เปน็ และใชย้ าใหต้ รงกบั อาการ ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน แ ละยา ท่กี ๓๒นิ ห)) ลยอัง่าาอนทาฉ่ีกหลินาารก2ก ่อคยนวาใอรหกาล้ินหะหาเรอล1 ียงั อคดาวแหรลากะรใินหปก้เรข่อะา้มนใาอจณาทห กุ ๑าค๐รร -ัง้ ๑ก๓๕อ่ ๐ น นในาชทา้ยทีาี ๔) เมื่อใชย้ าเสร็จแล้วตอ้ งปดิ ซองยาหรือขวดยาใหส้ นทิ ๑ อา นอาการทก่ี ําหนดให แลวเขยี นชือ่ ยาใหถ กู ตอ ง ๕) ถา้ ใช้ยาแลว้ เกดิ อาการแพ้ยา เชน่ มีผนื่ คัน มีอาการ บวมแดง เป็นต้น ควรเลกิ ใช ้ แล้วรบี ไปพบแพทย์ทันที เฉฉบลบั ย ๑) จ๊บิ มีอาการทองเสยี ถา ยอุจจาระเหลวหลายครง้ั และรูสึก ออนเพลีย จบ๊ิ ควรดื่มนาํ้ ผสม ผงนา้ํ ตาลและเกลอื แร...................................................................................................... 74 ๒ ๒) แตงถูกมีดบาด แมจึงลางแผล แลวนําสาํ ลีชุบย....า...โ..พ.....ว...โิ..ด....น.....-...ไ...อ...โ...อ...ด.....ีน..... ๕๖ ทาที่บาดแผล ๓) มดรสู กึ หนา มดื วงิ เวียนศรี ษะ แกมจึงนาํ สําลชี ุบ แอมโมเนียหอม.............................................. มาใหมดดม ๔) เอม ีอาการจกุ เสียด ทองข้ึน เอจึงหยบิ ยาธาตุนํ้าแดง........................................................................... มากนิ โดยเขยา ขวดกอ นกินยา ๕) กอ ยถกู มดกดั บรเิ วณแขน กอ ยจงึ ทา ยาหมอ งชนิดข้ีผึง้................................................................................ ทีบ่ รเิ วณแขน ตวั ชีว้ ดั พ ๕.๑ ขอ ๒ เขียนขอควรปฏบิ ัตใิ นการใชยามา ๕ ขอ (ตัวอยาง) õไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๑) อา นฉลากใหล ะเอียดและใหเ ขา ใจกอนใชยา............................................................................................................................................................................................ ๒) ควรกินยากอนอาหารกอนกินอาหารประมาณ ๓๐ นาที............................................................................................................................................................................................ ๓) ควรกนิ ยาหลงั อาหารหลงั กนิ อาหารประมาณ ๑๐-๑๕ นาที............................................................................................................................................................................................ ๔) เมอื่ ใชย าเสร็จแลว ตองปดขวดยาใหสนิท............................................................................................................................................................................................ ตวั ช้ีวัด พ ๕.๑ ขอ ๒ ๕) ถา มอี าการแพยา ควรหยดุ ใชยาทนั ที õ................................................................................................................................................... ไดค ะแนน คะแนนเตม็ นกั เรียนควรรู กิจกรรมทาทาย 1 ยาท่กี นิ กอ นอาหาร ยาบางชนดิ ตองกินกอนอาหาร เพราะยาทกี่ นิ กอ นอาหาร ใหน ักเรยี นสํารวจดตู ูยาที่บา นวา มียาชนิดใดเปน ยาสามญั ประจําบา น จะดดู ซมึ ไดด ชี ว งทอ งวา ง หรอื ตวั ยามฤี ทธใิ์ นการรกั ษาอาการในขณะรบั ประทานอาหาร และเปน ยาสามัญประจําบานแผนปจจุบัน หรือแผนโบราณ พรอ มท้งั จัดตยู า เชน กลมุ ยาตานอาการคล่นื ไส อาเจียน จะกินยากอ นรับประทานอาหารประมาณ จากนั้นวาดภาพตูยาโดยระบชุ ื่อยาและอุปกรณในการรักษาใหถูกตอ ง ครงึ่ ชวั่ โมง เพราะถา กนิ หลงั อาหารจะถกู กรดในอาหารทาํ ลายหรอื ทาํ ใหฤ ทธย์ิ าออ นลง แลวออกมานําเสนอท่ีหนา ชั้น เปน ตน 2 ยาทกี่ นิ หลงั อาหาร ยาบางชนดิ ตอ งกนิ หลงั อาหาร เพราะยาทก่ี นิ มผี ลขา งเคยี ง ทีส่ าํ คัญ คือ ระคายเคืองตอระบบทางเดินอาหาร ทาํ ใหค ลนื่ ไส อาเจียน ซงึ่ การกินยา หลังรบั ประทานอาหารทันทีจะชว ยลดอาการเหลานีไ้ ด นอกจากนย้ี าเหลานตี้ องการ กรดในกระเพาะอาหารชวยในการดูดซมึ ยาเขา สรู า งกาย ซง่ึ กรดในกระเพาะอาหาร จะหลง่ั สงู สดุ ในระหวางรับประทานอาหารเทา น้นั 74 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ๖) เก็บยาไวในตูยาที่อยู 1. ครตู รวจสอบความถูกตองของบัตรภาพ สูงพนมือเด็ก และควรแยกเก็บ ยาสามญั ประจําบาน ยาท่ีใชก นิ และยาที่ใชท าภายนอก ใหช ัดเจน 2. ครตู รวจสอบการบอกชอื่ ยาสามัญประจําบา น ในกิจกรรมรวบยอดท่ี 5.1 จากแบบวดั ฯ ๗) ไมค วรหาซอ้ื ยาตามคาํ สุขศกึ ษาฯ ป.2 อวดอางในสรรพคุณ วนั หมกอดนอาใชยยบุ านฉคลวารกสังยเาก1ทตุกครง้ั หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๘) ไมค วรใชย าทหี่ มดอายุ หรือยาท่ีฉลากหลุดไป 1. บัตรภาพยาสามัญประจาํ บาน 2. กิจกรรมรวบยอดท่ี 5.1 จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ตอนท่ี ๑ คาํ ถามชวนคิด เขียนตอบคําถามตอไปน้ลี งในสมุด ๑) ตยู าในบา นของนักเรียน มียาอะไรบา ง และมวี ิธีการใชอ ยางไร ๒) เมอื่ อา นฉลากยาแลว พบวา ยาหมดอายุ นกั เรยี นรสู กึ อยา งไร และนกั เรยี น ควรทาํ อยา งไร ๓) ถา นองของนักเรียนนํายามาเลน นักเรยี นควรทาํ อยางไร ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ สํารวจทีบ่ านหรือทโ่ี รงเรยี นแลว เขยี นชื่อยา สรรพคุณของยา วิธใี ช และขอ ควร ระวังลงในสมดุ อยางนอ ยคนละ ๑ ชนดิ ตอนท่ี ๓ ผลงานสรางสรรค ๗๕ ทําบตั รภาพยาสามญั ประจาํ บานมาคนละ ๑ ชนิด โดยดา นหนา ของบัตรภาพ ใหติดรูปยา และดา นหลังใหบอกชื่อยา สรรพคุณ วธิ ใี ช และขอ ควรระวงั นักเรียนควรรู 1 วันหมดอายุบนฉลากยา โดยสวนใหญจ ะเขียนดวยตัวภาษาอังกฤษ แลวตามดว ยตัวเลข เชน • Exp. Date 4/7/14 หมายถงึ ยาหมดอายุ วันท่ี 4 เดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 • Use By Jul. 14 หมายถึง ยานี้ใชไ ดถึงเดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 • Use Before Jul. 14 หมายถงึ ควรใชยาน้กี อนเดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคดิ แนวตอบ 1) ยาพาราเซตามอล ใชรบั ประทานเพื่อลดไขห รอื บรรเทาอาการปวด 2) คําตอบขนึ้ อยูกับนักเรียนแตละคน 3) รีบเก็บทันที แลว บอกนองวา ไมควรนาํ ยามาเลน เพราะอาจเผลอกินยาเขา ไปจนเปนอนั ตรายได คูมือครู 75

กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรยี นรู òบทท่ี • ระบโุ ทษของสารเสพติด สารอนั ตรายใกลตัว และวิธปี อ งกนั (พ 5.1 ป.2/3) สาระส�าคัญ สารเสพติดและสารเคมีบางชนิดเป็นอันตราย สมรรถนะของผเู รียน ภยั รา ยทําลายชวี ิต ต่อร่างกาย เราต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด และเรยี นรู้วธิ ีใชส้ ารเคมใี หถ้ ูกตอ้ ง 1. ความสามารถในการสือ่ สาร ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค 1. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูนาํ ขาวเก่ยี วกบั ยาเสพติดมาใหน ักเรยี นอา น แลวรวมกนั พูดคุยซกั ถามเก่ยี วกบั ขา ว เชน • ขาวนเ้ี กย่ี วกับยาเสพตดิ ชนิดใด • จากขาว เกดิ อนั ตรายอยา งไร 2. ครูถามนกั เรียนวา ใครเคยอยใู กลผ ูทส่ี บู บุหรี่ บา ง แลว นักเรียนรสู ึกอยางไรขณะอยใู กล ผสู ูบบหุ รี่ ? ¨Ò¡ÀÒ¾ ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹Ã¨ŒÙ Ñ¡ÍÐäúŒÒ§ áÅÐÊÒรเËÅ่ÒนéมÕ อÕ นั µรÒÂอÂÒ่ §ไร 76 เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโดยการใหน ักเรียนปฏิบัติ ดังน้ี • สบื คน ขอมลู เกยี่ วกบั สารเสพตดิ และสารเคมีในชีวติ ประจําวัน • อธิบายโทษและอนั ตรายของสารเสพติดและสารเคมใี นชีวิ ติ ประจาํ วนั จนเกิดความรคู วามเขา ใจวา สารเคมที ่ใี ชในชวี ิตประจําวนั บางชนิดมอี นั ตราย จงึ ควรใชอยา งระมดั ระวงั สว นสารเสพตดิ เปนวตั ถุทม่ี ีอนั ตรายตอรางกาย ดงั นน้ั จึงไมควรยุงเกย่ี วกับสารเสพตดิ ทุกชนดิ 76 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Evaluate Explore Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ สารเสพตดิ 1 1. ใหนักเรียนรวมกันอภปิ รายความหมายของ สารเสพตดิ และสรุปวา สารเสพตดิ เปนสารท่ี สารเสพติดเป็นส่ิงท่ีผู้เสพเสพเข้าสู่ร่างกายแล้วมีผลท�าให้ เสพเขา ไปแลวทาํ ใหอ ยากเสพซาํ้ ๆ และทําให ผู้เสพเกิดความต้องการเพ่ิมมากขึ้น และท�าให้เกิดโทษต่อร่างกาย เกิดอนั ตรายตอรางกาย ผู้ท่ีใช้สารเสพตดิ เปน็ เวลานานๆ จะทา� ใหร้ า่ งกายทรดุ โทรม เกดิ โรค ได้ง่าย และอาจท�าให้เสียชีวิตได้ นอกจากน้ียังท�าให้เกิดปัญหา 2. ใหนักเรียนรวมกันยกตวั อยา งสารเสพติด ครอบครัว ปัญหาชุมชน ปัญหาอาชญากรรม และยังเป็นปัญหา ทน่ี กั เรียนเคยไดยินชอ่ื เชน ยาบา เฮโรอีน ในการพฒั นาประเทศอกี ด้วย กัญชา เปน ตน ๑. อันตรายของสารเสพติด 3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา สารบางอยางท่ีอยูใกล อันตรายของสารเสพตดิ ที่นกั เรียนควรรู้ มีดงั นี้ ตัวเรากจ็ ัดเปน สารเสพติดดวย เชน กาว ทนิ เนอร บหุ รี่ สรุ า เปน ตน บุหรี่ 4. ใหนกั เรียนแบง กลมุ 3 กลุม ใหแ ตละกลมุ ในบุหร่ีมีสารนิโคติน ซ่ึงให้โทษต่อร่างกาย อาจท�าให้เกิด ศึกษาอันตรายของสารเสพติด กลมุ ละ 1 ชนดิ โรคตา่ งๆ เช่น ดังน้ี  โรคความดนั โลหติ สูง  โรคปอด • กลุมท่ี 1 ศึกษา บุหรี่ • กลุมที่ 2 ศกึ ษา สรุ า • กลุมที่ 3 ศึกษา ยาบา จากนั้นใหแ ตละกลมุ สง ตวั แทนออกมารายงาน หนา ชน้ั 4. ใหน กั เรียนแตละกลุมรว มกนั คิดวา จะปอ งกนั อนั ตรายจากสารเสพตดิ ไดอยางไร  โรคหลอดลมอกั เสบ  โรคหวั ใจ  โรคมะเร็งปอด  โรคถุงลมโป่งพอง สุรา สรุ ามสี ว่ นประกอบของแอลกอฮอลท์ เ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ รา่ งกาย เมื่อด่มื มากๆ จะสง่ ผลตอ่ ร่างกาย เชน่  มีอาการประสาทหลอน  เบอื่ อาหาร  เป็นโรคพิษสรุ าเรอ้ื รงั  ตับแขง็ / ตบั อักเสบ 77 ขอ สอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู ขอใดไมใชโ รคทีเ่ กิดจากการสูบบุหรตี่ ิดตอ กนั เปนเวลานาน 1 สารเสพติด แบงลักษณะออกเปน 4 ประเภท คือ ก. โรคหัวใจ • ประเภทกดประสาท ไดแ ก ฝน มอรฟ น เฮโรอนี ยานอนหลับ ยากลอ ม- ข. โรคมะเร็งปอด ค. โรคถงุ ลมโปงพอง ประสาท เครื่องดม่ื มึนเมา สารระเหย เชน ทินเนอร แล็กเกอร กาว เปน ตน ง. โรคกระเพาะอาหารอกั เสบ ผเู สพตดิ จะมีรางกายซบู ซดี ออนเพลยี ฟุงซาน อารมณเปลี่ยนแปลงงาย วิเคราะหคาํ ตอบ การสูบบหุ รีต่ ิดตอ กันเปนเวลานาน จะทาํ ใหเกิดโรค เกยี่ วกบั ระบบการหายใจ ไดแก โรคมะเร็งปอด โรคถงุ ลมโปง พอง • ประเภทกระตนุ ประสาท ไดแก ยาบา ยาอี กระทอม โคเคน เคร่ืองด่ืมทีม่ ี โรคหัวใจ เปน ตน สวนโรคกระเพาะอาหารอกั เสบเปนโรคเกีย่ วกับระบบ คาเฟอนี ผูเสพติดจะมีอาการหงุดหงดิ กระวนกระวาย จติ สับสน หวาดระแวง มีอาการคลมุ คลงั่ เชน ทาํ รายตนเอง หรอื ทาํ รา ยผอู นื่ เปนตน ยอยอาหาร ดังนน้ั ขอ ง. เปนคาํ ตอบทถ่ี กู • ประเภทหลอนประสาท ไดแก แอลเอสดี เห็ดขี้ควาย บารบทิ ูเรต ยาเค เปนตน ผูเสพติดจะมีอาการประสาทหลอน ฟนเฟอน หแู วว ไดยินเสยี งประหลาด หรอื เห็นภาพหลอนท่ีนากลวั ควบคมุ ตนเองไมไ ด ในทส่ี ดุ มกั ปวยเปนโรคจติ • ประเภทออกฤทธิผ์ สมผสาน ไดแ ก กญั ชา คอื ออกฤทธิ์ทงั้ กระตุน กด และหลอนประสาทรวมกัน ผูเสพตดิ มักมีอาการหวาดระแวง ความคิดสบั สน เห็นภาพลวงตา หแู วว ควบคมุ ตนเองไมไ ด และปวยเปน โรคจติ ได คูมอื ครู 77

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนักเรยี นรว มกันสรุปอันตรายจากบุหร่ี สุรา ยาบา้ และยาบา วามอี นั ตรายตอสขุ ภาพมาก เปน็ ยาท่เี สพเข้าไปแลว้ จะรสู้ กึ กระปรีก้ ระเปร่า เพราะยาบ้า ถงึ แมวาเราจะไมไดเ สพเอง แตก ็อาจเกดิ มีฤทธก์ิ ระตุน้ ประสาท หากเสพมากข้นึ จะมีผลเสยี ดงั น ี้ อนั ตรายถา อยูใ กลผ ูทีเ่ สพสารเสพตดิ เหลาน้ไี ด  มีอาการทางจิต  พดู ไม่รเู้ รือ่ ง เหน็ ภาพหลอน  หลงคิดวา่ มีคนมาท�าร้าย 2. ครตู ้ังคําถาม และใหน ักเรียนชวยกันตอบวา • นกั เรยี นคดิ วา เพราะเหตุใดจงึ ยังมคี นเสพ ๒. การปอ้ งกนั ตนเองจากสารเสพตดิ สารเสพติดท้ังทีอ่ าจทราบวา สารเหลา น้ีเปน สารเสพติดทุกชนิด เป็นอันตรายต่อตัวเราและคนรอบข้าง อนั ตรายตอ สขุ ภาพ ทง้ั สิน้ เราทกุ คนจงึ ควรหลกี เลี่ยงสารเสพตดิ โดยปฏิบตั ิ ดงั น้ี (แนวตอบ อาจเกดิ จากหลายปจจัย เชน - คานยิ มทางสังคม ทค่ี ดิ วาการเสพสิง่ เหลาน้ี ๑) ถ้ามคี นชวนเสพสาร ๒) ทา� กิจกรรมท่มี ีประโยชน์ เปนสิ่งที่ทําใหด ดู ี เสพตดิ ใหป้ ฏเิ สธคา� ต่อร่างกายในเวลาวา่ ง - ความรูท ีผ่ ิด เพราะคดิ วาเสพสง่ิ เหลา นแี้ ลว ชักชวนอย่างจริงจงั เชน่ เล่นกฬี า เลน่ ดนตรี อาจทาํ ใหทาํ งานไดน าน คลายเครยี ดได - ถูกหลอก โดยอาจมคี นชักชวนใหเ สพ สารหเสยพุด ต ิด เป็นต้น โดยไมทราบวาเปนสารเสพตดิ ) • ถามสี มาชกิ ในครอบครวั ของนกั เรียนดมื่ สรุ า ๓) หลีกเล่ียงหรือเดนิ หนี ๔) ถ้าพบเพอื่ นทต่ี ดิ สาร หรอื สบู บุหรี่ นักเรียนควรทําอยา งไร จากผทู้ ต่ี ิดสารเสพตดิ เสพตดิ ใหร้ บี แจง้ ครหู รอื (แนวตอบ ขอรองใหเลิกดืม่ สุราหรือสบู บหุ รี่ ผู้ใหญท่ ี่ไวใ้ จไดท้ นั ที เพราะเปน อันตรายตอ สุขภาพ) • ถา นกั เรียนพบเพอ่ื นทส่ี บู บุหร่หี รอื ด่มื สรุ า ไม่ครบั ¼มไม่เʾ ไม่คÐ่ ไมÅ่ อ§ค่Ð นักเรียนควรทาํ อยา งไร (แนวตอบ ควรหา มเพ่ือน แตถาเพ่อื น 78 ไมยอมเลิก ใหรบี แจง ครใู หท ราบทนั ที) • นกั เรียนจะมวี ิธปี องกันตนเองจากสารเสพตดิ ไดอยา งไร (แนวตอบ ไมรบั อาหารหรอื ขนมจาก คนแปลกหนา เพราะอาจสอดไสส ารเสพติด ปฏเิ สธคาํ ชักชวนอยางหนักแนนวา “ไม” ถามีผูชักชวนใหลองเสพสารเสพติด) 3. ใหน กั เรยี นรวมกันสรุปอันตรายจากสารเสพตดิ และครเู นนใหน กั เรียนหลีกเลยี่ งสารเสพตดิ และปฏเิ สธอยา งหนักแนนในการทดลอง เสพสารเสพติด เกรด็ แนะครู บรู ณาการเชอื่ มสาระ ครบู ูรณาการความรูในสาระสุขศึกษาฯ กบั สาระสงั คมฯ วิชาสังคมฯ ครูแนะกจิ กรรมท่ที ําใหนักเรยี นหางไกลสารเสพติด ดงั นี้ ศึกษา เร่ือง พลเมอื งดี โดยใหน กั เรียนปฏิบัติตนเปนพลเมอื งทีด่ ใี นการ 1. คนหากฬี าที่ชอบ แลว ชกั ชวนใหเพอื่ นมาเลน กฬี าดวยกัน สอดสองดแู ลไมใหเพอื่ นหรอื คนใกลช ดิ ติดสารเสพติด หรอื หากพบกใ็ หร ีบ 2. รองเพลงหรอื เลน ดนตรี แจงครูทันที เพ่อื ใหน กั เรียนมที ักษะในการปองกนั ตนเองและผูอน่ื จาก 3. ทาํ งานศลิ ปะ เชน วาดภาพดวยมือหรือคอมพวิ เตอร สารเสพติด 4. ทอ งเท่ยี วทางธรรมชาติ เพอ่ื เรียนรโู ลก 5. ทาํ กิจกรรมเพื่อสังคม บรู ณาการอาเซียน ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา อาเซยี นเหน็ ความสาํ คญั ของปญ หาสารเสพตดิ จงึ ไดร ว มมอื กนั ปองกนั และปราบปรามสารเสพตดิ เพอื่ ใหอาเซียนเปนเขตปลอดยาเสพติดภายใน ป 2558 โดยเนน สกดั กน้ั สารเสพตดิ ทงั้ ภายในและภายนอกภมู ภิ าค พรอ มปราบปราม กลมุ ผูคา ยาเสพติดอยา งจรงิ จัง 78 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ สารอันตรายใกลต้ วั 1. ใหนกั เรยี นยกตัวอยา งสารเคมีที่ใชใ นชีวติ ประจาํ วนั ต้ังแตเชาจนเย็น เชน สบู แชมพู ในปัจจบุ นั เรานา� สารเคมมี าใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจ�าวนั อยู่ สระผม ผงซักฟอก นา้ํ ยาลา งจาน น้าํ ยาลาง- หลายชนิด ซ่ึงถ้าเราใช้สารเหลา่ นี้อยา่ งไม่ระมดั ระวัง ก็อาจเกดิ โทษ หองน้าํ เปน ตน ตอ่ รา่ งกาย ดงั นน้ั เราจงึ ควรเรยี นรอู้ นั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ และการปอ้ งกนั ตนเองจากสารอันตรายใกลต้ วั ดงั นี้ 2. ครูถามนักเรยี นวา เคยมใี ครแพส ารเคมี เหลา น้หี รอื ไม ถามีใหน ักเรียนออกมาเลา สารใกล้ตวั อนั ตราย วิธปี อ้ งกัน อาการใหเพือ่ นฟง แตถ าไมมคี รอู าจเลา ให นกั เรียนฟงวา ถา ผใู ชบ างคนแพสารเคมใี น สบ1ู่ เป็นสารที่ใช้ • ในปัจจุบันมีการใส่สีและ • เ ลอื กใช้สบทู่ ่ีไม่มีส่วนผสมของ ผลิตภัณฑเ หลา นี้ อาจทําใหเ กิดการพพุ อง น้า� หอมลงในสบ ู่ อาจทา� ให้ น้า� หอม คันบรเิ วณผิวหนงั ได ท�าความสะอาดร่างกาย ผใู้ ชเ้ กดิ อาการแพ ้ เกดิ ตมุ่ ใส • ถ ้าใช้แล้วเกดิ อาการคันใหห้ ยดุ ใชท้ นั ที 3. ใหนักเรียนศึกษาอนั ตรายของสารเคมที ่ใี ชใน ชวี ิตประจาํ วนั และการปองกันอนั ตรายจาก • อ าจเกดิ อาการแพ้ • ถ า้ ใช้แลว้ เกิดอาการแพ้ เชน่ หนงั สอื หนา 79 - 80 • เ มอ่ื เขา้ ตาจะทา� ใหแ้ สบ มีผน่ื คนั บนหนังศรี ษะ ผมร่วง มากผดิ ปกต ิ เปน็ ตน้ ควรหยดุ ใช้ 4. ครูตง้ั คาํ ถามแลว ใหนกั เรียนรว มกันตอบวา และระคายเคอื ง • ถา นกั เรียนใชสารเคมใี นชีวิตประจําวนั • ระวงั ไม่ใหย้ าสระผมเข้าตา แลวเกิดอาการระคายเคืองท่ผี วิ หนัง นกั เรยี นควรทําอยา งไร ยาสระผม เปน็ สารที่ • ก ารสดู ดมเป็นเวลานานจะ • หลีกเลย่ี งการใชท้ นิ เนอร์ (แนวตอบ หยดุ ใชสารเคมีนั้นทันที และถา ท�าใหเ้ กดิ การระคายเคอื ง • ควรใชผ้ า้ ปดิ ปากปดิ จมกู แพมาก ตองไปพบแพทยท ันที) ใช้ท�าความสะอาดผม • กอ นใชสารเคมี นักเรยี นควรทาํ อยางไร • เป็นสารเสพตดิ ได้ เมอ่ื ตอ้ งอยบู่ รเิ วณทม่ี ีการใช้ เพือ่ ใหเ กดิ ความปลอดภยั ทนิ เนอร ์ 2เป็นสารเคมี ทินเนอร์ (แนวตอบ ควรอา นฉลากเพื่อดวู ธิ ีใชและ คําเตือนอนั ตรายกอนใช หรือทดลองใชวา ท่ีใช้ผสมในสีทาบา้ น แพห รือไมกอ นใชจริง) น้�ายาลา้ งเลบ็ หรือ 5. ใหนกั เรียนรว มกันสรปุ อันตรายและวิธปี อ งกัน สารเคลอื บเงา อันตรายจากสารเคมีในชวี ติ ประจาํ วัน 79 ขอ สอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู ถาใชส บหู รอื ผงซกั ฟอก แลว มีอาการคนั ผิวหนงั เปนผดผนื่ ควรทาํ 1 สบู มี 2 ประเภท คือ อยา งไร เพราะเหตุใด • สบสู าํ หรับทาํ ความสะอาดรา งกาย มีฤทธิเ์ ปนดา งอยา งออน เพือ่ ไมใ ห แนวตอบ เลกิ ใชสบูหรอื ผงซักฟอกยห่ี อนนั้ ทันที เพราะทาํ ใหเ กดิ อาการแพ ซงึ่ ถามีอาการแพมาก ควรรีบไปพบแพทย ระคายเคืองผิวหนงั • สบซู กั ผา จะมีฤทธ์ิเปน ดา งมากกวา เพือ่ ใหส ามารถทาํ ความสะอาด สง่ิ สกปรกทเี่ กาะตดิ อยกู บั เส้ือผา ได ดงั นน้ั ในการเลอื กใชส บู จึงตองใชใหถ กู ประเภท 2 ทินเนอร เปน สารระเหยชนดิ หนง่ึ มฤี ทธ์ทิ ําลายระบบประสาท หากใชผิด วัตถปุ ระสงคหรือใชตดิ ตอกันเปนเวลานานจะกอ ใหเ กดิ อันตรายตอ รางกาย คอื • อันตรายแบบเฉียบพลนั ไดแ ก หายใจติดขดั ผวิ หนังแหง แตก รสู กึ แสบตา ตาแดง น้าํ ตาไหล เปน ตน • อันตรายแบบเรอ้ื รงั ไดแ ก อวยั วะ เชน ตับ ไตทํางานผิดปกติ ผิวหนงั อกั เสบ เปน ตุม พุพอง ตาพรา มัว และอาจตาบอดได เปน ตน คมู อื ครู 79

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน ักเรียนเขยี นคาํ ขวัญเพอื่ ตอตานสารเสพตดิ สารใกล้ตวั อันตราย วธิ ปี อ้ งกัน มาคนละ 1 คาํ ขวัญ จากน้นั ตกแตงใหส วยงาม แลวครนู ําไปจดั ปา ยนิเทศ • เมอ่ื ละอองเขา้ ตาจะท�าให้ • หลกี เลยี่ งการอยู่ใกล้ผ้ทู ี่ใช้ แสบและระคายเคอื ง สเปรย์ฉีดผม 2. ใหนกั เรยี นแบง กลุม ใหแ ตล ะกลมุ คดิ สถานการณปฏิเสธสารเสพตดิ แลว ออกมา • เมือ่ สูดดมเขา้ ไปอาจท�าให้ • ไมค่ วรนงั่ อยู่ใต้ลมในทิศทางท่ี แสดงบทบาทสมมตุ ิท่หี นาชัน้ ละอองของสเปรย์จะลอยมา ระคายเคืองจมูกหรอื เกดิ 3. ใหน ักเรียนทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.2 จาก สเปรย์ฉดี ผม เปน็ สาร อาการวงิ เวยี นศรี ษะ แบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยตอบคาํ ถาม เกีย่ วกบั สารเสพติดและเตมิ ขอ มลู เกี่ยวกบั ท่ีใชต้ กแต่งทรงผม สารเคมใี นชีวติ ประจาํ วัน • อาจท�าให้ผ้ใู ชเ้ กดิ อาการ • ถ้าใช้แลว้ เกดิ อาการแพ ้ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 5.2 ระคายเคืองและอาการแพ้ ควรหยุดใชท้ นั ที แบบประเมนิ ตัวช�ว้ ัด พ 5.1 ป.2/3 คัน หรอื ผวิ หนงั ลอกได้ • ค วรทดสอบกอ่ นใช้ว่าท�าให้ แบบฝกกิจกรรมท่ี ๒ สารอนั ตรายใกลต ัว ผงซักฟอก1 เปน็ สารท่ี เกิดอาการแพห้ รอื ไม ่ โดยการ คาํ ช้แี จง : การเรยี นรเู รอ่ื งอนั ตรายของสารเคมใี กลต วั ทาํ ใหป อ งกนั อนั ตราย ผสมผงซักฟอกกบั น้า� แล้วน�า ใช้ชะล้างส่งิ สกปรก มาทาบรเิ วณทอ้ งแขนดา้ นใน ท่ีจะเกิดขึน้ ได แล้วล้างออก ถา้ ๒ - ๗ วนั มผี ื่นข้ึนแสดงว่าแพ้ ขีด ✓ หนาขอ ท่ีถกู ตอง และกา ✗ หนาขอ ทีผ่ ดิ • ถ้าสูดดมหรอื กนิ เข้าไป • ใ ช้ตามคา� แนะน�าทีอ่ ยู่บนฉลาก ……✗…….. ๑) เราไมควรใชส บทู กุ ชนดิ เพราะเปน อนั ตรายตอผวิ หนงั จะทา� ใหเ้ กิดอาการคลืน่ ไส ้ อยา่ งระมัดระวงั ……✓…….. ๒) ถาใชผ งซักฟอกแลว มีอาการคัน ควรหยุดใชท นั ที อาเจยี น อ่อนเพลีย ชา • ส วมถุงมอื และใช้ผา้ ปดิ ปาก ……✓…….. ๓) หลงั ใชย าฆา แมลงเสรจ็ แลว ควรลางมือใหส ะอาด แสบริมฝปาก ปวดศรี ษะ และจมูก ขณะใชต้ ้องอยู่ ……✗…….. ๔) ขณะลา งหองนํ้า ใหใ ชม อื เปลาขัดพืน้ ท่รี าดนาํ้ ยาทิง้ ไว และอาจเสยี ชีวิตได้ เหนอื ลม ……✓…….. ๕) ควรใชผ า ปด ปากและจมูก ขณะฉีดยาฆาแมลง ยาฆ่าแมลง2 • ล ้างมือให้สะอาดทกุ ครัง้ เปน็ สารเคมที ่ีใชก้ �าจดั แมลง หลงั จากท่ีใชเ้ สร็จแลว้ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรตู ามตวั ชวี้ ดั ประจาํ หนวยที่ ๕ บทท่ี ๒ เฉฉบลบั ย • ถา้ เขา้ ตาอาจทา� ใหต้ าบอดได้ • ระวังไม่ให้ผลิตภณั ฑ์ลา้ งหอ้ งน้�า กิจกรรมรวบยอดที่ ๕.๒ • ถ า้ สมั ผสั กบั ผิวหนัง เข้าตา จมกู ปาก และผวิ หนงั จะทา� ใหผ้ ิวหนังอักเสบ จงึ ควรสวมถงุ มอื และรองเทา้ บตู แบบประเมนิ ตวั ชว้ี ัด พ ๕.๑ ป.๒/๓ บวมแดง • ค วรล้างมือใหส้ ะอาดทุกครั้ง • ระบุโทษของสารเสพตดิ สารอนั ตรายใกลตัว และวิธีปอ งกัน • ถ ้ากินเข้าไป จะทา� ใหแ้ สบ หลังใชเ้ สรจ็ แล้ว 3 ไหมใ้ นปาก หลอดอาหาร • ถ ้ามีอาการแพส้ ารเคมี เช่น ชุดท่ี ๑ ๒๐ คะแนน ผลติ ภณั ฑล์ า้ งหอ้ งนา้� กระเพาะอาหาร และอาจ รู้สึกแสบผวิ หนัง มผี น่ื แดง ใชท้ มา� คฤี วทาธมิเ์ ปสะน็ อการดดหสอ้ ูง4งนา�้ ถึงตายได้ ควรหยุดใชท้ นั ที ๑ ตอบคําถามตอ ไปนี้ ๑) บหุ ร่ีมีอนั ตรายตอ ผูสบู อยา งไร (ยกตัวอยา งมา ๒ ขอ ) (๑) ทาํ ใหเปนโรคถุงลมโปง พอง............................................................................................................................................................................................ (๒) ทําใหเ ปน โรคมะเร็งปอด............................................................................................................................................................................................ ๒) เพราะเหตุใดจึงไมควรด่มื สุรา ..เ..พ.....ร....า..ะ...ท.....ํา...ใ..ห.....ร....า ...ง...ก....า...ย....เ..ส.....่อื ...ม....โ...ท....ร....ม....แ...ล.....ะ...เ.ป.....น.....โ..ร....ค........เ.ช....น........โ...ร...ค.....พ....ิษ.....ส....ุร....า...เ..ร....้ือ....ร...งั............ โรคตบั อกั เสบ เปนตน ๕๙............................................................................................................................................................................................ 80 นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ผงซกั ฟอก เราไมควรนาํ ผงซักฟอกสาํ หรับซกั ดวยเครือ่ งซักผา มาใชซักผา ดว ย ใหนกั เรยี นหาขา วเก่ียวกับสารเสพตดิ มาเลา ใหเพอ่ื นฟง และบอก มอื เพราะผงซักฟอกทีซ่ กั ดวยเคร่อื ง จะมสี ารเคมที ม่ี ีฤทธิ์รนุ แรงซ่งึ อาจทาํ ใหเ กดิ ผลเสยี ที่เกดิ ขนึ้ อนั ตรายตอ ผูใช เชน ผวิ หนงั เปอ ย พพุ อง และลุกลามเปนนาํ้ เหลอื ง เปน ตน 2 ยาฆา แมลง ควรเก็บไวใหพนมอื เด็ก เพอ่ื ปองกันไมใ หเ ดก็ หยบิ ไปเลน กิจกรรมทาทาย แลวเกิดอนั ตรายตอ ตวั เดก็ ได 3 ผลติ ภัณฑล า งหอ งนํ้า สว นใหญผ ลติ ภัณฑเ หลานี้ใชส ารเคมีท่มี ฤี ทธ์ิ ใหนักเรียนอานขาวเกีย่ วกบั สารเสพตดิ จากนน้ั ออกมาเลา ใหเพือ่ นฟง กดั กรอนสงู ขณะใชจงึ ควรใสถงุ มอื ยางและหนากากปอ งกนั ทกุ คร้ัง และเก็บใหพ น แลว วเิ คราะหส าเหตุ อนั ตรายที่เกดิ ขนึ้ และวธิ ปี อ งกันอันตรายจาก จากเด็กเลก็ และสัตวเ ลยี้ ง สารเสพติดน้ี จากนั้นใหน กั เรียนนําขอ มลู มาจดั ปา ยนิเทศเพ่ือเผยแพร 4 มฤี ทธิ์เปน กรดสูง ผลิตภณั ฑทาํ ความสะอาดหอ งนา้ํ นอกจากจะมฤี ทธ์ทิ าํ ลาย อนั ตรายจากสารเสพติด ผวิ หนัง เนือ้ เยื่อตา งๆ ของรางกายแลว ยงั มฤี ทธิ์กัดกรอ นโลหะ ปูนยาแนวกระเบ้ือง ทาํ ใหก ระเบื้องหลดุ รอ นงา ย ขณะเดยี วกันเม่ือระบายลงสลู าํ คลองสาธารณะ กย็ งั มี ผลกระทบตอส่ิงแวดลอม ทั้งสตั วน้าํ และพชื นํ้าอีกดวย 80 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบความถูกตอ งและเหมาะสมของ เน้ือหาของคาํ ขวญั ตอ ตา นสารเสพตดิ ตอนที ่ ๑ คา� ถามชวนคิด เขียนตอบค�าถามต่อไปนล้ี งในสมดุ 2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งและเหมาะสมของ ๑) ถา้ นักเรียนเหน็ คนสูบบหุ ร ่ี หรอื ด่ืมสุรา นักเรียนควรทา� อยา่ งไร การแสดงบทบาทสมมุติการปฏเิ สธสารเสพติด ๒) น กั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรเมอื่ ไดย้ นิ ขา่ วเกยี่ วกบั ผทู้ ต่ี ดิ สารเสพตดิ ทา� รา้ ยคนอนื่ ๓) น กั เรยี นคดิ วา่ จะเกดิ อะไรขนึ้ ถา้ ชาวสวนไมส่ วมเสอื้ ผา้ มดิ ชดิ และไมส่ วมใส่ 3. ครตู รวจสอบความถกู ตองของการทํากิจกรรม รวบยอดท่ี 5.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป. 2 หน้ากากป้องกนั ขณะฉดี ยาฆ่าแมลง และจะมผี ลกระทบอยา่ งไร ๔) การฉดี ยาฆา่ แมลงภายในบา้ น ควรท�าอย่างไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู 1. คําขวญั ตอตา นสารเสพติด 2. แบบประเมนิ การแสดงบทบาทสมมุติ 3. กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป. 2 ตอนท่ ี ๒ ชวนคิด ชวนทา� ๑. ดูภาพ แลว้ บอกว่าภาพเหล่าน้ีคืออะไร และมีอันตรายอย่างไร ๑) ๒) ๓) ๔) ลนา้้�างยหา้องน้�า ๒. อ่านข้อความทกี่ า� หนดให ้ แลว้ แสดงความคดิ เหน็ วา่ เห็นดว้ ยหรือไมเ่ หน็ ดว้ ย พรอ้ มทัง้ บอกเหตุผล ๑) การสบู บหุ ร่ีเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ ๒) การดม่ื สรุ าครง้ั ละนอ้ ยๆ จะไม่ทา� ให้ตดิ สรุ า ๓) ผทู้ ฉี่ ลาดควรจะปฏเิ สธเมอ่ื มผี ้ยู น่ื สารเสพติดให้ ๔) ยาฆา่ แมลงเป็นอนั ตรายต่อผูใ้ ช้ด้วย ตอนที่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ น กั เรียนคดิ ค�าขวญั เพื่อต่อตา้ นสารเสพติดมา ๑ ค�าขวัญ แล้วเขียนบนกระดาษ พร้อมท้งั ตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นน�าไปจัดปา้ ยนิเทศ 81 เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู 2) สบู มอี นั ตราย คอื อาจทาํ ใหผใู ชเ กดิ อาการแพ เกิดตุมใส ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคิด 3) ยาฆา แมลง มีอันตราย คือ ถาสดู ดม หรือกินเขาไปจะทาํ ใหเ กดิ อาการ แนวตอบ คลืน่ ไส อาเจียน แสบริมฝป าก อาจเสียชวี ติ ได 1) ควรหลกี เลี่ยง ไมเขาใกล โดยเฉพาะคนทสี่ ูบบหุ ร่ี เพราะในควนั บุหรี่ 4) นํา้ ยาลางหอ งน้าํ มอี ันตราย คือ ถา กระเด็นเขา ตา อาจทําใหตาบอด มีสารพษิ ท่เี ปน อันตรายตอ รางกาย ถา สมั ผัสกับผิวหนงั อาจทาํ ใหผ วิ หนังอักเสบ ถากนิ เขาไป อาจทําใหต ายได 2) คาํ ตอบข้นึ อยูก บั นักเรียนแตละคน 2. แนวตอบ 3) รางกายจะมอี าการออนเพลีย รสู กึ ชา อาจมีอาการคล่นื ไส อาเจยี น 1) เห็นดว ย เพราะบหุ รมี่ ีสารนโิ คติน และสารอนื่ ๆ ซึ่งใหโทษตอรางกาย และปวดศรี ษะ หากไดร บั ยาฆา แมลงในปรมิ าณมากอาจทาํ ใหเ สยี ชวี ติ ได 2) ไมเหน็ ดวย เพราะสรุ ามสี วนประกอบของแอลกอฮอลที่เปน อันตรายตอ 4) ระหวา งฉีดยาฆา แมลงควรสวมใสเสอื้ ผา มิดชิดเพ่ือไมใ หยาฆาแมลง รางกาย สัมผัสผิวหนัง ใชผ า ปด ปากและจมกู และควรยนื อยเู หนอื ลม เพ่อื ไมใ ห 3) เห็นดวย เพราะสารเสพตดิ มีอนั ตรายตอรางกาย ทําใหสุขภาพเส่ือมโทรม ละอองของยาฆาแมลงพดั เขาหาตัวเรา หลงั ฉดี ยาฆาแมลงเสรจ็ แลว ควรลา งมอื ลางหนา หรืออาบน้ําเปลี่ยนเส้อื ผาทกุ ครั้ง และขาดสตสิ ัมปชัญญะ เนอ่ื งจากฤทธิข์ องสารเสพติดที่มตี อระบบประสาท ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 4) เหน็ ดวย เพราะถาสดู ดมหรอื กินเขาไป จะทาํ ใหคลื่นไส อาเจยี น ออ นเพลยี 1. แนวตอบ 1) ผงซักฟอก มีอนั ตราย คอื อาจทาํ ใหผ ใู ชเ กดิ อาการระคายเคอื ง มอี าการชา แสบริมฝปาก ปวดศรี ษะ และอาจตายได และอาการแพ คนั หรือผวิ หนงั ลอกได คูม ือครู 81

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Engage öExpand Evaluate กระตนุ ความสนใจ 1. ครูเปดเพลงทีม่ ีจงั หวะสนุกสนานและเปน เพลง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ที่นยิ มในปจ จบุ นั แลว ขออาสาสมคั รออกมา กจิ กรรมหรรษา เปนผูน ําในการทาํ ทา ประกอบเพลงตามอิสระ จากนั้นครซู กั ถามความรสู กึ ของนกั เรียนจาก เปา้ หมายการเรยี นรูป้ ระจ�าหนว่ ยที่ ๖ การทํากจิ กรรมนี้ เมือ่ เรยี นจบหนว่ ยน� ้ ผู้เรยี นจะมีความรู้ 2. ครสู นทนาซักถามนักเรียนวา นกั เรียนเคย ความสามารถต่อไปน้� ออกกําลงั กายอะไรบา ง ออกกําลงั กายเมือ่ ใด ๑. ควบคุมการเคล่ือนไหวรา่ งกายขณะอยกู่ บั ท่ ี และชอบออกกําลังกายดวยวธิ ใี ดมากทีส่ ุด เคล่อื นท่ีและใช้อปุ กรณ์ประกอบ (มฐ. พ ๓.๑ ป.๒/๑) ๒. เ ลน่ เกมเบ็ดเตลด็ และเข้าร่วมกจิ กรรมทางกาย ท่วี ิธีเลน่ อาศัยการเคลอื่ นไหวเบื้องตน้ ทัง้ แบบอยู่ กับที่ เคล่ือนท่ ี และใชอ้ ุปกรณ์ประกอบ (มฐ. พ ๓.๑ ป.๒/๒) ๓. ออกกา� ลงั กายและเลน่ เกมได้ดว้ ยตนเองอยา่ ง สนุกสนาน (มฐ. พ ๓.๒ ป.๒/๑) ๔. ปฏิบัตติ ามกฎ กติกา และข้อตกลงในการเล่น เปน็ กลุ่ม (มฐ. พ ๓.๒ ป.๒/๒) เกรด็ แนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ ครบู ูรณาการความรใู นสาระสุขศกึ ษาฯ กบั สาระศลิ ปะ วชิ าดนตรฯี กอ นเรมิ่ เรยี นชัว่ โมงพลศึกษาทกุ ครัง้ ครคู วรตรวจสุขภาพและความพรอมของ โดยใหนกั เรียนเลอื กเพลงที่สนใจ แลว นํามารอ งและแสดงทาทางเคลื่อนไหว นกั เรียน ดังน้ี ประกอบเพลงตามอิสระ เพอื่ ใหนกั เรียนรูสกึ สนุกสนานกับการเคลื่อนไหว 1. ใหน ักเรยี นเขา แถวตอน 4 แถว 2. ใหค รตู รวจความเรียบรอยของเคร่ืองแตง กายและความพรอมของสขุ ภาพ รางกายของนกั เรยี นแตละคน 3. ครตู กั เตอื นใหน กั เรียนแตง กายใหเ รยี บรอ ยและดูแลสุขภาพใหดีกอ นเรียน พลศึกษาเพ่อื ใหเกดิ ความปลอดภัย 82 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ñบทที่ เปาหมายการเรียนรู สาระสา� คัญ • เคลือ่ นไหวรา งกายเพ่ืออบอนุ รางกายไดดวย การอบอุ่นรา่ งกายเป็นการเตรียมความพร้อม ตนเองอยางสนกุ สนาน (พ 3.1 ป.2/1) ของรา่ งกายกอ่ นออกกา� ลงั กาย เพอ่ื ใหร้ า่ งกาย เตรียมความพรอ ม มคี วามปลอดภัย สมรรถนะของผเู รียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการคิด คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 2. ใฝเ รยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหนักเรียนเคลือ่ นไหวรางกายตามทตี่ นเองคดิ แลวครูถามนกั เรยี นวา การเคล่อื นไหว ของนกั เรยี นเปน การออกกาํ ลงั กายหรือไม เพราะอะไร 2. ใหน กั เรียนจบั ชพี จรแลวบอกวา ชพี จร มกี ารเตนอยางไร หลงั การเคลือ่ นไหว ? น¡ั เรÕÂนเคÂทíÒ¡¨Ô ¡รรมเËม×อนเ´¡ç ãนÀÒ¾ Ëรอ× ไม่ áÅÐทíÒเ¾×èออÐไร 83 เกรด็ แนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหน กั เรียนปฏบิ ัติ ดงั น้ี • สงั เกตการสาธติ การอบอนุ รา งกาย • อบอุนรา งกายตามขัน้ ตอน • วิเคราะหขอ บกพรองและหาแนวทางแกไ ขการอบอนุ รา งกายของตนเอง จนเกดิ เปน ความรูความเขาใจวา กิจกรรมอบอุนรางกายเปนการเตรียม ความพรอ มของรา งกาย เพ่ือใหป ฏบิ ัติกิจกรรมออกกาํ ลังกายไดอ ยางปลอดภยั คูมอื ครู 83

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหน กั เรียนสํารวจตนเองกอนอบอุนรา งกาย ๑ การอบอนุ่ รา่ งกาย1 2. ใหนักเรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามภาพ หนา 83 การอบอนุ่ รา่ งกายเปน็ การเตรยี มความพรอ้ มของรา่ งกายกอ่ น จากน้ันครใู หนักเรยี นสังเกตตนเองหลังปฏบิ ัติ ท่ีจะออกก�าลงั กาย ในการอบอ่นุ ร่างกายเพอ่ื ใหไ้ ด้ผลด ี ควรใชเ้ วลา กิจกรรมวา รางกายมกี ารเปลี่ยนแปลงอยางไร ประมาณ ๕ - ๑๐ นาที ซ่ึงมีตัวอยา่ ง ดงั นี้ และนกั เรียนรูสึกอยางไร 3. ใหนักเรียนรว มกันอภปิ รายวา เพราะอะไร ๑. ทา่ บรหิ ารคอ จึงตองอบอุนรา งกาย แลวสรุปผล ๑) ยนื ตัวตรง แยกเทา้ เทา่ ความกว้างของไหล ่ มือทง้ั สอง 4. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา การอบอนุ รางกายเปน จับทเ่ี อว การเตรียมความพรอมของรา งกายกอน ๒) กม้ คอ แหงนคอ หมุนคอไปทางขวาและทางซ้าย ออกกาํ ลงั กาย เพอื่ ไมใ หก ลา มเนอ้ื ไดร บั บาดเจบ็ ๓) ยกไหลข่ น้ึ ให้สงู ทีส่ ุด แลว้ กลบั สูท่ ่าเริ่มต้น ดงั น้นั กอ นออกกําลงั กายจึงควรอบอนุ รางกาย ๒. ทา่ บริหารไหล่ ทกุ ครั้ง ๑) ยืนตัวตรง แยกเทา้ เทา่ กับความกวา้ งของไหล่ มือท้ัง 5. ใหนกั เรียนแบงกลมุ แลวใหแ ตละกลุม ศกึ ษา สองข้างแตะศีรษะ กางแขนทงั้ สองขา้ งออก วิธอี บอุนรา งกายจากหนังสอื เรยี น หนา 84 - 86 ๒) ใหด้ งึ ข้อศอกท้ังสองเข้าหากัน ขา้ งหน้าใบหนา้ อยา่ งช้าๆ ๓) กางขอ้ ศอกกลบั สทู่ ่าปกติ 84 นักเรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครบู รู ณาการความรูใ นสาระสขุ ศึกษาฯ กบั สาระศิลปะ วิชาดนตรฯี โดย 1 การอบอนุ รา งกาย หรือวอรมอัพ (Warm up) มีความสําคญั มากในการ ใหนักเรียนรอ งเพลงส้ันๆ ทเี่ พ่อื นๆ สามารถรอ งเพลงตามได ประกอบการ ออกกาํ ลงั กายหรอื เลน กฬี า เพราะเปน การเตรยี มอวยั วะทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การเคลอ่ื นไหว ทําทาบริหารรา งกาย เพ่อื ใหเกิดความสนกุ สนานและความมสี ว นรวมในการ ใหพรอมทจ่ี ะทาํ กจิ กรรมหรอื ทาํ งานหนักได โดยมีจุดมงุ หมาย คอื เพิ่มอุณหภูมิ ทาํ กิจกรรมของนักเรียน ในรา งกายใหส ูงข้นึ และยงั เปนการชว ยยดื เสนเอน็ ทาํ ใหร างกายมีความออนตวั สามารถออกกําลังกายหรือเลนกฬี าอยา งปลอดภยั 84 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. ท่าบริหารล�าตัว 1. ครสู ุม เรียกนกั เรยี นออกมาสาธติ การปฏบิ ตั ิ ทา่ ที่ ๑ กิจกรรมอบอนุ รางกายทีละทา ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ เทา่ กบั ความกว้างของไหล่ กางแขนออกไป 2. ใหนกั เรยี นแตล ะกลมุ ฝก ปฏิบัติกจิ กรรมอบอุน ทางด้านข้างให้ขนานกับพ้นื รางกาย ๒) ใหบ้ ดิ เอวไปทางดา้ นขวา แขนขวาเบี่ยงไปทางข้างหลังเล็กน้อย 3. ใหแ ตละกลมุ ผลัดกันออกมาปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แขนซา้ ยเหวี่ยงออ้ มมาขา้ งหนา้ อบอนุ รา งกายท่ีหนา ช้นั แลว ใหเพอื่ นตางกลุม ๓) ให้ทา� สลบั กนั ซา้ ย-ขวา และครูรวมกันตรวจสอบวา ปฏิบตั ไิ ดถกู ตอ ง ท่าที ่ ๒ หรอื ไม ๑) ยืนตัวตรง แยกเท้าเท่า ความกวา้ งของไหล ่ เหยยี ดแขนทง้ั สอง 4. ใหน กั เรียนสรุปขอบกพรอ งของตนเองแลวหา ขา้ งขนึ้ เหนอื ศีรษะ วธิ ีปรับปรุงแกไข ๒) กม้ ตวั ลงแลว้ เหยยี ดแขน ทัง้ สองข้างให้สมั ผัสกบั เทา้ ซ้าย 5. ใหนกั เรยี นแกไขขอ บกพรอ งของตนเอง ๓) ให้ทา� สลับกันซา้ ย-ขวา แลวฝก ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมซ้าํ ๆ ท่าที่ ๓ ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ เทา่ กบั ความกว้างของไหล ่ มือทั้งสองข้างจบั ทเี่ อว ๒) ก้มตัวไปข้างหน้า แล้ว หมุนตัวข้ึนไปทางขวาสุด จากนั้น เอนตวั ไปข้างหลัง ๓) ใหท้ า� สลบั กนั ซา้ ย-ขวา 85 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู กจิ กรรมขอใดทนี่ ักเรยี นควรเลอื กมาใชอบอุน รางกายมากที่สดุ กอนปฏบิ ัติกิจกรรมพลศกึ ษาและอบอุนรางกายทกุ ครั้ง ครูควรตรวจสอบสภาพ ก. ว่ิง 50 เมตร ความพรอมของนกั เรียนทุกคนอยา งละเอียดวา มนี ักเรยี นคนใดเจ็บปว ย ไมส บาย ข. เลย้ี งลกู บอลออมหลกั หรอื ฟน จากอาการปว ย หรอื สภาพรา งกายยงั ขาดความพรอ มในการออกกาํ ลงั กายบา ง ค. เดินสลบั เขยงกา วกระโดด เพ่อื ปองกันอันตรายและการบาดเจบ็ ของนกั เรียนจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม ง. กม ตวั ปลายมอื แตะปลายเทา วิเคราะหคําตอบ ทาทางท่ีใชอ บอนุ รางกายควรเปน ทาทางท่งี าย 1. ครกู ําหนดเวลาในการอบอนุ รางกายประมาณ 10 นาที โดยทาท่ีใชในการ ไมต องใชทกั ษะท่ีซบั ซอ น ซง่ึ กมตัวปลายมือแตะปลายเทา เปน ทาทาง อบอนุ รา งกายควรเปนทาทางทไี่ มซ ้ํา เพือ่ ทําใหผูอ บอุนรางกายมีความสนใจ เกดิ ความสนุกสนาน และอยากปฏิบัติมากขึน้ โดยครูอาจหาเพลงประกอบ ทง่ี า ยและเหมาะสม ดังนั้น ขอ ง. เปน คาํ ตอบทถี่ กู การอบอนุ รา งกายดว ยก็ได 2. ครูควรแนะนาํ นกั เรยี นวา ในขณะอบอนุ รางกายแตละทา ควรนบั 1 - 10 ในใจ แลว จึงเปล่ียนทา ใหม ไมควรทําทาแตล ะทา เรว็ เกนิ ไปหรอื ฝน เกนิ ไป เพราะอาจทาํ ใหก ลามเน้อื ไดรบั บาดเจบ็ ได แลวควรเริ่มอบอุนรางกายจากทา งา ยไปสทู ายาก คูมือครู 85

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน กั เรียนแตละกลมุ รว มกันคิดกจิ กรรมอบอนุ ๔. ท่าบรหิ ารขา รา งกายเพ่ิมเตมิ มากลมุ ละ 2 กจิ กรรม ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ เทา่ ความกวา้ ง แลว รวมกันฝกปฏบิ ัติ ของไหล่ แขนแนบล�าตวั ๒) ก้าวยาวๆ โดยใช้เท้าซ้ายก้าว 2. ใหแตละกลุม ออกมาแสดงการอบอนุ รางกาย ไปขา้ งหนา้ มอื ทง้ั สองขา้ ง วางไวเ้ หนอื หวั เขา่ ทีค่ ดิ เพ่มิ เตมิ ทห่ี นาชน้ั จากนัน้ รว มกันอธบิ ายวา ๓) ก้าวเท้าถอยหลังเพ่ือกลับสู่ท่า เปนการบรหิ ารรา งกายสวนใด เรมิ่ ต้น ทา� สลับกนั ซา้ ย-ขวา 3. ใหเพือ่ นตางกลุมรวมกันปฏิบัติกิจกรรมอบอนุ ๒ ประโยชนของการอบอ่นุ ร่างกาย รางกายตามที่เพ่ือนสาธติ การอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬาหรือออกก�าลังกาย จะท�าให้ 4. ใหน ักเรียนบนั ทึกผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมลงใน ผปู้ ฏิบัตไิ ดร้ บั ประโยชน์ ดงั น้ี ใบงานกิจกรรมรวบยอดท่ี 6.1 จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 ช่วยยืดเส้นเอ็นและเน้ือเย่ือต่างๆ ของ รา่ งกายให้มีความพร้อม ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สุขศกึ ษา ป.2 กิภจกรรมรวบยอดท่ี 6.1 แบบประเมินตัวชว้� ัด พ 3.1 ป.2/2 แบบประเมินผลการเรียนรูตามตวั ชี้วัด ประจําหนวยท่ี ๖ บทที่ ๑ กิจกรรมรวบยอดท่ี ๖.๑ แบบประเมนิ ตวั ช้วี ดั พ ๓.๑ ป.๒/๒ • เลน เกมเบด็ เตล็ดและเขา รว มกจิ กรรมทางกายทวี่ ธิ เี ลน อาศยั การเคลอ่ื นไหวเบื้องตน ทงั้ แบบ อยกู ับท่ี เคลื่อนที่ และใชอ ุปกรณประกอบ ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน เลือกปฏิบัติกิจกรรมอบอุนรางกายมา ๒ กิจกรรม แลวบันทึกรายละเอียดของการปฏิบัติลงใน ตาราง จากนั้นใหค รปู ระเมินผล (ตัวอยา ง) กิจกรรม ดีมาก ผลการปฏิบัติ ขอเสนอแนะ ประโยชนข์ อง ทา� ให้รา่ งกายมีความอ่อนตวั -………………………………………… การอบอ่นุ ร่างกาย เปน็ พื้นฐานในการออกกา� ลังกาย เล่นกฬี า ดี พอใช ควรปรบั ปรุง เฉฉบลบั ย ๑) …บ…ร…ิห…า…ร…ค…อ……ย…นื …ต…ร…ง………… …ม…ือ…จ…บั …เอ…ว……ก…ม …ค…อ…ล……ง……… ………………………………………… …แ…ห…ง…น…ค…อ……ห…ม…ุน…ค……อ…ไป……… ✓………. ………. ………. ………………. ………………………………………… …ท…า…ง…ขว…า…แ…ล…ะ…ท…า…ง…ซ…าย………… ………………………………………… …ย…ก…ไ…ห…ล…ข …้นึ …ส…งู …………………… ………………………………………… ๒) …บ…ร…หิ …า…ร…ล…ํา…ต…ัว…ย…ืน……ต…ร…ง…… -………………………………………… …เห…ย…ยี …ด…แ…ข…น…ข…ึ้น…………………… ………………………………………… …เห…น……อื …ศ…รี …ษ…ะ……ก…ม…ต…วั …ล…ง…… ✓………. ………. ………. ………………. ………………………………………… …ให……ป …ล…า…ย…ม…อื …ส…มั …ผ…ัส…เ…ท…า …… ………………………………………… …ท…าํ …ส…ล…ับ…ซ…า…ย…-…ข…วา……………… ………………………………………… ป้องกันการฉีกขาดหรือการอักเสบของ กล้ามเน้อื และเสน้ เอ็น ตวั ชว้ี ัด พ ๓.๑ ขอ ๒ 86 ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๖๓ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ในการอบอนุ รา งกายกอนเลน กฬี าหรอื ออกกาํ ลงั กาย ควรคํานงึ ถงึ ส่ิงใด หลงั จบชวั่ โมงพลศึกษาแลว ครคู วรเนนเรอ่ื งสขุ ปฏบิ ัตหิ ลังปฏิบัติกิจกรรม เปนสิ่งแรก โดยใหน กั เรยี นไปทาํ ความสะอาดรางกาย เชน ลา งมอื ลางหนา เปนตน ก. ความพรอมของรา งกาย กอ นทํากจิ กรรมอน่ื ๆ ตอ ข. ระยะเวลาในการอบอุน รา งกาย ค. ความยากงา ยของทา 86 คมู อื ครู ง. สถานทีท่ ่ีใชใ นการอบอุนรางกาย วิเคราะหค ําตอบ กอ นการออกกาํ ลงั กายทกุ คร้งั ควรอบอุน รา งกายให พรอ มตอ การออกกาํ ลังกาย โดยควรอบอนุ รางกายใหครบทกุ สว นเพ่ือให สามารถทํากจิ กรรมการออกกาํ ลงั กายไดอยา งคลอ งแคลว ซึ่งสิ่งท่ีควรคาํ นึง เปน สิง่ แรกในการอบอนุ รางกาย คือ ความพรอ มของรา งกาย เพราะการ อบอนุ รางกายเปนการทาํ ใหร างกายไดเ คลือ่ นไหวเพอ่ื เตรียมความพรอม กอนการออกกาํ ลังกาย ถา หากมีรา งกายสว นใดบาดเจบ็ หรือเคลื่อนไหวได ไมเตม็ ท่ี ก็จะทําใหก ารอบอนุ รางกายน้ันไมท ัว่ ถึง ซึง่ ถาฝน ออกกาํ ลงั กาย ตอไปอาจทาํ ใหบ าดเจบ็ ได ดังนน้ั ขอ ก. เปนคําตอบท่ถี ูก

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ครูประเมนิ ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมอบอุน รา งกายลงในใบงานกจิ กรรมรวบยอดท่ี 6.1 จากแบบวดั ฯ สขุ ศึกษา ป.2 ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู เขยี นตอบค�าถามตอ่ ไปน้ลี งในสมดุ ๑) นักเรียนเคยอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬาหรือท�ากิจกรรมการเคลื่อนไหว • กจิ กรรมรวบยอดท่ี 6.1 จากแบบวดั ฯ หรือไม่ และทา� อยา่ งไร สุขศึกษา ป.2 ๒) เ มอื่ ออกกา� ลงั กาย หรอื เลน่ กฬี าหลงั จากอบอนุ่ รา่ งกายแลว้ นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไร ๓) จากน้ีไป นักเรียนจะอบอุ่นร่างกายก่อนท�ากิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย หรือเลน่ กฬี าหรอื ไม ่ เพราะอะไร ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนทา� ๑. ให้นกั เรยี นฝก อบอุ่นร่างกาย จากนน้ั ตอบคา� ถามลงในสมดุ ๑) กอ่ นอบอนุ่ รา่ งกาย สภาพรา่ งกายของนกั เรยี นเป็นอย่างไร ๒) หลงั อบอนุ่ รา่ งกาย สภาพร่างกายของนักเรยี นเป็นอยา่ งไร ๒. รว่ มกนั แสดงความคิดเห็นว่า นกั เรยี นควรน�าการอบอุ่นร่างกายไปใช้ใน ชว่ งเวลาใดบ้าง ๓. เขยี นขอ้ ควรปฏิบตั ิในขณะอบอ่นุ ร่างกายมา ๒ ขอ้ ลงในสมุด ตอนที ่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๘ - ๑๐ คน ให้แต่ละกลุม่ รว่ มกันคดิ กจิ กรรมอบอนุ่ ร่างกายมา กลมุ่ ละ ๑ แบบ แล้วใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมาน�าเสนอที่หนา้ ชน้ั จากนนั้ ให้กลมุ่ อื่น ปฏิบตั ติ าม 87 ขอสอบเนนการคดิ เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 คาํ ถามชวนคิด ถาไมอบอุนรางกายกอ นเลนกฬี า จะทําใหเกดิ ผลเสียอยา งไร แนวตอบ อาจทําใหกลามเนอ้ื ไดรบั บาดเจ็บ เพราะไมมีการเตรยี ม แนวตอบ ความพรอ มของกลามเน้อื กอนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนัก เชน เลน กฬี า เปน ตน 1) คาํ ตอบขึน้ อยกู บั นักเรยี นแตล ะคน เพราะจะทําใหกลา มเนือ้ เกิดการอักเสบ ฉกี ขาด จนทําใหร า งกายไดร บั 2) รสู ึกรา งกายสดช่นื สามารถขยบั รา งกายไดคลองแคลวมากข้นึ บาดเจ็บได 3) ทําการอบอุนรางกายกอ นออกกําลงั กาย เพราะเปน การเตรียมความพรอม ใหก บั รา งกาย เมอ่ื รา งกายไดเ คลอ่ื นไหว กจ็ ะรสู กึ ตวั พรอ มตอ การออกกาํ ลงั กาย ทาํ ใหออกกาํ ลงั กายไดอ ยางคลองแคลว ซึ่งชว ยลดความเส่ียงในการบาดเจบ็ จากการออกกําลงั กายไดอกี ดวย ตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทาํ 3. แนวตอบ 1) ยืนตวั ตรง แยกเทาเทาความกวา งของไหล 2) ขณะทําทาทางควรนับ 1 - 10 ในใจ แลวจึงเปลีย่ นทา ทางใหม คมู ือครู 87

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรียนรู òบทท่ี 1. ปฏบิ ัติกจิ กรรมเคลอ่ื นไหวรา งกายขณะอยกู ับที่ ขยบั รา งกาย ได (พ 2.1 ป.2/1) สาระสา� คัญ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ การเคล่ือนไหวอยู่กับท่ี เป็นทักษะพื้นฐาน 2. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเคลื่อนไหวรางกายขณะอยูกับที่ การเคล่ือนไหวแบบตา่ งๆ ไดอ ยา งสนุกสนาน (พ 3.2 ป.2/1) สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคดิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ 2. ใฝเ รยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหน กั เรียนอาสาสมัครออกมาเปน ผูนําในการ ปฏบิ ัติกิจกรรมอบอุนรา งกายทีห่ นา ชนั้ แลว ให เพือ่ นๆ ปฏบิ ัติตาม 2. ครสู นทนาซักถามนกั เรยี นวา กจิ กรรม อบอุน รา งกายท่ีปฏิบตั ิไปนั้น เปนการใชการ เคลอ่ื นไหวรา งกายแบบใด โดยใหน กั เรยี น รว มกนั ตอบ ? ¡Ô¨¡ÃÃÁã¹ÀÒ¾ มÕปรÐโªนµอ่ ¼ปŒÙ ¯บÔ ัµÔอÂ่Ò§ไรบÒŒ § 88 เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหน ักเรยี นปฏิบตั ิ ดังนี้ • สงั เกตการสาธติ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเคลือ่ นไหวรา งกายขณะอยูกบั ท่ี • ปฏิบัติกจิ กรรมเคลือ่ นไหวรางกายขณะอยกู ับที่ตามข้นั ตอน • วเิ คราะหขอ บกพรองและปรับปรุงแกไขการปฏิบัติกิจกรรมเคลอ่ื นไหว รางกายขณะอยกู ับท่ี จนเกดิ ความรูความเขา ใจวา การเคล่อื นไหวรางกายขณะอยกู บั ท่เี ปนกิจกรรม ออกกาํ ลังกายประเภทหนึ่ง ที่ทาํ ใหผปู ฏบิ ัตมิ ีรางกายแข็งแรง และสามารถ เคลอ่ื นไหวรา งกายไดคลองแคลว 88 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ เคลอ่ื นไหวร่างกายแบบอยกู่ บั ท1ี่ 1. ใหนกั เรียนรวมกนั บอกวา การเคล่ือนไหว รางกายขณะอยกู ับทมี่ ลี ักษณะอยา งไร แลวให การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายแบบอยกู่ บั ท ี่ เปน็ การเคลอ่ื นไหวที่ไมม่ ี ยกตัวอยา งประกอบ การเคลอื่ นที่ของรา่ งกาย เช่น บิดลา� ตวั ยกมอื เป็นตน้ 2. ใหน กั เรียนแบง กลมุ ออกเปน 6 กลมุ แลว ให ๑. บิดล�าตัว แตล ะกลุมศกึ ษากิจกรรมเคลื่อนไหวขณะอยู กับท่ใี นหนังสอื เรียน หนา 89 - 91 อธบิ ายความรู Explain ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ ใหร้ ะยะหา่ งเทา่ ความกวา้ งของไหล่ 1. ใหแ ตละกลุม ออกมาสาธติ การปฏิบัตกิ จิ กรรม ๒) บิดเอวไปทางซา้ ย แขนซ้ายเบย่ี งไปด้านหลงั เลก็ นอ้ ย เคลือ่ นไหวรางกายขณะอยกู ับทีท่ ีห่ นาชั้น ดังน้ี แขนขวาเหว่ยี งมาด้านหน้า จากนน้ั ใหเ้ ปล่ียนเปน็ บดิ เอวไปทางขวา • กลุมท่ี 1 สาธิต บิดลําตัว แขนขวาเบย่ี งไปดา้ นหลงั แขนซา้ ยเหวย่ี งมาดา้ นหนา้ แลว้ กลบั สทู่ า่ เดมิ • กลุมท่ี 2 สาธิต กระโดดแยกเทา และ ตบมือเหนือศีรษะ ๒. กระโดดแยกเทา้ และตบมือเหนอื ศีรษะ • กลมุ ท่ี 3 สาธติ กระโดดบดิ ลําตวั ๑) ยนื ตวั ตรง แขนแนบลา� ตวั • กลุมที่ 4 สาธิต กระโดดหมนุ ตัว ๒) กระโดดแยกเท้าออก • กลมุ ท่ี 5 สาธติ จบั คูดึง ดพ้ารน้อขม้ากงับ แกลาว้ งวแาขด2ขน้ึนทเั้งหสนออื งศอีรอษกะไใหป้ • กลมุ ท่ี 6 สาธติ จบั คูยนื แยกเทาดัน ฝา่ มอื ตบกัน ๓) กระโดดเท้าชิดกลับสู่ 2. ใหเ พื่อนตางกลมุ ฝก ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามท่ี ท่าเรมิ่ ตน้ เพือ่ นสาธิต 89 ขอสอบเนนการคิด เกรด็ แนะครู ขอใดเปนการปฏิบตั ิท่ีไมถูกตองในการเคลอ่ื นไหวรา งกายดว ยการบดิ ลาํ ตวั ครูแนะนาํ นกั เรยี นวา ขณะปฏบิ ัติกิจกรรม นกั เรยี นควรยนื หา งกนั พอสมควร ก. กางแขนใหต รง เพือ่ ปองกันการกระทบกระแทกกนั ขณะฝก ข. ยืนแยกเทา เทา ชว งไหล ค. บดิ เอวไปมาแรงๆ อยางรวดเร็ว นักเรียนควรรู ง. เหว่ียงแขนสลับซาย ขวา แลว กลับสูทา เดมิ วิเคราะหคําตอบ การบดิ เอวไปมาแรงๆ และรวดเรว็ จะทาํ ใหกลา มเนอื้ 1 เคล่อื นไหวรางกายแบบอยกู ับที่ สามารถนาํ ไปใชในการออกกาํ ลงั กายและ บริเวณหลังและเอวอกั เสบ ซ่ึงการอกั เสบน้จี ะทาํ ใหเ กิดอาการปวดท่ีเอว การเลน กีฬาชนิดตา งๆ ได เชน การบรหิ ารรางกายทาตางๆ โดยไมมกี ารเคลอื่ นท่ี และหลงั เนอื่ งจากกลามเนื้อบริเวณนน้ั ถกู ใชง านอยา งไมถ ูกตองหรือ การกม หนา เงยหนา หมนุ ไหล สะบัดขอมอื และขอเทา กางแขน กมตวั เปน ตน 2 วาด เปนกริ ิยาทาทาง ท่หี มายถึง การเคลื่อนยา ยจากทหี่ นึ่งไปอีกท่ีหน่งึ ใชงานหนักเกนิ ไป ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบทีถ่ กู ซ่งึ ในทีน่ ี้หมายถึง การยกแขนท่กี างอยรู ะดบั ไหลข น้ึ ไปเหนอื ศรี ษะโดยทแี่ ขนยัง เหยยี ดตรง คมู อื ครู 89

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนักเรยี นแตละกลมุ ออกมาแสดงการปฏบิ ตั ิ ๓. กระโดดบดิ ลา� ตัว กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวอยูก ับทท่ี ีห่ นาช้ัน แลว ให ๑) ยืนตัวตรง เท้าแยก เพ่อื นตางกลมุ และครรู ว มกนั ตรวจสอบความ แขนแนบลา� ตวั ถูกตอง ๒) ย่อเข่าและกระโดด เหยยี ดแขนทงั้ สองไปทางขวา บดิ 2. ใหน ักเรยี นสรุปขอบกพรองของตนเองใน ลา� ตวั ไปทางซา้ ย การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แลว หาวิธีปรับปรงุ แกไ ข ๓) ทา� สลบั ซา้ ย - ขวา ขอ บกพรอ ง ๔. กระโดดหมนุ ตวั ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ 3. ใหนกั เรียนฝกปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเคลอ่ื นไหว มอื จบั ทเี่ อว ขณะอยกู บั ทซ่ี ้ําๆ จนเกดิ ความคลอ งแคลว ๒) กระโดดหมนุ ลา� ตวั ใน อากาศเปน็ ระยะ ๑ ใน ๔ ของรอบ 4. ครูซกั ถามนักเรียนวา ก่อนลงสู่พืน้ • การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเคลอ่ื นไหวอยูก ับที่ ๓) ปฏบิ ตั ทิ า่ นซ้ี า้� จงั หวะ มีประโยชนอ ยา งไร ท ี่ ๒-๔ จนกลับสทู่ ่าเร่มิ ตน้ (แนวตอบ การปฏิบัตกิ จิ กรรมเคลื่อนไหว ขณะอยกู ับทม่ี ปี ระโยชนมาก เชน ๕. จบั คูด่ งึ 1 • ทําใหเ คลือ่ นไหวไดคลองแคลว ๑) จับคู่ แล้วให้จับมือ • ทําใหร า งกายแขง็ แรง หันหน้าเข้าหากัน ให้คนหน่ึงนั่ง • เปน พน้ื ฐานในการออกกําลงั กายหรอื และอกี คนหนงึ่ ยนื ปลายเทา้ ชนกนั เลนกฬี า) ๒) คนท่ียืนดึงคนท่ีนั่ง ให้ยนื โดยที่ไมล่ ้ม 90 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด การจบั คูดงึ ในขอ ใดเปน การปฏิบัตทิ ปี่ ลอดภัยและสนุกสนาน ครูแนะนํานกั เรียนวา ขณะกระโดดลงสพู ้นื ใหท้ิงนา้ํ หนกั ลงมาทเ่ี ทา ทง้ั สองขา ง ก. จับคกู ับเพอื่ นสนทิ เพอื่ ปอ งกนั ขอ เทา พลกิ ซึ่งอาจทําใหไดร ับบาดเจบ็ ได ข. จับคกู บั เพอื่ นที่มีขนาดตัวเทากนั ค. จับคกู ับเพ่ือนทีม่ ีนา้ํ หนักตัวมากทสี่ ุด นักเรยี นควรรู ง. จบั คูกบั เพอ่ื นท่ีเปนเพศเดียวกันเทานนั้ วเิ คราะหคําตอบ การจับคดู ึง ควรเลือกจับคูกับเพือ่ นทีม่ ีขนาดตวั เทา กัน 1 จับคดู ึง ขณะดึงเพอ่ื นใหยืนข้นึ ไมควรดึงแรงๆ เพราะจะทาํ ใหเ พื่อนเสยี หลกั เพราะจะทําใหน้าํ หนกั ตวั ของแตละฝายสมดลุ กัน จงึ ไมเกิดการเซลม และเซลม และไมควรปลอ ยมอื เพ่ือนในขณะท่ดี ึง เพราะจะทาํ ใหเพอ่ื นหงายหลงั จนไดรบั บาดเจบ็ ซ่งึ จะทําใหผ ปู ฏิบัติปลอดภยั และสนกุ สนาน กนกระแทกพ้ืนจนไดร ับบาดเจบ็ ได ดังน้นั ขอ ข. เปน คาํ ตอบท่ีถกู 90 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๖. จบั คยู่ ืนแยกเท้าดัน1 อêบÖ ...บ อบêÖ ...บ 1. ใหน กั เรียนแตละกลมุ รวมกนั คิดกจิ กรรม ๑) จบั คแู่ ลว้ ยนื ประกบมอื เคลื่อนไหวรา งกายขณะอยกู บั ทีเ่ พม่ิ เตมิ มา หันหน้าเข้าหากัน ให้อยู่ห่างกัน กลมุ ละ 2 กิจกรรม แลวฝกปฏบิ ัติ ประมาณ ๓ - ๔ กา้ ว แยกเทา้ เทา่ กบั ความกวา้ งของไหล่ 2. ใหแตล ะกลุมออกมาสาธติ กจิ กรรมทีค่ ดิ ใชม้ ือท งั้ สอ๒ง) ผเลอักนดตนั วั 2กไปบั ขคา้ขู่ งอหงนตา้ ัวชเอา้ ๆง เพิม่ เติมทห่ี นาชนั้ แลว ใหเพ่ือนตางกลุมฝก ปฏบิ ตั ิตาม จากนั้นใหนักเรียนบนั ทึกผลการ ปฏิบัติกจิ กรรมลงในกจิ กรรมรวบยอดที่ 6.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 6.2 ๓) ให้ท้ังคู่ออกแรงดันพร้อมกัน พยายามเหยียดแขนให้ แบบประเมนิ ตัวช้�วดั พ 3.1 ป.2/1 ตรงและไม่ให้ค่ขู องตนลม้ แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชว้ี ดั ประจาํ หนวยท่ี ๖ บทที่ ๒ ๒ ประโยชนข องการเคล่อื นไหวรา่ งกาย กจิ กรรมรวบยอดที่ ๖.๒ แบบอยู่กับท่ี แบบประเมินตวั ชีว้ ดั พ ๓.๑ ป.๒/๑ การปฏิบัติกิจกรรมเคล่ือนไหวร่างกายแบบอยู่กับท่ี จะท�าให้ • ควบคมุ การเคลื่อนไหวรา งกายขณะอยกู ับท่ี เคล่อื นที่ และใชอปุ กรณป ระกอบ ผฝู้ ก ได้รับประโยชน์ ดังนี้ ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน ท�าใหร้ า่ งกายแข็งแรง เลือกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเคลอื่ นไหวแบบอยกู บั ท่มี า ๒ กจิ กรรม แลวบนั ทกึ รายละเอียดของการปฏิบตั ิ ลงในตาราง จากนน้ั ใหค รปู ระเมนิ ผล (ตวั อยาง) กิจกรรม ผลการประเมนิ ขอเสนอแนะ ดีมาก ดี พอใช ควรปรบั ปรงุ ๑)เฉฉบลบั ย บ…ิด…ล…าํ…ต…วั …-ย…ืน…ต…ัว…ต…ร…ง…แ…ย…ก…เท…า….. …ต…อ…ง…ใ…ห…แข…น…เ…ห…ย…ียด…ต…งึ ….. ก…า…ง…แ…ขน……เส…ม…อ…ไห…ล………แล…ว…บ…ิด…เอ…ว.. …………………………………….. ไ…ป…ท…า…ง…ซ…าย……แ…ข…น…ซ…า…ย…เห…ว…่ีย…งไ…ป.. ✓………. ………. ………. ………………. …………………………………….. ด…า…น…ห…ล…งั ……แข…น…ข…ว…าเ…ห…วยี่…ง…อ…อ …ม…มา.. …………………………………….. ท…ี่อ…ก……แ…ล…วก…ล…ับ…ส…ทู…า…เ…ดิม…………….. …………………………………….. จ…า…ก…น…ั้น…ท…าํ …ส…ล…บั …ซ…าย…-…ข…วา………….. …………………………………….. ๒) ก…ร…ะ…โด…ด…แ…ย…ก…เท…า …แล…ะ…ต…บ…มอื………….. -…………………………………….. ทา� ให้เคลื่อนไหวในกจิ กรรมในชวี ิต เ…ห…น…ือ…ศ…ีรษ…ะ…-…ย…ืน…ต…ัวต…ร…ง…ก…ร…ะ…โด…ด.. …………………………………….. ประจ�าวันไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ ประโยชน์ เปน็ พ้นื ฐานในการออกก�าลังกาย เลน่ กีฬา ✓แ…ย…ก…เ…ท…าอ…อ…ก…พ…ร…อ…ม…ก…ับ…ก…า…งแ…ข…น.. ………. ………. ………. ………………. …………………………………….. ของการเคลอ่ื นไหวร่างกาย ท…้ัง…ส…อ…ง…ไ…ปด…า…น…ข…า…ง……แล…ว…ว…าด…ข…้ึน.. …………………………………….. แบบอยู่กบั ที่ เ…ห…น…ือ…ศ…ีรษ…ะ…ให…ฝ…า …ม…ือต…บ…ก…ัน………….. …………………………………….. จ…า…ก…น…นั้ …ก…ระ…โ…ดด…เ…ท…า ช…ิด…ก…ล…บั …ทา…เด…มิ .. …………………………………….. ตวั ชีว้ ัด พ ๓.๑ ขอ ๑ ๖๖ ñðไดคะแนน คะแนนเตม็ ท�าให้ร่างกายมีพฒั นาการการเจริญเติบโต ทด่ี ี 91 กิจกรรมทา ทาย เกร็ดแนะครู ใหน กั เรยี นคดิ วา จะนาํ กจิ กรรมเคล่ือนไหวรา งกายขณะอยูกบั ที่ ถา นักเรียนมีอาการปวดหรือเจบ็ หลังจากการออกแรงดนั ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ ไปใชในการออกกําลงั กายในชีวติ ประจาํ วนั ไดอยางไร จากน้ันใหแตล ะคน 1. หากมีอาการภายใน 48 ช่วั โมง ใหป ระคบเยน็ ประมาณ 15 - 20 นาที ออกมานาํ เสนอทีห่ นาชน้ั 2. ภายหลงั 48 ชว่ั โมง แลว หากยงั มอี าการปวดหรือเจบ็ หลงเหลอื อยูให ประคบรอนประมาณ 15 - 20 นาที 3. ถา อาการไมด ขี ึ้น ควรปรกึ ษาแพทย นกั เรียนควรรู 1 จบั คยู นื แยกเทา ดัน การจับคกู บั เพ่ือนเพอ่ื ฝกกจิ กรรมนี้ ควรเลือกจับคกู ับ เพ่ือนท่มี ขี นาดตัวไลเลีย่ กนั เพอื่ ปอ งกนั อันตรายจากการรบั แรงดันไมไหว 2 ผลักดนั ขณะออกแรงดนั ไมค วรบิดหรอื เอยี งลําตัว เพราะมีผลใหห มอนรอง- กระดกู สนั หลังเคลอ่ื น และเสอื่ มสภาพลง เนือ่ งจากถูกกระแทกจากแรงหลายทศิ สง ผลใหเ กดิ อนั ตรายตอ หลงั ได คูม ือครู 91


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook