กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหน ักเรียนออกมาแสดงทาทางการใชข องใช ๒. การป้องกันอนั ตรายจากของใชใ้ นบา้ น โดยอาจทําถกู วิธีหรอื ไมถ กู วธิ กี ไ็ ด แลว ให การป้องกันอันตรายจากของใช้ในบ้าน ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ เพอ่ื นๆ รวมกนั บอกวา เปนวิธใี ชข องใชท ่ี ถกู ตอ งหรือไม เพราะอะไร และถาไมถกู ๑ หมั่นซ่อมแซมโต๊ะ หรอื เกา้ อี้ทชี่ �ารดุ อย่เู สมอ ควรปรบั ปรงุ แกไขอยา งไร และจดั ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ 2. ใหนักเรยี นทาํ แบบฝก กจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง ของใชใ นบา น จากแบบวัด สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๒ จดั เกบ็ อปุ กรณท์ า� ความสะอาดใหเ้ ปน็ ระเบยี บ สขุ ศึกษาฯ ป.2 แบบฝกกิจกรรมที่ 1 เร�อ่ ง ของใชในบา น ๓ ควรใช้ของมีคมด้วยความระมัดระวัง ๓บทท่ี ของใชแ ละของเลน และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย แบบฝกกจิ กรรมท่ี ๑ ของใชใ นบา น ๔ ใช้เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ อย่างระมัดระวังและ คําช้ีแจง : การเรยี นรูเรือ่ งอันตรายจากของใช ทาํ ใหเ ราเกิดความ ตตอร้ วงจถสออดบปปลลั๊ก1กั๊แไลฟะเอกยบ็ เู่ สใหมเ้อร ยี เบมรอื่ ้อใชย้เสรจ็ แลว้ ระมัดระวงั ในการใชข องใช ดภู าพ แลวบอกวิธีปองกนั อนั ตรายทีอ่ าจเกดิ จากของใชตามภาพ การป้องกนั อันตราย จากของใช้ในบา้ น ของใช วิธปี องกนั อันตรายท่ีอาจเกิดขึ้น ๕ เคมวอื่รดใชบั ้เไตฟาใถหา่ เ้นรหยี บรอืรเอ้ ตยา แแกลส๊ะปเสดิ รถ็จงั แแลกว้ ส๊ 2ใหส้ นทิ ๑) เกบ็ เศษแกวที่แตกไปทง้ิ ที่ถงั ขยะ โดยหยบิ................................................................................................................................... และตงั้ ใหห้ า่ งจากวตั ถไุ วไฟ ๒) อยางระมัดระวัง................................................................................................................................... ๓) .-....เ..ก.....บ็ ....ใ...น.....ท....ี่เ..ก.....บ็ ....ข...อ....ง....ใ...ห....เ..ร....ยี ...บ.....ร....อ...ย.......โ...ด....ย....แ....ข...ว...น.....จ....อ...บ.....ใ...ห..... เฉฉบลับย .....ด.....า...น.....ห....วั...อ....ย....ดู ....า...น.....บ....น........แ....ล....ะ...ห....ัน.....ด.....า ...น....ค.....ม....เ..ข...า...ห....า...ผ....น.....งั ......... - ไมควรนาํ มาเลนกนั................................................................................................................................... - ระมัดระวงั ขณะเดนิ ผา น................................................................................................................................... ๖ ของใชท้ ตี่ ิดไฟงา่ ย เชน่ ไมข้ ดี ไฟ ควรเก็บให้ - ไมว ่ิงเลน ขณะอยใู กลใ ตะ ท่ีมีมุมแหลม................................................................................................................................... พ้นมอื เด็ก และไมเ่ ก็บไว้ในท่ีท่ีมีอุณหภูมิสงู ................................................................................................................................... ๗ ระมดั ระวงั ไม่ใหแ้ ก้วน�้า จาน หรอื ชาม ๔) - ปดวาลว ท่หี ัวเตาแกสใหเรยี บรอ ยหลงั ใช................................................................................................................................... เสรจ็ แลว................................................................................................................................... กระทบกนั เพราะจะท�าใหแ้ ตกได้งา่ ย - ไมนาํ วัตถไุ วไฟเขา ใกลเ ตาแกส................................................................................................................................... ๕) - ถอดปล๊ักทกุ ครง้ั หลงั ใชเ สรจ็ แลว................................................................................................................................... - ไมนาํ นว้ิ แหยที่ใบพดั ขณะพัดลมกําลังทาํ งาน................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ๓๕ ๘ ควรทา� เครอ่ื งหมาย สญั ลกั ษณห์ รอื ปา้ ยเตอื น ตดิ ไว้บนกระจก เพือ่ ใหค้ นมองเห็นได ้ จะได้ ไม่เดนิ ชนกระจก 42 นักเรียนควรรู ขอสอบเนนการคิด ขอใดเปนของใชทีค่ วรใชอ ยางระมดั ระวงั มากท่สี ดุ 1 ถอดปลัก๊ เวลาถอดปลกั๊ ไฟ ใหใชมอื จับทต่ี ัวปล๊กั แลวดึง อยาดงึ ทส่ี ายไฟ ก. ตะกรา และอยา ใชม อื แตะถกู ขาปลก๊ั เพราะจะทาํ ใหถ กู ไฟดดู และเปน อนั ตรายถงึ แกช วี ติ ได ข. หมอน 2 ปดถังแกส เม่ือตองการปด เตาแกส ใหห มุนลกู บดิ ตามเขม็ นาฬก าจนสุด ค. เตารดี แกสจะหยดุ ไหล แลวไฟก็จะดบั ถาอยูๆ แกสกด็ ับไปเองโดยไมไดห มุนลกู บดิ ง. ไมกวาด แสดงวา การไหลของแกสเกิดการตดิ ขัด เราควรปด จา ยหวั แกส กอ นและ วิเคราะหค ําตอบ เตารดี เปนเครอ่ื งใชไ ฟฟา ทีม่ ีดานหนง่ึ เปน โลหะ เม่อื มี รอประมาณ 1 นาที แลวจึงคอยเปดเตาแกส ใหมอ ีกครั้ง ความรอ นมาก หากถกู ผิวหนังจะทําใหผ วิ หนังพองได และถาถอดปลกั๊ ไมถกู วธิ ีก็อาจทาํ ใหถกู ไฟดดู ได ดงั น้นั ขอ ค. เปนคําตอบท่ีถูก 42 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ ของเลน่ 1. ใหน ักเรยี นจบั คูกบั เพอ่ื น จากนั้นผลดั กันยก ของเล่นมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น ลูกแก้ว หนุ่ ยนต์ ต๊กุ ตา ตวั อยา งของเลน มา 1 ชนดิ แลว ใหค ูของตน ลกู บอล เปน็ ตน้ ของเลน่ ทา� ใหผ้ เู้ ลน่ เกดิ ความเพลดิ เพลนิ สนกุ สนาน บอกอันตรายทีอ่ าจเกดิ จากของเลน ชนดิ น้ี และเสริมสร้างพัฒนาการท่ดี ีใหก้ ับเด็ก แตข่ องเลน่ บางชนิด อาจท�า อนั ตรายต่อผู้เลน่ ไดถ้ า้ เล่นอย่างไมร่ ะมัดระวงั 2. ใหน ักเรยี นรวมกันบอกวธิ ีเลน ของเลนให ๑. อันตรายจากของเล่น ปลอดภัย ของเล่นก่อให้เกิดอันตรายได้ถ้าเล่นผิดวิธี เล่นของเล่นท่ี ช�ารุด หรือเล่นของเล่นท่ีไม่เหมาะกับวัย ซึ่งท�าให้ผู้เล่นบาดเจ็บ 3. ครตู ัง้ คาํ ถามวา และอาจถงึ ขน้ั เสียชีวติ ได้ • อันตรายท่ีเกดิ จากของเลน สวนใหญเกิดขึน้ อนั ตรายท่ีเกดิ จากของเลน่ มีดงั นี้ จากสาเหตุใด ๑) ของเล่นที่มีวัสดุยัดไส้ในเป็นเม็ดเล็กๆ เช่น ลูกปัด (แนวตอบ ผเู ลนเลน ของเลน อยา ง ลกู แกว้ เปน็ ตน้ อาจทา� ใหห้ ลดุ เขา้ ไปอดุ ตนั ทางเดนิ หายใจไดเ้ มอื่ นา� ไมร ะมัดระวงั หรอื เลน ผดิ วิธี) มาอมเล่น • ถา นักเรียนพบเหน็ นอ งเลน ของเลนที่ ๒) ของเล่นท่ีใชย้ ิงหรอื พุ่ง เช่น ปืนอัดลม1 ลกู ดอก ทเ่ี ป็น อนั ตราย นักเรียนควรทําอยางไร อันตราย ถา้ เขา้ ตาอาจท�าให้ตาบอดได้ (แนวตอบ หา มนองไมใ หเ ลน ของเลนนี้ทนั ท)ี • ถา ของเลน ของนกั เรียนชํารุด นักเรียนควร ทาํ อยา งไร (แนวตอบ นาํ ของเลน ไปซอ มแซมกอ นนํามา เลนอกี แตถ าซอมแซมไมไ ดใ หน ําไปท้ิง) • นักเรียนมีหลักในการเลน ของเลน ให ปลอดภยั อยา งไร (แนวตอบ เลือกเลน ของเลนที่ทาํ จากวัสดุที่ ปลอดภัย และเลน อยา งถกู วิธี) ๓) ของเล่นท่ีมีลูกล้อ เช่น รองเท้าสเกต ท่ีต้องใช้การ ทรงตัว ถา้ เลน่ อยา่ งไม่ระมดั ระวงั อาจทา� ให้ไดร้ บั บาดเจบ็ ได้ ๔) ของเลน่ ทเี่ ปน็ วตั ถรุ ะเบดิ เชน่ พลุ ดอกไมไ้ ฟ อาจแตก หรอื ระเบดิ จนท�าให้บาดเจบ็ หรอื เสียชวี ิตได้ ๕) ของเลน่ ทท่ี าหรอื พน่ สี ซง่ึ อาจมสี ารตะกว่ั ปะปนอยเู่ กนิ กว่าก�าหนด เม่อื สัมผสั หรืออมก็จะทา� ให้ไดร้ ับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย 43 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอ ใดกลา วถูกตอ งเก่ยี วกบั การเลือกซื้อของเลน ครูแนะนาํ นักเรยี นในการเลอื กซอื้ ของเลนใหเหมาะกบั วยั ความสนใจ และ ก. เลอื กของเลน ทเี่ หมาะกบั วัย ความสามารถ ดงั นี้ ข. เลือกของเลนทม่ี ีสีสนั สดใส ค. เลอื กของเลน ท่มี กี ารลดราคาเทานน้ั เดก็ วัยประถมศกึ ษาทีม่ อี ายปุ ระมาณ 6 - 9 ป จะอยากรอู ยากเห็น อยากเสาะหา ง. เลือกซื้อของเลน ทีน่ าํ เขา จากตางประเทศ สง่ิ ใหมๆ ชอบทดลอง ชอบการเลน ทท่ี าทายมากข้ึน เริ่มเขา สสู งั คมที่กวา งกวา วเิ คราะหคาํ ตอบ การเลอื กของเลนควรเลอื กซอื้ ใหเ หมาะกบั วยั ของ ในบา น และเพื่อนจะมอี ทิ ธิพลสูงตอความคดิ และความรสู ึกของเด็ก ดงั นน้ั ของเลน ผูเลน รวมถงึ ความสนใจและความสามารถในการเลน รวมถงึ ดูคณุ ภาพ ทค่ี วรเลอื ก เชน เกมกระดานหมากรุกหรือหมากฮอส อปุ กรณกฬี าชนดิ ตา งๆ และความปลอดภยั ของของเลน เชน ราคาไมแพงจนเกินไป ของเลน อยใู น จกิ๊ ซอว แทง ไมรปู ทรงตางๆ จักรยาน ชดุ ฝกมายากล หนังสอื เปนตน สภาพดี ไมช าํ รดุ และของเลนไมค วรมีสสี ันสดใสจนเกนิ ไป เพราะอาจมี สารพษิ อยูใ นสี เม่อื เดก็ สมั ผสั หรืออมกอ็ าจจะไดร บั สารพษิ นัน้ ได เปนตน นักเรียนควรรู ดงั น้ัน ขอ ก. เปนคาํ ตอบที่ถกู 1 ปนอัดลม ลูกกระสนุ ทีย่ ิงจากปนอดั ลมมีความแรงพอสมควร ถาถูกผิวหนงั จะทาํ ใหเจ็บและฟกชา้ํ ได ถา ถูกนยั นต าอาจทาํ ใหต าบอดได ดงั นนั้ พอ แมจ งึ ไมค วรใหลกู เลน ปน อดั ลมทกุ ชนดิ คมู ือครู 43
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน ักเรยี นดภู าพของใชแ ละของเลนจาก ๒. การปอ้ งกันอนั ตรายจากของเล่น กิจกรรม ชวนคดิ ชวนทํา ขอ 1 แลวบอก การป้องกันอันตรายจากของเลน่ ควรปฏิบตั ิ ดังนี้ อันตรายที่อาจเกดิ ขึน้ และวิธีปองกนั ๑ ไม่น�าของเลน่ ทีเ่ ปน็ ชน้ิ เล็ก หรอื แยกสว่ นได้ 2. ใหนกั เรียนวาดภาพหรือติดภาพของเลนหรอื ของใช 1 ชนดิ แลว เขยี นอันตรายที่อาจเกิดขนึ้ เขา้ ปาก เพราะอาจทา� ใหอ้ ดุ ทางเดินหายใจ จากของเลนหรอื ของใชชนดิ นั้น จากนน้ั เขยี น วิธีการใชห รือการเลนที่ถกู วิธี แลวนาํ ไปจดั ๒ เลน่ ของเล่นทม่ี สี ายยาวอยา่ งระมดั ระวงั ปา ยนิเทศ และไมน่ า� สายมาพันคอตนเองและเพ่อื น 3. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 3.3 จาก แบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 3.3 แบบประเมนิ ตัวช้�วดั พ 4.2 ป.2/3 ๓ ไม่ควรนา� ปืนอดั ลมหรือลกู ดอก1มายิงหรือ แบบประเมนิ ผลการเรียนรตู ามตวั ชวี้ ัด ประจาํ หนวยท่ี ๓ บทที่ ๓ การป้องกนั อันตราย จ ากของเลน่ ปาใส่กนั เพราะอาจทา� ให้ได้รบั บาดเจบ็ กจิ กรรมรวบยอดที่ ๓.๓ ถ้าเข้าตากอ็ าจท�าใหต้ าบอดได้ แบบประเมนิ ตวั ช้ีวัด พ ๔.๑ ป.๒/๓ • ระบุของใชแ ละของเลน ท่มี ผี ลเสยี ตอสุขภาพ ชุดท่ี ๑ ๑๐ คะแนน ๔ ของเล่นท่ีมลี อ้ เชน่ รองเทา้ สเกต เป็นตน้ ๑ ยกตวั อยางของใชทอี่ าจทาํ ใหเ กิดอันตรายมา ๕ ชนิด แลวเขยี นอนั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ ควรเลน่ อย่างระมดั ระวงั และควรฝก ฝน ใหช้ า� นาญ พรอ มท้ังบอกวิธปี องกัน (ตวั อยาง) ของใช อันตราย วธิ ปี องกัน ๑) ก…ร…ร…ไ…ก…ร………. …ถูก……ค…มข…อ…ง…ก…ร…ร…ไก……รบ……าด………. …ใช…อ…ย…า…ง…ระ…ม…ัด…ร…ะ…วัง…,…เ…ก…บ็ …เข…า…ท…ีใ่ …ห…เร…ยี …บ…ร…อ .ย. ๕ ไมเ่ ลน่ พลหุ รอื ดอกไมไ้ ฟ หรือไมจ่ ุดเลน่ ๒) เ…ส…ยี …ม……………. …ถูก……ค…มข…อ…ง…เส……ยี ม…แ…ท…ง……………. …ใช…อ …ย…า …ง…ระ…ว…งั …, …เก…บ็…เ…ข…า ท…่ใี…ห…เ…รีย…บ…ร…อ…ย……….. ๓) จ…า…น…ก…ร…ะ…เบ…ือ้…ง. …อา…จ…แ…ต…ก…แ…ล…ว…บ…าด…น……้ิว …………. …ใช…อ …ย…า …ง…ระ…ว…ัง…, …เก…็บ…ใ…น…ท…่ีค…ว…่าํ …ให…เ…ร…ีย…บ…ร…อ…ย.. เฉฉบลบั ย โดยท่ีไม่มผี ูใ้ หญ่ดแู ล ๔) ว…ง…เว…ีย…น…………. …ถกู……ป…ล…าย…แ…ห…ล…ม…ท…ม่ิ …น…ว้ิ …………. …ใช…อ…ย…า…ง…ระ…ว…งั …, …ไ…มน……าํ ม…า…เล…น……………………….. ๕) ก…า…ต…ม…น…ํ้า………. …ถา…ร…อ…น…อ…า…จ…ล…วก……ผิว…ห…น…งั………. …จ…ับ…อ…ยา…ง…ร…ะ…วัง…,…ถ…า…ร…อ…น…ใ…ห…ใช…ผ …า …จ…บั …ก…อ …น…ย..ก ๒ ดภู าพ แลวตอบคาํ ถาม ตวั ชี้วดั พ ๔.๑ ขอ ๓ õไดค ะแนน คะแนนเตม็ ช้ินท่ี ๑ ชนิ้ ท่ี ๒ ๖ หกาลรีกสเะลสย่ี มงขขอองงเสลา่นรทตะที่ กา่ัวห2ใรนือรพ่าง่นกสาี ยเพื่อป้องกนั ๑) ของเลน ชิ้นท่ี ๑ คอื อะไร มปี ระโยชนอยา งไร ของเลนไม ใชเ ลน เพอื่ ความเพลิดเพลิน............................................................................................................................................................................................ ๒) ของเลน ชิ้นท่ี ๒ คืออะไร มีประโยชนอ ยา งไร ของเลนพลาสตกิ ใชเลนเพื่อความเพลดิ เพลนิ ๓๗............................................................................................................................................................................................ 44 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ลกู ดอก ไมหรือหลักปลายแหลมมหี างใชปาไปที่เปา ใหน ักเรียนสํารวจรานคา ใกลๆ บา นและโรงเรียนวามีการจําหนาย 2 สารตะก่ัว สารตะกว่ั จะมผี ลเสียตอ สมอง ทําใหเมด็ เลอื ดแดงแตกงา ย ของเลนที่มอี นั ตรายอะไรบาง จากนนั้ ออกมาเลาใหเ พ่อื นทราบเพือ่ จะไมซ ื้อ จึงทําใหเ ปนโรคโลหิตจาง และเกดิ ผลเสียตอ การทํางานของไต มาเลน มมุ IT กิจกรรมทาทาย ครูคน หาขอ มูลเพิม่ เติมเก่ยี วกับอนั ตรายและการปอ งกนั อันตรายจากของเลน ได ใหนักเรยี นเขียนคาํ ขวญั รณรงคใหใชข องใชแ ละของเลนอยางระมัดระวงั จากเว็บไซต http://www.doctor.or.th/article/detail/2048 เพื่อชว ยลดอนั ตรายทเี่ กดิ จากการใชของใชและของเลน จากน้ันนาํ ไปตดิ ท่ี ปา ยนิเทศ 44 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของใบงานของเลน หรือของใชทบ่ี อกอันตราย และวธิ ีใชห รือเลน ตอนที ่ ๑ คา� ถามชวนคิด ทถี่ ูกวธิ ี เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนล้ี งในสมุด ๑) ข องใช้หรือของเล่นในบ้านของนักเรียนที่อาจเป็นอันตรายมีอะไรบ้าง 2. ครูตรวจความถูกตอ งของกิจกรรมรวบยอดท่ี 3.3 จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป. 2 และอันตรายอย่างไร แล้วนักเรียนจะป้องกันอันตรายจากของใช้หรือ ของเล่นนั้นอยา่ งไร หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๒) นกั เรียนรู้สกึ อยา่ งไร เมื่อเหน็ ผใู้ หญม่ กั หา้ มเดก็ เลน่ พลุหรือประทดั ๓) ถา้ นกั เรยี นพบวา่ น้องน�าของใชท้ ีม่ ีอนั ตรายมาเลน่ ควรทา� อยา่ งไร 1. ใบงานของเลน หรือของใชทอี่ าจเกิดอันตราย ๔) ใ นวยั ของนกั เรยี นควรหยบิ ใชข้ องมคี ม เชน่ มดี จอบ เปน็ ตน้ ดว้ ยตวั เอง 2. กิจกรรมรวบยอดที่ 3.3 จากแบบวดั ฯ หรอื ไม ่ เพราะเหตใุ ด สุขศึกษาฯ ป. 2 ตอนที ่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า บอกอนั ตรายท่อี าจเกิดจากสิง่ ของทีก่ า� หนดให ้ และวิธปี อ้ งกนั ๑) กรรไกร ๒) ลกู แกว้ ๓) คัตเตอร์ ๔) พล ุ / ดอกไมไ้ ฟ ตอนที ่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ 45 เขียนชือ่ ของใชแ้ ละของเลน่ ท่มี ีผลเสียต่อสขุ ภาพ แลว้ อธิบายผลเสยี ทมี่ ีตอ่ สุขภาพ (อาจตดิ ภาพประกอบ) ลงในกระดาษ จากนั้นนา� ไปจดั ปา้ ยนเิ ทศ เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ตอนที่ 1 คําถามชวนคดิ แนวตอบ 1) ปล๊ักไฟ หากใชใ นขณะที่มอื เปยกอาจทําใหถ ูกไฟดดู ได วิธีปองกนั คือ ควรเชด็ มอื ใหแหง กอนจบั ปลก๊ั ไฟ 2) คาํ ตอบข้ึนอยกู ับนักเรียนแตละคน 3) หา มไมใ หน องนาํ มาเลน และบอกอันตรายทอ่ี าจเกิดข้นึ ใหน องเขา ใจ 4) ไมค วร เพราะยงั ไมมคี วามระมดั ระวังเพียงพอ ควรขอใหผ ใู หญชว ยถาจาํ เปนตอ งใช ตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทํา 1. แนวตอบ 1) ถูกบาดจนมแี ผลเลอื ดออก มวี ธิ ีปองกัน คือ ไมนํามาเลน และเกบ็ เขาที่ใหเ รยี บรอยหลังใชง านเสรจ็ แลว 2) อาจอมเขาไปจนตดิ คอ มวี ธิ ีปอ งกันคอื ไมค วรเอาเขา ปาก 3) ถูกบาดจนเปน แผล มีวธิ ีปองกัน คือ ไมนํามาเลน เมอื่ ใชเสรจ็ แลวใหเ ล่อื นใบมดี เก็บ และเก็บเขา ท่ใี หเรยี บรอ ย 4) อาจระเบิดทําใหบาดเจบ็ หรือเสยี ชีวิตได มีวธิ ีปอ งกัน คือ ไมจดุ เลนตามลําพงั คูมือครู 45
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรยี นรู ôบทที่ 1. อธิบายอาการและวธิ ปี อ งกันการเจบ็ ปว ย การบาดเจ็บ การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกิดขน้ึ (พ 4.1 ป.2/4) และเจ็บปวย สาระสา� คญั การป้องกันการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บโดย 2. ปฏิบตั ิตามคาํ แนะนําเมือ่ มีอาการเจ็บปว ยและ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ปฏิบัตติ ามค�าแนะนา� จะชว่ ยลดความรุนแรง บาดเจบ็ (พ 4.1 ป.2/5) ของโรคและอนั ตรายจากการบาดเจบ็ ได้ สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป ญหา คุณลกั ษณะอันพึงประสงค ไขหวดั ฟกชาํ้ ฟน ผุ อีสกุ อใี ส1 1. ใฝเ รยี นรู 2. มีวินัย รบั ผิดชอบ กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหนกั เรยี นออกมาทาํ ทา เจ็บปว ยหรือบาดเจ็บ ภูมแิ พ ตาแดง ทห่ี นา ชั้น แลว ใหเพือ่ นๆ ชวยกันทายวาเปน หัด อาการเจ็บปว ยหรอื บาดเจบ็ ใด โรคËร×อ¡ÒรบÒ´เ¨บç ã´ ? ทนÕè ¡ั เรÕÂนเคÂเป็นมÒบŒÒ§ 2. ครถู ามนักเรียนวา • การเจ็บปว ยและการบาดเจบ็ แตกตางกนั ทอ งเสยี อยา งไร (แนวตอบ การเจบ็ ปวย เปน อาการที่เกดิ จาก 46 รางกายของเราไดร บั เชื้อโรคหรือเกิดจากการ มพี ฤติกรรมที่ไมเ หมาะสม เชน รับประทาน อาหารทไ่ี มสะอาด แลวทาํ ใหปวดทอง เปน ตน สว นการบาดเจบ็ เกดิ จากการมพี ฤตกิ รรม ทไี่ มเ หมาะสมหรอื ประมาท จนทําใหร า งกาย ไดร บั บาดเจ็บ เชน เปน แผล เปนตน) 3. ใหน ักเรียนรว มกันบอกวาเคยเจ็บปวยหรือ บาดเจบ็ อยางไรบา ง แลว ครจู ดลงบนกระดาน เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ • อธิบายอาการของโรคบางชนดิ และการบาดเจ็บบางชนิด • วเิ คราะหสาเหตุของการเกดิ โรค • วางแผนปองกันโรคและอาการบาดเจบ็ จนเกดิ เปนความรคู วามเขา ใจวา การเจบ็ ปวยเกดิ จากการไดร บั เชื้อโรคและการ บาดเจบ็ เกดิ จากการมพี ฤตกิ รรมที่ไมเ หมาะสม จนทาํ ใหเราเจบ็ ปว ยหรือบาดเจบ็ ซึ่งอาการเจ็บปว ยหรือบาดเจ็บสามารถปอ งกันได ถา รจู ักสาเหตุ อาการ วธิ ีปองกนั นกั เรียนควรรู 1 อีสกุ อใี ส เปนโรคที่เกิดจากเช้ือไวรสั ทําใหผ ปู ว ยมีไข มผี น่ื ขึ้นเปน ตมุ นูน และมีน้าํ ใสๆ อยูขา งใน มอี าการคัน หลังจากน้ัน 2 - 4 วนั กจ็ ะตกสะเก็ด 46 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Evaluate Explore Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ โรคต่างๆ ที่ควรรู้ 1. ครสู ุมเรยี กนกั เรยี นทีเ่ คยเจ็บปว ยหรอื บาดเจบ็ การมคี วามรเู้ กย่ี วกบั สาเหตุ อาการ และวธิ ปี อ้ งกนั โรค จะชว่ ย ออกมาเลาอาการและสาเหตขุ องการเจ็บปวย ให้เราป๑อ้ .งโกรนั คตไนข้หเอวงดั จ1ากโรคได้ ซง่ึ โรคตา่ งๆ ทวี่ ัยเดก็ ควรรู้ มดี งั นี้ ที่หนาชน้ั ไข้หวัดเป็นโรคตดิ ตอ่ ท่พี บบ่อยในชว่ งฤดฝู น หรือฤดหู นาว สาเหตุ เกิดจากเช้ือไวรัส ติดต่อโดยการได้รับเช้ือโรคผ่าน 2. ใหน กั เรียนสํารวจตนเองวา มีอาการและเกิด การไอ การจามของผ้ปู ่วย หรอื สมั ผสั สง่ิ ของทผี่ ูป้ ่วยใช้ จากสาเหตุท่ีเหมอื นหรือตา งจากเพ่ือนหรือไม อาการ ในระยะเร่ิมแรกมีอาการคดั จมกู นา้� มูกไหล คอแหง้ อยางไร เจ็บคอ ตอ่ มาจะไอและจาม อาจจะมไี ข้ และปวดเม่ือยตามรา่ งกาย การปฏิบัตติ น ควรปฏิบัติ ดังน้ี 3. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ เปน 6 กลมุ ใหแ ตล ะ ๑) กินอาหารออ่ นๆ ย่อยงา่ ย เชน่ ข้าวต้ม โจ๊ก เป็นต้น กลมุ ศกึ ษาการเจ็บปว ยหรอื การบาดเจบ็ ๒) ด่มื น้า� อุ่นมากๆ และนอนพกั ผอ่ นให้เพียงพอ ตามหวั ขอ ดังนี้ ๓) ใช้ผ้าชุบน้�าเชด็ ตวั เมอ่ื มไี ข้ ถา้ มีอาการปวดศีรษะมาก • กลุมที่ 1 ศึกษา โรคไขห วัด • กลุมที่ 2 ศึกษา โรคตาแดง • กลุมที่ 3 ศึกษา โรคทอ งเสีย • กลุมท่ี 4 ศึกษา การบาดเจบ็ จากของมีคม • กลุมท่ี 5 ศึกษา การบาดเจ็บจากการถกู แมลงสัตวกดั ตอ ย • กลุม ที่ 6 ศกึ ษา การบาดเจ็บจากการ พลัดตกหกลม จากน้ันใหแ ตละกลมุ สง ตวั แทนออกมารายงาน หนาชนั้ ใหก้ นิ ยาแกป้ วด ทกุ ๔ - ๖ ชั่วโมง ถา้ ไม่หายควรไปพบแพทย์ วธิ ีปอ้ งกนั ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ ๑) ท�าร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการกินอาหารที่มี ประโยชน์ ออกก�าลงั กายอยา่ งสม่�าเสมอ และพักผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ๒) ไมค่ ลกุ คลหี รือใชส้ ่ิงของร่วมกับผู้ปว่ ย ๓) ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหรือปิดจมูกเมื่อจะจามหรือไอ และสวมหน้ากากอนามัย เพือ่ ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาด ๔) กนิ อาหารท่ีปรุงสุกใหม่ ใชช้ อ้ นกลางในการตกั อาหาร และล้างมอื ทกุ คร้งั กอ่ นกินอาหาร และหลังขับถา่ ย 47 ขอ สอบเนน การคิด นกั เรียนควรรู หากนกั เรยี นมอี าการคดั จมกู นกั เรยี นควรสง่ั นาํ้ มกู แรงๆ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด 1 โรคไขห วดั ในปจ จบุ ันมีการแพรร ะบาดของโรคไขห วดั ใหญส ายพนั ธใุ หม ก. ควร เพราะจะไดห ายคดั จมูก 2009 จะมอี าการเร่มิ ตนเหมอื นไขห วัดใหญแ ละตอมาจะมีอาการรนุ แรงมากขึน้ ข. ควร เพราะน้ํามกู จะไดไ หลออกมาจนหมด ดงั นัน้ ถามีอาการเปน ไขส ูงหลายวันควรบอกพอแมใหรีบพาไปพบแพทยท นั ที ค. ไมควร เพราะอาจทําใหเลือดมาค่ังทจ่ี มูก ง. ไมควร เพราะทาํ ใหเสียบคุ ลิก มุม IT วิเคราะหคาํ ตอบ การส่ังน้ํามกู แรงๆ จะทําใหจมกู ย่งิ คัดมากขึน้ และ หายใจลาํ บากข้นึ เพราะจมูกจะมีเลือดมาคง่ั ทําใหจมูกบวม และอกั เสบ ครสู แกน QR Code เร่อื ง การปองกนั โรคโควดิ -19 เพ่ือใหค วามรูเสรมิ รวมถึงหากมกี ารสั่งน้าํ มูกแรงๆ และมีการแคะ แกะ เกาในรูจมกู อาจทําให แกนกั เรียน เกย่ี วกับโรคทแ่ี พรระบาดในปจจบุ นั เลอื ดกําเดาไหลได ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบที่ถกู การปองกนั โรคโควดิ -19 คูมอื ครู 47
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครตู ้ังคําถามและใหนกั เรยี นชวยกันตอบ ๒. โรคตาแดง ตาแดงเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทพ่ี บ • โรคไขหวัด สวนใหญเกิดจากสาเหตุใด (แนวตอบ การไดรบั เช้อื โรคที่แพรกระจายอยู ไดบ้ อ่ ยในเดก็ วยั เรยี น เพราะตดิ ตอ่ ในอากาศ) ไดง้ ่ายถ้าไมร่ ะมัดระวัง • เพราะเหตใุ ดจึงไมควรใชมือขยี้ตาเมื่อมี สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัส อาการคนั ตาหรอื เคืองตา หรือเช้ือแบคทีเรียท่ีเข้าไปท�าให้ (แนวตอบ เพราะมอื ของเราอาจสกปรกและ เยื่อบุตาอักเสบหรืออาจเกิดจาก มีเช้อื โรคติดอยู ถานาํ มอื ไปขยี้ตา อาจทาํ ให แมลงหว่ีไปไต่ตอมตาของคนที่ เชื้อโรคแพรเขาสตู าไดงาย) โรคตาแดงเกดิ จากเชอื้ ไวรสั จงึ ไม่มยี ารักษา เปน็ โรค ทา� ใหม้ เี ชอ้ื โรคตดิ มาดว้ ย • อาหารชนดิ ใดทเี่ ปนสาเหตขุ องอาการ โดยเฉพาะ แพทยจ์ ึงรกั ษาตามอาการ ทองเสีย โดยใแหพ้ยทอายปา์จฏะกิชใหวีาน้ยระาหหยยผออดดู้ปตตาา่วลถยด้ากจตาาระออรกักั เู้สเสสบึบกมเาคก ืองตซผาอู้ึ่งถนมื่ ้ากีนแจ็้�ามะตทลาา�ไงใหหหลวไ้ ดี่ไปมร้ บัไีขตเ้ีตช่ตาอื้1อโมรตคตาเขาขขาา้ วอไมปงี (แนวตอบ อาหารบดู เนา อาหารหมักดอง ลกั ษณะเปน็ ปืน้ แดงคลา้ ยเสน้ เลือดฝอยแตก อาหารทม่ี ีแมลงวันตอม) การปฏบิ ตั ติ น ควรปฏิบัติ ดงั น้ี • ถามอี าการเจ็บปว ยหรอื บาดเจบ็ เดก็ ในวัย ของนกั เรียนควรทาํ อยา งไร (แนวตอบ บอกใหพอ แมห รอื ครูทราบ เพ่ือจะ ไดห าทางรักษาโรคตอ ไป) 2. ใหนักเรียนรว มกันยกตัวอยา งพฤตกิ รรมที่อาจ ทําใหเกิดโรค แลวใหเพอ่ื นๆ ชว ยกนั บอกวา จะทาํ ใหเ กิดโรคใด ๑) ถ้ารสู้ กึ เคอื งตา ตาแดง ควรให้พอ่ แมพ่ าไปพบแพทย์ ๒) ไม่ควรใช้มือขย้ีตาเม่ือรู้สึกระคายเคืองตา หรือเม่ือ มนี ้�าตาไหล ควรใชผ้ า้ เชด็ หนา้ เชด็ เบาๆ ๓) ตอ้ งหยดุ เรยี นจนกวา่ จะหาย เพอื่ ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาด วิธีปอ้ งกนั ๑) ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยหรือใช้ส่ิงของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผา้ เชด็ หน้า ผา้ เช็ดตัว เปน็ ตน้ 48 ๒) ไม่ควรปล่อยให้แมลงหวีม่ าไตต่ อมตา เกรด็ แนะครู ขอ สอบเนนการคิด ใครปฏิบตั ติ นไดถูกตองเม่ือปว ยเปน โรคตาแดง ครแู นะนําใหน ักเรียนท่ปี ว ยเปนโรคตาแดงควรหยดุ เรยี น หรอื หยุดรกั ษาตัว ก. แกมดม่ื นํา้ ตม สุกทุกมอ้ื อยทู บ่ี า น เพ่ือปอ งกันไมใหโรคตาแดงลกุ ลามหรอื ติดตอ สูคนอน่ื ข. นุน ลางตาดว ยนาํ้ สะอาด ค. หนึ่งใชย าหยอดตาทกุ ช่วั โมง นักเรยี นควรรู ง. มดหยดุ เรยี นเพือ่ พักรักษาตวงตา วิเคราะหคําตอบ โรคตาแดงเปนโรคติดตอ ดังนั้น เม่ือเราเปน โรคตาแดง 1 ข้ตี า ลกั ษณะของขต้ี าสามารถบอกสาเหตุของโรคบางชนิดได ดงั นี้ ควรหยดุ พกั จนกวาจะหายดี เพอ่ื ปองกนั การแพรก ระจายของโรค ดังนั้น • ขี้ตาใสเหมอื นนํา้ ตา มกั จะเกิดจากไวรัสหรอื ภูมแิ พ ขอ ง. เปน คาํ ตอบท่ถี กู • ข้ตี าเปน เมือกขาว มกั จะเกิดจากภูมิแพหรือตาแหง • ขต้ี าเปน หนอง มกั จะเปนรว มกบั มีสะเก็ดปดตาตอนเชา ทําใหเปด ตา ลาํ บาก สาเหตุมักเกดิ จากเชือ้ แบคทเี รยี 48 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. ท้องเสยี 1. ใหน กั เรียนแตละกลุมรว มกนั ต้ังคําถาม ท้องเสีย เป็นโรคท่ีเกิดขึ้นจากการกินอาหารที่ไม่สะอาดหรือ เกี่ยวกบั การปอ งกันและการดูแลการเจ็บปว ย มเี ชอื้ โรคปนเปอ้ื น สามารถเป็นไดท้ ุกเพศทกุ วยั และอาการบาดเจ็บมากลุม ละ 5 คําถาม สาเหตุ เกิดจากการกินอาหารท่มี เี ช้อื โรคเขา้ ไป เช่น อาหาร จากนัน้ ใหแ ตละกลมุ ถามเพ่อื นตา งกลมุ เชน ที่ไม่สุก ไมส่ ะอาด หรือกนิ อาหารรสเผ็ดจดั เปร้ยี วจัด เป็นตน้ • ถานกั เรียนมีอาการปวดศีรษะและมไี ข อาจอาอเจาียกนา รม ไีถข่า้ ยถเห้าสลูญวมเสาียกนก�า้ว1มา่ า๓ก คอรา้ังจตช่ออ็ วกนั หปมวดดสทต้อิ งแ ลอะอ่ ตนาเยพไดล้ีย ควรทําอยา งไร การปฏิบัติตน ควรปฏบิ ัต ิ ดงั น้ี (แนวตอบ กนิ ยาแกปวด เชน พาราเซตามอล ๑) ด่ืมน�้าเกลือแร่ หรือผสมผงน�้าตาลเกลือแร่ ๑ ซอง และใชผา ชุบนํ้าเช็ดตัวเมอื่ มไี ขข ้นึ สูง) กับน้�าต้มสกุ ๑ แก้ว ถา้ ถ่ายบอ่ ยให้ดม่ื บ่อยครั้งขน้ึ ถ้าอาเจียนด้วย • เพราะเหตใุ ดเมื่อมอี าการตาแดง ผปู ว ยจึง ให้ด่มื ทลี ะนอ้ ยๆ แตบ่ อ่ ยคร้ัง ควรหยดุ เรียน ๒) ถ้าอาการยังไมด่ ีข้ึน ให้รบี ไปพบแพทย์ (แนวตอบ เพื่อปอ งกนั การแพรกระจายของ วิธปี อ้ งกนั ควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ เชื้อโรคสเู พื่อน และเปน การพกั ผอนรา งกาย ๑) กนิ อาหารทป่ี รุงสกุ ใหม่ๆ เพือ่ ใหรางกายแข็งแรงข้ึน) การทา� น�้าเกลือแร่ • ถา นักเรียนมอี าการทองเสียมาก ถายอจุ จาระไมหยุด นักเรยี นควรทําอยางไร น้�าตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ สะอาด ไมม่ แี มลงวนั ตอม และใช้ (แนวตอบ ควรบอกผใู หญใ หร บี พาไปพบแพทย เพราะถา ถา ยอจุ จาระไมห ยุด จะทาํ ให + = ช้อนกลางตักอาหาร รางกายสญู เสียน้ําและเกลอื แร แลวอาจเกิด ๒) ดม่ื นา้� สะอาดหรอื นา�้ ตม้ สกุ อาการช็อก) เกลือ ๑/๒ ช้อนชา • เพราะอะไรจงึ ตองประคบเยน็ กอนเม่อื มี อาการฟกช้ํา หอ เลือด (แนวตอบ เพราะการประคบเย็นจะทําให หลอดเลอื ดหดตวั ทาํ ใหอ าการบวมยุบลง อยา งรวดเร็ว) + ๓) ลา้ งมอื กอ่ นกนิ อาหารและ นา�้ ต้มสุกทเ่ี ย็นแลว้ ๑ ขวด น้า� เกลือแร่ หลงั ขับถ่าย (๗๕๐ มลิ ลิลติ ร) ๔) ดูแลรักษาบ้านให้สะอาด เม่ือผสมแลว้ ควร ไม่เป็นท่ีอยู่ของสัตว์น�าโรค เช่น ด่มื ภายใน ๑ วัน ถ้าเหลอื ควรเทท้ิง หน ู เป็นต้น 49 ขอ สอบเนนการคิด นักเรยี นควรรู ในชว งท่ีโรคไขห วดั ระบาด นกั เรยี นควรมวี ธิ กี ารปองกันตนเองอยา งไร 1 สญู เสียน้าํ การสญู เสียนํา้ มากทาํ ใหเ กดิ อาการขาดนํ้า ดงั น้ี ก. ไมออกนอกบา น • หิวน้าํ บอย ข. ดม่ื น้ําอุน มากๆ • ปาก ลิ้น และผิวหนงั แหง ค. ไมใ ชของสวนตัวรวมกับผอู ืน่ • ไมถา ยปส สาวะมากกวา 3 ชั่วโมง ง. รบั ประทานยาพาราเซตามอลกอนนอน • ชพี จรเตนเบาและถี่ วิเคราะหค าํ ตอบ เม่ือมอี าการระบาดของโรคไขห วดั คนทัว่ ไปควร • ออนเพลีย เวยี นศรี ษะ ปอ งกนั ตนเองโดยรกั ษาสุขภาพใหแ ขง็ แรง รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน ถามีอาการดังน้ี ควรรบี ไปพบแพทยท นั ที ไมใชข องสวนตวั รว มกับผอู ่นื เชน ผาเชด็ หนา เพราะอาจไดรบั เช้ือโรคได ดงั นั้น ขอ ค. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู คมู ือครู 49
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู 1. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ ออกมาแสดงบทบาท ๒ การบาดเจ็บต่างๆ สมมุติในการดแู ลตนเองเมอื่ เกดิ อาการเจ็บปว ย หรอื บาดเจบ็ ท่ีหนาชั้น การบาดเจบ็ เปน็ สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ไดถ้ า้ เราไมร่ ะมดั ระวงั การบาดเจบ็ ที่นักเรยี นควรรู้ มดี งั นี้ 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั สรปุ อาการเจบ็ ปว ยและอาการ บาดเจ็บทมี่ กั พบในเด็ก และการดูแลตนเอง ๑. การบาดเจบ็ จากของมคี ม ของมีคม เชน่ มีด คัตเตอร์ (Cutter) เปน็ ต้น หากใช้งานดว้ ย ขยายความเขา ใจ Expand ความไมร่ ะมดั ระวงั อาจทา� ใหเ้ ราไดร้ บั บาดเจบ็ ได้ เมอ่ื เราไดร้ บั บาดเจบ็ จากของมีคม เราควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. ใหนกั เรียนอานขอความจากกิจกรรม ชวนคิด ๑) ล้างแผลด้วยน�้าสะอาดและสบู่ แล้วใช้ผ้าซับแผลให้แห้ง ชวนทํา ขอ 2 จากนัน้ ใหบ อกวิธีปฏบิ ตั ติ น ๒) ถ้าบาดแผลใหญ่หรือเลือดไม่หยุดไหล ให้ห้ามเลือดโดย เมอื่ มอี าการเจบ็ ปวย โดยทาํ ลงในสมุด กใหาท้รใาชย้ผา้าใสสแ่ะอผาลดสกดดเทช่ีบน่ าดโพแผวโิลดนแ-ลไะอรโีบอดไปนี พ1(บPแovพidทoยn์ eถI้าoเdลiือneด)หเยปุด็นไตหน้ล ลงบนแผล 2. ใหนักเรียนทํากจิ กรรมรวบยอดที่ 3.4 จาก ๓) ถ้าบาดแผลใหญ่ให้ใชพ้ ลาสเตอรย์ าหรอื ผา้ กอ๊ ซปิดแผล แบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.2 โดยอา นขอ ความ วิธีปอ้ งกัน แลวตอบคาํ ถาม ๑) ใชข้ องมคี มอยา่ งระมดั ระวงั และไมน่ า� ของมคี มมาเลน่ กนั ๒) เมอื่ ใชข้ องมีคมเสร็จแล้วควรล้างและเกบ็ เขา้ ที่ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ๒. การบาดเจบ็ จากการถูกแมลงสตั วก์ ดั ต่อย สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.4 แมลงหรือสัตว์ที่ท�าอันตรายต่อมนุษย์น้ัน มีหลายชนิด เช่น แบบประเมินตวั ช้ว� ัด พ 4.1 ป.2/4 ผ้ึง ต่อ งู สนุ ัข เป็นตน้ ซึ่งถา้ เราถูกแมลงสัตวก์ ัดตอ่ ย ควรรบี บอกพ่อ แม่ หรือผู้ใหญ่ใหท้ ราบทันที และควรปฏิบัติ ดงั นี้ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูตามตวั ชี้วดั ประจําหนวยที่ ๓ บทที่ ๓ ไสป้ ากก าอ๑อ)ก ถแล้าถว้ คูกรผอึ้งบจตดุ ่อทถี่ แกู ตตนอ่ ตย่อยกดลใหงใ้ใหช้เ้ดห้า็นมเปหาลกก็ กใาน2ลโผูกลลอ่่ืนอทก่ีถมอาด แลว้ ดงึ เอาเหลก็ ในออก จากนนั้ ทาแผลดว้ ยแอมโมเนยี ถา้ มอี าการปวด กิจกรรมรวบยอดที่ ๓.๔ ให้กินยาแก้ปวด แบบประเมนิ ตัวชว้ี ดั พ ๔.๑ ป.๒/๔ 50 • อธิบายอาการและวธิ ปี อ งกันการเจบ็ ปว ย การบาดเจ็บท่อี าจเกดิ ขึ้น ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน ๑ อานขอ ความแลวตอบคําถาม ในตอนเชาของฤดูหนาว เมื่อมดตื่นขึ้นมาแลวรูสึกไมสบาย มดจึงบอกคณุ แม คุณแมบ อกวา มดเปนไขห วัด จงึ ใหหยุดเรยี น แลวคณุ แมก็เตอื นนอ งมุกใหร ะวังติดไขห วัดจากพีม่ ด เฉฉบลับย ๑) มดปว ยเปนไขหวัด นา จะมีอาการอยางไรบา ง (ตวั อยา ง) เปนไข ตัวรอน ปวดศีรษะ มนี ํา้ มกู คัดจมกู ไอ จาม............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ๒) การทมี่ ดปว ยเปน ไขหวดั อาจจะมาจากสาเหตใุ ด (ยกตัวอยา งมา ๒ ขอ ) ๑) ไมสวมเสื้อผา ที่หนาเม่อื มีอากาศหนาว............................................................................................................................................................................................ ๒) ใกลชิดกับผปู ว ยท่ีเปน โรคไขห วดั............................................................................................................................................................................................ ๓) นอ งมุกควรทําอยางไรจึงจะไมติดไขห วดั จากพี่มด ๑) ไมเ ขาไปอยใู กลช ิดกบั พ่มี ด............................................................................................................................................................................................ ๒) ไมใชส่งิ ของสวนตัว เชน ผาเชด็ หนา แกวนํา้ รวมกบั พมี่ ด............................................................................................................................................................................................ ตวั ชีว้ ดั พ ๔.๑ ขอ ๔ öไดคะแนน คะแนนเตม็ ๔๑ นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนนการคิด ตน วงิ่ ชนกบั เพ่อื นจนหนาผากโน ตน ควรดแู ลรกั ษาอาการบาดเจ็บ 1 โพวโิ ดน-ไอโอดนี เปนนํา้ ยาใสแ ผลท่มี ฤี ทธิ์ฆาและทาํ ลายเชอ้ื โรค ซ่ึงไมท าํ ให อยางไรกอ น แสบแผลเหมือนทิงเจอรไอโอดีน ก. ทายาหมอ งบริเวณหนาผาก 2 เหลก็ ใน เดอื ยแหลมทมี่ ีในกน หรอื ปลายหางสตั วบ างชนิด เชน ผ้ึง ตอ แตน ข. ใชผาหอ นา้ํ แขง็ ประคบทหี่ นาผาก เปน ตน ค. ใชผา ชบุ นาํ้ รอ นประคบท่หี นาผาก ง. ใชแอลกอฮอลเ ชด็ บริเวณหนาผาก วเิ คราะหคําตอบ เมอื่ มีอาการฟกช้าํ หอเลือด โน ควรนาํ ผา หอ นาํ้ แขง็ หรอื ประคบเยน็ กอ นเพ่อื ทาํ ใหเลอื ดหมุนเวียนชาลง ทําใหห ยดุ เลือดท่ตี ก ภายในไดเร็วข้นึ ดงั นั้น ขอ ข. เปน คําตอบทถ่ี ูก 50 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๒) ถา้ สนุ ขั 1แมว หรอื สตั วเ์ ลยี้ งกดั ใหล้ า้ งแผลดว้ ยนา�้ สะอาด 1. ใหน กั เรยี นแบง กลุม ใหแตล ะกลุมสืบคน ขอมูล และสบู่ ลา้ งแผลดว้ ยนา�้ มากๆ และนานๆ เพอื่ ใหล้ า้ งนา้� ลายทมี่ เี ชอ้ื โรค เกยี่ วกบั โรคทีเ่ ดก็ เปนกนั มาก กลมุ ละ 1 โรค หมดไป แล้วปิดดว้ ยผา้ กอ๊ ซ จากน้นั ไปพบแพทย์ เพอื่ ฉีดวคั ซนี แลวบันทึกชอ่ื อาการ สาเหตุ การปอ งกัน ๓) ถา้ งกู ดั ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งรดั เหนอื บาดแผล แตถ่ า้ ตอ้ งการรดั และการดแู ลรกั ษาลงในใบงาน จากน้นั ออกมา ไใหมพ้ค่ วารไปรัดพแบนแ่นพจทนยเก์ แนิ ลไะปตอ้แงลจะ�าคลวักรคษลณาะยขทอกุ งๆงูท๑ีก่ ๐ัดในหา้ไทดี ้เแพล่ือ้วฉบดี อเกซพรุม่่อ2แม่ รายงานหนาชน้ั 2. ใหนกั เรียนทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 3.5 จาก แบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยดภู าพ แลวบอก วิธีปฏิบตั ติ นในการดูแลรักษา วิธีป้องกัน ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.5 ๑) ไมเ่ ลน่ บรเิ วณท่มี อี นั ตราย เช่น ท่ที ่ีมีรังผง้ึ รงั ตอ่ หรอื แบบประเมินตวั ช้ว� ัด พ 4.1 ป.2/5 รงั แตนอยู่ โดยเฉพาะบรเิ วณทมี่ ตี น้ ไมม้ าก บรเิ วณทรี่ กรา้ ง มหี ญา้ ขนึ้ สงู ๒) ไมเ่ ลน่ กับสุนขั แมว หรอื สัตว์เลี้ยงท่ีไมม่ เี จ้าของ ๓. การบาดเจบ็ จากการพลัดตก หกลม้ กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๕ แผกลารถพลอลักด3ตแกผลหฟกกลช้ม�้า เทป�าน็ ใหต้เน้ กิดบาดแผลต่างๆ ตามร่างกาย เชน่ แบบประเมนิ ตวั ช้ีวัด พ ๔.๑ ป.๒/๕ • ปฏบิ ัติตามคาํ แนะนาํ เม่อื มีอาการเจ็บปวยและบาดเจบ็ ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน ดูภาพ แลว บอกวิธปี ฏบิ ตั ิตนในการดูแลรกั ษาอาการเจบ็ ปว ยหรอื อาการบาดเจบ็ ตามภ(าตพวั อยาง) ๑) ๑) แผลถลอก ควรปฏิบัติ ดงั น้ี ลา้ งแผลดว้ ยนา�้ สะอาดและใชส้ บฟู่ อก เชด็ รอบแผลดว้ ย แอลกอฮอล์ แล้วทายาใสแ่ ผลสดบรเิ วณแผล เฉฉบลับย เดก็ ในภาพควรดูแลรักษาอาการเจ็บปว ย ดงั น้ี.................................................................. .๑...).......ใ...ช...ผ....า..ช....บุ ....น.....ํ้า..เ..ช....็ด....ต....วั ...เ.ม....่อื....ม...ไี...ข...ส....ูง................๒....).......ก....นิ.....ย...า...แ...ก...ป. ...ว...ด....ศ....รี...ษ....ะ...ถ....า ..ม....อี...า...ก....า..ร....ป....ว..ด....ศ....รี....ษ....ะ.. ๒ ) (แ๑ผ)ล ใฟชก้นชา�้ เ้า� ย็นหอ้หเรลืออื นดา�้ แคขว็งร4ปปรฏะบิ คัตบิ ทดนั งั ทนีี้ โดยประคบนาน ๓) นอนพกั ผอนและด่ืมน้ําอุนมากๆ........................................................................................................................................................................................................ ๒) เด็กในภาพควรดูแลรักษา อาการบาดเจบ็ ดงั นี้ ผมลืน่ ลม ครับ .๑...)......ใ...ช...ผ....า..ช....บุ ....น.....้าํ ..เ..ย....็น.....ห....ร...อื....น.....้าํ ..แ....ข...ง็ ................. ประมาณ ๑๕ - ๓๐ นาที ไมค่ วรใชน้ า�้ มนั แกป้ วดบวมทรี่ อ้ นทาบรเิ วณ ประคบทบ่ี าดแผล.......................................................................................... .๒....).....ห....ล....ัง....จ...า...ก....ป....ร....ะ...ค....บ....เ..ย....น็ ....ผ....า...น....ไ...ป............... ที่ได้รบั บาดเจ็บ เพราะจะท�าใหแ้ ผลบวมมากขึน้ กวา่ เดิม ..........๒....๔.......ช...ัว่ ...โ...ม...ง.......ใ..ห....ใ...ช...ผ....า ...ช...บุ ....น.....ํ้า...ร...อ....น......... (๒) หลังจากประคบด้วยน้�าเย็นหรือน้�าแข็งผ่านไป ประคบ.......................................................................................... ตวั ชี้วดั พ ๔.๑ ขอ ๕ ñðไดคะแนน คะแนนเตม็ ๔๓ ๒๔ - ๔๘ ชวั่ โมงแลว้ จึงใหใ้ ชผ้ ้าชบุ น้า� รอ้ นประคบบรเิ วณทีฟ่ กชา้� วิธปี ้องกนั ไมเ่ ลน่ ดว้ ยความรนุ แรง ไมเ่ ลน่ โลดโผน หรอื หยอกลอ้ กนั ระหว่างท�ากิจกรรม 51 ขอ สอบเนนการคดิ นักเรียนควรรู เมอ่ื เกิดบาดแผลฟกช้ํา หอเลอื ด เราควรดาํ เนนิ การปฐมพยาบาลอยา งไร ก. ทาดว ยยาหมอง ข. ใชน ้าํ แขง็ ประคบ 1 สนุ ขั ถา ถกู สุนขั กัด ใหก กั สนุ ัขไวด ูอาการอยางนอย 15 วัน โดยใหน ้าํ ค. ปลอยท้ิงไวเ ฉยๆ ง. เชด็ ดวยแอลกอฮอล และอาหารตามปกติ ถาสุนัขตายควรสง ไปตรวจสอบวา มเี ชอ้ื พษิ สุนขั บาหรือไม 2 เซรมุ เปนของเหลวสเี หลืองใสทส่ี กดั จากเลือดสตั ว ซ่งึ ทาํ ใหเกดิ ภมู ติ า นทาน วิเคราะหคําตอบ เมือ่ ไดร บั บาดเจ็บ มีแผลฟกชํา้ หอ เลือด ควรใชนํา้ แข็ง เชอ้ื โรค แลว นาํ มาฉดี ในคนเพือ่ ใหเกดิ ภมู ิตานทานเช้ือโรคนน้ั ประคบ เพอื่ ใหหลอดเลอื ดหดตัว จะไดลดอาการบวม อักเสบ ดงั นั้น 3 แผลถลอก เปน บาดแผลทเี่ กดิ กบั ผวิ หนงั ชนั้ ตนื้ โดยการฉกี ขาดของหนงั กาํ พรา อาจมีเลอื ดซมึ ออกมาภายหลัง 24 ชวั่ โมงไปแลว ขอ ข. เปนคําตอบท่ีถูก 4 นํ้าเยน็ หรอื นา้ํ แขง็ ความเยน็ จะมผี ลทําใหอ าการเจ็บปวดบรเิ วณที่ฟกชํา้ ลดลง หลอดเลอื ดจะหดตวั ทําใหอ าการบวมยบุ ลงอยา งรวดเรว็ ถามีเลือดตกในบรเิ วณท่ี กิจกรรมทาทาย ฟกชา้ํ กจ็ ะทาํ ใหเลอื ดหยดุ ได ครูจดั กจิ กรรมสัปดาหปองกนั โรค โดยใหนกั เรยี นสืบคน ขอมูลเกย่ี วกบั โรคตดิ ตอในปจ จบุ นั การดแู ล และการปอ งกันมา 1 โรค แลว นําขอ มูลมา จดั ปายนเิ ทศ คมู อื ครู 51
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งของใบงานโรคท่เี ด็ก ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ เปน กันมาก ตอนท ี่ ๑ คา� ถามชวนคดิ 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทํากจิ กรรม เขยี นตอบค�าถามต่อไปนลี้ งในสมุด รวบยอดท่ี 3.4 และ 3.5 จากแบบวัดฯ ๑) ถา้ นักเรียนปว่ ยเปน็ โรคไขห้ วดั นักเรียนจะรสู้ ึกอย่างไร สุขศกึ ษาฯ ป.2 ๒) นักเรียนเคยพบเห็นคนที่ป่วยหรือบาดเจ็บหนักๆ หรือไม่ และนักเรียน หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู รู้สกึ อยา่ งไร ๓) ถ้านักเรยี นไมอ่ ยากเจ็บปว่ ยหรอื ได้รบั บาดเจบ็ ควรทา� อย่างไร 1. ใบงานเร่อื งโรคทเี่ ด็กเปนกันมาก ๔) ถ้าบคุ คลใกลช้ ดิ มีอาการเป็นโรคตาแดง นกั เรยี นควรเขา้ ไปคลกุ คลี 2. กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.4 และ 3.5 จากแบบวดั ฯ ดว้ ยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๕) ถา้ นักเรยี นไมอ่ ยากเป็นโรคตาแดง นักเรยี นควรทา� อยา่ งไร สุขศกึ ษาฯ ป.2 ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนท�า ๑. เล่าอาการเจ็บปว ยท่ีนกั เรียนเคยเปน็ โดยบอกสาเหต ุ อาการและการ ปฏบิ ตั ิตน ๒. อ่านขอ้ ความทก่ี �าหนดให้ แล้วบอกวิธีปฏบิ ัติตนเมอื่ มีอาการเจ็บปว ย ๑) แก้มวิ่งเล่นในบ้านจนหวั เขา่ ชนโต๊ะ แล้วเกิดแผลฟกช้�าทห่ี ัวเขา่ ๒) ดวงปอกมะม่วง แล้วถูกมีดบาดนว้ิ ๓) ตองไปเล่นซอ่ นหาในสวน จึงท�าให้ถกู ผงึ้ ต่อยทแี่ ขน ๓ . สบื ค้นข้อมลู เก่ียวกบั โรคท่เี ป็นกนั มากในวัยของนักเรยี นมา ๑ โรค โดยบอกสาเหตุ อาการ และการปฏบิ ัติตน แล้วบนั ทกึ ข้อมลู ลงในสมุด ตอนท่ ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แบง่ กลมุ่ กลุ่มละ ๔ - ๕ คน สบื ค้นข้อมูลเก่ียวกบั อาการเจบ็ ปวยหรือบาดเจ็บ มา ๑ ชนดิ แลว้ บนั ทกึ อาการ สาเหต ุ การปอ้ งกนั และการปฏบิ ตั ติ นลงในกระดาษ แลว้ น�าไปจดั ทา� ปา้ ยนิเทศในช้ันเรียน 52 เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ขอ สอบเนน การคดิ ตอนท่ี 1 คําถามชวนคิด ในวัยของนักเรียน ถา มีไขสงู ควรทาํ อยา งไรเปน อยางแรก ก. บอกพอแม แนวตอบ ข. กินยาลดไข 1) รสู กึ ไมสบายตัว ออ นเพลีย เจบ็ คอ ปวดเม่ือยตามตวั ค. ดม่ื นํ้าอนุ มากๆ 2) คาํ ตอบขนึ้ อยูกับนกั เรียนแตล ะคน ง. ใชผาชุบน้ําเชด็ ตวั 3) ดูแลสุขภาพใหแขง็ แรงอยูเสมอ วิเคราะหค าํ ตอบ ในวยั ของนักเรียน ถารสู ึกวา มีไขสูงมาก ควรรีบบอก 4) ไมควร เพราะอาจทําใหต ดิ โรคได พอ แม เพ่ือใหพอแมห ายามาใหก ินหรอื พาไปพบแพทย ดงั นั้น ขอ ก. 5) ไมใ ชสิ่งของรวมกับผทู ี่เปนโรคตาแดง เปน คําตอบท่ีถกู ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 2. แนวตอบ 1) ใชผ า ชบุ นํ้าเยน็ ประคบ หลังจากนน้ั 1 วัน ใชผาชบุ นา้ํ รอนประคบ 2) ใชน้าํ สะอาดลางแผล หามเลอื ด ทาํ ความสะอาดแผล และใสยา 3) ใชก ุญแจกดบริเวณที่ผงึ้ ตอย หรอื ใชส ันบัตรเอทเี อ็มกดบรเิ วณทถ่ี ูกตอ ย เพื่อเอาเหล็กในออกมา แลว ใชแ อมโมเนียทาแผล 52 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Evaluate Explore Expand Engage ôEngage Explain กระตนุ ความสนใจ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1. ครูสอนนักเรยี นรองเพลง “ขา มถนน” ชีวติ ปลอดภยั จนสามารถรองไดอยางคลอ งแคลว จากนั้น ใหนักเรียนรวมกันคิดทาทางประกอบเพลง เป้าหมายการเรียนรู้ประจ�าหน่วยที่ ๔ แลวใหรวมกันรอ งเพลงอีกครง้ั พรอ มทง้ั ทาํ ทา ประกอบเพลง เมอื่ เรียนจบหน่วยน้� ผู้เรยี นจะมคี วามรู้ ความสามารถต่อไปน้� 2. ครูสนทนากับนกั เรียนวา ขณะขามถนน ๑. ป ฏิบตั ิตนในการป้องกันอบุ ัติเหตุทอี่ าจเกิดขึน้ นักเรียนทําอยางไรบาง โดยครูยังไมบอก นักเรยี นวาสง่ิ ท่นี กั เรยี นปฏิบัตินน้ั ถูกหรอื ผิด ทางนา้� และทางบก (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๑) ๒. ป ฏิบัตติ นตามสัญลกั ษณแ์ ละปา้ ยเตือนของ 3. ครูถามนักเรยี นวา ใครเคยประสบอุบตั ิเหตุ ขณะขามถนนบาง จากนน้ั ใหน ักเรยี นทเ่ี คย ส่งิ ของหรอื สถานท่ที ่เี ป็นอนั ตราย ออกมาเลาเหตุการณทีห่ นาชน้ั (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๔) ๓. อ ธิบายเหตุผล อนั ตราย วธิ ีปอ้ งกนั อัคคภี ยั และแสดงการหนไ� ฟ (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๕) ÍÑ¡ÉÃà¨ÃÞÔ Ç·Ô Â เกร็ดแนะครู ครูสอนนกั เรยี นรองเพลง “ขา มถนน” ดังนี้ เพลง ขา มถนน อยาเหมอมอง ตองดูขางหนา อกี ซา ยและขวา เมื่อจะขามถนน หากยวดยานหลาย กต็ องอดใจทน อยา ตัดหนารถยนต ทกุ คนจงระวังเอย *มง แซะ มง แซะ แซะ มง ตะลุม ตุม มง คมู อื ครู 53
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรียนรู ñบทที่ • ปฏบิ ัตติ นในการปองกันอบุ ัติเหตุท่อี าจเกดิ ขน้ึ ทางนา้ํ และทางบก (พ 5.1 ป.2/1) สาระสา� คญั อบุ ตั เิ หตสุ ามารถปอ้ งกนั ได ้ ถา้ เราไมป่ ระมาท สมรรถนะของผเู รียน อบุ ัตเิ หตุ และมีความระมัดระวังในการด�าเนนิ ชวี ิต และการปองกนั 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 3. ความสามารถในการแกปญ หา คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค 1. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage ÊÁ㨠1. ครขู ออาสาสมัครออกมาแสดงทาทาง โดยให Ê˾ҹԪ คนหนึ่งเปนคนขบั รถ และใหอ ีกคนเปน คนขา มถนน จากนน้ั ใหผ ูท ีข่ า มถนนทาํ ทา 5432 6014 ว่งิ ตัดหนารถพอดี แลวหยุดคา งไว 1516 ?1234 2. ใหนักเรยี นลองคาดเดาวา เหตุการณทจ่ี ะ เกดิ ขน้ึ คือเหตุการณใ ด และมผี ลอยางไรทัง้ ตอ ¨Ò¡ÀÒ¾ ¶ŒÒ¹¡Ñ àÃÕ¹µŒÍ§¡ÒâŒÒÁ¶¹¹ คนขบั รถและคนขา มถนน น¡ั เรÕÂน¨ÐทÒí อÂÒ่ §ไร¨§Ö ¨ÐปÅอ´Àั 3. ใหน ักเรียนดูภาพจากหนงั สอื หนา 54 แลว บอกวา ถานักเรียนตองการขามถนน นักเรียน ควรทาํ อยางไรจึงจะปลอดภยั (แนวตอบ รอใหส ญั ญาณไฟจราจรเปนสีแดง แลวรถหยุด จงึ ขา มถนนตรงทางมาลาย) 54 เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรียนปฏบิ ัติ ดงั น้ี • สํารวจการเดินทางและขอ ปฏบิ ัติในการเดนิ ทาง • แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับการเดนิ ทางทีถ่ ูกวธิ ี • ปฏบิ ตั ติ นในการเดนิ ทางไดอยางปลอดภัย จนเกดิ เปนความรู ความเขาใจวา ชวี ิตของเราจะปลอดภยั จากอุบตั เิ หตุได ถามีความระมดั ระวงั และไมม ีพฤติกรรมเสยี่ งตอ การเกิดอบุ ัติเหตุ 54 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Evaluate Explore Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ ความหมายของอุบตั เิ หตุ 1. ครสู าํ รวจวา นักเรยี นมีการเดนิ ทางมาโรงเรยี น ดว ยวิธใี ดบา ง แลว ครจู ดบนกระดาน อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุที่เกิดข้ึนโดยไม่คาดคิด ก่อให้เกิด การบาดเจ็บ พิการ และอาจเสียชวี ติ ได้ 2. ใหน ักเรียนชว ยกันจดั กลมุ วา การเดินทางใด อุบัติเหตุท่ีมักพบบ่อย เช่น อุบัติเหตุจากการจราจร หกล้ม เปนการเดนิ ทางทางบก และการเดินทางใด มีดบาด ถูกน้�าร้อนลวก ตกนา้� เป็นต้น เปนการเดนิ ทางทางน้ํา ๒ อุบัติเหตทุ างบก 3. ครูสนทนากับนักเรยี นวา จากเหตกุ ารณสมมตุ ิ อบุ ตั เิ หตทุ างบก เปน็ อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ ขน้ึ ขณะเดนิ ทางตามถนน ทแ่ี สดง ถา คนเราไมระมดั ระวงั กอ็ าจทาํ ใหเกดิ หรอื โดยสารรถตา่ งๆ อุบตั ิเหตไุ ด ๑. สาเหตขุ องอบุ ตั เิ หตทุ างบก อุบัตเิ หตุทางบกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดงั น้ี 4. ใหนักเรียนแบง กลมุ เปน 4 กลุม ใหแตล ะ ๑) ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น เดินบนถนนไม่เดินบน กลุมรับผดิ ชอบกลมุ ละ 1 หวั ขอ ดังนี้ ทางเท้า ไม่ขา้ มถนนตรงทางมา้ ลายหรือสะพานลอย เป็นตน้ กลุม ที่ 1 รับผิดชอบ การเดนิ ทางตามถนน กลุมท่ี 2 รับผดิ ชอบ การเดินทางดวยรถ กลุมที่ 3 รบั ผดิ ชอบ การเดนิ ทางดวย รถจกั รยาน กลุมท่ี 4 รับผดิ ชอบ การเดนิ ทางทางนํ้า จากนั้นใหแตล ะกลมุ ศกึ ษาวา การเดนิ ทางท่ี ตนเองรับผิดชอบจะทาํ ใหเ กิดอุบตั เิ หตไุ ดอยา งไร เกดิ จากสาเหตุใด และมีวิธีปอ งกนั อุบตั ิเหตนุ ้ัน อยา งไร แลวใหแ ตละกลุมออกมารายงานหนาชัน้ ๒) ความประมาท เชน่ วงิ่ เลน่ หรอื เลน่ หยอกลอ้ กนั รมิ ถนน ใชโ้ ทรศัพท์มือถือขณะข้ามถนน เป็นต้น มหี มอก 1 ๓) สภาพภมู อิ ากาศและภูมิประเทศ เชน่ ฝนตก ถนนล่นื เปน็ ตน้ ๔) สภาพรา่ งกายเจบ็ ปว่ ยไมส่ บาย เชน่ เกดิ อาการหนา้ มดื 2 ขณะขา้ มถนน เป็นตน้ ๕) ขาดความรู้เรื่องกฎจราจร เช่น ไม่รู้จักสัญญาณไฟ จราจร เป็นต้น 55 บรู ณาการเชือ่ มสาระ นักเรยี นควรรู ครูบูรณาการความรูใ นสาระสขุ ศกึ ษาฯ กบั สาระศลิ ปะ วิชาทัศนศลิ ป 1 หมอก เปน ละอองนา้ํ ขนาดเล็กทมี่ องเหน็ ดวยตาเปลา ซงึ่ เกดิ จากการควบแนน โดยใหนกั เรยี นวาดแผนผังเสน ทางการเดนิ ทางจากบา นมาโรงเรยี น เพ่ือให ของไอนา้ํ นักเรียนสังเกตเห็นจุดทอ่ี าจเปนอนั ตราย และหาวิธีปอ งกันอนั ตรายได หมอกทําใหเ กดิ ฝามัว และบดบงั การมองเห็น โดยเฉพาะการขบั ขย่ี านพาหนะ ซง่ึ อาจทําใหเ กิดอบุ ัตเิ หตไุ ด 2 อาการหนา มืด เกิดจากการทีส่ มองขาดเลือด และแกสออกซเิ จนไปเล้ียงชั่วคราว โดยจะรสู ึกวิงเวยี นศีรษะ มอี าการวูบเหมอื นจะเปน ลม หรอื หากมอี าการรนุ แรง อาจเปน ลมหมดสติได เมอื่ มีอาการหนามืด ควรหยุดพกั จากการทาํ กิจกรรมตางๆ กอ น โดยนง่ั พกั หรอื นอนพักในทรี่ ม ท่มี ีอากาศถายเทไดดี จนกวา อาการจะดขี ึ้น คมู อื ครู 55
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครตู ัง้ คําถามเก่ียวกบั สาเหตุของการเกิด ๒. การป้องกันตนเองจากอุบตั ิเหตุทางบก อบุ ัตเิ หตุทางบกและทางนํ้า และใหนักเรยี น การปอ้ งกันตนเองจากอบุ ัติเหตุทางบก ทา� ได้ ดงั นี้ ชวยกนั ตอบ • นกั เรียนคดิ วา การเกิดอบุ ตั เิ หตจุ ากการ ขณะเดนิ ทางตามถนน เดินทาง เกดิ จากสาเหตใุ ดมากที่สุด (แนวตอบ ความประมาทของผขู ับข่ี ๑) ไม่วิ่งเล่นใกล้ถนนหรือไม่ผลักเพ่ือนขณะเดินทาง ยานพาหนะและผเู ดนิ ทาง) ตถ าา้ มไมถ ม่ นที น๒า)ง เเทดา้ นิ คบวนรเทดานิ งชเทดิ า้ ไ1ใหหลเ้ ดท่ นิ าชง2ทดิ าทงาดงา้ดนา้ นขใวนา • ผลเสียของการเกดิ อุบัตเิ หตุจากการเดินทาง เพือ่ จะได้เหน็ รถที่แลน่ สวนมา มอี ะไรบา ง ๓) ขณะเดินทางในเวลากลางคืน ควร (แนวตอบ ทรพั ยสนิ เสียหาย ไดรับบาดเจบ็ สวมใส่เส้ือผ้าสีขาวหรือสีสว่าง เพ่ือให้ผู้ขับข่ี เดนิ ชิดไหลท่ าง พกิ าร และอาจเสยี ชีวติ ได) ทางดา้ นขวา • การเดนิ ทางควรมีความรูใ นเร่อื งใด เพราะอะไร สามา รถ๔ม)อ งคเวหร็นเดไดิน้อขย้า่ามงถชนัดนเจตนรงทางมา้ ลาย3หรอื ใช้สะพานลอย (แนวตอบ กฎจราจร เพราะจะไดป ฏิบัติตนใน ๕) กอ่ นขา้ มถนนตรงทางมา้ ลาย ควรมองใหแ้ น่ใจวา่ ไมม่ ี การเดนิ ทางไดถูกตอ งและปลอดภยั ) รถแลว้ จึงเดนิ ข้ามถนน โดยให้มองขวา มองซา้ ย และมองขวา • นกั เรียนคิดวาพฤตกิ รรม “เมาแลวขบั ” อีกครง้ั แล้วจงึ ขา้ มถนน เปน็ ๔ ขน้ั ตอน ดังน้ี จะสงผลเสียตอ ผูขับขี่เพยี งคนเดียวหรือไม เพราะอะไร (แนวตอบ ไม เพราะถา ผูขบั ขย่ี านพาหนะ มีอาการเมาจะทาํ ใหขาดสติ และทําใหเ กดิ อุบัติเหตไุ ดง า ย ซ่ึงอบุ ัติเหตนุ อี้ าจสงผลตอ ผโู ดยสารหรอื บุคคลอน่ื ท่เี ดนิ ทางอยบู นถนน เชน ขบั รถเฉ่ียวชนผอู น่ื จนพิการหรอื ถึงแก ความตายได) 2. ใหนักเรียนและครูรว มกนั สรปุ สาเหตขุ อง การเกิดอบุ ัติเหตใุ นการเดนิ ทาง ๑. มองขวา ๒. มองซา้ ย ๓. มองขวาอกี คร้ัง ๔. รีบเดนิ ข้ามถนน 56 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ เพราะเหตใุ ด เราจงึ ควรมองขวา มองซาย และมองขวาอีกคร้ังกอ นขามถนน ครใู หนกั เรียนฝก ซอมการเดนิ ทางตามถนน โดยครอู าจจาํ ลองสถานการณ แนวตอบ เพราะเปนการมองเพื่อตรวจสอบใหแ นใจวา ไมม รี ถกาํ ลัง การเดนิ ทางตามถนน เพ่ือใหน ักเรียนเกิดความเขาใจมากขึ้น แลนมา หรอื รถหยุดรอใหคนขา มแนแลว กอนจะขา มถนน เพื่อสรา งความ ปลอดภยั ใหกับตนเอง นักเรยี นควรรู 1 ทางเทา เปน ทางขามทม่ี กั ยกสงู ขึน้ สาํ หรบั ใหค นเดนิ ภาษาปาก เรียกวา ฟุตบาท 2 ไหลท าง หมายถึง สวนของถนนท่ตี ิดอยูกับทางจราจรท้งั 2 ขาง 3 ทางมา ลาย กฎหมายไดก ําหนดหลักเกณฑไวว า ภายในระยะทางไมเกนิ 100 เมตร นับจากทางขา ม ถา คนเดนิ เทาไมข า มถนนตรงทที่ างขา มหรอื ทางมา ลาย ถอื วาเปน ความผดิ มโี ทษปรบั ไมเ กนิ 200 บาท 56 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ขณะเดินทางด้วยรถโดยสารประจ�าทาง รถไฟ หรือรถไฟฟา้ 1 1. ครตู ั้งคาํ ถามเก่ยี วกับการปอ งกนั อุบัติเหตุ ๑) ยืนรอรถโดยสารท่ีป้ายหยุดรถโดยสารบนทางเท้า ทางบกและทางน้ําและใหนักเรยี นชว ยกันตอบ และยืนหา่ งจากขอบทางเทา้ เขา้ ไปดา้ นใน ไม่เล่นกนั ขณะรอรถ • ถานักเรียนตอ งการขามถนน แตบ ริเวณนัน้ ๒) ยืนรอรถไฟหรือรถไฟฟ้า ให้ยืนรอหลังเส้นสีเหลือง ไมม ที างขาม นกั เรียนควรทาํ อยา งไร ทปี่ รากฏอยบู่ นพน้ื ชานชาลา และหา้ มลงไปในรางรถไฟเดด็ ขาด (แนวตอบ ควรมองขวา มองซา ย และมองขวา ไมเ่ ล่นกนั ขณะรอรถ อีกครัง้ ใหแนใจกอนวาบนถนนไมม รี ถ ๓) ขึ้นหรือลงรถอย่างเป็นระเบียบ ไม่ควรผลักกันหรือ แลว จึงรบี เดนิ ขาม) แย่งกนั • ถาตอ งโดยสารรถประจาํ ทาง ๔) เมอื่ ข้นึ รถแลว้ ควรเดินเข้ามาด้านในรถและหาที่นงั่ แตรถประจําทางมีคนแนนมาก นกั เรียน แต่ถา้ ไมม่ ที น่ี ง่ั ว่าง ให้ยืนจับราวหรอื พนกั พิงให้มั่นคง ไม่เลน่ กนั ควรทาํ อยางไร บนรถ (แนวตอบ ควรรอรถโดยสารประจาํ ทาง ๕) ไมค่ วรยนื ใกลป้ ระตรู ถ หรอื ยนื หอ้ ยโหนอยทู่ ปี่ ระตรู ถ คนั ตอ ไปที่วา งกวา คนั น)้ี ๖) ถา้ ตอ้ งการลงจากรถโดยสาร ควรกดกริง่ ให้สัญญาณ • นักเรียนมวี ธิ ีขี่จกั รยานใหป ลอดภยั กับพนักงานขับรถก่อนท่ีจะถึงป้าย แล้วไปยืนคอยบริเวณใกล้ๆ ไดอ ยา งไร กับประตูรถ (แนวตอบ ควรขี่จักรยานใหคลอ งกอ นขี่ ออกมานอกถนน ควรสวมหมวกนริ ภยั ขณะขี่ และควรมคี วามรูเร่อื งกฎจราจร กอ นขจ่ี กั รยานออกนอกถนน) • ถา เพื่อนชวนไปเลน ริมแมนํ้า แตนักเรยี น วา ยนํา้ ไมเปน นกั เรยี นควรไปหรอื ไมไ ป เพราะอะไร (แนวตอบ ไมควรไป เพราะอาจเกดิ อุบตั เิ หตุ ลน่ื ตกนํ้าได) 2. ใหน กั เรียนรวมกนั สรุปวธิ ีปองกนั อบุ ัตเิ หตุ ทางบกและทางนํ้า ขณะรอขน้ึ รถโดยสารประจําทาง ควรเขา้ แถวใหเ้ ปนระเบยี บ 57 ขอ สอบเนนการคดิ นกั เรยี นควรรู หากรถประจําทางยังไมจ อดสนทิ นกั เรยี นควรรบี ข้ึนรถหรอื ไม เพราะเหตุใด 1 รถไฟฟา ขอปฏบิ ัติในการรอรถไฟฟา มีดงั นี้ ก. ควร เพราะจะไดม ีทน่ี ่ัง • ยนื เขาแถวรอขบวนรถและวางสัมภาระหลังเสนเหลอื ง ข. ควร เพราะรสู ึกเทเม่ือไดข ึ้นรถเปนคนแรก • ควรดแู ลเด็กเล็กขณะยืนรอ และเขา - ออกขบวนรถ ค. ไมค วร เพราะจะถูกเบยี ดใหไ ปยืนดา นใน • หลกี ทางใหผูโ ดยสารในขบวนรถออกกอ นเสมอ ง. ไมค วร เพราะอาจเกดิ อบุ ัตเิ หตุได • ระวงั ชอ งวางระหวา งพน้ื ชานชาลากบั ขบวนรถ วิเคราะหค าํ ตอบ ไมควรรีบขน้ึ - ลง ในขณะท่รี ถยงั จอดไมสนิท เพราะอาจ • เมือ่ ไดย ินเสยี งสญั ญาณปดประตู ควรหยุดเพื่อรอรถไฟฟาขบวนถัดไป • เม่อื สงิ่ ของตกลงในราง โปรดแจง พนกั งานทนั ที หา มลงไปเกบ็ เอง ทาํ ใหเ ราเสยี หลกั หกลม และบาดเจบ็ ได ดงั น้นั ขอ ง. เปน คาํ ตอบทีถ่ กู • หา มวิ่ง เลน ผลกั หรือหยอกลอ กนั บริเวณชานชาลา • หา มลงรางโดยเดด็ ขาด เพราะจะไดรบั อันตรายจากขบวนรถและ ไฟฟาแรงสูง • หา มเขาไปในเขตหวงหา มบริเวณปลายชานชาลา คมู ือครู 57
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนักเรยี นทํากจิ กรรม ชวนคิด ชวนทาํ ขณะขจี่ ักรยาน ขอ 1 โดยใหน กั เรยี นอา นพฤตกิ รรมทกี่ าํ หนดให ๑) ตรวจสอบสภาพรถจักรยานให้อยู่ในสภาพดีทุกคร้ัง แลว รวมกันบอกวา พฤตกิ รรมใดบางท่อี าจ ก อ่ น น�าม๒า) ขส่ี วมหมวกนิรภยั 1ขณะขรี่ ถจกั รยานบนถนนทกุ ครงั้ ทําใหเกิดอุบตั เิ หตุ จากนัน้ ใหนักเรียนรว มกนั ๓) ขี่จักรยานในช่องทางจักรยานท่ีก�าหนดไว้ หรือข่ีชิด ปรับปรงุ แกไขพฤติกรรมใหถ ูกตอง ช่องทางเดินรถประจ�าทาง หรอื ชิดขอบทางซ้ายของทางเดนิ รถ ๔) ปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรเม่ือจะเล้ียวหรือหยดุ รถ โดยให้ 2. ครเู ขียนแผนผงั กางปลาแสดงวธิ ปี อ งกัน สัญญาณมอื ดังน้ี อุบัตเิ หตุลงบนกระดาน แลว ใหนกั เรยี นรวมกัน ออกมาเตมิ ขอ มลู โดยใหเ พ่ือนและครูรว มกัน เลีย้ วขวา เลยี้ วซ้าย หยุดรถ ตรวจสอบความถูกตอง 3. ใหน ักเรยี นรวมกนั สรุปใหไ ดวา “ชีวิตจะปลอดภัย ถาเราไมป ระมาท” 4. ใหน ักเรยี นรว มกันสรปุ วา เม่อื ประสบอบุ ตั ิเหตุ ควรขอความชว ยเหลือจากผูอนื่ ที่ไวว างใจได หรือหนว ยงานท่ีใหความชวยเหลอื โดยให นักเรยี นสืบคนชอื่ และเบอรโ ทรศพั ทของ ผูชว ยเหลือหรอื หนว ยงานท่ีใหความชวยเหลอื แลวจดบันทกึ และนําติดตวั ไวต ลอดเวลา เพอ่ื วาจะไดข อความชวยเหลือไดทันที ๕) ขณะข่ีจักรยานออกจากซอยหรือก�าลังจะขี่จักรยาน ขา้ มถนน ควรหยุดรถหรอื ชะลอรถ แลว้ มองขวา มองซ้าย และ มองขวาอีกคร้งั เม่ือเหน็ ว่าปลอดภยั แล้วจงึ ขีต่ อ่ ไป ๖) ขณะข่ีจักรยานในเวลากลางคืนต้องเปิดโคมไฟหน้า รถและโคมไฟติดท้ายรถจักรยาน ถ้าไม่มีให้ติดวัตถุสะท้อนแสง สีแดงทีต่ วั รถจักรยานแทน ขณะซอ้ นท้ายรถจักรยานยนต์ 58 วผาซงู้ เอ้ ทน้าทบา้นยทรี่วถาจงกั เรทยา้ านแยลนะไตม์ ค่คววรรแซตอ้ ง่ นกกายันรเดักกนิ มุ ๑สวคมนห2มวก นริ ภัย นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด ขอ ใดเปน ขอปฏิบตั ิตนในการขามถนนตรงทางมาลาย 1 หมวกนิรภยั (หมวกกนั น็อก) มปี ระโยชนช วยลดความเสยี่ งของการบาดเจบ็ ก. รีบวง่ิ ขา มใหเ ร็วท่ีสุด ที่สมองและศีรษะอยางรนุ แรง การสวมหมวกนิรภยั หรอื หมวกกนั น็อก มีวธิ ีปฏบิ ัติ ข. มองใหแนใจวา รถหยดุ จึงขา ม ที่ถูกตอ ง ดงั นี้ ค. ลงมายืนรอขา มตรงถนนท่มี ีทางมา ลาย ง. ขา มขณะสญั ญาณไฟรูปคนขามเปนสแี ดง • สวมตรงๆ บนศรี ษะ ไมใ หเอียงไปดา นใดดานหนงึ่ วเิ คราะหคาํ ตอบ การขามถนนตรงทางมาลาย ควรมองขวา มองซาย • รดั สายรัดคางอยา งพอดีโดยไมห ลวมหรือแนนเกนิ ไป และมองขวาอกี คร้งั ใหแนใจกอ นวา รถหยดุ แลว จึงคอยเดินขา ม จึงจะ 2 ไมควรซอนกนั เกนิ 1 คน การซอนทา ยรถจกั รยานยนตเกิน 1 คน ปลอดภยั ดงั นั้น ขอ ข. เปนคําตอบท่ีถกู หรือที่เรียกวา “การซอ นสาม” อาจทําใหเกดิ อนั ตรายได เชน พลัดตกจากรถ ไดรบั บาดเจบ็ หรืออาจทาํ ใหรถบรรทกุ นาํ้ หนักมากเกนิ ไปจนไมส ามารถควบคุม รถได เปนตน 58 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๓ อบุ ัติเหตทุ างน�้า 1. ใหน กั เรียนแบงกลมุ จากนนั้ แสดงบทบาท สมมตุ ิเก่ยี วกับการเดินทางใหปลอดภยั อุบัติเหตทุ างน้า� มหี ลายอย่าง เชน่ ตกน้�า เรอื ล่ม เปน็ ต้น โดยใหกําหนดสถานการณเอง แลวออกมา ๑. สาเหตุของอุบัตเิ หตทุ างนา�้ แสดงท่ีหนาช้นั อุบัติเหตทุ างนา้� เกิดขึ้นไดจ้ ากหลายสาเหตุ ดังน้ี ๑) เรือหรอื โป๊ะรวั่ หรือช�ารดุ 2. ใหน กั เรียนวาดแผนผังแสดงเสนทางการ ๒) ไมม่ ที กั ษะในการว่ายนา้� เดนิ ทางมาโรงเรยี น แลว เขียนอธิบายการ ๓) ความประมาทของผขู้ บั เรอื เชน่ ขบั เรอื ขณะเมา เปน็ ตน้ เดนิ ทางมาโรงเรียนตามเสนทางใหปลอดภัย ๔) ความประมาทของผูโ้ ดยสาร เชน่ แย่งกันขึน้ หรอื ลงเรอื นัง่ หรอื ยืนบรเิ วณกราบเรอื เลน่ กนั บนเรอื เปน็ ต้น 3. ใหน ักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 4.1 จาก ๕) เรือหรือโป๊ะมีการบรรทุกคนหรือส่ิงของเกินน�้าหนักท่ี แบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 โดยอานสถานการณ กา� หนด ทก่ี าํ หนดให แลวเขียนวธิ ปี อ งกนั อบุ ัติเหตุ ๖) สภาพแวดลอ้ มไม่อา� นวย เช่น ฝนตก มพี าย ุ มีเกาะแก่ง มโี ขดหินใตน้ �้า กระแสน้�าไหลแรง เป็นต้น ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๒. การปอ้ งกนั ตวั เองจากอุบตั ิเหตุทางนา�้ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.1 เราสามารถปอ้ งกันอบุ ัตเิ หตุทางน้�าได ้ ดังน้ี แบบประเมนิ ตวั ช้ว� ดั พ 5.1 ป.2/1 ๑) หดั ว่ายน�้า ลอยตัวในน�า้ ใหช้ า� นาญ ๒) ไม่ควรเล่นใกล้แม่น�้าล�าคลอง และถ้าจะเล่นน้�าต้องมี แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตัวชว้ี ดั ประจําหนว ยที่ ๔ บทท่ี ๑ ผ้ใู หญ่ดแู ล ๓) ขณะรอลงเรือควรรอท่ฝี งั่ หรือบนท่า กิจกรรมรวบยอดที่ ๔.๑ ๔) ควรรอใหเ้ รอื จอดเทยี บทา่ ใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ นขน้ึ หรอื ลงเรอื ๕) เมอ่ื ลงเรอื แล้วควรเดนิ เข้าไปในตวั เรือ นั่งในทที่ ่จี ัดไวใ้ ห ้ แบบประเมินตวั ชว้ี ดั พ ๕.๑ ป.๒/๑ ไม่ควรนง่ั ทก่ี ราบเรือ • ปฏบิ ตั ิตนในการปอ งกนั อบุ ตั ิเหตุทอ่ี าจเกิดขน้ึ ทางนาํ้ และทางบก ๖) ถ้าต้องโดยสารเรอื ตอ้ งสวมเสอ้ื ชชู ีพทกุ ครัง้ ชุดท่ี ๑ ๑๐ คะแนน 59 อานสถานการณท กี่ ําหนดให แลว เขียนวิธปี ฏบิ ัติตนทเ่ี หมาะสมเพอื่ ปองกนั อบุ ัตเิ หตุ ๑) พ่ีแพรชวนพิมน่ังเรอื ไปเที่ยวเกาะเกร็ด แตพมิ วายนํา้ ไมเ ปน พมิ ควรทําอยา งไร • ปฏเิ สธคาํ ชักชวน....................................................................................................................................... • ตอบรบั แลว ขณะโดยสารเรอื พมิ ควรสวมเสอื้ ชชู ีพ............................................................................................................................................................................................ เฉฉบลับย ๒) ตนขี่จักรยานเลนกับเพื่อนๆ แลวตอยก็ไดแสดงการขี่จักรยาน ปลอยมือใหเพื่อนๆ ดู พรอมกับทาทายใหเพ่ือนๆ ทําตามเขา ตน ควรทําอยางไร ตน ไมควรทาํ ตามแบบตอ ย แตควรขจี่ กั รยาน........................................................................................................................................ โดยจบั คันบงั คบั ดวยมือทัง้ สองขา ง............................................................................................................................................................................................ ๓) หนอยกําลังยืนรอรถไฟฟาอยูที่ชานชาลา แลวหนอยก็เผลอ ทํากระเปาเงินตกไปท่รี างรถไฟฟา หนอยควรทาํ อยางไร หนอ ยไมค วรลงไปเกบ็ กระเปา เงนิ ดว ยตนเอง แตค วรบอกเจา หนา ท่ี............................................................................................................................................................................................ ใหเกบ็ กระเปา เงินให............................................................................................................................................................................................ ๔) วันนี้รถโดยสารประจําทางแนนมาก จนแทบไมมีท่ีวางดานใน เหลือแตที่วางบริเวณบันได ปอมซึ่งรีบจะไปโรงเรียน ควรทํา อยา งไร • ปอมควรยนื รอรถคันตอ ไปแทน..................................................................................................................................................................... • อาจเบียดคนขึน้ ไปยืนอยดู า นในรถ............................................................................................................................................................................................ ๔๖ ขอ สอบเนนการคดิ เกรด็ แนะครู สริ ตี อ งโดยสารเรอื ไปโรงเรยี นทุกวนั แตสิรีไมย อมสวมเส้ือชูชพี เพราะรสู กึ ครูย้าํ ใหน กั เรียนเขา ใจวา ขณะยนื รอเรือไมควรรอท่ีโปะ เรอื เพราะโปะเรอื อึดอัด หากนกั เรียนเปน เพอ่ื นกับสิรี นักเรยี นควรบอกสิรอี ยา งไรเพื่อปอ งกนั รบั นํา้ หนกั ไดจ ํากดั ถา มคี นไปยืนรอที่โปะ เปน จาํ นวนมาก อาจทําใหโปะ ลม ได ตนเองจากอุบัตเิ หตทุ างน้าํ ก. เปล่ียนไปโดยสารรถประจําทางดกี วา บเศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง ข. ไมต อ งสวมหรอก เพราะเรือคงไมล ม ค. สวมเส้อื ชชู ีพดกี วา นะเพื่อความปลอดภยั นกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน แตละกลุมรว มกนั คดิ การทําเสื้อชูชีพจาก ง. ไปน่งั ขา งคนขับเรอื ดีกวา จะไดปลอดภยั วสั ดุรอบตวั แลว ประดษิ ฐต ัวอยางเส้อื ชชู ีพ และออกมานําเสนอหนา ช้นั เรยี น วเิ คราะหค ําตอบ ถาหากตอ งโดยสารเรอื เปนประจําหรือเปนระยะทางไกลๆ ผโู ดยสารควรสวมเสือ้ ชชู ีพทกุ คร้งั เพอ่ื ความปลอดภยั เพราะอบุ ตั เิ หตสุ ามารถ เกดิ ขึ้นไดโ ดยทเี่ ราไมคาดคดิ ดังนนั้ ขอ ค. เปน คําตอบทถ่ี ูก คูมือครู 59
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสอบความถกู ตอ งของการแสดงบทบาท ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ สมมุติของนกั เรยี นในการปอ งกันอุบัตเิ หตุ ทางบกและทางนาํ้ ตอนที ่ ๑ ค�าถามชวนคดิ เขียนตอบคา� ถามต่อไปนี้ลงในสมดุ 2. ครูตรวจสอบการอธบิ ายการปฏบิ ตั ติ นในการ ๑) นกั เรยี นรสู้ ึกอยา่ งไรเมือ่ ทราบขา่ วอบุ ตั เิ หตใุ นชวี ิตประจา� วนั เดินทางใหป ลอดภัย ๒) ถา้ เปน็ นักเรยี น นักเรยี นจะป้องกนั ไม่ให้เกดิ อุบัตเิ หตุนนั้ อยา่ งไร ๓) น กั เรียนขา้ มถนนอย่างไร และปฏิบตั ิตามวธิ กี ารขา้ มถนนท้งั ๔ ขัน้ ตอน 3. ครูตรวจความถกู ตอ งของการทํากจิ กรรม รวบยอดท่ี 4.1 จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 หรือไม ่ เพราะอะไร หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนท�า ๑. บอกวา่ พฤติกรรมในขอ้ ใดทอ่ี าจก่อให้เกิดอบุ ตั ิเหตุ 1. แบบประเมนิ ผลการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๑) ขา้ มถนนตรงทางม้าลาย 2. ผลงานการเขียนอธิบายการเดินทางใหปลอดภยั ๒) ยืนเกาะราวบันไดของรถโดยสาร 3. กิจกรรมรวบยอดท่ี 4.1 จากแบบวดั ฯ ๓) ว่งิ เล่นกับเพอื่ นขณะเดนิ ทางตามถนน ๔) ขจี่ ักรยานกลางถนน สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ๕) วิ่งแซงเพือ่ นขณะก�าลงั ลงเรือ ๒. เขียนแผนภูมกิ ้างปลาแสดงวธิ ปี อ้ งกนั อุบัตเิ หตุทางบกและทางน�้า โดยท�า ลงในสมุด ทาขงสา้ มมว้ามถลนเาสนย้ือตชรชูง(พี ตัวอยางแผนภมู ิกางปลา) วธิ ปี อ้ งกัน อบุ ตั ิเหตุ ตอนท ี่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ แบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔ - ๕ คน แล้วให้แตล่ ะกลุม่ แสดงบทบาทสมมติเกีย่ วกับการ ป้องกันอุบัตเิ หตมุ ากลุ่มละ ๑ เหตกุ ารณ์ 60 เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู สวมเสื้อชูชีพ ไมแกลง กันขณะเดินตามถนน ขน้ึ และลงรถอยา งเปนระเบยี บ ตอนที่ 1 คําถามชวนคิด ขามถนนตรงทางมา ลาย ปฏิบตั ิตามกฎจราจร ข้นึ และลงเรอื อยางเปนระเบียบ แนวตอบ 1) - 3 คาํ ตอบขนึ้ อยกู ับนกั เรยี นแตล ะคน ตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทํา 1. ตอบ 2), 3), 4), 5) 2. แนวตอบ วธิ ปี องกัน อบุ ตั ิเหตุ 60 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate òบทที่ เปาหมายการเรียนรู สญั ลกั ษณ สาระส�าคญั • ปฏิบัตติ นตามสญั ลกั ษณแ ละปายเตอื น และปายเตือน เราควรระมัดระวังตัวในการป้องกันอุบัติเหตุ ของสง่ิ ของหรอื สถานทีท่ เ่ี ปน อนั ตราย โดยปฏิบัติตามกฎระเบยี บ และคา� เตือนต่างๆ (พ 5.1 ป.2/4) ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ท่ีอยู่ในรูปของสัญลกั ษณ์และปา้ ยเตือน สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต คุณลกั ษณะอันพึงประสงค AUTHORIZED PERSONNEL 1. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ ONLY 2. ใฝเ รยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage WรCEะAวTงัUFพTLื้นIOOลONื่นR สวมHหEMมAUวDSกTนPิรRBภOEยั TปWEอ้ COงTกRIนัNOศNรี ษะ 1. ครูใหน ักเรยี นดภู าพสัญลกั ษณใ นหนังสอื เรยี น หนา 61 จากนน้ั ใหนักเรยี นบอกวานักเรยี น ห้ามจดุ ไฟ ? ระวงั เลเซอร์ รูจกั สัญลักษณเ หลา น้ีหรือไม ถา รจู ัก NO FIRE IGNITION สญั ลักษณเหลาน้หี มายถงึ อะไร ¨Ò¡ÀÒ¾น¡ั เรÕÂนร¨ŒÙ ั¡ÊัÞÅ¡ั ษ³ã´บŒÒ§ áÅÐเมอè× ¾บÊÞั Åั¡ษ³เ ËÅ่ÒนéÕ 2. ใหน ักเรียนสงั เกตวา สญั ลักษณเ หลา นีม้ ีสี ¹¡Ñ àÃÕ¹»¯ºÔ ѵÔÍ‹ҧäà แตกตางกนั แลว ครูใหนกั เรียนคาดเดาวา การมีสแี ตกตางกันมผี ลตอ ความรูสกึ ของ 61 ผูพบเห็นอยางไร เกรด็ แนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรียนปฏิบัติ ดงั น้ี • สืบคนสัญลักษณแ ละปายเตือน • อธิบายสญั ลักษณและปา ยเตือน • ปฏบิ ัติตามสญั ลักษณและปายเตือน จนเกิดความรูความเขา ใจวา สญั ลักษณห รือปายเตอื นอนั ตรายเปน สิ่งทบ่ี อก เราวามอี นั ตราย จึงควรปฏิบัติตามสัญลักษณหรือปา ยเตอื นเหลานนั้ เพ่ือความ ปลอดภยั คมู อื ครู 61
กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore 1. ครูนาํ ตัวอยา งภาพสัญลกั ษณ หรือปา ยเตอื น สญั ลกั ษณและปา ยเตือน อนั ตรายท่พี บเหน็ ในชวี ิตประจาํ วันมาแสดงให สญั ลกั ษณแ์ ละปา้ ยเตอื น มไี วส้ า� หรบั แจง้ ใหท้ ราบถงึ อนั ตราย นักเรียนดู แลวใหน กั เรียนคาดเดาวาปายเตอื น และวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมในพ้ืนที่ท่ีเส่ียงอันตราย หรือต้องใช้ หรือสญั ลกั ษณน ี้หมายถงึ อะไร และพบเห็นได ความระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ หรอื ใหป้ ฏบิ ัตติ าม ซึ่งมีความหมาย ดงั น้ี ท่ใี ด สีเพ่อื ความปลอดภัย ความหมาย ตวั อยา่ งการใช้งาน 2. ใหนกั เรียนแบงกลุม จากนนั้ ใหแ ตละกลุม สบื คนสญั ลกั ษณหรือปา ยเตอื นอนั ตรายจาก สงิ่ ทีอ่ ยรู อบตวั และหาความหมาย แลวออกมานําเสนอท่หี นาช้ัน อธบิ ายความรู Explain หยุด เครื่องหมายหยดุ เครอ่ื งหมายอุปกรณห์ ยุดฉุกเฉนิ 1. ใหน กั เรียนรว มกนั สรุปวา สัญลกั ษณหรือปาย เครื่องหมายหา้ ม เตอื นอนั ตรายจะสามารถพบในทีต่ างๆ เชน บนถนน หนาบาน บนตกึ หรอื อาคารสงู มีอรนั ะตวรังาย ชบี้ ่งวา่ มอี ันตราย (เชน่ ไฟ วัตถุระเบิด บนฉลากของภาชนะบรรจสุ นิ คาตางๆ เปน ตน วัตถมุ พี ิษ) เพอ่ื ใหคนไดระมัดระวงั และปฏบิ ัตติ ามคําเตือน ช้บี ง่ ถงึ เขตอนั ตราย ทางผ่านทมี่ อี ันตราย ขอ ความนัน้ ซ่ึงจะทําใหเ กดิ ความปลอดภยั เครอ่ื งกีดขวาง เครือ่ งหมายเตือน 2. ใหน กั เรียนดูสที ่ปี รากฏบนสัญลกั ษณห รอื ตบ้องังคปับฏใิบหัต้ ิ บังคบั ให้ตอ้ งสวมเครอื่ งป้องกนั อันตราย ปา ยเตอื นแลว อธิบายเพิ่มเตมิ วา สีท่ใี ชใน ส่วนบคุ คล สัญลักษณห รอื ปา ยเตือนก็มคี วามหมาย เชน สัญลักษณหรือปา ยเตอื นทอี่ นั ตรายหรอื แปสลดองดภภาวัยะ ทางหนไี ฟ หามกระทาํ มักจะมสี ีแดง สว นสัญลักษณหรอื ทางออกฉกุ เฉิน ปายเตือนทใ่ี หร ะมดั ระวงั จะมีสเี หลอื ง เปนตน หน่วยปฐมพยาบาล หน่วยก้ภู ัย 3. ใหน กั เรยี นทํากิจกรรม ชวนคดิ ชวนทํา ฝกั บวั ชา� ระล้างฉุกเฉิน หนา 64 โดยจบั คูภาพใหตรงกับขอ ความและ บอกความหมายของสัญลักษณและปา ยเตอื น ÊáÕ ´§ : ËÂØ´ร¶ ÊÕเËÅอ× §อÒí ¾ัน : เµรÂÕ มãËËŒ 嫯 ร¶ ÊÕเขÂÕ Ç : อนÞØ ÒµãËรŒ ¶ขบั ¼Ò่ นไปไ´Œ 62 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนนการคดิ ใครปฏบิ ัติตนไดถูกตองเม่ือพบปา ย ครอู าจเตรยี มสญั ลักษณห รอื ปา ยเตอื นทพี่ บในภาชนะบรรจุสง่ิ ของมาใหนักเรียน ก. มดเตรียมน้าํ ไวดบั ไฟ ดเู พม่ิ เตมิ เชน ข. ฝา ยไมเขาใกลบริเวณนนั้ ค. ตมั้ ไมขุดเจาะถนนบรเิ วณน้นั หมายถึง วัตถไุ วไฟ ง. หนอยสวมหมวกนิรภัยขณะผา นบรเิ วณนนั้ วเิ คราะหค ําตอบ ปา ยสัญลกั ษณน้ี หมายถึง บรเิ วณนัน้ มีกระแสไฟฟา หมายถงึ เปนอันตรายตอ สิง่ แวดลอมทางนํ้าเฉยี บพลัน แรงสูง ดังน้นั ถาพบเหน็ ปายน้ี จงึ ไมค วรเขาไปใกลบรเิ วณนัน้ เพราะอาจ ถกู ไฟดูดได ดังน้ัน ขอ ข. เปน คาํ ตอบทีถ่ ูก หมายถึง กัดกรอ นหรือระคายเคอื งตอ ผิวหนัง 62 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ตวั อย่าง สญั ลกั ษณ์และปา้ ยเตือนอนั ตราย 1. ใหน ักเรียนแบง กลมุ ใหแตละกลมุ รวบรวม สญั ลักษณห รือปายเตือนที่พบเหน็ ใน สญั ลกั ษณ ์/ ปา้ ยเตอื น ความหมาย ตัวอยา่ งการใช้งาน ชวี ิตประจาํ วัน จากนน้ั นาํ มาตดิ ในกระดาษ พรอ มทงั้ เขยี นอธบิ ายความหมาย แลวจดั บรเิ วณนนั้ มี มกั จะพบบริเวณโรงไฟฟ้า เสาไฟฟา้ รวบรวมทําเปน สมดุ ภาพ และนําสง ครู กระแสไฟฟา้ แรงสงู แรงสูง เราไมค่ วรเข้าไปใกลบ้ รเิ วณนน้ั ปลอดภยั ไว้ก่อน มักจะพบบริเวณสถานทีต่ า่ งๆ เช่น 2. ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.2 จาก โรงงาน โรงพยาบาล เป็นตน้ แบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยดูภาพและ ระวงั วัตถุไวไฟ มกั จะพบบรเิ วณที่มีวัตถุไวไฟ เชน่ อธิบายความหมายและวิธีปฏบิ ตั ติ นตามภาพ นา้� มนั ถังแกส๊ พล ุ เราไมค่ วรทา� ให้ เกดิ ประกายไฟในบริเวณนี้ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สุขศึกษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 4.2 แบบประเมนิ ตัวช้ว� ัด พ 5.1 ป.2/4 วตั ถุอนั ตราย มักจะพบในภาชนะทีบ่ รรจสุ ารเคมี แบบประเมนิ ผลการเรยี นรูตามตวั ชว้ี ดั ประจําหนว ยท่ี ๔ บทที่ ๒ ที่เป็นอนั ตรายต่อผูใ้ ช้ กจิ กรรมรวบยอดที่ ๔.๒ ระวังอันตราย มกั จะพบบริเวณทีม่ ีการกอ่ สรา้ ง แบบประเมนิ ตวั ช้วี ัด พ ๕.๑ ป.๒/๔ หา้ มสบู บหุ ร่ี 1 หรอื เปน็ สถานท่ีอันตราย • ปฏิบตั ติ นตามสญั ลักษณและปายเตอื นของสง่ิ ของหรอื สถานที่ท่เี ปน อันตราย มกั จะพบบนรถโดยสารประจา� ทาง โรงพยาบาล อาคารต่างๆ ปมั น�า้ มัน ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน อธบิ ายความหมายของภาพ แลว บอกวธิ ปี ฏบิ ตั ติ นทถ่ี กู ตอ งเมอ่ื พบสญั ลกั ษณห รอื ปา ยเตอื นตามภาพ ทางหนีไฟ มกั จะพบในอาคารท่ีสงู เพอื่ ให้ผ้อู าศยั ใชเ้ ป็นทางหลบหนีขณะเกดิ ไฟไหม้ ๑) ความหมาย ระวังลนื่............................................................................................... วิธปี ฏิบัติตน..ค.....ว..ร....เ..ด....นิ.....อ...ย....า...ง...ร....ะ..ม....ัด....ร....ะ..ว...งั....ใ..น.....บ....ร....เิ..ว...ณ.....น....ี้ ระวังสุนขั ดุ มกั จะพบตามบา้ น ไมค่ วรเขา้ ไปใกล้ หรอื เขา้ ไปแหยส่ นุ ขั เพราะอาจถกู กดั ได้ .แ...ล....ะ...ไ..ม....ค....ว...ร....ว...่ิง......เ..พ....ร....า...ะ..พ.....ื้น....เ..ป....ย....ก....อ....า..จ....ท....ํา...ใ...ห....ล....่ืน.....ล....ม ...ไ...ด........... ระวังสะดดุ มักจะพบตามสถานที่ท่ีมีพื้นไม่เท่ากัน เฉฉบลับย การจดั ระดับ เช่น ข้ันบันได ลกู ระนาด เปน็ ตน้ ความเหมาะสมของ สญั ลกั ษณ์การจดั ระดับความเหมาะสม ๒) ความหมาย หามสบู บุหร่ี............................................................................................... รายการโทรทศั น์ ของรายการโทรทศั นจ์ ะม ี ๖ สญั ลกั ษณ ์ วธิ ีปฏิบตั ิตน..ไ...ม...ค. ....ว...ร...ส....บ.ู ....บ....หุ....ร....ใ่ี..น.....พ....นื้.....ท....ห่ี....ร....อื...บ.....ร...เิ..ว...ณ.....น....ี้ สญั ลกั ษณท์ ย่ี กตวั อยา่ งมาน ี้ เหมาะกบั ผชู้ มท่มี ีอายมุ ากกวา่ ๑๓ ปขนึ้ ไป ผทู้ ี่ ................................................................................................................................. มีอายุน้อยกว่าควรได้รับค�าแนะน�าจาก ผู้ใหญ่ ๓) ความหมาย ระวงั สุนัขดุ............................................................................................... วิธีปฏิบตั ติ น..ไ...ม....ค....ว...ร...เ..ข...า...ใ...ก....ล....ส....ุน.....ัข...ต....วั...น.....้ี ...ห....ร...ือ....แ...ห....ย.......... 63 .ส....ุน.....ัข...ใ..ห.....โ..ก....ร....ธ......เ..พ....ร....า...ะ..อ....า...จ....ถ...กู.....ก....ัด....ไ..ด..... ............................................ ๔) ความหมาย ระวงั วัตถไุ วไฟ............................................................................................... วธิ ีปฏิบตั ิตน..ไ...ม....ค ....ว...ร...ท.....ํา..ใ...ห....เ..ก....ดิ....ป....ร....ะ..ก.....า..ย....ไ...ฟ.......................... ในบริเวณน้ี................................................................................................................................. ๔๙ กิจกรรมทาทาย นักเรยี นควรรู ใหนกั เรยี นเลอื กสัญลกั ษณห รอื ปายเตือนอันตรายมา 5 ชนิด จากนั้น 1 หา มสบู บหุ ร่ี สถานทบี่ างแหงกําหนดไวเปน พนื้ ทีห่ ามสูบบุหร่ี เชน คิดสรา งสถานการณท ่ีเกย่ี วของกับสัญลักษณห รือปายเตือนนัน้ แลวออกมา • บนรถโดยสารประจาํ ทาง ในโรงพยาบาล เพราะเปน การละเมดิ สิทธขิ อง แสดงบทบาทสมมุติทห่ี นา ชัน้ ผอู นื่ เพราะควันบหุ รี่ นอกจากมกี ล่ินเหมน็ แลวยงั มีอันตรายตอสขุ ภาพของผูสดู ดม • บริเวณปมน้าํ มัน เพราะเปนวัตถไุ วไฟ ซง่ึ อาจทําใหเกิดเหตเุ พลงิ ไหมหรือ เกิดการระเบดิ ได คมู ือครู 63
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของสมุดภาพ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ สัญลกั ษณห รือปา ยเตอื น ตอนที่ ๑ คาํ ถามชวนคดิ 2. ครูตรวจสอบการอธบิ ายความหมายและวิธีการ เขียนตอบคาํ ถามตอไปน้ีลงในสมุด ปฏบิ ัติตนใหปลอดภยั จากกิจกรรมรวบยอดท่ี 4.2 จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 ๑) นกั เรยี นรูสกึ อยางไรเม่อื เหน็ สญั ลักษณ หรือปา ยเตอื นอนั ตรายตา งๆ ๒) ถานกั เรียนพบสญั ลักษณห รอื ปายเตอื น ควรปฏิบัตอิ ยางไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓) เม่อื พบเห็นสัญลกั ษณหรือปายเตือนที่ไมร ูจกั ควรทาํ อยา งไร 1. สมดุ ภาพสัญลักษณหรือปายเตือน ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทํา 2. กจิ กรรมรวบยอดที่ 4.2 จากแบบวัดฯ สขุ ศึกษาฯ ป.2 ๑. จับคภู าพกับขอความทีส่ มั พันธกนั แลวเขียนลงในสมุด (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) ก. ระวงั ตกหลมุ /บอ ข. ฝกบัวชําระลา งฉกุ เฉิน ค. ระวงั สะดุด ง. หามเขากอ นไดรบั อนุญาต จ. ระวังมีการยกของหนกั เหนือศรี ษะ ๒. บอกความหมายของปา ยหรือสัญลักษณทก่ี าํ หนดให และการปฏิบัตติ น สวมHหEMมAUวDSกTนPริRBภOEยั TปWEอ COงTกRIนัNOศNีรษะ ตอนที่ ๓ ผลงานสรา งสรรค หาภาพสัญลักษณหรือปายเตือนอันตรายมา ๑ ชนิด ติดบนกระดาษและเขียน อธบิ ายความหมาย แลวนํามารวบรวมจดั ทาํ เปนสมดุ สัญลักษณแ ละปายเตอื น ๖๔ เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ขอสอบเนนการคดิ ตอนที่ 1 คําถามชวนคิด ตน กาํ ลังรบี วิ่งไปพบเพ่ือน แตเมื่อเหน็ ปา ยเตอื นบนพนื้ อันหน่ึง เขาก็หยดุ วง่ิ แลว เดินอยา งระมัดระวงั ตน เหน็ ปา ยเตอื นในขอใด แนวตอบ ก. ข. 1) คําตอบขึ้นอยกู ับนักเรยี นแตละคน 2) ปฏิบัตติ ามสัญลักษณและปายเตือนเหลาน้นั ค. ง. 3) ศกึ ษาขอมลู จากผทู ่ีอยูบรเิ วณน้นั หรือสงั เกตสภาพแวดลอ มบริเวณนน้ั วเิ คราะหคาํ ตอบ ก. เปน ปา ยเตอื นวัตถุอันตราย ข. เปน ปา ยเตอื นระวังวัตถุไวไฟ วาเสย่ี งตอ การเกิดอนั ตรายหรือไม ถาดแู ลววา ไมปลอดภยั ควรออกจาก ค. เปน ปา ยหา มสูบบหุ ร่ี บริเวณนัน้ ง. เปน ปายระวังลื่น ซึง่ ตน เห็นปายเตือนแลว เดินอยางระมดั ระวงั นา จะเปน ตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทาํ 1. ตอบ ภาพที่ 1 - ค การเตือนวา พ้ืนลืน่ ดงั นัน้ ขอ ง. เปน คําตอบที่ถูก ภาพที่ 2 - ข ภาพท่ี 3 - ก ภาพที่ 4 - จ ภาพที่ 5 - ง 2. ตอบ ภาพท่ี 1 หา มสูบบุหร่ี ภาพที่ 2 ใหส วมหมวกนริ ภยั ปอ งกนั ศรี ษะทกุ ครงั้ เมอื่ เขา ใกลบ รเิ วณทกี่ าํ หนด ภาพท่ี 3 ใหร ะวังศีรษะหรอื รางกาย เพราะอาจมวี สั ดุตกมาจากดา นบน 64 คูมอื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate óบทที่ เปา หมายการเรยี นรู สาระสา� คัญ • อธิบายเหตผุ ล อนั ตราย วธิ ปี องกนั อคั คภี ัย อัคคีภัยเป็นภยั ทีเ่ กิดจากไฟ ซงึ่ ทา� ใหเ้ กิด และแสดงการหนีไฟ (พ 5.1 ป.2/5) ความเสียหายมากมายมหาศาล ดังนน้ั เราจงึ อัคคีภยั ควรรวู้ ิธีปอ้ งกันและวธิ ีหนไี ฟ สมรรถนะของผเู รียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกปญ หา คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค 1. มีวินัย รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรยี นรู 3. อยูอ ยางพอเพยี ง กระตนุ ความสนใจ Engage ? 1. ครใู หอ าสาสมัครลองตะโกนวา “ไฟไหม” โดย ไมใ หเ พือ่ นในหอ งรตู ัว แลว ครสู ังเกต ¨Ò¡Ê¶Òน¡Òร³ã นÀÒ¾ น¡ั เรÕÂนคÔ´ÇÒ่ พฤตกิ รรมของนักเรียน โดยขณะทน่ี ักเรียน ¨Ð¡่อãËเŒ ¡´Ô คÇÒมเÊÂÕ ËÒÂã´บÒŒ § ตะโกน ใหค รปู ดประตหู องเรียนเพ่อื ปอ งกนั ไมใหห องขางเคยี งไดยินและตกใจ 65 2. ครเู ฉลยวา ส่งิ ทเี่ พอ่ื นตะโกนเปนการจาํ ลอง สถานการณวาถา เกิดเหตไุ ฟไหม นักเรียน จะทาํ อยา งไร จากน้นั ครสู นทนากับนกั เรยี น วา นักเรียนรูสกึ อยา งไร เม่อื ไดย ินวาเกิดเหตุ ไฟไหม และถาเกดิ เหตุไฟไหมจ รงิ ๆ นักเรียน จะทาํ อยา งไร เกรด็ แนะครู ครจู ัดกระบวนการเรียนรูโ ดยการใหน กั เรยี นปฏิบัติ ดังน้ี • สืบคนสาเหตขุ องอคั คภี ยั • อธบิ ายอันตรายและวิธีปอ งกนั อัคคภี ยั • ปฏบิ ัติตนในการหนไี ฟ จนเกดิ ความรคู วามเขา ใจวา อคั คีภยั เปน ภัยที่รายแรง อาจทําใหสญู เสียชวี ติ ได ดังนั้น เราจงึ ควรระมดั ระวงั ไมใ หเกิดอคั คีภยั และควรเรียนรวู ิธีปองกนั อันตรายจาก อคั คภี ัย และรูวธิ ีหนไี ฟเม่อื เกดิ ไฟไหม เพ่ือใหเกดิ ความปลอดภัยในชวี ิต มุม IT ครสู บื คน ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การปอ งกนั อคั คภี ยั ไดท ่ี http://www.ffi ire2fight. com/articles.php?cat_id=1 ซง่ึ เปนเว็บไซตท ี่ใหความรทู ัว่ ไปเกยี่ วกับอคั คภี ยั ของ สถานีดบั เพลิงบางเขน คูมอื ครู 65
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหนกั เรยี นรว มกันคดิ วา ไฟไหมเกิดจากสาเหตุ ๑ สาเหตขุ องการเกิดอคั คีภยั ใดไดบ า ง จากนน้ั ครเู ขียนสาเหตทุ ่ีนักเรียนบอก อคั คภี ยั หรอื ไฟไหมเ้ ปน็ อบุ ตั เิ หตทุ รี่ า้ ยแรงมาก เพราะไมเ่ พยี ง บนกระดาน แจงึตม่จีคะทา� ก�าลลา่าวยวท่าร ัพ“โยจ์สรปินล น้แสติบ่อคาจรั้งท�าไใมห่เ้ผทู้ท่าไ่ีอฟยไู่ใหนมเห้คตรุก้ังเาดรียณว์เ”ส1ียชีวิตได ้ อัคค๑ีภ) ัยไเฟกฟิดจ้าลากดั ควงวจามร2จปารกะกมาารทใชหอ้ลุปายกสรณาเห์ไฟตฟุ ด้าังไนม้ีถ่ กู ต้อง 2. ใหนกั เรียนดสู าเหตุไฟไหมแ ลวรว มกันจาํ แนก วา สาเหตุขอ ใดทม่ี าจากพฤตกิ รรมของคนเรา ๒) การจุดธูปเทียนท้ิง เชน จุดธูปเทียนทงิ้ ไว ใชอปุ กรณไฟฟา ท่ีชาํ รุด ไว้จนลามไปติดสง่ิ ของไวไฟ เปน ตน และสาเหตุขอใดทมี่ าจากธรรมชาติ ๓) การจุดไฟใกล้วัตถุ เชน ฟา ผา เปน ตน ไวไฟ ๔) การเลน่ ไมข้ ดี ไฟ 3. ครตู ัง้ คําถามวา ดอกไมไ้ ฟ • สิ่งของใดท่เี ปนวตั ถไุ วไฟบา ง ๕) การเผาขยะแลว้ ดบั (แนวตอบ กระดาษ นาํ้ มันกาด เตาแกส พลุ) ไฟไม่สนทิ ไฟไหม้เปน็ อันตรายทงั้ ตอ่ ชีวิตและทรพั ย์สนิ • การใชอปุ กรณไฟฟา อยา งไรที่อาจทําใหเ กิด ไฟฟา ลัดวงจรได ๒ อนั ตรายที่เกดิ จากอคั คีภยั (แนวตอบ เกดิ จากสาเหตหุ ลายประการ เชน • สายไฟทีใ่ ชใ นบานเส่ือมสภาพ หรอื หมด อัคคีภัยหรือไฟไหม้เป็นอันตรายที่ก่อให้เกิดผลเสียทั้งต่อ อายกุ ารใชง านทําใหฉนวนหมุ เปลือยขาด ตัวเองและสง่ิ รอบขา้ ง ดงั น้ี จนลวดตัวนาํ ภายในเสน สายไฟเกดิ การ สมั ผัสกัน ทา� ใหต้ นเองหรือผอู้ ื่นได้รบั บาดเจบ็ • สว นประกอบภายในอุปกรณเครอื่ งใชไ ฟฟา ชาํ รุด ขณะเคร่ืองใชไ ฟฟาเกิดขดั ของหรอื อันตราย ท�าใหท้ รพั ย์สินต่างๆ เสียหาย ชํารุด กระแสไฟฟาเกิดความผดิ ปกติ ท่เี กดิ จากอคั คีภยั • การท้ิงเคร่ืองใชไฟฟาบางอยา งขณะกาํ ลัง ทํางานคางไว เชน เตารีดไฟฟา เตาตม น้ํา 66 ทา� ใหต้ นเองหรือผอู้ ื่นเสยี ชวี ติ ไฟฟา ทง้ิ ไวเพอื่ ไปทาํ ธุระอยา งอื่น อาจจะ ลมื ทําใหเกิดความรอน และเกิดเพลงิ ไหม) 4. ใหนกั เรียนรว มกันคดิ ตอไปวา การเกิดไฟไหม จะเกิดอนั ตรายใดบาง จากน้ันครยู กคํากลา ว ท่วี า “โจรปลน บา นสิบคร้ัง ไมเ ทากบั ไฟไหม คร้ังเดยี ว” แลว ใหน กั เรียนคาดเดาความหมาย 5. ใหนกั เรียนแบง กลุม จากนนั้ ใหแตล ะกลมุ รวมกนั คดิ วาจะปอ งกันการเกิดอคั คีภยั ได อยางไร นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนนการคดิ ขอ ใดเปนวิธปี ฏบิ ัตทิ ี่ถกู ตอ งในการจดุ ธปู เทียนบูชาพระทบี่ าน 1 โจรปลนสิบครั้ง ไมเ ทาไฟไหมค รงั้ เดยี ว หมายถงึ ความเสียหายท่ีเกิดจาก ก. รอใหธูปเทียนดับกอ นคอ ยไปทํากิจกรรมอืน่ การถกู โจรปลน ถงึ สบิ คร้งั กไ็ มเ ทา กับความเสียหายที่เกิดจากไฟไหมเ พียงครัง้ เดยี ว ข. จุดธปู เทยี นเฉพาะในวันสําคญั ทางศาสนาเทา น้นั เพราะบา นที่ถูกโจรปลน กย็ ังเหลือตวั บา นและชวี ิตผอู ยอู าศัย แตบา นทถี่ ูกไฟไหม ค. จุดธปู เทยี นเสร็จแลว ใหใ ชน ํา้ ราดเพอื่ ใหแ นใจวา ธูปเทยี นดับสนิท อาจจะไมเ หลือทรัพยส นิ ใดเลย และอาจทาํ ใหผ อู ยอู าศัยเสยี ชวี ติ ได ง. จุดเสรจ็ แลวลุกไปทาํ งานอยา งอื่นกอ นแลวจึงคอยกลบั มาดบั ธูปเทียน 2 ไฟฟา ลัดวงจร หมายถึง การทีไ่ ฟฟา ไหลผานจากสายไฟฟาเสน หน่ึงไปยังอีก วเิ คราะหค ําตอบ การจดุ ธปู เทยี นบชู าพระ เมือ่ เสร็จแลว ควรรอให เสนหนงึ่ โดยไมผ านเครอื่ งใชไฟฟา สาเหตสุ ว นใหญเ กดิ จากฉนวนของสายไฟฟา ธปู เทยี นดบั สนิทกอ น แลวจึงคอ ยลกุ ไปทาํ งานอ่นื เพ่ือปองกันการเกดิ ไฟไหม ชํารดุ และมาสัมผัสกัน จึงมคี วามรอนสงู มปี ระกายไฟ ทาํ ใหเ กดิ เพลิงไหมไ ด ดงั นั้น ขอ ก. เปนคาํ ตอบท่ถี กู ถาบรเิ วณนน้ั มวี สั ดไุ วไฟ 66 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓ การปอ งกันการเกิดอคั คภี ัย 1. ใหน ักเรียนรวมกนั สรุปอันตรายท่ีเกดิ จาก ไฟไหมวา มีอนั ตรายทัง้ ดา นรางกายและ การป้องกนั อคั คภี ัย สามารถปฏิบตั ิได ้ ดงั นี้ จติ ใจ คือ ไดร บั ความตกใจ ไดร ับบาดเจบ็ หรือเสยี ชีวติ และเปนอันตรายตอ ทรัพยส ิน ✓ ควรทา� ✗ ไมค่ วรทา� คอื ทําใหท รัพยสินเสียหายดวย ตรวจสอบอปุ กรณ์ไฟฟา้ ไมค่ วรเลน่ ไมข้ ดี ไฟ ไฟแชก็ 1 หรือเผากระดาษเล่น 2. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ วา ไฟไหมเ ปนภยั ทร่ี า ยแรง ใหอ้ ยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ไมค่ วรจดุ ธปู เทยี นทง้ิ ไว ้ แต่ มาก เหน็ ไดจากคําเปรียบทว่ี า โจรปลนบา น ถอดปลก๊ั เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ควรรอให้ดบั สนิทเสยี ก่อน สบิ ครั้ง ไมเทากบั ไฟไหมครั้งเดียว เพราะโจร ทกุ ชนดิ หลังใช้เสร็จแลว้ ไม่ควรใชเ้ ต้ารบั 2ตัวเดียว ปลน บานยังเหลือชวี ิตและบาน แตไ ฟไหม ถา้ พบเห็นอปุ กรณ์ไฟฟา้ กบั อปุ กรณ์ไฟฟา้ หลาย แคค ร้งั เดยี วอาจทําใหต ายและไมเ หลอื มีกล่ินไหม ้ หรือมคี วันลอย ชนิดในเวลาเดียวกัน ทรพั ยส ินอ่ืนๆ อกี เลย ดงั นั้น เราจึงควร ออกมา ควรรีบถอดปลกั๊ ไม่ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟา้ ปอ งกันไมใหเ กิดเหตไุ ฟไหม แลว้ แจง้ ใหผ้ ใู้ หญ่ทราบ ที่ชา� รดุ เสียหาย ควรเตรยี มตัวใหพ้ ร้อม3 ไมค่ วรจุดไฟใกลก้ ับ 3. ใหนกั เรยี นแตล ะกลุมออกมารายงานเรอื่ ง เมอ่ื ตอ้ งเผชญิ กบั เหตกุ ารณ์ เชอ้ื เพลิงหรอื วัตถไุ วไฟ วิธปี อ งกันอคั คภี ัย และการปฏบิ ัตติ น ไฟไหม้ เมอื่ เกดิ อคั คีภัย ควรจดั ให้มกี ารฝกซอ้ ม การหนไี ฟทกุ ๆ ๖ เดือน 4. ใหน กั เรยี นและครูรว มกันสรปุ การปองกนั อัคคภี ยั โดยจําแนกเปน พฤตกิ รรมทคี่ วรทํา และไมควรทาํ 5. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกบั วิธหี นไี ฟ จากนั้นครขู ออาสาสมคั รออกมาแสดงตัวอยา ง การปฏบิ ัติตนในการหนีไฟถา ตดิ อยูใ น สถานการณท ่ีเกิดไฟไหม 6. ใหค รูกําหนดวนั ซอมหนไี ฟ (ซอ มทง้ั โรงเรียน) แลว บอกใหน กั เรียนเตรยี มตัวซอ มหนีไฟ เพ่ือเปนการเตรยี มความพรอ มหากเกดิ เหตกุ ารณไฟไหม 67 ขอสอบเนนการคิด นักเรียนควรรู ถา นักเรยี นอาศัยอยูในอาคาร ช้นั 5 แลวเกิดเหตุไฟไหมท่ีชัน้ 7 นักเรียน 1 ไฟแช็ก เปน เครือ่ งจดุ ไฟชนิดหน่ึง เมือ่ จุดไฟจะมกี ลไกท่ที ําใหเ กิดประกายไฟ ควรทาํ อยางไร ตดิ ไสท่ีชมุ ดว ยน้ํามันหรือแกส ทบ่ี รรจอุ ยใู นไฟแชก็ แลวลกุ เปน เปลวไฟขึ้นมา แนวตอบ รบี หนีออกมาจากหอ ง โดยตรวจสอบกอ นวา ไฟไดล กุ ลามมา 2 เตา รับ หรอื เรยี กอีกอยางหนึ่งวา ปลั๊กตวั เมีย คอื ข้ัวรบั สาํ หรบั หวั เสยี บ ถงึ ช้ันท่เี ราอยหู รอื ยัง ถาช้ันทเ่ี ราอยยู งั ไมม ีไฟ ใหร ีบวง่ิ หนไี ปทางบันได จากเครอ่ื งใชไ ฟฟา ตามปกตเิ ตา รับจะติดตง้ั อยกู ับท่ี เชน ผนังอาคาร กําแพงบาน หนไี ฟ แลวออกหา งจากทเี่ กิดเหตใุ หม ากท่ีสดุ แตถ าไฟลามมาถงึ ช้นั 5 เปนตน สวนปลัก๊ ท่ตี ดิ กับเคร่อื งใชไ ฟฟา เรยี กวา เตาเสียบ หรือปล๊ักตวั ผู แลวและมคี วันมากใหค ลานหนไี ฟมาทบี่ นั ไดหนีไฟ แลวรีบหนใี หห าง 3 ควรเตรยี มตัวใหพ รอม ดวยการศกึ ษาทางหนีไฟท่เี ร็วทีส่ ุดและปลอดภยั ทีส่ ุด ทเี่ กิดเหตุ จากทกุ หองในบา น เตรียมไฟฉายไวใกลมือเวลานอน ใหฝ กเดินในความมืด เพอ่ื รบั เหตกุ ารณไ ฟไหมในเวลากลางคนื โดยหลับตาแลวฝกเดินชดิ กําแพงไปท่ี ประตูทางออก และสอนใหเดก็ รจู กั ใชโทรศัพทแ จงไฟไหมถา พวกเขาตดิ อยใู นบา น และออกจากบา นไมได คมู อื ครู 67
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ครจู ัดกิจกรรมซอมหนีไฟ เพ่ือใหนกั เรยี นเตรียม ๔ การหนไี ฟ ความพรอม ขณะเกดิ ไฟไหม ้ แลว้ นักเรยี นอยู่ใกลก้ ับสถานทเี่ กดิ เหตหุ รอื 2. ใหนกั เรยี นสํารวจบานของตนเองวา มสี ถานที่ ติดอยู่ในอาคารที่เกิดไฟไหม ้ ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี หรืออุปกรณใดบางท่อี าจเปนสาเหตุของอัคคภี ยั จากนน้ั หาทางปอ งกัน แลวบันทกึ ผลลงในสมุด ทางหนไี ฟ ตง้ั สติ ไมค่ วรตน่ื ตกใจ รีบหนอี อกทางประตหู รือ แล้วรีบตะโกนแจ้งเหตุ หน้าต่างด้านท่ีไม่เกดิ ไฟไหม้ 3. ใหน กั เรียนแบงกลมุ ใหแ ตล ะกลุมอาน ด้วยเสียงดงั ว่า ใหเ้ ร็วท่ีสดุ สถานการณจ ากกจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 3 ผลงานสรา งสรรค หนา 69 จากนัน้ ใหรว มกนั “ไฟไหม้” บอกวิธปี อ งกันอบุ ัติเหตุจากอัคคภี ัยตาม สถานการณน ้ี และรวมกันแสดงวิธหี นีไฟ เมื่อตดิ อยู่ในอาคารแล้ว ใชบ้ นั ไดหนไี ฟ เมอื่ ตดิ อย่ใู นอาคาร ถา้ จะเปดิ ออกไม่ได้ ให้ใช้ผ้าชบุ น้า� แทนลฟิ ต์ ประตูควรคล�าลูกบิดกอ่ น 4. ใหน กั เรียนทํากจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.3 จาก อุดใตป้ ระตแู ละหนา้ ตา่ งเพือ่ ถา้ รู้สกึ ร้อนอยา่ เปิด แตถ่ า้ แบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยอานสถานการณ ป้องกนั ไฟ แลว้ พยายาม รสู้ กึ เยน็ ใหเ้ ปดิ ได ้ แลว้ รบี หนี แลว บอกอนั ตราย วธิ ปี อ งกนั และเขียนอธบิ าย ติดต่อคนภายนอกใหม้ า วธิ กี ารหนีไฟ ชว่ ยเหลือ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 4.3 แบบประเมินตัวช้ว� ัด พ 5.1 ป. 2/5 ๓ เติมคาํ ลงในชองวา งใหถูกตอง ขณะหนีไฟ ถ้ามีคว1นั มากให้ ถ้าตอ้ งวิ่งผา่ นไฟไหม้ ๑) ขณะเกดิ เหตไุ ฟไหมค วร……ร…ีบ……ห…น…ี …….ออกจากทเ่ี กดิ เหตใุ หเ รว็ ทส่ี ดุ หมอบคลานหนไี ฟ ออกมา ให้ใช้ผ้าห่ม ๒) เมือ่ ตดิ อยูในหอง ควร……………ค…ล…ํา…ล…ูก……บ…ิด…………..กอนเปดประตูออกมา โดยกม้ ศรี ษะ ชบุ นา�้ คลุมตวั แล้วว่ิง ๓) เม่ือตดิ อยบู นช้ันสูง ไมค วรใชล ฟิ ต แตควรใช …บ…นั……ได……ห…น…ีไ…ฟ….. แทน ให้สงู จากพน้ื ไมเ่ กิน ๓๐ เซนติเมตร ผา่ นไฟใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ ๔) ถาตอ งวิง่ ผา นไฟออกมา ควรใช… ……………ผ…า…ห…ม…………….. ชบุ นา้ํ คลุมตัว แลววิ่งผานไฟโดยเร็ว ทางออก เเกมดิื่อเหหนตีอแุ อลก้ว2 มใาหจ้ไาปกรสวมถาตนวั ที่ ถ้าไฟไหม้เสื้อผ้าหรอื ตวั ห้ามวงิ่ ๕) ขณะหนไี ฟ ถามคี วันมาก ควร…………ห…ม…อ…บ…ค…ล……าน…………..หนีไฟ โดยกม Exit ยังท่ีนดั หมายกนั ไว้ ให้หยุด แล้วกล้ิงตัวกับพื้นไปมา ศรี ษะใหส ูงจากพ้นื ไมเกิน ๓๐ เซนตเิ มตร พร้อมทัง้ เอามอื ปิดหนา้ จนกว่า ไฟจะดบั แบบประเมนิ ผลการเรยี นรตู ามตวั ช้ีวัด ประจาํ หนว ยท่ี ๔ บทท่ี ๓ 68 กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๔.๓ เฉฉบลับย แบบประเมินตัวช้ีวัด พ ๕.๑ ป.๒/๕ • อธิบายเหตุผล อนั ตราย วิธีปองกันอคั คีภัย และแสดงการหนไี ฟ ชดุ ที่ ๑ ๒๐ คะแนน ๑ อา นสถานการณท่ีกาํ หนดให แลวบอกอนั ตรายและวิธปี อ งกันอัคคีภัย ๑) ลงุ ชางสูบบุหรเี่ สร็จแลวก็ท้ิงบหุ รลี่ งในถังขยะทันที อันตราย อาจเกดิ ไฟไหม................................................................................................................................................................... วิธีปอ งกัน ควรดบั บุหร่กี อ นทิ้งลงในทีท่ ้งิ บุหร่ี.............................................................................................................................................................. ๒) ปา จันจดุ ธูปเทยี นไหวพ ระทงิ้ ไว แลว รีบไปทาํ กับขาวตอ อันตราย อาจเกิดไฟไหมบา น................................................................................................................................................................... วิธีปอ งกัน ดบั ธปู เทยี นใหเรียบรอ ยกอ นไปทาํ กจิ กรรมอืน่.............................................................................................................................................................. ๕๒ เกรด็ แนะครู กจิ กรรมทา ทาย ครยู ํา้ ใหน ักเรยี นเขา ใจวา การหนีไฟใหปลอดภยั ผูหนีไฟอยา ตืน่ ตระหนก ใหน กั เรยี นหาขา วเกย่ี วกบั การเกดิ อคั คภี ยั มา 1 ขา ว และวเิ คราะหส าเหตุ ตอ งมีสติ เพราะจะทําใหหาทางหนีไฟไดอ ยา งปลอดภัย อนั ตรายทเ่ี กิดขน้ึ จากอคั คีภัยน้ี จากนั้นใหนกั เรยี นเสนอแนะวิธปี องกัน การเกดิ อัคคีภยั จากขาวนี้ นักเรียนควรรู 1 คลานหนไี ฟ เพราะขณะไฟไหม บริเวณทต่ี ่าํ ๆ จะมีแกสออกซิเจนลอยตวั อยูมากกวาในอากาศดานบนที่มแี กสคารบอนไดออกไซดม ากกวา ซ่ึงถาสดู ดม แกส คารบ อนไดออกไซดเขาไปมากกจ็ ะเปน อันตรายตอ รางกาย 2 เมือ่ หนอี อกมาจากสถานท่เี กดิ เหตแุ ลว ใหรบี แจง เหตกุ บั กองดับเพลิง โดยโทรศพั ทไปทีห่ มายเลข 199 68 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบผลงานการปอ งกันอัคคภี ยั ตาม สถานการณท ่กี าํ หนดและความถูกตองของ ตอนที่ ๑ ค�าถามชวนคิด การแสดงหนไี ฟ เขยี นตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ลงในสมดุ ๑) เ มอ่ื เหน็ คนจุดไฟเผาเศษใบไมแ้ ละหญ้าแหง้ นักเรียนควรทา� อยา่ งไร 2. ครูตรวจสอบกิจกรรมรวบยอดท่ี 4.3 จาก แบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 เพื่อปอ้ งกนั การเกดิ อัคคีภยั ๒) นักเรียนรสู้ ึกอย่างไร เมอ่ื เห็นภาพขา่ วไฟไหม้ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๓) ถ้านกั เรยี นพบวา่ น้องกา� ลังเล่นดอกไม้ไฟ นกั เรียนควรท�าอย่างไร ๔) ใ นบ้านของนักเรียน มีสิ่งใดเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้บ้าง และควรท�า 1. ผลงานการแสดงวิธีปองกนั อคั คภี ัยและ การหนีไฟ อยา่ งไร ตอนท่ ี ๒ ชวนคิด ชวนทา� 2. กจิ กรรมรวบยอดที่ 4.3 จากแบบวัดฯ ๑. สา� รวจบา้ นของตนเองวา่ มสี ถานทห่ี รอื อปุ กรณใ์ ดบา้ งทอี่ าจทา� ใหเ้ กดิ อคั คภี ยั สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ๒. บอกอันตรายทีไ่ ด้รบั จากการเกิดอัคคีภัยมา ๓ ข้อ โดยเขียนลงในสมดุ ๓. เขียนอธบิ ายขั้นตอนการหนไี ฟ ถ้านักเรยี นติดอย่ใู นอาคาร โดยเขยี นลง ในสมุด ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แ บ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน จากนั้นอ่านสถานการณ์ท่ีก�าหนดให้แล้วบอกวิธี ป้องกันอบุ ัตเิ หตจุ ากอัคคภี ยั ตามสถานการณ์น้ ี และรว่ มกันแสดงวธิ หี นไี ฟ ดวงพรจดุ ธปู เทยี นไหวพ้ ระทห่ี อ้ งพระ ซง่ึ อยชู่ น้ั ๒ ของบา้ น ระหวา่ งนน้ั มีโทรศัพทม์ า เธอจึงไปรับโทรศัพท์ แล้วพูดคยุ โทรศัพทอ์ ยูน่ าน จนลืมไปว่า ยงั ไมไ่ ดด้ บั ธปู เทยี น ในขณะน้นั กม็ ลี มพดั เข้ามาทางหนา้ ตา่ ง ทา� ให้เปลวไฟ จากเทยี นไขลามไปติดทผี่ ้าม่าน ท�าให้ไฟลุกลามไปทว่ั บา้ น 69 เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนท่ี 1 คําถามชวนคิด แนวตอบ 1) เฝาดูและรบี ดบั ไฟใหส นทิ ทันที หลังจากเศษใบไมแ ละหญาแหง ไหมหมดแลว และแนะนาํ วา ควรกาํ จัดดวยวิธอี ืน่ เชน การขุดหลุมฝงกลบ เปนตน 2) คาํ ตอบขึ้นอยกู ับนกั เรียนแตละคน 3) หา มไมใ หน อ งเลน และดับดอกไมไฟทนั ที แลวบอกนองวา หากเลน ดอกไมไฟโดยไมร ะวัง อาจทาํ ใหเ กดิ ไฟไหมห รือถูกไฟลวกจนบาดเจ็บได 4) คาํ ตอบขึน้ อยกู ับนกั เรียนแตละคน ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 2) รีบหนอี อกทางประตูหรอื หนา ตา งดา นทไ่ี มเกดิ ไฟไหมใหเ ร็วที่สดุ 2. แนวตอบ 1) บาดเจ็บ 2) เสียทรพั ยสนิ 3) เสยี ชวี ติ 4) ถา มคี วนั มากใหหมอบคลานหนีไฟ 3. แนวตอบ 6) เมื่อหนอี อกมาจากทเ่ี กดิ เหตุไดแลว ใหไ ปรวมตัวกันยงั ท่ีนัดหมายไว 1) ตง้ั สติ แลวรีบตะโกนเสยี งดังวา “ไฟไหม” 3) ใชบ นั ไดหนไี ฟแทนลิฟต 5) ถา ไฟไหมเ ส้ือผาหรอื ตวั หามว่ิง ใหหยุด แลว กล้ิงตัวกบั พืน้ จนกวา ไฟจะดับ คูม ือครู 69
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Engage Evaluate õExpand กระตนุ ความสนใจ 1. ครเู ปด วิดีโอการต นู เรื่อง “ยาปฏชิ วี นะ หน่วยการเรยี นรู้ที่ อยา ใชเ รอ่ื ยเปอ ย” ใหน ักเรยี นดู แลวสนทนากับ ยาและสารเสพตดิ นกั เรยี นเกีย่ วกับเร่ืองการใชย า เปา้ หมายการเรียนร้ปู ระจา� หนว่ ยที่ ๕ 2. ครูเลา ขา วเกีย่ วกับขาวสารเสพติด แลวครูถาม นกั เรยี นวา ขาวนเี้ ปนขาวเก่ียวกบั อะไร และ เม่อื เรียนจบหน่วยน้� ผูเ้ รียนจะมคี วามรู้ เกดิ อันตรายอะไรกับผูท ่เี ปน ขาวบา ง โดยครูเนน ความสามารถตอ่ ไปน้� ใหนกั เรียนเหน็ โทษของการเสพสารเสพติด ๑. บ อกชือ่ ยาสามัญประจ�าบา้ นและใช้ยา ตามคา� แนะน�า (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๒) ๒. ร ะบโุ ทษของสารเสพตดิ สารอนั ตรายใกล้ตัว และวธิ ปี ้องกนั (มฐ. พ ๕.๑ ป.๒/๓) มุม IT ครแู ละนกั เรยี นดวู ดิ ีโอการตนู เร่ือง “ยาปฏชิ วี นะ อยา ใชเรอื่ ยเปอ ย” ไดท ่ี www.oryor.com/index.php/th/animation/animation/item/38 ซงึ่ เปน เว็บไซตของกองพฒั นาศักยภาพผบู รโิ ภค สํานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา 70 คูม อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ñบทท่ี เปา หมายการเรียนรู สาระสา� คัญ • บอกช่ือยาสามัญประจําบานและใชย าตาม ยามีท้ังคุณและโทษ ดังนั้นเราจงึ ตอ้ งร้จู ักการ คําแนะนํา (พ 5.1 ป.2/2) ใช้ยาอย่างถูกวธิ ี เพื่อไม่ให้เกดิ อันตราย ยานา รู สมรรถนะของผเู รยี น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค 1. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรียนรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูถามนกั เรยี นวา ใครเคยไมส บายบาง และ เมือ่ ไมสบายนกั เรยี นกนิ ยาหรือไม นักเรียน รจู ักยาทกี่ นิ หรือไม เปนยาอะไร แลว นักเรียน กนิ ยางา ยหรอื ไม 2. ใหน ักเรียนดูภาพยาในหนังสอื หนา 71 แลว ใหนกั เรียนบอกวา นักเรียนรูจกั หรอื เคยใชย า ตามภาพใดบาง และใชรักษาโรคอะไร ? นั¡เรÕÂนเคÂãªÂŒ ÒเËÅ่ÒนÕéบÒŒ §Ëร×อไม่ ÂÒเËÅÒ่ นéãÕ ªŒร¡ั ษÒโรคอÐไร 71 เกรด็ แนะครู ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนกั เรียนปฏิบัติ ดงั น้ี • สบื คน ขอมลู ยาสามญั ประจาํ บาน • อธิบายขอมลู ยาสามญั ประจาํ บา น และวิธใี ช จนเกิดเปน ความรูค วามเขาใจวา ยามีท้ังใหประโยชนแ ละใหโ ทษ ดงั น้ัน กอนใชยา จึงควรศึกษาสรรพคณุ วิธใี ช คําเตือนใหล ะเอียดกอนใช เพอื่ ปอ งกนั อันตรายท่ีอาจเกดิ กับชวี ติ ได คมู ือครู 71
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหน ักเรยี นกลบั ไปสํารวจทีบ่ านวามียาอะไรบา ง ๑ ยาสามัญประจ�าบา้ น จากนน้ั สอบถามผูใหญใ นบานวา ยาน้ี มีสรรพคุณรกั ษาโรคอะไร มวี ิธีการใชอ ยา งไร ยาสามัญประจ�าบ้านเป็นยาที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ และมีขอ ควรระมดั ระวังในการใชอยา งไร ว่าเป็นยาทเี่ หมาะสมทจี่ ะให้ประชาชนหาซื้อมาใช้ด้วยตนเอง เพอื่ ใช้ จากนั้นใหอ อกมาเลาทีห่ นาชั้น ดูแลรักษาอาการเจ็บปว่ ยเล็กๆ น้อยๆ ที่มกั จะเกิดขนึ้ ได้ ยาสามัญประจ�าบ้านเป็นยาท่ีมีความปลอดภัยมาก ถ้าผู้ใช้ 2. ครูพานกั เรียนไปที่หอ งพยาบาล แลวใหนกั เรยี น ใช้ยาอย่างถูกต้อง และเป็นยาท่ีมีราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายตาม สงั เกตวา มยี าอะไรบา งทีเ่ หมือนกบั ยาทบี่ า น ร้านขายยาทั่วไปหรือร้านสะดวกซ้ือ โดยท่ีฉลากของยาจะมีค�าว่า จากนัน้ ใหน กั เรยี นสอบถามครูพยาบาลเกยี่ วกบั ยาทม่ี ใี นหองพยาบาล “ยาสามัญประจําบ้าน” ติดไว้เสมอ ยาสามัญประจ�าบ้านที่มี 3. ครเู ชญิ ครูพยาบาลมาใหความรูเรือ่ งยาสามัญ อยู่ในปัจจบุ นั จะมี ๒ ประเภท คือ ประจําบาน ซ่งึ เปน ยาทีท่ ุกบานควรมี เพื่อใช ฉลากของยาสามญั ประจา� บา้ น ตอ้ งระบุวา่ ยาสามัญประจ�าบ้านแผนปัจจุบัน รกั ษาอาการเจ็บปว ยเลก็ ๆ นอ ยๆ เบื้องตน ๒ยาชนิดนี้เปน็ ยาสามัญประจ�าบ้าน แโบลระายณ1าหสราือมยัาญไทปยรแะผจน�าโบบ้ารนาณแผน- 4. หลงั จากท่คี รูพยาบาลใหค วามรเู สรจ็ แลว ครใู ห นักเรียนรว มกนั ตง้ั คําถามเพือ่ ถามครูพยาบาล ตวั อย่างยาสามญั ประจ�าบ้าน เพิ่มเติม เชน ยาสามัญประจ�าบา้ นมหี ลายชนดิ ทีน่ กั เรียนควรรู้จกั มดี ังนี้ • อาการลกั ษณะใดทีส่ ามารถใชย าสามัญ ประจาํ บา นไดโดยยังไมตองไปพบแพทย ชอื่ ยา สรรพคุณ ขนาดและวิธใี ช้ คา� เตอื น (แนวตอบ อาการเจ็บปว ยเลก็ ๆ นอยๆ ๓๒๕ มก. ๕๒๑๐ท -ุก๐ ๑ ๔ มเ -มก ๖็ด. • ไม่ควรใช้ยาติดต่อกัน มีอาการไมรนุ แรง และเปนระยะเริ่มตน เชน พาราเซตามอล2 ลดไข้ ผู้ ให ่ญ ๖ - ๑๒ ป นานเกนิ ๗ วัน ปวดศรี ษะ ปวดทอ ง ปวดเม่ือยตามรางกาย บรรเทา ๑ เมด็ เปนตน) ยาแก้แพค้ ลอรเ์ ฟนริ ามนี 3 อาการปวด ทกุ ๔ หรือ ๖ • เราจะรไู ดอยางไรวา ยาใดเปนยาสามัญ ชั่วโมง ชว่ั โมง ประจาํ บาน บรรเทาอาการแพ ้ ๒ เม็ด ๑ เม็ด (แนวตอบ ยาบางชนดิ อาจดไู ดจากฉลากยาท่ีมี เช่น ลมพษิ ทุก ๔ - ๖ ทุก ๔ ระบุวา เปน ยาสามัญประจาํ บา น หรอื สอบถาม ช่วั โมง ชั่วโมง จากเภสชั กรประจํารา นขายยา) • ยาสามญั ประจําบานเปนยาท่ไี มม ีอันตราย • กินทุกๆ ๔ ชัว่ โมง • ไม่ควรใช้ยาติดต่อกัน ใชห รอื ไม เพราะอะไร หรอื ๖ ชว่ั โมง นานเกิน ๗ วนั (แนวตอบ ไมใช เพราะยาทุกชนดิ มที ั้งผลดี เมอื่ มอี าการแพ้ และผลเสีย เชน ยาบางชนดิ ถา ใชตดิ ตอกนั เปน เวลานานอาจทาํ ใหต ิดยาได ดังนนั้ 72 การใชยาสามัญประจําบานจงึ ควรใชตาม คําแนะนําอยา งเครง ครดั ) นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ ขอใดกลาวถงึ ยาสามญั ประจําบาน 1 ยาสามัญประจําบานแผนโบราณ เปน ยาที่ไดจ ากพืช สัตว หรอื แรธาตุมา ก. ตอ งนําใบส่งั ยาจากแพทยไ ปซอ้ื แปรรูปใหอยใู นรูปยานาํ้ ยาเม็ด หรอื แคปซูลแลว ไดรบั ประกาศจากกระทรวง ข. ใชรักษาอาการเจบ็ ปว ยเลก็ ๆ นอยๆ สาธารณสขุ ใหเ ปน ยาสามัญประจาํ บานแผนโบราณ เชน ค. กนิ ตดิ ตอกันเปนเวลานานไดเ พราะปลอดภัย ง. หาซ้อื ไดต ามรา นขายยาในหางสรรพสินคา เทา นน้ั • ยาประสะกระเพรา แกทอ งข้ึน ทอ งเฟอ วเิ คราะหคาํ ตอบ ยาสามญั ประจําบานเปนยาท่ีประชาชนสามารถซ้อื มา • ยาประสะกานพลู แกป วดทอง เนื่องจากธาตุไมป กติ ใชเ พื่อรกั ษาอาการเจบ็ ปว ยเล็กๆ นอยๆ โดยไมเปนอันตรายถา ใชอยา ง • ยาแสงหมึก แกไ อ ขบั เสมหะ เปนตน ถกู ตอ ง สามารถหาซ้อื ยาสามญั ประจาํ บา นไดต ามรานขายยาทัว่ ไปโดย 2 พาราเซตามอล เดก็ อายุ 6 - 12 ป ไมควรรบั ประทานเกินวันละ 2.6 กรัม ไมตองมใี บส่งั ยาจากแพทย รวมถงึ มรี าคาไมแพงอกี ดว ย ดังนน้ั ขอ ข. และผใู หญไมควรรับประทานเกนิ วนั ละ 4 กรมั (ขนาด 500 มก. 8 เม็ด) เปน คําตอบท่ถี กู 3 ยาแกแพค ลอรเฟนิรามนี เดก็ ทม่ี ีอายุ 6 - 12 ป ใหรบั ประทานคร้งั ละ 1 เมด็ ไมค วรรบั ประทานเกนิ วนั ละ 6 เม็ด และยานอ้ี าจทาํ ใหเกดิ อาการงวงซมึ จึงไมค วรขบั ขย่ี านยนตห รือทํางานเกีย่ วกับเครอื่ งจักรกล และหลกี เล่ียงเครื่องด่มื ท่มี ีแอลกอฮอลผ สม 72 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ชอื่ ยา สรรพคุณ ขนาดและวิธีใช ้ ค�าเตอื น 1. ใหนักเรียนรวมกนั สรุปความรูเก่ยี วกบั ยาสามญั ประจาํ บา น ยาน�้าแกไ้ อ บรรเทาอาการไอ • เขย่าขวดกอ่ นใช้ • ห้ามใชย้ าน้กี บั เด็ก ยาแก้ท้องเสยี และขบั เสมหะ • กนิ วนั ละ ๓-๔ ครง้ั อายุต�า่ กวา่ ๖ ป 2. ใหนกั เรียนรว มกนั อภิปรายวาจะมีวิธีปฏิบัตติ น ผงนา้� ตาลเกลือแร่ ในการใชยาใหป ลอดภยั ไดอ ยางไร ยาเม็ดลดกรด ทดแทนการเสยี นา�้ • เทผงทง้ั ซองละลาย • ผู้ท่ีเป็นโรคหวั ใจหรอื ในรายท่ีทอ้ งรว่ ง ในน�้าตม้ สกุ ประมาณ โรคไต ควรปรึกษา 3. ครูตัง้ คําถามวา ยาธาตุน�า้ แดง ๒๕๐ มลิ ลิลิตร แพทย์กอ่ นใช้ • ในวยั ของนักเรียนสามารถหยิบยาสามัญ เอทลิ แอลกอฮอล์ แลว้ ดม่ื ประจําบานมาใชเองไดห รอื ไม เพราะอะไร น�า้ ยาใส่บาดแผล (แนวตอบ ยาบางชนิด เชน ยาแกแพ โพวิโดน - ไอโอดีน บรรเทาอาการจกุ เสียด • เค้ยี วยากอ่ นกลนื 1 • หา้ มใชใ้ นผ้ทู ่เี ป็น ยาพาราเซตามอล เปน ตน นักเรยี นไมค วร โรคหวั ใจหรือโรคไต หยบิ ยามากนิ เอง เพราะอาจกนิ ไมถ ูกตามวธิ ี ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟอ้ • กินกอ่ นอาหาร • ไมค่ วรใชย้ า หรอื ตรงกับโรค ดังนนั้ เดก็ ในวยั นี้จงึ ควร ครึ่งชวั่ โมง ติดต่อกนั นานเกิน แจง ใหผ ูใ หญท ราบกอ นใชย า) หรือหลังอาหาร ๒ สปั ดาห์ • ถานกั เรยี นลืมกนิ ยากอนอาหาร ควรนาํ ยา ๑ ชวั่ โมง กอนอาหารมากินหลังอาหารหรอื ไม เพราะอะไร บรรเทาอาการ • เขยา่ ขวดก่อนใช้ • หา้ มใชใ้ นผทู้ ี่เป็น (แนวตอบ ไมค วร เพราะสรรพคณุ ในการ จกุ เสียด ท้องขน้ึ • กินกอ่ นอาหาร โรคหวั ใจหรือโรคไต รกั ษาอาจลดลง เน่อื งจากยากอนอาหาร วันละ ๓ ครงั้ • ไมค่ วรใช้ยาตดิ ตอ่ กัน จะดูดซมึ ไดด เี มอ่ื ทองวา ง ดังนน้ั จงึ ควร นานเกิน ๒ สัปดาห์ กนิ ยากอนอาหารในม้อื ถดั ไป) • มสี ่วนผสมของ • ถายาท่ีเรารูจักดี แตฉลากหลุดหายหรือ แอลกอฮอล์ เลือนจนอานไมออก นกั เรยี นคิดวาควรใช ยานหี้ รอื ไม เพราะอะไร ใชท้ า� ความสะอาด • ใชส้ �าลีชบุ และเชด็ • ยาใชภ้ ายนอก (แนวตอบ ไมค วร เพราะไมท ราบวนั หมดอายุ บาดแผล รอบๆ บาดแผล ห้ามรบั ประทาน ของยา ถานาํ ไปใชอ าจกอใหเกดิ อันตรายได ดงั นน้ั จงึ ไมควรใช และควรทิ้งยานน้ั ) และฆา่ เชือ้ โรค 4. ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ เร่อื งการจัดตยู าวา ควรแยก ฆ่าเช้ือแบคทีเรีย • ใชท้ าบริเวณแผล • ยาใชภ้ ายนอก ยาใหเ ปนหมวดหมู เชน ยาใชเ ฉพาะภายนอก เช้อื รา เช้ือไวรัส ท�าความสะอาด ห้ามรับประทาน ยาใชกนิ เปน ตน เพอ่ื ใหหยิบใชไ ดส ะดวกและ และโปรโตซวั แผลติดเชอ้ื ปลอดภัย 5. ใหนักเรยี นรวมกันสรุปขอ ควรปฏบิ ัตใิ นการ ใชยา 73 ขอสอบเนนการคดิ นกั เรยี นควรรู ผปู วยในขอใดท่ีควรจะใชยาพาราเซตามอลมากที่สุด 1 เคยี้ วยากอนกลนื ยาเม็ดลดกรดมีคุณสมบัตใิ นการลดกรดในกระเพาะอาหาร ก. กอ ยปวดศรี ษะเพราะมีไข อาการปวดทอ งจงึ ทเุ ลาลง การเคีย้ วยาใหล ะเอียดกอนกลืนจะชว ยใหเมด็ ยา ข. แจนปวดทองเพราะไมไ ดก นิ ขาว กระจายตวั และออกฤทธ์ไิ ดอยางมีประสทิ ธิภาพมากขึ้น ค. หนอยปวดหเู พราะมีแมลงเขาหู ง. ตกุ ปวดตาเพราะอา นหนังสือในที่มดื นานๆ มุม IT วิเคราะหคําตอบ ยาพาราเซตามอล มสี รรพคุณลดไข บรรเทาปวด เม่ือมอี าการปวดศีรษะเพราะมีไข จงึ ควรใชยาพาราเซตามอลมากทีส่ ุด ครูสบื คนชอ่ื ยาสามัญประจาํ บานเพิม่ เติมไดท ี่ http://drug.fda.moph.go.th แลว คลกิ เลอื ก ยาสามญั ประจําบา น ซ่ึงเปนเว็บไซตของสาํ นักยา ดงั นนั้ ขอ ก. เปน คําตอบทถ่ี กู คูมอื ครู 73
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหนกั เรียนดูภาพยาจากกิจกรรมการเรียนรู ชอ่ื ยา สรรพคุณ ขนาดและวิธใี ช ้ ค�าเตอื น ชวนคดิ ชวนทาํ หนา 75 แลว เขียนชอ่ื ยา สรรพคุณของยา วธิ ีใช และขอ ควรระวงั ใน ยาหมอ่ ง ชนิดข้ีผงึ้ บรรเทาอาการปวด • ใชท้ าและนวด • ยาใช้ภายนอก การใชล งในสมุด แอมโมเนยี หอม จากแมลงสัตว์ บรเิ วณท่มี อี าการ หา้ มรบั ประทาน 2. ใหนักเรยี นทาํ บตั รภาพยาสามัญประจําบา นมา กดั ตอ่ ย บรรเทาอาการ ปวด คนละ 1 ชนดิ จากนนั้ รวบรวมสงครูเพื่อจดั ทาํ ปวดเม่ือย เปน สมุดภาพยาสามัญประจาํ บาน บรรเทาอาการ • ใช้ชบุ ส�าลีดม • ยาใช้ภายนอก 3. ใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.1 วงิ เวยี นศรี ษะ แกว้ ิงเวยี นศีรษะ ห้ามรับประทาน จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยบอกชอ่ื หรอื ใชท้ าบรเิ วณ ยาสามญั ประจําบา น หน้ามดื ขมบั ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.1 แบบประเมินตัวช้�วัด พ 5.1 ป.2/2 แบบประเมินผลการเรยี นรูต ามตัวชว้ี ดั ประจําหนวยท่ี ๕ บทที่ ๑ ๓ ข้อควรปฏบิ ัติในการใชย้ า กิจกรรมรวบยอดท่ี ๕.๑ ยาแต่ละชนิดมีสรรพคณุ และวธิ กี ารใช้ทแี่ ตกต่างกันไป ดังน้ัน นกั เรยี นควรใหพ้ อ่ แม ่ หรอื ผใู้ หญ ่ หยบิ ยาให ้ และปฏบิ ตั ติ ามคา� แนะนา� แบบประเมินตวั ช้ีวัด พ ๕.๑ ป.๒/๒ ของพอ่ แม ่ หรือผู้ใหญ่ ในการใชย้ า เพอ่ื ไม่ใหเ้ กดิ อนั ตราย • บอกชอื่ ยาสามญั ประจําบา นและใชยาตามคําแนะนํา ข้อควรปฏบิ ัติในการใช้ยา มดี งั น้ี ๑) เลอื กใชย้ าตามความจา� เปน็ และใชย้ าใหต้ รงกบั อาการ ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน แ ละยา ท่กี ๓๒นิ ห)) ลยอัง่าาอนทาฉ่ีกหลินาารก2ก ่อคยนวาใอรหกาล้ินหะหาเรอล1 ียงั อคดาวแหรลากะรใินหปก้เรข่อะา้มนใาอจณาทห กุ ๑าค๐รร -ัง้ ๑ก๓๕อ่ ๐ น นในาชทา้ยทีาี ๔) เมื่อใชย้ าเสร็จแล้วตอ้ งปดิ ซองยาหรือขวดยาใหส้ นทิ ๑ อา นอาการทก่ี ําหนดให แลวเขยี นชือ่ ยาใหถ กู ตอ ง ๕) ถา้ ใช้ยาแลว้ เกดิ อาการแพ้ยา เชน่ มีผนื่ คัน มีอาการ บวมแดง เป็นต้น ควรเลกิ ใช ้ แล้วรบี ไปพบแพทย์ทันที เฉฉบลบั ย ๑) จ๊บิ มีอาการทองเสยี ถา ยอุจจาระเหลวหลายครง้ั และรูสึก ออนเพลีย จบ๊ิ ควรดื่มนาํ้ ผสม ผงนา้ํ ตาลและเกลอื แร...................................................................................................... 74 ๒ ๒) แตงถูกมีดบาด แมจึงลางแผล แลวนําสาํ ลีชุบย....า...โ..พ.....ว...โิ..ด....น.....-...ไ...อ...โ...อ...ด.....ีน..... ๕๖ ทาที่บาดแผล ๓) มดรสู กึ หนา มดื วงิ เวียนศรี ษะ แกมจึงนาํ สําลชี ุบ แอมโมเนียหอม.............................................. มาใหมดดม ๔) เอม ีอาการจกุ เสียด ทองข้ึน เอจึงหยบิ ยาธาตุนํ้าแดง........................................................................... มากนิ โดยเขยา ขวดกอ นกินยา ๕) กอ ยถกู มดกดั บรเิ วณแขน กอ ยจงึ ทา ยาหมอ งชนิดข้ีผึง้................................................................................ ทีบ่ รเิ วณแขน ตวั ชีว้ ดั พ ๕.๑ ขอ ๒ เขียนขอควรปฏบิ ัตใิ นการใชยามา ๕ ขอ (ตัวอยาง) õไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๑) อา นฉลากใหล ะเอียดและใหเ ขา ใจกอนใชยา............................................................................................................................................................................................ ๒) ควรกินยากอนอาหารกอนกินอาหารประมาณ ๓๐ นาที............................................................................................................................................................................................ ๓) ควรกนิ ยาหลงั อาหารหลงั กนิ อาหารประมาณ ๑๐-๑๕ นาที............................................................................................................................................................................................ ๔) เมอื่ ใชย าเสร็จแลว ตองปดขวดยาใหสนิท............................................................................................................................................................................................ ตวั ช้ีวัด พ ๕.๑ ขอ ๒ ๕) ถา มอี าการแพยา ควรหยดุ ใชยาทนั ที õ................................................................................................................................................... ไดค ะแนน คะแนนเตม็ นกั เรียนควรรู กิจกรรมทาทาย 1 ยาท่กี นิ กอ นอาหาร ยาบางชนดิ ตองกินกอนอาหาร เพราะยาทกี่ นิ กอ นอาหาร ใหน ักเรยี นสํารวจดตู ูยาที่บา นวา มียาชนิดใดเปน ยาสามญั ประจําบา น จะดดู ซมึ ไดด ชี ว งทอ งวา ง หรอื ตวั ยามฤี ทธใิ์ นการรกั ษาอาการในขณะรบั ประทานอาหาร และเปน ยาสามัญประจําบานแผนปจจุบัน หรือแผนโบราณ พรอ มท้งั จัดตยู า เชน กลมุ ยาตานอาการคล่นื ไส อาเจียน จะกินยากอ นรับประทานอาหารประมาณ จากนั้นวาดภาพตูยาโดยระบชุ ื่อยาและอุปกรณในการรักษาใหถูกตอ ง ครงึ่ ชวั่ โมง เพราะถา กนิ หลงั อาหารจะถกู กรดในอาหารทาํ ลายหรอื ทาํ ใหฤ ทธย์ิ าออ นลง แลวออกมานําเสนอท่ีหนา ชั้น เปน ตน 2 ยาทกี่ นิ หลงั อาหาร ยาบางชนดิ ตอ งกนิ หลงั อาหาร เพราะยาทก่ี นิ มผี ลขา งเคยี ง ทีส่ าํ คัญ คือ ระคายเคืองตอระบบทางเดินอาหาร ทาํ ใหค ลนื่ ไส อาเจียน ซงึ่ การกินยา หลังรบั ประทานอาหารทันทีจะชว ยลดอาการเหลานีไ้ ด นอกจากนย้ี าเหลานตี้ องการ กรดในกระเพาะอาหารชวยในการดูดซมึ ยาเขา สรู า งกาย ซง่ึ กรดในกระเพาะอาหาร จะหลง่ั สงู สดุ ในระหวางรับประทานอาหารเทา น้นั 74 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ๖) เก็บยาไวในตูยาที่อยู 1. ครตู รวจสอบความถูกตองของบัตรภาพ สูงพนมือเด็ก และควรแยกเก็บ ยาสามญั ประจําบาน ยาท่ีใชก นิ และยาที่ใชท าภายนอก ใหช ัดเจน 2. ครตู รวจสอบการบอกชอื่ ยาสามัญประจําบา น ในกิจกรรมรวบยอดท่ี 5.1 จากแบบวดั ฯ ๗) ไมค วรหาซอ้ื ยาตามคาํ สุขศกึ ษาฯ ป.2 อวดอางในสรรพคุณ วนั หมกอดนอาใชยยบุ านฉคลวารกสังยเาก1ทตุกครง้ั หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๘) ไมค วรใชย าทหี่ มดอายุ หรือยาท่ีฉลากหลุดไป 1. บัตรภาพยาสามัญประจาํ บาน 2. กิจกรรมรวบยอดท่ี 5.1 จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ตอนท่ี ๑ คาํ ถามชวนคิด เขียนตอบคําถามตอไปน้ลี งในสมุด ๑) ตยู าในบา นของนักเรียน มียาอะไรบา ง และมวี ิธีการใชอ ยางไร ๒) เมอื่ อา นฉลากยาแลว พบวา ยาหมดอายุ นกั เรยี นรสู กึ อยา งไร และนกั เรยี น ควรทาํ อยา งไร ๓) ถา นองของนักเรียนนํายามาเลน นักเรยี นควรทาํ อยางไร ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ สํารวจทีบ่ านหรือทโ่ี รงเรยี นแลว เขยี นชื่อยา สรรพคุณของยา วิธใี ช และขอ ควร ระวังลงในสมดุ อยางนอ ยคนละ ๑ ชนดิ ตอนท่ี ๓ ผลงานสรางสรรค ๗๕ ทําบตั รภาพยาสามญั ประจาํ บานมาคนละ ๑ ชนิด โดยดา นหนา ของบัตรภาพ ใหติดรูปยา และดา นหลังใหบอกชื่อยา สรรพคุณ วธิ ใี ช และขอ ควรระวงั นักเรียนควรรู 1 วันหมดอายุบนฉลากยา โดยสวนใหญจ ะเขียนดวยตัวภาษาอังกฤษ แลวตามดว ยตัวเลข เชน • Exp. Date 4/7/14 หมายถงึ ยาหมดอายุ วันท่ี 4 เดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 • Use By Jul. 14 หมายถึง ยานี้ใชไ ดถึงเดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 • Use Before Jul. 14 หมายถงึ ควรใชยาน้กี อนเดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคดิ แนวตอบ 1) ยาพาราเซตามอล ใชรบั ประทานเพื่อลดไขห รอื บรรเทาอาการปวด 2) คําตอบขนึ้ อยูกับนักเรียนแตละคน 3) รีบเก็บทันที แลว บอกนองวา ไมควรนาํ ยามาเลน เพราะอาจเผลอกินยาเขา ไปจนเปนอนั ตรายได คูมือครู 75
กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรยี นรู òบทท่ี • ระบโุ ทษของสารเสพติด สารอนั ตรายใกลตัว และวิธปี อ งกนั (พ 5.1 ป.2/3) สาระส�าคัญ สารเสพติดและสารเคมีบางชนิดเป็นอันตราย สมรรถนะของผเู รียน ภยั รา ยทําลายชวี ิต ต่อร่างกาย เราต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด และเรยี นรู้วธิ ีใชส้ ารเคมใี หถ้ ูกตอ้ ง 1. ความสามารถในการสือ่ สาร ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค 1. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 2. ใฝเรยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูนาํ ขาวเก่ยี วกบั ยาเสพติดมาใหน ักเรยี นอา น แลวรวมกนั พูดคุยซกั ถามเก่ยี วกบั ขา ว เชน • ขาวนเ้ี กย่ี วกับยาเสพตดิ ชนิดใด • จากขาว เกดิ อนั ตรายอยา งไร 2. ครูถามนกั เรียนวา ใครเคยอยใู กลผ ูทส่ี บู บุหรี่ บา ง แลว นักเรียนรสู ึกอยางไรขณะอยใู กล ผสู ูบบหุ รี่ ? ¨Ò¡ÀÒ¾ ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹Ã¨ŒÙ Ñ¡ÍÐäúŒÒ§ áÅÐÊÒรเËÅ่ÒนéมÕ อÕ นั µรÒÂอÂÒ่ §ไร 76 เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโดยการใหน ักเรียนปฏิบัติ ดังน้ี • สบื คน ขอมลู เกยี่ วกบั สารเสพตดิ และสารเคมีในชีวติ ประจําวัน • อธิบายโทษและอนั ตรายของสารเสพติดและสารเคมใี นชีวิ ติ ประจาํ วนั จนเกิดความรคู วามเขา ใจวา สารเคมที ่ใี ชในชวี ิตประจําวนั บางชนิดมอี นั ตราย จงึ ควรใชอยา งระมดั ระวงั สว นสารเสพตดิ เปนวตั ถุทม่ี ีอนั ตรายตอรางกาย ดงั นน้ั จึงไมควรยุงเกย่ี วกับสารเสพตดิ ทุกชนดิ 76 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Evaluate Explore Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ สารเสพตดิ 1 1. ใหนักเรียนรวมกันอภปิ รายความหมายของ สารเสพตดิ และสรุปวา สารเสพตดิ เปนสารท่ี สารเสพติดเป็นส่ิงท่ีผู้เสพเสพเข้าสู่ร่างกายแล้วมีผลท�าให้ เสพเขา ไปแลวทาํ ใหอ ยากเสพซาํ้ ๆ และทําให ผู้เสพเกิดความต้องการเพ่ิมมากขึ้น และท�าให้เกิดโทษต่อร่างกาย เกิดอนั ตรายตอรางกาย ผู้ท่ีใช้สารเสพตดิ เปน็ เวลานานๆ จะทา� ใหร้ า่ งกายทรดุ โทรม เกดิ โรค ได้ง่าย และอาจท�าให้เสียชีวิตได้ นอกจากน้ียังท�าให้เกิดปัญหา 2. ใหนักเรียนรวมกันยกตวั อยา งสารเสพติด ครอบครัว ปัญหาชุมชน ปัญหาอาชญากรรม และยังเป็นปัญหา ทน่ี กั เรียนเคยไดยินชอ่ื เชน ยาบา เฮโรอีน ในการพฒั นาประเทศอกี ด้วย กัญชา เปน ตน ๑. อันตรายของสารเสพติด 3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา สารบางอยางท่ีอยูใกล อันตรายของสารเสพตดิ ที่นกั เรียนควรรู้ มีดงั นี้ ตัวเรากจ็ ัดเปน สารเสพติดดวย เชน กาว ทนิ เนอร บหุ รี่ สรุ า เปน ตน บุหรี่ 4. ใหนกั เรียนแบง กลมุ 3 กลุม ใหแ ตละกลมุ ในบุหร่ีมีสารนิโคติน ซ่ึงให้โทษต่อร่างกาย อาจท�าให้เกิด ศึกษาอันตรายของสารเสพติด กลมุ ละ 1 ชนดิ โรคตา่ งๆ เช่น ดังน้ี โรคความดนั โลหติ สูง โรคปอด • กลุมท่ี 1 ศึกษา บุหรี่ • กลุมที่ 2 ศกึ ษา สรุ า • กลุมที่ 3 ศึกษา ยาบา จากนั้นใหแ ตละกลมุ สง ตวั แทนออกมารายงาน หนา ชน้ั 4. ใหน กั เรียนแตละกลุมรว มกนั คิดวา จะปอ งกนั อนั ตรายจากสารเสพตดิ ไดอยางไร โรคหลอดลมอกั เสบ โรคหวั ใจ โรคมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง สุรา สรุ ามสี ว่ นประกอบของแอลกอฮอลท์ เ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ รา่ งกาย เมื่อด่มื มากๆ จะสง่ ผลตอ่ ร่างกาย เชน่ มีอาการประสาทหลอน เบอื่ อาหาร เป็นโรคพิษสรุ าเรอ้ื รงั ตับแขง็ / ตบั อักเสบ 77 ขอ สอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู ขอใดไมใชโ รคทีเ่ กิดจากการสูบบุหรตี่ ิดตอ กนั เปนเวลานาน 1 สารเสพติด แบงลักษณะออกเปน 4 ประเภท คือ ก. โรคหัวใจ • ประเภทกดประสาท ไดแ ก ฝน มอรฟ น เฮโรอนี ยานอนหลับ ยากลอ ม- ข. โรคมะเร็งปอด ค. โรคถงุ ลมโปงพอง ประสาท เครื่องดม่ื มึนเมา สารระเหย เชน ทินเนอร แล็กเกอร กาว เปน ตน ง. โรคกระเพาะอาหารอกั เสบ ผเู สพตดิ จะมีรางกายซบู ซดี ออนเพลยี ฟุงซาน อารมณเปลี่ยนแปลงงาย วิเคราะหคาํ ตอบ การสูบบหุ รีต่ ิดตอ กันเปนเวลานาน จะทาํ ใหเกิดโรค เกยี่ วกบั ระบบการหายใจ ไดแก โรคมะเร็งปอด โรคถงุ ลมโปง พอง • ประเภทกระตนุ ประสาท ไดแก ยาบา ยาอี กระทอม โคเคน เคร่ืองด่ืมทีม่ ี โรคหัวใจ เปน ตน สวนโรคกระเพาะอาหารอกั เสบเปนโรคเกีย่ วกับระบบ คาเฟอนี ผูเสพติดจะมีอาการหงุดหงดิ กระวนกระวาย จติ สับสน หวาดระแวง มีอาการคลมุ คลงั่ เชน ทาํ รายตนเอง หรอื ทาํ รา ยผอู นื่ เปนตน ยอยอาหาร ดังนน้ั ขอ ง. เปนคาํ ตอบทถ่ี กู • ประเภทหลอนประสาท ไดแก แอลเอสดี เห็ดขี้ควาย บารบทิ ูเรต ยาเค เปนตน ผูเสพติดจะมีอาการประสาทหลอน ฟนเฟอน หแู วว ไดยินเสยี งประหลาด หรอื เห็นภาพหลอนท่ีนากลวั ควบคมุ ตนเองไมไ ด ในทส่ี ดุ มกั ปวยเปนโรคจติ • ประเภทออกฤทธิผ์ สมผสาน ไดแ ก กญั ชา คอื ออกฤทธิ์ทงั้ กระตุน กด และหลอนประสาทรวมกัน ผูเสพตดิ มักมีอาการหวาดระแวง ความคิดสบั สน เห็นภาพลวงตา หแู วว ควบคมุ ตนเองไมไ ด และปวยเปน โรคจติ ได คูมอื ครู 77
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนักเรยี นรว มกันสรุปอันตรายจากบุหร่ี สุรา ยาบา้ และยาบา วามอี นั ตรายตอสขุ ภาพมาก เปน็ ยาท่เี สพเข้าไปแลว้ จะรสู้ กึ กระปรีก้ ระเปร่า เพราะยาบ้า ถงึ แมวาเราจะไมไดเ สพเอง แตก ็อาจเกดิ มีฤทธก์ิ ระตุน้ ประสาท หากเสพมากข้นึ จะมีผลเสยี ดงั น ี้ อนั ตรายถา อยูใ กลผ ูทีเ่ สพสารเสพตดิ เหลาน้ไี ด มีอาการทางจิต พดู ไม่รเู้ รือ่ ง เหน็ ภาพหลอน หลงคิดวา่ มีคนมาท�าร้าย 2. ครตู ้ังคําถาม และใหน ักเรียนชวยกันตอบวา • นกั เรยี นคดิ วา เพราะเหตุใดจงึ ยังมคี นเสพ ๒. การปอ้ งกนั ตนเองจากสารเสพตดิ สารเสพติดท้ังทีอ่ าจทราบวา สารเหลา น้ีเปน สารเสพติดทุกชนิด เป็นอันตรายต่อตัวเราและคนรอบข้าง อนั ตรายตอ สขุ ภาพ ทง้ั สิน้ เราทกุ คนจงึ ควรหลกี เลี่ยงสารเสพตดิ โดยปฏิบตั ิ ดงั น้ี (แนวตอบ อาจเกดิ จากหลายปจจัย เชน - คานยิ มทางสังคม ทค่ี ดิ วาการเสพสิง่ เหลาน้ี ๑) ถ้ามคี นชวนเสพสาร ๒) ทา� กิจกรรมท่มี ีประโยชน์ เปนสิ่งที่ทําใหด ดู ี เสพตดิ ใหป้ ฏเิ สธคา� ต่อร่างกายในเวลาวา่ ง - ความรูท ีผ่ ิด เพราะคดิ วาเสพสง่ิ เหลา นแี้ ลว ชักชวนอย่างจริงจงั เชน่ เล่นกฬี า เลน่ ดนตรี อาจทาํ ใหทาํ งานไดน าน คลายเครยี ดได - ถูกหลอก โดยอาจมคี นชักชวนใหเ สพ สารหเสยพุด ต ิด เป็นต้น โดยไมทราบวาเปนสารเสพตดิ ) • ถามสี มาชกิ ในครอบครวั ของนกั เรียนดมื่ สรุ า ๓) หลีกเล่ียงหรือเดนิ หนี ๔) ถ้าพบเพอื่ นทต่ี ดิ สาร หรอื สบู บุหรี่ นักเรียนควรทําอยา งไร จากผทู้ ต่ี ิดสารเสพตดิ เสพตดิ ใหร้ บี แจง้ ครหู รอื (แนวตอบ ขอรองใหเลิกดืม่ สุราหรือสบู บหุ รี่ ผู้ใหญท่ ี่ไวใ้ จไดท้ นั ที เพราะเปน อันตรายตอ สุขภาพ) • ถา นกั เรียนพบเพอ่ื นทส่ี บู บุหร่หี รอื ด่มื สรุ า ไม่ครบั ¼มไม่เʾ ไม่คÐ่ ไมÅ่ อ§ค่Ð นักเรียนควรทาํ อยา งไร (แนวตอบ ควรหา มเพ่ือน แตถาเพ่อื น 78 ไมยอมเลิก ใหรบี แจง ครใู หท ราบทนั ที) • นกั เรียนจะมวี ิธปี องกันตนเองจากสารเสพตดิ ไดอยา งไร (แนวตอบ ไมรบั อาหารหรอื ขนมจาก คนแปลกหนา เพราะอาจสอดไสส ารเสพติด ปฏเิ สธคาํ ชักชวนอยางหนักแนนวา “ไม” ถามีผูชักชวนใหลองเสพสารเสพติด) 3. ใหน กั เรยี นรวมกันสรุปอันตรายจากสารเสพตดิ และครเู นนใหน กั เรียนหลีกเลยี่ งสารเสพตดิ และปฏเิ สธอยา งหนักแนนในการทดลอง เสพสารเสพติด เกรด็ แนะครู บรู ณาการเชอื่ มสาระ ครบู ูรณาการความรูในสาระสุขศึกษาฯ กบั สาระสงั คมฯ วิชาสังคมฯ ครูแนะกจิ กรรมท่ที ําใหนักเรยี นหางไกลสารเสพติด ดงั นี้ ศึกษา เร่ือง พลเมอื งดี โดยใหน กั เรียนปฏิบัติตนเปนพลเมอื งทีด่ ใี นการ 1. คนหากฬี าที่ชอบ แลว ชกั ชวนใหเพอื่ นมาเลน กฬี าดวยกัน สอดสองดแู ลไมใหเพอื่ นหรอื คนใกลช ดิ ติดสารเสพติด หรอื หากพบกใ็ หร ีบ 2. รองเพลงหรอื เลน ดนตรี แจงครูทันที เพ่อื ใหน กั เรียนมที ักษะในการปองกนั ตนเองและผูอน่ื จาก 3. ทาํ งานศลิ ปะ เชน วาดภาพดวยมือหรือคอมพวิ เตอร สารเสพติด 4. ทอ งเท่ยี วทางธรรมชาติ เพอ่ื เรียนรโู ลก 5. ทาํ กิจกรรมเพื่อสังคม บรู ณาการอาเซียน ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา อาเซยี นเหน็ ความสาํ คญั ของปญ หาสารเสพตดิ จงึ ไดร ว มมอื กนั ปองกนั และปราบปรามสารเสพตดิ เพอื่ ใหอาเซียนเปนเขตปลอดยาเสพติดภายใน ป 2558 โดยเนน สกดั กน้ั สารเสพตดิ ทงั้ ภายในและภายนอกภมู ภิ าค พรอ มปราบปราม กลมุ ผูคา ยาเสพติดอยา งจรงิ จัง 78 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ สารอันตรายใกลต้ วั 1. ใหนกั เรยี นยกตัวอยา งสารเคมีที่ใชใ นชีวติ ประจาํ วนั ต้ังแตเชาจนเย็น เชน สบู แชมพู ในปัจจบุ นั เรานา� สารเคมมี าใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจ�าวนั อยู่ สระผม ผงซักฟอก นา้ํ ยาลา งจาน น้าํ ยาลาง- หลายชนิด ซ่ึงถ้าเราใช้สารเหลา่ นี้อยา่ งไม่ระมดั ระวัง ก็อาจเกดิ โทษ หองน้าํ เปน ตน ตอ่ รา่ งกาย ดงั นน้ั เราจงึ ควรเรยี นรอู้ นั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ และการปอ้ งกนั ตนเองจากสารอันตรายใกลต้ วั ดงั นี้ 2. ครูถามนักเรยี นวา เคยมใี ครแพส ารเคมี เหลา น้หี รอื ไม ถามีใหน ักเรียนออกมาเลา สารใกล้ตวั อนั ตราย วิธปี อ้ งกัน อาการใหเพือ่ นฟง แตถ าไมมคี รอู าจเลา ให นกั เรียนฟงวา ถา ผใู ชบ างคนแพสารเคมใี น สบ1ู่ เป็นสารที่ใช้ • ในปัจจุบันมีการใส่สีและ • เ ลอื กใช้สบทู่ ่ีไม่มีส่วนผสมของ ผลิตภัณฑเ หลา นี้ อาจทําใหเ กิดการพพุ อง น้า� หอมลงในสบ ู่ อาจทา� ให้ น้า� หอม คันบรเิ วณผิวหนงั ได ท�าความสะอาดร่างกาย ผใู้ ชเ้ กดิ อาการแพ ้ เกดิ ตมุ่ ใส • ถ ้าใช้แล้วเกดิ อาการคันใหห้ ยดุ ใชท้ นั ที 3. ใหนักเรียนศึกษาอนั ตรายของสารเคมที ่ใี ชใน ชวี ิตประจาํ วนั และการปองกันอนั ตรายจาก • อ าจเกดิ อาการแพ้ • ถ า้ ใช้แลว้ เกิดอาการแพ้ เชน่ หนงั สอื หนา 79 - 80 • เ มอ่ื เขา้ ตาจะทา� ใหแ้ สบ มีผน่ื คนั บนหนังศรี ษะ ผมร่วง มากผดิ ปกต ิ เปน็ ตน้ ควรหยดุ ใช้ 4. ครูตง้ั คาํ ถามแลว ใหนกั เรียนรว มกันตอบวา และระคายเคอื ง • ถา นกั เรียนใชสารเคมใี นชีวิตประจําวนั • ระวงั ไม่ใหย้ าสระผมเข้าตา แลวเกิดอาการระคายเคืองท่ผี วิ หนัง นกั เรยี นควรทําอยา งไร ยาสระผม เปน็ สารที่ • ก ารสดู ดมเป็นเวลานานจะ • หลีกเลย่ี งการใชท้ นิ เนอร์ (แนวตอบ หยดุ ใชสารเคมีนั้นทันที และถา ท�าใหเ้ กดิ การระคายเคอื ง • ควรใชผ้ า้ ปดิ ปากปดิ จมกู แพมาก ตองไปพบแพทยท ันที) ใช้ท�าความสะอาดผม • กอ นใชสารเคมี นักเรยี นควรทาํ อยางไร • เป็นสารเสพตดิ ได้ เมอ่ื ตอ้ งอยบู่ รเิ วณทม่ี ีการใช้ เพือ่ ใหเ กดิ ความปลอดภยั ทนิ เนอร ์ 2เป็นสารเคมี ทินเนอร์ (แนวตอบ ควรอา นฉลากเพื่อดวู ธิ ีใชและ คําเตือนอนั ตรายกอนใช หรือทดลองใชวา ท่ีใช้ผสมในสีทาบา้ น แพห รือไมกอ นใชจริง) น้�ายาลา้ งเลบ็ หรือ 5. ใหนกั เรียนรว มกันสรปุ อันตรายและวิธปี อ งกัน สารเคลอื บเงา อันตรายจากสารเคมีในชวี ติ ประจาํ วัน 79 ขอ สอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู ถาใชส บหู รอื ผงซกั ฟอก แลว มีอาการคนั ผิวหนงั เปนผดผนื่ ควรทาํ 1 สบู มี 2 ประเภท คือ อยา งไร เพราะเหตุใด • สบสู าํ หรับทาํ ความสะอาดรา งกาย มีฤทธิเ์ ปนดา งอยา งออน เพือ่ ไมใ ห แนวตอบ เลกิ ใชสบูหรอื ผงซักฟอกยห่ี อนนั้ ทันที เพราะทาํ ใหเ กดิ อาการแพ ซงึ่ ถามีอาการแพมาก ควรรีบไปพบแพทย ระคายเคืองผิวหนงั • สบซู กั ผา จะมีฤทธ์ิเปน ดา งมากกวา เพือ่ ใหส ามารถทาํ ความสะอาด สง่ิ สกปรกทเี่ กาะตดิ อยกู บั เส้ือผา ได ดงั นน้ั ในการเลอื กใชส บู จึงตองใชใหถ กู ประเภท 2 ทินเนอร เปน สารระเหยชนดิ หนง่ึ มฤี ทธ์ทิ ําลายระบบประสาท หากใชผิด วัตถปุ ระสงคหรือใชตดิ ตอกันเปนเวลานานจะกอ ใหเ กดิ อันตรายตอ รางกาย คอื • อันตรายแบบเฉียบพลนั ไดแ ก หายใจติดขดั ผวิ หนังแหง แตก รสู กึ แสบตา ตาแดง น้าํ ตาไหล เปน ตน • อันตรายแบบเรอ้ื รงั ไดแ ก อวยั วะ เชน ตับ ไตทํางานผิดปกติ ผิวหนงั อกั เสบ เปน ตุม พุพอง ตาพรา มัว และอาจตาบอดได เปน ตน คมู อื ครู 79
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน ักเรียนเขยี นคาํ ขวัญเพอื่ ตอตานสารเสพตดิ สารใกล้ตวั อันตราย วธิ ปี อ้ งกัน มาคนละ 1 คาํ ขวัญ จากน้นั ตกแตงใหส วยงาม แลวครนู ําไปจดั ปา ยนิเทศ • เมอ่ื ละอองเขา้ ตาจะท�าให้ • หลกี เลยี่ งการอยู่ใกล้ผ้ทู ี่ใช้ แสบและระคายเคอื ง สเปรย์ฉีดผม 2. ใหนกั เรยี นแบง กลุม ใหแ ตล ะกลมุ คดิ สถานการณปฏิเสธสารเสพตดิ แลว ออกมา • เมือ่ สูดดมเขา้ ไปอาจท�าให้ • ไมค่ วรนงั่ อยู่ใต้ลมในทิศทางท่ี แสดงบทบาทสมมตุ ิท่หี นาชัน้ ละอองของสเปรย์จะลอยมา ระคายเคืองจมูกหรอื เกดิ 3. ใหน ักเรียนทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.2 จาก สเปรย์ฉดี ผม เปน็ สาร อาการวงิ เวยี นศรี ษะ แบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยตอบคาํ ถาม เกีย่ วกบั สารเสพติดและเตมิ ขอ มลู เกี่ยวกบั ท่ีใชต้ กแต่งทรงผม สารเคมใี นชีวติ ประจาํ วัน • อาจท�าให้ผ้ใู ชเ้ กดิ อาการ • ถ้าใช้แลว้ เกดิ อาการแพ ้ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ สุขศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 5.2 ระคายเคืองและอาการแพ้ ควรหยุดใชท้ นั ที แบบประเมนิ ตัวช�ว้ ัด พ 5.1 ป.2/3 คัน หรอื ผวิ หนงั ลอกได้ • ค วรทดสอบกอ่ นใช้ว่าท�าให้ แบบฝกกิจกรรมท่ี ๒ สารอนั ตรายใกลต ัว ผงซักฟอก1 เปน็ สารท่ี เกิดอาการแพห้ รอื ไม ่ โดยการ คาํ ช้แี จง : การเรยี นรเู รอ่ื งอนั ตรายของสารเคมใี กลต วั ทาํ ใหป อ งกนั อนั ตราย ผสมผงซักฟอกกบั น้า� แล้วน�า ใช้ชะล้างส่งิ สกปรก มาทาบรเิ วณทอ้ งแขนดา้ นใน ท่ีจะเกิดขึน้ ได แล้วล้างออก ถา้ ๒ - ๗ วนั มผี ื่นข้ึนแสดงว่าแพ้ ขีด ✓ หนาขอ ท่ีถกู ตอง และกา ✗ หนาขอ ทีผ่ ดิ • ถ้าสูดดมหรอื กนิ เข้าไป • ใ ช้ตามคา� แนะน�าทีอ่ ยู่บนฉลาก ……✗…….. ๑) เราไมควรใชส บทู กุ ชนดิ เพราะเปน อนั ตรายตอผวิ หนงั จะทา� ใหเ้ กิดอาการคลืน่ ไส ้ อยา่ งระมัดระวงั ……✓…….. ๒) ถาใชผ งซักฟอกแลว มีอาการคัน ควรหยุดใชท นั ที อาเจยี น อ่อนเพลีย ชา • ส วมถุงมอื และใช้ผา้ ปดิ ปาก ……✓…….. ๓) หลงั ใชย าฆา แมลงเสรจ็ แลว ควรลางมือใหส ะอาด แสบริมฝปาก ปวดศรี ษะ และจมูก ขณะใชต้ ้องอยู่ ……✗…….. ๔) ขณะลา งหองนํ้า ใหใ ชม อื เปลาขัดพืน้ ท่รี าดนาํ้ ยาทิง้ ไว และอาจเสยี ชีวิตได้ เหนอื ลม ……✓…….. ๕) ควรใชผ า ปด ปากและจมูก ขณะฉีดยาฆาแมลง ยาฆ่าแมลง2 • ล ้างมือให้สะอาดทกุ ครัง้ เปน็ สารเคมที ่ีใชก้ �าจดั แมลง หลงั จากท่ีใชเ้ สร็จแลว้ แบบประเมนิ ผลการเรยี นรตู ามตวั ชวี้ ดั ประจาํ หนวยที่ ๕ บทท่ี ๒ เฉฉบลบั ย • ถา้ เขา้ ตาอาจทา� ใหต้ าบอดได้ • ระวังไม่ให้ผลิตภณั ฑ์ลา้ งหอ้ งน้�า กิจกรรมรวบยอดที่ ๕.๒ • ถ า้ สมั ผสั กบั ผิวหนัง เข้าตา จมกู ปาก และผวิ หนงั จะทา� ใหผ้ ิวหนังอักเสบ จงึ ควรสวมถงุ มอื และรองเทา้ บตู แบบประเมนิ ตวั ชว้ี ัด พ ๕.๑ ป.๒/๓ บวมแดง • ค วรล้างมือใหส้ ะอาดทุกครั้ง • ระบุโทษของสารเสพตดิ สารอนั ตรายใกลตัว และวิธีปอ งกัน • ถ ้ากินเข้าไป จะทา� ใหแ้ สบ หลังใชเ้ สรจ็ แล้ว 3 ไหมใ้ นปาก หลอดอาหาร • ถ ้ามีอาการแพส้ ารเคมี เช่น ชุดท่ี ๑ ๒๐ คะแนน ผลติ ภณั ฑล์ า้ งหอ้ งนา้� กระเพาะอาหาร และอาจ รู้สึกแสบผวิ หนัง มผี น่ื แดง ใชท้ มา� คฤี วทาธมิเ์ ปสะน็ อการดดหสอ้ ูง4งนา�้ ถึงตายได้ ควรหยุดใชท้ นั ที ๑ ตอบคําถามตอ ไปนี้ ๑) บหุ ร่ีมีอนั ตรายตอ ผูสบู อยา งไร (ยกตัวอยา งมา ๒ ขอ ) (๑) ทาํ ใหเปนโรคถุงลมโปง พอง............................................................................................................................................................................................ (๒) ทําใหเ ปน โรคมะเร็งปอด............................................................................................................................................................................................ ๒) เพราะเหตุใดจึงไมควรด่มื สุรา ..เ..พ.....ร....า..ะ...ท.....ํา...ใ..ห.....ร....า ...ง...ก....า...ย....เ..ส.....่อื ...ม....โ...ท....ร....ม....แ...ล.....ะ...เ.ป.....น.....โ..ร....ค........เ.ช....น........โ...ร...ค.....พ....ิษ.....ส....ุร....า...เ..ร....้ือ....ร...งั............ โรคตบั อกั เสบ เปนตน ๕๙............................................................................................................................................................................................ 80 นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ผงซกั ฟอก เราไมควรนาํ ผงซักฟอกสาํ หรับซกั ดวยเครือ่ งซักผา มาใชซักผา ดว ย ใหนกั เรยี นหาขา วเก่ียวกับสารเสพตดิ มาเลา ใหเพอ่ื นฟง และบอก มอื เพราะผงซักฟอกทีซ่ กั ดวยเคร่อื ง จะมสี ารเคมที ม่ี ีฤทธิ์รนุ แรงซ่งึ อาจทาํ ใหเ กดิ ผลเสยี ที่เกดิ ขนึ้ อนั ตรายตอ ผูใช เชน ผวิ หนงั เปอ ย พพุ อง และลุกลามเปนนาํ้ เหลอื ง เปน ตน 2 ยาฆา แมลง ควรเก็บไวใหพนมอื เด็ก เพอ่ื ปองกันไมใ หเ ดก็ หยบิ ไปเลน กิจกรรมทาทาย แลวเกิดอนั ตรายตอ ตวั เดก็ ได 3 ผลติ ภัณฑล า งหอ งนํ้า สว นใหญผ ลติ ภัณฑเ หลานี้ใชส ารเคมีท่มี ฤี ทธ์ิ ใหนักเรียนอานขาวเกีย่ วกบั สารเสพตดิ จากนน้ั ออกมาเลา ใหเพือ่ นฟง กดั กรอนสงู ขณะใชจงึ ควรใสถงุ มอื ยางและหนากากปอ งกนั ทกุ คร้ัง และเก็บใหพ น แลว วเิ คราะหส าเหตุ อนั ตรายที่เกดิ ขนึ้ และวธิ ปี อ งกันอันตรายจาก จากเด็กเลก็ และสัตวเ ลยี้ ง สารเสพติดน้ี จากนั้นใหน กั เรียนนําขอ มลู มาจดั ปา ยนิเทศเพ่ือเผยแพร 4 มฤี ทธิ์เปน กรดสูง ผลิตภณั ฑทาํ ความสะอาดหอ งนา้ํ นอกจากจะมฤี ทธ์ทิ าํ ลาย อนั ตรายจากสารเสพติด ผวิ หนัง เนือ้ เยื่อตา งๆ ของรางกายแลว ยงั มฤี ทธิ์กัดกรอ นโลหะ ปูนยาแนวกระเบ้ือง ทาํ ใหก ระเบื้องหลดุ รอ นงา ย ขณะเดยี วกันเม่ือระบายลงสลู าํ คลองสาธารณะ กย็ งั มี ผลกระทบตอส่ิงแวดลอม ทั้งสตั วน้าํ และพชื นํ้าอีกดวย 80 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบความถูกตอ งและเหมาะสมของ เน้ือหาของคาํ ขวญั ตอ ตา นสารเสพตดิ ตอนที ่ ๑ คา� ถามชวนคิด เขียนตอบค�าถามต่อไปนล้ี งในสมดุ 2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งและเหมาะสมของ ๑) ถา้ นักเรียนเหน็ คนสูบบหุ ร ่ี หรอื ด่ืมสุรา นักเรียนควรทา� อยา่ งไร การแสดงบทบาทสมมุติการปฏเิ สธสารเสพติด ๒) น กั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรเมอื่ ไดย้ นิ ขา่ วเกยี่ วกบั ผทู้ ต่ี ดิ สารเสพตดิ ทา� รา้ ยคนอนื่ ๓) น กั เรยี นคดิ วา่ จะเกดิ อะไรขนึ้ ถา้ ชาวสวนไมส่ วมเสอื้ ผา้ มดิ ชดิ และไมส่ วมใส่ 3. ครตู รวจสอบความถกู ตองของการทํากิจกรรม รวบยอดท่ี 5.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป. 2 หน้ากากป้องกนั ขณะฉดี ยาฆ่าแมลง และจะมผี ลกระทบอยา่ งไร ๔) การฉดี ยาฆา่ แมลงภายในบา้ น ควรท�าอย่างไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู 1. คําขวญั ตอตา นสารเสพติด 2. แบบประเมนิ การแสดงบทบาทสมมุติ 3. กจิ กรรมรวบยอดท่ี 5.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป. 2 ตอนท่ ี ๒ ชวนคิด ชวนทา� ๑. ดูภาพ แลว้ บอกว่าภาพเหล่าน้ีคืออะไร และมีอันตรายอย่างไร ๑) ๒) ๓) ๔) ลนา้้�างยหา้องน้�า ๒. อ่านข้อความทกี่ า� หนดให ้ แลว้ แสดงความคดิ เหน็ วา่ เห็นดว้ ยหรือไมเ่ หน็ ดว้ ย พรอ้ มทัง้ บอกเหตุผล ๑) การสบู บหุ ร่ีเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ ๒) การดม่ื สรุ าครง้ั ละนอ้ ยๆ จะไม่ทา� ให้ตดิ สรุ า ๓) ผทู้ ฉี่ ลาดควรจะปฏเิ สธเมอ่ื มผี ้ยู น่ื สารเสพติดให้ ๔) ยาฆา่ แมลงเป็นอนั ตรายต่อผูใ้ ช้ด้วย ตอนที่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ น กั เรียนคดิ ค�าขวญั เพื่อต่อตา้ นสารเสพติดมา ๑ ค�าขวัญ แล้วเขียนบนกระดาษ พร้อมท้งั ตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นน�าไปจัดปา้ ยนิเทศ 81 เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู 2) สบู มอี นั ตราย คอื อาจทาํ ใหผใู ชเ กดิ อาการแพ เกิดตุมใส ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคิด 3) ยาฆา แมลง มีอันตราย คือ ถาสดู ดม หรือกินเขาไปจะทาํ ใหเ กดิ อาการ แนวตอบ คลืน่ ไส อาเจียน แสบริมฝป าก อาจเสียชวี ติ ได 1) ควรหลกี เลี่ยง ไมเขาใกล โดยเฉพาะคนทสี่ ูบบหุ ร่ี เพราะในควนั บุหรี่ 4) นํา้ ยาลางหอ งน้าํ มอี ันตราย คือ ถา กระเด็นเขา ตา อาจทําใหตาบอด มีสารพษิ ท่เี ปน อันตรายตอ รางกาย ถา สมั ผัสกับผิวหนงั อาจทาํ ใหผ วิ หนังอักเสบ ถากนิ เขาไป อาจทําใหต ายได 2) คาํ ตอบข้นึ อยูก บั นักเรียนแตละคน 2. แนวตอบ 3) รางกายจะมอี าการออนเพลีย รสู กึ ชา อาจมีอาการคล่นื ไส อาเจยี น 1) เห็นดว ย เพราะบหุ รมี่ ีสารนโิ คติน และสารอนื่ ๆ ซึ่งใหโทษตอรางกาย และปวดศรี ษะ หากไดร บั ยาฆา แมลงในปรมิ าณมากอาจทาํ ใหเ สยี ชวี ติ ได 2) ไมเหน็ ดวย เพราะสรุ ามสี วนประกอบของแอลกอฮอลที่เปน อันตรายตอ 4) ระหวา งฉีดยาฆา แมลงควรสวมใสเสอื้ ผา มิดชิดเพ่ือไมใ หยาฆาแมลง รางกาย สัมผัสผิวหนัง ใชผ า ปด ปากและจมกู และควรยนื อยเู หนอื ลม เพ่อื ไมใ ห 3) เห็นดวย เพราะสารเสพตดิ มีอนั ตรายตอรางกาย ทําใหสุขภาพเส่ือมโทรม ละอองของยาฆาแมลงพดั เขาหาตัวเรา หลงั ฉดี ยาฆาแมลงเสรจ็ แลว ควรลา งมอื ลางหนา หรืออาบน้ําเปลี่ยนเส้อื ผาทกุ ครั้ง และขาดสตสิ ัมปชัญญะ เนอ่ื งจากฤทธิข์ องสารเสพติดที่มตี อระบบประสาท ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 4) เหน็ ดวย เพราะถาสดู ดมหรอื กินเขาไป จะทาํ ใหคลื่นไส อาเจยี น ออ นเพลยี 1. แนวตอบ 1) ผงซักฟอก มีอนั ตราย คอื อาจทาํ ใหผ ใู ชเ กดิ อาการระคายเคอื ง มอี าการชา แสบริมฝปาก ปวดศรี ษะ และอาจตายได และอาการแพ คนั หรือผวิ หนงั ลอกได คูม ือครู 81
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Engage öExpand Evaluate กระตนุ ความสนใจ 1. ครูเปดเพลงทีม่ ีจงั หวะสนุกสนานและเปน เพลง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ที่นยิ มในปจ จบุ นั แลว ขออาสาสมคั รออกมา กจิ กรรมหรรษา เปนผูน ําในการทาํ ทา ประกอบเพลงตามอิสระ จากนั้นครซู กั ถามความรสู กึ ของนกั เรียนจาก เปา้ หมายการเรยี นรูป้ ระจ�าหนว่ ยที่ ๖ การทํากจิ กรรมนี้ เมือ่ เรยี นจบหนว่ ยน� ้ ผู้เรยี นจะมีความรู้ 2. ครสู นทนาซักถามนักเรียนวา นกั เรียนเคย ความสามารถต่อไปน้� ออกกําลงั กายอะไรบา ง ออกกําลงั กายเมือ่ ใด ๑. ควบคุมการเคล่ือนไหวรา่ งกายขณะอยกู่ บั ท่ ี และชอบออกกําลังกายดวยวธิ ใี ดมากทีส่ ุด เคล่อื นท่ีและใช้อปุ กรณ์ประกอบ (มฐ. พ ๓.๑ ป.๒/๑) ๒. เ ลน่ เกมเบ็ดเตลด็ และเข้าร่วมกจิ กรรมทางกาย ท่วี ิธีเลน่ อาศัยการเคลอื่ นไหวเบื้องตน้ ทัง้ แบบอยู่ กับที่ เคล่ือนท่ ี และใชอ้ ุปกรณ์ประกอบ (มฐ. พ ๓.๑ ป.๒/๒) ๓. ออกกา� ลงั กายและเลน่ เกมได้ดว้ ยตนเองอยา่ ง สนุกสนาน (มฐ. พ ๓.๒ ป.๒/๑) ๔. ปฏิบัตติ ามกฎ กติกา และข้อตกลงในการเล่น เปน็ กลุ่ม (มฐ. พ ๓.๒ ป.๒/๒) เกรด็ แนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ ครบู ูรณาการความรใู นสาระสุขศกึ ษาฯ กบั สาระศลิ ปะ วชิ าดนตรฯี กอ นเรมิ่ เรยี นชัว่ โมงพลศึกษาทกุ ครัง้ ครคู วรตรวจสุขภาพและความพรอมของ โดยใหนกั เรียนเลอื กเพลงที่สนใจ แลว นํามารอ งและแสดงทาทางเคลื่อนไหว นกั เรียน ดังน้ี ประกอบเพลงตามอิสระ เพอื่ ใหนกั เรียนรูสกึ สนุกสนานกับการเคลื่อนไหว 1. ใหน ักเรยี นเขา แถวตอน 4 แถว 2. ใหค รตู รวจความเรียบรอยของเคร่ืองแตง กายและความพรอมของสขุ ภาพ รางกายของนกั เรยี นแตละคน 3. ครตู กั เตอื นใหน กั เรียนแตง กายใหเ รยี บรอ ยและดูแลสุขภาพใหดีกอ นเรียน พลศึกษาเพ่อื ใหเกดิ ความปลอดภัย 82 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ñบทที่ เปาหมายการเรียนรู สาระสา� คัญ • เคลือ่ นไหวรา งกายเพ่ืออบอนุ รางกายไดดวย การอบอุ่นรา่ งกายเป็นการเตรียมความพร้อม ตนเองอยางสนกุ สนาน (พ 3.1 ป.2/1) ของรา่ งกายกอ่ นออกกา� ลงั กาย เพอ่ื ใหร้ า่ งกาย เตรียมความพรอ ม มคี วามปลอดภัย สมรรถนะของผเู รียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการคิด คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 2. ใฝเ รยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหนักเรียนเคลือ่ นไหวรางกายตามทตี่ นเองคดิ แลวครูถามนกั เรยี นวา การเคล่อื นไหว ของนกั เรยี นเปน การออกกาํ ลงั กายหรือไม เพราะอะไร 2. ใหน กั เรียนจบั ชพี จรแลวบอกวา ชพี จร มกี ารเตนอยางไร หลงั การเคลือ่ นไหว ? น¡ั เรÕÂนเคÂทíÒ¡¨Ô ¡รรมเËม×อนเ´¡ç ãนÀÒ¾ Ëรอ× ไม่ áÅÐทíÒเ¾×èออÐไร 83 เกรด็ แนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหน กั เรียนปฏบิ ัติ ดงั น้ี • สงั เกตการสาธติ การอบอนุ รา งกาย • อบอุนรา งกายตามขัน้ ตอน • วิเคราะหขอ บกพรองและหาแนวทางแกไ ขการอบอนุ รา งกายของตนเอง จนเกดิ เปน ความรูความเขาใจวา กิจกรรมอบอุนรางกายเปนการเตรียม ความพรอ มของรา งกาย เพ่ือใหป ฏบิ ัติกิจกรรมออกกาํ ลังกายไดอ ยางปลอดภยั คูมอื ครู 83
กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหน กั เรียนสํารวจตนเองกอนอบอุนรา งกาย ๑ การอบอนุ่ รา่ งกาย1 2. ใหนักเรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามภาพ หนา 83 การอบอนุ่ รา่ งกายเปน็ การเตรยี มความพรอ้ มของรา่ งกายกอ่ น จากน้ันครใู หนักเรยี นสังเกตตนเองหลังปฏบิ ัติ ท่ีจะออกก�าลงั กาย ในการอบอ่นุ ร่างกายเพอ่ื ใหไ้ ด้ผลด ี ควรใชเ้ วลา กิจกรรมวา รางกายมกี ารเปลี่ยนแปลงอยางไร ประมาณ ๕ - ๑๐ นาที ซ่ึงมีตัวอยา่ ง ดงั นี้ และนกั เรียนรูสึกอยางไร 3. ใหนักเรียนรว มกันอภปิ รายวา เพราะอะไร ๑. ทา่ บรหิ ารคอ จึงตองอบอุนรา งกาย แลวสรุปผล ๑) ยนื ตัวตรง แยกเทา้ เทา่ ความกว้างของไหล ่ มือทง้ั สอง 4. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา การอบอนุ รางกายเปน จับทเ่ี อว การเตรียมความพรอมของรา งกายกอน ๒) กม้ คอ แหงนคอ หมุนคอไปทางขวาและทางซ้าย ออกกาํ ลงั กาย เพอื่ ไมใ หก ลา มเนอ้ื ไดร บั บาดเจบ็ ๓) ยกไหลข่ น้ึ ให้สงู ทีส่ ุด แลว้ กลบั สูท่ ่าเริ่มต้น ดงั น้นั กอ นออกกําลงั กายจึงควรอบอนุ รางกาย ๒. ทา่ บริหารไหล่ ทกุ ครั้ง ๑) ยืนตัวตรง แยกเทา้ เทา่ กับความกวา้ งของไหล่ มือท้ัง 5. ใหนกั เรียนแบงกลมุ แลวใหแ ตละกลุม ศกึ ษา สองข้างแตะศีรษะ กางแขนทงั้ สองขา้ งออก วิธอี บอุนรา งกายจากหนังสอื เรยี น หนา 84 - 86 ๒) ใหด้ งึ ข้อศอกท้ังสองเข้าหากัน ขา้ งหน้าใบหนา้ อยา่ งช้าๆ ๓) กางขอ้ ศอกกลบั สทู่ ่าปกติ 84 นักเรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครบู รู ณาการความรูใ นสาระสขุ ศึกษาฯ กบั สาระศิลปะ วิชาดนตรฯี โดย 1 การอบอนุ รา งกาย หรือวอรมอัพ (Warm up) มีความสําคญั มากในการ ใหนักเรียนรอ งเพลงส้ันๆ ทเี่ พ่อื นๆ สามารถรอ งเพลงตามได ประกอบการ ออกกาํ ลงั กายหรอื เลน กฬี า เพราะเปน การเตรยี มอวยั วะทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การเคลอ่ื นไหว ทําทาบริหารรา งกาย เพ่อื ใหเกิดความสนกุ สนานและความมสี ว นรวมในการ ใหพรอมทจ่ี ะทาํ กจิ กรรมหรอื ทาํ งานหนักได โดยมีจุดมงุ หมาย คอื เพิ่มอุณหภูมิ ทาํ กิจกรรมของนักเรียน ในรา งกายใหส ูงข้นึ และยงั เปนการชว ยยดื เสนเอน็ ทาํ ใหร างกายมีความออนตวั สามารถออกกําลังกายหรือเลนกฬี าอยา งปลอดภยั 84 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. ท่าบริหารล�าตัว 1. ครสู ุม เรียกนกั เรยี นออกมาสาธติ การปฏบิ ตั ิ ทา่ ที่ ๑ กิจกรรมอบอนุ รางกายทีละทา ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ เทา่ กบั ความกว้างของไหล่ กางแขนออกไป 2. ใหนกั เรยี นแตล ะกลมุ ฝก ปฏิบัติกจิ กรรมอบอุน ทางด้านข้างให้ขนานกับพ้นื รางกาย ๒) ใหบ้ ดิ เอวไปทางดา้ นขวา แขนขวาเบี่ยงไปทางข้างหลังเล็กน้อย 3. ใหแ ตละกลมุ ผลัดกันออกมาปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แขนซา้ ยเหวี่ยงออ้ มมาขา้ งหนา้ อบอนุ รา งกายท่ีหนา ช้นั แลว ใหเพอื่ นตางกลุม ๓) ให้ทา� สลบั กนั ซา้ ย-ขวา และครูรวมกันตรวจสอบวา ปฏิบตั ไิ ดถกู ตอ ง ท่าที ่ ๒ หรอื ไม ๑) ยืนตัวตรง แยกเท้าเท่า ความกวา้ งของไหล ่ เหยยี ดแขนทง้ั สอง 4. ใหน กั เรียนสรุปขอบกพรอ งของตนเองแลวหา ขา้ งขนึ้ เหนอื ศีรษะ วธิ ีปรับปรุงแกไข ๒) กม้ ตวั ลงแลว้ เหยยี ดแขน ทัง้ สองข้างให้สมั ผัสกบั เทา้ ซ้าย 5. ใหนกั เรยี นแกไขขอ บกพรอ งของตนเอง ๓) ให้ทา� สลับกันซา้ ย-ขวา แลวฝก ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมซ้าํ ๆ ท่าที่ ๓ ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ เทา่ กบั ความกว้างของไหล ่ มือทั้งสองข้างจบั ทเี่ อว ๒) ก้มตัวไปข้างหน้า แล้ว หมุนตัวข้ึนไปทางขวาสุด จากนั้น เอนตวั ไปข้างหลัง ๓) ใหท้ า� สลบั กนั ซา้ ย-ขวา 85 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู กจิ กรรมขอใดทนี่ ักเรยี นควรเลอื กมาใชอบอุน รางกายมากที่สดุ กอนปฏบิ ัติกิจกรรมพลศกึ ษาและอบอุนรางกายทกุ ครั้ง ครูควรตรวจสอบสภาพ ก. ว่ิง 50 เมตร ความพรอมของนกั เรียนทุกคนอยา งละเอียดวา มนี ักเรยี นคนใดเจ็บปว ย ไมส บาย ข. เลย้ี งลกู บอลออมหลกั หรอื ฟน จากอาการปว ย หรอื สภาพรา งกายยงั ขาดความพรอ มในการออกกาํ ลงั กายบา ง ค. เดินสลบั เขยงกา วกระโดด เพ่อื ปองกันอันตรายและการบาดเจบ็ ของนกั เรียนจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม ง. กม ตวั ปลายมอื แตะปลายเทา วิเคราะหคําตอบ ทาทางท่ีใชอ บอนุ รางกายควรเปน ทาทางท่งี าย 1. ครกู ําหนดเวลาในการอบอนุ รางกายประมาณ 10 นาที โดยทาท่ีใชในการ ไมต องใชทกั ษะท่ีซบั ซอ น ซง่ึ กมตัวปลายมือแตะปลายเทา เปน ทาทาง อบอนุ รา งกายควรเปนทาทางทไี่ มซ ้ํา เพือ่ ทําใหผูอ บอุนรางกายมีความสนใจ เกดิ ความสนุกสนาน และอยากปฏิบัติมากขึน้ โดยครูอาจหาเพลงประกอบ ทง่ี า ยและเหมาะสม ดังนั้น ขอ ง. เปน คาํ ตอบทถี่ กู การอบอนุ รา งกายดว ยก็ได 2. ครูควรแนะนาํ นกั เรยี นวา ในขณะอบอนุ รางกายแตละทา ควรนบั 1 - 10 ในใจ แลว จึงเปล่ียนทา ใหม ไมควรทําทาแตล ะทา เรว็ เกนิ ไปหรอื ฝน เกนิ ไป เพราะอาจทาํ ใหก ลามเน้อื ไดรบั บาดเจบ็ ได แลวควรเริ่มอบอุนรางกายจากทา งา ยไปสทู ายาก คูมือครู 85
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน กั เรียนแตละกลมุ รว มกันคิดกจิ กรรมอบอนุ ๔. ท่าบรหิ ารขา รา งกายเพ่ิมเตมิ มากลมุ ละ 2 กจิ กรรม ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ เทา่ ความกวา้ ง แลว รวมกันฝกปฏบิ ัติ ของไหล่ แขนแนบล�าตวั ๒) ก้าวยาวๆ โดยใช้เท้าซ้ายก้าว 2. ใหแตละกลุม ออกมาแสดงการอบอนุ รางกาย ไปขา้ งหนา้ มอื ทง้ั สองขา้ ง วางไวเ้ หนอื หวั เขา่ ทีค่ ดิ เพ่มิ เตมิ ทห่ี นาชน้ั จากนัน้ รว มกันอธบิ ายวา ๓) ก้าวเท้าถอยหลังเพ่ือกลับสู่ท่า เปนการบรหิ ารรา งกายสวนใด เรมิ่ ต้น ทา� สลับกนั ซา้ ย-ขวา 3. ใหเพือ่ นตางกลุมรวมกันปฏิบัติกิจกรรมอบอนุ ๒ ประโยชนของการอบอ่นุ ร่างกาย รางกายตามที่เพ่ือนสาธติ การอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬาหรือออกก�าลังกาย จะท�าให้ 4. ใหน ักเรียนบนั ทึกผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมลงใน ผปู้ ฏิบัตไิ ดร้ บั ประโยชน์ ดงั น้ี ใบงานกิจกรรมรวบยอดท่ี 6.1 จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 ช่วยยืดเส้นเอ็นและเน้ือเย่ือต่างๆ ของ รา่ งกายให้มีความพร้อม ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สุขศกึ ษา ป.2 กิภจกรรมรวบยอดท่ี 6.1 แบบประเมินตัวชว้� ัด พ 3.1 ป.2/2 แบบประเมินผลการเรียนรูตามตวั ชี้วัด ประจําหนวยท่ี ๖ บทที่ ๑ กิจกรรมรวบยอดท่ี ๖.๑ แบบประเมนิ ตวั ช้วี ดั พ ๓.๑ ป.๒/๒ • เลน เกมเบด็ เตล็ดและเขา รว มกจิ กรรมทางกายทวี่ ธิ เี ลน อาศยั การเคลอ่ื นไหวเบื้องตน ทงั้ แบบ อยกู ับท่ี เคลื่อนที่ และใชอ ุปกรณประกอบ ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน เลือกปฏิบัติกิจกรรมอบอุนรางกายมา ๒ กิจกรรม แลวบันทึกรายละเอียดของการปฏิบัติลงใน ตาราง จากนั้นใหค รปู ระเมินผล (ตัวอยา ง) กิจกรรม ดีมาก ผลการปฏิบัติ ขอเสนอแนะ ประโยชนข์ อง ทา� ให้รา่ งกายมีความอ่อนตวั -………………………………………… การอบอ่นุ ร่างกาย เปน็ พื้นฐานในการออกกา� ลังกาย เล่นกฬี า ดี พอใช ควรปรบั ปรุง เฉฉบลบั ย ๑) …บ…ร…ิห…า…ร…ค…อ……ย…นื …ต…ร…ง………… …ม…ือ…จ…บั …เอ…ว……ก…ม …ค…อ…ล……ง……… ………………………………………… …แ…ห…ง…น…ค…อ……ห…ม…ุน…ค……อ…ไป……… ✓………. ………. ………. ………………. ………………………………………… …ท…า…ง…ขว…า…แ…ล…ะ…ท…า…ง…ซ…าย………… ………………………………………… …ย…ก…ไ…ห…ล…ข …้นึ …ส…งู …………………… ………………………………………… ๒) …บ…ร…หิ …า…ร…ล…ํา…ต…ัว…ย…ืน……ต…ร…ง…… -………………………………………… …เห…ย…ยี …ด…แ…ข…น…ข…ึ้น…………………… ………………………………………… …เห…น……อื …ศ…รี …ษ…ะ……ก…ม…ต…วั …ล…ง…… ✓………. ………. ………. ………………. ………………………………………… …ให……ป …ล…า…ย…ม…อื …ส…มั …ผ…ัส…เ…ท…า …… ………………………………………… …ท…าํ …ส…ล…ับ…ซ…า…ย…-…ข…วา……………… ………………………………………… ป้องกันการฉีกขาดหรือการอักเสบของ กล้ามเน้อื และเสน้ เอ็น ตวั ชว้ี ัด พ ๓.๑ ขอ ๒ 86 ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๖๓ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ในการอบอนุ รา งกายกอนเลน กฬี าหรอื ออกกาํ ลงั กาย ควรคํานงึ ถงึ ส่ิงใด หลงั จบชวั่ โมงพลศึกษาแลว ครคู วรเนนเรอ่ื งสขุ ปฏบิ ัตหิ ลังปฏิบัติกิจกรรม เปนสิ่งแรก โดยใหน กั เรยี นไปทาํ ความสะอาดรางกาย เชน ลา งมอื ลางหนา เปนตน ก. ความพรอมของรา งกาย กอ นทํากจิ กรรมอน่ื ๆ ตอ ข. ระยะเวลาในการอบอุน รา งกาย ค. ความยากงา ยของทา 86 คมู อื ครู ง. สถานทีท่ ่ีใชใ นการอบอุนรางกาย วิเคราะหค ําตอบ กอ นการออกกาํ ลงั กายทกุ คร้งั ควรอบอุน รา งกายให พรอ มตอ การออกกาํ ลังกาย โดยควรอบอนุ รางกายใหครบทกุ สว นเพ่ือให สามารถทํากจิ กรรมการออกกาํ ลงั กายไดอยา งคลอ งแคลว ซึ่งสิ่งท่ีควรคาํ นึง เปน สิง่ แรกในการอบอนุ รางกาย คือ ความพรอ มของรา งกาย เพราะการ อบอนุ รางกายเปนการทาํ ใหร างกายไดเ คลือ่ นไหวเพอ่ื เตรียมความพรอม กอนการออกกาํ ลังกาย ถา หากมีรา งกายสว นใดบาดเจบ็ หรือเคลื่อนไหวได ไมเตม็ ท่ี ก็จะทําใหก ารอบอนุ รางกายน้ันไมท ัว่ ถึง ซึง่ ถาฝน ออกกาํ ลงั กาย ตอไปอาจทาํ ใหบ าดเจบ็ ได ดังนน้ั ขอ ก. เปนคําตอบท่ถี ูก
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ครูประเมนิ ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมอบอุน รา งกายลงในใบงานกจิ กรรมรวบยอดท่ี 6.1 จากแบบวดั ฯ สขุ ศึกษา ป.2 ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู เขยี นตอบค�าถามตอ่ ไปน้ลี งในสมดุ ๑) นักเรียนเคยอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬาหรือท�ากิจกรรมการเคลื่อนไหว • กจิ กรรมรวบยอดท่ี 6.1 จากแบบวดั ฯ หรือไม่ และทา� อยา่ งไร สุขศึกษา ป.2 ๒) เ มอื่ ออกกา� ลงั กาย หรอื เลน่ กฬี าหลงั จากอบอนุ่ รา่ งกายแลว้ นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไร ๓) จากน้ีไป นักเรียนจะอบอุ่นร่างกายก่อนท�ากิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย หรือเลน่ กฬี าหรอื ไม ่ เพราะอะไร ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนทา� ๑. ให้นกั เรยี นฝก อบอุ่นร่างกาย จากนน้ั ตอบคา� ถามลงในสมดุ ๑) กอ่ นอบอนุ่ รา่ งกาย สภาพรา่ งกายของนกั เรยี นเป็นอย่างไร ๒) หลงั อบอนุ่ รา่ งกาย สภาพร่างกายของนักเรยี นเป็นอยา่ งไร ๒. รว่ มกนั แสดงความคิดเห็นว่า นกั เรยี นควรน�าการอบอุ่นร่างกายไปใช้ใน ชว่ งเวลาใดบ้าง ๓. เขยี นขอ้ ควรปฏิบตั ิในขณะอบอ่นุ ร่างกายมา ๒ ขอ้ ลงในสมุด ตอนที ่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๘ - ๑๐ คน ให้แต่ละกลุม่ รว่ มกันคดิ กจิ กรรมอบอนุ่ ร่างกายมา กลมุ่ ละ ๑ แบบ แล้วใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมาน�าเสนอที่หนา้ ชน้ั จากนนั้ ให้กลมุ่ อื่น ปฏิบตั ติ าม 87 ขอสอบเนนการคดิ เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 คาํ ถามชวนคิด ถาไมอบอุนรางกายกอ นเลนกฬี า จะทําใหเกดิ ผลเสียอยา งไร แนวตอบ อาจทําใหกลามเนอ้ื ไดรบั บาดเจ็บ เพราะไมมีการเตรยี ม แนวตอบ ความพรอ มของกลามเน้อื กอนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนัก เชน เลน กฬี า เปน ตน 1) คาํ ตอบขึน้ อยกู บั นักเรยี นแตล ะคน เพราะจะทําใหกลา มเนือ้ เกิดการอักเสบ ฉกี ขาด จนทําใหร า งกายไดร บั 2) รสู ึกรา งกายสดช่นื สามารถขยบั รา งกายไดคลองแคลวมากข้นึ บาดเจ็บได 3) ทําการอบอุนรางกายกอ นออกกําลงั กาย เพราะเปน การเตรียมความพรอม ใหก บั รา งกาย เมอ่ื รา งกายไดเ คลอ่ื นไหว กจ็ ะรสู กึ ตวั พรอ มตอ การออกกาํ ลงั กาย ทาํ ใหออกกาํ ลงั กายไดอ ยางคลองแคลว ซึ่งชว ยลดความเส่ียงในการบาดเจบ็ จากการออกกําลงั กายไดอกี ดวย ตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทาํ 3. แนวตอบ 1) ยืนตวั ตรง แยกเทาเทาความกวา งของไหล 2) ขณะทําทาทางควรนับ 1 - 10 ในใจ แลวจึงเปลีย่ นทา ทางใหม คมู ือครู 87
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรียนรู òบทท่ี 1. ปฏบิ ัติกจิ กรรมเคลอ่ื นไหวรา งกายขณะอยกู ับที่ ขยบั รา งกาย ได (พ 2.1 ป.2/1) สาระสา� คัญ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ การเคล่ือนไหวอยู่กับท่ี เป็นทักษะพื้นฐาน 2. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเคลื่อนไหวรางกายขณะอยูกับที่ การเคล่ือนไหวแบบตา่ งๆ ไดอ ยา งสนุกสนาน (พ 3.2 ป.2/1) สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคดิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ 2. ใฝเ รยี นรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหน กั เรียนอาสาสมัครออกมาเปน ผูนําในการ ปฏบิ ัติกิจกรรมอบอุนรา งกายทีห่ นา ชนั้ แลว ให เพือ่ นๆ ปฏบิ ัติตาม 2. ครสู นทนาซักถามนกั เรยี นวา กจิ กรรม อบอุน รา งกายท่ีปฏิบตั ิไปนั้น เปนการใชการ เคลอ่ื นไหวรา งกายแบบใด โดยใหน กั เรยี น รว มกนั ตอบ ? ¡Ô¨¡ÃÃÁã¹ÀÒ¾ มÕปรÐโªนµอ่ ¼ปŒÙ ¯บÔ ัµÔอÂ่Ò§ไรบÒŒ § 88 เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหน ักเรยี นปฏิบตั ิ ดังนี้ • สงั เกตการสาธติ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเคลือ่ นไหวรา งกายขณะอยูกบั ท่ี • ปฏิบัติกจิ กรรมเคลือ่ นไหวรางกายขณะอยกู ับที่ตามข้นั ตอน • วเิ คราะหขอ บกพรองและปรับปรุงแกไขการปฏิบัติกิจกรรมเคลอ่ื นไหว รางกายขณะอยกู ับท่ี จนเกดิ ความรูความเขา ใจวา การเคล่อื นไหวรางกายขณะอยกู บั ท่เี ปนกิจกรรม ออกกาํ ลังกายประเภทหนึ่ง ที่ทาํ ใหผปู ฏบิ ัตมิ ีรางกายแข็งแรง และสามารถ เคลอ่ื นไหวรา งกายไดคลองแคลว 88 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ เคลอ่ื นไหวร่างกายแบบอยกู่ บั ท1ี่ 1. ใหนกั เรียนรวมกนั บอกวา การเคล่ือนไหว รางกายขณะอยกู ับทมี่ ลี ักษณะอยา งไร แลวให การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายแบบอยกู่ บั ท ี่ เปน็ การเคลอ่ื นไหวที่ไมม่ ี ยกตัวอยา งประกอบ การเคลอื่ นที่ของรา่ งกาย เช่น บิดลา� ตวั ยกมอื เป็นตน้ 2. ใหน กั เรียนแบง กลมุ ออกเปน 6 กลมุ แลว ให ๑. บิดล�าตัว แตล ะกลุมศกึ ษากิจกรรมเคลื่อนไหวขณะอยู กับท่ใี นหนังสอื เรียน หนา 89 - 91 อธบิ ายความรู Explain ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ ใหร้ ะยะหา่ งเทา่ ความกวา้ งของไหล่ 1. ใหแ ตละกลุม ออกมาสาธติ การปฏิบัตกิ จิ กรรม ๒) บิดเอวไปทางซา้ ย แขนซ้ายเบย่ี งไปด้านหลงั เลก็ นอ้ ย เคลือ่ นไหวรางกายขณะอยกู ับทีท่ ีห่ นาชั้น ดังน้ี แขนขวาเหว่ยี งมาด้านหน้า จากนน้ั ใหเ้ ปล่ียนเปน็ บดิ เอวไปทางขวา • กลุมท่ี 1 สาธิต บิดลําตัว แขนขวาเบย่ี งไปดา้ นหลงั แขนซา้ ยเหวย่ี งมาดา้ นหนา้ แลว้ กลบั สทู่ า่ เดมิ • กลุมท่ี 2 สาธิต กระโดดแยกเทา และ ตบมือเหนือศีรษะ ๒. กระโดดแยกเทา้ และตบมือเหนอื ศีรษะ • กลมุ ท่ี 3 สาธติ กระโดดบดิ ลําตวั ๑) ยนื ตวั ตรง แขนแนบลา� ตวั • กลุมที่ 4 สาธิต กระโดดหมนุ ตัว ๒) กระโดดแยกเท้าออก • กลมุ ท่ี 5 สาธติ จบั คูดึง ดพ้ารน้อขม้ากงับ แกลาว้ งวแาขด2ขน้ึนทเั้งหสนออื งศอีรอษกะไใหป้ • กลมุ ท่ี 6 สาธติ จบั คูยนื แยกเทาดัน ฝา่ มอื ตบกัน ๓) กระโดดเท้าชิดกลับสู่ 2. ใหเ พื่อนตางกลมุ ฝก ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามท่ี ท่าเรมิ่ ตน้ เพือ่ นสาธิต 89 ขอสอบเนนการคิด เกรด็ แนะครู ขอใดเปนการปฏิบตั ิท่ีไมถูกตองในการเคลอ่ื นไหวรา งกายดว ยการบดิ ลาํ ตวั ครูแนะนาํ นกั เรยี นวา ขณะปฏบิ ัติกิจกรรม นกั เรยี นควรยนื หา งกนั พอสมควร ก. กางแขนใหต รง เพือ่ ปองกันการกระทบกระแทกกนั ขณะฝก ข. ยืนแยกเทา เทา ชว งไหล ค. บดิ เอวไปมาแรงๆ อยางรวดเร็ว นักเรียนควรรู ง. เหว่ียงแขนสลับซาย ขวา แลว กลับสูทา เดมิ วิเคราะหคําตอบ การบดิ เอวไปมาแรงๆ และรวดเรว็ จะทาํ ใหกลา มเนอื้ 1 เคล่อื นไหวรางกายแบบอยกู ับที่ สามารถนาํ ไปใชในการออกกาํ ลงั กายและ บริเวณหลังและเอวอกั เสบ ซ่ึงการอกั เสบน้จี ะทาํ ใหเ กิดอาการปวดท่ีเอว การเลน กีฬาชนิดตา งๆ ได เชน การบรหิ ารรางกายทาตางๆ โดยไมมกี ารเคลอื่ นท่ี และหลงั เนอื่ งจากกลามเนื้อบริเวณนน้ั ถกู ใชง านอยา งไมถ ูกตองหรือ การกม หนา เงยหนา หมนุ ไหล สะบัดขอมอื และขอเทา กางแขน กมตวั เปน ตน 2 วาด เปนกริ ิยาทาทาง ท่หี มายถึง การเคลื่อนยา ยจากทหี่ นึ่งไปอีกท่ีหน่งึ ใชงานหนักเกนิ ไป ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบทีถ่ กู ซ่งึ ในทีน่ ี้หมายถึง การยกแขนท่กี างอยรู ะดบั ไหลข น้ึ ไปเหนอื ศรี ษะโดยทแี่ ขนยัง เหยยี ดตรง คมู อื ครู 89
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนักเรยี นแตละกลมุ ออกมาแสดงการปฏบิ ตั ิ ๓. กระโดดบดิ ลา� ตัว กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวอยูก ับทท่ี ีห่ นาช้ัน แลว ให ๑) ยืนตัวตรง เท้าแยก เพ่อื นตางกลมุ และครรู ว มกนั ตรวจสอบความ แขนแนบลา� ตวั ถูกตอง ๒) ย่อเข่าและกระโดด เหยยี ดแขนทงั้ สองไปทางขวา บดิ 2. ใหน ักเรยี นสรุปขอบกพรองของตนเองใน ลา� ตวั ไปทางซา้ ย การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แลว หาวิธีปรับปรงุ แกไ ข ๓) ทา� สลบั ซา้ ย - ขวา ขอ บกพรอ ง ๔. กระโดดหมนุ ตวั ๑) ยนื ตวั ตรง แยกเทา้ 3. ใหนกั เรียนฝกปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเคลอ่ื นไหว มอื จบั ทเี่ อว ขณะอยกู บั ทซ่ี ้ําๆ จนเกดิ ความคลอ งแคลว ๒) กระโดดหมนุ ลา� ตวั ใน อากาศเปน็ ระยะ ๑ ใน ๔ ของรอบ 4. ครูซกั ถามนักเรียนวา ก่อนลงสู่พืน้ • การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเคลอ่ื นไหวอยูก ับที่ ๓) ปฏบิ ตั ทิ า่ นซ้ี า้� จงั หวะ มีประโยชนอ ยา งไร ท ี่ ๒-๔ จนกลับสทู่ ่าเร่มิ ตน้ (แนวตอบ การปฏิบัตกิ จิ กรรมเคลื่อนไหว ขณะอยกู ับทม่ี ปี ระโยชนมาก เชน ๕. จบั คูด่ งึ 1 • ทําใหเ คลือ่ นไหวไดคลองแคลว ๑) จับคู่ แล้วให้จับมือ • ทําใหร า งกายแขง็ แรง หันหน้าเข้าหากัน ให้คนหน่ึงนั่ง • เปน พน้ื ฐานในการออกกําลงั กายหรอื และอกี คนหนงึ่ ยนื ปลายเทา้ ชนกนั เลนกฬี า) ๒) คนท่ียืนดึงคนท่ีนั่ง ให้ยนื โดยที่ไมล่ ้ม 90 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด การจบั คูดงึ ในขอ ใดเปน การปฏิบัตทิ ปี่ ลอดภัยและสนุกสนาน ครูแนะนํานกั เรียนวา ขณะกระโดดลงสพู ้นื ใหท้ิงนา้ํ หนกั ลงมาทเ่ี ทา ทง้ั สองขา ง ก. จับคกู ับเพอื่ นสนทิ เพอื่ ปอ งกนั ขอ เทา พลกิ ซึ่งอาจทําใหไดร ับบาดเจบ็ ได ข. จับคกู บั เพอื่ นที่มีขนาดตัวเทากนั ค. จับคกู ับเพ่ือนทีม่ ีนา้ํ หนักตัวมากทสี่ ุด นักเรยี นควรรู ง. จบั คูกบั เพอ่ื นท่ีเปนเพศเดียวกันเทานนั้ วเิ คราะหคําตอบ การจับคดู ึง ควรเลือกจับคูกับเพือ่ นทีม่ ีขนาดตวั เทา กัน 1 จับคดู ึง ขณะดึงเพอ่ื นใหยืนข้นึ ไมควรดึงแรงๆ เพราะจะทาํ ใหเ พื่อนเสยี หลกั เพราะจะทําใหน้าํ หนกั ตวั ของแตละฝายสมดลุ กัน จงึ ไมเกิดการเซลม และเซลม และไมควรปลอ ยมอื เพ่ือนในขณะท่ดี ึง เพราะจะทาํ ใหเพอ่ื นหงายหลงั จนไดรบั บาดเจบ็ ซ่งึ จะทําใหผ ปู ฏิบัติปลอดภยั และสนกุ สนาน กนกระแทกพ้ืนจนไดร ับบาดเจบ็ ได ดังน้นั ขอ ข. เปน คาํ ตอบท่ีถกู 90 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๖. จบั คยู่ ืนแยกเท้าดัน1 อêบÖ ...บ อบêÖ ...บ 1. ใหน กั เรียนแตละกลมุ รวมกนั คิดกจิ กรรม ๑) จบั คแู่ ลว้ ยนื ประกบมอื เคลื่อนไหวรา งกายขณะอยกู บั ทีเ่ พม่ิ เตมิ มา หันหน้าเข้าหากัน ให้อยู่ห่างกัน กลมุ ละ 2 กิจกรรม แลวฝกปฏบิ ัติ ประมาณ ๓ - ๔ กา้ ว แยกเทา้ เทา่ กบั ความกวา้ งของไหล่ 2. ใหแตล ะกลุมออกมาสาธติ กจิ กรรมทีค่ ดิ ใชม้ ือท งั้ สอ๒ง) ผเลอักนดตนั วั 2กไปบั ขคา้ขู่ งอหงนตา้ ัวชเอา้ ๆง เพิม่ เติมทห่ี นาชนั้ แลว ใหเพ่ือนตางกลุมฝก ปฏบิ ตั ิตาม จากนั้นใหนักเรียนบนั ทึกผลการ ปฏิบัติกจิ กรรมลงในกจิ กรรมรวบยอดที่ 6.2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 6.2 ๓) ให้ท้ังคู่ออกแรงดันพร้อมกัน พยายามเหยียดแขนให้ แบบประเมนิ ตัวช้�วดั พ 3.1 ป.2/1 ตรงและไม่ให้ค่ขู องตนลม้ แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชว้ี ดั ประจาํ หนวยท่ี ๖ บทที่ ๒ ๒ ประโยชนข องการเคล่อื นไหวรา่ งกาย กจิ กรรมรวบยอดที่ ๖.๒ แบบอยู่กับท่ี แบบประเมินตวั ชีว้ ดั พ ๓.๑ ป.๒/๑ การปฏิบัติกิจกรรมเคล่ือนไหวร่างกายแบบอยู่กับท่ี จะท�าให้ • ควบคมุ การเคลื่อนไหวรา งกายขณะอยกู ับท่ี เคล่อื นที่ และใชอปุ กรณป ระกอบ ผฝู้ ก ได้รับประโยชน์ ดังนี้ ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน ท�าใหร้ า่ งกายแข็งแรง เลือกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเคลอื่ นไหวแบบอยกู บั ท่มี า ๒ กจิ กรรม แลวบนั ทกึ รายละเอียดของการปฏิบตั ิ ลงในตาราง จากนน้ั ใหค รปู ระเมนิ ผล (ตวั อยาง) กิจกรรม ผลการประเมนิ ขอเสนอแนะ ดีมาก ดี พอใช ควรปรบั ปรงุ ๑)เฉฉบลบั ย บ…ิด…ล…าํ…ต…วั …-ย…ืน…ต…ัว…ต…ร…ง…แ…ย…ก…เท…า….. …ต…อ…ง…ใ…ห…แข…น…เ…ห…ย…ียด…ต…งึ ….. ก…า…ง…แ…ขน……เส…ม…อ…ไห…ล………แล…ว…บ…ิด…เอ…ว.. …………………………………….. ไ…ป…ท…า…ง…ซ…าย……แ…ข…น…ซ…า…ย…เห…ว…่ีย…งไ…ป.. ✓………. ………. ………. ………………. …………………………………….. ด…า…น…ห…ล…งั ……แข…น…ข…ว…าเ…ห…วยี่…ง…อ…อ …ม…มา.. …………………………………….. ท…ี่อ…ก……แ…ล…วก…ล…ับ…ส…ทู…า…เ…ดิม…………….. …………………………………….. จ…า…ก…น…ั้น…ท…าํ …ส…ล…บั …ซ…าย…-…ข…วา………….. …………………………………….. ๒) ก…ร…ะ…โด…ด…แ…ย…ก…เท…า …แล…ะ…ต…บ…มอื………….. -…………………………………….. ทา� ให้เคลื่อนไหวในกจิ กรรมในชวี ิต เ…ห…น…ือ…ศ…ีรษ…ะ…-…ย…ืน…ต…ัวต…ร…ง…ก…ร…ะ…โด…ด.. …………………………………….. ประจ�าวันไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ ประโยชน์ เปน็ พ้นื ฐานในการออกก�าลังกาย เลน่ กีฬา ✓แ…ย…ก…เ…ท…าอ…อ…ก…พ…ร…อ…ม…ก…ับ…ก…า…งแ…ข…น.. ………. ………. ………. ………………. …………………………………….. ของการเคลอ่ื นไหวร่างกาย ท…้ัง…ส…อ…ง…ไ…ปด…า…น…ข…า…ง……แล…ว…ว…าด…ข…้ึน.. …………………………………….. แบบอยู่กบั ที่ เ…ห…น…ือ…ศ…ีรษ…ะ…ให…ฝ…า …ม…ือต…บ…ก…ัน………….. …………………………………….. จ…า…ก…น…นั้ …ก…ระ…โ…ดด…เ…ท…า ช…ิด…ก…ล…บั …ทา…เด…มิ .. …………………………………….. ตวั ชีว้ ัด พ ๓.๑ ขอ ๑ ๖๖ ñðไดคะแนน คะแนนเตม็ ท�าให้ร่างกายมีพฒั นาการการเจริญเติบโต ทด่ี ี 91 กิจกรรมทา ทาย เกร็ดแนะครู ใหน กั เรยี นคดิ วา จะนาํ กจิ กรรมเคล่ือนไหวรา งกายขณะอยูกบั ที่ ถา นักเรียนมีอาการปวดหรือเจบ็ หลังจากการออกแรงดนั ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ ไปใชในการออกกําลงั กายในชีวติ ประจาํ วนั ไดอยางไร จากน้ันใหแตล ะคน 1. หากมีอาการภายใน 48 ช่วั โมง ใหป ระคบเยน็ ประมาณ 15 - 20 นาที ออกมานาํ เสนอทีห่ นาชน้ั 2. ภายหลงั 48 ชว่ั โมง แลว หากยงั มอี าการปวดหรือเจบ็ หลงเหลอื อยูให ประคบรอนประมาณ 15 - 20 นาที 3. ถา อาการไมด ขี ึ้น ควรปรกึ ษาแพทย นกั เรียนควรรู 1 จบั คยู นื แยกเทา ดัน การจับคกู บั เพ่ือนเพอ่ื ฝกกจิ กรรมนี้ ควรเลือกจับคกู ับ เพ่ือนท่มี ขี นาดตัวไลเลีย่ กนั เพอื่ ปอ งกนั อันตรายจากการรบั แรงดันไมไหว 2 ผลักดนั ขณะออกแรงดนั ไมค วรบิดหรอื เอยี งลําตัว เพราะมีผลใหห มอนรอง- กระดกู สนั หลังเคลอ่ื น และเสอื่ มสภาพลง เนือ่ งจากถูกกระแทกจากแรงหลายทศิ สง ผลใหเ กดิ อนั ตรายตอ หลงั ได คูม ือครู 91
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118