๗๗หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ ๓. การพิมพภ์ าพ แม่พิมพ์ตา่ ง ๆ จากของจรงิ เช่น น้วิ มือ ใบไม้ กา้ นกลว้ ย ฯลฯ แม่พิมพจ์ ากวสั ดุอนื่ ๆ เช่น เชือก เสน้ ด้าย ตรายาง ฯลฯ กระดาษ ผา้ เชด็ มือ สีโปสเตอร์ (สนี า้ สีฝุ่น ฯลฯ) ๔.การปน้ั เชน่ ดนิ น้ามนั ดนิ เหนยี ว แป้งโดว์แผ่นรองปน้ั แมพ่ มิ พ์รปู ตา่ ง ๆ ไมน้ วดแปง้ ฯลฯ ๕.การพับ ฉกี ตดั ปะ เช่น กระดาษ หรือวสั ดอุ น่ื ๆทจ่ี ะใช้พับ ฉกี ตดั ปะ กรรไกรขนาดเล็ก ปลายมน กาวนา้ หรอื แป้งเปยี ก ผ้าเช็ดมอื ฯลฯ ๖. การประดษิ ฐ์เศษวสั ดุ เช่น เศษวัสดตุ ่าง ๆ มกี ล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผ้า เศษไหม กาว กรรไกร สี ผ้าเช็ดมือ ฯลฯ ๗. การรอ้ ยเชน่ ลกู ปัด หลอดกาแฟ หลอดดา้ ย ฯลฯ ๘.การสาน เชน่ กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว ฯลฯ ๙. การเล่นพลาสติกสรา้ งสรรค์ พลาสติกชิ้นเล็ก ๆ รปู ทรงตา่ ง ๆ ผู้เล่นสามารถนามาต่อเป็นรปู แบบต่าง ๆ ตามความต้องการ ๑๐.การสร้างรปู เชน่ จากกระดานปกั หมดุ จากแป้นตะปูท่ีใชห้ นังยางหรอื เชือก ผูกดงึ ให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ เกมการศกึ ษา ตัวอยา่ งสื่อประเภทเกมการศึกษามดี งั น้ี ๑. เกมจบั คู่ จับค่รู ูปรา่ งทีเ่ หมือนกนั จับคู่ภาพเงา จบั คู่ภาพทีซ่ ่อนอยใู่ นภาพหลัก จบั คสู่ ิ่งทมี่ คี วามสัมพันธ์กัน ส่ิงทใ่ี ช้คู่กัน จบั คู่ภาพส่วนเตม็ กับส่วนยอ่ ย จบั คู่ภาพกับโครงร่าง จับคู่ภาพชนิ้ สว่ นท่หี ายไป จบั คภู่ าพทเ่ี ป็นประเภทเดียวกัน จับคภู่ าพที่ซ่อนกนั จบั คภู่ าพสมั พันธ์แบบตรงกนั ข้าม จบั ค่ภู าพที่สมมาตรกนั จบั คู่แบบอุปมาอุปไมย จบั คู่แบบอนุกรม ๒. เกมภาพตัดต่อ ภาพตัดตอ่ ทสี่ มั พันธก์ ับหนว่ ยการเรียนต่าง ๆ เช่น ผลไม้ ผกั ฯลฯ ๓. เกมจัดหมวดหมู่ ภาพส่งิ ต่าง ๆ ทน่ี ามาจัดเป็นพวก ๆ ภาพเกยี่ วกับประเภทของใช้ในชีวติ ประจาวนั ภาพจัดหมวดหม่ตู ามรปู ร่าง สี ขนาด รูปทรงเรขาคณติ ๔. เกมวางภาพต่อปลาย (โดมิโน) โดมโิ นภาพเหมือน โดมโิ นภาพสัมพนั ธ์ ๕. เกมเรยี งลาดบั เรยี งลาดบั ภาพเหตกุ ารณต์ ่อเนอื่ ง
๗๘หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ เรียงลาดบั ขนาด ๖. เกมศึกษารายละเอยี ดของภาพ (ลอ็ ตโต)้ ๗. เกมจบั คู่แบบตารางสัมพันธ์ (เมตริกเกม) ๘. เกมพ้นื ฐานการบวก กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ /กิจกรรมในวงกลม ตวั อย่างสื่อมดี งั นี้ ๑.สื่อของจริงท่ีอยใู่ กลต้ ัวและสื่อจากธรรมชาติหรอื วัสดุท้องถน่ิ เช่น ต้นไม้ ใบไม้ เปลอื กหอย เสื้อผ้า ฯลฯ ๒. สื่อท่จี าลองขึ้น เชน่ ลูกโลก ตุ๊กตาสตั ว์ ฯลฯ ๓. ส่ือประเภทภาพ เชน่ ภาพพลกิ ภาพโปสเตอร์ หนงั สอื ภาพ ฯลฯ ๔. สื่อเทคโนโลยี เช่น วิทยุ เครื่องบันทกึ เสียง เครื่องขยายเสยี ง โทรศพั ท์ กิจกรรมกลางแจ้งตัวอยา่ งส่ือมีดังนี้ ๑. เครอื่ งเลน่ สนาม เช่น เครือ่ งเล่นสาหรับปีนป่าย เคร่ืองเลน่ ประเภทลอ้ เลือ่ น ฯลฯ ๒. ทเี่ ลน่ ทราย มที รายละเอยี ด เคร่อื งเล่นทราย เคร่ืองตวง ฯลฯ ๓. ทเี่ ลน่ นา้ มีภาชนะใสน่ า้ หรอื อา่ งน้าวางบนขาต้ังท่ีมน่ั คง ความสงู พอทเ่ี ด็กจะยนื ได้พอดี เสอื้ คลุมหรอื ผ้า กันเปอ้ื นพลาสตกิ อุปกรณ์เลน่ น้า เชน่ ถ้วยตวง ขวดตา่ งๆ สายยาง กรวยกรอกน้า ตุ๊กตายาง ฯลฯ กิจกรรมเคล่อื นไหวและจงั หวะตัวอย่างสื่อมีดังนี้ ๑. เคร่ืองเคาะจงั หวะ เชน่ ฉิง่ เหล็กสามเหลีย่ ม กรับ รามะนา กลอง ฯลฯอุปกรณป์ ระกอบการเคล่อื นไหว เช่น หนงั สือพิมพ์ รบิ บน้ิ แถบผ้า ห่วง ๒. หวาย ถงุ ทราย ฯลฯ การเลอื กสื่อ มวี ธิ ีการเลือกส่อื ดงั น้ี ๑. เลอื กใหต้ รงกับจดุ มุ่งหมายและเรอ่ื งที่สอน ๒. เลอื กใหเ้ หมาะสมกับวัยและความสามารถของเด็ก ๓. เลือกให้เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมของท้องถ่ินท่ีเดก็ อยู่หรอื สถานภาพของสถานศึกษา ๔. มวี ธิ กี ารใช้ง่าย และนาไปใชไ้ ดห้ ลายกิจกรรม ๕. มคี วามถกู ต้องตามเนอ้ื หาและทนั สมัย ๖. มีคุณภาพดี เชน่ ภาพชัดเจน ขนาดเหมาะสม ไม่ใชส้ สี ะท้อนแสง ๗. เลือกสอื่ ท่เี ด็กเข้าใจง่ายในเวลาสน้ั ๆ ไมซ่ ับซอ้ น ๘. เลือกส่อื ท่ีสามารถสัมผสั ได้ ๙. เลอื กส่ือเพ่ือใช้ฝกึ และสง่ เสรมิ การคดิ เป็น ทาเปน็ และกล้าแสดงความคดิ เหน็ ดว้ ยความมัน่ ใจ การจดั หาส่ือ สามารถจดั หาได้หลายวธิ ี คอื ๑. จัดหาโดยการขอยืมจากแหลง่ ต่างๆ เชน่ ศนู ย์สื่อของสถานศกึ ษาของรัฐบาล หรอื สถานศึกษาเอกชน ฯลฯ ๒.จัดซอ้ื สอ่ื และเครอื่ งเลน่ โดยวางแผนการจัดซื้อตามลาดับความจาเป็นเพื่อใหส้ อดคล้องกับงบประมาณที่ทาง สถานศกึ ษาสามารถจดั สรรให้และสอดคลอ้ งกับแผนการจัดประสบการณ์ ๓. ผลิตสื่อและเคร่ืองเลน่ ขน้ึ ใชเ้ องโดยใชว้ สั ดทุ ีป่ ลอดภยั และหาง่ายเป็นเศษวัสดุเหลือใช้ ท่มี อี ยู่ในท้องถิน่ นั้นๆ เช่น กระดาษแขง็ จากลงั กระดาษ รปู ภาพจากแผน่ ป้ายโฆษณา รปู ภาพจากหนังสือนิตยสารต่าง ๆ เป็นต้น
๗๙หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ ขน้ั ตอนการดาเนนิ การผลิตส่อื สาหรับเด็ก มดี ังนี้ ๑. สารวจความตอ้ งการของการใช้สอื่ ใหต้ รงกบั จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้และกิจกรรมที่จดั ๒. วางแผนการผลิต โดยกาหนดจุดมุ่งหมายและรปู แบบของส่ือให้เหมาะสมกับวยั และความสามารถของเดก็ สอ่ื นน้ั จะต้องมีความคงทนแข็งแรง ประณีตและสะดวกต่อการใช้ ๓. ผลิตส่ือตามรปู แบบทีเ่ ตรียมไว้ ๔. นาสอื่ ไปทดลองใชห้ ลาย ๆ ครง้ั เพื่อหาข้อดี ข้อเสยี จะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น ๕. นาสอื่ ทป่ี รับปรงุ แก้ไขแล้วไปใช้จริง การใชส้ ่อื ดาเนินการดงั น้ี ๑.การเตรยี มพร้อมก่อนใช้สื่อ มีขน้ั ตอน คือ ๑.๑ เตรยี มตวั ผสู้ อน ผสู้ อนจะต้องศึกษาจดุ มุ่งหมายและวางแผนว่าจะจดั กจิ กรรมอะไรบ้าง เตรยี มจัดหาสื่อและศึกษาวิธีการใช้สือ่ จดั เตรยี มส่ือและวสั ดุอนื่ ๆ ทจ่ี ะต้องใช้ร่วมกนั ทดลองใชส้ ื่อกอ่ นนาไปใช้จริง ๑.๒ เตรียมตวั เดก็ ศกึ ษาความรู้พืน้ ฐานเดมิ ของเดก็ ให้สมั พนั ธก์ บั เรอ่ื งท่ีจะสอน เรา้ ความสนใจเดก็ โดยใชส้ ่ือประกอบการเรียนการสอน ใหเ้ ดก็ มีความรบั ผิดชอบ รจู้ กั ใช้ส่อื อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใชท่ าลาย เลน่ แลว้ เก็บให้ถูกที่ ๑.๓ เตรยี มสื่อให้พรอ้ มก่อนนาไปใช้ จดั ลาดับการใชส้ ่ือวา่ จะใชอ้ ะไรก่อนหรอื หลงั เพอื่ ความสะดวกในการสอน ตรวจสอบและเตรยี มเครอ่ื งมือให้พร้อมที่จะใช้ได้ทันที เตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์ทใ่ี ชร้ ่วมกับสอ่ื ๒.การนาเสนอสอื่ เพอื่ ให้บรรลผุ ลโดยเฉพาะใน กิจกรรมเสริมประสบการณ์ / กจิ กรรมวงกลม / กจิ กรรมกลุ่มยอ่ ย ควรปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๒.๑ สร้างความพร้อมและเร้าความสนใจให้เด็กก่อนจัดกจิ กรรมทุกคร้งั ๒.๒ ใชส้ ่อื ตามลาดับขัน้ ของแผนการจัดกจิ กรรมท่ีกาหนดไว้ ๒.๓ ไม่ควรให้เด็กเหน็ สอ่ื หลายๆชนิดพรอ้ มๆกนั เพราะจะทาให้เดก็ ไม่สนใจกจิ กรรมทส่ี อน ๒.๔ ผสู้ อนควรยืนอยู่ด้านข้างหรือดา้ นหลงั ของสือ่ ที่ใช้กบั เด็ก ผู้สอนไม่ควรยืน หันหลังใหเ้ ด็ก จะต้อง พดู คยุ กับเด็กและสังเกตความสนใจ ของเด็ก พร้อมทงั้ สารวจข้อบกพร่องของส่ือท่ีใช้ เพอื่ นาไปปรบั ปรุงแก้ไขใหด้ ีข้ึน ๒.๕เปิดโอกาสใหเ้ ด็กได้ร่วมใชส้ ื่อขอ้ ควรระวงั ในการใชส้ ือ่ การเรียนการสอน การใช้สื่อในระดบั ปฐมวยั ควรระวงั ในเรอื่ งต่อไปน้ี ๑.วสั ดทุ ี่ใช้ ตอ้ งไม่มีพิษ ไม่หกั และแตกง่าย มีพนื้ ผิวเรียบ ไมเ่ ป็นเสยี้ น ๒.ขนาด ไมค่ วรมีขนาดใหญเ่ กินไป เพราะยากต่อการหยิบยกอาจจะตกลงมาเสยี หาย แตก เป็นอันตรายตอ่ เด็กหรอื ใชไ้ ม่สะดวก เชน่ กรรไกรขนาดใหญ่ โต๊ะ เกา้ อ้ที ่ีใหญ่และสูงเกนิ ไป และไมค่ วรมีขนาดเล็กเกนิ ไป เดก็ อาจจะนาไปอมหรือกลืนทา ใหต้ ดิ คอหรือไหลลงท้องได้ เชน่ ลูกปัดเลก็ ลูกแก้วเล็ก ฯลฯ ๓. รูปทรง ไม่เปน็ รูปทรงแหลม รปู ทรงเหลี่ยม เปน็ สัน
๘๐หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ ๔. นา้ หนกั ไม่ควรมีน้าหนักมาก เพราะเด็กยกหรือหยิบไม่ไหว อาจจะตกลงมาเป็นอันตรายต่อตัวเด็ก ๕. สอ่ื หลีกเลี่ยงสื่อทเี่ ป็นอันตรายตอ่ ตัวเดก็ เช่น สารเคมี วตั ถไุ วไฟ ฯลฯ ๖. สหี ลีกเลี่ยงสที เี่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สายตา เชน่ สีสะทอ้ นแสง ฯลฯ การประเมนิ การใช้สอื่ ควรพิจารณาจากองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ผูส้ อน เด็ก และสอ่ื เพ่ือจะได้ทราบว่าสอ่ื นัน้ ช่วยใหเ้ ดก็ เรียนรู้ ไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด จะไดน้ ามาปรบั ปรงุ การผลิตและการใช้สอื่ ให้ดียงิ่ ข้นึ โดยใช้วธิ ีสังเกต ดังนี้ ๑. สอื่ นัน้ ชว่ ยใหเ้ ด็กเกดิ การเรยี นรูเ้ พยี งใด ๒. เด็กชอบส่ือนัน้ เพียงใด ๓. ส่อื นั้นช่วยใหก้ ารสอนตรงกบั จดุ ประสงค์หรือไม่ ถูกตอ้ งตามสาระการเรยี นรแู้ ละทนั สมยั หรอื ไม่ ๔. สอื่ นน้ั ช่วยให้เดก็ สนใจมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุใด การเก็บ รักษา และซ่อมแซมสือ่ การจัดเก็บส่ือเป็นการสง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กฝกึ การสังเกต การเปรยี บเทียบ การจดั กลุ่ม สง่ เสรมิ ความรบั ผิดชอบ ความ มีน้าใจ ชว่ ยเหลือ ผสู้ อนไม่ควรใชก้ ารเก็บสอ่ื เป็นการลงโทษเด็ก โดยดาเนนิ การดงั น้ี ๑. เก็บส่ือใหเ้ ปน็ ระเบียบและเป็นหมวดหม่ตู ามลักษณะประเภทของส่ือ สือ่ ทเี่ หมือนกนั จัดเก็บหรอื จัดวางไว้ ด้วยกัน ๒. วางสอื่ ในระดับสายตาของเด็ก เพ่ือใหเ้ ด็กหยิบใช้ จัดเก็บได้ดว้ ยตนเอง ๓. ภาชนะทจี่ ัดเกบ็ ส่ือควรโปร่งใส เพื่อใหเ้ ด็กมองเห็นส่งิ ที่อยู่ภายในได้ง่ายและควรมมี ือจับเพอื่ ให้สะดวกในการ ขนยา้ ย ๔. ฝกึ ให้เด็กรคู้ วามหมายของรูปภาพหรือสีทเ่ี ปน็ สัญลักษณ์แทนหมวดหมู่ ประเภทส่ือ เพอื่ เด็กจะได้เกบ็ เข้า ทไ่ี ด้ถูกต้อง การใชส้ ัญลกั ษณ์ควรมคี วามหมายต่อการเรียนรู้ของเด็ก สัญลกั ษณค์ วรใช้ส่ือของจรงิ ภาพถา่ ยหรือสาเนา ภาพวาด ภาพโครงรา่ งหรือภาพประจุด หรือบตั รคาติดคู่กับสัญลกั ษณ์อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ๕.ตรวจสอบสือ่ หลงั จากท่ีใช้แล้วทกุ คร้ังวา่ มสี ภาพสมบรู ณ์ จานวนครบถ้วนหรือไม่ ๖. ซ่อมแซมสื่อชารดุ และทาเติมสว่ นท่ขี าดหายไปใหค้ รบชุด การพฒั นาสื่อ การพฒั นาสื่อเพื่อใช้ประกอบการจัดกจิ กรรมในระดับปฐมวัยนั้น ก่อนอ่นื ควรไดส้ ารวจข้อมูล สภาพปญั หา ตา่ งๆของส่อื ทุกประเภทที่ใช้อยู่ว่ามีอะไรบ้างท่จี ะต้องปรับปรงุ แก้ไข เพื่อจะได้ปรับเปล่ยี นใหเ้ หมาะสมกบั ความต้องการ แนวทางการพัฒนาสอ่ื ควรมีลกั ษณะเฉพาะ ดังนี้ ๑. ปรับปรงุ สอื่ ให้ทันสมยั เขา้ กบั เหตกุ ารณ์ ใช้ได้สะดวก ไม่ซับซ้อนเกนิ ไป เหมาะสมกับวยั ของเด็ก ๒. รกั ษาความสะอาดของส่ือ ถ้าเปน็ วัสดทุ ล่ี ้างน้าได้ เม่ือใชแ้ ล้วควรได้ลา้ งเช็ด หรอื ปัดฝนุ่ ใหส้ ะอาด เก็บไว้ เปน็ หมวดหมู่ วางเป็นระเบียบหยิบใช้งา่ ย ๓. ถา้ เป็นสือ่ ท่ีผ้สู อนผลิตข้นึ มาใช้เองและผ่านการทดลองใชม้ าแลว้ ควรเขยี นคู่มือประกอบการใชส้ ่ือนัน้ โดยบอกชือ่ ส่ือ ประโยชนแ์ ละวธิ ีใชส้ อ่ื รวมทัง้ จานวนชนิ้ สว่ นของสื่อในชดุ นั้นและเก็บคู่มือไวใ้ นซองหรือถุง พร้อมสื่อ ทผี่ ลิต ๔. พัฒนาส่อื ทส่ี รา้ งสรรค์ ใชไ้ ด้เอนกประสงค์ คือ เปน็ ไดท้ ้ังส่ือเสรมิ พฒั นาการ และเปน็ ของเล่นสนุกสนานเพลดิ เพลนิ
๘๑หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ แหล่งเรียนรสู้ าหรบั เด็กปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพันธ์ุอุปถัมภ์) จัดแหล่งเรียนรู้เพ่ือส่งเสริมการเรียนรสู้ าหรับเด็กปฐมวยั แบ่งเป็นแหล่ง เรยี นรู้ภายในโรงเรยี น และแหลง่ เรยี นรู้ภายนอกโรงเรยี น ซึ่งประกอบด้วยบุคคลและสถานท่ี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่ง เรยี นรู้ในชุมชนและภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน โดยโรงเรียนมวี ัตถปุ ระสงค์ในการใชแ้ หล่งเรียนรู้สาหรับเดก็ ปฐมวยั ดงั นี้ ๑. เพ่อื ขยายความคดิ ในการจัดประสบการณ์การเรยี นรใู้ หก้ ว้างขวางขน้ึ ๒. เพ่อื สนับสนนุ ให้จัดประสบการณก์ ารเรียนร้ใู หส้ อดคลอ้ งกับหลักสูตรและเป็นการจดั การ เรียนรู้ตามแนวปฏริ ปู การเรยี นรู้ ๓. เพอ่ื สนับสนนุ การใชแ้ หล่งเรียนรู้ที่มอี ยู่แลว้ ให้เกดิ คุณค่าตอ่ การเรียนรู้ของผู้เรยี นอยา่ ง แท้จรงิ ๔. เพ่อื กระตุน้ และพฒั นาการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ สี่ อดคล้องกับท้องถ่ินและเปน็ ระบบมากขึ้น ๕. เพื่อส่งเสริมความสัมพนั ธ์ท่ดี รี ะหว่างโรงเรียนและชุมชน แหลง่ เรยี นร้สู าคัญท่ีโรงเรยี นใชจ้ ัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้สาหรบั เด็กปฐมวัยมีดงั นี้ แหลง่ เรียนร้ภู ายในโรงเรียน ๑. ห้องสมดุ ๒. สนามเด็กเลน่ ๓. หอ้ งคอมพวิ เตอร์ ๔. ศนู ยเ์ ศรษฐกิจพอเพยี ง แหล่งเรยี นรภู้ ายนอกโรงเรียน ๑. วัดเพิ่มทาน ๒. บ้านนาครธู านี การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรียนรู้ โรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) ตระหนักและเห็นความสาคัญของการจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริม บรรยากาศการเรียนร้ขู องเด็กปฐมวัยเป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากธรรมชาติของเด็กในวัยนี้สนใจท่จี ะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลอง และต้องการสัมผัสกับส่ิงแวดล้อมรอบๆตัว ดังน้ัน การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมตามความต้องการของเด็ก จึงมีความสาคัญที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นท่ีเป็นประสบการณ์ ตรงท่ีเกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสท้ังห้า จึงจาเป็นต้องจัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้สอดคล้องกับสภาพและ ความต้องการ เพอื่ สง่ ผลใหบ้ รรลุจุดหมายในการพัฒนาเด็ก การจัดสภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศการเรยี นร้ขู องเด็กปฐมวยั โรงเรยี นบึงเขายอ้ น (คงพันธุ อปุ ถมั ภ)์ คานึงถงึ สิง่ ต่อไปน้ี ๑. ความสะอาด ความปลอดภัย ๒. ความมีอิสระอยา่ งมขี อบเขตในการเล่น ๓.ความสะดวกในการทา กจิ กรรม ๔.ความพรอ้ มของอาคารสถานที่ เช่น หอ้ งเรยี น หอ้ งน้าห้องสว้ ม สนามเดก็ เล่น ฯลฯ ๕.ความเพยี งพอเหมาะสมในเรอ่ื งขนาด นา้ หนัก จา นวน สีของสื่อและเครอื่ งเลน่ ๖.บรรยากาศในการเรยี นรู้ การจัดท่เี ลน่ และมมุ ประสบการณ์ต่าง ๆ
๘๒หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ โรงเรยี นบงึ เขาย้อน (คงพันธ์ุอปุ ถมั ภ)์ จึงกาหนดหลักการจดั สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการ เรียนรภู้ ายในและภายนอกหอ้ งเรียนไวด้ งั นี้ สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศการเรยี นรภู้ ายในห้องเรยี น จัดบรรยากาศท่ีเน้นความเป็นระเบียบ สะอาด สวยงาม ปลอดภัย มีมุมประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ เอ้ือต่อการพัฒนาการและการจัดการเรยี นรู้ของเด็ก จัดให้มีที่ว่างให้เด็กๆ สามารถทากิจกรรมได้อย่างสะดวก เน้นให้ ห้องเรียนมีแสงสว่างและสีสันสบายตา มีตู้สาหรับเก็บของใช้ส่วนตัวของเด็กแต่คนเพ่ือปลูกฝังความมีวินัย ความเป็น ระเบียบ และการรู้จักเก็บรักษาของใช้ของตนเอง ซ่ึงจัดแบ่งพ้ืนท่ีให้เหมาะสมกับการประกอบกิจกรรมตามหลักสูตร ดงั นี้ ๑. พ้นื ที่อานวยความสะดวกเพ่อื เด็กและผูส้ อน ๑.๑ ท่ีแสดงผลงานของเด็ก จดั เปน็ แผ่นป้าย หรือทีแ่ ขวนผลงาน ๑.๒ ท่ีเก็บแฟม้ ผลงานของเด็ก จัดทาเปน็ กล่องหรอื จดั ใสแ่ ฟ้มรายบคุ คล ๑.๓ ท่ีเกบ็ เคร่ืองใชส้ ว่ นตัวของเดก็ ทาเปน็ ช่องตามจานวนเดก็ ๑.๔ ที่เก็บเคร่ืองใชข้ องผู้สอน เชน่ อปุ กรณก์ ารสอน ของสว่ นตัวผู้สอน ฯลฯ ๑.๕ ป้ายนเิ ทศตามหน่วยการสอนหรอื สงิ่ ท่เี ด็กสนใจ ๒. พน้ื ท่ีปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและการเคลอ่ื นไหว จัดพื้นที่ท่ีเด็กสามารถจะทางานได้ด้วยตนเอง และทากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ เด็ก สามารถเคลือ่ นไหวไดอ้ ย่างอสิ ระจากกจิ กรรมหนงึ่ ไปยังกจิ กรรมหนึ่งโดยไม่รบกวนผ้อู ่นื ๓. พืน้ ท่ีจัดมมุ เล่นหรอื มมุ ประสบการณ์ จัดแยกส่วนที่ใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน เชน่ มุมบล็อกอยู่ห่างจากมุมหนงั สือ มุมบทบาทสมมติ อยู่ติดกับมุมบล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้มุมศิลปะ ฯลฯ จัดให้มีของเล่น วัสดุอุปกรณ์ในมุมอย่างเพียงพอต่อการ เรียนรขู้ องเดก็ สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศการเรยี นรูภ้ ายนอกหอ้ งเรยี น จดั สภาพภายนอกห้องเรยี นตามแนวโรงเรยี นน่าดู นา่ อยู่ น่ามอง มกี ารจัดสวนหย่อมประเภทสวน ผักสวนครัวเพ่ือเป็นตัวอย่างแก่เด็กและชุมชน มีแปลงเกษตรพืชสมุนไพร มีต้นไม้การเรียนรู้ ฝาผนังพูดได้ มีมุมบ้าน หลังน้อย สนามเด็กเล่นเพ่ือสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้อยู่กลางธรรมชาติ เรียนรู้อย่างมีความสุข สอดคล้องกับพัฒนาการ ตามวยั ซึ่งจัดแบ่งพื้นทใ่ี ห้เหมาะสมกับการประกอบกจิ กรรมตามหลกั สูตร ดงั นี้ ๑. บริเวณสนามเดก็ เล่น จัดพนื้ ผิวของสนามท่ไี ม่เปน็ อนั ตรายต่อเด็ก มพี ้นื ที่สาหรับเล่นของ เลน่ ที่มลี ้อ รวมทั้งที่ร่ม ที่โล่งแจง้ พ้นื ดินสาหรับขดุ ทีเ่ ล่นน้า บ่อทรายพร้อมอปุ กรณ์ประกอบการเลน่ เคร่ืองเลน่ สนาม สาหรับปีนป่าย ทรงตัว ฯลฯ ท้ังน้ีไม่ติดกับบริเวณที่มีอันตราย และหมั่นตรวจตราเครื่องเล่นให้อยู่ในสภาพแข็งแรง ปลอดภยั อยู่เสมอ และหมน่ั ดแู ลเรื่องความสะอาด ๒.ที่น่ังเล่นพักผ่อน จัดที่น่ังไว้ใต้ต้นไม้มีร่มเงา สาหรับใช้จัดกิจกรรมกลุ่มย่อย ๆ หรือกิจกรรมที่ ต้องการความสงบ หรือจัดเป็นลานนิทรรศการให้ความรู้แกเ่ ดก็ และผู้ปกครอง ๓.บรเิ วณธรรมชาติ ปลกู ไม้ดอก ไม้ประดับ และพชื ผกั สวนครวั
๘๓หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ 12. การประเมนิ พัฒนาการ การประเมินพัฒนาการ หมายถึง กระบวนการสังเกตพฤติกรรมของเด็กในขณะทากิจกรรม แล้วจดบันทึกลง ในเครื่องมือท่ีผู้สอนสร้างข้ึนหรือกาหนดอย่างต่อเนื่องเพ่ือเปรียบเทียบพฤติกรรมท่ีเด็กแสดงออกในแต่ละคร้ังเป็น ข้อมลู ในการพฒั นากิจกรรมให้เด็กไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยเป็นกระบวนการต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติตามตาราง กิจกรรมประจาวันและครอบคลุมพัฒนาการของเด็กทุกด้านได้แก่ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เพ่ือนาผลมาใช้ในการจัดกิจกรรม หรือประสบการณ์พัฒนาเด็กให้เต็มตามศักยภาพของแต่ละคนด้วยเหตุนี้มีผู้สอนซึ่ง เปน็ ผทู้ ี่จะทาหนา้ ทีป่ ระเมินพัฒนาการเดก็ จะต้องเป็นผู้ทีม่ ีความรู้ ความเขา้ ใจในพัฒนาการเด็กวัย 4 - 5 ปเี ป็นอยา่ งดี และต้องเข้าใจโครงสร้างของการประเมินอย่างละเอียดว่าจะประเมินเมื่อไหร่และอย่างไร ต้องมีความสามารถในการ เลือกเคร่ืองมือและวิธีการที่จะใช้ได้อย่างถูกต้อง จึงจะทาให้ผลของการประเมินนั้นเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ การ ประเมินพัฒนาการอาจทาได้หลายวิธี แต่วิธีท่ีง่ายต่อการปฏิบัติและนิยมใช้กันมากคือ การสังเกต ซ่ึงต้องทาอย่าง ต่อเน่ืองและบันทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างสม่าเสมอ อาจกล่าวได้ว่าผู้สอนหรือผู้เก่ียวข้องกับเด็กต้องคานึงถึงเร่ืองต่างๆ ดังตอ่ ไปน้ี หลักการประเมินพัฒนาการของเดก็ 1. ประเมนิ พัฒนาการของเด็กครบทกุ ด้านและนาผลมาพฒั นาการเด็ก 2. ประเมินเปน็ รายบุคคลอย่างสมา่ เสมอต่อเนื่องตลอดปี 3. สภาพการประเมินควรมีลกั ษณะเชน่ เดียวกบั การปฏิบัติกจิ กรรมประจาวนั 4. ประเมินอยา่ งเปน็ ระบบ มกี ารวางแผน เลือกใชเ้ ครอ่ื งมอื และจดบนั ทกึ ไว้เปน็ หลักฐาน 5. ประเมินตามสภาพจริงด้วยวิธีการหลากหลายเหมาะกับเด็กรวมท้ังใช้แหล่งข้อมูลหลายๆด้าน ไม่ ควรใช้การทดสอบ ขนั้ ตอนการประเมนิ พัฒนาการ การประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั จะต้องผ่านขั้นตอนตา่ งๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. ศึกษา และทาความเข้าใจพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุทุกด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ดังปรากฏในหลักสูตรการศึกษาเด็กปฐมวัย พุทธศักราช 2546 อย่างละเอียด จึงจะทาให้ ดาเนนิ การประเมนิ พฒั นาการได้อย่างถูกตอ้ งและตรงตามความจริง 2. วางแผนเลือกใชว้ ิธีการและเคร่ืองมอื ท่ีเหมาะสมสาหรบั ใชบ้ ันทึกและประเมินพัฒนาการ เช่น แบบบันทึก พฤติกรรมเหมาะท่ีจะใช้บนั ทึกพฤติกรรมของเดก็ การบันทึกรายวัน เหมาะกับการบันทึกกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ เกิดขึ้นในช้ันเรียนทุกวัน การบันทึกการเลือกของเด็กเหมาะสาหรบั ใชบ้ ันทึกลักษณะเฉพาะหรือปฏิกิริยาท่ีเด็กมีต่อส่ิง ต่างๆรอบตัว เป็นต้น ดังน้ัน จึงเป็นหน้าท่ีของผู้สอนท่ีจะเลือกใช้เคร่ืองมือประเมินพัฒนาการให้เหมาะสม เพื่อจะ ไดผ้ ลของพฒั นาการที่ถูกตอ้ งตามความต้องการ 3. ดาเนินการประเมินและบันทึกพัฒนาการ หลังจากที่ได้วางแผนและเลือกเครื่องมือท่ีจะใช้ประเมินและ บันทึกพัฒนาการแล้ว ก่อนจะลงมือประเมินและบันทึกจะต้องอ่านคู่มือหรือคาอธิบายวิธีการใช้เคร่ืองมือน้ันๆ อย่าง ละเอยี ด แล้วจงึ ดาเนนิ การตามขน้ั ตอนที่ปรากฏในค่มู ือและบนั ทึกเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรตอ่ ไป 4. ประเมินและสรปุ การประเมินและสรุปน้ันต้องดจุ ากผลการประเมินหลายๆครั้ง มิใชเ่ พียงครั้งเดยี ว หรือ นาเอาผลจากการประเมินเพียงครั้งเดียวมาสรุป อาจทาให้ผิดพลาดได้ ผลการประเมินดูได้จากผลท่ีปรากฏใน เคร่ืองมือประเมินและบันทึกพฒั นาการ เช่น ประเมินการใชก้ ลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กอายุ 3ปปี รากฏว่ายงั เดินขึ้นบันได
๘๔หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ สลับเท้าไม่ได้ ก็ต้องมาตีความว่ากาลังขาของเด็กยังมีไม่พอที่จะเดินสลับเท้าขึ้นบันได อาจสรุปได้ว่าพัฒนาการ กล้ามเน้อื ใหญ่ยงั ไม่แขง็ แรงเหมาะสมกบั วัยต้องจดั กจิ กรรมพฒั นากลา้ มเน้ือใหญส่ ว่ นขาต่อไป 5. รายงานผล เมื่อได้ผลจากการประเมินและสรุปพัฒนาการของเด็กแล้ว ผู้สอนจะต้องตัดสินใจว่าจะ รายงานข้อมูลไปยังผู้ใด เพื่อจุดประสงค์อะไร และจะต้องใช้รูปแบบใดสาหรับรายงาน เช่น ต้องรายงานผู้บริหาร สถานศึกษา ผู้ปกครอง เพ่ือให้ทราบว่ากิจกรรมหรือประสบการณ์ท่ีสถานศึกษาจัดให้เด็กน้ัน ส่งเสริมพัฒนาการของ เด็กแต่ละคนอย่างไร เป็นไปตามจุดประสงค์หรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนช่วยเหลือเด็กได้ตรงตามความต้องการต่อไป โดยสถานศึกษาจะมีสมุดรายงานประจาตัวเด็ก ผู้สอนใช้สมุดรายงานนั้นเป็นเคร่ืองมือหรือแบบรายงานผู้ปกครองได้ และถ้าผู้สอนมีข้อเสนอแนะหรือจะขอความร่วมมือจากผู้ปกครองเก่ียวกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กก็อาจจะเพ่ิมเติม ลงไปในสมุดรายงาน และต้องคานงึ ไว้เสมอไมว่ า่ จะใช้แบบรายงานใด ข้อมูลควรจะมีความหมายเกดิ ประโยชน์แกเด็ก เป็นสาคัญ การบันทกึ ขอ้ ความลงในสมุดรายงานประจาตวั เด็ก ผ้สู อนควรใชภ้ าษาในทางสรา้ งสรรค์มากวา่ ในทางลบ 6. การให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมิน ผู้สอนต้องตระหนักว่าการทางานร่วมกับผู้ปกครองเกี่ยวกับ การพัฒนาเด็กเป็นเรื่องสาคัญมาก ผู้สอนควรยกย่องผู้ปกครองที่พยายามมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก ผู้สอนจะต้อง ต้อนรับผู้ปกครองท่ีมาสถานศึกษา ขอบคุณสาหรับความร่วมมือ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองเพื่อรายงานเร่ืองเด็ก พูดคุยด้วยตนเองหรือทางโทรศัพท์ สิ่งเหล่านี้จะทาให้ผู้ปกครองรู้สึกถึงความสาคัญของตนเองและต้องการที่จะมีส่วน ร่วมกบั ผสู้ อนในการพฒั นาเด็กของตน การติดต่อสัมพันธ์อันดีกับผู้ปกครองควรจะเป็นการติดต่อสื่อสาร 2 ทาง คือ จากสถานศึกษาไปสู่บ้านและ จากบ้านมายังสถานศึกษากระตุ้นให้ผู้ปกครองแสดงความคิดเห็นที่มีประโยชน์ต่อการ จัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก เพราะผู้ปกครองจะให้ข้อมูลท่ีถูกต้องเกี่ยวกับตัวเด็กซ่ึงผู้สอนสามารถนาไปใช้เป็นพื้นฐานในการจัดกิจกรรมที่ เหมาะสมเพื่อพัฒนาเด็กทุกคนได้เป็นอย่างดีสาหรับการติดต่อกับผู้ปกครองอาจทาได้หลายวิธีเช่น การติดต่อด้วย วาจา ได้แก่ การสนทนาด้วยตนเอง ทางโทรศัพท์ การเย่ียมบ้าน การประชุมผู้ปกครอง การติดต่อด้วยวิธีอ่ืน เช่น ป้ายติดประกาศ วารสาร ข่าวสาร ตู้รับฟังความคิดเห็น เป็นต้น นอกจากนี้อาจให้ผู้ปกครองอาสาสมัครมาช่วยงาน ผู้สอนในสถานศึกษา เช่น เล่านิทาน ร้องเพลงและอ่านหนังสือให้เด็กฟัง ช่วยในเวลาเด็กทากิจกรรมเสรี ช่วยสังเกต เด็ก บันทกึ พฒั นาการและอ่ืนๆอีกมากมายทจ่ี ะก่อให้เกดิ ประโยชน์แก่เด็ก ซ่ึงสถานศึกษาควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง มสี ่วนรว่ มในการทางานกบั ผู้สอนเปน็ อยา่ งย่งิ วธิ กี ารและเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการเด็ก ในการสรปุ ผลการประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยแต่ละคร้ัง ควรใชว้ ธิ กี ารประเมนิ อย่างหลากหลาย เพือ่ ให้ได้ ขอ้ มลู ท่สี มบูรณ์ทส่ี ุด วิธกี ารท่เี หมาะสมและนยิ มใชใ้ นการประเมินเด็กปฐมวัย มีด้วยกันหลายวิธี ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การสังเกตและการบนั ทึกการสังเกตมอี ยู่ 2 แบบ คือ การสังเกตอย่างมรี ะบบ ไดแ้ ก่ การสงั เกตอย่างมี จดุ มุ่งหมายที่แนน่ อนตามแผนท่ีวางไว้ และอีกแบบหนงึ่ คือการสงั เกตแบบไม่เปน็ ทางการ เป็นการสงั เกตในขณะท่เี ด็ก กาลังทากจิ กรรมประจาวนั และเกดิ พฤติกรรมที่ไม่คาดคิดวา่ จะเกดิ ข้นึ และผู้สอนจดบนั ทึกไว้ การสงั เกตเป็นวธิ กี ารที่ ผสู้ อนใชใ้ นการศึกษาพฒั นาการของเด็ก เมื่อมีการสงั เกตก็ต้องมีการบนั ทึก ผ้สู อนควรทราบวา่ จะบนั ทกึ อะไร การ บันทกึ พฤตกิ รรมมคี วามสาคัญอยา่ งยง่ิ ท่ตี อ้ งทาอยา่ งสมา่ เสมอ เน่อื งจากเด็กเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว จงึ ตอ้ งนามาบันทึกเป็นหลักฐานไวอ้ ย่างชัดเจน การสังเกตและการบันทึกพฒั นาการเด็กสามารถใชแ้ บบ ง่ายๆ คือ 1.1 แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรม ใช้บนั ทึกเหตุการณเ์ ฉพาะอย่าง โดยบรรยายพฤตกิ รรมเด็กผูบ้ ันทกึ ต้อง บนั ทกึ ทุกวัน เดือน ปเี กิดของเด็ก และวัน เดือน ปีทท่ี าการบนั ทกึ แต่ละคร้ัง 1.2 การบันทึกรายวันเปน็ การบนั ทกึ เหตุการณห์ รอื ประสบการณ์ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในช้ันเรยี นทกุ วัน ถา้ หาก บนั ทึกในรูปแบบของการบรรยายกม็ ักจะเน้นเฉพาะเด็กรายท่ีตอ้ งการศึกษา ข้อดีของการบันทึกรายวนั คอื การ ชี้ให้เหน็ ความสามารถเฉพาะอยา่ งของเด็ก จะชว่ ยกระตุน้ ใหผ้ สู้ อนได้พิจารณาปญั หาของเดก็ เป็นรายบุคคล ช่วยให้
๘๕หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ ผเู้ ชี่ยวชาญมีขอ้ มลู มากขน้ึ สาหรับวินิจฉัยเดก็ ว่าสมควรจะได้รับคาปรึกษาเพ่ือลดปญั หาและส่งเสรมิ พฒั นาการของเด็ก ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง นอกจากนัน้ ยังช่วยช้ใี หเ้ หน็ ข้อดีข้อเสียของการจดั กิจกรรมและประสบการณ์ได้เป็นอยา่ งดี 1.3 แบบสารวจรายการชว่ ยให้สามารถวเิ คราะห์เดก็ แต่ละคนไดค้ ่อนข้างละเอยี ดเหมาะสมกับเดก็ ระดับปฐมวัย 2. การสนทนา สามารถใชก้ ารสนทนาไดท้ งั้ เป็นกลุ่มหรือรายบุคคล เพ่ือประเมินความสามารถในการแสดง ความคดิ เห็นและพัฒนาการใช้ภาษาของเด็กและบันทกึ ผลการสนทนาลงในแบบบันทึกพฤติกรรมหรือบนั ทึกรายวัน 3. การสมั ภาษณ์ ด้วยวธิ พี ูดคุยกบั เด็กเปน็ รายบคุ คลและควรจัดในสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมเพ่ือไมใ่ ห้เกดิ ความเครียดและวติ กกงั วล ผูส้ อนควรใช้คาถามทีเ่ หมาะสมเปิดโอกาสใหเ้ ด็กได้คดิ และตอบอย่างอสิ ระ จะทาให้ ผู้สอนสามารถประเมินความสามารถทางสตปิ ัญญาของเด็กและค้นพบศักยภาพในตวั เด็กได้โดยบันทึกข้อมูลลงในแบบ สมั ภาษณ์ 4.การรวบรวมผลงานท่ีแสดงออกถึงความก้าวหน้าแต่ละด้านของเด็กเป็นรายบุคคลโดยจัดเก็บข้อมูลไว้ใน แฟ้มผลงาน ( Portfolio ) ซึ่งเป็นวิธีรวบรวมและจัดระบบข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับตัวเด็กโดยใช้เครื่องมือต่างๆรวบรวม เอาไว้อย่างมีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจนแสดงการเปลี่ยนแปลงของพัฒนาการแต่ละด้าน นอกจากน้ียังรวมข้อมูลอ่ืนๆ เช่น แบบสอบถามผู้ปกครอง แบบสังเกตพฤติกรรม แบบบันทึกสุขภาพอนามัย ฯลฯ เอาไว้ในแฟ้มผลงาน เพอื่ ผู้สอนจะได้ ขอ้ มูลท่ีเกี่ยวกับตัวเด็กอยา่ งชดั เจนและถกู ตอ้ ง การเก็บผลงานของเด็กจะไมถ่ อื วา่ เปน็ การประเมินผลถ้างานแตล่ ะชิ้น ถูกรวบรวมไว้โดยไม่ได้รับการประเมินจากผู้สอนและไม่มีการนาผลมาปรับปรุงพัฒนาเด็กหรือปรับปรุงการสอนของ ผู้สอน ดังน้ันจึงเป็นแต่การเก็บสะสมผลงานเท่าน้ัน เช่น แฟ้มสะสมผลงานขีดเขียน งานศิลปะ จะเป็นเพียงแค่แฟ้ม สะสมงานเดก็ ถ้าไม่มกี ารประเมินแฟ้มสะสมงานนจ้ี ะเป็นเคร่ืองมือการประเมินต่อเม่ืองานท่ีสะสมแต่ละช้นิ ถูกใช้ในการ บ่งบอกความก้าวหน้า ความต้องการของเด็ก และเป็นการเก็บสะสมอย่างต่อเน่ืองท่ีสร้างสรรค์โดยผู้สอนและเด็ก ผู้สอนสามารถใช้พอตโฟลิโออย่างมีคุณค่าส่ือสารกับผู้ปกครอง เพราะการเก็บผลงานเด็กอย่างต่อเน่ืองและสม่าเสมอ ในแฟ้มสะสมงานเป็นข้อมูลให้ผู้ปกครอง ให้ผู้ปกครองสามารถเปรียบเทียบความก้าวหน้าท่ีลูกของตนมีเพิ่มขึ้นจาก ผลงานชิ้นแรกกับชิ้นต่อๆมา ข้อมูลในแฟ้มสะสมงานประกอบด้วย ตัวอย่างผลงานการขีดเขียน การอ่าน และ ข้อมลู บางประการของเด็กทผี่ ู้สอนเป็นผู้บนั ทึก เช่น จานวนเล่มของหนังสอื ทเ่ี ด็กอา่ น ความถข่ี องการเลอื กอา่ นท่ีมุม หนังสือในช่วงเวลาเลือกเสรี การเปล่ียนแปลงอารมณ์ ทัศนคติ เป็นต้น ข้อมูลเหล่าน้ีจะสะท้อนภาพของความงอก งามในเด็กแต่ละคนได้ชดั เจนกว่าเกรดการประเมนิ โดยใช้การให้เกรด ผู้สอนจะต้องช้ีแจงใหผ้ ู้ปกครองทราบถึงที่มาของ การเลือกชิ้นงานแต่ละช้ินท่ีสะสมในแฟ้มสะสมงาน เช่น เป็นชิ้นงานที่ดีท่ีสุดในช่วงระยะเวลาท่ีเลือกช้ินงานนั้น เป็น ช้ินงานที่แสดงความต่อเนื่องของงานโครงการ ฯลฯ ผู้สอนควรเชิญผู้ปกครองมามีส่วนร่วมในการคัดสรรชิ้นงานท่ี บรรจใุ นแฟม้ ของเด็ก ข้อควรพิจารณาในการเลือกเกบ็ ข้อมลู ไวใ้ นแฟ้มผลงาน มีดังนี้ คอื 4.1 ขอ้ มูลที่แสดงถึงระดับพัฒนาการและความสาเร็จ เกย่ี วกับกิจกรรมที่เดก็ กระทาซง่ึ ได้มาจาก เครือ่ งมอื การประเมิน 4.2 ขอ้ มูลทร่ี วบรวมจากผลงานตา่ งๆของเด็ก อาจให้เดก็ ช่วยเลอื กเกบ็ ดว้ ยตวั เด็กเอง หรอื ผู้สอนกับ เดก็ รว่ มกันเลือก 4.3 ข้อมูลของเด็กท่ีไดจากผู้ปกครอง 5. การประเมินการเจรญิ เตบิ โตของเด็กตัวช้ีของการเจรญิ เตบิ โตในเด็กท่ีใช้ท่วั ๆไป ได้แก่ น้าหนกั ส่วนสูง เสน้ รอบ เสน้ รอบศรี ษะ ฟัน และการเจริญเติบโตของกระดูก แนวทางประเมนิ การเจริญเตบิ โต มีดังน้ี 5.1 การประเมนิ การเจรญิ เติบโตโดยการชั่งนา้ หนกั และวัดสว่ นสงู เดก็ แลว้ นาไปเปรยี บเทียบกบั เกณฑ์ปกติ ในกราฟแสดงน้าหนักตามเกณฑ์อายุของกระทรวงสาธารณสุข ซง่ึ จะบอกการเจริญเติบโตโดยรวม วธิ กี ารใช้กราฟมีขน้ั ตอนดังน้ี
๘๖หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ เมือ่ ชง่ั น้าหนกั เดก็ แลว้ นานา้ หนักมาจุดเคร่ืองหมายกากบาทลงบนกราฟ และอา่ นการเจริญเตบิ โตของเดก็ โดยดดู เครื่องหมายกากบาทว่าอยู่ในแถบสใี ด อ่านข้อความท่อี ยู่บนแถบสนี น้ั ซง่ึ แบ่งภาวะโภชนาการเปน็ 3 กลมุ่ คือ นา้ หนกั ตามเกณฑ์น้าหนักค่อนข้างมาก นาหนกั ค่อนข้างน้อย หากพบวา่ เด็กมีน้าหนักมากหรือนอ้ ยกว่าเกณฑ์ มากเกนิ ไปควรรบี ปรึกษาแพทยท์ นั ที 5.2 การวดั เส้นรอบศรี ษะมีความสาคญั ในการติดตามการเจรญิ เตบิ โตของสมอง ในเด็กทม่ี เี สน้ รอบ ศีรษะเล็กกวา่ ปกตเิ ม่ือเปรยี บเทียบกบั วัยอาจแสดงถงึ ความปกตขิ องสมอง เช่น สมองเล็กกว่าปกตหิ รือกะโหลกศีรษะ เชอื่ มเรว็ กวา่ ปกติ ซึง่ หากวนิ ิจฉยั ได้เรว็ และส่งต่อเด็กไปรบั การรกั ษาทันท่วงที อาจช่วยแก้ไขความพิการนี้ได้ ใน ทานองเดยี วกนั ถ้าเส้นรอบศรี ษะวัดได้มากกว่าปกตเิ ม่ือเปรยี บเทยี บกบั วัยเด็ก ซึง่ แสดงถึงเดก็ มีหัวโตกวา่ ปกตอิ าจเกิด จากมีนา้ ในสมองมากกว่าปกติ โรคนีห้ ากวินจิ ฉยั ได้เร็วและเดก็ ได้รับการรักษาทนั ทว่ งทีก็จะช่วยแก้ไขเป็นปกตไิ ด้ เชน่ กนั จงึ ควรวัดเส้นรอบศีรษะในเด็กอายุต่ากว่า 2 ปี ทกุ คร้งั ทีร่ ับบริการตรวจสขุ ภาพ ขนาดรอบศีรษะในเด็กอายุต่างๆ ทารกแรกเกดิ – 7 วัน เส้นรอบศรี ษะปกติของเด็กแรกเกิดประมาณ 35 เซนติเมตร ทารกอายุ 4-5 เดือน กระหม่อมหลงั ปดิ อย่างช้าไมเ่ กนิ อายุ 4 เดอื น เด็กอายุ 1 ปี เสน้ รอบศรี ษะเพิ่มขึ้นอีกปลี ะ 1 เซนตเิ มตร เด็กอายุ 1 ปี 6 เดือน กระหม่อมหนา้ ปิดอย่างชา้ ไม่เกินอายุ 1 ปี 6 เดือน เด็กอายุ 2-5 ปี เส้นรอบศีรษะเพิ่มข้นึ อกี ปีละ 1 เซนตเิ มตร วิธีวดั ใชส้ ายวัดตัววดั โดยให้ด้านหน้าผา่ นบริเวณคิว้ ด้านหลงั ผา่ นบริเวณทา้ ยทอยส่วนที่โหนกท่ีสดุ 5.3 การตรวจสุขภาพปากและฟัน คือการตรวจสอบและรักษาสงิ่ ผิดปกติของฟันและปาก การรกั ษาให้ฟนั และปากสะอาดและมสี ขุ ภาพดอี ยู่เสมอ ผ้สู อนควรแนะนาใหผ้ ู้ปกครอบพาเด็กไปใหท้ ันตแพทย์ตรวจอย่างสมา่ เสมอ ปีละ 1-2 ครง้ั นอกจากน้ีผสู้ อนควรเขา้ ใจวิธดี ุแลฟนั ซ่ึงกระทรวงสาธารณสุขได้พมิ พเ์ ผยแพร่เพื่อแนะนาเดก็ และผู้ปกครอง เพ่ือดูแลรกั ษาฟนั ใหด้ ีอยู่เสมอ เช่น การแปรงฟันได้แนะนาใหว้ างแปรงต้ังฉากกับตัวฟัน ถแู ปลงไปมาสน้ั ๆใน แนวนอนใหท้ ัว่ ถงึ ฟันทุกซ่ีในปากท้ังด้านหน้าและดา้ นหลังควรแปรงฟันทกุ คร้ังหลงั กนิ ขนมหวานหรอื หลังม้ืออาหาร 5.4 การรับวัคซีนป้องกนั โรคขั้นพืน้ ฐานการให้ภมู คิ ุ้มกนั โรคต่างๆ แกเ่ ด็กเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็น เพราะจะ ทาให้เดก็ ไม่เป็นโรคต่างๆ เชน่ โรคตบั อักเสบ โรคโปลโิ อ บาดทะยัก ไอกรน และอื่นๆซ่ึงอาจจะทาให้เด็กพิการหรือถึง แกช่ ีวิตได้ กาหนดเวลาการให้ภมู คิ ุม้ กนั โรคท่ีกระทรวงสาธารณสุขกาหนดไวใ้ นสมดุ บนั ทึกสุขภาพแมแ่ ละเด็ก พ.ศ. 2545
๘๗หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ 13. การบรหิ ารจดั การหลักสตู ร การนาหลักสูตรปฐมวัยไปใช้ให้มีประสิทธิภาพตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับการบริหาร จัดการหลกั สูตรของสถานศกึ ษา ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ าร ครผู ู้สอน ผู้ปกครอง และชุมชน ควรมีบทบาทดงั นี้ 1. ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา 1.1 ศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตร และมวี ิสัยทศั น์ดา้ นการจัดการศกึ ษาปฐมวยั 1.2 คดั เลอื กครผู ูส้ อนทเี่ หมาะสม โดยควรมีคณุ สมบตั ิ ดงั น้ี -มวี ุฒกิ ารศึกษาด้านอนุบาล, ปฐมวยั หรือผา่ นการอบรมเก่ยี วกบั การจัดการศึกษาปฐมวัย -มีความรกั เด็ก จติ ใจดี มีอารมณ์ขันและใจเยน็ ให้ความเป็นกนั เองกบั เด็กอยา่ งเสมอภาค -มีบุคลกิ ความเป็นครู เขา้ ใจธรรมชาตขิ องเดก็ -พดู จาสภุ าพเรยี บร้อย ชดั เจนเปน็ แบบอยา่ งได้ -มีความเปน็ ระเบียบ สะอาด และรู้จักประหยดั -มีความอดทน ขยัน ซื่อสัตยใ์ นการปฏบิ ตั งิ านและการปฏบิ ัตติ อ่ เด็ก -มอี ารมณ์รว่ มกบั เด็ก รจู้ กั รบั ฟงั พจิ ารณาเร่ืองราวปญั หาต่างๆของเดก็ และตดั สินปัญหา ตา่ งๆ อยา่ งมเี หตุผลและเป็นธรรม -มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ท่ีสมบรู ณ์ 1.3 ส่งเสรมิ การจดั บริการทางการศึกษาให้เดก็ เข้าเรียนอย่างทั่วถึงและเสมอภาคและ ปฏบิ ตั กิ ารบั เด็กตามเกณฑ์ทกี่ าหนด 1.4 ส่งเสริมให้ครูผ้สู อน ให้มีความรกู้ า้ วหน้าอยู่เสมอ 1.5 จัดใหม้ ขี ้อมลู สารสนเทศเกี่ยวกับเด็กรายบคุ คล 1.6 นิเทศ ติดตาม กากบั การใช้หลักสูตรและประเมนิ ผลอยา่ งเป็นระบบ 2. บทบาทครผู ูส้ อนปฐมวยั 2.1 จดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้สาหรับเด็กทีเ่ ด็กกาหนดขึ้นดว้ ยตนเอง และครผู สู้ อนกับเดก็ รว่ มกันกาหนด โดยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กให้ครบทุกด้าน 2.2 สง่ เสริมใหเ้ ด็กใช้ข้อมลู แวดล้อม ศกั ยภาพตวั ของเดก็ และหลกั ทางวิชาการผลิตกระทา หรือ หาคาตอบในสิง่ ทีเ่ ด็กเรยี นรู้อย่างมเี หตผุ ล 2.3 กระตุ้นใหเ้ ด็กร่วมคิด แก้ปญั หา ค้นควา้ หาคาตอบด้วยตนเอง ดว้ ยวธิ กี ารศึกษาที่นาไปสู่การ ใฝร่ ูแ้ ละพฒั นาตนเอง 2.4จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศการเรียนทสี่ ร้างเสรมิ ให้เดก็ ทากิจกรรมได้เต็มศกั ยภาพ และความแตกตา่ งของเดก็ แต่ละคน 2.5 สอดแทรกการอบรมด้านจรยิ ธรรมและคา่ นิยมที่พึงประสงค์ในการจดั การเรียนรแู้ ละกจิ กรรม ตา่ งๆ อย่างสม่าเสมอ 2.6 ใชก้ จิ กรรมการเล่นเป็นสื่อการเรยี นรู้สาหรับเด็กให้เป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2.7 ใช้ปฏสิ มั พันธท์ ี่ดรี ะหว่างครแู ละเด็กในการดาเนินกจิ กรรมการเรียนการสอนอย่างสม่าเสมอ 2.8 จดั การประเมนิ ผลการเรียนรทู้ ีส่ อดคล้องกบั สภาพจริง และนาผลการประเมินมาปรับปรุง พฒั นาคณุ ภาพเด็กอย่างเตม็ ศักยภาพ 2.9 ฝกึ ให้เด็กชว่ ยเหลือตนเองในชีวติ ประจาวัน 2.10 ฝกึ ให้เด็กมีความเช่ือมั่น ภมู ใิ จในตัวเองและกลา้ แสดงออก 2.11 ฝึกการเรียนรู้หน้าที่ ความมีวินยั และการมนี สิ ัยท่ดี ี
๘๘หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ 2.12 จาแนกพฤติกรรมเดก็ เพือ่ หาแนวทางส่งเสริม หรือแกป้ ัญหารายบุคคล 2.13 ประสานความรว่ มมือระหว่างโรงเรยี น บ้าน และชมุ ชน เพือ่ ให้เด็กได้พฒั นาตามศักยภาพ และมคี ุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ 2.14 ใช้เทคโนโลยแี ละแหลง่ เรียนรู้ในชุมชนในการเสรมิ สร้างการเรียนรู้ให้แก่เดก็ 2.15 จัดทาวิจัยในช้ันเรียน เพอื่ นามาปรบั ปรุงพฒั นาหลักสูตร / กระบวนการเรยี นร้แู ละพฒั นา ส่ือการเรยี นรู้ 2.16 พฒั นาตนเองใหเ้ ป็นบุคคลแหง่ การเรียนรู้ มคี ุณลักษณะของผู้ใฝร่ ู้ และทันต่อข่าวสาร เหตุการณ์เสมอ 2.17 ทาหนา้ ท่ีวางแผนกาหนดหลกั สูตร หนว่ ยการเรียนรู้ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ และการ ประเมินผลการเรยี นรู้ 2.18 จดั ทาแผนการจดั ประสบการณท์ ี่เนน้ เด็กเป็นสาคัญ ใหเ้ ดก็ มีอสิ ระในการเรยี นรู้ 3. บทบาทของพอ่ แม่ ผู้ปกครองเด็กปฐมวยั 3.1 มีสว่ นร่วมในการกาหนดแผนพฒั นาสถานศึกษาและให้ความเห็นชอบ กาหนดแผนการเรียนรู้ ของเด็กร่วมกับครูผู้สอนและเด็ก 3.2 สง่ เสรมิ สนบั สนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกจิ กรรมการเรียนรู้ เพื่อพฒั นาเดก็ ตามศกั ยภาพ 3.3 เป็นเครือขา่ ยการเรยี นรู้ จดั บรรยากาศในบา้ นให้เอื้อต่อการเรยี นรู้ 3.4 สนบั สนนุ ทรพั ยากรเพ่ือการศึกษาตามความเหมาะสมและจาเปน็ 3.5 อบรมเลีย้ งดู เอาใจใสใ่ ห้ความรกั ความอบอุน่ สง่ เสรมิ การเรียนรู้และพัฒนาการดา้ นตา่ งๆ ของเด็ก 3.6 ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ ตลอดจนส่งเสรมิ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ โดยประสานความร่วมมือกบั ครูผสู้ อน 3.7 เป็นแบบอย่างท่ดี ที งั้ ในด้านการปฏิบัตติ นให้เป็นบุคคลแห่งการเรยี นรู้ และมี คณุ ธรรมนาไปสู่การพฒั นาให้เปน็ สถาบนั แห่งการเรยี นรู้ 3.8 มีส่วนรวมในการประเมินผลการเรียนรูข้ องเด็ก และประเมินผลการจดั การของสถานศึกษา 4. บทบาทของชุมชน 4.1 มีส่วนร่วมในการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม / ชมรมผู้ปกครอง 4.2 มีส่วนร่วมในการจัดทาแผนพฒั นาสถานศึกษา 4.3 เปน็ ศูนย์กลางการเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ให้เด็กได้เรยี นร้แู ละมีประสบการณ์ จาก สถานการณ์จริง 4.4 ใหก้ ารสนับสนนุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ของสถานศึกษา 4.5 ส่งเสรมิ ใหม้ กี ารระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษา เพ่ือให้สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยาการของ ชมุ ชน 4.6 มีสว่ นร่วมในการตรวจสอบ และประเมนิ ผลการจดั การศึกษาของสถานศึกษา ทา หนา้ ทเี่ สนอแนะในการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษาสง่ เสรมิ สถานศึกษาด้านวิทยากรภายนอกและภมู ิ ปัญญาท้องถ่ิน เพือ่ เสริมสร้างและพัฒนาเด็กทุกด้าน รวมท้ังสืบสานจารตี ประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรมท้องถิ่น
๘๙หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ 14. การสร้างรอยเช่อื มต่อระหวา่ งการศกึ ษาระดับปฐมวยั กบั ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 การสร้างรอยเช่ือมต่อของการศึกษาระดบั ปฐมวัยกับระดบั ประถมศึกษาปที ่ี 1 มีความสาคัญอย่างยิง่ ส่งผลดี ต่อการเรยี นรู้ของเดก็ ปฐมวยั ในการปรับตวั รบั การเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี สามารถพัฒนาการเรียนร้ไู ด้อยา่ ง ราบรื่น การเชือ่ มต่อของการศึกษาระดบั ปฐมวัยกับระดบั ประถมศึกษาปที ่ี 1 จะประสบผลสาเร็จได้บคุ ลากรทุกฝ่ายที่ เก่ียวขอ้ งต้องดาเนินการดังต่อไปน้ี 1. ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาเป็นบคุ คลสาคัญท่มี ีบทบาทเป็นผนู้ าในการสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่างหลักสตู ร การศึกษาปฐมวัยกบั หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานในชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 โดยตอ้ งศึกษาหลักสูตรทง้ั สอง ระดับเพื่อทาความเขา้ ใจและจัดระบบการบรหิ ารด้านวชิ าการท่ีจะเอ้ือต่อการเชือ่ มตอ่ การศกึ ษาโดยดาเนินการดังน้ี 1.1 จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและระดับช้ันประถมศึกษา ร่วมกันพัฒนารอยเชื่อมต่อของ หลักสูตรท้ังสองระดับให้เป็นแนวปฏิบตั ิของสถานศึกษา เพื่อผสู้ อนทั้งสองระดับ จะได้เตรียม การสอนให้สอดคล้องกับ เด็กในวัยนี้ 1.2 จัดเอกสารด้านหลกั สูตร และเอกสารทางวิชาการของท้ังสองระดับ มาไว้ให้ผู้สอนและบคุ ลากร อ่ืนๆ ได้ศกึ ษา ทาความเข้าใจ อย่างสะดวกและเพยี งพอ 1.3 จดั กิจกรรมให้ผสู้ อนทัง้ สองระดบั มีโอกาสแลกเปลย่ี น เผยแพร่ความรใู้ หม่ๆ ท่ไี ด้รับจากการอบรม ดงู าน 1.4 จัดเอกสารเผยแพร่ ตลอดจนกจิ กรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ระหวา่ งสถานศึกษา ผู้ปกครอง และชมุ ชนอยา่ งสม่าเสมอ 1.5 จดั ปฐมนิเทศผู้ปกครอง 2 คร้ัง คือ ก่อนเด็กเขา้ เรยี นช้ันอนุบาลปีท่ี 1 และก่อนทีเ่ ด็กจะเลอื่ น ขึ้นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 เพื่อใหผ้ ้ปู กครองเขา้ ใจการศึกษาท้งั สองระดับ และให้ความร่วมมอื ชว่ ยเหลอื เด็กใหส้ ามารถ ปรบั ตวั เข้ากบั สภาพแวดลอ้ มใหม่ได้ดีข้นึ 2. ครูผู้สอนระดบั ปฐมวัย 2.1 ผู้สอนระดบั ชัน้ อนุบาลปที ี่ 2 เก็บรวบรวมข้อมลู เก่ียวกบั ตวั เด็กเป็นรายบุคคล สง่ ต่อให้ผู้สอน ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อเป็นขอ้ มลู ในการช่วยเหลือเดก็ ให้ปรบั ตัวเขา้ กบั การเรยี นรู้ใหมต่ ่อไป 2.2 พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ดี ๆ ท่เี ดก็ จะไดพ้ บและเรียนรู้ในชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 2.3 จดั ให้เดก็ ไดม้ โี อกาสทาความรู้จกั กบั ผ้สู อน และบรรยากาศของห้องเรยี นในระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 3. ผสู้ อนระดับประถมศึกษา 3.1 จัดกจิ กรรมใหเ้ ด็กและผู้ปกครอง มโี อกาสได้ทาความรู้จกั คุ้นเคยกับผสู้ อนและ ห้องเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 กอ่ นเปดิ ภาคเรียน 3.2 จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกบั ห้องเรยี นระดับปฐมวยั 3.3 จดั กิจกรรมสรา้ งขอ้ ตกลงทเี่ กิดจากเดก็ รว่ มกันเก่ียวกับการปฏบิ ัตติ น 3.4 เผยแพร่ขา่ วสารดา้ นพัฒนาการ และสร้างความสัมพันธ์ทดี่ กี บั เด็ก ผู้ปกครอง 4 ผู้ปกครอง 4.1 รว่ มกจิ กรรมท่ีทางสถานศกึ ษาจัดขนึ้ อย่างสมา่ เสมอ 4.2 ดแู ล เอาใจใส่ผู้เรยี นอยา่ งใกลช้ ดิ ใหค้ วามร่วมมือกับผ้สู อนในการสง่ เสริมพฒั นาการ ผูเ้ รียน เพ่ือเด็กจะไดป้ รบั ตวั ไดเ้ รว็ ยิ่งขนึ้
๙๐หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ การเช่อื มต่อสาระการเรียนรใู้ นระดบั ปฐมวัย กบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 สาระการเรยี นร้รู ะดบั ปฐมวัย สาระการเรยี นรูร้ ายปี (ที่สัมพนั ธก์ ันทีส่ ุด) (ประสบการณส์ าคัญ) ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 ด้านรา่ งกาย 1. การบริโภคอาหาร เคร่ืองด่ืมและมารยาทในการ 1. การปฏบิ ัตติ นตามสุขอนามัย รบั ประทานอาหาร 2. การรักษาความปลอดภยั ของตนเองและผู้อน่ื ใน 2. ความปลอดภยั ในการทางาน กิจวตั รประจาวนั 3. ใช้ เก็บเครื่องมือ เครื่องใช้ตามคาแนะนา 3. การเลน่ ในหอ้ งเรียน และนอกห้องเรยี น 4. สามารถเคลื่อนไหวรา่ งกายอยา่ งอสิ ระ และเคลอื่ น 4. การเคลื่อนไหวอยู่กบั ท่ีและการเคล่ือนไหว ไหวตามจังหวะตา่ ง ๆ เคลอ่ื นที่ 5. รู้ เขา้ ใจ และแสดงท่าทางประกอบจังหวะไดอ้ ย่าง 5. การเคลื่อนไหวพร้อมอุปกรณ์ อิสระ 6. การเล่นเคร่ืองเล่นสัมผัส 6. ตระหนกั ถึงการรกั ษาความปลอดภยั ในการเล่น 7. การเขียนภาพและเลน่ กบั สี 7. ร้รู ปู ลักษณะ รปู ร่าง รปู ทรง เส้น สขี องส่ิงต่าง ๆ ที่ 8. การปนั้ และประดิษฐ์สง่ิ ตา่ ง ๆ อยู่รอบตวั 8. การเลอื กใช้ เก็บรักษาเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ วสั ดุ อุปกรณ์
๙๑หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ สาระการเรยี นรู้ระดับปฐมวัย สาระการเรยี นร้รู ายปี (ทส่ี ัมพนั ธก์ นั ทส่ี ดุ ) (ประสบการณ์สาคญั ) ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ด้านอารมณ์ จติ ใจ 9. สามารถใชร้ า่ งกาย เสยี ง และภาษาในการแสดง 1. การแสดงปฏิกิรยิ าโต้ตอบเสยี งดนตรี บทบาทสมมุตติ ามจินตนาการ 2. การแสดงออกอย่างสนกุ สนานกบั เร่ืองราวตลก 10. ขอ้ ตกลง กติกา ระเบยี บ ของการเล่นรว่ มกัน ขาขนั และเหตกุ ารณ์ท่ีสนกุ สนาน 11.. การเคล่ือนไหวอยา่ งอสิ ระ 3. การเล่นรายบคุ คล การเล่นเป็นกลุ่ม 12. การมีส่วนร่วมในกจิ กรรมศลิ ปวฒั นธรรมของ 4. การเล่นอสิ ระ ท้องถ่ินที่เหมาะสมกบั วัย 5. การปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นท่ีอย่อู าศยั และ 13. แสดงความรสู้ กึ ช่ืนชมกับการแสดงออกทาง ความเปน็ ไทย นาฏศลิ ป์ 6. การชน่ื ชมและสรา้ งสรรค์สิ่งสวยงาม 14. ขับรอ้ งและเคาะจงั หวะได้ 7. การรอ้ งเพลง 15. หน้าที่และการดูแลรกั ษาอวยั วะต่าง ๆ ของ รา่ งกาย
สาระการเรียนรูร้ ะดับปฐมวัย ๙๒หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ (ประสบการณ์สาคัญ) สาระการเรยี นรรู้ ายปี (ท่สี ัมพนั ธก์ นั ท่สี ุด) ดา้ นสงั คม ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 1. การปฏิบตั ิกิจวัตรประจาวนั ของตนเอง 2. การมโี อกาสไดร้ บั รู้ความรู้สึกความสนใจและ 16. หลักธรรมเบื้องต้นของการอยูร่ ว่ มกนั อยา่ งมี ความตอ้ งการของตนเองและผอู้ นื่ ความสุข 3. การแลกเปลีย่ นความคิดเห็นและเคารพ 17. การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมศลิ ปวฒั นธรรมของ ความคิดเหน็ ของผู้อืน่ ท้องถ่นิ ทเี่ หมาะสมกับวัย 4. การปฏบิ ัติตามวฒั นธรรมท้องถ่นิ ท่อี าศัยอย่แู ละ 18. สามารถทางานตามบทบาทหนา้ ทท่ี ี่ไดร้ บั มอบ ความเปน็ ไทย หมายจากกลุ่ม 5. การเลน่ และการทางานร่วมกบั ผูอ้ ่นื 19. การพูดทักทาย ขอบคณุ ขอโทษ การยอมรบั การ ปฏิเสธโดยใชภ้ าษาที่สภุ าพ 20. สามารถใช้ร่างกาย เสยี ง และภาษาในการแสดง บทบาทสมมุติตามจินตนาการ
๙๓หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ สาระการเรียนรูร้ ะดบั ปฐมวัย สาระการเรยี นรูร้ ายปี (ทสี่ ัมพันธก์ ันท่สี ุด) (ประสบการณส์ าคัญ) ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 ด้านสติปัญญา 21. การเลอื กใช้คาเขยี นเปน็ ประโยคตรงตามความ 1. การแสดงความรูส้ ึกดว้ ยคาพดู หมาย และเรยี บเรยี งเปน็ เร่ืองส้นั ๆ ที่แสดง 2. การเลียนแบบการกระทาและเสยี งต่าง ๆ ความรู้ ความคดิ ความรูส้ ึก ความต้องการ และ 3. การพูดกบั ผอู้ ่ืนเก่ียวกบั ประสบการณ์ของตนเอง ประสบการณ์ หรอื เล่าเร่ืองราวเกีย่ วกับตนเอง 22. รูร้ ปู ลักษณะ รูปร่าง รปู ทรง เส้น สีของสิง่ ต่าง ๆ 4. การเขยี นในหลายรูปแบบผ่านประสบการณ์ที่ส่อื ทีอ่ ยู่รอบตวั ความหมายต่อเดก็ เขยี นภาพ เขยี นคล้ายตัวอักษร 23. การเปรียบเทยี บจานวน เขยี นเหมอื นสัญลักษณ์ เขียนช่ือตนเอง 24. การเรียงลาดบั จานวนไม่เกิน 100 5. การรู้จักสิ่งของต่าง ๆ ดว้ ยการมอง ฟงั สัมผสั 25. การวดั ความยาวและระยะทาง ชิมรส และดมกลิน่ 26. จานวนนับ 1 - 100 และ ศนู ย์ 6. การสารวจและการอธิบายความเหมือนความ 27. มคี วามสามารถในการสังเกตส่งิ รอบตวั แตกตา่ งของสง่ิ ตา่ ง ๆ 28. บอกความรู้ ในการรับรู้ความงามของสิ่งตา่ ง ๆ ท่ี 7. การเปรียบเทยี บ อยู่รอบตวั 8. การเรียงลาดับสิง่ ตา่ ง ๆ 29. บอกแหลง่ ข้อมลู ที่อยภู่ ายในโรงเรียนได้ 9. การคาดคะเนสง่ิ ตา่ ง 30. ถา่ ยทอดการรบั รลู้ ักษณะของสง่ิ ท่ีอย่รู อบ ๆ ตวั 10. การนบั ส่ิงต่าง ๆ เปน็ ผลงานทางทัศนศิลปไ์ ดโ้ ดยอิสระ 11. การสงั เกตส่ิงตา่ ง ๆ และสถานทีจ่ ากมุมมองท่ี 31. การเลือกอ่านหนังสือท่ีมีประโยชน์ ทัง้ ประเภท ตา่ ง ๆ กัน ความรู้และความบันเทิง 12. การอธบิ ายในเรอื่ งตาแหนง่ ของส่ิงตา่ ง ๆ ที่ 32. การเลา่ ถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ และความรู้สกึ สัมพนั ธ์กนั 33. สามารถแกป้ ญั หาง่าย ๆ ได้ 13. การสบื คน้ ข้อมลู 34. สามารถตงั้ คาถามจากการสารวจ 14. การรับรู้และแสดงความรสู้ ึกผ่านส่อื วัสดุ ของเล่น ผลงาน 15. การแสดงความคิดสร้างสรรค์ ผ่านสอื่ วสั ดุตา่ ง ๆ 16. การอา่ นในหลายรปู แบบ ผา่ นประสบการณ์ที่สอ่ื ความหมายต่อเด็ก อ่านภาพหรอื สญั ลกั ษณจ์ าก หนังสือนิทาน / เร่ืองราวที่สนใจ 17. การใชแ้ ละอธิบายส่ิงต่าง ๆ ดว้ ยวิธีการท่ี หลากหลาย 18. การทดลองสง่ิ ต่าง ๆ 19. การตงั้ สมมุตฐิ าน
๙๔หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ ภาคผนวก
๙๕หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุอ์ ุปถมั ภ)์ คาสัง่ สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑ ที่ ....... /๒๕๖3 เร่อื ง แตง่ ต้ังคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศกึ ษาระดับปฐมวัย ............................................................................................................................................................................... ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาข้ัน พื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๔ กาหนดให้มี “คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษา” ซึ่งแต่งตั้งโดย ผบู้ ังคับบัญชาเหนือสถานศึกษาขึ้นไปหน่งึ ระดับ อาศัยอานาจตามข้อ ๕ ของระเบียบกระทวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๔ จึงแต่งต้ังคณะกรรมการบริหาร หลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาระดับปฐมวัย โรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาปทุมธานี เขต ๑ ดงั น้ี ๑. นายวฒุ ิชัย จาปาหวาย ผู้อานวยการ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวจันทนา บัวใย ครชู านาญการพเิ ศษ รองประธาน ๓. นางศิริวรรณ เอย่ี มมิ ครูชานาญการ กรรมการ ๔. นางสาวลาเพย ตุ้มโหมด ครู กรรมการ ๕. นางสาวณภชั รนิ ทร์ วนิชนันนทส์ กุล ครู กรรมการ ๑. นางสาวปราณิศา โสมรัตนานนท์ ครูชานาญการ กรรมการและเลขานกุ าร ใหค้ ณะกรรมการมีหนา้ ท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. วางแผนการดาเนินงานวชิ าการ กาหนดสาระรายละเอียดของหลกั สตู รระดับสถานศกึ ษา และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กรอบสาระ ท้องถ่ินของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑ สภาพเศรษฐกิจ สังคมศิลปวัฒนธรรม และ ภูมิปัญญาของทอ้ งถน่ิ ๒. จัดทาคู่มอื การบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของสถานศึกษา นิเทศ กากับ ตดิ ตาม ให้ คาปรึกษาเก่ียวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมินพัฒนาการ ให้สอดคล้องเป็นไป ตามมาตรฐานของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ๓. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร เกยี่ วกับการพัฒนาหลักสตู ร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมินพัฒนาการ ใหเ้ ปน็ ไปตามจดุ หมายและแนวทางการดาเนินการของหลักสตู ร ๔. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ และชุมชน เพ่ือให้การใช้หลักสูตรเป็นไป อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และมีคุณภาพ ๕. ประชาสัมพันธ์หลักสูตร และการใช้หลกั สูตรแก่นักเรยี น ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้เก่ียวข้อง นาข้อมูล ปอ้ นกลบั จากฝ่ายต่าง ๆ มาพิจารณา เพอื่ การปรบั ปรงุ และพัฒนาหลกั สตู รของสถานศึกษา ๖. ส่งเสริมและสนบั สนุนงานวจิ ัยเกี่ยวกบั การพัฒนาหลกั สตู รและการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ ๗. ติดตามผลการประเมินพัฒนการของนักเรียนเป็นรายบุคคล ระดับชั้น ในแต่ละปีการศึกษา เพ่ือ ปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาการดาเนินงานดา้ นตา่ ง ๆ ของสถานศึกษา
๙๖หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ ๘. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูตรระดับ สถานศึกษาในรอบปีทีผ่ ่านมาแล้วใช้ผลการประเมินเพ่ือวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหารหลักสูตร ปกี ารศึกษาต่อไป ๙. รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการบริหารหลกั สตู รของสถานศกึ ษาโดยเน้นการพัฒนาคุณภาพนกั เรียน ต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตร กรรมการสถานศึกษา สาธารณชนและ ผ้เู กยี่ วข้อง ๑๐. ใหด้ าเนินการประชุมคณะกรรมการอย่างนอ้ ยภาคเรียนละ ๒ คร้ัง ให้ผูท้ ่ีไดร้ ับการแตง่ ต้ังตามคาสั่งปฏบิ ตั ิหนา้ ทีท่ ไี่ ด้รับมอบหมายได้เกิดประสิทธภิ าพอย่างสูงสุด ส่งผลให้การจัด หลักสูตรโรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ สาเร็จลุล่วง และมีคุณภาพ สามารถนาไปพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตร บังเกิดผลดีต่อทางโรงเรียนและทาง ราชการตอ่ ไป ท้งั นต้ี งั้ แต่บัดนเ้ี ป็นตน้ ไป ส่งั ณ วันท่ี ๑ เดอื นพฤษภาคม .พ.ศ.๒๕๖3 (นายวฒุ ชิ ัย จาปาหวาย) ตาแหน่งผอู้ านวยการโรงเรยี นบงึ เขาย้อน
๙๗หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ คาสั่งโรงเรียนโรงเรยี นบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธอุ์ ปุ ถัมภ์) ที่ ....... /๒๕๖3 เร่อื ง แตง่ ตัง้ คณะกรรมการพฒั นาและจดั ทาหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖3 ........................................................................................................................................................................................ ตามท่ี กระทรวงศึกษาธกิ ารไดม้ คี าสัง่ กระทรวงศกึ ษาธิการ ที่ สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ เร่ือง ใหใ้ ชห้ ลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ แทนหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๔๖ และใหส้ ถานศกึ ษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกดั นาหลักสตู รฉบบั น้ไี ปใช้ โดยปรบั ปรุงให้เหมาะสมกับเดก็ และ สภาพท้องถ่ิน ให้การจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นไปเพ่ือพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิด - ๖ ปี ให้มีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญาท่ีเหมาะสมกับวัย ความสามารถ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคล เป็นการเตรยี ม ความพร้อมท่ีจะเรียนรู้และสร้างรากฐานชีวิต ให้พัฒนาเด็กปฐมวัยไปสู่ความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ และมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติตามเจตนารมณ์ของ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ เพื่อให้การจัดการศึกษาปฐมวัยของโรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) เป็นไปตามคาส่ัง กระทรวงศึกษาธิการ สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ เรื่อง ให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แทนหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖ จึงแต่งต้ังคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๑ โรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธ์อุ ปุ ถมั ภ์) ประกอบด้วยบุคคลต่อไปน้ี ๑. นายวฒุ ิชัย จาปาหวาย ผูอ้ านวยการ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวจนั ทนา บวั ใย ครูชานาญการพเิ ศษ รองประธาน ๓. นางศริ ิวรรณ เอีย่ มมิ ครชู านาญการ กรรมการ ๔. นางสาวลาเพย ตมุ้ โหมด ครู กรรมการ ๕. นางสาวณภัชรินทร์ วนิชนนั นทส์ กุล ครู กรรมการ ๒. นางสาวปราณิศา โสมรตั นานนท์ ครชู านาญการ กรรมการและเลขานุการ ๑. ใหค้ ณะกรรมการพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวยั มีหนา้ ทีด่ ังต่อไปนี้วางแผนการดาเนนิ งาน วิชาการ กาหนดสาระรายละเอียดของหลักสูตรระดับสถานศึกษา และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษา ให้ สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กรอบสาระท้องถ่ินของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต ๑ สภาพเศรษฐกจิ สงั คมศลิ ปวัฒนธรรม และภมู ิปญั ญาของท้องถิน่ ๒. จัดทาคู่มอื การบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของสถานศึกษา นเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ให้ คาปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมินพัฒนาการ ให้สอดคล้องเป็นไป ตามมาตรฐานของหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๓. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร เก่ียวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมนิ พฒั นาการ ใหเ้ ป็นไปตามจดุ หมายและแนวทางการดาเนนิ การของหลักสตู ร ๔. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ และชุมชน เพ่ือให้การใช้หลักสูตรเป็นไป อย่างมีประสทิ ธภิ าพ และมคี ณุ ภาพ ๕. ประชาสัมพันธ์หลักสูตร และการใช้หลักสูตรแก่นกั เรยี น ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้เกี่ยวข้อง นาข้อมูล ป้อนกลบั จากฝา่ ยตา่ ง ๆ มาพิจารณา เพอ่ื การปรับปรงุ และพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา
๙๘หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ ๖. สง่ เสรมิ และสนบั สนุนงานวจิ ยั เกยี่ วกับการพัฒนาหลักสูตรและการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ๗. ติดตามผลการประเมินพัฒนการของนักเรียนเป็นรายบุคคล ระดับชั้น ในแต่ละปีการศึกษา เพื่อ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขและพัฒนาการดาเนนิ งานด้านตา่ ง ๆ ของสถานศึกษา ๘. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูตรระดับ สถานศึกษาในรอบปีทีผ่ ่านมาแล้วใชผ้ ลการประเมินเพ่ือวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหารหลักสูตร ปีการศึกษาต่อไป ๙. รายงานผลการปฏิบตั งิ านและผลการบริหารหลักสูตรของสถานศึกษาโดยเน้นการพัฒนาคุณภาพนักเรยี น ต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตร กรรมการสถานศึกษา สาธารณชนและ ผูเ้ กีย่ วข้อง ๑๐. ให้ดาเนินการประชุมคณะกรรมการอยา่ งน้อยภาคเรียนละ ๒ คร้ัง ให้ผู้ท่ีได้รบั การแต่งตั้งตามคาสั่งปฏิบัติหน้าที่ท่ีได้รับมอบหมายได้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จัดทา หลักสูตรโรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) พุทธศักราช ๒๕๖๑ ให้สาเร็จลุล่วง และมีคุณภาพ สามารถนาไป พฒั นาผูเ้ รียนใหบ้ รรลุตามเป้าหมายของหลกั สูตร บงั เกิดผลดตี อ่ ทางโรงเรยี นและทางราชการตอ่ ไป ท้ังนต้ี ัง้ แต่บัดนเี้ ป็นตน้ ไป สงั่ ณ วันที่ ๑ เดือนพฤษภาคม .พ.ศ.๒๕๖3 (นายวฒุ ิชยั จาปาหวาย) ตาแหนง่ ผอู้ านวยการโรงเรยี นบงึ เขายอ้ น (คงพันธ์ุอุปถัมภ)์
๙๙หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ ประกาศ เร่ือง ใหใ้ ช้หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย โรงเรยี นบึงเขายอ้ น (คงพนั ธ์ุอปุ ถัมภ)์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖3 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนบึงเขายอ้ น (คงพันธุ์อปุ ถัมภ์) พุทธศกั ราช ๒๕๖3 เปน็ หลักสูตรที่ได้ พัฒนาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ รวมทั้งให้สอดคล้องกับสภาพความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความ เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตลอดจนสอดคล้องกับแนวนโยบายและความต้องการการจัดการศึกษาของชาติ โรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธ์ุอุปถัมภ์) เร่ิมใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) พุทธศักราช ๒๕๖0 ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ .ชั้นอนุบาลปีท่ี ๒ และช้ันอนุบาลปีท่ี ๓ มีมาตรฐานคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ สาระการเรียนรู้ ครบทั้งประสบการณ์สาคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ พฒั นาการด้านสังคม พัฒนาการด้านสติปญั ญา และสาระที่ควรรูท้ ้ัง ๔ เร่ือง ได้แก่ เรือ่ งราวเกีย่ วกับตวั เด็ก เร่อื งราว เกี่ยวกบั บุคคลและสถานท่แี วดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตวั และสงิ่ ตา่ ง ๆรอบตัว ใหโ้ รงเรียนบึงเขาย้อน (คงพันธุ์อุปถัมภ์) ใช้หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ของสถานศึกษา พุทธศกั ราช ๒๕๖0 ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นไปและมีอานาจเพ่ิมเติม ปรับปรุงให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและวิธีจัดการศึกษา อน่ื ๆได้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ ๒๕๖3 ..................................................... (นายวสันต์ คงพนั ธุ์) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน โรงเรียนบึงเขาย้อน (คงพนั ธอ์ุ ปุ ถัมภ์)
๑๐๐หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนบงึ เขายอ้ น (คงพนั ธุ์อุปถมั ภ)์ เรอื่ ง การใหค้ วามเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษา ตอ่ การใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย โรงเรียนบงึ เขาย้อน (คงพันธ์อุ ุปถมั ภ)์ พทุ ธศักราช ๒๕๖3 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- (นายวสันต์ คงพนั ธุ์) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน โรงเรยี นบึงเขาย้อน (คงพนั ธ์อุ ุปถมั ภ)์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124