Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู การงานอาชีพฯ ม.1 (ใหม่ ปี 62)

คู่มือครู การงานอาชีพฯ ม.1 (ใหม่ ปี 62)

Published by mamarklover, 2021-03-20 08:52:42

Description: คู่มือครู การงานอาชีพฯ ม.1 (ใหม่ ปี 62)

Search

Read the Text Version

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๓ อปุ กรณ์ เคร่ืองมอื เครอื่ งใช้ในการทาำ งานประดิษฐ์ การทา� งานประดษิ ฐ์จา� เป็นต้องมีอปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้สา� หรับท�างาน ซ่งึ การเลือกใช้ 8. ครเู ปด โอกาสใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษาความรู ให้ถูกต้องและถูกวิธีจะส่งผลให้ช้ินงานมีคุณภาพดี ช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย เกยี่ วกบั การประดษิ ฐข องใช ของตกแตง จากวสั ดุ ดังนั้นเราจึงควรศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ เพ่ือให้สามารถเลือกใช้ ได้ ในทอ งถน่ิ ของตนเอง โดยมีหวั ขอ ดงั นี้ อย่างถกู ต้องกับชน้ิ งานและใช้งานอยา่ งปลอดภยั 1. หลักการเลือกอุปกรณ เคร่ืองมอื เครื่องใช ในงานประดิษฐ ๓.๑ หลักการเลอื กอปุ กรณ ์ เครอ่ื งมือ เครื่องใช ้ในงานประดษิ ฐ์ 2. หลกั การดแู ลรกั ษาอปุ กรณ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช การประดษิ ฐช์ ิ้นงานให้มีคุณภาพและเหมาะสมกับประโยชน์ ใช้สอย จา� เปน็ ต้องเลือกอปุ กรณ์ ในงานประดษิ ฐ เครอ่ื งมือ เคร่ืองใชใ้ นการประดษิ ฐ์ให้เหมาะสมกับชนิ้ งาน โดยค�านึงถงึ หลักการเลอื กใช้ ดังน้ี 3. ประเภทของอปุ กรณ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ น ๑. มีแหล่งจ�าหนา่ ยอะไหล่ทหี่ าซอ้ื ไดง้ ่าย งานประดษิ ฐ ๒. มคี วามทนทาน สามารถใชง้ านไดน้ าน • อปุ กรณ เคร่อื งมือ เครอ่ื งใชในการวดั ๓. ไสดะ้รดบัวกกาตร่อรกับารรอใชงคง้ าุณนภ าชพว่ 1ย ไปดร้มะหาตยรัดฐเาวนล าปแลลอะแดรภงยั งใานนการใช้งาน • อุปกรณ เครอ่ื งมือ เครอ่ื งใชในการตัด ๔. • อปุ กรณ เครอ่ื งมือ เคร่อื งใชในการเจาะ • อุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใชในการขึ้น ๓.๒ หลักในการดูแลรักษาอปุ กรณ์ เครื่องมอื เครอ่ื งใช้ ในงานประดษิ ฐ์ รูปทรง การดแู ลรกั ษาอปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช ้ ผปู้ ระดษิ ฐต์ อ้ งรจู้ กั ดแู ลรกั ษา ทา� ความสะอาด จดั เกบ็ • อปุ กรณ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใชใ นการปะ ตดิ ให้เรยี บร้อยหลังจากการใชง้ านทกุ ครัง้ โดยมหี ลักในการปฏิบตั ิ ดังน้ี • อปุ กรณ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใชใ นการตกแตง ๑. ของมีคม เคร่ืองใช้ไฟฟา้ และของท่ีแตกหกั ง่าย ควรเกบ็ ใหพ้ น้ มือเด็ก 4. ความปลอดภัยในการใชอ ปุ กรณ เคร่ืองมือ ๒. ของทีท่ �าดว้ ยเหลก็ เช่น ค้อน สวา่ น เลอ่ื ย ควรเช็ดด้วยน�า้ มนั กอ่ นจัดเก็บ เครอ่ื งใชใ นงานประดษิ ฐ ๓. ของทม่ี ีไม้เปน็ ส่วนประกอบ หรือทา� ด้วยไม ้ ควรจดั เกบ็ เม่อื แหง้ เพื่อป้องกันเช้ือรา ๔. ของทีเ่ ปน็ ชิ้นเลก็ ๆ เช่น ดอกสวา่ น ตะปู นอต ควรเกบ็ ใสก่ ลอ่ งใหเ้ รยี บรอ้ ย ๕. ของทช่ี า� รดุ เสียหายใหร้ ีบดา� เนินการ ซ่อมแซมทนั ที อ ปุ กรณท์ ม่ี ขี นาดเลก็ ควรเกบ็ ใสก่ ลอ่ งใหเ้ รยี บรอ้ ย 84 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ขอใดจัดเปนหลักการสําคัญในการเลือกใชอุปกรณ เคร่ืองมือ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับหลักการเลือกอุปกรณ เครื่องมือ เครื่องใชใน เครอื่ งใชใ นการทาํ งานประดิษฐ งานประดษิ ฐใ หนักเรียนฟง วา ในการเลอื กอปุ กรณ เครื่องมือ เคร่ืองใชใ นงาน ประดษิ ฐค วรคาํ นงึ ถงึ ความสะดวกในการใชง านมากกวา คาํ นงึ ถงึ เรอ่ื งของราคา 1. ใชอ ุปกรณเ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน เนือ่ งจากอุปกรณ เครือ่ งมือ เครือ่ งใชท ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพจะชว ยประหยดั ทั้งเวลา 2. ใชอ ปุ กรณท ีม่ รี าคาถูก คุณภาพพอใช และแรงงาน เชน สวา นไฟฟา มีราคาสูงกวาสวา นขอเสอื แตทาํ งานไดส ะดวก 3. ใชอุปกรณที่หาซ้อื ไดง า ยเทา นัน้ และรวดเร็วมากกวา 4. ใชอ ปุ กรณท มี่ ีความทนั สมัย (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการเลอื กใชอ ปุ กรณ เครอ่ื งมอื นักเรียนควรรู เคร่ืองใชในการทํางานประดิษฐ ควรเลอื กใหม ีความเหมาะสมกบั ลักษณะของงาน เพอ่ื เปน การชวยอาํ นวยความสะดวกในระหวาง 1 การรับรองคุณภาพ ในการเลือกซ้ืออุปกรณ เครื่องมือ เครื่องใชในงาน การปฏิบตั งิ าน สงผลใหชิน้ งานมีคุณภาพมากยิ่งขน้ึ ) ประดิษฐ ควรเลือกท่ีมีเครื่องหมาย มอก. ยอมาจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ อตุ สาหกรรม เพอ่ื เปน การยนื ยนั วา อปุ กรณ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท เ่ี ลอื กมคี ณุ ภาพ ไดม าตรฐานและมคี วามปลอดภยั T92

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓.๓ ประเภทของอปุ กรณ ์ เครอื่ งมอื เครื่องใช้ ในงานประดษิ ฐ์ ขน้ั สอน อปุ กรณ ์ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช ้ในงานประดษิ ฐม์ มี ากมายหลายประเภท ซงึ่ แตล่ ะประเภทตา่ งกม็ ี 9. หลังจากที่นักเรียนแตละกลุมไดศึกษาขอมูล วิธีการใช้งานทีแ่ ตกต่างกัน จึงควรเลือกใช ้ให้ถกู ต้องและเหมาะสมกบั ชน้ิ งาน ดงั น้ี เกี่ยวกับการประดิษฐของใช ของตกแตง จากวัสดุในทองถิ่นของตนเองตามหัวขอที่ อุปกรณ์ เครื่องมอื เครื่องใชใ้ นการวดั ครูกําหนดให ครูถามกระตุนความสนใจของ นักเรยี นวา อปุ กรณท์ ี่ใช้สา� หรับวดั ความยาวของวสั ดุต่าง ๆ เช่น • อุปกรณ เครื่องมือ เครื่องใชมีความสําคัญ อยางไรตอการทาํ งานประดิษฐ ไม้บรรทัด ฉากวัด (แนวตอบ อุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช • ทา� จากโลหะ หรอื สเตนเลส ชวยในการทุน แรง ทําใหป ระหยดั เวลาและ • ทา� จากไม้ พลาสติก หรือสเตนเลส1 เป็นมมุ ฉาก แรงงานในการทํางาน อีกทั้งยังชวยให • มีมาตรวัดเป็นเซนติเมตรและน้ิว ผลงานมคี ณุ ภาพ หากใชง านไดอ ยา งถกู ตอ ง • มมี าตรวดั เป็นเซนติเมตรและนว้ิ • ใช้สา� หรับวดั ความยาว ขดี เส้น ตรวจสอบมุม และเหมาะสม นอกจากนี้ ยังชวยเพ่ิม • ใชส้ �าหรบั วดั ความยาวและขีดเส้น ผลผลติ ใหมากขึ้นอีกดวย) สายวดั • เพราะเหตุใดจึงตองรูจักดูแลรักษาอุปกรณ ตลับเมตร2 เครอื่ งมือ เคร่ืองใชใ นการทาํ งานประดษิ ฐ (แนวตอบ เพราะอุปกรณ เคร่ืองมอื เคร่อื งใช • ทา� จากโลหะปัม๊ มสี ปริงอย่ภู ายในตลบั • ทา� จากพลาสตกิ มคี วามออ่ นนมุ่ ยดื หยนุ่ งา่ ย บางชนิดมีขอจํากัดในการดูแลรักษา เชน • มีมาตรวดั เป็นเซนติเมตรและน้ิว • มมี าตรวัดเป็นเซนติเมตรและนว้ิ เหลก็ จะเกดิ สนมิ ไดง า ย ดงั นน้ั หลงั จากการ • ใชส้ า� หรบั วดั ความยาวของวสั ดทุ มี่ คี วามยาวมาก • ใชส้ �าหรบั วดั ตวั เสื้อผา้ และสิง่ ของตา่ ง ๆ ใชง านควรเชด็ ดว ยนา้ํ มนั และหลกี เลยี่ งการ เกบ็ ไวใ นทช่ี น้ื สาํ หรบั ไมค วรเกบ็ ไวใ นทแ่ี หง วงเวยี น ไมท้ ี เพอ่ื หลกี เล่ยี งการเกดิ เชื้อรา) • ท�าจากโลหะ หรือพลาสติก • ท�าจากไม้เนือ้ ออ่ น หรือพลาสตกิ • มมี าตรวัดเป็นรศั มีวงกลม • มีมาตรวัดเปน็ เซนติเมตรและนิว้ • ใชส้ �าหรับเขยี นสว่ นโคง้ หรอื วงกลม • ใชส้ า� หรบั เขยี นเสน้ ในแนวนอน แนวดง่ิ และเอยี ง การเก็บรักษา3 • ไมบ้ รรทดั ฉากวดั และไมท้ ี เก็บอปุ กรณ์ โดยการแขวน หรือใส่กล่องใหเ้ รยี บรอ้ ย • สายวดั ควรมว้ นเก็บใหเ้ รียบร้อย ไมค่ วรมัดหรือผกู เพราะจะท�าให้หกั และเสยี รปู ทรง • ตลับเมตร ควรม้วนสายเกบ็ เขา้ ในตลับ • อปุ กรณ์ทีท่ �าจากโลหะ ไม่ควรเกบ็ ในที่ช้ืน หรือเปยี กนา�้ เพราะจะทา� ให้เกดิ สนิม • อุปกรณท์ ่ีท�าจากไม้ ควรระวงั ไมใ่ ห้ถูกน้า� เพราะจะท�าใหบ้ ดิ งอและเสยี รูปทรง 85การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถ่ิน ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู อุปกรณ เคร่ืองมือ เครื่องใชมีความสําคัญอยางไรตอการ 1 สเตนเลส เปนเหลก็ ชนิดหน่งึ ทม่ี ีปริมาณคารบ อนตา่ํ กลา วคือ มคี ารบอน ประดิษฐชน้ิ งาน นอ ยกวา 2% ของนา้ํ หนกั และมสี ว นผสมของโครเมยี ม อยา งนอ ย 10.5% มคี วาม แขง็ แรง ทนความรอนไดด ี นยิ มนํามาทาํ เปนอปุ กรณหลายชนดิ เชน เครือ่ งครวั (แนวตอบ อุปกรณ เคร่ืองมือ เครื่องใชเปนเคร่ืองทุนแรงใน แท็งกน้ํา การทํางาน ชวยใหประหยดั เวลา ประหยดั แรงงาน และประหยัด 2 ตลับเมตร ใชในการวัดระยะ ตรวจสอบขนาดของวสั ดุ หรือช้ินงาน วิธีการ คาใชจาย อีกท้ังยังมีสวนชวยใหผลงานที่ประดิษฐข้ึนมีคุณภาพ ใชงานมีขั้นตอน คือ ใชมือขางหนึ่งจับปลายเทป แลวดึงออกจากตลับ นําขอ เปนท่ีตองการของผูใช แตในท่ีน้ีผูปฏิบัติงานจําเปนตองเลือกใช ปลายเทปเกยี่ วหวั ไมท ตี่ รงและไดฉ าก จากนนั้ ใชด นิ สอ หรอื ปากกาทาํ เครอ่ื งหมาย อปุ กรณ เคร่อื งมอื เครื่องใชใหเหมาะสมกบั ลกั ษณะของงานที่ทํา ใหไ ดตามระยะที่ตองการ ควบคูไปกับการทํางานอยางมีสติและตระหนักถึงความปลอดภัย 3 การเก็บรักษา ควรจัดหากลองใสอุปกรณที่มีการจัดแบงแยกประเภท ในขณะปฏิบัตงิ านรว มดว ย) เพ่ือจัดเก็บอุปกรณหลังจากการใชงานใหเปนระเบียบเรียบรอย เพื่อใหงาย และสะดวกตอการนํามาใชงานในครั้งตอไป ปองกันอุปกรณหาย และเพ่ือ ความปลอดภยั ในการหยบิ ใชงาน T93

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน อุปกรณ์ เคร่ืองมอื เครือ่ งใชใ้ นการตดั 10. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางอุปกรณ อุปกรณท์ ่ีใชส้ �าหรบั ตัด หรอื ผา่ วัสดุให้แยกเป็นชนิ้ เลก็ ๆ เชน่ เคร่ืองมือ เคร่ืองใชในการทํางานประดิษฐ พรอมทั้งอธิบายวาอุปกรณดังกลาวจัดอยูใน กรรไกรตัดกระดาษ กรรไกรตดั ผา้ ประเภทใด มลี กั ษณะอยา งไร รวมถงึ มวี ธิ กี าร ดแู ลรกั ษาอยา งไร • ท�าจากเหล็ก หรืออะลูมิเนียม ด้ามจับเป็น • ทา� จากเหล็ก ดา้ มจบั เป็นพลาสตกิ พลาสติก • มขี นาดตั้งแต่ ๘-๑๒ น้ิว 11. ครูนําเลื่อย กรรไกรประเภทตางๆ คัตเตอร • มขี นาดตง้ั แต่ ๘-๑๐ นว้ิ • ใช้ส�าหรบั ตดั ผา้ มาสาธิตวิธีการใชงานและใหนักเรียนฝก • ใชส้ �าหรบั ตัดกระดาษ ใชง านอุปกรณดงั กลาวอยางถกู ตอง คตั เตอร์ เล่ือยมือ 12. ครูถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรียนวา • เพราะเหตใุ ดกรรไกรจงึ ตอ งมหี ลายประเภท • ท�าจากเหล็ก หรืออะลูมิเนียม ด้ามจับเป็น • ทา� จากเหลก็ ดา้ มจบั ทา� ดว้ ยไม้ หรอื พลาสตกิ (แนวตอบ เพราะวัสดุแตละประเภทมี พลาสตกิ • ใบเลอ่ื ยเป็นฟันเส้นเล็ก สามารถถอดออกได้ คุณสมบัติท่ีแตกตางกัน เชน วัสดุที่เปน • มีขนาดตงั้ แต่ ๕-๘ นิว้ • ใชส้ า� หรับตัดแผ่นไม้ หรอื วัสดทุ ห่ี นาไม่มาก โลหะจะมีความแขง็ มาก จงึ ตองใชกรรไกร • ใช้ส�าหรับตัดกระดาษและพลาสติกท่ีหนา สาํ หรับตัดโลหะ หา มนํามาตัดผา หรือตดั ไม่มาก กระดาษ เพราะจะทําใหกรรไกรเสียได สาํ หรบั กรรไกรตดั ผา กไ็ มค วรนาํ ไปตดั วสั ดุ เลอื่ ยฉลุ เล่อื ยฉลุไฟฟ้า ชนดิ อืน่ เพราะจะทําใหกรรไกรทือ่ และตัด • ทา� จากเหลก็ ดา้ มจบั ทา� ดว้ ยไม้ • ทา� จากเหลก็ ดา้ มจบั คลมุ ดว้ ยแผน่ ยางพลาสตกิ ผา ไมได) • ใบเลอ่ื ยเปน็ ฟนั ละเอยี ด สามารถถอดออกได้ • ฟันเลื่อยถี่ ขยับขน้ึ และลงเป็นแนวตรงได้ • การจดั เกบ็ รกั ษาเลอื่ ยอยา งถกู วธิ คี วรปฏบิ ตั ิ • ใชส้ �าหรับฉลุลวดลายไม้ • ใชส้ า� หรบั ตัดวสั ดุท่วั ไป อยางไร (แนวตอบ ควรถอดใบเล่ือยออกกอน ใช การเกบ็ รกั ษา แปรงปด เศษฝุนออกจากตวั เลื่อยแลว ใชผ า • เก็บอปุ กรณ์ ใหเ้ รียบรอ้ ยและเกบ็ ใหพ้ น้ มอื เดก็ สะอาดเช็ดท่ีตัวเล่ือย ทาเล่ือยดวยนํ้ามัน • กรรไกรและคัตเตอร์ ควรเช็ดให้สะอาด เก็บใส่ซอง หรือกล่องให้เรียบร้อย และไม่ควรให้ เพ่ือปองกันสนิม จัดเก็บเขาท่ีใหเรียบรอย เปียกน้า� เพราะจะท�าให้เกิดสนมิ และเก็บใหพน มือเด็ก) • เลอื่ ยมอื เลอื่ ยฉลุ และเลอ่ื ยฉลไุ ฟฟา้ ควรถอดใบเลอื่ ยออก เชด็ ใหส้ ะอาด ทานา�้ มนั เพอ่ื ปอ้ งกนั สนมิ • เลอ่ื ยฉลุไฟฟา้ ควรถอดปลั๊กไฟออกให้เรียบร้อยหลังการใช้งาน 86 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ขอใดเรียงลําดับการดูแลรักษาเลอ่ื ยมือไดอ ยา งถูกตอง ครูสาธิตวิธีการใชงานอุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใชในการตัดใหนักเรียนดู 1 ถอดใบเลื่อยออก 2 ทาน้าํ มนั จกั รชนิดใส เพื่อใหน ักเรียนมองเห็นถงึ ความแตกตางในการใชงาน สามารถเลือกใชอปุ กรณ 3 ใชแ ปรงปด ใหส ะอาด 4 ใชต ะไบตกแตง ฟน เล่ือย เคร่อื งมอื เคร่ืองใชใ นการตดั ไดอ ยา งเหมาะสมกบั ชนิดของงานทจ่ี ะปฏิบัติ เชน 1. 1, 4. 2, 3 2. 4, 1, 3, 2 การใชเ ลอื่ ยฉลใุ นงานไม ทาํ ไดโ ดยใสใ บเลอ่ื ยเขา กบั โครงเลอื่ ย ใหฟ น เลอ่ื ยหนั ไป 3. 4, 3, 1, 2 4. 2, 3, 1 4 ดา นหนา และคมของใบเลอื่ ยพงุ ลงดา นลา ง ปรบั สกรใู บเลอ่ื ยใหต งึ ขณะเลอื่ ยให บังคบั โครงเล่อื ย และใบเล่อื ยใหต รง และการเคล่ือนไหวควรเปน ไปอยา งชา ๆ (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการดูแลรกั ษาเลื่อยมอื ทีถ่ กู ตอง ควรเริ่มจากการใชตะไบตกแตง ฟนเลอ่ื ยใหคมอยเู สมอ โดยเลือก ส่ือ Digital ใชตะไบที่มีขนาดพอดีกับฟนเลื่อย ใชแปรงปดเศษข้ีเลื่อยให หลุดออกจนหมด ถอดใบเล่ือยออก ทานํ้ามันจักรชนิดใส เพ่ือ ศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการใชเล่ือยฉลุ ไดจาก https://www.youtube. ปองกันการเกิดสนิม จากน้ันเก็บเขาที่ใหเรียบรอยและเก็บให com/watch?v=CsNVS0o8wPs พน มือเด็ก) T94

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ อุปกรณ์เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นการเจาะ ขนั้ สอน อุปกรณท์ ่ีใช้สา� หรับเจาะวสั ดุตา่ ง ๆ เพอ่ื ตดิ ตัง้ หรอื แขวน เชน่ 13. ครูใหนักเรียนรวมกันอธิบายวา อุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใชในการเจาะมีประโยชน เหล็กหมาด สวา่ น1มือ อยางไร และใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยาง อุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช ในการเจาะ • ทา� จากเหล็กปลายแหลม ดา้ มจบั ทา� ด้วยไม้ • ทา� จากเหลก็ ดา้ มจบั คลมุ ดว้ ยแผน่ ยางพลาสตกิ ที่นักเรียนเคยพบเห็นในชีวิตประจําวนั • กดบนเนื้อไม้ที่หนาพอประมาณ แล้วบิด • ดอกสวา่ นสามารถถอดออกได้ ซา้ ย-ขวา • ใช้ส�าหรับเจาะเหลก็ และไม้ 14. ครูขออาสาสมัครนักเรียนท่ีมีประสบการณ • ใชส้ �าหรบั เจาะท�ารอยเม่อื จะตอกตะปู ในการใชอ ปุ กรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใชส าํ หรบั เจาะออกมาเลาประสบการณของตนเองให สวา่ นขอ้ เสือ สว่านไฟฟ้า เพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยอธิบายลักษณะ วิธีการใชง าน และการดแู ลรกั ษา • ทา� จากเหลก็ ดา้ มจบั คลมุ ดว้ ยแผน่ ยางพลาสตกิ • ทา� จากเหลก็ ดา้ มจบั คลมุ ดว้ ยแผน่ ยางพลาสตกิ • ประกอบดว้ ยหวั มอื จบั และทป่ี รบั ดอกสวา่ น • ดอกสวา่ นสามารถถอดออกได้ 15. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “การใชอ ปุ กรณ เครอ่ื งมอื • ใช้ส�าหรบั เจาะเหลก็ และไม้ • ใช้สา� หรับเจาะเหล็กและไม้ เครอื่ งใชในการเจาะนน้ั ควรใชอ ยา งระมดั ระวงั ขณะใชง านไมค วรหยอกลอ หรอื เลน กนั เพราะ การเก็บรักษา อาจเกิดอันตรายได โดยเฉพาะสวานไฟฟา เน่ืองจากเปนอุปกรณที่ตองใชไฟฟาในขณะ • เสชว็ดา่ ทนา� มคอื วาสมวสา่ นะอขอ้าดมออื ุปแกลระณสว์แา่ ลนะไทฟาฟนา้ �้ามควนั รใหถท้อด่ัวดเพอก่ือสปว้อา่ งนกอันอสกนแิมลว้ ใชน้ า�้ มนั สนหยอดทฟ่ี นั เฟอื ง2 ปฏิบัติงาน และควรเลือกใชดอกสวานให • ถูกตองเหมาะสมกับงานแตละประเภทและ • เก็บอุปกรณ์ ให้เรยี บร้อยและเกบ็ ให้พน้ มอื เด็ก วัสดุที่นํามาเจาะ ซึ่งนักเรียนสามารถศึกษา ไดใ นกลอง Tip จากหนงั สือเรียน หนา 87” Tip 3 ดอกสว่านใชใ้ หถ้ กู กับงาน ดอกสวา่ นใชก้ ดั เจาะเนอ้ื วสั ดตุ า่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ รเู พอ่ื จะไดต้ อกตะป ู ใสพ่ กุ ขนั นอตหรอื สกรู ไดส้ ะดวก มหี ลายประเภทให้เลอื กใช ้ จงึ ควรเลอื กใช้ ใหถ้ กู กับงาน ดงั น้ี ใช้เปจาละาไยมด้ อเพกื่อคใลสา้ บ่ ยาหนาพงปับลปาร ะต4ู ปลายดอกแหลม ปลายดอกเป็นเหล็ก ใช้เจาะไม ้ โลหะ ชุบแข็งพิเศษ ใช้เจาะปนู หรอื หน้าต่าง หรือพลาสติก ซีเมนตบ์ ล็อก หรืออิฐมอญ 87การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู การใชสวา นไฟฟา ที่ปลอดภัย ควรปฏบิ ตั ติ นอยางไร 1 สวา น กอ นนาํ สวา นมาเจาะทกุ ครงั้ ควรใชเ หลก็ ตอกนาํ บรเิ วณทตี่ อ งการเจาะ เพอ่ื ใหส ามารถเจาะไดต รงตามตาํ แหนง ทต่ี อ งการ ควรจบั สวา นใหก ระชบั ตรงจดุ (แนวตอบ การใชส วา นไฟฟา เพอ่ื ใหเ กดิ ความปลอดภยั ผปู ฏบิ ตั งิ าน ท่ีตองการเจาะ และควรออกแรงกดใหสัมพันธกับการหมุน เพื่อใหเกิดความ ควรตรวจดปู ลกั๊ เสยี บใหอ ยใู นสภาพดี หากพบการชาํ รดุ ควรนาํ มา ปลอดภยั ในขณะใชงาน ซอมแซมใหเรียบรอยกอนการใชงาน ระมัดระวังอยาใหสวานตก 2 เฟอง เปนเคร่ืองจักรกลที่ทํางานโดยการหมุน ลักษณะคลายจานแบน หรอื กระแทก เพราะจะทาํ ใหส วา นแตกเสยี หายได กอ นใสด อกสวา น รปู วงกลม ขอบเปน แฉก พบมากในงานทีเ่ กยี่ วของกบั เคร่ืองจักรกล ควรตรวจสอบใหมัน่ ใจวาใสเขา ชองเรยี บรอ ยดีแลว เพราะหากใส 3 ดอกสวา น ในการปฏบิ ัตงิ านทุกครั้ง ควรขนั ดอกสวานใหแนน เพื่อปองกัน ไมแ นน เมอื่ ใชง านดอกสวา นจะหลดุ จากตวั สวา น และกระเดน็ ออก ไมใ หด อกสวา นหลดุ กระเดน็ ออกมา เมอื่ ขนั แนน ดแี ลว ใหเ ปด สวติ ชใ หส วา นหมนุ มาจนกอ ใหเกดิ อนั ตรายได ในการดูแลรักษา ควรถอดดอกสวาน เพ่ือตรวจสอบดูวาปลายดอกสวานหมุนแกวงหรือไม หากแกวงไปมาใหคลาย ออกกอ นการจดั เกบ็ เพอื่ ความสะดวกและเพอ่ื ปอ งกนั การสญู หาย ดอกสวานออก แลวขนั เขา ไปใหม ควรทําความสะอาด โดยใชน้ํามันจักรชนิดใสทา เพื่อปองกัน 4 บานพบั ประตู เปน อปุ กรณท นี่ าํ มาใชในการเชอ่ื มประตู หนา ตา ง เขา กบั วงกบ การเกิดสนมิ และจดั เกบ็ ใหพ นมอื เดก็ ) ของบา น ทําจากวัสดุหลายชนิด เชน เหลก็ สเตนเลส ทองเหลอื ง อะลมู ิเนียม T95

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใชใ้ นการขน้ึ รปู ทรง 16. ครูนําอปุ กรณ เครือ่ งมอื เครอื่ งใชในการขึ้น อปุ กรณท์ ่ีใช้ส�าหรับตอก ตี จับยึด ไข เพื่อขึน้ รปู ชน้ิ งานตามตอ้ งการ เชน่ รูปทรงมาสาธิตการใชใหนักเรียนดู และให นักเรียนไดลองฝกการใชงาน โดยครูเปน คอ้ นเหลก็ ไขควง1ปากแบน ผูแนะนาํ วิธกี ารใชงานใหก บั นักเรียน จากนัน้ ครถู ามนกั เรยี นวา • ท�าจากเหลก็ ดา้ มจบั หุม้ ด้วยยาง • ทา� จากเหล็ก ดา้ มจบั หุ้มดว้ ยยาง • หากนําคอนไมไปตอกกับเหล็กจะเปน • มี ๒ แบบ คอื คอ้ นหัวกลมและคอ้ นหงอน • ปลายมลี กั ษณะหวั แบน อยา งไร • ใช้ส�าหรบั ตอกและงัดตะปู • ใชส้ า� หรับขนั หรอื คลายสกรนู อตหัวฝงั ตรง (แนวตอบ จะทําใหคอนไมชํารุดเสียหายได เพราะเหลก็ มคี วามแขง็ แรงมากกวาตัวไม) ไขควงปากแฉก คมี 2ตดั • คมี แตล ะประเภทมวี ธิ กี ารใชง านทแ่ี ตกตา งกนั • ท�าจากเหลก็ ด้ามจับห้มุ ดว้ ยยาง หรอื ไม อยางไร • ปลายมลี กั ษณะหวั แฉก • ท�าจากเหล็ก ดา้ มจบั หมุ้ ด้วยยาง (แนวตอบ คมี แตล ะประเภทมีวธิ กี ารใชงาน • ใชส้ า� หรับขัน หรือคลายสกรูนอตหัว ๔ แฉก • ปากด้านขา้ งคม ตัด และชบุ แขง็ ที่แตกตางกัน เพราะมีคุณสมบัติในการ • ใชส้ า� หรบั ตดั ลวด หรอื วสั ดทุ มี่ ขี นาดไม่ใหญม่ าก ใชง านทม่ี ขี อ จํากัด เชน คีมจบั ใชส ําหรับ หนีบหรือจับชิ้นงานท่ีมีขนาดเล็ก ไมควร คมี จบั คมี ดัด นําไปใชต ดั วสั ดอุ ่นื ๆ) • ทา� จากเหลก็ ด้ามจบั หุ้มด้วยยาง • ท�าจากเหลก็ ดา้ มจับห้มุ ด้วยยาง • ปากมีลกั ษณะแหลมเรียว • ปากด้านข้างคม ตัด และชบุ แข็ง 17. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การใชคอนจะตองใช • ใชส้ �าหรับหนบี หรอื จับชิ้นงานทมี่ ขี นาดเลก็ • ใชส้ า� หรับดดั วัสดทุ ่ี ไมห่ นามาก อยา งระมดั ระวงั โดยการจบั จะตอ งกาํ ดา มคอ น ใหแ นน และตอ งจบั ใหต รงกง่ึ กลางของตวั ดา ม Be careful การเก็บรกั ษา ไมค วรจบั ทป่ี ลายสดุ ของดา ม เพราะอาจทาํ ให • เกบ็ อปุ กรณ์ ใสไ่ ว้ในกล่องเกบ็ เคร่ืองมือ คอ นหลดุ มอื ได และควรตอกใหเ ตม็ หนา คอ น ขณะใช้ค้อน ควรใช้มือ • ไมค่ วรวางอปุ กรณต์ ากแดด เพราะจะทา� ให้เหล็กเสอื่ ม ไมค วรตอกใหถ กู ขา งคอ น เพราะจะทาํ ใหว สั ดุ กา� ดา้ มคอ้ นใหแ้ นน่ เพอื่ ปอ้ งกนั บิดเบี้ยวและอาจเกิดอันตรายระหวางการ คอ้ นหลดุ มอื ไมค่ วรจบั ปลายสดุ คณุ ภาพ ใชงานได” ของดา้ ม และควรตอกใหเ้ ตม็ หนา้ ไมค่ วรตอกใหถ้ กู ขา้ งคอ้ น เพราะ จะท�าให้วัสดุบิดเบี้ยวและอาจ เกดิ อันตรายระหวา่ งใชง้ านได้ 88 เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใชไขควงใหนักเรียนฟงวา ในการใชงาน ใหนกั เรียนสืบคนขอ มลู เพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ประเภทของอุปกรณ ไขควง ควรเลือกขนาดของไขควงใหมีความเหมาะสมกับหัวสกรูที่ตองการไข เครอื่ งมอื เครอื่ งใชใ นการทาํ งานประดษิ ฐ พรอ มทง้ั สรปุ ความรทู ไี่ ด และไมค วรนําไขควงมาใชใ นการแคะ แกะ งัด สกัด ชิ้นงานตางๆ เพราะอาจ จากการศึกษาลงในกระดาษ A4 ในรูปแบบของแผนผังความคิด ทาํ ใหไขควงเกดิ การชํารุดเสียหายได (Mind Mapping) จากน้นั นําผลงานสง ครูผูสอน นักเรียนควรรู กิจกรรม ทาทาย 1 ไขควง ขณะใชงานตองจับไขควงใหต้ังตรง หรือตั้งฉากกับหัวสกรู หาก ใหนักเรียนเลือกอุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใชในการทํางาน ตองการคลายสกรูออกใหบิดไขควงแบบทวนเข็มนาฬกา และหากตองการ ประดษิ ฐต ามความสนใจ 1 ชนดิ จากนนั้ ออกมาสาธติ วธิ กี ารใชง าน ขนั สกรูใหแ นนใหบิดไขควงแบบตามเข็มนาฬก า อปุ กรณด งั กลา วทถ่ี กู ตอ งใหเ พอ่ื นชมหนา ชน้ั เรยี น พรอ มทงั้ อธบิ าย 2 คีม การจับคีมควรจับใหดามของคีมอยูที่ปลายนิ้วท้ังส่ี ใชอุงมือและน้ิว วิธีการดแู ลรักษาควบคูก ันไปดวย หวั แมม อื กดดามคมี อกี ดา นหนง่ึ จะทาํ ใหมีกาํ ลังในการจบั มากขึน้ T96

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ อปุ กรณ์ เครื่องมอื เคร่ืองใชใ้ นการปะตดิ ขน้ั สอน อุปกรณ์ท่ีใชส้ �าหรบั ติดวสั ดตุ า่ ง ๆ ให้แน่นหนา และตกแตง่ ชน้ิ งานให้สวยงาม เชน่ 18. ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา “อปุ กรณ เคร่อื งมือ เคร่ืองใชในการปะติดที่นักเรียนรูจักและใช กาวลาเทก็ ซ์ กาวรอ้ น เปนประจําคือส่ิงใด ซึ่งนักเรียนสวนใหญ จะรจู กั วธิ กี ารใชง านแลว แตว ธิ กี ารดแู ลรกั ษา • เป็นของเหลว มีสีขาวขนุ่ เนอื้ เหนียวขน้ • เปน็ น�้าใส ๆ แห้งเร็ว นักเรียนอาจจะยังไมมีความรูมากพอ ดังนั้น • มกี ารแหง้ ตวั ทเ่ี หมาะสม ตดิ กนั เปน็ เนอื้ เดยี ว • หากสมั ผสั ถูกผวิ หนงั จะรู้สึกแสบร้อน ครูจึงสาธิตวิธีการใชงานและการเก็บรักษาท่ี • ใช้สา� หรบั ตดิ วสั ดุประเภทกระดาษ • ใช้ส�าหรับติดวัสดุประเภทแก้ว พลาสติก ถูกตอง เพ่ือใหอ ุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช เซรามิก เหลาน้ันมีอายุการใชงานท่ียาวนานขึ้นและ ไมเ สื่อมคณุ ภาพ” กาวซิลโิ คน กาวยาง • เปน็ ของกึง่ เหลว มีสีขาว • เปน็ น�้าใส ๆ แห้งเรว็ 19. ครูสาธิตวิธีการใชงานและการเก็บรักษา • มีความยืดหย่นุ สูง แหง้ ชา้ • ติดแน่น ทนทาน อุปกรณ เครื่องมือ เครื่องใชในการปะติดท่ี • ใชส้ า� หรบั อดุ รอยตอ่ ติดวัสดุทเี่ ป็นกระจก • ใช้ส�าหรบั ตดิ วสั ดปุ ระเภทไม้ โลหะ เซรามกิ ถกู ตอ งใหน กั เรยี นดู จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นวา • กาวลาเทก็ ซกบั กาวรอ นมีคุณสมบตั ิ กาวซิลโิ คนชนิดแทง่ เทปกาว แตกตางกันอยา งไร (แนวตอบ กาวลาเท็กซจะเหนยี วขน แหง ชา • เปน็ แท่งยาวใส มีนา้� หนกั เบา • ท�าจากกระดาษ พลาสตกิ ไวนลิ อะครลิ กิ เหมาะสําหรับติดวัสดุประเภทกระดาษ • ใชค้ ู่กับปนื กาวที่ใชไ้ ฟฟ้า • เน้อื มคี วามเหนียว ยดึ ติดได้ดี สําหรับกาวรอนนัน้ จะมลี กั ษณะใส แหง เรว็ • ใช้ส�าหรบั ติดวัสดุประเภทไม้ พลาสติก โลหะ • ใช้สา� หรบั ตดิ วสั ดปุ ระเภทกระดาษ เหมาะสาํ หรบั ตดิ วสั ดปุ ระเภทแกว พลาสตกิ และเซรามิก) การเก็บรกั ษา • สีโปสเตอรท่ีนิยมใชกันโดยท่ัวไปมีวิธีการ • กาวทม่ี ีลักษณะเป็นน�า้ ควรปดิ ฝาให้สนทิ เกบ็ รักษาอยางไร • กาวลาเทก็ ซ์ ควรเกบ็ ในทแี่ หง้ ไม่ควรถกู ความร้อน เพราะจะทา� ให้กาวแห้ง (แนวตอบ หลังจากการใชงานควรปดฝา • กาวร้อน ควรเก็บไว้ ในตู้เย็นชอ่ งปกติ จะทา� ใหก้ าวไม่แขง็ ตวั ใหสนิท หามถูกแสงแดด และเก็บใสใน • กาวยาง ควรเก็บไว้ ในท่ีมกี ารระบายอากาศไดด้ ี กลองใหเ รยี บรอ ย) • กาวซลิ ิโคนชนดิ แท่ง ควรดงึ กาวทเี่ หลือออกจากปนื กาว เกบ็ ใส่กลอ่ งใหเ้ รยี บร้อย • เทปกาว ควรเก็บใสก่ ล่องใหเ้ รียบร้อย ไมค่ วรถูกความร้อน 89การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค เกร็ดแนะครู ครูสมมติเหตุการณท่ีเกี่ยวของกับความไมปลอดภัยในขณะใช ครูแนะนําเพ่ิมเติมเกี่ยวกับวิธีการแกปญหาหากกาวตราชางติดมือในขณะ อปุ กรณ เครือ่ งมอื เคร่ืองใชในการทํางานประดษิ ฐ แลวใหน ักเรียน ปฏบิ ตั ิงาน ซึ่งสามารถแกปญ หาไดหลายวิธี เชน รวมกันอธิบายวิธีการใชงานท่ีถูกตอง รวมถึงความปลอดภัยใน ขณะปฏิบัติงาน เพ่ือปองกันและหลีกเล่ียงไมใหเกิดอันตรายจาก • การแชน า้ํ อนุ นาํ มอื ไปแชในน้าํ อนุ จะชวยใหก าวออนตัวลง จากน้นั จึง สถานการณดังกลาว ในประเดน็ ท่กี ําหนดให ดงั น้ี ลา งออกดว ยสบู 1. คัตเตอรต วั ล็อกมดี ชาํ รุด • มะนาว ใชม ะนาวถบู รเิ วณทถ่ี กู กาว ถใู หท ว่ั คราบกาวจะคอ ยๆ หลดุ ออก 2. หมนุ ดอกสวานไมแนน คจนอยหๆม• ดผขดังซคกั รฟาอบกกผาวสจมะผคงอซยกั ๆฟอหกลดุ41อ¼ถอว กยจนในหนมา้ํ ดรอ น 1 ถว ย นาํ มือลงไปแช แลว 3. สายไฟปนกาวขาด (กิจกรรมนี้ เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงคดานใฝเรียนรู • นา้ํ ยาลา งเลบ็ ใชส าํ ลชี บุ นา้ํ ยาลา งเลบ็ นาํ มาวางบรเิ วณทเ่ี ปอ นกาว ทง้ิ ไว และมงุ มั่นในการทํางาน) สักพัก คอยๆ เช็ด คราบกาวจะคอยๆ หลุดออกจนหมด • วาสลนี ใชวาสลีนถูบริเวณทถ่ี กู กาวใหท ่วั คราบกาวจะคอยๆ หลดุ ออก จนหมด T97

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน อุปกรณ์ เครอื่ งมือเคร่ืองใชใ้ นการตกแตง่ 20. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “อุปกรณ เครื่องมือ อุปกรณท์ ่ีใชส้ �าหรบั ตกแต่งชน้ิ งานให้สวยงาม เชน่ เครื่องใชในการประดิษฐของใช ของตกแตง จากวัสดุในทองถ่ินมีหลากหลายประเภท สโี ปสเตอร์ สีอะครลิ ิก ดงั นนั้ จงึ ควรเลอื กใชใ หเ หมาะสมกบั ลกั ษณะ • เป็นสีชนดิ สีฝนุ่ ผสมกาวน้�าบรรจขุ วด • เปน็ สที มี่ สี ว่ นผสมของสารพลาสตกิ พอลเิ มอร์ การใชงาน และควรเก็บรักษาใหถูกวิธี เพื่อ • เปน็ สที ึบแสง มเี นอื้ สขี น้ • เนอื้ สเี ปน็ ครมี ขน้ ความหนดื สงู แหง้ เรว็ ทนทาน การใชงานท่ียาวนานมากย่งิ ขึ้น” • ใช้สา� หรับตกแตง่ วัสดทุ ี่เปน็ กระดาษ แผน่ ไม้ • ใช้ส�าหรบั ตกแต่งวสั ดุประเภทไม้ ฝาผนงั ผา้ 21. ครใู หนักเรียนทําแบบปฏิบตั ิฯ ม.1 กจิ กรรมที่ แลก็ เกอร์ การเกบ็ รกั ษา 4.3 จากนนั้ อภปิ รายรวมกันในช้นั เรยี น • เป็นสารเคลือบผวิ วตั ถใุ หเ้ ปน็ เงามัน • ควรปดิ ฝาอปุ กรณ์ใหส้ นทิ หา้ มถกู แสงแดด • มีทั้งชนิดน้�าใช้ทาและชนิดฉดี พน่ • สีโปสเตอร์และสีอะคริลิก ควรเก็บใส่ 22. ครูเปดโอกาสใหแตละกลุมวางแผนรวมกัน • ใช้สา� หรับเพ่มิ ความมันเงาให้กบั ช้ินงาน เกี่ยวกับการประดิษฐของใช ของตกแตง กล่องให้เรยี บรอ้ ย จากวัสดุในทองถิ่น โดยบันทึกขอมูลลงใน • แล็กเกอร์ ควรเก็บไว้ ในที่มิดชิด อากาศ ใบงานท่ี 4.1.1 เร่ือง การวางแผนประดิษฐ ของใช ของตกแตงจากวสั ดุในทอ งถน่ิ ถา่ ยเทได้สะดวก หา่ งจากวตั ถุไวไฟ ขนั้ สรปุ ๓.๔ ความปลอดภัยในการใชอ้ ปุ กรณ ์ เครอื่ งมอื เครือ่ งใช้ ในงานประดษิ ฐ์ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การใชอ้ ปุ กรณ์ เคร่อื งมอื เครอื่ งใช้ ควรมีความระมัดระวงั เป็นอย่างมาก เพราะหากใช้อย่าง เรือ่ ง การประดิษฐข องใช ของตกแตงจากวัสดใุ น ไม่ระมัดระวังหรอื ใชอ้ ย่างประมาท อาจทา� ใหเ้ กิดอันตรายต่อตนเองหรือผู้อืน่ ได ้ ดงั นัน้ จึงควรยดึ ทอ งถ่ิน หลักความปลอดภยั ดงั น้ี ๑. ศึกษาวธิ กี ารใช้ อปุ กรณ ์ เครื่องมอื เคร่อื งใช ้ใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งละเอยี ดก่อนนา� มาใชง้ าน ขน้ั ประเมนิ ๒. ตรวจสอบสภาพ ของอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ทุกครั้งก่อนการใช้งาน หากพบว่า ชา� รดุ ไม่ควรนา� มาใช้ และควรรีบซ่อมแซมทนั ที 1. ครูตรวจแบบปฏบิ ัติฯ ม.1 กจิ กรรมท่ี 4.3 ๓. ขณะใช้อุปกรณ์ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ หากมีอาการง่วงซึมหรืออ่อนเพลีย ควรหยุด 2. ครูตรวจใบงานท่ี 4.1.1 เร่ือง การวางแผน ใชง้ านทนั ท ี เพราะอาจทา� ใหพ้ ลาดพล้งั เกดิ อบุ ัติเหตุข้ึนได้ ๔. หากอยู่ในภาวะอารมณท์ ี่ไมป่ กต ิ เชน่ ซมึ เศรา้ หงดุ หงดิ โกรธ ไมค่ วรใชอ้ ปุ กรณ ์ เครอื่ งมอื ประดษิ ฐข องใช ของตกแตง จากวสั ดใุ นทอ งถนิ่ เคร่ืองใช้ ใด ๆ ทั้งสิ้น 3. ครูตรวจแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ ๕. ควรใช้เคร่ืองป้องกัน เช่น ผ้าปิดจมูก หน้ากาก เพราะอุปกรณ์บางชนิดอาจท�าให้เกิด อันตรายได ้ หากใชง้ านไม่ถกู ต้อง เรยี นรูท่ี 4 4. ครูตรวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น 90 จากการตอบคําถาม การแสดงความคิดเห็น และการทาํ กจิ กรรมรว มกนั ในชนั้ เรียน แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ “แพรวนาํ สอี ะครลิ กิ มาใชใ นการตกแตง ผลงานประดษิ ฐ แตแ พรว ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคลและการสังเกต เผลอทําสเี ปอนท่เี ส้อื ” จากขอ ความนี้ แพรวควรแกป ญ หาอยา งไร พฤติกรรมการทํางานกลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทาย แผนการจดั การเรยี นรู หนวยการเรียนรทู ่ี 4 1. นาํ เสื้อไปท้ิง เพราะกลวั ถูกคณุ แมดุ 2. นําผาแหง ชบุ นา้ํ มันเบนซีนเช็ดบรเิ วณท่ีเปอ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 3. นาํ สเปรยฉ ดี ผมฉดี ตรงรอยเปอ น แลวนาํ ไปซกั 4. นาํ เส้ือไปแชใ นนํา้ รอ น เพ่อื ใหส คี อ ยๆ หลุดออกไป คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะสอี ะครลิ กิ ทเี่ ปอ นเสอ้ื สามารถ ตรงกับระดบั คะแนน ขจัดรอยเปอนได โดยการนําสเปรยฉีดผม ฉีดลงไปที่บริเวณ ตรงกบั ระดับคะแนน รอยเปอน ทิง้ ไวส กั พัก จากนั้นจึงนําไปซักกบั ผงซกั ฟอกใหสะอาด รอยเปอนจะหายไป) ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน การมี 321 ลาดับที่ ชื่อ – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม 1 การแสดงความคดิ เห็น ของนกั เรียน ความ ฟังคนอ่ืน ตามที่ไดร้ บั น้าใจ การ 15 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน 3 การทางานตามหน้าที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย ปรบั ปรุง 4 ความมีนา้ ใจ ผลงานกลมุ่ 5 การตรงต่อเวลา 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ประเมิน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ............./.................../............... ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ 8 - 11 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T98

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔ การออกแบบงานประดษิ ฐ์ ขนั้ นาํ (5 Es) เปน็ ลกักาษรณออะกขแอบงชบ้นิเปงา็นนกใาหรผ้ท้อู�าืน่โครรับงรสู้ใรน้าลงกั ขษอณงชะ้ินสงอางนมกติ 1่อ ิ นหกรือารสปามระมดติ ิ2ษิ ฐเ์ชช้ินน่ ง ากนาร อทอ่ีสกาแมบาบรถผถล่าติ ยภทัณอฑด ์ ข้ันท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ การออกแบบจิตรกรรม การออกแบบประตมิ ากรรม การออกแบบโตะ๊ การออกแบบเกา้ อ้ี 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความหมาย ๔.๑ คณุ สมบัตขิ องผ้อู อกแบบงานประดษิ ฐ์ ของการประดษิ ฐข องใช ของตกแตง จากวสั ดุ ในทอ งถน่ิ วา “การประดษิ ฐข องใช ของตกแตง การประดษิ ฐช์ นิ้ งาน ผอู้ อกแบบงานประดษิ ฐต์ อ้ งมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจ มคี วามพรอ้ ม และฝกึ ฝน จากวัสดุในทองถิ่น เปนการใชวัสดุท่ีมีใน ตนเองในดา้ นต่าง ๆ โดยผู้ออกแบบงานประดิษฐค์ วรมคี ุณสมบตั ิ ดงั น้ี แตละทองถิ่นมาสรางสรรค หรือออกแบบ เปนผลิตภัณฑที่ใหประโยชนใชสอยตรงกับ ๑. มที กั ษะในการออกแบบ ตอ้ งฝกึ ทกั ษะในการออกแบบ ตอ้ งหมนั่ ศกึ ษาหาความรู้ ความตองการของผูบริโภค เชน เปนของ ตกแตงบาน เปนของขวัญเน่ืองในโอกาส เรอื่ งการออกแบบงานประดษิ ฐ์ตา่ ง ๆ และควรฝกึ ปฏบิ ัติอยา่ งสมา่� เสมอจนเกิดความชา� นาญ สําคัญตางๆ นอกจากนี้ ยังสามารถทําเพื่อ สรางรายไดใหกับตนเองและครอบครัวได ๒. มคี วามคิดสรา้ งสรรค ์ ควรมีแนวคดิ ในการปรบั ปรุง หรือเปลย่ี นแปลงชิ้นงานให้ อีกดวย” มีความแปลกใหม่ โดยศกึ ษาเพ่มิ เติม หรอื นา� ส่งิ ท่ีพบเหน็ ในชีวติ ประจ�าวนั มาตอ่ ยอดความคดิ ได้ 2. ครูใหนักเรียนดูตัวอยางงานประดิษฐของใช ของตกแตง จากวสั ดใุ นทอ งถน่ิ เพอื่ ใหน กั เรยี น ๓. มีความทันสมัย ต้องมีการติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลง เขา ใจมากยงิ่ ขน้ึ (ยกตวั อยา ง เชน ดอกกหุ ลาบ ปก แจกนั ทาํ จากเกลด็ ปลา ทต่ี กั อาหารทาํ จาก ทางสังคม ความนิยมของคนทัว่ ไป เพอ่ื น�าความร้มู าผสมผสานกบั การออกแบบชน้ิ งาน กะลามะพรา วกระดมุ ตดิ เสอ้ื ทาํ จากกงิ่ ไมตะกรา ใสข องทาํ จากผกั ตบชวา) ๔. มีความเข้าใจงานเฉพาะด้าน ต้องศึกษาหาความรู้และมีความเข้าใจในชิ้นงาน 3. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเลา ประสบการณ เพราะงานแตล่ ะชน้ิ จะมกี ารออกแบบทแ่ี ตกตา่ งกนั ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ แนวคดิ รปู แบบ วสั ด ุ อปุ กรณ์ เกี่ยวกับการประดิษฐของใช ของตกแตง จากวัสดใุ นทองถ่นิ ใหเพอ่ื นฟงหนาชั้นเรียน การมีความคดิ สร้างสรรค์ในการออกแบบงานประดิษฐ์ จะช่วยให้ผลงานมีความแปลกใหม่ และไม่ซา�้ แบบใคร จากนั้นครูอธิบายเพ่ือเชื่อมโยงเขาสูบทเรียน 91การประดิษฐ์ของใช้ วา “การประดษิ ฐช นิ้ งานทดี่ ี ควรมกี ารออกแบบ ท่ีดี โดยการออกแบบเปนการทําโครงสราง ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถ่ิน ของช้ินงานกอนการลงมือประดิษฐ เพ่ือ เปนการถายทอดลักษณะของช้ินงานให ผูอ่ืนรับรูในลักษณะของงานสองมิติ หรือ งานสามมิติ เชน การออกแบบผลิตภัณฑ การออกแบบโตะ การออกแบบเกาอ”ี้ ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู “ไผตองการประดิษฐของใช ของตกแตงจากวัสดุในทองถ่ิน 1 สองมิติ รูปราง รูปทรงทม่ี ีเฉพาะความยาวและความกวา ง พบมากในงาน เพื่อนําไปจําหนา ยในงานวนั วิชาการของโรงเรยี น” จากขอ ความน้ี จติ รกรรมและงานภาพพิมพ ไผค วรปฏบิ ัตสิ ่ิงใดกอนเปนลําดบั แรก 2 สามมติ ิ การมองเหน็ รปู รา ง รปู ทรง ทม่ี ที ง้ั ความยาว ความกวา ง และความสงู 1. กําหนดแผนการปฏบิ ตั ิงานในแตล ะวนั หรือความหนา 2. จดั เตรียมวัสดุ อปุ กรณ เคร่อื งมือ เครอ่ื งใชใหพรอ ม 3. จัดทาํ แบบสาํ รวจความตองการของนักเรยี นในโรงเรียน 4. ออกแบบของใช ของตกแตงตามจนิ ตนาการของตนเอง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการประดิษฐของใช ของ ตกแตงจากวัสดุในทองถ่ิน เพื่อใหเกิดความสวยงามและนําไปใช ประโยชนไ ดอ ยา งเหมาะสม จะตอ งผา นขนั้ ตอนการออกแบบกอ น เพ่ือใหไ ดผลงานตามตอ งการ) T99

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๔.๒ หลักการออกแบบงานประดษิ ฐ์ ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจและคน หา การออกแบบงานประดิษฐ์ ผู้ประดิษฐ์จ�าเป็นต้องน�าหลักการทางทัศนศิลป์เข้ามาใช้ ใน การออกแบบ เพื่อให้ ไดช้ น้ิ งานที่มคี วามนา่ สนใจ โดยหลักการออกแบบ มีดงั น้ี 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน สํารวจคุณสมบัติของผูออกแบบงานประดิษฐ เสน้ เสน้ นอน ใหค้ วามรู้สกึ กวา้ ง ใหไ ดม ากทส่ี ดุ จากนน้ั ใหตัวแทนกลุม ออกมา เส้นโคง้ ให้ความรสู้ ึกอ่อนไหว เขยี นคําตอบบนกระดาน เส้นแต่ละเสน้ ให้ความรู้สึกแตกต่างกนั เชน่ เส้นตรง ให้ความรสู้ ึกราบเรียบ 2. ครดู าํ เนนิ การตดั คณุ สมบตั ขิ องผอู อกแบบงาน เส้นต้งั ให้ความร้สู กึ มั่นคง ประดษิ ฐทซ่ี ํ้ากนั ออก เพื่อลดความซ้ําซอน อหอลกักแกบารบ รปู รา่ ง 3. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “ผอู อกแบบงานประดษิ ฐ จะตองมีความรู ความเขาใจ มีความพรอม เปน็ เส้นรอบนอกของวัตถุ สามารถสื่อ และสามารถฝกฝนตนเองในดานตางๆ เพื่อ ความหมายถึงความกวา้ งและความยาว ใหผ ลงานการประดษิ ฐม ปี ระสทิ ธภิ าพมากทสี่ ดุ ดังนั้น สิ่งสําคัญท่ีสุดของการประดิษฐ คือ รปู ทรง การรูจักวัสดุ เชน กลวย เปนพืชลมลุก มี หลายชนิดมีลําตนท่ีสูงและแข็งแรง ดังนั้น เป็นลกั ษณะของวัตถทุ ่ีสามารถ กลว ยจึงเติบโตไดด ีในทุกภมู ภิ าค” สอื่ ความหมายถงึ ความกว้าง ความหนา และความยาว 4. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนสามารถนํากลวยมาประดิษฐเปน แสงเงา สงิ่ ใดได (แนวตอบ ประดิษฐก ระทง บายศรี ของเลน มคี วามสัมพนั ธก์ ัน เม่ือมแี สงมากระทบ กระเปา เชือก อุปกรณใ สอ าหาร) ด้านตรงข้ามกับแสงกระทบจะเกดิ เงา สี ท�าให้รูส้ กึ มีชีวิตชวี า เชน่ สีโทนอุน่ แสดงถงึ ความอบอ่นุ สว่างไสว สีโทนเย็น แสดงถึงความสงบ เยือกเย็น 92 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ หลักการทางทัศนศิลปมีความสําคัญอยางไรตอการออกแบบ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับหลักการออกแบบงานประดิษฐใหนักเรียนฟงวา งานประดษิ ฐ หลกั การออกแบบงานประดษิ ฐ เปน ความรพู นื้ ฐานในการสรา งสรรคช นิ้ งานทค่ี วร คาํ นงึ ถงึ เพอื่ เปน การนาํ ความรทู ไ่ี ดร บั ไปปรบั ใชก บั งานประดษิ ฐข องตนเอง เพอื่ 1. ชวยใหค นหันมาสนใจทํางานประดิษฐม ากขึ้น ใหเ กดิ ความสวยงาม เหมาะสม และสามารถนาํ ไปใชป ระโยชนไ ด ผอู น่ื สามารถ 2. ชวยใหผลงานเปนทร่ี ูจักอยา งแพรห ลาย มองเหน็ รบั รู หรือสมั ผสั ได เพื่อใหมีความเขา ใจในผลงานรวมกัน ซง่ึ หลกั การ 3. ชวยใหตน ทนุ ในการประดิษฐล ดลง ออกแบบงานประดษิ ฐท สี่ าํ คญั ไดแ ก การนาํ หลกั การทางทศั นศลิ ปม าใช เพอื่ ให 4. ชว ยใหผลงานมีความสวยงาม ไดร ปู แบบทม่ี คี วามสวยงาม มคี วามนา สนใจ เลอื กใชว สั ดไุ ดอ ยา งเหมาะสม และ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะหลกั การทางทศั นศลิ ปถ อื เปน มีความสอดคลองกบั การผลติ สามารถนาํ ไปผลิตเปน ช้ินงานได วิชาพื้นฐานสําคัญในการสรางสรรคผลงานแทบทุกชนิด เพราะมี สว นชว ยใหผ ลงานมคี วามสวยงาม ดดู ี มคี วามแปลกใหม นอกจากน้ี ยังแสดงใหเห็นถึงความคิดริเริ่มสรางสรรคและจินตนาการของ ผสู รางสรรคผลงานอกี ดว ย) T100

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๕ งานประดษิ ฐ์จากวัสดใุ นท้องถิน่ ขน้ั สอน งานประดษิ ฐจ์ ากวสั ดใุ นทอ้ งถน่ิ เปน็ การนา� วสั ดตุ า่ ง ๆ ทมี่ อี ย ู่ ในทอ้ งถนิ่ มาประดษิ ฐเ์ ปน็ ของใช้ ของตกแต่งบา้ น และสามารถน�าไปจ�าหนา่ ยเพ่อื สรา้ งรายได ้ให้กับตนเองและครอบครวั ขนั้ ท่ี 2 สาํ รวจและคนหา ๕.๑ งานประดษิ ฐ์ของใชจ้ ากวสั ดุในทอ้ งถน่ิ 5. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเก่ียวกับหลักการ การประดิษฐ์ชิ้นงานเพ่ือน�าไปใช้สอย หรือใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้ มีหลายรูปแบบ ออกแบบงานประดิษฐและงานประดิษฐจาก แบง่ ตามลักษณะการใช้งานได้ ดังนี้ วัสดุในทองถิ่น จากหนังสือเรียน หนวยการ ใช้บรรจสุ ิง่ ของ เรยี นรูท่ี 4 หรอื ศึกษาเพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็ เป็นการประดิษฐ์ข้ึนเพ่ือใช้ ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู เป็นภาชนะบรรจุส่ิงของต่าง ๆ เช่น กระบุง กระจาด ตะกรา้ 6. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั หลกั การทางทศั นศลิ ป ชะลอม ถาดใสข่ อง ใหน กั เรยี นฟง วา “การนาํ หลกั การทางทศั นศลิ ป เขา มาใชใ นการออกแบบงานประดษิ ฐจ ะชว ยให ใช้ในงานประเพณี ช้ินงานที่ประดิษฐขึ้นมีความนาสนใจ มีความ วฒั นธรรม สวยงาม และมีความคิดสรางสรรคมากย่ิงขึ้น โดยจะตองคํานึงถึงหลักการใชเสน รูปราง เปน็ การประดษิ ฐข์ นึ้ เพ่ือใชเ้ ปน็ รปู ทรง แสงเงา และสี” คร้ังคราว ตามงานประเพณี 7. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ซกั ถามเพอ่ื เปน การตรวจ วใชัฒ้ในนปธรระรเมพตณา่ งลี ๆอยเชก่นระกทรงะ1ทง สอบความเขา ใจเกยี่ วกบั หลกั การออกแบบงาน ประดิษฐและงานประดิษฐจากวัสดุในทองถ่ิน ใชเ้ ป็นอุปกรณ์ โดยครแู ละเพอ่ื นรว มชน้ั เรยี นรว มกนั ตรวจสอบ ในการท�างาน ความถกู ตองจากการตอบคาํ ถาม ดงั นี้ • งานประดิษฐจากวัสดุในทองถ่ินมีคุณคา เป็นการประดิษฐ์ข้ึนเพ่ือใช้ ใน อยา งไร (แนวตอบ เปน ภมู ปิ ญ ญาในทอ งถนิ่ ของตนเอง ใกนากราทร�าเงลาย้ี นงตชพี่างเๆชน่ หขรอ้ืองเพลื่ออใบช2้ ซ่ึงเปนเอกลักษณประจําทองถ่ินท่ีสรางข้ึน จากความคิดสรางสรรค อีกทั้งยังสรางเปน เบด็ ตกปลา ใช้ในการจบั สตั วน์ า�้ อาชีพไดอ ีกดว ย) 93การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู งานประดิษฐจ ากวสั ดุในทองถน่ิ มคี ณุ คาและมีประโยชนอ ยางไร 1 ประเพณีลอยกระทง เปน ประเพณีทก่ี ระทํากันในคนื วนั เพญ็ เดือน 12 หรือ วนั ขนึ้ 15 คาํ่ เดอื น 12 ซง่ึ เปน วนั ทพี่ ระจนั ทรเ ตม็ ดวง และเปน ชว งทนี่ าํ้ ขน้ึ เตม็ ตลงิ่ (แนวตอบ งานประดิษฐจากวัสดุในทองถิ่น นับเปนภูมิปญญา ในการประดษิ ฐก ระทงเพอ่ื นาํ ไปใชล อยนนั้ ผปู ระดษิ ฐจ ะตอ งคาํ นงึ ถงึ การอนรุ กั ษ ท่ีสะทอนใหเห็นถึงความคิดสรางสรรคของคนไทยเก่ียวกับการ ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมรวมดวย เชน หลีกเลี่ยงการประดิษฐกระทงท่ีมี ประดิษฐของใช ของตกแตงจากวัสดุที่หาไดในทองถ่ินของตน สวนประกอบของโฟม พลาสติก กระทงที่ประดิษฐขึ้นจากแปงมันสําปะหลัง ทําใหว ัสดทุ ี่หาไดง ายและถูกมองวาไมมรี าคา ไรค ุณคา ไมก อให ขนมปง เพราะแมจะยอยสลายไดงาย แตก็ทําใหน้ําเนาเสีย ใชกานมะพราว เกิดประโยชน สามารถนํามาสรางสรรคเปนผลงานตางๆ ที่ชวย กลดั กระทงแทนการใชหมดุ หรอื ตะปทู ่ีไมยอยสลาย เลอื กใชวสั ดุจากธรรมชาติ เพม่ิ มลู คา ใหก บั วสั ดเุ หลา นนั้ และสรา งรายไดใ หก บั ผคู นในทอ งถน่ิ มาประดษิ ฐเ ปน กระทง เชน หยวกกลว ย กาบกลว ย กาบมะพรา ว กะลามะพรา ว ในปจจุบันงานประดิษฐจากวัสดุในทองถ่ินไดมีการพัฒนารูปแบบ ผักตบชวา ดอกบวั เพราะยอ ยสลายงายและสามารถนาํ ไปทาํ ปุยได ใหมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงตอบโจทยดานประโยชน 2 ลอบ เปนอปุ กรณท่ใี ชในการจับสตั วนาํ้ ทาํ จากไมไผ หวาย เถาวลั ย หรอื ใชสอยไดอยา งหลากหลาย จนบางอยา งกลายเปนอาชีพหลักของ ลวดรัดโครงไม แบงเปน 3 ประเภท คือ ลอบนอน ลอบยนื และลอบกุง ผคู นในทองถน่ิ นัน้ ๆ ไปโดยปรยิ าย) T101

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สอน ๕.๒ งานประดิษฐ์ของตกแตง่ จากวัสดใุ นท้องถ่นิ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู การประดิษฐ์ชิ้นงานเพื่อน�าไปใช้ประดับตกแต่งบ้าน หรือสถานที่ต่าง ๆ ให้มีความสวยงาม หรือมบี รรยากาศท่ดี ขี ึ้น แบง่ ตามลักษณะการนา� ไปใช้ได้ ดงั นี้ 8. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางงานประดิษฐ ของตกแตงจากวัสดุในทองถ่ินท่ีใชประดับ ใช้ประดบั ตกแต่งบ้าน ตกแตงบาน หรือสถานที่ตางๆ รวมถึงใช หรอื สถานทต่ี ่างๆ ประดับรางกาย เป็นการประดิษฐ์ชิ้นงานเพ่ือ 9. ครูถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรียนวา น�าไปใช้ในการตกแต่งบ้าน • การประดษิ ฐข องตกแตง จากวสั ดใุ นทอ งถน่ิ หรือสถานท่ีต่าง ๆ ให้มีความ ที่ใชประดับตกแตงบาน หรือสถานที่ตางๆ รวมถงึ ใชป ระดบั รา งกายมปี ระโยชนอ ยา งไร เสชวน่ ยงการมอแบลระูปนโ่าคอมยไฟู่ม1ากยิ่งข้ึน (แนวตอบ ชว ยทาํ ใหบ า นสวยงาม นา อยอู าศยั มากยงิ่ ขนึ้ ชว ยสรา งเสรมิ บคุ ลกิ ภาพ และใน ใช้ประดบั รา่ งกาย ขณะเดยี วกนั กส็ ามารถสรา งเปน อาชพี เสรมิ หรอื อาชีพหลกั ได) เป็นการประดิษฐ์ชิ้นงานเพื่อ น�าไปใช้ประดับร่างกายให้มี ขน้ั สรปุ บคุ ลกิ ภาพทด่ี ขี น้ึ เชน่ สรอ้ ยคอ สร้อยข้อมือ ตุ้มหู ก�าไล ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ ที่คาดผม 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน ออกแบบงานประดิษฐของใช ของตกแตง จากวัสดุในทองถ่ินท่ีแตละกลุมไดคัดเลือกไว เมื่อชั่วโมงที่ผานมา โดยใชหลักการทาง ทศั นศลิ ป และบนั ทกึ ขอ มลู ลงในใบงานที่ 4.2.1 เรือ่ ง การออกแบบงานประดิษฐ การประดษิ ฐ์ของใช้และของตกแต่ง2 เป็นการแสดงถงึ ความคิดสรา้ งสรรค์ของผปู้ ระดษิ ฐ ์ โดย มุ่งเน้นให้มีความสวยงาม มีความแปลกใหม่ และมีความทันสมัย นอกจากน้ี ผู้ประดิษฐ์ยังต้อง คา� นงึ ถงึ สงิ่ ตา่ ง ๆ เชน่ ความสวยงาม ความประหยดั ความเหมาะสมในการนา� ไปใช ้ หรอื ประโยชน ์ ใช้สอย ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยจากการปฏิบตั ิงานดว้ ย 94 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 โคมไฟ การใชแ สงสวา งภายในหอ งแตล ะหอ งจะมคี วามแตกตา งกนั ดงั นน้ั ขอ ใดตา งจากพวก การเลือกใชโคมไฟจึงควรเลือกใชเหมาะสมกับหองน้ันๆ เชน โคมไฟหองครัว 1. กระทง บายศรี พานดอกไม ควรเปน โคมไฟติดเพดานแบบลอย แสงไฟสีขาว 2. กระจาด บุหงาแหง กระจู 2 การประดิษฐของใชและของตกแตง ปจจุบันมีการนําวัสดุในทองถิ่นมา 3. กระบงุ ชะลอม ตะกรา ประดษิ ฐเ ปน ของใชแ ละของตกแตง บา น เพอื่ เพม่ิ ความสวยงามหลายประเภท เชน 4. สมุ ขอ ง ตมเอยี่ น กระเปาสานจากผักตบชวา โคมไฟสานจากไมไ ผ (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนงานประดิษฐทีม่ ลี ักษณะ การใชงานที่แตกตางกัน กลาวคือ กระจาด ประดิษฐข้ึนเพ่ือใช T102 บรรจสุ ง่ิ ของ บหุ งาแหง ประดษิ ฐข น้ึ เพอื่ การปรงุ แตง กลน่ิ และกระจู ประดิษฐข้นึ เพ่อื การหาเล้ียงชพี สวนคาํ ตอบในขอ 1. จดั เปนงาน ประดษิ ฐทปี่ ระดษิ ฐขึน้ เปน ของใชต ามวัฒนธรรม ประเพณี ขอ 3. จัดเปนงานประดิษฐท่ีประดิษฐขึ้นเพื่อใชบรรจุสิ่งของ และขอ 4. จัดเปน งานประดิษฐที่ประดษิ ฐข ึน้ เพอ่ื การหาเล้ยี งชพี )

นาํ สอน สรุป ประเมิน Know More ขน้ั สรปุ ศิลปหัตถกรรมจากวัสดใุ นท้องถิน่ ๔ ภาค ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ งานศิลปหัตถกรรมของไทยแบ่งเปน็ ๔ ภาค ตามภาคการปกครอง ได้แก ่ ภาคเหนือ ภาคกลาง 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานํา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซ่ึงแต่ละภาคจะมีเอกลักษณ์ หรือลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น เสนอผลงานการออกแบบงานประดิษฐของใช แตกต่างกันไป เชน่ ของตกแตงจากวัสดุในทองถิ่นใหเพื่อนชม หนาชนั้ เรยี น ภาคเหนอื 3. ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับศิลปหัตถกรรม เป็นการถ่ายทอดวิถีชวี ติ ที่ผกู พนั กบั ธรรมชาตลิ งบนแผ่นไม้ จากวสั ดใุ นทอ งถ่นิ 4 ภาค จากหนงั สือเรียน เปน็ ลวดลายตา่ งๆ มที ัง้ ภาพแบบนูนและภาพแบบลอยตัว หนา 95 และจาก PowerPoint ม.1 เพ่ือจะ ไดทราบวาในแตละภาคของประเทศไทยนั้น ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มเี อกลกั ษณใดท่ีโดดเดน เปน็ ผา้ ทอดว้ ยเสน้ ไหมสตี า่ งๆ ผสม 4. ครูและนกั เรียนรว มกันสรุปความรู เร่ือง การ การปักเป็นลวดลายทีว่ จิ ิตรงดงาม ออกแบบงานประดษิ ฐของใช ของตกแตง จาก วัสดใุ นทองถนิ่ ภาคกลาง ขน้ั ประเมนิ เป็นภมู ปิ ญั ญาพืน้ บา้ น ใชส้ าำ หรบั บรรจขุ องใช ้ ในชวี ิตประจาำ วนั ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล ภาคใต้ 1. ครตู รวจใบงานท่ี 4.2.1 เรอ่ื ง การออกแบบงาน ประดษิ ฐ เป็นการนำาเส้นลิเภามาสานเปน็ ของใช้ โดยสาน เป็นลวดลายตา่ งๆ อย่างสวยงาม 2. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรยี น จากการตอบคําถาม การแสดงความคิดเห็น รวมกันในช้ันเรียน และการทํากิจกรรมใน ช้นั เรียน 95การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล เพราะเหตุใด งานแกะสลักไมจึงปรากฏมากในบริเวณพื้นที่ ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคลและการสังเกต ภาคเหนอื พฤติกรรมการทํางานกลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลท่ีแนบทาย แผนการจัดการเรยี นรู หนวยการเรียนรูท ่ี 4 (แนวตอบ เพราะในอดีตบริเวณพื้นที่ภาคเหนืออุดมสมบูรณ ไปดวยปาไม ทําใหมีการนําไมมาประดิษฐเปนของใช ของ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ ตกแตงบาน รวมถึงของเลนและของที่ระลึก ทําใหกลายเปน สิ่งประดิษฐท่ีมีช่ือเสียงมาอยางยาวนาน และสืบทอดมาจนถึง คาช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ปจจุบนั แมว าในปจจบุ ันปริมาณไมเ รม่ิ มีจํานวนลดลง ทาํ ใหก าร ตรงกบั ระดบั คะแนน ประดิษฐชิ้นงานที่มีขนาดใหญ มีไมมากดังเชนในอดีต แตความ ตรงกบั ระดบั คะแนน มชี ือ่ เสยี งและความเปน เอกลักษณย ังคงมีอยดู ังเชนที่ผานมา) ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน การมี 321 ลาดับท่ี ช่ือ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม 1 การแสดงความคิดเหน็ ของนกั เรยี น ความ ฟงั คนอ่นื ตามทไี่ ดร้ ับ นา้ ใจ การ 15 2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อน่ื คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน 3 การทางานตามหนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ปรบั ปรุง 4 ความมนี า้ ใจ ผลงานกลุ่ม 5 การตรงต่อเวลา 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ประเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ............./.................../............... ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 8 - 11 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง T103

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (เนนกระบวนการปฏิบัติ) ๖ ตัวอย่างการประดิษฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากวัสดใุ นทอ้ งถน่ิ 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเพอ่ื เชอื่ มโยงเขา สบู ทเรยี น การประดษิ ฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากวสั ดใุ นทอ้ งถน่ิ เปน็ การฝกึ ใหร้ จู้ กั น�าวสั ดทุ ม่ี อี ยู่ในทอ้ งถนิ่ วา “การประดษิ ฐของใช ของตกแตงจากวัสดุ มาสรา้ งสรรค์ หรือประดษิ ฐเ์ ปน็ ชนิ้ งานใหม่ให้มีความสวยงาม แปลกใหม่ น�าไปใชป้ ระโยชน ์ หรอื ในทองถ่ิน สามารถทําไดหลายรูปแบบ และ ประดบั ตกแต่งได้ หลายประเภท ซ่งึ การประดิษฐชนิ้ งานออกมา อยางมีคุณภาพ ผูประดิษฐจําเปนตองฝกหัด กลอ่ งกระดาษทชิ ชจู ากตอกไมไ้ ผ่ จนเกิดความชํานาญ จากน้ันควรนําความ คิดริเร่ิมสรางสรรคเขามาปรับใชในการสราง กลอ่ งกระดาษทชิ ชจู ากตอกไมไ้ ผ่ เปน็ งานประดษิ ฐ์โดยการนา� ตอกไมไ้ ผม่ าสานเปน็ ลายตา่ งๆ ใหม้ ี งานประดิษฐ เพื่อนําไปใชงาน หรือนําไปใช ขนาดเทา่ กบั กลอ่ งกระดาษทชิ ชทู ต่ี อ้ งการ จากนน้ั นา� มาประกอบเขา้ กบั ตวั กลอ่ ง แลว้ ตกแตง่ ใหส้ วยงาม ประโยชนใ นชีวติ ประจําวัน” วัสดอุ ุปกรณ์ เครือ่ งมอื วธิ กี ารประดษิ ฐ์ 2. ครนู าํ ชิ้นงานประดิษฐของใช ของตกแตง จาก วสั ดใุ นทองถน่ิ มาใหนักเรยี นดู จากน้ันครถู าม ๑. ตอกไม้ไผ่ ๒. เเชศือษกผป้า่าน1 กระตนุ ความสนใจวา ๓. กล่องกระดาษทชิ ชู ๔. • งานประดิษฐท่ีนักเรียนเห็นอยูนี้คือสิ่งใด ๕. กระดมุ ๖. เปขืนม็ กาว2 สามารถนาํ ไปใชประโยชนไดอ ยา งไร ๗. กดร้ายรไกร3 ๘. (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ๙. ๑๐. คัตเตอร์ นกั เรยี น) • งานประดิษฐช ิ้นน้ที ํามาจากวัสดุชนิดใด ๑ วางตอกไม้ไผ่เรียงตามแนวต้ัง โดยจ�านวน (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ขนึ้ อยกู่ บั ความยาวของกลอ่ ง แลว้ ใชต้ อกไมไ้ ผ่ นักเรยี น) อกี เสน้ หนงึ่ มาสานสลบั ตามแนวไปเรอ่ื ย ๆ จน ไดเ้ ปน็ แผ่นตามขนาดที่ตอ้ งการ ขน้ั สอน ๒ ๓ใชป้ ืนกาวยงิ เพื่อติดให้แน่น แลว้ ตดั ปลายตอก นา� กลอ่ งกระดาษทชิ ชทู เ่ี ตรยี มไวม้ าตดั ดา้ นบน ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต รบั รู ไม้ไผท่ ี่เหลือออกใหห้ มด ของตวั กล่องเพอื่ แยกเป็นชน้ิ ฝากับตัวกล่อง 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา ตัวอยางการประดิษฐของใช ของตกแตงจาก วัสดุในทองถิ่น จากหนังสอื เรยี น หนา 96-103 2. ครูใหสมาชิกแตละกลุมรวมกันศึกษาวิธีการ ประดิษฐของใช (กลอ งกระดาษทชิ ชจู ากตอก ไมไผ) วาใชอุปกรณชนิดใด และมีวิธีการ ประดิษฐอยางไร 96 DIY ของใชจ้ ากวัสดุในทอ้ งถิ่น นักเรียนควรรู กิจกรรม เสริมสรา งคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค 1 เชอื กปา น เปน ผลติ ภณั ฑท ยี่ อ ยสลายไดเ องในธรรมชาติ ไมก อ ใหเ กดิ มลพษิ ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน เลือกประดิษฐของใช และไมทําลายส่ิงแวดลอม เนื่องจากเปนผลิตภัณฑท่ีไดมาจากตนไมในตระกูล ของตกแตง จากวสั ดใุ นทองถนิ่ ตามความสนใจ 1 ชิ้น โดยจะตอ ง กระบองเพชร (Castus) ที่ช่อื วา “อากาเว” (Agava) มีความแขง็ แรง ทนทาน คาํ นึงถึงความสวยงาม ความแปลกใหม ความประหยดั การรักษา หาซ้ือไดงาย ราคาไมสูง จึงนิยมนํามาใชในการสรางสรรคผลงานประดิษฐ ส่งิ แวดลอม และประโยชนใ นการใชงานควบคกู นั ไปดว ย ซ่ึงในการ หลากหลายรูปแบบ ปฏิบัติงานแตละกลุมจะตองปฏิบัติงามตามข้ันตอนที่กําหนดให 2 ปน กาว เปนปนพลาสติกทใ่ี ชย งิ เพ่ือใหเน้อื กาวเหลวออกมา มีความรอน ดังนี้ สูงถึง 40 วัตต นยิ มนาํ มาใชสําหรบั ติดวัสดปุ ระเภทตา งๆ เชน แจกันเซรามิก ไม พลาสตกิ โฟม ผา ในขณะใชง านตอ งระมดั ระวงั เปนพเิ ศษ ไมควรสูดดม 1. วางแผนการทาํ งานภายในกลมุ กลิน่ กาว และระวงั กาวรอนโดนผิวหนงั ซึ่งอาจทาํ ใหเกดิ แผลผุพองได 2. ปฏบิ ัติงานตามแผนทไี่ ดว างไว พรอมบันทกึ ผล 3 กรรไกร เม่ือใชมาเปนเวลานานแลวความคมของกรรไกรอาจลดนอยลง 3. ประเมินผลการทํางาน และนาํ เสนอผลงาน ซึ่งสามารถแกป ญหาได คอื นาํ กรรไกรมาตัดกระดาษทรายเบอร 1 โดยตดั เปน (กิจกรรมน้ี เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงคดานมีวินัย เสน ๆ กระดาษทรายจะชวยลับคมใหกับกรรไกรได ใฝเรยี นรู อยูอยางพอเพยี ง และมุงมัน่ ในการทํางาน) T104

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔ ๕น�าตอกไม้ไผ่ที่สานเรียบร้อยแล้วมาติด ตดิ ส่วนฝากลอ่ ง และเจาะฝากล่องให้เป็นชอ่ ง ขนั้ สอน ประกอบบนตัวกลอ่ งกระดาษทิชชู แลว้ ใช้ปืน ไว้ส�าหรบั หยิบกระดาษทชิ ชู กาวยิงตดิ ใหแ้ น่น ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต รบั รู 3. ครถู ามนกั เรยี นวา • หลงั จากทไ่ี ดศ กึ ษาการประดษิ ฐช นิ้ งานนแ้ี ลว นักเรียนคิดวาอุปกรณที่สําคัญของชิ้นงานน้ี คอื สง่ิ ใด และชนิ้ งานนมี้ ขี น้ั ตอนการทาํ ทง่ี า ย หรอื ซับซอ นหรอื ไม (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ข้ันตอนท่ีสําคัญของ การประดิษฐช้ินงานนี้ คอื การสานตอกไมไผ ซึ่งตองสานใหแนน เพราะหากสานไมแนน อาจทําใหลายที่ไดไมสวยงาม และตอกไมไผ จะหลุดออกจากกันไดงา ย ดงั นัน้ จึงควรสาน ใหแ นนต้งั แตขน้ึ แถวแรก” ๖ ๗นา� เศษผา้ มาตกแตง่ รอบ ๆ กลอ่ ง รวมถงึ ชอ่ ง นา� เศษผา้ ทเ่ี หลอื มาเยบ็ เนาใหเ้ ปน็ ดอกไม้ แลว้ นา� ดา้ นบนของกล่อง แล้วใช้ปืนกาวยงิ ตดิ ใหแ้ นน่ กระดมุ ทห่ี อ่ ดว้ ยเศษผา้ มาตดิ ไวต้ รงกลางดอก ๘ นา� เชอื กปา่ นทเี่ ตรยี มไวม้ าตดิ ดา้ นบนฝากลอ่ ง เป็นท่ีคล้องและติดดอกไม้ที่ตัวกล่องเพ่ือท�า เปน็ ทลี่ ็อกฝากลอ่ งกับตัวกลอ่ ง 97การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถ่ิน ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู บุคคลในขอใดปฏิบัติตนไมเหมาะสมที่สุดในขณะปฏิบัติงาน ครแู นะนาํ เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั วธิ กี ารใชค ตั เตอรใ หป ลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน ประดษิ ฐ โดยมสี ิง่ ที่ตอ งคํานงึ ถึงหลายประการ เชน 1. มิวเลือกใชเฉพาะอุปกรณที่เหมาะสมกับงานของตนเอง 1. เลือกใหเหมาะสมกับการใชงาน โดยพิจารณาจากความหนาของวัสดุ เทา น้ัน ที่ตอ งการตดั ซึง่ จะมีผลตอ การเลอื กขนาดและใบมีดคัตเตอร 2. มารกถอื กรรไกรปลายแหลมว่งิ ไลเ พ่ือนท่ไี มช ว ยทาํ งาน 2. บริเวณที่ทํางาน หรือพื้นท่ีสําหรับการทํางาน ตองมีความเปนระเบียบ 3. แม็กตรวจสอบคณุ ภาพของปน กาวกอ นนาํ มาใชงาน เรยี บรอย เพ่ือปอ งกันการเกดิ อบุ ัติเหตใุ นขณะปฏิบัตงิ าน 4. มุขเปด เพลงฟงและรองเพลงคลอตามเบาๆ 3. ใชแผนรองตัดทุกครั้ง เพราะแผนรองตัดจะชวยยึดเกาะวัสดุท่ีตองการ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะกรรไกรมีความแหลมคม ตดั ใหอยูกับที่ ทาํ ใหการตดั เปนไปไดง ายขนึ้ และอาจเปนอันตรายได หากผูปฏิบัติงานใชงานอยางไมถูกตอง หากตองการปฏิบัติกิจกรรมอยางอื่น ควรวาง หรือเก็บกรรไกร 4. เล่ือนใบมีดออกมาใชงานแคพอดี โดยเล่ือนใหความยาวอยูท่ีประมาณ ไวในที่ที่มิดชิด ไมควรนํามาถือและถือวิ่งไปมา เพราะอาจกอให 1 รอยบากทอ่ี ยบู นใบมีด เกิดอันตรายตอ ตนเอง หรอื บุคคลท่ีอยูใ กลชดิ ได T105

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตะกร้าจากเชอื กป่าน ขั้นท่ี 1 สงั เกต รบั รู ตะกร้าจากเชือกป่าน เป็นงานประดิษฐ์จากเชือกป่าน โดยการน�าเชือกป่านมาขดหรือม้วนให้เป็น ตะกร้า ตกแตง่ ใหส้ วยงามและนา� ไปใสข่ องตามตอ้ งการ 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาวิธีการ ประดษิ ฐของใช (ตะกราจากเชอื กปาน) วาใช วัสดุอปุ กรณ์ เครอื่ งมอื อุปกรณช นดิ ใด และมีวธิ ีการประดษิ ฐอยางไร ๑. เชือกปา่ น 6. ครูสนทนากับนักเรียนวา “หลังจากท่ไี ดศกึ ษา ๒. วสั ดตุ กแต่ง การประดิษฐช้ินงานนี้แลว นักเรียนคิดวา ๓. ไหมพรม อุปกรณที่สําคัญของช้ินงานนี้คือส่ิงใด และ ๔. ปนื กาว ชิ้นงานนี้มีข้ันตอนการทําที่งายหรือซับซอน ๕. กรรไกร หรือไม” วธิ กี ารประดษิ ฐ์ 7. ครเู สนอแนะเพมิ่ เตมิ วา “วสั ดตุ กแตง ทนี่ าํ มาใช นักเรียนไมจําเปนตองใชตามแบบอยางจาก หนังสือเรียน นักเรียนสามารถนําวัสดุตกแตง อยางอื่นมาใชได ซ่ึงในหนังสือเรียนเปนเพียง ตวั อยางเทาน้นั ” ๑ ๒น�าเชือกป่านมาขดเป็นวงกลมเพ่ือท�าฐานของ ขดเชือกป่านข้ึนมาเป็นตัวของตะกร้าจนได้ ตะกร้า ขนาดตามตอ้ งการจนมาถงึ รอบสุดทา้ ยจงึ ท�า หขู องหนู 98 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับวิธีการประดิษฐปอมปอม (วัสดุตกแตง) ให ขอ ใดมคี วามสมั พนั ธก ันมากที่สุด นกั เรยี นฟงวา ขน้ั ตอนในการประดษิ ฐป อมปอม มีดงั นี้ 1. เสอื่ กก-จ.ปราจีนบรุ ี 2. ตระกรา หวาย-จ.กาญจนบรุ ี 1. ตัดกระดาษแขง็ เปนวงกลม 2 วง เจาะตรงกลางเปนวงกลมเล็กๆ วาง 3. ตเู สือ้ ผา ไมสกั -จ.แมฮอ งสอน วงกลมท้งั 2 แผนซอนกัน นาํ ไหมพรมพนั ลงบนวงกลม โดยพนั รอบแรกใหแนน 4. กระเปา ใสของจากกระจดู -จ.เลย แลว พันตอไปเรอ่ื ยๆ จนเต็มวง (ขัน้ ตอนถัดไปอยูใ นหนา 107) (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะเปนผลิตภัณฑท่สี รา งข้ึนจาก ไมส กั ซงึ่ เปน วสั ดธุ รรมชาตทิ พ่ี บมากในเขตภาคเหนอื สว นคาํ ตอบ ในขอ 1. เปน ผลติ ภณั ฑท น่ี ิยมผลติ กนั มากใน จ.จนั ทบรุ ี เรียกวา “เส่อื จนั ทบรู ” ขอ 2. นยิ มปลูกกนั มากในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ และภาคใต และขอ 3. เปน กกชนดิ หนง่ึ ทพี่ บมากในภาคตะวนั ออก และภาคใต) T106

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓ ๔เมื่อวนถึงขอบตะกร้าด้านบน น�าเชือกลาก น�าไหมพรมท�าเปน็ หู จมกู และหาง พรอ้ มกบั ขนั้ สอน ลงมาเพื่อท�าหางของหนู เสร็จแล้วตัดเชือกท่ี ติดตาของหนใู หส้ วยงามตามทอี่ อกแบบไว้ เหลือออก ขนั้ ที่ 1 สงั เกต รบั รู 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ขั้นตอนที่สําคัญของ การประดิษฐช้ินงานนี้ คือ การขดเชือกปาน ใหเปนทรงกลม เพื่อข้ึนรูปตัวตะกรา เพราะ เชือกปานเปนวัสดุท่ีคอนขางออน ดังนั้น ระหวางการขดเชือกปาน เม่ือขดไดครึ่งรอบ ในแตละชั้นใหใชปนกาวยิงใหแนน เพ่ือให เชือกปานติดแนนเปนทรงกลม จะไดไมหลุด เมื่อนําไปใชงาน และเมื่อประดิษฐชิ้นงาน เสร็จเรียบรอยแลว วัสดุ หรือของท่ีจะนํา มาใสนั้นจะตองไมมีนํ้าหนักมากจนเกินไป เพราะเชอื กปา นมนี า้ํ หนกั เบา รบั นาํ้ หนกั ไดไ ม มากพอ หากใสของที่หนกั เกินไปอาจจะทําให เอยี ง หรอื คว่าํ ได” ๕ น�ากระดาษสีเข้มมาติดกับเชือกป่านเพ่ือท�า เปน็ หนวด หรืออาจใชไ้ หมพรมสเี ข้มทา� หนวด แทนก็ได้ 99การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู เพราะเหตใุ ดวสั ดใุ นทอ งถน่ิ ของแตล ะภมู ภิ าคจงึ มคี วามแตกตา ง (ตอ จากหนา 106) กันออกไป 2. ตัดไหมพรมรอบนอก (แนวตอบ ความแตกตางของวัสดุในทองถิ่นของแตละภูมิภาค ที่อยูกึ่งกลางระหวาง เกิดข้ึนมาจากการมีสภาพแวดลอมที่แตกตางกัน ไมวาจะเปนใน กระดาษออก ผูกดาย เรอ่ื งของสภาพภมู อิ ากาศ สภาพภมู ปิ ระเทศ ปรมิ าณนาํ้ ฝน แรธ าตุ ระหวา งวงกลมท้ัง 2 วง ตา งๆ ทอ่ี ยใู ตด นิ ซง่ึ ลว นสง ผลใหว สั ดใุ นทอ งถน่ิ ของแตล ะภมู ภิ าค เปนปมใหแนน เหลือ แมวาจะเปน ชนิดเดยี วกัน กอ็ าจมีความแตกตา งกนั ออกไป ทงั้ ใน ดายท้ิงไวใหยาวพอ เรือ่ งของขนาด สี ปริมาณ ฯลฯ) ประมาณ 3. ตัดและดึงกระดาษออกเม่ือผูกปมแนนแลว จากนั้นใชกรรไกรเล็ม ไหมพรมใหก ลมและปยุ ตามตอ งการ T107

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กระถางต้นไม้จากลูกตนี เป็ดน�า้ ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต รบั รู กระถางต้นไม้จากลูกตนี เปด็ น�้า เป็นงานประดิษฐ์โดยนา� ลกู ตนี เปด็ นา้� มาประกอบเปน็ ตวั มด ตกแตง่ ใหส้ วยงาม แล้วน�าต้นไมท้ มี่ ีขนาดเลก็ มาใส่ นา� ไปตกแตง่ บา้ นหรอื ตกแตง่ หอ้ ง 9. ครูใหน กั เรยี นแตละกลุมรว มกันศึกษาวธิ ีการ ประดิษฐของตกแตง (กระถางตนไมจากลูก วสั ดุอุปกรณ์ เครื่องมอื ตีนเปดน้ํา) วาใชอุปกรณชนิดใด และมีวิธี การประดษิ ฐอยา งไร ๑. ลกู ตีนเป็ดน�้า1๔ ลกู 10. ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา “หลงั จากทไ่ี ดศ กึ ษา ๒. ขวั้ มะพรา้ ว การประดิษฐชิ้นงานนี้แลว นักเรียนคิดวา ๓. วัสดตุ กแตง่ อุปกรณที่สําคัญของชิ้นงานน้ีคือสิ่งใด และ ๔. สเปรย์พ่นสี (สนี ้�าตาล) ช้ินงานน้ีมีขั้นตอนการทําที่งายหรือซับซอน ๕. ปนื กาว หรือไม” ๖. กรรไกร ๗. คัตเตอร์ 11. ครูเสนอแนะเพ่ิมเติมวา “การเลือกลูกตีน เปด นาํ้ ควรเลอื กลกู ทผ่ี วิ แหง เพราะเมอ่ื นาํ มา ทําเปนกระถางจะมีความแข็งแรงและอยูได ยาวนานกวา ” วธิ กี ารประดษิ ฐ์ Trick : การเลอื กลูกตีนเปด็ น้า� ควรเลอื กลกู ทผ่ี วิ แหง้ ซง่ึ สามารถทดสอบได้ โดยการกดไปทบี่ รเิ วณผวิ แลว้ ไมย่ บุ ลงไป ขอ้ ดขี อง การใช้ลกู ตนี เปด็ น�้าท่แี ห้ง คอื กระถางตน้ ไม้จะมี ความแขง็ แรงและอยู่ได้นาน ๑ น�าลูกตีนเป็ดน�้าที่ตากแดดแห้งแล้วมาพ่นสี น้�าตาลแล้วเลือก ๑ ลูก มาเจาะเป็นวงกลม ส�าหรับใชป้ ลูกตน้ ไม้ 100 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ตีนเปด นํ้า เปนไมย นื ตน ความสงู ประมาณ 5-15 ม. ผลเปน รปู ทรงกลม ของใชภ ายในครวั เรอื นประเภทใดทป่ี ระดษิ ฐข น้ึ จากวสั ดใุ นทอ งถนิ่ คอ นขา งรี ยาวประมาณ 6-7 ซม. ผลออ นมสี เี ขยี ว เมอ่ื แกจ ะเปลยี่ นเปน สแี ดงเขม 1. ที่รองน่ังจากกระจูด ถงึ สมี ว งเขม นาํ้ หนกั เบา ลอยนา้ํ ได ผลของตนี เปด นา้ํ นยิ มนาํ มาใชในงานประดษิ ฐ 2. พานดอกไมถ วายพระ หลากหลายรูปแบบ เชน 3. โปงลางจากไมมะหาด 4. ดอกไมจากกะลามะพราว ทีป่ ลูกตน ไม กระถางปลกู ตน ไม (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะเปน สง่ิ ทป่ี ระดษิ ฐข น้ึ เพอ่ื นาํ มา T108 ใชประโยชนในครัวเรือน พบมากในหลายจังหวัดของภาคใต ปจจบุ นั มีการนํามาดัดแปลงเปน ของใชอกี หลายชนิด เชน หมวก กระเปา พัด สวนคําตอบในขอ 2. จัดเปนของที่ประกอบใน พิธีกรรมตางๆ ขอ 3. จัดเปนเคร่ืองดนตรี และขอ 4. จัดเปน ของตกแตงบา น)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒ ๓น�าลูกตีนเป็ดน�้าอีก ๒ ลูกมาติดเป็นส่วนหัว ตดั ขั้วมะพรา้ วท่ีมขี นาดเทา่ กนั ๖ ช้ิน เพ่ือทา� ขนั้ สอน กับส่วนลา� ตวั ของมด ขาของมด ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต รบั รู 12. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ข้ันตอนท่ีสําคัญของ การประดษิ ฐช น้ิ งานน้ี คอื การทาํ ขาของตวั มด เพราะจะตองมีความแข็งแรง ทรงตัวไดดี เมื่อนําตนไมมาใสแลวจะตองไมเอียง หรือ ไมล ม ควา่ํ ดงั นนั้ การทาํ ขาของตวั มดจะตอ งใช ขวั้ มะพราวที่มขี นาดและความยาวเทา ๆ กัน ทง้ั 6 ขา ซง่ึ หากขว้ั มะพรา วทไ่ี ดม ามคี วามยาว ไมเทากัน สามารถใชกรรไกรตัด เพ่ือใหมี ขนาดทเ่ี ทา กันได” ๔ ตดิ ขาของมดที่ตวั มดข้างละ ๓ ขา ๕ นา� ลกู ตนี เปด็ นา�้ ทเี่ จาะเปน็ วงกลมมาตดิ เขา้ กบั สว่ นลา� ตัวเพื่อท�าเป็นส่วนหางของมด ๖ ตดิ ตาบริเวณส่วนหัวของมด และน�าต้นไม้ทีม่ ี ขนาดเลก็ มาปลกู ลงในสว่ นหางของมด พรอ้ ม ตกแตง่ ให้สวยงาม 101การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ผูท่ีจะประดิษฐของใช ของตกแตงจากวัสดุในทองถ่ินไดดี ครูแนะนําเพิ่มเติมเก่ียวกับวิธีการใชปนกาวใหถูกตองและเพื่อใหเกิดความ ควรมีคุณสมบัตทิ ีส่ ําคัญในขอใด ปลอดภัยในขณะปฏิบัตงิ าน ซึ่งควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. มีอุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใชท ่ีหลากหลาย 1. บรรจุแทงกาวลงในปนกาว โดยแทงกาวท่ีใชควรมีขนาดเหมาะสมกับ 2. มคี วามคิดสรา งสรรคแ ละจินตนาการท่ดี ี ปน กาว ไมเลก็ หรือใหญจ นเกินไป 3. ชอบแสวงหาความรูใหมๆ อยูเ สมอ 4. เปน ที่รจู กั ของคนในชมุ ชน 2. เสยี บปลัก๊ ท้งิ ไวนาน 5-6 นาที เพื่อใหป น กาวรอ น โดยสามารถสังเกต ไดจ ากเนือ้ กาวทคี่ อ ยๆ ไหลออกมา (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการมีความคิดสรางสรรค และมจี นิ ตนาการทดี่ จี ะเปน การตอ ยอดและพฒั นาผลงานประดษิ ฐ 3. นํากาวไปตดิ กับวสั ดทุ ่ตี อ งการ โดยใชใ นปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ของใช ของตกแตงจากวัสดุในทองถ่ินใหมีรูปแบบที่แปลกใหม 4. จบั วัสดุทีต่ องการจะติดคางไวนาน 1- 2 นาที เพ่อื ใหกาวเย็นตวั ลง มีประโยชนในการใชงานที่หลากหลาย และตอบสนองความ 5. เมอ่ื เลกิ ใชงาน อาจพบปญหาวากาวไมยอมหยดุ ไหล ใหจ ับแทง กาวดงึ ตอ งการของผใู ชมากข้ึน) กลบั ออกมา กาวกจ็ ะหยุดไหล T109

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กรอบรูปจากกิง่ ไม้ ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต รบั รู กรอบรปู กง่ิ ไม้ เปน็ งานประดษิ ฐ์ โดยการนา� กง่ิ ไมม้ าวางเรยี งซอ้ นกนั ใหเ้ ปน็ รปู สเี่ หลย่ี มจตั รุ สั แลว้ นา� เชือกปา่ นมามัดให้แน่น ตกแต่งใหส้ วยงาม จากนัน้ นา� รูปท่ีต้องการมาใสแ่ ละน�าไปแขวนตกแตง่ หอ้ ง 13. ครใู หน กั เรียนแตละกลุมรวมกนั ศกึ ษาวธิ กี าร ประดิษฐของตกแตง (กรอบรูปก่ิงไม) วาใช วสั ดุอปุ กรณ์เครือ่ งมอื อปุ กรณช นดิ ใด และมวี ธิ กี ารประดษิ ฐอ ยา งไร ๑. กเกงิ่ ลไม็ด้ ปลา1ย้อมสี ๒. เชือกปา่ น 14. ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา “หลงั จากทไ่ี ดศ กึ ษา ๓. ๔. วสั ดตุ กแต่ง การประดิษฐช้ินงานนี้แลว นักเรียนคิดวา ๕. ปนื กาว ๖. กรรไกร อุปกรณที่สําคัญของชิ้นงานนี้คือสิ่งใด และ ชิ้นงานน้ีมีข้ันตอนการทําท่ีงายหรือซับซอน วธิ กี ารประดษิ ฐ์ หรอื ไม” 15. ครูเสนอแนะเพ่ิมเติมวา “หากไมสามารถ ทําเกล็ดปลายอมสีได นักเรียนสามารถ นําวัสดุอื่นมาตกแตงแทนได เชน ดอกไม จากกระดาษ กระดาษหลากสี เปลือกหอย กอนหิน” ๑ ๒น�าก่ิงไม้มาวางขัดกันเป็นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส นา� เชอื กป่านมามัดตดิ ทมี่ ุมทั้ง ๔ ดา้ น ให้แนน่ หลาย ๆ ช้ัน จนได้ความหนาตามต้องการ พรอ้ มทา� ทีแ่ ขวนห้อยไวด้ ้านบน แล้วใชป้ ืนกาวยิงก่งิ ไมแ้ ตล่ ะชิ้นให้ติดกัน Trick : การยอ้ มส2ีเกล็ดปลา นา� สยี อ้ มผา้ ทตี่ อ้ งการมาผสมกบั นา้� รอ้ น คนใหส้ ลี ะลาย แลว้ นา� ไปผสมกบั นา�้ เยน็ จากนนั้ นา� เกลด็ ปลา ทผี่ ึ่งหมาด ๆ มาแชล่ งในสยี ้อมผ้าประมาณ ๓ ชว่ั โมง แลว้ น�าขนึ้ ผึ่งแดดใหแ้ ห้ง น�าไปใชง้ านไดท้ นั ที 102 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด “การแบงหนาท่ีกันทํางานตามความถนัดและความสามารถ 1 เกล็ดปลา เกล็ดปลาท่ีนํามาใชในงานประดิษฐทํามาจากปลาหลากหลาย ของแตละบุคคลในกลุม เพื่อใหการประดิษฐช้ินงานบรรลุตาม ชนิด ซ่ึงจะมีลักษณะและรูปทรงของเกล็ดท่ีแตกตางกันไปตามชนิดของปลา วัตถุประสงคที่ตั้งไว” จากขอความน้ี เปนการใชทักษะใดในการ เชน เกลด็ ปลากะพงขาว ขอบเกล็ดจะบางใส สันเกล็ดแข็ง นิยมนาํ มาทําเปน ปฏบิ ัติงาน เคร่อื งประดับ ของท่รี ะลึก เกลด็ ปลาครืดคราด ขอบเกลด็ จะหนาและแข็ง แกน มีลายริ้วขนานกับเกล็ด เม่ือนํามายอมสีบริเวณสันเกล็ดจะเกิดเปนลายเสน 1. ทกั ษะการจัดการ ท่ีสวยงาม จึงนยิ มนํามาประดิษฐเปน ดอกไม เชน ดอกกุหลาบ 2. ทักษะกระบวนการกลุม 2 การยอมสี เกลด็ ปลามีคุณสมบตั พิ เิ ศษ คือ ตดิ สไี ดง าย โดยนาํ เกลด็ ปลา 3. ทักษะกระบวนการทํางาน ไปแชใ นสีท่ีตองการท้ิงไวนาน 10-20 นาที หากตองการสีเขมใหเ พิม่ เวลาแชอ ีก 4. ทกั ษะกระบวนการแกปญหา 1 ชั่วโมง นํามาผึ่งใหแ หง จึงนําไปใชงานได (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะจากขอความเปน การทาํ งาน โดยใชกระบวนการกลุม โดยสมาชกิ ในกลุมแตละคนจะมีบทบาท T110 หนาที่ตามท่ีประชุมกลุมไดกําหนดไวหลังจากที่ไดทําการตกลง รว มกัน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓ ๔นา� เกลด็ ปลาย้อมสีมาวางซ้อนกนั หลาย ๆ ช้ัน นา� ดอกกหุ ลาบทสี่ า� เรจ็ แลว้ มาตดิ กบั กง่ิ ไมเ้ พอื่ ขนั้ สอน เพือ่ ทา� เป็นดอกกุหลาบ ตกแตง่ กรอบรูป แล้วใชป้ นื กาวยิงใหแ้ น่น ขน้ั ที่ 1 สงั เกต รบั รู 16. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “ขน้ั ตอนทส่ี าํ คญั ของการ ประดษิ ฐช น้ิ งานนี้ คอื การทาํ ตวั กรอบรปู ซง่ึ จะ ตองนํากิ่งไมมาวางขัดกันหลายๆ ชั้น และ แตละช้นั จะตองใชป นกาวยงิ ใหแนน จากนนั้ จะตองมัดใหแนนอีกครั้งดวยเชือกปานท้ัง 4 ดา น เพอื่ ปองกันก่งิ ไมห ลดุ รว ง” 17. หลังจากท่ีนักเรียนไดศึกษาวิธีการประดิษฐ ของใช ของตกแตงจากวัสดุในทองถิ่น จาก หนงั สอื เรยี น หนา 96-103 แลว ครจู งึ เสนอแนะ ช้ินงานประดิษฐอ ีก 2 ชิ้น คือ การประดิษฐ กระเปา สานจากผกั ตบชวา และการประดษิ ฐ ท่ีรองแกวจากแผนไม (PowerPoint ม.1) มาใหนักเรียนไดศึกษาเพ่ิมเติม โดยครู ดาํ เนินการสาธิตวธิ ีการประดิษฐต ามขน้ั ตอน พรอมท้ังอธิบายประกอบทีละขั้นตอนอยาง ชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตวิธีการทําและ จดจําขั้นตอนการประดิษฐไดอยางถูกตอง แมนยํา ๕ น�าดอกไม้แห้งต่าง ๆ มาตกแต่งเพ่ิมเติมตาม ท่ีออกแบบไว้ และติดภาพด้านหลังกรอบรูป ใหส้ วยงาม การประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่ง เป็นช้ินงานที่ประดิษฐ์ข้ึนเพื่อประโยชน์การ ใช้สอยเป็นสิ่งส�าคัญ ซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ของไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของแต่ละท้องถิ่น ซ่ึงในการประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่งให้ได้ช้ินงานที่มีคุณค่า ผู้ประดิษฐ์จะต้องฝึกฝนจน เกิดความช�านาญ มีความมุมานะ มีความอดทน เพื่อให้ได้ช้ินงานที่มีคุณค่า น่าสนใจ และ สามารถสรา้ งอาชีพได้ 103การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถ่ิน กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู 1. ใหน กั เรียนแบง กลมุ ออกเปน 4 กลุม กลุม ละเทา ๆ กัน ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั วธิ กี ารยอ มสเี กลด็ ปลาใหน กั เรยี นฟง วา การยอ มสี 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับงาน เกล็ดปลา สามารถปฏิบตั ิไดหลายวธิ ี ดงั ตัวอยาง ศลิ ปหตั ถกรรมจากวัสดใุ นทอ งถนิ่ 4 ภาค โดยกาํ หนดให 1. ใหนําเกล็ดปลาจํานวนท่ีตองการใสลงในภาชนะ เติมนํ้าลงไปใหทวม • กลมุ ที่ 1 ศึกษาเกย่ี วกับศลิ ปหัตถกรรมภาคเหนือ เกลด็ ปลา แชท ง้ิ ไวนาน 30 นาที • กลุม ท่ี 2 ศึกษาเกี่ยวกับศิลปหัตถกรรมภาคตะวันออกเฉียง- 2. นําสียอมผาสีที่ตองการมาผสมกับน้ํารอน 1 ถวย คนใหทั่ว เพื่อให เหนอื สลี ะลาย • กลมุ ที่ 3 ศกึ ษาเกีย่ วกบั ศลิ ปหตั ถกรรมภาคกลาง • กลมุ ท่ี 4 ศกึ ษาเกีย่ วกับศิลปหตั ถกรรมภาคใต 3. นําเกล็ดปลาที่แชนํ้ามาใสลงในตะแกรง นําไปวางผึ่งไวใหแหงเพ่ือให 3. ใหแตละกลุมผลัดกันออกมานําเสนอผลงานการศึกษาคนควา เกลด็ ปลาสะเด็ดน้าํ ขอมูลเก่ียวกับงานศิลปหัตถกรรมจากวัสดุในทองถิ่น 4 ภาค ใหเพอ่ื นฟงหนา ชัน้ เรยี น 4. เทน้ําเยน็ ลงในภาชนะผสมกับสีที่ละลายน้ํารอน คนใหท วั่ เทเกล็ดปลา ลงไปแชทิง้ ไวน าน 3 ช่ัวโมง นาํ มาผึง่ ใหแ หง แลวจึงนาํ ไปใชง าน T111

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกสรรรา้ มงสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ 4.1 ใบมอบหมายงานที่ ขนั้ ท่ี 2 ทาํ ตามแบบ เรื่อง ความร้เู กี่ยวกบั งานประดษิ ฐ์ 18. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันประดิษฐ กระเปาสานจากผักตบชวาตามตัวอยางที่ ค�าชีแ้ จง ปฏบิ ตั ิงานเปน็ กลุ่ม รว่ มกนั ตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ให้สมบรู ณ์ ครูสาธิต โดยครูเปนผูแนะนําเพ่ิมเติมอยาง ๑. งานประดษิ ฐม์ คี วามส�าคญั และมคี ุณค่าอยา่ งไร ใกลช ดิ ๒. การสรา้ งสรรคง์ านประดิษฐ์ให้ประสบความสา� เรจ็ ควรใชห้ ลักการใด ๓. อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ เครอ่ื งใชใ้ นงานประดิษฐ์มคี วามส�าคัญอยา่ งไร 19. ครูเนนยําเร่ืองความปลอดภัยในการทํางาน ๔. ย กตัวอย่างอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ในงานประดิษฐ์มา ๕ ชนิด พร้อมทั้งอธิบายวิธีการ ประดิษฐวา “การใชอุปกรณ เคร่ืองมือ ใช้งาน การดแู ลรักษา และการจดั เก็บที่เหมาะสม เครื่องใชในการประดิษฐควรระมัดระวังเปน ๕. การประดิษฐช์ ้ินงานให้ประสบความสา� เร็จ ควรมกี ารวางแผนในเร่อื งต่อไปนอี้ ย่างไร อยางมาก เพราะหากใชอยางไมระมัดระวัง หรอื ใชอยา งประมาท อาจกอ ใหเ กิดอันตราย • การวางแผนคา่ ใช้จ่าย ตอ ตนเอง หรอื บคุ คลอน่ื ขณะทาํ งานประดษิ ฐ • การวางแผนเกีย่ วกับวัสดสุ ่ิงของ ดงั นั้น ผปู ระดิษฐค วรศึกษาวธิ กี ารใชอ ปุ กรณ • การวางแผนเร่อื งเวลา เคร่ืองมือ เครื่องใชอยางละเอียดและถูกวิธี • การวางแผนเร่ืองบุคคล และควรตรวจสอบสภาพของอปุ กรณ เครอ่ื งมอื • การวางแผนการทา� งาน เครอ่ื งใชท ุกครงั้ กอ นการใชงาน” 20. ครูทบทวนวสั ดุในทองถ่นิ 1 ชนดิ ทนี่ กั เรียน แตละกลุมไดออกแบบไว โดยใหนักเรียน แตละกลุมแบงหนาที่และจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใชในการประดษิ ฐ มาในชั่วโมงถัดไป ขั้นที่ 3 ทําเองโดยไมมแี บบ 21. ครใู หน กั เรยี นตรวจสอบวสั ดุ อปุ กรณ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช ในการประดษิ ฐ 22. ครูใหนักเรียนแตละกลุมลงมือประดิษฐ ชิ้นงานจากวัสดุในทองถิ่นตามข้ันตอนการ วางแผนของแตละกลุม โดยครูคอยใหความ ชวยเหลอื อยา งใกลชดิ 104 บูรณาการอาเซียน กิจกรรม Mini Project ใหนักเรยี นรวมกันหาภาพถาย หรอื คลปิ วดิ ีโอตัวอยา งผลงานการประดิษฐ 1. ใหน กั เรยี นสาํ รวจวสั ดใุ นทอ งถนิ่ ของตนเอง จากนน้ั เลอื กวสั ดใุ น ของใช ของตกแตงจากวัสดุในทองถ่ินของสมาชิกอาเซียน แลวนําส่ิงที่ไดจาก ทอ งถนิ่ ตามความสนใจ 3 ชนดิ การสืบคนมารวมกันจัดนิทรรศการ เพื่อเปนการเผยแพรความรูใหกับผูท่ีสนใจ โดยเนนการใหความรูในประเดน็ ท่กี าํ หนดให ดงั น้ี 2. ออกแบบช้ินงานจากความคิดสรางสรรคและจินตนาการของ ตนเอง โดยนําวสั ดุในทอ งถ่นิ ทเ่ี ลือกทั้ง 3 ชนดิ มาใชเปน สว น 1. ประเทศเจา ของชน้ิ งานประดิษฐ ประกอบหลักในการประดษิ ฐช น้ิ งาน 2. ชื่องานประดิษฐ 3. วัสดุ อปุ กรณท ี่ใช 3. ลงมือปฏิบัติงานตามข้ันตอนท่ีไดวางแผนไว โดยสาธิตและ 4. การนํามาใชงาน บรรยายวิธีการประดิษฐช้ินงานของตนเอง ผานการถายทําเปน 5. ประโยชนของการประดษิ ฐช้ินงาน คลิปวดิ ีโอความยาวไมเกิน 5-7 นาที 4. แตละคนผลัดกันออกมานําเสนอคลิปวิดีโอการประดิษฐช้ินงาน ของตนเองใหเพือ่ นชมหนาชัน้ เรยี น T112

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 4.2ใบมอบหมายงานที่ ขน้ั สอน เรอื่ ง การประดิษฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากวัสดุในทอ้ งถ่นิ ขนั้ ที่ 4 ฝก ใหช าํ นาญ ค�าช้แี จง ปฏิบตั งิ านเป็นกลมุ่ 23. ครใู หน กั เรยี นทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) ๑. สา� รวจวัสดใุ นท้องถน่ิ ทส่ี ามารถนา� มาประดิษฐเ์ ปน็ ของใช ้ ของตกแตง่ ได้ เรื่อง การประดิษฐจากวัสดุในทองถิ่น โดย ๒. ประดิษฐ์ของใชแ้ ละของตกแต่งห้องจากวัสดุในท้องถนิ่ กลุ่มละ ๒ ช้นิ โดยมีข้นั ตอนการปฏบิ ัติ ใชความคิดริเร่ิมสรางสรรคในการประดิษฐ ดงั นี้ ของใช ของตกแตง เพอ่ื เปนการฝก ประดษิ ฐ จนเกิดความชํานาญ • วางแผนการทา� งานร่วมกัน โดยวางแผนเลอื กประดิษฐ์ชนิ้ งาน ค่าใชจ้ ่าย วัสด ุ อุปกรณ ์ และ ระยะเวลา 24. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมสรางสรรคพัฒนา การเรียนรู จากหนังสอื เรียน • ปฏบิ ตั ิงานตามแผนที่ไดว้ างไว้ • บนั ทึกผลการท�างานและประเมินผลการทา� งาน 25. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน • นา� เสนอผลงาน หนว ยการเรียนรูที่ 4 ขนั้ สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เกยี่ วกบั การประดษิ ฐ ของใช ของตกแตงจากวัสดุในทองถ่ินวา “การ ประดิษฐของใช ของตกแตง เปนการแสดงถึง ความคิดริเร่ิมสรางสรรคของผูประดิษฐ โดย มุงเนนใหเกิดความสวยงาม มีความแปลกใหม และมีความทันสมัย นอกจากนี้ ผูป ระดษิ ฐย ังตอ ง คาํ นงึ ถงึ สง่ิ ตา งๆ ระหวา งดาํ เนนิ การประดษิ ฐ เชน ความสวยงาม ความประหยัด ความเหมาะสม การนาํ ไปใชง าน ความปลอดภยั จากการปฏบิ ตั งิ าน” ขน้ั ประเมนิ 1. ครตู รวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 2. ครูตรวจสอบจากการทํากิจกรรมสรางสรรค พฒั นาการเรียนรู 3. ครตู รวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ยการเรยี นรู ที่ 4 105การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถ่ิน ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ขอใดตา งจากพวก ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมและแบบประเมินช้ินงาน 1. ดอกไมจากดินเหนยี ว ภาระงาน (รวบยอด) โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลท่ีแนบทาย 2. ตะกรา ผลไมจ ากไมไผ แผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 3. มาลัยเกลยี วจากดอกไมสด 4. กระเปาดนิ สอจากขวดพลาสตกิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบประเมนิ งานประดษิ ฐ์ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะมาลยั เกลยี ว เปน งานประดษิ ฐ คาช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี แบบประเมนิ งานประดิษฐ์ : การประดิษฐ์จากวสั ดใุ นท้องถิน่ ที่เปนเอกลักษณของไทย เปนผลงานที่มีความสวยงาม ประณีต ง 1.1 ม.1/1 วเิ คราะหข์ น้ั ตอนการทางานตามกระบวนการทางาน ละเอียดออน เนื่องจากถูกสรางสรรคขึ้นอยางวิจิตรบรรจง เมื่อ ตรงกับระดับคะแนน ง 1.1 ม.1/2 ใช้กระบวนการกลุม่ ในการทางานด้วยความเสยี สละ พิจารณาที่ผลงานจะมองเห็นความเปนไทยไดอยา งชัดเจน) ง 1.1 ม.1/3 ตัดสินใจแก้ปญั หาการทางานอยา่ งมีเหตผุ ล การมี ลาดับท่ี ช่อื – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม รายการ ดมี าก (4) เกณฑก์ ารประเมนิ (ระดับคุณภาพ) ปรับปรงุ (1) ระดบั ของนกั เรียน ความ ฟังคนอ่ืน ตามท่ไี ด้รับ น้าใจ การ 15 ประเมนิ ผลงานมกี ารออกแบบ ดี (3) พอใช้ (2) ผลงานไมม่ กี ารออกแบบ คุณภาพ คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1. การออกแบบ การประดิษฐอ์ ยา่ งเปน็ การประดษิ ฐ์อย่างเป็น ปรับปรุง ขั้นตอนดมี าก ผลงานมกี ารออกแบบการ ผลงานมกี ารออกแบบการ ข้นั ตอน ดีมาก ผลงานกลมุ่ 2. การประยกุ ตใ์ ช้ ผลงานมีการประยกุ ตใ์ ช้ ประดิษฐ์อย่างเป็นขั้นตอน ประดษิ ฐอ์ ย่างเป็นขั้นตอน ไม่สามารถประยกุ ตใ์ ช้ ดี ความรู้ ความรอู้ ย่างหลากหลาย ความร้ใู นการสรา้ ง พอใช้ 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ดมี าก ดี คอ่ นขา้ งดี ผลงานได้ ปรับปรุง 3. ความคดิ รเิ รม่ิ มคี วามคดิ รเิ ริ่ม ไม่มีความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ในการสรา้ ง ผลงานมีการประยกุ ตใ์ ช้ ผลงานมีการประยุกต์ใช้ สรา้ งสรรคใ์ นการ ผลงานไดด้ มี าก ความรู้ดี ความรคู้ ่อนขา้ งดี สร้างผลงาน 4. ความสมบรู ณ์ ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงาน ของผลงาน สมบรู ณด์ มี าก มคี วามคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ ค่อนขา้ งมีความคิดริเรม่ิ ไม่มีความครบถว้ น ในการสรา้ งผลงานดี สรา้ งสรรค์ในการ 5. ส่งงานตรงเวลา ผลงานมีความครบถว้ น สรา้ งผลงาน สมบรู ณ์คอ่ นข้างดี ผลงานมีความครบถว้ น สมบรู ณ์นอ้ ย สง่ ภาระงานภายในเวลา ส่งภาระงานชา้ กวา่ ส่งภาระงานช้ากว่ากาหนด ส่งภาระงานช้ากวา่ ท่ีกาหนด กาหนด 1 วัน 2 วนั กาหนดเกนิ 3 วันขนึ้ ไป ลงช่ือ...................................................ผู้ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ประเมิน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ............./.................../............... 17-20 ดีมาก 13-16 ดี เกณฑ์การให้คะแนน 7-12 พอใช้ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน 1-6 ปรับปรุง ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง T113

Chapter Overview แผนการจดั สื่อท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - ห นังสอื เรยี น 1. อ ธบิ ายหลกั ในการ การสืบเสาะ - ต รวจแบบทดสอบ - ทักษะชวี ิต - รักชาติ ศาสน์ การประกอบ หาความรู้ ก่อนเรียน - ทักษะ กษัตรยิ ์ อาชีพ การงานอาชพี และ เลอื กประกอบอาชีพ (5Es) - ตรวจใบงานท่ี 5.1.1 กระบวนการคิด - ซื่อสตั ยส์ จุ รติ ตดั สินใจ - มวี ินัย 2 เทคโนโลยี ม.1 ไดถ้ ูกตอ้ ง - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - ทกั ษะการสรุป - ใฝเ่ รยี นรู้ - สังเกตพฤตกิ รรม ลงความเห็น - อ ยอู่ ย่าง ชั่วโมง - แบบวัดและบันทึกผล 2. วิเคราะหล์ ักษณะบคุ ลกิ การทำ� งานรายบุคคล พอเพียง - สงั เกตพฤตกิ รรม - มงุ่ มัน่ ในการ การเรยี นรู้ ทเ่ี หมาะสมกบั แตล่ ะ การท�ำงานกลมุ่ ทำ� งาน - ประเมนิ คณุ ลักษณะ - รักความ การงานอาชีพและ อาชพี ได้ อนั พงึ ประสงค์ เปน็ ไทย - มจี ติ สาธารณะ เทคโนโลยี ม.1 3. เขยี นแนวทางการ - แ บบทดสอบก่อนเรยี น ประกอบอาชีพให้ - PowerPoint ประสบความสำ� เรจ็ ได้ 4. ม ีเจตคตทิ ด่ี ีต่อการ ประกอบอาชีพ แผนฯ ที่ 2 - ห นังสอื เรียน 1. อธบิ ายแนวทางการ ทฤษฎีการ - ตรวจใบงานท่ี 5.2.1 - ทกั ษะการคิด - รักชาติ ศาสน์ แนวทางในการ การงานอาชพี และ เลอื กอาชีพ เทคโนโลยี ม.1 เลือกอาชีพไดอ้ ย่าง จดั การเรียนรู้ - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน วเิ คราะห์ กษัตรยิ ์ - แบบวัดและบนั ทึกผล 2 การเรยี นรู้ ถกู ตอ้ ง แบบรว่ มมอื - สังเกตพฤติกรรม - ท กั ษะการประยกุ ต์ - ซ อื่ สัตยส์ จุ ริต การงานอาชีพและ ช่ัวโมง เทคโนโลยี ม.1 2. วเิ คราะห์คุณลกั ษณะ การท�ำงานรายบุคคล ใช้ความรู้ - ม ีวินัย - PowerPoint ของตนเองเพ่อื เป็น - สงั เกตพฤติกรรม - ท กั ษะ - ใฝ่เรยี นรู้ แนวทางสกู่ ารประกอบ การท�ำงานกลมุ่ กระบวนการคิด - อยอู่ ยา่ ง อาชพี ได้ - ป ระเมินคุณลักษณะ ตดั สนิ ใจ พอเพยี ง 3. สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั อนั พึงประสงค์ - ทกั ษะการสรุป - มุ่งมัน่ ในการ แนวทางในการเลือก ลงความเห็น ทำ� งาน อาชพี ไดถ้ กู ต้อง - รกั ความ 4. เหน็ ความสำ� คญั ของ เป็นไทย การสร้างอาชพี - ม จี ติ สาธารณะ T114

แผนการจดั ส่ือท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 3 - ห นังสือเรียน 1. อธิบายกระบวนการใน ทฤษฎกี าร - ต รวจใบงานท่ี 5.3.1 - ทักษะชวี ติ - รักชาติ ศาสน์ กระบวนการใน การงานอาชพี และ - ท กั ษะ กษัตรยิ ์ การเลอื กอาชีพ เทคโนโลยี ม.1 การเลือกอาชีพไดอ้ ยา่ ง จดั การเรียนรู้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน การคดิ วิเคราะห์ - ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ - แ บบวัดและบันทกึ ผล - ท กั ษะ - ม วี นิ ยั 2 การเรียนรู้ ถูกต้อง แบบรว่ มมอื - สังเกตพฤตกิ รรม กระบวนการคิด - ใฝ่เรยี นรู้ การงานอาชพี และ ตัดสินใจ - อ ยู่อยา่ ง ชวั่ โมง เทคโนโลยี ม.1 2. เขียนวเิ คราะห์อาชีพ การท�ำงานรายบุคคล พอเพยี ง - PowerPoint - ม ุ่งมนั่ ในการ ตามกระบวนการในการ - สังเกตพฤตกิ รรม ทำ� งาน - รกั ความ เลอื กอาชพี การท�ำงานกลุม่ เปน็ ไทย - มจี ติ สาธารณะ 3. ม เี จตคติท่ดี ีต่อการ - ประเมินคณุ ลกั ษณะ ประกอบอาชพี อนั พงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 4 - หนงั สอื เรียน 1. อ ธิบายแนวทางการ กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 5.4.1 - ท ักษะชีวติ - รกั ชาติ ศาสน์ การสร้างอาชีพ - ทักษะ กษัตรยิ ์ การงานอาชีพและ สรา้ งอาชีพสุจริต เรยี นรคู้ วามรู้ - ป ระเมนิ การน�ำเสนอผลงาน กระบวนการคดิ - ซื่อสัตยส์ จุ รติ 2 ตดั สินใจ - ม ีวินัย เทคโนโลยี ม.1 ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ความเขา้ ใจ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะ - ใฝเ่ รยี นรู้ ชั่วโมง การแก้ปัญหา - อ ยอู่ ย่าง - แบบวัดและบันทกึ ผล 2. วางแผนการประกอบ การท�ำงานกลุ่ม - ท ักษะการสรุป พอเพยี ง ลงความเหน็ - ม ุ่งม่นั ในการ การเรยี นรู้ อาชพี สจุ รติ ไดเ้ หมาะสม - ป ระเมนิ คุณลกั ษณะ - ทกั ษะการท�ำงาน ท�ำงาน รว่ มกนั - รักความ การงานอาชีพและ 3. สรา้ งรายไดจ้ ากการ อนั พึงประสงค์ เปน็ ไทย - ม จี ติ สาธารณะ เทคโนโลยี ม.1 ประกอบอาชพี สุจรติ ได้ - ประเมินชิ้นงาน/ - แบบทดสอบหลงั เรยี น 4. มเี จตคติตอ่ การ ภาระงาน (รวบยอด) - PowerPoint ประกอบอาชีพสจุ ริต การจดั จำ� หนา่ ยสนิ คา้ 5. เห็นความสำ� คญั ภายในสถานศกึ ษา ของการประกอบ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน อาชพี สจุ รติ T115

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (5Es) ๕ โลกของอาชพีหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ ในปัจจุบันท่ีเทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีนวัตกรรมเกิดใหม่ตลอดเวลา ส่งผลดีต่อ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอ นเรยี น ตลาดแรงงาน และการประกอบอาชีพท่ีมีการแข่งขันสูงและมีความเป็นเสรีมากข้ึน ดังน้ัน หนว ยการเรยี นรูท่ี 5 การเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพจึงเป็นสิ่งจ�าเป็น เพ่ือเตรียมพร้อมตนเองในการ เลือกสาขาที่จะเรียน และฝึกฝนทักษะความสามารถของตนเอง เพื่อจะได้ประกอบอาชีพท่ี 2. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 3 กลมุ กลมุ ละ สนใจและถนดั อย่างมคี วามสุข สรา้ งความมนั่ คงในอนาคต เทาๆ กัน เพ่ือทํากิจกรรมอาชีพอะไรเอย โดยครูอธิบายกติกาการทํากิจกรรม ดังนี้ ตวั ชี้วัด “ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 2 คน ออกมาหนาชั้นเรียนและจับสลากเพื่อเลือก ■ อธิบายแนวทางการเลือกอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๑/๑) อาชีพ จากน้ันใหแสดงทาทางลักษณะของ ■ มีเจตคติทีด่ ีตอ่ การประกอบอาชพี (ง ๒.๑ ม.๑/๒) อาชีพนั้นที่จับสลากไดโดยไมใชเสียง และให ■ เห็นความสำาคญั ของการสร้างอาชพี (ง ๒.๑ ม.๑/๓) สมาชิกภายในกลุมรวมกันตอบคําถาม โดยมี ตัวแทนหน่ึงคนบันทึกคําตอบลงบนกระดาน ภายในเวลาทก่ี ําหนด” 3. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น เก่ียวกบั อาชีพตางๆ ทปี่ รากฏอยบู นกระดาน 4. ครูถามกระตุนความสนใจของนกั เรยี นวา • หากนักเรียนตองการประกอบอาชีพที่สนใจ จะมวี ธิ กี ารเตรยี มความพรอ มอยา งไร (แนวตอบ เตรียมพรอมดานความรู ความ สามารถ และความถนดั พรอ มสาํ รวจตลาด แรงงาน) 5. ครูอธิบายเพื่อเชื่อมโยงเขาสูบทเรียนวา “การ ประกอบอาชีพเปนการทํากิจกรรมใดๆ ท่ีกอ ใหเกิดผลผลิตและบริการ มีความสําคัญตอ การดาํ รงชีวิตของมนษุ ยเปนอยางมาก เพราะ สามารถสรา งรายไดใ หแ กต นเองและครอบครวั เสรมิ สรา งพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ใหด ขี นึ้ ไมข ดั ตอ หลกั ศลี ธรรม ชว ยพฒั นาประเทศชาตใิ หเ จรญิ กา วหนา ” เกร็ดแนะครู ครูควรจดั กจิ กรรมการเรียนรู เพ่ือใหนกั เรยี นเห็นถึงความสําคัญของการประกอบอาชีพ การสรางอาชีพ มแี นวทางในการเลอื กอาชพี ทเ่ี หมาะสมกับตนเอง สามารถเลอื กประกอบอาชพี ทสี่ จุ รติ ได รวมถงึ มเี จตคตทิ ด่ี ตี อ การประกอบอาชพี ครอู าจจดั กจิ กรรมโดยหมนั่ สงั เกตและถามคาํ ถาม เพอื่ ใหน กั เรยี นเกดิ ทกั ษะตา งๆ ดังนี้ • กระบวนการคิดตดั สนิ ใจอยางมีเหตผุ ล • การมีเจตคตทิ ีด่ ีตอ การประกอบอาชพี • การเลอื กอาชพี ทีเ่ หมาะสมกบั ความสามารถของตนเอง • การสรางอาชพี ดวยตนเอง T116

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ หากตอ้ งการประกอบอาชพี ที่ ๑ การประกอบอาชีพ ขน้ั สอน สนใจ จะต้องมีการเตรียม ความพรอ้ มอยา่ งไร การประกอบอาชพี เปน็ การทา� งาน หรอื การทา� กจิ กรรมใด ๆ ขนั้ ท่ี 2 สาํ รวจและคน หา ที่ก่อให้เกิดผลผลิตและบริการ มีความส�าคัญต่อการด�ารงชีวิต ของมนษุ ย ์ เพอ่ื สรา้ งรายได ้ใหก้ บั ตนเองและครอบครวั ชว่ ยเสรมิ 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ศกึ ษา สร้างและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน ช่วยพัฒนาประเทศชาติ คน ควา ขอ มลู จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรู ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ อาชพี ทด่ี จี ะตอ้ งเปน็ อาชพี ทส่ี จุ รติ ไมผ่ ดิ กฎหมาย ท่ี 5 และบนั ทกึ ผลทไ่ี ดจ ากการศกึ ษาลงในสมดุ ไม่ขดั ต่อศลี ธรรม และเปน็ ทีย่ อมรับของสังคม ประจําตัว โดยมีหัวขอ 1. ความหมายและความสาํ คญั ของการประกอบ ๑.๑ หลักในการเลอื กประกอบอาชีพ อาชพี 2. หลักในการเลือกประกอบอาชีพ การเลือกประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม ควรพิจารณาอาชีพ 3. วธิ กี ารประกอบอาชพี ใหป ระสบความสาํ เรจ็ ท่ีต้องการให้ละเอียดถ่ีถ้วนว่าตนเองต้องการประกอบอาชีพใด 4. ประเภทของการประกอบอาชีพ โอกาสและความส�าเร็จในการประกอบอาชีพนั้นมีมากน้อย เพียงใด ต้องเตรยี มตวั อย่างไรจงึ จะประสบผลสา� เรจ็ หลกั ในการ 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการทํางานเปนทีม เลอื กประกอบอาชีพทีส่ �าคัญ มดี งั นี้ ใหนกั เรียนฟง วา “การทาํ งานเปน ทีม เปน การ ทาํ งานรว มกนั ระหวา งบคุ คลตง้ั แต 2 คนขน้ึ ไป ความรู้ รวมมือ รวมใจกัน เพื่อใหบรรลุเปาหมาย มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในอาชพี นนั้ ๆ เปน็ อยา่ งดี ศกึ ษาขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในการทาํ งาน ทาํ ใหไดผ ลงานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ กับอาชีพท่ีต้องการอยู่เสมอ หากมีความรู้ไม่เพียงพอ ต้องศึกษา และประสทิ ธิผล” เพ่ิมเตมิ หรืออาจเขา้ รับการฝกึ อบรมจนเกดิ ความรู้ที่เพม่ิ มากขึน้ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู ความสามารถและความถนดั 3. ครูถามนกั เรียนวา มมีีคคววาามมสสาามมาารรถถแดล้าะนคกวาารมถถ่านยัดภใานพด้าคนวใดรดป้ารนะหกนอบึ่งเอปา็นชพีพิเชศ่าษงภเาชพ่น1 • นักเรียนมีหลักในการเลือกประกอบอาชีพ อยางไร เพื่อจะได้ทา� งานได้อย่างคล่องแคล่วและประสบความส�าเรจ็ ในการ (แนวตอบ พิจารณาลักษณะการทํางานของ ประกอบอาชพี อาชีพ ศึกษาขอมูลท่ีเก่ียวของกับอาชีพ ศกึ ษาความสามารถและความถนดั ของตนเอง ตลาดแรงงาน และพจิ ารณาความตอ งการของตลาดแรงงาน พจิ ารณาความตอ้ งการของตลาดแรงงานในปจั จบุ นั วา่ อาชพี ใดกา� ลงั ในปจ จบุ นั วา อาชพี ใดกาํ ลงั ไดร บั ความนยิ ม) ได้รับความนยิ ม หรือมีความต้องการแรงงานมาก และมกี ารเติบโต พัฒนาอย่างตอ่ เนือ่ ง สาระการเรียนรู้แกนกลาง โลก 107 ■ แนวทางการเลือกอาชีพ ของอาชีพ - กระบวนการตดั สินใจเลือกอาชีพ ■ เจตคติท่ดี ีตอ่ การประกอบอาชพี - การสร้างรายได้จากการประกอบอาชีพสุจริต ■ ความสำาคญั ของการสรา้ งอาชพี - การมรี ายไดจ้ ากอาชพี ทส่ี รา้ งขนึ้ - การเตรยี มความพรอ้ ม ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอ ใดเปนสง่ิ ท่ีควรพิจารณาถงึ เปน ลาํ ดบั แรกในการเลือกอาชพี 1 อาชีพชางภาพ ชางภาพแตละคนมีวิธีการนําเสนอผลงานท่ีแตกตางกันไป 1. ความมนั่ คงสูง ตามความคดิ และจนิ ตนาการ ผลงานอาจไมไดส วยงามสาํ หรบั ทกุ คน การเขา ใจแสง 2. คาตอบแทนสงู และองคป ระกอบจะทาํ ใหถ า ยภาพไดอ ยา งสมบรู ณ เกดิ การประยกุ ตใ หเ ปน ศลิ ปะ 3. สนใจและถนดั 4. คนใหค วามสนใจ โดยทวั่ ไปแลว ชา งภาพ คอื ผทู ถี่ า ยภาพบคุ คล หรอื กลมุ บคุ คล เพอื่ งานโฆษณา งานพาณิชย งานอุตสาหกรรม งานทางวิทยาศาสตร การใชภาพแสดงประกอบ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการประกอบอาชีพที่สนใจ เร่ืองราว และบทความในสื่อตางๆ บันทึกภาพดวยกลองชนิดตางๆ รวมถึง และมีความถนัดจะทําใหทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพ สามารถ กลอ งถา ยภาพทางอากาศดว ยควบคมุ อปุ กรณตดั ตอ บนั ทึกภาพ และเสียงของ หาเลย้ี งชพี ไดอ ยา งมคี วามสขุ สว นคาํ ตอบในขอ อน่ื ความมนั่ คงสงู ภาพยนตร วดี ทิ ศั น แผน เสยี ง เทปบนั ทกึ เสยี ง แผน ดสิ กด จิ ทิ ลั เพอ่ื ใหไ ดค ณุ ภาพ คาตอบแทนสูง และคนใหความสนใจ ทําใหทํางานเลี้ยงชีพได แตทาํ งานไดไมด แี ละอาจไมมคี วามสขุ ในการทาํ งาน) โดยผูประกอบอาชีพชางภาพควรมีคุณสมบัติ คือ รักในงานถายภาพเเละ งานศลิ ปะมคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา งสรรคอ ยเู สมอ รแู ละเขา ใจเกยี่ วกบั องคป ระกอบศลิ ป T117

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๑.๒ การประกอบอาชพี ใหป้ ระสบความสา� เรจ็ ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู ประสทิ ธภิ าพการทา� งานยอ่ มสง่ ผลตอ่ ความกา้ วหนา้ ในหนา้ ทก่ี ารงาน ทงั้ รายไดแ้ ละตา� แหนง่ งาน ทสี่ งู ขนึ้ ดงั นนั้ หากตอ้ งการใหต้ นเองประสบความสา� เรจ็ ในการประกอบอาชพี จะตอ้ งคา� นงึ ถงึ ปจั จยั 4. ครูอธิบายเพิม่ เติมวา “การประกอบอาชพี ของ ท่สี �าคญั ดังน้ี คนไทยในสมยั กอ นสว นใหญจ ะประกอบอาชพี เกษตรกรรม ไมว า จะเปน การทาํ นา ทาํ สวน ทาํ ไร ๑) มงุ่ ความสา� เรจ็ ม่งุ มัน่ ใชก้ �าลงั กาย กา� ลงั ความคดิ สตปิ ญั ญา และความสามารถ เพาะปลกู พชื และการเลย้ี งสตั ว เพราะนอกจาก จะสรางรายไดใหแกตนเองและครอบครัวแลว ทัง้ หมดทมี่ ี เพ่อื ใหง้ านสา� เร็จตามท่ีมงุ่ หวัง และเรยี นรู้ถงึ ความผิดพลาดทเ่ี กดิ ขน้ึ เพอื่ แก้ ไขและ ยังสามารถนํามารับประทานในครัวเรือนได พฒั นาใหด้ ขี ึน้ อีกดวย แตปจจุบันมีการประกอบอาชีพที่ หลากหลายและมีความแตกตางกันมากข้ึน ๒) มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ น�าประสบการณ์ที่ผ่านมาประยุกต์ สร้างสรรค์ ตามความรู ความสนใจ และความถนัดของ แตละอาชพี ” หาแนวทางการพัฒนา หรือปรับปรุงกระบวนการด�าเนินงานอยู่เสมอ กล้าคิดค้นสิ่งแปลกใหม ่ และสามารถน�าเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ระดมความคดิ ภายใต คาํ ถามทวี่ า “ปจ จบุ นั อาชพี ทไี่ ดร บั ความนยิ มคอื ๓) มคี วามเชอื่ มนั่ ในตนเอง มคี วามเชอ่ื มน่ั ในความสามารถของตนเอง มคี วามมนั่ ใจ อาชพี ใด” และใหน กั เรยี นออกมาเขยี นคาํ ตอบ ท่ถี ูกตอ งลงบนกระดาน และมีลกั ษณะเปน็ ผู้น�า 6. ครูสุมนักเรียนออกมาจําแนกประเภทของ ๔) มคี วามรบั ผดิ ชอบ มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานทที่ า� เปน็ อยา่ งด ี และทา� งานใหส้ า� เรจ็ อาชีพ โดยการวงกลมบนกระดาน ดังน้ี 1. วงกลมกลมุ อาชพี รบั จา งดว ยปากกาสนี าํ้ เงนิ ตามเปา้ หมายทีก่ �าหนดไว้ 2. วงกลมกลุม อาชีพอิสระดว ยปากกาสแี ดง ๕) มคี วามกระตอื รือรน้ ทา� งานอยา่ งเตม็ ความสามารถ มชี วี ิตชีวา รวดเร็ว ท�างาน ขนั้ สรปุ ทุกอยา่ งด้วยความเตม็ ใจ ไมห่ ลีกเลีย่ งงานหนกั ขั้นที่ 4 ขยายความเขา ใจ ๖) ใฝ่หาความรู้ หาความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับงานท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) เพ่ือทํา กิจกรรมมารูจักลักษณะของอาชีพกันเถอะ สง่ิ ใหม ่ ๆ และพฒั นางานใหด้ ขี น้ึ โดยอาจศกึ ษาหาความรเู้ พม่ิ เตมิ ไดจ้ ากการสมั มนา การฝกึ อบรม โดยใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ การอ่านหนังสือ หรือปรึกษาผ้เู ช่ียวชาญ 1 คน ออกมาจับสลาก เพ่ือรับประเภทของ อาชพี ดงั นี้ ๗) กล้าตัดสินใจ มีความหนักแน่น ไม่ลังเล หรือหว่ันไหว เช่ือมั่นในงานท่ีท�า 1. อาชพี รบั ราชการ 2. อาชพี รบั จา ง กลา้ ตดั สนิ ใจเรอื่ งตา่ ง ๆ โดยคดิ อยา่ งรอบคอบ และสามารถหาหนทางแกป้ ญั หาจนประสบผลสา� เรจ็ 3. อาชพี อิสระ ๘) ปรับตัวเข้ากับส่ิงแวดล้อม รู้จักปรับตัวตามสภาพแวดล้อม เช่น สถานท่ี เพือ่ นรว่ มงาน วฒั นธรรมขององคก์ ร เพ่อื ใหส้ ามารถท�างานและดา� เนินชีวติ ได้อยา่ งมีความสุข ๙) มคี วามซอื่ สัตย์ มีความซื่อสตั ย์ตอ่ องคก์ ร ผบู้ ังคับบัญชา เพอื่ นร่วมงาน รวมท้ัง มคี วามซ่อื สัตย์ต่อตนเองและครอบครัว ๑๐) ประหยดั รจู้ กั ประหยัดและอดออมเพื่อตนเอง ครอบครวั และองคก์ ร ซึ่งสามารถ ท�าไดด้ ว้ ยการใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั ไมฟ่ ุ่มเฟอื ย และใชท้ รัพยากรอย่างคุม้ คา่ 108 บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคิด ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชีพหลักของประเทศตางๆ ในอาเซียน ให การประกอบอาชีพใหป ระสบความสาํ เรจ็ นอกจากการมีความ นักเรยี นฟง โดยยกตัวอยาง เชน เช่ือม่นั ในตนเองแลว ควรมีสิง่ ใดอีกบา ง • บรไู น สว นใหญไ ดร บั การจา งงานจากรฐั บาล นอกนน้ั ประกอบอาชพี อสิ ระ (แนวตอบ มคี วามรู ความสามารถท่ีเพยี งพอ มีความรับผดิ ชอบ เชน การเพาะปลกู การประมง การผลิตอาหาร มีความกระตือรือรน มุงมั่นสูความสําเร็จ ใฝเรียนรูอยูเสมอ ฝก การคดิ อยา งสรา งสรรค กลา ทจี่ ะคดิ และตดั สนิ ใจ มคี วามซอื่ สตั ย • อนิ โดนเี ซยี การเพาะปลกู เปน รายไดส าํ คญั ของประเทศ รฐั บาลสนบั สนนุ ประหยดั และอดออม ปรบั ตวั เขา กบั สงิ่ แวดลอ มตา งๆ ได สามารถ อุตสาหกรรมผลิตไมแปรรูป การเลี้ยงสัตว การทําเหมืองแร และการ อยูรว มกับผอู ่ืนได เรยี นรคู วามแตกตา งระหวา งบุคคลได) อตุ สาหกรรม • มาเลเซยี สว นใหญป ระกอบอาชพี ทาํ สวน ทาํ ไร ประมง ลา สตั ว มกี ารสง ออก นา้ํ มันและกา ซธรรมชาติ เปนประเทศอตุ สาหกรรมใหมข องเอเชยี • สงิ คโปร ประกอบอาชพี เกยี่ วกบั อตุ สาหกรรมทท่ี นั สมยั เปน เมอื งทา ปลอดภาษี ไมมีการเก็บภาษีสินคาฟุมเฟอย จึงทําใหมีรายไดจากการทองเท่ียว คอ นขา งสงู T118

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๑.๓ ประเภทของการประกอบอาชีพ ขนั้ สรปุ ปจั จบุ นั มกี ารประกอบอาชพี อยา่ งหลากหลาย และมคี วามแตกตา่ งกนั ในเรอ่ื งคณุ สมบตั ทิ เี่ หมาะสม ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา ใจ กับอาชีพนัน้ ๆ เชน่ ความรู้ ความถนัดของแตล่ ะอาชพี แบ่งได้ ๓ ลกั ษณะ ดังนี้ 2. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ยกตวั อยา งอาชพี ตาม กลุ่มอาชพี รับจ้าง ประเภททจี่ บั สลากไดก ลมุ ละ 1 อาชพี พรอ มทงั้ เชน่ พนกั งานบริษัท พนักงานรฐั วสิ าหกจิ ลกู จา้ ง วเิ คราะหล กั ษณะการทาํ งานและคณุ สมบตั ขิ อง ๑. ผอู้ ืน่ หรือองค์กรเป็นเจา้ ของกิจการ ผูป ระกอบอาชีพ ๒. ตอ้ งท�างานตามค�าสั่งของนายจ้าง หรอื เจ้าของกิจการ ๓. ไมม่ อี สิ ระในการตัดสนิ ใจเร่ืองส�าคญั ขององค์กรไดอ้ ย่างเต็มท่ี 3. ครูใหนักเรียนอภิปรายรวมกันภายในกลุม ๔. มีระยะเวลาเปน็ ตวั กา� หนด และบนั ทกึ ขอ มลู ทไี่ ดร บั จากการอภปิ รายลงใน ๕. ไดร้ บั ผลตอบแทนจากการทา� งานเป็นคา่ จา้ ง หรอื เงนิ เดือน ใบงานที่ 5.1.1 เรอื่ ง การประกอบอาชพี จากนนั้ ๖. จา� กดั เวลาการทา� งานตามทก่ี ฎหมายกา� หนด คอื ไมเ่ กนิ ๘ ชวั่ โมง ใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอ ผลงานใหเพอื่ นชมหนาชนั้ เรยี น ตอ่ วนั และไมเ่ กนิ ๔๘ ชวั่ โมงตอ่ สัปดาห์ 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเรื่องการประกอบ กล่มุ อาชีพอิสระ อาชีพ โดยพูดถึงความหมายและความสาํ คัญ เชน่ เจา้ ของรา้ นกาแฟ ขายของออนไลน์ นกั ถา่ ยภาพสตอ็ ก นกั รวี วิ หลักในการเลือกประกอบอาชีพ ประเภทของ สนิ คา้ ยทู ิวเบอร์ (YouTuber) อาชพี หรือการประกอบอาชพี ใหป ระสบความ ๑. ตนเองเปน็ เจ้าของกจิ การ สําเร็จ ๒. ทา� งานตามความสามารถ ความถนดั และความพรอ้ มของตนเอง ๓. มอี ิสระในการตดั สนิ ใจด้วยตนเอง ขน้ั ประเมนิ ๔. ไดร้ บั ผลตอบแทนจากการทา� งานเปน็ รายได้ และผลกา� ไรในการ ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล ประกอบกจิ การ ๕. ไม่จ�ากดั เวลาการท�างาน สามารถยดื หย่นุ เวลาการท�างานได้ 1. ครตู รวจใบงานที่ 5.1.1 เรอ่ื ง การประกอบอาชพี 2. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรียน กลมุ่ อาชพี รบั ราชการและพนกั งานของรัฐ เชน่ ทหาร ตา� รวจ ครู ขา้ ราชการประจ�ากระทรวง กรมต่าง ๆ เร่อื ง การประกอบอาชพี จากการตอบคาํ ถาม ๑. ทา� หนา้ ท่ีใหบ้ รกิ ารประชาชนให้ได้รบั ความสะดวกสบาย การแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั ในชน้ั เรยี น และ ๒. การท�างานมุง่ ผลประโยชนข์ องประเทศเป็นหลัก การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนกั เรยี น ๓. ปฏบิ ัตติ ามคา� ส่ังของผ้บู ังคบั บัญชาอย่างเครง่ ครัด 3. ครตู รวจแบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรู ๔. มสี วัสดกิ ารตามที่รฐั จดั ให้ ที่ 5 ๕. คา่ ตอบแทนเปน็ เงนิ เดอื น มาจากเงนิ ภาษี การเลือกประกอบอาชีพใดอาชีพหน่ึง จะต้องค�านึงถึงความถนัดและความ สามารถของตนเอง โลก 109 ของอาชีพ ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล เพราะเหตใุ ดยทู ิวเบอรจึงเปน อาชพี อสิ ระ ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงานและการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งาน 1. มอี ิสระในการตัดสินใจ กลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู 2. มสี วัสดกิ ารตามทรี่ ัฐจัดให หนวยการเรยี นรทู ่ี 5 3. ไดรับผลตอบแทนเปน เงินเดอื น 4. ทํางานมุงผลประโยชนของประเทศเปนหลัก แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะยูทวิ เบอรท ่ีเปนเจาของเอง คาชี้แจง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ สามารถทํางานตามความถนัดและความพรอมของตนเอง ไดรับ ผลตอบแทนเปนรายได หรือกําไร สามารถกําหนดเวลาในการ ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ทาํ งานไดเ อง) ระดับคะแนน การมี 32 ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ 1 ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนักเรยี น ความ ฟังคนอ่ืน ตามที่ไดร้ ับ น้าใจ การ 15 1 เน้อื หาละเอียดชดั เจน   ลาดบั ที่ คิดเห็น มอบหมาย คะแนน ปรับปรุง 2 ความถูกต้องของเน้อื หา   ผลงานกลมุ่ 3 ภาษาทีใ่ ช้เขา้ ใจงา่ ย   3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 4 ประโยชน์ท่ีได้จากการนาเสนอ   5 วิธกี ารนาเสนอผลงาน   รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ .........../................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ประเมนิ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น ............./.................../............... เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 12-15 ดี ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน 8-11 พอใช้ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ T119

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ) ๒ แนวทางในการเลือกอาชีพ 1. ครสู ุมนกั เรยี น 5 คน ออกมาหนา ช้ันเรยี น เพอื่ เป็นการศึกษาคน้ คว้าหาขอ้ มลู เก่ียวกบั การประกอบอาชพี เพ่ือน�าไปใช้ ในการตัดสนิ ใจเลอื ก ทาํ กิจกรรมอาชพี นคี้ ืออะไร โดยมีกติกา ดงั น้ี ประกอบอาชพี ในอนาคต เนอื่ งจากในปจั จบุ นั มอี าชพี ใหเ้ ลอื กมากมาย แตก่ ม็ บี างอาชพี ท ่ีใชแ้ รงงาน 1. ใหนักเรียนแตละคนยืนตรงตําแหนงที่มี คนนอ้ ย หรอื ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งใช ้ นน่ั คอื การนา� หนุ่ ยนตม์ าชว่ ยทา� งาน หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “ปญั ญาประดษิ ฐ”์ หมวกวางอยู (Artificial Intelligence: AI) มาใช้ ในอาชพี ดา้ นบรกิ าร เช่น ทา� หน้าท่ียกกระเปา๋ ในโรงแรมได้ตลอด 2. ใหนักเรียนเปด ดูคําใบข องอาชพี ใตห มวก ๒๔ ชวั่ โมง อาชีพเฉพาะทาง เช่น ใช้ท�างานร่วมกับแพทย์ในการผ่าตัด อาชีพให้คา� ปรึกษา เชน่ 3. สวมหมวกเพื่อแสดงบทบาทสมมติโดย ใหค้ า� ปรกึ ษาในเรอ่ื งการลงทนุ ผา่ นซอฟตแ์ วร ์ ดงั นน้ั จงึ ควรเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ความสามารถและ ไมใ ชเ สียง ความถนัดของตนเอง โดยการศึกษาเพือ่ เป็นแนวทางในการเลอื กอาชพี มดี งั น้ี 4. ใหเ พอื่ นรว มชน้ั เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถามและ เฉลยคาํ ตอบทถี่ กู ตอ ง โดยวเิ คราะหล กั ษณะ เข้าร่วมงานเกี่ยวกับอาชพี ส่ือมวลชน1 การทํางาน คุณสมบัติของผูประกอบอาชีพ เข้าร่วมงานหรือเข้ารับการฝึกอบรม น้นั ๆ รว มกนั เก่ียวกับอาชีพเพื่อเรียนรู้ลักษณะ ศึกษาจากส่ือมวลชนต่าง ๆ เช่น ของอาชีพ เช่น งานมหกรรมอาชีพ อินเทอร์เน็ต วิทยุ หนังสือพิมพ์ 2. ครูกระตนุ ความสนใจของนักเรยี นวา งาน SMEs แฟรนไชส์ โทรทศั น์ เพอ่ื ให้ทราบความต้องการ • ในอนาคตนักเรยี นจะประกอบอาชีพใด ของตลาดแรงงาน ความเคล่ือนไหว (แนวตอบ แพทย ทหาร ตํารวจ ครู พยาบาล ในวงการงานอาชีพ วิศวกร นักขาว มัคคุเทศก ลาม คาขาย ฯลฯ) ใช้เทคโนโลยี ศกึ ษางานวจิ ัย เยย่ี มชมสถานประกอบการ ศึกษา ส�ารวจ ค้นหาข้อมลู ศึกษารายงานการศึกษา เย่ียมชม หรือทัศนศึกษา 3. ครูอธิบายเพ่ือเชื่อมโยงเขาสูบทเรียนวา “การ เ ก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ง า น หรือผลงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง สถานประกอบการตา่ งๆ เพอ่ื ประกอบอาชพี ใดกต็ าม ควรจะดาํ เนนิ การศกึ ษา กิจกรรม หรอื กระบวนการ กบั อาชพี ใหม่ ๆ เพ่อื เปน็ แรง ศึกษาลักษณะการท�างาน คนควาหาขอมูลที่เกี่ยวของกับการประกอบ ท� า ง า น ใ น ก า ร ป ร ะ ก อ บ จูงใจ หรือเป็นแนวทางใน การด�าเนินงาน หรือข้ันตอน อาชพี นน้ั ๆ ใหถ ถ่ี ว นกอ นตดั สนิ ใจเลอื ก เนอื่ งจาก อาชีพต่าง ๆ การเลอื กประกอบอาชพี การปฏบิ ตั ิงานของอาชีพน้นั ปจจุบันมีอาชีพใหเลือกอยางหลากหลาย บางอาชีพตองการกําลังคน แตในอนาคต บางอาชพี อาจไมต อ งใชก าํ ลงั คน เพราะไดม กี าร นาํ หนุ ยนตม าชว ยในการทาํ งาน หรอื ทเี่ รยี กวา “ปญ ญาประดิษฐ” การใชแ้ นวทางในการเลอื กอาชพี เพอ่ื ศกึ ษารายละเอยี ดตา่ ง ๆ ของงานทจี่ ะนา� มาประกอบอาชพี อย่างแท้จริงมีความส�าคัญ เช่น น�ามาใช้ ในการวางแผนในการเลือกสาขาวิชาที่จะเรียน เพ่ือให้ สอดคล้องกับอาชีพท่ีสนใจ หรือประชาชนทั่วไปน�ามาใช้เป็นแนวทางในการเลือกประกอบอาชีพ โดยแนวทางในการเลอื กอาชพี มหี ลกั สา� คัญท่คี วรค�านงึ ถึง ดงั นี้ 110 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 สอื่ มวลชน หลายอาชพี มคี วามเกยี่ วขอ งกบั สอ่ื มวลชน ทง้ั นกั ขา ว นกั ถา ยภาพ ผทู มี่ บี คุ ลกิ ภาพดี มคี วามถนดั ทางภาษา มอี ธั ยาศยั ดี ชอบงาน เคลื่อนไหว รวมถึงอาชีพที่เกี่ยวของกับส่ือออนไลนตางๆ ปจจุบันสื่อมวลชน บริการ ควรเลือกประกอบอาชีพในขอ ใดมากที่สดุ มีบทบาทหนา ทท่ี ่สี ําคัญ เชน 1. แพทย สถาปนิก • เสนอขาว เปนการรายงานขอเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพ่ือใหประชาชนทั่วไป 2. ผูประกาศขาว นกั แสดง ไดรับขอมูลอยางถูกตอ ง 3. ประชาสัมพนั ธ พนกั งานตอนรับ 4. บลอกเกอร พนกั งานขายเครื่องสําอาง • เสนอความคิดเห็น เปนการแสดงความคิดเห็นในสังคมประชาธิปไตย อยา งเหมาะสม เพอื่ แกปญหาตางๆ ทเี่ กดิ ขึ้น (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะเปน งานดา นการบรกิ าร จงึ ควร มใี จรกั ในการบรกิ าร มคี วามสามารถทางดา นภาษา มบี คุ ลกิ ภาพดี • ใหความบนั เทงิ เปน การใหค วามเพลดิ เพลนิ ในชวี ิตประจําวัน เพ่ือชวย พดู จาสภุ าพไพเราะ เนอ่ื งจากตอ งพบปะกบั ผคู นหลากหลาย ซง่ึ จะ ผอ นคลายความตงึ เครียด ทาํ ใหผ ทู พ่ี บปะดว ยเกดิ ความประทบั ใจ สว นขอ อน่ื ไมม ขี อ ใดทเี่ ปน งานดานการบริการ) • ใหการศึกษา เปนการใหขอมูลขาวสารดานความรูทั่วไปแกประชาชน เพือ่ ใหเกดิ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ • ประชาสมั พนั ธและโฆษณา เปนการใหขอมูลจากหนว ยงานตางๆ ไปยงั ประชาชน เพือ่ ใหห นว ยงานสามารถดาํ เนนิ งานไดต ามวตั ถปุ ระสงค T120

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๒.๑ เลอื กอาชีพทีต่ นเองถนดั ขนั้ นาํ การเลือกประกอบอาชีพจะตอ้ งรู้จักตวั เองก่อนเปน็ อันดับแรก วา่ มีความถนัด ความสามารถ 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การหาขอมูลเพ่ือเปน ความสนใจ บคุ ลกิ ภาพ สขุ ภาพ นสิ ยั ทศั นคตทิ เี่ กย่ี วกบั อาชพี นนั้ อยา่ งไร เชน่ บางคนมคี วามถนดั แนวทางในการเลอื กอาชพี ควรนาํ ขอ มลู มาจาก ทางดา้ นการค�านวณ ชอบสงั เกต วิเคราะห ์ วิจารณอ์ ย่างมเี หตมุ ีผล ชอบแก้ปญั หา ใฝ่หาความร ู้ แหลง ทเ่ี ชอ่ื ถอื ได เชน เขา รว มงานเกยี่ วกบั อาชพี เหมาะกบั การเปน็ โปรแกรมเมอร ์ ผทู้ ชี่ อบถา่ ยคลปิ วดิ โี อลงในยทู วิ บ ์ (YouTube) เพอื่ ใหผ้ อู้ น่ื ตดิ ตาม ดูความตองการของตลาดแรงงานผานทาง อยูเ่ สมอ เหมาะกบั การเปน็ ยูทวิ เบอร์ (YouTuber) ผทู้ ี่รกั ความสวยความงาม มีความเปน็ ตวั ของ โทรทัศน วิทยุ หนงั สือพิมพ อินเทอรเน็ต เพอื่ ตวั เองสูง กลา้ แสดงออก ชอบงานศิลปะ เหมาะกับการเป็นนกั ออกแบบแฟช่ัน ใหท ราบถงึ ความเคลอื่ นไหว และความตอ งการ การเลือกอาชีพต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คิดและตัดสินใจอย่างมีเหตุผล เพราะจะท�าให้ ของตลาดแรงงาน หรอื อาชพี ใหมๆ ” เลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง มีความสนุกสนานไปกับงานที่ท�า ส่งผลให้ประสบความ ส�าเร็จในหน้าท่ีการงาน ในทางตรงกันข้ามหากท�างานท่ีไม่ถนัดหรือไม่ชอบ จะส่งผลให้งานน้ัน ขนั้ สอน ไมด่ ีเท่าที่ควร เกดิ ความเบือ่ หน่ายต่อการทา� งาน ทา� ใหต้ อ้ งเปลีย่ นงานใหม ่ ซง่ึ อาจส่งผลกระทบ ตอ่ การด�าเนนิ ชวี ติ ท�าใหช้ วี ติ ไม่มคี วามสขุ 1. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลทางอินเทอรเน็ต หรือหองสมุดเก่ียวกับอาชีพท่ีสนใจในตลาด ๒.๒ เลือกอาชีพทมี่ ่ันคงในชวี ิต แรงงานคนละ 1 อาชพี พรอ มทงั้ วเิ คราะหเ กย่ี วกบั คุณสมบัติของผูประกอบอาชีพ และทักษะที่ ในการเลอื กประกอบอาชีพตอ้ งมีความรเู้ กี่ยวกบั อาชีพน้ัน ๆ เช่น ลกั ษณะของอาชพี สถานท่ี จําเปนในการประกอบอาชีพ จากน้ันบันทึก ทจ่ี ะศกึ ษาเพอื่ ประกอบอาชพี คา่ จา้ ง สวสั ดกิ าร ความก้าวหน้า ความม่ันคงขององค์กรและของ ขอมูลลงในใบงานที่ 5.2.1 เร่ือง อาชีพที่ฉัน พนกั งาน ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน ซง่ึ การทา� งานทมี่ คี วามมนั่ คง มสี วสั ดกิ าร มคี า่ ตอบแทน สนใจ จากน้ันครูสุมนักเรียนออกมานําเสนอ ที่เหมาะสมกับความสามารถและค่าครองชีพ จะทา� ให้ไมต่ ้องกังวลกับการเปล่ียนแปลงขององคก์ ร ผลงานใหเพือ่ นชมหนาชั้นเรียน สามารถท�างานไดอ้ ย่างเต็มทม่ี คี วามเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และสามารถสร้างอนาคตได้ อยา่ งมนั่ คง 2. ครูใหนักเรียนสืบคนอาชีพในตลาดแรงงาน 3 อาชีพ ตามลําดบั ความสนใจ และจดั เตรยี ม ขอมลู เพ่อื ทาํ กิจกรรมในช่ัวโมงถดั ไป 3. ครูสุมถามนักเรียน 4-5 คน ที่ไดไปสืบคน ขอมูลเก่ียวกับอาชีพในตลาดแรงงาน 3 อาชีพ ท่ีนกั เรยี นสนใจและจดคาํ ตอบลงบนกระดาน 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ในการประกอบอาชีพ จะตอ งมหี ลกั ทสี่ าํ คญั ในการเลอื กอาชพี ไดแ ก การเลือกอาชีพที่ตนเองถนัด การเลือกอาชีพ ที่มั่นคงในชีวิต และการเลือกอาชีพที่สุจริต ไมส รา งความเสยี หายตอ สงั คมและสง่ิ แวดลอ ม” แพทย ์ เปน็ อาชพี ทต่ี อ้ งมจี รรยาบรรณสงู เพราะมหี นา้ ท ่ีในการรกั ษาและชว่ ยชวี ติ ผอู้ นื่ โลก 111 ของอาชีพ กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอันพึงประสงค เกร็ดแนะครู ใหน กั เรยี นเลอื กอาชพี ทนี่ า สนใจจากละคร ภาพยนตร ซรี สี  หรอื ครแู นะนาํ ใหน กั เรยี นสาํ รวจตนเอง เพอ่ื หาแนวทางศกึ ษาตอ ทเี่ หมาะสมกบั เร่ืองสั้น เพื่อหาขอมูลเกี่ยวกับอาชีพ พรอมท้ังแสดงความคิดเห็น ตนเอง จากนั้นครูแนะนําแนวทางการศึกษาตอ โดยดูจากยุคสมัยและอางอิง เก่ียวกบั ตัวละครนนั้ ในประเดน็ ที่กาํ หนดให ดังนี้ จากรุนพ่ีที่จบการศึกษาไปแลว โดยครูอาจเชิญครูแนะแนว หรือรุนพ่ีท่ีเพิ่งจบ การศกึ ษามาใหข อ มลู ทท่ี นั สมัยกับนักเรียน • ลกั ษณะงานของอาชีพ • ความม่ันคงของอาชพี สื่อ Digital • ประโยชนข องอาชีพท่มี ตี อสังคม • จดุ เดน และจุดดอ ยของตวั ละครท่ีประกอบอาชพี นี้ สามารถทดลองทาํ แบบทดสอบวดั แววอาชพี ไดจ าก https://www.v-cop. (กิจกรรมน้สี รา งเสรมิ คุณลกั ษณะดา นความซอ่ื สตั ยส ุจรติ go.th/wudwaew/ ใฝเรยี นรู และมงุ ม่ันในการทํางาน) T121

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๒.๓ เลือกอาชพี สจุ รติ ไมส่ รา้ งความเสยี หายต่อสังคมและสง่ิ แวดล้อม 5. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “ลกั ษณะของการทํางาน อาชีพท่ีเลือกต้องเป็นอาชีพท่ีสุจริต ไม่สร้างความเส่ือมเสียให้กับคนในครอบครัวและสังคม ในบางอาชพี เปน การทาํ งานทม่ี วี ชิ าชพี เฉพาะ และไมท่ �าลายส่งิ แวดลอ้ ม ประกอบอาชพี โดยใช้ความร ู้ ความสามารถของตนเอง แม้บางอาชพี จะ ดังนั้น ควรเตรียมความพรอมท่ีดี โดยศึกษา มีรายไดน้ อ้ ย แต่ถา้ มคี วามขยนั อดทน มีการวางแผนการใช้จ่ายทดี่ ี ไม่ใช้จ่ายฟุม่ เฟอื ย ก็จะทา� ให้ ลักษณะของอาชีพและวางแผนแนวทางการ มีรายได้เพยี งพอในการด�าเนนิ ชวี ติ และอยู่รว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข แต่ถ้าหากประกอบ ศกึ ษาตอ หลงั จากจบการศกึ ษา เชน การศกึ ษา อาชพี ที่ไม่สุจรติ ก็ย่อมส่งผลใหเ้ กดิ ปัญหาสังคมตามมา ตอ สายอาชพี การศึกษาตอ สายสามญั ” ในการเลือกประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม จะต้องมีองค์ประกอบหลักดังกล่าวข้างต้น นั่นคือ ตอ้ งเปน็ อาชพี ทตี่ นเองมคี วามถนดั เปน็ อาชพี ทมี่ นั่ คง และเปน็ อาชพี ทสี่ จุ รติ ไมส่ รา้ งความเสยี หาย 6. ครูใหนักเรียนเลือกอาชีพท่ีนาสนใจมากที่สุด ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะท�าให้สามารถท�างานได้อย่างมีความสุข สร้างสรรค์ผลงานได้อย่าง มาคนละ 1 อาชีพ จาก 3 ลําดบั ทนี่ กั เรียน เตม็ ความสามารถ ประสบความสา� เรจ็ ในชวี ติ สรา้ งความมนั่ คงใหก้ บั ตนเองและครอบครวั มคี ณุ ภาพ เลือกมา พรอมทั้งอธิบายเหตุผลท่ีเลือกและ ชีวติ ทดี่ ี และเปน็ กา� ลังสา� คญั ในการพฒั นาประเทศใหเ้ จริญก้าวหน้าตอ่ ไป วเิ คราะหเ กยี่ วกบั แนวทางการศกึ ษาตอ เพอื่ เขา สอู าชพี ทนี่ กั เรยี นสนใจ โดยทาํ เปน ผงั มโนทศั น Tip ลงในกระดาษ A4 แนวทางการศึกษาต่อ ขน้ั สรปุ การศกึ ษาแนวทางการเลอื กอาชพี เปน็ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั อาชพี เพอื่ พฒั นาทกั ษะชวี ติ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรูเรอื่ ง แนวทาง สรา้ งคน สรา้ งงาน สรา้ งอนาคต เพอื่ เตรยี มความพรอ้ มส ู่โลกของอาชพี จงึ ควรเลอื กแนวทาง ในการเลอื กอาชีพวา “แนวทางในการเลือกอาชพี การศกึ ษาต่อหลังจากจบการศึกษาภาคบงั คบั หรือจบช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที ่ ๓ ดงั นี้ มีสวนชวยในการตัดสินใจ เพราะเปนการศึกษา ๑. การศกึ ษาต่อสายอาชพี เปน็ การเรียนทีม่ ่งุ เน้นทักษะอาชพี เพอื่ ประกอบอาชพี ที่ คนควาหาขอมูลท่ีเกี่ยวของกับอาชีพ และนําไป สอดคล้องกับตลาดแรงงาน โดยหลกั สูตรการเรียน ได้แก ่ ใชในการตดั สนิ ใจเลอื กประกอบอาชพี ในอนาคต” • หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใช้เวลาเรียนต่อจากช้ันมัธยมศึกษา ปที ี่ ๓ เปน็ เวลา ๓ ป ี มสี าขาวชิ าชา่ งตา่ ง ๆ เชน่ พาณชิ ยกรรม ชา่ งไฟฟา้ ชา่ งอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ขน้ั ประเมนิ • หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.) เรยี นตอ่ จาก ปวช. ใชเ้ วลาเรยี น ๒ ปี 1. ครูตรวจใบงานที่ 5.2.1 เร่ือง อาชีพทีฉ่ ันสนใจ • หลกั สูตรปริญญาตรี ใชเ้ วลาเรยี นตอ่ จาก ปวส. ๒ ปี 2. ครตู รวจผงั มโนทศั นเ กย่ี วกบั แนวทางการศกึ ษา ๒. การศกึ ษาตอ่ สายสามญั เปน็ การเรยี นทม่ี งุ่ เนน้ การสอบเขา้ มหาวทิ ยาลยั เพอื่ เลอื ก สาขาที่เรียนท่ีเป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ ซ่ึงเป็นการเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอ เพ่อื เขา สูอ าชีพ ปีที่ ๔-๖ แล้วสอบเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ใช้เวลาเรียน ๔-๖ ปี ข้ึนอยู่กับ 3. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรียน คณะท่ีเลอื กเรยี น เร่ือง แนวทางในการเลือกอาชีพ จากการ ตอบคําถาม การแสดงความคิดเห็นรวมกัน ในชนั้ เรยี น และการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของนกั เรยี น 112 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคลและการสังเกต การประกอบอาชพี สจุ ริตมคี วามสําคัญอยางไร พฤติกรรมการทํางานกลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทาย แผนการจัดการเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 5 (แนวตอบ สามารถประกอบอาชีพไดอยางมีความสุข ไมสราง ความเสื่อมเสยี ใหกบั ครอบครัว สังคม และสิง่ แวดลอม เกดิ ความ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพของตน ทําใหทํางานอยางตั้งใจ และเต็มที่ สงผลใหไดผลงานท่ีมีคุณภาพ มีความม่ันคง และมี คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คณุ ภาพชีวิตทดี่ )ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน การมี 321 ลาดบั ท่ี ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม 1 การแสดงความคดิ เห็น ของนักเรยี น ความ ฟังคนอน่ื ตามทไ่ี ด้รบั นา้ ใจ การ 15 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน 3 การทางานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ปรบั ปรุง 4 ความมีนา้ ใจ ผลงานกลมุ่ 5 การตรงต่อเวลา 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ประเมิน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ............./.................../............... ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ 8 - 11 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ T122

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓ กระบวนการตัดสนิ ใจในการเลือกอาชพี ขนั้ นาํ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ) การตดั สนิ ใจเลอื กประกอบอาชพี มคี วามสา� คญั ตอ่ ชวี ติ ของเราเปน็ อยา่ งมาก เพราะเปน็ หนทาง 1. ครูเลากรณีตัวอยางการเลือกประกอบอาชีพ ไปสกู่ ารสร้างความม่ันคงใหก้ บั ชีวิต ดังน้ัน การพจิ ารณาเลอื กประกอบอาชพี จงึ ควรส�ารวจตนเอง ใหน กั เรยี นฟง วา “เพยี งใจเพง่ิ เรยี นจบการศกึ ษา ใหล้ ะเอียดก่อนตดั สนิ ใจเลอื กประกอบอาชพี เพือ่ ใหส้ ามารถประกอบอาชพี นนั้ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เธอมีบุคลิกภาพที่ดี กิริยามารยาทเรียบรอย ย้ิมแยม แจมใส ๓.๑ ความส�าคัญของกระบวนการตัดสินใจเลอื กอาชีพ มีความรอบรู มีมนุษยสัมพันธท่ีดี สามารถ ปรบั ตวั ใหเ ขา กบั สถานการณไดด ี และอยรู ว มกนั กระบวนการตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี เปน็ การนา� แนวทางการเลอื กอาชพี มาพจิ ารณาอยา่ งละเอยี ด กับผูอื่นได อีกทั้งยังมีความสามารถในการ รอบคอบ รว่ มกบั คณุ สมบตั เิ ฉพาะบคุ คล และคา่ นยิ มในการประกอบอาชพี ของตนเองและของสงั คม ใชภ าษาทงั้ การพดู และการเขยี น ดงั นน้ั เธอจงึ ในปจั จบุ นั แลว้ ตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง จงึ จะทา� ใหก้ ารทา� งานประสบความสา� เรจ็ ตดั สนิ ใจเลอื กประกอบอาชพี นกั ประชาสมั พนั ธ” โดยการตัดสินใจที่ดจี ะตอ้ งมีข้อมูลพื้นฐาน มีการวเิ คราะหต์ นเอง และวเิ คราะหอ์ าชพี เพื่อใชเ้ ปน็ เหตุผลในการตัดสินใจเลอื กประกอบอาชพี ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาเพียงใจเลือกประกอบอาชีพ ๓.๒ ประโยชน์ทีไ่ ด้รับจากกระบวนการตดั สินใจเลือกอาชีพ นกั ประชาสมั พนั ธไ ดเ หมาะสมหรอื ไม อยา งไร ถาไมเหมาะสมควรเลือกประกอบอาชีพใด การเลือกประกอบอาชีพ ควรน�ากระบวนการตัดสินใจในการเลือกอาชีพมาใช้ควบคู่กัน เพราะเหตุใด เพือ่ ให้การเลอื กประกอบอาชพี เปน็ ไปอยา่ งถกู ต้องและเหมาะสมกับตนเองมากท่ีสดุ ซงึ่ ประโยชน์ (แนวตอบ เลือกประกอบอาชีพไดเ หมาะสม ท่ีได้รับจากการนา� กระบวนการตดั สินใจเลอื กอาชีพมาใช้ มีดงั น้ี เพราะเพยี งใจมกี ริ ยิ ามารยาทเรยี บรอ ย ยมิ้ แยม แจมใส มีมนุษยสัมพันธท่ีดี บุคลิกภาพดี ประโยชน์ที ่ได้รบั จากกระบวนการตัดสินใจเลือกอาชพี มคี วามสามารถในการใชภ าษา และสามารถ 1 2 ๓ท�างานได้ 1 อยรู วมกบั ผูอ ่ืนได) อยา่ งมคี วามสุข สร้างความ อลดยสากาเเหปตลขุีย่ อนงงกาานร2 3. ครูอธิบายเพ่ือเชื่อมโยงเขาสูบทเรียนวา “การ เจริญกา้ วหน้า ตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพมีความสําคัญ ในชีวิต เปน อยา งมาก เพราะเปน การสรา งความมนั่ คง ใหกับชีวิตของตนเองและครอบครัว ดังน้ัน ๔ มอี สิ ระในการ ๕ สามารถตัดสินใจ ๖ สามารถตัดสินใจ กอนตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพ ควรศึกษา เลือกประกอบ เลือกประกอบ เลอื กประกอบอาชีพ รายละเอียดตางๆ ของการประกอบอาชีพ อาชพี อาชพี ทถ่ี นดั ที่ถกู ตอ้ ง และพิจารณาอยางรอบคอบกอนการตัดสินใจ เลือกประกอบอาชีพ” 7 มีงานทา� หรอื 8 ลดความ ประกอบอาชีพ สูญเสียทาง สุจริตได้ง่าย เศรษฐกิจของ ครอบครวั โลก 11๓ ของอาชีพ ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ขอใดกลา วไมถ กู ตองเกยี่ วกบั การตดั สนิ ใจเลอื กอาชีพ 1 ทาํ งานไดอ ยา งมคี วามสขุ ปจ จยั สาํ คญั ทส่ี ง ผลใหค นทาํ งานมคี วามสขุ ในการ 1. เลือกทาํ อาชีพเดียวกับเพอื่ นสนทิ ทาํ งาน มอี ยดู วยกนั หลายปจ จยั เชน 1. เปนงานที่ถนดั มคี วามชอบ และความ 2. ศึกษาขอมูลเก่ยี วกบั อาชีพทส่ี นใจ เชี่ยวชาญ 2. ความสัมพันธระหวางเพ่ือนรวมงานและนายจางเปนไปไดดวยดี 3. สาํ รวจความสนใจและความถนดั ของตนเอง เปน ทร่ี กั ของเพอ่ื นรว มงาน และทาํ งานเปน ทมี ได 3. ไดร บั คา ตอบแทนทเี่ หมาะสม 4. ฝกฝนเพือ่ เพิม่ ความสามารถในอาชีพที่สนใจ มกี ารปรบั ฐานเงนิ เดอื น 4. มเี วลาในการทาํ งานทเี่ หมาะสม มเี วลาใหก บั ครอบครวั มีเวลาทําในสิ่งท่ีช่ืนชอบอื่นๆ ได 5. ไดรับสิทธิในการรักษาพยาบาล หรือสิทธิ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการเลอื กอาชพี ควรเลอื กอาชพี ประโยชนอ น่ื ๆ ทีเ่ หมาะสมกับตนเองและครอบครวั ทต่ี นเองสนใจและถนดั ไมค วรเลอื กตามเพอื่ น สว นการศกึ ษาขอ มลู เกยี่ วกบั อาชพี ทส่ี นใจและการฝก ฝนเพอ่ื เพม่ิ ความสามารถในอาชพี 2 เปล่ียนงาน การเปล่ียนงานอาจหมายถึงท้ังการเปลี่ยนที่ทํางานและ ทีส่ นใจ เปน ส่ิงท่ีเหมาะสมและพงึ ปฏบิ ตั )ิ การเปลยี่ นลกั ษณะของงานทที่ าํ เพอ่ื ใหไ ดท าํ งานทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง ทาํ งานได อยางมปี ระสิทธิภาพและมคี วามสุข ในการเริ่มตน ทาํ งานควรเตรียมตัวใหพรอม เชน ศึกษากฎและขอมลู ตา งๆ กอ นเรม่ิ งาน ไปทํางานใหต รงเวลา เรียนรงู าน และซกั ถามเพอื่ ทาํ ความเขา ใจ เรยี นรสู งั คมของทท่ี าํ งานเพอื่ ปรบั ตวั ใหเ หมาะสม ขยนั และกระตอื รอื รน เปนมิตรกับผอู ่ืน มองโลกในแงด ี T123

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๓.๓ องค์ประกอบของกระบวนการตัดสินใจเลือกอาชีพ 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ศกึ ษา การประกอบอาชพี ทกุ อาชพี ตอ้ งมกี ารวางแผนในการเลอื กประกอบอาชพี ทด่ี ี มกี ระบวนการคดิ คน ควา ขอ มลู จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรู และกระบวนการตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั ตนเอง ซง่ึ องคป์ ระกอบของกระบวนการ ท่ี 5 หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เติมจากอนิ เทอรเน็ต โดยมี ตัดสินใจเลอื กอาชพี มดี งั นี ้ หัวขอ เรื่อง ดงั น้ี 1. ความสาํ คัญของกระบวนการตดั สินใจเลอื ก ๑) การวเิ คราะหต์ นเอง เปน็ การวเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั ความสนใจ ความถนดั ความสามารถ อาชพี 2. ประโยชนที่ไดรับจากกระบวนการตัดสินใจ ความพร้อม ค่านิยม บุคลิกภาพ และสุขภาพของตนเอง ว่ามีความเหมาะสมกับอาชีพท่ีสนใจ เลือกอาชพี หรือไม่ เช่น ชอบถา่ ยภาพ สนใจเรอื่ งเทคนคิ การถา่ ยภาพต่าง ๆ มีความกระตือรือรน้ คลอ่ งแคลว่ 3. องคป ระกอบของกระบวนการตดั สนิ ใจเลอื ก และชอบทอ่ งเท่ยี ว เหมาะกับการเปน็ ชา่ งถา่ ยภาพ อาชีพ ๒) การวิเคราะห์อาชีพ เป็นการจ�าแนกรายละเอียดของอาชีพ เพ่ือให้เกิดความรู ้ 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การนํากระบวนการ ตดั สนิ ใจในการเลอื กอาชพี มาใช ทาํ ใหส ามารถ ตควลาามดเแขร้างใงจาเนก1 ่ียสวถกาับนกทา่ที รา�ปงราะนก อรบาอยาไดช ้ีพส วรสั ู้จดักกิ อาาร2ช คีพวตา่ามงเ จๆร ญิ ลักก้าษวณหะนขา้ อในงออาาชชีพพี แคลวะาคมวตา้อมงมก่ันารคขงอง ตัดสินใจเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได เมื่อได้รับรู้และตีความข้อมูลจากการวิเคราะห์ตนเองและอาชีพต่าง ๆ ที่สนใจอย่างละเอียด สงผลใหทํางานไดอยางมีความสุข มีความ และรอบคอบแลว้ จะทา� ใหม้ องเหน็ แนวทางการประกอบอาชพี วา่ ควรตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ใดทเ่ี หมาะสม เจริญกาวหนา ลดสาเหตุของการเปลี่ยนงาน กับตนเองมากทีส่ ดุ เพ่ือใหป้ ระสบความสา� เรจ็ ในชวี ิตการทา� งาน ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ทุกคนมีอิสระ ในการทจี่ ะเลอื กประกอบอาชพี ตามความถนดั ของตนเองได” 3. ครูถามนกั เรียนวา • นกั เรยี นทราบไดอ ยา งไรวา อาชพี ใดเหมาะสม กบั นกั เรยี นในอนาคต (แนวตอบ ศกึ ษาจากลกั ษณะการทาํ งาน และ คณุ สมบตั ขิ องผปู ระกอบอาชพี นน้ั วา เหมาะสม กบั ตนเองจรงิ หรือไม) ก ่อนเลอื กอาชีพ ควรพิจารณาตนเองวา่ มีความร ู้ ความถนดั และความสามารถในเรือ่ งใด จะได้เลอื กประกอบอาชีพ ได้เหมาะสมกบั ตนเองมากที่สดุ 11๔ นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรา งเสริม 1 ความตองการของตลาดแรงงาน การศึกษาเกี่ยวกับความตองการของ ใหนักเรียนเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองมา 1 อาชีพ ตลาดแรงงาน หรือแนวโนมของตลาดแรงงาน จะทําใหร ูถ งึ สาขาอาชพี ท่กี าํ ลงั เขยี นอธบิ ายวธิ กี ารประกอบอาชพี ใหป ระสบความสาํ เรจ็ อยา งนอ ย เปน ท่ีตองการในปจจุบันและในอนาคต เน่ืองจากนโยบายการพัฒนาเศรษฐกจิ 5 ขอ ลงในกระดาษรายงาน นําสง ครูผูสอน ของประเทศทําใหเกิดการเปล่ียนแปลงอยูตลอดเวลา จึงควรเขาถึงขอมูลที่ ทนั สมัย เพ่ือใหสามารถเตรียมความพรอ มในการเขาสอู าชีพไดอยางเหมาะสม กิจกรรม ทา ทาย 2 สวสั ดกิ าร เปน กิจกรรม หรอื การบริการท่ีหนวยงานทัง้ ราชการและเอกชน จดั ขนึ้ เพอื่ ใหข า ราชการ พนกั งาน ผปู ฏบิ ตั งิ านในองคก รนนั้ ๆ เกดิ ความสะดวก ใหน กั เรยี นนาํ อาชพี ทเี่ ลอื กจากกจิ กรรมสรา งเสรมิ มาวเิ คราะห สบาย มีความมั่นคงในอาชีพ มีหลักประกันในชีวิต หรือไดรับสิทธิประโยชน อาชีพ จากนัน้ ใหวเิ คราะหต นเองเก่ยี วกับความสนใจ ความถนัด นอกเหนือจากเงินเดือน หรือคาจาง เพื่อเปนสิ่งจูงใจและเปนกําลังใจ เพ่ือให ความสามารถ ความพรอม คานิยม และสุขภาพของตนเองวา ปฏิบัตงิ านอยางมปี ระสทิ ธิภาพมากยิ่งขน้ึ มีความเหมาะสมกบั อาชพี นน้ั หรือไม พรอมทงั้ นําเสนอวามีความ เหมาะสมรอยละเทาใด โดยใหนักเรียนประมาณการดวยตนเอง T124 พรอ มอธิบายเหตุผลประกอบ

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔ เจตคติที่ดีตอ่ การประกอบอาชพี 1สจุ รติ ขนั้ สอน จากทฤษฎแี รงจงู ใจในการทา� งานของแมก็ เกรเกอร ์ (Mc Gregor) ผเู้ ชยี่ วชาญการบรหิ ารงาน 4. ครูใหสมาชิกแตละคนในกลุมวิเคราะหความ แหง่ สถาบนั เทคโนโลยแี มสซาชเู ซตส ์(Massachusetts Institute of Technology: MIT) สหรฐั อเมรกิ า เหมาะสมระหวางตนเองกับอาชีพที่สนใจ ได้สรุปลกั ษณะการทา� งานทวั่ ไปมี ๒ ประเภท ดงั นี้ โดยใชองคประกอบของกระบวนการตัดสินใจ ในการเลือกอาชีพท่ีถูกตองและเหมาะสมกับ ลกั ษณะการท�างาน ตนเองในอนาคตลงในใบงานท่ี 5.3.1 เรื่อง การตดั สนิ ใจเลือกอาชพี ของฉัน ดังน้ี 1ประเภทที่ 1 ประเภทท่ี 2 1. การวิเคราะหตนเองเกี่ยวกับความสนใจ มีพื้นฐานกรอบแนวคดิ ความถนัด ความสามารถ ความพรอม ไมช่ อบการท�างาน มพี ้ืนฐานกรอบแนวคิด คานยิ ม บคุ ลกิ ภาพ สขุ ภาพของตนเอง ฯลฯ ชอบการทา� งาน 2. การวิเคราะหอาชีพเกี่ยวกับรายละเอียด 2 ไมม่ ีความรบั ผิดชอบงาน มคี วามรบั ผิดชอบงาน ของอาชีพ คุณสมบัติของผูประกอบอาชีพ ท่ี ได้รับมอบหมาย ท่ไี ด้รบั มอบหมาย รายได ลกั ษณะของอาชพี ความตอ งการของ ควบคุมตนเองใหป้ ฏิบัติ ตลาดแรงงาน สถานทที่ ํางาน ความม่ันคง ๓ ตอ้ งควบคุมด้วยอา� นาจ ในสง่ิ ทเ่ี หมาะสมได้ ความเจรญิ กา วหนา ในอาชพี ขอ ดแี ละขอ เสยี หรือการบังคับ มคี วามกระตอื รอื รน้ และ มีความคิดสร้างสรรค์สงู 5. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานาํ เสนอผลการ ๔ ขาดความกระตอื รอื รน้ ชอบทา� งานทีท่ า้ ทายความสามารถ วิเคราะหและตัดสินใจเลือกอาชีพท่ีสนใจ แต่ตอ้ งการความม่นั คงมาก พฒั นาตนเองอยูเ่ สมอ ในอนาคตใหเพื่อนรวมช้ันฟงหนาช้ันเรียน จากน้ันใหเพื่อนรวมกันแสดงความคิดเห็น ๕ ชอบทา� งานแบบเดิม อยา งสรา งสรรค โดยมคี รเู ปน ผแู นะนาํ เพม่ิ เตมิ ขาดการพัฒนา 6. ครูใหนักเรียนสังเกตตารางการเปรียบเทียบ ลกั ษณะการทาํ งานทงั้ 2 ประเภท จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรูที่ 5 หนา 115 ป ระเภจาทกทที ่ ฤ๒ษ ฎแแี สรดงงจถงู ใงึ จคใณุนกสามรบทัตา� 2ิขงาอนงเกหาน็ รไมดีเว้จา่ต คลกัตษิทณี่ดีะการทา� งาน ต่อการประกอบอาชีพ เพราะพ้ืนฐานกรอบแห่ง ความคิดของมนุษย์น้ันแสดงให้เห็นถึงการมี เจตคติที่ดีในการสร้างงาน สามารถพัฒนา ตนเองเพอ่ื ใหง้ านมปี ระสทิ ธภิ าพ และประสบ ผลส�าเรจ็ มากย่ิงข้ึน โลก 11๕ ของอาชีพ ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอ ใดกลา วถึงการประกอบอาชพี สจุ ริตและมีศลี ธรรม 1 เจตคตทิ ด่ี ีตอ การประกอบอาชีพ การมีความพงึ พอใจ มคี วามรสู กึ ท่ดี ี รกั 1. ใหเชาเบ็ดตกปลา และชื่นชอบในการประกอบอาชีพตางๆ ที่ถูกตองตามกฎหมาย ไมขัดตอ 2. ขายปยุ และยาฆา หอย หลกั ศลี ธรรมและจารตี ประเพณี แมวาบางอาชีพอาจมคี าจา ง หรือคาตอบแทน 3. ซอ้ื เน้อื หมมู าทําขา วหมูแดงขาย ไมส ูงเลยกต็ าม 4. ขายของชํา รวมถงึ บุหรีแ่ ละสรุ า 2 คุณสมบัติ คุณสมบัติของผูประกอบอาชีพยอมมีความแตกตางกันไปตาม ลกั ษณะของอาชพี เชน มคั คเุ ทศก ควรมคี วามสามารถทางดา นภาษา มคี วามรอบรู (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเลอื กซอ้ื วตั ถดุ บิ ทแี่ ปรรปู มใี จรกั ในบรกิ าร ยมิ้ แยม แจม ใส ยทู วิ เบอร ควรสอื่ สาร เพอ่ื ใหข อ มลู ตา งๆ อยา ง มาทําเปนอาหาร ไมเบียดเบียนชีวิตสัตว การใหเชาเบ็ดตกปลา ชัดเจน สรางความเพลิดเพลินใหผูท่ีรับชม ผูประกอบการ หรือเจาของธุรกิจ และการขายยาฆา หอยเปน การเบยี ดเบยี นชวี ติ สตั ว สว นการขายบหุ รี่ ควรมีคุณสมบัติที่จําเปนหลากหลาย เชน มีความทะเยอทะยาน ไมยอทอ และสรุ าอาจทําใหผ อู ืน่ เดอื ดรอนจากผูท่ีบรโิ ภคได) ตออุปสรรค ปรบั ตวั กบั ความผนั ผวนได ตัดสนิ ใจไดดี สามารถรบั ความเสย่ี งได มคี วามคิดใหมๆ อยเู สมอ กลา ทจี่ ะเปลีย่ นแปลง ท้ังนี้เราควรฝกฝนตนเองใหมีคุณสมบัติท่ีเหมาะสมกับอาชีพ ซ่ึงจะทําให สามารถประกอบอาชีพในฝนไดอยา งมีความสขุ T125

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๔.๑ ความส�าคญั ของเจตคติทด่ี ตี อ่ การประกอบอาชีพสจุ ริต 7. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา “ตารางการเปรยี บเทยี บน้ี มนษุ ยท์ กุ คนลว้ นมคี วามแตกตา่ งกนั ทง้ั ในเรอื่ งของรปู ลกั ษณภ์ ายนอก ความคดิ ความชน่ื ชอบ บง บอกถงึ ลกั ษณะของการทาํ งาน ซงึ่ ไดม าจาก ความสามารถ ความถนดั ซง่ึ สงิ่ ตา่ ง ๆ เหลา่ น ้ี ลว้ นหลอ่ หลอมใหม้ นษุ ยม์ ลี กั ษณะเดน่ ท่ีไมเ่ หมอื นกนั ทฤษฎแี รงจงู ใจในการทาํ งานของแมก เกรเกอร สง่ ผลใหก้ ารเลอื กประกอบอาชพี ของแตล่ ะบคุ คลแตกตา่ งกนั ออกไป และเพอ่ื ใหก้ ารประกอบอาชพี ทต่ี อ งการใหเ หน็ ลกั ษณะของการทาํ งานประเภท ประสบความส�าเร็จ กอ่ นการเลือกประกอบอาชพี จงึ ควรเข้าใจ ดงั นี้ ท่ี 2 โดยเปนพื้นฐานกรอบแหงความคิดของ มนษุ ย ดงั นน้ั จงึ แสดงใหเ หน็ ถงึ การมเี จตคตทิ ดี่ ี เจตคติ อาชพี สจุ รติ ในการสรา งงาน สามารถพฒั นาตนเอง เพอื่ ให กรอบแนวความคิดของตนเองในการ การประกอบการงาน หรอื กจิ กรรมใด ๆ งานมีประสิทธิภาพและประสบผลสําเร็จมาก ประเมินค่าบุคคล วัตถุ ส่ิงของ ในครั้ง ที่ก่อให้เกิดผลผลิตและรายได้ในการ ยง่ิ ขึน้ ” แรกว่าชน่ื ชอบ หรือไมช่ ่ืนชอบ เลีย้ งชีพ ท่ีไมผ่ ดิ กฎหมายและศีลธรรม 8. ครถู ามนกั เรียนวา เจตคตติ อ่ การประกอบอาชีพสจุ รติ • นักเรยี นมีลกั ษณะการทาํ งานอยา งไร การมกี รอบแนวความคดิ และความรสู้ กึ ท่ีดี รัก และชนื่ ชอบ (แนวตอบ มีระเบียบวินัยในการปฏิบัติงาน ต่อการประกอบอาชีพที่ชอบด้วยกฎหมาย ศีลธรรม หรือ ทํางานตามท่ีไดรับมอบหมายอยางเต็มที่ จารีตประเพณีอันดีงาม เป็นท่ียอมรับของสังคม สามารถ ปฏิบัติตนไดอยางเหมาะสม มีความ สร้างความสขุ ใหแ้ กต่ นเองและครอบครวั ได้ กระตือรอื รน และมีความคิดสรา งสรรค) ลักษณะของการประกอบ อาชีพสจุ รติ 9. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “เมอ่ื นกั เรยี นเลอื กประกอบ อาชีพที่เหมาะสมกับตนเองแลว นักเรียนจะ • สร้างรายได้เลย้ี งครอบครัวไดอ้ ย่างมคี วามสขุ เกิดเจตคติตอการประกอบอาชีพสุจริต ซ่ึง • สามารถทา� ได้ในระยะเวลาท่ียาวนาน เจตคตนิ ้ี คอื กรอบแนวความคดิ ความรสู กึ ทดี่ ี • เกิดความสขุ ความสบายใจ ความภูมิใจในตนเอง รัก และชนื่ ชอบตอ การประกอบอาชพี เพราะ • ไมส่ รา้ งความเดือดรอ้ นแกต่ นเอง ครอบครัว และสังคม ถือวาเปนอาชีพที่ชอบดวยกฎหมาย ศีลธรรม หรือจารีตประเพณอี ันดงี าม เปนทย่ี อมรับของ Tip สังคม สามารถสรางความสุขใหแ กตนเองและ ครอบครวั ได” ความส�าคัญของการประกอบอาชพี การประกอบอาชพี มีความสา� คญั ตอ่ การดา� รงชีวิตของมนุษย์เป็นอยา่ งมาก มีดงั น้ี ๑. เพื่อตนเอง ทา� ใหม้ เี งนิ หรือรายไดม้ าใชจ้ า่ ยในการดา� รงชวี ติ ของตนเอง ๒. เพื่อครอบครวั ทา� ใหส้ มาชิกในครอบครัวมชี ีวิตความเปน็ อยทู่ ดี่ ขี ึน้ ๓. เ พ่ือสงั คม ทา� ใหส้ งั คมมคี วามเขม้ แข็ง เศรษฐกจิ เจรญิ รงุ่ เรอื ง พึง่ พาตนเองได้ ๔. เพอื่ ประเทศชาติ ทา� ใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศเตบิ โต อตั ราการวา่ งงานลดนอ้ ยลง 11๖ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการมีทัศนคติที่ดีตออาชีพใหนักเรียนฟงวา เพราะเหตุใดจงึ ตอ งมเี จตคตทิ ด่ี ใี นการประกอบอาชพี การมีทัศนคติท่ีดีตออาชีพที่ทํา เชน อาชีพที่ทําชวยใหสังคมสงบสุข ชวยให คนในสังคมมีสุขภาพที่ดี ชวยใหคนมีความรู ชวยใหสังคมสะอาดและนาอยู (แนวตอบ เพราะตองการใหเกิดความรูสึกท่ีดีในการประกอบ ชว ยใหค นในสงั คมเดนิ ทางสะดวก จะทาํ ใหเ กดิ ความภาคภมู ใิ จในอาชพี ทสี่ ามารถ อาชพี เกดิ ความรกั และชนื่ ชอบ รวมถงึ เหน็ ความสาํ คญั ของงานทท่ี าํ หารายไดอ ยา งสุจรติ และเกิดประโยชนตอสังคม เปน ทย่ี อมรบั ของสงั คม เกดิ ผลงานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สรา งความสขุ ทั้งตอตนเอง ครอบครวั และสงั คมได) สื่อ Digital ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองแรงงาน (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. 2560 ไดจ าก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/ DATA/PDF/2560/A/088/7.PDF T126

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔.๒ ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่อการประกอบอาชพี สจุ รติ ขนั้ สอน การประกอบอาชีพสุจริตไม่ว่าจะเป็นอาชีพใด ๆ ก็ตาม ย่อมส่งผลดีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ซง่ึ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการมีเจตคตทิ ่ีดตี อ่ การประกอบอาชีพ มดี ังนี้ 10. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน 1 สควรา้ามงมรน่ั าคยงไแดก้่ชแวีลิตะ ศึกษาและดําเนินการวิเคราะหขอมูลจาก 2 ๓ รเขจู้ ้าักกปบั รสบั งั ตควัม หนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 5 โดยมหี วั ขอ ดังน้ี เข้าใจเกย่ี วกบั ระบบงาน 1. ประโยชนที่ไดรับจากการมีเจตคติที่ดีตอ และภาระงาน การประกอบอาชพี สจุ รติ 2. ตวั ชว้ี ดั ของเจตคตทิ ด่ี ตี อ การประกอบอาชพี ๔๕ สจุ รติ 11. ครูสุมนกั เรียน 2-3 คน เพอ่ื ตรวจสอบความ เขาใจของนักเรียน โดยครูคอยแกไขและให ขอเสนอแนะแกนกั เรียนวา “การมเี จตคตทิ ่ดี ี เกยี่ วกบั การประกอบอาชพี ยอ มสง ผลใหง าน ที่ไดรับมอบหมายสําเร็จลุลวงไปไดดวยดี อยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ และทาํ ใหม คี วามสขุ กบั การทํางาน โดยไมเกิดความรสู ึกเบอื่ หนาย” อมยีควา่ งายม่งัเจยรนื ญิ กา้ วหนา้ ประโยชน์ท ่ีได้รับจาก สในรก้าางรเสทรา� ิมงาเจนตคติท่ีดี การมีเจตคตทิ ี่ดตี ่อการ ๖ 8 ประกอบอาชพี 7 กอ่ ให้เกดิ พลังสามคั คี ท�างานรว่ มกับผู้อน่ื ได้อย่าง แสดงใหเ้ หน็ ค่านยิ ม1 เพ่ือความเป็นหนงึ่ เดยี ว มปี ระสทิ ธภิ าพ ในการประกอบอาชีพ การมีเจตคติที่ดีเก่ียวกับการประกอบอาชีพ ย่อมส่งผลให้งานท่ีได้รับมอบหมายส�าเร็จลุล่วง ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุขกับการท�างาน โดยไม่เกิดความรู้สึกยากล�าบาก หรือ เบอ่ื หนา่ ย นอกจากน ี้ ยงั ชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ ในการประกอบอาชพี ใหป้ ระสบผลสา� เรจ็ โลก 117 ของอาชีพ กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู ใหนักเรียนสัมภาษณผูท่ีประกอบอาชีพตางๆ 5 คน เก่ียวกับ 1 คานิยม เกิดจากความเชื่อของบุคคลท่ีเปล่ียนแปลงไปตามยุคสมัยและ ความรสู กึ ในการทาํ งาน โดยตง้ั คาํ ถามดว ยตนเอง 3-5 คาํ ถาม เชน กระแสสังคม โดยคานิยมของสังคมท่ีอาศัยอยูอาจทําใหบุคคลเลือกอาชีพ ตามคานยิ มมากกวาอาชพี ท่ตี นเองถนดั เพอ่ื ใหไ ดรับการยอมรบั จากครอบครวั • มีความสขุ ในการทาํ งานหรอื ไม เพราะเหตุใด หรอื สงั คมนัน้ ๆ • งานที่ทาํ เปน งานทีด่ หี รอื ไม เพราะเหตุใด • งานทท่ี ํามปี ระโยชนต อตนเองและสงั คมอยางไร คา นยิ มในการทาํ งานทสี่ าํ คญั เชน ทาํ งานทถ่ี นดั และชนื่ ชอบ ทาํ งานสาํ เรจ็ • เพราะเหตใุ ดจึงเลือกทาํ งานน้ี ตามเปาหมาย ทําประโยชนแกเพ่ือนรวมงาน ใชความรู ความสามารถอยาง จากนน้ั ใหน กั เรยี นสรปุ ขอ มลู ทไี่ ดร บั จากการสมั ภาษณ เพอื่ นาํ เสนอ เตม็ ที่ ทาํ งานและตดั สนิ ใจไดอ ยา งอสิ ระ ทาํ งานทที่ า ทาย พบปะผคู นหลากหลาย ผลงานใหเ พ่อื นชมหนา ช้ันเรยี น มีความปลอดภยั สงู มีความมนั่ คง ไดร บั การยอมรบั จากสังคม (กจิ กรรมนี้ สรางเสรมิ คณุ ลักษณะดา นความซื่อสตั ยสุจรติ ใฝเรยี นรู และมงุ ม่ันในการทาํ งาน) T127

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ ๔.๓ ตัวช้ีวดั ของเจตคติที่ดตี ่อการประกอบอาชีพสุจรติ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเร่ือง ตวั ชวี้ ดั ของเจตคตเิ ปน็ ขอ้ กา� หนด หรอื เปน็ พฤตกิ รรมทบี่ ง่ บอกความรสู้ กึ ตอ่ สง่ิ ใดสง่ิ หนงึ่ ไดแ้ ก่ กระบวนการตัดสินใจในการเลือกอาชีพวา “การ การมคี วามร้สู กึ ด ี เช่น รกั ชอบ ศรัทธาต่ออาชีพ และการมคี วามรสู้ กึ ไม่ด ี เช่น ไมร่ กั ไม่ชอบ วเิ คราะหต นเองและวเิ คราะหอ าชพี ทาํ ใหร บั รแู ละ ไมศ่ รทั ธาต่ออาชีพ ดงั นัน้ การประกอบอาชีพใหป้ ระสบความส�าเร็จมีตวั ชว้ี ดั ดงั น้ี ตีความขอมูลอยางละเอียดรอบคอบ จึงทําให มองเหน็ บคุ ลกิ ลกั ษณะของตนเอง อปุ นสิ ยั ความรู ๑) ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ซอื่ สตั ยก์ บั ตนเองและผอู้ น่ื ซง่ึ ผลของความซอ่ื สตั ยจ์ ะเปน็ การ ความถนดั ความสามารถ ทศั นคติ แนวทางการ ประกอบอาชีพวาควรตัดสินใจเลือกประกอบ สร้างความไว้วางใจให้กบั ผรู้ ่วมงาน เพื่อให้สามารถปฏบิ ัติงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ อาชพี ใดทเ่ี หมาะสมกบั ตนเองมากทส่ี ดุ ” ๒) ความรบั ผดิ ชอบ มคี วามรบั ผดิ ชอบในการทา� งาน มกี ารบรหิ ารเวลาในการทา� งาน ขนั้ ประเมนิ เพ่อื ใหง้ านส�าเรจ็ ตามเวลาท่ีก�าหนด 1. ครูตรวจใบงานท่ี 5.3.1 เรื่อง การตัดสินใจ เลอื กอาชีพของฉัน ๓) การตรงตอ่ เวลา เรม่ิ ตง้ั แต่การมาท�างานใหต้ รงเวลา เลิกงานตามเวลาที่ก�าหนด 2. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนักเรยี น และใช้เวลาในการทา� งานอย่างเตม็ ท่ี รวมท้งั ท�างานให้เสรจ็ ตามเวลาท่ีก�าหนด เร่ือง เจตคติที่ดีตอการประกอบอาชีพสุจริต จากการตอบคําถาม การแสดงความคิดเห็น ๔) ความขยันและอดทน มีความขยันและอดทนต่อความเหนื่อยยากและอุปสรรค รวมกันในชั้นเรียน และการปฏิบัติกิจกรรม ของนักเรียน ในการทา� งาน เพอื่ สรา้ งงานท่มี ีคณุ ภาพดีและมรี ายได้เพื่อใช้จ่ายและเก็บออม ๕) ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค ์ มคี วามคดิ แปลกใหม ่ เพอ่ื พฒั นาอาชพี ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ อยู่เสมอ โดยศกึ ษาขอ้ มูลจากแหลง่ ตา่ ง ๆ แลว้ นา� มาพฒั นางานของตนเองให้ดขี ้ึน ๖) ความต้งั ใจและมงุ่ ม่ันพยายาม เอาใจใส่ต่องาน รู้จกั วางแผน บรหิ ารจดั การงาน และตง้ั ใจทา� งานอยา่ งเตม็ ความสามารถ รวมทงั้ ตรวจสอบงานเพอ่ื ไม่ใหเ้ กดิ ความผดิ พลาด ๗) ความร่วมมือ ให้ความส�าคัญกับผู้ร่วมงาน ท�างานเป็นทีม ร่วมกันคิดวางแผน แบ่งหนา้ ทกี่ ารท�างานอยา่ งชัดเจน รบั ฟงั เหตผุ ล มีความสามคั คจี ะชว่ ยให้งานประสบผลสา� เรจ็ ๘) การปรับปรุงสมรรถนะ รู้จัก ปรบั ปรุงแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดทเี่ กิดขนึ้ และพัฒนา การทา� งานของตนใหม้ คี วามสามารถอย ู่ในระดบั ที่สงู ขน้ึ อยูเ่ สมอ ๙) การมมี ารยาท ให้ความเคารพ และใหเ้ กยี รติซึ่งกันและกนั ผ่านการปฏบิ ัตแิ ละ การแสดงออกทางวาจา ภาษา ทา่ ทาง รวมถึง พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ใหผ้ ้อู นื่ ได้เหน็ ซ่งึ นับเปน็ การ สรา้ งสัมพนั ธภาพท่ีดีตอ่ กนั การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ ์ใหด้ แู ปลกใหม ่ ตอ้ งอาศยั ความคดิ สร้างสรรค์ ซงึ่ เปน็ คุณสมบัติสา� คัญของนกั ออกแบบ 118 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคลและการสังเกต นักเรียนเห็นดวยหรือไมกับคํากลาวที่วา “ควรมีความศรัทธา พฤติกรรมการทํางานกลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทาย ตอ อาชีพทีท่ ํา” แผนการจัดการเรยี นรู หนว ยการเรียนรทู ่ี 5 (แนวตอบ เหน็ ดว ย เพราะความศรทั ธาในอาชพี จะชว ยใหท าํ งาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ไดอ ยางเตม็ ที่ เนือ่ งจากเห็นความสําคญั ของอาชีพนน้ั ๆ วา ทําให เกิดประโยชนท้ังตอตนเอง สังคม และประเทศชาติ ทําใหเกิด คาชี้แจง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ ผลงานท่ีมีประสิทธิภาพ มีความสุขในการทํางาน และใชชีวิต ตรงกบั ระดบั คะแนน ในการทาํ งานไดอ ยางราบรืน่ ) ตรงกบั ระดบั คะแนน ระดับคะแนน การมี 321 ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ช่ือ – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ของนักเรียน ความ ฟงั คนอนื่ ตามทีไ่ ด้รบั น้าใจ การ 15 1 การแสดงความคดิ เหน็ ลาดับที่ คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน 2 การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อืน่ ปรบั ปรุง 3 การทางานตามหนา้ ที่ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ผลงานกล่มุ 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงต่อเวลา 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ประเมิน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ............./.................../............... ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 8 - 11 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ T128

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๕ การสรา้ งอาชีพ ขนั้ นาํ (กระบวนการเรียนรูความรู ความเขาใจ) การสรา้ งอาชีพอย่างง่ายสามารถทา� ได้ โดยการนา� ความร้ ู ความเข้าใจ และทกั ษะกระบวนการ 1. ครถู ามกระตนุ ความสนใจของนกั เรียนวา ที่ได้เรยี นรจู้ ากการทา� งาน รวมทัง้ การน�าเทคโนโลยตี า่ ง ๆ เข้ามาใช ้ เพื่อสรา้ งสรรค์ผลงาน หรอื • นักเรียนเคยประกอบอาชีพใดบาง ผลติ ชน้ิ งานตามความสนใจ ความสามารถ และความพรอ้ มของตนเองมาจดั จา� หนา่ ย หรอื ใหบ้ รกิ าร (แนวตอบ ขายสินคาออนไลน รับจางทํา เพอ่ื สร้างรายได้ระหว่างเรียน เชน่ การประดิษฐข์ องใช ้ ของตกแตง่ จากวสั ดใุ นท้องถิ่น การแปรรปู รายงาน คา ขาย) ผลผลิตทางการเกษตร การจัดสวนในภาชนะ การประกอบอาหาร เพอื่ เสริมสร้างความเขา้ ใจและ เพือ่ ใหเ้ กิดทักษะที่จ�าเป็น มีประสบการณ ์ และเหน็ แนวทางในการประกอบอาชีพอยา่ งมคี ุณธรรม 2. ครูอธิบายเพ่ือเช่ือมโยงเขาสูบทเรียนวา “การ และมีเจตคติทีด่ ตี อ่ อาชพี ทต่ี นเองได้สร้างสรรค์อยา่ งภาคภมู ิใจ สรางอาชีพเปนการประกอบอาชีพอิสระท่ี สามารถสรา งรายไดใหก บั ผปู ระกอบอาชพี และ ๕.๑ ความสา� คญั ของการสร้างอาชพี นํามาซึ่งความสุขในการดํารงชีวิตของตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาต”ิ การสรา้ งอาชพี เปน็ การประกอบอาชพี อสิ ระทส่ี ามารถสรา้ งรายได้ ใหก้ บั ผปู้ ระกอบอาชพี นา� มา ซ่ึงความสขุ ในการดา� รงชวี ติ ของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ โดยการฝึกฝน ขน้ั สอน การสร้างอาชพี ในวัยเรยี นมีความส�าคัญ ดังนี้ ๑. ทา� ให้มรี ายได้เพอื่ จบั จ่ายใชส้ อยในสิง่ ท่จี า� เป็นส�าหรับตนเอง ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั ๒. ช่วยลดภาระค่าใชจ้ า่ ยของพอ่ แม่ และผูป้ กครอง ๓. สง่ เสรมิ การร้จู ักคณุ คา่ ของเงนิ ที่ได้จากการทา� งาน 1. ครใู หน ักเรยี นดูวีดทิ ัศน เรอ่ื ง อาชพี ในชุมชน ๔. ส่งเสริมการมีเจตคตทิ ่ีดีในการท�างาน จากน้ันครูถามนักเรียนวา ๕. ส่งเสริมการสรา้ งความมัน่ คงให้กบั ตนเองและครอบครวั • การประกอบอาชพี มคี วามสาํ คญั กบั นกั เรยี น ๖. ชว่ ยพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศให้เจรญิ ก้าวหนา้ อย่างยัง่ ยืน อยางไร (แนวตอบ สรา งรายไดใ หก บั ตนเอง ลดภาระ คา ใชจ า ยของผปู กครอง รจู กั คณุ คา ของเงนิ ) • นักเรียนเคยประกอบอาชีพเพ่ือสรางรายได หรอื ไม (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ นกั เรียน) การน�าเปลือกไข่มาประดิษฐเ์ ปน็ ของตกแตง่ บ้านและของทร่ี ะลกึ สามารถสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั เจา้ ของผลงานไดเ้ ปน็ อยา่ งดี โลก 119 ของอาชีพ ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู เพราะเหตุใด กอนเลือกประกอบอาชีพอิสระจําเปนตองทราบ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกย่ี วกบั การสรางอาชพี ใหน กั เรียนฟง วา การสรา งอาชีพ ถึงตลาดสินคา และกลุม ลูกคาเปาหมาย หรอื การทาํ งานเพอ่ื หาเลย้ี งชพี เปน สงิ่ นกั เรยี นทกุ คนตอ งพบเจอ ซงึ่ การประกอบ อาชีพนอกจากจะเปน การสรางรายไดแ ลว ยงั เปนการฝก ฝนตนเอง เพ่ือพัฒนา 1. จะไดหาทําเลทต่ี ั้งของสนิ คา ท่ีใกลท ี่สดุ ทกั ษะในการทาํ งานตา งๆ ทาํ ใหต นเองมีความสามารถท่ีหลากหลายขน้ึ หรือมี 2. เพ่ือใหไดขอมูลทเี่ กี่ยวขอ งกับอาชพี อสิ ระนัน้ ๆ ความคลองแคลวในการทําส่ิงตางๆ มากข้ึน โดยอาชีพเสริมที่สามารถทํา 3. เพอ่ื ทราบความตอ งการของลกู คา และมกี ลมุ ลกู คา เปา หมาย ทบี่ านได เชน ท่ชี ัดเจน • ขายของในอินเทอรเนต็ หรอื แอปพลเิ คชนั ตา งๆ 4. จะไดหาอาชพี ท่เี หมาะสมกบั ชมุ ชนและสภาพสังคม • รบั พมิ พงาน หรอื ออกแบบกราฟก • เขยี น Blog หรอื Review สนิ คา ในขณะนัน้ • ประดษิ ฐช้ินงาน งานฝม ือตางๆ งานแฮนดเมด (Handmade) • ขายสินคามือสอง ท้ังของตนเอง หรืออาจรับซ้อื มาขายดว ย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการทราบถึงตลาดสินคา และกลมุ ลกู คา เปา หมาย จะทาํ ใหส ามารถวางแผนในการขายสนิ คา หรอื บรกิ ารน้ันๆ ไดต รงกับความตองการของลูกคา มากทีส่ ุด) T129

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๕.๒ การเตรียมความพรอ้ มในการประกอบอาชพี อสิ ระ ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต ตระหนัก ผู้ท่ีจะประกอบอาชีพอิสระจะต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เก่ียวกับอาชีพท่ีสนใจ ความต้องการ ของตลาด การลงทนุ ในอาชพี นนั้ และตอ้ งมคี วามขยนั ตงั้ ใจทา� งาน มคี วามอดทน ปรบั ปรงุ กจิ การ 2. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเลา ประสบการณ ของตนเองให้ดอี ย่เู สมอ ดังนน้ั จึงควรเตรยี มความพรอ้ มสา� หรับการประกอบอาชีพ ดงั นี้ เกี่ยวกับการประกอบอาชีพขณะเรียนหนังสือ และประโยชนท่ีไดจากการประกอบอาชีพ ส�ารวจความพรอ้ มของตนเอง ใหเ พือ่ นฟง หนาชัน้ เรยี น 1  2  ๓ เปน็ การส�ารวจวา่ ตนเองมีความเหมาะสมและมีความพรอ้ มตามหัวข้อที่ก�าหนดมากนอ้ ยเพยี งใด 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การสรางอาชีพอยาง เงนิ ทนุ 1ใชเ้ งนิ ทนุ จา� นวน แรงงาน มีผู้ร่วมงาน วสั ด ุ อปุ กรณ ์ ใชเ้ ครอื่ งมอื งา ยๆ ของนักเรยี น สามารถทาํ ไดดวยการนาํ เท่าใด มีเงินทุนน้ันแล้วหรือไม่ ด้วยหรือไม่ ถ้าต้องมีจะหาได้ วัสดุ อุปกรณ์ ใด จ�านวนเท่าใด ความรู ความเขาใจ และทักษะกระบวนการ ถ้ามไี ม่พอจะหาได้จากแหลง่ ใด หรอื ไม่ หาซ้ือได้จากท่ีใด ที่เรียนรูดวยการสรางสรรค หรือผลิตชิ้นงาน ตามความสนใจ ความพรอมของตนเอง เชน ๔ ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ๕ วัตถุดิบ หาวัตถุดิบ ๖ สุขภาพ มีสุขภาพ การประดิษฐของใช ของตกแตงจากวัสดุใน ควรมีลกั ษณะอย่างไร มีสถานที่ จากแหลง่ ใด ราคาของวตั ถดุ บิ ร ่ า ง ก า ย แ ข็ ง แ ร ง ส ม บู ร ณ ์ ทอ งถนิ่ หรอื การแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร นั้นหรือไม่ ถ้าไม่มีจะแก้ปัญหา เป็นอย่างไร เพียงพอในการประกอบอาชีพ ทม่ี ลี นตลาด การทาํ อาหารสาํ เรจ็ รปู การปลกู อย่างไร 7  8 ท่ีเลอื กหรือไม่ พชื ผกั ปลอดสารพษิ การขายเครอ่ื งดม่ื การทาํ ขนมจําหนา ยในโรงเรียน” คณุ สมบตั ทิ จ่ี า� เปน็ ในอาชพี อาชพี ทเ่ี ลอื ก ความถนัด2 มีความ มีคุณสมบัติอย่างไร ตนเองมีคุณสมบัติครบถ้วน ถนดั มคี วามสามารถในอาชพี น้ี ขน้ั ที่ 2 วางแผนปฏบิ ตั ิ หรือไม่ หรอื ไม่ 9 เทคโนโลยี มีความรู้ 4. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ศกึ ษา ความสามารถในการใช้ คนควาขอมูลและดําเนินการวิเคราะหขอมูล ส�ารวจความเปน็ ไปไดข้ องอาชพี เทคโนโลยีมาสร้างสรรค์การ รว มกนั จากหนงั สอื เรยี น หนวยการเรยี นรทู ี่ 5 หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็ โดยมหี วั ขอ 1  2  ๓ เป็นการศึกษาขอ้ มลู พน้ื ฐานของกิจการ หรอื งานท่ีจะท�า ดังนี้ ทา� งานใหน้ ่าสนใจไดห้ รือไม่ ดงั น้ี ส่วนแบ่งการตลาด การขยายงาน  หรือ ความม่ันคงในอาชีพ 1. ความสาํ คญั ของการสรา งอาชพี อาชีพที่เลือกมีสถานท่ี หรือ กิจการ  พิจารณาว่าจะท�าได้ อาชีพที่เลือกมีความมั่นคงมาก 2. การเตรยี มความพรอ มในการประกอบอาชพี มีท�าเลท่ีสร้างรายได้หรือไม่ มี หรือไม่ จะพบปัญหาหรือ นอ้ ยเพียงใด จะคุ้มทนุ หรอื ไม่ อิสระ 3. แนวทางการสรา งอาชีพ ค่แู ขง่ มากน้อยเพยี งใด อุปสรรคใด จะใช้กลยุทธจ์ ูงใจ ลกู ค้าอย่างไร 120 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 เงินทุน เปนปจจัยสําคัญของการประกอบอาชีพ แหลงที่มาของเงินทุน การเตรียมความพรอ มในการประกอบอาชีพมปี ระโยชนอยา งไร สว นใหญจะมาจากเงินสะสมของผลู งทนุ เอง หรือรวมทนุ กับผอู ่ืน หรอื กูยืมจาก 1. ไดฝกทํางานตั้งแตวัยเรียน สถาบันการเงินตา งๆ 2. ชว ยใหต ัดสินใจไดอยางรวดเร็ว 2 ความถนดั แตล ะบคุ คลจะมคี วามถนดั ทแ่ี ตกตา งกนั บางคนคน พบความถนดั 3. เลือกอาชพี ทต่ี นเองสนใจและถนัดได จากการปฏบิ ตั งิ านตา งๆ ในชวี ติ ประจาํ วนั บางคนทาํ งานอดเิ รกจากความถนดั 4. ประกอบอาชพี ทีเ่ ปน ท่ียอมรับในสังคมได ของตนเอง ความถนดั ทค่ี น พบหากนาํ ไปใชใ หเ หมาะสมจะทาํ ใหไ ดเ ปรยี บในการ ทํางาน เชน ความถนดั ทางดา นคณติ ศาสตร ความถนดั ทางดา นการใชเหตผุ ล (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเตรยี มความพรอ มในการ สว นการประกอบอาชพี อสิ ระตามความถนดั ของตนเองจะเปน การนาํ ความถนดั ประกอบอาชีพ เปนการสํารวจความชอบ ความถนัดของตนเอง ไปใชใหเ กดิ ประโยชน เชน ผทู ่ีถนัดทาํ อาหารสามารถเปด รานอาหาร หรือรบั ส่งั รวมถึงขอมูลของอาชีพตางๆ ทําใหเลือกประกอบอาชีพท่ีสนใจ ทําอาหารได ผูท่ีถนัด หรือสนใจเก่ียวกับแอปพลิเคชันสามารถทํางานเก่ียวกับ ไดอ ยา งเหมาะสม) สรา งแอปพลเิ คชน่ั หรอื พฒั นาแอปพลเิ คชนั ได ผทู ถี่ นดั รอ งเพลง หรอื เลน ดนตรี สามารถเปน นักรอง นักดนตรี นักแตง เพลง หรือโปรดวิ เซอรไ ด T130

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Know More ขนั้ สอน อาชีพที่นา่ สนใจ ในแตล่ ะปมี อี าชพี ใหมๆ่ ทน่ี า่ สนใจเกิดข้นึ ตลอดเวลา ทำาใหอ้ าชีพเกา่ บางอาชพี ได้รบั ความนิยม ข้ันที่ 2 วางแผนปฏบิ ัติ น้อยลงตามความต้องการของตลาดทเี่ ปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา โดยอาชพี ทนี่ า่ สนใจ มดี ังนี้ 5. ครูใหนักเรียนแตละคนศึกษาเพิ่มเติมเร่ือง ช่างภาพ อาชพี ทส่ี นใจจากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรู ท่ี 5 หนา 121 เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดร จู กั อาชพี ใหมๆ รบั ถา่ ยภาพในงานตา่ งๆ เชน่ งานรบั ปรญิ ญา งานมงคล ในปจจุบัน ไดเรียนรูถึงลักษณะของอาชีพ สมรส งานอีเวนต์ ถ่ายภาพสินค้า นางแบบ โดย คณุ สมบตั ขิ องอาชพี นนั้ ๆ จากนนั้ ครเู สนอแนะวา คุณสมบัติเด่นของผู้ประกอบอาชีพนี้ คือ รักในการ ในวยั ของนกั เรยี น สามารถประกอบอาชพี เพอื่ ถา่ ยภาพ มีความคดิ สร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบ สรา งรายไดร ะหวา งเรยี นได โดยครยู กตวั อยา ง อาชพี ใหน ักเรียนไดด ูจาก PowerPoint ม.1 ขายสนิ ค้าผา่ นชอ่ งทางตา่ งๆ เช่นข เาฟยซสบินุ๊ก1 ค(F้าaอcอeนboไลokน)์ 6. ครูใหนักเรียนวิเคราะหตนเองวามีคุณสมบัติ อินสตาแกรม (Instagram) ท้ังเจ้าของธุรกิจและ ท่ีเหมาะสมกับอาชีพดังกลาวหรือไม โดยครู ตวั แทนจาำ หนา่ ย โดยคณุ สมบตั เิ ดน่ ของผปู้ ระกอบอาชพี สุมนักเรียน 2-3 คน ออกมาเลาใหเพ่ือนฟง น ้ี คอื เขา้ ใจความตอ้ งการของตลาดกระตอื รอื รน้ มคี วาม หนาช้ันเรียน จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรม รับผดิ ชอบ มีใจรกั ในงานบริการ ในแบบวัดฯ ม.1 กจิ กรรมที่ 5.1 ธุรกจิ เก่ยี วกับอาหาร 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมระดมสมองเพ่ือสราง อาชพี ในการจดั จาํ หนา ยสนิ คา ภายในสถานศกึ ษา เปดิ เปน็ รา้ นอาหาร รา้ นขนม รา้ นเครอ่ื งดมื่ ทม่ี คี ณุ ภาพ กลมุ ละ 1 อาชพี โดยแบง หนา ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ สะอาด รสชาตดิ ี โดยคณุ สมบตั เิ ดน่ ของผปู้ ระกอบอาชพี นี้ ตามความเหมาะสม และบันทึกขอมูลลงใน คอื มคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ มคี วามชาำ นาญ มที กั ษะในการ ใบงานที่ 5.4.1 เร่ือง การสรางอาชีพ ประกอบอาหาร ฟรแี ลนซ์ รบั จา้ งอสิ ระไมข่ นึ้ กบั หนว่ ยงาน หรอื บรษิ ทั ตอ้ งจดั ตาราง2 งานเอง เชน่ การดแู ลเวบ็ ไซต ์ การเขยี นบทความ นกั รวี วิ สินค้า โดยคุณสมบัติเด่นของผู้ประกอบอาชีพนี้ คือ มที กั ษะในการสอ่ื สาร มคี วามนา่ เชอ่ื ถอื มกี ารจดั การทดี่ ี โลก 121 ของอาชีพ ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู หากตอ งการประดษิ ฐส นิ คา เพอื่ จาํ หนา ยควรมกี ารวางแผนอยา งไร 1 เฟซบกุ กอต้ังขึน้ เม่ือวันที่ 4 กุมภาพนั ธ ค.ศ. 2004 โดย มารก เอลเลยี ด 1. ประดิษฐสนิ คา ทช่ี อบและเปน ท่ีตองการของตลาด ซักเคอรเ บริ ก (Mark Elliot Zuckerberg) เปนบรกิ ารเครอื ขา ยสังคมทม่ี ีคนใช 2. ประดิษฐส ินคา ทสี่ ามารถผลติ ไดครง้ั ละมากๆ มากที่สดุ โดยขอ มลู เมือ่ วนั ท่ี 4 มกราคม พ.ศ. 2554 เฟซบุกมจี าํ นวนสมาชิก 3. ประดษิ ฐส ินคา ทส่ี วยงามและมรี าคาสูง ประมาณ 59 ลานคนจากทั่วโลก 4. ประดษิ ฐสนิ คา จากวัสดุเหลอื ใชเ ทา นนั้ 2 รีวิว หรือ Review เปนการแบงปนประสบการณที่ไดรับจากการอุปโภค บริโภคส่ิงหนึ่ง หรือหลายส่ิงเพ่ือใหผูอื่นทราบ โดยอาจเปรียบเทียบผลิตภัณฑ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการประดษิ ฐส นิ คา เพอ่ื จาํ หนา ย หลายชนดิ ซง่ึ สว นใหญจ ะเปน ความคดิ เหน็ สว นบคุ คล การรวี วิ สนิ คา หรอื บรกิ าร จําเปนตองเลือกประดิษฐสินคาใหสามารถจําหนายได มีความ นับเปน ขอมูลท่ีมีสว นชว ยผอู นื่ ในการตดั สินใจซือ้ หรือใชบริการนนั้ ๆ เชน รวี ิว นา สนใจ เปน ที่ตองการของตลาด และมคี วามแข็งแรงทนทาน) สนิ คา รีวิวรานอาหาร รีววิ ทีพ่ กั โดยการรวี ิวนน้ั สามารถนาํ เสนอเปนบทความ ภาพถา ย และคลปิ วิดีโอ ข้ึนอยกู ับความตองการของผทู รี่ ีวิว การรวี วิ จงึ นบั เปน ส่ืออยางหนึ่งท่ีผูบริโภคควรไตรตรองใหดีกอนท่ีจะเช่ือถือ เพราะเปนเพียงการ แสดงความคดิ เห็นจากบคุ คลหนงึ่ หรือกลมุ บคุ คลหนงึ่ เทานั้น T131

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๕.๓ แนวทางการสร้างอาชีพ ขนั้ ท่ี 2 วางแผนปฏิบัติ เชน่ กปารระสดริษ้าฐงส์อง่ิาขชอีพงใ นเคขรณ่อื ะงทใชี่ก้ �าขลอังงศเึกลษน่ า อขยอู่นงช้ันา� รส่วายม1 าปรลถกู ปพรชืะกผอกั บ ปอลากูชไีพมอ้ดิสอรกะไไดม้อ้ปยร่าะดงหบั ล จาก�าหหนล่าายย เครอื่ งดมื่ ทา� ขนมจา� หนา่ ยในโรงเรยี น เพราะมปี จั จยั ทเี่ ออื้ อยา่ งมากมาย เชน่ สถานท ่ี แหลง่ จา� หนา่ ย 8. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ วา “การเตรยี มความพรอ ม ลูกค้าทจี่ ะมาใช้บริการ เชน่ ครู เพ่อื น บุคลากรอ่ืน ๆ ในการประกอบอาชีพอิสระ ผูประกอบอาชีพ นกั เรยี นสว่ นใหญอ่ าจยงั ไมม่ บี ทบาทและความรบั ผดิ ชอบทจี่ ะตอ้ งประกอบอาชพี แตเ่ มอ่ื เตบิ โต ควรศกึ ษาขอ มลู ตา งๆ เกย่ี วกบั อาชพี ใหค รบถว น ข้นึ เปน็ ผ้ ูใหญ่ ก็จะมีโอกาสประกอบอาชีพต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ เพ่อื สร้างรายได้ โดยการสํารวจความพรอมของตนเอง เชน ใหส้ ามารถเล้ียงดตู นเองและครอบครัวได ้ ดงั นัน้ การเรยี นรู้ ทา� ความเข้าใจ และไดม้ โี อกาสเข้าไป เงนิ ทนุ แรงงาน วสั ดุ อปุ กรณ วตั ถดุ บิ สขุ ภาพ สัมผัสกบั อาชีพตา่ ง ๆ นอกจากจะเปน็ พนื้ ฐานใหเ้ ขา้ ใจวา่ อาชพี นน้ั ๆ ปฏบิ ตั กิ นั อยา่ งไรแลว้ ยงั ชว่ ย คณุ สมบตั ิ ความถนดั สถานทปี่ ระกอบการ และ ปลกู ฝงั ในเรอ่ื งความรบั ผดิ ชอบ ความมวี นิ ยั ความอดทน การรจู้ กั คณุ คา่ ของเงนิ เวลา และประโยชน์ สาํ รวจความเปน ไปไดข องอาชพี เชน สว นแบง ต่อการด�ารงชวี ติ หรอื นา� ความร้ทู ี่ได ้ไปพัฒนาเพม่ิ พูนเป็นอาชีพจริงในอนาคต การตลาดการขยายงานหรอื กจิ การความมนั่ คง ในอาชีพ” ขนั้ ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ 9. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ แผนงานการสรา ง อาชีพใหครูตรวจสอบเพื่อทําการปรับปรุง แกไขผลงานใหม ีประสิทธิภาพมากยิ่งขน้ึ 10. ครใู หข อ เสนอแนะกบั นกั เรยี นวา “การประกอบ อาชพี ทด่ี ี สง่ิ ทคี่ วรมขี ณะประกอบอาชพี ไดแ ก ความซ่ือสัตย ทุกคนควรมีความซื่อสัตยตอ ตนเองขณะประกอบอาชพี การควบคมุ อารมณ และความรสู กึ ของตนเอง” การปลกู พชื ผักและผลไม้ เปน็ วธิ ีหนึ่งในการสร้างรายได้ ให้กบั ตนเองและครอบครัว สามารถทา� เองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน อาชพี มคี วามสา� คญั ตอ่ ความเปน็ อยขู่ องมนษุ ยท์ กุ คน การประกอบอาชพี ใหป้ ระสบ ความส�าเรจ็ ผปู้ ระกอบอาชีพจะตอ้ งมีเจตคตทิ ี่ดีต่ออาชีพท่ที �า เห็นความสา� คัญของอาชีพ ในการสร้างรายได้ เพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคง ในชวี ิต สามารถด�ารงชวี ติ ไดอ้ ย่างมคี วามสุข มีอนาคตท่สี ดใส ดังนน้ั จงึ ควรเลือกอาชีพ ทเี่ หมาะสมกับตนเอง มีการเตรยี มความพร้อม โดยศึกษาการประกอบอาชพี เพ่อื ใช้เปน็ แนวทางในการเลอื กประกอบอาชพี หรือสร้างอาชีพใหก้ บั ตนเองในอนาคต 122 นักเรียนควรรู กิจกรรม 21st Century Skills 1 ของชาํ รว ย เปน ของทเ่ี จา ภาพใหต อบแทนแขกผทู มี่ ารว มงาน เชน งานเลย้ี ง 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4-5 คน สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ ฉลองมงคลสมรส การผลิตของชาํ รว ยน้นั ควรเริม่ จากการศึกษาขนบธรรมเนียม การประกอบอาชีพยุคใหมตามความสนใจกลุมละ 1 อาชีพ ประเพณีของคนในสังคม คานิยมของสังคม ประโยชนของของชํารวย โดยแตละกลุม ตองเลอื กอาชพี ไมซา้ํ กัน ความตองการของตลาด เพือ่ ใหผ ลติ ของชํารว ยออกมาตรงใจกับผทู ่ีตองการนาํ 2. ใหนักเรยี นแตละกลมุ ศึกษาขอ มลู ของอาชพี ทเ่ี ลือก ดังนี้ ไปใชมากทสี่ ดุ • ชือ่ อาชีพ • ลกั ษณะงาน • เงินเดือน • การเตบิ โตและความมัน่ คง โดยทวั่ ไปของชาํ รว ยจะเปนของตกแตง หรอื ของใชท่มี ขี นาดเลก็ เพ่อื ความ • ความเปนทต่ี อ งการของตลาด สะดวกในการแจกและการรับ ไอเดยี ของชาํ รวยทีน่ าสนใจ เชน สบู เทียนหอม 3. ใหนักเรียนสัมภาษณผูท่ีประกอบอาชีพนั้น เพื่อใหไดขอมูล ตะเกยี บ ถุงผา ตนไมจิว๋ ในขวด ครมี ทามือ ใบชา นา้ํ ผึง้ นํ้าตาล ท่ีเปด ขวด เพ่มิ เติมทน่ี า สนใจ ปายหอยกระเปา และจะตองมีบรรจุภัณฑที่สวยงาม สะดวกตอการถือในงาน 4. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ออกมานาํ เสนอผลงานหนา หากเปนของทีท่ ุกคนสามารถใชประโยชนไ ดงายกจ็ ะเปน ทพี่ งึ พอใจตอผรู ับ ช้ันเรียน แลวเขียนสรุปขอมูลเปนแผนพับ หรือรูปแบบท่ีสนใจ นําสง ครูผูสอน T132

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กิจกสรรรา้ มงสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ ๕.1 ขนั้ สอน ใบมอบหมายงานที่ ข้ันท่ี 4 พฒั นาความรู ความเขาใจ เรือ่ ง ความรู้เกี่ยวกบั งานอาชพี 11. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสํารวจความพรอม ค�าช้แี จง ปฏบิ ัตงิ านเปน็ รายบคุ คล โดยตอบค�าถามในประเด็นที่กา� หนดให ้ ดังน้ี ของตนเอง และสมาชิกภายในกลุมเก่ียวกับ ๑. การประกอบอาชีพมคี วามส�าคญั อย่างไร เงินทุน แรงงาน วัสดุ อุปกรณ วัตถุดิบ ๒. การประกอบอาชพี รบั จา้ งและการประกอบอาชพี อิสระมีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร และการแนะนําสนิ คา ๓. หากตอ้ งการประกอบอาชีพท่ตี นเองสนใจ จะมแี นวทางการเลือกอาชพี อย่างไร ๔. เจตคตทิ ด่ี ตี อ่ การประกอบอาชีพประกอบไปด้วยส่งิ ใด และมคี วามส�าคญั อยา่ งไร 12. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย ๕. การเตรียมความพรอ้ มในการประกอบอาชพี มวี ธิ ีการปฏิบัติอยา่ งไร เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การดาํ เนนิ การตา งๆ ในการ สรางอาชีพ ๕.2 ใบมอบหมายงานที่ 13. ครใู หน กั เรยี นทาํ ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง เทคโนโลยีกับอาชพี โดยใหนักเรียนจัดจําหนายสินคาภายใน สถานศกึ ษาตามแผนงานทไี่ ดว างไว และบนั ทกึ ค�าชีแ้ จง ปฏบิ ตั ิงานเป็นรายบุคคล รายรบั -รายจา ยทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการจดั จาํ หนา ย ๑. เลือกอาชพี ทีต่ นเองสนใจ ๑ อาชีพ สินคา แลวนาํ สงครผู สู อนในชั่วโมงถดั ไป ๒. ศ กึ ษาขอ้ มูลเก่ียวกบั อาชีพท่ตี นเองสนใจ เช่น ลกั ษณะของอาชพี คุณสมบตั ิท่จี �าเป็นส�าหรบั การประกอบอาชพี นี ้ เทคโนโลยีท่ีจ�าเปน็ หรอื เก่ยี วขอ้ งกบั การประกอบอาชพี น้ี 14. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน ๓. สา� รวจและวิเคราะห์ตนเองวา่ มีความเหมาะสมกบั อาชพี ทส่ี นใจหรือไม่ หนวยการเรยี นรูท่ี 5 ๔. ห ากต้องการประกอบอาชีพน้ีควรฝึกฝนตนเองทางด้านใด และสามารถน�าเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ ใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ การทา� งาน หรอื การประกอบอาชีพน้ีไดอ้ ย่างไร จงยกตัวอย่าง โลก 12๓ ของอาชีพ กจิ กรรม สรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนหาบทสัมภาษณเก่ียวกับอาชีพ หรือธุรกิจที่สนใจ ครูใหนักเรียนจัดทําปายนิเทศในช้ันเรียนและในสื่อออนไลนที่นักเรียน นาํ มาสรปุ ถงึ วธิ กี ารทาํ งาน วธิ คี ดิ และเจตคตติ อ การประกอบอาชพี สามารถเขา ไปชมได โดยใหขอมูลเกีย่ วกบั อาชพี ตา งๆ ในยุคปจจุบัน ทัง้ ภาพ ของบุคคลน้นั ทําลงในกระดาษ A4 นําสง ครผู ูสอน และขอมูลเกี่ยวกับอาชีพน้ันๆ รวมถึงขอมูลเก่ียวกับความตองการแรงงาน ในแตละสาขาอาชีพ อาชีพทีม่ คี วามตองการนอยลง มคี วามเส่ยี งท่ีจะไมม ีงาน กจิ กรรม ทาทาย หรือถูกปลดออกจากงาน และแนวโนมความตองการแรงงานในอนาคตอีก 5 ป 10 ป หรือ 20 ป เพ่ือเปนขอมูลพ้ืนฐานใหนักเรียนใชพิจารณาวางแผน ใหนักเรียนนําเสนอแนวทางการสรางอาชีพของตนเองใน การประกอบอาชพี ในอนาคต รูปแบบท่ีสนใจ เชน แผนพับ คลิปวิดีโอ โดยมีรายละเอียด เกย่ี วกบั การเตรยี มความพรอ มของตนเอง จากนนั้ นาํ เสนอผลงาน T133 ใหเ พ่อื นและครชู มหนาชัน้ เรยี น

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ ๕.๓ ใบมอบหมายงานท่ี ขน้ั ที่ 5 สรปุ เรื่อง โครงงานการสรา้ งอาชีพด้วยตนเอง 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเรื่องการสราง ค�าช้ีแจง ปฏิบัติงานกลมุ่ อาชพี วา “อาชพี มคี วามสาํ คญั ตอ ความเปน อยู ๑. แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละเท่า ๆ กัน จดั ทา� โครงงานอาชีพ กลมุ่ ละ ๑ โครงงาน ของมนษุ ยท กุ คน การประกอบอาชพี ใหป ระสบ ๒. แตล่ ะกลมุ่ วางแผนเพ่ือจดั ทา� โครงงาน ความสําเรจ็ ผปู ระกอบอาชพี จะตองมเี จตคติ ๓. บนั ทกึ การปฏิบตั ิโครงงานตามหวั ขอ้ การทา� โครงงานที่ก�าหนดให ้ ดงั น้ี ทดี่ ตี อ อาชพี เหน็ ความสาํ คญั ของอาชพี ในการ สรางรายได เพื่อเปนการเล้ียงชีพและการ • ชือ่ โครงงาน สรางความมั่นคงใหกับตนเองและครอบครัว • ช่ือผ้ดู �าเนนิ โครงงาน เพอ่ื ใหสามารถดํารงชีวิตไดอยางมีความสขุ ” • ชื่อครูทป่ี รกึ ษาโครงงาน • หลกั การและเหตผุ ล 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมสรางสรรคพัฒนา • วัตถปุ ระสงค์ การเรียนรูจากหนังสือเรียน เพื่อพัฒนาความ • เปา้ หมาย เขา ใจของนกั เรยี นเปน การบา น นาํ สง ครผู สู อน • รปู แบบโครงงาน ในช่วั โมงถัดไป • ระยะเวลา • สถานที่ด�าเนนิ งาน ขนั้ ประเมนิ • งบประมาณ • วิธีดา� เนินงาน 1. ครตู รวจใบงานที่ 5.4.1 เรอ่ื ง การสรางอาชีพ • แผนปฏบิ ัตงิ าน 2. ครตู รวจแบบวดั ฯ ม.1 กิจกรรมที่ 5.1 • ผลทค่ี าดวา่ จะได้รับ 3. ครตู รวจชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) การจดั • ปญั หาและแนวทางแก ้ไข จาํ หนา ยสินคา ภายในสถานศึกษา 4. ครูตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการ เรยี นรทู ี่ 5 5. ครตู รวจความรู ความเขา ใจจากการทาํ กจิ กรรม สรา งสรรคพ ัฒนาการเรียนรู 12๔ แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม Mini Project ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมและการทําชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใหน กั เรยี นเลอื กอาชพี ทส่ี นใจมา 3 อาชพี พรอ มหาขอ มลู ของทงั้ (รวบยอด) การจัดจําหนายสินคาภายในสถานศึกษา โดยศึกษาเกณฑการวัด 3 อาชพี และระบุประเภทของอาชีพนั้นๆ และประเมินผลทแี่ นบทายแผนการจัดการเรยี นรู หนว ยการเรียนรทู ี่ 5 2. ใหนักเรียนเลือกอาชีพที่นักเรียนชอบมากที่สุดจาก 3 อาชีพ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบประเมินการจัดนิทรรศการ : การสร้างอาชีพ ทีเ่ ลอื ก และระบุแนวทางในการเลือกอาชพี นั้นๆ คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี แบบประเมินการจัดนิทรรศการ : การสรา้ งอาชีพ 3. อธิบายการประกอบอาชีพที่เลือก เพื่อใหการประกอบอาชีพ ง 2.1 ม.1/1 อธิบายแนวทางการเลอื กอาชีพ ประสบความสาํ เร็จ ตรงกบั ระดับคะแนน ง 2.1 ม.1/2 มีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อการประกอบอาชพี ง 2.1 ม.1/3 เห็นความสาคญั ของการสร้างอาชพี 4. นําขอมูลทั้งหมดมาสรุป เพื่อนําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนา การมี ชน้ั เรียน ลาดบั ท่ี ชอ่ื – สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม รายการ เกณฑ์การประเมนิ (ระดบั คุณภาพ) ระดบั ของนักเรียน ความ ฟงั คนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ บั น้าใจ การ 15 ประเมนิ คุณภาพ คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน 1. การจาหนา่ ยสินคา้ ปรับปรงุ ภายในโรงเรียน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ดีมาก ผลงานกลมุ่ 2. ทากจิ กรรมรว่ มกบั ดาเนนิ การจดั จาหนา่ ยสนิ คา้ ดาเนินการจดั จาหน่ายสินคา้ ดาเนนิ การจดั จาหน่ายสนิ คา้ ดาเนินการจัดจาหน่ายสินคา้ ดี สมาชกิ ภายในกลมุ่ พอใช้ 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ดว้ ยความเสยี สละ ภายในโรงเรียนไดด้ มี าก ภายในโรงเรยี นได้ถูกตอ้ ง ภายในโรงเรียนไดค้ ่อนข้าง ภายในโรงเรยี นไดไ้ มถ่ ูกต้อง ปรับปรงุ 3. แนวทางการเลอื ก อาชพี ถกู ต้องตามกระบวนการทางาน ตามกระบวนการทางาน ถกู ตอ้ งตามกระบวนการทางาน ตามกระบวนการทางาน 4. การสรา้ งอาชพี มีความเสยี สละในการทา มีความเสียสละในการทา มคี วามเสียสละในการทา ไมม่ คี วามเสียสละในการทา กจิ กรรมร่วมกบั สมาชกิ ภายใน กจิ กรรมรว่ มกบั สมาชกิ ภายใน กจิ กรรมรว่ มกบั สมาชิกภายใน กิจกรรมร่วมกบั สมาชิก 5. เห็นความสาคญั กลุ่มไดด้ ีมาก กลุ่มไดด้ ี กลุ่มไดค้ อ่ นข้างดี ภายในกลมุ่ ต่อการสร้างอาชพี สามารถอธบิ ายแนวทาง สามารถอธบิ ายแนวทาง สามารถอธบิ ายแนวทาง ไมส่ ามารถอธบิ ายแนวทาง การเลอื กอาชีพไดด้ ีมาก การเลือกอาชีพไดด้ ี การเลอื กอาชีพไดค้ ่อนขา้ งดี การเลอื กอาชพี ได้ การสร้างอาชีพของนกั เรยี น การสรา้ งอาชพี ของนกั เรยี น การสรา้ งอาชพี ของนกั เรียน การสร้างอาชีพของนักเรยี น ไดผ้ ลลัพธ์ถูกตอ้ งตาม ได้ผลลัพธถ์ ูกต้องตาม ไดผ้ ลลพั ธต์ ามการวางแผน ไม่ได้ผลลัพธ์ตามการวางแผน การวางแผนไวด้ ีมาก การวางแผนไวด้ ี ไวค้ ่อนขา้ งดี ไว้ นักเรยี นเห็นความสาคัญ นักเรยี นเหน็ ความสาคญั นกั เรียนเหน็ ความสาคญั นกั เรียนไม่เห็นความสาคัญ ตอ่ การสร้างอาชพี ดมี าก ตอ่ การสรา้ งอาชพี ดี ตอ่ การสรา้ งอาชีพคอ่ นข้างดี ต่อการสรา้ งอาชพี ลงช่ือ...................................................ผู้ ประเมิน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ............./.................../............... ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 17-20 ดมี าก เกณฑ์การให้คะแนน 13-16 ดี ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน 7-12 พอใช้ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 1-6 ปรับปรงุ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง T134

บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ, ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน. ๒๕๕๑. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระ การเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลย.ี กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. เกสร  ธติ ะจาร.ี ๒๕๔๓. การออกแบบเครอ่ื งประดับ. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร.์ แจ็คแมน, แอน. ๒๕๕๐. ทำ� ใหส้ ำ� เรจ็ : จดั ระบอบการท�ำงานและระเบียบชวี ิตให้บรรลุประสิทธผิ ลสูงสดุ . แปลและเรียบเรยี งโดย จริ ะพล ฉายัษฐติ . กรงุ เทพมหานคร : ซีเอ็ดยเู คชนั่ . ณฐั กิตต์  ธรรมเจริญ. ๒๕๔๕. สง่ิ ประดิษฐ์จากภูมปิ ัญญาไทย. กรงุ เทพมหานคร : ซเี อ็ดยเู คชั่น. ดำ� รงศักด์ิ  ชัยสนิท. ๒๕๔๒. การเก็บรักษาสินคา้ . กรงุ เทพมหานคร : วงั อกั ษร. . ๒๕๔๓. การจดั จำ� หน่ายการกระจายสินค้า. กรงุ เทพมหานคร : วงั อกั ษร. ธงชัย  เจียมผุก และคณะ. ๒๕๔๖. หมวดวิชา พัฒนาอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพมหานคร : บรรณกิจ ๑๙๙๑. บ้านและสวน. ๒๕๔๕. บา้ นสสี ด : คู่มอื การจัดและตกแต่ง. กรุงเทพมหานคร : บ้านและสวน. มนตรี  สมไร่ขิง. ๒๕๕๑. ชุดการเรียนรู้เพ่ือเสริมสร้างกระบวนการท�ำงานช่าง ช่วงชั้นที่ ๓ (ม.๑-ม.๓). นครปฐม : โรงเรียน รตั นโกสินทรส์ มโภชบวรนเิ วศศาลายา ในพระสังฆราชูปถมั ภ.์ สง่ เสริมการมีงานทำ� , กอง. กรมการจดั หางาน. ๒๕๔๐. คมู่ ือการแนะแนวอาชพี . (เอกสารเยบ็ เล่ม). ศิริรตั น์  สมไร่ขงิ . ๒๕๕๑. เอกสารประกอบการเรยี นรสู้ าระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ หนง่ึ โรงเรียนหนง่ึ ผลติ ภณั ฑ์. นครปฐม : โรงเรยี น รัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศศาลายา ในพระสังฆราชูปถัมภ.์ โอะช,ิ โทะโยะโกะ. ๒๕๖๑. เคล็ดลบั งานบ้าน เลม่ เดียวเอาอยู่!. กรงุ เทพมหานคร : อนิ สปายร์. เออื้ มพร  วสี มหมาย. ๒๕๒๖. หลกั การจดั สวนเบอ้ื งตน้ Landscape Design. กรงุ เทพมหานคร : ศรเี มอื งการพมิ พ.์ Arne Maynard and Anne de Verteuil. 2004. Garden Design Details. London: Conran Octopus. Atlanta Bartlett. 2000. The RelaxedHome. London: Ryland Peters & Small. David B. Guralnik. 1984. Webster’s New World Dictionary. New York: Simon & Schuster. Hearst Corporation. 1968. Popular Mechanics Do-It-Yourself Encyclopedia Volume 1-16. New York:The Hearst Coporation. Jane Clarke. 2014. Complete Family Nutrition. London : Dorling Kindersley. P. Bryans and T.P. Cronin. 1983. Core Business Studies Organizaion Theory. London: Mitchell BeazleyPublishers. Reader’s  Digest. 1997. How to do Just About Anything. New York: The Reader’s Digest Association. Smith, D.M. 1994. DO-IT-YOURSELF MANUL. North Sydney: Murdoch Book. Thailand’s National Science and Technology Development Agency. 1998. Application of Technology Foresight. Bangkok: Nationnal Science and Technology Development Agency. Xu Sufang. 2001. Design Technology Lower Secondary. Singapore: Educational Publishing House. T135

สื่อขอ้ มูลอิเลก็ ทรอนิกส์ ซีอารซ์ ีไทวสั ด.ุ ๒๕๕๕. เคล็ดลับการท�ำความสะอาดพนื้ ผวิ ต่าง ๆ ภายในบ้าน. (ออนไลน)์ . สืบคน้ เมือ่ ๒๔ สงิ หาคม ๒๕๖๑. จาก http://www.homeworks.co.th/howto5html ไทยทคิ เก็ตเมเจอร์. ๒๕๖๑. จดั สวนดว้ ยไม้ดอกหอม รู้ทศิ รูม้ ุมมสี วนหอมท้ังปี. (ออนไลน)์ . สืบค้นเม่ือ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๖๑. จาก http://www.thaiticketmajor.com/variety/lifestyle/9577/ ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ. ๒๕๕๘. ผงซกั ฟอกภัยเงยี บจากครัวเรือน. (ออนไลน์). สบื ค้นเมอ่ื ๒๔ สงิ หาคม ๒๕๖๑. จาก http://www2.thaihealth.or.th/Content/26211- สำ� นักงานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสริมสขุ ภาพ. ๒๕๕๕. สารพิษในพลาสตกิ ปนเป้ือนอาหาร. (ออนไลน)์ . สืบคน้ เม่ือ ๒๔ สงิ หาคม ๒๕๖๑. จาก http://www.thaihealth.or.th/Content/18232- อ๊ัคโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย). ๒๕๖๑. ไอเดียแต่งห้องนอนของคุณด้วยสแี หง่ ปี ๒๐๑๘. (ออนไลน)์ . สบื ค้นเม่อื ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก https://www.dulux.co.th/th/colour-inspiration/4-ways-to-use-colour-of-the-year-in-your-bedroom Estopolas. ๒๕๖๑. ๒๐ ไอเดยี จัดสวนถาดแคคตัส. (ออนไลน์). สบื ค้นเมอื่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๖๑. จาก https://www.estopolis.com/ article/20-ไอเดีย-การจดั สวนถาดจากต้นแคคตัส-กระบองเพชร T136


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook