มหา ิวทยาลัยราชภัฏหมู่ ้บานจอมบึง ความหลากชนดิ ของหอยทากบกในบรเิ วณถ้ำเขาบิน จังหวดั ราชบุรี อุเทน จนั ละบุตร (หัวหน้าโครงการ) เบญจวรรณ นาหก (ผ้รู ว่ มวจิ ยั ) งานวจิ ยั นไี้ ด้ผ่านการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง และได้รบั ทุนอดุ หนนุ การวจิ ยั จากมหาวิทยาลัยราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏหม่บู ้านจอมบึง พ.ศ. 2563 ลขิ สทิ ธเ์ิ ปน็ ของมหาวทิ ยาลัยราชภัฏหมู่บา้ นจอมบงึ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงความหลากชนดิ ของหอยทากบกในบรเิ วณถ้ำเขาบิน จงั หวดั ราชบุรี อุเทน จนั ละบุตร (หัวหน้าโครงการ) เบญจวรรณ นาหก (ผ้รู ว่ มวจิ ยั ) งานวจิ ยั นไี้ ด้ผ่านการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง และได้รบั ทุนอดุ หนนุ การวจิ ยั จากมหาวิทยาลัยราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏหม่บู ้านจอมบึง พ.ศ. 2563 ลขิ สทิ ธเ์ิ ปน็ ของมหาวทิ ยาลัยราชภัฏหมู่บา้ นจอมบงึ
ก ช่ือเรอื่ ง ความหลากชนิดของหอยทากบกในบริเวณถำ้ เขาบนิ จงั หวัดราชบรุ ี ผู้วจิ ัย นายอเุ ทน จนั ละบุตร และ นางสาวเบญจวรรณ นาหก สาขาวชิ า วทิ ยาศาสตร์ทว่ั ไป ปกี ารศึกษา 2563 บทคัดยอ่ ศกึ ษาความหลากชนิดของหอยทากบกในพืน้ ทถี่ ำ้ เขาบิน อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยทำ การสมุ่ วางแปลงเก็บตวั อย่างในพน้ื ท่ีทัง้ 2 ฟากฝงั่ ของเทอื กเขาหินปนู ด้วยวิธีการตแี ปลง (line transect) ขนาด 20 x 20 เมตร จำนวน 6 แปลง ในชว่ งฤดฝู น เดอื นมถิ นุ ายน - กนั ยายน พ.ศ. 2563 ผลการศึกษาพบหอยทากบกทั้งหมด 1,083 ตัวอยา่ ง จำแนกได้ 2 กลมุ่ คอื หอยทากบกท่มี ฝี าปดิ เปลือก (Subclass Prosobranchia) 1 วงศ์ 2 สกลุ 2 ชนิด ได้แก่ Cyclophorus sp. และ Cyclotus sp. และหอยทากบกทไี่ มม่ ีฝาปดิ เปลอื ก (Subclass Pulmonata) 5 วงศ์ 6 สกุล 6 ชนดิ ไดแ้ ก่ Sarika sp., Cryptozona siamensis, Landouria sp., Pupina sp., Oophana sp. และ Prosopeas sp. ซึ่ง Cyclophorus sp. เปน็ ชนิดที่พบจำนวนมากทีส่ ุด 291 ตัวอย่าง (27%) และ Prosopeas sp. พบ จำนวนนอ้ ยทีส่ ุด 1 ตวั อยา่ ง (0.1%) ประชากรหอยทากบกในพนื้ ทม่ี ีความหนาแน่น 0.45 ตัว/ตาราง เมตร ดัชนีความร่ำรวยของชนิด (Species richness) มคี า่ เทา่ กับ 1.00 ดัชนคี วามหลากชนิด (Diversity index) ของ Shannon-Wiener (H’) มีค่าเท่ากับ 1.01 ดชั นคี วามเด่น (Dominance index) มคี า่ เทา่ กบั 0.23 ดัชนคี วามสมำ่ เสมอของชนิด (Evenness index) มีคา่ เทา่ กับ 0.48 และดชั นี ความคลา้ ยคลึง (Similarity index) มคี า่ ตั้งแต่ 10.90 – 94.44 คำสำคัญ : หอยทากบก, ถ้ำเขาบิน, เขาหินปนู , ความหลากชนดิ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
ข Research Title Species diversity of land snails at areas of Khao Bin Cave in Ratchaburi Province Researcher Mister Utain Chanlabut and Miss Benchawan Nahok Program General Science มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง Academic Year 2020 ABSTRACT Species diversity of land snails were studied from the areas of Khao Bin Cave in Ratchaburi Province. Six plots of 20x20 m, were used to collect specimens from two areas of limestone in rainy season during June to September 2020. Totally, 1,083 specimens belonging to 2 Subclass, 1 families, 2 genera and 2 species of Subclass Prosobranchia including Cyclophorus sp. and Cyclotus sp., and 5 families, 6 genera and 6 species of Subclass Pulmonata including Sarika sp., Cryptozona siamensis, Landouria sp., Pupina sp., Oophana sp. and Prosopeas sp. The highest abundance species is Cyclophorus sp. (291 specimens or 27%) and the lowest abundance species is Prosopeas sp. (1 specimen or 0.1%). Ecological indices were also analyzed, comprise, Density = 0.45 individuals/m2, Species richness (Margalef index) = 1.00, Shannon-Weiner diversity index (H′) = 1.01, dominance species (Simpson’s diversity Index) = 0.15, Evenness index = 0.48 and Similarity index (Bray – Curtis) among each plots range from 10.90 – 94.44. Keywords : Land snail, Khao Bin Cave, limestone, species diversity
ค กิตตกิ รรมประกาศ งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากงบประมาณรายได้ประจำปี พ.ศ. 2563 จากสำนักวิจัยและ พัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง คณะผู้วิจัยขอขอบพระคุณองค์การบริหารส่วนตำบล หินกอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ผู้รับผิดชอบพื้นที่เขาบิน ที่อำนวยความสะดวกในการเข้าเก็บ ตัวอยา่ งงานวิจยั คร้ังนี้ ขอขอบคุณทีมเก็บตัวอย่าง ได้แก่ นางสาวสิริภัทร กายแก้ว นางสาวฐิติพร กายแก้ว นางสาวกานต์ชนก ดีพรม นายคงกระพันธ์ ไชยทองศรี และนายศุภณัฐ บุตรราช ที่ให้ความช่วยเหลือ ในการตีแปลงและเกบ็ ตวั อย่างจนงานวิจัยสำเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี ขอขอบคุณคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และ ห้องปฏิบัติการสังขวิทยา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่เอื้อเฟ้ือ สถานที่ อุปกรณ์ และเจา้ หนา้ ทีห่ ้องปฏิบตั กิ ารทอี่ ำนวยความสะดวกในการทำวิจยั ในครง้ั น้ี คณะผ้วู ิจัย 1 สิงหาคม 2563 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
ง สารบัญ หน้า บทคดั ยอ่ ภาษาไทย…………………………………………………………………………………………… ก บทคดั ยอ่ ภาษาอังกฤษ…………………………………………………………………………………….... ข กติ ตกิ รรมประกาศ……………………………………………………………………………………………. ค สารบัญ……………………………………………………………………………………………………………. ง สารบัญตาราง…………………………………………………………………………………………………… ฉ สารบญั ภาพประกอบ………………………………………………………………………………………… ช มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทที่ 1 บทนำ …………………………………………………………………………………………………………..... 1 ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา …………………………………………………….……….. 1 วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั …………………………………………………….……………………………. 2 ขอบเขตของการวจิ ยั …………………………………………………….………………………………….. 2 ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั …………………………………………………….………………………….. 2 สถานท่ดี ำเนินการศึกษา …………………………………………………….…………………………….. 3 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง .................................................................................. 4 สัตว์กลมุ่ หอย ................................................................................................................. 4 หอยทากบก ................................................................................................................... 7 อนุกรมวธิ านของหอยทากบก ........................................................................................ 11 ถน่ิ ท่อี ยอู่ าศัยของหอยทากบก ....................................................................................... 13 ความหลากหลายของหอยทากบกในประเทศไทย ......................................................... 14 ถำ้ เขาบิน ....................................................................................................................... 15
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง จ สารบัญ หน้า บทที่ 3 วิธดี ำเนินการวิจัย ......................................................................................................... 18 วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละสารเคมี ............................................................................................... 18 วธิ ดี ำเนนิ การศึกษา ....................................................................................................... 18 การวิเคราะห์ค่านิเวศวทิ ยาเชิงปรมิ าณ .......................................................................... 21 4 ผลวจิ ยั และอภปิ รายผล …………………………………………………………………………………… 24 สภาพพนื้ ทเี่ ก็บตวั อยา่ ง ………………………………………….................................................. 24 จำนวนและชนิดของหอยทากบกท่ีพบบริเวณถ้ำเขาบิน …………………………………………. 25 ความชกุ ชมุ และความหนาแน่นของหอยทากบกทพ่ี บบริเวณถำ้ เขาบิน ……………………. 29 ดัชนคี วามร่ำรวยของหอยทากบกท่ีพบบริเวณถ้ำเขาบนิ ............................................... 34 ดัชนีความหลากชนดิ ของหอยทากบกท่พี บบรเิ วณถำ้ เขาบิน ......................................... 36 ดัชนีความเดน่ ของหอยทากบกทพี่ บบรเิ วณถ้ำเขาบิน.................................................... 37 ดัชนคี วามสมำ่ เสมอของหอยทากบกท่พี บบริเวณถ้ำเขาบนิ .......................................... 38 ดัชนีความคล้ายคลึงของสังคมหอยทากบกที่พบบริเวณถ้ำเขาบนิ ................................. 40 ความหลากหลายทางชีวภาพของหอยทากบกทพ่ี บบริเวณถำ้ เขาบนิ ............................ 41 5 สรุปผล และขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................ 44 สรุปผลการวิจยั ............................................................................................................. 44 ความชุกชมุ และความหนาแน่นของหอยทากบกทพี่ บบริเวณถำ้ เขาบิน ......................... 45 ความหลากหลายทางชวี ภาพ......................................................................................... 45 ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................. 46 บรรณานุกรม ................................................................................................................ 47
ฉ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4.1 จำนวนตัวและชนิดหอยทากบกทั้งหมดที่พบในบริเวณพื้นที่ถ้ำเขาบิน อำเภอเมือง จังหวดั ราชบุรี .......................................................................................................... 27 4.2 จำนวนตวั และชนิดของหอยทากบกทง้ั หมดทพ่ี บบริเวณถ้ำเขาบนิ .......................... 30 4.3 ดัชนีความหลากชนิดของหอยทากบกทั้งหมด (living shells + empty shells) ท่ี พบบรเิ วณถ้ำเขาบิน ................................................................................................. 39 4.4 ดชั นคี วามคล้ายคลึงของสงั คมหอยทากบกในแปลงเกบ็ ตัวอยา่ งทง้ั 6 แปลง .......... 40 4.5 ดชั นคี วามหลากชนิดของหอยทากบกในพ้นื ที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย .................... 43
ช สารบัญภาพประกอบ หน้า ภาพประกอบที่ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2.1 สัตว์ในไฟลมั มอลลัสกา (Mollusca) ...................................................................... 6 2.2 การบดิ ตวั กลับของอวยั วะภายใน (Torsion) ของหอยฝาเดยี ว .............................. 7 2.3 ลักษณะภายนอกโดยทั่วไปของหอยทากบกไม่มีฝาปิดเปลือก (Subclass Pulmonata) .......................................................................................................... 8 2.4 ลักษณะภายนอกโดยทั่วไปของหอยทากบกมีฝาปิดเปลือก (Subclass Prosobranchia) .................................................................................................... 8 2.5 เปลือกหอยทากบกแบบต่างๆ A, เปลือกแบนราบและส่วนยอดบุ๋ม (biconcave); B, เปลือกทรงแบนราบ (discoidal); C, เปลอื กทรงสามเหล่ียมป้าน (depressed); D,เปลือกรูปโค้งหรือรูปโดม (dome); E, เปลือกรูปปิรามิด (heliciform); F, เปลือกรูปไข่ (pupilliform); G, เปลือกทรงปิรามิดทรงสูง (elongate heliciform); H, เปลือกรูปไข่ทรงรียาว (bulimoild, conical) และ I, เปลือกทรง เกลียวเชือกสงู (elongate conic) .......................................................................... 9 2.6 โครงสรา้ งเปลอื กหอยฝาเดยี ว ................................................................................. 10 2.7 การขดวนของเปลอื กหอย ....................................................................................... 10 2.8 ลวดลายตา่ ง ๆ บนเปลอื กหอย ................................................................................ 11 2.9 หอยหอม (Cyclophorus sp.) ................................................................................ 12 2.10 หอยทากสยาม (Cryptozona siamensis) ............................................................ 12 2.11 แมงลิ้นหมา (Semperula sp.) ............................................................................... 13 2.12 A หอยนกขมิ้นสกุล Amphidromus เกาะอยู่ใต้ใบไม้; B หอยขัดเปลือกสกุล Sarika เกาะอยใู่ ต้ขอนไม้ผ;ุ C หอยหางด้นิ สกลุ Durgella เกาะอยู่บนตน้ ไม้ ........ 14 2.13 แผนที่ธรณวี ิทยาจงั หวดั ราชบุรี ............................................................................... 17 3.1 จดุ วางแปลงเก็บตัวอยา่ งบรเิ วณถำ้ เขาบินและพ้ืนที่ใกล้เคยี ง จงั หวัดราชบรุ .ี .......... 19 3.2 รปู แบบการเดินเก็บตวั อย่างในแปลงเกบ็ ตัวอย่างขนาด 20 x 20 เมตร .................. 20
ซ สารบญั ภาพประกอบ หน้า ภาพประกอบท่ี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4.1 บริเวณจดุ เกบ็ ตวั อยา่ งแรกของพน้ื ท่ีถ้ำเขาบิน (แปลงเก็บตวั อยา่ งที่ 1 – 4) 24 4.2 บริเวณจดุ เก็บตัวอย่างทีส่ องอกี ด้านของฝ่ังถ้ำเขาบนิ (แปลงเก็บตวั อยา่ งที่ 5 – 6) 25 4.3 สัดส่วนของจำนวนตวั อย่างที่พบท้ังหมดในแปลงเกบ็ ตวั อยา่ ง …………………………… 26 4.4 หอยทากบกที่พบบรเิ วณถ้ำเขาบนิ จงั หวดั ราชบรุ ี …………………………………………… 28 4.5 ความชุกชมุ สัมพทั ธ์ (%) ของหอยทากบกในพ้นื ทเ่ี ขาบิน ………………………………….. 32 4.6 ความหนาแนน่ (ตัว/ตารางเมตร) ของหอยทากบกในพนื้ ท่ีเขาบนิ …………………….. 33 4.7 ดชั นีความรำ่ รวย (species richness) ของหอยทากบกในพน้ื ท่ีเขาบนิ ……………… 35 4.8 ดัชนีความหลากชนิด (Diversity index) โดย Shannon-Wiener (H') ของหอย ทากบกในพื้นทีเ่ ขาบนิ …………………………………………………………………………………. 36 4.9 ดัชนคี วามเดน่ (Dominance index) โดย Simpson’s diversity Index ของหอย ทากบกในพืน้ ทเี่ ขาบนิ …………………………………………………………………………………. 38 4.10 ดชั นีความสม่ำเสมอ (Evenness index) ของหอยทากบกบรเิ วณพ้นื ทีเ่ ขาบิน…….. 39
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทที่ 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา หอยทากบก (Land snails) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrate) จัดอยู่ในไฟลัม มอลลัสกา (Phylum Mollusca) ชั้นแกสโทรโปดา (Class Gastropoda) หรือชั้นของหอยฝาเดียว ซึ่งนับว่ามีจำนวนชนิดมากที่สุด โดยคิดเป็นประมาณ 70% ของสัตว์กลุ่มหอยทั้งหมด (จิรศักดิ์ สุจริต และ สมศักด์ิ ปัญหา 2551 : 13) หอยทากบกนั้นมีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมากในฐานะ ของผู้บริโภคลำดับที่หนึ่ง (Primary consumers) ในห่วงโซ่อาหาร นอกจากนี้ในทางการแพทย์หอย ทากบกก็จัดเป็นโฮสต์ตัวกลาง (Intermediate host) ของพยาธิหลายชนิด (Lu et al., 2018 : 2 ; Tesana et al., 2009 : 983) จึงถือได้ว่าหอยทากบกเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อระบบนิเวศและการ ดำรงชพี ของมนษุ ย์ ในปัจจุบันการศึกษาความหลากชนิดของหอยทากบกนั้นเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานท่ี สามารถต่อยอดเป็นข้อมูลเชิงวิชาการ เชิงการอนุรักษ์ เชิงการท่องเที่ยว และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ สามารถนำมาบูรณาการข้อมูลเข้าด้วยกัน เป็นการส่งเสริมให้มีการตระหนักถึงทรัพยากรที่มีอยู่ใน ท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ศึกษาที่เป็นลักษณะภูเขาหินปูน ถ้ำ ซึ่งมีลักษณะเชิง นิเวศวิทยาท่ีมีความจำเพาะ จะสามารถพบสิ่งมีชีวิตหรือหอยทากบกที่เป็นชนิดประจำถิ่น (endemic species) มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถพบได้ในพื้นที่นั้น ๆ องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาความหลาก ชนิดจะเป็นประโยชน์ในการจัดทำบัญชีรายการหอยทากบก และฐานข้อมูลทรัพยากรความ หลากหลายทางชีวภาพ ทำให้สามารถใช้เป็นข้อมูลช่วยในการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวใน พน้ื ทน่ี ้ัน ๆ ได้ และทส่ี ำคญั ยังเปน็ การทำงานรว่ มกนั กับภาคทอ้ งถิ่นได้อกี ด้วย จังหวัดราชบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ที่มีความจำเพาะของพื้นที่ ซึ่ง ประกอบด้วยสัณฐานทางธรณีวิทยาของภูเขาหินปูน (karst topography) ที่มีความโดดเด่นและเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ถ้ำเขาบิน เขางู ถ้ำจอมพล เป็นต้น (กรมทรัพยากรธรณี, 2551 : 34) เขาบินเป็นภูเขาหินปูนตั้งอยู่ในบริเวณตำบลหินกอง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีสัณฐาน ทางธรณีวิทยาที่สำคัญ คือ ถ้ำเขาบิน เกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินที่ไหลผ่านเป็นเวลานานทำให้ เกิดเป็นโพรงลึกเข้าไปในชั้นดิน (กรมทรัพยากรธรณี, 2551 : 39) ภายในประกอบไปด้วยโถงถ้ำที่มี หินงอกหนิ ย้อยที่สวยงาม ซึ่งเปน็ สถานทที่ อ่ งเทีย่ วท่ีมีชื่อเสยี งของจังหวัด และภายนอกถำ้ กถ็ กู ปกคลมุ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2 ไปด้วยปา่ ไม้ที่มคี วามสมบรู ณ์ และเป็นพ้นื ทที่ ยี่ ังไม่เคยมกี ารศกึ ษาความหลากชนดิ ของหอยทากบกมา ก่อน นอกจากธรณีสัณฐานที่มีความโดดเด่น ถ้ำเขาบินยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่ได้รับการประกาศให้ เป็นมรดกทางธรรมชาติในท้องถิ่นซึ่งควรอนุรักษ์ในระดับประเทศ (สำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2560 : ม.ป.น.) การศึกษาความหลากชนิดของหอยทากบกใน บริเวณถ้ำเขาบินครั้งนี้จะสามารถใช้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมในการส่งเสริมด้านการอนุรักษ์เชิงพื้นที่และการ ท่องเทยี่ วเชิงนิเวศในระดับทอ้ งถ่ินตอ่ ไป วัตถุประสงคข์ องการวิจยั 1. เพอ่ื ศึกษาความหลากชนดิ ของหอยทากบกบริเวณถ้ำเขาบิน ตำบลหินกอง อำเภอเมอื ง จังหวดั ราชบรุ ี 2. เพือ่ เปรยี บเทียบความหลากชนิดของหอยทากบกภายในพน้ื ทีบ่ รเิ วณถ้ำเขาบนิ ตำบล หนิ กอง อำเภอเมอื ง จังหวัดราชบรุ ี ขอบเขตของการวจิ ัย ศึกษาความหลากชนิดของหอยทากบกในบริเวณภายนอกถ้ำเขาบิน ตำบลหินกอง อำเภอ เมืองราชบรุ ี จงั หวัดราชบรุ ี ด้วยวิธกี ารวางแปลงเก็บตัวอย่างขนาด 20 x 20 เมตร จำนวน 6 แปลง ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั 1. ทราบถึงความหลากชนดิ ของหอยทากบกทม่ี ีการกระจายในบริเวณถ้ำเขาบนิ ตำบลหิน กอง อำเมือง จงั หวดั ราชบุรี 2. ทราบถึงนิเวศวทิ ยาและถน่ิ อาศัยของหอยทากบกที่มกี ารกระจายในบรเิ วณถำ้ เขาบนิ ตำบลหนิ กอง อำเมอื ง จังหวดั ราชบรุ ี
3 สถานท่ดี ำเนินการศกึ ษา 1. ถ้ำเขาบิน ตำบลหนิ กอง อำเภอเมืองราชบุรี จงั หวัดราชบุรี 2. ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ทั่วไป ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ คณะ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั หมูบ่ า้ นจอมบงึ 3. ห้องปฏิบตั ิการสงั ขวิทยา ภาควิชาชีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง การวิจยั เร่อื งความหลากชนิดของหอยทากบกบรเิ วณถำ้ เขาบนิ ในจังหวัดราชบุรี มที ฤษฎี และงานวิจยั ที่เกยี่ วข้องดงั ต่อไปน้ี - สัตว์กล่มุ หอย - หอยทากบก - อนุกรมวธิ านของหอยทากบก - ถ่ินทอ่ี ยู่อาศยั ของหอยทากบก - ความหลากหลายของหอยทากบกในประเทศไทย - ถำ้ เขาบนิ สตั วก์ ลมุ่ หอย หอยจดั อยูใ่ นไฟลัมมอลลัสกา (Phylum Mollusca) มสี มาชิกทีถ่ กู คน้ พบแลว้ 80,000– 100,000 ชนิด และคาดว่าจะมจี ำนวนสมาชกิ สูงถึง 200,000 ชนดิ หอยฝาเดยี วและหอยสองฝานับว่า เปน็ กล่มุ ใหญ่ที่สดุ มีจำนวนชนดิ ถงึ ร้อยละ 98 ของสัตวก์ ลมุ่ หอยทงั้ หมด อีกร้อยละ 2 ทีเ่ หลอื เป็นหมึก และสตั ว์จำพวกหอยอื่น ๆ (พนิ ิจ หวงั สมนกึ , 2543) 1. ลักษณะทวั่ ไปของสัตวก์ ลุ่มหอย สัตวจ์ ำพวกหอยเปน็ สตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั ลำตวั อ่อนนุ่มและไมเ่ ป็นข้อปล้อง โดยทั่วไป ร่างกายจะแบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื สว่ นหัวและสว่ นเทา้ ส่วนหัว (head) อย่ดู ้านหน้าสุด มปี ากและอวัยวะรับความรู้สึก เชน่ ตา (eyes) และ หนวด (tentacles) โดยทั่วไปแล้วสัตวก์ ลมุ่ นี้จะไมม่ สี ว่ นของลำตวั (body) เนื่องจากจะถูกห้มุ ดว้ ย เนอ้ื เยือ่ แมนเทลิ (mantle) ซ่ึงจะปกคลุมตัวและหอ่ หุม้ อวยั วะภายใน (visceral mass) ไว้ โดยมหี นา้ ที่ สำคญั คือ สร้างเปลอื ก หรือดัดแปลงไปเป็นทอ่ ไซฟ่อน (siphon) เป็นต้น สว่ นเทา้ (foot) อยทู่ างดา้ นท้อง (ventral) เปน็ กล้ามเนื้อที่แข็งแรงใช้ในการเคลื่อนที่ และยงั ใช้ในการขดุ พ้นื เพือ่ ใชฝ้ งั ตวั สำหรับหมกึ อวยั วะส่วนนี้จะเปลย่ี นไปเปน็ หนวด (tentacles) และ อย่ตู ิดกบั ส่วนหวั นอกจากนี้ยังมีลกั ษณะทสี่ ำคัญต่าง ๆ ได้แก่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5 1) มสี มมาตรแบบครง่ึ ซีก (bilateral symmetry) ร่างกายของหอยทากบกสามารถ แบง่ ครง่ึ ได้อยา่ งเทา่ กนั 2 ซกี ได้แก่ ซกี ซา้ ยและซกี ขวา 2) มีเนือ้ เย่อื 3 ชน้ั ชอ่ งตวั แบบแทจ้ ริง (eucoelomate animal) เนอื้ เยื่อของสตั ว์ จำพวกหอยมีช่องว่างอยูร่ ะหว่างกลางของเนอ้ื เย่ือช้นั กลาง (mesoderm) 3) ระบบทางเดนิ อาหารเปน็ แบบสมบูรณ์มปี ากและมที วารหนกั แตใ่ นหอยฝาเดียว ทางเดินอาหารจะขดเป็นรปู ตัวยู (U) ในชอ่ งปากมีอวัยวะเรียกแรดลู า (radula) ซึ่งเป็นสารจำพวกไค ติน (chitin) ชว่ ยในการขดู และกินอาหาร ยกเวน้ หอยสองฝาจะไมม่ ีแรดลู า เน่ืองจากกินอาหารโดยการ กรองกิน (filter feeding) กินแพลงกต์ อนและสารอนิ ทรยี ท์ ม่ี ากบั น้ำโดยใช้เหงือก (gills) 4) ระบบหายใจ พวกทอ่ี ย่ใู นนำ้ หายใจด้วยเหงอื ก ส่วนพวกทีอ่ ยบู่ นบกหายใจดว้ ย ปอดซง่ึ เปลีย่ นแปลงมาจากช่องของแมนเทิล หรืออาจใช้แมนเทลิ และผิวลำตวั ในการแลกเปลย่ี นก๊าซ 5) ระบบหมุนเวยี นโลหติ เป็นระบบเปิด (open circulatory system) หัวใจมี 2-3 หอ้ งทำหนา้ ทรี่ บั ส่งเลอื ด ในน้ำเลือดมีสารฮีโมไซยานิน (hemocyanin) มธี าตทุ องแดง (Cu) เปน็ องคป์ ระกอบ หรือในกลมุ่ หอยแครงมีฮโี มโกลบิน (hemoglobin) ที่มีธาตเุ หลก็ เป็นองคป์ ระกอบ ช่วย ในการลำเลียงออกซเิ จน 6) ระบบขบั ถ่าย ประกอบด้วยไต หรอื เนพฟรเิ ดยี (nephridia) 1 คู่ 7) ระบบประสาท โดยท่ัวไปประกอบดว้ ยปมประสาท 3 คู่ คอื ปมประสาททีห่ ัว (cerebral ganglion) ควบคมุ การทำงานของอวยั วะทสี่ ่วนหัว ปมประสาทท่เี ท้า (pedal ganglion) ควบคุมอวัยวะทีเ่ ท้าและการหดตัวของกลา้ มเนือ้ ซึ่งทำใหเ้ กดิ การเคลอ่ื นท่ี และปมประสาทท่ีอวัยวะ ภายใน (visceral ganglion) ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในต่าง ๆ 8) ระบบสบื พนั ธ์เุ ป็นแบบอาศยั เพศท้งั หมด โดยทั่วไปแลว้ เปน็ สัตว์แยกเพศ มบี าง ชนิดเป็นลกั ษณะท่มี สี องเพศในตวั เดียว เรยี กว่า กระเทย (hermaphrodite) การปฏสิ นธิมีทั้ง ภายนอกและภายในรา่ งกาย โดยทั่วไปแลว้ ออกลูกเป็นไข่ แต่มีบางชนดิ เทา่ น้ันท่อี อกลูกเปน็ ตัว 2. การจดั จำแนก สัตวใ์ นไฟลัมมอลลัสกา (Phylum Mollusca) มีความหลากหลายมาก (ภาพประกอบท่ี 2.1) สามารถแบง่ ออกเป็น 7 ชนั้ (Class) ดงั นี้ 1) Class Aplacophora ไดแ้ ก่ หอยหนอน หรอื worm–like mollusks 2) Class Monoplacophora ไดแ้ ก่ หอยฝาชโี บราณ 3) Class Polyplacophora ไดแ้ ก่ ลิ่นทะเล หรือ หอยแปดเกล็ด (chiton)
6 4) Class Gastropoda ได้แก่ พวกหอยฝาเดยี ว เปน็ พวกทม่ี จี ำนวนชนดิ มากท่สี ุด เชน่ หอยทากทะเล (welk) และหอยทากบก (land snails) 5) Class Bivalvia ไดแ้ ก่ พวกหอยสองฝา (clam) เช่น หอยนางรม หอยกาบ เป็นต้น 6) Class Scaphopoda ไดแ้ ก่ หอยงาชา้ ง (tusk shell or scaphopod) 7) Class Cephalopoda ไดแ้ ก่ หมึก (squid) หอยงวงช้าง (nautilus) และหอย งวงชา้ งกระดาษ ภาพประกอบที่ 2.1 สัตว์ในไฟลมั มอลลสั กา (Mollusca) ดดั แปลงมาจาก : (Bioscience, 2017 : unpaged) มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 7 หอยทากบก หอยทากบกเป็นหอยฝาเดียวทมี่ ีรูปรา่ งหลายแบบ สามารถคืบคลานไดด้ ้วยแผน่ เท้า ซง่ึ อยู่ ทางด้านลา่ งของลำตวั และมีลกั ษณะแบน หอยฝาเดียวส่วนใหญ่จะมเี ปลือกและอวยั วะภายใน (visceral mass) ที่ขดและบดิ เป็นเกลียวไปทางด้านขวามอื ซ่ึงเป็นผลของการบดิ ตวั กลับของอวยั วะ ภายใน (torsion) ทง้ั เปลอื กและอวยั วะภายในดงั กลา่ วจะบรรจุอยู่ทางดา้ นบนของลำตัว (ภาพประกอบที่ 2.2) ผลของการบิดตัวนี้ทำให้หอยฝาเดยี วมรี ปู รา่ งลักษณะทเ่ี หมาะสมในการ ดำรงชีวิตใหอ้ ยรู่ อดในสภาวะแวดลอ้ มได้ดขี น้ึ (สุชาติ อุปถัมภ์ และคณะ, 2538 : 48 - 105) ภาพประกอบท่ี 2.2 การบิดตวั กลับของอวัยวะภายใน (Torsion) ของหอยฝาเดียว ดัดแปลงมาจาก : (Brusca & Brusca, 2002 : 483) 1. ลักษณะทวั่ ไปของหอยทากบก รา่ งกายของหอยทากบกประกอบไปดว้ ยสองสว่ นสำคญั ท่ีไม่สามารถแยกจากกันได้ คือ สว่ นท่เี ปน็ ตัวหอยหรือเนอ้ื หอย และเปลือกหอย สำหรับสว่ นทเี่ ปน็ ตวั หอยน้ัน ประกอบไปดว้ ยส่วน หลกั ๆ คอื สว่ นลำตัวที่สามารถยืน่ ออกมานอกเปลือกไดซ้ งึ่ มอี วยั วะทสี่ ำคญั คือ หนวด (tentacles) จำนวน 2 คู่ (ภาพประกอบที่ 2.3) (สำหรับหอยใน Subclass Prosobranchia มหี นวดเพียงคู่เดยี ว และมตี าอยทู่ ่ีโคนหนวด) (ภาพประกอบที่ 2.4) ค่ทู ยี่ าวกวา่ จะอยู่ดา้ นบน ที่สว่ นปลายจะมีจดุ สดี ำอยซู่ ง่ึ เปน็ ดวงตาของหอย (eye spot) ทำหนา้ ท่ีรบั แสง และหนวดคสู่ ัน้ ซ่ึงอยู่ดา้ นล่างใกลๆ้ กบั ปาก ทำ หน้าทรี่ บั สารเคมี (chemo receptor) ทีล่ อยมาในอากาศหรอื ทีต่ ิดอยูต่ ามพืน้ หนวดคนู่ ี้นอกจากจะใช้ ในการดมกลิ่นหาอาหารแล้วยงั ใช้ในการตดิ ตามเหยอ่ื (หอยนักล่าสามารถรทู้ ศิ ทางและระยะเวลาที่ เหยื่อเดินผา่ นไปได้โดยอาศัยหนวดคนู่ ี้) และหาคผู่ สมพันธุอ์ กี ด้วย ถัดจากหนวดคูย่ าวมาทางด้านลา่ ง ทางซ้ายมือในหอยเวียนซา้ ยหรือทางขวามือในหอยเวียนขวา จะมชี อ่ งเปิดอวัยวะสืบพันธุ์ (genital opening) ซง่ึ จะเหน็ ไดช้ ัดในหอยทีเ่ ปน็ ตวั เต็มวัยและอยใู่ นฤดูผสมพันธ์ุ ตอ่ มาเปน็ อวยั วะท่ใี หญ่ท่สี ุด
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 8 คือ เท้า (foot) ซงึ่ มเี พียงอันเดียว ลักษณะเป็นกล้ามเนอื้ หนาและยืดหดได้ เม่ือเวลาหอยเคลอ่ื นทต่ี อ่ ม เมอื กที่เทา้ และสว่ นหัวจะขับเมอื ก (mucus) ออกมาทำใหล้ ืน่ เพอื่ ชว่ ยให้หอยเคล่อื นทไี่ ปบนเมือกได้ งา่ ยสว่ นสดุ ทา้ ย (mantle edge) ติดอยู่กับขอบปากเปลือกมชี อ่ งทีส่ ามารถเปดิ ปดิ ได้ (pneumostome) ใช้เปน็ ทางผา่ นของอากาศเข้าออกจากปอด และมที างเปิดของระบบขบั ถ่าย (anus) ทอี่ ยู่ใกลก้ บั ช่องนำอากาศเข้า-ออกนีด้ ว้ ย สำหรับตัวหอย ส่วนทเ่ี หลอื จะอยู่ภายในเปลือก ประกอบไปด้วยระบบอวยั วะท่ีสำคัญตา่ ง ๆ เช่น ระบบหายใจ ระบบยอ่ ยอาหาร ระบบขับถ่ายและ ระบบสืบพนั ธุ์ จงึ จำเป็นต้องมสี ว่ นของเปลอื กแข็งมาปอ้ งกนั (จริ ศกั ดิ์ สจุ ริต และ สมศกั ดิ์ ปัญหา, 2551 : 14) ภาพประกอบที่ 2.3 ลักษณะภายนอกโดยท่วั ไปของหอยทากบกไม่มีฝาปิดเปลือก (Subclass Pulmonata) ดัดแปลงมาจาก : (จิรศักดิ์ สุจรติ และ สมศกั ด์ิ ปญั หา, 2551 : 18) ภาพประกอบท่ี 2.4 ลกั ษณะภายนอกโดยทัว่ ไปของหอยทากบกมีฝาปดิ เปลือก (Subclass Prosobranchia) ดดั แปลงมาจาก : จริ ศักดิ์ สุจริต และสมศกั ด์ิ ปัญหา (2551 : 18)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 9 2. สณั ฐานวิทยาภายนอกของหอยทากบก หอยทากบกมลี กั ษณะรูปทรงของเปลือกท่แี ตกต่างกนั หลายรูปทรง (ภาพประกอบที่ 2.5) ซ่งึ เปลอื กหอยเป็นโครงสรา้ งท่แี ข็งแรงทนทาน ในการจัดจำแนกทางอนุกรมวธิ านของหอยทาก บกสว่ นใหญ่ใช้ลกั ษณะสณั ฐานวทิ ยาภายนอกของเปลอื กเปน็ หลัก หอยทากบกท่ีมีลักษณะเปลือกที่ คลา้ ยคลงึ กนั มักถูกจดั อยใู่ นกลมุ่ เดียวกนั แม่วา่ หอยทากบกบางกลมุ่ ยังคงมคี วามสบั สนอยเู่ น่อื งจาก เปลอื กของหอยทากบกมีความผนั แปรสงู ก็ตาม ภาพประกอบท่ี 2.5 เปลือกหอยทากบกแบบตา่ ง ๆ A, เปลอื กแบนราบและสว่ นยอดบมุ๋ (biconcave); B, เปลือกทรงแบนราบ (discoidal); C, เปลอื กทรงสามเหลย่ี มป้าน (depressed); D,เปลอื กรปู โคง้ หรื อรปู โดม (dome); E, เปลอื กรูปปริ ามิด (heliciform); F, เปลอื กรูปไข่ (pupilliform); G, เปลือกทรงปิ รามิดทรงสงู (elongate heliciform); H, เปลอื กรูปไข่ทรงรียาว (bulimoild, conical) และ I, เปลือก ทรงเกลยี วเชือกสงู (elongate conic) ดดั แปลงมาจาก : จริ ศักด์ิ สุจรติ และสมศกั ด์ิ ปญั หา (2551 : 24)
10 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงภาพประกอบท่ี 2.6 โครงสร้างเปลือกหอยฝาเดียว ดัดแปลงมาจาก : สุชาติ อปุ ถัมภ์ และคณะ (2538 : 50) โดยทัว่ ไปเปลอื กของหอยฝาเดยี วจะเปน็ ทรงกรวย มยี อดแหลมปิดตนั จดั เปน็ สว่ นยอดของ เปลือก (apex) ลักษณะของเปลอื กจะบิดเปน็ เกลยี ววนรอบแกน (columella) โดยจะเริ่มจากส่วน ยอดเปลือกวนเป็นชั้น ๆ เรียกเวริ ล์ (whorl) ช้นั ของขดหอยจากยอดเปลือกถงึ เวริ ล์ รองสุดท้าย เรยี กส ไปร์ (spire) เวริ ์ลสุดทา้ ยของเปลอื กหอยเรยี กบอดเี วริ ์ล (body whorl) บรเิ วณท่ีแตล่ ะเวริ ล์ มาแตะกนั เรยี กซเู ชอร์ (suture) ส่วนปลายแกนทีใ่ กล้ ๆ กับปากเปลอื กจะมีรู เรยี กอัมบลิ คิ สั (umbilicus) (ภาพประกอบท่ี 2.6) การขดวนของเปลอื ก สามารถดไู ด้เมอื่ หงายส่วนปากเปลอื ก (aperture) ขนึ้ ใหส้ ่วนยอด (apex) หนั ออกนอกตวั ผ้สู งั เกต และใหแ้ นวแกน (columella) ต้ังฉากกบั ตัวผูส้ งั เกต ถ้าพบวา่ ปาก เปลือกอย่ทู างดา้ นซ้ายมือของผ้สู งั เกต แสดงวา่ แนวการขดวนของเปลือกหอยจะเป็นไปในทศิ ทางทวน เข็มนาฬิกาหรือเวียนซ้าย (sinistral) และถ้าพบวา่ ปากเปลือกอยทู่ างขวามือของผูส้ ังเกต จะแสดงวา่ แนวการขดวนของเปลือกหอยจะเปน็ ไปในทศิ ทางตามเข็มนาฬิกาหรือเวยี นขวา (dextral) (ภาพประกอบท่ี 2.7) เวยี นซ้าย (Sinistral) เวยี นขวา (Dextral) ภาพประกอบที่ 2.7 การขดวนของเปลือกหอย ดดั แปลงมาจาก : สุชาติ อปุ ถมั ภ์ และคณะ (2538 : 65)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 11 ผิวด้านนอกของเปลือกจะมลี วดลายแตกต่างกันไป เช่น อาจมีลกั ษณะเปน็ หนาม ต่มุ รอย ย่น รอยบุม๋ มสี ัน หรอื มน ในหอยฝาเดยี วสว่ นใหญ่จะมเี ปลอื กเปน็ สพี น้ื แตก่ ็มบี างชนดิ ท่ีมลี วด ลาย เปน็ แถบสใี นแนวต้งั หรือแนวนอนของเปลอื ก เปน็ ตน้ (ภาพประกอบท่ี 2.8) ภาพประกอบท่ี 2.8 ลวดลายต่าง ๆ บนเปลือกหอย ดัดแปลงมาจาก : สชุ าติ อปุ ถัมภ์ และคณะ (2538 : 70) อนุกรมวธิ านของหอยทากบก หอยทากบก นับว่ามีความหลากหลายสูงท่สี ดุ ในสัตวก์ ลมุ่ หอยท้ังหมด พบได้ในถ่นิ ท่ีอยู่ อาศยั ทห่ี ลากหลายตั้งแตบ่ นพื้นดิน ใต้ใบไม้ ขอนไม้ ใต้กอ้ นหิน ภเู ขา ในถำ้ และในป่าเกอื บทุกประเภท หอยทากบกจัดอยใู่ นช้ันของหอยฝาเดยี ว (Class Gastropoda) โดยท่ัวไปแล้วแบง่ ออกเปน็ 2 กลุม่ หลัก ๆ คือพวกทม่ี ีฝาปิดเปลือก และพวกท่ไี มม่ ฝี าปิดเปลอื ก โดยอาศยั ลักษณะสำคัญในการแบง่ แยก คือ อวยั วะท่ีใช้ในการหายใจ และนอกจากนห้ี อยทากบกยังถกู จัดจำแนกออกเปน็ 3 Subclass ดว้ ยกัน ได้แก่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 12 1. หอยทากบกมฝี าปิดเปลือก (Subclass Prosobranchia) ลักษณะสำคัญ คอื มีฝาปดิ เปลือก (operculum) หายใจด้วยเหงอื กหรอื อวยั วะที่เปล่ยี นแปลงไปทำหนา้ ทีเ่ ฉพาะ ซ่งึ เกดิ จากสว่ น แมนเทิลท่พี ัฒนาไปเปน็ ปอด มหี นวดเพียงหนึง่ คู่ และมีตาอย่ทู โ่ี คนหนวด หอยกลมุ่ นม้ี กั พบอาศัยอยู่ บนบกในที่คอ่ นข้างชน้ื (สมศกั ด์ิ ปัญหา และคณะ, 2561 : 26) เช่น หอยหอม (Cyclophorus sp.) หอยงวงท่อ (Rhiostoma sp.) หอยเม็ดมะคา่ (Pollicaria sp.) เป็นตน้ (ภาพประกอบที่ 2.9) ภาพประกอบที่ 2.9 หอยหอม (Cyclophorus sp.) 2. หอยทากบกไมม่ ฝี าปิดเปลือก (Subclass Pulmonata) จดั ไดว้ ่าเป็นกลมุ่ หลักของหอย ทากบกและมีความหลากชนิดมากทสี่ ดุ และเปน็ กล่มุ ทม่ี ีววิ ฒั นาการของเนื้อเยอ่ื คลมุ ลำตัว (mantle) ไปเป็นอวยั วะที่ทำหน้าทใ่ี นการแลกเปล่ียนก๊าซคลา้ ยกับปอดในสตั วม์ ีกระดกู สันหลัง ลกั ษณะสำคญั คอื ไมม่ ีฝาปิดเปลือก มีหนวดสองคู่ และมีตาอยทู่ ีป่ ลายหนวดค่ยู าว เชน่ หอยทากสยาม (Cryptozona siamensis) หอยทากขัดเปลอื ก (Sarika sp.) เป็นต้น (ภาพประกอบท่ี 2.10) ภาพประกอบที่ 2.10 หอยทากสยาม (Cryptozona siamensis)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 13 3. หอยทากบกไม่มีเปลอื ก (Subclass Gymnomorpha) ลกั ษณะสำคัญคอื ส่วนมากเป็น พวกที่ไม่มีเปลือกหอ่ ห้มุ ร่างกาย มีหนวด 2 คู่เชน่ เดียวกบั กล่มุ หอยทากไม่มฝี าปิดเปลือก มีตาอยทู่ ่ี ปลายหนวดคยู่ าว หนวดเปน็ แบบหดได้ เช่น แมงลน้ิ หมา (Semperula sp.) ทากนกั ลา่ ซาราซนิ (Atopos sp.) เปน็ ตน้ (ภาพประกอบท่ี 2.11) ภาพประกอบที่ 2.11 แมงล้ินหมา (Semperula sp.) ถ่ินท่ีอยู่อาศยั ของหอยทากบก ถิน่ ทีอ่ ยอู่ าศยั โดยท่วั ไปพวกหอยฝาเดยี วสามารถแบง่ โดยถิน่ ที่อยูอ่ าศัยไดเ้ ป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ พวกท่ีอาศัยอยูใ่ นทะเลหรอื ป่าชายเลน ซ่ึงมีจำนวนชนิดและความหลากหลายมากท่ีสุด ถัดมา เปน็ พวกที่อาศัยอยใู่ นแหลง่ นำ้ จดื ตามทะเลสาบ ห้วย หนอง คลองบึงตา่ ง ๆ และสุดท้ายเป็นพวกที่ อาศัยอยบู่ นบก ซ่ึงจดั เป็นหอยกลมุ่ ทีม่ คี วามหลากชนดิ รองจากพวกทีอ่ าศัยอยูใ่ นทะเล โดยทว่ั ไปพวก หอยทากบกจะชอบอาศยั อยู่ตามพืน้ ท่ชี ุม่ ชื้น ตามขอนไมแ้ ละกิ่งไม้ผุ เชน่ Chloritis bifoveata (Benson, 1856) และ Tortulosa tortuosa (Beck, 1837) เศษซากใบไมผ้ ุ เชน่ พวกหอยงวงท่อสกุล Rhiostoma, หอยหอมสกลุ Cyclophorus และหอยขัดเปลอื กสกลุ Sarika เปน็ ตน้ พวกท่ีอาศัยอยู่ บนตน้ ไม้ตามก่ิงไม้ หรอื ใต้ใบไม้ทค่ี วามสูงจากพืน้ ต่าง ๆ กนั เชน่ หอยนกขมิน้ สกลุ Amphidromus, หอยหอมนอ้ ยสกลุ Leptopoma, หอยหางดิน้ สกลุ Durgella และหอยห่อเปลือกใหญส่ กลุ Megaustenia เป็นตน้ และพวกท่ีอาศยั เกาะอยตู่ ามผนงั เขาหินปูน เชน่ พวกหอยทากจ๋วิ ปากแตรสกุล Gyliotrachela, หอยกระสวยสกลุ Diplommatina และหอยคอหยักสกุล Alycaeus เป็นต้น โดยเรา สามารถพบเหน็ หอยทากบกกลุ่มตา่ ง ๆ ได้ ทว่ั ทุกภาคของประเทศไทย (ภาพประกอบที่ 2.12)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 14 ภาพประกอบที่ 2.12 A หอยนกขมิ้นสกลุ Amphidromus เกาะอย่ใู ต้ใบไม;้ B หอยขดั เปลอื กสกุล Sarika เกาะอยใู่ ตข้ อนไมผ้ ;ุ C หอยหางด้นิ สกลุ Durgella เกาะอยู่บนต้นไม้ ดดั แปลงมาจาก : Nahok (2020 : 12) ความหลากหลายของหอยทากบกในบริเวณภเู ขาหนิ ปูน จากการทบทวนงานวิจยั ท่มี คี วามเก่ียวข้องพบว่าหอยทากบกมกี ารกระจายตามระบบนิเวศ ตา่ ง ๆ ทวั่ ประเทศไทย โดยในบางแห่งจะพบกล่มุ หอยทากทีม่ ีความจำเพาะตอ่ พื้นทนี่ ั้น หรือหอยทาก บกบางชนิดก็สามารถพบได้ทั่วไปในทุกพืน้ ท่ี การศกึ ษาหอยทากบกในระบบนเิ วศต่าง ๆ สว่ นใหญ่ มงุ่ เนน้ ศกึ ษาความหลากชนดิ ของหอยทากบกกลมุ่ ตา่ ง ๆ เพ่อื สร้างเปน็ ขอ้ มูลพ้ืนฐานสำหรับการ บริหารจดั การทรพั ยากรทางชีวภาพร่วมกับชมุ ชนในท้องถ่ิน และจัดทำเป็นขอ้ มลู พ้นื ฐานสำหรบั นัก อนุกรมวิทยา นักสังขวิทยา รวมไปถงึ นักนิเวศวทิ ยา ใหส้ ามารถนำข้อมูลไปใช้ในการศึกษาและวิจยั ขนั้ ตอ่ ไป ชนดิ าพร ต้มุ ป่สี ุวรรณ และ ศักดิ์บวร ตุ้มป่ีสวุ รรณ (2553 : 14-19) ได้ศกึ ษาความหลากชนิด และความชกุ ชมุ ของหอยทากบกโดยการวางแปลงขนาด 20x20 เมตร จำนวน 3 แปลง (1 แปลง ต่อ 1 พนื้ ท่ี) ใน 3 ภเู ขาหินปนู ในจังหวดั หนองบวั ลำภู ไดแ้ ก่ (1) ภรู ัง (2) ภูเหล็ก และ (3) ภูวังทอง (ท้ัง 3 ปกคลุมด้วยป่าเบญจพรรณ) ไดผ้ ลการศกึ ษาดังน้ี (1) ภูรงั พบ 7 ชนดิ 293 ตวั อย่าง ชนิดทีพ่ บมากทีส่ ุด คือ Cyclotus sp.2 และชนิดทีพ่ บ นอ้ ยท่ีสดุ มี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ Pupina sp. และ Megaustenia siamensis ความหนาแนน่ ของประชากร หอยทากบก เทา่ กับ 0.7325 ดชั นีความหลากชนดิ (H’) เทา่ กับ 0.675 ดัชนีความเดน่ (Simpson’s index) เทา่ กับ 0.655
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 15 (2) ภเู หล็ก พบ 14 ชนดิ 50 ตวั อยา่ ง ชนิดทพ่ี บมากทสี่ ุด คอื Megaustenia siamensis และชนดิ ที่พบนอ้ ยท่ีสดุ 6 ชนิด ไดแ้ ก่ Pupina sp., Cyclophorus volvulus, Rhiostoma sp., Plectopylis sp., Sarika sp., Durgella sp. ความหนาแน่น เท่ากับ 0.125 ดชั นคี วามหลากชนดิ (H’) เทา่ กับ 2.290 ดัชนีความเดน่ (Simpson’s index) เทา่ กบั 0.127 (3) ภูวังทอง พบ 13 ชนิด 164 ตวั อยา่ ง ชนิดทีพ่ บมากทีส่ ุด คอื Cryptozona siamensis และชนดิ ทีพ่ บน้อยทส่ี ดุ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ Pupina sp., Pyramidarids ความหนาแนน่ = 0.41 ดชั นคี วาม หลากชนดิ (H’) เท่ากับ 1.760 ดชั นคี วามเดน่ (Simpson’s index) เทา่ กับ 0.271 กติ ติ ตนั เมอื งปกั ชนดิ ดาพร ตุ้มปสี่ วุ รรณ และศกั ดบ์ิ วร ตมุ้ ปี่สุวรรณ (2555 : 15-26) ศึกษา ความหลากหลายของหอยทากบกในเขตวนอุทยานภผู าลอ้ ม อำเภอเมอื ง จงั หวดั เลย ผลการศึกษาพบ หอยทากบกท้ังหมด 11 วงศ์ 29 ชนิด ไดแ้ ก่ วงศ์ Cyclophoridae วงศ์ Pupinidae วงศ์ Veronicellidae วงศ์ Subulinidae วงศ์ Streptaxidae วงศ์ Plectopylididae วงศ์ Helixarionidae (Helicarionidae) วงศ์ Ariophantidae วงศ์ Dyakiidae วงศ์ Trocomorphidae วงศ์ Camaenidae ค่าดชั นคี วามหลากชนิด H’ = 2.763 ดัชนคี วามเด่น = 0.074 กิตติ ตันเมอื งปกั และคณะ (2560 : 1195-1204) ศกึ ษาความหลากหลายของหอยทากบก ในวนอุทยานผางาม จังหวดั เลย โดยวธิ วี างแปลง line transect ขนาด 5x2 เมตร พบวา่ Sarika sp. มคี า่ ความชกุ ชมุ สมั พัทธส์ งู ท่ีสดุ ดัชนคี วามหลากชนิด (H’) เทา่ กบั 2.62 ดัชนีความเดน่ (Simpson’s index) เท่ากบั 0.094 และคา่ ดชั นีความสมำ่ เสมอ เท่ากับ 0.843 ถ้ำเขาบนิ ถำ้ เขาบนิ ต้งั อยู่ในเขตตำบลหนิ กอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบรุ ี ระหว่างละตจิ ูด 13.592777 และลองจจิ ดู 99.665897 ความสงู จากระดับนำ้ ทะเล 127.74 เมตร ชือ่ เขาบินสันนิษฐานจากตำนาน ทเ่ี ล่าวา่ ในสมัยก่อนมพี อ่ ค้าชาวจนี ไดแ้ ล่นเรอื สำเภาใหญ่ผา่ นมา เรอื เกิดชนหัวเขาดา้ นหนึง่ บน่ิ ไป จึง ถูกสันนิษฐานว่าเรียกเพี้ยนมาจากเขาบ่ิน บ้างกส็ ันนิษฐานวา่ มาจากเอกลกั ษณภ์ ายในหอ้ ง ๆ หนึ่งของ ถ้ำซ่งึ มลี ักษณะหินยอ้ ยสขี าวหมน่ ยืน่ ออกมาเหมือนนกเขากำลังกระพือปกี เหมอื นกำลังจะบินจงึ ได้ชอ่ื วา่ \"เขาบิน\" เขาบินเปน็ พืน้ ท่ีที่มีความสำคญั ด้านเปน็ แหลง่ ท่องเทีย่ วทม่ี ชี อื่ เสยี งของจงั หวดั ราชบรุ ี เปน็ เอกลักษณ์หรอื สัญลกั ษณข์ องทอ้ งถน่ิ มีโครงสร้างทางธรรมชาติทด่ี ี หายาก มีถำ้ ทเี่ ต็มไปด้วยหินงอก
16 หินย้อยทีม่ คี วามสวยงาม มสี ัณฐานที่มคี วามโดดเดน่ ถ้ำเขาบินยังเปน็ แหล่งธรรมชาตทิ ี่ไดร้ ับการ ประกาศใหเ้ ปน็ มรดกทางธรรมชาติในท้องถน่ิ ซ่งึ ควรอนุรักษ์ในระดบั ประเทศ จากข้อมูลแผนทธี่ รณวี ทิ ยา (ภาพประกอบที่ 2.13) เขาบนิ มสี ณั ฐานทางธรณวี ทิ ยาเป็นภเู ขา หินปูน ลักษณะธรณวี ิทยาประกอบด้วยหนิ ตะกอนในยุคเพอร์เมยี น (286 – 245 ล้านปี ) ซึ่งมลี กั ษณะ เด่นของกลุม่ หินคาร์บอเนต โดยเฉพาะหนิ ปนู (กรมทรัพยากรธรณี 2551 : 10 - 18) สัณฐานทาง ธรณวี ิทยาของภูเขาหินปนู (karst topography) เป็นลักษณะภมู ิประเทศทม่ี คี วามน่าสนใจ เนือ่ งจาก ภมู ปิ ระเทศทม่ี ลี กั ษณะภูเขาหินปนู มักประกอบดว้ ยชนดิ พนั ธพุ์ ชื และพนั ธ์สุ ัตวท์ ่มี ีหลากหลาย และมี ความจำเพาะของชนดิ พนั ธ์ุ โดยเฉพาะหอยทากบก หน่ึงในทรัพยากรชวี ภาพทมี่ คี วามหลากหลายเม่อื เทียบกบั สัตวช์ นิดอืน่ ๆ ซง่ึ เขาหนิ ปนู ถอื เปน็ แหลง่ ทีอ่ ยู่อาศยั ทม่ี คี วามสำคัญของสัตวก์ ลมุ่ นี้ เนอื่ งจาก เปน็ แหลง่ ธาตแุ คลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งถอื เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสรา้ งเปลอื กของสัตวใ์ นกลุ่มน้ี อยา่ งไรกต็ ามยังไม่พบว่ามีรายงานการศึกษาความหลากชนิดของหอยทากบกในพ้ืนท่ีเขา บนิ มากอ่ น การศกึ ษาความหลากชนดิ ของหอยทากบกน้ันถอื เปน็ การศึกษาขั้นพน้ื ฐานท่ีสำคญั สามารถนำไปตอ่ ยอดเปน็ ข้อมลู เชงิ วชิ าการ เชงิ การอนรุ ักษ์ เชิงการท่องเท่ียว และอืน่ ๆ อีกมากมาย ที่สามารถบูรณาการขอ้ มลู เขา้ ด้วยกัน เปน็ การส่งเสรมิ ใหม้ ีการตระหนกั ถึงทรัพยากรทมี่ อี ยูใ่ นทอ้ งถิ่น ใหเ้ กิดประโยชน์ โดยเฉพาะในพน้ื ท่ศี ึกษาท่ีเป็นลักษณะภูเขาหนิ ปนู ถ้ำ ซงึ่ มลี ักษณะนิเวศวทิ ยาที่ จำเพาะ และสามารถพบสง่ิ มีชวี ติ หรอื หอยทากบกทีเ่ ปน็ ชนดิ ประจำถ่นิ (endemic species) มี เอกลกั ษณ์เฉพาะที่สามารถพบได้ในพน้ื ท่ีนั้น ๆ องคค์ วามรทู้ ่ไี ดจ้ ะเป็นประโยชนใ์ นการจดั ทำบญั ชี รายการหอยทากบก และฐานขอ้ มูลทรพั ยากรความหลากหลายทางชวี ภาพ ทำให้สามารถใช้เป็น ข้อมลู ช่วยในการประชาสัมพนั ธ์ ส่งเสรมิ การทอ่ งเทยี่ วในพน้ื ท่นี ้ัน ๆ ได้ และท่สี ำคญั ยังเปน็ การทำงาน รว่ มกนั กับภาคทอ้ งถน่ิ ไดอ้ ีกด้วย มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 17 ภาพประกอบที่ 2.13 แผนท่ีธรณีวิทยาจังหวัดราชบรุ ี (กรมทรพั ยากรธรณี 2551 : 14 - 16)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินการวจิ ยั การวิจัยเรื่องความหลากชนิดของหอยทากบกบริเวณถ้ำเขาบินในจังหวัดราชบุรีมีขั้นตอน และวิธกี ารดำเนนิ การ ดงั ต่อไปน้ี วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละสารเคมี สารเคมี - แอลกอฮอล์ 70% (70% Ethyl alcohol) วัสดุอุปกรณ์ - เชอื กไนล่อนสำหรบั ตีแปลงขนาด 20 x 20 เมตร - กล่องพลาสตกิ สำหรบั ใสต่ ัวอย่าง - ขวดดองตัวอยา่ ง - สมุดบันทกึ ข้อมลู ภาคสนาม - กลอ้ งถา่ ยรปู - สายวัด 50 เมตร - เวอร์เนยี ร์คาลิปเปอร์ (Vernier caliper) วิธดี ำเนนิ การศึกษา การเลือกพน้ื ที่ศกึ ษา ในการวจิ ยั ครั้งน้มี ุง่ ศกึ ษาวจิ ยั ความหลากชนดิ ของหอยทากบกในบรเิ วณพ้ืนท่ีถำ้ เขาบิน โดย เลือกพื้นที่ศึกษา 2 จุด เพื่อให้ครอบคลุมทั้งสองฝั่งของเทือกเขาหินปูน พื้นที่ศึกษาแรกเป็นบริเวณเชิง เขาหน้าถ้ำเขาบิน ตั้งอยู่ที่ถนนราชบุรี - ผาปก ตำบลหินกอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี (จำนวน 4 แปลง) พื้นที่ศึกษาที่สองคือบริเวณหลังเทือกเขาบิน บ้านหนองยายกะตา ตำบลหินกอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี (จำนวน 2 แปลง) (ภาพประกอบที่ 3.1) ดำเนินการเก็บตัวอย่างในช่วงหน้าฝน ตั้งแต่ เดือนมถิ นุ ายน ถึง กันยายน พ.ศ. 2563
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 19 ภาพประกอบท่ี 3.1 จุดวางแปลงเก็บตวั อย่างบริเวณถำ้ เขาบนิ และพืน้ ท่ใี กลเ้ คยี ง จังหวัดราชบุรี การวางแปลงและเกบ็ ตวั อย่าง 1. สุ่มเลือกพื้นที่สำหรับตีแปลงเก็บตัวอย่างทั้งหมด 6 แปลง โดยเลือกพื้นที่ใน สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น โขดหิน บริเวณที่มีเศษซากใบไม้ปกคลุม เป็นต้น เพื่อให้ครอบคลุม สภาพแวดล้อมที่เปน็ ตัวแทนของบริเวณพื้นที่ศึกษา เก็บตัวอย่างโดยวิธีตีแปลง (line transect) ขนาด 20 x 20 เมตร (ภาพประกอบท่ี 3.2) 2. แต่ละแปลงจะใช้คนเก็บตัวอย่างทั้งหมด 4 คน โดย 3 คนเดินเก็บตัวอย่างไปในทิศทาง เดยี วกนั เป็นแนวตรง และอีก 1 คน จะเดนิ เก็บตวั อย่างแบบซกิ แซกทวั่ แปลง (ภาพประกอบที่ 3.2) ใช้ เวลาเก็บตวั อยา่ งแปลงละ 30 นาที
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 20 ภาพประกอบท่ี 3.2 รปู แบบการเดินเก็บตัวอย่างในแปลงเกบ็ ตวั อย่างขนาด 20 x 20 เมตร 3. เก็บตัวอย่างหอยทากบก และจำแนกข้อมูลเบื้องต้น โดยดูลักษณะสัณฐานวิทยา เช่น ฝาปิดเปลือก รูปร่างเปลือก สีของเปลือก แถบสี เป็นต้น บันทึกจำนวน ชนิดที่พบในแปลงเก็บ ตวั อยา่ ง 4. ตัวอย่างหอยทากบกทั้งตัวเป็นและเปลือก นำกลับมาศึกษาในห้องปฏิบัติการ วัดขนาด เปลอื กหอย โดยใช้เวอรเ์ นีย (vernier caliper) และจำแนกชนิดโดยนักอนุกรมวธิ านหอยทากบก 5. บันทึกภาพตัวอย่างหอยทากบก และรักษาสภาพตัวอย่างหอยทากบกด้วย เอทลิ แอลกอฮอล์ 70%
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 21 การวเิ คราะห์คา่ นเิ วศวทิ ยาเชงิ ปรมิ าณ ขอ้ มลู จำนวนชนิด จำนวนตวั ต่อชนดิ และจำนวนตวั ที่พบตอ่ แปลง จะนำมาใชใ้ นการ คำนวณหาคา่ นิเวศวิทยาเชิงปรมิ าณ ไดแ้ ก่ ความหนาแน่น ความร่ำรวยของชนดิ และดชั นีความหลาก ชนิด โดยมีรายละเอยี ด ดงั ตอ่ ไปน้ี ความหนาแน่น (Density) : คา่ นเิ วศวทิ ยาเชงิ ปรมิ าณทบ่ี อกถึงจำนวนตวั ของสิ่งมีชีวติ ตอ่ พ้ืนที่ บรเิ วณท่สี ่งิ มชี วี ิตอาศัยอยูอ่ ย่างหนาแนน่ มกั เปน็ บริเวณทม่ี ปี จั จัยส่งิ แวดล้อมทเ่ี หมาะสมกับ สิ่งมีชวี ติ ชนิดนนั้ ตวั อย่างเช่น มกั พบหอยทากอยูอ่ ย่างหนาแน่นในบริเวณทีม่ คี วามชื้นสูง เป็นต้น (กิตติ ตนั เมอื งปกั และคณะ, 2555 : 20) ความหนาแนน่ คำนวณไดจ้ ากสมการดงั นี้ ดัชนีความร่ำรวยของชนิด (Species richness หรือ Richness index) ใช้การคำนวณ ตามวิธีการของ Margalef index (Margalef, 1958 : 36-71) โดยสิ่งมีชีวิตมีจำนวนมาก ค่าดัชนีก็จะ มีค่ามากตาม นอกจากใช้คำนวณความร่ำรวยแล้ว ดัชนียังสามารถใช้คำนวณหาความหลากหลายของ ส่ิงมชี ีวิตได้ โดยมีสมการดงั นี้ เมอ่ื R = ค่าดชั นีความมากชนิด S = จำนวนชนดิ ของหอยทากบกทัง้ หมดทพ่ี บในจุดสำรวจ ln = natural logarithm N = จำนวนประชากรทง้ั หมดของหอยทากบกทกุ ชนดิ ทส่ี ำรวจพบ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 22 ดัชนีความหลากชนิด (Diversity index) คำนวณตามสูตรของ Shannon – Weiner diversity index (H′) ค่า H′ จะมีค่าเท่ากับ 0 เมื่อมีจำนวนชนิดในสังคมสิ่งมีชีวิตเพียงแค่ชนิดเดียว ดัชนีดังกล่าวให้ความสำคัญกับความสม่ำเสมอของจำนวนสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด หากในสังคมสิ่งมีชีวิต นั้น ๆ มีจำนวนของสิ่งมีชีวิตเท่ากันหมดทุกชนิดจะค่าดัชนีจะมีค่าสูงสุดเทียบเท่ากับ H′max อย่างไรก็ ตามในทางปฏบิ ตั ิพบว่าค่า H′ มีคา่ ไดไ้ ม่เกนิ 5 (Krebs, 2009 : 584) เมอื่ H′ = ดชั นีความหลากหลายของ Shannon-Weiner pi = สัดส่วนของจำนวนตัวของหอยทากบกชนิดที่ i เทียบกับจำนวนของหอย ทากบกทั้งหมด (N) ln = natural logarithm ดัชนีความเด่น (Dominance index) เป็นดัชนีที่บ่งชี้ถึงความเด่นของชนิดพันธ์ภายใน พื้นที่ ค่าดัชนีมีค่ามากแสดงให้เห็นว่ามีบางชนิดพันธุ์ที่มีจำนวนมากในสังคมสิ่งมีชีวิตที่ทำการศึกษา (Stilling, 2012 : 356) ดังนั้นจึงเป็นดัชนีที่บ่งบอกถึงการมีชนิดที่เด่น (common species) ในพื้นท่ี โดยคำนวณตามสตู รของ Simpson’s diversity Index เมอ่ื C = ดัชนคี วามเดน่ pi = ni = จำนวนประชากรของหอยทากบกชนิดท่ี i N = จำนวนประชากรท้ังหมดของหอยทากบกทุกชนดิ ที่สำรวจพบ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 23 ดัชนีความสม่ำเสมอของชนิด (Evenness index หรือ Pielou’s index) ความ สม่ำเสมอจะมีค่ามากที่สุดเมื่อทุกชนิดของหอยในแต่ละจุดสำรวจมีจำนวนตัวเท่ากันทั้งหมด (Krebs, 2009 : 584) ดัชนีความสม่ำเสมอมีค่าตั้งแต่ 0 – 1 หากค่าเข้าไกล้ 1 หมายความว่าจำนวนสิ่งมีชีวิต แต่ละชนิดมีจำนวนที่ไกล้เคียง หรือเท่ากันเมื่อดัชนีมีค่าเท่ากับ 1 ดังนั้นดัชนีจึงสามารถบอกถึงสัดส่วน และความแตกต่างของสิ่งมีชวี ิตแต่ละชนดิ ในสังคมได้ เม่ือ H′= Shannon-Wiener diversity index H′max = lnS (ค่าดัชนสี ูงสุดทเี่ ป็นไปไดข้ อง Shannon-Wiener diversity Index) ln = natural logarithm S = จำนวนชนดิ ของหอยทากบกทั้งหมดทพ่ี บในจุดสำรวจ ดัชนคี วามคล้ายคลึงของชนดิ พนั ธุ์ (Similarity index) เป็นค่าที่แสดงการเปรียบเทียบจำนวนชนิดของหอยน้ำจืดที่พบในแต่ละจุดสำรวจ ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร โดยใช้วิธีการคำนวณตามค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึง แบบ Bray – Curtis (Bray and Curtis, 1957 : 325-349) เมอ่ื SI = ดชั นีความคลา้ ยคลึง (มีค่าอย่รู ะหว่าง 0-100) ni1= จำนวนของหอยทากบกชนดิ I ทพ่ี บในจุดสำรวจที่ 1 ni2= จำนวนของหอยทากบกชนดิ i ทีพ่ บในจุดสำรวจท่ี 2
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทที่ 4 ผลวจิ ัย และอภิปรายผล สภาพพน้ื ทเ่ี กบ็ ตัวอยา่ ง ถ้ำเขาบิน มีสัณฐานทางธรณีวิทยาเป็นภูเขาหินปูน (karst topography) โดยในการ ศึกษาวิจัยในครั้งนี้ได้ทำการเก็บตัวอย่างทั้ง 2 ฟากฝั่งของเทือกเขาหินปูน บริเวณจุดเก็บตัวอย่างแรก (แปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 – 4) ได้แก่บริเวณพื้นที่ถ้ำเขาบินซึ่งเป็นเชิงเขา โขดหิน และหน้าผา ที่ถูกปก คลุมไปด้วยโครงสร้างของป่าเบญจพรรณ (ภาพประกอบที่ 4.1) มีความชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของ ป่าค่อนข้างดี จุดเก็บตัวอย่างที่สองอยู่ทางอีกด้านของฝั่งถ้ำเขาบิน (แปลงเก็บตัวอย่างที่ 5 – 6) ซึ่ง เป็นอีกฝั่งของเทือกเขาหินปูนที่มีโครงสร้างป่าเป็นป่าเบญจพรรณเช่นเดียวกัน แต่แห้งแล้งมากกว่า ถูกปกคลุมไปด้วยป่าไผ่ และตัง้ อยู่ใกลก้ ับเขตชุมชนและเขตเกษตรกรรม (ภาพประกอบที่ 4.2) ภาพประกอบท่ี 4.1 บรเิ วณจดุ เกบ็ ตวั อยา= งแรกของพื้นทถ่ี ำ้ เขาบิน (แปลงเกบ็ ตัวอย=างที่ 1 – 4)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 25 ภาพประกอบที่ 4.2 บรเิ วณจุดเกบ็ ตัวอยา= งทีส่ องอีกดาL นของฝNOงถ้ำเขาบิน (แปลงเก็บตวั อย=างท่ี 5 – 6) การศึกษาความหลากหลายของหอยทากบกในบริเวณถ้ำเขาบิน ด้วยวิธีการวางแปลงเก็บ ตวั อย่างขนาด 20 x 20 เมตร จำนวน 6 แปลง ในพนื้ ที่ทง้ั 2 ฝ่ังของเทือกเขาหนิ ปูน จากการนำขอ้ มลู ชนดิ และจำนวนของหอยทากบกมาวิเคราะหห์ าค่านเิ วศวทิ ยาเชิงปริมาณต่าง ๆ ไดผ้ ลดงั ต่อไปนี้ จำนวนและชนดิ ของหอยทากบกท่พี บบรเิ วณถ้ำเขาบนิ การศึกษาความหลากชนิดของหอยทากบกในพื้นที่บริเวณถ้ำเขาบิน อำเภอเมือง จังหวัด ราชบุรี ด้วยแปลงสุ่มเก็บตัวอย่าง 20 x 20 เมตร จำนวน 6 แปลง จากทั้ง 2 ฝ่ังของเทือกเขาหินปูน เก็บตัวอย่างได้ทั้งหมด 1,083 ตัวอย่าง แบ่งเป็นตัวอย่างเปลือก (empty shell) 1,032 ตัวอย่าง คิด เป็น 95.29% และตัวอย่างหอยที่มีชีวิต (living shells) 51 ตัวอย่าง คิดเป็น 4.71% ของตัวอย่าง ทั้งหมด (ภาพประกอบที่ 4.3) การพบตัวอย่างหอยที่มีชีวิตในปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนเปลือก
26 อาจเป็นผลมาจากช่วงเวลาที่เก็บตัวอย่างฝนยังไม่ตกชุกมากนัก ซึ่งหอยทากบกบางชนิดยังจำศีลโดย การฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน (ศักดิ์บวร ตุ้มปี่สุวรรณ และคณะ 2557 : 502-505) นอกจากนี้หอยทากบก บางชนดิ เป็นสัตวท์ ่อี อกหากนิ ในเวลากลางคนื (จิรศักดิ์ สุจริต และสมศักดิ์ ปัญหา 2551 : 15) เมื่อทำ การตีแปลงเก็บในเวลากลางวันจึงไม่พบหอยทากบกบางชนิดที่ออกหากินเวลากลางคืน ตัวอย่าง เปลือกบางส่วนมีรอยแทะของฟันสัตว์และกองรวมกันหรือกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งอาจเกิด จากหอยทากบกถูกกินโดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กซึ่งเป็นไปตามห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศ (กิตติ ตันเมืองปัก และคณะ 2555 : 20-26) มหา ิวทยา ัลยราช ัภจำนฏวน(หตัว) ู่ม ้บานจอม ึบง 1200 1032 1000 800 600 400 200 51 ตวั อยา่ งท่ีมีชวี ติ 0 เปลอื ก ภาพประกอบท่ี 4.3 สดั สว่ นของจำนวนตวั อยา่ งที่พบทั้งหมดในแปลงเก็บตัวอย่าง ตัวอยา่ งหอยทากบกท่พี บทง้ั หมดนำมาจดั จำแนกออกได้ 8 ชนิด 6 วงศ์ (Family) ซง่ึ จัดอยู่ ใน 2 ชั้นย่อย (Subclass) ได้แก่ หอยทากที่มีฝาปิดเปลือก (Subclass Prosobranchia) มี 1 วงศ์ คือ Cyclophoridae ประกอบดว้ ย 2 ชนิด ได้แก่ Cyclophorus sp. และ Cyclotus sp. ส่วนกลมุ่ หอยทากทไี่ มม่ ฝี าปิดเปลอื ก (Subclass Pulmonata) ประกอบด้วย 5 วงศ์ 6 ชนิด ได้แก่ วงศ์ Ariophantidae พบ 2 ชนิด คือ Sarika sp. และ Cryptozona siamensis วงศ์ Camaenidae พบ 1 ชนดิ คอื Landouria sp. วงศ์ Pupinidae พบ 1 ชนิด คอื Pupina sp. วงศ์ Streptaxidae พบ 1 ชนดิ คอื Oophana sp. และวงศ์ Subulinidae พบ 1 ชนิด คือ Prosopeas sp. (ตารางท่ี 4.1; ภาพประกอบที่ 4.4 )
27 ตารางท่ี 4.1 จำนวนตัวและชนิดหอยทากบกท้งั หมดที่พบในบรเิ วณพื้นที่ถ้ำเขาบนิ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ชนิด จำนวนหอยทากบก (ตัว) วงศ์ Cyclophoridae มชี ีวิต เปลอื ก รวม Cyclophorus sp.มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง Cyclotus sp. 5 286 291 17 145 162 วงศ์ Ariophantidae Sarika sp. 15 94 109 Cryptozona siamensis 7 243 250 วงศ์ Camaenidae 5 229 234 Landouria sp. 279 วงศ์ Pupinidae Pupina sp. - 27 27 วงศ์ Streptaxidae - 11 Oophana sp. 51 1,032 1,083 วงศ์ Subulinidae Prosopeas sp. รวมทั้งหมด
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 28 ภาพประกอบที่ 4.4 หอยทากบกท่พี บบริเวณถ้ำเขาบิน จังหวดั ราชบรุ ี (A) Cryptozona siamensis (B) Cyclophorus sp. (C) Cyclotus sp. (D) Landouria sp. (E) Pupina sp. (F) Sarika sp. (G) Oophana sp. (H) Prosopeas sp.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 29 ความชกุ ชุมและความหนาแน่นของหอยทากบกทีพ่ บบรเิ วณถำ้ เขาบิน การศกึ ษาความชุกชุม (Abundance) ของหอยทากบก จากจำนวนตวั และชนิดของหอย ทากบกทงั้ หมด (living shells + empty shells) ในบรเิ วณถ้ำเขาบนิ พบวา่ Cyclophorus sp. มี ความชกุ ชุมสงู ท่ีสดุ พบ 291 ตวั อยา่ ง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 27 ของหอยทากบกท้ังหมด โดยพบมากทีส่ ุดใน แปลงเก็บตัวอย่างท่ี 4 ในขณะที่ Prosopeas sp. มคี วามชกุ ชมุ นอ้ ยท่สี ดุ คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.1 ของหอย ทากบกทั้งหมด เนือ่ งจากไม่พบตัวอยา่ งทีม่ ีชีวติ พบเฉพาะเปลอื กเพยี ง 1 เปลอื กเท่านน้ั ในแปลงเก็บ ตัวอยา่ งที่ 5 (ตารางที่ 4.2 และภาพประกอบที่ 4.5ก) เมื่อพิจารณาจากตวั อย่างท่ีมีชีวิต (living shells) ชนดิ ของหอยทากบกทีม่ คี วามชุกชมุ ในพื้นที่มากที่สดุ คอื Cyclotus sp. พบ 17 ตวั อย่าง คิดเป็นร้อย ละ 33 ของหอยทากบกท้งั หมด โดยพบมากท่สี ดุ ในแปลงเกบ็ ตวั อยา่ งที่ 2 ในขณะที่ชนดิ ท่มี ีความชุก ชุมน้อยท่ีสดุ คอื Pupina sp. พบ 2 ตัวอยา่ ง คิดเป็นรอ้ ยละ 4 ของหอยทากบกทงั้ หมด โดยพบเฉพาะ ในแปลงเก็บตวั อย่างท่ี 6 (ตารางท่ี 4.2 และภาพประกอบท่ี 4.5ข) เม่อื พิจารณาจากจำนวนตวั อย่าง เปลือก (empty shells) หอยทากบกทมี่ ีความชกุ ชุมมากที่สดุ คือ Cyclophorus sp. พบ 286 ตัวอยา่ ง คิดเป็นรอ้ ยละ 28 ของหอยทากบกทั้งหมด โดยพบมากท่สี ดุ ในแปลงเก็บตวั อย่างท่ี 4 ในขณะ ทชี่ นิดที่มีความชกุ ชมุ ตำ่ ทสี่ ดุ คอื Prosopeas sp. โดยพบเพยี ง 1 ตวั อยา่ งเทา่ นน้ั ในแปลงเกบ็ ตัวอยา่ ง ท่ี 5 (ตารางที่ 4.2 และภาพประกอบท่ี 4.5ค) การศกึ ษาความหนาแนน่ (Density) ของหอยทากบกในบริเวณถ้ำเขาบนิ พบวา่ ความ หนาแนน่ ท้ังหมด (living shells + empty shells) มีค่าเทา่ กับ 0.45 ตัว/ตารางเมตร โดยในแตล่ ะ แปลงเกบ็ ตัวอยา่ งมีความหนาแนน่ อยู่ที่ 0.06 – 1.00 ตัว/ตารางเมตร แปลงเก็บตวั อย่างท่ี 2 มีคา่ ความหนาแนน่ สงู ทสี่ ุด รองลงมาไดแ้ ก่ แปลงเก็บตัวอยา่ งท่ี 4, 3, 1, 6 และ 5 ตามลำดับ (ตารางท่ี 4.2) ซึ่ง Cyclophorus sp. เปน็ ชนดิ ทมี่ ีความหนาแนน่ สงู ท่ีสุด คือ 0.12 ตัว/ตารางเมตร ในขณะท่ี Prosopeas sp. เป็นชนิดที่มคี วามหนาแน่นต่ำทส่ี ุด คือ 0.0004 ตวั /ตารางเมตร เนอื่ งจากพบเพยี ง 1 ตัวอย่างเท่านนั้ (ภาพประกอบท่ี 4.6ก) เมือ่ พจิ ารณาความหนาแน่นท่คี ำนวณจากจำนวนตัวอยา่ งทม่ี ี ชวี ิต (living shells) พบวา่ มคี า่ ความหนาแน่นอยรู่ ะหวา่ ง 0.003 – 0.07 ตัว/ตารางเมตร โดยแปลงที่ 2 มคี วามหนาแนน่ ของหอยทากบกสูงที่สดุ รองลงมาไดแ้ ก่ แปลงท่ี 1, 3, 6, 4 และ 5 ตามลำดับ (ภาพประกอบท่ี 4.6ข) ขณะทเี่ มื่อพจิ ารณาความหนาแน่นท่คี ำนวณไดจ้ ากตวั อยา่ งเปลือก (empty shells) พบว่ามีคา่ ความหนาแน่นอยู่ระหวา่ ง 0.06 – 0.93 ตัว/ตารางเมตร โดยแปลงที่ 2 มคี า่ ความ หนาแน่นสูงท่สี ุด รองลงมาไดแ้ ก่ แปลงที่ 4, 3, 1, 6 และ 5 ตามลำดบั (ภาพประกอบท่ี 4.6ค) การ เปรียบเทียบความหนาแนน่ ระหว่างแปลงเก็บตัวอย่างในการศกึ ษาครั้งน้ีบง่ ชี้ว่าบรเิ วณทใี่ กลก้ บั เพงิ ผา
30 และมีความชน้ื สงู มกั เป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นสงู ดังน้ันความหนาแนน่ ของหอยทากบกในบรเิ วณ พน้ื ท่ีถ้ำเขาบินอาจสัมพันธ์กับสภาพความชนื้ และสภาพแวดลอ้ มทหี่ อยทากบกอาศยั มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงตารางที่ 4.2 จำนวนตัวและชนดิ ของหอยทากบกทั้งหมดที่พบบริเวณถ้ำเขาบิน Species Number of individuals in sampling plots Number Total Cryptozona siamensis KB-01 KB-02 KB-03 KB-04 KB-05 KB-06 SL 250 Cyclophorus sp. S(L) S(L) S(L) S(L) S(L) S(L) 291 Cyclotus sp. 243 7 162 Landouria sp. 31 (3) 90 (2) 40 (2) 70 (0) 8 (0) 4 (0) 286 5 234 Prosopeas sp. 23 (3) 89 (2) 30 (0) 127 (0) 3 (0) 14 (0) 145 17 Pupina sp. 27 (3) 56 (9) 27 (4) 35 (1) - (-) - (-) 229 5 1 Sarika sp. 23 (1) 93 (4) 49 (0) 48 (0) 4 (0) 12 (0) 9 Oophana sp. 1- 109 Total specimen - (-) - (-) - (-) - (-) 1 (-) - (-) 72 27 Number of taxa 3 (0) 2 (0) - (-) - (-) - (-) 2 (2) 94 15 1,083 Density 29 (4) 34 (10) 12 (1) 11 (0) 3 (0) 5 (0) 27 - 8 3 (0) 8 (0) 6 (0) 4 (0) 4 (0) 2 (0) 1,032 51 0.45 -- 139 (14) 372 (27) 164 (7) 295 (1) 23 (0) 39 (2) 0.43 0.02 7 7 6 6 66 0.38 1.00 0.43 0.74 0.06 0.10 หมายเหตุ : ดชั นีที่ได้คำนวณจากจำนวนตวั อยา่ งทัง้ หมดทพี่ บในแปลง S แสดงถงึ จำนวนตัวอย่างเปลอื ก (empty shells) ทพ่ี บในแปลง L แสดงถึงจำนวนตัวอย่างทีม่ ีชวี ติ (living specimens) ท่ีพบในแปลง - (-) หมายถึง ไม่พบทงั้ ตัวเปน็ และเปลือกในพนื้ ที่แปลงตัวอย่าง
31 ความหนาแน่นและความชกุ ชุมของตัวอย่างทีม่ ชี ีวติ (living shells) มีค่าค่อนข้างตำ่ ตวั อย่างทพี่ บสว่ นใหญเ่ ปน็ เปลอื กหอยท่ไี ม่มชี วี ติ แลว้ (empty shells) ซง่ึ มจี ำนวนมากกวา่ ตัวอยา่ ง หอยทากบกท่ยี ังมชี ีวิต เนอ่ื งจากบริเวณพ้นื ทเ่ี ก็บตัวอย่างทัง้ สองฝ่งั ของเทือกเขาหินปูนคอ่ นขา้ งชัน และมลี กั ษณะเป็นหนา้ ผา โดยเฉพาะบริเวณเกบ็ ตัวอยา่ งจดุ ทีอ่ ยู่ทางด้านหนา้ ของถ้ำเขาบนิ (แปลง เก็บตัวอย่างท่ี 1 – 4) ซึ่งทางผวู้ จิ ยั สามารถวางแปลงเก็บตัวอยา่ งและเขา้ ถึงพนื้ ท่ีไดเ้ ฉพาะที่เปน็ พื้นท่ี เชิงเขา หอยทากบกบางชนิดอาจอาศัยอยูใ่ นบรเิ วณพ้นื ทป่ี ่าดา้ นบนของหน้าผาซึง่ ไม่สามารถเข้าไป สำรวจได้ ทำให้พบตัวอย่างเปลือกที่ไมม่ ีชีวติ จำนวนมากอยู่บริเวณดา้ นลา่ งเชงิ เขา เน่อื งจากในฤดูฝน ฝนไดช้ ะลา้ งและพัดพาเปลือกท่ีอย่ดู ้านบนลงมาสะสมบริเวณดา้ นล่าง และยงั พบว่ามีลงิ ซ่งึ เป็นสัตว์ ประจำถน่ิ อยู่อาศัยในบรเิ วณนัน้ เป็นจำนวนมาก รวมถงึ สัตว์ฟันแทะซ่งึ กินหอยเป็นอาหาร สงั เกตไุ ด้ จากรอ่ งรอยของเปลือกหอยท่พี บทำให้ส่งผลตอ่ ความชกุ ชุมของหอยทากบกได้ สว่ นบริเวณเก็บ ตัวอยา่ งทอ่ี ยอู่ กี ทางด้านหนึ่งของเทอื กเขา (แปลงเก็บตัวอย่างที่ 5 – 6) มสี ภาพทีค่ ่อนข้างแห้งแลง้ มากกว่าบรเิ วณพ้ืนท่ีหนา้ ถำ้ เขาบนิ (แปลงเก็บตวั อย่างที่ 1 – 4) และเปน็ พ้ืนทท่ี ่ตี ดิ กบั ชมุ ชน บริเวณ โดยรอบถกู ลอ้ มรอบไปดว้ ยแปลงเกษตรกรรม (ภาพประกอบท่ี 3.1) ทำใหพ้ บตวั อยา่ งหอยทากบกทง้ั ทีม่ ชี ีวิตและเปลอื กในจำนวนที่นอ้ ยกว่าจุดเกบ็ ตัวอย่างบริเวณหน้าถำ้ เขาบิน มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 32 ภาพประกอบที่ 4.5 ความชุกชุมสัมพัทธ[ (%) ของหอยทากบกในพืน้ ท่เี ขาบนิ (ก) ความชกุ ชุมสมั พัทธท์ ้ังหมด (living shells + empty shells) (ข) ความชกุ ชุมสัมพทั ธ์ของตัวอย่างทม่ี ชี วี ิต (living shells) และ (ค) ความชกุ ชมุ สัมพัทธข์ องตวั อย่างเปลือก (empty shells)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 33 ภาพประกอบที่ 4.6 ความหนาแน่น (ตวั /ตารางเมตร) ของหอยทากบกในพื้นท่ีเขาบนิ (ก) ความหนาแน่นทั้งหมด (living shells + empty shells) (ข) ความหนาแนน่ ของตัวอยา่ งทม่ี ชี วี ิต (living shells) และ (ค) ความหนาแน่นของตวั อยา่ งเปลอื ก (empty shells)
34 ดชั นคี วามรำ่ รวยของหอยทากบกทพ่ี บบรเิ วณถำ้ เขาบิน การศึกษาความหลากชนดิ ของหอยทากบกในพน้ื ทถ่ี ำ้ เขาบนิ พบหอยทากบกทงั้ หมด 8 ชนิด เมอ่ื ใช้ดชั นที างนิเวศวิทยา (Margalef index) คำนวณความร่ำรวยของชนิด (species richness) ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลพบวา่ ดัชนคี วามร่ำรวยของชนิดทั้งหมด (living shells + empty shells) มีค่า เท่ากับ 1.00 โดยมีค่ามากทีส่ ุดในแปลงเกบ็ ตัวอยา่ งที่ 5 รองลงมาไดแ้ กแ่ ปลงเกบ็ ตวั อย่างท่ี 6, 1, 2, 3 และ 4 ซึง่ มคี า่ เทา่ กับ 1.59, 1.35, 1.19, 1.00, 0.97 และ 0.88 ตามลำดบั (ตารางท่ี 4.3 และ ภาพประกอบ 4.5ก) ในตวั อยา่ งหอยทากบกทม่ี ชี วี ิต (living shells) แปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 มคี ่าความร่ำรวยของ ชนดิ หอยทากบกมากทีส่ ดุ เท่ากับ 1.52 รองลงมาได้แกแ่ ปลงเก็บตัวอย่างที่ 2 และ 3 ซงึ่ มคี า่ เทา่ กับ 1.21 และ 1.03 ตามลำดบั สว่ นแปลงเกบ็ ตวั อยา่ งท่ี 4 – 6 มคี ่าความร่ำรวยของชนิดหอยทากบกต่ำ ทส่ี ดุ เนื่องจากมีตัวอย่างหอยทากบกทม่ี ชี ีวิตน้อยมากในแปลงดังกลา่ ว (ภาพประกอบ 4.5ข) ในขณะ ท่ตี วั อย่างเปลือก (empty shells) พบวา่ แปลงเก็บตวั อยา่ งที่ 5 มีคา่ ความรำ่ รวยของชนดิ หอยทากบก มากท่ีสดุ เทา่ กบั 1.59 รองลงมาได้แกแ่ ปลงเกบ็ ตวั อย่างที่ 6, 1, 2, 3 และ 4 ซงึ่ มคี า่ เท่ากับ 1.36, 1.22, 1.01, 0.98 และ 0.88 ตามลำดบั (ภาพประกอบ 4.5ค) ค่าความร่ำรวยของชนิดที่แตกต่างกันอาจมีสาเหตุมาจากหลายประการด้วยกัน เช่น จำนวนชนิดของหอยทากบกท่ีพบในแปลง จำนวนตัวของหอยทากทากบกแต่ละชนิด เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วเมื่อจำนวนชนิดและจำนวนตัวของสิ่งมีชีวิตในแปลงมีจำนวนเพิ่มขึ้นมักจะทำให้ค่าดัชนี สงู ขนึ้ ตามไปดว้ ย (Death, 2008 : 2209-2210) มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 35 ภาพประกอบท่ี 4.7 ดชั นีความรำ่ รวย (species richness) ของหอยทากบกในพน้ื ท่ีเขาบนิ (ก) ดัชนีความรำ่ รวยท้งั หมด (living shells + empty shells) (ข) ดัชนคี วามรำ่ รวยของตัวอยา่ งทม่ี ชี ีวิต (living shells) และ (ค) ดัชนีความรำ่ รวยของตวั อยา= งเปลือก (empty shells)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 36 ดัชนคี วามหลากชนดิ ของหอยทากบกทพ่ี บบริเวณถ้ำเขาบนิ การวิเคราะห์ความหลากชนิดของหอยทากบกในพื้นที่ถ้ำเขาบิน โดยใช้การคำนวณดัชนี ความหลากชนิด (Diversity index) ตามวิธีการของ Shannon-Wiener (H') ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าดัชนีความหลากชนิดของทั้งหมด (living shells + empty shells) มีค่าเท่ากับ 1.01 และมีค่า ดัชนีความหลากชนิดสูงสุด (H'max) เท่ากับ 2.08 (ตารางท่ี 4.3) ดัชนีความหลากชนิด (H') รายแปลงมี ค่าอยู่ระหว่าง 1.44 – 1.73 โดยค่าดัชนีความหลากชนิดของแปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 มีค่าสูงที่สุด รองลงมาได้แก่แปลงเก็บตัวอย่างที่ 2, 5, 3, 6 และ 4 ตามลำดับ (ภาพประกอบที่ 4.8) เมื่อคำนวณ จากจำนวนตัวอย่างที่มีชีวิต (living shells) พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 0.96 – 1.54 โดยแปลงเก็บ ตัวอย่างที่ 1 มีค่าดัชนีความหลากชนิดสูงที่สุด ในขณะที่แปลงเก็บตัวอย่างที่ 3 มีค่าดัชนีความหลาก ชนิดต่ำที่สุด (ภาพประกอบที่ 4.8) และเมื่อคำนวณจากจำนวนตัวอย่างเปลือก (empty shells) พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 1.43 – 1.74 โดยแปลงที่ 1 มีค่าดัชนีความหลากชนิดสูงที่สุด ในขณะที่แปลงท่ี 4 มีคา่ ดัชนีความหลากชนิดตำ่ ทส่ี ุด (ภาพประกอบที่ 4.8) ภาพประกอบที่ 4.8 ดชั นีความหลากชนดิ (Diversity index) โดย Shannon-Wiener (H') ของหอยทากบกในพื้นท่ีเขาบนิ
37 ดัชนคี วามเด่นของหอยทากบกทพ่ี บบริเวณถำ้ เขาบิน การวิเคราะห์ค่าดัชนีความเด่น (Dominance index) ของหอยทากบกในพื้นที่ถ้ำเขา บิน โดยคำนวณตามสูตรของ Simpson’s diversity Index ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าดัชนีความ เด่นของทั้งหมด (living shells + empty shells) มีค่าเท่ากับ 0.23 (ตารางที่ 4.3) ในแปลงเก็บ ตัวอย่างที่ 4 มีค่าสูงที่สุด โดย Cyclophorus sp. เป็นชนิดที่เด่นที่สุด มีจำนวน 127 ตัวอย่าง รองลงมาได้แก่แปลงเก็บตัวอย่างที่ 6, 5, 3, 2 และ 1 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 0.28, 0.24, 0.22, 0.21, 0.20 และ 0.19 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาค่าดัชนีความเด่นรายแปลงที่คำนวณจากตัวอย่างที่มีชีวิต (living shells) พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 0.22 – 0.43 โดยแปลงเก็บตัวอย่างที่ 3 มีค่าดัชนีความเด่นสูงที่สุด ในขณะท่ีแปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 มีค่าดัชนีความเด่นต่ำที่สุด (ภาพประกอบที่ 4.9) เมื่อพิจารณาค่า ดัชนีความเด่นจากตัวอย่างเปลือก (empty shells) พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 0.19 – 0.28 โดยแปลง เก็บตัวอย่างที่ 4 มีค่าดัชนีความเด่นสูงที่สุด ในขณะที่แปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 มีค่าดัชนีความเด่นต่ำ ท่ีสุด (ภาพประกอบที่ 4.9) คา่ ดัชนีความเด่นสามารถบ่งช้ไี ดว้ า่ บางชนดิ พันธมุ์ ีความเดน่ ในสังคมน้ัน ๆ เชน่ การมี จำนวนชนิดท่มี ากกว่าสิ่งมชี ีวติ ชนิดอน่ื ๆ ในสงั คม เป็นต้น พื้นท่ใี ดมีค่าดชั นีสงู แสดงว่าพน้ื ท่นี น้ั มี ส่งิ มชี ีวติ ทม่ี ีความเดน่ ในพ้ืนท่ี (Stilling, 2012 : 356-357) สง่ิ มชี ีวติ ทีม่ ีความเด่นในพ้นื ที่อาจมกี าร ปรบั ตวั ไดด้ ีกวา่ ส่งิ มีชวี ติ ชนดิ อน่ื ๆ ในสภาพแวดล้อมทอี่ าศยั อยู่ ผลวิเคราะห์ความเด่นในภาพรวม ของพ้ืนทเ่ี ขาบนิ มีคา่ ไม่สูงมากนัก อย่างไรกต็ ามเมื่อพจิ ารณาค่าดัชนีรายแปลงพบว่าแปลงเก็บตวั อยา่ ง ที่ 3 มคี า่ ดัชนที ี่มีความโดดเด่นสงู กว่าพื้นทอ่ี ่ืน ๆ (ภาพประกอบที่ 4.9) และเมอื่ พิจารณาจากจำนวน ตัวอยา่ งทม่ี ชี วี ิต (living shells) ภายในแปลง พบว่ามีจำนวนของ Cyclotus sp. มากกวา่ หอยทากบก ชนดิ อน่ื ๆ ดงั นนั้ คา่ ดัชนคี วามเดน่ ในแปลงท่ี 3 นา่ จะมาจากจำนวนของหอยทากบกชนิดดังกลา่ ว และ มีความเป็นไปไดว้ ่าบรเิ วณน้เี ป็นพื้นท่ีท่มี ี Cyclotus sp. เปน็ ชนดิ ท่พี บได้ทั่วไปในพื้นทด่ี ังกล่าว (common species) มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 38 ภาพประกอบที่ 4.9 ดัชนคี วามเด่น (Dominance index) โดย Simpson’s diversity Index ของ หอยทากบกในพ้ืนท่ีเขาบนิ ดชั นคี วามสมำ่ เสมอของหอยทากบกทพี่ บบรเิ วณถ้ำเขาบิน การวเิ คราะหค์ ่าดัชนีความสม่ำเสมอ (Evenness index) ของหอยทากบกในพน้ื ทีถ่ ำ้ เขาบนิ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าดัชนีความสม่ำเสมอของทั้งหมด (living shells + empty shells) มีค่า เท่ากับ 0.48 (ตารางท่ี 4.3) โดยในแปลงเก็บตัวอย่างที่ 5 มีค่าสูงที่สุด รองลงมาได้แก่แปลงเก็บ ตัวอย่างที่ 3, 1, 6, 2 และ 4 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 0.92, 0.91, 0.89, 0.88, 0.85 และ 0.80 ตามลำดับ เมื่อ พิจารณาค่าดัชนีความสม่ำเสมอรายแปลงที่คำนวณจากตัวอย่างที่มีชีวิต (living shells) พบวา่ มคี ่าอยู่ ระหว่าง 0.87 – 0.95 โดยแปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 มีค่าดัชนีความสม่ำเสมอสูงที่สุด ขณะที่แปลงเก็บ ตัวอย่างที่ 2 และ 3 มีค่าดัชนีความสม่ำเสมอต่ำที่สุด (ภาพประกอบที่ 4.10) เมื่อพิจารณาค่าดัชนี ความสม่ำเสมอรายแปลงที่คำนวณจากตัวอย่างเปลือก (empty shells) พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง 0.80 – 0.92 โดยแปลงเก็บตัวอย่างที่ 5 มีค่าดัชนีความสม่ำเสมอสูงที่สุด ขณะที่แปลงเก็บตัวอย่างที่ 4 มีค่า ดัชนีความสม่ำเสมอต่ำที่สุด (ภาพประกอบที่ 4.10) ดัชนีความสม่ำเสมอบ่งบอกถึงความเท่าเทียมกัน ของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ภายในสังคมสิ่งมีชีวิต จากการคำนวณตัวอย่างที่มีชีวิตพบว่าค่าดัชนีของทุก แปลงมีค่าเขา้ ใกล้ 1 มากแสดงให้เห็นว่าหอยทากบกแต่ละชนิดมีจำนวนตวั อย่างที่ใกลเ้ คียงกนั
39 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ภาพประกอบที่ 4.10 ดัชนีความสมำ่ เสมอ (Evenness index) ของหอยทากบกบริเวณพืน้ ที่เขาบิน ตารางท่ี 4.3 ดชั นีความหลากชนดิ ของหอยทากบกทัง้ หมด (living shells + empty shells) ทีพ่ บ บริเวณถ้ำเขาบนิ Ecological indices Number of individuals in sampling plots Total KB-01 KB-02 KB-03 KB-04 KB-05 KB-06 Species richness 1.00 Shannon-Wiener diversity index (H') 1.19 1.00 0.97 0.88 1.59 1.35 1.01 H'max 1.73 1.66 1.63 1.44 1.64 1.58 2.08 Simpson diversity index 1.95 1.95 1.79 1.79 1.79 1.79 0.24 Evenness index 0.19 0.20 0.21 0.28 0.22 0.24 0.48 0.89 0.85 0.91 0.80 0.92 0.88
40 ดัชนคี วามคล้ายคลึงของสงั คมหอยทากบกที่พบบริเวณถำ้ เขาบิน การวเิ คราะหค์ วามคล้ายคลึง (Similarity index) ของสังคมหอยทากบกจากทัง้ หกแปลง ตัวอย่าง โดยใช้วธิ ีการคำนวณแบบ Bray – Curtis พบว่ามคี า่ ตง้ั แต่ 10.90 – 94.44 (ตารางท่ี 4.4) โดยสังคมของหอยทากบกในแปลงเก็บตัวอย่างที่ 1 กับ 2 มีความคล้ายคลึงกันของชนิดมากที่สุด ซึ่ง เป็น 2 แปลงเก็บตัวอย่างที่พบจำนวนชนิดของหอยทากบกมากที่สุด คือ 7 ชนิด ในขณะท่ีแปลงเก็บ ตัวอย่างท่ี 2 กับ 5 ความคล้ายคลึงกันของชนิดต่ำที่สุด จากการวิเคราะห์ค่าความคล้ายคลึงของแต่ละ แปลง ทำใหท้ ราบได้วา่ สังคมของหอยทากบกแตกต่างและแบ่งออกเป็น 2 สังคมส่ิงมีชวี ติ ไดแ้ ก่ สงั คม แปลงที่ 1 – 4 และสังคมแปลงที่ 5 – 6 (ตารางที่ 4.4) อย่างไรก็ตามพื้นที่ทั้งสองค่อนข้างมี สภาพแวดล้อมโดยรอบที่แตกต่างกัน โดยแปลงที่ 5 - 6 อยู่ ติดกับพื้นที่เกษตรกรรมส่วนแปลงที่ 1 – 4 เป็นพื้นที่ล้อมรอบโดยพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่เกษตรกรรม และได้รับความดูแลในเชิง อนุรกั ษม์ ากกวา่ เมอ่ื เปรียบเทยี บกับพ้นื ทแ่ี รก มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ตารางท่ี 4.4 ดชั นคี วามคลา้ ยคลึงของสงั คมหอยทากบกในแปลงเกบ็ ตัวอยา่ งทง้ั 6 แปลง Plot KB-01 KB-02 KB-03 KB-04 KB-05 KB-06 KB-01 1 KB-02 55.43 1 KB-03 94.44 60.00 1 KB-04 68.15 85.18 73.23 1 KB-05 26.14 10.90 23.71 14.42 1 KB-06 42.27 18.64 38.68 24.33 71.88 1
Search