การพฒั นารูปแบบการใช้สอื่ การเรียนรู้ด้านอาหารและโภชนาการมหา ิวทยาลัยราชภัฏหมู่ ้บานจอมบึง สำหรับผู้สูงอายใุ นเขตพืน้ ท่ีตำบลจอมบึง อำเภอจอมบงึ จังหวดั ราชบรุ ี The Development Of Food Learning Media Usage Patterns Nutrition For The Elderly In Chom Bueng Subdistrict, Chom Bueng District, Ratchaburi Province นางสาวรัชดาพร ฐานม่ัน งานวจิ ัยนี้ไดผ้ ่านการพจิ ารณาจากมหาวิทยาลยั ราชภัฏหมู่บา้ นจอมบงึ และได้รับทนุ อุดหนุนการวิจัยจากมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บ้านจอมบึง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมู่บ้านจอมบงึ พ.ศ. 2565 ลขิ สทิ ธ์ิเป็นของมหาวทิ ยาลัยราชภฏั หมู่บ้านจอมบงึ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง การพัฒนารูปแบบการใชส้ ่อื การเรยี นรดู้ ้านอาหารและโภชนาการ สำหรับผสู้ งู อายุในเขตพื้นที่ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบงึ จงั หวดั ราชบรุ ี The Development Of Food Learning Media Usage Patterns Nutrition For The Elderly In Chom Bueng Subdistrict, Chom Bueng District, Ratchaburi Province นางสาวรชั ดาพร ฐานม่ัน งานวิจยั น้ีไดผ้ า่ นการพิจารณาจากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏหมู่บา้ นจอมบงึ และได้รับทุนอุดหนุนการวิจยั จากมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บ้านจอมบงึ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมูบ่ ้านจอมบงึ พ.ศ. 2565 ลิขสทิ ธเ์ิ ปน็ ของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ ้านจอมบงึ
ก ช่ือเรือ่ ง การพัฒนารปู แบบการใชส้ ือ่ การเรียนรดู้ ้านอาหารและ โภชนาการสำหรับผู้สูงอายใุ นเขตพื้นท่ตี ำบลจอมบงึ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ผวู้ ิจยั รัชดาพร ฐานมั่น สาขาวชิ ามหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสาธารณสขุ ศาสตร์ ปี 2563 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1)เพ่ือศึกษาสภาพปัจจุบันของภาวะโภชนาการและความรู้ ความเข้าใจทางสุขภาพทีถ่ ูกต้องของกล่มุ ผู้สูงอายใุ นเขตพ้นื ทีต่ ำบลจอมบึง อำเภอจอมบงึ จังหวดั ราชบุรี 2) เพ่ือพัฒนารูปแบบการดำเนินการและแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยผ่านส่ือการเรียนรู้ด้านอาหารและ โภชนาการในกลุ่มผู้สูงอายุในเขตพ้ืนที่ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี การดำเนินการวิจัย แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะท่ี 1 วิเคราะห์สถานการณ์สภาพปัจจุบันของภาวะโภชนาการและความรู้ ความเข้าใจทางสุขภาพท่ถี ูกตอ้ งของผู้สูงอายเุ ขตพ้นื ท่ีตำบลจอมบงึ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดด้านการเรียนรู้โดยผ่านสื่อการเรียนรู้ด้านอาหารและโภชนาการของ ผ้สู ูงอายุเขตพื้นทตี่ ำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ผลการวิจัยพบวา่ 1) ผลการคดั กรองความเส่ียงตอ่ การขาดอาหารของผสู้ งู อายุ ส่วนใหญ่มีภาวะโภชนาการปกติ (12 - 14 คะแนน) จำนวน 155 คน ร้อยละ 53.63 และไม่พบกลุ่มตัวอย่างว่ามีการขาดสารอาหาร หลังจากนั้นให้กลุ่มเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารประเมินภาวะโภชนาการของผู้สูงอายุ เพ่ือให้ทราบ ภาวะสุขภาพ สำหรับผลการประเมินกลุ่มเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารประเมินภาวะโภชนาการของ ผสู้ งู อายุ พบวา่ สว่ นใหญ่มีภาวะโภชนาการปกติ (>23.5 คะแนน) จำนวน 81 คน ร้อยละ 60.45 และ ไม่พบกลุ่มตัวอย่างว่ามีการขาดสารอาหาร ด้านความรู้ความเข้าใจทางสุขภาพเกี่ยวกับการปฏิบัติตน ตามหลัก 3 อ 2 ส ภาพรวม พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจทางสุขภาพเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตนตามหลัก 3 อ 2 ส อยู่ในระดับดี จำนวน 189 คน ร้อยละ 65.4 เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า กลุ่มตัวอย่างตอบถูกมากที่สุด คือ ผลกระทบจากการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนคำตอบท่ีกลุ่ม ตัวอย่างตอบถูกน้อยท่ีสุดคือ การกินผักหลาย ๆ ชนิดท่ีมีสีสันแตกต่างกันช่วยป้องกันโรค เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้าน พบค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ การตัดสินใจเลือกปฏิบัติท่ีถูกต้อง Mean = 3.03,
ข S.D.=0.96 ดา้ นพฤติกรรมสขุ ภาพทีถ่ กู ต้องเกย่ี วตามหลักปฏิบตั ิตนตาม 3อ 2ส พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งมี พฤตกิ รรมสุขภาพท่ถี กู ตอ้ งเก่ียวตามหลกั ปฏิบตั ิตนตาม 3อ 2ส อยใู่ นระดบั ดี จำนวน 190 คน รอ้ ยละ 65.74 หากพิจารณารายข้อ พบว่า ปฏิบัติ 6-7วัน/สัปดาห์ คือ มีการควบคุมปริมาณอาหารและ ควบคมุ รสอาหารไม่ใหห้ วาน มัน เคม็ จัดทุกมอ้ื รอ้ ยละ52.08 และไม่ไดป้ ฏิบตั ิใน 1 สัปดาห์ มากที่สุด คอื ดม่ื สุรา หรอื เครอ่ื งดื่มทม่ี แี อลกอฮอล์ รอ้ ยละ 35.42 2) ด้านการพัฒนารูปแบบการจัดด้านการเรียนรู้โดยผ่านสื่อการเรียนรู้ด้านอาหารและ โภชนาการของผู้สูงอายุเขตพื้นท่ีตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี พบว่า แต่ละกลุ่มได้ เล็งเหน็ ถงึ ความสำคัญของการสง่ เสริมความรคู้ วามเข้าใจการเรยี นรู้ด้านอาหารและโภชนาการสำหรับ ผูส้ ูงอายุ แตว่ ธิ กี ารและบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน โดยอาศัยการมสี ว่ นรว่ มในชุมชนและภาคีเครอื ข่าย คำสำคญั : ผู้สงู อายุ ภาวะโภชนาการ สอื่ การเรยี นรดู้ ้านอาหารและโภชนาการสำหรับผูส้ ูงอายุ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
ค Research Title The Development Of Food Learning Media Usage Patterns Nutrition For The Elderly In Chom Bueng Subdistrict Chom Bueng District, Ratchaburi Province Researcher Ratchadapon Thanman Program Public Health Academic Year 2020 ABSTRACT มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง This research aims to 1) To study the current state of nutrition and knowledge Correct understanding of health among the elderly in Chom Bueng sub-district, Chom Bueng district, Ratchaburi province 2) To develop an action model and a learning management approach through learning media on food and nutrition among the elderly in Chom Bueng Subdistrict, Chom Bueng District, Ratchaburi Province. The research was divided into 2 phases. Phase 1 analyzed the current situation of nutrition status and knowledge. Correct understanding of health among the elderly in Chom Bueng Sub-District, Chom Bueng District, Ratchaburi Province,Phase 2, to develop a learning management model through learning media on food and nutrition among the elderly in Chom Bueng Sub-District, Chom Bueng District, Chom Bueng Province Ratchaburi The results showed that: 1) The results of screening for the risk of malnutrition in the elderly Most of them had normal nutritional status (12 - 14 points), of 155 people, 53.63 percent, and no samples were found to be malnourished. After that, the group at risk of malnutrition assessed the nutritional status of the elderly. to know the health condition As for the assessment of the risk group for malnutrition assessing the
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ง nutritional status of the elderly, it was found that most of the 81 people had normal nutritional status (>23.5 points), 60.45 percent, and no samples were found to be malnourished. In terms of health cognition about the practice according to the 3 Or 2 S principle, the overall picture found that the sample group had a good understanding of health about the 3 Or 2 S practice at a good level. Of the 189 people, 65% . 4 When considering each item, it was found that The sample group answered most correctly was the effect of alcohol consumption. The answer that the sample answered the least correctly was Eating a variety of vegetables with different colors helps prevent disease. when considering each aspect The highest mean was Correct discrimination decision Mean = 3.03, SD = 0.96 In terms of correct health behaviors in accordance with the 3S 2S principles, it was found that the sample group had the correct health behaviors in accordance with the 3S 2S principles. At a good level of 190 people, 65.74%. If considering each item, it was found that they practiced 6-7 days/week, ie having control of food intake and control of food taste, not being sweet, oily, salty at every meal, 52.08 percent, and not doing it in 1. The most weekly was drinking alcohol or alcoholic beverages at 35.42%. 2) Regarding the development of learning management model through food and nutrition learning media for the elderly in Chom Bueng Sub-District, Chom Bueng District, Ratchaburi Province, it was found that each group recognized the importance of promoting knowledge and understanding. Food and nutrition education for seniors But the methods and roles are different. by participation in the community and network partners. Keywords: The Elderly, Nutritional Status, Food And Nutrition Learning Materials For The Elderly.
จ กิตติกรรมประกาศ งานวิจัยเล่มน้ีสำเรจ็ ลุลว่ งไปได้ดว้ ยดีเนื่องจากผู้วจิ ัยได้รบั การสนับสนุนและความกรณุ าจาก ผู้มพี ระคณุ หลายฝ่าย ขอขอบคุณสถาบันวจิ ยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั ราชภัฏหมู่บา้ นจอมบึง ท่ีเป็น ผสู้ นับสนนุ และจัดสรรงบประมาณในการทำวจิ ัย (งบประมาณอุดหนุนการทำวิจยั มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง) ขอขอบคุณ ภาคีเครือข่ายร่วมวิจัยจากภายนอก คือ 1) นายกองค์การบริหารส่วน ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ที่ช่วยประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ให้การสนับสนุนข้อมูล บุคลากรและอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสถานที่ในการประชุมอบรมและการสนทนากลุ่ม 2) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยในการเก็บข้อมูล และ 3) ชมรม ผู้สงู อายุ ที่ให้ความร่วมมือในการวจิ ยั ครั้งน้เี ป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ผู้สูงอายุ และญาติผู้สูงอายุ ในเขตพื้นท่ีตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือในการดำเนินการวิจัยครั้งน้ี จนทำให้การวจิ ยั สำเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี ขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สำราญ สุขแสวง คณบดีวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและ การแพทย์แผนไทย คณาจารย์สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ และเจ้าหน้าท่ีวิทยาลัยมวยไทยศึกษา และการแพทย์แผนไทย ท่ีให้ความอนุเคราะห์สถานที่และอำนวยความสะดวกในทุกด้าน และ ขอขอบคณุ ครอบครวั เพอื่ น และนกั ศึกษาที่ชว่ ยสนบั สนุน เปน็ กำลงั ใจและร่วมจัดกจิ กรรมมาโดยตลอด รชั ดาพร ฐานม่ัน ผู้วิจยั มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ฉ สารบญั หน้า บทคดั ย่อภาษาไทย .................................................................................................... ก บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ................................................................................................. ค กิตติกรรมประกาศ ....................................................................................................... จ สารบญั ......................................................................................................................... ฉ สารบัญตาราง………………………………………………………………………………………………….. ซ บทท่ี 1 บทนำ ………………...…..…………………………………………….………….................................. 1 ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา ………………..…………….….…………..................... 1 วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั …………………………………………………………....……..................... 5 ขอบเขตของการวจิ ัย ………………………………………………………………....……...................... 5 ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รับ ………………………………………………….…….............................. 6 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วข้อง …………………………….………………………....................... 7 นิยามเกีย่ วกับผูส้ ูงอายุ…….…………...……………………………………….................................... 7 แนวคิดและทฤษฎเี กยี่ วกับผสู้ งู อายุ.............……………………..…………….......................... 11 การเปล่ียนแปลงของผูส้ ูงอายุ…………………………….............................…….…….............. 15 ปัญหาและความต้องการของผสู้ ูงอายุ........................................................................... 29 ความตอ้ งการสารอาหารในผสู้ ูงอายุโดยทวั่ ไปใน 1 วนั ...............………………................... 31 โรคท่พี บในผู้สูงอายุ……………………………….….………….………………….………….................. 33 งานวิจยั ท่ีเก่ียวข้อง………………………………………………………………………………………………. 41 กรอบแนวคิดของการวจิ ยั ……………………………….……………………….……....……............... 45 3 วธิ ีดำเนนิ การวจิ ัย ………………...…..……………………………………....……............................. 46 รูปแบบการวจิ ัย................................................................................................................ 46 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง……………………………………………….……………………................. 46 เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ………………………………………………………………………………………... 49
ช สารบัญ (ตอ่ ) หน้า บทที่ การดำเนนิ การวจิ ัยและการเกบ็ รวบรวมข้อมลู …………………………………………………………….. 49 การพิทกั ษส์ ิทธิกลมุ่ ตัวอย่าง……………………………………………………………………………………… 52 4 ผลการวิจยั ………………………....………………………….…………..……......................................... 53 ระยะที่ 1 …..……………………………………………………………………………………………………….. 53 ระยะท่ี 2 ......................................................................................................................... 60 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ………………..………………………….…....................... 66 สรุปผลการวิจยั ………………….……………………………………………......................................... 66 อภปิ รายผล ………………………...……………………………………………....................................... 68 ขอ้ เสนอแนะ ………………………...……………………………………………..................................... 70 บรรณานกุ รม ………………..……………......................……………………..……............................... 72 ภาคผนวก………………………………………………………………………………………………………….…….. 74 ภาคผนวก ก ใบยนิ ยอมเข้ารว่ มการวจิ ยั (Consent Form)…………………………………… 75 ภาคผนวก ข เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการวิจัย ………………..…………………………........................ 78 ภาคผนวก ค หนงั สือรบั รองการสนบั สนนุ จากภาคีเครอื ข่ายภายนอก…………………….. 86 ภาคผนวก ง ภาพประกอบการลงพืน้ ท่ี……………………………………………………………….. 88 ประวตั ผิ ู้วิจยั ……………………………………………………………………………………………………………… 93 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
ซ สารบัญตาราง หน้า ตารางท่ี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง4.1 แสดงจำนวน รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และคา่ ตา่ํ สุดสูงสดุ ................... 53 4.2 การคดั กรองความเสยี่ งต่อการขาดอาหารของผู้สูงอายุ จำแนกตามระดับคะแนน ……...54 4.3 ภาวะโภชนาการของผูส้ งู อายกุ ลุม่ เสี่ยง จำแนกตามระดบั คะแนน…..…………….............. 54 4.4 ความรู้ ความเข้าใจทางสุขภาพที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักปฏิบัติตนตาม 3อ 2ส ………………… 54 4.5 ความรู้ ความเขา้ ใจทางสุขภาพที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลกั ปฏบิ ตั ติ นตาม 3อ 2ส รายขอ้ .......55 4.6 ความรอบรู้ด้านสขุ ภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ภาพรวมและรายด้าน……………………... 55 4.7 การเขา้ ถึงข้อมูลและบรกิ ารสุขภาพ การสอ่ื สารสขุ ภาพ การจัดการตนเอง และการรู้เท่าทัน สอื่ ตาม 3อ.2ส................................................................................................................56 4.8 รอ้ ยละและคา่ เฉล่ยี ของการจัดการตัดสนิ ใจเลอื กปฏบิ ตั ิทถ่ี ูกต้องตามหลัก 3อ 2ส…….… 57 4.9 พฤตกิ รรมสุขภาพตามหลกั ปฏบิ ัติ 3อ.2ส …………………………………………………..……………58 4.10 พฤตกิ รรมสุขภาพทถ่ี กู ต้องเกีย่ วตามหลักปฏบิ ตั ติ นตาม 3อ 2ส ………………………..……..59 4.11 รูปแบบการจัดดา้ นการเรยี นรโู้ ดยผ่านสอื่ การเรียนรดู้ ้านอาหารและโภชนาการ……...……61
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1 บทท่ี 1 บทนำ 1. ความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หา องค์การสหประชาชาติ ได้ให้นิยามผู้สูงอายุ คือ ประชากรทั้งเพศชายละห ญิงซึ่งมีอายุ มากกว่า 60 ปีข้ึนไป โดยเป็นการนิยามนับต้ังแต่อายุเกิด ส่วนองค์การอนามัยโลกยังไม่มีการนิยาม ผู้สูงอายุ โดยอาจมาจาเหตุผลท่ีว่าประเทศต่างก็มีนิยามผู้สูงอายุที่แตกต่างกัน สำหรับในประเทศไทย ผู้สูงอายุ ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 หมายถึง บุคคล ซ่ึงมีอายุเกินกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ ข้ึนไปและมีสัญชาติไทย โดยสามารถพิจารณาการแบ่งช่วงของความสูงอายุได้เป็น 3 ช่วง คือ วัย ผู้สูงอายุตอนต้น อายุ 60-69 ปี วัยผู้สูงอายุตอนกลาง อายุ 70-79 ปี วัยผู้สูงอายุตอนปลาย อายุ 80 ปหี รือมากกว่า และการสูงวัยของประชากร (Population ageing) เป็นปรากฏการณ์ทางประชากรที่ เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ท่ัวโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาน้ี เมื่อประชากรในแต่ละพื้นท่ี ตั้งแต่ชุมชน เขตปกครองระดับต่างๆ ประเทศ ภูมิภาค ฯลฯ มีอายุสูงข้ึน โดยสังเกตได้จากสัดส่วนของประชากร สูงอายุ หรืออายุมัธยฐานของประชากรท่ีเพ่ิมสูงข้ึนในประชากรปิด หรือประชากรที่เปล่ียนไปโดยไม่ นับรวมการย้ายถิ่น การสูงวัยของประชากร มีสาเหตุมาจากการเกิดที่ลดลงและอายุของผู้คนยืนยาว ขึน้ จากสำนักงานสถติ ิแห่งชาตคิ าดว่าในปี 2563 ผู้สูงอายุไทยจะมีจำนวน 12.6 ล้านคน คิดเป็น เกือบ1 ใน 5 ของประชากรไทย สัดส่วนนี้จะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นมากถึง 1 ใน 3 ของประชากร ท้ังหมดในปี 2583 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า โดยที่มากกว่าคร่ึงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ใน ปัจจุบันแม้ในภาพรวมผู้สูงอายุส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 94.8 ยังสามารถช่วยเหลือตนเองในกิจวัตร ประจำวันทั่วไปได้ แต่ผู้สงู อายุวัยปลายอายุ 80 ปีขึ้นไป ถึง 1 ใน 5พบวา่ จำเปน็ ต้องมีผู้ดแู ล และจาก ข้อมูลประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2562 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนประชากรทุกกลุ่มวัยกว่า 66 ล้านคน และมีประชากรผู้สูงอายุ จำนวน 12,031,128 คน หรือ ร้อยละ 18.1 สำหรับเขตสุขภาพที่ 5 มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุ 808,798 คน หรือ ร้อยละ 19.3 สูงกว่าระดับประเทศ และในจังหวัดราชบุรี มีประชากรผู้สูงอายุ 139,993 คน หรือ ร้อยละ 20.2 โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น จำนวน 76,323 คน หรือ ร้อยละ 54.5 ผู้สูงอายุวัยกลาง จำนวน 40,226 คน หรือ ร้อยละ 28.7 และผู้สูงอายุวัยปลาย 80ปี ข้ึนไป จำนวน 23,444 คน หรอื ร้อยละ 16.7 สำหรับการแบง่ ผู้สงู อายุตามลักษณะของการแบ่งตามหลักการช่วยตนเองในกิจวตั รประจำวัน (Activity Daily Living : ADL) ของกลุ่มผู้สูงอายุติดสังคมท่ีสุขภาพทั่วไปดี ช่วยเหลือตนเองได้ อาจมี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2 โรคเร้ือรัง แต่ควบคุมได้ เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ช่วยเหลือคนอื่นได้ และกลุ่มผู้สูงอายุติดบ้านใน ชุมชน ที่ช่วยตนเองได้ในบางเรื่อง ต้องการการช่วยเหลือบางส่วน อาจมีโรคเรื้อรัง และโรคท่ีมีผลต่อ การเคล่ือนไหว แต่มีความจำกัดในการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ซึ่งในปี 2562 ผลการคัดกรอง ผู้สูงอายุตามเกณฑ์การประเมินความต้องการความช่วยเหลือในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน (ADL) จำนวน 111,100 คน หรอื ร้อยละ 79.4 มกี ลุ่มผู้สูงอายุที่พึง่ ตนเองไดจ้ ำนวน 106,897 คนหรอื ร้อยละ 96.2 และผู้สงู อายุกลมุ่ พงึ่ พิงจำนวน 4,203 คนหรอื ร้อยละ 3.8 โดยข้อมูลด้านประชากรผู้สูงอายุข้างต้นรวมถึงข้อมูลท่ีประเทศไทยกำลังมีการเปล่ียนแปลง ในโครงสร้างของประชากรอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่า ประชากรผู้สูงอายุจะมากขึ้น ทั้ง ปริมาณและสัดส่วนต่อประชากรท้ังหมด ท้ังน้ีเป็นผลมาจากเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์และ วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าข้ึน ส่งผลให้สามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพได้มากย่ิงขึ้น และใน สภาพปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จากประเทศเกษตรกรรมไปสู่ประเทศ อุตสาหกรรม ผู้สูงอายุขาดผู้ดูแล เนื่องจากความจำเป็นด้านของการประกอบอาชีพนอกบ้านของ ลูกหลานหรอื สมาชิกในครอบครัว เปน็ ผลให้ผสู้ งู อายุตอ้ งดแู ลตัวเองเป็นสว่ นใหญ่ ในประเทศไทยมีแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2525–2544) และฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2545–2564) ซ่งึ มวี สิ ัยทัศนว์ า่ “ผ้สู ูงวัยเปน็ หลักชยั ของสังคม” คอื เน้นให้ผู้สูงอายุมีชีวติ อย่างมีคณุ ค่า มีศักด์ิศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถพ่ึงพาตนเองได้นานที่สุด และสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนา สังคม แผนน้ีให้ความสําคัญกับผู้สูงอายุและการเตรียมตัวของผู้ท่ีจะเป็นผู้สูงอายุในอนาคตด้วย ซึ่ง อาหารและโภชนาการท่ีดีเป็นปัจจัยหนึ่งท่ีสําคัญท่ีจะทําให้ผู้สูงวัยเป็นหลักชัยของสังคม การ เปลี่ยนแปลงในวัยสูงอายุมีปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ปัจจัยทางกรรมพันธ์ุ และปัจจัยจาก ส่ิงแวดล้อม ซึ่งสภาพแวดล้อมท่ีพบว่ามีความสําคัญก็คือ ภาวะโภชนาการและวิถีทางดำเนินชีวิต การ ท่ีผู้สูงอายุได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้มากเกินไป อาจส่งผลให้อวัยวะต่างๆในร่างกาย ซ่ึงมี แนวโน้มจะเสื่อมอยู่แล้วจะให้เสื่อมย่ิงขึ้น เช่น ปัญหาทางระบบทางเดินอาหาร ปัญหาการเคี้ยว การ กลนื อาหาร รวมไปถงึ ประสาทรับรู้รสท่ีเปลยี่ นไป ซ่ึงเป็นผลให้ผู้สงู อายุเกิดโรคเรือ้ รงั ได้ มีรายงานพบว่าความเสื่อมโทรมทางสุขภาพท่ีปรากฏมากท่ีสุดในผู้สูงอายุน้ันไม่ใช่โรคติดต่อ โดยที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต ได้แก่ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเร้ืองรังเก่ียวกับปอด และโรคท่ีเป็นสาเหตุทำให้สมรรถภาพร่างกายเส่ือมถอย และแต่มักมีปัญหาโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะ ทุพโภชนาการ โดยเฉพาะผู้สูงอายุตอนกลางอายุ70-79 ปี และผู้สูงอายุตอนปลายอายุมากกว่า80ปี มักบริโภคอาหารได้น้อยลง ดังน้ัน การปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุจึงเป็น เรื่อง สาํ คญั รวมท้งั การดูแลปญั หาทางด้านสงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม โดยการส่งเสรมิ สขุ ภาพในผ้สู ูงอายุ จึงตอ้ ง คํานงึ ถึงความต้องการสารอาหาร โดยเน้นความสมดุลความพอเหมาะพอดี และความหลากหลายของ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3 อาหาร ให้สามารถส่งเสริมวิถีการดำเนินชีวิตให้ผู้สูงมีคุณภาพชีวิตท่ีดี และมีความสุขได้ เพ่ือป้องกัน ไมใ่ ห้เกดิ โรคเรือ้ รังเหล่านีก้ ับผสู้ งู อายุ เมือ่ เกดิ แลว้ ต้องมกี ารปฏบิ ัติตัวทีด่ เี พ่ือลดความรนุ แรงของโรค สำหรบั ผู้สูงอายถุ ือว่าเป็นทรัพยากรมนษุ ย์ท่ีมีคุณค่า เน่ืองจากเป็นผู้ท่ีมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์มากท่ีสามารถถ่ายทอดต่อไปยังอนุชนรุ่นหลังได้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำและผู้ทำ ประโยชน์ให้แก่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศ ถ้าผู้สูงอายุท่ีอยู่ในสังคมมีสุขภาพร่างกายท่ี แขง็ แรงและสุขภาพจติ ที่ดี จะทำใหม้ ีคณุ ภาพชีวิตท่ีดี และสามารถมอี ายทุ ี่ยนื ยาวได้ ดงั น้นั อาหารและ โภชนาการในผู้สูงอายุจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญท่ีมีผลกระทบต่อ สุขภาพของผู้สูงอายุ การมีภาวะโภชนาการทีด่ ียังช่วยในการต้านทานโรค ลดการติดเช้ือ การเจ็บป่วย และการตาย ตลอดจนส่งผลให้มีชีวิตท่ียืนยาว(อัญชนีย์ อุทัยพัฒนาชีพ และสิริพันธุ์ จุลกะรังคะ, 2556) ดว้ ยภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดไดท้ ำให้ผ้ปู ่วยมีภาวะพ่ึงพา ต้องการการ ดูแล แบบต่อเน่ืองและการดูแลระยะยาว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตระหนักถึงรูปแบบความ เจบ็ ป่วยและ ความต้องการของการบรกิ ารที่เปลี่ยนไป คือมคี วามต้องการในการดแู ลระยะยาวมากขึ้น ขณะท่ี ความสามารถในการดูแลของครอบครัวลดน้อยลง เพื่อเตรียมความพร้อมของชุมชนในการ ดแู ลสุขภาพและสงั คมผู้สูงอายุในระยะยาว และพัฒนาการมีส่วนร่วมของภาคสว่ นที่เกย่ี วขอ้ ง รวมทั้ง เป็นการสร้างความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุในอนาคต ประกอบกับในต่างประเทศมีงานวิจัย ด้านกิจกรรมการเพ่ือส่งเสริมการเตรียมความพร้อมเม่ือเข้าสู่วัยผู้สูงอายุจำนวนหน่ึงและค่อนข้าง หลากหลาย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับงานวิจัยในประเทศไทย พบว่า มีการวิจัยเก่ียวกับการเตรยี มความ พร้อมเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุของผู้ใหญ่ตอนปลายสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ (Active Aging) อยู่ เพียงจำนวนน้อย อีกท้ังจากการศึกษากรอบยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมสังคมไทยสู่สังคม ผู้สูงอายุในประเทศไทย (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2552) พบว่า มีหน่วยงานที่เก่ียวข้องจำนวนมากที่ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ และมาตรการต่างๆ เพื่อ พัฒนาการเตรียมความพร้อมสู่วัยผู้สูงอายุหลากหลาย และให้ผู้สูงอายุเป็นผู้สูงอายุที่มีพฤฒิพลัง (Active aging) มีโอกาสท่ีเหมาะสม มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคน้อย มีความสามารถทางกาย ช่วยเหลอื ตนเองได้ มสี ่วนร่วมในครอบครัวและสังคม และมีความม่ันคงในชวี ิต ในด้านของการศึกษาเป็นท่ียอมรับกันโดยทั่วไปว่าการพัฒนาทางการศึกษาเป็นแนวทางใน การพัฒนาคุณภาพคน ซ่งึ การพัฒนาทางการศึกษาโดยการสร้างโอกาสทเ่ี ท่าเทียมกัน ท่ัวถึงและเสมอ ภาคด้วยรูปแบบ กระบวนการที่หลากหลายและเหมาะสม เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้เรียนรู้ทุกกลุ่ม โดยไม่แบ่งแยก เช่น ผู้พิการ ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เกษตรกร สตรีและเด็ก ซ่ึงได้มีการกำหนดไว้ใน พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 การจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศัยหรือการศึกษาตลอดชีวิต โดยยดึ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั ซึ่งหมายถงึ คำนงึ ถึงความต้องการของผูเ้ รียนเป็นหลัก ถึงแมว้ ่าผู้สูงอายุจะมิใช่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4 กลุ่มเป้าหมายหลักของการจัดการศึกษาในระบบ แต่ด้วยเหตุผลท่ีว่าการจัดการศึกษาเป็นการเปิด โอกาสให้กับผู้เรียนในการพัฒนาซึ่งการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาผู้สูงอายุเป็น กระบวนการในการ พัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุเพ่ือให้มีทักษะในด้านต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตเพื่อให้มี คุณภาพชีวติ ท่ีดี ได้แก่ 1) การจัดบริการข้อมลู ขา่ วสารให้ครอบคลมุ การศึกษาในระบบ การศกึ ษานอก ระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย รวมทงั้ การทำฐานขอ้ มูลทางการศกึ ษา การฝกึ อบรม ผู้สูงอายุ และ 2) การจัดบริการการศึกษาอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปของการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่ผู้สูงอายุ ซ่ึงการศึกษาเป็นกระบวนการที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ในส่งิ ต่างๆ เพ่ือนำมาปรับใชใ้ นการดำเนินชีวิต ซึ่งรูปแบบการศึกษามีหลายประเภท เช่น การศึกษาใน ระบบโรงเรียน การศกึ ษานอกระบบโรงเรียน การศึกษาตลอดชวี ิต และการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นสิ่ง สำคัญสำหรับคนทุกวัยซ่ึงจะก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อทั้งตัวบุคคลและสังคม โดยผ่านกระบวนการการมี สว่ นรว่ มของบุคคลในการแสวงหาข้อมลู ที่จะช่วยใหบ้ ุคคลสามารถพัฒนาภาวะสขุ ภาพของตนเองและ มีส่วนช่วยสังคม ถึงแม้ว่าในหลายภาคส่วนได้มีการจัดการศึกษาให้กับผู้สูงอายุในหลากหลายรูปแบบ โดยมีเป้าหมายท่ีสำคัญ คือ เพ่ือให้ผู้สูงอายุสามารถดูแลสุขภาพของตนเอง ถึงแม้จะมีรูปแบบท่ี หลากหลายในการจัดการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ แต่เน่ืองจากผู้สูงอายุมีลักษณะที่แตกต่างจากวัยอ่ืนที่ อาจต้องนำมาพิจารณาประกอบการจัดการศึกษา ได้แก่ 1) ความสามารถในการจำ การเรียนรู้ช้าลง จากการเปลี่ยนแปลงของระบบการรับความรู้สึกทั้งการฟัง การมองเห็น และการเปล่ียนแปลงของ ระบบประสาท ได้แก่ ความสามารถในการส่งสัญญาณประสาทช้าลง ดังนั้นผู้สูงอายุต้องการเวลาใน การเรียนมากกว่าปกติ 2) ผู้สูงอายุมีจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้ที่แน่นอน ทำให้ผู้สูงอายุจะเรียนเฉพาะ ในส่ิงท่ีเห็นว่าเป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้ได้ทนั ที 3) ผู้สูงอายพุ ร้อมท่ีจะเรียน ถ้าเรยี นตรงกับที่ ตอ้ งการ 4) ผ้สู งู อายุต้องการมีส่วนรว่ ม ดังนั้นการจัดการศึกษาต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้เรียนท่ีเป็นผู้สูงอายุในทุกขั้นตอน ความมุ่งหมายของการศึกษาในคร้ังนี้ก็คือ การพัฒนารูปแบบการใช้ส่ือการเรียนรู้ด้านอาหารและ โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ โดยเน้นกระบวนการด้านการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยใช้ส่ือด้านอาหารและ โภชนาการและพัฒนาสื่อด้านอาหารและโภชนาการให้เข้ากับบริบทพื้นท่ี และจากการระดมความคิด จากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงผู้ใช้เองให้สามารถสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยผ่านสื่อท่ีเหมาะสมต่อการ สร้างกระบวนการเรียนรู้และความเข้าใจในการดูแลตนเองในด้านอาหารและโภชนาการ เพ่ือเป็น กระบวนการในการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุให้มที ักษะในการเรียนรู้ ส่งเสริมพฤฒพลงั ในผู้สูงอายุ ให้สามารถใช้ครอบคลุมในกลุ่มผู้สูงอายุทเ่ี จ็บป่วยดว้ ยโรคเรือ้ รังและมกี ารมีสว่ นร่วมในสังคมน้อย โดย ให้มสี ว่ นร่วมของคนในชุมชนเพ่อื การดูแลในระยะยาว
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5 2. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั 2.1 เพ่ือศึกษาสภาพปัจจุบันของภาวะโภชนาการและความรู้ ความเข้าใจทางสุขภาพท่ี ถูกต้องของกล่มุ ผสู้ ูงอายุในเขตพนื้ ท่ีตำบลจอมบงึ อำเภอจอมบึง จงั หวดั ราชบุรี 2.2 เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินการและแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยผ่านสื่อการเรียนรู้ ด้านอาหารและโภชนาการในกลมุ่ ผู้สูงอายุในเขตพ้นื ท่ีตำบลจอมบึง อำเภอจอมบงึ จงั หวัดราชบุรี 3. ขอบเขตของการวิจยั การดำเนินการในครัง้ นีไ้ ดก้ ำหนดขอบเขตของการศึกษาในประเดน็ ต่าง ๆ ดงั น้ี 3.1 ขอบเขตด้านเน้ือหา การวิจัยคร้ังน้ี มุ่งศึกษาเก่ียวกับการพัฒนารูปแบบการใช้ส่ือการเรียนรู้ด้านอาหารและ โภชนาการในกลุ่มผู้สูงอายุโดยการเน้นแบบมีส่วนร่วม (participatory action research) เพื่อสร้าง รูปแบบการดำเนินการและแนวทางการจดั การศึกษา/การเรยี นรโู้ ดยผ่านสือ่ การเรียนรดู้ ้านอาหารและ โภชนาการ ท่ีเกิดจากความร่วมมือระหวา่ งนกั วิจยั และความร่วมมือจากหน่วยงานส่วนของตำบลจอม บึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรมี ารว่ มดำเนนิ การ แบง่ เปน็ 3 ระยะ ดงั น้ี ระยะที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์สภาพปัจจุบันของภาวะโภชนาการและความรู้ ความเข้าใจ ทางสขุ ภาพทถี่ กู ตอ้ ง ระยะท่ี 2 พัฒนารูปแบบการจัดด้านการเรียนรู้โดยผ่านสื่อการเรียนรู้ด้านอาหารและ โภชนาการของผู้สูงอายุเขตพนื้ ทตี่ ำบลจอมบึง อำเภอจอมบงึ จังหวดั ราชบรุ ี 3.2 ด้านประชากร ประชากรในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ คือ กลุ่มผู้สูงอายุท่ีมีอายุ 60 ปี ข้ึนไป โดยการอาศัยอยู่ใน เขตพื้นท่ีตำบลจอมบงึ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 1,038 คน (ระบบสถิตทิ างการทะเบียน, 2561) และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง คือ ครูผู้สอน/วิทยากร ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบล ชมรม ผู้สงู อายุ แกนนำในชมุ ชน 3.3 ขอบเขตด้านพน้ื ที่ ศกึ ษาในพืน้ ท่ีตำบลจอมบงึ อำเภอจอมบึง จงั หวัดราชบุรี
6 4. ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รับจากการวจิ ัย 4.1 ได้ข้อมูลเก่ยี วกับสภาพปัจจบุ ันของภาวะโภชนาการและความรู้ ความเข้าใจทางสุขภาพท่ี ถกู ตอ้ งของกลุม่ ผูส้ ูงอายุ 4.2 ได้แนวทางการจัดการการเรียนรู้/รูปแบบกิจกรรมการใช้สื่อการเรียนรู้ด้านอาหารและ โภชนาการ เพ่ือเพิ่มศักยภาพในการดูแลตนเองให้เหมาะสมกับเป้าหมายสุขภาวะและความต้องการ ของผสู้ งู อายุกลุม่ นัน้ ๆ อยา่ งเหมาะสม เพอ่ื ส่งเสริมการเปน็ พฤฒพลัง 4.3 ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ส่ือการเรียนรู้ด้านอาหารและโภชนาการในกลุ่ม ผู้สูงอายุ โดยเนน้ ใหผ้ ู้สงู อายสุ ามารถเรียนร้ไู ดด้ ้วยตนเองตลอดชวี ติ ตามความตอ้ งการ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 7 บทที่ 2 วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกีย่ วข้อง การศึกษาวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาการพัฒนารูปแบบการใช้ส่ือการเรียนรู้ด้าน อาหารและโภชนาการสำหรับผู้สงู อายใุ นเขตพื้นท่ตี ำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ผ้วู จิ ยั ได้ ศึกษาและค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี ความรู้ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับงานวิจัย และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ดงั ต่อไปน้ี นิยาม “ผู้สูงอาย”ุ “ผู้สูงอายุ” เป็นวัยบ้ันปลายของชีวิต ดังน้ันปัญหาของผู้สูงอายุในทุกด้านโดยเฉพาะด้าน สังคม และสาธารณสุขจึงแตกต่างจากคนในวัยอื่น ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าจำนวนผู้สูงอายุ เพ่ิมข้ึน อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและท่ัวโลก ซ่ึงรัฐบาลไทยและทั่วโลกได้ตระหนักถึง ความสำคัญในเรื่องน้ี จึงมีความพยายามและมีการรณรงค์อย่างต่อเน่ืองให้ทุกคนตระหนัก เขา้ ใจ และ พร้อมดแู ลผูส้ ูงอายุให้ทัดเทียม เชน่ เดียวกับการดแู ลประชากรในกลุม่ อายอุ ่นื “ผู้สูงอายุ” หรือบางคนเรียกว่า “ผู้สูงวัย” เป็นคำที่บ่งบอกถึงตัวเลขของอายุว่ามีอายุมาก โดยนิยมนับตามอายุต้ังแต่แรกเกิด (Chronological age) หรือท่ัวไป เรียกว่า คนแก่ หรือ คนชรา โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของค าว่า คนแก่ คือ มีอายุมาก หรือ อยู่ในวัย ชรา และให้ความหมายของค าว่า ชรา คือ แก่ด้วยอายุ ชำรุดทรุดโทรม นอกจากนั้นยังมีการเรียก ผู้สูงอายุว่า “ราษ ฎ รอาวุโส” (Senior citizen) ส่วนองค์การอนามัยโลก (World Health Organization, WHO) และองค์การสหประชาชาติ (United Nations,UN) ใช้คำในภาษาอังกฤษของ ผู้สูงอายุว่า Older person or Elderly person แต่ในส่วนขององค์การอนามัยโลกและองค์การ สหประชาชาติ มักใช้คำว่า Older person มากกว่า Elderly person องค์การสหประชาชาติ ได้ให้ นิยามว่า \"ผู้สูงอายุ\" คือ ประชากรทั้งเพศชายและเพศหญิงซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีข้ึนไป โดยเป็นการ นิยามนับต้ังแตอ่ ายุเกดิ สว่ นองค์การอนามัยโลกยงั ไม่มีการ ใหน้ ิยามผู้สงู อายุ โดยมีเหตุผลว่าประเทศ ต่าง ๆ ทั่วโลกมีการนิยามผู้สูงอายุต่างกัน ทั้งนิยามตามอายุเกิด ตามสังคม (Social) วัฒนธรรม (Culture) และสภาพร่างกาย (Functional markers) เชน่ ในประเทศที่เจริญแล้ว มักจดั ผู้สงู อายุนับ จากอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือบางประเทศอาจนิยามผู้สูงอายุตามอายุก าหนดให้เกษียณงาน (อายุ 50 หรือ 60 หรือ 65 ปี) หรือนิยามตามสภาพของร่างกาย โดยผู้หญิงสูงอายุอยู่ในช่วง 45 – 55 ปี ส่วน ชายสูงอายุ อยู่ในช่วง 55 – 75 ปี สำหรับประเทศไทย \"ผู้สูงอายุ\" ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 หมายความว่า บคุ คลซึ่งมอี ายุเกินกว่าหกสบิ ปีบริบรู ณ์ข้นึ ไปและมสี ัญชาตไิ ทย ส่วนคำว่า \"สังคมผู้สูงอายุ\" องค์การสหประชาชาติ แบ่งเป็น 3 ระดับ คอื ระดับการก้าวเข้า สู่ สังคมผู้สูงอายุ (Aging society หรือ Aging society) ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 8 society) และ ระดับ Super-aged society โดยให้นิยามของระดับต่าง ๆ ซึ่งท้ังประเทศไทยและ รวมทง้ั ประเทศตา่ ง ๆ ท่วั โลกใชค้ วามหมายเดยี วกันในนยิ ามของทุกระดบั ของสงั คมผู้สงู อายุดงั น้ี การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คือ การมีประชากรอายุ 60 ปขี ้ึนไปรวมทั้งเพศชายและเพศหญิง มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรท้ังประเทศ หรือมีประชากรอายุต้ังแต่ 65 ปี เกินร้อยละ 7 ของ ประชากร ทง้ั ประเทศ สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คือ เมื่อประชากรอายุ 60ปีขึ้นไป เพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ 20 หรือ ประชากรอายุ 65 ปี เพิม่ เป็นรอ้ ยละ 14 ของประชากรโดยรวมทง้ั หมดของทง้ั ประเทศ Super-aged society คือ สังคมท่ีมีประชากรอายุ 65 ปีข้ึนไปมากกว่าร้อยละ 20 ของ ประชากรทั้งประเทศ เก่ียวกับพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติผู้สูงอายุได้ถูกตราขึ้นมาด้วย เหตุผลหลักเน่ืองจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 54 ที่ใช้อยู่ใน ขณะนั้นได้กำหนดเก่ียวกับสิทธิผู้สูงอายุให้มีสิทธิได้รับความ ช่วยเหลือจากรัฐ ท้ังน้ี เพื่อให้เป็นไป ตามที่กฎหมายบัญญัติและเพ่ือให้ได้กฎหมายท่ีครอบคลุมทุกด้านสำหรับ ผู้สูงอายุดังนั้น เพื่อให้การ ดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนต่อสิทธิและประโยชน์ของผู้สูงอายุ เปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและสอดคลอ้ งกับบทบัญญัตขิ องรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย จงึ ได้มี การตราพระราชบญั ญัตผิ ู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 นีข้ ึ้น แต่ต่อมาพระราชบัญญตั ิฯ นี้ ได้ถกู นำแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเหมาะสมโดยพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2553 ซึ่งได้มี การให้ยกเลิก ความในพระราชบญั ญตั ผิ สู้ งู อายุ พ.ศ. 2546 บางสว่ น กลา่ วคือ - มาตรา 3 ได้บัญญัติไว้ว่า “ให้ยกเลิกความใน (5) ของมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติ ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน “(5) กำหนดระเบียบเก่ียวกับการพิจารณาอนุมัติ การจ่ายเงินเพ่ือการคุ้มครอง การส่งเสรมิ การสนับสนุน และการจัดสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุตามมาตรา 20 (2)” - มาตรา 4 ให้ยกเลิกความใน (11) ของมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน “(11) การจ่ายเงนิ เบ้ียยังชีพเป็นรายเดือนอย่างท่วั ถึงและเป็นธรรม” - มาตรา 5 ให้ยกเลิกความใน (2) ของมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(2) พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงิน เพ่ือการคุ้มครอง การส่งเสริม การ สนับสนุน และการจัดสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด” ซึ่ง พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 นั้นได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 มีทั้งส้ิน 24 มาตรา นิยาม “ผู้สูงอายุ” ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 “ผู้สูงอายุ” ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 หมายความว่า บุคคลซ่ึงมีอายุเกินกว่า หกสิบปี บริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทย จากคำนิยามดังกล่าว จะเห็นได้ว่าบุคคลที่จะเป็นผู้สูงอายุได้ตาม
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 9 กฎหมายของประเทศไทยและ จะได้รับสิทธิตามพระราชบัญญัตฯิ ฉบับนี้จะต้องเป็นบุคคลท่ีมีอายุหก สิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและจะต้องเป็น สัญชาติไทยเท่านั้น น่ันหมายถึง ผู้ท่ีเดินทางเข้ามาทำงานหรือ อพยพล้ีภัยเข้ามาในประเทศไทย ไม่สามารถมีสิทธิท่ีจะได้รับสวัสดิการและการช่วยเหลือใดจากรัฐท้ัง ปวง แมว้ ่าจะเป็นผทู้ เี่ สียภาษีอากรใหแ้ กร่ ฐั กต็ าม สรุปสาระสำคญั ของพระราชบญั ญตั ผิ ู้สงู อายุ พ.ศ. 2546 มีดงั นี้ - ให้มีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “กผส.” โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็น ประธานกรรมการ และมีผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผสู้ ูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นกรรมการและเลขานุการ ซ่ึงจะ รับผิดชอบ และประสานงานเกี่ยวกับรายละเอียดและกฎหมายรองรับของพระราชบัญญัติผู้สูงอายุน้ี โดยตรง - มาตรา 11 บัญญัติว่าผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนใน ดา้ น ต่าง ๆ ดงั น้ี (1) การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขทีจ่ ัดไวโ้ ดยให้ความ สะดวกและรวดเร็ว แก่ ผ้สู งู อายเุ ปน็ กรณีพิเศษ (2) การศึกษา การศาสนา และขอ้ มูลข่าวสารที่เปน็ ประโยชนต์ ่อการดำเนนิ ชวี ิต (3) การประกอบอาชพี หรอื ฝึกอาชีพที่เหมาะสม (4) การพัฒนาตนเอง และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่าย หรือชมุ ชน (5) การอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยโดยตรงแก่ผู้สูงอายุในอาคาร สถานท่ี ยานพาหนะหรอื การบริการสาธารณะอืน่ (6) การช่วยเหลือด้านคา่ โดยสารยานพาหนะตามความเหมาะสม (7) การยกเวน้ คา่ เขา้ ชมสถานทข่ี องรฐั (8) การช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซ่ึงได้รับอันตรายจากการท าทารุณกรรม หรือถูกแสวงหา ผลประโยชน์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรอื ถกู ทอดทิง้ (9) การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอ่ืนท่ีเก่ียวข้องในทางคดี หรือในการแก้ไขปัญหา ครอบครวั (10) การจดั ท่พี กั อาศยั อาหารและเครื่องนุง่ ห่มให้ตามความจำเป็นอยา่ งทว่ั ถึง (11) การสงเคราะห์ “เบ้ียยงั ชีพ” ตามความจำเป็นอย่างทัว่ ถึงและเปน็ ธรรม (12) การสงเคราะหใ์ นการจัดการศพตามประเพณี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 10 (13) การอื่นตามทค่ี ณะกรรมการประกาศ กำหนดการดำเนินการท้ังหมดตอ้ งให้หน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่งของกระทรวงหรือทบวง ในราชการบริหารส่วนกลางราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบริหารสว่ นท้องถ่ินและรัฐวิสาหกจิ เปน็ ผู้มี อำนาจหน้าท่ีรับผิดชอบดำเนินการ และเม่ือปี พ.ศ. 2540 องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหลักการเกี่ยวกับสิทธิของผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามรับรองแล้วในการประชุมระหว่างประเทศท่ีประเทศออสเตรีย และในการ ประชุมท่ีกรงุ แมดรดิ ประเทศสเปน เมื่อปี พ.ศ. 2545 ซึ่งเปน็ การประชุมสมัชชาโลกว่าด้วยผู้สูงอายุที่ ประเทศไทย รบั ทจี่ ะจัดทำแผนผู้สูงอายุแหง่ ชาติฉบับที่ 2 (2545 – 2564) โดยมีข้อสังเกตในที่ประชุม ท่ีเป็นประเด็นสำคญั มีผลกระทบตอ่ ระบบสวัสดิการของผู้สูงอายุเป็นอยา่ งมากทงั้ ในประเทศเยอรมัน สหราชอาณาจกั ร และเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากสถานการณ์โลกท่เี ปลี่ยนไปและแนวโนม้ ของผู้สูงอายุท่ี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คนอายุยืนมากข้ึนเร่ือย ๆ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะประชากรผู้สูงอายุ ส่วนคนในวัย ทำงานจะลดน้อยลง อันจะเปน็ ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ และสังคมสว่ นรวม สหประชาชาติมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้มีคุณค่า โดยเฉพาะคุณค่า ใน ตนเอง มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่งเสริมประชากร มุ่งสร้างชีวิตในแต่ละวัยให้มีคุณภาพบนพ้ืนฐาน ของ การรักษาสุขภาพอนามัยที่ดี เพ่ือลดอัตราเจ็บป่วยและพิการในผู้สูงอายุ สร้างสังคมให้คนทุกวัย อยู่ร่วมกัน อย่างสมานฉันท์่ มีความเอ้ืออาทร ห่วงใยกันและกัน การมีอิสระในการพ่ึงพาตนเอง การมี สว่ นร่วมของ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะสิทธิด้านสังคมและสิทธดิ ้านการรบั บริการ สิทธิในด้านการอุปการะ เลีย้ งดูโดยเฉพาะสิทธิ ในด้านสุขภาพอนามัย ความพิการ การฟืน้ ฟูสมรรถภาพทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณร์ วมถึงสิทธใิ นการ บรรลคุ วามตอ้ งการ โดยเฉพาะด้านข่าวสาร การศกึ ษา และอาชีพ - พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ได้มีการกำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนข้ึนกองทุนหน่ึง ในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ กระทรวง พฒั นาสงั คมและความม่ันคงของมนษุ ย์ เรียกว่า “กองทนุ ผสู้ ูงอายุ” • เพ่ือใช้เป็นทุนใช้จ่ายเก่ียวกับการคุ้มครองการส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุ โดยมี เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้และงบประมาณรายจ่ายประจำปีเงินบริจาค เงินอุดหนุน และดอก ผล • สำหรับผู้ท่ีบริจาคเงินและทรัพย์สินให้แก่กองทุน จะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับทรัพย์สิน ทีไ่ ด้บริจาคนนั้ - ผู้อุปการะเลี้ยงดูบุพการีของตนเองและบุพการีของคู่สมรส ที่ไม่มีรายได้เพียงพอแก่การ ยังชพี จะไดร้ บั การลดหยอ่ นภาษี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกบั วยั ผูส้ ูงอายุ ในปัจจุบนั ผู้สูงอายุท่ีอยู่ในกลุ่มแรงงานซ่ึงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานนอกระบบ ได้รับค่าเล้ียง ชีพ จากรัฐบาลเดือนละ 600 บาท ถึง 1,000 บาท ซึ่งเป็นอานิสงส์โดยตรงจากรัฐธรรมแห่ง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 11 ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ท่ีได้กำหนดไว้ว่าบุคคลซ่ึงอายุเกิน 60 ปี และมีรายได้ไม่ เพยี งพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รบั ความช่วยเหลอื จากรัฐตามทีก่ ฎหมายกำหนด ซ่ึงต่อมาเม่ือได้มีการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ขึ้น รัฐ ธรรมนูญฯ ฉบับดังกล่าวน้ีก็ยังได้สืบทอดเจตนารมณ์การช่วยเหลือผู้สูงอายุไว้แม้จะเกิดรัฐประหารใน ปี 2549 ทำให้รัฐธรรมนูญ 2540 ถูกยกเลิกไปก็ตาม โดยต่อมาได้มีการเพ่ิมเบ้ียเลี้ยงชีพผู้สูงอายุซ่ึง ได้รับสูงสุด เดือนละ 1,000 บาท และสำหรับในส่วนของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2559 (ฉบับ ลงประชามติ) นั้น ได้บัญญัติเก่ียวกับการช่วยเหลือผู้สูงอายุไว้อย่างกว้าง ๆ โดยเป็นการกำหนดให้ความช่วยเหลือไว้รวม ๆ ท้ังเดก็ เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผยู้ ากไร้ และ ผูด้ อ้ ยโอกาส ซ่ึงรฐั ธรรมนญู ฯ นไ้ี ด้กำหนดไว้ว่า “รัฐพงึ ใหค้ วามชว่ ยเหลือ” กลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยให้ สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพซึ่ง ต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความต้องการที่แตกต่างกัน อีก ท้งั ยังตอ้ งคำนึงถึงความเป็นธรรม ไมแ่ ยกหรอื เนน้ การให้ความชว่ ยเหลือกลมุ่ ใดเป็นสำคัญ โดยเฉพาะ กลุ่มผู้สูงอายุซ่ึงถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลแต่ละ ชุดจะดำเนินการ แนวคดิ และทฤษฎีเกย่ี วกบั ผู้สูงอายุ แนวคิดและทฤษฎีด้านร่างกายของผู้สูงอายุท่ีสำคัญ แบ่งเป็นทฤษฎีพัฒนาการทางกายภาพ แนวคิดทฤษฎีด้าน จิตวิทยาสังคมวิทยาของวัยผู้สูงอายุ และแนวคิดทฤษฎีด้านสภาพแวดล้อมของ ผู้สูงอายุ ทฤษฎีพัฒนาการทางกายภาพ ประกอบด้วย (1) ทฤษฎีการสกึ หรอ (Wear and Tear) เป็น การอธิบายความเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่เสื่อมลงตามล าดับ มีการซ่อมแซมตนเองเป็นระยะ แต่ ภายหลังความเสื่อมที่เพ่ิมมากขึ้น จนเซลล์ไม่สามารถซ่อมตนเองได้ จึงเส่ือมถาวรในท่ีสุด การแก้ไข ปรับปรุงพันธุกรรมก่อให้เกิดผลเสียเมื่ออายุเพ่ิมข้ึนจนเข้าสู่วัยชรา (2) ทฤษฎีอนุมูลอิสระ (Free Radical) เป็นการอธิบายการทำงานของอนุมูลอิสระช่วยผู้สูงอายุขณะที่เมตาโบลิซึม (metabolism) ยังทำงาน อนุมูลอิสระเป็นผลจากการผลิตของเสียของเซลล์ นับเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บของ มนุษย์ และเพ่ิมโอกาสการเกิดอนุมูลอิสระตามอายุที่เพ่ิมข้ึน (3) ทฤษฎีระบบภูมิคุ้มกัน เป็นระบบ ป้องกนั อันตรายจากเชื้อโรคในร่างกาย เม่ือสูงวยั ขึ้นระบบภูมิคุ้มกันจะเส่ือมลงตามลำดับ ทำใหผ้ ู้ป่วย เจ็บป่วยในท่ีสุด (4) ทฤษฎีต่อต้านความชรา เป็นแนวคิดที่ต่อต้านความชราท่ีมีท้ังการใช้ฮอร์โมนการ เจริญเติบโต หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้านอนุมูลอิสระ การจำกัดพลังงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพ่ือ ฟืน้ ฟูเซลล์ การยับยง้ั ความเสื่อมของเซลล์ แต่ปัจจัยท่ีทำใหผ้ ู้สูงอายุมีชีวิตท่ียืนยาวมาจากรูปแบบการ ใชช้ ีวติ โภชนาการ และการมีสุขภาพทดี่ ี แนวคิดทฤษฎีด้านจิตวิทยาสังคมวิทยาของวัยผู้สูงอายุ ประกอบด้วย (1) ทฤษฎีการปล่อย วาง (Disengagement Theory) เปน็ ทฤษฎีท่ีมีสมมติฐานว่าเม่อื บุคคลมอี ายุเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็น ผู้สูงอายุ บุคคลจำเป็นต้องปล่อยวางท่ีสำคัญ คือตำแหน่งและอำนาจ เพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 12 (2) ทฤษฎีกิจกรรมและทฤษฎีความต่อเนื่อง มีสมมติฐานว่าผู้สูงวัยต้อง หากิจกรรมท่ีเหมาะสมตาม ความชอบและลักษณะทางกายภาพท่ีเหมาะสม ผู้สูงอายุต้องมีกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับวิถีชีวิต เป็น ความเปล่ียนแปลงตามความสนใจ ทำให้เร่ิมต้นนับตั้งแต่การก้าวสู่วัยผู้ใหญ่และทำต่อเน่ืองจน กลายเป็นวัยผู้สูงอายุ ทำให้บุคคลน้ันปรับตัวน้อย และสามารถกระตือรือล้นจนตลอดบั้นปลายของ ชวี ติ (3) แนวคดิ และทฤษฎีด้านผ้สู งู อายุทส่ี ำคัญ คือทฤษฎีบทบาท มสี มมติฐานคอื บทบาทของบุคคล อาจไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่บุคคลถูกหล่อหลอมจาก สภาพแวดล้อม บริบท ของบุคคลทุก ดา้ น แนวคิดและทฤษฎีด้านสภาพแวดล้อมของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย (1) ทฤษฎีพัฒนาการด้าน สติปัญญาของผู้สูงอายุ มีสมมติฐานว่าสติปัญญาของผู้สูงวัยเส่ือมลงตามวัย แต่หากมีการฝึกฝนเป็น ประจำย่อมทำให้ผู้สูงอายุมีทักษะด้านน้ัน ประสบการณ์นับเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สูงอายุมีมากกกว่าบุคคล ในวัยอื่น นับเป็นประโยชน์กับคนรุ่นต่อไปให้กลับมาทบทวน เป็นบทเรียน หรืออื่นใดภายหลัง (2) ทฤษฎีความทันสมัย มีสมมติฐานว่าการเป็นผู้สูงอายุน้ันมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับความทันสมัย ของเทคโนโลยี ส่งผลให้ผู้สูงอายุสูญเสียอำนาจทางการเมืองการปกครองและอำนาจทางสังคม ความ เปล่ยี นแปลงในสงั คมมีแนวโน้มลดคณุ ค่าผสู้ ูงอายุลง 1. ความหมายของผ้สู งู อายุ คำท่ีใช้เรียกบุคคลว่า ชราหรือสูงอายุน้ัน โดยท่ัวไปเป็นคำท่ีใช้เรียนแทนบุคคลท่ีมีอายุมาก ผมขาว หน้าตาเห่ียวย่น การเคล่ือนไหวเชื่องช้า พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542: 347) ให้ ความหมายของคำว่าชราวา่ แก่ด้วย อายุชำรุดทรุดโทรมแต่คำน้ีไม่เป็นที่นิยมเพราะก่อใหเ้ กิดความหด หู่ใจ และท้อแท้ส้ินหวัง ท้ังน้ีจากผลการประชุมของคณะผู้อาวุโส โดย พล.ต.ต.หลวงอรรถสิทธิสุนทร เป็นประธานได้กำหนดคำให้เรียกว่า ผู้สูงอายุแทน ต้ังแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2512 เป็นต้นมา ซ่ึงคำนี้ เป็นคำท่ีมีความหมายยกย่องให้เกียรติแก่ผู้ท่ีชราภาพกว่าเป็นผู้ท่ีสูงทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และ ประสบการณ์มากกว่า จากการประชมุ วิชาการด้านผู้สูงอายุขององค์การสหประชาชาติในองคก์ ารสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1995 United Nation Conference on Aging ใช้คำว่า “Older Person” สำหรับเรียก ผู้สูงอายุ และได้ให้ความหมายว่า ผู้สูงอายุ หมายถึง ผู้ท่ีมีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยพิจารณาจาก กระบวนการทางชีววิทยาที่เป็นช่วงสุดท้ายของวัฏจักรชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะในระยะ 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ของช่วงอายุของคนเรา จะมีความสูญเสียทางจิตใจ เศรษฐกิจและสังคมมากที่สุด (United Nation ,1995 : 2-3) องค์การอนามัยโลก (The World Health Organization : WHO ) ใช้คำว่า “elderly” สำหรับเรียกผู้สูงอายุ และได้รับความหมายว่า ผู้สูงอายุ คือ ผู้ท่ีมีอายุ 60 ปีขึ้นไป เช่นเดียวกับ ความหมายขององค์การสหประชาชาติ และได้แบ่งช่วงของผู้สูงอายุอกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงที่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 13 หน่ึง เรียกว่า “ The elderly” เป็นช่วงอายุระหว่าง 60-75 ปี ช่วงที่สอง เรียกว่า “The old” หมายถงึ ช่วงอายรุ ะหวา่ ง 76-90 ปีและช่วงสุดท้าย เรยี กว่า “The very old” หมายถึงช่วงอายตุ ้ังแต่ 90 ปขี ้ึนไป (Cavanaugh, 1997 อา้ งถงึ ใน ธราธร ดวงแกว้ และหริ ญั ญา เดชอุดม: 11) Murry & Zentner. 1985. (อา้ งถงึ ในธราธร ดวงแกว้ และหิรญั ญา เดชอุดม: 11) อธบิ ายว่า ผ้สู ูงอายหุ รือวัยสูงอายุ เป็นภาวะของการมีอายสุ ูงข้นึ หรอื แกม่ ากขึ้น โดยพิจารณาต้ังแต่อายุ 60 ปีขึ้น ไป และถือว่าวัยนี้เป็นวัยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของวัยผู้ใหญ่ ซ่ึงอาจจะมีความอ่อนแอของร่างกายและ จิตใจ ตลอดจนการเจ็บปว่ ยหรอื ความพิการร่วมด้วย เจมส์และเรนเนอร์ (อ้างถึงใน เพ็ญผกา กาญจโนภาส 2541:11) ได้ให้ความหมายของ ผู้สูงอายุ ว่า หมายถึง การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นเป็นธรรมดาในสิ่งมีชีวิตและได้แบ่งระดับของความ สงู อายุออกเป็น 4 ประเภท คอื 1. การสูงอายุตามวัย (Chronological aging) หมายถึง การสูงอายุตามปีปฏิทินโดยนับจาก ปที ี่เกดิ เปน็ ต้นไป 2. การสูงอายุตามสภาพร่างกาย (Biological aging) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงทางด้าน ร่างกายและกระบวนการหนา้ ทท่ี ่ีปรากฏขณะทมี่ อี ายุเพ่ิมข้ึน 3. การสูงอายุตามสภาพจิตใจ (Psychological aging) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงในหน้าท่ี ของการรับรู้ แนวความคิด ความจำ การเรียนรู้ เชาวน์ปัญญาและลักษณะที่ปรากฏในระยะต่างๆของ แต่ละคนทีม่ ีอายเุ พม่ิ ขน้ึ 4. การสูงอายุตามสภาพสังคม (Sociological aging) หมายถึง การเปล่ียนแปลงบทบาท หน้าท่ี สถานภาพของบุคคลในระบบสงั คม เช่น ครอบครัว หน้าท่ีการงาน รวมถงึ ความสำคัญในฐานะ ผทู้ ีม่ ปี ระสบการณ์ ความสูงอายุ (Aging) หมายถึงการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในระยะสุดท้ายในช่วง อายขุ องมนษุ ย์ และดำเนนิ ไปอย่างต่อเนื่องจนสิ้นสดุ อายุขัยของส่ิงมีชีวิตนั้น ๆ ประเทศไทยกำหนดให้ บุคคลที่มีอายุ 60 ปีข้ึนไป ถือเป็นผู้สูงอายุ และถือเป็นเกณฑ์ท่ีใช้สำหรับในการปลดเกษียณอายุ ราชการด้วย ความสูงอายุเม่ือเกิดกับผูใ้ ดจะมีลักษณะดังน้ี (เสาวลักษณ์ แย้มตรี ชุมพล พลนรา และ อานนท์ แย้มตรี, 2542: 4) 1. ผิวหนังเห่ียวย่น ผมหงอก ฟันโยก ผู้หญิงหมดประจำเดือน และมีความเสื่อมโทรมปรากฏ ให้เหน็ โดยทัว่ ไป 2. มีความรู้สึกเร่ียวแรงอ่อนลง เหน่ือยง่าย มองภาพไม่ชัด หูตึง รับรส กลิ่นน้อยลง ความจำ เสือ่ ม เรยี นรู้สิ่งใหมไ่ ดช้ า้ ขาดความคล่องแคลว่ การทำงานลดลง เจบ็ ปว่ ยง่าย 3. ขาดความมั่นใจในตนเอง วิตกกังวลง่าย หงอยเหงา ใจน้อย บางครั้งซึมเศร้า แยกตัวหรือ บางคนอาจพดู มาก เพ้อเจ้อ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 14 สุรกุล เจนอบรม (2541: 6-7) ได้กำหนดการเป็นบุคลสูงอายุไว้ว่าบุคคลผู้จะเข้าข่ายเป็น ผสู้ ูงอายุ มีเกณฑใ์ นการพิจารณาแตกต่างกนั โดยกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาความเป็นผู้สงู อายุไว้ 4 ลกั ษณะดังนี้ 1. พิจารณาความเป็นผสู้ ูงอายุจากอายจุ ริงท่ีปรากฏ (Chronological Aging) จากจำนวนปี หรอื อายทุ ีป่ รากฏจริงตามปีปฏทิ นิ โดยไมน่ ำเอาปจั จัยอน่ื มาร่วมพิจารณาดว้ ย 2. พิจารณาความเป็นผู้สูงอายุจากลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย (Physiological Aging หรือ Biological Aging) กระบวนการเปล่ยี นแปลงน้จี ะเพิม่ ข้นึ ตามอายขุ ัยในแต่ละปี 3. พิจารณาความเป็นผู้สูงอายุจากลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ(Psychological Aging) จากกระบวนการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นจิตใจ สตปิ ัญญา การรบั รูแ้ ละเรยี นรู้ทถี่ ดถอยลง 4. พิจารณาความเป็นผู้สูงอายุจากบทบาททางสังคม (Sociological Aging) จากบทบาท หน้าที่ทางสังคมท่ีเปลี่ยนแปลงไป การมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคล ตลอดจนความรับผิดชอบในการ ทำงานลดลง ศศิพัฒน์ ยอดเพชร (2544: 10 – 11) ได้เสนอข้อคิดเห็น ของ บาร์โร และสมิธ (Barrow and Smith) ว่า เป็นการยากที่จะกำหนดว่าผู้ใดชราภาพหรือสูงอายุ แต่สามารถพิจารณาจาก องค์ประกอบต่าง ๆ ได้ดงั นคี้ ือ 1. ประเพณีนิยม (Tradition) เป็นการกำหนดผู้สูงอายุ โดยยึดตามเกณฑ์อายุท่ีออกจาก งานเช่น ประเทศไทยกำหนดอายุวัยเกษียณอายุ เม่ืออายุครบ 60 ปี แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา กำหนดอายุ 65 ปี เป็นต้น 2. การปฏิบัติหน้าที่ทางร่างกาย (Body Functioning) เป็นการกำหนดโดยยึดตาม เกณฑ์ทางสรีรวิทยาหรือทางกายภาพ บุคคลจะมีการเส่ือมสลายทางสรีรวิทยาท่ีแตกต่างกันในวัย สูงอายุอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จะทำงานน้อยลงซึ่งแตกต่างกันในแต่ละบุคคล บางคนอายุ 50 ปี ฟนั อาจจะหลุดทัง้ ปากแตบ่ างคนอายถุ ึง 80 ปี ฟนั จงึ จะเรม่ิ หลุด เปน็ ตน้ 3. การปฏิบัติหน้าท่ีทางด้านจิตใจ (Mental Functioning) เป็นการกำหนดตามเกณฑ์ ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ การจำ การเรียนรู้ และความเส่ือมทางด้านจิตใจ สิ่งที่พบมาก ที่สุดในผู้ที่สูงอายุคือ ความจำเริ่มเส่ือม ขาดแรงจูงใจซ่ึงไม่ได้หมายความว่าบุคคลผู้สูงอายุทุกคนจะมี สภาพเช่นนี้ 4. ความคิดเก่ียวกับตนเอง (Self - Concept) เป็นการกำหนดโดยยึดความคิดที่ ผูส้ ูงอายุมองตนเอง เพราะโดยปกติผู้สูงอายุมักจะเกิดความคิดว่า “ตนเองแก่ อายุมากแล้ว” และ สง่ ผลต่อบุคลิกภาพทางกาย ความรู้สึกทางด้านจิตใจ และการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งิ เหล่านี้ จะเปลย่ี นแปลงไปตามแนวความคิดที่ผู้สงู อายุน้นั ๆ ไดก้ ำหนดข้นึ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 15 5. ความสามารถในการประกอบอาชีพ (Occupation) เป็นการกำหนดโดยยึดความสามารถ ในการประกอบอาชีพโดยใช้แนวความคิด จากการเสื่อมถอยของสภาพทางร่างกาย และจิตใจ คน ท่ัวไปจึงกำหนดว่าวยั สงู อายุเปน็ วัยทตี่ อ้ งพกั ผอ่ น หยดุ การประกอบอาชพี ดงั น้นั บุคคลที่อยู่ในวัย สูงอายุ จึงหมายถงึ บคุ คลทม่ี ีวยั เกินกวา่ วัยท่ีจะอยใู่ นกำลงั แรงงาน 6. ความกดดันทางอารมณ์และความเจ็บป่วย (Coping with Stress and Illness) เป็น การกำหนดโดยยึดตามสภาพร่างกาย และจิตใจ ผู้สูงอายุจะเผชิญกับสภาพโรคภัยไข้เจ็บอยู่เสมอ เพราะสภาพทางร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เร่ิมเสื่อมลง นอกจากนั้น ยังอาจเผชิญกับปัญหา ทางด้านสังคมอื่น ๆ ทำให้เกิดความกดดันทางอารมณ์เพิ่มข้ึนอีก ส่วนมากมักพบกับผู้มีอายุระหว่าง 60 - 65 ปีขึ้นไป 2. การเปล่ยี นแปลงของผู้สงู อายุ เป็นวัยท่ีมีการเปล่ียนแปลงในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านสรีระ ด้านจิตใจ และด้านสังคม การ เปล่ียนแปลงดังกล่าวนี้สามารถสรุป (โกศล วงศ์สวรรค์, สุธีลา ตุลยะเสถียร, และสถิต วงศ์สวรรค์, 2544; เพอ่ื นช่วยจำ, 2551; จนิ ตนา สงคป์ ระเสรฐิ , 2538) ได้ดงั น้ี 2.1 การเปล่ยี นแปลงทางด้านรา่ งกาย การเปล่ียนแปลงทางด้านร่างกาย ที่เกิดข้ึนในทุกระบบหน้าที่ของร่างกาย ซึ่งการ เปล่ยี นแปลงของอวัยวะและระบบต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาทางดา้ นรา่ งกายของผู้สงู อายุ มีดงั นี้ 1) ระบบผิวหนัง ผิวหนังบางลง เซลล์ผิวหนังมีจำนวนน้อยลง เซลล์ที่เหลืออยู่เจริญ ช้าลงทำให้การหายของแผลช้าลง การทำงานของตัวรับการกระตุ้นท่ีผิวหนังและการไหลเวียนโลหิต ส่วนปลายลดลง จึงทำให้เกิดแผลและอุบัติเหตุท่ีผิวหนังได้ง่าย ผิวหนังขาดการตึงตัว ไขมันใต้ผิวหนัง ลดลงที่บริเวณใบหน้าและหลังมือ แต่เพ่ิมข้ึนบริเวณหน้าท้องและต้นขา รวมท้ังการกดทับเส้นเลือด ฝอยใต้ผิวหนังจะหนา การซึมผ่านของออกซิเจน อาหารเข้าสู่เซลล์เน้ือเย่ือต่ำ ความแข็งแรงของ ผิวหนังลดลง ผมและขนมีจำนวนน้อยลงเมลานินซึ่งผลิตจากเซลล์สร้างสีของผมลดลง ทำให้ผมและ ขนทั่วไปสีจางลงกลายเป็นสีขาวหรือสีเทา เส้นผมร่วงและแห้งง่าย เน่ืองจากการไหลเวียนโลหิต บริเวณศรี ษะลดลง (Squire) 2) ระบบกล้ามเน้ือและกระดูก จำนวนและขนาดเส้นใยของกล้ามเนื้อลดลง มี เน้ือเย่ือเก่ียวพันเข้ามาแทนที่มากขึ้น มีผลทำให้ความแข็งแรงและความว่องไวในการเคล่ือนท่ีของ ร่างกายลดลง ประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ในกล้ามเนื้อลดลง เซลล์กระดูกลดลง แคลเซียม สลายออกจากกระดูกมากข้ึนและไปเกาะบรเิ วณกระดกู ออ่ น เชน่ ชายโครง ทำให้การเคลื่อนไหวของทรวงอกลดลง ทำให้กระดูกผู้สูงอายุเปราะและหักง่าย แม้ว่าจะ ไม่ได้รับอุบัติเหตุ ความยาวของกระดูกสันหลังลดลงและผุมากขึ้น เพราะหมอนรองกระดูกบางลง ทำ ใหเ้ กิดหลงั คอ่ มและเอยี งมากข้ึนความสูงลดลง 2 นิว้ จากอายุ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 16 20-70 ปี (1.2 เซนติเมตร ทุก 20 ปี) ความยาวของกระดูกยาวคงที่ แต่ภายในจะกลวงมากขึ้น การ ทรงตัวไม่ดี ไม่กระฉับกระเฉง ความสามารถในการดูแลตนเองและการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันจึง ลดลง กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อต่าง ๆ เสื่อมากขึ้นตามอายุ น้ำไขข้อลดลง เป็นสาเหตุทำให้กระดูก เคลือ่ นทม่ี าสมั ผัสกัน เกดิ ข้ออักเสบและติดเชื้อได้ง่าย 3) ระบบหัวใจและไหลเวียน ในกล้ามเน้ือหัวใจฝ่อลีบ มีเนื้อเยื่อพังผืดไขมัน และ สารไลโปฟสุ ซิน มาสะสมภายในเซลลม์ ากข้ึน ทำใหป้ ระสทิ ธภิ าพในการทำงานลดลง ลิ้นหัวใจแข็งและ หนาขึ้น มีแคลเซียมมาเกาะมากขน้ึ ทำใหก้ ารปิดเปิดของลิน้ หวั ใจไม่ดี เกดิ ภาวะล้นิ หัวใจร่วั และตีบได้ ผนังหลอดเลือดหนาและมีความยืดหยุ่นน้อยลงเพราะมีเส้นใยคอลลาเจนมากขึ้น เกิดภาวะหลอด เลือดแดงแข็งตัว ความแรงของชีพจรลดลง กล้ามเนื้อหัวใจทำงานเพิ่มขึ้น และต้องการออกซิเจน เพ่ิมขึน้ 4) ระบบทางเดินหายใจ หลอดลมและหลอดลมมีขนาดใหญ่ข้ึน ความยืดหยุ่นของ เน้ือเย่ือปอดลดลงเพราะมีเส้นใยอีอาสตินลดลง ความแข็งแรงและการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ช่วยใน การหายใจเข้าออกลดลง เนื้อหมุ้ ปอดแห้งทึบ ทำให้ปอดขยายและหดตัวได้น้อยลง การระบายอากาศ หายใจลดลง ถุงลมมีจำนวนลดลง ถุงลมที่เหลือจะมีขนาดใหญ่ข้ึน ผนังถุงลมแตกง่าย เกิดโรคถุงลม โป่งพองงา่ ย หลอดลมแขง็ ขาดความยดื หยุน่ ทำให้หายใจหอบเหนื่อยได้ง่าย 5) ระบบทางเดินอาหาร การผลิตเอมไซม์ และลดลง 1ใน 3 ทำให้การย่อยแป้งและ น้ำตาลในปากลดลง ความรู้สึกหิวอาหารน้อยลงเนื่องจากการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารลดลง การผลิตน้ำย่อย กรดเกลือและเอนไซม์ต่าง ๆ ในกระเพาะอาหารลดลง การดูดซึมแคลเซียมและธาตุ เหล็ก วิตามินบี 2 ลดลง ผู้สูงอายุเกิดโรคกระดูกผุและโลหิตจางได้ง่าย การเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก และลำไสใ้ หญ่ลดลง ประกอบกับการหดตัวของกล้ามเนื้อหนา้ ท้องลดลง และผู้สงู อายุชอบรบั ประทาน อาหารอ่อน ย่อยง่ายที่ไม่มีกาก จึงเป็นเหตุให้เกิดภาวะท้องผูก ทำให้เบื่ออาหาร ท้องอืดง่าย ตับมี ความสามารถในการทำลายพิษลดลง จึงเกิดพิษของยาได้ง่ายในผู้สูงอายุ ปริมาณน้ำดีลดลง รวมท้ังมี ความหนืดเพม่ิ ขึ้นตามอายุ มีผลทำใหเ้ กิดนิว่ ในถุงนำ้ ดีได้ง่าย ตับออ่ นทำหน้าท่เี ส่ือมลง ผลิตอนิ ซลู นิ ได้ นอ้ ย และ ท่ีผลิตมาน้ัน มีประสิทธภิ าพในการนำน้ำตาลเข้าสู่เนื้อเยอ่ื ต่ำ ทำให้น้ำตาลที่เหลือถูกสะสม เป็นไขมันส่วนหน่ึง อีกส่วนหนึ่งจะคงอย่ใู นกระแสเลือด และมบี างส่วนเท่านัน้ ทีถ่ ูกขับออก ผู้สงู อายจุ ึง เปน็ เบาหวานอยา่ งอ่อนได้ หรือมีแนวโนม้ ที่จะเป็นเบาหวานได้ง่ายกว่าวัยหนมุ่ – สาว 6) ระบบทางเดินปัสสาวะ อัตราการกรองของไตลดลง ทำให้การดูดกลบั ของสารตา่ ง ๆ น้อยลง ทำให้ปัสสาวะเจือจางมากขึ้น ความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะลดลงทำใหก้ ารถ่ายปสั สาวะไม่ ดี กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนกำลังลง จึงมีปัสสาวะตกค้างอยู่มากมายหลังถ่ายปัสสาวะแต่ละ ครั้งมีผลทำให้ผู้สูงอายุปัสสาวะบ่อย นอกจากน้ีผู้สูงอายุชายมีต่อมลูกหมากโต ทำให้ปัสสาวะได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 17 ลำบาก ผู้หญิงกล้ันปัสสาวะไม่อยู่ เพราะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อน โดยเฉพาะในหญิงที่คลอดบุตร มาแลว้ หลายคน 7) ระบบสืบพันธ์ุ ผู้สูงอายุชายลูกอัณฑะเหี่ยวเล็กลงและผลิตเชื้ออสุจิได้น้อยลง ขนาดและรูปร่างของเช้ืออสุจิเปล่ียนแปลง มีความสามารถในการผสมกับไข่น้อยลง ความหนืดของ น้ำเช้ือลดลง ไขมันบริเวณใต้หัวเหน่าและขนลดลง ผู้สูงอายุหญิงรังไข่จะฝ่อเล็ก มดลูกมีขนาดเล็กลง เยื่อบุภายในมดลูกบางลง มีเนื้อพังผืดมากข้ึน ปากมดลูกเห่ียวและมีขนาดเล็กลง รอยย่นและความ ยืดหยุ่นทางช่องคลอดเล็กลง ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บในระหว่างร่วมเพศและความรู้สึกทางเพศลดลง ช่องคลอดสีขาวซีด เพราะมีเลือดมาเลี้ยงน้อยลง ภายในช่องคลอดมีความเป็นด่างมากขึ้น ทำให้เกิด การอกั เสบและติดเชอ้ื ได้งา่ ย 8) ระบบต่อมไร้ท่อ น้ำหนักของต่อมใต้สมองลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ มีเน้ือเย่ือ เก่ียวพนั เข้ามาแทนที่มากขึ้น การไหลเวยี นเลอื ดที่ต่อมใต้สมองลดลง การผลิตฮอร์โมนรังไขเ่ พมิ่ ข้ึนใน ผู้หญิง แต่คงทีแ่ ละเพม่ิ ขึ้นอยา่ งช้า ๆ ในผู้ชาย ส่วนการผลิตฮอร์โมนอืน่ อาจคงท่หี รอื ลดลง 9) ระบบประสาทและประสาทสัมผัส ประสิทธิภาพการทำงานทางสมองและ ประสาทอัตโนมัติลดลง ความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทลดลง ทำให้ความไวและความรู้สึก ตอบสนองต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ ลดลง การเคลื่อนไหวและความคิด เชื่องช้า บางครั้งอวัยวะที่เกี่ยวกับ การเคลื่อนไหวทำงานได้ไม่สัมพันธ์กัน อาจทำให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุได้ง่าย ความจำเส่ือม โดยเฉพาะความจำเร่ืองราวใหม่ แต่สามารถจำเร่อื งราวเกา่ ๆ ในอดีตได้ดี โดยความจำเสื่อมจะเกิดข้ึน เพียงเล็กน้อยในช่วงอายุ 60-70 ปีและค่อย ๆ เพิ่มข้ึนตามอายุ การเรียนรู้และความจำ ผู้สูงอายุจะมี ปัญหาเกี่ยวกับความจำ เม่ืออายุ 70 ปีขึ้นไป โดยความจำประกอบด้วยความจำในอดีต (Remote memory) คือความจำเร่ือราวในอดีตที่ผ่านมา ความจำในเร่ืองปัจจุบัน (Recent Memory) เป็น ความจำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เร่ืองราว ประสบการณ์ หรือข้อมูลที่ได้รับในรอบ 24 ชั่วโมง ความจำ เฉพาะหน้า (Immediate Memory) เปน็ การจดจำเรือ่ งที่เกดิ ข้ึนในทันที ชั่วระยะเวลาอันสั้น (ตัวเลข 5 – 7 หลัก) ความสามารถในการเรียนรู้เร่ืองใหม่ ๆ ลดลงต้องอาศัยเวลานานในการเรียนรู้ สามารถ ทำงานที่มีประสบการณ์มาแล้วได้ดี ความกระตือรือร้นลดลง แบบแผนการนอนเปล่ียนแปลง เวลา นอนนอ้ ยลง เวลาตนื่ มากขึ้น รูม่านตาเล็กลง ปฏิกิริยาตอบสนองทางม่านตาต่อแสงลดลง ทำให้การปรับตัวสำหรับการ มองเห็นในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ดี ความไวในการมองตามภาพลดลง ความสามารถในการเทียบสีลดลง ทำให้แยกสีท่ีคล้ายกันได้ยากข้ึน การผลิตน้ำตาลลดลง ทำให้ตาแห้งและเกดิ การระคายเคืองต่อเยื่อบุ ตาไดง้ ่าย การไดย้ นิ ลดลง มอี าการหตู งึ มากขึน้ ระดบั เสียงสงู จะสูญเสยี การ ได้ยนิ มากกว่าระดับเสียงต่ำ จึงเปน็ เหตใุ หผ้ สู้ งู อายุเป็นคนแยกตัว ชา่ งสงสยั และวาดระแวงในส่งิ ตา่ ง ๆ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 18 การรับกล่ินไม่ดี เพราะมีการเสื่อมของเยื่อบุโพรงจมูกและกระเปาะรับกล่ินในสมอง ทำให้ ผู้สูงอายุไม่สามารถรับกลิน่ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น กล่ินก๊าซร่วั กลิ่นไฟไหม้ การรับรสของล้ิน เสียไป เนื่องจากต่อมรับรู้รสมีจำนวนลดลง โดยเฉพาะต่อมรับรสหวาน จึงเป็นเหตุให้ผู้สูงอายุ รับประทานอาหารรสจัดมากขึ้น หรือรับประทานอาหารไม่อร่อย เกิดภาวะเบ่ืออาหาร การรับ ความรู้สึกสัมผัสต่อสิ่งต่าง ๆ ลดลง การรับความรู้สึกเจ็บปวด ท้ังภายและภายนอกร่างกายลดลง ทำ ให้ผู้สงู อายเุ กดิ อันตรายไดง้ ่ายโดยไมม่ กี ารเตือน เม่ือสภาพร่างกายเสื่อมโทรมลง ทำ ให้ผู้สูงอายุที่แข็งแรงมาตลอดมีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ ได้ มากข้ึนกว่าผู้ที่มีอายุน้อย เช่นโรคปอดบวม ปอดอักเสบ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคกล้ามเน้ือ หัวใจขาดเลือด ความผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง โรคกระดูกพรุนเป็นต้น นอกจากนั้น เนื่องจาก ความเส่ือมของการมองเห็น การได้ยิน และการเคลื่อนไหวท่ีไม่สัมพันธ์กัน ทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิด อุบัติเหตุได้ง่าย และอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็อาจไปทำให้เกิดอันตรายแก่กระดูก หลอดเลือด หรือ เสน้ ประสาททำ ให้เกดิ ความพกิ ารติดตามมาอกี ด้วย ผูส้ ูงอายุท่ีเจบ็ ป่วยมกั จะมีหลายโรค (Multiple Pathology and Diseases) และมีการแสดง ของโรคท่แี ตกต่างจากทีพ่ บในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ทว่ั ไป เชน่ เป็น ปอดบวม แต่อาการและอาการแสดงของปอดไม่ชัดเจน กลับมีอาการซึม สับสน (สุทธิชัย จิตะพันธ์ กุล, 2535) เม่ือมีหลายโรคก็มักจะได้ยาพร้อม ๆ กันหลายชนิด ทำ ให้ร่างกายได้รับผลจากฤทธ์ิ ข้างเคียงของยาต่าง ๆ เข้าไปอีกนอกจากน้ันเม่ือผู้สูงอายุเจ็บป่วย หรือกระดูก กล้ามเนื้อได้รับ ภยนั ตราย ก็จะฟ้ืนตัวและหายช้าเกดิ ปญั หาอื่น ๆ ตามมา 2.2 การเปล่ียนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ มีความสัมพันธ์กับการเปล่ยี นแปลง ทั้งดา้ นรา่ งกายและสังคม การแสดงพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกของสภาพอารมณแ์ ละจิตใจของผ้สู งู อายนุ ั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และลักษณะพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตและบุคลิกภาพของแต่ละ บุคคล โดยท่ัวไปแล้วสภาพความเส่ือมทางอารมณ์และจิตใจ มักจะเกิดควบคู่กันกับการเปลี่ยนแปลง หรือความเส่ือมทางด้านร่างกายประกอบกับการต้องสูญเสียบทบาท ตำแหน่งหรือหน้าท่ีทางสังคม เช่น การเกษียณอายุหรือการเคยเป็นผู้เป็นท่ีพ่ึงของลูกหลาน กับต้องเปล่ียนสภาพมาเป็นผู้พึ่งพา ลูกหลานแทน การต้องสูญเสียส่ิงท่ีรักหรือบุคคลอันเป็นท่ีรัก รวมถึงการขาดการดูแลเอาใจใส่จากคน ในครอบครัว หรือทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง จึงทำให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ (เติมศักดิ์ คทวณิช, 2550) ประกอบกับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงทางจิตใจ ได้แก่ ความจำ เชาวน์ปัญญา การเรียนรู้ บุคลิกภาพ และความเงียบเหงาเดียวดาย ซ่ึงมีการเปล่ียนแปลง ดังน้ี ความจำ ความจำเสื่อมถอยลงเป็นปรากฏการณ์เบ้ืองต้นของการเปล่ียนแปลงไปสู่วัยสูงอายุ ความจำต่อส่ิงใหม่ ๆ มีน้อย กระบวนการจำมเี พียงระยะส้ัน มักลืมเหตุการณ์ปัจจุบันหรือเหตุการณ์ที่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 19 เพ่ิงเกิดขึ้นได้ง่าย แต่พบว่าจำเหตุการณ์ในอดีตได้ดี การมีชีวิตอยู่กับอดีตและความหลังเป็นส่ิงปกติ วสิ ัยในผูส้ งู อายุ เชาวน์ปญั ญา ความรวดเร็วของการใช้ความคิดลดลงตามอายุที่เพิม่ ข้ึน แตค่ วามแมน่ ยำยังคง มเี ทา่ ๆ กับคนหนุ่มสาว ถ้าให้เวลามากขึ้นผู้สงู อายุสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นหรอื ใช้วิจารณญาณ ไดด้ ีในสถานการณ์ทต่ี ้องอาศัยความสุขุม จากประสบการณ์และความรู้อันไดร้ ับการสะสมมาเปน็ ระยะ เวลานาน ส่วนความสามารถในการคำนวณวิเคราะห์ส่ิงต่าง ๆ อาจลดลง แต่ความรู้สึกท่ัวไปและที่ เกยี่ วกบั ภาษา ยังคงมอี ยูก่ ระทง่ั ในบน้ั ปลายของชวี ิต การเรียนรู้ ความสามารถในการเรียนรู้ขึ้นอยู่กับความทรงจำ ซ่ึงมักจะลดน้อยลงในวัยชรา การรบั รู้และการเข้าใจในสิ่งตา่ ง ๆ ในบริบทของชีวติ ท่ีมคี วามซบั ซอ้ นจะเรยี นรไู้ ด้ยาก เช่น เทคโนโลยี ใหม่ๆทางดา้ นสารสนเทศ และการขาดแรงจงู ใจจะมีผลต่อความสามารถในการเรยี นรูใ้ นระยะน้ี บุคลิกภาพ ลักษณะและรูปแบบท่ีเป็นมาแต่ด้ังเดิมของคุณลักษณะทางบุคลิกภาพจะยังคงไว้ แตล่ กั ษณะเด่นเฉพาะและจะแสดงออกมาในวัยสงู อายตุ ามอิทธิพลหรอื ขอ้ จำกัดทางกายและจิตใจ ภาวะเหงา เป็นภาวะที่แสดงถึงการขาดการสนองตอบโต้ทางอารมณ์ จากการศึกษาพบว่า ใน วัยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ร้อยละ 42 เป็นหม้าย ฉะน้ันวัยน้ีจะต้องพบกับการสูญเสียท่ียิ่งใหญ่ในช่วงชีวิต คือการสูญเสียคู่สมรส ซึ่งจะสร้างความกระทบกระเทือนใจได้สูงมาก การอยู่อย่างโดดเด่ียวขาดคู่คิด จะทำให้จิตใจหดหู่ รวมทั้งเพ่ือนฝูงในวัยเดียวกันก็ได้ล้มหายตายจากไปบ้างแล้ว ที่เหลืออยู่ก็อาจจะ ขาดการติดต่อเน่ืองจากสุขภาพไม่เอื้ออำนวยในการเดินทาง จึงต้องอยู่อย่างเหงาหงอยก่อให้เกิด ความรู้สึกท้อแท้ในชีวติ มอี ารมณฉ์ ุนเฉียว โกรธง่าย ส้ินหวงั และอาจเปน็ สาเหตุทำให้ระบบตา่ ง ๆ ของ รา่ งกายยงิ่ อ่อนล้าลงไดอ้ กี ความรู้สกึ ไม่มั่นใจ ขาดเสถียรภาพทางจิตใจ (Insecure) ภาวะไม่มีเสถียรภาพทางจิตใจ เกิด จากการท่ีต้องพ่ึงพาอาศัยผู้อื่นในด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้านเศรษฐกิจ ด้านความคุ้มครองให้ ปลอดภัย ทำให้ผู้สูงอายุหงุดหงดิ ง่าย โมโหง่าย สะเทือนใจง่าย ด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทำให้กลายเป็น คนหยุมหยิม ใจน้อย ฉุนเฉียว โกรธง่าย และวุ่นวายในกิจการของผู้อ่ืน เป็นสาเหตุนำไปสู่การขัดแย้ง กบั ลกู หลานหรือผู้ดูแลได้ ความรู้สึกกลัวตาย ความกลัวตายทำให้ผู้สูงอายุกังวลกับความเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ เกิดขึ้น จึงมักจะต้องพบแพทย์บ่อย ๆ เพราะความกลัวตายนี้ทำให้ผู้สูงอายุหาโรคภัยไข้เจ็บใส่ตนเอง จนบางคร้งั ลกู หลานอาจขุ่นเคืองและรำคาญได้ ความรู้สึกหมดหวัง ส้ินหวัง (Helplessness and Hopelessness) เนื่องจากความเสื่อมของ สมรรถภาพ ทางด้านร่างกายและจิตใจ ผู้สูงอายุอาจมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งท่ีเป็นประโยชน์ให้แก่ ลูกหลาน ให้แก่สังคม อาจกระทำตนให้เป็นประโยชน์ แต่ถูกจำกัดด้วยความเสื่อมถอยทางร่างกาย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 20 และจิตใจที่ผู้สูงอายุไม่อาจจะยับย้ังได้ ความรู้สึกหมดหวัง ทำให้เกิด ความรู้สึกโกรธตนเอง อาจ กลายเป็นภาวะเศร้าไดใ้ นที่สดุ ผู้สงู อายุท่ีปรบั ตัวไมไ่ ด้ อาจเกดิ ปัญหาทางจติ ตามมา ซ่งึ ปัญหาทางจติ ในผู้สงู อายทุ ่ีพบได้บ่อย คอื ซมึ เศร้า ซ่ึงอาการซึมเศรา้ น้ีอาจจะเกิดเนื่องจากภาวะทางจิตโดยตรง หรืออาจเกิดเนื่องจากการมี พยาธิสภาพท่ีสมอง หรือเซลล์สมองเส่ือมร่วมด้วยก็ได้ นอกจากภาวะซึมเศร้าแล้ว โรคอารมณ์ แปรปรวนชนิดคล่ัง (Mania และ Bipolar Disorder) ก็พบได้ แต่มักจะมีสาเหตุสืบเน่ืองมาจาก ผลข้างเคียงของยาบางชนิด หรือเป็นผู้ที่ปัญหาทางด้านอารมณ์มาก่อน แล้วนอกจากน้ีการที่ประสาท การรับรู้ของผูส้ ูงอายเุ สื่อม ประกอบกับความไมส่ มดุลทางอารมณ์กท็ ำ ใหเ้ กดิ โรคจติ หวาดระแวงได้ โดยสรุปแล้วการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของผู้สูงอายุ มีผลเกี่ยวเน่ืองจากความเส่ือมทางกาย ความสามารถในการปรบั ตวั ปรับใจต่อการเปล่ียนแปลงและการสูญเสียหรือเหตุการณ์ร้าย ๆ ท่ีเกิดข้ึน ในชีวิต ตลอดจนภาวะทางเศรษฐกิจ ครอบครัว และส่งิ แวดลอ้ ม 2.2.2.3 การเปล่ียนแปลงทางด้านสังคม สังคมของมนุษย์มีการอยู่ร่วมกันมีปฏิกิริยา โต้ตอบ มีการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน และมีความรู้สึกว่าตนเป็นสมาชิกของกลุ่ม ซึ่ง เหลา่ นี้เป็นความต้องการทางสังคม ในผู้สงู อายุก็เช่นเดียวกนั ผู้สงู อายุต้องการ การยอมรับจากสมาชิก อื่น ๆ ในกลุ่ม ในครอบครัวและในสังคม แต่เม่ือมีการเปล่ียนแปลงทางด้านร่างกายเกิดขึ้น ความสามารถในการทำกิจกรรมช้าลง เน่ืองจากความเสื่อมของร่างกายจึงทำให้ผู้สูงอายุถูกจำกัดหรือ ลดความสำคัญทางสังคม โดยสังคมของผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเหลือแค่เพียงครอบครัวและเพื่อน ร่วมงานที่มีความสนใจและค่านิยมคล้าย ๆ กัน เท่าน้ัน พฤติกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุ จะเน้น ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว ได้แก่ คู่ครอง บุตร-หลาน ดังนั้น ผู้สูงอายุจงึ จำเป็นท่ีจะต้องเปล่ียน บทบาทในครอบครวั จากเปน็ ผู้นำ หรือหัวหน้าครอบครัว ก็เปล่ียนมาเป็นทป่ี รึกษาของบุตรหลานแทน ซง่ึ การเปล่ียนแปลงทางด้านสงั คมท่มี ผี ลตอ่ ผู้สงู อายุ ดงั น้ี 1) การเปลี่ยนแปลงของโครงสรา้ งและความผูกพนั ภายในครอบครวั สงั คมไทยในปัจจุบัน มกี ารเปล่ียนแปลงไปเปน็ สังคมยุคอตุ สาหกรรม เกิดการเคลื่อนย้ายของ กลุ่มผู้ใช้แรงงานจากชนบทเข้าสู่เมือง ท้ิงผู้สูงอายุไว้ที่บ้าน ผู้สูงอายุท่ีเคยใช้ชีวิตที่อบอุ่นในอดีตกับ ลูกหลาน ต้องประสบกับปัญหาในการปรับตัว ให้กับสังคมสมัยใหม่ มีการใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังมากขึ้น ก่อใหเ้ กดิ ความวิตกกังวล หดหู่ น้อยใจ วา้ เหวแ่ ละปญั หาสุขภาพจิตตามมา 2) การสูญเสียบคุ คลที่มีความหมายตอ่ ตนเอง วัยผู้สงู อายุ เปน็ วัยที่ได้รับการกระทบกระเทือนใจอยู่เสมอ จากการสญู เสียบุคคลใกลช้ ดิ เช่น คู่ชีวิต ญาติสนิท เพ่ือนสนิท ซ่ึงการสูญเสียคู่ชีวิตนับเป็นการสูญเสียท่ีกระเทือนต่อความรู้สึกของ ผู้สูงอายมุ ากทส่ี ดุ (เกรยี งศกั ดิ์ เจริญวงศ์ศกั ดิ์, 2543) 3) การปลดเกษียณหรือออกจากงาน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 21 การปลดเกษียณหรือออกจากงาน ถือเปน็ ภาวะวิกฤตของชีวิต โดยเฉพาะในผู้สูงอายทุ ี่เคยรับ ราชการหรือมีบทบาททางสังคม ท้ังนี้เพราะเกษียณอายุทำให้ผู้สูงอายุถูกแยกออกจากงาน เพ่ือน ร่วมงาน บทบาทและหน้าที่ในสังคมลดลง ตลอดจนเป็นการลดบทบาทการเป็นผู้นำ ผู้หาเลี้ยง ครอบครัว ผู้สูงอายุจึงรู้สึกด้อยค่าในตนเอง มีการเข้าร่วมกิจกรรมในสังคมน้อยลง ขาดการพบปะ ตดิ ต่อ พดู คยุ แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ กับบุคคลอ่นื และแยกตัวออกจากสังคม 4) การเปลย่ี นแปลงทางขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ความกา้ วหน้าทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้สภาพชีวติ และความเป็นอยู่ในสังคมไทย เปลย่ี นไปในลักษณะคล้ายกับสงั คมตะวนั ตกมากย่ิงขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผู้สงู อายตุ ้องประสบปญั หากับ บุตรหลาน มีความขัดแย้งกันในระหว่างค่านิยมและพฤตกิ รรมต่าง ๆ ของคนในวัยหนุ่มสาวในปัจจุบัน ท้งั นีเ้ พราะผสู้ งู อายมุ ีการยดึ มั่นขนบธรรมเนยี ม ประเพณแี ละวัฒนธรรมดงั้ เดิม 3. พัฒนาการเกี่ยวกับผูส้ งู อายุ การนิยามผู้สูงอายุมีความคลุมเครือท้ังท่ีเป็นทางการจากทางกฎหมายและที่ไม่เป็นทางการ ในทางปฏิบัตินับต้ังแต่อดีตเป็นต้นมา ส่วนใหญ่กำหนดจากการมีชีวิตภายหลังการเกษียณอายุการ ทำงานทม่ี ีอายุ 60 ปี รากฐานจากความสูงอายุจึง ต้องพิจารณาจากลักษณะภายนอกของบุคคลที่แลดู สงู วัย กบั ลักษณะหน้าทีข่ องบุคคลท่ีไม่สามารถดูแลตนเองได้ ทำให้ตอ้ ง พงึ พงิ ในกิจกรรมการให้ความ ช่วยเหลือจากบุคคลอ่ืน นำไปสู่การสร้างการรับรู้ของความหมายและความเข้าใจเก่ียวกับ ผู้สูงอายุ การให้คำจำกัดความผู้สูงอายุอย่างเป็นทางการถือกำเนิดจากการก่อตั้งระบบสวัสดิการและสิทธิ ประโยชน์สำหรับประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ ภายใต้แนวคิดทางกายภาพเพราะผู้สูงอายุต้องมีความเส่ือม ถอยทางร่างกาย จิตใจ และวัยทำงานทำให้นักวิชาการท่ีสำคัญคือ โรบัค (Roebuck) เสนอแนวคิด ผู้สูงอายุคอื บคุ คลท่ีมีอายุตง้ั แต่ 40 ปี ทำให้รฐั ต้องจดั สวสั ดิการ อังกฤษนับเป็นตัวอย่างของประเทศให้ความหมายผู้สูงอายุในทศวรรษท่ี 1880 และ 1890 เพ่ือกำหนดการรับสิทธิ ประโยชน์เพราะเป็นผลจากการก่อต้ังระบบบำนาญผู้สูงอายุแห่งรัฐ (State Old Age Pension scheme) แต่ความคลุมเครือ ไม่ชัดเจน และไม่คงท่ีของเกณฑ์ลักษณะภายนอก กับลักษณะหน้าที่ของบุคคลทำให้นิยามผู้สูงอายุเพื่อให้ได้รับสิทธิแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง ระบบ บำนาญผู้สูงอายุแห่งรัฐของอังกฤษช่วงแรกกำหนดผู้สูงอายุคือบุคคลที่มีอายุ 70 ปี เน่ืองจากปัญหา ด้านเศรษฐกิจท่ีต้องจัดสรรงบประมาณจำนวนมาก จึงกำหนดอายุเป็น 65 ปี ภายหลังสงครามโลก ครัง้ ท่ี 1 เพ่ือตอ้ งการให้คนรุ่นหลังเข้าระบบการทำงานเพม่ิ ขึ้น เท่ากับเป็นการลดการว่างงาน แสดงถึง ความลื่นไหลของนิยามหรือจำกัดความ ผู้สูงอายุท่ีเปล่ียนแปลงไปมา ความเปลี่ยนแปลงด้าน โครงสร้างประชากร ก่อให้เกิดคำถามถึงเกณฑ์และอายุเริ่มต้นท่ีกำหนด ผู้สูงอายุท่ีสอดคล้องและ เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนใหญ่กำหนดเรื่องเกณฑ์ผู้สูงอายุภายหลังจากท่ีมีข้อสรุปหรือ ความคดิ เห็นตอ่ การเปล่ียนแปลงเกณฑอ์ ายเุ รมิ่ ตน้ ของผูส้ ูงอายุ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 22 ความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่ก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุทั้งในประเทศพัฒนาแ ล้วและ ประเทศกำลังพัฒนา ทำให้องค์การอนามัยโลกกำหนดแบ่งผู้สูงอายุออกเป็นส่ีกลุ่มซ่ึงแต่ละกลุ่มมี ลกั ษณะทีส่ ำคญั ดังน้ี (1) กลุ่มผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ (Active Aging) ท่ีกำหนดให้มีองค์ประกอบหลักที่ สำคัญ คือ สุขภาพที่มีความหมายถึง การมีสุขภาพที่ดี การมีส่วนร่วมท่ีมีความหมายถึงบทบาทของ ผูส้ งู อายุท่มี ีสว่ นร่วมในกิจกรรมทัง้ หลายของครอบครวั ชุมชน และสังคม และการมีหลักประกันท่ีเป็น ความม่ันคงปลอดภัยของผู้สูงอายุทางด้านร่างกาย ที่อยู่อาศัย และสถานท่ีที่ผู้สูงอายุ ไปใช้บริการ นับเป็นการปรับเปลี่ยนจากความต้องการขั้นพื้นฐานเป็นความต้องการสิทธิขั้นพื้นฐานตามแนวคิด หลักการ พ้ืนฐานของผู้สูงอายุของสหประชาชาติ (2) ผู้สูงอายุท่ีมีสุขภาพท่ีดี (Healthy Aging) เป็น แนวคิดท่ีผู้สูงอายุปราศจากโรคภัยและมีความสามารถทั้งทางด้าน ร่างกายและจิตใจที่ทำงานอย่าง เหมาะสม ท้ังร่างกายและการปรับตัวของผู้สูงอายุให้เข้ากับสภาพร่างกาย จิตใจ และสังคม (3) ผู้สูงอายุที่ประสบความสำเร็จ (Successful Aging) คือ ผู้สูงอายุท่ีมีศักยภาพ มีความพึงพอใจต่อ สภาพแวดล้อม ท่ีพำนักอาศัย เน้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นับเป็นแนวคิดที่ประกอบด้วยทฤษฎีปล่อยวางที่มีสมมติฐานว่า ผู้สูงอายุต้องหยุดจากงานประจำ วางมือจากบทบาททางสังคม ทฤษฎีกิจกรรมท่ีสมมติฐานว่าผู้ท่ีประสบความสำเร็จนั้นต้องมีส่วนร่วม ในกิจกรรมที่หลากหลาย และทฤษฎีความต่อเน่ืองที่มีสมมติฐานว่าผู้สูงอายุที่ประสบความสำเร็จต้อง ทำทุกอย่างเป็นประจำอย่างต่อเน่ืองนับตั้งแต่วัยกลางคนจนถึงการเป็นผู้สงู อายุ39 (4) ผู้สูงอายุท่ีเป็น ประโยชน์ (Productive Aging) เป็นแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยา มีสมมติฐานว่า ผู้สูงอายุเป็นบุคคลท่ีมีความสามารถด้านการผลิตสินค้าและบริการท้ังที่มีผลตอบแทนเป็น ตัวเงินหรือ รูปแบบอื่น หรือการให้ผลตอบแทนเป็นมูลค่ากับคุณค่า นับเป็นการเพิ่มพูนทักษะความรู้ ความสามารถและบทบาทของบุคคลท่ีเป็นผู้สูงอายุ ความเจริญเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ สหประชาชาติกำหนดผู้สงู อายวุ ่าคอื บคุ คลที่มีอายตุ ั้งแต่ 60 ปี และจัดแบ่งสังคมผู้สูงอายุออกเป็นสาม ระดับ ประกอบด้วย (1) ระดับสังคมที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging society) คือ ประเทศ ท่ีมี ประชากรในสังคมมีอายุมากกว่า 60 ปีร้อยละ 10 ของประชากรท้ังหมด หรือมีประชากรในสังคมมี อายุมากกว่า 65 ปี ร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด (2) ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society) คือประเทศท่ีมีประชากรในสังคมมี อายุมากกว่า 60 ปีร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากรในสังคมมีอายุมากกว่า 65 ปีร้อยละ 14 ของประชากร ท้ังหมด (3) ระดับสังคม ผู้สูงอายุอย่างเต็มท่ี (Super-aged society) คือประเทศที่มีประชากรในสังคมมีอายุมากกว่า 60 ปี มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรท้ังหมด หรือมีประชากรในสังคมมีอายุมากกว่า 65 ปีมากกว่าร้อย ละ 14 ของประชากร ทัง้ หมด ความเปล่ียนแปลงผู้สูงอายุนับเป็นปรากฏการณ์ที่สังคมโลกเผชิญในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ทำ ให้เป็นที่คาดหมายว่า ประเทศพัฒนาแล้วจะมีผู้สูงอายุมากกว่าสามในสี่ของประชากรท้ังหมดใน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 23 ทศวรรษท่ี 2050 นับเป็นประชากรที่มีความพร้อม สภาพแวดล้อมท่ีอำนวยความสะดวก มปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล และบทบาทของรฐั ท่สี นับสนนุ และประเทศกำลังพัฒนาจะมีผู้สูงอายุ เกือบหนง่ึ ในห้าของประชากรทัง้ หมดในทศวรรษที่ 2050 นบั เป็นประชากรท่ีสว่ นใหญ่ขาดความพรอ้ ม การขาดแคลนปัจจัยพ้ืนฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก การขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ ก่อให้เกิด ผลกระทบท้ังทางด้านการเมือง เศรษฐกจิ และสังคม ท่ีสำคัญ คือ การว่างงาน การมีปัจจัยพนื้ ฐานต่อ การดำรงชีวิต สวัสดิการสังคม การแพทย์และการสาธารณสขุ 4. ทฤษฎีผู้สูงอายุ 4.1 ทฤษฎีเกีย่ วกบั สาเหตกุ ารสูงอายุ นักทฤษฎีในศาสตร์ต่าง ๆ ได้สนใจสาเหตุท่ีทำให้มีการสูงอายุ (แก่) เช่น นักชีวภาพ นักจิตวิทยาและสังคมวิทยา นักทฤษฎีทั้ง 3 สาขาดังกล่าวได้ยอมรับว่าความรู้จากศาสตร์สาขาใด สาขาหนึ่ง ไม่สามารถที่จะใช้อธิบายกระบวนการสูงอายุที่เกิดข้ึนได้อย่างสมบูรณ์ (ประนอม โอทกา นนท์ และจิราพร เกศพิชญวัฒนา, 2537: 9 - 18) ซง่ึ มีดงั น้ี 1) ศาสตร์ด้านชีวภาพ (1) ทฤษฎีพันธุกรรม (Gene Theory) สรุปได้ว่า สิ่งมีชีวิตน้ันแก่ข้ึนเพราะมีการ ถา่ ยทอดขอ้ มลู ท่ีผิดปกตจิ ากนิวเคลียสของเซลล์ ซ่งึ ภายในนิวเคลยี สของเซลล์มสี ารพันธกุ รรม DNA มี โครงสร้างเป็นกรดนิวคลิอกิ 2 เส้น พันกันเป็นเกลยี วคู่ คอยเก็บรักษารหสั หรือขอ้ ความของเซลล์ การ ถ่ายทอดข้อมูลที่ผิดปกติเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงการถ่ายทอดรหัสปกติของ DNA เม่ือมีการผลิต มากเซลลแ์ ก่ข้นึ โอกาสถา่ ยทอดผิดพลาดย่อมมีมาก (2) ทฤษฎีอวัยวะ (Organ Theory) ทฤษฎนี ้ีได้อธิบายกระบวนการสูงอายุไว้ว่า เม่ือ อวัยวะมกี ารใชง้ านกย็ ่อมมกี ารเสื่อม (3) ทฤษฎีสรีรวิทยา (Physiological Theory) ทฤษฎีน้ีอธิบายความสัมพันธ์ของ ปฏิกิริยาเคมีในร่างกายกับกระบวนการสูงอายุ ข้อคิดจากการอธิบายของทฤษฎีน้ีคือ การลด กระบวนการเผาผลาญอาหาร การลดอุณหภูมิของร่างกาย เหล่าน้ีช่วยทำให้อายุยืน ดังคำกล่าวที่ว่า ส่ิงทเ่ี รารับประทานเขา้ ไปล้วนมีความหมายอย่างยิง่ ใหญ่ต่อการมีอายยุ ืนของเรา 2) ศาสตรด์ า้ นจติ วิทยา อธิบายเก่ียวกับพฤติกรรมของผู้สูงอายุที่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ความสนใจต่อการพัฒนา บุคลิกภาพ โดยอธิบายว่าพฤตกิ รรมท่ีมีการเปล่ียนแปลงไปเป็นผลมาจากปจั จัยหลายอยา่ ง พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงของคนแต่ละวัย การเปล่ียนแปลงพฤติกรรม เป็นเร่ือง ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของบุคคล การศึกษาปัจจัยภายในของบุคคลต้องเข้าใจในเรื่องความ ทรงจำ การรับรู้ และบคุ ลิกภาพของบุคคล ซึ่งปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้ในผู้สูงอายุจะผันแปรไปตาม
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 24 การเปลี่ยนแปลงในระดับต่าง ๆ ของร่างกายนับตั้งแต่ระดับโมเลกุล เซลล์ อวัยวะ และระบบต่างๆ ของร่างกาย ส่วนในการศึกษาปัจจัยภายนอกของบุคคลด้านจิตวิทยาอธิบายว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง ของเสรีภาพของรา่ งกายกับสัมพนั ธภาพของร่างกายมีต่อสังคม ซ่ึงเสรภี าพของสังคมน้ันคอื พนั ธุกรรม ของแตล่ ะบุคคล และส่วนของสงั คมน้ันคือ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรมและโครงสรา้ งสังคม ผู้สูงอายุมีเซลล์ประสาทในสมองตายไปมาก แต่ขณะเดียวกันจะสะสมประสบการณ์อันเกิด จากการเรียนรู้ไว้มาก ถ้าผู้สูงอายุเคยมีประสบการณ์ท่ีดีในอดีต ได้รับการยอมรับท่ีดี มีสภาพอารมณ์ มั่นคง ก็จะมีผลต่อวัยท่ีสูงข้ึน มีความรอบคอบสุขุมเกิดข้ึนตามมาด้วย และในด้านจิตวิทยาส่วนใหญ่ เช่ือว่าทุกคนทุกเชื้อชาติ เมื่อมีอายุมากขึ้นมักจะมีเชาว์ปัญญาเสื่อมลงกล่าวคือ เชาว์ปัญญาพัฒนา เตม็ ทใ่ี นวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และต่อจากน้นั จะมเี ชาว์ปญั ญาเส่ือมลงคอ่ นข้างคงที่ประมาณ 10 ปี แล้วจึง ค่อย ๆ เส่ือมลง ซง่ึ แนวคิดทางจติ วิทยาได้แก่ (1) ทฤษฎีบุคลิกภาพ (Personality Theory) ทฤษฎีนี้ได้กล่าวว่า ผู้สูงอายุจะมี ความสขุ หรือมคี วามทุกข์น้ันข้นึ อยู่กบั ภมู หิ ลัง และการพัฒนาดา้ นจติ ใจของ ผนู้ ้ัน ถ้าผู้สูงอายุเติบโตขึ้นมาด้วยความมั่นคงอบอุ่น มีความรักแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เห็นความสำคัญ ของคนอ่ืน รักคนอื่น และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ก็จะเป็นผู้สูงอายุท่ีค่อนข้างมีความสุข สามารถอยู่กับลูกหลานหรอื ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องมีความเดือดร้อน แต่ในทางกลับกันถ้าผู้สูงอายุท่ีเติบโต มาในลักษณะท่ีร่วมมือกับใครไม่เป็น ไม่อยากช่วยเหลือผู้ใด จิตใจคับแคบ ผู้สูงอายุผู้นั้นก็ทักจะเป็นผู้ ทีไ่ มค่ อ่ ยมคี วามสขุ (2) ทฤษฎีความปราดเปรื่อง (Intelligence Theory) ทฤษฎีน้ีเช่ือว่า ผู้สูงอายุท่ียัง ปราดเปรื่อง และคงความเป็นปราชญ์อยู่ได้ก็ด้วยความเป็นผู้ที่มีความสนใจเร่ืองต่าง อยู่เสมอ มีการ คน้ คว้าและพยายามท่จี ะเรยี นรู้อยู่ตลอดเวลา ผู้ท่ีจะมีลกั ษณะเชน่ น้ีไดจ้ ะต้องเป็นผู้ท่ีมสี ุขภาพดแี ละมี ฐานะทางเศรษฐกจิ ดี พอเปน็ เคร่ืองเกอื้ หนนุ นักจิตวทิ ยายอมรับวา่ ในการอธบิ ายกระบวนการสูงอายุทางด้านจิตวทิ ยาจะสามารถอธิบาย ได้ด้วยข้อมูลท่ีมี และแนวคิดท่ีสำคัญมากมายหลายประการ แต่ความสอดคล้องสัมพันธ์ของข้อมูล และแนวคิดทีจ่ ะอธิบายเป็นหนึ่งเดยี วยงั ไม่ชดั เจน 3) ศาสตร์ดา้ นสังคมวทิ ยา ศาสตร์ด้านสังคมวิทยากล่าวว่า คนไม่ได้เป็นผู้คอยแต่รับส่ิงหรือรับผลท่ีเกิดข้ึนเองตาม ธรรมชาติ แต่คนสามารถที่จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงทั้งพันธุกรรม และส่ิงแวดล้อมรอบข้าง มีทฤษฎีทาง สังคมศาสตรอ์ ยู่ 3 กล่มุ ทเ่ี ป็นพ้นื ฐานอธิบายพฤตกิ รรมของผ้สู งู อายุคือ กลุ่มท่ี 1 การถอยหา่ ง กลมุ่ น้ีอธิบายวา่ ผสู้ งู อายจุ ะถอยห่างละจากสังคม กลมุ่ ท่ี 2 การเปน็ อสิ ระ ผูส้ งู อายุต้องการมีชวี ติ อสิ ระมากขน้ึ กลุม่ ท่ี 3 ความร่วมกัน ผูส้ ูงอายุนั้นจะมีความเหมอื นหรอื ความคลา้ ยคลึงกันอยู่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 25 ทฤษฎีทางสังคมวิทยา (Sociology Theory) เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงแนวโน้มบทบาทของ บุคคล สัมพันธภาพ และการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันกับสังคมในช่วงท้ายของชีวิต (เยาวลักษณ์ มหา สิทธิวัฒน์, 2539: 19) หรือเป็นทฤษฎีท่ีพยายามวิเคราะห์ที่ทำให้ผู้สูงอายุต้องมีสถานะทางสังคมท่ี เปลี่ยนแปลงไป พยายามท่ีจะช่วยให้มีการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ทฤษฎีน้ีเช่ือว่า ถ้า สังคมที่มีการเปล่ียนแปลงรวดเร็วนั้นจะทำให้สถานะของผู้สูงอายุถูกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย และสถานะทางสังคมจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนผู้สูงอายุในสังคมนั้น ซึ่งแนวคิดทางสังคม วิทยาท่ีสำคัญไดแ้ ก่ (1) ทฤษฎีกิจกรรม (Activity Theory) ทฤษฎีนี้กล่าวว่า เม่ือบุคคลมีอายุมากขึ้น สถานภาพทางสังคมจะลดลง บทบาทเก่าจะถูกถอนตัวออกไป แต่ผู้สูงอายุยังมีความต้องการทาง สังคม และจติ วทิ ยาเหมือนกับบุคคลในวัยกลางคน ดังน้ันผู้สูงอายุควรมีกิจกรรมต่อเน่ืองจากวยั ทีผ่ ่าน มาความพอใจในการร่วมกิจกรรม สนใจและร่วมเป็นสมาชิกในกิจกรรมต่าง ๆ กิจกรรมเป็นส่ิงสำคัญ สำหรับผู้สูงอายุที่ทำให้สุขภาพดีทั้งกายและใจ กิจกรรมจึงมีความสำคัญต่อความพึงพอใจในชีวิตของ ผู้สูงอายุ ทฤษฎีน้ีแนะนำถึงการรักษาระดับของ กิจกรรมที่จะคงไว้ และให้เหมาะสมกับกระบวนการ สูงอายุ เช่น การเล่นกิจกรรมท่ีใช้สติปัญญาแทนการใช้กำลัง การทำกิจกรรมจะทำให้สภาวะทางกาย จิตใจ และสังคมดขี ึ้น จึงควรมกี ารกระตุ้นใหผ้ ู้สูงอายุมกี ิจกรรมต่อไป เพอ่ื ความมัน่ คงอยู่ในสังคมอยา่ ง มคี ณุ คา่ (จรัสวรรณ เทียนประภาส และพชั รี ตนั ศิริ, 2536: 57 - 58) (2) ทฤษฎีไร้ภาระผูกพัน (Disengagement Theory) ทฤษฎีนี้กล่าวว่า ผู้สูงอายุ และสังคมจะลดบทบาทซ่ึงกันและกัน ท้ังน้ีเน่ืองมาจากผู้สูงอายุรู้สึก ว่าตนองมีความสามารถลดลง สุขภาพที่เส่ือมถอยรวมทั้งความตายท่ีค่อย ๆ มาถึงผู้สูงอายุจึงหลีกหนีถอนตัวออกจากสังคมเพื่อลด ความเครียด และพอใจกับการไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม และบทบาทของสังคมนั้นเป็นการถอน สถานภาพ และบทบาทของตนให้แกห่ นุ่มสาว หรือคนที่จะมีบทบาทได้ดีกว่าในระยะแรกน้ัน ผูส้ ูงอายุ อาจจะรู้สึกวิตกกังวล มีความบีบคั้นแต่ในที่สุดผู้สูงอายุก็ยอมรับสภาพใหม่คือ การไม่เก่ียวข้องกับ สังคมได้ (Dowd. อา้ งถึงใน อมั พร สวา่ งแจง้ , 2546: 7) (3) ทฤษฎีแห่งบทบาท (Role Theory) ทฤษฎีน้ีกล่าวว่า เม่ือบุคคลเข้าสู่วัยสูงอายุ จะต้องปรับสภาพต่าง ๆ หลายอย่างท่ีไม่ใช่บทบาทเดิมของตนมาก่อน เช่น การละทิ้งบทบาททาง สังคม และความสัมพันธ์ซึ่งเป็นไปแบบวัยผู้ใหญ่ ยอมรับบทบาทของสังคมและความสัมพันธ์ใน รปู แบบของคนสูงอายุ และละเว้นจากความผกู พนั กบั คู่สมรส เน่อื งจากการตายของฝ่ายหน่ึง เปน็ ตน้ ทฤษฎีของการสูงอายนุ ั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลมุ่ ใหญๆ่ คือ ทฤษฎที างชีววิทยา ทฤษฎีทางจิตวิทยา และทฤษฎีทางสังคมวิทยา ซ่ึงมีรายละเอียดดังนี้ (อ้างถึงใน โยธิน แป่มจำนัก, 2549: 20 - 24) 1) ทฤษฎีทางชีววิทยา ประกอบดว้ ย 9 ทฤษฎี ดังนี้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 26 (1) ทฤษฎีว่าด้วยคอลลาเจน (Collagen Theory) เชื่อว่า เมื่อเข้าวัยสูงอายุสารท่ี เป็นส่วนประกอบของคอลลาเจน (Collagen) และไฟบรัสโปรตีน (Fibrous Protein) จะมีจำนวน เพ่ิมขึ้นและเกิดการจับตัวกันมาก ทำให้เส้นใยหดสั้นเข้าปรากฏรอยย่นมากขึ้น ซ่ึงถ้าอยู่ตรงบริเวณ กระดูกข้อต่อจะมองเห็นปุ่มกระดูกชัดเจน ซ่ึงการจับตัวของเส้นใยจะมีมากในช่วงอายุ 30 – 35 ปี บรเิ วณทม่ี กี ารจับตัวไดแ้ ก่ ผวิ หนัง กระดูก กลา้ มเนื้อ หลอดเลอื ด และหัวใจ (2) ทฤษฎีว่าด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunological Theory) เชื่อว่า เม่ือมีอายุเพ่ิมมาก ข้ึน ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันตามปกติน้อยลง พร้อมๆ กับสร้างภูมิคุ้มกันชนิดทำลายตัวเองมากข้ึน ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเช้ือโรคได้ไม่ดี เจ็บป่วยง่าย และภูมิคุ้มกันชนิดทำลายตัวเองจะไปทำลายเซลล์ ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะเข้าไปทำลายเซลล์ที่เจริญเต็มที่แล้ว และไม่มีการแบ่งตัวใหม่ เช่น เซลล์สมอง เซลล์กล้ามเน้อื หวั ใจ ทำให้หัวใจวายไดง้ ่าย (3) ทฤษฎีว่าด้วยยีน (Genetic Theory) เชื่อว่า การสูงอายุนั้นเป็นลักษณะท่ีเกดิ ข้ึน ตามกรรมพันธ์ุ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอวัยวะบางส่วนของร่างกายคล้ายคลึงกันหลายช่ัว คนเมอ่ื มีอายเุ ทา่ กัน (4) ทฤษฎีว่าด้วยการเปล่ียนแปลงและความผิดพลาดของเซลล์ร่างกาย (Somatic Mutation and Error Theory) ทฤษฎีแรกกล่าวถึง สภาวะการแบ่งตัวผิดปกติ (Mutation) ทำให้ เกิดการสูงอายุได้เรว็ ขึ้น เช่น การได้รับรังสีเล็กน้อยเป็นประจำ หรือได้รับขนาดสงู ทันที จะมีผลทำให้ เซลล์ชวี ิตสัน้ ลง สว่ นทฤษฎคี วามผิดพลาดเช่ือวา่ เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุการเปลย่ี นแปลงในดา้ นโครงสร้าง ของ DNA และถกู ส่งต่อไปยัง RNA และเอนไซมท์ ่ีเพ่ิงสังเคราะห์ข้ึนมาใหม่ เอนไซม์ที่ผิดปกติน้ีจะผลิต สารชนดิ หนึง่ ภายในเซลล์ มีผลต่อขบวนการเผาผลาญ ซง่ึ อาจเส่ือมหรือสญู เสียสมรรถภาพ ถ้าจำนวน RNA ลดลงมากมผี ลทำให้เสยี ชวี ิต (5) ทฤษฎีว่าด้วยการเส่ือมและถดถอย (Wear Tear Theory) ทฤษฎีน้ีเปรียบ สิ่งมีชีวิตท้ังหลายเหมือนเครื่องจักร เช่ือว่า หลังจากการใช้งานคร้ังแล้วครั้งเล่าย่อมมีการสึกหรอ แต่ สิ่งมีชีวิตต่างจากเคร่ืองจักรตรงที่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเองได้ เน้ือเย่ือบางชนิด เช่น ผิวหนัง เย่ือบุทางเดินอาหาร เม็ดเลือดแดง มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลลเ์ ก่าท่ีตายไปอย่างต่อเนื่อง เป็นการชะลอความเสื่อมและถดถอย แต่ในระบบเซลล์อ่ืน ๆ เช่น เซลลป์ ระสาท และเซลล์กล้ามเน้ือ จะไม่มีการเพิ่มเซลล์ใหม่อีก เมื่อเข้าสู่การมีอายุการเสริมสร้างจะต่างจากพวกแรกคือ เป็นการ เสริมสร้างภายในเซลล์เดิม ประสิทธิภาพการซ่อมแซมจึงด้อยกว่า จึงชะลอความเส่ือมและถดถอยได้ น้อยกว่า ซ่ึงจะเห็นว่าถ้าหน้าท่ีของร่างกายทั้งโครงสร้างมีการใช้ก็จะทำให้เกิดการหมดอายุ ถ้ามีการ ใชม้ ากมีผลทำให้เกดิ การสงู อายเุ รว็ ข้นึ (6) ทฤษฎีว่าด้วยการดูดซึมที่บกพร่อง (Deprivation Theory) เม่ือคนมอี ายุมากขึ้น จะมีการเปล่ียนแปลงอันเนื่องมาจากความเส่ือมท่ีเกิดข้ึนท่ีผนังเซลล์ของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 27 เป็นผลให้การดูดซึมหรือการส่งผ่านออกซิเจน และสารอาหาร ต่าง ๆ ในกระแสเลือดไปสู่เซลล์ของ อวัยวะตา่ ง ๆ ไปรบั ออกซเิ จนและสารอาหารไม่เพยี งพอ อวยั วะตา่ งๆ จงึ เส่อื มลง (7) ทฤษฎีว่าด้วยการสะสม (Accumulation Theory) กล่าวว่า ในน้ำเหลือง (Serum) ของคนหรือสัตว์ท่ีสูงอายุพบว่า มีการสะสมของสารบางอย่างซ่ึงมีผลทำให้หยุดการ เจรญิ เติบโตของเซลล์ และสารน้ีมักจะไม่พบน้ำเหลืองของคนหรือสัตว์ท่ีมีอายุน้อย สารที่สะสมนี้มีผล แทรกแซงขบวนการเผาผลาญของเซลล์ ทำให้ประสิทธิภาพของการซึมผ่านของผนังเซลล์ลดลง ใน ที่สุดจะทำให้การทำงานของอวยั วะตา่ ง ๆ เสอื่ มลงและเสยี ไปในท่ีสดุ (8) ทฤษฎีว่าด้วยสารท่ีเกิดจากการเผาผลาญ (Free Radical Theory) กล่าวถึง การให้ออกซเิ จนของเซลล์และการเผาผลาญพวกโปรตนี คาร์โบไฮเดรต และอน่ื ๆ จะทำใหเ้ กดิ อนุมูล อสิ ระอนั เปน็ สารทท่ี ำลายผนงั เซลล์ทำใหเ้ ส่ือมสลายลง สารนถี้ ูกเร่งให้เกดิ มากขน้ึ โดยการไปลดการด ผาผลาญของร่างกาย นอกจากนั้นพวกวิตามินเอ วิตามินซี และไนอาซนี ยังช่วยจับสารอนุมูลอิสระอีก ด้วย (9) ทฤษฎีว่าดว้ ยความเครียดและการปรับตวั (Stress Adaptation Theory) กล่าว ว่า ความเครียดที่เกิดข้ึนในชีวิตประจำวันมีผลทำให้เซลลต์ าย บุคคลต้องเผชิญความเครยี ดบ่อยๆ จะ ทำให้บุคคลน้ันยา่ งเข้าสวู่ ยั สงู อายเุ รว็ จากทฤษฎีดังกล่าว สรุปได้ว่า ทฤษฎีความสูงอายุในแง่ชีววิทยามีความคล้ายคลึงกันคือ การ อธบิ ายสาเหตุของความชราทีเ่ กิดจากการเปล่ยี นแปลงภายใน 2) ทฤษฎที างจิตวิทยา ประกอบดว้ ย 2 ทฤษฎี ดงั น้ี (1) ทฤษฎีบุคลิกภาพ (Personality Theory) ทฤษฎีน้ีได้กล่าวว่า ผู้สูงอายุจะมี ความสุขหรือมีความทุกข์น้ันขึ้นอยู่กับภูมิหลัง และการพัฒนาด้านจิตใจของผู้น้ัน ถ้าผู้สูงอายุเติบโต ข้ึนมาด้วยความม่ันคงอบอุ่น มีความรักแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เห็นความสำคัญของคนอ่ืน รักคนอ่ืน และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ก็จะเป็นผู้สูงอายุท่ีค่อนข้างมีความสุข สามารถอยู่กับลูกหลาน หรือผู้อ่ืนได้โดยไม่ต้องมีความเดือดร้อน แต่ในทางกลับกันถ้าผู้สูงอายุที่เติบโตมาในลักษณะท่ีร่วมมือ กับใครไม่เปน็ ไมอ่ ยากช่วยเหลอื ผ้ใู ด จติ ใจคบั แคบ ผูส้ ูงอายผุ ู้นนั้ กท็ ักจะเป็นผ้ทู ่ไี มค่ อ่ ยมีความสขุ (2) ทฤษฎีความปราดเปร่ือง (Intelligence Theory) ทฤษฎีนี้เชื่อว่า ผู้สูงอายุท่ียัง ปราดเปร่ือง และคงความเป็นปราชญ์อยู่ได้ก็ด้วยความเป็นผู้ที่มีความสนใจเรื่องต่าง อยู่เสมอ มีการ ค้นคว้าและพยายามที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ผทู้ ี่จะมีลกั ษณะเชน่ น้ีไดจ้ ะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีและมี ฐานะทางเศรษฐกิจดี พอเป็นเคร่อื งเก้ือหนุน สรุปได้ว่า ทฤษฎีทางจิตวิทยา มีความคล้ายคลึงกันท่ีมองว่าการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพและ พฤติกรรมของผู้สูงอายุนั้น เป็นการพัฒนาและปรับตัวของความนึกคิด ความรู้ ความเข้าใจ แรงจูงใจ การเปล่ียนแปลงของอวัยวะรบั สัมผสั ท้งั ปวงตลอดจนสังคมวทิ ยาทีมีผูศ้ กึ ษานนั้ ๆ อาศัยอยู่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 28 3) ทฤษฎีทางสังคมวทิ ยา ประกอบดว้ ย 5 ทฤษฎี ดงั นี้ (1) ทฤษฎีบทบาท (Role Theory) มีแนวความคิดว่า การปรับตัวต่อการเป็นวัย ผสู้ งู อายนุ า่ จะเก่ียวขอ้ งกับทฤษฎีบทบาทคือ บคุ คลผู้นั้นจะรบั บทบาททางสังคมที่แตกต่างกนั ไปตลอด ชั่วชีวิตของเขา เช่น บทบาทการเป็นพ่อแม่ สามี ภรรยา ฯลฯ ความเป็นอยู่ของบุคคลจะถูกกำหนด โดยบทบาทหน้าที่ที่ตนกำลังรับกำลังเป็นอยู่ได้เหมาะสมเพียงใด โดยที่อายุจะเป็นองค์ประกอบท่ี สำคัญประการหนึ่งในการที่จะกำหนดบทบาทของแต่ละบุคคลในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง อันจะ สง่ ผลไปถงึ การยอมรับบทบาททางสงั คมทก่ี ำลังจะมาถึงหรือกำลงั จะเปลยี่ นไปในอนาคต (2) ทฤษฎีกิจกรรม (Activity Theory) ผู้สูงอายุท่ีมีกิจกรรมอยู่เสมอๆ จะมีบุคลิกท่ี กระฉับกระเฉงและมีภารกิจอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มีความพึงพอใจในชีวิตและการปรับตัวได้ดีกว่า ผู้สูงอายทุ ่ีปราศจากกิจกรรมหรือบทบาทหน้าที่ใด ๆ มีภาพพจน์เกยี่ วกับตนเองในด้านบวก และชอบ ในการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้สูงอายุยังเป็นการทดแทนบทบาทท่ีเสียไปจากการที่ต้องเป็นเป้าหมาย และการเกษียณอายุจากการปฏิบัติงาน ซ่ึงผู้สูงอายุจะมีความสุขได้ ควรต้องมีบทบาททางสังคมหรือ กิจกรรมทางสงั คมตามสมควร เช่น มีงานอดเิ รกทำ หรือการเปน็ สมาชกิ กลมุ่ สมาคม ชมรม เป็นตน้ (3) ทฤษฎีการแยกตนเอง (Disengagement Theory) เชื่อว่า การท่ีผู้สูงอายุไม่เข้า มสี ่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรม และบทบาททางสังคมน้ัน เป็นการถอนสถานภาพและบทบาทของตนเอง ตามปกติแล้วผู้สูงอายุจะลดกิจกรรมให้น้อยลง ในขณะท่ีจะปรับตนเองให้เข้ากับการเปล่ียนแปลง ตามปกตขิ องกระบวนการของการเป็นผู้สงู อายุ (4) ทฤษฎีความต่อเน่ือง (Continuity Theory) ผู้สูงอายุจะแสวงหาบทบาททาง สังคมให้มาทดแทนบทบาททางสังคมเก่าท่ีตนสูญเสียไป และยังคงสภาพท่ีจะพยายามปรับตนเองให้ เข้ากับสภาพแวดลอ้ มใหมอ่ ย่างต่อเนอ่ื งอย่เู สมอ (5) ทฤษฎีระดับชั้นอายุ (Age Stratification Theory) อายุเป็นหลักเกณฑ์สากลท่ี จะกำหนดบทบาท สทิ ธิ หน้าที่ เป็นต้น ซงึ่ จะเปล่ยี นแปลงไปตามชัน้ อายุจากอายุหน่ึงไปสอู่ กี อายุหน่ึง เสนอ อิทรสุขศรี ได้ให้ทฤษฎีท่ีเป็นสาเหตุการสูงอายุไว้เช่นกัน โดยกล่าวว่า สาเหตุท่ีทำให้ คนเราแก่น้นั มีอยู่ 7 ทฤษฎี สามารถสรุปได้ดังนี้ ทฤษฎีท่ี 1 กล่าวว่า ที่คนแก่น้ันก็เพราะเกิดภาวะของการขาดน้ำภายในอวัยวะต่างๆ อวัยวะ เหล่านนั้ ทกุ อวยั วะจะแห้งเหือดไปทีละน้อยๆ จึงทำให้คนแก่ลง ๆ ทฤษฎที ่ี 2 กล่าววา่ ท่ีคนเราแกน่ น้ั ก็เพราะความสัมพนั ธใ์ นการทำหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของ ร่างกายผันแปรไป การทำหน้าท่ีไม่สัมพันธ์กัน หรือแม้เพียงส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายทำหน้าท่ีไม่ สัมพนั ธก์ ัน คนก็แก่ลง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 29 ทฤษฎีท่ี 3 กล่าวว่า ท่ีคนเราแก่ก็เพราะพิษท่ีเกิดขึ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ จากอาหารและ ส่ิงแวดล้อมที่เข้าสู่ร่างกายอยู่ตลอดเวลา ต้ังแต่เกิดเรื่อยมาพิษที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายน้ันค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จนทำให้อวัยวะท่ัวร่างกายเสอ่ื มโทรม คนจึงแก่ ทฤษฎีที่ 4 กล่าวว่า ท่ีคนเราแก่ก็เพราะสารเคมีที่อยู่ในน้ำรอบเซลล์ท่ัวร่างกายตามปกติน้ัน เกดิ ความผดิ ปกตผิ นั แปรไปจึงเกิดความเสอื่ มโทรมของเซลล์ อวัยวะต่าง ๆ เส่ือมไป คนจึงแก่ ทฤษฎที ี่ 5 กล่าวว่า ท่คี นเราแก่ก็เพราะการขาดความสมดุลของน้ำย่อยทมี่ ีอยูภ่ ายในร่างกาย จากความผิดปกตอิ ยา่ งใดอย่างหน่งึ ที่เกดิ ขน้ึ ในร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ จึงเส่อื ม คนจึงไดแ้ ก่ ทฤษฎีท่ี 6 กล่าวว่า ท่ีคนเราแก่ก็เพราะตับและไต ซ่ึงมีหน้าท่ีทำลายและกำจัดพิษต่างๆ ท่ี เข้าสู่ร่างกาย ไม่อาจทำหน้าท่ีได้สมบูรณ์ดีพอ เม่ือพิษที่เข้าสู่ร่างกายมีมากข้ึน ๆ ก็จะทำให้อวัยวะ ต่างๆ เส่ือมไป คนจึงแก่ ทฤษฎีที่ 7 กล่าวว่า ท่ีคนเราแก่ก็เพราะ สารเคมีที่วัตถุธาตุต่างๆ ท่ีมีอยู่มีน้ำท่ีอยู่นอกเซลล์ และในเซลล์ทัว่ รา่ งกายผนั แปรผิดปกตไิ ป อวยั วะต่าง ๆ ทัว่ ร่างกายจึงเสอื่ มโทรม คนจึงแกไ่ ด้ 5. ปญั หาและความตอ้ งการของผูส้ ูงอายุ ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนเพิ่มมากข้ึน ในขณะท่ีประชากรวัยหนุ่มสาวมีสัดส่วน น้อยลง ทงั้ ทีย่ ังมีหน้าที่การงานอนื่ ท่ีต้องรับผดิ ชอบ ทำใหผ้ ู้สงู อายุต้องประสบกับปัญหาต่างๆมากมาย ท้ังทางด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต ปัญหาทางด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ปัญหาที่อยู่อาศัย เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวนอกจากกระทบต่อผู้สูงอายุโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงชุมชนและสังคมใน ภาพรวมที่ต้องให้การดูแลและให้สวัสดิการผู้สูงอายุในด้านต่างๆ เช่น การรักษาพยาบาล การให้ สวสั ดิการต่างๆอีกมากมาย ซง่ึ เป็นปญั หาสำคัญระดบั ชาติ กลุ ยา ตนั ติผลาชีวะ (2524: 5) ได้เน้นถงึ ความต้องการของผ้สู ูงอายโุ ดยยึดแนวคิดของคลาร์ค (Clark) พบว่า ผู้สูงอายตุ อ้ งการในสง่ิ ต่อไปนี้ 1. ต้องการทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 2. ต้องการมสี ว่ นร่วมหรือเปน็ ส่วนหนงึ่ ของสังคม ชุมชน 3. ต้องการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 4. ต้องการเข้ารว่ มสนุกกบั เพ่อื นตามปกติ 5. ต้องการการยอมรบั นับถอื 6. ตอ้ งการแสดงออกในผลสำเร็จของตน ศรีทับทมิ รตั นโกศล (2527: 4) แบ่งความต้องการของผูส้ งู อายุออกเป็นด้านตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1. ความต้องการการสนับสนุนจากครอบครัว ผู้สงู อายุท่ีถูกปล่อยให้อยู่โดดเดย่ี วจะขาดความ มั่นคงทางอารมณ์และจิตใจรวมท้ังเศรษฐกิจ จึงต้องหันไปพึ่งการช่วยเหลือจากบุคคลหรือ องค์กร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 30 สังคมสงเคราะห์ภายนอกครอบครัว ผู้สูงอายุจงึ มีความต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว ของตนเองควบคู่ไปกับการช่วยเหลือจากภายนอกครอบครัว เช่น กลุ่มอาสาสมัครทั้งองค์การภาครัฐ และองค์การภาคเอกชน 2. ความต้องการด้านการประกันรายได้ โดยเฉพาะการประกันสงั คมประเภทประกันชราภาพ เม่ือเข้าสู่วัยชราและเลิกประกอบอาชีพแล้ว จะได้รับบำนาญชราภาพเพ่ือชว่ ยให้สามารถดำรงชีวติ อยู่ ได้อย่างมีความสุขและมั่นคงปลอดภัยตามควรแก่อัตภาพในบ้ันปลายชีวิต ไม่เป็นภาระแก่บุตรหลาน และสงั คม 3. ความต้องการมีส่วนร่วมในชุมชน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในกิจกรรมบางประเภทใน สังคม สังคมจึงควรให้โอกาสแก่ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วม ในการปรับปรุงชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้น ให้มี โอกาสได้เรยี นรู้สงิ่ ใหม่ ๆ ในการพฒั นาตนเอง ในการปรับตัวให้ทันสมัยกบั การเปล่ียนแปลงตา่ ง ๆ ใน การปรับปรุงวฒั นธรรมและในการรักษาสุขภาพทัง้ ทางร่างกายและจติ ใจให้แขง็ แรงอยเู่ สมอ 4. ความต้องการที่ลดการพึ่งพาตนเองให้น้อยลง หากครอบครวั และสังคมส่งเสริมให้ผู้สงู อายุ ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในครอบครวั และสังคมแลว้ จะเปน็ การช่วยผู้สูงอายุให้รูจ้ ักพ่ึงพาตนเอง ไม่เปน็ ภาระแกส่ ังคมในบ้ันปลายชวี ิต 5. ความต้องการทางสงั คมของผ้สู ูงอายุ ได้แก่ 5.1 ความตอ้ งการเป็นสว่ นหนง่ึ ของครอบครวั กลมุ่ สงั คม 5.2 ความต้องการการยอมรับและเคารพยกย่องนับถือจากบุคคลในครอบครัว และ สงั คม 5.3 ความต้องการเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในสายตาของสมาชิกในครอบครัวของ กลมุ่ ของชมุ ชน และของสังคม 5.4 ความต้องการมีสัมพันธ์อันดีกับบุคคลภายในครอบครัว ชุมชน และสังคม สามารถปรบั ตัวให้เข้ากบั บุตรหลานในครอบครวั และสงั คมได้ 5.5 ความตอ้ งการมีโอกาสทำในส่ิงทต่ี นปรารถนา 6. ความต้องการทางกายและจิตใจ เป็นความต้องการข้ันพ้ืนฐานที่สุดในชีวิตมนุษย์ ความ ต้องการทางด้านร่างกาย ได้แก่ ปัจจัย 4 ความต้องการทางด้านจิตใจ ได้แก่ ความมั่นคงปลอดภัย โดยเฉพาะความต้องการด้านที่อยู่อาศัยท่ีปลอดภัย คลายจากความวิตกกังวลและความหวาดกลัว ความต้องการได้รับการยอมรับนับถือ ความต้องการท่ีจะได้รับการยอมรับว่าเป็นสมาชิกของกลุ่ม สังคมและครอบครัว ความต้องการโอกาสก้าวหน้า โดยเฉพาะในเร่ืองของความสำเร็จของการทำงาน ในบนั้ ปลายชีวติ 7. ความต้องการด้านเศรษฐกิจ ต้องการได้รับการช่วยเหลือ ด้านการเงินจากบุตรหลานเพื่อ สะสมไว้ใช้จ่ายในภาวะที่ตนเองเจ็บป่วย ต้องการให้รัฐช่วยจัดหาอาชีพ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนรายได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 31 ทั้งนี้ เพ่ือตนจะได้มีบทบาททางเศรษฐกิจ ช่วยให้ตนพ้นจากภาวะบีบคั้นของเศรษฐกิจในสถานการณ์ ปัจจบุ ัน จากแนวความคิดสรุปได้ว่า ปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ เกิดขึ้นจากการ เปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ความต้องการของผู้สูงอายุก็จะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการ เปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้าน ท้ังน้ีสำหรับการปรับตัวของผู้สูงอายุนั้นจะต้องอาศัยการสนับสนุนจาก บคุ คลหลายฝ่าย เพื่อจะเปน็ การลดปญั หาและสนองความต้องการของผ้สู ูงอายไุ ด้อย่างครอบคลมุ 6. ความตอ้ งการสารอาหารในผู้สงู อายุโดยทวั่ ไป ใน 1 วนั ผสู้ ูงอายุควรรับประทานอาหารให้ครบ ท้ัง 5 หมู่ และหลากหลายชนิด ในปริมาณท่ีเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ท่ี เหมาะสม ดังต่อไปนี้ (Leehahul, Buddhadejakhum, & Thaweeboon, 2002) 1. พลังงาน ผู้สูงอายุมีความต้องการพลังงาน น้อยกว่าคนวัยหนุ่มสาว เนื่องจากผู้สูงอายุมี เน้ือเยื่อที่ ค่อนข้างปราศจากไขมัน และทำกิจกรรมต่าง ๆ ลดลง ซึ่งความต้องการพลังงานขึ้นอยู่กับ กิจกรรมท่ีทำและ ส่วนประกอบของร่างกาย ความต้องการพลังงานในวัย ผู้ใหญ่ประมาณ 1.5 เท่า ของความต้องการพลังงานพ้ืนฐาน เม่ืออายุ 51-75 ปี ความต้องการพลังงานจะลดลงร้อยละ 10 ของ พลังงานทั้งหมด และจะลดลงเพิ่มข้ึน รอ้ ยละ 10-15 เมื่ออายุมากกวา่ 75 ปี ข้อกำหนดความต้องการ สารอาหารท่ีควรได้รับประจำวันของผู้สูงอายุ ได้กำหนดให้ ผู้สูงอายุชายและหญิงได้รับพลังงานจาก อาหารไม่เกินวันละ 2,250 และ 1,850 กิโลแคลอรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ สารอาหารท่ีให้ พลังงาน ได้แก่ โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน 2. โปรตีน ผู้สูงอายุต้องการสารอาหารโปรตีน ไม่ลดลงจากวัยหนุ่มสาว บางครั้งอาจจะต้อง เพ่ิมข้ึน โดย ผู้สูงอายุควรได้รับสารอาหารโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน จึงจะ เพียงพอต่อสมดุลของไนโตรเจนได้ ดีท่ีสุด ความต้องการโปรตีนจะเพ่ิมมากขึ้นถ้าร่างกายมี ความเครียดจากการได้รับบาดเจ็บ การติดเชื้อ การผ่าตัด หรือการเจ็บป่วย โดยอาหารที่ให้โปรตีน คุณค่าสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถ่ัวเหลือง เป็นต้น ผู้สูงอายุควรด่ืมนม อย่างน้อยวันละ 1 แก้ว และ รบั ประทานไข่สัปดาห์ละ 3 ฟอง 3. ไขมัน อาหารไขมัน โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ เป็นสาเหตุทำให้คอเลสเตอรอลในเลือด สูงขึน้ และเส่ียง ต่อการเกิดหลอดเลือดหวั ใจ รา่ งกายจงึ ต้องการไขมันใน ปรมิ าณท่ีน้อย เนอื่ งจากการ ยอ่ ยไขมนั ในผู้สูงอายุลดลง ความต้องการสารอาหารไขมันของผู้สูงอายุจึงไม่ควรเกิน ร้อยละ 30 ของ พลังงานท้ังหมด และมีกรดไขมันไม่อ่ิมตัว ไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมด คอเลสเตอรอลใน อาหารไมค่ วรเกนิ 300 มลิ ลิกรัมต่อวัน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 32 4. คาร์โบไฮเดรต ปริมาณคาร์โบไฮเดรต ที่ควร ได้รับในผู้สูงอายุ ควรเป็นร้อยละ 55 ของ พลังงานท้ังหมด และควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าว ซ้อมมือ ธัญพืชไม่ขัดสี ขนม ปังโฮลวีท เป็นต้น มากกว่า น้ำตาลเชิงเดี่ยว (simple sugar) เน่ืองจาก พบว่า น้ำตาล ในเลือดสูง โดยเฉพาะซูโครส ก่อให้เกิดปัญหาภาวะน้ำตาล ในเลือดสูง และภาวะด้ือต่ออินซูลิน นอกจากน้ี ปัญหา Lactose intolerance อาจเกิดได้ในผู้สูงอายุบางราย อันเน่ืองมาจากระดับของเอนไซม์แลค เตส ในลำไสเ้ ล็กที่ ลดลง ในผู้สูงอายุทีไ่ ม่ได้มกี ารด่ืมนมเปน็ ประจำ ทำให้เกิด ทอ้ งอดื หรือทอ้ งเดนิ ซ่ึง เป็นผลจากร่างกาย ไม่สามารถย่อย คาร์โบไฮเดรต ท่ีเป็นน้ำตาลแลคโตสได้ (Thunthisirin & Yamborisuth, 2018) 5. วิตามินและเกลือแร่ ผู้สูงอายุมีความต้องการ วิตามนิ บางตัว ในปริมาณไมม่ าก แต่วิตามิน ทุกตัวมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ ในเมตราบอลิซึม ต่าง ๆ และแร่ธาตุทำ หน้าที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์ เนื้อเย่ือกระดูก หรือทำหน้าที่เป็นโคแฟคเตอร์ ในปฏิกิริยา ต่าง ๆ ในร่างกาย ซ่ึงผู้สูงอายุมักรับประทานอาหารได้น้อย จึงทำให้เกิดความบกพร่องของวิตามิน และแร่ ธาตุในร่างกาย ผสู้ ูงอายุมักมปี ัญหาการขาดวิตามินบีสิบสอง ธาตุเหลก็ และแคลเซียม อันเนอื่ งมาจาก รับประทานอาหารน้อยลง และประสิทธิภาพการดูดซึมอาหารในลำไส้ลดลง รวมทั้ง การสูญเสีย อาหารต่าง ๆ จากการเป็นโรคเร้ือรัง ดังนั้น การจัดหมู่อาหารให้มีความหลากหลาย และในปริมาณ เหมาะสม จะชว่ ยให้ภาวะโภชนาการ วิตามิน และแร่ธาตุ ของผู้สูงอายอุ ยูใ่ นสภาวะทส่ี มดลุ วิตามินท่ี ผ้สู ูงอายุต้องการ ได้แก่ (Thunthisirin & Yamborisuth, 2018) วิตามินเอ ความต้องการวิตามินเอของผู้สูงอายุ เพศชายและเพศหญิง คือวันละ 700 และ 600 ไมโครกรัม เรตินอลอีควิวาเลนท์ แหล่งอาหารท่ีให้วิตามินเอ ได้แก่ เนื้อสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา อาหารประเภทเน้ือ ไข่ ตับ เครื่องใน ในผัก เช่น ตำลงึ แครอท ฟังทอง คะนา้ ผกั โขม เปน็ ต้น วิตามินดี ความต้องการวิตามินดีของผู้สูงอายุ คือวนั ละ 5 ไมโครกรัม สำหรับผู้สงู อายุท่ีอยูใ่ น บ้านหรือ สถานพยาบาลควรได้รับวิตามนั ดีเสริมวนั ละ 10 ไมโครกรมั ในรูปแบบของยาเม็ด ในอาหาร พบวิตามินดีมากในปลาท่ีมี ไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซารด์ ีน ไข่และนม เป็น ตน้ วิตามินอี ความต้องการวิตามินอีของผู้สูงอายุ เพศชาย และเพศหญิง คือวันละ 10 และ 8 มลิ ลิกรัม แอลฟา โทโค เฟอรอล อีควิวาเลนท์ พบในอาหารประเภท นำ้ มันพืช ผักใบเขียว ตับและไข่ เปน็ ต้น วติ ามินเค ความต้องการวติ ามินเคของผู้สูงอายุ เพศชาย และเพศหญิง คือวันละ 80 และ 65 ไมโครกรัม พบในอาหารประเภทผักใบเขียว ผลไม้ ธญั พืช เนอ้ื นม และผลิตภณั ฑ์ของนม เป็นต้น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 33 ไธอะมนิ (thiamin) ความต้องการไธอะมีน ของผสู้ งู อายเุ พศชาย และเพศหญงิ คือวนั ละ 1.2 และ 1.0 มิลลิกรัม อาหารที่เป็นแหล่งไธอะมิน ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว นม และธัญพืช อาหารที่มีสาร ทำลายหรือขัดขวาง การดูดซึมของไธอะมนิ ได้แก่ ปลาดบิ ใบชา และหมาก เปน็ ต้น ไรโบฟลาวิน (riboflavin) ความต้องการไรโบฟลาวิน ของผู้สูงอายุเพศชายและเพศหญิง คือ วันละ 1.4 และ 1.2 มิลลิกรัม แหล่งอาหารที่ให้ไรโบฟลาวิน ได้แก่ เนื้อ นม ไข่ และผักใบเขียว เป็น ตน้ วิตามินซี ความต้องการวิตามินซี ของผู้สูงอายุ คือ วันละ 60 มิลลิกรัม ปัจจัยท่ีทำให้ความ ต้องการวติ ามินซี เพิ่มมากข้ึน ได้แก่ การสูบบุหร่ี การดื่มแอลกอฮอล์ ยา บางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรืออยู่ในภาวะเครียด ผัก และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ส้ม แตงโม มะละกอ องุ่น ฝร่ัง มะม่วง ล้นิ จี่ มะนาว ผักคะน้า กะหลำ่ ปลี มะเขอื เทศ เป็นต้น วิตามินบี 6 ความต้องการวิตามินบี 6 ของ ผู้สูงอายุเพศชาย และเพศหญิง คือวันละ 2.2 และ 2 มิลลิกรัม แหลง่ อาหารที่ให้วติ ามนิ บี 6 ได้แก่ เนื้อหมู ธญั พืช ปจั จยั ที่ทำให้มกี ารสูญเสียวติ ามิน บี 6 ไดแ้ ก่ การหงุ ข้าวแบบเชด็ น้ำ การใช้ยาบางชนดิ เช่น INH จงึ ควรให้วิตามินบี 6 เสรมิ วิตามินบี 12 ความต้องการวิตามินบี 12 ของ ผู้สูงอายุ คือวันละ 2.0 ไมโครกรัม ในผู้สูงอายุ ท่ีมีภาวะ atrophic gastritis ควรให้วิตามินบี 12 เพิ่มข้ึน แหล่ง อาหารที่ให้วิตามินบี 12 ส่วนใหญ่ พบในผลิตภณั ฑ์จากสัตว์ เช่น อาหารทะเล เนอ้ื สัตว์ ไข่ นม เป็นต้น โฟเลต (folate) ความตอ้ งการโฟเลตของผู้สูงอายุ เพศชาย และเพศหญิง คอื วันละ 175 และ 150 ไมโครกรัม เพ่ือป้องกันภาวะซีดและล้ินอักเสบ แหล่งอาหารที่ให้โฟเลต ได้แก่ ผักใบเขียว ตับ เนอื้ สตั ว์ ถั่วตา่ ง ๆ ยสี ตแ์ ละธัญพชื ไนอะซิน (niacin or vitamin B3) ความต้องการ ไนอะซินของผู้สูงอายุ ไม่แตกต่างจากวัย ผใู้ หญ่ ทง้ั ในเพศ ชาย และเพศหญิง คอื วันละ 16 และ 13 มลิ ลิกรัม แหล่ง อาหารท่ใี ห้ไนอะซนิ ไดแ้ ก่ นม ไข่ เน้อื สัตว์ และโปรตนี จากพืช เช่น ถ่วั ต่าง ๆ ธญั พืช แคลเซียม (calcium) การสูญเสียเน้ือกระดูก (osteoporosis) พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเพศ หญิง การดูดซึมแคลเซียมทั้งในเพศชายและเพศหญงิ จะ ลดลงตามอายุ ความต้องการ แคลเซียมสำหรับผู้หญิงวัย หมดประจำเดือน เป็นวันละ 1000-1500 มิลลิกรัม แหล่ง อาหารท่ีพบ แคลเซียม ได้แก่ กะหล่ำปลี กล้วย เต้าหู้ นม ถั่วเหลือง ผักคะน้า นมพร่องมันเนย เมล็ดงา กุ้งแห้ง ปลา เล็กปลานอ้ ย เป็นตน้ 7. โรคทีพ่ บในผ้สู ูงอายแุ ละแนวปฏิบัตดิ า้ นโภชนาการ วัยผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้าน ร่างกาย จิตใจ และสังคม ประสิทธิภาพการ ทำงานของ อวัยวะต่าง ๆ เส่ือมถอยลง ทำให้ผูส้ ูงอายุมีโอกาสประสบ ปัญหาสุขภาพได้ โดยโรคที่พบ บ่อยในผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและโรค หลอดเลือด โรคเก๊าท์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 34 และโรคมะเร็ง ปัจจัยสำคัญทีทำให้ เกิดโรคเหล่าน้ี คือพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ผู้สูงอายุ และ ผู้ดูแลจึงควรมีความสามารถในการเลือกและจัดหา อาหารสำหรับผู้สูงอายุให้เหมาะกับโรคได้ ดงั ตอ่ ไปนี้ (Charoenkul, 2012) 1. โรคเบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ที่สร้างฮอร์โมนอินซูลินไดไ้ มเ่ พียงพอและ ออกฤทธ์ิควบคุม ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้ไม่ดี มีผลให้กลูโคสในเลือด สูงจนออกมาในปัสสาวะ ถ้ามีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะ เวลานาน จะมีอาการแทรกซ้อนร่วมด้วย เช่น ตาบอดจาก โรคต้อ กระจก ภาวะไตวาย เปน็ ตน้ โดยแนวทางปฏบิ ัตดิ ้านโภชนาการสำหรบั โรคเบาหวาน มีดังนี้ (1) รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย รกั ษาน้ำหนักตัวให้อยใู่ นเกณฑ์ปกติ (2) รับประทานอาหารม้ือหลักวันละ 3 ม้ือ ในปริมาณ ท่ีใกล้เคียงกัน ไม่งดมื้อใดมือหน่ึง ไม่ รับประทานจุบจิบ (3) รับประทานเนอ้ื สตั ว์ไม่ตดิ มันและหนัง ควรรบั ประทาน ปลานึ่งหรือต้ม ด่ืมนมไขมันต่ำ (4) รบั ประทานผักเพราะมี วติ ามินแร่ธาตุและใยอาหารสูง ผู้ป่วยเบาหวานควรกนิ ให้ มากขึ้น ในทุกมื้อโดยเฉพาะผักใบสีเขียวสดหรือสุก ถ้านำผัก มาคั้นเป็นน้ำควรกินกากด้วยเพ่ือจะได้ใยอาหาร ซ่งึ จะช่วย ลดการดูดซึมนำ้ ตาลและไขมันในอาหาร ทำให้ระดบั ไขมัน และน้ำตาลในเลือดลดลง ผู้ป่วย ควรกินผักวันละ 6 ทัพพี (2-3 ถ้วยตวง) ทั้งผักสุกและผักสด แต่ไม่ควรบริโภคผัก ดิบเพราะย่อยยาก ทำให้ท้องอดื ได้ (5) หลีกเล่ียงอาหารที่ มีไขมันมาก อาหารทอดใช้น้ำมันพืชปริมาณพอเหมาะใน การ ประกอบอาหาร (6) หลีกเล่ยี งเคร่อื งดืม่ ท่ีมีแอลกอฮอล์ 2. โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็น โรคเรื้อรัง ที่ผู้ป่วยมีความดันเลือดในหลอด เลือดแดงสูง กว่าปกติ ทำให้หัวใจต้องบีบตัวมากข้ึนเพ่ือสูบฉีดเลือดให้ ไหลเวียนไปตามหลอดเลือด ความดันเลือดประกอบด้วย สองค่าได้แก่ ความดันในหลอดเลือดขณะท่ีหัวใจบีบตัว และความดันใน หลอดเลือดขณะท่ีหัวใจคลายตัวความดัน เลือดปกติขณะพักอยู่ในช่วง 100-140 มิลลิเมตรปรอท ในช่วงหัวใจบบี และ 60-90 มลิ ลเิ มตรปรอท ในช่วงหัวใจ คลาย ดังน้นั ผู้ท่ีมีภาวะความดันโลหติ สูงจึง หมายถงึ ผูท้ ่ีมี ความดนั เลอื ดเทา่ กบั หรอื สูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท โดยแนวทางปฏบิ ัติด้านโภชนาการสำหรับโรค ความดันโลหติ สงู มดี งั น้ี (1) รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่และหลากหลาย รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (2) งดหรือลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยง อาหารทอด อาหารที่มี กะทิ ผดั ที่ใชน้ ำ้ มนั มาก เป็นต้น (3) รับประทานผักเพิ่มขน้ึ รับประทานผลไมท้ กุ วนั
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 35 (4) หลกี เล่ียงอาหารท่ีมีเกลือโซเดียมมาก จำกัดเกลอื และ เคร่อื งปรุง เช่น น้ำปลา ซีอ๊ิว ซอส เป็นต้น จำกัดอาหาร ดองเค็ม อาหารแห้ง ผักกาดดอง ผลไม้ดอง อาหารซอง สำเร็จรูป อาหาร กระป๋อง ซุปก้อน ซุปผง ผงชูรส หลีกเลี่ยง ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ท่ีผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น ไส้ กรอก แฮม หมูยอ กนุ เชียง ปลาเค็ม ไขเ่ คม็ เป็นต้น และเลือกกินอาหารทส่ี ดผ่านการปรงุ ใหม่แทน (5) ปรุง อาหารด้วยเครือ่ งเทศหรือสมุนไพรเพื่อเพ่มิ กลิ่น รสชาติ และความอยากอาหาร เม่ือ ต้องปรงุ อาหารออ่ นเค็ม เชน่ ตม้ ยำแกงเลียง แกงสม้ แกงปา่ เป็นต้น (6) งดบหุ รแ่ี ละ เคร่อื งแอลกอฮอล์ 3. โรคหัวใจและหลอดเลือด สว่ นใหญ่เกดิ จาก หลอดเลือดแขง็ และตีบตัน เกิดจากการสะสม ของไขมัน โปรตีนหรือหินปูนในผนังหลอดเลือด มีผลทำให้เกิด การตีบตัน ขาดความยืดหยุ่น หรือ เปราะบาง ถ้าเกิดที่หลอด เลือดหัวใจ จะทำให้หัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง มีผลให้กล้ามเน้ือ หัวใจตาย หัวใจวาย เสียชีวิตได้ ถ้าเกิดท่ีหลอดเลือดไต ทำให้ไตเสื่อม ไตวาย หรือเกิดที่หลอดเลือดสมอง จะมี ผล ให้เนอ้ื สมองตาย เปน็ อมั พฤกษ์ อมั พาต โดยแนวทางปฏบิ ัตดิ ้านโภชนาการสำหรับโรคหัวใจ และหลอดเลอื ด มดี ังนี้ (1) รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ และหลากหลาย รกั ษานำ้ หนักตวั ให้อย่ใู นเกณฑป์ กติ (2) รบั ประทานอาหารทีม่ ีไขมนั น้อย โดยเลือกรับประทาน ปลา เน้ือสัตว์ไม่ติดมัน ไม่ติดหนัง หลีกเล่ียงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น กุนเชียง ไส้กรอก เป็นต้น ใช้น้ำมันพืชท่ีมีกรดไขมัน ไม่อ่ิมตัวปริมาณ พอเหมาะสลับกันในการประกอบอาหาร ได้แก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น และควรหลีก เล่ียงอาหารท่ีมีไขมันสูง คอเลสเตอรอลสูง โดยรับประทาน เนื้อสัตว์ไม่ติดมันและหนัง ด่ืมนมพร่อง ไขมนั ลดอาหารท่ี มสี ว่ นประกอบของเนยเทียม เนยแท้ เชน่ ขนมเคก้ พาย เป็นต้น (3) รับประทานอาหารท่ีมีใยอาหารมาก เช่น ข้าวกล้อง รับประทานผักเพิ่มขึ้นท้ังผักสุก ผัก สด และ ถ่ัวเมล็ดแห้ง เชน่ ถวั่ เหลือง ถัว่ เขียว เพราะการรับประทาน ผลไม้ในปรมิ าณพอเหมาะทกุ วัน จะช่วยลดการดดู ซมึ ไขมัน เข้าสรู่ ่างกาย ป้องกันท้องผูก และลดการเกดิ โรคหัวใจได้ (4) หลีกเล่ียงอาหารทีเ่ ค็มจัด อาหารที่ถนอมดว้ ยเกลือ เช่น ปลาเค็ม ไข่เค็ม ผักกาดดอง ปรุง รสอาหารด้วยรสเปร้ียว เผ็ดและหวานน้อย ใช้พืชผักสมุนไพรในการปรุงอาหารให้ มีกลิ่นหอมน่ากิน เชน่ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบกะเพรา เปน็ ต้น 4. โรคเก๊าท์ เป็นโรคข้ออักเสบท่ีเกิดจากการที่ ร่างกายมีระดับกรดยูริคในเลือดสูงกว่าปกติ ซ่ึงจะกลายเป็น ผลึกยูเรต สะสมอยู่ท่ีข้อกระดูก เย่ืออ่อนของข้อต่อ และ เส้นเอ็นทำให้ข้อกระดูก เส่ือม จะมีอาการปวด บวม ตาม ข้อตา่ ง ๆ โดยแนวทางปฏบิ ตั ิด้านโภชนาการ สำหรบั โรคเก๊าท์ มีดงั นี้ (1) รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่าให้อ้วน เน่ืองจาก ความอ้วนทำให้อาการข้ออกั เสบรนุ แรงมากข้นึ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 36 (2) หลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลมาก เน่ืองจากจะทำให้ระดับ ไตรกลีเซอไรด์ใน เลือดสูง มีผลให้รา่ งกายขบั ถา่ ยกรดยรู ิค ได้นอ้ ยลง (3) หลีกเลี่ยงเครื่องด่ืมท่ีมีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ เพราะการเผาผลาญแอลกอฮอล์ทำ ให้เกิด กรดแลคติค ทำให้เกิดการสะสมของแลคเตสในร่างกาย ซ่ึงมีผลให้ร่างกายขับถ่ายกรดยูริคได้ นอ้ ยลง (4) หลีกเลี่ยง อาหารท่ีมีสารพิวรนี สงู ไดแ้ ก่ เครื่องในสตั ว์ ไข่ปลา เป็ด ไก่ ห่าน หอย ปลาดุก ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีนกระป๋อง น้ำต้มกระดูก น้ำซุปต่าง ๆ ยีสต์ เห็ด กระถิน ชะอม กะปิ ถั่วเมล็ด แหง้ ต่าง ๆ เปน็ ต้น (5) ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพ่ือช่วยในการขับถ่ายกรดยูริคและป้องกันการ เกิดนว่ิ ในไต 5. โรคมะเร็ง เป็นโรคร้ายแรงและเร้ือรัง อาหารที่ ถูกสุขลักษณะ มีคุณภาพ และปริมาณที่ เหมาะสม จะช่วย ชะลอการดำเนินโรคมะเรง็ และชว่ ยใหก้ ารรกั ษามะเร็ง ไดป้ ระสิทธภิ าพมากขึน้ โดยแนวทางปฏิบตั ดิ ้านโภชนาการ สำหรับโรค มะเรง็ มดี ังนี้ (1) รับประทานอาหารให้ครบท้ัง 5 หมู่ แต่ละ หมู่ให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหาร ครบถ้วนและลด โอกาสได้รับสารพิษ หรือสารก่อมะเร็งในปริมาณสูงจนเป็นโทษต่อร่างกาย และ รักษานำ้ หนกั ตวั ใหเ้ หมาะสม (2) เลือก รับประทานอาหารที่มีไขมันน้อย คอเลสเตอรอลต่ำโดย รับประทานเนื้อไม่ติดมัน และหนัง ใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไข มันไม่อิ่มตัว ในปริมาณพอเหมาะต่อการปรุงอาหาร เช่น น้ำมันถั่ว เหลือง นำ้ มนั รำข้าว นำ้ มนั ขา้ วโพด เป็นตน้ (3) รบั ประทานอาหารท่ีมโี ปรตนี ที่มคี ุณภาพดี เช่น เนื้อสตั ว์ ไมต่ ิดมนั ไข่ ด่มื นมพร่องมันเนย เปน็ ต้น เพอ่ื ให้รา่ งกาย มภี ูมิตา้ นทานโรค (4) รับประทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้น รับประทานข้าวกล้องและถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ เป็น ประจำ เพ่อื ให้มสี ารตา้ นอนุมลู อสิ ระ ชว่ ยลดความเสีย่ งใน การเกดิ โรคมะเร็ง (5) รับประทานอาหารสดใหม่ สุก สะอาด และถูกสุขลักษณะ ไม่มีสารพิษ สารเคมี และเชื้อ รา (6) ไม่ควรรับประทานอาหารหมักดอง อาหารที่ถนอมด้วย การเติมเกลือและสารเคมี เช่น ปลาร้า ปลาเคม็ เนือ้ เค็ม ไส้กรอก แหนม เป็นตน้ (7) หลีกเลย่ี งอาหารที่ปรงุ ก่ึงสกุ ก่ึงดิบ เช่น ลาบ ก้อย เพราะพยาธิในอาหาร อาจทำให้ เกิด มะเร็งตบั ได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 37 (8) ควรปรับเปล่ียนวิธีประกอบอาหาร และปรุงอาหารอย่างถูกวิธีด้วยวิธี ต้ม นึ่ง ตุ๋น อบ และ ผัดโดยใช้น้ำมันปริมาณน้อย หลีกเล่ียงเน้ือสัตว์ที่ย่าง รมควัน ทอดจนไหม้เกรียม และใช้น้ำมัน ทอดซ้ำหลายครง้ั (9) ดมื่ น้ำสะอาด วนั ละ 8-10 แกว้ (10) งดดื่มเครอื่ งด่มื แอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ สำหรับเทคนิคที่ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถ รับประทานอาหารได้มากขึ้น มีดังนี้ (Prasongsook, 2016) (1) รับประทานครงั้ ละไม่มากแต่บอ่ ยครงั้ โดยเลอื กทาน อาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานและโปรตีนสงู (2) หากการรับรสของ อาหารเปล่ียนไป ควรหลีกเล่ียงการ รับประทานอาหาร ทช่ี อบ ในช่วง ของการรักษา (3) งดสิง่ ท่ีมีผลตอ่ การ เปลย่ี นแปลงการรับรสของอาหาร เช่น เหล้า บุหรี่ นำ้ ยา บว้ นปาก (4) รับประทานอาหารท่ีเป็นของเหลวเสริมเม่ือ มีอาการ เบื่ออาหาร หรือเม่ือรับประทาน อาหารทเ่ี ปน็ ของแขง็ ได้นอ้ ยกวา่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย (5) เลือก รับประทานอาหารที่มสี มุนไพรหรอื เครื่องเทศ เพอ่ื ชว่ ย กระตุ้นตอ่ มรับรส (6) พยายามใหผ้ ปู้ ่วยอยใู่ นบรรยากาศ ทีด่ ี (7) ตกแตง่ จานหรือภาชนะต่าง ๆ ดว้ ยสสี ันทส่ี วยงาม นา่ ดงึ ดูดใจ (8) ให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยอย่างสมำ่ เสมอ ซงึ่ จะ ช่วยให้ผปู้ ว่ ย รบั ประทานอาหารได้มากข้ึน หลักการทว่ั ไปสำหรบั เลือกและเตรยี มอาหารสำหรับผ้สู ูงอายุ หลักการทั่วไปสำหรับเลือกและเตรียมอาหาร สำหรับผู้สูงอายุ มีดังน้ี (Department of Thai Traditional and Alternative Medicine, 2014) 1. เลือกอาหารท่ีมีในท้องถ่ิน ออกตามฤดูกาล เพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารสูงสุด ไม่มี สารเคมีที่ใช้ บังคับให้ออกนอกฤดู และควรเป็นอาหารที่ผู้สูงอายุชอบ รับประทาน เพราะจะทำให้ ผู้สงู อายุรับประทานไดม้ ากข้นึ 2. เลือกอาหารที่มีลักษณะเป็นของเหลวหรือ ก่ึงของเหลว เพื่อให้กลืนง่าย ไม่ติดคอ เช่น ขา้ วต้ม โจ๊ก นมถัว่ เหลือง เป็นตน้ 3. เลือกอาหารท่ีมีเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม เพื่อให้เค้ียว และย่อยง่าย เช่น ข้าวหุงน่ิม ๆ ปลา ไข่ เตา้ หู้ ผกั ต้ม เปน็ ตน้ 4. ดม่ื นำ้ ผลไมค้ น้ั สดแทนผลไม้สดได้ อาจใช้ การป่ันทั้งลกู เพ่ือให้ได้ใยอาหาร 5. ควรนำไขมันหรือเสน้ ใยที่เหนียวออกก่อน ประกอบอาหารประเภทเน้ือสัตว์ 6. ควรใช้การฉกี สับ ปั่น บด หั่นอาหารเปน็ ชิ้น เล็ก เพ่ือช่วยให้การเคี้ยวและการกลืนงา่ ยขึ้น โดยเฉพาะ อาหารที่มเี สน้ ใยสงู เชน่ ผกั เนอื้ สตั ว์ เป็นตน้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 38 7. หลีกเล่ียงอาหารทมี่ ีลักษณะเหนียว เคี้ยวยาก หรืออาหารทสี่ ามารถติดตามซอกฟนั ได้ 8. หลีกเล่ียงอาหารท่ีร้อน แห้ง รสเค็ม รสเผ็ด รสเปรี้ยวหรือเป็นกรด เพื่อลดความระคาย เคืองหรอื ความเจ็บปวดในชอ่ งปาก แนวทางการบรโิ ภคอาหารสำหรับผู้สูงอายุทว่ั ไป แนวทางการบรโิ ภคอาหารสำหรบั ผ้สู ูงอายุ มดี ังนี้ (Durongritthichai et al., 2010) 1. อาหารประเภทข้าว แป้ง ก๋วยเต๋ียว ควรบริโภค แต่พอควร และน้อยกว่าวัยหนุ่มสาว เช่น บริโภคให้น้อยลง ม้ือละ 1 ทัพพี ควรลดอาหารประเภทน้ำตาล น้ำหวานน้ำอัดลม ขนมหวาน เพื่อ ปอ้ งกันโรคอว้ น โรคเบาหวาน และโรคไขมนั ในเลือดสูง 2. อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ควรเลือกเน้ือสัตว์ไม่ติด มัน นุ่ม เค้ียวง่าย อาจสับหรือเค่ียวให้ เป่ือย เนื้อปลาและไข่ เป็นอาหารท่ีเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีลักษณะนุ่ม เค้ียวง่าย ย่อยและ ดูดซมึ ไดด้ ี ผู้สงู อายอุ าจเลือกรับประทาน เฉพาะไข่ขาวถ้าพบปญั หาไขมันในเลือดสงู 3. นม ผู้สูงอายุควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว หากมีปัญหาไขมันในเลือดสูงหรือน้ำหนัก มาก ให้ดื่มนม พรอ่ งมันเนย หรือนมถั่วเหลืองแทน หากมีอาการท้องอืด ท้องเสียเน่ืองจากรา่ งกายไม่ สามารถยอ่ ยน้ำตาลแลกโตสใน นมวัวได้ ควรเปลี่ยนเป็นนมเปร้ียว โยเกิรต์ หรือนมถว่ั เหลอื ง 4. อาหารประเภทไขมัน ควรลดอาหารท่มี ีไขมนั สูงหรืออาหารทมี่ ันจัด อาหารทอด แกงกะทิ ต่าง ๆ ควรใช้ น้ำมันพืชที่มีกรดไลโนเลอิคในการปรุงอาหาร เช่น น้ำมัน ถ่ัวเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันข้าวโพด นำ้ มนั ดอกคำฝอย หลีกเลีย่ งการใช้ไขมนั จากสตั วแ์ ละน้ำมันมะพร้าว 5. อาหารประเภทผักและผลไม้ ผู้สงู อายคุ วรเลือก กินผักหลาย ๆ ชนิดสลับกัน ควรเป็นผักท่ี นึ่งหรือต้มจนสุก ไม่ควรบริโภคผกั สด เน่ืองจากย่อยยาก เกิดแก๊สท้องอืด ท้องเฟ้อได้ ผลไม้ควรกินทุก วันเพื่อให้ได้วิตามินซีและใย อาหาร และควรเป็นผลไม้เน้ือนุ่ม เค้ียวง่าย เช่น มะละกอ กล้วยสุก ถ้า ผู้สูงอายุเป็นโรคเบาหวานหรือน้ำหนักตัวมาก ไม่ควรกินผลไม้ท่ีมีรสหวานจัด เช่น ลำไย ทุเรียน ขนุน เปน็ ต้น 6. น้ำ ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ในรูปแบบ แกงจืด หรือซุปร้อน ๆ เพื่อกระตุ้นความ อยากอาหาร 7. จำนวนม้ืออาหาร ควรแบ่งเป็นวันละ 5-6 มื้อ เพื่อป้องกันการแน่นท้อง โดยม้ือกลางวัน เป็นอาหารหลัก และเพ่ิมมือสายหรือบ่าย 8. จัดอาหารให้มีสีสัน กล่ิน รส น่ารับประทาน อาหารควรอุ่นหรือร้อนพอควร และควร บรโิ ภคพร้อมกบั สมาชิกในครอบครวั เพ่ือใหร้ บั ประทานอาหารไดม้ ากขน้ึ สทิ ธผิ สู้ ูงอายุ ผสู้ งู อายุไดร้ บั สิทธิ ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบญั ญตั ิผสู้ ูงอายุ พ.ศ. 2546 ดังน้ี มาตรา 11 ผสู้ งู อายุมสี ิทธิได้รับการคุม้ ครอง การสง่ เสรมิ และการสนบั สนนุ ในด้านต่างๆ ดังนี้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 39 (1) การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขท่ีจัดไว้โดยให้ความสะดวกและรวดเร็วแก่ ผสู้ ูงอายุเปน็ กรณีพเิ ศษ (2) การศกึ ษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสารท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ การดําเนนิ ชวี ิต (3) การประกอบอาชพี หรอื ฝกึ อาชีพท่เี หมาะสม (4) การพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะ เครือข่ายหรือชมุ ชน (5) การอํานวยความสะดวกและความปลอดภัยโดยตรงแก่ผู้สูงอายุในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะหรอื การบรกิ ารสาธารณะอ่ืน (6) การช่วยเหลือด้านค่าโดยสารยานพาหนะตามความเหมาะสม (7) การยกเวน้ คา่ เขา้ ชมสถานที่ของรฐั (8) การช่วยเหลือผู้สูงอายุซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรมหรือถูกแสวงหาประโยชน์ โดยมชิ อบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดท้ิง (9) การให้คําแนะนํา ปรึกษา ดําเนินการอ่ืนทเ่ี กย่ี วข้องในทางคดี หรอื ในทางการแก้ไขปัญหา ครอบครัว (10) การจัดท่พี กั อาศัย อาหารและเคร่อื งนงุ่ หม่ ให้ตามความเป็นจําเป็นอยา่ งทวั่ ถึง (11) การจ่ายเงนิ เบย้ี ยงั ชพี เป็นรายเดือนอย่างทวั่ ถึงและเป็นธรรม (12) การสงเคราะหใ์ นการจัดการศพตามประเพณี (13) การอนื่ ตามทค่ี ณะกรรมการประกาศกาํ หนด สิทธิได้รับบริการด้านการศึกษา การศาสนาและข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ดำเนินชีวติ ในพระราชบัญญตั ิผู้สงู อายุมไิ ด้กำหนดรายละเอียดการจดั บริการการศึกษาสำหรบั ผูส้ ูงอายุไว้ แต่รายละเอียดต่างๆสามารถพิจารณาได้จากกฎหมายอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง คือ พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ.2542 ซ่ึงได้กำหนดหลักการในการศึกษาให้ผู้สูงอายุสามารถศึกษาหาความรู้เพื่อนำมา พฒั นาคุณภาพชีวติ ของตนไดห้ ลายทาง ที่สำคญั ไดแ้ ก่ 1) การศึกษาตามอัธยาศัย ซ่ึงเป็นการหาความรดู้ ้วยตนเอง เป็นการเรยี นรู้จากประสบการณ์ การทำงาน จากบุคคลและจากสถานทต่ี า่ งๆไดต้ ลอดเวลา 2) การเรียนรู้จากศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ท่ีจัดการศึกษา การถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ใหแ้ ก่คนในชมุ ชน 3) การเรียนร้จู ากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งเป็นองค์กรท่ีจัดการศึกษาให้กลุ่มเป้าหมาย พเิ ศษต่างๆ รวมถึงผสู้ งู อายดุ ว้ ย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 40 นอกจากน้ันกระทรวงศึกษาธิการยังได้กำหนดวิธีการให้บริการด้านการศึกษาแก่ผู้สูงอายุใน ลักษณะต่างๆในรายละเอียด (ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม การสนับสนุนผู้สูงอายุในการศึกษา และข้อมูลข่าวสารท่ีเป็น ประโยชน์ต่อการดำเนินชวี ติ เมอื่ 2 กนั ยายน 2547) ดังน้ี 1) การจัดบริการข้อมูลข่าวสารให้ครอบคลุมการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ แล การศึกษาตามอธั ยาศัย รวมทั้งการทำฐานขอ้ มลู ทางการศึกษา การฝึกอบรมผ้สู ูงอายุ 2) การจัดบริการการศึกษาอย่างต่อเนื่องท้ังในรูปของการศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่ผสู้ งู อายุ 3) การสนบั สนุนสอ่ื ทกุ ประเภทให้มรี ายการสำหรบั ผสู้ ูงอายุ 4) การส่งเสริมให้หน่วยงาน สถานศกึ ษามสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมเพื่อผูส้ ูงอายุ 5) การส่งเสริมและสนบั สนนุ ใหม้ ีการจดั ศนู ย์การเรยี นรูใ้ นชมุ ชนแก่ผู้สงู อายุ 6) การค้มุ ครองการผลติ สอ่ื ความรแู้ ละอเิ ล็กทรอนิกสใ์ ห้แก่ผู้สูงอายุ 7) การจดั ทำหลกั สูตรเกยี่ วกบั ผ้สู งู อายุในข้ันพ้ืนฐานถงึ อดุ มศกึ ษา 8) การสง่ เสรมิ และสนับสนุนใหม้ กี ารผลิตงานวจิ ัยเพ่ือเพ่ิมพนู องค์ความรดู้ า้ นผสู้ ูงอายุ ความสำคัญและประโยชนข์ องการเรยี นรู้ การเรียนรู้ทำให้คนมีความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดีงามเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา ซ่ึงมี ความสำคัญย่ิงสำหรับการดำเนินชีวิตการทำงาน และการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข การเรียนรู้ในเร่ืองราวต่างๆ ตามความสนใจอย่างต่อเน่ืองสม่ำเสมอ จะช่วยให้มีความรอบรู้และรู้เท่า ทันสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคม สามารถนำความรู้มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ อีกท้ัง คนท่ีมีความรู้จะสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง มีอิสระในการคิด และสามารถพ่ึงพาตนเองได้ การ เรียนรู้เป็นเรื่องจำเป็นและเป็นประโยชน์สำหรับคนทุกวัยรวมทั้งผู้สูงอายุ เพราะนอกจากจะเป็นการ ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ช่วยประเทืองปัญญา ทำให้มองปัญหาต่างๆ ไดอ้ ย่างลึกซึ้งและดำเนินชีวิต ในสังคมอย่างเท่าทันแล้ว ยังเป็นการได้ใช้ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ช่วยพัฒนาสมอง ลดความเส่ียง ของอาการสมองเสื่อมและภาวะซึมเศร้าสง่ ผลใหผ้ ้สู งู อายุมีคุณภาพชวี ติ ที่ดี ประเภทของการเรียนรแู้ ละวธิ กี ารเรยี นรู้ การเรยี นรสู้ ามารถจำแนกออกเป็น 5 ประเภท ไดแ้ ก่ 1.การเรียนรู้ที่เกิดข้ึนโดยบังเอิญ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ไม่ได้เกิดจากความต้ังใจ หรือความต้องการของบุคคล แต่เม่ือได้รับประสบการณ์ก็จะทำให้บุคคลนั้นเกิดการเรียนรู้บางอย่าง ขน้ึ มาโดยไม่ไดต้ ้ังใจ
Search