50 ผลการเรยี นร ู้ 16. ทดลอง อธบิ าย และอภปิ รายเกย่ี วกบั ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทม่ี ผี ลตอ่ การงอกของเมลด็ สภาพพกั ตวั ของเมลด็ และบอกแนวทางในการแกส้ ภาพพกั ตวั ของเมลด็การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการอภปิ รายเกย่ี วกบั โครงสรา้ งของเมลด็ แลว้ ใชค้ �ำ ถาม ด้านความรู้ เชอ่ื มโยงไปสปู่ จั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การงอกของเมลด็1. ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ การงอกของเมล็ด ปัจจัยท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัว 2. สภาพพกั ตวั ของเมลด็ และแนวทางในการแกไ้ ข 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ด เช่น ของเมล็ด และแนวทางในการแก้สภาพพักตัว น�ำ้ หรอื ความชน้ื ออกซเิ จน อณุ หภมู ิ และ แสง จากการทดลอง การอภิปรายร่วมกัน และการทำ�ดา้ นทักษะ แบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นท�ำ การทดลอง น�ำ เสนอ อภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ เกย่ี วกบั ปจั จยั1. การสงั เกต ทม่ี ผี ลตอ่ การงอกของเมลด็ ดา้ นทกั ษะ2. การจดั กระทำ�และสอื่ ความหมายขอ้ มูล 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความร่วมมือ3. การลงความเห็นจากข้อมลู 4. ให้ความร้เู ก่ยี วกับสภาพพักตัวของเมล็ด และปัจจัยท่มี ีผลยับย้งั การงอก การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการทำ� 4. การตงั้ สมมติฐาน ของเมลด็5. การกำ�หนดและควบคมุ ตัวแปร การทดลอง และการอภิปรายรว่ มกัน6. การทดลอง 5. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับแนวทางในการแก้ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ การจัด7. การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป สภาพพกั ตวั ของเมลด็ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 กระทำ�และส่ือความหมายข้อมูล จากการสืบค้น1. การสือ่ สารสารสนเทศและการร้เู ท่าทนั ส่อื ข้อมูลและการนำ�เสนอ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ ความซื่อสัตย์ ความมุ่งม่ันอดทน ความเช่ีอม่ัน 1. ความซ่อื สตั ย์2. ความมุ่งม่นั อดทน ต่อหลักฐานเชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรม3. ความเชื่อมั่นตอ่ หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ในการอภปิ รายรว่ มกัน และการท�ำ การทดลอง
ชวี วทิ ยา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5ผลการเรยี นรู ้ 17. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ ายบทบาทและหนา้ ทีข่ องออกซิน ไซโทไคนนิ จิบเบอเรลลิน เอทิลนี และกรดแอบไซซิก 51 และอภิปรายเกยี่ วกับการนำ�ไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหรอื แอนเิ มชนั การทดลองเกย่ี วกบั การตอบสนอง ดา้ นความรู้ ตอ่ แสงของปลายโคลอี อพไทลข์ องพชื เพอ่ื อธบิ ายเกย่ี วกบั ผลของสารทพ่ี ชื1. บทบาทและหน้าที่ของ ออกซิน ไซโทไคนิน สร้างข้นึ เพื่อควบคุมการเจริญเติบโต 1. บทบาทและหน้าท่ีของออกซิน ไซโทไคนิน จิบ จบิ เบอเรลลนิ เอทิลีน และกรดแอบไซซกิ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับบทบาท และหน้าที่ของสารควบคุม เบอเรลลนิ เอทลิ นี และกรดแอบไซซกิ จากการสบื คน้2. การนำ�ข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีสังเคราะห์ท่ีมี การเจรญิ เตบิ โตของพชื ได้แก่ ออกซนิ ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลนิ เอทิลีน ขอ้ มลู การอภปิ รายรว่ มกนั และการท�ำ แบบทดสอบ สมบตั เิ หมอื นกบั สารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โต และกรดแอบไซซกิ ซ่งึ เปน็ สิ่งเรา้ ภายใน 2. การนำ�สารเคมีสังเคราะห์ท่ีมีสมบัติเหมือนกับ ทพ่ี ืชสร้างขน้ึ มาใช้ประโยชนท์ างการเกษตร 3. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของ สารควบคุมการเจริญเติบโตท่ีพืชสร้างข้ึนมาไปใช้ดา้ นทกั ษะ สารควบคมุ การเจริญเติบโตชนิดต่าง ๆ ท่พี ืชสร้างข้นึ ประโยชน์ทางการเกษตรจากการสืบค้นข้อมูล และ 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ และอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั สารสงั เคราะห์ การอภิปรายร่วมกนัทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทม่ี สี มบตั เิ หมอื นกบั สารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตทพี่ ชื สรา้ งขนึ้ และการน�ำ - ดา้ นทกั ษะทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 มาใชป้ ระโยชนท์ างการเกษตร การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ สบื ค้นข้อมูลและการนำ�เสนอดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน การอภิปรายรว่ มกนั
52 ผลการเรียนร ู้ 18. สบื คน้ ขอ้ มูล ทดลอง และอภปิ รายเก่ยี วกับสิ่งเรา้ ภายนอกทีม่ ีผลต่อการเจริญเติบโตของพชืการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามทบทวนเก่ียวกับบทบาทหน้าที่ของส่ิงเร้า ดา้ นความรู้ ภายในทม่ี ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื และใชภ้ าพหรอื วดี ทิ ศั นเ์ กยี่ วกบั ส่ิงเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโต การตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ของพืช เช่น แสง ความชื้น เพื่อเชื่อมโยง ส่ิงเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ของพืช เขา้ สู่เร่ืองสิ่งเร้าภายนอกท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืช จากการสบื คน้ ขอ้ มลู การอภปิ รายรว่ มกนั และจากการด้านทกั ษะ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล เพ่ืออภิปรายเก่ียวกับสิ่งเร้าภายนอกท่ีมีผลต่อ ท�ำ แบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การเจรญิ เติบโตของพชื1. การสงั เกต ด้านทกั ษะ2. การจัดกระท�ำ และสื่อความหมายขอ้ มลู 3. ใหน้ กั เรยี นท�ำ การทดลองเพอื่ ศกึ ษาผลของสง่ิ เรา้ ภายนอกทม่ี ตี อ่ การเจรญิ 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความร่วมมือ3. การลงความเห็นจากข้อมูล เตบิ โตของพชื น�ำ เสนอผลการทดลอง และอภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ เชอื่ มโยง4. การต้ังสมมติฐาน สิง่ เรา้ ภายนอกกบั ลักษณะการเจริญเติบโตของพืช การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการทำ�การ5. การก�ำ หนดและควบคุมตัวแปร ทดลอง และการอภิปรายรว่ มกัน6. การทดลอง 4. ให้นักเรียนเขียนแผนผังสรุปบทบาทหน้าที่ของส่ิงเร้าภายนอกและสิ่งเร้า 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ7. การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป ภายในท่มี ีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื สืบคน้ ขอ้ มูลและการนำ�เสนอทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 211. การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันสื่อ 5. ให้ความรู้เพ่มิ เติมเกย่ี วกับการเปล่ยี นแปลงของพืชทสี่ งั เกตเห็นไดซ้ ง่ึ เป็น ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ผลจากการตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้าภายนอก จติ วทิ ยาศาสตรด์ า้ นตา่ ง ๆ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมด้านจิตวิทยาศาสตร์ ในการอภปิ รายร่วมกนั และการทำ�การทดลอง1. ความซอ่ื สัตย์2. ความมงุ่ มนั่ อดทน3. ความรอบคอบ4. ความเชื่อมน่ั ต่อหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
ชีววทิ ยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 4. เข้าใจการยอ่ ยอาหารของสตั วแ์ ละมนษุ ย์ รวมทั้งการหายใจและการแลกเปล่ียนแกส๊ การล�ำ เลยี งสารและการหมุนเวียนเลือด ภูมคิ มุ้ กันของรา่ งกาย 53 การขบั ถา่ ย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลอ่ื นที่ การสืบพันธแุ์ ละการเจริญเตบิ โต ฮอรโ์ มนกับการรกั ษาดลุ ยภาพ และพฤตกิ รรมสัตว์ รวมทั้งการนำ�ความรู้ไปใช้ประโยชน์ผลการเรยี นร ู้ 1. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย และเปรียบเทยี บเกีย่ วกับโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสตั วท์ ่ไี ม่มที างเดินอาหาร สตั วท์ ม่ี ีทางเดนิ อาหาร แบบไม่สมบรู ณแ์ ละสตั ว์ทม่ี ที างเดินอาหารแบบสมบูรณ์การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษาภาพขนมปังที่มีราขึ้น พร้อมท้ังต้ัง ด้านความรู้ ค�ำ ถามเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การยอ่ ยอาหารของรา เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ รอ่ื งการ โครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของ ยอ่ ยอาหารภายนอกและภายในเซลล์ โครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ สัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร สัตว์ที่มีทางเดิน ท่ีไม่มีทางเดินอาหาร สัตว์ที่มีทางเดินอาหารแบบ อาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ท่ีมีทางเดิน 2. บรรยายเกย่ี วกบั การยอ่ ยอาหารภายนอกและภายในเซลล์ แลว้ ใหน้ กั เรยี น ไมส่ มบรู ณ์ และสตั วท์ ม่ี ที างเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์ อาหารแบบสมบรู ณ์ ท�ำ กจิ กรรมหรอื ศกึ ษา จากวดี ทิ ศั น์ เพอ่ื สงั เกตการกนิ อาหารของพารามเี ซยี ม จากการอภปิ รายรว่ มกัน และการทำ�แบบทดสอบด้านทักษะ 3. รว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การยอ่ ยอาหารของรามกี ารปลอ่ ย ดา้ นทกั ษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เอนไซมอ์ อกมายอ่ ยอาหารภายนอกเซลล์ และการยอ่ ยอาหารของสงิ่ มชี วี ติ 1. การสงั เกต การจ�ำ แนกประเภท และการลงความเหน็1. การสังเกต จากขอ้ มลู จากการท�ำ กจิ กรรมหรอื การศกึ ษาวดี ทิ ศั น์2. การจ�ำ แนกประเภท เซลล์เดยี วเกิดภายในฟดู แวควิ โอลโดยอาศัยเอนไซมใ์ นไลโซโซม และการอภปิ รายร่วมกนั3. การลงความเห็นจากข้อมลู 4. ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างภาพของสัตว์ เช่น ฟองนำ้� ไฮดรา พลานาเรีย 2. การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 การส่อื สารสารสนเทศและการร้เู ท่าทันส่ือ ไส้เดือนดิน แมลง และปลา แล้วสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างและ สืบคน้ ขอ้ มูล และน�ำ เสนอ กระบวนการย่อยอาหารของสัตว์เหลา่ นี้ด้านจิตวิทยาศาสตร์ 5. ให้นักเรียนนำ�เสนอข้อมูล อภิปรายร่วมกัน และสรุปเพ่ือเปรียบเทียบ ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ความเช่อื ม่ันตอ่ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ โครงสรา้ งและกระบวนการยอ่ ยอาหารของสตั วท์ ไ่ี มม่ ที างเดนิ อาหาร สตั ว์ ความเชอื่ มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต ทม่ี ที างเดนิ อาหารแบบไมส่ มบรู ณ์ และสตั วท์ มี่ ที างเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์ พฤติกรรมในการทำ�กิจกรรมหรือการศึกษาวีดิทัศน์ และการอภิปรายรว่ มกัน
54 ผลการเรียนรู ้ 2. สังเกต อธบิ าย การกินอาหารของ ไฮดรา และพลานาเรยีการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามเพอื่ ทบทวนความรแู้ ละยกตวั อยา่ งสตั วท์ มี่ ี ด้านความรู้ ทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ทม่ี ที างเดนิ อาหารแบบสมบูรณ์ การกินอาหารของไฮดรา และพลานาเรยี การกนิ อาหารของไฮดราและพลานาเรยี โดยการท�ำ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมหรือศึกษาจากวีดิทัศน์เพ่ือสังเกตการกินอาหาร กจิ กรรมและแบบทดสอบดา้ นทักษะ ของไฮดรา และพลานาเรยีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ1. การสังเกต 3. ร่วมกันอภิปรายผลที่ได้จากการทำ�กิจกรรมหรือศึกษาจากวีดิทัศน์เพื่อให้ การสงั เกต การจ�ำ แนกประเภท และการลงความเหน็2. การจ�ำ แนกประเภท นกั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ ไฮดราและ พลานาเรยี เปน็ สตั วท์ ม่ี ที างเดนิ อาหารแบบ จากข้อมูล ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและ3. การลงความเหน็ จากข้อมลู ไมส่ มบรู ณ์จะกนิ อาหารและขับกากอาหารออกทางเดียวกนัทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ภาวะผู้นำ� จากการทำ�กิจกรรม และการอภิปราย ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ร่วมกันด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ความเช่ือมน่ั ตอ่ หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ความเชอื่ มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต พฤตกิ รรมในการอภปิ รายรว่ มกัน
ชวี วิทยา ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5ผลการเรียนรู้ 3. อธิบายเกย่ี วกบั โครงสรา้ ง หน้าท่ี และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารภายในระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์ 55การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้แผนภาพทางเดินอาหารของมนุษย์และใช้คำ�ถาม ดา้ นความรู้ เพอ่ื ทบทวนความรเู้ กย่ี วกบั อวยั วะและหนา้ ทข่ี องทางเดนิ อาหารของมนษุ ย์1. โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องอวยั วะในระบบยอ่ ย โครงสร้าง หน้าท่ีของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร อาหารของมนุษย์ เพอ่ื เชื่อมโยงเขา้ สู่เร่ืองการย่อยเชงิ กลและการยอ่ ยเชิงเคมี ของมนุษย์ กระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึม 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมสำ�รวจอวัยวะภายในช่องปาก และสรุปเก่ียวกับ 2. กระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึม สารอาหารภายในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ สารอาหารภายในระบบยอ่ ยอาหารของมนษุ ย์ การทำ�งานของอวัยวะภายในชอ่ งปากที่ใชใ้ นการยอ่ ยเชิงกล จากการอภปิ รายร่วมกัน และการทำ�แบบทดสอบ 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเรื่องน้ำ�ลายและการทำ�งานของเอนไซม์อะไมเลสดา้ นทกั ษะ ด้านทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ซึง่ ช่วยในการยอ่ ยเชงิ เคมี การสังเกต การจำ�แนกประเภท และความร่วมมือ1. การสงั เกต 4. อธบิ ายเกย่ี วกบั การกลนื อาหาร รวมทง้ั อวยั วะทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การกลนื และ การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรม2. การจ�ำ แนกประเภททกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใช้คำ�ถามเพื่อนำ�ไปสู่เร่ืองการลำ�เลียงอาหารจากช่องปากไปยังคอหอย ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำ�ไสเ้ ลก็ ตามลำ�ดบั ความอยากรู้อยากเห็น ความเช่ือมั่นต่อหลักฐาน 5. อธิบายเก่ียวกับการย่อยอาหารในกระเพาะอาหารและลำ�ไส้เล็ก เพ่ือให้ด้านจิตวิทยาศาสตร์ นักเรียนสรปุ กระบวนการยอ่ ยอาหารในทางเดนิ อาหารส่วนต่างๆ ซึ่งตอ้ ง เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการ 1. ความอยากรู้อยากเหน็ อาศยั เอนไซม์ และสารอืน่ ๆ จากตบั อ่อน ตบั และถงุ น�้ำ ดี ทำ�กิจกรรมและการอภิปรายรว่ มกนั2. ความเชอ่ื มัน่ ต่อหลักฐานเชิงประจักษ์ 6. ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั โครงสรา้ งของวลิ ลสั ในล�ำ ไสเ้ ลก็ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นอธบิ าย การดดู ซมึ สารอาหารประเภทตา่ ง ๆ วิตามนิ และแรธ่ าตุ รวมทัง้ ใช้ค�ำ ถาม เพอ่ื ทบทวนความรู้เก่ยี วกับหน้าท่ขี องล�ำ ไส้ใหญ่
56 ผลการเรียนรู้ 4. สบื คน้ ข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสรา้ งท่ที �ำ หนา้ ทแี่ ลกเปลีย่ นแกส๊ ของฟองน้�ำ ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดือนดิน แมลง ปลา กบ และนก 5. สังเกต และอธบิ ายโครงสรา้ งของปอดในสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนำ้�นมการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยการใช้ภาพเก่ียวกับการแลกเปล่ียนแก๊สผ่านเยื่อ ดา้ นความรู้ หุ้มเซลล์โดยตรงของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม และ1. โครงสร้างที่ทำ�หน้าท่ีแลกเปลี่ยนแก๊สของ ร่ ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย เ กี่ ย ว กั บ ค ว า ม สำ � คั ญ ข อ ง แ ก๊ ส อ อ ก ซิ เ จ น ต่ อ สิ่ ง มี ชี วิ ต 1. โครงสร้างท่ีทำ�หน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊สของฟองนำ้� ฟองน�้ำ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง เพื่อเชอื่ มโยงเขา้ สเู่ รื่องโครงสรา้ งท่ีใช้ในการแลกเปล่ยี นแก๊สของสตั ว์ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง ปลา กบ และนก ปลา กบ และนก 2. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั โครงสรา้ งทที่ �ำ หนา้ ทแี่ ลกเปลยี่ นแกส๊ ของ จากการอภิปรายรว่ มกันและการท�ำ แบบทดสอบ2. โครงสรา้ งของปอดในสตั วเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยน�้ำ นม ฟองน�ำ้ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง ปลา กบ นก และสตั วเ์ ลย้ี งลกู 2. โครงสร้างของปอดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำ�นม ดา้ นทกั ษะ ดว้ ยน�ำ้ นม เพอ่ื เปรยี บเทยี บโครงสรา้ งทที่ �ำ หนา้ ทแ่ี ลกเปลยี่ นแกส๊ ของสตั ว์ จากการทำ�กิจกรรม การอภิปรายร่วมกัน และ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แตล่ ะชนดิ การท�ำ แบบทดสอบ1. การสงั เกต2. การจำ�แนกประเภท 3. ร่วมกันอภิปรายเพื่อให้นักเรียนสรุปได้ว่าสัตว์มีโครงสร้างที่ใช้ในการ ด้านทกั ษะ3. การลงความเห็นจากขอ้ มลู แลกเปลยี่ นแก๊สแตกต่างกัน 1. การสงั เกต และการจ�ำ แนกประเภท และความรว่ มมอืทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรม1. การสื่อสารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทนั สอ่ื 4. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรม สังเกต และอธิบายโครงสร้างลักษณะภายนอก 2. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการอภปิ รายรว่ มกนั2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ของปอดหมูหรือวัวจากตัวอย่างจริง เพื่อให้ได้ข้อสรุปเก่ียวกับจำ�นวนพู 3. การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศด้วยการสืบคน้ ขอ้ มลู ของปอด ลกั ษณะของทอ่ ลม หลอดลม หลอดลมฝอย และถงุ ลมด้านจติ วิทยาศาสตร์ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความม่งุ มัน่ อดทน ความมุ่งม่ันอดทน และความเชื่อม่ันต่อหลักฐาน 2. ความเชอื่ มน่ั ต่อหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� กจิ กรรมและการอภปิ รายรว่ มกนั
ชวี วิทยา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรียนรู ้ 6. อธบิ ายโครงสร้างท่ีใชใ้ นการแลกเปลย่ี นแกส๊ และกระบวนการแลกเปล่ียนแก๊สของมนุษย์ 57การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามเพ่ือทบทวนความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างที่ ดา้ นความรู้ โครงสร้างท่ีใช้ในการแลกเปล่ียนแก๊สและ เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนแก๊สของมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วย ช่องจมูก โพรงจมูก คอหอย กลอ่ งเสียง ท่อลม หลอดลม และถงุ ลม โครงสรา้ งทใี่ ชใ้ นการแลกเปลย่ี นแกส๊ กระบวนการ กระบวนการแลกเปล่ียนแก๊สของมนษุ ย ์ แลกเปลย่ี นแกส๊ ของมนษุ ย์ จากการท�ำ แบบทดสอบ 2. อธิบายเก่ียวกับกระบวนการแลกเปล่ียนแก๊สของมนุษย์ เพื่อให้นักเรียนดา้ นทักษะ สรปุ ไดว้ า่ การแลกเปลย่ี นแกส๊ เกดิ ขนึ้ บรเิ วณถงุ ลมกบั หลอดเลอื ดฝอย และ - หลอดเลือดฝอยกบั เซลล์ของร่างกายดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ -
58 ผลการเรยี นร ู้ 7. อธิบายการท�ำ งานของปอด และทดลองวดั ปริมาตรของอากาศในการหายใจออกของมนษุ ย์การวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยอาจใชว้ ดี ทิ ศั นแ์ สดงการเคลอื่ นทขี่ องอากาศเขา้ -ออก ด้านความรู้ จากปอดของมนุษย์ และใช้คำ�ถามทบทวนเกี่ยวกับอวัยวะที่ใช้ในการ การท�ำ งานของปอด และการวดั ปรมิ าตรของ แลกเปล่ียนแกส๊ ของมนษุ ย์ เพอื่ เชอ่ื มโยงเขา้ สู่เรอื่ งการทำ�งานของปอด การท�ำ งานของปอดและการวดั ปรมิ าตรของอากาศ อากาศในการหายใจออกของมนษุ ย์ 2. ให้นกั เรยี นท�ำ กิจกรรมการจ�ำ ลองการท�ำ งานของกล้ามเน้อื กะบังลม และ ในการหายใจออกของมนษุ ย์ จากการท�ำ แบบฝกึ หดั และการทำ�แบบทดสอบดา้ นทักษะ กลา้ มเนอ้ื ระหวา่ งกระดกู ซโ่ี ครงแถบนอก เพอ่ื ศกึ ษากลไกการหายใจเขา้ -ออกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอและอภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การหายใจ ด้านทักษะ1. การสงั เกต เข้าและการหายใจออกเกิดจากการเปล่ียนแปลงความดันของอากาศ การสงั เกต การวดั การจดั กระท�ำ และสอ่ื ความหมาย2. การวัด3. การจัดกระท�ำ และสอ่ื ความหมายข้อมูล ภายในปอดโดยการทำ�งานร่วมกันของกล้ามเนื้อกะบังลมและกล้ามเน้ือ ขอ้ มลู การลงความเหน็ จากขอ้ มลู และความรว่ มมอื4. การลงความเหน็ จากข้อมูล ระหว่างกระดูกซโี่ ครงแถบนอก การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรมทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 4. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมวดั ปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนษุ ย์ การน�ำ เสนอ และการอภิปรายรว่ มกัน ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 5. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปเกี่ยวกับปริมาตรของอากาศใน การหายใจออก และปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ ขนาดของร่างกาย และ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมทร่ี า่ งกายกระท�ำ มผี ลต่อปรมิ าตรของอากาศทหี่ ายใจออก ความซื่อสัตย์ ความมุ่งม่ันอดทน และความเชื่อมั่น1. ความซื่อสตั ย์2. ความมุ่งมน่ั อดทน หลักฐานเชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรม 3. ความเช่อื มัน่ ตอ่ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ในการทำ�กจิ กรรม และการอภิปรายรว่ มกัน
ชีววิทยา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรยี นร ู้ 8. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทียบระบบหมนุ เวียนเลือดแบบเปิดและระบบหมุนเวียนเลือดแบบปิด 59การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามหรอื วดี ทิ ศั น์ หรอื ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาสง่ิ มชี วี ติ ด้านความรู้ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดาเก่ียวกับวิธีการลำ�เลียงสารใน ระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบเปดิ และระบบหมนุ เวยี น ระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิดและระบบ สง่ิ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี ว คอื อะมบี าและ พารามเี ซยี ม และในสตั วท์ ม่ี โี ครงสรา้ ง หมนุ เวียนเลอื ดแบบปดิ รา่ งกายไมซ่ บั ซอ้ น คอื ฟองน�้ำ ไฮดรา พลานาเรยี เพอ่ื เชอื่ มโยงเขา้ สเู่ รอื่ ง เลือดแบบปิด จากการทำ�ตารางเปรียบเทียบและ การลำ�เลยี งสารในร่างกายสตั ว์ การทำ�แบบทดสอบดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพระบบหมนุ เวยี นเลอื ดของสตั วท์ มี่ โี ครงสรา้ งรา่ งกาย ด้านทกั ษะ - ซบั ซอ้ นกวา่ พลานาเรยี คอื ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง และกงุ้ เพอื่ สรปุ ไดว้ า่ ระบบ การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 หมุนเวยี นเลือดประกอบดว้ ยหัวใจ หลอดเลอื ด และเลือด และบอกความ การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สือ่ แตกตา่ งของระบบหมุนเวยี นเลือดของสัตว์ดังกล่าว สบื คน้ ข้อมลู และการน�ำ เสนอด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ อภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ ใหไ้ ดว้ า่ ระบบ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ หมนุ เวยี นเลอื ดแบบเปดิ ซง่ึ เลอื ดไมไ่ ดห้ มนุ เวยี นอยเู่ ฉพาะภายในหลอดเลอื ด การใช้วิจารณญาณ จากการอภปิ รายร่วมกนั แตร่ ะบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบปดิ เลอื ดจะหมนุ เวยี นอยภู่ ายในหลอดเลอื ด พร้อมท้ังยกตวั อยา่ งสัตว์ในแต่ละระบบ 4. ให้นักเรียนทำ�ตารางเปรียบเทียบระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิดและ ระบบหมุนเวยี นเลือดแบบปดิ
60 ผลการเรียนร ู้ 9. สงั เกตและอธบิ ายทศิ ทางการไหลของเลอื ดและการเคลอื่ นทข่ี องเซลลเ์ ม็ดเลอื ดในหางปลา และสรุปความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลือด กบั ความเรว็ การไหลของเลือดการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหรอื วดี ทิ ศั น์ และค�ำ ถามเกย่ี วกบั ความเรว็ และ ดา้ นความรู้ ทศิ ทางการไหลของเลอื ดในหลอดเลอื ดของระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบปดิ1. ทิศทางการไหลของเลือดและการเคล่ือนท่ี ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ระบบหมุนเวียนเลือดแบบปิด ทิศทางการไหลของ ของเซลลเ์ มด็ เลอื ดในหลอดเลอื ดขนาดตา่ งๆ เลือดและการเคล่ือนท่ีของเซลล์เม็ดเลือด ในหลอด ของหางปลา 2. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเรอื่ งการหมนุ เวยี นเลอื ดโดยศกึ ษาบรเิ วณหางปลา เลือดขนาดต่าง ๆ และความสัมพันธ์ระหว่างขนาด หางนกยูงหรือหางลูกอ๊อดภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อสังเกตและอธิบาย ของหลอดเลือดกับความเร็วในการไหลของเลือด2. ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลือด ขนาดของหลอดเลือด ทศิ ทางการไหลของเลือด ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ของ จากการท�ำ กิจกรรม และแบบทดสอบ กับความเร็วในการไหลของเลอื ด เซลล์เมด็ เลือด และความเรว็ ในการไหลของเลอื ดในหลอดเลือดตา่ ง ๆ ด้านทกั ษะดา้ นทักษะ 3. อภิปรายร่วมกันเพื่อให้นักเรียนสรุปความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของ การสงั เกต การจ�ำ แนกประเภท การลงความเหน็ จากทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ห ล อ ด เ ลื อ ด กั บ ค ว า ม เ ร็ ว ใ น ก า ร ไ ห ล ข อ ง เ ลื อ ด ไ ด้ ว่ า ห ล อ ด เ ลื อ ด ฝ อ ย 1. การสงั เกต มคี วามเร็วในการไหลของเลือดชา้ สดุ ขอ้ มลู และการท�ำ งานร่วมกันจากการท�ำ กิจกรรม2. การจำ�แนกประเภท3. การลงความเห็นจากขอ้ มลู ด้านจิตวิทยาศาสตร์ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ความซื่อสัตย์ ความมุ่งม่ันอดทน ความเช่ือม่ันต่อ ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ หลักฐานเชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรม ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ ในการท�ำ กจิ กรรม และการอภปิ รายร่วมกนั1. ความซอ่ื สัตย์2. ความม่งุ ม่นั อดทน3. ความเชื่อมัน่ ต่อหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
ชวี วทิ ยา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5ผลการเรียนร้ ู 10. อธบิ ายโครงสรา้ งและการท�ำ งานของหวั ใจและหลอดเลอื ดในมนษุ ย์ 61 11. สงั เกตและอธิบายโครงสรา้ งหวั ใจของสตั ว์เลย้ี งลกู ดว้ ยนำ�้ นม ทศิ ทางการไหลของเลอื ดผ่านหวั ใจของมนษุ ย์ และเขยี นแผนผงั สรุปการหมุนเวยี นเลือดของมนษุ ย์การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามหรอื ภาพ เพอ่ื ทบทวนเกย่ี วกบั การล�ำ เลยี งสาร ดา้ นความรู้ ไปยงั สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย เชน่ น�ำ แกส๊ ออกซเิ จนจากปอด น�ำ สารอาหาร1. โครงสร้างและการทำ�งานของหัวใจและ 1. โครงสรา้ งและการท�ำ งานของหวั ใจ และหลอดเลอื ด หลอดเลือดในมนษุ ย์ จากลำ�ไส้เล็กไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมท้ังโครงสร้างและอวัยวะ ในมนษุ ย์ จากการท�ำ แบบทดสอบ ทีใ่ ชใ้ นการลำ�เลียงสาร2. โครงสรา้ งหัวใจของสตั ว์เลย้ี งลูกดว้ ยน้�ำ นม 2. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปเกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบ 2. โครงสร้างหัวใจของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนำ้�นมจากการ3. ทิ ศ ท า ง ก า ร ไ ห ล ข อ ง เ ลื อ ด ผ่ า น บ ริ เ ว ณ หมุนเวียนเลือด คือ หัวใจ หลอดเลือด และเลือดซ่ึงไหลเวียนอยู่เฉพาะ ทำ�กจิ กรรม ในหลอดเลอื ด หัวใจของมนุษย์ และการหมุนเวียนเลือด 3. ให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับโครงสรา้ งและหน้าที่ของหัวใจและหลอดเลือด 3. ทศิ ทางการไหลของเลอื ดผา่ นบรเิ วณหวั ใจของมนษุ ย์ ในรา่ งกายมนษุ ย์ อาร์เตอรี หลอดเลอื ดเวน และหลอดเลอื ดฝอย และการหมุนเวียนของเลือดในร่างกายมนุษย์ 4. นกั เรยี นท�ำ กจิ กรรม เพอื่ สงั เกตลกั ษณะภายนอกของหวั ใจคอื ขนาด รปู รา่ งดา้ นทกั ษะ หลอดเลือด ช่องของหลอดเลือดท่ีเข้าและออกจากหัวใจ ลักษณะภายใน จากการเขยี นแผนผังสรุป และการทำ�แบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ของหัวใจ คือหัวใจห้องต่าง ๆ ความหนาของผนังห้องหัวใจ หลอดเลือด1. การสังเกต ล้ินหัวใจ และทิศทางการไหลของเลือดเขา้ และออกจากหวั ใจ ด้านทกั ษะ2. การจำ�แนกประเภท 5. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสามารถเขียนแผนผังสรุปการหมุนเวียน การสังเกต การจำ�แนกประเภท และความร่วมมือทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของเลือดออกจากหัวใจไปปอดและไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วยหลอด การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรม ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ เลือดอาร์เตอรี และกลับเข้าสู่หัวใจด้วยหลอดเลือดเวน ผ่านหัวใจห้อง ตา่ ง ๆ และลิ้นต่าง ๆ และออกจากหัวใจ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 6. ใหน้ ักเรยี นทำ�กจิ กรรมจบั ชพี จรตนเอง โดยอาจลองใช้ สเตทโทสโคปเพอ่ื ความอยากรอู้ ยากเหน็ และความเชอ่ื มน่ั ตอ่ หลกั ฐาน1. ความอยากรู้อยากเหน็ ฟงั เสยี งการเตน้ ของหวั ใจ ค�ำ นวณหาอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ และออกแบบ เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�2. ความเชอ่ื มั่นต่อหลักฐานเชิงประจักษ์ การทดลองเพอ่ื ศึกษาปัจจยั ทีเ่ ก่ียวข้องกับอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ 7. ให้ความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับการเกิดชีพจรหรือการเต้นของหัวใจและ กิจกรรมและการอภิปรายร่วมกัน ความดันเลอื ดโดยใชภ้ าพประกอบ
62 แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ 8. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพแสดงทศิ ทางการไหลของเลอื ดในหลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี หลอดเลือดเวน และหลอดเลือดฝอย และภาพแสดงความดันเลือด ในหลอดเลอื ดต่าง ๆ 9. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเกย่ี วกบั ทศิ ทางการไหลของเลอื ดในหลอดเลอื ดเวน และสงั เกตการเปลย่ี นแปลงของหลอดเลอื ดทแี่ ขนขณะทถี่ กู กดและปลอ่ ย อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ทศิ ทางการไหลของเลอื ดในหลอดเลอื ด เวน และความแตกตา่ งระหว่างหลอดเลอื ดเวนและหลอดเลือดอารเ์ ตอรี 10. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู อภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ เกย่ี วกบั ความดนั เลอื ด และปัจจัยตา่ ง ๆ ทม่ี ีผลต่อความดันเลอื ด
ชวี วทิ ยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรียนรู้ 12. สืบคน้ ขอ้ มลู ระบคุ วามแตกต่างของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เซลล์เม็ดเลอื ดขาว เพลตเลต และพลาสมา 63การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพและคำ�ถามเกี่ยวกับปริมาณเลือดในร่างกาย ดา้ นความรู้ และสว่ นประกอบของเลอื ดทีผ่ ่านการปัน่ แยก ความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง ความแตกตา่ งของเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง เซลลเ์ มด็ เลอื ด เซลล์เม็ดเลอื ดขาว เพลตเลต และพลาสมา 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลโครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์เม็ดเลือดแดง ขาว เพลตเลต และพลาสมาจากการท�ำ แบบทดสอบ เซลล์เมด็ เลอื ดขาวชนดิ ต่าง ๆ และเพลตเลตรวมทง้ั หนา้ ทขี่ องพลาสมาด้านทกั ษะ ดา้ นทักษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมสังเกต และถ่ายภาพหรือวาดภาพพร้อมระบุ 1. การสงั เกต และการจ�ำ แนกประเภท และ ความรว่ มมอื1. การสงั เกต สว่ นประกอบของเซลลเ์ มด็ เลอื ดชนดิ ตา่ ง ๆ และเพลตเลตทปี่ รากฏภายใต้ การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรม2. การจำ�แนกประเภท 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 กล้องจุลทรรศนโ์ ดยใช้สไลดถ์ าวรของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดมนษุ ย์1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั สื่อ 4. ให้นักเรียนนำ�เสนอและสรุปความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง สืบค้นขอ้ มลู และการนำ�เสนอ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ เซลล์เม็ดเลอื ดขาวชนดิ ต่าง ๆ เพลตเลต และพลาสมา ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ความมุ่งม่ันอดทน จากการสังเกตพฤติกรรมในการ ความมุง่ มั่นอดทน ท�ำ กจิ กรรม
64 ผลการเรียนรู้ 13. อธบิ ายหม่เู ลอื ด และหลักการใหแ้ ละรบั เลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rhการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามเพ่ือให้ทราบถึงข้อมูลเลือดหมู่ต่าง ๆ ด้านความรู้1. หมเู่ ลอื ดระบบ ABO และระบบ Rh ของนกั เรยี น และทบทวนความรู้เดิมเกีย่ วกับหมู่เลือดของมนุษย์2. หลักการใหแ้ ละรับเลอื ดในระบบ ABO และ หมเู่ ลอื ดและหลกั การใหแ้ ละรบั เลอื ดในระบบ ABO 2. บรรยายเกี่ยวกบั การจ�ำ แนกหมู่เลือดระบบ ABO และหมู่เลือดระบบ Rh และระบบ Rh จากการท�ำ ตารางสรปุ และแบบทดสอบ ระบบ Rh ซึ่งเรียกชอ่ื ตามชนิดของแอนติเจนที่เย่ือหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงด้านทกั ษะ 3. นักเรียนทำ�ตารางสรุปเกี่ยวกับแอนติเจนและแอนติบอดีของหมู่เลือด - ระบบ ABO และหมเู่ ลือดระบบ Rhดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. ใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั หลกั การใหแ้ ละรบั เลอื ดในหมเู่ ลอื ดระบบ ABO - และหมเู่ ลอื ดระบบ Rh 5. นกั เรยี นท�ำ ตารางสรปุ หลกั การใหแ้ ละรบั เลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh
ชีววทิ ยา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5ผลการเรียนรู้ 14. อธิบาย และสรปุ เกย่ี วกับส่วนประกอบและหน้าทข่ี องน้ำ�เหลือง รวมท้งั โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องหลอดนำ้�เหลอื ง และตอ่ มน้ำ�เหลือง 65การวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามและภาพเกย่ี วกบั ตอ่ มน�ำ้ เหลอื งบรเิ วณตา่ งๆ ด้านความรู้ ของรา่ งกาย เพอื่ เชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ รอ่ื ง สว่ นประกอบและหนา้ ทข่ี องน�้ำ เหลอื ง1. ส่วนประกอบและหน้าที่ของน�้ำ เหลือง ส่วนประกอบและหน้าที่ของน้ำ�เหลือง โครงสร้าง2. โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องหลอดน�ำ้ เหลอื งและ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพหรอื วดี ทิ ศั นก์ ารล�ำ เลยี งน�้ำ เหลอื งในระบบน�ำ้ เหลอื ง และหน้าที่ของหลอดนำ้�เหลือง ต่อมนำ้�เหลือง อภิปรายร่วมกัน และสรุปเกี่ยวกับทิศทางการไหลของน้ำ�เหลือง และ จากการทำ�แบบฝกึ หัดและแบบทดสอบ ต่อมน้ำ�เหลือง การเข้าสรู่ ะบบหมนุ เวยี นเลอื ด ด้านทักษะด้านทักษะ 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ และสรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและ การสงั เกตจากการศกึ ษาภาพหรอื วีดิทศั น์ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หน้าที่ของน้ำ�เหลือง โครงสร้างและหน้าท่ีของหลอดน้ำ�เหลืองและ การสังเกต ต่อมน้ำ�เหลอื งทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 -ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ -
66 ผลการเรียนรู้ 15. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย และเปรยี บเทยี บกลไกการต่อต้านหรอื ทำ�ลายส่งิ แปลกปลอมแบบไม่จำ�เพาะและแบบจำ�เพาะการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างและอภิปรายเกี่ยวกับ ดา้ นความรู้ สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ท่ีเข้าสู่ร่างกาย และวิธีการที่ร่างกายต่อต้านหรือ กลไกการต่อต้านหรือทำ�ลายส่ิงแปลกปลอม ท�ำ ลายสง่ิ แปลกปลอม เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ รอ่ื งกลไกการตอ่ ตา้ นและท�ำ ลาย ความแตกต่างของกลไกการต่อต้านหรือทำ�ลาย แบบไม่จำ�เพาะและแบบจำ�เพาะ ส่ิงแปลกปลอมของรา่ งกาย สงิ่ แปลกปลอมแบบไมจ่ �ำ เพาะ และกลไกการตอ่ ตา้ นดา้ นทกั ษะ 2. บรรยายเพิ่มเติมโดยใช้ภาพ หรือวีดิทัศน์ หรือเอกสารแผ่นพับเกี่ยวกับ หรือทำ�ลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำ�เพาะ จากการทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กลไกการต่อต้านหรือทำ�ลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำ�เพาะของผิวหนัง เขียนแผนผังหรือตารางเปรียบเทียบและจากการ - เยื่อบทุ ่อ ต่อมน�้ำ ลาย และการท�ำ งานของเซลล์เม็ดเลอื ดขาวบางชนดิ ทำ�แบบทดสอบทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสอ่ื 3. ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกการต่อต้านหรือทำ�ลายสิ่งแปลกปลอม ดา้ นทักษะ แบบจ�ำ เพาะซึง่ เปน็ การทำ�งานของเซลล์บีและเซลลท์ ชี นดิ ต่าง ๆ การเกิด การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ เซลลเ์ มมอรซี ่งึ เปน็ พน้ื ฐานของการใหว้ ัคซีน การใชว้ ิจารณญาณ สบื คน้ ขอ้ มูล และการน�ำ เสนอ 4. ให้นักเรียนเขียนแผนผังหรือตารางเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือ ท�ำ ลายสง่ิ แปลกปลอมแบบไม่จำ�เพาะและแบบจ�ำ เพาะ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ 5. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ อภิปราย และสรุปเพ่ิมเติมเก่ียวกับ ตอ่ มน�ำ้ เหลอื ง ทอนซิล ม้าม ไทมสั และเนือ้ เยอื่ น�ำ้ เหลอื งทีผ่ นงั ลำ�ไส้เลก็ อภิปรายรว่ มกนั ในเรอ่ื งการสร้างและการตอบสนองของลมิ โฟไซต์
ชวี วิทยา ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5ผลการเรยี นรู้ 16. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บการสร้างภูมิคุม้ กันกอ่ เองและภูมคิ มุ้ กันรบั มา 67การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนเกี่ยวกับกลไกการต่อต้านหรือทำ�ลายสิ่ง ดา้ นความรู้ แปลกปลอมแบบจำ�เพาะ และใช้ตารางเกยี่ วกับการแนะนำ�การฉดี วัคซนี1. ภมู คิ ุ้มกนั กอ่ เองและภมู คิ ้มุ กนั รับมา ตงั้ แตแ่ รกเกดิ และใชค้ �ำ ถามเพอ่ื น�ำ ไปสกู่ ารสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั แบบภมู คิ มุ้ กนั ความแตกตา่ งของภมู คิ มุ้ กนั กอ่ เองและภมู คิ มุ้ กนั รบั มา2. วัคซีน ทอกซอยด์ และซีรัมสำ�หรับโรคหรือ ก่อเองและภมู คิ ุ้มกนั รบั มา ตวั อยา่ งวคั ซีนและซรี มั สำ�หรบั โรคหรืออาการต่าง ๆ อาการต่าง ๆ 2. ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ภมู คิ มุ้ กนั กอ่ เองซง่ึ เปน็ การสรา้ งแอนตบิ อดหี ลงั การตดิ เชอ้ื จากการเขียนแผนผังหรือตารางเปรียบเทียบและ หรอื ไดร้ บั วคั ซนี หรอื ทอกซอยด์ ซง่ึ เปน็ การไดร้ บั แอนตเิ จน สว่ นภมู คิ มุ้ กนั การท�ำ แบบทดสอบด้านทกั ษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รับมาเป็นการได้รับแอนติบอดีผ่านทางรก หรือจากนำ้�นมแม่ หรือจาก ด้านทักษะ - ซีรมั ต่าง ๆ การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 3. นกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอและอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ตวั อยา่ งวคั ซนี การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั ส่ือ คมุ้ กนั โรคหรอื อาการตา่ ง ๆ และตวั อยา่ งซรี มั ส�ำ หรบั โรคหรอื อาการตา่ ง ๆ สบื ค้นข้อมลู และการน�ำ เสนอ 4. นักเรียนเขียนแผนผังหรือตารางเปรียบเทียบการสร้างภูมิคุ้มกันของดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ รา่ งกายแบบภมู ิคมุ้ กันก่อเองและภูมิคุ้มกันรับมา ด้านจิตวิทยาศาสตร์ การใช้วจิ ารณญาณ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ อภปิ รายร่วมกัน
68 ผลการเรียนร ู้ 17. สืบค้นข้อมลู และอธิบายเกีย่ วกับความผดิ ปกตขิ องระบบภมู คิ มุ้ กันท่ีท�ำ ให้เกิดเอดส์ ภมู ิแพ้ การสร้างภูมติ ้านทานต่อเน้ือเยือ่ ตนเองการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนยกตัวอย่างโรคหรืออาการท่ีเกิดจาก ดา้ นความรู้ ความผดิ ปกติของระบบภมู ิค้มุ กนั ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำ�ให้ ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำ�ให้เกิดเอดส์ เกิดเอดส์ ภูมิแพ้ และการสร้างภูมิต้านทาน 2. ให้นักเรียนศึกษาวีดิทัศน์หรือภาพ หรือแผ่นพับเก่ียวกับอาการหรือ ภูมิแพ้ และการสร้างภูมิต้านทานต่อเน้ือเย่ือตนเอง ตอ่ เนอ้ื เยอื่ ตนเอง โรคท่ีเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน คือ เอดส์ ภูมิแพ้ และ จากการท�ำ รายงาน และแบบทดสอบ การสรา้ งภมู ติ า้ นทานตอ่ เนอื้ เยอื่ ตนเอง อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ เกย่ี วกบัด้านทักษะ ความผดิ ปกตขิ องระบบภมู คิ มุ้ กนั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ เอดส์ ภมู แิ พ้ และการสรา้ งภมู ิ ด้านทกั ษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ต้านทานต่อเนื้อเยื่อตนเอง 1. การจดั กระท�ำ และสอ่ื ความหมายขอ้ มลู การลงความ1. การจัดกระทำ�และสอื่ ความหมายขอ้ มูล2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล 3. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเกย่ี วกบั การเขยี นกราฟแสดงขอ้ มลู การเปลย่ี นแปลง เหน็ จากข้อมูลและความร่วมมือ การทำ�งานเปน็ ทมีทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จ�ำ นวนของเซลล์เมด็ เลือดขาวในผู้ป่วยท่ีได้รับเชอื้ HIV และภาวะผนู้ �ำ จากการทำ�กจิ กรรม1. การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั ส่ือ 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู และน�ำ เสนอ เกยี่ วกบั สถติ ขิ องผปู้ ว่ ย และแนวทาง 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ สืบคน้ ขอ้ มลู และการนำ�เสนอ ในการปอ้ งกันเอดส์ ภมู แิ พ้ หรือการสร้างภมู ติ า้ นทานต่อเนอ้ื เยอื่ ตนเองดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ด้านจติ วิทยาศาสตร์1. ความใจกวา้ ง ความใจกว้าง และความเช่ือมั่นต่อหลักฐานเชิง2. ความเชอ่ื มั่นต่อหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ประจักษ์จากการสังเกตพฤติกรรมในการอภิปราย รว่ มกนั
ชวี วทิ ยา ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 5ผลการเรยี นร ู้ 18. สืบค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและหนา้ ทีใ่ นการกำ�จดั ของเสยี ออกจากรา่ งกายของฟองนำ้� ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดือนดนิ แมลง 69 และสตั วม์ ีกระดกู สนั หลงัการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามเก่ียวกับคำ�จำ�กัดความของคำ�ว่า ของเสีย ดา้ นความรู้ จากน้ันใช้คำ�ถามเก่ียวกับโครงสร้างและกระบวนการท่ีใช้ในการกำ�จัด โครงสร้างและหน้าที่ในการกำ�จัดของเสีย ของเสยี ออกจากรา่ งกายของสัตว์ โครงสร้างและหน้าที่ในการกำ�จัดของเสียออกจาก ออกจากรา่ งกาย ในฟองน�ำ้ ไฮดรา พลานาเรยี รา่ งกายของฟองน�ำ้ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ 2. นกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู และน�ำ เสนอเกย่ี วกบั โครงสรา้ งและหนา้ ทใ่ี นการก�ำ จดั ไสเ้ ดือนดนิ แมลง และสัตวม์ ีกระดูกสนั หลัง ของเสยี ออกจากรา่ งกายของฟองน�ำ้ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง แมลง และสัตว์มีกระดูกสันหลัง จากการทำ� แบบทดสอบด้านทกั ษะ และสัตวม์ กี ระดกู สนั หลงัทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ ฟองน�้ำ และไฮดราก�ำ จดั ของเสยี ดา้ นทกั ษะ การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ - โดยการแพรผ่ ่านเยือ่ หุม้ เซลล์ออกสู่ส่ิงแวดล้อม พลานาเรยี ใช้เฟลมเซลล ์ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ไสเ้ ดอื นดนิ ใชเ้ นฟรเิ ดยี ม แมลงใชม้ ลั พเิ กยี นทวิ บลู และสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั สืบค้นขอ้ มลู และการน�ำ เสนอ การสือ่ สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สือ่ ใชไ้ ตในการขบั ถา่ ยของเสยี ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ การใช้วจิ ารณญาณ อภิปรายร่วมกนั
70 ผลการเรยี นรู้ 19. อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องไต และโครงสร้างทีใ่ ช้ลำ�เลียงปสั สาวะออกจากร่างกายการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามเกยี่ วกบั อวยั วะทใ่ี ชใ้ นการก�ำ จดั ของเสยี ทม่ี ี ด้านความรู้ ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ และอวัยวะท่ีเกี่ยวข้องกับการสร้างปัสสาวะ1. โครงสรา้ งและหน้าท่ีของไต ของมนษุ ย์ เพื่อเชือ่ มโยงเรื่องโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องไต โครงสร้างและหน้าท่ีของไต และโครงสร้างที่ใช้2. โครงสรา้ งทใ่ี ชล้ �ำ เลยี งปสั สาวะออกจากรา่ งกาย ลำ�เลียงปัสสาวะออกจากร่างกายจากการทำ�แบบ 2. อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างของไต และโครงสร้างท่ีใช้ลำ�เลียงปัสสาวะ ทดสอบดา้ นทักษะ ออกจากรา่ งกาย เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ วา่ ไตประกอบดว้ ย คอรเ์ ทกซ์ เมดลั ลาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดา้ นทักษะ1. การสังเกต และกรวยไต โดยกรวยไตจะต่อกับท่อไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ และ การสังเกต การจำ�แนกประเภท และความร่วมมือ2. การจำ�แนกประเภท ขบั ถา่ ยออกทางทอ่ ปสั สาวะ การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรมทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 3. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาโครงสร้างภายนอก และภายในของไตหมู ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ ท่ีผ่าตามยาว จากนั้นให้นักเรียนวาดภาพพร้อมระบุชื่อโครงสร้างส่วน ความเชอื่ มน่ั ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกตดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ ตา่ ง ๆ ของไต ความเชือ่ มน่ั ต่อหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ พฤติกรรมในการอภิปรายร่วมกนั 4. อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลำ�เลียงเลือดท่ีมีของเสียจากเซลล์ต่างๆ ท่วั ร่างกายจะเขา้ สู่ไตทางรนี ัลอารเ์ ตอรี และออกจากไตทางรนี ัลเวน 5. นกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ และสรปุ เกยี่ วกบั หนา้ ทขี่ องไตในการรกั ษา ดุลยภาพของน�้ำ แร่ธาตุ และกรด-เบส
ชวี วิทยา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5ผลการเรียนร ู้ 20. อธิบายกลไกการท�ำ งานของหนว่ ยไตในการกำ�จัดของเสียออกจากร่างกาย และเขียนแผนผังสรปุ ขัน้ ตอนการก�ำ จดั ของเสยี 71 ออกจากรา่ งกายโดยหนว่ ยไตการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหนว่ ยไต หรอื วดี ทิ ศั นเ์ กย่ี วกบั การท�ำ งานของ ดา้ นความรู้1. กลไกการทำ�งานของหน่วยไตในการกำ�จัด หน่วยไต แล้วใช้คำ�ถามเกี่ยวกับหน้าท่ีของหน่วยไตในการกำ�จัดของเสีย ทมี่ ไี นโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ กลไกการทำ�งานของหน่วยไตในการกำ�จัดของเสีย ของเสียออกจากรา่ งกาย ออกจากรา่ งกาย และขนั้ ตอนการก�ำ จดั ของเสยี ออก2. ขั้นตอนการกำ�จัดของเสียออกจากร่างกาย 2. อธบิ ายเกยี่ วกบั โครงสรา้ งของหนว่ ยไต เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ หนว่ ยไต จากรา่ งกายโดยหนว่ ยไต จากการเขยี นแผนผงั และ ประกอบด้วย โบว์แมนส์แคปซูล ท่อขดส่วนต้น ห่วงเฮนเล และท่อขด การทำ�แบบทดสอบ โดยหน่วยไต ส่วนปลาย ปลายของท่อขดส่วนปลายจากหลายหน่วยไตจะเปิดออก ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ด้านทักษะ ทที่ ่อรวมแล้วออกสกู่ รวยไต การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน - 3. อธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับกลไกการทำ�งานของหน่วยไต เพ่ือให้นักเรียน สามารถเขยี นแผนผงั สรปุ การท�ำ งานของหนว่ ยไตในการกรอง การดดู กลบั การตอบค�ำ ถามด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ และการหลั่ง การใชว้ จิ ารณญาณ 4. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ และสรุปเก่ียวกับหน้าที่ของไตในการ รกั ษาดลุ ยภาพของน�้ำ แรธ่ าตุ และกรด-เบส
72 ผลการเรยี นร้ ู 21. สืบค้นข้อมลู อธิบาย และยกตัวอยา่ งเกีย่ วกบั ความผดิ ปกตขิ องไตอันเน่อื งมาจากโรคตา่ ง ๆการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้เกี่ยวกับไตและอวัยวะที่เก่ียวข้องกับ ด้านความรู้ ระบบขบั ถา่ ย จากนน้ั ใชค้ �ำ ถามเกย่ี วกบั โรคหรอื อาการตา่ งๆ เชน่ นว่ิ ในไต ความผดิ ปกตขิ องไตอนั เนอ่ื งมาจากโรคตา่ ง ๆ ความผดิ ปกตขิ องไตอนั เนอ่ื งมาจากโรคตา่ งๆ จากการ กระเพาะปสั สาวะอกั เสบ เพ่ือเชอ่ื มโยงเขา้ ส่เู รอ่ื งความผดิ ปกติของไต ทำ�แบบทดสอบด้านทกั ษะ 2. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เพอ่ื อธบิ ายและยกตวั อยา่ งเกย่ี วกบั ความผดิ ปกติทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ - ของไตอนั เนอื่ งมาจากโรคตา่ งๆ ซงึ่ สง่ ผลกระทบตอ่ การรกั ษาดลุ ยภาพของ การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 สารในร่างกาย เช่น โรคนิ่วและโรคไตวาย การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สือ่ 3. ใหน้ กั เรยี น น�ำ เสนอและสรปุ เกย่ี วกบั ความผดิ ปกตขิ องไตอนั เนอื่ งมาจาก สบื ค้นข้อมลู และการน�ำ เสนอ โรคต่าง ๆด้านจติ วิทยาศาสตร์ -
74 ชวี วทิ ยา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6
ชีววทิ ยา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 75สาระชวี วิทยา 4. เข้าใจการยอ่ ยอาหารของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ รวมทั้งการหายใจและการแลกเปล่ยี นแก๊ส การลำ�เลยี งสารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคมุ้ กันของรา่ งกาย การขบั ถ่าย การรบั รูแ้ ละการตอบสนอง การเคลื่อนที่ การสืบพนั ธุแ์ ละการเจรญิ เตบิ โต ฮอรโ์ มนกับการรักษาดลุ ยภาพ และพฤตกิ รรมสัตว์ รวมทง้ั การนำ�ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ผลการเรยี นร ู้ 1. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องระบบประสาทขอไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ กงุ้ หอย แมลง และสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงัการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนจี้เอวเพื่อน หรือศึกษาการเคล่ือนที่ของ ดา้ นความรู้ พารามีเซียมเมื่อมีส่ิงกีดขวางภายใต้กล้องจุลทรรศน์ แล้วใช้คำ�ถามและ โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องระบบประสาทของ อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการรับรู้และการตอบสนองของมนุษย์และพารา การเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของระบบ ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ กงุ้ หอย แมลง มเี ซยี ม เพอ่ื เชอ่ื มโยงเข้าสู่เรือ่ งการรบั รูแ้ ละการตอบสนองของสัตว์ ประสาทของไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน กุ้ง หอย แมลง และสัตว์มีกระดูกสันหลัง จากการทำ� และสัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั 2. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมหรอื ศกึ ษาวดี ทิ ศั น์ การใชเ้ ขม็ เขยี่ ทเี่ ทนทาเคลิ และ แบบทดสอบ สว่ นตา่ ง ๆ ของไฮดราและสงั เกตและอภปิ รายรว่ มกนั ถงึ การตอบสนองของดา้ นทักษะ ไฮดราในการเคลอื่ นไหว ว่าเปน็ ผลมาจากการทำ�งานของร่างแหประสาท ดา้ นทักษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การสังเกตจากการทำ�กิจกรรม การสงั เกต 3. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาระบบประสาทของ พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ กงุ้ แมลงสาบ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 หรอื จ้ิงหรีดจากภาพหรอื ตวั อยา่ งจริงท่ีจัดแสดงไว้ การสอื่ สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั สอ่ื สบื ค้นขอ้ มูลและการนำ�เสนอ 4. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ อภิปรายร่วมกันและสรุปเปรียบเทียบด้านจติ วิทยาศาสตร์ โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องระบบประสาทในพลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ กงุ้ หอย ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความอยากรู้อยากเหน็ และแมลงซ่ึงมีปมประสาทและเส้นประสาท และในสัตว์มีกระดูกสันหลัง ความอยากรู้อยากเห็น ความเช่ือมั่นต่อหลักฐาน2. ความเช่อื มั่นต่อหลกั ฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งมี สมอง ไขสนั หลงั ปมประสาท และเสน้ ประสาท เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� กิจกรรมและการอภปิ รายรว่ มกนั
76 ผลการเรยี นรู้ 2. อธิบายเกย่ี วกับโครงสร้างและหนา้ ที่ของเซลล์ประสาทการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพเซลล์ประสาทหรือสไลด์ถาวรภายใต้กล้อง ด้านความรู้ โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของเซลลป์ ระสาท จุลทรรศน์ เพ่ือให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับรูปร่างของเซลล์ประสาทและ 1. โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ประสาท จากการ ด้านทกั ษะ เปรียบเทียบกับภาพของเซลล์อ่ืนๆ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อโครงร่าง เซลล์ ทำ�แบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เม็ดเลอื ดแดง และเซลล์อสจุ ิ 2. การจำ�แนกเซลล์ประสาทตามหน้าท่ีและรูปร่าง การลงความเห็นจากข้อมูล 2. อธิบายเก่ียวกับโครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์ประสาทเพ่ือให้นักเรียนทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 สรุปได้ว่า เซลล์ประสาทประกอบด้วย ตัวเซลล์ เดนไดรต์ และแอกซอน จากการอภิปรายร่วมกนั - พร้อมทงั้ สามารถระบหุ นา้ ท่ขี องแต่ละส่วนประกอบ 3. ใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การเกดิ เยอื่ ไมอลี นิ และชนดิ ของเสน้ ใยประสาท ด้านทกั ษะดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 4. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปเกี่ยวกับการจำ�แนกเซลล์ประสาท การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการอภปิ รายรว่ มกนั การใช้วิจารณญาณ ตามหนา้ ทอี่ อกเป็น 3 ชนิด และการจำ�แนกตามรูปรา่ งออกเปน็ 3 ชนดิ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ พฤตกิ รรมในการอภปิ รายรว่ มกนั
ชีววิทยา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6ผลการเรียนรู้ 3. อธิบายเกยี่ วกบั การเปล่ียนแปลงของศกั ย์ไฟฟ้าท่เี ย่ือหุ้มเซลลข์ องเซลลป์ ระสาทและกลไกการถ่ายทอดกระแสประสาท 77การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหรอื วดี ทิ ศั นแ์ สดงการวดั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ด้านความรู้ ระหวา่ งภายนอกและภายในของเซลลป์ ระสาท แลว้ ใชค้ �ำ ถามและอภปิ ราย การเปลี่ยนแปลงของศักย์ไฟฟ้าที่เยื่อหุ้มเซลล์ของ1. การเปลย่ี นแปลงของศกั ยไ์ ฟฟา้ ทเ่ี ยอ่ื หมุ้ เซลล์ รว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเกย่ี วกบั คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ทเี่ ยอ่ื หมุ้ เซลล์ เซลลป์ ระสาท และกลไกการถา่ ยทอดกระแสประสาท ของเซลลป์ ระสาท ของเซลล์ประสาท จากการท�ำ แบบทดสอบ2. กลไกการถ่ายทอดกระแสประสาท 2. อธิบายเกี่ยวกับการเกิดกระแสประสาท เพื่อให้นักเรียนสรุปได้ว่ากระแส ดา้ นทักษะดา้ นทกั ษะ ประสาทเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของศักย์ไฟฟ้าที่เย่ือหุ้มเซลล์บริเวณ การสงั เกตจากการศึกษาภาพและวดี ิทศั น์ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แอกซอน โดยการทำ�งานของช่องไอออนท่ีสามารถปิดเปิดได้ พร้อมทั้ง การสังเกต สรุประยะตา่ ง ๆ ของแอกชันโพเทนเชียล ด้านจิตวิทยาศาสตร์ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ - 3. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพหรอื วดี ทิ ศั น์ การไซแนปสข์ องเซลลป์ ระสาท แลว้ ใช้ ค�ำ ถามและอภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ถงึ ความส�ำ คญั ของสารสอื่ อภิปรายรว่ มกนัด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ประสาทและการถา่ ยทอดกระแสประสาทไปยงั เซลลป์ ระสาทหรอื เซลลอ์ น่ื ๆ การใชว้ ิจารณญาณ ผา่ นทางไซแนปส์
78 ผลการเรยี นร ู้ 4. อธิบาย และสรุปเกีย่ วกับโครงสร้างของระบบประสาทสว่ นกลางและระบบประสาทรอบนอกการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพแสดงพฒั นาการของสมองและไขสนั หลงั จาก ด้านความรู้ โครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและ นวิ รลั ทวิ บซ์ ง่ึ ทอดยาวไปตามสนั หลงั ตลอดตวั เอม็ บรโิ อมนษุ ย์ เพอ่ื เชอ่ื มโยง โครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบ เขา้ ส่เู ร่ืองสมองและไขสนั หลัง ระบบประสาทรอบนอก 2. อภิปรายร่วมกันเพื่อให้นักเรียนสรุปให้ได้ว่า สมองและไขสันหลังจัดเป็น ประสาทรอบนอก จากการท�ำ แบบทดสอบด้านทักษะ ระบบประสาทสว่ นกลาง ด้านทกั ษะ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรก์ ารสงั เกต 3. ให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง ช่องภายในสมอง ทักษะการสังเกตจากการศกึ ษาภาพทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 - และไขสนั หลงั และน้�ำ ในสมองและไขสนั หลงั ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ 4. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพสมองและไขสนั หลงั ทมี่ เี สน้ ประสาทยนื่ ออกมาเปน็ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ การใช้วจิ ารณญาณ คๆู่ และอภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ไดว้ า่ เสน้ ประสาทสมองและเสน้ ประสาท อภปิ รายร่วมกนั ไขสันหลังซึ่งไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย รวมท้ังปมประสาทจัดเป็น ระบบประสาทรอบนอก
ชีววทิ ยา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6ผลการเรียนรู้ 5. สืบคน้ ข้อมลู อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องสว่ นต่างๆ ในสมองสว่ นหนา้ สมองสว่ นกลาง สมองส่วนหลงั และไขสนั หลัง 79การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพแสดงพัฒนาการของสมองและไขสันหลัง ดา้ นความรู้ ของเอ็มบรโิ อมนษุ ยอ์ ายปุ ระมาณ 3-4 สปั ดาห์ และอภปิ รายรว่ มกันเพอ่ื โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องสว่ นตา่ ง ๆ ในสมอง เชื่อมโยงไปสู่เรื่องโครงสร้างของสมองซ่ึงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ สมอง โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องสว่ นตา่ ง ๆ ของสมองสว่ นหนา้ ส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง สว่ นหนา้ สมองส่วนกลาง และสมองส่วนหลัง สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง และไขสันหลัง และไขสนั หลงั 2. ให้นักเรียนศึกษาภาพวิวัฒนาการของสมองในสัตว์มีกระดูกสันหลัง จากการท�ำ แบบทดสอบด้านทักษะ เพื่อเปรยี บเทยี บการเจรญิ ของสมองแตล่ ะสว่ นในสตั วต์ า่ ง ๆทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านทกั ษะ1. การสังเกต 3. ใชภ้ าพหรอื หนุ่ จ�ำ ลองสมองและใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของ 1. การสังเกตและทักษะการจำ�แนกประเภทจากการ2. การจ�ำ แนกประเภท สมองสว่ นหนา้ สมองสว่ น กลาง สมองสว่ นหลงั และเสน้ ประสาทสมอง 12 คู่3. การลงความเหน็ จากข้อมูล ศกึ ษาภาพหรอื สไลดถ์ าวรทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 4. นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ และสรุปเกี่ยวกับหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ 2. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล และการอภปิ ราย การส่อื สารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทนั สอ่ื ของสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และสมองส่วนหลัง และหน้าท่ีของ เส้นประสาทสมอง 12 คู่ ซึ่งบางคู่ทำ�หนา้ ทีร่ ับความรู้สกึ หรือ สง่ั การ หรือ ร่วมกันดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ท�ำ หน้าท่ที งั้ สองอยา่ ง 3. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ การใช้วิจารณญาณ 5. ใชภ้ าพโครงสรา้ งภายนอกของ ไขสนั หลงั ทต่ี อ่ จากสมอง และเสน้ ประสาท สืบค้นข้อมลู ไขสันหลัง เพ่ือให้นักเรียนพิจารณาตำ�แหน่งท่ีอยู่ของไขสันหลังและ เส้นประสาทไขสันหลัง ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ 6. นกั เรยี นสงั เกตและอธิบายโครงสรา้ งภาคตัดขวางของไขสันหลังจากภาพ หรือสไลดถ์ าวรภายใต้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ อภิปรายรว่ มกนั 7. ให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับโครงสร้างภาคตัดขวางของไขสันหลังและ เส้นประสาทไขสันหลงั ซึง่ มี 31 คู่ 8. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพการทดลองการสง่ กระแสประสาทจากเสน้ ประสาท ไขสนั หลังในกบ โดยการตดั ต�ำ แหนง่ ตา่ ง ๆ ของเส้นประสาทไขสันหลงั 9. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสามารถอธิบายหน้าท่ีของไขสันหลังและ สรปุ ไดว้ า่ เสน้ ประสาทไขสนั หลงั ทกุ ครู่ บั ความรสู้ กึ เขา้ สไู่ ขสนั หลงั ทางดา้ นบน และนำ�ค�ำ สั่งออกจากไขสันหลงั ทางดา้ นล่าง
80 ผลการเรยี นรู้ 6. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย เปรียบเทยี บ และยกตัวอยา่ งการทำ�งานของระบบประสาทโซมาติกและระบบประสาทอตั โนวตั ิการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษาภาพแสดงรีเฟล็กซ์แอกชันของการ ดา้ นความรู้ กระตุกขาเม่ือเคาะที่เอ็นใต้เข่าและเม่ือเหยียบเศษแก้ว เพ่ือเชื่อมโยง การทำ�งานของระบบประสาทโซมาติกและ เข้าสเู่ ร่ืองระบบประสาทโซมาติก การเปรียบเทียบและยกตัวอย่างการทำ�งานของ ระบบประสาทอตั โนวตั ิ ระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอตั โนวตั ิ 2. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่ารีเฟล็กซ์แอกชันเป็นการทำ�งานดา้ นทกั ษะ ของระบบประสาทโซมาตกิ ซึ่งควบคุมการท�ำ งานของกล้ามเนือ้ โครงรา่ ง จากการทำ�แบบทดสอบ ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ 3. ใหค้ วามร้เู พมิ่ เตมิ เก่ยี วกับรีเฟลก็ ซ์ พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ ดา้ นทกั ษะ การจ�ำ แนกประเภท 4. ให้นักเรียนคิดถึงเหตุการณ์ท่ีทำ�ให้นักเรียนตกใจมากและบอกความรู้สึก 1. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สือ่ เกิดข้ึน โดยเฉพาะการเต้นของหัวใจที่ถี่และเร็ว อภิปรายร่วมกันเพื่อให้ สืบค้นข้อมลู นักเรียนสรุปได้ว่าเป็นการทำ�งานของระบบประสาทอัตโนวัติซ่ึงควบคุม 2. การจ�ำ แนกประเภท จากการตอบค�ำ ถาม การน�ำ เสนอด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ การทำ�งานของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายในและ และการอภปิ รายรว่ มกัน การใชว้ ิจารณญาณ ตอ่ มตา่ ง ๆ 5. ร่วมกันเปรียบเทียบการทำ�งานของระบบประสาทโซมาติกและระบบ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ประสาทอัตโนวัติ การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน การอภิปรายร่วมกัน
ชีววิทยา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6ผลการเรยี นรู ้ 7. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ทขี่ อง ตา หู จมกู ลน้ิ และผวิ หนังของมนุษย์ ยกตวั อยา่ งโรคต่างๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง และบอกแนวทางในการดแู ล 81 ปอ้ งกนั และรกั ษา 8. สังเกตและอธิบายการหาต�ำ แหน่งของจุดบอด และโฟเวียของตา และความไวในการรบั สมั ผัสของผวิ หนงัการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนปิดตาแล้วดมกลิ่น และล้ิมรส ลูกอมท่ีมี ดา้ นความรู้ กล่ินและรสชาติต่าง ๆ แล้วใช้คำ�ถามเก่ียวกับการมองเห็น ได้ยิน ได้กล่ิน1. โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของตา หู จมูก ลิ้น และ รับรส หรือรู้สึกร้อนหนาว เพ่ือโยงเขา้ ส่เู รือ่ งอวัยวะรบั ความรูส้ ึก 1. โครงสร้างและหน้าทขี่ องตา หู จมูก ล้นิ และผิวหนัง ผวิ หนงั ของมนุษย์ ตัวอย่างโรคต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง พร้อมท้ังแนวทาง 2. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ อวยั วะรบั ความรสู้ กึ ตา่ ง ๆ คอื ตา การดูแล ป้องกันและรักษา ตำ�แหน่งของจุดบอด2. ตัวอย่างโรคต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับตา หู จมูก หู จมกู ลน้ิ และผวิ หนงั จะรบั สงิ่ เรา้ ทแี่ ตกตา่ งกนั ซง่ึ มคี วามส�ำ คญั ตอ่ การ และโฟเวียของตา และความไวในการรับสัมผัสของ ล้ิน และผิวหนังของมนุษย์ และแนวทางใน ด�ำ รงชีวติ จึงควรดแู ล ปอ้ งกันและรกั ษาใหท้ ำ�งานได้เป็นปกติ ผิวหนัง จากการอภิปรายร่วมกันและการทำ�แบบ การดูแล ปอ้ งกนั และรักษา ทดสอบ 3. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพหรอื หนุ่ จ�ำ ลองโครงสรา้ งของตา อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื3. ตำ�แหนง่ ของจดุ บอดและโฟเวยี ของตา ให้นักเรียนสรปุ ได้วา่ ตาประกอบด้วย 3 ชน้ั คือ สเคลอรา โครอยด์ และ 2. ตัวอย่างอาการผิดปกติ หรือโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง4. ความไวในการรับสัมผสั ของผวิ หนงั เรตินา และยังมีเลนส์ตา เซลล์รับแสงและโครงสรา้ งอ่นื ๆ พรอ้ มทง้ั บอกแนวทางในการดแู ล ปอ้ งกนั และรกั ษา จากการสืบค้นขอ้ มูลและการนำ�เสนอดา้ นทักษะ 4. อธบิ ายเกย่ี วกบั หนา้ ทข่ี องสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของ ตา และกลไกการมองเหน็ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเก่ียวกับตำ�แหน่งจุดบอดและโฟเวียของตา 3. ต�ำ แหนง่ ของจดุ บอดและโฟเวยี ของตา และความไว1. การสงั เกต ในการรบั สมั ผัสของผวิ หนัง จากทำ�กิจกรรม2. การจ�ำ แนกประเภท เพื่ออธบิ ายการหาตำ�แหนง่ ของจุดบอด และโฟเวยี ของตา3. การลงความเห็นจากขอ้ มลู 6. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพหรอื หนุ่ จ�ำ ลองโครงสรา้ งของหู แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั ดา้ นทักษะทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. การสังเกต การจำ�แนกประเภท และการลงความ การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สือ่ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ หแู บง่ เปน็ หสู ว่ นนอก หสู ว่ นกลาง หสู ว่ นในซงึ่ มี คอเคลีย และเซมิเซอร์ควิ ลารแ์ คแนล เห็นจากข้อมูล จากการศึกษาภาพหรือหุ่นจำ�ลองด้านจิตวิทยาศาสตร์ 7. อธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับหน้าท่ีของส่วนประกอบต่าง ๆ ของหู กลไก และการอภิปรายรว่ มกนั1. ความอยากรอู้ ยากเหน็ การไดย้ นิ และกลไกการทรงตวั ของรา่ งกาย 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ2. ความซ่ือสตั ย์ 8. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพหรอื หนุ่ จ�ำ ลองโครงสรา้ งของจมกู แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั สบื ค้นขอ้ มลู และการน�ำ เสนอ3. ความมงุ่ มั่นอดทน เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ เยอ่ื บโุ พรงจมกู มเี ซลลป์ ระสาทรบั กลน่ิ ท�ำ หนา้ ที่4. ความเชือ่ ม่ันตอ่ หลกั ฐานเชิงประจักษ์ เปน็ ตวั รับสารเคมแี ล้วเกิดกระแสประสาทสง่ ไปยังสมอง ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 9. ให้นักเรียนส่องกระจกดูล้ินของตนเองเปรียบเทียบกับ ภาพโครงสร้าง จติ วทิ ยาศาสตรด์ า้ นตา่ ง ๆ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม ภายนอกของลิ้นและศึกษาภาพตัดขวางของตุ่มรับรส แล้วอภิปรายร่วม ในการท�ำ กจิ กรรม และอภิปรายรว่ มกัน กันเพื่อให้นักเรียนสรุปได้ว่า ล้ินมีเซลล์รับรสอยู่ในตุ่มรับรสซ่ึงทำ�หน้าที่
82 แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ เปลยี่ นการกระตนุ้ ดว้ ยสารเคมี เปน็ กระแสประสาทสง่ ไปตามเสน้ ประสาท ไปยังสมอง 10. ให้นักเรียนศึกษาภาพหรือหุ่นจำ�ลองโครงสร้างของผิวหนังท่ีแสดงปลาย ประสาทชนดิ ตา่ งๆ แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ ผวิ หนงั มีหนว่ ยรบั ส่งิ เรา้ หลายชนิด เช่น รบั สัมผสั แรงกด เจ็บปวด และอุณหภมู ิ 11. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเกยี่ วกบั ความไวในการรบั สมั ผสั ของผวิ หนงั เพอื่ ให้ สรุปได้ว่าบรเิ วณต่าง ๆ ของผวิ หนังมีหน่วยรับความรู้สึกสัมผสั ไม่เทา่ กนั 12. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ และอภิปรายร่วมกัน เกี่ยวกับโรคหรือ ความผิดปกติของ ตา หู จมกู ลน้ิ และผิวหนัง ตลอดจนการดแู ล ป้องกนั และรกั ษา
ชีววทิ ยา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6ผลการเรยี นรู้ 9. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสร้างและหน้าที่ของอวยั วะที่เกย่ี วข้องกบั การ 83การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพ หรอื วดี ทิ ศั น์ แสดงการเคลอื่ นท่ี ด้านความรู้ ของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว หรือศึกษาจากตัวอย่างจริงจากน้ำ�ในแหล่งนำ้� โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องอวยั วะทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ธรรมชาติมาศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อให้เห็นการเคลื่อนที่ของ โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการ การเคลอื่ นทข่ี องแมงกะพรนุ หมกึ ดาวทะเล สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แล้วร่วมกันอภิปรายความเหมือนหรือแตกต่างกัน เคลื่อนที่ของแมงกะพรุน หมึก ดาวทะเล ไส้เดือน การเคล่ือนท่ีของส่งิ มชี ีวติ เซลลเ์ ดียวท่สี งั เกตเหน็ ดนิ แมลง ปลาและนก จากการอภปิ รายรว่ มกนั และ ไส้เดือนดนิ แมลง ปลา และนก การท�ำ แบบทดสอบ 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั โครงสรา้ งทใี่ ชใ้ นการเคลอ่ื นทขี่ องสงิ่ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี ว และดา้ นทักษะ ใช้คำ�ถามเพื่อเช่ือมโยงความรู้เดิมเก่ียวกับโครงสร้างของเซลล์ อภิปราย ดา้ นทักษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปเก่ียวกับลักษณะการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต 1. การสังเกต ลงความเห็นจากข้อมูล และการจำ�แนก1. การสังเกต เซลลเ์ ดยี วแบบตา่ ง ๆ2. การจำ�แนกประเภท ประเภท จากการท�ำ กจิ กรรมและการอภปิ รายรว่ มกนั3. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอโดยเปรียบเทียบโครงสร้างท่ีใช้ในการ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 เคลอ่ื นทขี่ องแมงกะพรนุ หมกึ และดาวทะเล แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ให้ การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ สรปุ ไดว้ า่ อาศยั แรงดนั น�้ำ ชว่ ยในการเคลอ่ื นที่ แตม่ โี ครงสรา้ งและลกั ษณะ สืบคน้ ข้อมลู และการน�ำ เสนอ การเคล่ือนทแ่ี ตกตา่ งกนั ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความมุ่งมน่ั อดทน 4. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมการเคล่ือนที่ของไส้เดือนดิน เพ่ือศึกษาเกี่ยวกับ ความมุ่งม่ันอดทน และความเชื่อม่ันต่อหลักฐาน2. ความเชอื่ ม่ันต่อหลักฐานเชิงประจักษ์ โครงสร้างและหนา้ ที่ของอวยั วะที่ใช้ในการเคล่อื นท่ขี องไส้เดือนดิน เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� 5. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องอวยั วะทใ่ี ชใ้ นการ กิจกรรมและการอภิปรายรว่ มกัน เคลือ่ นทขี่ องแมลง น�ำ เสนอโดยเปรียบเทยี บกับการเคล่ือนทขี่ องไส้เดอื น ดิน อภิปรายร่วมกันเพื่อให้สรุปได้ว่า ไส้เดือนดินและแมลงเคลื่อนที่ได้ โดยอาศยั กลา้ มเนือ้ อย่างนอ้ ย 2 ชดุ ซง่ึ ท�ำ งานในสภาวะตรงกนั ข้าม 6. ให้ความรู้เก่ียวกับโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของปลาและนก เพื่อให้ นกั เรยี นอธบิ ายไดว้ า่ การเคลอ่ื นทข่ี องปลาและนกอาศยั การหดและคลายตวั ของกลา้ มเนอื้ 2 ชดุ ซง่ึ ท�ำ งานในสภาวะตรงกนั ขา้ ม นอกจากนนั้ ยงั อาศยั โครงสร้างอน่ื ๆ เพ่อื ให้เหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ มท่สี ัตวน์ ั้นอาศยั อยู่
84 ผลการเรียนร ู้ 10. อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องกระดูกและกล้ามเนอ้ื ท่เี ก่ียวข้องกับการเคล่อื นไหวและการเคลือ่ นที่ของมนุษย์ 11. สังเกตและอธิบายการทำ�งานของขอ้ ต่อชนิดตา่ ง ๆ และการทำ�งานของกลา้ มเนอ้ื โครงรา่ งท่เี ก่ยี วข้องกับการเคล่อื นไหวและการเคล่อื นทขี่ องมนษุ ย์การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพหรอื หนุ่ จ�ำ ลองของโครงกระดกู ดา้ นความรู้ ของมนษุ ย์ และใชค้ �ำ ถามเกย่ี วกบั กระดกู และขอ้ ตอ่ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่1. โ ค ร ง ส ร้ า ง แ ล ะ ห น้ า ท่ี ข อ ง ก ร ะ ดู ก แ ล ะ 1. โครงสร้างและหน้าท่ีของกระดูกและกล้ามเนื้อที่ กล้ามเนื้อท่ีเกี่ยวข้องกับการเคล่ือนไหวและ กระดกู แบง่ ตามต�ำ แหนง่ ไดเ้ ปน็ กระดกู แกนและกระดกู รยางค์ และบรเิ วณ เกย่ี วขอ้ งกบั การเคลอ่ื นทขี่ องมนษุ ย์ จากการท�ำ แบบ การเคล่อื นท่ขี องมนษุ ย์ ท่กี ระดกู ต้งั แต่ 2 ชน้ิ มาตอ่ กันท่ีเรียกวา่ ขอ้ ตอ่ ทดสอบ2. การท�ำ งานของข้อตอ่ ชนดิ ต่าง ๆ 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องกระดกู และกลา้ มเนอ้ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั 2. การทำ�งานของข้อต่อชนิดต่าง ๆ และการทำ�งาน3. การท�ำ งานของกลา้ มเนอ้ื โครงรา่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเคล่ือนทขี่ องมนษุ ย์ รวมทง้ั ข้อตอ่ เอ็นยึดกระดกู และเอน็ ยดึ ขอ้ ของกลา้ มเนอื้ โครงรา่ งทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การเคลอื่ นไหว การเคล่อื นไหวและการเคลอื่ นท่ขี องมนษุ ย์ 3. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรม ชนิดของข้อต่อกับ เพื่อสังเกตการเคล่ือนไหวของ จากการทำ�กจิ กรรมดา้ นทกั ษะ อวัยวะท่ีเกิดจากการทำ�งานของข้อต่อท่ีบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย และ ดา้ นทักษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำ�แนกชนดิ ของข้อต่อโดยใชเ้ กณฑ์ที่ก�ำ หนดข้ึนเอง 1. การสงั เกต จากการท�ำ กิจกรรม การสังเกต 4. รว่ มกนั อภปิ ราย เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การเคลอื่ นไหวและการเคลอื่ นที่ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อจากการทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของมนษุ ยอ์ าศยั การท�ำ งานของกระดกู กลา้ มเนอื้ รวมทง้ั ขอ้ ตอ่ ชนดิ ตา่ งๆ การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ 5. อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปร่าง หน้าท่ี และตำ�แหน่งท่ีพบกล้ามเนื้อทั้ง 3 สืบค้นข้อมลู ชนิด คือ กล้ามเนอ้ื โครงร่าง กลา้ มเน้อื หวั ใจ และกลา้ มเน้อื เรยี บดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 6. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรม การท�ำ งานของกลา้ มเนอื้ แขน และอภปิ รายรว่ มกนั ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ความเชอ่ื มั่นต่อหลักฐานเชงิ ประจักษ์ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การเคลอ่ื นไหวของมนษุ ยเ์ กย่ี วขอ้ งกบั การท�ำ งาน ความเชอ่ื มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต ของกล้ามเนื้อโครงร่าง โดยส่วนใหญ่ทำ�งานร่วมกันเป็นคู่ ๆ ในสภาวะ ตรงกันข้าม พฤติกรรมในการอภิปรายรว่ มกัน
ชีววทิ ยา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6ผลการเรียนรู้ 12. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศยั เพศและการสบื พนั ธ์ุแบบอาศยั เพศในสตั ว์ 85การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยนำ�ภาพ หรือวีดิทัศน์การสืบพันธุ์ของสัตว์ชนิดต่างๆ ด้านความรู้ มาให้นักเรียนศึกษา เช่น ภาพการแตกหน่อของไฮดรา การงอกใหม่ของ การสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศและการสบื พนั ธ์ุ ดาวทะเล ภาพการผสมพนั ธข์ุ องแมลงปอและกบ จากนน้ั ใชค้ �ำ ถามเกย่ี วกบั การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธุ์ แบบอาศัยเพศในสัตว์ แบบอาศยั เพศในสัตว์ จากการทำ�แบบทดสอบ การสืบพันธุข์ องสตั ว์ดา้ นทักษะ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมหรือศึกษาวีดิทัศน์การตัดแบ่ง พลานาเรียออก ด้านทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การจำ�แนกประเภท การลงความเห็นจากข้อมูล 1. การจำ�แนกประเภท เปน็ ส่วน ๆ จากนนั้ อภปิ รายร่วมกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ ่าพลานาเรียท ่ี 2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล ตดั แบง่ นน้ั สามารถเจรญิ เปน็ ตวั ใหมไ่ ด้ ซง่ึ เปน็ การสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ จากการทำ�กิจกรรมและการอภปิ รายรว่ มกนัทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 3. อธิบายเก่ียวกับการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศของสัตว์เพ่ือให้นักเรียนสรุป 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ การสื่อสารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทนั ส่ือ ได้ว่าเปน็ การสบื พนั ธุท์ ี่เกิดจากการรวมนิวเคลียสของเซลล์สบื พันธ ุ์ ซึ่งมี ทั้งการปฏิสนธิภายนอกและการปฏิสนธิภายใน สัตว์บางชนิดมี 2 เพศ สืบค้นขอ้ มลู และการน�ำ เสนอด้านจติ วิทยาศาสตร์ ในตวั เดียวกนั แตก่ ารผสมพนั ธ์ุสว่ นใหญ่จะผสมขา้ มตัว ความเชือ่ มัน่ ตอ่ หลักฐานเชิงประจักษ์ 4. รว่ มกนั อภปิ รายเปรยี บเทยี บการสบื พนั ธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศกบั การสบื พนั ธุ์ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ แบบอาศยั เพศในสตั ว์ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั ความเชอื่ มน่ั ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต เพศของสัตว์เป็นการสบื พนั ธทุ์ ีไ่ มม่ กี ารรวมของเซลลส์ ืบพันธ์ุ 5. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล และนำ�เสนอตัวอย่างการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัย พฤตกิ รรมในการอภิปรายรว่ มกัน เพศและการสบื พนั ธ์ุแบบอาศัยเพศในสัตว์
86 ผลการเรียนร ู้ 13. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างและหน้าทีข่ องอวัยวะในระบบสืบพนั ธุ์เพศชายและระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามเพื่อทบทวนความรู้เก่ียวกับระบบสืบพันธ์ุ ดา้ นความรู้ ของเพศชายและระบบสืบพนั ธุข์ องเพศหญิง โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบ โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุ สบื พนั ธเ์ุ พศชายและระบบสบื พนั ธเุ์ พศหญงิ 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอและอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับ เพศชายและระบบสบื พนั ธเุ์ พศหญงิ จากการท�ำ แบบ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายและระบบ ทดสอบด้านทักษะ สืบพันธ์ุเพศหญิงเพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่าอวัยวะสืบพันธ์ุของเพศชายทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบด้วยอัณฑะทำ�หน้าท่ีสร้างสเปิร์มและฮอร์โมนเพศชาย และ ดา้ นทกั ษะ มีโครงสร้างอื่น ๆ ที่ทำ�หน้าที่ลำ�เลียงสเปิร์ม สร้างนำ้�เลี้ยงสเปิร์ม และ การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ความรว่ มอื - สารหล่อล่ืนท่อปัสสาวะ อวัยวะสืบพันธ์ุของเพศหญิงประกอบด้วยรังไข่ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสืบค้นทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทำ�หน้าที่สร้างเซลล์ไข่และฮอร์โมนเพศหญิง และมีโครงสร้างอ่ืนๆ เช่น1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ ทอ่ น�ำ ไข่ มดลูก และช่องคลอด ขอ้ มูล การน�ำ เสนอ และการอภิปรายร่วมกัน2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ความอยากรอู้ ยากเหน็ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการ1. ความอยากรอู้ ยากเห็น สังเกตพฤติกรรมในการสืบค้นข้อมูลและการ2. การใช้วจิ ารณญาณ อภปิ รายร่วมกัน
ชวี วิทยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6ผลการเรยี นร ู้ 14. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งสเปริ ์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ และการปฏสิ นธิในมนุษย์ 87การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพหรือวีดิทัศน์เก่ียวกับการปฏิสนธิของเซลล์ไข่ ดา้ นความรู้ กับสเปริ ม์ ในมนษุ ย์ และใช้คำ�ถามเกี่ยวกับท่ีมาของเซลลส์ บื พันธ์ทุ งั้ สอง กระบวนการสรา้ งสเปริ ม์ กระบวนการสรา้ งเซลลไ์ ข่ กระบวนการสรา้ งสเปริ ม์ กระบวนการสรา้ ง เซลลไ์ ข่ และการปฏิสนธิในมนุษย์ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาสไลด์ถาวรของอัณฑะและรังไข่ของหนู และการปฏิสนธิในมนุษยจ์ ากการทำ�แบบทดสอบ เพอ่ื ใหส้ รุปเก่ียวกับโครงสรา้ งภายในของอณั ฑะและรงั ไข่ดา้ นทกั ษะ ด้านทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. อธิบายเก่ียวกับกระบวนการสร้างสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ การสงั เกต จากการท�ำ กจิ กรรม การสังเกต เพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่า กระบวนการสร้างสเปิร์มเร่ิมต้นจากสเปอร์มาทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โทโกเนียมได้เป็นสเปอร์มาทิดและพัฒนาเป็นสเปิร์ม กระบวนการสร้าง ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ เซลล์ไข่เริ่มจากโอโอโกเนียมแบ่งเซลล์ได้เป็นโอโอไซต์ระยะแรกและ ความอยากรู้อยากเห็น และการเชื่อมั่นต่อหลักฐาน - เชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กจิ กรรม โอโอไซต์ระยะท่ีสองซึ่งจะเกิดการตกไข่ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากสเปิร์มดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ โอโอไซต์ระยะทสี่ องจะพัฒนาเปน็ เซลลไ์ ข่1. ความอยากรู้อยากเหน็2. การเช่ือมั่นต่อหลักฐานเชิงประจักษ์ 4. อธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การปฏสิ นธเิ พอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การปฏสิ นธิ เกิดขึ้นภายในท่อนำ�ไข่ได้ไซโกต ซ่ึงจะเจริญเป็นเอ็มบริโอและไปฝังตัวท่ี ผนงั มดลกู จนกระทงั่ ครบกำ�หนดคลอด
88 ผลการเรียนรู้ 15. อธิบายการเจริญเติบโตระยะเอ็มบรโิ อและระยะหลังเอม็ บรโิ อของกบ ไก่ และมนุษย์การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้วีดิทัศน์หรือใช้คำ�ถามเกี่ยวกับการเจริญเติบโต ด้านความรู้ ของมนษุ ย์ แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ขนาดรา่ งกายของนกั เรยี นเปรยี บ การเจรญิ เตบิ โตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลงั เทียบกับขนาดของฟีตัสที่อยู่ในครรภ์ เพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่เร่ืองการเจริญ การเจรญิ เตบิ โตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลงั เอม็ บรโิ อ เอ็มบริโอของกบ ไก่ และมนุษย์ เตบิ โตของสัตว์มีกระดูกสันหลังและมนุษย ์ ของกบ ไก่ และมนุษย์จากการท�ำ แบบทดสอบด้านทักษะ 2. อธบิ ายเกยี่ วกบั การเจรญิ เตบิ โตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลงั เอม็ บรโิ อของทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กบ ไก่ และมนุษย์ เพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่า การเจริญเติบโตเริ่มต้นด้วย - การแบง่ เซลล์ของไซโกต การเกดิ เน้ือเยอ่ื เอ็มบริโอ 3 ชั้น การเกดิ อวัยวะทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยเซลล์มีการเพิ่มจำ�นวน การขยายขนาด และการเปล่ียนแปลงรูปร่าง - เพื่อทำ�หน้าที่เฉพาะอย่าง ซึ่งพัฒนาการของอวัยวะต่าง ๆ จะทำ�ให้มีการ เกดิ รปู รา่ งทแ่ี นน่ อนในสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ เอม็ บรโิ อของมนษุ ยจ์ ะฝงั ตวั ทผี่ นงัดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ มดลูก และมกี ารแลกเปลี่ยนสารระหว่างแมก่ บั ลกู ผ่านทางรก - 3. นกั เรยี นวาดภาพหรอื ท�ำ ตารางเปรยี บเทยี บการเจรญิ เตบิ โตระยะเอม็ บรโิ อ และระยะหลังเอ็มบรโิ อของกบ ไก่ และมนษุ ย์
ชีววิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6ผลการเรียนร้ ู 16. สืบคน้ ข้อมูล และอธิบายหน้าท่ีของฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และเนอ้ื เย่อื ทีส่ รา้ งฮอรโ์ มน 89การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างสถานการณ์หรือการทดลองเก่ียวกับผล ดา้ นความรู้ ของฮอรโ์ มนตอ่ การพฒั นาลกั ษณะทางเพศเมอ่ื สตั วโ์ ตเตม็ วยั เพอ่ื เชอ่ื มโยง หนา้ ทขี่ องฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และเนอื้ เยอ่ื 1. หนา้ ทข่ี องฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และเนอ้ื เยอ่ื ทส่ี รา้ ง ท่ีสรา้ งฮอร์โมน เกี่ยวกบั หนา้ ที่ของฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และเนอ้ื เยื่อท่สี รา้ งฮอรโ์ มน ฮอรโ์ มน จากการท�ำ ตารางสรปุ และการท�ำ แบบทดสอบ 2. อธิบายเก่ียวกับต่อมไร้ท่อและเน้ือเย่ือที่สร้างฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ด้านทักษะ ดา้ นทักษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และอภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสามารถสรปุ เกย่ี วกบั ความหมายของ 1. การสงั เกต และความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และ1. การสงั เกต ฮอรโ์ มน ต�ำ แหนง่ และต�ำ แหนง่ ของตอ่ มไรท้ อ่ และเนอ้ื เยอ่ื ทสี่ รา้ งฮอรโ์ มน2. การจำ�แนกประเภท ทส่ี �ำ คญั ในรา่ งกาย รวมทั้งการล�ำ เลยี งฮอรโ์ มนไปยงั อวัยวะเป้าหมาย ภาวะผนู้ �ำ จากการทำ�กิจกรรมกลมุ่3. การลงความเห็นจากข้อมูล 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับฮอร์โมนที่ต่อมไร้ท่อหรือเน้ือเย่ือ 2. การจ�ำ แนกประเภท ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู4. การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป ในรา่ งกายผลติ ขน้ึ อวยั วะเปา้ หมายหนา้ ทข่ี องฮอรโ์ มน และโรคหรอื ความ การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ จากการตอบทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ผิดปกตทิ ี่เกดิ จากการท�ำ งานของฮอรโ์ มน1. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื 4. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ หนา้ ทข่ี องเมลาโทนนิ จากตอ่ มไพเนยี ล ค�ำ ถาม การอภิปรายรว่ มกนั และการน�ำ เสนอขอ้ มูล2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 5. ให้นักเรียนวิเคราะห์ภาพการทดลองเกี่ยวกับโกรทฮอร์โมนพร้อมกับ 3. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ ศึกษาภาพของต่อมใต้สมอง เพ่ือร่วมกันอภิปรายและสรุปได้ว่า ต่อมใต้ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ สมองสว่ นหนา้ สรา้ งฮอรโ์ มน คอื GH ACTH TSH FSH LH โพรแลกทนิ สืบคน้ ขอ้ มูล1. ความอยากรู้อยากเหน็ เอนดอร์ฟิน ซึ่งทำ�หน้าท่ีแตกต่างกัน ส่วนต่อมใต้สมองส่วนหลังไม่ผลิต2. การใชว้ จิ ารณญาณ ฮอร์โมนแต่ทำ�หน้าที่หล่ัง ADH และออกซิโทซิน ซึ่งผลิตจากสมองส่วน ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ไฮโพทาลามสั ความอยากรู้อยากเห็น และการใช้วิจารณญาณ 6. ให้นักเรียนศึกษาการทดลองเก่ียวกับไทรอกซินจากต่อมไทรอยด์ เพ่ือนำ� ไปสู่การคิดวิเคราะห์ รวมทั้งข้อมูลจากการสืบค้นของนักเรียน และสรุป จากการสังเกตพฤตกิ รรมในการอภิปรายรว่ มกนั หนา้ ที่ของไทรอกซนิ 7. ร่วมกันอภิปรายผลจากการสืบค้นข้อมูล เพื่อให้นักเรียนสรุปได้ว่า ต่อม พาราไทรอยด์สร้างพาราทอร์โมน ซ่ึงทำ�งานร่วมกับแคลซิโทนินจาก ต่อมไทรอยด์ 8. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษากราฟแสดงระดบั น�ำ้ ตาลในเลอื ดของคนปกติ และผปู้ ว่ ย โรคเบาหวานหลังจากรับประทานอาหาร รวมท้ังผลการทดลองเกี่ยวกับ
90 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ ฮอร์โมนของตับอ่อน และจากการสืบค้นข้อมูลของนักเรียน ทำ�ให้ได้ ขอ้ สรปุ ว่า ตับอ่อนยงั มกี ลมุ่ เซลล์ทที่ �ำ หนา้ ทสี่ ร้างอนิ ซูลนิ และกลูคากอน 9. ให้นักเรียนศึกษาภาพตำ�แหน่ง และโครงสร้างของต่อมหมวกไต และ อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ไดว้ า่ ตอ่ มหมวกไตสว่ นนอกสรา้ งกลโู คคอรต์ คิ อยด์ มิเนราโลคอร์ติคอยด์และฮอร์โมนเพศ ซึ่งทำ�หน้าท่ีแตกต่างกันส่วนต่อม หมวกไตสว่ นในสรา้ งเอพเิ นฟรนิ และนอรเ์ อพเิ นฟรนิ ซง่ึ มหี นา้ ทเ่ี หมอื นกนั 10. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพโครงสรา้ งของอณั ฑะและรงั ไข่ และอภปิ รายรว่ มกนั เพ่ือสรุปได้ว่า ภายในอัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโทสเทอโรน และรังไข่ มกี ลมุ่ เซลลท์ ส่ี รา้ งเอสโทรเจนและโพรเจสเทอโรน ซง่ึ มหี นา้ ทแี่ ตกตา่ งกนั 11. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ หนา้ ทขี่ องฮอรโ์ มนทส่ี รา้ งจากเนอ้ื เยอ่ื บางบริเวณของอวัยวะ เช่น รก ไทมสั กระเพาะอาหาร ล�ำ ไส้เลก็ 12. ใหน้ กั เรยี นท�ำ ตารางสรปุ ตอ่ มไรท้ อ่ ชอ่ื และหนา้ ทข่ี องฮอรโ์ มน และอวยั วะ เปา้ หมาย โรคและความผิดปกติท่ีเกดิ จากการท�ำ งานของฮอร์โมน 13. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพแสดงการควบคมุ การหลง่ั ฮอรโ์ มนบางชนดิ แลว้ รว่ มกนั อภิปรายและสรุปว่า การควบคุมการหล่ังฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อมีท้ัง การควบคุมแบบป้อนกลับยับย้ังและการควบคุมแบบป้อนกลับกระตุ้น เพ่อื รักษาดลุ ยภาพของร่างกาย 14. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพการทดลองเกย่ี วกบั ฟโี รโมนจากผเี สอ้ื ไหม แลว้ รว่ มกนั อภปิ ราย และเปรยี บเทยี บระหวา่ งฮอรโ์ มนกบั ฟโี รโมน เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ ฟีโรโมนเป็นสารเคมีท่ีผลิตจากต่อมมีท่อของสัตว์ซึ่งส่งผลต่อสัตว์ตัวอ่ืน ทเี่ ป็นชนดิ เดยี วกนั
ชวี วิทยา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6ผลการเรียนรู้ 17. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบาย เปรยี บเทียบ และยกตัวอยา่ งพฤติกรรมที่เป็นมาแต่ก�ำ เนดิ และพฤติกรรมทเ่ี กดิ จากการเรียนรูข้ องสตั ว์ 91การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษาพฤติกรรมของสัตว์โดยใช้ภาพหรือ ดา้ นความรู้ วีดิทัศน์ เช่น การวางไข่ของเต่าทะเล การฟักไข่ของไก่ การหดตัวของ พฤติกรรมท่ีเป็นมาแต่กำ�เนิดและพฤติกรรม หอยทากยกั ษเ์ มอ่ื ถกู สมั ผสั การหดตวั ของไฮดรา เพอ่ื ใหเ้ หน็ ความหลากหลาย 1. พฤติกรรมท่ีเป็นมาแต่กำ�เนิดและพฤติกรรมที่เกิด ท่ีเกดิ จากการเรยี นรขู้ องสัตว์ จากการเรียนรู้ของสัตว์ โดยการทำ�รายงานและ ของพฤตกิ รรมในสง่ิ มชี ีวิตต่าง ๆ จากการท�ำ แบบทดสอบดา้ นทกั ษะ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวดี ทิ ศั นห์ รอื ท�ำ กจิ กรรมเกยี่ วกบั การตอบสนองทสี่ มั พนั ธ์ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ตัวอย่างพฤติกรรมการตอบสนองท่ีสัมพันธ์กับ1. การสังเกต กบั ทิศทางของสิง่ เร้า เช่น การเคล่อื นที่หนีแสงของพลานาเรีย ทิศทางของส่งิ เรา้ จากการท�ำ กจิ กรรม2. การลงความเห็นจากข้อมลู 3. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ไดว้ า่ พฤตกิ รรมทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่เป็นมาแตก่ ำ�เนิดแบ่งออกไดเ้ ป็นหลายชนิด เช่น โอเรียนเตชนั (แทกซสิ ด้านทกั ษะการสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สื่อ และไคนซี สิ ) รเี ฟลก็ ซ์ และฟกิ แอกชนั แพทเทริ น์ พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ จากการ 1. การสงั เกต และการลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ เรยี นรแู้ บง่ ไดเ้ ปน็ แฮบบชิ เู อชนั การฝงั ใจ การเชอ่ื มโยง (การลองผดิ ลองถกู ท�ำ กจิ กรรม1. ความอยากรอู้ ยากเห็น และการมีเง่ือนไข) และการใช้เหตุผล โดยระดับการแสดงพฤติกรรม 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ2. ความเชอ่ื มัน่ ตอ่ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ มคี วามสมั พันธ์กบั ระบบประสาท สืบค้นข้อมลู และการนำ�เสนอ 4. ใหน้ กั เรยี นท�ำ ตารางสรปุ เพอ่ื เปรยี บเทยี บและยกตวั อยา่ งพฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ มา แต่กำ�เนิดและพฤตกิ รรมทีเ่ กิดจากการเรียนรู้ของสัตว์ ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ความอยากรอู้ ยากเหน็ และความเชอ่ื มน่ั ตอ่ หลกั ฐาน เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการ อภปิ รายรว่ มกัน
92 ผลการเรียนร้ ู 18. สบื ค้นขอ้ มลู อธิบายและยกตวั อย่างความสมั พันธร์ ะหว่างพฤตกิ รรมกับววิ ัฒนาการของระบบประสาทการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหรอื วดี ทิ ศั นห์ รอื ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งเกย่ี วกบั ดา้ นความรู้ พฤติกรรมของสัตว์ที่พบในชีวิตประจำ�วัน เช่น การขดตัวของก้ิงกือ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤตกิ รรมกบั ววิ ฒั นาการ ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับวิวัฒนาการ ของระบบประสาท การรอ้ งเพลงเพอ่ื หาคขู่ องนก หรอื พฤตกิ รรมอนื่ ๆ เชน่ การแสดงออกของ ของระบบประสาท และการยกตัวอย่างพฤติกรรม สัตว์เลี้ยงเมื่อนำ�อาหารไปให้ เช่น สุนัข แมว ปลา เพื่อเชื่อมโยงเกี่ยวกับ จากการทำ�แบบทดสอบด้านทักษะ วิวฒั นาการของระบบประสาทสัมพนั ธ์กบั การแสดงพฤตกิ รรมของสัตว์ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล และนำ�เสนอเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ดา้ นทักษะ การสังเกต พฤติกรรมกบั ววิ ัฒนาการของระบบประสาท 1. การสังเกตจากการศกึ ษาภาพหรอื วีดทิ ัศน์ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 3. อภิปรายร่วมกันเพื่อให้นักเรียนสรุปได้ว่า ระดับการแสดงพฤติกรรม 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ การส่ือสารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทันสื่อ มคี วามสมั พนั ธก์ ับวิวฒั นาการของระบบประสาท สบื คน้ ข้อมลู และการนำ�เสนอดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความอยากรอู้ ยากเห็น ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์2. การใชว้ จิ ารณญาณ ความอยากรู้อยากเห็น และการใช้วิจารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการอภิปรายรว่ มกนั
ชวี วิทยา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6ผลการเรยี นรู้ 19. สืบค้นข้อมลู อธิบายและยกตวั อย่างการส่ือสารระหวา่ งสตั ว์ทีท่ �ำ ให้สตั วแ์ สดงพฤติกรรม 93การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นเลน่ เกมใบค้ �ำ โดยใหแ้ สดงพฤตกิ รรมตาม ด้านความรู้ ท่ีต้องการให้เพ่ือน ๆ ทาย จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพ่ือเชื่อมโยงเก่ียวกับ การส่ือสารระหว่างสัตว์ที่ทำ�ให้สัตว์แสดง วธิ กี ารส่อื สารระหว่างสตั ว์ การสอื่ สารระหวา่ งสตั วท์ ท่ี �ำ ใหส้ ตั วแ์ สดงพฤตกิ รรม พฤติกรรม จากการทำ�แบบทดสอบ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวดี ทิ ศั นห์ รอื ภาพเกย่ี วกบั การเดนิ เปน็ แถวของมด จากนน้ัดา้ นทักษะ ใช้คำ�ถามเก่ียวกับวิธีการสื่อสารของมด อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียน ดา้ นทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การสงั เกต และการลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการ1. การสงั เกต สรุปไดว้ ่า มดมกี ารสอื่ สารดว้ ยสารเคมี2. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู 3. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ อธบิ ายและยกตวั อยา่ งเกย่ี วกบั การสอ่ื สาร ศึกษาภาพหรือวีดทิ ัศน์ และการอภิปรายรว่ มกนัทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ระหวา่ งสตั วท์ ท่ี �ำ ใหส้ ตั วแ์ สดงพฤตกิ รรม แลว้ สรปุ ไดว้ า่ การสอ่ื สาร มหี ลายวธิ ี 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ เช่น การสอ่ื สารด้วยทา่ ทาง การสอ่ื สารด้วยเสยี ง การส่ือสารดว้ ยสารเคมี สืบค้นขอ้ มลู และการนำ�เสนอด้านจติ วิทยาศาสตร์ และการส่ือสารดว้ ยการสัมผสั1. ความอยากรอู้ ยากเหน็ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์2. การใชว้ จิ ารณญาณ ความอยากรอู้ ยากเหน็ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการ สงั เกตพฤตกิ รรมในการอภปิ รายรว่ มกนั
94 2. เขา้ ใจการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม สมบตั ิและหนา้ ที่ของสารพนั ธุกรรม การเกดิ มิวเทชนั เทคโนโลยีทาง ดีเอ็นเอ หลกั ฐาน ขอ้ มลู และแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของส่ิงมชี วี ิต ภาวะสมดุลของฮาร์ด-ี ไวนเ์ บิรก์ การเกิดสปชี ีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำ�เนิดของส่งิ มีชวี ิต ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ และอนุกรมวิธาน รวมท้ังนำ�ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 1. อภปิ รายความส�ำ คญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ และความเชือ่ มโยงระหว่างความหลากหลายทางพันธกุ รรม ความหลากหลายของสปีชสี ์ และความหลากหลายของระบบนิเวศ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนสังเกตภาพต่าง ๆ เช่น ลักษณะสีสันและ ด้านความรู้ ลวดลายของหอยทบั ทมิ การประกวดสายพนั ธกุ์ ลว้ ยไมส้ ปชี สี ใ์ หม ่ ๆ ระบบ 1. ความส�ำ คญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ นิเวศแบบต่าง ๆ แล้วใช้คำ�ถามหรือประเด็นอภิปรายเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่ ความสำ�คัญความหลากหลายทางชีวภาพ ความ 2. ความเชอื่ มโยงระหวา่ งความหลากหลายทาง เรือ่ งความหลากหลายทางชวี ภาพ เช่ือมโยงระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายของสปีชีส์ และความหลากหลาย พนั ธกุ รรม ความหลากหลายของสปชี สี ์ และ 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั ความหลากหลายทางพนั ธกุ รรม ความหลากหลายของสปชี สี ์ ของระบบนเิ วศ จากการอภปิ รายรว่ มกนั และการท�ำ ความหลากหลายของระบบนเิ วศ และความหลากหลายของระบบนิเวศ แบบทดสอบ 3. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งความหลากหลายทางชวี ภาพในทอ้ งถนิ่ เพอ่ื อภปิ ราย ด้านทกั ษะ ดา้ นทักษะ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และสรปุ เกยี่ วกบั ความส�ำ คญั และความเชอื่ มโยงระหวา่ งความหลากหลาย 1. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการอภปิ รายรว่ มกนั การลงความเห็นจากข้อมลู ทางพันธุกรรม ความหลากหลายของสปีชีส์ และความหลากหลายของ 2. การส่อื สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทันสอื่ จากการ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ระบบนิเวศ น�ำ เสนอ การส่อื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันส่อื ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ การใชว้ จิ ารณญาณ อภิปรายร่วมกัน
ชวี วิทยา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6ผลการเรยี นรู ้ 2. อธบิ ายการเกิดเซลล์เริ่มแรกของสิ่งมชี ีวติ และวิวัฒนาการของสงิ่ มชี ีวิตเซลล์เดียว 95การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพหรือวีดิทัศน์แสดงการเกิดเซลล์เริ่มแรกของ ด้านความรู้ สิ่งมีชีวิตแล้วใช้คำ�ถามเก่ียวกับแนวคิดของการเกิดเซลล์เริ่มแรกของ 1. การเกิดเซลลเ์ ริม่ แรกของส่ิงมีชีวติ ส่ิงมชี วี ิต การเกดิ ของเซลลเ์ รมิ่ แรก และววิ ฒั นาการของเซลล์2. วิวัฒนาการของเซลล์โพรคาริโอตและเซลล์ โพรคาริโอตและยูคาริโอตจากการอภิปรายร่วมกัน 2. นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอข้อมูล และอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับ และการท�ำ แบบทดสอบ ยูคารโิ อต สมมตฐิ านและแนวคดิ ของนกั วทิ ยาศาสตรส์ มยั ตา่ ง ๆ ในประเดน็ การเกดิ เซลลเ์ ร่มิ แรก และววิ ฒั นาการของเซลล์โพรคาริโอตและยูคารโิ อต ด้านทักษะดา้ นทกั ษะ 1. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อจากการทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ แนวคดิ การเกดิ เซลลเ์ รม่ิ แรกของสงิ่ มี ชวี ิตและววิ ัฒนาการของส่งิ มีชีวติ เซลล์เดียว สืบคน้ ข้อมลู และนำ�เสนอ - 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 211. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสอื่ จากการอภิปราย2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ การใชว้ จิ ารณญาณ อภิปรายร่วมกัน
96 ผลการเรียนร ู้ 3. อธบิ ายลกั ษณะส�ำ คญั และยกตัวอย่างสงิ่ มชี วี ติ กลมุ่ แบคทเี รยี สง่ิ มีชีวติ กลุ่มโพรทิสต์ สิง่ มชี ีวิตกลุม่ พชื สิ่งมชี ีวติ กล่มุ ฟังไจ และสิ่งมีชวี ิตกล่มุ สตั ว์การวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพและค�ำ ถามแบคทเี รยี ทมี่ รี ปู รา่ งแบบกลม แทง่ ดา้ นความรู้ และเกลียวท่ีถ่ายภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด เพื่อ1. ลักษณะสำ�คัญของส่ิงมีชีวติ กลุม่ แบคทเี รยี เช่ือมโยงเขา้ สเู่ รอ่ื งตัวอยา่ งของสิ่งมีชีวิตกลมุ่ แบคทีเรยี ลักษณะสำ�คัญและตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตกลุ่ม2. ตวั อยา่ งสิ่งมชี วี ิตกลุ่มแบคทเี รีย แบคทีเรียจากการนำ�เสนอและการท�ำ แบบทดสอบ 2. ให้นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูล และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรียดา้ นทักษะ ที่มีรูปร่างแบบกลม แท่ง หรือเกลียว พร้อมท้ังบอกบทบาทของสิ่งมีชีวิต ดา้ นทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ แบคทเี รยี ทย่ี กตวั อยา่ ง น�ำ เสนอและสรปุ บทบาททส่ี �ำ คญั ของสง่ิ มชี วี ติ 1. การลงความเห็นจากข้อมูลจากการนำ�เสนอ และ การลงความเห็นจากขอ้ มูล กลุม่ แบคทเี รียในด้านต่าง ๆทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 การอภิปรายร่วมกนั การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั ส่ือ 3. อธบิ ายหรอื ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวดี ทิ ศั นเ์ กย่ี วกบั ลกั ษณะทสี่ �ำ คญั ของสง่ิ มชี วี ติ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ กลุ่มแบคทเี รียด้านจติ วิทยาศาสตร์ สบื ค้นขอ้ มลู และการน�ำ เสนอ - 4. รว่ มกันสรปุ เก่ยี วกบั ลักษณะท่สี �ำ คัญของส่งิ มีชวี ิตกลมุ่ แบคทีเรีย 5. ใหค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั อารเ์ คยี และรว่ มกนั สรปุ เปรยี บเทยี บแบคทเี รยี กบั อารเ์ คีย
ชวี วิทยา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6ผลการเรยี นร ู้ 3. อธบิ ายลักษณะสำ�คญั และยกตัวอย่างสิ่งมชี ีวิตกลุ่มแบคทเี รยี สง่ิ มีชวี ิตกลุ่มโพรทิสต์ สง่ิ มชี วี ิตกลุม่ พชื สงิ่ มชี ีวิตกลุม่ ฟังไจ และสิง่ มชี วี ติ กล่มุ สัตว์ 97การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยนำ�ภาพข่าวหรือคลิปวีดิทัศน์แสดงผลกระทบทาง ด้านความรู้ สิ่งแวดล้อมในประเทศไทยที่เก่ียวข้องกับการเพิ่มจำ�นวนของโพรทิสต์1. ลักษณะสำ�คญั ของสิ่งมชี วี ิตกล่มุ โพรทิสต์ และให้นักเรยี นอภปิ รายร่วมกันเพือ่ เชอื่ มโยงเขา้ สบู่ ทบาทของโพรทิสต์ ลักษณะสำ�คัญของสิ่งมีชีวิตกลุ่มโพรทิสต์ จากการ2. ตัวอยา่ งสิง่ มีชีวิตกลมุ่ โพรทิสต์ ท�ำ แบบทดสอบ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมโดยศึกษาลักษณะโพรทิสต์จากภาพถ่าย หรือ ด้านทักษะ วีดิทัศน์ หรือสไลด์ถาวรภายใต้กล้องจุลทรรศน์ จากนั้นเลือกตัวอย่าง ดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ส่ิงมีชีวิตในกลุ่มโพรทิสต์ (โดยไม่ซำ้�ตัวอย่างกัน) สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม 1. การสังเกตและการลงความเห็นจากข้อมูลจากการ1. การสังเกต เกย่ี วกบั ลกั ษณะทส่ี �ำ คญั และบทบาทของตวั อยา่ งโพรทสิ ตท์ เ่ี ลอื ก น�ำ เสนอ2. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู และแลกเปลีย่ นเรยี นรขู้ ้อมูลกับนกั เรียนอ่นื ท�ำ กจิ กรรมและการอภิปรายรว่ มกนัทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2. การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สอ่ื จากการ การส่อื สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั สอื่ 3. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ เกยี่ วกบั ลกั ษณะทสี่ �ำ คญั ของสง่ิ มชี วี ติ น�ำ เสนอ กล่มุ โพรทิสต์ และบทบาทของโพรทสิ ต์ในดา้ นต่าง ๆดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ ความเช่อื ม่ันต่อหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ความเช่ือม่ันต่อหลักฐานเชิงประจักษ์จากการ อภปิ รายรว่ มกัน
98 ผลการเรียนร้ ู 3. อธบิ ายลกั ษณะสำ�คัญและยกตัวอย่างสงิ่ มชี วี ติ กลุม่ แบคทเี รยี ส่ิงมีชวี ิตกลุ่มโพรทิสต์ สิง่ มชี วี ิตกลุม่ พืช ส่ิงมีชีวิตกล่มุ ฟังไจ และสงิ่ มชี วี ิตกลุ่มสตั ว์การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพพชื ชนดิ ตา่ งๆ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั บอกหรอื ด้านความรู้ อธิบายลักษณะที่สำ�คัญของส่ิงมีชีวิตกลุ่มพืช และใช้คำ�ถามเพื่อทบทวน1. ลกั ษณะส�ำ คญั ของสิง่ มีชวี ติ กลุ่มพชื ลกั ษณะท่สี �ำ คญั ของเซลล์พชื 1. ลักษณะท่ีสำ�คัญของส่ิงมีชีวิตกลุ่มพืช จากการทำ�2. ลักษณะร่วมท่ีสำ�คัญและตัวอย่างสิ่งมีชีวิต แบบทดสอบ 2. บรรยายเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของผนงั เซลลแ์ ละวฏั จกั รชวี ติ ของพชื เพอ่ื ให้ กลุ่มพืชไม่มีท่อลำ�เลียง กลุ่มพืชไม่มีเมล็ด นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเก่ียวกบั ลักษณะทสี่ ำ�คญั ของสิ่งมีชีวิตกลุ่มพชื 2. ลกั ษณะรว่ มทส่ี �ำ คญั และตวั อยา่ งของสง่ิ มชี วี ติ กลมุ่ พชื กลุ่มพืชเมล็ดเปลือย และกลุ่มพืชมีเมล็ดท่ีมี 3. ให้ความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับลักษณะท่ีสำ�คัญร่วมของสิ่งมีชีวิตกลุ่มพืชไม่มี ไมม่ ที อ่ ล�ำ เลยี ง กลมุ่ พชื ไมม่ เี มลด็ กลมุ่ พชื เมลด็ เปลอื ย ผลห่อหมุ้ และกลมุ่ พชื มเี มลด็ ทม่ี ผี ลหอ่ หมุ้ จากการท�ำ กจิ กรรม ท่อลำ�เลียง กลุ่มพืชไม่มีเมล็ด กลุ่มพืชเมล็ดเปลือย และกลุ่มพืชมีเมล็ด ด้านทักษะ ทม่ี ผี ลห่อหุม้ การน�ำ เสนอและการอภปิ รายรว่ มกนัทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมโดยสังเกตจากตัวอย่างจริงของกลุ่มพืชไม่มี 1. การสังเกต ท่อลำ�เลียง กลุ่มพืชไม่มีเมล็ด สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม อภิปรายร่วมกันเพื่อ ดา้ นทกั ษะ2. การลงความเห็นจากข้อมลู สรปุ ลักษณะรว่ มทสี่ ำ�คญั ของพชื แต่ละกลุ่ม 1. การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การจำ�แนก3. การจ�ำ แนกประเภท 5. ใช้คำ�ถามเพื่อทบทวนความรู้เก่ียวกับโครงสร้างดอก การสร้างสปอร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 เซลลส์ บื พนั ธ์ุ การปฏิสนธิ และการเกดิ เมลด็ และผลของพืชดอก ประเภท และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและ1. การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สือ่ 6. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมโดยสงั เกตจากตวั อยา่ งจรงิ ของกลมุ่ พชื เมลด็ เปลอื ย ภาวะผนู้ ำ� จากการท�ำ กิจกรรม2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ และกลมุ่ พชื ทเ่ี มลด็ มผี ลหอ่ หมุ้ สบื คน้ ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ สรปุ ลกั ษณะรว่ มทส่ี �ำ คญั ของพืชดอกแตล่ ะกลุ่ม สบื ค้นขอ้ มลู และการนำ�เสนอด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพอ่ื สบื คน้ ขอ้ มลู และน�ำ เสนอเกยี่ วกบั บทบาททส่ี �ำ คญั ความเชื่อมน่ั ต่อหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ในดา้ นตา่ ง ๆ ของสง่ิ มชี วี ติ กลมุ่ พชื ไมม่ ที อ่ ล�ำ เลยี ง กลมุ่ พชื ไมม่ เี มลด็ กลมุ่ พชื ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ เมล็ดเปลือย และกลุม่ พชื มเี มล็ดท่มี ีผลหอ่ หมุ้ ความเชอ่ื มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต พฤติกรรมในการนำ�เสนอและการอภิปรายร่วมกัน
ชวี วิทยา ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6ผลการเรียนร ู้ 3. อธิบายลักษณะสำ�คญั และยกตวั อยา่ งสิง่ มีชีวติ กลมุ่ แบคทีเรยี สิ่งมีชีวติ กลุ่มโพรทิสต์ สงิ่ มีชีวิตกล่มุ พชื สิ่งมีชีวติ กลมุ่ ฟังไจ และสิ่งมชี ีวติ กลมุ่ สตั ว์ 99การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตกลุ่มฟังไจท่ีนักเรียน ดา้ นความรู้ รจู้ กั พรอ้ มใหเ้ หตุผลประกอบ1. ลกั ษณะสำ�คัญของสิ่งมชี วี ติ กลุม่ ฟังไจ ลักษณะสำ�คัญและตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตกลุ่มฟังไจ2. ตวั อย่างส่ิงมีชวี ิตกลุม่ ฟังไจ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมโดยแบ่งกลุ่มสำ�รวจตลาด ห้างสรรพสินค้าเพื่อหา จากการท�ำ แบบทดสอบ ตัวอย่างอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากฟังไจหรือมีส่วนผสมของฟังไจดา้ นทกั ษะ และสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับตัวอย่างส่ิงมีชีวิตกลุ่มฟังไจท่ีมีบทบาท ด้านทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในด้านต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเกษตร และส่ิงแวดล้อม นำ�เสนอ และ 1. การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล และความ1. การสงั เกต แลกเปล่ียนเรยี นรูข้ อ้ มลู กับนักเรียนอืน่2. การลงความเห็นจากข้อมลู ร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 3. อธบิ ายเกยี่ วกบั ลกั ษณะทส่ี �ำ คญั ของยสี ต์ ราและเหด็ แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั ทำ�กจิ กรรม1. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันส่ือ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสามารถสรปุ ลกั ษณะทส่ี �ำ คญั ของสง่ิ มชี วี ติ กลมุ่ ฟงั ไจ รวมทง้ั 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ สบื คน้ ขอ้ มูลและการนำ�เสนอ บทบาทของฟังไจในดา้ นตา่ ง ๆดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ความเชื่อมน่ั ต่อหลักฐานเชิงประจักษ์ ความเชอื่ มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต พฤติกรรมในการน�ำ เสนอและการอภิปรายร่วมกนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114