Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Published by Nuttigar, 2018-06-10 23:30:29

Description: คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Keywords: คู่มือ,การใช้หลักสูตร,พื้นฐาน,วิทยาศาสตร์,มัธยมศึกษาตอนปลาย

Search

Read the Text Version

100 แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวเิ คราะหผลการเรียนรู้ 2.2 ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เพอ่ื ศกึ ษาเกย่ี วกบั หลกั ฐานทส่ี นบั สนนุ ทฤษฎบี กิ แบง พลังงานสสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพหลังเกิด ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ดงั น้ี บกิ แบงในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ 1. ความเชื่อมัน่ ตอ่ หลักฐาน 2.2.1 การขยายตัวของเอกภพ 4. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก 2. ความใจกวา้ ง - ใชแ้ บบจำ�ลองเพ่ืออธิบายการขยายตวั ของเอกภพ การสืบค้นข้อมลู และการนำ�เสนอผลงาน 3. ความอยากร้อู ยากเหน็ - สืบค้นข้อมูลความเร็วและระยะทางของกาแล็กซีและ 5. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก 4. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ เขยี นกราฟพรอ้ มอธบิ ายความสมั พนั ธข์ องขอ้ มลู ดงั กลา่ ว การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วและ 2.2.2 การคน้ พบไมโครเวฟพน้ื หลงั โดยสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอผลงาน ระยะทางของกาแล็กซีจากกราฟเพื่ออธิบาย และร่วมกันอภิปราย ในประเด็นสำ�คัญต่อไปนี้ การค้นพบ การขยายตัวของเอกภพ คล่ืนไมโครเวฟพ้ืนหลังจากอวกาศท่ีพบในปัจจุบัน ข้อมูล 6. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� อุณหภูมิเฉลี่ยของเอกภพกับความถ่ีของคล่ืนไมโครเวฟ จากการแบ่งหน้าทรี่ ับผดิ ชอบในการทำ�งานกลมุ่ พน้ื หลงั ตามทฤษฎบี ิกแบง 3. รว่ มกันอภปิ รายเพื่อสรปุ องคค์ วามร้ตู ามประเด็นและการปฏิบตั กิ ิจกรรม ด้านจิตวิทยาศาสตร์ 1. ความเช่ือมั่นต่อหลักฐาน จากการอธิบายหลักฐาน ในข้อ 2 4. รว่ มกนั ขยายความรู้ โดยสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอผลงาน และรว่ มกนั อภปิ ราย ที่สนับสนนุ การขยายตัวของเอกภพ เกี่ยวกับโครงการเคร่ืองเร่งอนุภาค (เซิร์น) เพ่ือศึกษาการจำ�ลองการเกิด 2. ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ ราย และการตอบค�ำ ถาม อนุภาคตามทฤษฎบี ิกแบง 3. ความอยากรอู้ ยากเหน็ และความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ จากการสบื คน้ ขอ้ มลู การตง้ั ค�ำ ถาม และการอภปิ ราย เกย่ี วกบั ประเดน็ ตา่ ง ๆ ดงั ตวั อยา่ งในขน้ั ขยายความรู้

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6ตวั ช้วี ัด 101 3. อธบิ ายโครงสรา้ งและองค์ประกอบของกาแล็กซที างช้างเผอื ก และระบตุ �ำ แหน่งของระบบสรุ ิยะพร้อมอธิบายเชือ่ มโยงกับการสงั เกตเหน็ ทางชา้ งเผือกของคนบนโลกการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใหส้ งั เกตวดี ทิ ศั น์ หรอื ภาพกาแลก็ ซตี า่ ง ๆ แลว้ รว่ มกนั ด้านความรู้ อภิปราย โดยเลือกใชค้ �ำ ถามดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง - กาแล็กซีที่สงั เกตได้มคี วามแตกตา่ งกันอยา่ งไรบา้ ง องคป์ ระกอบและโครงสรา้ งของกาแลก็ ซที างชา้ งเผอื ก กาแล็กซีทางช้างเผอื ก - นกั เรียนสามารถเหน็ กาแล็กซที างชา้ งเผือกหรือ ไมม่ ีลักษณะอย่างไร จากผลงาน การตอบค�ำ ถามระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงาน 2. รว่ มกนั ท�ำ กิจกรรมเป็นกลุ่ม โดยปฏิบตั ิดงั ต่อไปนี้ การรว่ มอภปิ รายเพอ่ื สรปุ องคค์ วามรู้ และแบบฝกึ หดัด้านทกั ษะ 2.1 สืบค้นข้อมูล และร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกาแล็กซีทางช้างเผือก หรือแบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้คำ�ถามดงั ตัวอย่างตอ่ ไปนี้1. การสังเกต - โลกของเราอย่ใู นกาแล็กซีใด กาแลก็ ซีนนั้ มลี กั ษณะอย่างไร ดา้ นทักษะ2. การหาความสมั พนั ธข์ องสเปซกับเวลา - ระบบสุริยะอยบู่ รเิ วณส่วนใดของกาแลก็ ซที างชา้ งเผือก 1. การสังเกต จากผลการสังเกตทางช้างเผือก และ3. การสร้างแบบจ�ำ ลอง 2.2 สงั เกตทางชา้ งเผอื กบนทอ้ งฟา้ จรงิ หรอื แผนทด่ี าว และสงั เกตกาแลก็ ซ-ี กาแล็กซีทางช้างเผือกจากท้องฟ้าจริง โปรแกรม ทางชา้ งเผอื กจากโปรแกรมดา้ นดาราศาสตร์ รวมทง้ั สบื คน้ ภาพกาแลก็ ซ-ีทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทางชา้ งเผอื กทเ่ี กดิ จากการน�ำ ภาพถา่ ยทางชา้ งเผอื กและดาวฤกษจ์ าก ดา้ นดาราศาสตร์ และแบบจ�ำ ลองเพอ่ื อธบิ ายเชอ่ื มโยง1. คอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศและ ทุกทิศทางมาเชื่อมต่อกันบนทรงกลมฟ้าที่มีทางช้างเผือกเป็น กบั การสงั เกตเหน็ ทางช้างเผอื กของคนบนโลก เสน้ วงกลมใหญแ่ บง่ ครง่ึ ทรงกลมน้ี เพอ่ื ศกึ ษาตามประเดน็ ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี 2. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ จาก การสอ่ื สาร - รปู รา่ ง โครงสรา้ ง ขนาดของกาแลก็ ซที างชา้ งเผอื ก และต�ำ แหนง่ แบบจำ�ลองท่แี สดงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสรา้ ง2. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ3. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ของระบบสรุ ิยะในกาแลก็ ซที างชา้ งเผือก และองคป์ ระกอบของกาแลก็ ซที างชา้ งเผอื ก4. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม 2.2 น�ำ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากขอ้ 2.1 มาออกแบบและสรา้ งแบบจ�ำ ลองกาแลก็ ซี 3. การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง จากการสรา้ งแบบจ�ำ ลองกาแลก็ ซี5. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ทางช้างเผือก พร้อมระบุตำ�แหน่งของระบบสุริยะ จากนั้นนำ�เสนอ ทางช้างเผอื ก ผลงาน และรว่ มกนั อภปิ รายเชอ่ื มโยงกบั การสงั เกตเหน็ ทางชา้ งเผอื ก 4. คอมพิวเตอร์เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ของคนบนโลก สารสนเทศ จากการใชโ้ ปรแกรมด้านดาราศาสตร์1. การใช้วิจารณญาณ 3. ร่วมกันอภิปรายเพื่อสรปุ องคค์ วามรูต้ ามประเดน็ และการปฏิบตั ิกจิ กรรม 5. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก2. ความใจกวา้ ง ในข้อ 2 การสบื คน้ ขอ้ มลู และการน�ำ เสนอผลงาน3. ความอยากรอู้ ยากเหน็ 4. นำ�ความรู้ที่ได้ในข้อท่ี 3 มาปรับปรุงแบบจำ�ลองกาแล็กซีทางช้างเผือก 6. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก4. ความสนใจในวิทยาศาสตร์ การรว่ มอภปิ รายเกย่ี วกบั การสงั เกตเหน็ ทางชา้ งเผอื ก เพอ่ื ให้ไดผ้ ลงานและองคค์ วามรทู้ ีถ่ กู ต้อง เมือ่ เวลาหรือตำ�แหน่งของผสู้ งั เกตเปลย่ี นไป 7. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม จากการออกแบบ สรา้ งแบบจำ�ลองกาแล็กซีทางช้างเผือก

102 แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ การวเิ คราะหผลการเรียนรู้ 5. ร่วมกันขยายความรู้ โดยสังเกตแบบจำ�ลองกาแล็กซีทางช้างเผือก 8. ความรว่ มมอื การทำ�งานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ�จาก วเิ คราะห์ และรว่ มกนั อภปิ ราย ดงั คำ�ถามตัวอยา่ งต่อไปนี้ การแบง่ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบระหวา่ งในการท�ำ งานกลมุ่ - ในแต่ฤดู คนบนโลกจะสังเกตเห็นทางช้างเผือกปรากฏแตกต่างกัน ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ หรือไม่ อยา่ งไร 1. การใช้วิจารณญาณ จากการร่วมอภิปรายเก่ียวกับ - ถ้านักเรียนไปอยู่ที่ดาวอังคารจะสังเกตเห็นทางช้างเผือกมีรูปร่าง เปล่ียนแปลงไปหรือไม่ อยา่ งไร การสังเกตเห็นทางช้างเผือกเม่ือเวลาหรือตำ�แหน่ง - ถ้าระบบสุริยะไปอยู่ท่ีใจกลางทางช้างเผือก หรือท่ีขอบของกาแล็กซี ของผ้สู งั เกตเปลย่ี นไป ทางชา้ งเผอื ก จะสงั เกตเหน็ ทางชา้ งเผอื กมรี ปู รา่ งเปลย่ี นแปลงไปหรอื ไม่ 2. ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ ราย และการตอบค�ำ ถาม อย่างไร 3. ความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจในวิทยาศาสตร์ จากการสบื คน้ ขอ้ มลู ตง้ั ค�ำ ถาม และอภปิ รายเกย่ี วกบั ประเด็นตา่ ง ๆ ดงั ตวั อยา่ งในขั้นขยายความรู้

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6ตวั ช้ีวดั 103 4. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลีย่ นแปลงความดัน อณุ หภมู ิ ขนาด จากดาวฤกษก์ อ่ นเกดิ จนเปน็ ดาวฤกษ์การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยร่วมกันอภิปรายเพื่อทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ ดา้ นความรู้ ดาวฤกษ์ โดยเลอื กใชค้ ำ�ถามดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี กระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ - ดาวทส่ี งั เกตเหน็ บนทอ้ งฟ้าส่วนใหญเ่ ป็นดาวฤกษ์หรือดาวเคราะห์ กระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ จากผลงาน การตอบค�ำ ถาม - นักเรยี นรู้อะไรบา้ งเกีย่ วกบั ดาวฤกษ์ ระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงาน การรว่ มอภปิ รายเพอ่ื สรปุด้านทักษะ - ดาวฤกษ์มีแสงสวา่ งในตวั เองไดอ้ ย่างไร และแบบฝกึ หดั หรือแบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ทำ�กิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม โดยสืบค้นข้อมูลเพ่ือศึกษาเก่ียวกับกระบวน การหาความสัมพนั ธข์ องสเปซกับเวลา ดา้ นทกั ษะทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 การเกิดดาวฤกษ์ นำ�เสนอผลงาน และร่วมกันอภิปราย ตามประเด็น 1. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ และสเปซ1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั ส่ือ ตัวอย่างตอ่ ไปนี้ กบั เวลา จากผลงานทน่ี �ำ เสนอใหเ้ หน็ การเปลย่ี นแปลง2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ - แหลง่ กำ�เนิดดาวฤกษ์ ความดนั อณุ หภูมิ ขนาด จากเนบิลาเป็นดาวฤกษ ์ - ความหมายของดาวฤกษก์ ่อนเกดิ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ - การเปลย่ี นแปลงความดนั อณุ หภมู ิ ขนาดของเนบวิ ลา จนเปน็ ดาวฤกษ ์ ความใจกว้าง - สภาวะสมดุลอทุ กสถิตของดาวฤกษ์ การสบื คน้ ข้อมลู และการนำ�เสนอผลงาน 3. รว่ มกันอภปิ รายเพือ่ สรปุ องคค์ วามรู้ดงั ประเด็นในขอ้ 2 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการแบ่งหน้าทร่ี ับผิดชอบในการท�ำ งานกลุ่ม ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ ราย และการตอบค�ำ ถาม

104 ตวั ช้วี ัด 5. ระบุปัจจยั ทีส่ ่งผลต่อความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งความสอ่ งสวา่ งกับโชตมิ าตรของดาวฤกษ์ 6. อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสี อณุ หภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ 7. อธิบายล�ำ ดบั วิวฒั นาการทีส่ มั พนั ธ์กบั มวลต้งั ตน้ และวิเคราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย ดงั ค�ำ ถามตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี ดา้ นความรู้ - นกั เรยี นรู้จักดาวฤกษใ์ ดบา้ ง 1. สมบตั ิของดาวฤกษ์ - ดาวฤกษ์ต่าง ๆ มีความเหมือนหรือแตกตา่ งกันอย่างไร สมบัติของดาวฤกษ์ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์2. ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ - ดาวฤกษ์ที่ใกล้ตัวเราที่สุดคือดาวฤกษ์ใด และในอนาคต ดาวฤกษ์ จากผลงานและการตอบค�ำ ถามระหวา่ งการน�ำ เสนอ ดงั กล่าวจะยงั คงเป็นเหมอื นเดิมหรือไม่ อยา่ งไร ผลงาน การร่วมอภิปรายเพื่อสรุปองค์ความรู้ และดา้ นทกั ษะ 2. ทำ�กิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม พร้อมนำ�เสนอผลงาน และร่วมกันอภิปราย แบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์1. การสงั เกต ดังตัวอยา่ งต่อไปนี้ ดา้ นทักษะ2. การหาความสัมพนั ธข์ องสเปซกบั เวลา 2.1 สงั เกตปจั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ ความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษโ์ ดยใชแ้ บบจ�ำ ลอง 1. การสังเกต จากการสังเกตสมบัติบางประการของทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของ ดาวฤกษท์ อ้ งฟา้ จรงิ หรอื โปรแกรมดา้ นดาราศาสตร์1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั ส่อื ดาวฤกษ์ 2. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ และสเปซ2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 2.2 สืบคน้ ข้อมูล และเปรยี บเทยี บสีของเปลวไฟกับอณุ หภมู ิ และอธบิ าย กับเวลา จากผลงานที่นำ�เสนอให้เห็นความสัมพันธ์3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ความสัมพันธร์ ะหว่างสี อณุ หภมู ิผิว และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์ 2.3 สบื คน้ ขอ้ มลู และรว่ มอภปิ รายเกย่ี วกบั ล�ำ ดบั ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ ของความสอ่ งสวา่ ง ระยะทาง กบั โชตมิ าตรของดาวฤกษ์ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ โดยมปี ระเด็นสำ�คญั คอื รวมทั้งวิวัฒนาการและการเปล่ียนแปลงสมบัติบาง1. ความใจกวา้ ง - สมบัติบางประการที่เปลี่ยนแปลงตามวิวัฒนาการของดาวฤกษ์2. ความอยากร้อู ยากเหน็ ที่สมั พันธ์กับมวลตงั้ ต้น ประการของดาวฤกษ์ทสี่ มั พันธก์ ับมวลตั้งต้น3. ความสนใจในวิทยาศาสตร์ - ความสมั พนั ธข์ องมวล อายขุ ยั ววิ ฒั นาการและจดุ จบของดาวฤกษ์ 3. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก 4. การเหน็ คณุ คา่ วิทยาศาสตร์ 3. ร่วมกนั อภปิ รายเพอื่ สรุปองค์ความรตู้ ามประเด็นและการปฏิบตั กิ ิจกรรม ในข้อ 2 การสบื ค้นขอ้ มูล และการน�ำ เสนอผลงาน 4. รว่ มกนั ขยายความรู้ โดยตง้ั ค�ำ ถาม สบื คน้ ขอ้ มลู ขา่ ว บทความ หรอื งานวจิ ยั 4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ความรเู้ รอ่ื งสมบตั แิ ละววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ และรว่ มกนั การอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระหวา่ งตวั แปรตา่ ง ๆ ของสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ การอธิบาย อภิปราย ดังตวั อยา่ งค�ำ ถามตอ่ ไปน้ี ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งววิ ฒั นาการและการเปลย่ี นแปลง สมบตั บิ างประการของดาวฤกษท์ ส่ี มั พนั ธก์ บั มวลตง้ั ตน้

วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 105การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ - นกั ดาราศาสตร์ทราบวิวฒั นาการของดาวฤกษ์ไดอ้ ยา่ งไร 5. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� - มีระบบดาวฤกษ์อืน่ ทค่ี ลา้ ยระบบสรุ ิยะหรอื ไม่ อยา่ งไร จากการแบ่งหนา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบในการทำ�งานกลุ่ม - ในอนาคตดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร และจะส่งผล ตอ่ โลกอย่างไร ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ - มดี าวฤกษท์ ี่มคี นไทยค้นพบหรือไม่ และมสี มบัติอย่างไร 1. ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ ราย และการตอบค�ำ ถาม - มนษุ ยใ์ ชป้ ระโยชนจ์ ากดาวฤกษใ์ นดา้ นใดได้บ้าง 2. ความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจในวิทยาศาสตร์ การเห็นคุณค่าวิทยาศาสตร์ จากการสืบค้นข้อมูล การตั้งคำ�ถาม อภิปราย เกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ดงั ตัวอย่างในข้ันขยายความรู้

106 ตัวช้วี ดั 8. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ระบบสรุ ยิ ะ การแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์ และลกั ษณะของดาวเคราะหท์ เ่ี ออ้ื ตอ่ การด�ำ รงชวี ติการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใหน้ กั เรยี นดวู ดี ทิ ศั นห์ รอื โปรแกรมดา้ นดาราศาสตร์ ด้านความรู้ ทแี่ สดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะ เพอ่ื ทบทวนความรเู้ ดมิ แลว้ รว่ มกนั1. การเกิดระบบสรุ ิยะ การเกดิ ระบบสรุ ยิ ะ การแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์2. การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทติ ย์ อภปิ รายโดยใชค้ �ำ ถามดงั ตวั อย่างตอ่ ไปนี้ ลักษณะดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำ�รงชีวิต และ 3. ลักษณะดาวเคราะห์ที่เอ้ือต่อการดำ�รงชีวิต - ระบบสรุ ิยะมีองคป์ ระกอบใดบ้าง และมีขอบเขตสิ้นสุด ณ บริเวณใด - องค์ประกอบต่าง ๆ อยรู่ วมกนั เปน็ บริวารของดวงอาทิตยไ์ ด้อยา่ งไร ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ จากผลงานและ และดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ - องคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะเกดิ ขน้ึ มาจากแหลง่ ก�ำ เนดิ เดยี วกนั หรอื ไม่ การตอบค�ำ ถามระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงาน การรว่ ม 2. ทำ�กจิ กรรมร่วมกนั เป็นกลุ่ม โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ อภิปรายเพ่ือสรุปองค์ความรู้ และแบบฝึกหัดหรือดา้ นทักษะ 2.1 สบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอผลงาน และรว่ มกนั อภปิ ราย เกย่ี วกบั การก�ำ เนดิ แบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การหาความสัมพนั ธข์ องสเปซกบั เวลา ระบบสุรยิ ะ โดยมีประเดน็ สำ�คัญ คือ ดา้ นทกั ษะทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 - แหลง่ กำ�เนดิ และธาตทุ เ่ี ปน็ องค์ประกอบของแหลง่ กำ�เนิด 1. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ และสเปซ1. การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่อื - ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการเกิดกับการแบ่งเขตบริวาร กบั เวลา จากผลงานทน่ี �ำ เสนอใหเ้ หน็ การเปลย่ี นแปลง2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ของดวงอาทิตย์ ระหวา่ งกระบวนการเกดิ ดวงอาทติ ยแ์ ละบรวิ ารของ3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 2.2 สบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอผลงาน และรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ดาวเคราะห-์ นอกระบบสุริยะท่ีเอ้ือต่อการดำ�รงชีวิต และการค้นพบดาวเคราะห์- ดวงอาทิตย์ด้านจิตวิทยาศาสตร์ นอกระบบสรุ ยิ ะท่ีมีลกั ษณะคล้ายโลก พร้อมยกตัวอย่างประกอบ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก1. การใช้วจิ ารณญาณ 3. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายเพือ่ สรุปองค์ความรตู้ ามประเด็นในขอ้ 2 การสบื ค้นขอ้ มูล และการนำ�เสนอผลงาน2. ความใจกวา้ ง 4. ร่วมกันขยายความรู้ โดยตั้งค�ำ ถาม สบื ค้นข้อมูล ข่าว หรอื งานวิจยั ตา่ ง ๆ 3. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 3. ความอยากรู้อยากเห็น 4. การเหน็ คณุ ค่าทางวิทยาศาสตร์ และร่วมกันอภิปราย โดยใช้ค�ำ ถามดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้ จากการร่วมอภิปรายข้อมูล หรือข่าวเก่ียวกับผล - ถ้าอัตราเร็วในการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์เปลี่ยนแปลงไป จากองค์ประกอบของระบบสุริยะท่ีมีต่อโลกหรือ จะสง่ ผลกระทบตอ่ โลกอยา่ งไร การดำ�รงชีวิต และความเป็นไปได้ท่จี ะมีส่ิงมีชีวิต - โลกจะมีโอกาสถูกวัตถุท่ีเป็นองค์ประกอบอื่น ๆ ของระบบสุริยะชน บนดาวเคราะห์อ่นื  ๆ หรอื ไม่ อยา่ งไร 4. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จาก - มี ด า ว เ ค ร า ะ ห์ น อ ก ร ะ บ บ สุ ริ ย ะ ที่ ม นุ ษ ย์ อ า ศั ย อ ยู่ ไ ด้ ห รื อ ไ ม่ การแบง่ หนา้ ทร่ี ับผิดชอบในการท�ำ งานกลุ่ม เพราะเหตใุ ด

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 107การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 1. การใชว้ จิ ารณญาณ จากการรว่ มอภปิ รายขอ้ มลู หรอื ขา่ วเกย่ี วกบั ผลจากองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะทม่ี ี ตอ่ โลกหรอื การด�ำ รงชวี ติ และความเปน็ ไปไดท้ จี่ ะมี สงิ่ มชี วี ิตบน ดาวเคราะห์อ่นื  ๆ 2. ความใจกว้าง จากการร่วมอภิปราย และการตอบ คำ�ถาม 3. ความอยากรู้อยากเห็น และการเห็นคุณค่าทาง วิทยาศาสตร์ จากการสืบค้นข้อมูล สังเกต ร่วมกัน ตง้ั ค�ำ ถาม อภปิ รายเกย่ี วกบั ประเดน็ ตา่ ง ๆ ดงั ตวั อยา่ ง ในขั้นขยายความรู้

108 ตัวชี้วดั 9. อธบิ ายโครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ การเกิดลมสุริยะ พายสุ รุ ยิ ะ และสืบค้นข้อมูล วเิ คราะห์ น�ำ เสนอปรากฏการณ์หรือเหตุการณท์ ่ีเก่ียวข้องกับผลของลมสุรยิ ะและ พายสุ รุ ยิ ะทมี่ ตี อ่ โลกรวมทัง้ ประเทศไทยการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใชภ้ าพ หรอื วดี ทิ ศั นเ์ กยี่ วกบั ปรากฏการณแ์ สงเหนอื ด้านความรู้ แสงใต้ แล้วให้นกั เรยี นร่วมกนั อภิปราย โดยใชค้ ำ�ถามตวั อยา่ งต่อไปนี้1. โครงสรา้ งของดวงอาทิตย์ โครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ การเกดิ ลมสรุ ยิ ะ พายสุ รุ ยิ ะ2. การเกดิ ลมสรุ ยิ ะ พายสุ รุ ยิ ะ และผลทม่ี ตี อ่ โลก - ปรากฏการณด์ ังกล่าวคอื อะไร และพบไดท้ บ่ี รเิ วณใดของโลก และผลท่ีมีต่อโลก จากผลงานและการตอบคำ�ถาม - ปรากฏการณด์ งั กลา่ วเกย่ี วขอ้ งกบั พลงั งานจากดวงอาทติ ยห์ รอื ไม่ อยา่ งไรด้านทกั ษะ 2. ท�ำ กจิ กรรมรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ โดยปฏบิ ตั กิ จิ กรรม น�ำ เสนอผลงาน และรว่ มกนั ระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงาน การรว่ มอภปิ รายเพอ่ื สรปุทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อภิปราย ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้ องคค์ วามรู้ และแบบฝกึ หัดหรือแบบทดสอบ การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา 2.1 สืบค้นขอ้ มลู เพอื่ ศึกษาตามประเด็นตวั อย่างตอ่ ไปน้ีทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 - โครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ โดยมปี ระเดน็ ส�ำ คญั ไดแ้ ก่ โครงสรา้ ง- ดา้ นทกั ษะ1. การสือ่ สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สอ่ื ภายในและชน้ั บรรยากาศของดวงอาทติ ย์ การถา่ ยโอนความรอ้ น 1. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และ 2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ภายในดวงอาทติ ย ์ 3. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา - การเกดิ จดุ ดวงอาทติ ย์ การปลดปลอ่ ยอนภุ าคมปี ระจจุ ากดวงอาทติ ย์ สเปซกับเวลา จากผลงานท่ีนำ�เสนอให้เห็นการเกิด ท่สี ง่ ผลตอ่ การเกดิ ลมสุรยิ ะ และพายุสรุ ิยะ จุดมืดดวงอาทิตย์ การปลดปล่อยอนุภาคมีประจุด้านจติ วิทยาศาสตร์ 2.2 สืบค้นข้อมูลปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์จากผลของลมสุริยะ และ จากดวงอาทติ ย์ ทีส่ ง่ ผลให้เกิดลมสรุ ยิ ะ พายสุ รุ ยิ ะ1. การใชว้ ิจารณญาณ พายสุ รุ ยิ ะทม่ี ตี อ่ โลก และประเทศไทย เชน่ การแตกตวั และการน�ำ ไฟฟา้ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก2. ความใจกวา้ ง ของบรรยากาศโลก การตดิ ตอ่ สอ่ื สารโดยวทิ ยคุ ลน่ื สน้ั การเกดิ แสงเหนอื การสบื คน้ ขอ้ มูล และการน�ำ เสนอผลงาน3. ความอยากรอู้ ยากเหน็ แสงใต้ ระบบการสง่ กระแสไฟฟา้ และวงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การเปลย่ี นแปลง 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 4. การเห็นคณุ ค่าทางวิทยาศาสตร์ รปู รา่ งสนามแมเ่ หลก็ โลก รวมทง้ั ขา่ วทเี่ กยี่ วขอ้ ง แลว้ รว่ มกนั วเิ คราะห์ จากการแบง่ หน้าทร่ี ับผิดชอบในการท�ำ งานกล่มุ อภิปรายถงึ ความเปน็ ไปได้ของขา่ วที่นำ�เสนอ 4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก 3. ร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปองค์ความรู้ตามประเด็นและการปฏิบัติกิจกรรม การร่วมอภิปรายเก่ียวกับความเป็นไปได้ของข้อมูล ทน่ี �ำ เสนอในข่าวอยา่ งสมเหตสุ มผล ในขอ้ 2 ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ 1. การใชว้ จิ ารณญาณ ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ ราย เก่ียวกับความเป็นไปได้ของข้อมูลที่นำ�เสนอในข่าว เกย่ี วกบั ผลของพายสุ รุ ยิ ะทม่ี ตี อ่ โลกและประเทศไทย

วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 109การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 2. ความอยากรอู้ ยากเหน็ การเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ จากสบื คน้ ขอ้ มลู อภปิ ราย และตอบค�ำ ถามเกยี่ วกบั ผลจากพายุสุรยิ ะ

110 ตัวช้ีวดั 10. สืบค้นข้อมูล อธบิ ายการส�ำ รวจอวกาศโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในชว่ งความยาวคลนื่ ตา่ ง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และน�ำ เสนอแนวคิดการน�ำ ความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำ�วันหรอื ในอนาคตการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย ดงั ค�ำ ถามตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี ด้านความรู้ - เทคโนโลยอี วกาศทร่ี จู้ กั มีอะไรบ้าง และมปี ระโยชนใ์ นดา้ นใด เทคโนโลยอี วกาศ และประโยชนข์ องเทคโนโลยี 2. ท�ำ กจิ กรรมรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ โดยสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอผลงาน และรว่ มกนั เทคโนโลยีอวกาศ และประโยชน์ของเทคโนโลยี อวกาศ อวกาศ จากผลงานและการตอบคำ�ถามระหว่าง อภปิ ราย ตามประเดน็ ดังตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี การนำ�เสนอผลงาน การร่วมอภิปรายเพ่ือสรุป ดา้ นทักษะ - การสำ�รวจอวกาศโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ที่สังเกตการณ์ในช่วง องค์ความรู้ และแบบฝึกหดั หรอื แบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความยาวคล่ืนตา่ ง ๆ1. การหาความสมั พนั ธข์ องสเปซกับเวลา - การส�ำ รวจอวกาศโดยใชส้ ถานีอวกาศ ยานอวกาศ และดาวเทยี ม ด้านทักษะ2. การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง - การประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ ในชีวิตประจำ�วัน 1. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 หรือในอนาคต เช่น การสื่อสาร วัสดุศาสตร์ อาหาร การแพทย์1. การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สื่อ อุตสาหกรรม สเปซกับเวลา จากผลงานท่ีนำ�เสนอให้เห็นขั้นตอน 2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา - หนว่ ยงานและโครงการสำ�รวจอวกาศทัง้ ในประเทศและตา่ งประเทศ การสำ�รวจอวกาศโดยใช้สถานีอวกาศ ยานอวกาศ3. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม 3. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพ่อื สรุปองค์ความรตู้ ามประเด็นในขอ้ 2 และดาวเทียม4. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 4. ก�ำ หนดสถานการณ์ หรอื ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ระดมความคดิ ออกแบบ 2. การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง จากการออกแบบ และน�ำ เสนอ- และนำ�เสนอผลงาน เกี่ยวกับการนำ�ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ ผลงาน เก่ียวกับการนำ�ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ อวกาศมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั หรอื ในอนาคต1. การใช้วจิ ารณญาณ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน หรือในอนาคต ดังสถานการณ์ตัวอย่าง 3. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก2. ความใจกว้าง ตอ่ ไปนี้ การสืบคน้ ขอ้ มลู และการน�ำ เสนอผลงาน3. ความอยากรู้อยากเหน็ - สถานการณเ์ กยี่ วกบั การเดนิ ทางไปดาวเคราะหท์ ส่ี นใจ โดยมปี ระเดน็ 4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก4. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ เชน่ วธิ กี ารสง่ การด�ำ รงชวี ติ ของมนษุ ยอ์ วกาศ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารมายงั โลก การออกแบบการนำ�ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี5. ความเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ - สถานการณเ์ กย่ี วกบั การวางแผนเดนิ ทางไปทอ่ งเทย่ี วในสถานทต่ี า่ ง ๆ อวกาศมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั หรอื ในอนาคต บนโลก โดยมีประเด็น เช่น การสำ�รวจเส้นทาง สภาพแวดล้อม 5. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม จากการออกแบบและ สภาพอากาศ สร้างผลแบบจำ�ลองเกี่ยวกับการนำ�ความรู้ทาง - สถานการณ์เกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ข้อมูลหรือความรู้ ดา้ นเทคโนโลยอี วกาศมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั ทางดา้ นเทคโนโลยอี วกาศเป็นพ้ืนฐาน หรอื ในอนาคต

วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 111การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 6. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการแบ่งหนา้ ท่รี ับผดิ ชอบในการท�ำ งานกลมุ่ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ 1. การใชว้ จิ ารณญาณ จากการออกแบบการน�ำ ความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำ�วนั หรอื ในอนาคต 2. ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ รายและการตอบค�ำ ถาม 3. ความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจในวิทยาศาสตร์ และการเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ จากการสบื คน้ ข้อมูลและนำ�เสนอผลงานเกี่ยวกับการนำ�ความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจ�ำ วนั หรอื ในอนาคต

112 มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสัมพันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณพี ิบัตภิ ยั กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทง้ั ผลต่อสง่ิ มีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม ตัวช้วี ัด 1. อธิบายการแบ่งชน้ั และสมบัติของโครงสรา้ งโลก พร้อมยกตวั อย่างข้อมลู ทสี่ นบั สนุนการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยร่วมอภิปรายเพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน ด้านความรู้ เร่ืองโครงสรา้ งโลก ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้1. การแบ่งช้นั และสมบตั ิของโครงสรา้ งโลก - ใชป้ ระเดน็ ค�ำ ถาม เชน่ โครงสรา้ งภายในโลกแบง่ เปน็ กช่ี น้ั มลี กั ษณะ การแบ่งช้ันและสมบัติของโครงสร้างโลกตามองค์ ตามองคป์ ระกอบทางเคมี เปน็ อยา่ งไร ทราบไดอ้ ย่างไร ประกอบทางเคมี และการแบ่งช้ันและสมบัติของ - ใช้กิจกรรมเกี่ยวกับการเปรียบเทียบโครงสร้างโลกตามความคิดของ โครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกล จากผลงานและ2. การแบง่ ชน้ั และสมบตั ิของโครงสรา้ งโลก นกั เรียนกับสิง่ ตา่ ง ๆ เช่น ไข่ตม้ เงาะ การตอบค�ำ ถามระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงาน การรว่ ม ตามสมบัติเชงิ กล 2. ร่วมกนั ท�ำ กจิ กรรมเป็นกลมุ่ โดยปฏิบัติดังนี้ อภปิ รายเพอ่ื สรุป และแบบฝกึ หัดหรือแบบทดสอบ 2.1 สืบคน้ ขอ้ มูล ตามประเดน็ ที่กำ�หนดให้ ดงั น้ีด้านทกั ษะ - ขอ้ มลู ทใี่ ชศ้ กึ ษาโครงสรา้ งโลก เชน่ องคป์ ระกอบทางเคมขี องหนิ ด้านทักษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และแร่ การศึกษาองค์ประกอบของอุกกาบาต การใช้คลื่นไหว- 1. ความสมั พนั ธข์ องสเปซกบั เวลา ประเมนิ เฉพาะการหา1. การหาความสมั พนั ธข์ องสเปซกับเวลา สะเทือน ความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ จากการสร้าง2. การสรา้ งแบบจำ�ลอง - การแบง่ ชั้นโครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี แบบจ�ำ ลองโครงสรา้ งโลก โดยแสดงความหนา ปรมิ าตรทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 - การแบ่งช้นั และสมบัติของโครงสร้างโลก ตามสมบัตเิ ชงิ กล องคป์ ระกอบ และสถานะของโครงสรา้ งโลกแตล่ ะชน้ั1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทนั สอื่ - ความหนาและปรมิ าตรของโครงสร้างโลกแต่ละชน้ั โดยใชส้ ดั สว่ นท่ถี ูกต้อง2. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม 2.2 รวบรวมข้อมูล ออกแบบ และสร้างแบบจำ�ลองโครงสร้างโลก เช่น 2. การสร้างแบบจำ�ลอง จากการออกแบบและสร้าง3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ภาพวาด แบบจำ�ลองสามมิติ เพื่อนำ�เสนอตามประเด็นในข้อ 2.1 โดยมีสัดส่วนที่สัมพันธ์กับสัดส่วนจริง พร้อมนำ�เสนอผลงาน แบบจำ�ลองโครงสรา้ งโลกด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ และรว่ มกันอภิปรายในประเด็นดังกล่าว 3. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ ความใจกว้าง 3. รว่ มกันอภปิ รายเพื่อสรุปองค์ความรู้ ดังประเด็นในข้อ 2.1 4. น�ำ ความรทู้ ไี่ ดใ้ นขอ้ ท่ี 3 มาปรบั ปรงุ ผลงานในขอ้ 2.2 เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลงานและ สบื คน้ ข้อมลู และการน�ำ เสนอผลงาน 4. ดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม จากการออกแบบ องค์ความรทู้ ีถ่ ูกต้อง และสรา้ งแบบจำ�ลองโครงสรา้ งโลก 5. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการแบง่ หนา้ ทร่ี บั ผิดชอบในการท�ำ งานกลมุ่

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 113การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ความใจกว้าง จากการร่วมอภิปรายและการตอบ ค�ำ ถาม

114 ตวั ช้ีวัด 2. อธิบายหลักฐานทางธรณวี ิทยาท่สี นับสนนุ การเคล่ือนที่ของแผน่ ธรณี 3. ระบสุ าเหตุ และอธิบายรปู แบบแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีทสี่ มั พันธ์การเคล่อื นทข่ี องแผ่นธรณี พรอ้ มยกตวั อยา่ งหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาทีพ่ บการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนสังเกตและเปรียบเทียบขนาด ตำ�แหน่ง ด้านความรู้ และการวางตวั ของทวปี ในแผนทโ่ี ลกแตล่ ะยคุ ทางธรณวี ทิ ยาโดยใชภ้ าพนง่ิ1. หลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทส่ี นบั สนนุ การเคลอ่ื นท่ี หลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทสี่ นบั สนนุ การเคลอ่ื นทขี่ อง ของแผน่ ธรณี หรอื ภาพเคลอ่ื นไหวจากสอ่ื ตา่ ง ๆ เพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจใหน้ กั เรยี นอยากรู้ แผน่ ธรณี การเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณตี ามทฤษฎธี รณี2. การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีตามทฤษฎีธรณี เก่ียวกับการเปลี่ยนตำ�แหน่งของทวีปต่าง ๆ และร่วมกันอภิปรายโดยใช้ แปรสณั ฐานและผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากผลงานและการตอบ แปรสณั ฐานและผลทเี่ กิดขน้ึ คำ�ถาม ดังตวั อย่างตอ่ ไปนี้ ค�ำ ถามระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงานเรอ่ื งการเคลอื่ นท่ี - เมอ่ื เปรยี บเทยี บขนาด ต�ำ แหนง่ และการวางตวั ของทวปี ในแผนทโี่ ลก ของแผน่ ธรณี การรว่ มอภปิ รายเพอ่ื สรปุ และแบบฝกึ หดัดา้ นทกั ษะ ในอดตี กบั แผนที่โลกในปจั จุบัน มคี วามแตกต่างกันอย่างไรบ้างทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - มีหลกั ฐานใดบา้ งทจี่ ะสนบั สนุนการเปลย่ี นแปลงดังกล่าว หรอื แบบทดสอบ1. การหาความสมั พนั ธข์ องสเปซกบั เวลา 2. นักเรียนท�ำ งานรว่ มกันเปน็ กล่มุ โดยปฏิบัติดังน้ี2. การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง 2.1 ทำ�กิจกรรมเพื่อศึกษาเกี่ยวกับหลักฐานที่สนับสนุนว่าทวีปเคยเป็น ด้านทักษะทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 แผ่นเดยี วกันมาก่อน เช่น รปู ร่างของขอบทวีปที่มโี อกาสต่อกนั ได้ 1. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ และสเปซ1. การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื 2.2 สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานอื่น ๆ ที่สนับสนุนว่าทวีปเคยเป็น กับเวลา จากการอธิบายความสัมพนั ธ์ของหลักฐาน2. การสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม แผน่ เดยี วกนั มากอ่ น พรอ้ มทง้ั อภปิ รายและสรปุ รว่ มกนั ถงึ การเคลอ่ื นท่ี3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ของทวปี จากหลกั ฐานทพี่ บ และระบขุ อ้ สนั นษิ ฐานเกยี่ วกบั สาเหตขุ อง ท่ีสนับสนุนการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี และรูปแบบ การเคลอ่ื นที่ โดยมปี ระเด็นการสืบคน้ ดงั นี้ การเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีแบบต่าง ๆ โดยใช้แบบดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ - กลมุ่ หนิ และแนวเทอื กเขา จำ�ลอง1. ความใจกว้าง - ซากดึกดำ�บรรพ์ 2. การสร้างแบบจำ�ลอง จากการสร้างแบบจำ�ลอง 2. ความเชอ่ื มน่ั ตอ่ หลักฐาน - การเคลื่อนทีข่ องธารน้ำ�แขง็ บรรพกาล เพอ่ื แสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรปู แบบการเคลอ่ื นท่ี - อายุของหนิ ทพี่ น้ื มหาสมุทร และผลทเ่ี กิดขึ้นจากการเคลือ่ นทีข่ องแผน่ ธรณี - ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล 3. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก - สนั เขากลางสมุทรและร่องลึกกน้ สมทุ ร การสืบค้นข้อมลู และการน�ำ เสนอผลงาน 2.3 สืบค้นข้อมูล และร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกลไกการแตกและ 4. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม จากการออกแบบ และ การเคลื่อนทีข่ องทวปี และแผ่นธรณี (plate) ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ สรา้ งแบบจ�ำ ลอง เพอื่ แสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรปู - ความหมายของแผ่นธรณี แบบการเคลอ่ื นที่ และผลทเี่ กดิ ขน้ึ จากการเคลอื่ นที่ ของแผน่ ธรณี

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 115การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - กลไกท่ที �ำ ให้ชัน้ ธรณภี าคแตกออกเป็นแผ่นและเคลือ่ นที่ 5. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� - ความสัมพันธข์ องฐานธรณภี าคกับการเคล่ือนทีข่ องแผ่นธรณี จากการแบ่งหน้าท่รี ับผดิ ชอบในการท�ำ งานกลุ่ม 2.4 สบื คน้ ขอ้ มลู ออกแบบ สรา้ งแบบจ�ำ ลอง น�ำ เสนอผลงานและรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเคล่ือนท่ี และ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ผลที่เกิดข้นึ จากการเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณ ี ดงั นี้ 1. ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ รายและการตอบค�ำ ถาม - ผลท่เี กดิ ขน้ึ ไดแ้ ก่ ธรณสี ณั ฐานแบบตา่ ง ๆ เชน่ รอ่ งลึกกน้ สมทุ ร 2. ความเชอ่ื มน่ั ตอ่ หลกั ฐาน จากการอธบิ ายการเคลอ่ื นท่ี หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หุบเขาทรุด ของทวปี และแผ่นธรณี โดยมหี ลักฐานสนับสนุน และสันเขากลางสมุทร โครงสร้างทางธรณี เช่น รอยเลื่อนและ ชน้ั หนิ คดโคง้ ธรณพี บิ ตั ภิ ยั เชน่ แผน่ ดนิ ไหว สนึ ามิ ภเู ขาไฟระเบดิ - รปู แบบการเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี 3 รปู แบบ ไดแ้ ก่ แนวแผน่ ธรณ-ี แยกตัว แนวแผ่นธรณีเคล่ือนหากัน แนวแผ่นธรณีเคล่ือนท่ีผ่าน กนั ในแนวราบ 3. ร่วมกันสรุปองค์ความรู้ และอภิปรายเชื่อมโยงถึงแนวความคิดของ การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีตามทฤษฎีทวีปเล่ือน ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืน สมทุ ร และทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐาน

116 ตวั ช้ีวดั 4. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบิด รวมทั้งสืบคน้ ข้อมูลพ้ืนที่เสย่ี งภัย ออกแบบและน�ำ เสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย 5. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ขนาดและความรนุ แรง และผลจากแผน่ ดินไหว รวมท้งั สืบคน้ ข้อมูลพ้ืนทเ่ี สีย่ งภัย ออกแบบและน�ำ เสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภัย 6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสนึ ามิ รวมทงั้ สบื คน้ ขอ้ มูลพน้ื ท่ีเสี่ยงภัย ออกแบบและน�ำ เสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภยัการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับข้อมูลจากข่าว ดา้ นความรู้ หรือกรณศี กึ ษาเกยี่ วกับธรณพี บิ ัติภยั ตัวอยา่ งต่อไปนี้1. สาเหตุ กระบวนการเกดิ และผลจากการเกดิ สาเหตุ กระบวนการเกดิ และผลจากการเกดิ ภเู ขาไฟ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ - การระเบิดของภูเขาไฟที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีเถ้าภูเขาไฟ ระเบดิ แผน่ ดนิ ไหวและสนึ ามิ แนวทางการเฝา้ ระวงั2. แนวทางการเฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้ อยู่ในบรรยากาศบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยนักเรียนเชื่อ หรือไม่ ปลอดภัยจากภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว อยา่ งไร และปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภูเขาไฟระเบิด - การเกิดแผ่นดินไหวทำ�ให้แผ่นดินเคลื่อนที่ไปจากเดิม นักเรียนเชื่อ แผ่นดินไหว และสึนามิ จากผลงานและการตอบ และสึนามิ ขอ้ มลู ดงั กลา่ ว หรอื ไมอ่ ยา่ งไร ค�ำ ถามระหวา่ งการน�ำ เสนอ การรว่ มอภปิ รายเพอ่ื สรปุ - คลื่นสึนามิทำ�ให้สภาพชายฝั่งเปลี่ยนแปลงรูปร่าง นักเรียนเชื่อดา้ นทกั ษะ ข้อมลู ดังกล่าว หรือไมอ่ ย่างไร และแบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ร่วมกันทำ�กจิ กรรมเปน็ กล่มุ โดยปฏิบตั ิดงั นี้ การหาความสัมพันธข์ องสเปซกบั เวลา 2.1 ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อศึกษาหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ ด้านทกั ษะทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ เช่น สร้างแบบจำ�ลอง 1. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และ1. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั ส่ือ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความหนืดของแมกมากับความรุนแรง สเปซกบั เวลา จากการอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ของการปะทุ ตำ�แหน่งของการเกิดภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหว3. การสร้างสรรค์และนวตั กรรม ท่ีสัมพันธ์กับแผ่นธรณี (plate) เปรียบเทียบการหักไม้อัดกับ การบวนการเกดิ ธรณพี ิบัตภิ ัยและผลทเ่ี กดิ ขึน้ การ ปลดปลอ่ ยพลงั งานขณะเกดิ แผน่ ดนิ ไหว แบบจ�ำ ลองการเกดิ สนึ ามิ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 2.2 สืบค้นข้อมูล นำ�เสนอผลงาน และร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับภูเขาไฟ การสบื คน้ ข้อมูล และการน�ำ เสนอผลงาน1. ความใจกวา้ ง ระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิจากแหล่งข้อมูลที่ครูแนะนำ� 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 2. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ ตามประเด็นตัวอย่างตอ่ ไปนี้3. ความเหน็ คุณคา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ ภูเขาไฟระเบดิ จากการแบง่ หนา้ ที่รบั ผดิ ชอบในการท�ำ งานกลุ่ม - กระบวนการเกดิ และผลที่เกดิ ข้นึ 4. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม จากการสร้างแบบ จำ�ลองแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความหนืดของ แมกมากับความรุนแรงของการปะทุ ตำ�แหน่งของ การเกดิ ภเู ขาไฟระเบดิ และแผน่ ดนิ ไหวทสี่ มั พนั ธก์ บั แผน่ ธรณี การปลดปลอ่ ยพลงั งานขณะเกดิ แผน่ ดนิ ไหว การเกิดสนึ ามิ

วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 117การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ - องค์ประกอบของหนิ หนดื กบั รปู แบบการปะทุ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ - รปู รา่ งภเู ขาไฟท่สี ัมพันธก์ ับการปะทุ 1. ความใจกวา้ ง จากการรว่ มอภปิ รายและการตอบค�ำ ถาม - พน้ื ท่ีเส่ียงภยั และกรณีศกึ ษา 2. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ และความเหน็ คณุ คา่ ทาง แผน่ ดินไหว - สาเหตุ กระบวนการเกดิ และผลที่เกดิ ขึน้ วิทยาศาสตร์ จากการสืบค้นข้อมูล การต้ังคำ�ถาม - การตรวจวดั ขนาดและความรุนแรงของแผน่ ดนิ ไหว และการอภิปรายเก่ียวกับแนวทางและเทคโนโลยี - พนื้ ท่เี ส่ียงภยั และกรณศี กึ ษา ท่ีใช้ในการเฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจาก สนึ ามิ ธรณีพิบตั ภิ ยั - สาเหตุ กระบวนการเกิด และผลทเ่ี กดิ ขนึ้ - ปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ ความรุนแรงของสนึ ามิ - พ้นื ทเี่ สย่ี งภยั และกรณศี กึ ษา - แนวทางและเทคโนโลยีท่ีใชใ้ นการเฝ้าระวงั และปฏิบตั ติ น ใหป้ ลอดภยั จากธรณพี ิบตั ิภัย 3. ร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปองค์ความรู้ ตามประเด็นและการปฏิบัติ กิจกรรมในขอ้ 2

118 ตัวชวี้ ดั 7. อธบิ ายปจั จัยส�ำ คญั ทม่ี ผี ลต่อการได้รบั พลงั งานจากดวงอาทิตยแ์ ตกตา่ งกนั ในแต่ละบริเวณของโลก 8. อธิบายการหมนุ เวยี นของอากาศทเ่ี ปน็ ผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ 9. อธบิ ายทิศทางการเคลอ่ื นที่ของอากาศที่เปน็ ผลมาจากการหมุนรอบตวั เองของโลก 10 อธบิ ายการหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูด และผลที่มีต่อภูมอิ ากาศ 11. อธิบายปจั จัยทท่ี ำ�ให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำ�ผิวหนา้ ในมหาสมทุ รและรปู แบบการหมุนเวียนของนำ้�ผวิ หน้าในมหาสมทุ ร 12. อธิบายผลของการหมุนเวียนของอากาศและน�้ำ ผวิ หนา้ ในมหาสมุทรทม่ี ีต่อลกั ษณะภูมอิ ากาศ ลมฟ้าอากาศ สิง่ มชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อมการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยร่วมกันอภิปราย เพื่อกระตุ้นความสนใจเกี่ยวกับ ดา้ นความรู้ ความสัมพันธ์ของพลังงานจากดวงอาทิตย์ต่อปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ1. ปัจจัยสำ�คัญที่ส่งผลต่อการรับพลังงานจาก โดยใช้คำ�ถามดังตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้ ปจั จยั ส�ำ คญั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การรบั พลงั งานจากดวงอาทติ ย์ ดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกันในแต่ละบริเวณ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ในแตล่ ะบรเิ วณของโลก การหมนุ เวยี น ของโลก - อุณหภูมิอากาศแต่ละบริเวณบนผิวโลกแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด ข อ ง อ า ก า ศ ทิ ศ ท า ง ก า ร เ ค ลื่ อ น ท่ี ข อ ง อ า ก า ศ 2. การหมนุ เวยี นของอากาศทเ่ี ปน็ ผลจากความ - การที่โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ทุกวันอย่างต่อเนื่องจะทำ�ให้ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผล แตกตา่ งของความกดอากาศ โลกมีการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมเิ ฉลย่ี ของอากาศหรือไมอ่ ยา่ งไร ที่มีต่อภูมิอากาศ ปัจจัยที่ทำ�ให้เกิดการหมุนเวียน 2. ร่วมกันท�ำ กิจกรรมเปน็ กลมุ่ โดยปฏิบัติดงั น้ี ของนำ้�ผิวหน้าในมหาสมุทร รูปแบบการหมุนเวียน3. ทิศทางการเคลื่อนที่ของอากาศท่ีเป็นผล 2.1 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และนำ�เสนอผลการสืบค้นปัจจัยที่ทำ�ให้แต่ละ ของนำ้�ผิวหน้าในมหาสมุทร ผลของการหมุนเวียน มาจากการหมุนรอบตวั เองของโลก บริเวณบนโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ในปริมาณที่แตกต่างกัน ของอากาศและนำ้�ผิวหน้าในมหาสมุทรที่มีต่อ โดยปจั จยั เหลา่ นน้ั สง่ ผลตอ่ อณุ หภมู อิ ากาศอยา่ งไร ดงั ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ลักษณะภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิต และ4. การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด - สณั ฐานและการเอยี งของแกนโลก สง่ิ แวดลอ้ ม จากการน�ำ เสนอผลงาน การสบื คน้ ขอ้ มลู และผลที่มีต่อภมู ิอากาศ - ชนดิ และปรมิ าณของละอองลอยและเมฆ การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง การอภปิ ราย การแสดงความคดิ เหน็ - ลักษณะของพื้นผวิ และแบบฝกึ หดั หรอื แบบทดสอบ5. ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การหมนุ เวยี นของน�ำ้ ผวิ หนา้ 2.2 สืบค้นข้อมูล สร้างแบบจำ�ลอง และร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ ในมหาสมทุ รและรปู แบบการหมนุ เวยี นของ ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกต่างของความกดอากาศกับทิศทาง ดา้ นทักษะ และอัตราเรว็ ลม 1. การสร้างแบบจำ�ลอง จากการสร้างแบบจำ�ลอง น�ำ้ ผวิ หน้าในมหาสมุทร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความแตกตา่ งของความกดอากาศ6. ผลของการหมุนเวียนของอากาศและ กับทิศทาง และอัตราเร็วลม และแบบจำ�ลองการ นำ้�ผิวหน้าในมหาสมุทรที่มีต่อลักษณะ หมุนเวียนของอากาศแบบแฮดลีย์ ภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และ สิ่งแวดลอ้ ม

วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 119การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นทกั ษะ 2.3 สร้างแบบจำ�ลองการหมุนเวียนของอากาศแบบแฮดลยี ์ โดยเชอื่ มโยง 2. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากอธิบายทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมในขอ้ 2.2 และสบื คน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ในประเดน็ แบบจ�ำ ลองแสดงการหมุนเวียนอากาศแบบทัว่ ไป1. การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง ตอ่ ไปน้ี2. การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ - แรงท่ีมีผลต่อการหมนุ เวียนของอากาศแบบแฮดลยี ์ 3. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จากทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 - ข้อตกลงเบ้ืองตน้ ของแบบจำ�ลอง การร่วมอภิปรายผลของการหมุนเวียนของอากาศ1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา - รูปแบบและทศิ ทางการเคลื่อนท่ีของอากาศตามแบบจ�ำ ลอง2. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม 2.4 สบื ค้นข้อมูล สร้างแบบจำ�ลอง และร่วมกันอภปิ รายเกย่ี วกบั ผลของ และนำ้�ผิวหน้าในมหาสมุทรท่ีมีต่อลักษณะอากาศ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื สง่ิ มชี วี ติ และส่ิงแวดลอ้ ม3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ แรงคอรอิ อลสิ ทมี่ ีตอ่ ทิศทางลมในแตล่ ะซีกโลก 4. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม จากการสรา้ งแบบจ�ำ ลอง 2.5 เชื่อมโยงความรู้จากกิจกรรมในข้อ 2.2 - 2.4 และสืบค้นข้อมูล ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ข อ งด้านจิตวิทยาศาสตร์ เพ่มิ เติม นำ�เสนอผลงาน และรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั การหมุนเวียน ความกดอากาศกับทิศทาง และอัตราเร็วลม และ1. ความใจกว้าง อากาศตามแบบจ�ำ ลองการหมนุ เวยี นอากาศแบบทว่ั ไป ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี แบบจำ�ลองการหมุนเวยี นของอากาศแบบแฮดลยี ์2. การยอมรับความเหน็ ต่าง - ผลของแรงต่าง ๆ ที่มีต่อรูปแบบและทิศทางการเคลื่อนที่ของ 5. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก3. การใชว้ จิ ารณญาณ อากาศในแต่ละเขตละตจิ ูด การสบื ค้นขอ้ มูล และการน�ำ เสนอผลงาน4. ความเช่ือม่ันตอ่ หลักฐาน 2.6 สืบค้นข้อมูลเพื่ออภิปรายรูปแบบการหมุนเวียนน้ำ�ผิวหน้าใน 6. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 5. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ มหาสมุทรท่ีได้รับอิทธิพลจากการหมุนเวียนอากาศในแต่ละละติจูด จ า ก ก า ร แ บ่ ง ห น้ า ที่ แ ล ะ ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ ใ น โดยมปี ระเดน็ ตวั อย่างดังน้ี การทำ�งานกลมุ่ - ปัจจัยที่สง่ ผลต่อการหมนุ เวียนของนำ�้ ผิวหนา้ - รูปแบบการหมุนเวียนของน�้ำ ผวิ หน้า ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 2.7 สืบค้นข้อมูล และร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลของการหมุนเวียนของ 1. ความใจกวา้ ง การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง จากการรว่ ม อากาศและน้ำ�ผิวหน้าในมหาสมุทรที่มีต่อลักษณะอากาศ สิ่งมีชีวิต และสิง่ แวดลอ้ ม อภิปรายและการตอบคำ�ถาม 3. รว่ มกนั อภิปรายเพ่ือสรุปองค์ความรตู้ ามประเด็นและการปฏบิ ัติกิจกรรม 2. การใช้วิจารณญาณ ความเชื่อมั่นต่อหลักฐาน จาก ในข้อ 2 การสืบค้นข้อมูลและการนำ�เสนอผลของการ หมนุ เวยี นของอากาศและน้ำ�ผิวหน้า ในมหาสมุทร ที่มีตอ่ ลกั ษณะอากาศ และสิ่งแวดล้อม 3. ความสนใจในวิทยาศาสตร์ จากการสืบค้นข้อมูล การตง้ั ค�ำ ถาม และการรว่ มอภปิ รายเกย่ี วกบั ผลของ การหมนุ เวยี นของอากาศและน�ำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ ร ทีม่ ีตอ่ ลักษณะอากาศ และสง่ิ แวดล้อม

120 ตัวชีว้ ดั 13. อธิบายปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การเปลยี่ นแปลงภมู ิอากาศโลก พรอ้ มทั้งนำ�เสนอแนวปฏิบัตเิ พ่ือลดกิจกรรมของมนุษย์ทีส่ ง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลกการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใชด้ ว้ ยค�ำ ถาม เชน่ หากมกี ารเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศ ดา้ นความรู้ ในบริเวณใดบริเวณหน่ึงจะเกิดผลต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมบริเวณน้ัน1. ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศโลก หรือไม่ อย่างไร ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก 2. แนวปฏิบัติในการลดกิจกรรมของมนุษย์ที่ 2. ร่วมกนั ทำ�กิจกรรมเปน็ กลุ่ม โดยปฏบิ ัตดิ ังน้ี แนวปฏิบัติในการลดกิจกรรมของมนุษย์ท่ีส่งผลต่อ 2.1 สืบค้นข้อมูล และอภิปรายเก่ียวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง สง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศโลก ภูมอิ ากาศโลก โดยมีประเดน็ สำ�คญั ดังน้ี การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก จากผลงานจาก - ลักษณะการโคจรและการหมุนของโลก เช่น การหมุนของ การสบื คน้ ขอ้ มลู และการออกแบบแนวทางการรณรงค์ด้านทักษะ โลกในลักษณะวงรี การส่ายของแกนหมุนของโลก และมุมเอียง เพอ่ื ลดกจิ กรรมของมนษุ ยท์ ม่ี ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ของแกนหมุนของโลก ภูมิอากาศโลก การร่วมแสดงความคิดเห็นและ การหาความสมั พันธ์ของสเปซกบั เวลา - ชนดิ และปรมิ าณของแก๊สเรือนกระจก ละอองลอย และเมฆทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 - ลักษณะการเปลีย่ นแปลงพ้นื ผิว อภิปรายเพื่อสรุปองค์ความรู้และแบบฝึกหัดหรือ1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั ส่ือ 2.2 ยกตัวอย่างเหตกุ ารณแ์ ละวิเคราะห์ข้อมลู ทเ่ี กดิ จากการเปลยี่ นแปลง แบบทดสอบ2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ภมู อิ ากาศโลก เชน่ แกนน�ำ้ แขง็ จากขว้ั โลก การละลายของธารน�ำ้ แขง็ 3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ดา้ นทักษะ4. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม ทส่ี ง่ ผลใหน้ �ำ้ ทะเลมรี ะดบั ความสงู เพม่ิ ขน้ึ และรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั 1. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ ปัจจัยทีเ่ กย่ี วข้อง จากการนำ�เสนอผลงานดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ 2.3 เชื่อมโยงความรู้เร่ืองสมดุลพลังงานของโลกกับการเปลี่ยนแปลง 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก1. ความใจกวา้ ง ภูมอิ ากาศโลก โดยใช้ประเด็นคำ�ถามดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี การสบื คน้ ขอ้ มลู และผลงาน เรอ่ื งปจั จยั ตา่ ง ๆ ทม่ี ผี ล2. การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง - ขณะทอ่ี ณุ หภมู อิ ากาศของโลกเกดิ การเปลย่ี นแปลง กระบวนการรบั และ ตอ่ การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศโลก และผลของแตล่ ะ3. การใชว้ จิ ารณญาณ ปลดพลงั งานของโลกยงั คงสมดลุ กนั หรือไม่ อย่างไร4. ความเช่ือม่ันต่อหลกั ฐาน 3. ร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปองค์ความรู้ตามประเด็นและการปฏิบัติกิจกรรม ปจั จัยต่อการเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก5. ความสนใจในวิทยาศาสตร์ 3 การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก6. คุณธรรมและจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับ ในข้อ 2 4. รว่ มกนั วางแผน ออกแบบ และน�ำ เสนอแนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี หมาะสมในการดแู ล ผลงานการสืบค้น เร่ืองปัจจัยและผลของปัจจัยต่อ วิทยาศาสตร์ รักษาส่ิงแวดล้อม และจัดทำ�โครงการเพ่ือรณรงค์สร้างความตระหนักถึง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการตอบคำ�ถาม ระหวา่ งการน�ำ เสนอผลงาน การรว่ มอภปิ รายเพอ่ื สรปุ การกระท�ำ ของมนษุ ยท์ ี่มผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศโลก 4. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จาก การแบง่ หนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบในการท�ำ งานกลมุ่

วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 121การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. การสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม จากออกแบบแนวทาง การรณรงค์เพื่อลดกิจกรรมของมนุษย์ที่มีผลต่อ การเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ 1. ความใจกว้าง การยอมรับความเห็นต่าง จาก การร่วมอภปิ รายและการตอบคำ�ถาม 2. การใชว้ ิจารณญาณ ความเชือ่ มน่ั ต่อหลักฐาน จาก การสบื คน้ ขอ้ มลู และการน�ำ เสนอตวั อยา่ งเหตกุ ารณ์ และวิเคราะห์ข้อมูลท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลง ภมู ิอากาศโลก โดยมหี ลกั ฐานหรือเหตุผลสนับสนุน 3. ความสนใจในวิทยาศาสตร์ จากการสืบค้นข้อมูล การตงั้ ค�ำ ถาม และการรว่ มอภปิ รายเกย่ี วกบั ตวั อยา่ ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ แ ล ะ วิ เ ค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล ที่ เ กิ ด จ า ก การเปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศโลก 4. คุณธรรมและจริยธรรมที่เก่ียวข้องกับวิทยาศาสตร์ จ า ก ก า ร อ อ ก แ บ บ แ น ว ท า ง ก า ร ร ณ ร ง ค์ เ พ่ื อ ล ด กิ จ ก ร ร ม ข อ ง ม นุ ษ ย์ ท่ี มี ผ ล ต่ อ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ภมู อิ ากาศโลก ทเ่ี นน้ ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ยา่ งตอ่ สงั คม

122 ตวั ชวี้ ดั 14. แปลความหมายสญั ลกั ษณ์ลมฟา้ อากาศทสี่ �ำ คัญจากแผนที่อากาศ และน�ำ ข้อมลู สารสนเทศตา่ ง ๆ มาวางแผนการดำ�เนินชีวติ ใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพลมฟ้าอากาศการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยใช้เหตุการณ์ สถานการณ์ หรือข่าว และร่วมกัน ดา้ นความรู้ อภปิ รายเกย่ี วกบั ลมฟา้ อากาศประจ�ำ วนั โดยใชค้ �ำ ถามดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี1. สัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่สำ�คัญ และ 1. สญั ลกั ษณล์ มฟา้ อากาศทสี่ �ำ คญั การแปลความหมาย การแปลความหมาย - ลักษณะลมฟ้าอากาศที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมีผลต่อการดำ�เนินชีวิต สภาพลมฟา้ อากาศจากแผนทอ่ี ากาศผวิ พน้ื การแปล2. การแปลความหมายสภาพลมฟา้ อากาศจาก หรอื การประกอบอาชพี หรอื ไม่ อยา่ งไร ความหมายของสญั ลกั ษณอ์ ากาศทสี่ �ำ คญั บนแผนที่ - การพยากรณอ์ ากาศบอกลกั ษณะอากาศในเร่อื งใดบ้าง แผนทอี่ ากาศผิวพ้นื 2. ทำ�กิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม โดยสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับแผนที่อากาศผิวพื้น อากาศผวิ พน้ื และคาดการณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศ จากการร่วมอภิปรายเพื่อสรุปองค์ความรู้ และด้านทกั ษะ นำ�เสนอผลงาน และรว่ มกันอภิปราย ตามประเด็นดังตัวอย่างต่อไปน้ี แบบฝกึ หัดหรือแบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - ความหมายของสัญลกั ษณ์อากาศทีส่ �ำ คัญบนแผนท่อี ากาศ1. การหาความสมั พนั ธ์ของสเปซกับเวลา - การแปลความหมายจากแผนทีอ่ ากาศผวิ พ้นื ดา้ นทกั ษะ2. การพยากรณ์ 3. สบื คน้ ขอ้ มลู และศกึ ษาขอ้ มลู สารสนเทศตา่ ง ๆ เชน่ แผนทล่ี ม ภาพเรดาร์ 1. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ และสเปซ3. การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ กับเวลา จากการวิเคราะห์สารสนเทศเพื่อติดตามทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ภาพถา่ ยจากดาวเทยี ม และแปลความหมายขอ้ มลู เพอ่ื คาดการณล์ กั ษณะ1. การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สื่อ ลมฟ้าอากาศเบื้องตน้ และนำ�เสนอผลงาน และพยากรณ์ลกั ษณะลมฟ้าอากาศ 2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 4. ปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการพยากรณ์อากาศ 2. การพยากรณ์ จากการคาดการณ์ลักษณะลมฟ้า3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ เพื่อวางแผนในการประกอบอาชีพและการดำ�เนินชีวิตให้สอดคล้องกับ ลมฟ้าอากาศ เช่น แสดงบทบาทสมมติเป็นผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆ อากาศโดยใช้ขอ้ มูลสารสนเทศต่าง ๆดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ออกแบบและวางแผนการใช้ข้อมูลการพยากรณ์อากาศในสถานการณ์ 3. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จาก1. ความใจกว้าง ท่ีก�ำ หนด การสืบค้นข้อมูล การนำ�เสนอผลงาน และการตอบ2. การยอมรับความเหน็ ต่าง 5. ร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปองค์ความรู้ตามประเด็นและการปฏิบัติกิจกรรม3. การเหน็ คุณค่าทางวทิ ยาศาสตร์ ในข้อ 2 – 4 ค�ำ ถามจากการแปลความหมายจากแผนทอ่ี ากาศผวิ พน้ื4. ค ว า ม เ ช่ื อ แ ล ะ ค่ า นิ ย ม ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ 4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จาก การพยากรณล์ กั ษณะลมฟา้ อากาศเบ้ืองต้น วทิ ยาศาสตร ์ 5. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จาก การแบง่ หนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบในการท�ำ งานกลมุ่

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 123การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 1. ความใจกวา้ ง การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง จากการรว่ ม อภปิ ราย และการตอบคำ�ถาม 2. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ ความเช่ือและ คา่ นยิ มทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั วทิ ยาศาสตร์ จากการวางแผน การประกอบอาชพี และการด�ำ เนนิ ชวี ติ ใหส้ อดคลอ้ ง กับลกั ษณะลมฟา้ อากาศ