Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E - book วิชา-ง20207-วิชาการแผน-1

E - book วิชา-ง20207-วิชาการแผน-1

Published by suksawat.sasiri18, 2020-06-14 23:52:16

Description: E - book วิชา-ง20207-วิชาการแผน-1

Search

Read the Text Version

23 ชดุ การสอนแบบศนู ยก์ ารเรียน เรือ่ งหอ้ งสมุดและแหลง่ เรียนรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โดย นายสขุ สวัสด์ิ สาศริ ิ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ โรงเรียนรัตนบรุ ี อาเภอรัตนบรุ ี สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต 33

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 รายวิชา การศกึ ษาค๎นคว๎าเบื้องตน๎ รหสั วิชา ง20207 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 สาระเพม่ิ เติม หนํวย ห๎องสมดุ และแหลงํ เรยี นร๎ู เร่ือง ห๎องสมุดและแหลงํ เรยี นรู๎ สอนโดย นายสุขสวสั ดิ์ สาศริ ิ จานวน 1 ชวั่ โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 สอนวนั ท่ี ……. เดือน....................พ.ศ.2563 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรู๎ในการใช๎ห๎องสมุด และแหลงํ เรียนร๎อู ื่นเพ่ือการศกึ ษาค๎นควา๎ ไดอ๎ ยาํ งมปี ระสิทธภิ าพ และ สามารถนามาประยุกต์ใช๎ในชวี ิตจรงิ ได๎ 2. สาระสาคัญ หอ๎ งสมุด เป็นสถานที่รวบรวมทรพั ยากรความรูท๎ ่ีมคี ุณคํา สถาบันทางการศึกษาที่ผบ๎ู รหิ ารโรงเรียนจัดข้นึ เป็นแหลงํ ทรัพยากรเพ่ือการศึกษา ซงึ่ มที ั้งวสั ดุสงิ่ พิมพ์ และวัสดไุ มํ เปน็ ศนู ย์วชิ าการสาหรับครูและนกั เรียน ใชศ๎ กึ ษา คน๎ ควา๎ หาความร๎ู เพื่อประกอบการเรียนการสอนอาจจดั เป็นอาคารเอกเทศหรือหอ๎ งใดห๎องน่ึงของอาคารเรยี นกไ็ ด๎ มี ครูบรรณารักษ์ทีบ่ ริหารงาน เชํน จัดทรพั ยากรสารนิเทศ จัดหมูํหนงั สอื ตามระบบสากล เพ่ือเปน็ การสํงเสริมการ เรยี นการสอนของครูและนักเรยี นใหม๎ ีประสิทธิภาพ 3. ผลการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั มีความรู๎ความเข๎าใจ วิวฒั นาการของขอ๎ มูล สารสนเทศ ความรู๎ไดถ๎ ูกต๎อง 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 นักเรียนมคี วามรค๎ู วามเข๎าใจใชห๎ อ๎ งสมดุ และแหลงํ การเรียนรู๎เพอื่ การศึกษาคน๎ คว๎าได๎ 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 บอกประเภทของห๎องสมุดและแหลงํ การเรียนรภ๎ู ายในโรงเรยี นและแหลงํ การเรยี นร๎ูอื่นได๎ 2.2 บอกวตั ถุประสงค์ และประโยชนข์ องห๎องสมุดและแหลํงการเรยี นรภ๎ู ายในโรงเรยี น 2.3 อธบิ ายความหมายของแหลงํ สารสนเทศและเลือกใชแ๎ หลํงเรยี นร๎ไู ดอ๎ ยํางถูกต๎อง 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) 3.1 นักเรยี นมคี วามรับผิดชอบ ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ มงุํ ม่ันในการทางาน มรี ะเบียบวินยั และตรงตอํ เวลา 5. สมรรถนะทส่ี าคัญ 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก๎ปัญหา

5.4 ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ (เนื้อหา) 1. เรือ่ ง ความหมายของห๎องสมดุ และแหลงํ การเรียนร๎ู 2. เรอ่ื ง วัตถปุ ระสงค์และความสาคญั ของห๎องสมุดและแหลงํ การเรยี นรู๎ 3. เรื่อง ประเภทของห๎องสมดุ และแหลงํ การเรยี นร๎ู 7. ความสัมพนั ธก์ บั กลุม่ สาระการเรียนรู้อ่ืน/การบรู ณาการ บูรณาการกบั กลมํุ สาระการเรียนรูภ๎ าษาไทย เพราะนักเรียนไดใ๎ ชแ๎ หลํงเรียนรใ๎ู นการศกึ ษาค๎นควา๎ เพิ่มเตอม 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนา 1. ครแู จ๎งผลการเรียนรู๎ตามใบความร๎ูท่ี 1 เรอื่ งห๎องสมุดและแหลงํ เรยี นรู๎ 2. ครใู หน๎ ักเรียนเลําถึงความประทบั ใจในการอํานหนังสือในห๎องสมดุ ในสมัยทเี่ คยเรยี นระดับช้นั ประถมศึกษา พรอ๎ มทง้ั สอบถามความประทับใจของนักเรยี นท่ีเคยใช๎ห๎องสมุด 2-3 คน ขน้ั สอน 1. ครูเช่ือมโยงเนื้อหา เรื่อง ห๎องสมุดและแหลํงเรียนร๎ู โดยขอนักเรียนอาสา 1 คน ออกมาหน๎าช้ัน เรยี น เพ่อื อํานใบความรู๎ ที่ 1 เรอ่ื ง หอ๎ งสมดุ และแหลํงเรยี นร๎ู 2. นักเรียนและครูรํวมสนทนาเก่ียวกับเร่ือง ห๎องสมุดและแหลํงเรียนร๎ู แล๎วรํวมกันตั้งคาถามเพ่ือ อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เรื่องทีอ่ ํานไปแล๎ว โดยครยู กตัวอยาํ งการตัง้ คาถาม ดงั นี้ - หอ๎ งสมดุ มีความสาคญั อยํางไร - วตั ถุประสงคป์ ระสงคข์ องหอ๎ งสมดุ มอี ะไรบา๎ ง 3. ครใู หน๎ ักเรยี นตอบคาถามลงในสมดุ ของตนเอง และสงํ ครู 4. นักเรยี นจบั กลมุํ แบงํ กลุํมนักเรียนโดยคละกันทแ่ี บํงไว๎ นักเรยี นสารวจห๎องสมุดโรงเรียนของตนและ ศึกษาใบความร๎ู เร่ืองหอ๎ งสมดุ และแหลํงการเรยี นร๎ู 5. นกั เรียนบนั ทกึ สรปุ ข๎อความรู๎เป็นผังมโนทัศน์หรือผังความคิดที่ได๎จากใบความรู๎ลงในสมุด ครูคอย แนะนาเพิ่มเติมในสวํ นทีน่ ักเรียนยงั ไมเํ ขา๎ ใจ 5. นักเรยี นแตํละกลุมํ เลือกตัวแทน นาเสนอความร๎ูหนา๎ ชัน้ เรยี น 6. ครูเปิดโอกาสให๎กลํุมอื่นๆ ตั้งคาถามหรือข๎อสงสัยเก่ียวกับใบความร๎ู 1 เร่ืองห๎องสมุดและแหลํง เรียนรู๎ แล๎วให๎นกั เรยี นออกมาสรปุ ใบความร๎ู ตอบคาถามหรือขอ๎ สงสยั เพอื่ นๆ 7. ครูกลําวเพ่ิมเพ่ิม เม่ือนักเรียนได๎อํานใบความรู๎ เรื่อง ห๎องสมุดและแหลํงเรียนร๎ู ไปแล๎ว นักเรียน ต๎องหาใจความสาคัญของเรื่องท่ีอําน ซึ่งนักเรียนจะได๎เรียนเก่ียวกับเร่ืองห๎องสมุดและแหลํงเรียนรู๎ ในกิจกรรม ตอํ ไปน้ี

ขัน้ สรปุ 1. นักเรียนและครรู วํ มกันสรปุ ไดว๎ าํ - ห๎องสมดุ เป็นสถานท่ีเก็บรวบรวม และให๎บริการวัสดุ หรือทรัพยากรสารนิเทศแกํสมาชิก โดยมี บรรณารักษ์หรือนักสารสนเทศเป็นผู๎รับผิดชอบดาเนินการ ตั้งแตํจัดหาจัดเก็บและบริการ ตลอดจนดูแลรักษา ทรัพยากรสารสนเทศ - ห๎องสมุดมี 5 ประเภท คือ หอสมุดแหํงชาติ ห๎องสมุดโรงเรียน ห๎องสมุดเฉพาะ ห๎องสมุด มหาวทิ ยาลัยวิทยาลยั ห๎องสมดุ ประชาชน 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง ห๎องสมุดและแหลงํ เรียนรู๎ ซง่ึ เป็นบบทดสอบแบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 10 ข๎อ เวลา 15 นาที 9. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นร้/ู เทคนคิ จานวน สภาพการใชส้ ือ่ ประเภทส่ือ รายการ 1 ชดุ สอ่ื ทใ่ี ชช๎ วํ ยใหน๎ ักเรยี นมี 1. วสั ดุ - แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน ความเข๎าใจในบทเรียนดี กอํ นเรยี น เรอื่ งห๎องสมุดและแหลํงเรยี นร๎ู 1 ชดุ ขึน้ ดขี ้ึน - ใบงาน เร่ืองห๎องสมดุ และแหลํงรียนร๎ู 2. เทคนิค - กระบวนการกลํุม นักเรยี นมที ักษะการ ทางานรวํ มกัน 3. แหลงํ เรยี นร๎ู - หอ๎ งสมุด 2 รายการ นกั เรยี นได๎ศกึ ษาค๎นควา๎ - อนิ เทอร์เนต็ จากสือ่ ตาํ งๆ

10. การวดั และประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวดั เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารผา่ น ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนมคี วามรค๎ู วามเข๎าใจใช๎ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกํอน - ตอบคาถามถูก ห๎องสมดุ และแหลํงการเรยี นรูเ๎ พอื่ กอํ นเรยี นหลงั เรยี น เรยี นและหลงั เรียน มากกวาํ 8 ข๎อข้นึ การศกึ ษาค๎นควา๎ ได๎ - ตอบคาถาม ไป (ผํานเกณฑร์ ๎อย ละ 80) 2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. บอกประเภทของห๎องสมดุ และ - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี - แบบฝกึ หัดท่ี 1.1 - ผาํ นเกณฑ์รอ๎ ยละ 80 แหลงํ การเรยี นรูภ๎ ายในโรงเรียนและ 1.1 แหลํงการเรยี นร๎ูอื่นได๎ 2. บอกวตั ถปุ ระสงค์ และ ประโยชน์ของห๎องสมุดและแหลํงการ - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี - แบบฝึกหัดที่ 1.2 - ผํานเกณฑ์ร๎อยละ - แบบฝกึ หัดท่ี 1.3 80 เรยี นร๎ภู ายในโรงเรียน 1.2 - ผาํ นเกณฑ์ร๎อยละ 80 3. อธบิ ายความหมายของแหลงํ - ตรวจแบบฝึกหัดที่ สารสนเทศและเลือกใชแ๎ หลงํ เรียนรไ๎ู ด๎ 1.3 อยาํ งถูกต๎อง 3. ด้านคณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ - แบบประเมิน - ผาํ นเกณฑ์ร๎อยละ (A) - ประเมนิ คณุ ลักษณะ คณุ ลักษณะอนั พึง 80 1. นักเรยี นมคี วามรับผิดชอบ ซ่อื สตั ย์ อันพึงประสงค์ ประสงค์ สุจริต มุงํ มั่นในการทางาน มรี ะเบียบ วินยั และตรงตอํ เวลา

11. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ขอ้ เสนอแนะและความคิดเหน็ ของจากหัวหน้าสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ........................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ....................................... ลงชื่อ ........................................... (นายยรรยง วงค์คาจนั ทร์) ผอ๎ู านวยการโรงเรยี นรัตนบุรี

13 บันทกึ ผลหลงั สอน 1. ดา๎ นความร๎ู ..........................................................…....................................................... ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. 2. ดา๎ นทักษะ/สมรรถนะผูเ๎ รยี น......................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................................. ............. 3. ด๎านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์..………............................................................................ ................................................................................................................................. ......................... ......................................................................................................... ................................................. ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... 4. ปัญหาและอุปสรรค....................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. 5. ขอ๎ เสนอแนะและแนวทางแกไ๎ ข...................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ......................................................................................... ................................................................. ลงชื่อ ................................................ผสู๎ อน (นายสขุ สวสั ดิ์ สาศริ ิ) ตาแหนงํ พนักงานราชการ ......../ .........../ ..............

แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ห้องสมุดและแหล่งเรยี นรู้ จานวน 10 ข้อ วชิ าการศกึ ษาค้นคว้าเบือ้ งต้น รหัสวิชา ง20207 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้เรอ่ื งห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี คาช้แี จง ใหน๎ กั เรยี นทาเครือ่ งหมายกากบาท () ทับลงข๎อท่นี ักเรียนเหน็ วาํ ถกู ตอ๎ งทีส่ ดุ เพียง คาตอบเดียว ลงในกระดาษคาตอบ 1. ข๎อใดให๎ความหมายของ “หอ๎ งสมุด” ได๎ถูกต๎องท่สี ุด ก. สถานทจ่ี ดั เก็บหนงั สือโดยมีบรรณารกั ษ์ และเจ๎าหน๎าที่ดาเนินงาน ข. สถานท่ีทีร่ วบรวมสรรพวิทยาการตํางๆยกเวน๎ โสตทศั นวสั ดุ ค. เป็นแหลํงทร่ี วบรวมสรรพวทิ ยาการตาํ งๆทวั่ โลก ง. เปน็ สถานท่ีรวบรวมข๎อมูลสารสนเทศ 2.วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั แหลงํ เรียนรู๎ในโรงเรียน คือข๎อใด ก. เพ่ือใหบ๎ ริการทางวชิ าการ ข. เพอื่ จัดกจิ กรรมใหส๎ อดคล๎องกับการเรียนการสอน ค. เพือ่ ชวํ ยใหผ๎ ู๎เรยี นร๎ูจักใชเ๎ วลาวํางให๎เป็นประโยชน์ ง. เพอ่ื พัฒนาโรงเรียนใหเ๎ ปน็ สงั คมแหํงการเรียนร๎ู มีแหลงํ ข๎อมูล ขําวสาร 3. เป็นหอ๎ งสมุดที่จัดตัง้ ข้ึนเพื่อสนับสนนุ การเรียนการสอนในโรงเรียน คือห๎องสมดุ ประเภทใด ก. ห๎องสมุดโรงเรยี น ข. ห๎องสมุดวทิ ยาลยั และมหาวิทยาลัย ค. หอ๎ งสมุดประชาชน ง. หอ๎ งสมุดเฉพาะ 4. ห๎องสมดุ แบํงออกเป็นกป่ี ระเภท ก. 3 ประเภท ข. 4 ประเภท ค. 5 ประเภท ง. 6 ประเภท

5. ห๎องสมุดจัดเก็บและรวบรวมหนังสอื วารสาร หนังสือพิมพ์ เพื่อให๎ผู๎อํานใชเ๎ พื่ออะไร ก. เพอื่ ผอํ นคลายความเครยี ด ข. เพื่อพักผอํ นหยํอนใจ ค. เพือ่ ศึกษาหาความรู๎ ง. เพ่ือความจรรโลงใจ 6. วัตถปุ ระสงค์ข๎อใดทน่ี ักเรียนคิดวาํ สาคัญท่ีสุดสาหรบั ห๎องสมุดโรงเรียน ก. เพื่อสํงเสริมการเรียนของนกั เรยี นและการสอนของครู ข. เพ่ือให๎นักเรียนและครูมโี อกาสแสวงหาความรเู๎ พมิ่ เติม ค. เพื่อให๎นักเรียนร๎ูจกั ใชห๎ ๎องสมุดในการค๎นคว๎าด๎วยตนเอง ง. เพือ่ สรา๎ งนิสัยรกั การอาํ นและมวี จิ ารณญาณและรสนิยมทด่ี ีในการเลือกหนงั สือ 7. ขอ๎ ใดไมใ่ ช่ความสาคญั และประโยชนข์ องห๎องสมดุ ก. เป็นแหลํงรวบรวมวทิ ยากรตาํ งๆเฉพาะสาขา ข. เป็นท่ีที่ทกุ คนจะเลือกอาํ นหนังสอื ตามใจชอบ ค. เป็นแหลงํ ค๎นควา๎ ทที่ นั สมยั ง. ชํวยปลกู ฝังนิสัยรักการอาํ น 8. ขอ๎ ใด มใิ ชํ วัตถุประสงค์ของหอ๎ งสมุดเฉพาะ ก. ให๎บริการแกปํ ระชาชนทุกเพศ ทุกวยั ทกุ เช้อื ชาติ ข. รวบรวมหนงั สอื ส่ิงพมิ พโ์ สตทัศนวัสดุเฉพาะบางสาขาวิชาทเ่ี ก่ียวข๎องกับหนํวยงาน ค. เปน็ แหลงํ การค๎นคว๎าวิจยั ในแขนงวิชาทีต่ นปฏิบัตงิ าน ง. ให๎บรกิ ารแกํเจ๎าหน๎าทีใ่ นหนํวยงานนัน้ ๆ 9. หอ๎ งสมดุ ในข๎อใดเป็นแหลงํ รวบรวมและเก็บรกั ษาสง่ิ พิมพท์ ี่พิมพ์ขน้ึ ภายในประเทศ ก. หอ๎ งสมดุ เฉพาะ ข. หอสมดุ แหงํ ชาติ ค. ห๎องสมุดประชาชน ง. ห๎องสมดุ มหาวิทยาลัย 10. ขอ๎ ใดคือแหลงํ สารสนเทศประเภทบุคคล ก. ปราชญช์ าวบา๎ น ข. ศูนย์ขอ๎ มูล ค. รา๎ นขายหนงั สือ ง. มมุ อาํ นหนังสือพิมพป์ ระจาหมํบู า๎ น

ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ ความหมายของห๎องสมุด ห๎องสมุด ตรงกับภาษาอังกฤษวํา Library มาจากภาษาละตินวํา Library มรี ากศพั ท์เดมิ จากคาวาํ Liber และภาษาฝรั่งเศสใช๎คาวาํ bibiothequeมาจากภาษากรีกวํา Bibliodแปลวําหนังสอื ห๎องสมุด หมายถึง สถานท่ีเกบ็ รวบรวม และให๎บรกิ ารวัสดุ หรือทรพั ยากรสารนิเทศแกํสมาชิก โดยมี บรรณารักษ์หรือนกั สารสนเทศเปน็ ผู๎รบั ผิดชอบดาเนนิ การ ต้ังแตํจัดหาจัดเกบ็ และบริการ ตลอดจนดแู ลรกั ษา ทรพั ยากรสารสนเทศ ภาพท่ี 1 ห๎องสมดุ การทํองเที่ยว http://www.etatjournal.com/web/menu-read-web-etatjournal?catid=0&id=411 ความสาคญั ของห๎องสมดุ ห๎องสมุดมีความสาคัญอยาํ งยิ่งในประเดน็ ตํอไปน้ี 1. หอ๎ งสมุดเป็นแหลงํ รวมสรรพความรู๎ ที่มนุษยค์ ิดคนรวบรวมไว๎ในรปู แบบตาํ งๆ ทัง้ ในรูปแบบหนังสือ เอกสาร สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ มาไวใ๎ ห๎บริการแกผํ ใู๎ ช๎ 2. ห๎องสมดุ เป็นแหลํงท่ีทกุ คนสามารถคน๎ หาความรไ๎ู ด๎อยาํ งเสรีตามความต๎องการและความสนใจของตน 3. ห๎องสมุดชํวยปลกู ฝังนสิ ยั รักการอําน การท่ีห๎องสมุดมีหนงั สือให๎ผูเ๎ ลือกใชเ๎ ลอื กอํานได๎หลากหลาย เลือกอํานเรื่องราวไดห๎ ลายประเภทตามความสนใจ 4. ห๎องสมดุ ชวํ ยสงํ เสริมการใช๎เวลาวาํ งใหเ๎ กิดประโยชน์ การอาํ นเป็นการใชเ๎ วลาวาํ งให๎เกิดประโยชนท์ ี่ดี ทสี่ ดุ อยาํ งหนง่ึ

5. ห๎องสมุดชํวยให๎ผูใ๎ ช๎มคี วามรทู๎ ี่ทันสมยั อยํูเสมอ เพราะห๎องสมุดจะจดั หาทรัพยากรสารสนเทศใหมํ เข๎า มาไวใ๎ หบ๎ รกิ ารแกผํ ๎ูใช๎ตลอดเวลา เชนํ มีหนงั สอื เขา๎ ใหมํ วารสารฉบบั ใหมํ หนงั สือฉบบั วนั นี้ มคี อมพิวเตอรไ์ ว๎สืบคน๎ ขอ๎ มูลทางอนิ เทอร์เน็ต วัตถุประสงค์ของห๎องสมดุ 1. เพอื่ การศกึ ษา(Education) หอ๎ งสมดุ เป็นศูนย์กลางบริการทางวิชาการของสถาบนั แกํสมาชกิ ใน สถาบนั โดยไมเํ ลอื กเพศ วยั และพ้นื ฐานความร๎ู 2. เพ่ือขาํ วสารความร๎ู (Information)หอ๎ งสมุดเป็นแหลงํ รวมทรัพยากรสารสนเทศทง้ั เป็นส่อื ส่งิ พมิ พ์ ส่ือไมํตีพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอกนิกส์ และสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ และบริการขําวสารความร๎ูแกํผู๎ใชใ๎ ห๎ตรงกบั ความตอ๎ งการ ด๎วยบรกิ ารทส่ี ะดวกและรวดเรว็ 3. เพอ่ื การคน๎ คว๎าวจิ ัย (Research)ห๎องสมุดเป็นศูนย์กลางของค๎นคว๎าวจิ ัยในสาขาวชิ าตํางๆ เพื่อ ความก๎าวหน๎าของวทิ ยาการในสาขานนั้ ๆ 4. เพอ่ื ความจรรโลงใจ (Inspiration)หอ๎ งสมดุ เปน็ ศนู ยก์ ลางการอํานทีใ่ หท๎ ้ังความร๎ูและความบันเทิงจน กํอให๎เกิดแรงบันดาลใจในการสรา๎ งสรรคแ์ ตสํ งิ่ ทด่ี ีงามและเป็นประโยชนต์ อํ สงั คม 5. เพอื่ การพักผํอนหยอํ นใจ (Recreation)หอ๎ งสมุดเป็นแหลงํ พกั ใจให๎คลายจากความกังวล ความ เครงํ เครยี ด และให๎ความร่ืนรมยแ์ กํผใู๎ ช๎บริการด๎วยสารสนเทศที่หลากหลาย

บบฝึกทักษะ ที่ 1.1 หอ้ งสมุดและแหล่งเรยี นรู้ เรื่อง ทบทวนความร๎คู วามเขา๎ ใจเก่ียวกบั ความหมายของหอ๎ งสมุด ความสาคัญของห๎องสมดุ ช่ือ - นามสกลุ ...................................................................................... เลขท่ี....................... คาชีแ้ จง ให๎นักเรยี นเขียนอธบิ ายความหมายของห๎องสมุด และความสาคัญของห๎องสมดุ (10 คะแนน) 1. ห๎องสมุดมีความหมายวาํ อยํางไร ( 2 คะแนน) ตอบ ………………………………………..………............................................................................................ ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... 2. หอ๎ งสมุดมคี วามสาคญั กบั นักเรียนอยํางไร (2 คะแนน) ตอบ ………………………………………..………............................................................................................ ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... 3. ให๎นกั เรียนบอกความสาคัญของห๎องสมดุ อยาํ งน๎อย 3 ข๎อ (2 คะแนน) ตอบ ………………………………………..………............................................................................................ ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………...............................................................

4. วตั ถุประสงค์ของห๎องสมุดขอ๎ ใดจาเปน็ สาหรับนกั เรยี นโดยเรียงจากมากไปหานอ๎ ยทส่ี ุด (2 คะแนน) ตอบ ………………………………………..………............................................................................................ ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... 5. หอ๎ งสมุดเป็นแหลํงฝกึ ทักษะนักเรียนอยํางไร จงยกตัวอยาํ ง (2 คะแนน) ตอบ ………………………………………..………............................................................................................ ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………............................................................... ………………………………...……..................................………..………...............................................................

ใบความรูท้ ี่ 1.2 เรอื่ ง ประเภทของห้องสมุด ประเภทของหอ๎ งสมดุ ห๎องสมุดในประเทศไทยปจั จุบันมี 5 ประเภท แบํงตามระดบั ผูร๎ บั ผิดชอบ คือ 1. หอสมดุ แหํงชาติ (National Library)คือหอสมุดประจาชาติ หรอื ห๎องสมุดประจาประเทศใด ประเทศหน่ึง มีหนา๎ ท่ีเก็บรวบรวมผลงานและสงวนรักษาทรัพยส์ นิ ทางปัญญา วทิ ยากร ศลิ ปกรรมทบ่ี นั ทึกไว๎ใน รูปแบบของหนังสือ ตวั เขียน ส่ิงพิมพ์ประเภทอืน่ ๆ โดยเฉพาะอยํางย่งิ สารสนเทศทผี่ ลติ ขน้ึ ในประเทศนนั้ ๆ เปน็ แหลงํ รวบรวมและเกบ็ รักษาสงิ่ พมิ พ์ ท่ีพมิ พ์ข้นึ ภายในประเทศไว๎อยาํ งสมบูรณ์โดยมีกฎหมายกาหนดให๎ผ๎ูผลิต วัสดสุ ารสนเทศตอ๎ งสํงสารสนเทศให๎เป็นสมบตั ิของหอสมุดแหงํ ชาตจิ านวนหนึ่ง สาหรบั หอสมดุ แหํงชาติ (Thai Nation Library) ตงั้ อยูํท่ีทําวาสกุ รี ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร หอสมุดแหงํ ชาติมีการบริการการอาํ น การคน๎ คว๎าวิจัยแกํประชาชนทั่วไปมบี ริการยืมระหวํางห๎องสมดุ ทง้ั ภายในประเทศและระหวาํ งประเทศ มีการนาเทคโนโลยมี าใชบ๎ ริหารดาเนินการ และบริการสบื ค๎นข๎อมลู ภาพท่ี 1 : หอสมุดแห่งชาติ ทม่ี า:http://www.libraryhub.in.th/2009/05/30/new-look-at-national-library-thailand/ 2. ห๎องสมดุ ประชาชน (Public Library)แหลํงบรกิ ารสารสนเทศชุมชนตงั้ ขนึ้ ในชุมชนตํางๆ เปน็ แหลงํ บรกิ ารการศึกษานอกระบบแกปํ ระชาชนทัว่ ไป ชํวยใหป๎ ระชาชนได๎มโี อกาสศึกษาค๎นคว๎าตนเองตลอดชวี ิต ปลูกฝงั นิสัยรกั การอําน ห๎องสมุดประชาชนของไทยมีใหบ๎ ริการอยํูท่ัวไปมที ง้ั ห๎องสมุดประชาชนประจาจงั หวงั อาเภอ ตาบล หมํูบา๎ น และชุมชนตาํ งๆ

ภาพที่ 2 : หอ้ งสมดุ ประชาชน ทม่ี า :http://library1814.blogspot.com/p/blog-page.html 3. ห๎องสมุดโรงเรียน (School Library) คือสถาบันบรกิ ารทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ ในโรงเรยี นทุกระดับ เพือ่ สนบั สนนุ การเรยี นการสอนให๎มีประสทิ ธภิ าพ ห๎องสมดุ โรงเรยี นมีบทบาทสาคญั ในการจัดการศึกษา เพราะเปน็ แหลํงสะสมและให๎บรกิ ารทรพั ยากรสารสนเทศทกุ ชนดิ เพื่อใหป๎ ระกอบการเรียนการสอนและกิจกรรมเสริม หลักสูตร เปน็ แหลงํ ค๎นควา๎ ของครูอาจารยน์ กั เรียน ภาพที่ 3: หอ้ งสมดุ โรงเรียน ที่มา : นางสาวอรวรรณ แพงภงู า เมอ่ื วนั ท่ี 23 2560 4. หอ๎ งสมุดมหาวทิ ยาลยั หรือหอ๎ งสมุดวิทยาลัย (University Library or academic Library)เป็น แหลงํ บริการสารสนเทศของสถาบนั อดุ มศึกษา ถือเปน็ หวั ใจของการศึกษาคุณภาพของห๎องสมุดจะเป็นเครื่อง กาหนดคุณภาพทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยแตลํ ะแหงํ

ห๎องสมดุ สถาบนั อดุ มศกึ ษาในปัจจบุ นั มกี ารดาเนนิ การและให๎บรกิ ารอยาํ งกวา๎ งขวางและทนั สมยั ย่งิ ข้ึน โดยนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช๎ เน๎นการรวบรวมทรพั ยากรสารสนเทศในรปู แบบตาํ งๆท่ีมีคุณภาพดีและทันสมยั คลอบคลมุ สารสนเทศอยาํ งกว๎างขวาง ภาพที่ 4: ห้องสมดุ มหาวิทยาลัย ทม่ี า :http://53011213051.blogspot.com/ 5. หอ๎ งสมุดเฉพาะ (Special Library)คือแหลํงสะสมสารสนเทศเฉพาะสาขาวิชาให๎บรกิ ารแกผํ ใ๎ู ชเ๎ ฉพาะ กลุํม ไดแ๎ กํ ห๎องสมดุ ในหนํวยตํางๆ เชํนกระทรวง กรม รัฐวสิ าหกิจ หรือห๎องสมุดของบรษิ ัท สมาคม ธนาคาร โรงพยาบาล จัดหาสารสนเทศเฉพาะด๎านทีม่ เี นื้อหาทท่ี นั สมยั ตรงกับความตอ๎ งการของผใ๎ู ชภ๎ ายในหนวํ ยงาน ภาพที่ 5: หอ้ งสมุดเฉพาะ ท่ีมา :https://goo.gl/qkjwzv

แบบฝึกทักษะที่ 1. 2 เร่ือง ประเภทของห้องสมดุ คาชี้แจง วิเคราะห์ประเภทของห๎องสมดุ ตํอไปนีแ้ ล๎วนาอักษรหนา๎ ข๎อความท่ีกาหนดให๎ มาใสหํ น๎าตวั เลข ของคอลมั น์ซา๎ ยใหถ๎ ูกต๎องและสัมพันธก์ ัน (10 คะแนน) ช่อื – นามสกุล ......................................................................................................... เลขท่ี .............. ก. ห๎องสมดุ โรงเรียน ข. ห๎องสมุดประชาชน ค. หอสมดุ แหํงชาติ ง. ห๎องสมดุ เฉพาะ จ. หอ๎ งสมุดมหาวิทยาลยั และวทิ ยาลัย ..................1. ห๎องสมุดทจ่ี ัดตัง้ ข้นึ ในโรงเรยี นทุกระดบั เพื่อสนับสนนุ การเรียนการสอนให๎มปี ระสทิ ธิภาพ ..................2. ห๎องสมดุ ท่ใี ห๎บรกิ ารเฉพาะสาขาวชิ า ใหบ๎ รกิ ารแกผํ ๎ูใชเ๎ ฉพาะกลมุํ ..................3. หอ๎ งสมุดท่ใี ห๎บรกิ ารแกํอาจารย์ นสิ ิต นกั ศึกษา นักวจิ ยั ..................4. เป็นแหลํงบรกิ ารสารสนเทศของชมุ ชน เป็นแหลงํ บรกิ ารการศึกษานอกระบบ ..................5. เปน็ หอ๎ งสมดุ ท่ีเกบ็ รวบรวมและสงวนทรพั ยส์ ินทางปญั ญา วทิ ยาการ ศิลปกรรมตาํ งๆ ..................6. สงํ เสรมิ ให๎นกั เรียนมนี สิ ยั รกั การอาํ นใช๎เวลาวาํ งให๎เกิดประโยชน์ ..................7. ให๎บริการเฉพาะบุคคลากรในหนวํ ยงานนัน้ ๆ ..................8. เปน็ แหลงํ รวบรวมและเก็บรักษาสิง่ พิมพ์ท่ีพิมพภ์ ายในประเทศ ..................9. เปน็ แหลงํ เรยี นรูส๎ าหรบั ประชาชนทกุ เพศทุกวยั ..................10. มกี ารดาเนนิ การและใหบ๎ ริการอยาํ งกวา๎ งขวางและทันสมยั นาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช๎

ใบความรทู้ ่ี 1.3 เร่อื ง แหล่งสารสนเทศ แหลํงสารสนเทศ หมายถึง แหลงํ ซ่ึงเปน็ ที่เกิดข๎อมูลสารสนเทศ แหลํงผลิตสารสนเทศ แหลํงรวบรวมข๎อมูล และเผยแพรสํ ารสนเทศ แหลํงสารสนเทศ คานยิ ามของคาวาํ แหลงํ สารสนเทศ มีนักวิชาการได๎ให๎ความหมายหลากหลาย เชํน แหลํงสารสนเทศสถาบนั จดั เปน็ แหลํงการเรียนรตู๎ ลอดชีวติ ตามมาตรา 25 หมวด 4 ของพระราชบัญญิตกั าร ศกึ ษาแหํงชาติ พ.ศ. 2542 ท่ีกาหนดวาํ “ รฐั ตอ๎ งสํงเสรมิ การดาเนนิ งานและจัดตัง้ แหลงํ เรยี นรตู๎ ลอดชีวติ ทกุ รูปแบบ ไดแ๎ กํ ห๎องสมุด ประชาชน พพิ ิธภณั ฑ์ หอศลิ ป์ สวนสตั ว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ศนู ยก์ ฬี าและนนั ทนาการ แหลงํ ขอ๎ มลู และแหลงํ การเรียนร๎ูอ่ืน ๆ อยํางพอเพยี งและ มี ประสิทธภิ าพ” แหลงํ สารสนเทศ หมายถงึ แหลํงที่เกดิ แหลํงผลิต หรอื แหลงํ ที่รวบรวมทรพั ยากรสารสนเทศมน รปู ลกั ษณท์ หี่ ลากหลายไว๎ใหบ๎ รกิ ารโดยมบี ทบาทหน๎าทีต่ ํอสงั คมในการให๎บริการสารสนเทศและสงํ เสรอมการศึกษา คน๎ ควา๎ แกํผตู๎ ๎องการสารสนเทศในระดบั ตาํ งๆกนั ประเภทแหลงํ สารสนเทศ แบงํ เป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1. ศนู ย์ข๎อมูลขาํ วสารของหนวํ ยงานทัง้ ภาครัฐและเอกชน ปัจจบุ นั หนํวยงานใหญๆํ ทง้ั ภาครัฐและเอกชน ไดต๎ ระหนักถึงความสาคัญของขอ๎ มูลขาํ วสาร สารสนเทศตํางๆ ทีเ่ ก่ยี วข๎องกบั ภารกิจในหนํวยงานของตนจึงกาหนด ใหมํ หี นวํ ยงานหนง่ึ ข้นึ มาจดั เก็บรวบรวมข๎อมูลขําวสารให๎เป็นระบบพร๎อมทจ่ี ะสืบคน๎ หนํวยงานเหลํานี้จะมีชื่อขึ้นตน๎ วํา “”ศูนยข์ อ๎ มูล” หรือ “ศนู ยส์ ารสนเทศ” เชนํ ศนู ยข์ ๎อมูลยาเสพติดของสานกั งานคณะกรรมการป้องกันแบะ ปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ศูนยบ์ ริการขอ๎ มูลวชิ าการเกษตร กรมทะเบยี นการคา๎ เปน็ ตน๎ ภาพท่ี 1: ศูนยข์ ้อมูลพ.ร.บ.ขา่ วสาร การไฟฟา้ สว่ นภมู ภิ าค ทีม่ า :https://goo.gl/FuF5Ny

2. บุคคล (Person)ตวั บุคคลกถ็ อื เปน็ แหลงํ สารสนเทศท่ีสาคัญอีกแหลงํ หน่ึงเพราะเป็นแหลํงทีส่ ามารถ ให๎ความรูเ๎ ชิงบอกเลํา และปฏิบตั ไิ ดอ๎ ยาํ งดยี ่ิง เชํน ในเรือ่ งของความเชอื่ ที่ยงั ยึดกบั วถิ ียาวนานจากบรรพบรุ ษุ สํู ลูกหลานไทยในชนบท ประเพณีบางอยาํ งซง่ึ ไมํมเี ขยี นไว๎เป็นลายลักษณ์อกั ษรสามารถเรียนร๎สู ืบสานไดจ๎ ากคาบอก เลาํ สืบทอดตํอๆกนั มา จากปราชญช์ าวบา๎ น ผูน๎ าชมุ ชน หรือผู๎เคยสมั ผสั กบั เหตกุ ารณ์สาคัญๆในประวตั ิศาสตร์ การเมือง สงั คมในอดตี ภาพท่ี 2 : พระมหาวฒุ ิชยั วชิรเมธี มชี อ่ื เสยี งวาํ เปน็ พระนักวิชาการ นักคิดนักเขยี น และนกั บรรยายธรรม ท่มี า : http://raicherntawan.com/th/about-vajiramedhi 3. สถานที่ (Place) ถือเป็นแหลํงสารสนเทศท่ีมีคณุ คาํ อีกประเภทหนึง่ เปน็ สถานท่จี ริงทีส่ าคัญอันเกดิ เหตุการณ์ในอดตี เชนํ อุทยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั องค์พระปฐมเจดีย์ ดํานเจดยี ส์ ามองค์ วัดพระศรรี ัตนศาสดา ราม (วดั พระแก๎ว) วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวหิ าร เปน็ ตน๎ ภาพที่ 3: วัดพระศรรี ตั นศาสดาราม (วัดพระแก๎ว) ทีม่ า :http://www.news-lifestyle.com/contents/159959

4. ห๎องสมดุ (Library)คอื แลํงรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศทกุ ประเภทท้งั ทีเ่ ปน็ วสั ดตุ พี ิมพ์ และวสั ดุไมํ ตพี มิ พ์ มกี ารคัดเลอื กและจดั หาเขา๎ มาอยํางทนั สมัย ตํอเนื่องสอดคลอ๎ งกบั ความตอ๎ งการ และความสนใจของผใู๎ ช๎ มีบรรณารกั ษ์เปน็ ผด๎ู าเนินงานและจดั บรกิ ารตํางๆอยาํ งมีระบบ ภาพท่ี 4: วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม (วัดพระแก๎ว) ทมี่ า :https://goo.gl/DKJpXq สรปุ ห๎องสมดุ หมายถึง สถานทเี่ ก็บรวบรวม และใหบ๎ รกิ ารวสั ดุ หรือทรัพยากรสารนเิ ทศแกํสมาชิก โดยมีบรรณารกั ษ์ หรือนกั สารสนเทศเปน็ ผู๎รับผิดชอบดาเนนิ การ ตง้ั แตํจดั หาจัดเกบ็ และบริการ ตลอดจนดูแลรักษาทรัพยากร สารสนเทศ ความสาคัญของห๎องสมุด ห๎องสมดุ มคี วามสาคัญอยาํ งยิ่ง ห๎องสมดุ เปน็ แหลํงรวมสรรพความรู๎ ทีม่ นุษยค์ ิด คนรวบรวมไวใ๎ นรูปแบบตาํ งๆ ทง้ั ในรปู แบบหนงั สือเอกสาร สอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ มาไว๎ใหบ๎ ริการแกํผู๎ใช๎ เปน็ แหลํงท่ที ุก คนสามารถคน๎ หาความร๎ูได๎อยํางเสรตี ามความต๎องการและความสนใจของตน ชวํ ยปลูกฝงั นิสัยรักการอาํ น สามารถ เลอื กอํานได๎หลากหลาย เลือกอาํ นเร่ืองราวไดห๎ ลายประเภทตามความสนใจ ชวํ ยสงํ เสรมิ การใช๎เวลาวาํ งให๎เกิด ประโยชน์ การอํานเป็นการใชเ๎ วลาวาํ งให๎เกดิ ประโยชนท์ ่ีดีทส่ี ุดอยํางหนึง่

แบบฝกึ ทกั ษะ ท่ี 1.3 เรอ่ื งแหล่งเรยี นรู้ คาช้ีแจง จงตอบคาถามตํอไปนี้ให๎ถูกต๎องทส่ี ดุ (10 คะแนน) 1. ใหน๎ ักเรยี นบอกความหมายของแหลํงสารสนเทศ (2 คะแนน) ตอบ………………………………………..………........................................................................................................ ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... 2. แหลํงเรียนร๎มู ปี ระโยชน์อยาํ งไรกับนักเรียน (2 คะแนน) ตอบ………………………………………..………........................................................................................................ ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... 3. จงยกตวั อยาํ งแหลํงเรียนร๎ูท่เี ป็นสถาบันการศึกษาในชุมชนของนกั เรียน (2 คะแนน) ตอบ………………………………………..………........................................................................................................ ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... 4. จงยกตวั อยาํ งแหลํงเรียนรู๎ทีเ่ ปน็ บคุ คลหรือปราชญ์ชาวบา๎ นท่มี ีความรู๎ด๎านตํางๆในชุมชนนักเรียน (2 คะแนน) ตอบ………………………………………..………........................................................................................................ ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... 5. จงยกตวั อยํางแหลงํ เรยี นร๎ูในโรงเรยี นรัตนบุรี (2 คะแนน) ตอบ………………………………………..………........................................................................................................ ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………............................................................... ………………………………...……........................................………..………...............................................................

เฉลยแบบทดสอบ– หลังเรยี น เรอื่ ง ห้องสมดุ และแหล่งเรียนรู้ ก่อนเรียน ข้อที่ เฉลย 1. ก 2. ง 3. ก 4. ค 5. ข 6. ง 7. ก 8. ก 9. ข 10. ก

ฉลยแบบฝึกทกั ษะ ที่ 1.1 ใบความรเู้ รื่อง ห้องสมดุ และแหล่งเรียนรู้ เรือ่ ง ทบทวนความร๎ูความเข๎าใจเกย่ี วกับความหมายของห๎องสมดุ ความสาคญั ของห๎องสมดุ คาชแ้ี จง ใหน๎ กั เรียนเขียนอธบิ ายความหมายของห๎องสมดุ และความสาคญั ของห๎องสมดุ (5 คะแนน) 1. ห๎องสมดุ มคี วามหมายวําอยํางไร ตอบ สถานที่เก็บรวบรวม และใหบ๎ รกิ ารวสั ดุ หรอื ทรัพยากรสารนิเทศแกสํ มาชิก โดยมีบรรณารกั ษ์หรือ นักสารสนเทศเป็นผ๎รู ับผิดชอบดาเนนิ การ ต้ังแตจํ ัดหาจัดเก็บและบริการ ตลอดจนดูแลรักษาทรัพยากร สารสนเทศ 2. ห๎องสมดุ มีความสาคัญกบั นกั เรียนอยํางไร ตอบเป็นสถานที่นักเรียนสามารถคน๎ ควา๎ หาความร๎ูเพิ่มเตมิ ได๎ตลอดเวลา สามารถเลือกหาความรู๎ ข๎อมูล ขําวสาร ไดอ๎ ยํางหลากหลาย ตามความสนใจและความตอ๎ งการของตนเอง ชํวยให๎นักเรยี นเปน็ ผท๎ู ีท่ ันสมยั ทันตอํ เหตุการณ์ เนื่องจากขอ๎ มลู ขําวสาร ความรู๎ และวชิ าการตาํ ง ๆ เกิดขน้ึ ใหมํตลอดเวลา ห๎องสมุด ชํวยใหเ๎ กิดความคดิ รเิ ริ่มสรา๎ งสรรค์ เกิดนสิ ยั รักการอําน และการศกึ ษาค๎นคว๎าดว๎ ยตนเอง 3. ให๎นกั เรยี นบอกความสาคัญของห๎องสมดุ อยาํ งน๎อย 3 ข๎อ ตอบ1. ห๎องสมดุ เป็นแหลํงรวมสรรพความรู๎ 2. ห๎องสมดุ เป็นแหลํงที่ทุกคนสามารถคน๎ หาความร๎ูได๎อยาํ งเสรี 3. ห๎องสมดุ ชวํ ยปลูกฝงั นสิ ัยรักการอําน 4. วตั ถุประสงคข์ องห๎องสมุดข๎อใดจาเปน็ สาหรบั นกั เรยี นโดยเรียงจากมากไปหาน๎อยท่ีสุด ตอบ เพื่อการศกึ ษาเพ่ือให๎ความรู๎และขําวสาร เพอ่ื การพักผํอนหยอํ นใจ เพ่ือความจรรโลงใจ เพือ่ การศึกษาค๎นคว๎า 5. ห๎องสมุดฝึกเปน็ แหลงํ ฝกึ ทกั ษะนกั เรยี นอยํางไร จงยกตวั อยาํ ง ตอบฝกึ ทักษะการอาํ น ฝึกทักษะการแสวงหาความร๎ดู ๎วยตนเอง ฝึกทักษะชีวติ การอยูํรํวมกบั ผู๎อ่นื

เฉลยแบบฝกึ ทักษะท่ี 1.2 เรอ่ื ง ประเภทของห้องสมุด คาชแ้ี จง วเิ คราะห์ประเภทของห๎องสมุดตํอไปน้ีแลว๎ นาอักษะหน๎าข๎อความท่ีกาหนดให๎ มาใสหํ นา๎ ตวั เลข ของคอลัมนซ์ ๎าย ก. หอ๎ งสมดุ โรงเรียน ข. หอ๎ งสมุดประชาชน ค. หอสมุดแหงํ ชาติ ง. ห๎องสมุดเฉพาะ จ. หอ๎ งสมุดมหาวิทยาลยั และวิทยาลยั ก 1. ห๎องสมดุ ท่ีจัดตงั้ ข้นึ ในโรงเรยี นทุกระดับ เพ่ือสนับสนนุ การเรยี นการสอนให๎มปี ระสิทธิภาพ ง 2. ห๎องสมุดที่ใหบ๎ ริการเฉพาะสาขาวชิ า ให๎บริการแกํผใ๎ู ช๎เฉพาะกลมุํ จ 3. หอ๎ งสมดุ ที่ให๎บริการแกํอาจารย์ นสิ ติ นกั ศึกษา นักวจิ ัย ข 4. เปน็ แหลํงบริการสารสนเทศของชุมชน เป็นแหลํงบริการการศกึ ษานอกระบบ ง 5. เปน็ หอ๎ งสมุดท่ีเก็บรวบรวมและสงวนทรัพย์สนิ ทางปัญญา วทิ ยาการ ศิลปกรรมตํางๆ ก 6. สงํ เสริมให๎นักเรยี นมีนิสัยรักการอํานใชเ๎ วลาวาํ งใหเ๎ กิดประโยชน์ ง 7. ใหบ๎ รกิ ารเฉพาะบุคลากรในหนํวยงานนน้ั ๆ ค 8. เป็นแหลํงรวบรวมและเก็บรักษาสิ่งพิมพ์ท่ีพิมพ์ภายในประเทศ ก 9. เปน็ แหลงํ เรียนร๎ูสาหรับประชาชนทกุ เพศทุกวัย จ 10. มีการดาเนินการและให๎บริการอยาํ งกวา๎ งขวางและทันสมยั นาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช๎

แบบฝึกทกั ษะ ท่ี 1.3 เร่อื งแหลง่ เรยี นรู้ คาชี้แจง จงตอบคาถามตอํ ไปน้ีให๎ถูกตอ๎ งที่สดุ 1. ให๎นกั เรยี นบอกความหมายของแหลํงเรยี นรู๎ ตอบแหลํงทเี่ กิด แหลงํ ผลติ หรือแหลงํ ที่รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศมนรูปลักษณ์ทห่ี ลากหลายไว๎ ให๎บริการโดยมีบทบาทหนา๎ ที่ตํอสงั คมในการให๎บรกิ ารสารสนเทศและสงํ เสรอมการศึกษาคน๎ คว๎าแกํผ๎ูต๎องการ สารสนเทศในระดับตํางๆกนั 2. แหลํงเรยี นรมู๎ ปี ระโยชน์อยาํ งไรกับนักเรียน ตอบเปน็ แหลงํ ทร่ี วมขององค์ความร๎ูอนั หลากหลายพรอ๎ มที่จะให๎ผ๎เู รียนเขา๎ ไปศึกษาคน๎ คว๎า ด๎วย กระบวนการจัดการเรยี นรทู๎ ่แี ตกตาํ งกันของแตลํ ะบคุ คล และเปน็ การสงํ เสรมิ การเรยี นรู๎ตลอดชีวิตได๎เรยี นรู๎จากของ จรงิ ทาใหเ๎ กดิ ประสบการณ์ตรงเห็นคุณคําของแหลงํ เรยี นรู๎ ภูมิปัญญาท๎องถ่ิน เกิดความรักท๎องถน่ิ และเกิดความร๎ูในการอนรุ ักษส์ ง่ิ ทีม่ คี ุณคําในท๎องถ่ิน 3. จงยกตัวอยาํ งแหลงํ เรยี นรู๎ท่เี ปน็ สถาบนั การศึกษาในชมุ ชนของนักเรียน ตอบ หอ๎ งสมุดโรงเรยี นรตั นบุรี ห๎องสมดุ ประชาชนอาเภอรัตนบุรี 4. จงยกตวั อยํางแหลํงเรยี นร๎ูที่เป็นบคุ คลหรือปราชญช์ าวบ๎านท่มี ีความร๎ดู ๎านตํางๆในชมุ ชนนักเรยี น ตอบ ปราชญ์ชาวบา๎ น ผใ๎ู หญบํ ๎าน หรอื กานัน (อยใํู นดุลยพินจิ ของครผู ส๎ู อน) 5. จงยกตวั อยาํ งแหลํงเรียนรู๎ในโรงเรยี นรตั นบุรี ตอบ หอ๎ งสมุดโรงเรยี น ห๎องสมุดกลํมุ สาระการเรียนรู๎ฯ ห๎องคอมพิวเตอร์ ศนู ยป์ รชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียง (อยูํในดุลยพนิ ิจของครผู ๎ูสอน)

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลาเรียน 1 ช่วั โมง หนว่ ยท่ี 1 เร่ือง ห้องสมุดเพ่ือการค้นคว้า เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรือ่ งมารยาทในการใชห้ ้องสมุด สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ. 2563 ผสู้ อน นายสขุ สวสั ด์ิ สาศิริ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หอ๎ งสมดุ เปน็ แหลงํ รวบรวมสรรพวทิ ยาการตํางๆ ในรปู แบบสงิ่ พิมพแ์ ละไมตํ ีพิมพ์เปน็ จานวนมาก ดังนั้น ผใู๎ ชบ๎ รกิ ารห๎องสมดุ และแหลงํ เรยี นรูต๎ อ๎ งปฏบิ ตั ติ ามระเบียบและมารยาทในการเขา๎ ใช๎ห๎องสมดุ จึงจะทาใหเ๎ ราเข๎าใช๎ ห๎องสมดุ ไดอ๎ ยํางถูกตอ๎ งและเกิดประสทิ ธภิ าพ ผลการเรียนรู้ 1. ดา๎ นความรู๎ (K) 1.1 นักเรยี นปฏบิ ตั ิตนได๎อยาํ งถกู ต๎องตามระเบียบและมารยาท คณุ ธรรมในการใช๎ห๎องสมดุ และแหลงํ การเรยี นร๎ูได๎อยํางมีประสทิ ธภิ าพ 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 บอกระเบยี บและมารยาทการใช๎ห๎องสมุดและแหลํงเรียนร๎ูได๎ 2.2 อธบิ ายวิธีการปฏิบตั ิตนในหอ๎ งสมดุ และแหลงํ การเรยี นรูไ๎ ด๎อยาํ งถกู ต๎อง 2.3 สามารถใชห๎ ๎องสมดุ และแหลงํ การเรยี นรอู๎ ยาํ งมมี ารยาทและมีคุณธรรม 2.4 นกั เรยี นมีทักษะการทางานกลุมํ 3. ด้านคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ (A) 3.1 นกั เรียนมคี วามรบั ผิดชอบ ซ่ือสตั ย์สจุ รติ มวี ินัย มํุงม่ันในการทางาน และมจี ติ สาธารณะ สาระการเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ (K) 1.1 เรือ่ ง ความหมายของระเบยี บและมารยาทในการใชห๎ ๎องสมดุ 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 2.1 ดา๎ นทักษะ ได๎แกํ ทกั ษะหอ๎ งสมุดและแหลํงการเรียนรภ๎ู ายในโรงเรยี นและแหลํงการเรยี นร๎ูอ่นื ได๎ 2.2 ด๎านกระบวนการ ไดแ๎ กํ กระบวนการกลํุม 3. ดา้ นคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ (A) 3.1 มวี นิ ยั

3.2 ใฝเ่ รยี นรู๎ 3.3 อยํูอยํางพอเพียง 3.4 มงุํ มั่นในการทางาน 3.5 มีจติ สาธารณะ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการใช๎ทกั ษะชวี ิต 4. ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี ภาระงาน/ช้ินงาน 1. การทาแบบทดสอบกํอนเรียนและหลังเรียน เรือ่ ง หอ๎ งสมุดและแหลงํ เรียนร๎ู 2. การทาแบบฝึกหดั ท่ี 1.1 – 1.3 (งานเด่ยี ว, งานกลํุม) 3. การนาเสนอผลงานกลุํม เรื่อง ห๎องสมุดและแหลงํ การเรยี นรู๎ 4. การทาบัตรคาถามท่ี 1 – 2 กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครแู จ๎งสาระการเรียนร๎ู ผลการเรียนร๎ู ช้ีแจงรายละเอียดเก่ียวกับกิจกรรมการเรียนการสอน โดย ใช๎ชุดแบบฝกึ ทกั ษะที่ 2 เร่ือง มารยาทในการใช๎ห๎องสมดุ 2. ครูสนทนาและซักถามนักเรียนในการเข๎าใช๎ห๎องสมุดและแหลํงการเรียนรู๎อื่นๆโดย คัดเลือก นักเรียน 2-3 คน ที่เข๎าใช๎ห๎องสมุดและแหลํงการเรียนรูอ๎ ื่นท่ีแตกตํางกันเลําประสบการณ์ การเข๎าใช๎ห๎องสมุดให๎ เพ่ือนๆ ฟัง ในประเด็นดังน้ี - นักเรียนควรปฏิบัติตนอยํางไรเวลาเข๎าใช๎ห๎องสมุด - ถ๎านักเรียนต๎องการยืมหนังสือจะต๎องปฏิบัติอยํางไร เพื่อทบทวนความรู๎ และเตรียมความพร๎อมในการเรียน และทากิจกรรมในเอกสารประกอบการ เรียน เลํมท่ี 2 เร่ือง มารยาทในการใช๎ห๎องสมุด ขน้ั สอน 1. นักเรียนและครูรํวมสนทนาเกี่ยวกับเร่ือง มารยาทในการใช๎ห๎องสมุด โดยซักถามนักเรียน เรื่องเก่ียวกับมารยาทในการใช๎ห๎องสมุดดังนี้ 1.1 นักเรียนปฏิบัติตนอยํางไรเวลาเข๎าใช๎ห๎องสมุด

1.2 นักเรียนควรปฏิบัติตามมารยาทในการใช๎ห๎องสมุดและแหลํงการเรียนร๎ูที่กาหนดไว๎เพราะ อะไร 2. ให๎นักเรียนยกตัวอยํางระเบียบและมารยาทในการใช๎ห๎องสมุด เชํน นักเรียนยืมหนังสือได๎กี่เลํม นักเรียนเข๎าห๎องสมุดนักเรียนนานา้ มาดื่มได๎หรือไมํ เป็นต๎น 3. ครูให๎นักเรียนตอบคาถามลงสมุดของตนเอง 4. ครูแจกใบความรู๎ที่ 2 เรื่อง มารยาทและการใชห๎ ๎องสมดุ ให๎นักเรียน คนละ 1 ชุด 5. ให๎นักเรียนชํวยกนั อภิปรายและสรุปเกย่ี วกบั มารยาทและการใช๎ห๎องสมดุ คือ เวลาเขา๎ ห๎องสมดุ ไมสํ ํงเสยี งดังรบกวนผอู๎ ืน่ ไมนํ ากระเปา๋ หนังสืออน่ื เข๎าห๎องสมุดกํอนได๎ รบั อนญุ าต เพ่ือไมํสร๎างความเดือดร๎อนให๎แกํเจ๎าหน๎าที่และผ๎ูเข๎าใช๎ห๎องสมุด การปฏิบัติตน ตาม ระเบียบมารยาท ชํวยให๎เกิดความเรียบร๎อยสวยงามเป็นการรักษาผลประโยชน์ของสํวนรวม พร๎อมให๎นักเรียนดู ภาพเก่ียวกับการใช๎ห๎องสมุดและแหลํงการเรียนร๎ูอ่ืน ขน้ั สรปุ 1. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง ห๎องสมุดและแหลํงเรียนร๎ู ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบ เลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 10 ข๎อ เวลา 15 นาที 2. ครูและนักเรียนรวํ มกันสรุปความรู๎ตามใบความรู๎ เรอ่ื ง มารยาทในการใชห๎ อ๎ งสมุดพร๎อมท้งั ให๎ คาแนะนา และอธิบายเพ่ิมเติมกรณีทนี่ ักเรยี นไมํเขา๎ ใจบทเรยี น โดยรวํ มกนั เขียนเปน็ ผงั ความคิดหรือผังมโนทศั น์ 3. ครูบอกเนื้อหาท่ีจะเรยี นในชว่ั โมงตอํ ไปเพื่อใหน๎ ักเรยี นมีความพร๎อมในการเรยี นร๎ูและเตรยี มตัวให๎ พร๎อม สอื่ การเรยี นรู้และแหล่งการเรยี นรู้ 1. สอ่ื การเรียนร๎ู 1.1 ใบความรู๎ ที่ ประกอบแบบฝึกทักษะ เรือ่ ง ห๎องสมุดและแหลํงเรียนรู๎ 2.1 แบบฝึกทักษะ ท่ี 1 -3 2.3 แบบฝกึ ทักษะกิจกรรมกลุํมชดุ ท่ี 1 เรือ่ ง 2.4 บตั รเฉลยกจิ กรรม 2.5 แบบทดสอบประจาชุดการเรยี นการสอน เรอ่ื ง ห๎องสมุดและแหลงํ เรียนร๎ู 2. แหลงํ การเรยี นร๎ู 2.1 หอ๎ งสมดุ โรงเรยี น 2.2 อนิ เทอร์เน็ต

การวัดและประเมนิ ผล รายการประเมิน วิธีประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การตดั สิน 1. ด๎านความรู๎ (K) 1.1 นกั เรยี นมีความร๎คู วาม 1.ตรวจแบบทดสอบ 1. แบบทดสอบระหวาํ ง - ตอบคาถามถูกมากกวาํ เข๎าใจเกยี่ วกับเรื่องห๎องสมดุ ระหวาํ งเรยี น เรียน 8 ข๎อข้ึนไป และแหลํงการเรียนรู๎ (ผํานเกณฑ์ ร๎อยละ 80 ) 1.2 นักเรยี นสามารถใช๎ เหตุผลอธบิ ายความหมาย ความสาคัญของห๎องสมดุ และ แหลํงเรียนรไ๎ู ด๎ 1.3 นกั เรยี นสามารถจาแนก ประเภทของหอ๎ งสมดุ และ แหลํงเรยี นรไู๎ ด๎ 2. ดา๎ นทักษะ/กระบวนการ 2.1 บอกประเภทของห๎องสมุด - แบบฝึกทักษะที่ - แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.1 - ผาํ นเกณฑร์ อ๎ ยละ 80 และแหลงํ การเรียนร๎ูภายใน 1.1 โรงเรยี นและแหลํงการเรยี นร๎ู อืน่ ได๎ 2.2 บอกวัตถุประสงค์ และ - แบบฝึกทักษะที่ - แบบฝกึ ทักษะท่ี 1.2 - ผาํ นเกณฑ์รอ๎ ยละ 80 ประโยชนข์ องห๎องสมุดและ 1.2 แหลํงการเรียนร๎ภู ายใน โรงเรยี น 2.3 อธบิ ายความหมายของ - แบบฝกึ ทักษะที่ - แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.3 - ผาํ นเกณฑ์รอ๎ ยละ 80 แหลํงสารสนเทศและเลือกใช๎ 1.3 แหลงํ เรียนรไู๎ ดอ๎ ยํางถูกต๎อง 2.4 นกั เรยี นมีทกั ษะการ - ตรวจแบบฝกึ - แบบฝึกทักษะ ที่ 1.4 - ผาํ นเกณฑ์ร๎อยละ 80 ทางานกลุํม ทกั ษะ ท่ี 1.4 - สงั เกตทักษะการ - แบบสงั เกตทกั ษะการ - ผํานเกณฑร์ ๎อยละ 80 ทางานกลุํม ทางานกลุํม

รายการประเมิน วธิ ปี ระเมนิ เครื่องมือ เกณฑ์การตัดสนิ - ผาํ นเกณฑ์รอ๎ ยละ 80 3. ด๎านคณุ ลกั ษณะท่ีพึง - ประเมนิ - แบบประเมิน ประสงค(์ A) ด๎านคุณลักษณะ คณุ ลักษณะ ทีพ่ ึงประสงค์ ที่พึงประสงค์ 3.1 นกั เรียนมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู๎ อยํอู ยาํ งพอเพยี ง มงุํ มัน่ ในการทางาน มีจติ สาธารณะ กจิ กรรมเสนอแนะ ใหน๎ กั เรยี นศึกษาเนื้อหาเพิม่ เตมิ จากห๎องสมดุ โรงเรียน สื่อแหลํงเรยี นร๎อู ื่น เพ่ือเพิ่มเตมิ ความร๎ู ความคิดเห็นและข๎อเสนอแนะของผบ๎ู รหิ าร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................................. (นายยรรยง วงค์คาจนั ทร์) ตาแหนง่ ผอู๎ านวยการโรงเรยี นรัตนบรุ ี

บนั ทึกผลหลังสอน 1. ผลการจดั การเรียนร๎ู 1.1 ดา๎ นความรู๎ (K) .................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................. 1.2 ด๎านทกั ษะ/กระบวนการ (P) ............................................................................................................................. ....... ................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. .................................. .............................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. .................................. 1.3 ด๎านคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ (A) .................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. 2 ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................... .................................................... 3. ข๎อเสนอแนะ/แนวทางแก๎ไข ............................................................................................................................. .................... ......................................................................................................................................................... ...... ลงช่ือ..............................................................ผส๎ู อน (นายสขุ สวสั ดิ์ สาศิริ) ตาแหนงํ พนักงานราชการ วันท่ี .......... เดอื น.............................. พ.ศ. .............

แบบบันทึกคะแนนแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง หอ๎ งสมดุ และแหลํงเรียนร๎ู วชิ าการศกึ ษาค๎นควา๎ เบื้องตน๎ รหัสวชิ า ง20207 กลุํมสาระการเรียนร๎ูการงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ............................................................................................................................. .............................. คาช้แี จง : ให๎ครปู ระจาช้ัน สังเกตการใชท๎ ักษะในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยเขยี นระดบั คะแนนลงในตารางท่ีตรงกบั ความสามารถของนักเรยี น ลาดับที่ ช่ือ – นามสกุล คะแนน ร้อยละ ระดับ สรุปผล (10 คะแนน) คุณภาพ ผา่ น ไม่ผ่าน รวม เฉลยี่ ร้อยละ

หมายเหตุ ผํานเกณฑก์ ารประเมินร๎อยละ 80 (ตอ๎ งไดค๎ ะแนน 8 คะแนนขน้ึ ไป) 1. เกณฑ์การใหค๎ ะแนน รายการ ระดับคะแนน ตอบคาถามไดถ๎ ูกต๎อง 1 ตอบคาถามไมํถูกต๎อง หรอื ไมํตอบ 0 2. เกณฑ์การตัดสินคะแนน ระดับคุณภาพ การแปลคะแนน ระดับคะแนน ดี 3 8 - 10 2 5-7 พอใช๎ 1 0 –4 ปรับปรงุ 3. สรปุ ผลคะแนน จานวน ............. คน  ผํานเกณฑก์ ารประเมิน จานวน ............. คน  ไมผํ าํ นเกณฑ์การประเมิน ลงชื่อ..............................................................ผ๎ูสอน (นายสุขสวัสดิ์ สาศริ ิ) ตาแหนงํ พนักงานราชการ วันที.่ ..........เดอื น...........................พ.ศ.............

แบบบันทกึ คะแนนแบบฝึกหัด เรอื่ ง ห๎องสมดุ และแหลํงเรยี นร๎ู วิชาการศกึ ษาค๎นคว๎าเบือ้ งต๎น รหสั วิชา ง20207 กลมุํ สาระการเรียนรู๎การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ...................................................................................................................................................... .. คาชแี้ จง : ให๎ครูประจาชั้น สงั เกตการใชท๎ ักษะในขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยเขียนระดับคะแนนลงในตารางท่ีตรงกบั ความสามารถของนกั เรียน ลาดบั ที่ ช่ือ – นามสกลุ คะแนน รอ้ ยละ สรปุ ผล (10 คะแนน) ผา่ น ไม่ผา่ น เฉลี่ย รอ้ ยละ หมายเหตุ : ผํานเกณฑก์ ารประเมนิ ร๎อยละ 80 (ต๎องได๎คะแนน 8 คะแนนขน้ึ ไป)

1. เกณฑ์การประเมนิ รายการ ระดบั คะแนน ตอบคาถามเกย่ี วกบั ห๎องสมดุ และแหลํงเรยี นรูไ๎ ด๎ถกู ต๎อง ครอบคลมุ และชดั เจน 2 ตอบคาถามเก่ียวกับห๎องสมุดและแหลํงเรียนร๎ไู ด๎ แตไํ มํครอบคลมุ และไมชํ ดั เจน 1 ตอบคาถามเกยี่ วกับห๎องสมุดและแหลํงเรยี นร๎ู ไมถํ กู ตอ๎ งหรอื ไมํตอบเลย 0 2. ระดบั คุณภาพ ดี ( 8 - 10 คะแนน )  ระดบั คณุ ภาพ 3 พอใช๎ ( 7 - 5 คะแนน )  ระดับคุณภาพ 2 ปรบั ปรุง ( 0 - 4 คะแนน )  ระดบั คณุ ภาพ 1 3. . ผลการประเมิน 3.1 ผํานเกณฑก์ ารประเมิน จานวน.................................คน 3.2 ไมผํ าํ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน.................................คน ลงชอื่ ..............................................................ผู๎สอน (นายสขุ สวัสด์ิ สาศริ ิ) ตาแหนงํ พนักงานราชการ วนั ที.่ ..........เดอื น...........................พ.ศ.............

แบบบนั ทึกคะแนนแบบฝึกหดั ท่ี 1.2 เรื่อง ห๎องสมดุ และแหลงํ เรยี นร๎ู วชิ าการศึกษาคน๎ ควา๎ เบือ้ งตน๎ รหัสวชิ า ง20207 กลมํุ สาระการเรียนรู๎การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ............................................................................................................................. ........................... คาชีแ้ จง : ให๎ครูประจาช้นั สงั เกตการใชท๎ ักษะในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยเขียนระดับคะแนนลงในตารางท่ีตรงกบั ความสามารถของนักเรยี น ลาดับที่ ชอื่ – นามสกุล คะแนน ร้อยละ สรุปผล (10 คะแนน) ผา่ น ไม่ผา่ น หมายเหตุ : ผํานเกณฑ์การประเมินร๎อยละ 80 (ต๎องได๎คะแนน 8 คะแนนข้ึนไป)

1. เกณฑ์การประเมิน รายการ ระดบั คะแนน ตอบคาถามถูกต๎อง ครอบคลุม 1 ตอบคาถามไมถํ ูกต๎อง 0 2. ระดับคุณภาพ ดี ( 8 - 10 คะแนน )  ระดับคณุ ภาพ 3 พอใช๎ ( 7 - 5 คะแนน )  ระดับคุณภาพ 2 ปรับปรงุ ( 0 - 4 คะแนน )  ระดบั คณุ ภาพ 1 3. . ผลการประเมิน 3.1 ผาํ นเกณฑ์การประเมิน จานวน.................................คน 3.2 ไมํผํานเกณฑก์ ารประเมิน จานวน.................................คน ลงชอ่ื ..............................................................ผส๎ู อน (นายสขุ สวัสดิ์ สาศิริ) ตาแหนํง พนักงานราชการ วันท่.ี ..........เดือน...........................พ.ศ.............

แบบบันทกึ คะแนนแบบฝึกหัดท่ี 1.3 เรื่อง ห๎องสมุดและแหลํงเรียนรู๎ วชิ าการศกึ ษาค๎นควา๎ เบ้ืองต๎น รหัสวชิ า ง20207 กลุํมสาระการเรยี นรู๎การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ............................................................................................................................. ........................... คาชแ้ี จง : ใหค๎ รปู ระจาชนั้ สงั เกตการใชท๎ ักษะในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยเขียนระดับคะแนนลงในตารางท่ีตรงกับ ความสามารถของนักเรียน ลาดับท่ี ชอื่ – นามสกลุ คะแนน ร้อยละ สรุปผล (10 คะแนน) ผา่ น ไม่ผ่าน

หมายเหตุ : ผาํ นเกณฑก์ ารประเมินรอ๎ ยละ 80 (ต๎องไดค๎ ะแนน 8 คะแนนขึ้นไป) 1. เกณฑ์การประเมิน รายการ ระดบั คะแนน ตอบคาถามแหลงํ สารสนเทศได๎ถูกต๎อง ครอบคลมุ และชดั เจน 2 ตอบคาถามแหลํงสารสนเทศได๎ แตไํ มคํ รอบคลุมและไมชํ ัดเจน 1 ตอบคาถามแหลํงสารสนเทศไมถํ ูกต๎อง หรอื ไมํตอบเลย 0 2. ระดบั คุณภาพ ดี ( 8 - 10 คะแนน )  ระดับคุณภาพ 3 พอใช๎ ( 7 - 5 คะแนน )  ระดบั คณุ ภาพ 2 ปรับปรุง ( 0 - 4 คะแนน )  ระดบั คุณภาพ 1 3. . ผลการประเมนิ 3.1 ผํานเกณฑ์การประเมนิ จานวน.................................คน 3.2 ไมํผํานเกณฑ์การประเมิน จานวน.................................คน ลงชือ่ ..............................................................ผสู๎ อน (นายสขุ สวัสด์ิ สาศิริ) ตาแหนงํ พนักงานราชการ วนั ที่...........เดือน...........................พ.ศ.............

แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เร่ือง หอ๎ งสมดุ และแหลงํ เรียนรู๎ วิชาการศึกษาค๎นคว๎าเบอ้ื งตน๎ รหัสวชิ า ง20207 กลํมุ สาระการเรยี นรู๎การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ............................................................................................................................. ........................... คาช้แี จง : ใหค๎ รปู ระจาชน้ั สังเกตการใชท๎ ักษะในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยเขยี นระดบั คะแนนลงในตารางที่ตรงกบั ความสามารถของนกั เรียน รายการประเมนิ /คะแนน สรุปผล ลาดบั ที่ ชอ่ื – นามสกุล มีความ ัรบผิดชอบ ีมความ ื่ซอสัต ์ยสุจริต มุํง ั่มนในการทางาน มีระเ ีบยบวินัย ตรงตํอเวลา รวมคะแนน ร๎อยละ ํผาน ไมํผําน (4) (4) (4) (4) (4) 20

รายการประเมิน/คะแนน สรุปผล ลาดับท่ี ชอ่ื – นามสกุล ีมความรับผิดชอบ ีมความซื่อสัต ์ยสุจริต มุํง ั่มนในการทางาน มีระเ ีบยบวินัย ตรง ํตอเวลา รวมคะแนน ร๎อยละ ผําน ไมํผําน (4) (4) (4) (4) (4) 20 หมายเหตุ ผาํ นเกณฑ์การประเมนิ ร๎อยละ 80 (ต๎องได๎คะแนน 16 คะแนนข้นึ ไป) 1. เกณฑก์ ารแบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ รายการ คะแนน ประเมิน 4 3 2 10 1. มคี วาม มคี วามรบั ผดิ ชอบ มคี วามรับผดิ ชอบ มคี วาม มีความ ไมมํ ีความ รับผดิ ชอบ ทางานตามหนา๎ ทที่ ี่ ทางานตามหน๎าทที่ ่ี รับผดิ ชอบ รบั ผิดชอบ รบั ผิดชอบ ไดร๎ บั มอบหมาย ได๎รับมอบหมาย ทางานทไี่ ด๎รบั ในงานที่ไดร๎ บั งานทไ่ี ดร๎ ับ อยํางครบถว๎ นเต็ม ครบถ๎วน เมอ่ื มี มอบหมายไมํ มอบหมายไมํ มอบหมาย ความสามารถ เมื่อมี ปญั หาพยายาม ครบถ๎วน เม่อื มี ครบถ๎วน ปัญหาพยายามแกไ๎ ข แกไ๎ ขปัญหาในการ ปญั หาสามารถ เมอ่ื มปี ัญหา ปญั หาในการทางาน ทางานด๎วยตนเอง แก๎ไขปัญหาใน ไมํสามารถ ดว๎ ยตนเองทุกคร้ัง เปน็ บางคร้ัง การทางานด๎วย แก๎ปัญหาใน ตนเองในบางครงั้ การทางาน ดว๎ ยตนเอง 2. มีความ มคี วามซ่อื สัตย์ มคี วามซ่อื สตั ย์ มคี วามซ่อื สัตย์ คัดลอกงาน คดั ลอก ซ่อื สตั ย์สจุ ริต สจุ รติ ไมลํ อกงาน สุจรติ ไมํลอกงาน สจุ รติ คดั ลอก ของผ๎ูอนื่ ใน งานผ๎อู ่นื ของผู๎อืน่ ไมทํ จุ รติ ของผอู๎ ่นื ไมทํ ุจรติ งานของผูอ๎ ืน่ ใน บางครงั้ และทจุ ริต ในการทา ทุจริตในการ ในการ แบบทดสอบ ในการทา บางครง้ั ไมํ ทา สอบทกุ เป็นแบบอยาํ งได๎ดี แบบทดสอบ คร้งั เย่ียม แบบทดสอบ ทจุ รติ ในการทา บางคร้งั แบบทดสอบ

รายการ คะแนน ประเมิน 4 3 2 10 3. มงุํ มั่นใน มีความตงั้ ใจ สนใจ มีความตง้ั ใจ มีความต้ังใจ มีความต้งั ใจ ไมํมีความ การทางาน มงํุ มั่น และ สนใจ มุํงม่นั และ สนใจ มํงุ มน่ั สนใจ มํุงมั่น ต้ังใจ ไมํ กระตือรอื ร๎นตํอการ กระตือรือรน๎ ตอํ และกระตือรอื ร๎น และ สนใจและ ทางานอยํางดีเยีย่ ม การทางานอยาํ งดี ตอํ การทางาน กระตอื รอื ร๎น ไมมํ ุงํ มั่น พอใช๎ ตอํ การ ทางาน ทางานน๎อย มาก 4. มีระเบยี บ ทางานอยาํ งมี ทางานอยํางมี ทางานอยาํ งมี ทางานอยาํ ง ทางานไมํมี วนิ ยั ระเบยี บเรยี บรอ๎ ยทกุ ระเบยี บเรยี บรอ๎ ย ระเบยี บ มรี ะเบียบ ระเบียบ คร้งั มีวนิ ยั เคารพ บางครง้ั มีวนิ ัย เรียบร๎อยบางครง้ั เรยี บร๎อย ไมเํ รียบรอ๎ ย กฎการปฏบิ ตั ิตน เคารพกฎการ มีวนิ ัยเคารพกฎ บางคร้งั ไมํมี ไมํมวี นิ ัย ในห๎องเรยี นและ ปฏิบัติตน การปฏิบตั ติ น วินัยเคารพ ไมํเคารพ ขณะทีเ่ รียนอยาํ ง ในห๎องเรียนและ ในห๎องเรียนและ กฎการปฏิบตั ิ กฎการ เครํงครัดสมา่ เสมอ ขณะทีเ่ รียนอยําง ขณะท่ีเรยี นใน ตน ปฏิบัตติ น เครงํ ครัด บางคร้งั ในห๎องเรยี น ใน และขณะที่ หอ๎ งเรียน เรียน และขณะท่ี เรียน 5 ตรงตอํ ทางานเสรจ็ ทนั เวลา ทางานเสรจ็ ชา๎ กวาํ ทางานเสร็จชา๎ ทางานเสรจ็ ทางานไมํ เวลา เวลาท่กี าหนดไมํ กวําเวลาท่ี ชา๎ กวาํ เวลาที่ เสรจ็ ไมํสงํ เกิน 5 นาที กาหนดไมํเกนิ กาหนดเกนิ งาน 10 นาที 10 นาที 2. เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คะแนน ระดับคุณภาพ การแปลคะแนน 16 - 20 ดี 3 10 - 15 พอใช๎ 2 0 - 9 ปรับปรงุ 1

3. สรปุ ผลคะแนน จานวน ............. คน  ผาํ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน ............. คน  ไมผํ ํานเกณฑ์การประเมิน ลงช่ือ..............................................................ผ๎สู อน (นายสุขสวสั ด์ิ สาศริ ิ) ตาแหนํง พนักงานราชการ

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 รายวิชา การศึกษาคน๎ ควา๎ เบื้องตน๎ รหัสวิชา ง20207 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 สาระเพิม่ เติม หนํวย ทรพั ยากรสารสนเทศ เร่อื ง ทรพั ยากรสารสนเทศ สอนโดย นายสขุ สวัสด์ิ สาศริ ิ จานวน 3 ชว่ั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 สอนวนั ที่ ……. เดอื น............................... พ.ศ. 2563 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรูค๎ วามเข๎าใจเก่ยี วกับลักษณะของทรัพยากรสารสนเทศแตลํ ะประเภทและสามารถนาไปใช๎ ประโยชนเ์ พอ่ื การเรียนรไ๎ู ด๎ 2. สาระสาคัญ ทรพั ยากรสารสนเทศมีความสาคัญตํอการดาเนินชีวติ ของมนุษย์ ซงึ่ ห๎องสมดุ พยายามจัดหาให๎ตรงกบั ความตอ๎ งการของผใู๎ ชบ๎ ริการ เพอื่ ใหผ๎ ๎ูใช๎บริการได๎ข๎อมลู ข๎อเทจ็ จริงทีเ่ ปน็ ประโยชน์และเป็นปจั จบุ ัน ซึ่งห๎องสมุดแตํ ละแหํงต๎องจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศแตลํ ะประเภทไวอ๎ ยํางเป็นระบบ 3. ผลการเรียนรู/้ ตัวชี้วัด 1. มคี วามร๎ูความเข๎าใจเกี่ยวกบั ลกั ษณะของวสั ดุสารนเิ ทศแตํละประเภทและสามารถนาไปใช๎ประโยชน์เพ่ือ การเรยี นรไู๎ ด๎ 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 นักเรียนมีความรู๎ความเข๎าใจเกีย่ วกับทรัพยากรสารสนเทศในห๎องสมุด 2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของทรัพยากรสารสนเทศได๎ 2.2 แยกประเภทของทรัพยากรสารสนเทศของห๎องสมดุ ได๎ 2.3 อธิบายลกั ษณะของทรพั ยากรสารสนเทศได๎ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) 3.1 นกั เรยี นมีความรับผิดชอบ ซอื่ สตั ย์สจุ รติ มํงุ มน่ั ในการทางาน มีระเบยี บวนิ ยั และตรงตํอเวลา 5. สมรรถนะทสี่ าคญั 5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก๎ปัญหา

5.4 ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ (เน้ือหา) 1. ทรัพยากรสารสนเทศ ประเภทวัสดุตพี มิ พ์ 2. ทรัพยากรสารสนเทศ ประเภทวัสดไุ มตํ ีพิมพ์ 3. ทรัพยากรสารสนเทศ ประเภท ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ 7. ความสัมพันธก์ บั กล่มุ สาระการเรียนรูอ้ ่นื /การบูรณาการ บรู ณาการกับกลมํุ สาระการเรียนร๎ูภาษาไทย เพราะนักเรียนได๎ใช๎แหลงํ เรยี นร๎ใู นการศกึ ษาค๎นควา๎ เพมิ่ เติม 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 1. ครใู ห๎นกั เรียนทาแบบทดสอบกํอนเรยี น หนํวยการเรยี นรูท๎ ี่ 3 เรื่อง ทรัพยากรสารสนเทศ เพื่อ เป็นการทดสอบความร๎นู ักเรียนกํอนเรยี น 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นถึงหอ๎ งสมุดทรัพยากรสารสนเทศห๎องสมุดมีอะไรบ๎าง ขัน้ สอน 1. ครูใหน๎ ักเรียนดูของจริงเกยี่ วกับวัสดุตีพิมพ์ เชนํ หนังสอื พิมพ์หนงั สือ,วารสาร , จลุ สารกฤตภาค ซ่ึงวางรวมกนั ไว๎ประเภทละ 5 ตวั อยําง 2. ให๎นักเรียน 1-2 คน ออกมาจดั แยกใหเ๎ ป็นแตลํ ะประเภท โดยวางตามป้ายชอ่ื ประเภทวสั ดตุ ีพิมพ์ที่ ครเู ขยี นไว๎ แลว๎ ให๎นักเรียนท่ีเหลอื ชํวยกนั พจิ ารณาดเู พ่ือนๆ จัดแยกถูกหรือผิด ครเู ป็นผ๎ูเฉลยคาตอบท่ีถูกต๎อง 3. ให๎นักเรียนศกึ ษาใบความรท๎ู ่ี 3 เรื่อง ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวสั ดุตีพิมพ์ ครอู ธบิ ายเพิม่ เติม พร๎อมท้ังยกตวั อยาํ งประกอบ ให๎นกั เรยี นได๎ซกั ถามแล๎วทาใบงานท่ี 5 โดยมีครูคอยให๎คาแนะนา นกั เรียนท่ีทาใบงาน เสร็จแล๎ว ให๎เขา๎ ไปชมมุมตาํ งๆในห๎องสมดุ เชนํ มมุ วารสาร เชํนมุมยืม-คืน มุมหนงั สือพิมพ์ มมุ หนังสอื อ๎างองิ ข้ันสรุป 1. ครแู ละนักเรียนรํวมกนั สรปุ เด่ียวกบั ทรัพยากรสารสนเทศ โดยรวํ มกันเขียนเป็นแผนผังความคดิ หรอื ผังมโนทัศน์ 2. ครใู หน๎ กั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี นเรื่องทรัพยากรสารสนเทศ

9. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้/เทคนคิ จานวน สภาพการใชส้ ่อื ประเภทส่ือ รายการ 1 ชุด สอ่ื ทีใ่ ชช๎ ํวยให๎นกั เรยี นมี 1. วสั ดุ - แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ความเข๎าใจในบทเรียนดี กํอนเรยี น เรื่องหอ๎ งสมุดและแหลงํ เรยี นร๎ู 1 ชุด ขึ้นดขี ้นึ - ใบงาน เร่อื งหอ๎ งสมุดและแหลํงรียนรู๎ 2. เทคนิค - กระบวนการกลมํุ นักเรยี นมที ักษะการ ทางานรวํ มกนั 3. แหลํงเรียนรู๎ - หอ๎ งสมุด 2 รายการ นักเรยี นได๎ศกึ ษาค๎นคว๎า - อนิ เทอรเ์ นต็ จากสื่อตํางๆ 10. การวดั และประเมินผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารผา่ น 1. ด้านความรู้ (K) - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกํอน - ตอบคาถามถูก 1.1 นกั เรียนมคี วามรูค๎ วามเขา๎ ใจ กํอนเรยี นหลังเรียน เรยี นและหลังเรยี น มากกวาํ 8 ข๎อขน้ึ เกย่ี วกบั ทรัพยากรสารสนเทศใน - ตอบคาถาม ไป (ผํานเกณฑ์ร๎อย หอ๎ งสมุด ละ 80) 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 นักเรียนสามารถบอก - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ - แบบฝกึ หัดท่ี 3.1 - ผาํ นเกณฑ์ร๎อยละ 80 ความหมายของทรัพยากรสารสนเทศ 3.1 ได๎ 2.2 แยกประเภทของทรัพยากร สารสนเทศของหอ๎ งสมดุ ได๎ 2.3 อธบิ ายลกั ษณะของทรพั ยากร สารสนเทศได๎ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารผา่ น 1. ด้านความรู้ (K) - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกํอน - ตอบคาถามถูก 1.1 นกั เรียนมคี วามร๎คู วามเขา๎ ใจ กํอนเรยี นหลังเรยี น เรียนและหลังเรียน มากกวํา 8 ข๎อขึ้น เกี่ยวกับทรัพยากรสารสนเทศใน - ตอบคาถาม ไป (ผาํ นเกณฑร์ ๎อย หอ๎ งสมุด ละ 80) 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 นักเรียนสามารถบอก - ตรวจแบบฝกึ หดั ท่ี - แบบฝกึ หดั ท่ี 3.1 - ผาํ นเกณฑร์ อ๎ ยละ 80 ความหมายของทรัพยากรสารสนเทศ 3.1 ได๎ 2.2 แยกประเภทของทรัพยากร สารสนเทศของห๎องสมดุ ได๎ 2.3 อธบิ ายลักษณะของทรัพยากร สารสนเทศได๎ (A) - ประเมนิ คณุ ลักษณะ - แบบประเมิน - ผาํ นเกณฑร์ ๎อยละ 3.1 นักเรยี นมคี วามรบั ผิดชอบ 80 อันพึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ซ่ือสตั ย์สุจรติ มํุงมน่ั ในการทางาน มรี ะเบยี บวินัย และตรงตํอเวลา ประสงค์ 11. กจิ กรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………

12. ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เห็นของจากหวั หนา้ สถานศกึ ษา .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ................................................................................. ......................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ลงชอ่ื ........................................... (…………………………..) ผูอ๎ านวยการโรงเรยี นรตั นบุรี ......../ .........../ ..............

13 บนั ทกึ ผลหลังสอน 1. ด๎านความร๎ู ..........................................................…....................................................... ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. .................................................................................................................................................... ...... 2. ดา๎ นทกั ษะ/สมรรถนะผ๎เู รยี น......................................................................................... ................................................................................................................................ .......................... ........................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... 3. ด๎านคุณลักษณะอันพึงประสงค์..………............................................................................ .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... 4. ปญั หาและอปุ สรรค....................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ..................................................................................................................................... ..................... 5. ข๎อเสนอแนะและแนวทางแก๎ไข...................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. .............................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................. ลงชอ่ื ................................................ผ๎ูสอน (นายสขุ สวสั ดิ์ สาศริ ิ) ตาแหนํง พนักงานราชการ ......../ .........../ ..............

แบบบนั ทึกคะแนนแบบทดสอบกอ่ นเรียน เรือ่ ง หอ๎ งสมดุ และแหลงํ เรียนรู๎ วชิ าการศึกษาคน๎ ควา๎ เบื้องตน๎ รหัสวชิ า ง20207 กลุํมสาระการเรยี นรู๎การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ............................................................................................................................. .............................. คาช้ีแจง : ให๎ครูประจาชัน้ สังเกตการใชท๎ ักษะในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยเขียนระดบั คะแนนลงในตารางทตี่ รงกบั ความสามารถของนักเรียน ลาดบั ที่ ช่ือ – นามสกลุ คะแนน รอ้ ยละ ระดับ สรุปผล (10 คะแนน) คุณภาพ ผา่ น ไมผ่ ่าน รวม เฉลย่ี ร้อยละ หมายเหตุ ผาํ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร๎อยละ 80 (ต๎องไดค๎ ะแนน 8 คะแนนข้ึนไป)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook