Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

222

Published by yaowaman, 2018-11-10 01:39:26

Description: 222

Search

Read the Text Version

เศรษฐกิจพอเพยี งผลจากการใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสู่ความทนั สมยั ไดก้ ่อใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ งมากในทุกดา้ น ไม่วา่ จะเป็นดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม อีกท้งั กระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความสลบั ซบั ซอ้ นจนยากที่จะอธิบายใน เชิงสาเหตุและผลลพั ธ์ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงท้งั หมดตา่ งเป็นปัจจยั เชื่อมโยงซ่ึงกนั และกนัสาหรับผลของการพฒั นาในดา้ นบวกน้นั ไดแ้ ก่ การเพมิ่ ข้ึนของอตั ราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคต่างๆระบบส่ือสารท่ีทนั สมยั หรือการขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอยา่ งทวั่ ถึงมากข้ึน แต่ผลดา้ นบวกเหล่าน้ีส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสในสงั คมนอ้ ยแตว่ า่ กระบวนการเปล่ียนแปลงของสงั คมไดเ้ กิดผลลบติดตามมาดว้ ย เช่น การขยายตวั ของรัฐเขา้ ไปในชนบท ไดส้ ่งผลใหช้ นบทเกิดความออ่ นแอในหลายดา้ น ท้งั การตอ้ งพ่ึงพิงตลาดและพอ่ คา้ คนกลางในการสง่ั สินคา้ ทนุ ความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พนั ธแ์ บบเครือญาติ และการรวมกลุ่มกนั ตามประเพณีเพือ่ การจดั การทรัพยากรท่ีเคยมีอยแู่ ตเ่ ดิมแตก สลายลง ภมู ิความรู้ที่เคยใช้แกป้ ัญหาและสง่ั สมปรับเปล่ียนกนั มาถูกลืมเลือนและเร่ิม สูญหายไปส่ิงสาคญั กค็ ือ ความพอเพยี งในการดารงชีวติ ซ่ึงเป็นเงื่อนไขพ้ืนฐานท่ีทาให้คนไทยสามารถพ่ึงตนเอง และดาเนินชีวติ ไปไดอ้ ยา่ งมีศกั ด์ิศรีภายใตอ้ านาจและความมีอิสระในการกาหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจดั การเพ่ือให้ตนเองไดร้ ับการสนองตอบตอ่ ความตอ้ ง การต่างๆ รวมท้งั ความสามารถในการจดั การปัญหาต่างๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่ึงท้งั หมดน้ีถือวา่ เป็นศกั ยภาพพ้ืนฐานท่ีคนไทยและสงั คมไทยเคยมีอยแู่ ต่ เดิม ตอ้ งถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวกิ ฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และปัญหาความอ่อนแอของชนบท รวมท้งั ปัญหาอ่ืนๆท่ีเกิดข้ึน ลว้ นแต่เป็นขอ้ พิสูจนแ์ ละยนื ยนั ปรากฎการณ์น้ีไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

พระราชดาริว่าด้วยเศรษฐกจิ พอเพยี ง“...การพฒั นาประเทศจาเป็ นตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ งสร้างพ้นื ฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใชข้ องประชาชนส่วนใหญ่เบ้ืองตน้ ก่อน โดยใช้วธิ ีการและอุปกรณ์ท่ีประหยดั แต่ถูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ เมื่อไดพ้ ้นื ฐานความมนั่ คงพร้อมพอสมควร และปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจข้นั ท่ีสูงข้ึนโดยลาดบั ตอ่ ไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗)“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวพระราชดาริในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ที่พระราชทานมานานกวา่ ๓๐ ปี เป็ นแนวคดิ ที่ต้งั อย่บู นรากฐานของวฒั นธรรมไทย เป็นแนวทางการพฒั นาท่ีต้งั บนพ้นื ฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภมู ิคุม้ กนั ในตวั เอง ตลอดจนใชค้ วามรู้และคุณธรรม เป็นพ้ืนฐานในการดารงชีวิต ท่ีสาคญั จะตอ้ งมี “สติ ปัญญา และความเพยี ร” ซ่ึงจะนาไปสู่ “ความสุข” ในการดาเนินชีวติ อยา่ งแทจ้ ริง“...คนอ่ืนจะวา่ อยา่ งไรกช็ ่างเขา จะวา่ เมืองไทยลา้ สมยั วา่ เมืองไทยเชย วา่ เมืองไทยไม่มีส่ิงท่ีสมยั ใหม่ แต่เราอย่พู อมพี อ กนิ และขอใหท้ กุ คนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทย พออยพู่ อกิน มีความสงบ และทางานต้งั จิตอธิษฐานต้งั ปณิธาน ในทางน้ีท่ีจะใหเ้ มืองไทยอยแู่ บบพออยพู่ อกินไมใ่ ช่วา่ จะรุ่งเรืองอยา่ งยอด แตว่ า่ มีความพออยพู่ อกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกบั ประเทศอื่นๆ ถา้ เรารักษาความพออยพู่ อกินน้ีได้ เรากจ็ ะยอดยง่ิ ยวดได.้ ..” (๔ ธนั วาคม ๒๕๑๗)พระบรมราโชวาทน้ี ทรงเห็นวา่ แนวทางการพฒั นาที่เนน้ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลกั แต่ เพียงอยา่ งเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้นการมีพอกนิ พอใช้ของ ประชาชนส่วนใหญ่ในเบือ้ งต้นก่อน เมื่อมีพ้นื ฐานความมนั่ คงพร้อมพอสมควรแลว้ จึงสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงข้ึนซ่ึงหมายถึง แทนท่ีจะเนน้ การขยายตวั ของภาคอุตสาหกรรมนาการพฒั นาประเทศ ควรท่ีจะสร้างความมน่ั คงทางเศรษฐกิจพ้ืนฐานก่อน นนั่คือ ทาให้ ประชาชนในชนบทส่วนใหญ่พอมีพอกนิ ก่อน เป็นแนวทางการพฒั นาที่เนน้ การกระจายรายได้ เพื่อสร้างพ้ืนฐานและความมน่ั งคงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนเนน้ การพฒั นาในระดบั สูงข้ึนไปทรงเตือนเร่ืองพออยู่พอกนิ ต้ังแต่ปี ๒๕๑๗ คือ เม่ือ ๓๐ กว่าปี ที่แล้วแต่ทิศทางการพฒั นามิได้เปลยี่ นแปลง“...เมื่อปี ๒๕๑๗ วนั น้นั ไดพ้ ดู ถึงวา่ เราควรปฏิบตั ิให้พอมีพอกิน พอมีพอกินน้ีกแ็ ปลวา่ เศรษฐกิจพอเพียงนน่ั เอง ถา้ แตล่ ะคนมีพอมีพอกิน ก็ใชไ้ ด้ ยง่ิ ถา้ ท้งั ประเทศพอมีพอกินกย็ ง่ิ ดี และประเทศไทยเวลาน้นั ก็เริ่มจะเป็นไม่พอมีพอกิน บางคนก็มีมาก บางคนก็ไม่มีเลย...” (๔ ธนั วาคม๒๕๔๑)เศรษฐกจิ พอเพยี ง“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานพระราชดาริช้ีแนะแนวทาง การดาเนินชีวติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ ๒๕ ปี ต้งั แต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลงั ไดท้ รงเนน้ ย้าแนวทางการแกไ้ ขเพ่ือใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ งมนั่ คงและยง่ั ยนื ภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์และความ เปล่ียนแปลงต่างๆปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็ นปรัชญาช้ีถึงแนวการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนในทกุ ระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐท้งั ในการพฒั นาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจ เพอื่ ใหก้ า้ วทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีระบบภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปลี่ยนแปลงท้งั ภายในภายนอก ท้งั น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งยงิ่ ในการนาวชิ าการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการ ทกุ ข้นั ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ งเสริมสร้างพ้นื ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ที่ของรัฐ นกัทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดบั ให้มีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่อื ให้สมดุลและพร้อมตอ่ การรองรับการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สงั คมส่ิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดีความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จึงประกอบด้วยคณุ สมบัติ ดงั น้ี๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไมน่ อ้ ยเกินไปและไมม่ ากเกินไป โดยไมเ่ บียดเบียนตนเองและผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยใู่ นระดบั พอประมาณ

๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกี่ยวกบั ระดบั ความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ ัจจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ๓. ภูมิคุม้ กนั หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดา้ นต่างๆ ที่จะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ตา่ งๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตโดยมี เง่ือนไข ของการตดั สินใจและดาเนินกิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี ง ๒ ประการ ดงั น้ี๑. เง่ือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เก่ียวกบั วชิ าการต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกนั เพื่อประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ๒. เง่ือนไขคุณธรรม ท่ีจะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวติ พระราชดารัสทเ่ี กย่ี วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง“...เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาของเศรษฐกิจ การท่ีตอ้ งใชร้ ถไถตอ้ งไปซ้ือ เราตอ้ งใชต้ อ้ งหาเงินมาสาหรับซ้ือน้ามนั สาหรับรถไถ เวลารถไถเก่าเราตอ้ งยิง่ ซ่อมแซม แต่เวลาใชน้ ้นั เราก็ตอ้ งป้อนน้ามนั ให้เป็นอาหาร เสร็จแลว้ มนั คายควนั ควนั เราสูดเขา้ ไปแลว้ ก็ปวดหวั ส่วนควายเวลาเราใชเ้ ราก็ตอ้ งป้อนอาหาร ตอ้ งใหห้ ญา้ ใหอ้ าหารมนั กิน แตว่ า่ มนั คายออกมา ท่ีมนั คายออกมาก็เป็นป๋ ุย แลว้ กใ็ ชไ้ ดส้ าหรับใหท้ ด่ี ินของเราไม่เสีย...”พระราชดารัส เนื่องในพระราชพธิ ีพชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญัณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙“...เราไมเ่ ป็ นประเทศร่ารวย เรามีพอสมควร พออยไู่ ด้ แตไ่ ม่เป็นประเทศท่ีกา้ วหนา้ อยา่ งมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศกา้ วหนา้ อยา่ งมากเพราะถา้ เราเป็ นประเทศกา้ วหนา้ อยา่ งมากก็จะมีแตถ่ อยกลบั ประเทศเหล่าน้นั ท่ีเป็นประเทศอุตสาหกรรมกา้ วหนา้ จะมีแต่ถอยหลงั และถอยหลงัอยา่ งน่ากลวั แตถ่ า้ เรามีการบริหารแบบเรียกวา่ แบบคนจน แบบท่ีไม่ติดกบั ตารามากเกินไป ทาอยา่ งมีสามคั คีนี่แหละคือเมตตากนั จะอยไู่ ด้ตลอดไป...”พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔“...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดี ที่เขาเรียกวา่ เลง็ ผลเลิศ กเ็ ห็นวา่ ประเทศไทย เรานี่กา้ วหนา้ ดี การเงินการอุตสาหกรรมการคา้ ดี มีกาไร อีกทางหน่ึงก็ตอ้ งบอกว่าเรากาลงั เส่ือมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีวา่ ถา้ มีเงินเท่าน้นั ๆ มีการกูเ้ ท่าน้นั ๆ หมายความว่าเศรษฐกิจกา้ วหนา้ แลว้ ก็ประเทศกเ็ จริญมีหวงั วา่ จะเป็ นมหาอานาจ ขอโทษเลยตอ้ งเตือนเขาว่า จริงตวั เลขดี แต่วา่ ถา้ เราไมร่ ะมดั ระวงั ในความตอ้ งการพ้นื ฐานของประชาชนน้นั ไม่มีทาง...”พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๖“...เด๋ียวน้ีประเทศไทยก็ยงั อยดู่ ีพอสมควร ใชค้ าวา่ พอสมควร เพราะเดี๋ยวมีคนเห็นวา่ มีคนจน คนเดือดร้อน จานวนมากพอสมควร แต่ใชค้ าวา่พอสมควรน้ี หมายความว่าตามอตั ตภาพ...”พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙“...ท่ีเป็ นห่วงน้นั เพราะแมใ้ นเวลา ๒ ปี ท่ีเป็นปี กาญจนาภิเษกกไ็ ดเ้ ห็นส่ิงที่ทาให้เห็นไดว้ า่ ประชาชนยงั มีความเดือดร้อนมาก และมีส่ิงที่ควรจะแกไ้ ขและดาเนินการต่อไปทกุ ดา้ น มีภยั จากธรรมชาติกระหน่า ภยั ธรรมชาติน้ีเราคงสามารถที่จะบรรเทาไดห้ รือแกไ้ ขได้ เพยี งแต่วา่ ตอ้ งใช้เวลาพอใช้ มีภยั ที่มาจากจิตใจของคน ซ่ึงก็แกไ้ ขไดเ้ หมือนกนั แตว่ า่ ยากกวา่ ภยั ธรรมชาติ ธรรมชาติน้นั เป็นส่ิงนอกกายเรา แต่นิสยั ใจคอของคน

เป็ นสิ่งท่ีอยขู่ า้ งใน อนั น้ีก็เป็ นขอ้ หน่ึงท่ีอยากใหจ้ ดั การให้มีความเรียบร้อย แตก่ ไ็ มห่ มดหวงั ...”พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙“...การจะเป็ นเสือน้นั ไมส่ าคญั สาคญั อยทู่ ่ีเรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินน้นั หมายความว่า อุม้ ชูตวั เองได้ ให้มีพอเพยี งกบัตนเอง ความพอเพยี งน้ีไม่ไดห้ มายความวา่ ทกุ ครอบครัวจะตอ้ งผลิตอาหารของตวั เอง จะตอ้ งทอผา้ ใส่เอง อยา่ งน้นั มนั เกินไป แตว่ า่ ในหมบู่ า้ นหรือในอาเภอ จะตอ้ งมีความพอเพยี งพอสมควร บางส่ิงบางอยา่ งผลิตไดม้ ากกวา่ ความตอ้ งการกข็ ายได้ แต่ขายในที่ไมห่ ่างไกลเทา่ ไร ไม่ตอ้ งเสียคา่ ขนส่งมากนกั ...”พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙.“...เม่ือปี ๒๕๑๗ วนั น้นั ไดพ้ ดู ถึงว่า เราควรปฏิบตั ิใหพ้ อมีพอกิน พอมีพอกินน้ีกแ็ ปลวา่ เศรษฐกิจพอเพยี งนนั่ เอง ถา้ แต่ละคนมีพอมีพอกิน ก็ใชไ้ ด้ ยง่ิ ถา้ ท้งั ประเทศพอมีพอกินกย็ ง่ิ ดี และประเทศไทยเวลาน้นั ก็เร่ิมจะเป็นไม่พอมีพอกิน บางคนกม็ ีมาก บางคนก็ไม่มีเลย...”พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑“...พอเพียง มีความหมายกวา้ งขวางยงิ่ กวา่ น้ีอีก คือคาวา่ พอ ก็พอเพียงน้ีก็พอแคน่ ้นั เอง คนเราถา้ พอในความตอ้ งการกม็ ีความโลภนอ้ ย เม่ือมีความโลภนอ้ ยก็เบียดเบียนคนอื่นนอ้ ย ถา้ ประเทศใดมีความคิดอนั น้ี มีความคิดวา่ ทาอะไรตอ้ งพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ซ่ือตรง ไม่โลภอยา่ งมาก คนเราก็อยเู่ ป็นสุข พอเพียงน้ีอาจจะมี มีมากอาจจะมีของหรูหราก็ได้ แตว่ า่ ตอ้ งไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น...”พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑“...ไฟดบั ถา้ มีความจาเป็ น หากมีเศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่เตม็ ที่ เรามีเคร่ืองป่ันไฟกใ็ ชป้ ่ันไฟ หรือถา้ ข้นั โบราณกวา่ มืดก็จดุ เทียน คือมีทางท่ีจะแกป้ ัญหาเสมอ ฉะน้นั เศรษฐกิจพอเพียงกม็ ีเป็นข้นั ๆ แต่จะบอกวา่ เศรษฐกิจพอเพยี งน้ี ให้พอเพียงเฉพาะตวั เองร้อยเปอร์เซ็นตน์ ่ีเป็นสิ่งทาไม่ได้จะตอ้ งมีการแลกเปลี่ยน ตอ้ งมีการช่วยกนั ถา้ มีการช่วยกนั แลกเปล่ียนกนั ก็ไมใ่ ช่พอเพยี งแลว้ แต่วา่ พอเพยี งในทฤษฎีในหลวงน้ี คือให้สามารถท่ีจะดาเนินงานได.้ ..”พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๔๒“...โครงการตา่ งๆ หรือเศรษฐกิจที่ใหญ่ ตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกนั ดีที่ไม่ใช่เหมือนทฤษฎีใหม่ ทใ่ี ชท้ ี่ดินเพยี ง ๑๕ ไร่ และสามารถท่ีจะปลูกขา้ วพอกิน กิจการน้ีใหญก่ วา่ แตก่ เ็ ป็ นเศรษฐกิจพอเพยี งเหมือนกนั คนไม่เขา้ ใจวา่ กิจการใหญๆ่ เหมือนสร้างเขื่อนป่ าสกั กเ็ ป็นเศรษฐกิจพอเพยี งเหมือนกนั เขานึกวา่ เป็ นเศรษฐกิจสมยั ใหม่ เป็นเศรษฐกิจท่ีห่างไกลจากเศรษฐกิจพอเพยี ง แตท่ ่ีจริงแลว้ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกนั ...”พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ที่ ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๔๒“...ฉนั พดู เศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทาอะไรให้เหมาะสมกบั ฐานะของตวั เอง คือทาจากรายได้ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ข้ึนไปเป็นสองหมื่น สามหม่ืนบาท คนชอบเอาคาพดู ของฉนั เศรษฐกิจพอเพียงไปพดู กนั เลอะเทอะ เศรษฐกิจพอเพียง คือทาเป็น Self-Sufficiency มนั ไมใ่ ช่ความหมายไม่ใช่แบบที่ฉนั คิด ที่ฉนั คิดคือเป็น Self-Sufficiency of Economy เช่น ถา้ เขาตอ้ งการดูทีวี ก็ควรให้เขามีดู ไม่ใช่ไปจากดั เขาไม่ใหซ้ ้ือทีวีดู เขาตอ้ งการดูเพื่อความสนุกสนาน ในหมูบ่ า้ นไกลๆ ทีฉ่ นั ไป เขามีทีวีดูแตใ่ ชแ้ บตเตอรี่ เขาไมม่ ีไฟฟ้า แตถ่ า้Sufficiency น้นั มีทีวีเขาฟ่ มุ เฟื อย เปรียบเสมือนคนไมม่ ีสตางคไ์ ปตดั สูทใส่ และยงั ใส่เนคไทเวอร์ซาเช่ อนั น้ีกเ็ กินไป...”พระตาหนกั เป่ี ยมสุข วงั ไกลกงั วล๑๗ มกราคม ๒๕๔๔

ประเทศไทยกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งเศรษฐกิจพอเพยี ง มุง่ เนน้ ใหผ้ ผู้ ลิต หรือผบู้ ริโภค พยายามเริ่มตน้ ผลิต หรือบริโภคภายใตข้ อบเขต ขอ้ จากดั ของรายได้ หรือทรัพยากรท่ีมีอยไู่ ปก่อน ซ่ึงก็คือ หลกั ในการลดการพ่งึ พา เพ่มิ ขีดความสามารถในการควบคุมการผลิตไดด้ ว้ ยตนเอง และลดภาวะการเสี่ยงจากการไมส่ ามารถควบคุมระบบตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพเศรษฐกิจพอเพยี งมิใช่หมายความถึง การกระเบียดกระเสียนจนเกินสมควร หากแต่อาจฟ่ มุ เฟื อยไดเ้ ป็นคร้ังคราวตามอตั ภาพ แตค่ นส่วนใหญข่ องประเทศ มกั ใชจ้ า่ ยเกินตวั เกินฐานะที่หามาได้เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถนาไปสู่เป้าหมายของการสร้างความมน่ั คงในทางเศรษฐกิจได้ เช่น โดยพ้นื ฐานแลว้ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศจึงควรเนน้ ท่ีเศรษฐกิจการเกษตร เนน้ ความมน่ั คงทางอาหาร เป็นการสร้างความมนั่ คงใหเ้ ป็นระบบเศรษฐกิจในระดบั หน่ึง จึงเป็นระบบเศรษฐกิจท่ีช่วยลดความเส่ียง หรือความไมม่ นั่ คงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้เศรษฐกิจพอเพียง สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นทกุ ระดบั ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ ไมจ่ าเป็นจะตอ้ งจากดั เฉพาะแต่ภาคการเกษตร หรือภาคชนบท แมแ้ ต่ภาคการเงิน ภาคอสังหาริมทรัพย์ และการคา้ การลงทนุ ระหวา่ งประเทศโดยมีหลกั การท่ีคลา้ ยคลึงกนั คือ เนน้ การเลือกปฏิบตั ิอยา่ งพอประมาณ มีเหตุมีผล และสร้างภมู ิคุม้ กนั ให้แก่ตนเองและสงั คมการดาเนนิ ชีวติ ตามแนวพระราชดาริพอเพยี งพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ ใจถึงสภาพสงั คมไทย ดงั น้นั เมื่อไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดาริ หรือพระบรมราโชวาทในดา้ นต่างๆ จะทรงคานึงถึงวถิ ีชีวติ สภาพสงั คมของประชาชนดว้ ย เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิดความขดั แยง้ ทางความคิด ท่ีอาจนาไปสู่ความขดั แยง้ ในทางปฏิบตั ิได้แนวพระราชดาริในการดาเนินชีวติ แบบพอเพยี ง๑. ยดึ ความประหยดั ตดั ทอนคา่ ใชจ้ า่ ยในทุกดา้ น ลดละความฟ่ มุ เฟื อยในการใชช้ ีวิต๒. ยดึ ถือการประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ ง ซ่ือสตั ยส์ ุจริต๓. ละเลิกการแก่งแยง่ ผลประโยชน์และแข่งขนั กนั ในทางการคา้ แบบต่อสูก้ นั อยา่ ง รุนแรง๔. ไม่หยดุ น่ิงที่จะหาทางใหช้ ีวิตหลุดพน้ จากความทกุ ขย์ าก ดว้ ยการขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้มีรายไดเ้ พ่มิ พนู ข้ึน จนถึงข้นั พอเพยี งเป็นเป้าหมายสาคญั๕. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลดละสิ่งชวั่ ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา ตัวอย่างเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทฤษฎีใหม่ทฤษฎใี หม่ คือ ตวั อย่างที่เป็ นรูปธรรมของการประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงที่เด่น ชดั ท่ีสุด ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริน้ี เพ่อื เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรท่ีมกั ประสบปัญหาท้งั ภยั ธรรมชาติและปัจจยั ภาย นอกท่ีมีผลกระทบตอ่ การทาการเกษตร ให้สามารถผา่ นพน้ ช่วงเวลาวกิ ฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้าไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนและยากลาบากนกัความเสี่ยงท่ีเกษตรกร มกั พบเป็นประจา ประกอบดว้ ย๑. ความเส่ียงดา้ นราคาสินคา้ เกษตร๒. ความเสี่ยงในราคาและการพ่งึ พาปัจจยั การผลิตสมยั ใหมจ่ ากต่างประเทศ๓. ความเส่ียงดา้ นน้า ฝนทิง้ ช่วง ฝนแลง้๔. ภยั ธรรมชาติอ่ืนๆ และโรคระบาด๕. ความเสี่ยงดา้ นแบบแผนการผลิต- ความเส่ียงดา้ นโรคและศตั รูพืช- ความเส่ียงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน- ความเสี่ยงดา้ นหน้ีสินและการสูญเสียท่ีดินทฤษฎีใหม่ จึงเป็ นแนวทางหรือหลกั การในการบริหารการจดั การที่ดินและน้า เพอ่ื การเกษตรในท่ีดินขนาดเลก็ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทฤษฎีใหม่ความสาคญั ของทฤษฎี ใหม่๑. มีการบริหารและจดั แบง่ ที่ดินแปลงเล็กออกเป็นสดั ส่วนท่ีชดั เจน เพ่อื ประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซ่ึงไม่เคยมีใครคิดมาก่อน๒. มกี ารคานวณโดยใชห้ ลกั วชิ าการเก่ียวกบั ปริมาณน้าท่ีจะกกั เก็บให้พอเพยี งต่อ การเพาะปลูกไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตลอดปี๓. มีการวางแผนที่สมบรู ณ์แบบสาหรับเกษตรกรรายยอ่ ย โดยมีถึง ๓ ข้นั ตอนทฤษฎใี หม่ข้นั ต้นให้แบ่งพ้ืนที่ออกเป็น ๔ ส่วน ตามอตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซ่ึงหมายถึงพ้ืนที่ส่วนท่ีหน่ึง ประมาณ ๓๐% ให้ขดุ สระเกบ็ กกั น้าเพ่อื ใชเ้ ก็บกกั น้าฝนในฤดูฝน และใชเ้ สริมการปลูกพชื ในฤดแู ลง้ ตลอดจนการเล้ียงสตั ว์และพชื น้าต่างๆพ้ืนที่ส่วนท่ีสอง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกขา้ วในฤดูฝนเพือ่ ใชเ้ ป็ นอาหารประจาวนั สาหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอด ปี เพ่ือตดั คา่ ใชจ้ า่ ยและสามารถพ่ึงตนเองได้พ้นื ที่ส่วนท่ีสาม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พชื ผกั พชื ไร่ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพ่อื ใชเ้ ป็ นอาหารประจาวนั หากเหลือบริโภคกน็ าไปจาหน่ายพ้ืนที่ส่วนที่ส่ี ประมาณ ๑๐% เป็นท่ีอยอู่ าศยั เล้ียงสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆทฤษฎใี หม่ข้นั ทีส่ องเม่ือเกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดป้ ฏิบตั ิในท่ีดินของตนจนไดผ้ ลแลว้ ก็ตอ้ งเริ่มข้นั ท่ีสอง คือใหเ้ กษตรกรรวมพลงั กนั ในรูป กลุ่ม หรือสหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกนั ดาเนินการในดา้ น(๑) การผลิต (พนั ธุ์พืช เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ)- เกษตรกรจะตอ้ งร่วมมือในการผลิต โดยเร่ิม ต้งั แต่ข้นั เตรียมดิน การหาพนั ธุ์พชื ป๋ ุย การจดั หาน้า และอ่ืนๆ เพอ่ื การเพาะปลูก(๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยงุ้ เครื่องสีขา้ ว การจาหน่ายผลผลิต)- เม่ือมีผลผลิตแลว้ จะตอ้ งเตรียมการต่างๆ เพอ่ื การขายผลผลิตให้ไดป้ ระโยชนส์ ูงสุด เช่น การเตรียมลานตากขา้ วร่วมกนั การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเครื่องสีขา้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลิตใหไ้ ดร้ าคาดีและลดคา่ ใชจ้ า่ ยลงดว้ ย(๓) การเป็นอยู่ (กะปิ น้าปลา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ)- ในขณะเดียวกนั เกษตรกรตอ้ งมีความเป็นอยทู่ ี่ดีพอสมควร โดยมีปัจจยั พ้ืนฐานในการดารงชีวิต เช่น อาหารการกินต่างๆ กะปิ น้าปลา เส้ือผา้ ที่พอเพียง(๔) สวสั ดิการ (สาธารณสุข เงินก)ู้- แตล่ ะชุมชนควรมีสวสั ดิภาพและบริการท่ีจาเป็น เช่น มีสถานีอนามยั เมื่อยามป่ วยไข้ หรือมีกองทนุ ไวก้ ยู้ มื เพ่ือประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน(๕) การศึกษา (โรงเรียน ทนุ การศึกษา)- ชุมชนควรมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทนุ เพอ่ื การศึกษาเล่าเรียนให้แก่เยาวชนของชมชนเอง(๖) สงั คมและศาสนา- ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นท่ียดึ เหนี่ยวโดยกิจกรรมท้งั หมดดงั กล่าวขา้ งตน้ จะตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือจากทุกฝ่ายท่ีเก่ียวขอ้ ง ไม่วา่ ส่วนราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชุมชนน้นั เป็นสาคญัทฤษฎใี หม่ข้นั ท่ีสามเมื่อดาเนินการผา่ นพน้ ข้นั ที่สองแลว้ เกษตรกร หรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพฒั นากา้ วหนา้ ไปสู่ข้นั ท่ีสามต่อไป คือติดต่อประสานงาน เพ่ือจดั หาทุนหรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษทั ห้างร้านเอกชน มาช่วยในการลงทนุ และพฒั นาคุณภาพชีวติท้งั น้ี ท้งั ฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคาร หรือบริษทั เอกชนจะไดร้ ับประโยชนร์ ่วมกนั กล่าวคือ- เกษตรกรขายขา้ วไดร้ าคาสูง (ไม่ถูกกดราคา)

- ธนาคารหรือบริษทั เอกชนสามารถซ้ือขา้ วบริโภคในราคาต่า (ซ้ือขา้ วเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง)- เกษตรกรซ้ือเคร่ืองอุปโภคบริโภคไดใ้ นราคาต่า เพราะรวมกนั ซ้ือเป็นจานวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ราคาขายส่ง)- ธนาคารหรือบริษทั เอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพอ่ื ไปดาเนินการในกิจกรรมต่างๆ ใหเ้ กิดผลดียง่ิ ข้ึน หลกั การและแนวทางสาคญั๑. เป็ นระบบการผลิตแบบเศรษฐกิจพอเพยี งท่ีเกษตรกรสามารถเล้ียงตวั เองไดใ้ นระดบั ที่ประหยดั ก่อน ท้งั น้ี ชุมชนตอ้ งมีความสามคั คี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ทานองเดียวกบั การ “ลงแขก” แบบด้งั เดิมเพือ่ ลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการจา้ งแรงงานดว้ ย๒. เน่ืองจากขา้ วเป็นปัจจยั หลกั ท่ีทุกครัวเรือนจะตอ้ งบริโภค ดงั น้นั จึงประมาณวา่ ครอบครัวหน่ึงทานาประมาณ ๕ ไร่ จะทาใหม้ ีขา้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ตอ้ งซ้ือหาในราคาแพง เพ่อื ยดึ หลกั พ่งึ ตนเองไดอ้ ยา่ งมีอิสรภาพ๓. ตอ้ งมีน้าเพอ่ื การเพาะปลูกสารองไวใ้ ชใ้ นฤดูแลง้ หรือระยะฝนทิง้ ช่วงไดอ้ ยา่ งพอเพียง ดงั น้นั จึงจาเป็นตอ้ งกนั ที่ดินส่วนหน่ึงไวข้ ดุ สระน้าโดยมีหลกั วา่ ตอ้ งมีน้าเพียงพอท่ีจะเพาะปลูกไดต้ ลอดปี ท้งั น้ี ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริเป็นแนวทางวา่ ตอ้ งมีน้า ๑,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ตอ่ การเพาะปลูก ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะน้นั เม่ือทานา ๕ ไร่ ทาพืชไร่ หรือไมผ้ ลอีก ๕ ไร่ (รวมเป็ น ๑๐ ไร่) จะตอ้ งมีน้า ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตรตอ่ ปีดงั น้นั หากต้งั สมมติฐานวา่ มีพ้นื ท่ี ๕ ไร่ กจ็ ะสามารถกาหนดสูตรคร่าวๆ วา่ แต่ละแปลง ประกอบดว้ ย- นาขา้ ว ๕ ไร่- พืชไร่ พืชสวน ๕ ไร่- สระน้า ๓ ไร่ ขดุ ลึก ๔ เมตร จนุ ้าไดป้ ระมาณ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ซ่ึงเป็ นปริมาณน้าท่ีเพยี งพอที่จะสารองไวใ้ ชย้ ามฤดูแลง้- ท่ีอยอู่ าศยั และอื่นๆ ๒ ไร่รวมท้งั หมด ๑๕ ไร่แต่ท้งั น้ี ขนาดของสระเกบ็ น้าข้ึนอยกู่ บั สภาพภูมิประเทศและสภาพแวดลอ้ ม ดงั น้ี- ถา้ เป็ นพ้ืนท่ีทาการเกษตรอาศยั น้าฝน สระน้าควรมีลกั ษณะลึก เพอ่ื ป้องกนั ไมใ่ ห้น้าระเหยไดม้ ากเกินไป ซ่ึงจะทาให้มีน้าใชต้ ลอดท้งั ปี- ถา้ เป็ นพ้ืนที่ทาการเกษตรในเขตชลประทาน สระน้าอาจมีลกั ษณะลึก หรือต้นื และแคบ หรือกวา้ งก็ได้ โดยพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมีน้ามาเติมอยเู่ ร่ือยๆการมีสระเกบ็ น้ากเ็ พอ่ื ให้เกษตรกรมีน้าใชอ้ ยา่ งสม่าเสมอท้งั ปี (ทรงเรียกว่า Regulator หมายถึงการควบคุมให้ดี มีระบบน้าหมนุ เวียนใช้เพ่อื การเกษตรไดโ้ ดยตลอดเวลาอยา่ งต่อเนื่อง) โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในหนา้ แลง้ และระยะฝนทิง้ ช่วง แต่มิไดห้ มายความวา่ เกษตรกรจะสามารถปลูกขา้ วนาปรังได้ เพราะหากน้าในสระเก็บน้าไมพ่ อ ในกรณีมีเข่ือนอยบู่ ริเวณใกลเ้ คียงกอ็ าจจะตอ้ งสูบน้ามาจากเขื่อน ซ่ึงจะทาใหน้ ้าในเข่ือนหมดได้ แตเ่ กษตรกรควรทานาในหนา้ ฝน และเมื่อถึงฤดูแลง้ หรือฝนทิง้ ช่วงใหเ้ กษตรกรใชน้ ้าท่ีเก็บตนุ น้นั ให้เกิดประโยชน์ทางการเกษตรอยา่ งสูงสุด โดยพจิ ารณาปลูกพืชให้เหมาะสมกบั ฤดูกาล เพ่อื จะไดม้ ีผลผลิตอื่นๆ ไวบ้ ริโภคและสามารถนาไปขายไดต้ ลอดท้งั ปี๔. การจดั แบง่ แปลงที่ดินเพือ่ ให้เกิดประโยชนส์ ูงสุดน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงคานวณและคานึงจากอตั ราการถือครองท่ีดินถวั เฉลี่ยครัวเรือนละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไรกต็ าม หากเกษตรกรมีพ้นื ที่ถือครองนอ้ ยกวา่ น้ี หรือมากกวา่ น้ี ก็สามารถใชอ้ ตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เป็นเกณฑ์ปรับใชไ้ ด้ กล่าวคือร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ขดุ สระน้า (สามารถเล้ียงปลา ปลกู พชื น้า เช่น ผกั บุง้ ผกั กะเฉด ฯลฯ ไดด้ ว้ ย) บนสระอาจสร้างเลา้ ไก่และบนขอบสระน้าอาจปลูกไมย้ นื ตน้ ท่ีไม่ใชน้ ้ามากโดยรอบ ได้ร้อยละ ๓๐ ส่วนท่ีสอง ทานาร้อยละ ๓๐ ส่วนที่สาม ปลูกพชื ไร่ พืชสวน (ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ ไมใ้ ชส้ อย ไมเ้ พื่อเป็นเช้ือฟื น ไมส้ ร้างบา้ น พชื ไร่ พชื ผกั สมุนไพร เป็นตน้ )ร้อยละ ๑๐ สุดทา้ ย เป็นที่อยอู่ าศยั และอ่ืนๆ (ทางเดิน คนั ดิน กองฟาง ลานตาก กองป๋ ยุ หมกั โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสตั ว์ ไมด้ อกไมป้ ระดบัพืชสวนครัวหลงั บา้ น เป็นตน้ )อยา่ งไรกต็ าม อตั ราส่วนดงั กล่าวเป็นสูตร หรือหลกั การโดยประมาณเท่าน้นั สามารถปรับปรุงเปล่ียนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม โดยข้ึนอยกู่ บัสภาพของพ้ืนท่ีดิน ปริมาณน้าฝน และสภาพแวดลอ้ ม เช่น ในกรณีภาคใตท้ ่ีมีฝนตกชุก หรือพ้นื ท่ีที่มีแหล่งน้ามาเติมสระไดต้ อ่ เน่ือง ก็อาจลดขนาดของบ่อ หรือสระเกบ็ น้าใหเ้ ลก็ ลง เพอ่ื เก็บพ้นื ท่ีไวใ้ ชป้ ระโชน์อ่ืนต่อไปได้๕. การดาเนินการตามทฤษฎีใหม่ มีปัจจยั ประกอบหลายประการ ข้ึนอยกู่ บั สภาพภูมิประเทศ สภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะทอ้ งถิ่น ดงั น้นั เกษตรกร

ควรขอรับคาแนะนาจากเจา้ หนา้ ที่ดว้ ย และที่สาคญั คือ ราคาการลงทุนค่อนขา้ งสูง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การขดุ สระน้า เกษตรกรจะตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือจากส่วนราชการ มูลนิธิ และเอกชน๖. ในระหวา่ งการขดุ สระน้า จะมีดินที่ถูกขดุ ข้ึนมาจานวนมาก หนา้ ดินซ่ึงเป็ นดินดี ควรนาไปกองไวต้ ่างหากเพื่อนามาใชป้ ระโยชนใ์ นการปลูกพืชตา่ งๆ ในภายหลงั โดยนามาเกล่ียคลุมดินช้นั ล่างที่เป็นดินไมด่ ี หรืออาจนามาถมทาขอบสระน้า หรือยกร่องสาหรับปลูกไมผ้ ลกจ็ ะได้ประโยชน์อีกทางหน่ึงตวั อย่างพืชท่คี วร ปลกู และสัตว์ทคี่ วรเลยี้ งไมผ้ ลและผกั ยนื ตน้ : มะม่วง มะพร้าว มะขาม ขนุน ละมดุ ส้ม กลว้ ย นอ้ ยหน่า มะละกอ กะทอ้ น แคบา้ น มะรุม สะเดา ข้ีเหลก็ กระถิน ฯลฯผกั ลม้ ลุกและดอกไม้ : มนั เทศ เผอื ก ถวั่ ฝักยาว มะเขือ มะลิ ดาวเรือง บานไม่รู้โรย กหุ ลาบ รัก และซ่อนกล่ิน เป็นตน้เห็ด : เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดเป๋ าฮ้ือ เป็ นตน้สมนุ ไพรและเครื่องเทศ : หมาก พลู พริกไท บุก บวั บก มะเกลือ ชุมเห็ด หญา้ แฝก และพืชผกั บางชนิด เช่น กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลกัและตะไคร้ เป็นตน้ไมใ้ ชส้ อยและเช้ือเพลิง : ไผ่ มะพร้าว ตาล กระถินณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจรุ ี กระถิน สะเดา ข้ีเหลก็ ประดู่ ชิงชนั และยางนาเป็ นตน้พืชไร่ : ขา้ วโพด ถว่ั เหลือง ถว่ั ลิสง ถว่ั พมุ่ ถวั่ มะแฮะ ออ้ ย มนั สาปะหลงั ละหุ่ง นุ่น เป็นตน้ พชื ไร่หลายชนิดอาจเกบ็ เก่ียวเมื่อผลผลิตยงั สดอยู่และจาหน่ายเป็นพืชประเภทผกั ได้ และมีราคาดีกวา่ เก็บเม่ือแก่ ไดแ้ ก่ ขา้ วโพด ถวั เหลือง ถว่ั ลิสง ถว่ั พมุ่ ถวั่ มะแฮะ ออ้ ย และมนั สาปะหลงัพืชบารุงดินและพชื คลุมดิน : ถวั่ มะแฮะ ถวั่ ฮามาตา้ โสนแอฟริกนั โสนพ้นื เมือง ปอเทือง ถว่ั พร้า ข้ีเหลก็ กระถิน รวมท้งั ถว่ั เขียวและถว่ั พมุ่ เป็นตน้ และเม่ือเก็บเก่ียวแลว้ ไถกลบลงไปเพอื่ บารุงดินได้หมายเหตุ : พืชหลายชนิดใชท้ าประโยชนไ์ ดม้ ากกวา่ หน่ึงชนิด และการเลือกปลูกพืชควรเนน้ พืชยนื ตน้ ดว้ ย เพราะการดูแลรักษาในระยะหลงั จะลดนอ้ ยลง มีผลผลิตทยอยออกตลอดปี ควรเลือกพืชยนื ตน้ ชนิดตา่ งๆ กนั ใหค้ วามร่มเยน็ และชุ่มช้ืนกบั ท่ีอยอู่ าศยั และส่ิงแวดลอ้ ม และควรเลือกตน้ ไมใ้ ห้สอดคลอ้ งกบั สภาพของพ้นื ที่ เช่น ไม่ควรปลูกยคู าลิปตสั บริเวณขอบสระ ควรเป็นไมผ้ ลแทน เป็นตน้สตั วเ์ ล้ียงอื่นๆ ไดแ้ ก่สตั วน์ ้า : ปลาไน ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลาดุก เพื่อเป็นอาหารเสริมประเภทโปรตีน และยงั สามารถนาไปจาหน่ายเป็ นรายไดเ้ สริมไดอ้ ีกดว้ ยในบางพ้ืนที่สามารถเล้ียงกบได้สุกร หรือ ไก่ เล้ียงบนขอบสระน้า ท้งั น้ี มลู สุกรและไก่สามารถนามาเป็นอาหารปลา บางแห่งอาจเล้ียงเป็ดได้ประโยชน์ของทฤษฎใี หม่๑. ใหป้ ระชาชนพออยพู่ อกินสมควรแก่อตั ภาพในระดบั ท่ีประหยดั ไมอ่ ดอยาก และเล้ียงตนเองไดต้ ามหลกั ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง”๒. ในหนา้ แลง้ มีน้านอ้ ย ก็สามารถเอาน้าที่เกบ็ ไวใ้ นสระมาปลูกพชื ผกั ตา่ งๆ ท่ีใชน้ ้านอ้ ยได้ โดยไมต่ อ้ งเบียดเบียนชลประทาน๓. ในปี ที่ฝนตกตามฤดูกาลโดยมีน้าดีตลอดปี ทฤษฎีใหม่น้ีสามารถสร้างรายไดใ้ หแ้ กเ่ กษตรกรไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนในเรื่องคา่ ใชจ้ า่ ยต่างๆ๔. ในกรณีท่ีเกิดอุทกภยั เกษตรกรสามารถที่จะฟ้ื นตวั และช่วยตวั เองไดใ้ นระดบั หน่ึง โดยทางราชการไมต่ อ้ งช่วยเหลือมากนกั ซ่ึงเป็นการประหยดั งบประมาณดว้ ย ทฤษฎีใหม่ท่ีสมบรู ณ์ทฤษฎีใหมท่ ่ีดาเนินการโดยอาศยั แหล่งน้า ธรรมชาติ น้าฝน จะอยใู่ นลกั ษณะ “หม่ินเหม่” เพราะหากปี ใดฝนนอ้ ย น้าอาจจะไม่เพยี งพอ ฉะน้นัการท่ีจะทาให้ทฤษฎีใหม่สมบรู ณ์ไดน้ ้นั จาเป็นตอ้ งมีสระเกบ็ กกั น้าท่ีมีประสิทธิภาพและเตม็ ความสามารถ โดยการมีแหล่งน้าขนาดใหญ่ท่ีสามารถเพ่มิ เติมน้าในสระเก็บกกั น้าใหเ้ ตม็ อยู่ เสมอ ดงั เช่น กรณีของการทดลองที่โครงการพฒั นาพ้ืนท่ีบริเวณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั สระบุรี

ระบบทฤษฎใี หม่ที่สมบรู ณ์อ่างใหญ่ เติมอ่างเลก็ อ่างเลก็ เติมสระนา้จากภาพ วงกลมเล็ก คือสระน้าท่ีเกษตรกรขดุ ข้ึนตามทฤษฎีใหม่ เม่ือเกิดช่วงขาดแคลนน้าในฤดูแลง้ เกษตรกรสามารถสูบน้ามาใชป้ ระโยชน์ได้และหากน้าในสระน้าไม่เพยี งพอกข็ อรับน้าจากอ่างห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ซ่ึงไดท้ าระบบส่งน้าเชื่อมต่อทางท่อลงมายงั สระน้าที่ไดข้ ดุ ไวใ้ นแต่ละแปลง ซ่ึงจะช่วยให้สามารถมีน้าใชต้ ลอดปีกรณีท่ีเกษตรกรใชน้ ้ากนั มาก อา่ งหว้ ยหินขาว (อ่างเล็ก) ก็อาจมีปริมาณน้าไม่เพยี งพอ กส็ ามารถใชว้ ธิ ีการผนั น้าจากเขื่อนป่ าสกั ชลสิทธ์ิ (อา่ งใหญ่) ต่อลงมายงั อ่างเกบ็ น้าหว้ ยหินขาว (อา่ งเลก็ ) ก็จะช่วยใหม้ ีปริมาณน้ามาเติมในสระของเกษตรกรพอตลอดท้งั ปี โดยไมต่ อ้ งเส่ียงระบบการจดั การทรัพยากรน้าตามแนวพระราชดาริพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั สามารถทาใหก้ ารใชน้ ้ามีประสิทธิภาพอยา่ งสูงสุด จากระบบส่งทอ่ เปิ ดผา่ นไปตามแปลงไร่นาต่างๆ ถึง ๓-๕ เทา่ เพราะยามหนา้ ฝน นอกจากจะมีน้าในอ่างเก็บน้าแลว้ ยงั มีน้าในสระของราษฎรเก็บไวพ้ ร้อมกนั ดว้ ย ทาให้มีปริมาณน้าเพิ่มอยา่ งมหาศาล น้าในอ่างที่ต่อมาสู่สระจะทาหนา้ ท่ีเป็นแหล่งน้าสารอง คอยเติมเท่าน้นั เองแปลงสาธติ ทฤษฎใี หม่ของมูลนิธชิ ัยพัฒนาท่านที่สนใจสามารถขอคาปรึกษาและเยย่ี มชมแปลงสาธิตทฤษฎีใหมไ่ ด้ ดงั น้ี๑. สานกั บริหารโครงการ สานกั งานมูลนิธิชยั พฒั นาโทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๔๔๒๕ โทรสาร ๐ ๒๒๘๒ ๓๓๔๑๒. โครงการพฒั นาพ้นื ที่บริเวณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั สระบรุ ีโทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๓๖๔๙ ๙๑๘๑๓. โครงการแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดาริ (ทฤษฎีใหม)่ อาเภอปากท่อ จงั หวดั ราชบุรีโทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๓๒๓๓ ๗๔๐๗๔. โครงการสวนสมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี อาเภอชะอา จงั หวดั เพชรบุรีโทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๓๒๕๙ ๔๐๖๗๕. โครงการสาธิตทฤษฎีใหม่ อาเภอเขาวง จงั หวดั กาฬสินธุ์โทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๔๓๘๕ ๙๐๘๙๖.โครงการสาธิตทฤษฎีใหม่ อาเภอปักธงชยั จงั หวดั นครราชสีมาโทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๔๔๓๒ ๕๐๔๘ เศรษฐกิ จพอเพียง2 / 3 เศรษฐกิ จพอเพียง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook