Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมวิชาวิทยุ (1)

รวมวิชาวิทยุ (1)

Published by Kanokpornake2558, 2018-06-13 03:25:34

Description: รวมวิชาวิทยุ (1)

Keywords: วิทยุ

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 หลักการผลิตรายการวิทยกุ ระจายเสยี ง วิทยุกระจายเสียง เป็นส่ือมวลชนท่ีได้รับการยอมรับกันท่ัวไปว่าสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุดท้ังด้านเวลา ความรวดเร็ว และปริมาณของผู้รับ เนื่องจากเป็oส่ือที่ทาให้ผู้รับฟังรู้จักคล้อยตามและเข้าใจง่ายและผู้รับฟังยังได้ข้อมูลข่าวสารท่ีรวดเร็ว การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง จึงจาเป็นต้องมีรูปแบบท่ีสอดคล้องกับกลุ่มผ้ฟู ังเป้าหมาย ดังนั้นผู้ผลิตรายการควรรู้จักเลอื กใช้รูปแบบในการผลิตรายการ และสามารถนาเสนอรายการไดอ้ ยา่ งมีประวทิ ธิภาพ ชวนรับฟงั ชวนติดตามอย่างต่อเนือ่ งความหมายของการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง โดยท่ัวไปงานด้านวิทยุกระจายเสียงที่เห็ฯชัดเจนมี 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ “งานด้านการจัดรายการ”และ “งานการผลิตรายการ” แต่งานท้ัง 2 ด้าน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ท้ังนี้เน่ืองจากบุคลากรของสถานีวิทยุกระจายเสียงต่างๆ ต้องสวมบทบาทหน้าที่จัดรายการแล้วยงั ต้องกลายมาเป็นผู้ผลิตรายการ ดาเนินรายการเองท้ังหมด ดังนั้นในหัวข้อความหมายของการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง จึงแยกให้เห็นความหมายที่แท้จริงระหว่าง “การจัดรายการ” และ “การผลิตรายการ” ดังกล่าว การจัดรายการ(programming) หมายถึง การพิจารณากาหนดใหร้ ายการอะไรออกอากาศในช่วงเวลาใด ซ่ึงจะต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมการรับฟังของกลุ่มผู้รับฟังเป้าหมายแต่ละกลุ่ม แต่ละช่วงด้วย จึงเปรียบเหมือนเป็นจัดผังตารางรายการของสถานีวิทยุกระจายเสียงนั่นเอง นอกจากน้ียังมีความหมายรวมไปถึงการวางแผนการเตรียมการบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนถึงขั้นการผลิตรายการเป็นการวางแผนปฏิบัติงานอย่างกว้างๆ ในระยะยาวตอ่ ไป เพ่ือทาให้รายการวิทยุกระจายเสียงของสถานีนั้นๆ เป็นที่น่าสนใจและน่าฟัง สรุปว่าการจัดรายการเป็นท้ั ง ก า ร จั ด ต า ร า ง ร า ย ก า ร ไ ป จ น ถึ ง ขั้ น ก า ร ผ ลิ ต ร า ย ก า ร ด้ ว ย ส่วนการผลิตรายการ (program production) คือ กลนุทธ์ท่ีจะดาเนินการให้รายการต่างๆ ออกมาสู่ผูฟ้ งั อยา่ งมีคุณภาพตามเปา้ หมายท่ีวางไว้ โดยนามาคดิ หารูปแบบและเน้อื หาใหเ้ ปน็ ทน่ี ่าสนใจฟงั อย่างไรก็ตาม จากควายหมายข้างต้น จะเห็นได้ว่า ในทางปฏิบัติจริงการจัดรายการและการผลิตรายการสามารถดาเนนิ งานควบคู่กันไปได้ โดยการจัดรายการกับการผลิตรายการอาจทาได้ 2 วธิ ี คอื 1. ผู้มีหน้าท่ีจัดรายการ วางแผนไว้ทั้งหมดก่อนว่า ภายในวันหนึ่งๆ หรือเดือนหน่ึงๆ จะกาหนดให้รายการใดออกอากาศในช่วงเวลาใดบ้าง เช่น ภาคเช้าควรจะเป็นรายการอะไร ภาคบ่ายหรือภาคค่าควรจะบรรจุรายการอะไร และแต่ละรายการจะมีความยาวเท่าใด อย่างไรก็ตามผู้จัดรายการควรจะพิจารณาเพ่ือให้เกิดความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั พฤติกรรมความสนใจของผู้ฟงั เป็นหลกั หลังจากวางแผนผังรายการแล้วผผู้ ลติ รายการจึงคิดสรา้ งสรรค์ผลติ รูปแบบรายการวิทยุกระจายเสียงเพอื่ นาออกอากาศต่อไป 2. ผู้ผลิตรายการจะผลิตรายการต่างๆ ข้ึนตามความสนใจของผู้ฟัง แล้วนารายการที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วมาบรรจุเวลาออกอากาศ โดยหาช่วงเวลาท่ีเหมาะสมกับการรับฟังของผู้ฟังให้มากที่สุด วิธีน้ีเร่ิมจากการสร้างสรรค์ผลิตรายการก่อนแล้วจึงจัดรายการออกอากาศให้เหมาะสมกับลักษณะของรายการ และเหมาะสมกบั ความสนใจของผฟู้ ังเป็นสาคัญ

องคป์ ระกอบของการผลติ รายการวทิ ยกุ ระจายเสยี ง การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงเป็นท้ังศาสตร์และศิลป์ อาจไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่ชี้ลงไปว่าจะต้องผลิตรายการอยา่ งไรถึงจะถกู ใจผู้ฟงั แต่อย่างไรก็ตาม การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงมีองค์ประกอบพื้นฐานที่สาคัญ ซึ่งจะทาให้ผู้ผลิตรายการมีแนวทางในการผลิตรายการที่มีประสิทธิภาพต่อไป ได้แก่องคป์ ระกอบดังตอ่ ไปน้ี 1. ผู้ฟัง (audience) หมายถึง กลุ่มผู้ฟังท่ีเป็นเป้าหมายของการผลิตรายการ (target audience)ผู้ผลิตรายการต้องทราบว่ากลุ่มผู้ฟังรายการเป็นใคร การศึกษาข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์และพฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียงของกลุม่ ผู้ฟังกลุ่มต่างๆ เช่น กลมุ่ วัยรุ่น กลุ่มวัยเด็ก กล่มุ วัยทางาน เป็นต้น ข้อมูลดังกล่าวจะชว่ ยให้ท้ังผู้บริหารสถานีวิทยุกระจายเสียง และผู้จัดรายการ ผู้ผลิตรายการสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์ในการผลิตรายการให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้ฟังกลุ่มเป้ามายในชุมชนนั้น โดยศึกษาจากอัตราส่วนความนิยมรายการ (rating) ในการศึกษาอัตราส่วนความนิยมรายการจะทาให้ทราบว่าสถานีวทิ ยุกระจายเสียงของตนตดิ อันดับความนิยมของประชาชนหรอื ไม่ และสามารถทาให้ทราบว่ารายการประเภทใดของสถานวี ิทยกุ ระจายเสยี งใดท่ีได้รับความนยิ มสงู สุดเพ่ือนามาเป็นกลยุทธใ์ นการผลิตรายการใหเ้ ป็นที่นิยมของผู้ฟงั 2. เน้ือหา (content) คือ เรื่องราวต่างๆ ท่ีผู้ผลิตรายการต้องการนาเสนอให้แก่ผู้ฟังซึ่งเนื้อหาดังกล่าวต้องสอดคล้องกับกลุ่มผู้ฟังเป้าหมาย โดยพิจารณาขอบข่ายของเนื้อหาความยากง่าย รวมถึงการแบ่งสรรเนอ้ื หาที่จะนาเสนอในแตล่ ะช่วงแตล่ ะครง้ั ดว้ ย รายการวิทยุกระจายเสียงมีส่วนประกอบสาคัญ คือ เน้ือหา ภาษาที่ใช้ และลีลาการนาเสนอรายการทั้ง 3 ส่วนต้องประสมกลมกลืนกันอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ฟังและผู้ชมเข้าใจง่าย สนใจติดตามและได้ประโยชน์จากการฟงั 3. วิธีการนาเสนอ เป็นกระบวนการที่จะนาเน้ือหา เร่ืองราวสาระต่างๆ มาประกอบกันเข้าเป็นรายการ โดยจัดลาดับเน้ือหาสาระและวิธีการนาเสนอให้เหมาะสมและน่าฟัง โดยมีลักษณะการนาเสนอด้วยลีลาการพูด และน้าเสียง เสียงประกอบท่ีเหมาะสมกับรูปแบบของรายการ ตลอดจนการนาเสนอท่ีมีความหลากหลายซ่ึงจะชว่ ยให้รายการไม่น่าเบ่ือ แต่ในขณะเดยี วกันรายการยงั คงต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทัง้ ในแง่เนอื้ หาและวธิ ีการนาเสนอ 4. เวลาออกอากาศ เวลาทอี่ อกอากาศรายการอยู่ในชว่ งใด ความยาวของรายการระยะเวลาเท่าไร ซ่ึงเวลาในการออกอากาศจะเป็นตัวกาหนดให้ผลิตรายการในรูปแบบใดได้บ้าง บรรจุเนื้อหาเพียงพอหรือไม่อย่างไร จงึ จะเปน็ ทพ่ี ึงพอใจของผูฟ้ งั กลุ่มเปา้ หมาย 5. การประเมินผล การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงจะประสบความสาเร็จได้รับการยอมรับ หรือเป็นที่พึงพอใจจากผู้ฟังในระยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินผลท้ังก่อนการผลิต ระหว่างการผลิตและเม่ือผลิตรายการเรียบร้อยแล้ว โดยอาจใช้วิธีการสารวจวิจัยเข้ามาช่วยในการประเมินผลระยะต่างๆ เช่น การสารวจความนิยมของผู้ฟังรายการ ทั้งน้ี การประเมินผลจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการวางแผนกลยุทธ์การผลิตและการจดั รายการของสถานีวิทยุตอ่ ไป

กระบวนการผลติ รายการวทิ ยกุ ระจายเสียง การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง (program production) เป็นการเสนอเนื้อหาความรู้ ความบันเทิง โดยใช้รูปแบบรายการต่างๆ เพื่อให้รายการนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กาหนดไว้ กระบวนการผลิตรายการแบง่ ออกเป็นขั้นตอนใหญๆ่ 4 ขน้ั ตอน ดงั นี้ คอื 1. ข้ันวางแผนการผลติ รายการ (planning) 2. ข้นั เตรยี มการผลิต (preparation) 3. ขั้นดาเนนิ การผลติ (production) 4. ขั้นการประเมินผล (evaluation) 1. ขนั้ วางแผนการผลิตรายการ ก่อนที่จะดาเนินการผลิตรายการใดรายการหน่ึง ผู้ผลิตรายการและทีมงานจะร่วมกันวางแผนโดยรวบรวมขอ้ มูลพ้ืนฐาน ได้แก่ 1.1 วัตถุประสงค์และนโยบายด้านรายการของสถานี ในการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงจะต้องไม่ขัดกบั วตั ถปุ ระสงคแ์ ละนโยบายของสถานี 1.2 ขอ้ มลู เกี่ยวกับการวเิ คราะห์และกาหนดกลุ่มผฟู้ ังเป้าหมายให้แนช่ ัด 1.3 ความมุ่งหมายของรายการ ต้องการเน้นผลิตรายการเพ่ือวัตถุประสงค์ใด เช่น เพ่ือให้ข่าวสาร ความบันเทงิ หรือเพอื่ ใหก้ ารศึกษา 1.4 รูปแบบและประเภทของรายการทค่ี วรจะผลิต ประเดน็ เนือ้ หา 1.5 ตารางการกระจายเสียงหรือตารางในการออกอากาศ การวางแผนจะต้องมีการตรวจสอบเพ่ือทีจ่ ะได้รบั ทราบความยาวของรายการ และวันเวลาในการออกอากาศ เพ่ือนามากาหนดขอบเขตของเนอ้ื หาและกาหนดเวลาในการทางานได้ถูกต้อง 1.6 อุปกรณ์ท่ีใช้สนับสนุนการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงที่จาเป็น ได้แก่ ชุดอุปกรณ์บนั ทึกเสยี ง แผน่ ซีดี เทป ไมโครโฟนชนิดตา่ งๆ อปุ กรณต์ ัดตอ่ เทป 1.7 เวลาท่ีใช้ในการผลิตรายการต้องมีเพียงพอกับการศึกษาข้อมูล วางแผนการผลิตรายการการเขยี นบท การติดต่อประสานงาน การเดนิ ทางไปบันทึกเสยี งนอกสถานที่ การตดั ตอ่ เทปแทรก ฯลฯ 1.8 งบประมาณ และทรัพยากรในการผลิตรายการ หลังจากนั้นนาข้อมูลมาวางแผนกาหนดวัตถุประสงค์ของการผลิตรายการว่าจะผลิตรายการประเภทใด เช่น รายการบันเทิง หรือรายการความรู้ เพื่อใคร เพื่อกลุ่มผู้ฟังท่ัวไป หรือกลุ่มผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม คิดรายการในรูปแบบใดจงึ จะเหมาะสมกับเนือ้ หา และความสนใจของกล่มุ ผู้ฟัง 2. ขั้นเตรียมการผลิต หลกั จากได้วางแผนการผลิตรายการเสร็จสมบูรณ์ดีแล้ว ข้ันตอนต่อไปคือ ข้ันตอนการเตรียมการผลิตซงึ่ มีหลายชนั้ ดังนี้ 2.1 ขนั้ การเขียนบท เป็นข้ันตอนท่ีผู้ผลิตรายการมอบหมายให้ผู้เขียนบทนาแนวคิด และประเด็นเน้ือหาอย่างกว้างๆไปสร้างจินตนาการและเรียบเรียงออกมาเป็นคาพูด เสียงเพลง เสียงดนตรีและเสียงประกอบอื่นๆ บทวิทยุจะ

ใช้เป็นเครื่องมือในการทางานร่วมกันของแต่ละฝ่ายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยผู้เขียนอาจจะเขียนโครงร่างบทคร่าวๆ ก่อน (draft) เพ่ือท่ีจะนาร่างบทนี้มาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่งว่าเน้ือหาถูกต้องหรือไม่รปู แบบของรายการเหมาะสมหรือไม่ เทคนคิ และส่วนประกอบอนื่ ๆ ของรายการเป็นท่ีน่าสนใจเพียงพอหรือไม่เพ่อื จะไดช้ ่วยกันแก้ไขปรบั ปรุงใหเ้ ปน็ รายการท่ีมคี ุณภาพและสมบูรณท์ ีส่ ดุ 2.2 ขั้นประสานงานและจัดเตรยี มวัสดรุ ายการ เมื่อได้รับบทมาแล้วผู้เก่ียวข้องทุกคนต้องศึกษาบทท่ีได้รับ เพื่อจะได้ทราบบทบาทและหน้าท่ีที่ต้องเตรียมจัด เช่น ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับอุปกรณ์ด้านเสียงเตรียมบันทึกเสียง สาหรับบักทึกการซ้อม เพ่ือนามาเปิดฟังข้อผิดพลาด และเตรียมไว้เพื่อใช้บันทึกเสียงจริง หรือจัดเตรียมเพลงท่ีจะใช้ประกอบรายการ ส่วนผู้ที่ทาหน้าที่ประสานงานกับผู้ร่วมรายการฝ่ายต่างๆ ก็เตรียมนัดหมายกับผู้แสดง ผู้ดาเนินรายการ วิทยากรผู้ท่ีมีความรู้ความชานาญในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งเป็นพิเศษ รวมท้ังเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมท่ีจะปฏิบัตงิ านตามแผนผลิตรายการท่ีวางไว้ พร้อมกันน้ันตอ้ งมีการจองห้องบันทกึ เสียงไว้ล่วงหน้าด้วยเพอ่ื ซักซ้อมและวันทอี่ อกอากาศจริงไวด้ ้วย 2.3 ขัน้ ซักซอ้ ม การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงที่ดี ต้องมีการซ้อมก่อนการบันทึกเสียง การซักซ้อมอาจมีหลายข้ันตอน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของรายการ ถ้าเป็นรายการท่ีผลิตยากและมีผู้เก่ียวข้องจานวนมาก ก็ต้องซักซ้อมอย่างพถิ ีพิถนั เพ่ือช่วยลดความผิดพลาดทั้งด้านเน้ือหา การพดู การแสดง การซ้อมอาจซ้อมโดยไมต่ ้องใช้ไมโครโฟน และห้องบันทึกเสียงเป็นการซ้อมโดยการอ่านบทไล่มาตามลาดับตง้ั แต่ต้นจนจบรายการ เรียกว่า“การซ้อมแห้ง” (dry run) เป็นการซ้อมคิวว่าใครควรทาอะไรก่อน และฟังความถูกต้องท้ังด้านเนื้อหาและการออกเสียง เป็นการซ้อมและจับเวลาอยา่ งคร่าวๆ เพอื่ จะได้ปรับให้ถูกต้อง สว่ นการซอ้ มอกี ลักษณะหนง่ึ เรียกว่า“ซอ้ มจริง” เป็นการซ้อมกับไมโครโฟน โดยจัดวางไมโครโฟนไว้ในตาแหน่งที่จะใช้การจริง และต้องซ้อมกันในหอ้ งบันทึกเสยี ง เมอื่ การซ้อมเป็นท่นี ่าพอใจแลว้ จงึ ลงมือผลิตรายการต่อไป 3. ขน้ั ดาเนนิ การผลติ การดาเนินการผลิตอาจทาได้โดยการบันทึกเสียงรายการไว้ก่อน แล้วนาไปออกอากาศหรือแบบรายการสด โดยมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งการบันทึกเสียงสามารถปรับปรุงแก้ไขได้สะดวกกว่า แต่หากเป็นรายการสดมกั จะไดเ้ ปรียบในดา้ นความสดใหม่ทันเหตกุ ารณ์ และมีสสี ันสมจรงิ กวา่ อย่างไรก็ตาม รูปแบบรายการส่วนหน่ึงในปัจจุบันยังคงต้องอาศัยการบันทึกเสียงไว้ก่อน เพื่อความสมบูรณ์และมีคุณภาพของรายการ เช่น รายการสารคดี รายการสัมภาษณ์ รายการสปอตโฆษณาประชาสมั พันธ์ รายการละครวทิ ยุ การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงด้วยการบันทึกเทปในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีโปรแกรมตัดต่อและปรับแต่งเสียงด้วยคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยได้มาก ทาให้คุณภาพของงานเสียงที่บันทกึ อยู่ในระดับมาตรฐานเมื่อนาไปใช้ออกอากาศจริง กระบวนการตัดต่อและเรียบเรียงเสียงออกมาเป็นช้ินงานท่ีสมบูรณ์ทาได้ด้วยกระบวนการตอ่ ไปนี้ 1. การตัดต่อเสียงพูด ไม่ว่าจะเป็นเสียงผู้ประกาศ เสียงสัมภาษณ์ เสียงสนทนา สามารถตัดต่อเสียงบางช่วงที่ไม่พึงประสงค์ออก เช่น เสียงลมหายใจ เสียงไอกระแอม เสียงคาพดู เกินท่ีไม่ต้องการ เพ่ือให้

เกดิ การเว้นวรรคเสยี ง การลาดับบทพดู เปน็ ไปตามเวลาทก่ี าหนด 2. การปรับแต่งเสียง ด้วยการผสมสัญญาณเสียงผ่านเครื่อง Mixer และโปรแกรมปรับแต่งเสียงดว้ ยคอมพวิ เตอร์ ปรับให้เสียงนุ่มนวล ใส เสียงทุ้ม เสียงแหลม ปรับระดับเสียงดังเสียงค่อย ความเร็วของเสียง จังหวะช้า-เรว็ แลว้ แต่ความเหมาะสมของชิน้ งาน 3. ใส่เสียงดนตรี และเสียงประกอบ ด้วยการเลือกดนตรคี ่ัน ดนตรคี ลอ ดนตรปี ระจารายการรวมถึงเสยี งประกอบเพอ่ื เพมิ่ ความสมจริงให้สอดคล้องกับสถานการณต์ ่างๆ 4. การเรียบเรียงเสียง (mix down) คือ การเรียบเรียงเสียงทุกประเภทเข้าด้วยกันอย่างมีศิลปะเปน็ ชิ้นงานท่ีสมบรู ณ์ นอกเหนือจากการผลิตในรูปแบบบันทึกเทป หรือการดาเนินรายการสดแล้วเทคโนโลยีสมัยใหม่ยังมีส่วนในการปรับเปลย่ี นรูปแบบการผลิตรายการวทิ ยุ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ฟังด้วยรูปแบบการผลิตรายการวิทยุออนไลน์ (radio online) ท่ีกระจายเสียงผ่านเครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ฟังสามารถเลอื กรับฟังช่วงใดเวลาใดกไ็ ดไ้ ม่จากดั เฉพาะเวลาในการออกอากาศเดิมของสถานวี ิทยุกระจายเสยี ง แตอ่ ยา่ งไรก็ตามการผลติ รายการวิทยุออนไลนก์ ย็ ังคงใชห้ ลักและกระบวนการผลิตรายการวิทยุตามขน้ั ตอนตา่ งๆ เชน่ กัน 4. ข้นั การประเมนิ ผล ในการผลิตรายการท่ีดีนน้ั ผู้ผลิตรายการจาเป็นต้องมีการประเมินผลด้วย เพราะการประเมินผลจะทาให้รู้ข้อบกพร่อง เพื่อหาทางแก้ไขให้การทางานในครั้งต่อไปได้ผลดีย่ิงข้ึนในการประเมินผล แบ่งออกได้เป็น 2ประเภท คือ 4.1 การประเมินผลรายการ เป็นการประเมินทัศคติ และความสนใจของกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายท่ีมีต่อรายการ หลังจากท่ีรายการนั้นได้เผยแพร่ออกอากาศไปแล้ว น่ันหมายถึงการติดตามผลว่ารายการที่ผลิตน้ันมีคุณค่าเป็นท่ีประทับใจผู้ฟังหรือไม่ คุณภาพของรายการดีหรือไม่ดีอย่างไร สภาพการรับฟัง รวมท้ังปัญหาและอปุ สรรคในการรับฟงั เปน็ อยา่ งไรบ้าง การประเมินผลรายการทาไดด้ งั นี้ คือ 4.1.1 การประเมินจากปฏกิ ิริยาสะทอ้ นกลบั ของผู้ฟงั การประเมินความนยิ มของรายการดว้ ยการเปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟังแสดงความคดิ เห็นตอ่ รายการมวี ธิ ีการตา่ งๆ ดงั นี้ 1) การส่งจดหมายจากผู้ฟัง เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อรายการโดยตรงหรือในลักษณะของการถาม-ตอบปัญหา ขอเพลง ร่วมชิงโชคในรายการด้วยการติดฉลากสินค้ามาด้วย ก็จะทาให้ทราบถงึ จานวนผ้ฟู ังรายการ และผูใ้ ช้สนิ ค้าทีฟ่ ังรายการทีโ่ ฆษณาสินค้านน้ั ๆ 2) การให้ผู้ฟังโทรศัพท์เข้ามาร่วมรายการ หรือการส่งข้อความ SMS เนื่องจากการสอื่ สารทางโทรศัพท์มีการพัฒนาและได้รับความนยิ มมากขึ้น โดยท่ผี ู้รับสารมีลักษณะเป็น active คือ สามารถแสดงปฏิกริ ยิ าโต้ตอบกลบั มาด้วยการโทรศัพทเ์ ขา้ มาแสดงความคดิ เห็นและเป็นสว่ นหนงึ่ ของรายการ 3) การให้ผู้รับฟังผ่านวิทยุออนไลน์วิทยุบนอินเทอร์เน็ต พัฒนาการของส่ือวิทยุในระบบดิจิทัล ทาให้ผู้ฟังเลือกรับฟังได้จากหลายช่องทางสื่อ ผู้ผลิตรายการสามารถให้ผู้ฟังคลิกเข้าไปในเว็บที่บรรจุรายการของทางสถานีวิทยุ และแสดงความคิดเห็นหรือพูดคุยโต้ตอบกับผู้ดาเนินรายการได้โดยตรง โดยไมไ่ ด้ยนิ เฉพาะเสียงเทา่ นนั้ ผูฟ้ งั ยงั เห็นภาพการดาเนินรายการสดด้วย 4.1.2 การทา Focus Groups เป็นวิธีท่ีใช้ในการวิจัยเชิงการตลาด โดยผู้จัดรายการอาจทา

การประเมินจากการรวบรวมผู้ฟังรายการวิทยุท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายจานวน 10-12 คน มาพูดคุยโต้ตอบแลกเปล่ียนความคิดเห็นเก่ียวกับรายการน้ันๆ โดยในกลุ่มจะจัดให้มีผู้นากลุ่ม (modulator) 1 คน ทาหน้าท่ีเป็นผู้นาในรายการพูดคุยตามหัวข้อที่กาหนดไว้ เช่น ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหารูปแบบรายการ ตัวผู้ดาเนินรายการ ฯลฯ เพื่อให้ผู้ผลิตรายการสามารถนาข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการพิจารณาปรับปรุง และเปล่ยี นแปลงรายการใหม้ คี ณุ ภาพเปน็ ทีถ่ ูกใจกลุม่ ผู้ฟงั เป้าหมายยงิ่ ข้ึน 4.1.3 การประเมินจากการสารวจเรตต้ิง (rating) เป็นวิธีท่ใี ช้กนั มากในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยบรษิ ัทที่ทาธรุ กจิ สารวจเรตต้งิ (rating) เชน่ บรษิ ทั AC Nielsen (บรษิ ัทดีมาร์) ท่มี าตั้งสาขาในประเทศไทยให้แต่ละคนในครัวเรือนที่ได้รับการสุ่มตัวอย่าง และมีอายุ 12 ปีข้ึนไป บันทึกการฟังวิทยุติดต่อกันเป็นเวลา 1สัปดาห์ แล้วส่งไปยังบริษัทเพ่ือทาการคานวณนับหาเรตต้ิงออกมา ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจะบอกถึงความนิยมของรายการและรูปแบบในการฟังวิทยุของคนในแต่ละวัย ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการขายโฆษณาของรายการแล้ว ยังทาให้ทราบถึงธรรมชาติของกลุ่มผู้ฟัง ประเภทของเน้ือหา รูปแบบรายการและระยะเวลาในการนาเสนอทเี่ ขา้ ถงึ กลุ่มผฟู้ ังในแต่ละกล่มุ อีกด้วย สถานการณค์ วามเปน็ จรงิ ปัจจุบันพบว่าในกรงุ เทพมหานครและจังหวัดใหญ่ๆ ตามถฃภูมิภาคต่างๆ มีการสารวจเรตติ้งของรายการและของสถานวี ิทยกุ ระจายเสียง ในการจัดลาดับรายการหรือสถานีท่ีมีผู้ฟังที่นิยมมากที่สุด ทั้งนี้ เพ่ือชิงความได้เปรียบจากคู่แข่งขันกับสถานีอ่ืนๆ ในด้านตลาดกลุ่มผฟู้ ังเปา้ หมายและการสนับสนุนรายได้จากการขายสปอตโฆษณาน่นั เอง 4.1.4 การสังเกตและการพูดคุยกับคนในชุมชน เป็นการออกสารวจพูดคุยโดยการสังเกตพฤติกรรมการฟังรายการของคนในชุมชน หรืออาจสารวจโดยตรงกับร้านขายเทป แผ่นซีดีและกลุ่มผู้ซื้อ เพื่อสอบถามถึงประเภทของเพลงและศิลปินที่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อเทปและแผ่นซีดีมากที่สุด เพื่อให้ทราบถึงกระแสความนิยมในเร่ืองดนตรี ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการจัดรายการเพลง เพราะจะทาให้ทราบถึงความสนใจและรูปแบบการฟังรายการวทิ ยขุ องคนในชุมชนนนั้ ๆ 4.1.5 การสารวจอย่างเป็นทางการ เป็นการประเมินผลที่ต้องใช้เวลาและวิธีการในเชิงวิชาการ คือ การสารวจ วจิ ัย ซึ่งควรจะมีผู้เชยี่ วชาญหรือมอบให้บริษัทท่ีรับทาวิจัยเป็นผู้รบั ผิดชอบการสารวจวิธีน้ีจะเร่ิมต้ังแต่การกาหนดกลุ่มตัวอย่างผู้ฟังเป้าหมายให้ท่ัวถึง แล้วจึงจัดทาแบบสอบถาม โดยอาจส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสัมภาษณ์ หรือส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ไปยังผู้ฟัง ซ่ึงข้อดีของวิธีนี้คือ ทาให้ได้ข้อมูลท่ีละเอียดครอบคลุมหลายประเด็น ส่วนข้อเสียก็คือ การสารวจอย่างเป็นทางการน้ันเป็นวิธีที่ใช้เวลาและเงินลงทุนสูง นอกจากนย้ี ังพบว่า รายการวทิ ยุกระจายเสียงของแตล่ ะสถานีใช้กลยทุ ธท์ างการตลาดมาเปน็ ส่วนหนึ่งของการประเมินผลรายการ โดยการจัดกิจกรรมต่างๆ ในการสร้างมวลชนสัมพันธ์ การพบปะสังสรรค์กับแฟนคลับ เช่น การจัดกิจกรรม “มหานคร ตะลอนฮติ ” ของสถานีวิทยุกระจายเสียง อ.ส.ม.ท. หรอื การจัดประกวด“ดเี จเยาวชน กบั Hit FM” เปน็ ตน้ ฃ 4.2 การประเมินคุณภาพการผลิตรายการ หมายถึง การพิจารณาดูว่ารายการท่ีผลิตออกมาน้ันมีคุณภาพความเหมาะสมท่ีจะออกอากาศหรือไม่ พิจารณาในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนการผลิตทุกข้ันตอนส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ข้อบกพร่องที่เกิดข้ึนน้ันมีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อจะเป็นแนวทางในการผลิตครั้งต่อไปข้อพจิ ารณาในการประเมินคณุ ภาพการผลติ รายการ ได้แก่ 4.2.1 ด้านเทคนิคการผลติ พิจารณาตั้งแตร่ ูปแบบรายการเหมาะสมหรือไม่ คุณภาพของเสียง

ท่ีบันทึกหรือออกอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงดนตรี เสียงประกอบ ความต่อเน่ืองของรายการราบรื่นตลอดทั้งรายการหรือไม่ ความเหมาะสมของเวลาในการออกอากาศ เช่น การผลิตสปอตโฆษณาสินค้าบางช้ินเสยี งประกอบท่ีเร้าใจหรอื เกินจริงสามารถสร้างความน่าสนใจจากผู้ฟงั ไดไ้ ม่นอ้ ย 4.2.2 ด้านเน้ือหาสาระ ผู้ฟังสามารถเข้าใจในเน้ือหาได้หรือไม่ เนื้อหาสาระยุ่งยากซับซ้อนเกินไปหรือไม่ เนื้อหามีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด เช่น การจัดลาดับเน้ือหาในแต่ละช่วงรายการให้ผู้ฟังได้ตดิ ตามอยา่ งตอ่ เนอื่ งและเชือ่ มโยงกนั ได้ 4.2.3 เทคนิคการเสนอรายการ หมายถึงรูปแบบการนาเสนอสอดคล้องกับเนื้อหาหรือไม่รวมถึงลีลาของผู้ดาเนินรายการด้วย เช่น รายการอ่านข่าว วิเคราะห์ขา่ ว อาจจาเป็นต้องใช้เสียงท่ฟี ังน่าเชอ่ื ถือลีลาในการอ่านข่าวหนักแน่น มีจังหวะ หรือหากเป็นเทคนิคการเสนอรายการข่าวประกอบเสียง ถ้ามีเสียงสัมภาษณ์จริงจากแหล่งข่าวก็จะทาให้การรายงานข่าวนั้นสมจริงและมีสีสันกว่าการรายงานข่าวจากผู้ส่ือข่าวเพียงคนเดียว จากข้อมูลท่ีกล่าวมาจะเห็นว่าการประเมินผลรายการ และการประเมินคุณภาพของการผลิตรายการน้ันจาเป็นตอ้ งมกี ารประเมินผลเป็นระยะๆ และการประเมินผลน้นั เปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ในกระบวนการผลิตรายการวิทยุ เพราะเป็นดัชนีท่ีจะช้ีวัดความสาเร็จของรายการ การยอมรับของผู้ฟัง ซ่ึงผลของการประเมินจะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการสามารถวางแผนผลิตรายการได้ตรงตามความต้องการของผู้ฟังเป้าหมายมากทส่ี ดุ และผลิตรายการท่มี คี ุณคา่ ใหแ้ ก่สังคม จากกระบวนการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงท้ัง 4 ข้ันตอน สามารถสรุปขั้นตอนดังกล่าวตามแผนผงั ดังต่อไปน้ีรูปแบบและประเภท ขนั้ วางแผนการผลติ รายการ เวลา อปุ กรณ์ งบประมาณ รูปแบบและประเภทขนั้ การเขยี นบท ขนั้ เตรียมการผลติ ขนั้ ซกั ซ้อมขนั้ ประสานงาน ขนั้ ดาเนินการผลติ รายการสด บนั ทกึ เทป

ภาพท่ี 1.1 ภาพแสดงกระบวนการผลติ รายการวทิ ยกุ ระจายเสียงบคุ ลากรในการผลิตรายการวิทยกุ ระจายเสยี ง การผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงน้ัน มีลักษณะเป็นกระบวนการหรือข้ันตอน จึงเป็นงานที่ต้องร่วมกับหลายฝ่ายซ่ึงในแตล่ ะฝา่ ยน้ันลว้ นแล้วแต่สาคญั และตอ้ งพึ่งพาอาศัยกนั โดยที่จะต้องเข้าใจในหน้าท่ีของแต่ละฝ่าย เพือ่ จะได้ทางานได้อย่างถูกต้อง ดังนัน้ ผทู้ ีเ่ กย่ี วข้องกบั การผลิตรายการวิทยกุ ระจายเสยี งมีอยู่ 5 ฝา่ ยหลักๆ ดังต่อไปน้ี 1. ผลิตรายการ (producer) เป็นผู้ริเร่ิมความคิดสร้างสรรค์ (create) ในการผลิตรายการใดรายการหนึ่งข้ึนมา ดังน้ันจึงมีบทบาทสาคัญในการเป็นผู้วางแผนการผลิตทุกด้านเร่ิมตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล กาหนดรูปแบบรายการและเน้ือหา ตลอดจนเป็นคนกลางในการประสานงาน และควบคุมตรวจสอบคุณภาพในการผลิตรายการ ด้วยคุณสมบัติของผู้ผลิตรายการต้องมีความรอบรู้ในหลักการบริหารงานและบริหารคน สามารถวางแผนกลยุทธ์ด้านรายการ โดยอาศุยพื้นฐานในการเข้าใจธรรมชาติของสื่อวิทยุกระจายเสียง มีความรู้เรื่องเพลง รู้เร่ืองการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตรายการ และที่สาคัญต้องรู้จักกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายในทุกๆ ด้านประกอบกบั การวางแผนกลยุทธก์ ารบริหารจัดการ ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิต งบประมาณการจัดการด้านรายได้และค่าใชจ้ า่ ย เปน็ ตน้ หน้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบของผู้ผลิตรายการวิทยุกระจายเสยี ง 1. เร่ิมออกความคิดในเรื่องและเน้ือหาท่ีจะนาเสนอ ซ่ึงอาจเป็นการคิดเอง หรือมีผู้เสนอความคดิ ให้ หรอื ไดร้ บั มอบหมายความคดิ นัน้ มา 2. วเิ คราะหผ์ ฟู้ ัง เพื่อกาหนดแนวทางการผลติ รายการให้เหมาะสมกับกลมุ่ ผู้ฟงั 3. แสวงหาและรวบรวมข้อมลู เนื้อหาสาระท่จี ะนาเสนอในรายการ 4. กาหนดทมี งานผลติ รายการที่มคี ุณภาพ 5. วางแผนการผลิตรายการ โดยการร่วมประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้กากับรายการ ผู้เขียนบท ผู้ดาเนินรายการ เพ่ือถ่ายทอดแนวคิดให้ผู้เกี่ยวข้องเหล่านี้สร้างสรรค์รายการออกมาได้ตรงตามความตอ้ งการ 6. คิดค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการโดยการจัดเตรียมงบประมาณไว้อย่างเพียงพอประหยัดและผลิตรายการได้อยา่ งมคี ุณภาพ 7. จัดทาโครงการผลติ รายการ เพอ่ื นาเสนอสถานีหรือองคก์ รท่จี า้ งผลิตรายการ 8. เมื่อโครงการผลิตรายการได้รับความเห็นชอบ จึงดาเนินการผลิตรายการต่อไป โดยการแจกจา่ ยงานให้กับผรู้ ่วมงาน กาหนดระยะเวลาการทางาน 9. ตรวจบทวิทยุที่เขียนเสร็จเรียบร้อยเพ่ือพิจารณาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมก่อนเร่ิมการผลิต 10. ดแู ลการเตรียมอปุ กรณ์ต่างๆ ที่จาเปน็ ต้องใช้ในรายการให้พร้อม เช่น บทวิทยุสาหรับทุกคน เทปเสียงตา่ งๆ 11. ซกั ซ้อมทาความเขา้ ใจแก่ผูร้ ่วมงานอกี ครัง้ ตามบทวทิ ยุ 12. ตรวจสอบความถูกต้อง ความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น ระบบเสียง คุณภาพเสียง การใช้

ภาษา การออกเสยี ง ต้องเปน็ ผมู้ คี วามสามารถในการฟังที่ดี 13. ทาการซ้อมรายการเพื่อปรับปรุงแกไ้ ขใหส้ มบูรณย์ ่ิงข้นึ 14. อานวยการออกอากาศ โดยผู้ควบคุมรายการต้องฟังและจดจาส่ิงที่ผดิ พลาดเพือ่ ประเมินและปรับปรุงแกไ้ ขต่อไป 15. ประเมินผลรายการ รายการทุกรายการที่ผลิตควรติดตามผลรายการ เพ่ือนามาแก้ไขปรับปรุงสาหรบั การผลิตรายการคร้งั ตอ่ ไป 2. ผู้เขียนบท (script writer) เป็นผู้นาแนวความคิด เค้าโครงเนื้อหามาตีความเพ่ือถ่ายทอดออกเป็นเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงดนตรี เสียงประกอบ โดยมีการนาเสนอที่น่าสนใจ เพ่ือให้ผู้ฟังได้รับความรู้ ความบันเทิง เกิดความเข้าใจ อารมณ์ ความรู้สึกคล้อยตามได้ และถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของการนาเสนอรายการ หน้าทีแ่ ละความรับผิดชอบของผู้เขยี นบท 1. การศึกษาผู้ฟังเป็นใคร เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ ความสนใจ ทัศนคติ ความเช่ือวัฒนธรรม เพอื่ วางแนวเขยี นบทได้ตรงความสนใจของผูฟ้ งั 2. ศึกษาและกาหนดหัวข้อเรื่อง เน้อื หา ประเด็นต่างๆ จากแหลง่ ขอ้ มูลต่างๆ ได้แก่ นิตยสาร วารสารหนังสอื พิมพ์ หอ้ งสมุด รายงานการวิจัย หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง บุคคลท่ีเกี่ยวข้อง เป็นตน้ ต้องศึกษาให้ละเอียดและเข้าใจในเนื้อหาน้นั ๆ แลว้ นามาจดั ลาดบั เนื้อหาเพอื่ พัฒนาเขียนเปน็ บทท่ีสมบรู ณต์ ่อไป 3. กาหนดรูปแบบรายการ ปกติมักกาหนดมาจากผู้ผลิตรายการ แต่เม่ือรวบรวมข้อมูลแล้ว อาจไม่เหมาะสมกับรุปแบบนั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น รูปแบบบทความเม่ือไปหาข้อมูล โดยเฉพาะจากแหล่งบคุ คล อาจพบวา่ ถา้ ใชเ้ สียงผูใ้ หส้ มั ภาษณเ์ องจะน่าเชอ่ื นา่ สนใจกว่า กน็ าเสนอในรปู แบบการสัมภาษณ์ 4. ศึกษาระยะเวลา ความยาวรายการ สถานีที่ออกอากาศ เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมในการกาหนดหัวข้อ ประเด็นใหเ้ หมาะสมกับเวลา 5. ศึกษาทรัพยากรท่ีจะใช้ในการผลิตรายการ ได้แก่ บุคลากร งบประมาณ อุปกรณ์ เป็นต้น เพราะมีความเกี่ยวโยงกับการเขียนบท เช่น ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ผลิตรายการเพียงพอหรือไม่มีเคร่ืองบันทึกเสียง ก็ไม่สามารถออกไปบนั ทึกเสยี งใดๆ ประกอบรายการได้ หรือคุณภาพเสียงไม่ดี ก็ต้องนาปรบั รุปแบบรายการ ทั้งยังต้องพจิ ารณาไปถึงความสามารถของผู้ดาเนินรายการด้วยในบางกรณี เพราะบทท่ีดี มีรูปแบบรายการน่าสนใจแต่อาจผลติ ไมไ่ ด้ เพราะขาดทรัพยากรการผลิตรายการนนั่ เอง 6. ผู้เขียนบทต้องเป็นผู้ถ่ายทอดจินตนาการของตนเป็นข้อความเสียง ตลอดจนอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ผู้เขียนจึงควรกาหนดส่ิงต่างๆ เหล่าน้ีไว้ในบทอย่างละเอียด ชัดเจน เพ่ือให้ผู้ผลิตนาไปผลิตได้ตรงตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์รายการ 3. ผู้กากับรายการ (program director) เป็นผู้กากับ ควบคุม ให้คาแนะนาในระหว่างการผลิตรายการ เพือ่ ใหเ้ ปน็ รายการท่สี มบรู ณ์ ผู้กากับรายการมักเปน็ คนๆ เดยี วกันกบั ผูผ้ ลิตรายการ หนา้ ท่ีและความรบั ผิดชอบของผู้กากับรายการ 1. ศึกษาบทวทิ ยแุ ละปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกบั การผลติ รายการ

2. ร่วมกาหนดและคดั เลือกบคุ ลากร 3. เป็นผกู้ ากบั การฝกึ ซอ้ ม 4. เป็นผกู้ ากบั ระหว่างการผลติ รายการ 5. เปน็ ผปู้ ระสานงานรว่ มกบั กลุ่มผูร้ ่วมงานต่างๆ ที่เก่ยี วขอ้ ง 4. ผู้ประกาศ (announcer) เป็นผู้ทาหน้าท่ีถ่ายทอดข่าวสารต่างๆ ด้วยคาพูดวิธีนาเสนอรายการเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจ โดยมีคาเรียกขานได้หลายคาตามบทบาทหน้าท่ีท่ีได้รับ เช่น ผู้ประกาศของสถานี(radio announcer) ผู้ อ่ าน ข่ าว (radio newscaster) ดี เจ (disk jockey) ผู้ ด าเนิ น ราย ก า ร (radiomoderator) เป็นต้น ผู้ทาหน้าท่ีประกาศต่างๆ เหล้าน้ี ควรมีความรู้อย่างกว้างขวาง และสามารถใช้เคร่ืองมือที่เก่ยี วข้องกบั การผลิตรายการวิทยกุ ระจายเสียงไดด้ ้วย ดงั น้นั ในทน่ี จี้ ะขอใชค้ าว่า “ผ้ดู าเนินรายการ” แทนชื่อตามตาแหน่งต่างๆ ท้ังหมด หน้าทแี่ ละความรบั ผิดชอบของผ้ดู าเนินรายการ 1. เตรยี มคาประกาศหรอื บทใหเ้ รียบรอ้ ย 2. ฝึกซอ้ ม อ่านบทให้ถูกต้องในดา้ นวรรคตอน 3. พยายามขจัดความผิดพลาดในการอ่านให้มากที่สุด หากมีขอ้ ผดิ พลาดใหข้ ออภัยผู้ฟังเสมอ 4. ขณะดาเนินรายการ ต้องรักษาระยะห่างในการใช้ไมโครโฟนให้คงที่ สม่าเสมอเพื่อรักษาระดบั และความชัดเจนชองเสียงเฉพาะตวั ไว้ 5. รักษาเวลาในการอ่าน คือ ไม่เร็วหรือช้ากว่าเวลาที่กาหนด หากเร็วหรือช้า ต้องสามารถแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ดดั แปลงเนือ้ หาให้คงสาระไวไ้ ด้เปน็ อยา่ งดี 6. มีความกระตือรือร้น พัฒนาการทางานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ปรับปรุงวธิ กี ารพดู ใหห้ ลากหลาย 7. มคี วามรกู้ ว้างขวาง ตดิ ตามเรอ่ื งราวและเหตุการณร์ อบข้างอยู่เสมอ หน้าทแี่ ละความรบั ผิดชอบของเจา้ หนา้ ท่ีเทคนิค 1. ให้คาปรกึ ษา แนะนาดา้ นเทคนิคแก่ผผู้ ลติ รายการ ผู้ดาเนนิ รายการ ผกู้ ากับรายการ 2. ควบคุม ปรับแต่งสัญญาเสียงจากแหลง่ เสยี งต่างๆ ใหผ้ สมผสานเข้ากนั อยา่ งกลมกลนื 3. ควบคุมเสียงตามบท ตามคาส่ังการ คาแนะนาของผู้กากับรายการขณะผลิตรายการว่าตอ้ งการเสียงอะไร 4. จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีจะใช้ในการผลิตรายการ เช่น การใช้ไมโครโฟน เครื่องเล่นซีดีเครอื่ งเล่นเทป อปุ กรณ์คอมพิวเตอรท์ ช่ี ว่ ยในการตดั ต่อเสียง เปน็ ต้น 5. ทดสอบระดบั เสียงต่างๆ จากบุคลากรที่เก่ียวข้องข้างต้น ในความเป็นจริงของการผลิตรายการวิทยุของสถานีวิทยุแต่ละแห่งอาจมีจานวนบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องหลักๆ แตกต่างกันข้ึนอยู่กับขนาดโครงสร้างของสถานี หรือตามลักษณะการผลิตรายการรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง โดยบุคคล 1 คน สามารถรับผิดชอบงานได้มากกว่า 1 งาน เช่น ผู้ผลิตรายการและผูเ้ ขียนอาจบทเป็นบุคคลคนเดียวกันก็ได้ หรือผดู้ าเนินรายการกอ็ าจจะเป็นผู้ควบคุมเสียงหรือดูแล

ด้านเทคนคิ เองด้วย ส่วนกรณีการผลิตรายการที่ต้องอาศัยบุคลากรจานวนมาก เช่น การผลิตรายการข่าวก็จาเป็นต้องมีบุคลากรเพ่ิมเติมในขอบข่ายงานท่ีเพ่ิมข้ึน เช่น มีทีมงานผู้ส่ือข่าว ผู้รายงานข่าวท่ีประจาอยู่พ้ืนท่ีหรือภูมิภาคต่างๆ มีฝ่ายกองบรรณาธิการท่ีทาหน้าท่ีรวบรวมและกล่ันกรองตรวจสอบข่าวก่อนจะเลือกข่าวใดนาเสนอแก่ผู้ฟังผ่านผู้อ่านข่าวหรือผู้ประกาศข่าวของสถานีต่อไป หรือกรณีกระบวนการผลิตรายการละครวิทยุท่ีต้องพถิ ีพิถนั กบั การเลือกผู้แสดงให้เหมาะสมตามบทบาทต่างๆ มาร่วมกนั เป็นทีมงานในการผลิตรายการละครวิทยุเป็นตน้สรปุ วิทยุกระจายเสียง เป็นส่ือท่ีสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากท่ีสุดท้ังด้านเวลา ความรวดเร็วและปริมาณของผู้รับ ดังนั้นผู้ผลิตรายการจึงต้องพิถีพิถันในกระบวนการผลิต เพื่อนาเสนอรายการไปยังผู้ฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคานึงถึงองค์ประกอบของการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงได้แก่ ผู้ฟังที่เป็นเป้าหมายของรายการ เน้ือหาต้องสอดคล้องกับกลุ่มผู้ฟังเป้าหมาย วิธีการนาเสนอเหมาะสม และน่าฟัง เวลาในการออกอากาศจะเป็นตัวกาหนดให้ผลิตรายการในรูปแบบใดได้บ้าง และการประเมินผลซ่ึงจาเป็นต้องประเมินผลท้ังก่อนการผลิต ระหว่างการผลติ และเม่ือผลิตรายการเรียบร้อยแล้ว โดยอาจใช้วธิ ีการสารวจวิจัยเข้ามาช่วยในการประเมินผล สาหรับกระบวนการผลิตรายการแบ่งออกเป็นขั้นตอนใหญ่ๆ 4 ข้ันตอน ดังนี้ คือข้ันวางแผนการผลิตรายการ โดยการกาหนดวัตถุประสงคแ์ ละนโยบายของสถานี ข้ันเตรียมการผลิต ได้แก่ การเขียนบท การประสานงานและจัดเตรียมวัสดุรายการ รวมท้ังการซักซ้อมก่อนผลิตรายการ ข้ันดาเนินการผลิตอาจทาได้โดยการบันทึกเสยี งรายการไว้กอ่ น แลว้ นาไปออกอากาศหรอื แบบรายการสด และสุดท้ายน้นั ขัน้ การประเมินผล การประเมินผลจะทาให้รู้ข้อบกพร่องเพ่ือหาทางแก้ไขให้การทางานในครั้งต่อไปได้ผลดียิ่งข้ึนสาหรับบุคลากรในการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้เขียนบท ผู้กากับรายการ ผู้ประกาศ และเจา้ หนา้ ทเ่ี ทคนคิ

เอกสารอา้ งองิธีรภัทร วรรณฤมล. (2545 : มกราคม-มิถุนายน.). “การสารวจผู้ฟังสถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ ” มนุษยศาสตร์สาร. หนา้ 17-22.บุญญเลขา มากบุญ. (2549). เอกสารประกอบการสอนวิชาหลักการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ลพบรุ ี : คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรีปาริชาต สถาปิตานนท์. (2547). ระเบียบวิธีวิจัยการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยพรพิมล เฉลิมมีประเสริฐ. (2547). เอกสารคาสอนวิชาการผลิตและจัดรายการวิทยุกระจายเสียงเพ่ือ การประชาสัมพนั ธ์ มหาสารคาม : คณะวิทยาการจดั การ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคามสุทิติ ขัตติยะ. (2550). การประเมินคุณค่าและสมรรถนะทางเทคนิคและรายการของสถานีวิทยุกระจาย เสยี งแห่งประเทศไทยเพื่อการศึกษา กรมประชาสมั พนั ธ์ กรงุ เทพฯ : สถานีวิทยกุ ระจายเสยี งแห่ง ประเทศไทยเพ่อื การศกึ ษา กรมประชาสมั พนั ธ์สุทิติ ขัตติยะ. (2549). “การสารวจวิจัยผู้ฟัง” ใน เอกสารประกอบการบรรยายหลักสูตรนักจัดรายการ วิทยกุ ระจายเสียง รุน่ ท่ี 2 . กรงุ เทพฯ : สถาบันการประชาสมั พนั ธ์ กรมประชาสมั พนั ธ์สุโขทยั ธรรมาธิราช, มหาวทิ ยาลยั . (2546). เอกสารการสอนชดุ วชิ าการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง หน่วยท่ี 1-7. พิมพ์คร้ังท่ี 5. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สุโขทัยธรรมาธิราช,มหาวิทยาลัย. (2547). เอกสารการสอนชุดวิชาความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับวิทยุและโทรทัศน์ หน่วยท่ี 1-7.พิมพ์คร้ังที่ 3. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. (2547).เอกสารการสอนชุดวิชาความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับวิทยุและโทรทัศน์ หน่วยที่ 9-15. พิมพ์ครั้งท่ี 3. นนทบุรี :มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. Emm Adele. (2002X. Researching for television and radioLondon : Routledge. E. Reese David. And Lynne S. Gross. (2002). Radio production worktext : Studio and equipment. 4th ed. Boston : Focal Press.

บทที่ 2 การใช้เสยี งในรายการวิทยุกระจายเสียงวิทยุกระจายเสียงเป็นส่ือท่ีใช้เฉพาะเสียง ผู้ฟังสามารถรับฟังเน้ือหาสาระหรือจินตนาการตามด้วยการได้ยินเสียง ดังนั้นเสียงท่ีจะใช้ในวิทยุกระจายเสียงนั้น จะต้องเป็นเสียงท่ีเหมาะสมกับรูปแบบเน้ือหาของรายการเพ่ือใหส้ ามารถส่ือความหมาย ความเขา้ ใจแกผ่ ฟู้ ังได้อย่างชัดเจนองคป์ ระกอบของเสยี งในรายการวิทยุกระจายเสยี ง เออ้ื จติ วิโรจนไ์ ตรรตั น์ (2546, น. 60) ได้แบ่งองค์ประกอบของเสียงในรายการวิทยุกระจายเสียงมี 3ส่วน คอื 1. เสยี งพูด เสียงพูดและการสนทนาเป็นส่วนประกอบหลักในรายการวิทยุกระจายเสียง และถือว่าเป็นเสียงที่สาคัญที่สดุ ในรายการ เพราะทาให้สื่อความหมายกับผู้ฟังให้เข้าใจถกู ต้องไม่ผิดพลาด ซ่ึงประเภทของเสยี งพูดสามารถบง่ ออกตามประเภทตา่ งๆ ไดแ้ ก่ 1.1 ตามเพศ ไดแ้ ก่ เสียงผชู้ าย ผูห้ ญิง 1.2 แบง่ ตามวัย ได้แก่ เสียงทารก เดก็ วยั ร่นุ ผใู้ หญ่ คนแก่ 1.3 แบง่ ตามจานวนเสียงท่ไี ดย้ นิ ได้แก่ คนเดียว 2 คน 3 คน 1.4 แบ่งตามสภาพจิตใจ อารมณ์ ได้แก่ อารมณ์การนาเสนอท่ีเหมาะกับรูปแบบและเน้ือหาของรายการ หรอื การใหเ้ สยี งตามบทหรือนิสยั ของตัวละคร คณุ สมบตั ขิ องเสยี งทเี่ หมาะสมกบั งานวิทยกุ ระจายเสียง การนาเสนอเสียงทางวิทยุกระจายเสียงนั้น ควรท่ีจะมีศิลปะในการนาเสนอและต้องประกอบไปด้วยความรู้ ความชานาญ ซง่ึ เปน็ ส่ิงสาคัญในการผลิตรายการ จึงจาเป็นต้องมคี ุณสมบตั ิ ดงั ต่อไปน้ี 1. น้าเสียงชัดเจน (น้าเสียงดี) มีลักษณะที่เหมาะกับรูปแบบรายการท่ีกาลังดาเนินอยู่ สามารถสื่อความหมายตามบทบาทน้ันๆ และเป็นเสียงที่ผู้ฟังฟังแล้วสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงผู้หญิง เสียงผู้ชายเสียงเดก็ เสียงผใู้ หญ่ เป็นตน้ 2. อักขรวิธีถูกต้อง เสียงท่ีใช้ในงานวิทยุกระจายเสียงจะต้องมีการออกเสียงในการอ่านหรือพูดอย่างถกู ต้อง ชัดเจน ตามอกั ขรวิธี เช่น การรูจ้ ักเว้นวรรคตอน เวน้ ช่วงการให้นา้ หนักคา การออกเสยี งควบกล้าข้อความท่ีเปล่งออกมาสามารถสอ่ื ความหมายไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน 3. ลีลาการนาเสนอน่าฟัง การผลิตรายการวิทยุแต่ละรูปแบบควรมีลีลาในการพูดหรือการอ่านท่ีเป็นเอกลักษณ์ของผู้ดาเนินรายการ เช่น การดาเนินรายการท่ีมีการพูดคุยเป็นธรรมชาติ รู้จักใช้น้าเสียงให้เหมาะสมกบั รูปแบบรายการ มจี งั หวะจะโคนแบง่ วรรคตอนในการอา่ น 4. สื่อความหมายให้ แสดงถึงการสื่ออารมณ์ การเสนอเสียงที่มีการปรับอารมณ์ความรู้สึกให้ได้ตามบทตามข้อความท่จี ะต้องการนาเสนอเสยี ง เชน่ เสียงทีส่ ่ือความหมายเพอ่ื โน้มนา้ วใจใหท้ ากจิ กรรมใดๆ ที่กล่าวมานั้นคือ คุณสมบัติพ้ืนฐานท่ีจาเป็นสาหรับการใช้เสียงให้เหมาะกับงานวิทยุกระจายเสียงอย่างไรกต็ าม น้าเสียงของแต่ละคนมีความไพเราะ หรือน่าฟังแตกต่างกนั ซึ่งต้องหาเอกลกั ษณ์ที่เป็นตัวของตวั เองและฝกึ ฝนการออกเสยี งให้เปน็ ธรรมชาติทสี่ ดุ

2. เสียงเพลง เสียงเพลงหรือดนตรีถือว่าเป็นเสยี งอีกเสียงหนึ่งท่ีสรา้ งสีสัน บรรยากาศ อารมณ์ ความรู้สึกแก่ผ้ฟู ังและมีความสาคัญเท่าๆ กับเสียงอ่ืนๆ ท่ีประกอบในรายการ ซึ่งเพลงน้ันมีการแบ่งประเภทออกตามต้นกาเนิดเสียง แหลง่ ทมี่ าของเสยี ง และวตั ถุประสงค์ของการผลติ มีดังนี้ 2.1 แบ่งตามต้นกาเนดิ เสียง เปน็ เสียงธรรมชาตขิ องเพลง ซงึ่ มีอยู่ 2 เสยี งรวมกันอยู่ นน่ั กค็ ือเสียงเครอื่ งดนตรแี ละเสยี งคน 2.1.1 เพลงบรรเลง เป็นเพลงทไ่ี ม่มกี ารรอ้ ง เปน็ เพลงทีม่ ีแตด่ นตรีล้วนๆ เช่น เคร่อื งดนตรีอีสาน ไดแ้ ก่ แคน กลอง พณิ เครอ่ื งดนตรสี ากล ไดแ้ ก่ เปียโน ไวโอลิน เปน็ ตน้ 2.1.2 เพลงรอ้ ง เป็นเพลงท่ีมกี ารขับร้องด้วย ซ่งึ มที ้งั เพลงไทย (ลูกทุง่ ลูกกรงุ สตริง) และเพลงสากล 2.2 แบ่งตามแหล่งที่มาของเสยี ง ที่นิยมใชก้ นั มากในปัจจุบันมาจาก 2.2.1 เป็นแผน่ ซีดเี พลง 2.2.2 เทปบันทึกเสียง (cassette) 2.2.3 การแสดงสดหรือแสดงเพ่ือบันทึกเทปทห่ี อ้ งบนั ทกึ เสยี ง (studio) 2.3 แบง่ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการผลติ ในวงการผลติ เพลง มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการผลิตเพ่ือนามาใช้งานในรูปแบบตา่ งๆ ดังนี้ 2.3.1 เพื่อความบันเทงิ ท่วั ๆ ไป ซึ่งผลติ ออกมาในรปู แบบของเพลงตามสมัยนิยม 2.3.2 เพอ่ื สรา้ งภาพบรรยากาศโดยการผลิตเพลงเพือ่ จดุ มุ่งหมายเฉพาะ เชน่ มุ่งขายให้วงการโฆษณาหรือประชาสัมพันธท์ างโทรทศั น์ ภาพยนตร์ รวมถงึ งานพรีเซนเตช่นั ตา่ งๆ 2.3.3 เพ่ือแสดงในโอกาสพิเศษ เช่น เพลงประกอบในพระราชพิธีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงครองสิรริ าชยส์ มบัติครบรอบ 60 ปี 2.3.4 เพลงในภาพยนตร์หรอื ละคร (sound track) ผลติ เพลงเพ่อื ใชป้ ระกอบภาพยนตร์เรอื่ งต่างๆ ท้ังภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ เช่น Amagadon Star War แฟนฉัน ตานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สายลับจับบ้านเล็ก รวมถึงเพลงประกอบละคร เช่น ทวิภพ อุ้มรัก อนันตาลัย กรุงเทพราตรีฯลฯ ซงึ่ เพลงดังกลา่ วสร้างข้นึ เพ่ือใช้อธบิ ายหรือประกอบในเนอื้ หา เหตกุ ารณท์ ่เี กิดขน้ึ การคดั เลือกเพลงหรอื ดนตรเี พ่ือนาไปใช้ในงานวิทยุกระจายเสียง ในการเลือกเพลงหรือดนตรีเพ่ือนาไปใช้ในรายการนั้น ส่วนใหญ่แล้วสามารถเลือกใช้จากแหล่งท่ีมาของเสียงโดยทั่วๆ ไป เช่น แผ่นซีดี เทปคาสเซท ซ่ึงมีการผลิตและจาหน่ายกันอยทู่ ั่วไป และบางครั้งผูผ้ ลิตรายการอาจจะผลิตข้ึนเองก็ได้ โดยมีหลักในการคัดเพลงเพื่อนาไปใช้ในรายการได้อย่างเหมาะสม มีหลักในการเลอื ก ดังน้ี 1. เพลงประจารายการ (themes or signature tune) เป็นเพลงสัญลักษณ์หรือเอกลักษณ์ของรายการและต้องการให้ผู้ฟังจดจารายการได้ ลีลาของเพลงเหมาะสมกับรูปแบบเนื้อหารายการ นิยมเลือกใช้เพลงบรรเลง และใช้ตอนเปดิ และปดิ รายการ 2. เพลงเช่อื ม (bridge music) เชือ่ มในรายการหรอื ระหว่างรายการ อาจใช้เพลงบรรเลงหรือเพลงร้องก็ได้ข้ึนอยู่กับเน้ือหา หรือบรรยากาศในรายการโดยอาจเลือกเฉพาะท่อนเพลงบางท่อนท่ีสอดคล้องกับเน้อื หาทีก่ าลังดาเนนิ อยู่กไ็ ด้ มักใช้ในรายการสารคดี 3. เพลงทใ่ี ช้เพอ่ื สรา้ งอารมณ์ ความร้สู ึก (mood music) ใชใ้ นรายการบรรยาย สารคดี ละครพจิ ารณาใหเ้ หมาะสมกบั บุคลกิ หรือกริ ิยาอาการที่เกดิ ขึ้นตามบทของรายการ 4. เพลงท่ใี ชเ้ พื่อสรา้ งบรรยากาศ และสื่อความหมายของเสียงใหช้ ดั เจนขน้ึ (to visualize

situation) เช่น บรรยากาศของความวังเวง เงียบสงบ อาจใช้ขลุ่ย ไวโอลินบรรเลงเดี่ยว บางกรณีใช้เสยี งดนตรี เพ่ือสื่อถึงการราลกึ ถึงอดีต หรือการผลิตรายการท่ีมเี น้ือหาเก่ียวกับอวกาศ อาจเลอื กใช้บางท่อนของเพลงสตารว์ อร์ 5. เพลงค่นั ระหวา่ งรายการตอ่ รายการ (music interlude) ถ้าหากสถานีไมม่ ีการโฆษณาสินค้าระหว่างต่อรายการมักจะใช้เพลงบรรเลง หรือเพลงร้องค่ันก็ได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ลีลาของรายการท่ีเพิ่งจบไปและรายการทจ่ี ะดาเนนิ ตอ่ 6. เพลงทใ่ี ช้เพ่อื แสดงการเปลีย่ นแปลง เวลา สถานท่ี และฉาก (transitional music) ใชใ้ นรายการสารคดี หรือละคร โดยการพจิ ารณาจากอารมณเ์ พลงทสี่ อดคล้องกบั เวลาหรอื สถานที่ เชน่ เวลาเช้าเป็นเพลงสดใสร่ืนเริง หรอื อาจจะมีเสียงประกอบเป็นเสียงนก เพื่อบอกถึงเวลาเช้าก็ได้ บรรยากาศของทะเลอาจจะมีเสียงประกอบเป็นเสียงคล่ืนก็ได้ ฉากท่ีบรรยายถึงประวัติศาสตร์ ก็ควรเป็นเพลงเชิงประวัติศาสตร์เปน็ ตน้ 3. เสียงประกอบ นอกเหนอื จากเสียงพูด เสยี งเพลง ท่ีมีสว่ นสาคัญในงานวทิ ยกุ ระจายเสยี งแลว้ เสยี งประกอบ หรือsound effect นับเป็นองคป์ ระกอบสาคัญประการหนึ่งท่ีเข้ามาช่วยสร้างจินตนาการให้แกผ่ ู้ฟัง และบอกเล่าเน้ือหาสาระได้สอดคล้องกับรูปแบบรายการที่นาเสนอต่อผู้ฟัง ดังนั้นเสียงประกอบในท่ีน้ี หมายถึง เสียงท่ีนามาสอดแทรกไวใ้ นรายการ เพ่ือให้ฟังดสู มจรงิ สมจัง หรือผ้ฟู ังเกิดภาพจินตนาการตามได้ แหล่งของเสยี งประกอบ 1. จากแผ่นซีดีทไ่ี ด้รวบรวมไวแ้ ลว้ มบี ริษทั ซีดหี ลายหลายแห่งรวบรวมเสียงชนิดต่างๆ ไวใ้ นแผ่นซดี ีซ่ึงเป็นการสะดวกต่อผู้ผลิตรายการมาก เช่น ชุดเสียงสัตว์ ชุดเก่ียวกับสงคราม ชุดเสียงธรรมชาติ ชุดเสียงรถ เปน็ ตน้ 2. การบนั ทึกเทปด้วยตนเองหรอื เทปบันทกึ เสียง เสยี งบางเสียงมลี กั ษณะเป็นของมันเอง เชน่ เสยี งความวนุ่ วายของตลาดนัด เสยี งบรรยากาศของการประทว้ ง เปน็ ตน้ 3. ผลติ ข้นึ เองในหอ้ งบันทึกเสยี ง (manual sound effect) มีเสียงหลายเสียงทีส่ ามารถทาขึ้นเองได้ในห้องบันทกึ เสยี ง เชน่ เสยี งหกลม้ เสียงเดนิ เสยี งตอ่ สกู้ ัน ท้ังนีเ้ พราะการทาเสยี งเหลา่ น้ีขึ้นเอง เราจะได้เสียงท่ีตรงกับความต้องการ และการนาไปใช้ประโยชน์ของเรามากกว่าเสียงจากแผ่นซีดี เช่น เสียงตีหัวผลิตได้จากการตีลูกแตงโม เสียงประตูรถปิด ผลิตได้จากปิดหนังสือเล่มหนาๆ แรงๆ เป็นต้น (บุญเก้ือ ควรหาเวช 2539, น.63-66) หน้าที่และความสาคญั ของเสียงประกอบ เสียงประกอบ จาเป็นต้องคัดเลือกให้สอดคล้องกับเน้ือหาของรายการเพ่ือท่ีจะให้ผู้ฟังสามารถเข้าใจได้ถกู ตอ้ ง ดังนนั้ เสยี งประกอบจงึ มหี นา้ ท่แี ละความสาคัญ ดังต่อไปน้ี 1. บอกเวลา ยงั มีเสยี งประกอบหลายเสยี งที่เราสามารถนามาใชใ้ นรายการ เพ่อื เปน็ การบอกเวลาได้ เชน่ เสียงไก่ขัน นกรอ้ งบอกถึงเวลาเชา้ เสยี งจกั จัน่ เสยี งนกฮูก ชว่ ยบอกเวลาในยามราตรี เป็นต้น 2. บอกสถานทแ่ี ละชว่ งเวลา บางครัง้ สถานท่แี ละช่วงเวลาอาจจะต้องพจิ ารณาไปด้วยกัน ตัวอย่างชองเสียงท่ีแสดงถึงสถานที่ ได้แก่ เสียงหวูดรถไฟและเสียงคนจอแจ แสดงถึงสถานีรถไฟ เสียงชาม แก้วชอ้ นส้อม และดนตรีเบาๆ แสดงถึงห้องอาหาร เสยี งความวุ่นวาย และการพูดคยุ ในตลาดสด เป็นต้น 3. เสยี งบอกการกระทา หรือผลของการกระทา เสยี งของอากปั กิรยิ าบางอยา่ ง เชน่ หัวเราะ รอ้ งไห้

หกล้ม ฯลฯ เป็นเสียงที่อธิบายอยู่ในตัวเองไม่จาเป็นต้องใช้บทบรรยายมาเสริมเลย เสียงประกอบอาจช่วยบอกผลของการกระทาด้วย ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้ เสียงประกอบ : เสียงรถกาลงั วง่ิ อยา่ งเร็ว ชาย : (ฮมั เพลง) หญิง : นค่ี ณุ ขบั รถให้ช้าลงหน่อยไม่ได้หรือคุณดืม่ มาจากงานหลายแก้วนะ ชาย : เช่ือมือผมนา่ ผลหลับตาขบั ก็ยังได้ หญงิ : ข้างหนา้ ทางโค้งนะ ชาย : ใจเย็น หญงิ : โอย๊ รถสวน รถสบิ ล้อ (เสียงกรีดรอ้ ง) เสียงประกอบ : เสียงรถชน 4. เสียงประกอบชว่ ยสรา้ งบรรยากาศ สร้างมิตแิ ปลกๆ สรา้ งอารมณ์ ให้กบั ฉากบรรยากาศชนดิตา่ งๆ เช่น สนุกสนาน ร่ืนเรงิ โรแมนตกิ ตื่นเต้น วังเวง ลกึ ลับ นา่ กลัว เช่น เสียงลมพัดใบไม้ไหว เสียงการเตน้ ของชพี จร เสียงจักจน่ั เรไร เสียงดนตรใี นสารคดีเกี่ยวกับห้วงอากาศ ขอ้ ควรระวังในการใช้เสยี งประกอบ การใช้เสียงประกอบในรายการแต่ละรายการ นอกจากจะต้องมีความระมัดระวังในเร่ืองของเสียงประกอบจะต้องตรงกับวัตถปุ ระสงค์ของรายการแล้ว ยงั จะต้องคานึงถึงในเร่อื งตา่ งๆ ดังต่อไปนี้ 1. อย่าใชน้ านเกนิ ไป ปกตกิ ารใชเ้ สยี งประกอบนั้น ใชเ้ พือ่ เป็นส่วนประกอบในการทีจ่ ะใหผ้ ู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามไปอย่างราบร่ืน การใช้เสียงประกอบมากเกินไปอาจทาให้เกิดความสับสนแก่ผู้ฟังได้ดงั น้ัน การใช้เสียงประกอบควรเลือกใช้เท่าท่จี าเปน็ เท่านัน้ 2. พจิ ารณาถงึ หลักความเปน็ จรงิ ความพอดี จังหวะเวลา และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการทาเสียงประกอบ ตัวอย่างเช่น ระดับความดังของเสียงรถท่ีกาลังแล่นออกไป ควรลดระดับลงหากรถแล่นออกไปแลว้ หรอื จังหวะของเสยี งรบั โทรศพั ท์ได้จังหวะเสียงยกหกู ับเสียงพูดหรือเปล่า เป็นตน้สรปุ วทิ ยกุ ระจายเสียงเป็นสือ่ ท่ีใช้เฉพาะเสียง ผู้ฟงั สามารถรบั ฟังเนือ้ หาสาระหรือจินตนาการตามดว้ ยการได้ยินเสียง ดังนั้น เสียงที่จะใช้ในวิทยุกระจายเสียงน้ัน จะต้องเป็นเสียงที่เหมาะสมกับรูปแบบเนื้อหาของรายการ เพ่ือให้สามารถส่ือความหมาย ความเข้าใจแก่ผู้ฟังได้อย่างชดั เจน องค์ประกอบของเสียงในรายการวิทยุกระจายเสียงประกอบด้วย เสียงพูดและการสนทนา นับว่าเป็นองค์ประกอบที่สาคัญที่สุดของวิทยุกระจายเสียง เพราะทาให้เกิดความเข้าใจในการส่ือสารระหว่างรายการกับผู้ฟัง เสียงเพลงมีบทบาทเพ่ือให้ความบันเทิง สร้างอารมณ์ความรู้สึกตามเนื้อหาของรายการนั้นๆ เสียงประกอบท่ีสามารถสร้างความสมจริงตามเหตกุ ารณ์ไดใ้ นการผลิตรายการวิทยุกระจายเสยี ง มีการใชเ้ ครือ่ งมืออุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการผลติ ไดแ้ ก่ไมโครโฟน เครื่องเทปเสียง เคร่ืองเล่นซีดี แผ่นซีดี เคร่ืองขยายเสียง ลาโพง เคร่ืองผสมสัญญาณ และเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ สาหรับเทคนิคในการควบคุมเสียง สามารถทาได้โดย การจัดปรับระดับการเข้าออกของเสียง หรือเรียกว่า fades การใช้วัสดุดูดซึมเสียง หรือ acoustic treatment การจัดปรับคุณภาพและลักษณะของเสียงด้วย Equalizer การตกแต่งเสียงด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และการนาเสียงโทรศัพท์มาใช้ในรายการวทิ ยกุ ระจายเสียง หรือ phone in

เอกสารอา้ งองิกิดานนั ท์ มลทิ อง. (2544). สือ่ การสอนและการฝึกอบรม : จากส่ือพ้ืนฐานถึงสือ่ ดิจิทัล. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.บญุ เกอ้ื ควรหาเวช. (2539). คู่มือการผลิตรายการวิทยกุ ระจายเสยี ง. กรงุ เทพฯ: คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ตรนิ ทรวิโรฒ.ภาพการจดั ปรับ คุณภาพและลักษณะของเสยี งด้วย Equalizer. [ออนไลน์]. วนั สบื คน้ 3 กมุ ภาพันธ,์ 2551, จากเว็บไซต์: http://www.barryrudolph.com/mix/graph-ics/oz3equalizer.gifภาพการจัด ปรบั วสั ดดุ ดู ซมึ เสียง. [ออนไลน์]. วันสืบคน้ 6 พฤศจกิ ายน, 2550, จากเว็บไซต์: www.xav-audio.comภาพการนาคอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นงานวิทยกุ ระจายเสียง. [ออนไลน์]. วนั สืบคน้ 10 ธันวาคม, 2550, จากเว็บไซต:์ http://www.netcafethai.com/SPN/IMG_8184.jpgภาพการนาคอมพวิ เตอร์มาใช้ในงานวทิ ยุกระจายเสยี ง. [ออนไลน์]. วันสืบค้น 2 ธนั วาคม, 2550, จากเวบ็ ไซต:์ www.tarad.comภาพเครอื่ งเล่นซีดี (Compact Disc Player). [ออนไลน์]. วันสบื ค้น 2 ธันวาคม, 2550, จากเว็บไซต:์ www.mang2hand.t-hi.comภาพโปรแกรม Cool edit Pro. [ออนไลน์]. วันสบื คน้ 7 กุมภาพนั ธ,์ 2551, จากเวบ็ ไซต์: http://img503.imageshack.us/img503/5206/cooledit2bo9.jpgภาพโปรแกรม Sam broadcaster. [ออนไลน์]. วนั สืบค้น 7 กุมภาพันธ,์ 2551, จากเว็บไซต์: http://www.ov3rsky.com/event/smt8.JPGแผ่นซดี .ี [ออนไลน์]. วันสบื คน้ 2 ธนั วาคม, 2550, จากเว็บไซต:์ http://203.154.140.4/ebook3/page/Lesson4_4_5.htmเอือ้ จติ วิโรจนไ์ ตรรัตน์. (2546). “เทคนิคการใหเ้ สียงทางวทิ ยุกระจายเสียง”. ใน เอกสารการสอน ชดุ วิ ช า ก าร ผ ลิ ต รา ย ก าร วิ ท ยุ ก ระจ า ย เสี ย ง ห น่ ว ย ที่ 2 . พิ ม พ์ ค รั้งท่ี 5 . น น ท บุ รี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.E. Reese, David and Lynne S. Gross. (2002). Radio production work text : Studio andequipment. 4th ed. Boston : Focal Press.

บทท่ี 3 เทคนคิ การเป็นผู้ประกาศ และผู้ดาเนินรายการการท่ีผู้ฟังจะติดตามรับฟังรายการทางสถานีวิทยุกระจายเสียงคลื่นใดๆ อย่างต่อเน่ืองเป็นประจา ผู้ดาเนินรายการหรือผู้ประกาศก็มีส่วนสาคัญที่สามารถเรียกความสนใจจากผู้ฟัง เพื่อสร้างความศรัทธา ความนิยมหรือเรตติ้งของรายการ ไม่ว่าจะเป็นน้าเสียงที่ชัดเจนแจ่มใส มีเอกลักษณ์ และลีลาการนาเสนอเฉพาะตัวสอดคล้องกับลักษณะของรายการแต่ละประเภท ดังนั้น ผู้ประกาศและผู้ดาเนินรายการจึงมีหน้าท่ีในการนาเสนอทางส่ือวทิ ยุกระจายเสียง ดังตอ่ ไปนี้ผปู้ ระกาศทาหนา้ ที่อะไรบ้าง เฉลิมศรี หุนเจริญ (2544, น. 460) กล่าวว่า ผู้ประกาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทาหน้าท่ีส่ือสารสาระ ข้อมูล ตลอดจนความบันเทิงต่างๆ ให้แก่ผู้ฟังตามนโยบายของทางสถานี หน้าท่ีหลักๆ ของผู้ประกาศ ไดแ้ ก่ 1. การประกาศเปิด-ปดิ สถานี 2. การประกาศแจ้งผงั รายการ 3. การอา่ นข่าว บทความ ข้อความโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และประกาศตา่ งๆ ตลอดจนการเขียนบทต่างๆ ดงั กล่าว 4. การควบคุมเวลากระจายเสียงออกอากาศตามชว่ งเวลาทสี่ ถานีกาหนด 5. การบรรยายถ่ายทอดเสยี ง หรอื การรายงานเหตุการณ์นอกสถานที่ 6. งานอื่นๆ ที่เกย่ี วข้องกบั การกระจายเสยี งทางวิทยุ หรืองานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายตา่ งๆ นอกเหนือจากหน้าท่ีหลกั ๆ ดังกลา่ วแลว้ คณุ สมบัติท่ผี ูป้ ระกาศยงั ต้องมีใหถ้ กู ตอ้ ง ตามระเบียบกรมประชาสมั พันธ์ว่าด้วยการออกใบรับรองเป็นผปู้ ระกาศของสถานวี ิทยุกระจายเสยี งและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2547ซึ่งผู้ท่ีจะได้ใบรับรองเป็นผู้ประกาศของสถานีวิทยุกระจายเสยี งและวิทยุโทรทัศนจ์ ะต้องผ่านการทดสอบเป็นผู้ประกาศตามระเบียบน้ี ยกเว้นผู้ประกาศหรือเจ้าหน้าทกี่ ระจายเสียงของสถานีวทิ ยุกระจายเสยี งแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยที่ผ่านการทดสอบจากกรมประชาสัมพันธ์ เพ่ือบรรจุให้ดารงตาแหน่งดังกล่าว ดังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้ประกาศประจาสถานีต้องมีสัญชาติไทย สามารถอ่าน พูด และออกเสียงภาษาไทยได้ถกู ต้องชัดเจน ได้ใบรับรองเป็นผูป้ ระกาศจากกรมประชาสมั พันธ์ ขน้ั ตอนการยืน่ คาขอเพ่อื ทดสอบเปน็ ผู้ประกาศของสถานี จะกลา่ วรายละเอยี ดในหวั ขอ้ สดุ ท้ายของบทนี้ผูด้ าเนนิ รายการทาหน้าทอ่ี ะไรบา้ ง ผ้ดู าเนินรายการวทิ ยุกระจายเสยี ง มหี นา้ ทด่ี งั ต่อไปนี้ 1. ทาหนา้ ทพี่ ดู หรือบรรยายเนอ้ื หาสาระของรายการในรปู แบบตา่ งๆ 2. กลา่ วนารายการ ดาเนนิ รายการ เชือ่ มโยงให้รายการดาเนินไปอยา่ งราบร่นื 3. ทาหน้าทเี่ ป็นพิธีกร ผสู้ นทนา ผู้สัมภาษณ์ หรือผดู้ าเนนิ รายการอภปิ ราย 4. งานอ่นื ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องหรอื ที่ไดร้ ับมอบหมายตา่ งๆ จากหนา้ ทขี่ องผปู้ ระกาศและผู้ดาเนินรายการ สรุปได้วา่ ผ้ปู ระกาศหรือผู้ดาเนินรายการมีหนา้ ท่ีถา่ ยทอดความหมาย ความรูส้ ึกจากบท จากความนึกคดิ ทม่ี ีอยใู่ ห้ไปถึงผู้ฟังด้วยน้าเสยี งก่อนทจ่ี ะถา่ ยทอดส่งิ ต่างๆได้อย่างถูกต้อง ต้องเข้าใจถึงจุดประสงค์ของงานท่ีจะถ่ายทอด และจะเห็นว่าทั้ง 2 ตาแหน่ง มีหน้าท่ี

คล้ายคลงึ กนั ในการใช้เสียงเป็นสื่อกลางเพ่ือถา่ ยทอดข่าวสาร สาระความบันเทิงไปยังผู้ฟัง ดังนั้น ในสถานีวทิ ยุกระจายเสยี งจึงมกั จะมอบหมายงานดงั กลา่ วใหเ้ ป็นบุคคลคนเดียวกนั ก็ได้ ส่วนคุณสมบัติที่ผู้ดาเนินรายการจาเป็นต้องมีเช่นเดียวกันกับผู้ประกาศ คือ ต้องสามารถอ่าน พูดและออกเสยี งภาษาไทยไดถ้ ูกต้องชดั เจน และไดใ้ บรับรองเป็นผปู้ ระกาศจากกรมประชาสมั พนั ธ์คุณสมบตั ขิ องผู้ประกาศและผูด้ าเนนิ รายการทด่ี ี อัจฉรา หัศบาเรอ (2549, น. 227-228) เสนอแนะไว้ในการอบรมหลักสูตร “นักจัดรายการวทิ ยกุ ระจายเสียง” โดยสถาบันการประชาสมั พันธ์ กรมประชาสมั พันธ์ วา่ ผู้ที่ทาหนา้ ท่ีเปน็ ผู้ประกาศ หรือผู้ดาเนินรายการควรมคี ณุ สมบัตโิ ดยพืน้ ฐาน สรุปได้ดังต่อไปน้ี 1. มีความสามารถในการใช้ภาษาพดู ชดั เจน ถูกต้อง และคลอ่ งแคลว่ 2. ร้จู กั การปรบั ใช้นา้ เสียงให้เหมาะสมกับเวลา โอกาส และรูปแบบรายการ 3. เป็นผูอ้ ่านหนังสือไดอ้ ยา่ งแตกฉานเขา้ ใจความ และเกบ็ ขอ้ ความทีอ่ ่านไดอ้ ย่างถกู ต้อง 4. สามารถควบคมุ อารมณไ์ ด้ทกุ สถานการณ์ เพื่อควบคมุ นา้ เสียงที่ประกาศใหน้ ่าฟงั อยเู่ สมอ 5. มีความรู้ความเขา้ ใจในการใช้เคร่ืองมืออปุ กรณ์ทางเทคนิคการกระจายเสยี งพอควร 6. เป็นผูแ้ สวงหาความร้รู อบตัวอยู่เสมอ 7. มคี วามมนั่ ใจในตัวเอง นอกจากน้ี นิราตรี ศรีบุญเรือง (2545, น. 68-72) ยงั ได้รวบรวมคุณสมบัติของการเปน็ ดเี จ หรือผูด้ าเนนิ รายการเพลงไว้ 9 ประการ สรปุ คือ 1. เป็นคนทใี่ ช้ภาษาไทยได้ดี โดยเฉพาะคาควบกล้า คายากเหล่านีต้ อ้ งฝึกฝนให้สามารถส่ือสารกบัคนได้ถูกต้องชัดเจน หากดีเจพูดไม่ชัดเจนอาจทาให้ความหมายเปล่ียนและทาให้คนฟังเข้าใจผิด ดังนั้นคนท่ีอยากเป็นดเี จต้องฝกึ ใช้ภาษาไทยใหด้ ีใหพ้ ร้อมทีจ่ ะใช้งานไดท้ ุกเม่ือ 2. เปน็ คนทีม่ คี วามรรู้ อบตวั ดี คนทม่ี ีความรรู้ อบตวั ไม่ไดห้ มายความว่าตอ้ งจบการศึกษาสงู อยา่ งเดียว แต่หมายถึง การเรียนรู้และจดจาจากการอ่าน การดู การฟังและจดจาส่ิงเหล่าน้ันไว้กับตัว เพื่อสามารถนาออกมาใช้ได้อย่างถูกจังหวะ สาหรับคนท่ีให้ความสาคัญกับการใฝ่หาความรู้รอบตัวน้ัน จะทาให้สนทนากับคนหมู่มากได้หลากเรอื่ ง 3. เปน็ คนชา่ งคดิ ชา่ งสงั เกตคนท่ชี ่างสังเกตมักจะไดเ้ หน็ รายละเอียดของบางอย่างในมุมที่คนอืน่ มองข้ามไป และความช่างคิดจะสง่ ผลถึงการทางานเป็นอย่างมาก เช่น การท่ีดีเจจะเปิดเพลงสักเพลงหน่ึง และหาเพลงต่อไปที่นามาเปิดต่อก็ต้องผ่านกระบวนการคิดก่อนและมักคิดหาส่ิงใหม่ๆ ให้กับรายการ คิดสรา้ งสรรค์ให้เกดิ ส่งิ ทแ่ี ตกต่างจากคนอืน่ 4. เป็นคนช่างจดจาและกลั่นกรอง เมือ่ จดจาเร่ืองต่างๆ ที่ไปพบเจอมา กส็ ามารถเอาออกมาใช้ในรายการได้ แต่ก็ต้องผ่านการไตร่ตรองเสียก่อน ว่าส่ิงที่จดจาน้ันเหมาะสมกับคนหมู่มากท่ีต้องส่ือสารด้วยหรอื ไม่ มปี ระโยชนห์ รือโทษกบั ผฟู้ ังอยา่ งไร 5. เป็นคนฟังเพลงและร้จู กั เพลง จะทาใหเ้ ป็นดีเจท่ีเปิดเพลงไดก้ วา้ งและหลากหลาย รวมถงึ การรู้จักศิลปินหรือคนสร้างงานเบ้ืองของศิลปินนั้นๆ ด้วยสิ่งท่ีตามมาคือการพูดถึงเพลงๆ หน่ึงจะสามารถพูดได้มากกวา่ เพลงช่ืออะไร ใครร้องเท่านั้น แต่ยังสามารถพูดถงึ คนเขียนเนอ้ื ร้อง คนทาดนตรี และอีกหลายอย่างของการสรา้ งงานเบือ้ งหลงั ทสี่ ามารถนามาพูดได้ 6. เป็นคนมองโลกในแง่ดแี ละมนษุ ยส์ มั พนั ธด์ ี จะสามารถนาเสนอเรอื่ งทีไ่ ดพ้ บเจอมาในเชงิ สรา้ ง -สรรค์ เมือ่ จดั รายการก็จะทาใหร้ ายการนา่ ติดตาม และสรา้ งความสุขใหก้ ับคนฟงั นั่นเอง 7. เปน็ คนมวี จิ ารณญาณ และมคี วามม่นั ใจในตัวเองสงู เนือ่ งจากงานวิทยนุ ้นั ใชแ้ ต่เสียงในการสอื่

ความหมายให้คนฟังเขา้ ใจ คนที่เปน็ ดีเจต้องมีความมัน่ ใจในตัวเองท่ีจะถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้กบั ผู้ฟัง ต้องกล้าคิด กล้าทา กล้านาเสนอ กล้าตัดสินใจ เป็นนักวางแผนไว้ล่วงหน้าต้องทางานแข่งกับเวลา และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพราะส่วนใหญ่จัดรายการสดตลอดจนสามารถแยกแยะส่ิงที่ควรทาควรพูด หรอื สิง่ ที่เหมาะสมในการนาเสนอสง่ิ ต่างๆ ให้กับคนฟงั ได้ดี 8. เป็นคนกระตือรือรน้ ใฝ่รู้ ชอบศึกษาหาความรู้ ติดตามขา่ วสารความเปน็ ไปรอบๆ ตัวอยู่เสมอจงึ จะมเี รอ่ื งใหมๆ่ ความร้ใู หม่ๆ มาพดู คยุ แบง่ ปันใหก้ ับผู้ฟงั 9. เปน็ คนมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มีจิตสานกึ ในการสร้างสรรคส์ งั คม และเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ใี ห้แก่ผ้ฟู งัได้การฝกึ ปฏบิ ัตสิ าหรบั การเป็นผปู้ ระกาศและผู้ดาเนินรายการท่ดี ี หลายคนท่มี ีความใฝ่ฝนั ในการเป็นผู้ประกาศหรอื ผูด้ าเนินรายการทางวทิ ยกุ ระจายเสียง จาเปน็ ต้องมีการเตรียมตัวและฝึกฝนอย่างสม่าเสมอ โดยมีข้อแนะนาในการฝึกปฏิบัติสาหรับการเป็นผู้ประกาศและผู้ดาเนนิ รายการที่ดี ดงั น้ี 1. เร่มิ ต้นดว้ ยการมีความสนใจและเอาใจใส่ในการฟงั 2. ฝกึ ฝนการอา่ นออกเสียง ฝกึ ออกเสยี ง ร ล และคาควบกล้า และอา่ นคายาก 3. ลดอาการประหม่าด้วยการทดลองอ่านกับไมโครโฟน 4. ปรบั ปรงุ น้าเสียงของตนเองให้เหมาะสมกบั การเปน็ ผ้ปู ระกาศ 5. ฝึกแก้ปญั หาเฉพาะหน้าในการอา่ นหรอื ประกาศ 6. ขยันอา่ นหนงั สอื ฟังวิทยุ ดูโทรทศั น์ 7. หมั่นสังเกต ศกึ ษาลลี าการนาเสนอของผู้ประกาศ หรอื ผ้ดู าเนนิ รายการ ทสี่ ามารถใช้เปน็ แบบอย่างได้หลักปฏิบตั ใิ นการใชไ้ มโครโฟน หลักปฏิบัติในการใช้ไมโครโฟน สาหรับผู้ประกาศและผู้ประกาศและผู้ดาเนินรายการวทิ ยกุ ระจายเสียง สรปุ สาระหลักปฏิบตั ิในการใชไ้ มโครโฟนไดด้ ังน้ี 1. นงั่ อยู่ในทา่ สบายๆ ไมเ่ กรง็ จนเกนิ ไป ควบคุมลมหายใจให้ปกติ และผอ่ นคลายให้มากทีส่ ดุ และยมิ้ ใหก้ ับไมโครโฟน ก่อนท่จี ะพูดผา่ นไมโครโฟนออกไปสผู่ ้ทู ี่กาลังตดิ ตามรับฟังเราอยู่ 2. ตรวจสอบความพร้อมของไมโครโฟนว่าเปิดพร้อมใชง้ านหรือไม่ ไม่ควรเปา่ หรอื เคาะลงบนไมโคร-โฟน 3. การต้งั ระดบั เสียงของผดู้ าเนินรายการ ด้วยการทดสอบเสียงผ่านการพูดหรอื อา่ นบททีเ่ รากาลังจะอ่าน หรือพูดจริงๆ ประมาณสองสามประโยค เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีเทคนิคจะได้ตั้งเกณฑ์ระดับของเสียงน้ันได้ถูกต้อง ใกล้เคียงมากท่ีสุด เชน่ On Mic คือเสียงอยใู่ นระดับระยะการใชไ้ มค์ Off Mic คือเสียงออกห่างจากระดบั การใช้ไมค์ 4. ใช้จินตนาการดว้ ยประโยค Talk to a friend คือ Talk (Don’t read) พูดคยุ อยา่ งเปน็ ธรรมชาตเิ หมือนทที่ าอยอู่ ยา่ งปกติ ไมใ่ ช่การอา่ น To (At equal / No up or down) นึกว่าพูดกับผู้ฟังโดยตรง หรือพูดคุยเหมือนกับบุคคลเสมอกนั a (One audience only) ผู้ท่ีกาลังฟังอยู่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่คนจานวนมาก คือ พูดอยู่กบั คนเพยี งคนเดยี ว Friend (So you smile) ผู้ที่กาลงั ฟงั อยูน่ ้นั คอื เพือ่ นท่ีคุ้นเคย

5. ควรระมัดระวังเสยี งสอดแทรกต่างๆ ท่อี าจเกดิ ข้ึนในขณะพูดหรอื อา่ น เน่อื งจากเสยี งสอดแทรกอาจทาใหเ้ กดิ ความราคาญแก่ผู้ฟงั ได้ เชน่ 5.1 เสยี งลมหายใจ เสยี งจ๊อกแจก๊ ในช่องปาก 5.2 เสยี งลมพน่ ออกมาจากการออกเสียงอักษรบางตวั เชน่ ฉ ช ซ ส เปน็ ต้น 5.3 เสยี งพลิกกระดาษ 5.4 เสยี งเก้าอ้ี ปากกา ดนิ สอ หรอื เครือ่ งประดบั ต่างๆ 6. ขณะกาลงั พูด หรืออ่านออกอากาศเบ้อื งหนา้ ไมโคนโฟน ผ้ปู ระกาศ และผู้ดาเนินรายการต้องระมัดระวัง คอื การพลั้งปากออกไปโดยไมต่ ั้งใจ คือ การพลั้งออกมาเป็นคาหยาบหรือคาผวน จงึ มคี าเตือนวา่ ผู้ทีจ่ ะทาหน้าท่ีผปู้ ระกาศ และผู้ดาเนนิ รายการที่ดตี ้องไม่เผลอพูดคาหยาบ หรือชอบเลน่ คาผวน และต้องควบคุมสติอยเู่ สมอ นอกเหนือจากหลักปฏิบัติท่ีกล่าวมาข้างต้น ยังมีทัศนะของวีรพงษ์ พลนิกรกิจ (2549, น. 16-17)กล่าวไวใ้ นคู่มืออบรมทักษะการเป็นผู้ประกาศขา่ วโทรทศั น์ และนักจัดรายการวทิ ยกุ ระจายสียงซ่ึงมีข้อแนะนาเพมิ่ เติมในการใชไ้ มโครโฟนสาหรับผู้ประกาศและผดู้ าเนินรายการวิทยดุ ังน้ี 1. ในการอยหู่ นา้ ไมโครโฟน นักจัดรายการวิทยุควรอยู่หา่ งไมโครโฟนพอประมาณหรืออยา่ งน้อย 1ฝา่ มือ แล้วเพมิ่ ระดับเสียงที่เครื่องควบคุมเสียง เพื่อป้องกันการเกิดเสียงรบกวนขณะจดั รายการ อาทิ เสียงของลมหายใจ 2. นักจดั รายการวิทยุ และผปู้ ระกาศขา่ วต้องใชว้ าจาทส่ี ภุ าพ โดยเฉพาะขณะอยูห่ น้าไมโครโฟนไม่ว่าจะกาลงั ดาเนินรายการสดหรอื รายการเทป เพราะเคยเกดิ เหตุการณ์ทนี่ ักจัดรายการวิทยุ หรือผู้ประกาศข่าวไม่รู้ตัวและพูดคาหยาบในขณะท่ีไมโครโฟนเปิดและออกอากาศสร้างความเสียหายแก่ตัวเอง และสถานีวิทยุมาแล้ว 3. นักจัดรายการวิทยเุ มือ่ อยหู่ น้าไมโครโฟนอาจใชส้ หี น้า มือ ละท่าทาง เช่นเดยี วกับการพดู ปกติในชีวติ ประจาวนั ของตนเอง ซ่ึงจะทาให้น้าเสยี งมีความเป็นกันเองอีกทง้ั ยังชว่ ยลดอาการเคร่งเครยี ดได้อกี ดว้ ยนอกจากน้ี การย้ิมขณะพูดหรือขณะจัดรายการ แม้ผู้ฟังจะไม่เห็นหน้า แต่ผู้ฟังสามารถรับรู้ได้จากน้าเสียงที่แจม่ ใสของนักจัดรายการวทิ ยุเทคนคิ การเปน็ ผปู้ ระกาศ และผูด้ าเนินรายการรปู แบบตา่ งๆ การเป็นผู้ประกาศ และผู้ดาเนินรายการในสถานีวิทยุกระจายเสียงของไทยปัจจุบันพบว่าบุคคล 1คนสามารถทาหน้าที่ได้ท้ัง 2 ลักษณะ ดังน้นั ในหัวข้อนจ้ี ึงขอกลา่ วถึงเทคนิครูปแบบที่นาเสนอรายการทางวทิ ยกุ ระจายเสยี งท่เี ปน็ ทนี่ ิยม ดว้ ยรูปแบบของการอ่านขา่ ว อ่านบทความ สารคดี การดาเนินรายการละครวิทยุ การดาเนนิ รายการเพลง (ดีเจ) การอา่ นสปอตโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 1. เทคนิคการอา่ นข่าว เน่ืองจากข่าวเป็นการเสนอข้อเทจ็ จริง ดังนน้ั การอา่ นขา่ วเป็นการอ่านทตี่ ้องการความถูกต้องชัดเจน ไม่จาเป็นต้องใส่อารมณ์ลงไปในข่าว ความรู้สึกใดๆ ท่ีเกิดข้ึน เพราะข้อเท็จจริงของข่าวมิใช่จากการเน้นคา เน้นเสยี ง และอารมณ์ของผอู้ ่าน 1.1 ลักษณะการอ่านขา่ ว การอ่านขา่ วจะตอ้ งแสดงน้าเสยี งเปน็ กลาง ไม่แสดงอารมณค์ วามร้สู กึมากเกินไป จาไว้ว่าผู้อ่านเป็นสื่อกลางถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปสู่ผู้ฟัง เพ่ือให้รู้ว่า ใครทาอะไร ท่ีไหนเม่ือไร ทาไม อย่างไร ไม่จาเป็นต้องใส่อารมณ์ลงไปในข่าว อารมณ์เกิดจากข้อเท็จจริงของข่าวมิใช่การเน้นเพราะฉะนั้นอ่านอย่างมั่นใจ ความถูกต้อง ชัดเจน คือหัวใจของข่าว การอ่านนั้นต้องเป็นส่ิงท่ีสร้างความน่าเชอ่ื ถือใหเ้ กดิ ขนึ้

1.2 หน้าที่ของผู้อา่ นขา่ ว หนา้ ทขี่ องผ้อู า่ นขา่ วหรอื ประกาศข่าว จาเป็นต้องสนใจในเรอื่ งเหลา่ นี้คือ 1.2.1 สนใจศกึ ษาหาความรู้ ทาความเข้าใจกับข่าว หรอื สถานการณข์ องโลกปัจจุบนั ไม่ว่าจะเปน็ เรอื่ งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็นตน้ 1.2.2 เตรียมตวั ในการอา่ นขา่ วออกอากาศลว่ งหน้าทุกคร้งั เพือ่ มิใหเ้ กิดความผิดพลาดได้เนื่องจากอาจมีผลต่อผู้ฟัง จะได้ข้อมูลท่ีผิดพลาด และมีผลกระทบถึงทางสถานีวิทยุกระจายเสียง ทาให้ความนา่ เช่ือถือตอ่ ผอู้ ่านและตอ่ สถานีลดน้อยลงไปดว้ ย 1.2.3 ซ้อมอา่ นบท เพอ่ื ตรวจแกค้ าพดู เว้นวรรค วางจงั หวะการอ่านทาใหเ้ กิดความม่นั ใจในการอา่ นออกอากาศต่อไป 1.2.4 มไี หวพรบิ ในการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ 1.2.5 มีความสามารถในการอ่านใหถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม 2. เทคนิคการอา่ นบทความและสารคดี การอ่านบทความและสารคดี เป็นการอ่านทผ่ี อู้ า่ นตอ้ งใชค้ วามพยายาม ทีจ่ ะโน้มนา้ วทาใหผ้ ู้ฟงัเกิดความเช่ือและปฏิบัติตามจุดประสงค์ของบทความนั้น หรือการนาเสนอเพ่ือให้ผู้ฟังได้จินตนาการภาพตามเรื่องราวของสารคดีชุดนั้น จึงควรพิถีพิถันในการเลือกใช้เสียงอ่านท่ีเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นความดัง-ค่อยของเสียง ความนุ่มนวลหรือขึงขัง จริงจัง เพื่อกระตุ้นหรือเรียกร้องให้ผู้ฟังเห็นด้วยและคล้อยตาม ตามจุดประสงค์ของเนอื้ หาบทความหรอื สารคดีดงั กลา่ ว โดยมเี ทคนิคการอา่ นบทความและสารคดี ดงั น้ี 2.1 การอ่านบทความ ให้อา่ นออกเสยี งด้วยนา้ เสียงทม่ี กี ารทอดจังหวะ การเวน้ วรรคตอนน้าเสียงสงู -ต่า สลับกนั เพอื่ ไม่ใหร้ าบเรียบจนเกนิ ไป 2.2 เมือ่ เรม่ิ ตน้ หัวประโยคมกั เน้นดว้ ยการขึ้นเสียงสงู จากน้ันใหท้ อดจังหวะด้วยเสียงสม่าเสมอ 2.3 การอา่ นสารคดี ควรใช้ลีลาการอ่านแบบเลา่ เรื่อง อา่ นให้เป็นธรรมชาติและเปน็ ภาษาพูดจะไดไ้ ม่น่าเบ่ือ 2.4 การฝึกทอดสายตาลว่ งหน้าในประโยคถัดไป เพ่ือใหอ้ ่านจับใจความได้เร็วกระชบั และสื่อความหมายสมบรู ณต์ ามเนอ้ื หา 2.5 ควรศึกษาอารมณข์ องเรือ่ งว่า บทความ หรือสารคดีน้มี งุ่ เสนออะไร อารมณอ์ ย่างไร หากรู้อารมณ์ของเรือ่ ง ผอู้ ่านจะสามารถเน้นใจความทสี่ าคัญไดถ้ ูกต้อง ใชน้ า้ เสยี งไดเ้ หมาะสมกับอารมณ์ 3. เทคนคิ การดาเนนิ รายการละครวิทยุ การดาเนนิ รายการละครวิทยุ ถอื เปน็ การแสดงอย่างหนงึ่ ท่ตี ้องอาศัยเพียงแค่เสยี งถา่ ยทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร หรือเล่าเรื่องราว การดาเนินเรื่องต้ังแต่ต้นจนจบให้ผ้ฟู ังได้เพลิดเพลินกับการแสดงนั้น การดาเนินรายการละครวิทยุจึงเร่ิมจากการตีความบทพูด หรือบทสนทนา มีความจาเป็นมากเพราะจะทาให้ผู้แสดงมีความเข้าใจในเรื่องท่ีจะถ่ายทอดถึงผู้ฟัง ทาให้เข้าใจจุดประสงค์ของเร่ืองอันเป็นแนวทางสู่การพูด สนทนา เล่าเหตุการณ์ให้ถูกต้องเป็นไปตามความมุ่งหมายของเรื่อง เทคนิคการดาเนินรายการละครวิทยคุ วรปฏิบตั ิ ดงั น้ี 3.1 การอา่ นบทอยา่ งน้อย 2 ครง้ั เพ่ือศึกษาแกน่ ของเรอ่ื ง 3.2 คน้ หาว่าอะไรคอื จดุ สนใจอยา่ งเทจ็ จริงของเรื่อง และสามารถทาใหค้ วามสนใจนน้ั เดน่ ชัดออกมาไดห้ รอื ไม่ เชน่ ละครชวี ติ ละครสะท้อนสังคม ละครเชงิ วิทยาศาสตร์ 3.3 ศกึ ษาอารมณ์โดยทว่ั ไปของบท และอารมณข์ องแตล่ ะฉากจะเปล่ียนตรงไหน 3.4 ศึกษานิสยั ของตวั ละครทส่ี รา้ งตามบท

3.5 สวมบทบาทเป็นตวั ละครที่ได้รับมอบหมาย ลองใช้เสียงแสดงอารมณห์ รอื พฤติกรรมของตวัละครในแต่ละสถานการณ์ ด้วยระดับท่ีเกินจริงกว่าปกติเล็กน้อย (over action) เน่ืองจากผู้ฟังไม่ได้เห็นภาพตัวละคร แต่เสยี งของนักแสดงจะเปน็ ตัวสะท้อนพฤตกิ รรมดังกล่าวของตวั ละครแทน 4. เทคนิคการดาเนินรายการเพลง (ดเี จ) รายการวทิ ยกุ ระจายเสียงในปัจจบุ นั ส่วนใหญผ่ ดู้ าเนินรายการหรือทม่ี กั เรยี กจนค้นุ เคยว่าดเี จ จะดาเนินรายการโดยท่ีไม่ได้ใช้บท เช่น รายการเพลง หรือแม้กระทั่งผู้ดาเนินรายการสัมภาษณ์ รายการสนทนา รายการอภปิ ราย กม็ ีเพียงการกาหนดหัวข้อหรือประเดน็ ปลายเปดิ ไว้เท่านน้ั ดงั นั้นผู้ดาเนินรายการท่ีไม่ใช้บทในลักษณะดังกล่าวน้ีต้องเป็นผู้มีข้อมูลมาก มีความม่ันใจ รวมถึงการใช้ปฏิภาณไหวพริบ สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเรียกข้อมูลท่ีมีอยู่ในความทรงจามาใช้ได้อย่างราบรื่นและสอดคล้องกับรายการแนวทางสาหรับการดาเนินรายการเพลงของดเี จโดยไมใ่ ชบ้ ท มีดังนี้ 4.1 ผ้ดู าเนินรายการหรอื ดเี จตอ้ งมคี วามรเู้ รื่องท่จี ะพดู แต่บางครงั้ ทีผ่ ู้ดาเนนิ รายการอาจได้รบัมอบหมายให้พูดในเรื่องที่ไม่ถนัด ผู้ดาเนินรายการจาเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับตัวเองและงานที่ต้องทาด้วยการคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ 4.2 มีความกระตอื รอื ร้นที่จะพดู คุยกบั ผู้ฟงั ตลอดเวลา 4.3 สร้างเอกลกั ษณใ์ หต้ นเอง และปรบั ปรงุ บคุ ลกิ ใหเ้ ป็นท่นี ่าสนใจอยเู่ สมอ ในการใชน้ ้าเสยี งการใช้ภาษา พัฒนาความสามารถในการถา่ ยทอดความร้สู กึ ความนา่ สนใจไปยงั ผูร้ บั ปฏิภาณไหวพรบิ และเสน่ห์ตา่ งๆ มีส่วนช่วยในการสร้างความประทบั ใจใหเ้ กิดข้นึ ในขณะที่พูดได้มาก 5. เทคนิคการอา่ นสปอตโฆษณา การนาเสนอสปอตโฆษณา หรอื ประชาสมั พนั ธใ์ นรายการวทิ ยกุ ระจายเสยี ง ให้มีความนา่ สนใจหากผู้ผลิตรู้จักเลือกนาเสนอในรูปแบบท่ีแตกต่าง แปลกใหม่ การใช้น้าเสียงลีลาในการอ่านสปอตจึงมีส่วนสาคัญในการดึงความสนใจจากผู้ฟัง หรือมีส่วนในการกระตุ้นย้าเตือนให้ผู้ฟังจดจาได้ ดังนั้น เทคนิคการอา่ นสปอตโฆษณาจึงมีแนวทางมส่ี ามารถทาไดง้ ่ายๆ โดย 5.1 เมอ่ื มบี ทโฆษณาแลว้ ควรศึกษาวัตถุประสงคข์ องสปอตโฆษณาหรือประชาสมั พันธ์ชุดน้นั ว่าต้องการสื่ออะไรแก่ผู้ฟัง เช่น เพื่อโน้มน้าวใจ เพื่อขอความร่วมมือ เพื่อแจ้งให้ทราบ เพื่อขายสินค้า เพื่อเสนอแนวคดิ ใหม่ และเพ่อื สรา้ งความสงสยั ใหห้ นั กลับมาฟังอีกคร้ัง 5.2 ตคี วามหมายหรือารมณข์ องสปอต เชน่ อารมณ์สนกุ สนาน อารมณจ์ รงิ จงั อารมณ์อ่อนหวานไพเราะ เป็นต้น เพ่ือให้การอ่านสปอตเข้าถงึ อารมณ์ของเนื้อหา 5.3 เลอื กเสยี งท่เี หมาะกบั สปอตชุดต่างๆ เชน่ การเลอื กเสียงผู้ชายหรือผู้หญงิ ท่ีเข้มแข็ง จริงจงัเป็นทางการ ในสปอตรณรงค์การเลือกต้ัง การเลือกเสียงสนทนาหลากหลายระหว่างเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่นในสปอตโฆษณาไอศกรมี สเวนเซ่นส์ 5.4 การอ่านสปอตโฆษณาใชเ้ ทคนคิ คลา้ ยกับการแสดงละครวิทยุ (over action) ทตี่ อ้ งมีสีสันสมจริงสมจังในพฤติกรรมที่สะท้อนออกมาสรุป ผู้ดาเนินรายการหรือผู้ประกาศมีส่วนสาคัญที่สามารถเรียกความสนใจจากผู้ฟัง มีผลทาให้รายการวิทยุกระจายเสียงได้รับความนิยมหรือเรตต้ิงของรายการ ดังน้ัน คุณสมบัติของผู้ประกาศและผู้ดาเนินรายการท่ีดี ประกอบด้วยคุณสมบัติหลายประการ เช่น ความสามารถในการใช้ภาษาพูด ชัดเจน ถูกต้องและคล่องแคล่ว การปรับใช้น้าเสียงให้เหมาะสมกับเวลา โอกาส และรูปแบบรายการ รวมถึงการรู้จัก

ขวนขวายศึกษาข้อมูลเพ่ือมานาเสนอให้ผู้ฟังอย่างต่อเน่ือง เทคนิคการเป็นผู้ประกาศและผู้ดาเนินรายการมีความแตกตา่ งข้ึนอยู่กับรปู แบบของรายการ เช่น การอ่านข่าวมีเทคนิคคือ อ่านให้ถูกต้อง ชัดเจน ด้วยน้าเสียงหนักแน่น ไม่ใส่อารมณ์ความรู้สึกของผ้อู ่านลงไปในขา่ ว เทคนคิ การอ่านบทความและสารคดี ให้อา่ นออกเสียงด้วยน้าเสยี งทีม่ กี ารทอดจังหวะ การเว้นวรรคตอนน้าเสียงสูง-ต่า สลับกัน เพื่อไม่ให้ราบเรียบจนเกินไป เทคนิคการดาเนินรายการละครวิทยุถา่ ยทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร หรือเล่าเรือ่ งราวการดาเนินเรือ่ งต้ังแต่ต้นจนจบให้ผู้ฟังได้เพลิดเพลินกับการแสดงนั้น เทคนิคการดาเนินรายการเพลง (ดีเจ) โดยการสร้างเอกลักษณ์ให้ตนเอง ในการใช้น้าเสียงการใช้ภาษา ความน่าสนใจ ปฏภิ าณไหวพรบิ และเสน่หต์ า่ งๆ มีสว่ นชว่ ยในการสร้างความประทับใจให้เกดิ ขึ้นในขณะที่พูดไดม้ าก เทคนิคการอ่านสปอตโฆษณา ด้วยการนาเสนอในรูปแบบทแ่ี ตกต่างๆ แปลกใหม่ การใช้น้าเสียง ลีลาในการอ่านสปอต ใช้เทคนิคคล้ายกับการแสดงละครวิทยุ (over action) ท่ีต้องมีสีสัน สมจริงสมจังในพฤติกรรมทสี่ ะท้อนออกมาเอกสารอา้ งอิงกรมประชาสมั พนั ธ.์ (2547 : กันยายน). ประกาศกรมประชาสมั พันธ์ เรอื่ ง กาหนดหลกั เกณฑก์ ารออก ใบรบั รองเปน็ ผู้ประกาศของสถานีวิทยกุ ระจายเสยี งและวทิ ยโุ ทรทัศน์เฉลมิ ศรี หนุ เจริญ. (2544). “เทคนคิ การเปน็ ผู้ประกาศขา่ วและผ้ดู าเนินรายการ.” ใน เอกสารการสอนชดุ วิช าก ารผ ลิ ต ราย ก ารวิท ยุ ก ระจ าย เสี ย ง ห น่ วย ที่ 8. พิ ม พ์ ค รั้งที่ 4. น น ท บุ รี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชนริ าตรี ศรบี ุญเรอื ง. (2545). เปน็ ดเี จ ?. กรุงเทพฯ: ปริยทัศน.์ราชบณั ทิตยสถาน. (2543). อา่ นอยา่ งไรและเขียนอยา่ งไร ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รงั้ ที่ 15. กรงุ เทพฯ: อรณุ การพมิ พ์.วีรพงษ์ พลนกิ รกจิ . (2549). คู่มืออบรมทักษะการเป็นประกาศขา่ วโทรทัศนแ์ ละนักจดั รายการ วิทยกุ ระจายเสยี ง. นครราชสีมา: สานกั วิชาเทคโนโลยสี งั คม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี ุรนาร.ีอจั ฉรา หัศบาเรอ. (2549). “คุณสมบตั ิของผูป้ ระกาศและผูด้ าเนินรายการที่ด.ี ” ใน เอกสารประกอบการ บรรยายหลกั สูตรนักจัดรายการวิทยุกระจายเสียง รุ่นท่ี 2. กรุงเทพฯ: สถาบันการประชาสัมพันธ์กรมประชาสัมพันธ์.

บทที่ 4 การเขียนบทวิทยุกระจายเสียงวิทยุกระจายเสียงต้องอาศัยการถ่ายทอดเน้ือหาสาระโดยใช้เสียงเปน็ ส่อื กลางระหว่างผูส้ ง่ กับผู้รับฟงั ซึ่งไม่เห็นหน้ากัน ดังนั้น เสียงทุกเสียงท่ีส่งไป จึงต้องส่ือความหมายและความเข้าใจได้เป็นอย่างดี การถ่ายทอดจินตนาการไปยังผู้รับฟังจึงเกิดจากการเรียบเรียงข้อมูลเนื้อหาสาระ ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดที่ถ่ายทอดลงสู่“บทวิทยุ” เพอื่ ให้ผูร้ บั ฟงั เกิดการรับรู้เชน่ เดยี วกับทผ่ี ้สู ่งหรือผู้เขียนบทตอ้ งการ ภาพท่ี 4.1 ภาพแสดงบทรายการวิทยกุ ระจายเสียงความหมายและความสาคญั ของบทวิทยุกระจายเสียง บทวิทยุกระจายเสียง หมายถึง ข้อความที่บอกกล่าว เล่าเร่ืองเหตุการณ์ต่างๆ ต้ังแต่ต้นจนจบรายการ รวมถึงรายละเอียดของรายการวิทยุกระจายเสียงท่ีเรียบเรียงอย่างมีลาดับข้ันตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดด้วยเสียงใหผ้ ู้ฟังจินตนาการเป็นภาพตรงตามวัตถุประสงค์ผู้บอกกล่าว ท้ังน้ี เพ่ือทาให้รายการดาเนินไปอย่างมีทิศทางตามขอบเขตเนอื้ หา รูปแบบรายการทกี่ าหนดไว้ ความสาคัญของบทวิทยุกระจายเสียงเป็นสิ่งที่บอกเนื้อหาสาระ รูปแบบ ลาดับการนาเสนอตลอดจนรายละเอียด เป็นแนวทางให้ผู้ทางานทราบว่าใครจะทาอะไร เช่น ผู้ดาเนินรายการจะพูดอะไรเม่ือไร ผู้คุมเสียงจะเปดิ เพลงอะไร และไวเ้ พือ่ ค้นควา้ ได้ สรุป บทวิทยุนั้นมีความสาคัญมากในด้านการผลิตรายการ โดยสามารถถา่ ยทอดจินตนาการออกมาให้เห็นเป็นตัวอักษร และใช้เป็นเครื่องมือสาหรับผู้ร่วมรายการทุกคนให้มีความเข้าใจในกระบวนการผลิตตรงกัน ประกอบกบั บทวทิ ยุน้นั สามารถใชเ้ ป็นข้อมูลอา้ งอิงได้ ภาพที่ 4.2 ภาพแสดงผดู้ าเนินรายการรายการตามบทวทิ ยุกระจายเสยี งประเภทของบทวทิ ยกุ ระจายเสียง บทวทิ ยุทใ่ี ชใ้ นงานวิทยุกระจายเสยี งสามารถแบง่ ได้ ดงั นี้

1. บทโครงร่างรายการอย่างคร่าวๆ (rundown sheet) เปน็ บททบี่ อกคิวการดาเนนิ การระหว่างการผลิตรายการตั้งแต่ต้นจนจบว่า ใครจะทาอะไร เมื่อไร อย่างไร บทแบบน้ีจะไม่มีรายละเอียดของเนื้อหาและมักใช้เป็นที่เข้าใจเฉพาะผู้ร่วมงาน บทแบบนี้เหมาะสาหรับรายการสัมภาษณ์ รายการสนทนา รายการอภิปราย รายการพดู คยุ รายการเพลงประเภท Disc Jockey ซ่งึ มรี ายละเอียด ดงั นี้ 1.1 ช่ือรายการ 1.2 รปู แบบรายการ 1.3 ลาดับรายการ 1.4 ประเด็นหรือแนวในการพดู หรือแนวคาถาม 1.5 เพลงที่ใช้ในรายการ 2. บทวิทยุกระจายเสียงแบบก่ึงสมบูรณ์ (semi script) เป็นบทท่ีมีรายละเอียดของเนื้อหาตามลาดับข้ันตอน มีคาพูดที่สาคัญๆ และเสียงท่ีต้องการใช้ โดยมีบางส่วนที่เปิดกว้างไว้ไม่กาหนดรายละเอียดลงไป โดยมักใช้ในรายการสัมภาษณ์ รายการอภิปราย รายการนิตยสารทางอากาศ และรายการสารคดี 3. บทวิทยุกระจายเสียงแบบสมบูรณ์ (fully script) เป็นบทที่มีคาพูดทุกคาพูดเรียงลาดับตามขั้นตอน รูปแบบรายการท่ีใช้บทประเภทน้ี ได้แก่ ละครวิทยุ สปอตโฆษณา รายการสารคดี รายการข่าวและบทความสว่ นประกอบของบทวทิ ยุกระจายเสียง บทวิทยุกระจายเสียงจะประกอบดว้ ย สว่ นประกอบสาคญั 3 ส่วนดังน้ี 1. สว่ นหวั (heading) จะบอกช่อื รายการ ชอ่ื ตอน สถานที อี่ อกอากาศ ความถี่ และวนั - เวลาที่ออกอากาศ 2. ส่วนเนื้อหา (body) เป็นรายละเอียดของเน้ือหา เรื่องราว ตามลาดับ เป็นส่วนท่ีบอกถึงผูเ้ ก่ยี วข้องในรายการวา่ จะตอ้ งทาอะไร 3. ส่วนปิดท้าย (closing or conclusion) เป็นส่วนสรุปเน้ือหา กล่าวขอบคุณผู้ร่วมรายการสว่ นนีจ้ ะเปน็ ส่วนทแี่ สดงให้ผฟู้ ังทราบว่ารายการกาลังจะจบลง ดังจะไดน้ าเสนอใหเ้ ห็นภาพรวมในตารางข้างล่างน้ี ซง่ึ ทัง้ สามส่วนจะต้องพิจารณาดูวา่ เป็นรายการประเภทใด ใชร้ ูปแบบการนาเสนอแบบใดตารางที่ 4.1 แสดงสว่ นประกอบของบทวิทยุกระจายเสยี งลาดับ สว่ นประกอบ เสียง รูปแบบ นาที 51 ส่วนหวั ช่อื รายการ/สถานี/ความถี่ จิงเก้ิลประจารายการ 40(heading) วนั -เวลาทีอ่ อกอากาศ เพลงประจารายการ/ 5INTRO…. ผ้ดู าเนนิ รายการ พูดคยุTitle ทกั ทาย/เกรนิ่ นา2 CONTENT ผดู้ าเนินรายการเขา้ สู่สาระ พดู คยุ /สมั ภาษณ์/เพลง/(ส่วนเนื้อหา) ตามเน้อื หาของบท สปอตโฆษณา/เกม3 CONCLU- สรุปสาระท้ังหมด/ พูดคยุ /ฝากข้อคดิ /คาคม/SION ขอบคุณผ้ฟู งั และสถานี/ เพลงประจารายการ/(สรุป) ลารายการ จิงเกล้ิส่วนประกอบของบทวทิ ยุกระจายเสียง

ชอ่ื รายการ................................................................................................................... ...................วัตถปุ ระสงค/์ รูปแบบรายการ...........................................................................................................สถานีวิทย.ุ ............................................................................................... .......................................วนั /เวลา................................................................................ .........................................................ความยาว................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................fade in เพลงประจารายการ (แผน่ CD…………..วนิ าท)ี fade under แล้ว fade out…………………………………………………………………………………………………………...............…………………………….ผ้ดู าเนินรายการ สวสั ดคี ่ะ คุณผูฟ้ งั ...................................................................................................ดนตรี................................................................................................... ...........................................ผดู้ าเนนิ รายการ...................................................................... .........................................................สปอตโฆษณา..................................................... ..............................................................................ผดู้ าเนินรายการ................................................................... ............................................................ดนตรี................................................................ ..............................................................................fade in เพลงประจารายการ (แผน่ CD…………..วินาที) fade under แล้ว fade out…………………………………………………………………………………………………...............……………………………………..ขั้นตอนและหลกั ในการเขียนบทวิทยุกระจายเสยี ง รายการทุกรายการก่อนลงมือเขียนเปน็ บท เราควรศึกษาแนวคดิ ของรายการโดยเบ้ืองต้นให้ถ่องแท้เสียก่อน ซึ่งจะชว่ ยในการจดั ลาดับหรอื วางเค้าโครงของรายการได้อยา่ งดวี ่าควรจะเรมิ่ ต้นอยา่ งไร ดาเนินไปอย่างไร และจบอยา่ งไร 1. จดุ เร่ิมต้นการเขียนบทวิทยกุ ระจายเสยี ง 1.1การกาหนดแนวคิดรายการ เป็นจุดเร่ิมต้นในการช้ีแนวทางว่าเราจะทาอะไร จะนาเสนออะไร ท้ังนี้ก่อนการเขียนบทผู้เขียนบทต้องทราบวัตถุประสงค์รายการ ข้อมูลพื้นฐานของรายการ เพ่ือกาหนดแนวคิดรายการ การกาหนดแนวคิดต้องคานึงถึงผู้ฟังเป้าหมายของรายการว่ามีความเหมาะสม มีประโยชน์หรอื อยใู่ นความสนใจของผู้ฟงั หรือไม่ แนวคิดรายการจะสามารถนาเสนอในรูปแบบรายการอย่างไรท่เี หมาะสมกับผู้ฟังเปา้ หมายเวลาและความยาวของรายการ 1.2 การค้นคว้า เมื่อได้แนวคิดคร่าวๆ แล้ว งานต่อไปคือการค้นคว้าหาข้อมูลมาสนับสนุนแนวคิดของรายการ ซึ่งเป็นงานท่ีสาคัญของผู้เขียนบท การค้นคว้าข้อมูลจะได้จากแหล่งต่างๆ ได้แก่ห้องสมดุ หนงั สอื ประเภทตา่ งๆ การสัมภาษณผ์ ู้เก่ียวข้อง 1.3 ลงมือเขียนบท หลงั จากไดข้ อ้ มลู ควรกาหนดประเด็นหรือเค้าโครงเรื่องก่อน จากน้ันจึงมากาหนดโครงสร้างเรื่องโดยยึดหลักว่า ขึ้นต้นรายการเนื้อหาให้เข้าใจง่าย น่าสนใจ สรุปเน้ือหา และปิดรายการอย่างน่าประทบั ใจ 1.4 ตรวจทานบท เม่อื เขียนบทเสร็จควรตรวจทานบทอกี คร้ังหนงึ่ เพ่ือดูวา่ การใชภ้ าษาชัดเจนเหมาะสม ถูกต้องหรือไม่ สะดวกในการอ่านออกเสียงหรือไม่ ฟังเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดหู ความน่าสนใจความครบถ้วนของเน้ือหา การลาดับเน้ือหาเป็นอย่างไร เวลาของรายการได้ตามกาหนดหรือไม่ (รวมดนตรีและเสยี งประกอบ) เมอ่ื ปรับปรงุ บทเรยี บร้อยแลว้ จงึ แจกจ่ายบทใหท้ มี งาน เพ่ือดาเนินการผลติ รายการต่อไป 2. ข้นั ตอนการเขยี นบทวิทยกุ ระจายเสยี ง

การเขยี นบทรายการจะช่วยปอ้ งกนั ความผิดพลาดในการนาเสนอเนอื้ หา และสามารถปรบั ปรงุเน้ือหาได้ทันก่อนการออกอากาศ เราสามารถจัดลาดับและแบ่งขั้นตอนการเขียนบทออกเป็น 4 ข้ันตอนหลักๆ ดังนีค้ ือ 2.1ขัน้ เริ่มรายการ (introduction) เป็นขั้นตอนของการเปิดรายการ หรือแนะนารายการ เป็นข้ันเรียกร้องความสนใจซ่ึงต้องใช้ความสามารถในการจูงความสนใจและเรียกร้องให้ผู้ฟังตรึงอยู่ในรายการน้ีต่อไปให้มากท่ีสุด โดยอาจจะนารายการด้วยวิธแี นะนารายการส้ันๆ ง่ายๆ มาเป็นจุดดึงความสนใจเพ่ือใหเ้ กิดความอยากรอู้ ยากติดตาม หรอื อาจใช้เทคนคิ การตงั้ คาถาม หรือใช้เสยี งประกอบหรือดนตรี การใช้คาถาม เป็นการสร้างความสงสัยให้แก่ผู้ฟัง ทาให้ผู้ฟังอยากรู้ อยากคิดตามเพื่อจะได้ทราบคาตอบ ทาให้ต้องติดตามต่อไป เช่น คุณผู้ฟังเคยสงสัยหรอื เปล่าคะวา่ ทาไมเม่ือมีอากาศร้อนจัด แล้วจึงตามมาดว้ ยฝนฟา้ คะนองและเกิดฝนตกในทสี่ ดุ การใช้เสียงประกอบหรือดนตรี เป็นการเปิดรายการโดยใช้เสียงประกอบหรือดนตรีสร้างความสนใจให้ผู้ฟังหยุดคิดและติดตาม หรือใช้เพลงท่ีมีความหมายสอดคล้องในรายการมาดึงดูดในช่วงเริ่มต้น เช่นเสยี งการเชดิ สงิ โต เปิดนารายการเพ่ือดงึ เข้าสู่เรื่องราวของเทศกาลตรุษจีน เสยี งอุบัตเิ หตุ เพื่อสร้างจุดสนใจให้ผู้ฟังหยุดคดิ และตดิ ตามในการนาเสนอเนื้อหาของวนั หยุดชว่ งเทศกาลสงกรานต์ 2.2ขั้นจัดรูปและตกแต่งรายการ (development) ข้ันนี้เป็นการนาเอาแก่นของเรื่องมาขยายแล้วจัดให้เป็นรูปแบบรายการท่ีน่าสนใจ ใชเ้ ทคนิคต่างๆ ให้เหมาะสม ขน้ั นี้มคี วามสาคญั ท่ีจะทาใหร้ ายการมีรสชาติ สมอารมณม์ ากขึ้น 2.3 ขน้ั สร้างจดุ ประทับใจ (climax) ขั้นตอนนีเ้ ป็นขั้นทสี่ ามารถสรา้ งความประทบั ใจของรายการโดยการเสนอประเด็นสาคัญๆ หรือความคิดเห็นต่างๆ หรือถ้าเป็นละครวิทยุก็หมายถึงการสร้างปมมาตลอดแล้วมาคลี่คลายปมปริศนา หรือหักมุม โดยผู้ฟังไม่คาดคิดมาก่อน บางคร้ังเป็นจุดวกกลับของเร่ือง (turn)หรอื ในรายการสารคดี เปน็ จุดประทับใจ หากเปน็ รายการอภปิ รายจะเป็นจุดวกกลับ 2.4 ข้ันสรุป (conclusion) เป็นข้ันที่นาข้ันตอนดังกล่าวท้ัง 3 ข้ัน มาตอกย้าหรือทบทวนโดยเรยี บเรียงเขา้ ดว้ ยกนั อย่างมรี ะเบียบ เพือ่ ให้ผู้ฟงั กระจา่ งชดั แจง้ และจดจาได้ง่าย ดังจะได้แสดงใหเ้ หน็ สัดสว่ นในแต่ละข้นั ตอนของการเขียนบทรายการ 25 นาทีตารางท่ี 4.2 แสดงสดั สว่ นในแตล่ ะขน้ั ตอนของการเขียนบทรายการ 25 นาที5 นาที 5 นาที 10 นาที 5 นาทีข้ันท่ี 1 แนะนา ขนั้ ท่ี 2 จดั รปู และ ข้นั ที่ 3 เสนอประเดน็ ขัน้ ที่ 4 ขนั้ สรปุรายการ ตกแตง่ รายการ ต่างๆ สรา้ งจุด สุดทา้ ย ประทับใจ 3. หลักการเขยี นบทวิทยกุ ระจายเสียง การเขยี นบทผู้เขียนบทควรคานงึ ถึงหลกั การดงั ต่อไปนี้ 3.1 ผู้เขียนบทควรเข้าใจองค์ประกอบของการดาเนินรายการวิทยุกระจายเสียง ได้แก่วัตถุประสงค์รายการ กลุ่มผู้ฟังเป้าหมาย เน้ือหารายการ วิธีการเสนอรายการ เวลาท่ีออกอากาศ ความยาวรายการ ความหลากหลาย และความเปน็ เอกภาพ 3.2 การรูจ้ ุดม่งุ หมายของการเขยี นบท ไดแ้ ก่ 3.2.1 การรายงาน เล่าเรือ่ ง ถ่ายทอดสิ่งท่เี กิดข้ึนไปยงั ผู้ฟังอย่างถูกต้องตามข้อเท็จจรงิ 3.2.2 เขียนบทเพือ่ ให้ความรู้ (to knowledge) ใหร้ ายละเอียดของเรื่องราวต่างๆ ท่ีเปน็ประโยชน์ในชีวิตประจาวนั

3.2.3 เขยี นบทเพอ่ื โน้มนา้ วชกั จูงใจ (to persuade) ให้ผูฟ้ ังรสู้ กึ คิด หรือมีความเชื่อ มีความเหน็ คลอ้ ยตาม เป็นการเชญิ ชวนเพ่อื ใหเ้ กิดการกระทาหรอื ตอบสนองในทางใดทางหน่ึง 3.2.4 เขียนบทเพือ่ ความบันเทงิ (to entertain) ให้ความเพลิดเพลิน ความสุข สบายใจ 3.3การสร้างความเข้าใจโครงสร้างรายการ เพื่อเป็นการสร้างความหลากหลายและความกลมกลืนของรายการ 3.4 ควรรจู้ ริงในเรอ่ื งที่จะเขียน โดยได้จากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ 3.5 ศึกษาเทคนิคการเขียนบท หลักงา่ ยๆ ดว้ ยการตอบคาถาม คือ 5W+1H 3.5.1 ใคร (Who) กล่มุ ผู้ฟงั เปา้ หมายของรายการวิทยกุ ระจายเสยี งนั้นคือใคร 3.5.2 ทาไม (Why) เขยี นบทนน้ั เพอ่ื วัตถปุ ระสงค์อะไร 3.5.3 อะไร (What) อะไร คอื แก่นของรายการ 3.5.4 เมอ่ื ใด (When) ชว่ งวนั เวลาที่ออกอากาศให้สอดคล้องกับเนื้อหาสาระเรื่องน้นั ๆ 3.5.5 ทไ่ี หน (Where) สถานทีอ่ อกอากาศ 3.5.6 อย่างไร (How) รูปแบบรายการเป็นอย่างไร ใช้วัสดุประกอบรายการอะไรบ้างเทคนิคในรายการเป็นอย่างไรภาษาทีใ่ ช้ในการเขยี นบทวิทยกุ ระจายเสยี ง การใชภ้ าษาเพอื่ การเขียนบททางสือ่ วิทยกุ ระจายเสียง มขี ้อแนะนาดงั ตอ่ ไปนี้ 1. เขียนด้วยภาษาแบบการสนทนาหรอื พดู คยุ กนั 2. ใช้คาท่ีผู้ฟังคุ้นเคย เมอ่ื ฟงั แล้วเขา้ ใจและเกดิ ภาพพจนท์ ช่ี ัดเจน 3. ใช้ประโยคส้ันๆ งา่ ยๆ ไมย่ ดื ยาว ไมว่ กวน ชัดเจน เขา้ ใจได้ทนั ที 4. เล่ยี งประโยคยาวๆ ทีเ่ ต็มไปดว้ ยคาคณุ ศัพท์หรอื คาเช่ือมต่างๆ เชน่ คาว่า ท่ี ซึ่ง หรือ กบั ตอ่เพราะทาให้ประโยคเยนิ่ เย้อ จนไมร่ ู้ว่าความสาคญั ของประโยคนน้ั อยูต่ รงไหน 5. ใชป้ ระโยคบอกเลา่ ให้มากกว่าประโยคปฏเิ สธ 6. เลีย่ งการใช้คาทม่ี เี สียงทาใหล้ ิน้ พนั กันเวลาเปล่งเสยี ง เชน่ คาท่มี ีเสยี งคลา้ ยกนั คาซา้ ในประโยคเดียวกัน คาทมี่ อี ักษรซ้ากันหรอื การเล่นคาอน่ื ๆ 7. ใช้ภาษาทบ่ี รรยายใหเ้ กิดภาพหรือจนิ ตนาการ เช่น การบอกลาดับขัน้ ตอนวา่ อะไรก่อนอะไรหลังการบอกสสี นั การบอกตาแหนง่ การใชภ้ าษาเปรยี บเทียบ เป็นตน้ 8. ประโยคแต่ละประโยค ควรมีแนวความคิดเดียว ควรเป็นประโยคสั้นๆ มีความหมายจบในประโยคน้ัน และให้ข้ึนย่อหน้าใหม่เมื่อข้ึนประเด็นหรือเน้ือหาใหม่ การย่อหน้า คือการแสดงให้ทราบว่าความคิดสาคัญหรือตอนใหม่กาลงั เรมิ่ ขึ้น ยอ่ หนา้ หนึง่ ๆ ต้องพูดถงึ เรอื่ งๆ เดยี วเทา่ น้นั 9. อยา่ ยัดเยยี ดความคิดมากเกนิ ไป 10. ควรยกตวั อยา่ งประกอบความคิดใหเ้ ห็นอยา่ งชัดเจน 11. ย้าความคดิ สาคญั ไดบ้ ่อยๆ โดยใช้การพูดท่ไี มซ่ ้ากัน 12. คาเล็กๆ น้อยๆ เป็นกันเอง สามารถแทรกลงในการเขียนได้บ้าง เพื่อให้อ่านออกเสียงได้ จะช่วยใหบ้ ทรน่ื หูชวนฟังข้นึ มาก เชน่ คาว่า นะคะ นะครบั แตอ่ ยา่ ใหม้ ากเกนิ ไป 13. จัดวรรคตอนใหด้ ี 14. ถ้าต้องกล่าวถึงตัวเลขให้ใช้ตัวเลขโดยประมาณ เช่น 995 บาท ใช้ว่าประมาณ 1,000 บาทหรือ 1,968,590 บาทใช้ว่าประมาณ 2 ล้านบาท ถ้าตัวเลขมีความสาคัญและมีจานวนมาก ควรวงเล็บคาอา่ นไว้ดว้ ย เชน่ หนึง่ -ลา้ น-เก้า-แสน-หก-หม่ืน-แปด-พนั -หา้ -ร้อย-เก้า-สิบ-บาท

15. อยา่ ใชค้ าย่อ ใหใ้ ชค้ าเต็ม (ยกเวน้ คาที่รจู้ ักและเปน็ ทยี่ อมรับกันโดยทว่ั ไป) เพือ่ มิให้เกิดปัญหาในการอ่าน การฟังที่จะทาให้เกิดความผิดพลาดได้ (สาหรับชื่อย่อหน่วยงานราชการไทย แนะนาให้ใช้คาเต็มแม้จะเป็นคาทรี่ จู้ กั กนั ดีแลว้ ก็ตาม) 16. อยา่ ใช้คาทีจ่ าเปน็ หรอื คาฟุม่ เฟือยที่ไม่ไดส้ ือ่ ความหมายอะไรใหช้ ดั เจนย่ิงขน้ึ 17. คาทอี่ ่านยาก ช่ือเฉพาะ ตอ้ งวงเล็บคาอ่านไว้ใหช้ ดั เจน เช่น มณีชลขณั ฑ์ (มะ-น-ี ชน-ละ-ขัน)แมแ่ ปรก (แม-่ ปะ-แหรก) 18. การยกข้อความหรือคาพูดของผู้อื่น ควรเขียนให้ชัดเจนว่า คาพูดที่ยกมาน้ันเป็นคาพูดของใครพูดอะไร โดยเปลย่ี นสรรพนามจากบุรุษท่ี 1 เป็นบรุ ษุ ท่ี 3 แล้วเรยี บเรียงประโยคใหม่ 19. บทสาหรับการพูดเพ่ือแสดงอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ได้แก่ ร้องไห้ ราคาญ โกรธ ควรวงเล็บไว้ ให้ผู้พูดเปล่งเสียงและแสดงความรู้สึกได้ถูกต้อง การแสดงอารมณ์ การเปล่งเสียง การเน้น การทอดเสียง การกระแทกเสยี งเหล่าน้ีแตกตา่ งกนั ผู้เขียนบทตอ้ งระบไุ วด้ ว้ ย 20. การใชเ้ ครื่องหมายในบท มีขอ้ แนะนาดังนี้ 20.1 จดุ ไข่ปลา (.....) ใชเ้ มอ่ื ตอ้ งการให้พดู ทอดเสียงแลว้ หยุด 20.2 การขีดเสน้ ใต้เฉพาะคาหรอื ขอ้ ความ ใช้เพอ่ื แสดงวา่ ต้องการเน้นหรือยา้ คาหรอื ขอ้ ความ 20.3 เคร่ืองหมายขีดคั่น ( / ) ใช้เพ่ือต้องการให้เห็นการแยกความออกจากกันโดยเวลาอ่านหรือพูดตามบทใหห้ ยดุ เว้นวรรคเลก็ น้อย ข้อเสนอแนะอกี ประการหนึง่ ในการเขียนบท ผู้เขียนบทต้องทาความเขา้ ใจคาสง่ั การใชด้ นตรี และเสียงประกอบตา่ งๆ ในบทดว้ ย เช่น 1. Fade in คือ การนาเสียงจากไม่มีเสียงเข้ามาด้วยวิธีค่อยๆ เพิ่มทีละน้อยจนดังเป็นเสียงระดับ ปกติ 2. Fade out คอื การค่อยๆ ลดความดงั ของเสียงลง จนกระทงั่ ไม่ไดย้ นิ เสยี งอกี ตอ่ ไป 3. Fade under คือ การหร่ีคลอเสียงใดเสียงหนึ่งให้ค่อยลงกว่าระดับปกติเป็นพ้ืนหลัง (background) 4. Fade up คือ การเพิ่มระดับความดังของเสียงท่มี อี ยู่ใหด้ งั ข้ึน 5. Fade down คือ การลดระดบั ความดังของเสียงทีม่ ีอยู่ให้เบาลงกวา่ ปกติ 6. Cross fade คือ การลดระดับเสียงต่างๆ ได้แก่ เสียงดนตรีหรือเสียงพูด (เสียงท่ี 1) ค่อยๆ จางหายไป ขณะท่ี (เสยี งที่ 2) คอ่ ยๆ ดงั ขน้ึ มา 7. Seque (อ่านว่า seg-way) คือ การเปลย่ี นหรอื ต่อเสยี งดนตรหี รอื เสียงประกอบจากอารมณห์ น่ึงการเขยี นบทตามประเภทและรปู แบบรายการวทิ ยุกระจายเสยี ง ผู้ฟังรายการวิทยุกระจายเสียงมีอิสระอย่างมากในการเลือกรับฟังรายการประเภทต่างๆ และมีอิสระในการสร้างจินตนาการ แต่ก็เป็นการยากท่ีจะให้ผู้ฟังนั้นจดจาเร่ืองราวต่างๆ ในรายการได้หมดตลอดเวลาดังน้ัน ภาษาวิทยุกระจายเสียงจึงเป็นภาษาท่ีเน้นเพ่ือการฟังเพียงอย่างเดียว ท่ีสาคัญการเขียนบทเพ่ือถา่ ยทอดเนื้อหาสาระต่างๆ ก็ตอ้ งเหมาะสมกับประเภทและรูปแบบของรายการวทิ ยุกระจายเสียงแต่ละรูปแบบดว้ ย 1. ประเภทของรายการวทิ ยุกระจายเสียง

1.1รายการวิทยุกระจายเสียงประเภทขา่ วสาร คอื รายการท่ีมุ่งบอกกลา่ วหรือประกาศให้ผฟู้ งั รู้ว่าใครทาอะไร ท่ีไหน เมื่อไร และอย่างไร เพ่ือให้ผู้ฟังสามารถติดตามเหตุการณ์และความเคลื่อนไหวเพื่อประโยชนต์ ่อความเปน็ อย่ใู นสงั คมไดอ้ ย่างไม่ลา่ ช้า รายการประเภทข่าวสารมี 2 ลักษณะ คือ รายการข่าวท่ีสถานีออกไปส่ือข่าวแล้วนามารายงานและรายการประเภทสนทนาข่าวที่ผู้ดาเนินรายการจะเล่าข่าวต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ซึ่งอาจจะมีการสัมภาษณ์สดจากแหลง่ ข่าวโดยตรงดว้ ยกไ็ ด้ การเขยี นบทรายการวทิ ยุกระจายเสียงประเภทข่าวสาร จึงมหี ลัก ดังน้ี 1. เขยี นประโยคสั้นๆ มีใจความหลักใจความเดียว 2. ไมน่ ยิ มเขยี นย่อคาหรือยอ่ ประโยค 3. การยกคาพดู ของผู้อ่นื มากลา่ ว ต้องนามาเรยี บเรียงประโยคใหม่ 4. ศพั ทเ์ ฉพาะหรอื ชอื่ เฉพาะต้องวงเล็บคาอา่ นไว้ 5. เขียนตวั เลขตามหลกั สากล 6. ให้ตอบคาถาม 5W+1H ใคร-ทาอะไร-ท่ีไหน-เม่ือไหร่-ทาไม-อย่างไร (Who-What-Where-When-Why-How) 1.2 รายการวิทยุกระจายเสยี งประเภทความรู้ หมายถงึ รายการทม่ี งุ่ ส่งเสรมิ ดา้ นวิชาความรู้วัฒนธรรม อาชีพ แนวทางในการดาเนินชีวิต และการเปล่ียนความคิดเห็น เพ่ือสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสขุ ในสงั คมและความเจรญิ กา้ วหน้ามาสตู่ นเองได้ การเขยี นบทรายการวิทยกุ ระจายเสยี งประเภทความรู้ มหี ลัก ดังน้ี 1.2.1 เขียนเพอื่ เป็นการสอ่ื สารแบบตวั ตอ่ ตวั มิใชพ่ ูดกบั มวลชน 1.2.2 ใช้อุปมาอุปมัยเปรียบเทียบใหเ้ กดิ ภาพ 1.2.3 ขอ้ ความท่ีอธบิ ายต้องสอื่ ความหมายให้เกิดภาพ 1.3 รายการวิทยุกระจายเสียงประเภทความบันเทิง หมายถึง รายการที่มุ่งสร้างความร่ืนเริงใจให้คลายความเครียด จึงมักเป็นรายการท่ีมุ่งเน้นสาระทางวิชาการ แต่จะมุ่งเสนอเพ่ือให้ผู้ฟังเกิดความสบายใจมากกวา่ เชน่ รายการเพลง รายการละครวิทยุ การเขียนบทรายการวทิ ยกุ ระจายเสยี งประเภทความบันเทิง มหี ลกั ดงั น้ี 1.3.1 เขียนใหเ้ ป็นการสนทนาพูดคุยเป็นธรรมชาติ เปน็ กนั เอง 1.3.2 ถ้าตอ้ งการแสดงอารมณ์ ตอ้ งวงเลบ็ อารมณเ์ หลา่ นน้ั กากบั ไวด้ ้วย 1.3.3 บทตอ้ งเร้าอารมณผ์ ฟู้ งั สร้างภาพ สร้างความรูส้ กึ ด้วยถอ้ ยคาทีเ่ หมาะสม 1.3.4 ไม่ใช้ศัพทย์ าก แตใ่ ชค้ วามเรียบงา่ ย 1.3.5 ใช้เสียงดนตรีหรอื เสยี งประกอบด้วย 1.4 รายการวิทยกุ ระจายเสยี งเพ่ือสาธารณะ หมายถงึ รายการทีท่ างสถานจี ดั ขึ้นเป็นบริการแก่สาธารณชนโดยไม่ได้ค่าตอบแทน และมุ่งบริการความรู้ สาระทั่วไป ข่าวสารสาคัญ ประจาวันท่ีเก่ียวกับกจิ กรรมของสาธารณะ ทง้ั นีเ้ พ่อื ให้เป็นสวัสดิการแกป่ ระชาชน การเขยี นบทรายการวิทยุกระจายเสยี งเพื่อสาธารณะ มีหลัก ดังนี้ 1.4.1 เขียนด้วยภาษากงึ่ ทางการ 1.4.2 บอกข้อเท็จจรงิ จุดมุ่งหมายตรงประเดน็ ท่ีต้องการอยากจะเสนอ 1.4.3 มกั ใช้ข้อความทกี่ ระชับได้ใจความ 1.4.4 ไม่ใช้ศพั ท์ยาก ใชค้ วามเรยี บง่ายของข้อความหรือประโยค 2. รูปแบบรายการวทิ ยกุ ระจายเสียง ไดแ้ ก่

2.1 รายการพดู คุยกับผฟู้ งั (straight talk program) หมายถึง การพูดคุยกับผู้ฟังโดยตรง เป็นรายการท่ีมีผู้คุยคนเดียวพูดให้ผู้ฟังฟังโดยตรง ผู้พูดต้องมีบทสาหรับพูด เวลาพูดก็พูดตามบทท่ีได้เตรียมมา แต่ไม่ใช่การอ่านบทรายการน้ีถ้าผู้พูดเป็นธรรมชาติมากเท่าใดจะได้รับความสนใจมากข้ึน บางครั้งมีการนาบทความมาอ่านในรายการ จึงมีผู้เรียกว่า “รายการบทความ” รายการที่นาบทความมาพูดเชิงเล่าหรืออธิบายในลักษณะเหมือนคุยกับผู้ฟัง แล้วผุ้ฟังจะสนใจฟังและไม่ทาให้เกิดความเบ่ือหน่าย รายการบทความไม่ต้องมีเสียงประกอบ รายการบทความที่เสนอทางวิทยุกระจายเสยี งไม่ควรยาวเกนิ 10 นาที การเขียนบทรายการประเภทพูดคุยที่เป็นลักษณะบทความทางวิทยุนิยมเขียนบทแบบสมบูรณ์แตม่ เี ทคนคิ การอา่ นเหมือนการเลา่ ใหฟ้ ังมากกว่า 2.2 รายการสนทนา (conversational program) เป็นรายการพดู คุยระหวา่ งผูร้ ว่ มรายการตง้ั แต่ 2 คนข้นึ ไป โดยมคี นใดคนหนง่ึ เปน็ ผู้ดาเนนิ การสนทนา หรือดาเนินรายการและทาหนา้ ท่เี ปน็ ผคู้ อยควบคมุ ให้การสนทนาเป็นไปตามขอบเขต และคอยนาการสนทนาจากเร่อื งหนึง่ ไปอีกเรอื่ งหน่ึง หรอื เช่ือมโยงการสนทนาจากหัวขอ้ หน่ึงไปยังอีกหัวข้อหนึ่งอย่างมรี ะเบียบและมีข้ันตอนไม่วกวน ผู้ดาเนินการสนทนาร่วมออกความคิดเห็นไปกับผู้ร่วมรายการด้วย รวมทั้งเป็นผู้สรุปขอ้ ความสนทนาในตอนทา้ ยของรายการ การเขียนบทรายการสัมภาษณ์ ใช้การเขียนบทแบบโครงร่างหรือแบบกึ่งสมบูรณ์ก็ได้ โดยเปิดกวา้ งให้คสู่ นทนามโี อกาสพูดคุยในหวั ขอ้ ทีก่ าหนด ไม่จาเป็นต้องระบุรายละเอยี ดคาพูดทั้งหมด 2.3 รายการสัมภาษณ์ (interview program) เปน็ รายการทม่ี บี คุ คลตง้ั แต่ 2 คนข้ึนไป มาซักถามข้อขอ้ งใจ หรือปญั หาเรื่องราวต่างๆ ให้ผู้ฟังฟงัหน้าที่ของผู้สัมภาษณ์ต้องพยายามป้อนคาถามให้ผถู้ ูกสมั ภาษณ์ตอบหรืออธิบายให้มากที่สดุ ผู้ถูกสัมภาษณ์จะมีก่ีคนก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสมของเวลาและเนื้อหาท่ีจะสัมภาษณ์ รายการสัมภาษณ์แม้จะเป็นรายการพูดคุย แต่ก็มีข้อแตกต่างจากรายการสนทนาตรงท่ีผู้สัมภาษณ์มีหน้าที่ป้อนคาถามแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่ตอบคาถามนั้นด้วยและไม่เหมือนกับผู้ดาเนินรายการสนทนาท่ีอาจร่วมสนทนาด้วยในบางโอกาส ผู้สัมภาษณอ์ าจสรปุ หรือเพมิ่ เติมเนื้อหาบางสว่ นใหเ้ ข้าใจชดั เจนยิ่งขน้ึ การเขยี นบทรายการสัมภาษณ์ ใช้การเขยี นบทแบบโครงรา่ งหรอื แบบกึ่งสมบรู ณ์โดยกาหนดแนวคาถาม ทิศทางการตอบ เพือ่ ใหม้ ีชอ่ งวา่ งในการเพม่ิ เตมิ เนื้อหาและส่วนของสรปุ ได้ 2.4 รายการอภิปราย (discussion program) เป็นรายการพูดคุยอีกลักษณะหน่ึง ในลักษณะที่ผู้มาร่วมรายการมาพูดคุยให้ความคิดเห็นในหัวข้อใดหัวข้อหน่ึง โดยผู้มาร่วมอภิปรายน้ันต่างคนต่างให้ความคิดเห็น ซึ่งอาจแตกต่างกันได้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแสดงความคิดเห็นจะเป็นไปอย่างมีระเบียบ โดยผู้ดาเนินการอภิปรายเป็นผู้ควบคุมให้ผู้อภิปรายได้พูดทีละคน และให้ดาเนินไปในแนวและขอบเขตที่วางไว้ โดยปกติควรจะมีผู้ร่วมอภิปรายไม่เกิน 5 คน เพ่ือป้องกันไม่ให้ผู้ฟังสับสน ผู้ดาเนินรายการต้องทาหน้าท่ีแนะนาหัวข้อเรื่องและแนะนาผู้ร่วมรายการ โดยใช้วธิ ีการแนะนาอยา่ งเปน็ กันเอง มชี ีวิตชีวา และเปน็ ผูส้ รุปหรือเนน้ ความคิดเห็นของผู้ร่วมอภิปรายในโอกาสอันควรเท่านั้น จะไม่ร่วมอภิปรายด้วยเหมือนรายการสนทนา ดังนั้น การเขียนบทประเภทรายการอภิปรายจึงไม่เน้นรายละเอียดที่สมบูรณ์ทุกคาพูด หากเปน็ การกาหนดเพียงหัวข้ออภิปรายให้อยูภ่ ายใต้ขอบเขตท่กี าหนดไว้ ลาดับการอภิปรายให้เปน็ ไปตามเวลาท่สี ามารถนาเสนอได้ 2.5 รายการสารคดี (documentary and feature program) รายการสารคดแี บบ documentary program และ feature program นน้ั มขี ้อแตกตา่ งกัน คอื

documentary program เป็นการนาเสนอจากแหล่งข่าวสารท่ีเป็นจริง และเป็นหลักฐานท่ีชัดเจน เป็นการบันทึกจากแหลง่ เหตุการณ์จริง สัมภาษณ์จริง ส่วน feature program เป็นการนาเสนอรายการท่ีอ้างข้อมูลมาจากส่ิงที่ไม่เปน็ จรงิ เชน่ จากคาประพันธน์ วนิยาย ในละครเพอื่ ชว่ ยเสริมรายการใหม้ ีเน้อื เรือ่ งเดน่ ชัด การผลิตรายการสารคดี เป็นการใหส้ าระความรู้สกึ ลงไปในเรือ่ งใดเร่ืองหนึง่ แตอ่ าจทาได้หลายลักษณะหรือหลายรูปแบบเพื่อให้มีความหลาก (variety) เพื่อไม่ให้ผู้ฟังเบ่ือและดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง ข้อสาคัญต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวหรือเอกภาพ (unity) เพื่อโยงความหลากหลายนั้นไว้เป็นรายการเดียวกัน โดยพิจารณาใหเ้ หมาะสมกบั เน้ือหาและความยาวของรายการ การเขยี นบทสารคดี สว่ นใหญ่ใชก้ ารเขยี นด้วยบทแบบสมบรู ณด์ ว้ ยภาษากง่ึ ทางการ โดยการเรยี บเรียงจากข้อมูลทไ่ี ด้มา เทคนิคการเขียนเป็นการเลา่ เร่ืองราวท่ีเช่อื มโยงกนั ได้อยา่ งราบรื่น 2.6 รายการนติ ยสารทางอากาศ (magazine program) เป็นรายการท่ีมีหลายเร่อื ง หลายรส หลายรปู แบบรวมกันอยใู่ นรายการเดยี วกัน เป็นรายการที่ประกอบด้วยเร่อื งย่อยตา่ งกันหลายๆ เรอื่ ง เร่ืองต่างๆ อาจจะเป็นแนวเดียวกันหรือตา่ งแนวกันกไ็ ด้ ถ้าเป็นแนวเดียวกัน เรียกว่า “Specialized Magazine” เช่น รายการนิตยสารข่าว นิตยสารสตรี ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆ ไปเรียกว่า “General Magazine” จุดสาคัญของการเสนอรายการนิตยสาร คือ การเชื่อมโยงหัวขอ้ ต่างๆ น้ันเข้ามารวมเป็นรายการเดียวได้อย่างสอดคล้องกัน รายการนิตยสารต่างจากรายการสารคดีอยู่ที่รายการนิตยสารนั้นมีหลายเร่ืองในรายการเดียวกัน (several topic in one program) แต่รายการสารคดีมีเพียงเร่ืองเดียว(one topic in one program) ถึงแม้ว่ารายการสารคดีนั้นจะนาเสนอให้มีความหลาก (variety) แต่ก็ต้องมีเอกภาพ (unity) ดว้ ย สาหรบั บททใ่ี ชใ้ นรายการนิตยสารทางอากาศอาจใช้ทงั้ บทแบบสมบูรณห์ รือบทกึ่งสมบูรณ์ก็ได้เน่ืองจากค่อนข้างหลากหลายท้ังเน้ือหารสาระและวิธีการนาเสนอ แต่ละช่วงแต่ละตอนจึ งมีการระบุรายละเอียดเนื้อหาสาระแลว้ แตค่ วามเหมาะสมของช่วงตา่ งๆ 2.7 รายการข่าว (news program) เป็นรายการท่ีรายงานเหตุการณ์สาคัญๆ ท่ีเกิดข้ึนในแต่ละวัน เพ่ือให้ผู้ฟังทราบว่าใครทาอะไร ท่ีไหน เมื่อไร ทาไม และอย่างไร การนาเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน แล้วมาเขียนเรียบเรียงให้ผู้อ่านข่าวอ่านให้ฟังน้ันเรียกว่า”News Reading” แต่ถ้าเป็นรายงานเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนจากสถานท่ีเกิดเหตุจริง แต่เหตุการณ์นั้นได้ผ่านไปแลว้ ในเวลาที่ไม่หา่ งกันนัก เรียกวา่ “News Reporting” สาหรับการเขียนบทรายการข่างทางวิทยุกระจายเสียง การใช้ภาษาควรมีลักษณะส้ันๆ ชัดเจนเข้าใจง่าย มีหัวข้อข่าวนา ทาให้รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร มีคานา และเน้ือเรื่อง รายการข่าวอาจแยกได้เป็นหลายประเภท เช่น ข่าวการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวต่างประเทศ ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสังคม ข่าวกีฬา ข่าวการศกึ ษา และข่าวบันเทงิ เปน็ ต้น นอกจากน้นั ยังอาจทาเป็นรายการท่ีนยิ มกนั มากในรูปแบบของการสรปุ ขา่ ววเิ คราะหข์ ่าว และการเล่าข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ 2.8 รายการบรรยายเหตกุ ารณ์ (commentary program) เป็นการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน และรายงานในขณะท่ีเหตุการณ์นั้นกาลังเกิดขึ้นหรือกาลังดาเนินอยู่ ผู้บรรยายจะถ่ายทอดเหตุการณน์ ้ัน โดยอาจมีเสียงประกอบจรงิ จากสถานที่เกดิ เหตนุ ั้นดว้ ย บางครั้งนอกจากบรรยายสิ่งที่เห็นแล้ว อาจมีการวิจารณ์ให้ผู้ฟังเห็นภาพตามไปด้วยการถ่ายทอดเหตุการณ์จริง จะทาในกรณีท่ีเกิดเหตุสาคัญๆ หรือเน่ืองในโอกาสพิเศษที่สมควรถ่ายทอดให้ประชาชนทราบได้ทันทีทันใด รายการบรรยายเหตุการณ์เป็นรายการที่มีความรวดเร็ว ความให้สดทันใจผฟู้ ัง ย่ิงเป็นเหตุการณ์ท่ีสาคัญ เช่น พระราชพิธฉี ลองครบรอบครองราชย์ 60 ปี พระราชพิธี 12 สิงหามหาราชนิ ี รวมถึงเหตุการณว์ ันสาคญั ทางศาสนา เช่นบรรยายสดการประกอบพิธีวันวิสาขบูชาจากพุทธมณฑล นอกจากนี้การรายงานเหตุการณ์ท่ีน่าตื่นเต้น เช่น

เหตุการณ์ปฏิบัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือเหตุการณ์ระเบิดท่ี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นรายการทผ่ี ู้ฟงั ให้ความสนใจมาก สาหรับบทท่ีใช้ในรายการบรรยายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหตุการณ์พระราชพิธีต่างๆ การเขียนบทต้องพิถีพิถันด้านการใช้ภาษาและได้รับการตรวจสอบให้ถูกต้องที่สุด ผิดพลาดไม่ได้เลย จึงต้องใช้บทประเภทสมบูรณเ์ พอ่ื บรรยายเหตุการณด์ ังกลา่ ว 2.9 รายการเพลง (music or disc program) รายการเพลงนบั ว่าเปน็ รายการหลกั ของสถานวี ทิ ยกุ ระจายเสยี งแทบทกุ สถานีเลยกว็ ่าได้ และเปน็รายการท่ีได้รับความสนใจจากผู้ฟังอย่างมาก การเสนอรายการเพลงมีหลากหลายรูปแบบ (ซ่ึงจะกล่าวรายละเอียดในบทท่ี 9 เรื่องการผลิตรายการเพลงต่อไป) ทั้งนี้ เพื่อให้ความบันเทิงหรือใช้เผยแพร่ข่าวสารโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ ลักษณะของรายการเพลงยังหมายรวมถึงการเสนอส่ิงละอันพันละน้อย หรือเกร็ดความรู้สอดแทรกในรายการ หรือการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในรายการ(โดยการสื่อสารด้วยรูปแบบต่างๆ เช่นทางโทรศัพท์ ทาง SMS ทาง Internet เป็นตน้ ทั้งนีเ้ พื่อใหร้ ายการมีสีสนั น่าติดตามมากข้นึ นั่นเอง การเขยี นบทในปจั จุบันท่ีผู้ดาเนินรายการหรอื ดเี จ มักใชเ้ พยี งบทประเภทโครงร่างรายการ เพอื่กาหนดช่วงเวลาแต่ละช่วงที่จะมีกิจกรรมระหว่างรายการ หรือการเตรียมสาระมาบอกกล่าวให้แก่ผู้ฟัง หากเป็นข้อมูลเก่ียวกับเบ้ืองหลังงานเพลงท่ีอาศัยการค้นคว้าหาข้อมูลมาอย่างถูกต้อง ก็ต้องลงรายละเอียดในบทดว้ ยสว่ นหนงึ่ 2.10 รายการละครวทิ ยุ (radio drama or radio play) เปน็ การเสนอรายการในรูปแบบของการแสดงบทบาททีส่ มมติขึน้ มกี ารสอดแทรกเนื้อหาความรู้และความบันเทิง โดยการใช้เสียงเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตาม เกิดความเข้าใจและเกิดอารมณ์ต่างๆโดยอาศัยบทเจรจา (dialogue) บทบรรยาย (narration) การใช้เพลงหรือดนตรี (music) เสียงประกอบ(sound effects) เป็นองค์ประกอบ เพื่อให้รายการทั้งหมดฟังแล้วสมจริงสมจัง รายการละครจะให้ทั้งความรู้หรือความบันเทิงหรอื ท้ัง 2 อย่างก็ข้ึนอยู่กับกลุม่ เป้าหมายด้วย หากผู้ฟังเป็นแม่บ้าน รายการละครวทิ ยุที่ผลิตมักมุ่งให้ความบันเทิงมากกว่า แต่ถ้าหากผู้ฟังเป็นเด็กรายการละครวิทยุก็อาจผลิตขึ้นเพ่ือให้ท้ังความบันเทิงและความร้หู รอื คตสิ อนใจ ในปัจจุบันการผลิตรายการละครวิทยุทางสถานีวทิ ยุกระจายเสียงของไทยเหลือน้อยลงมาก นิยมฟงั เฉพาะคนตา่ งจังหวัด ทางสถานวี ิทยุกระจายเสียงระบบ AM การเขยี นบทจาเป็นต้องใช้บทแบบสมบูรณ์ เน่อื งจากมรี ายละเอียดทง้ั อารมณ์ของตวั ละคร เสียงสนทนา เสียงประกอบเพอื่ บรรยายเหตกุ ารณ์หรอื สถานที่ทีค่ รบถว้ นสมจริงตามเหตุการณ์ 2.11 รายการสาระละคร (docu-drama) เป็นรายการทีใ่ หท้ ้งั ความรู้และความบนั เทิง โดยนาเสนอในรูปแบบของละครวิทยผุ สมกับรูปแบบสารคดี โดยเสนอรายการด้วยรูปแบบละคร ผูกเร่ืองให้ตัวละครยกประเด็นปัญหามาโต้ตอบกันและให้ผู้ฟังตระหนักถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหาน้ัน พร้อมทั้งเปิดทางให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามีวิธีแก้ปัญหาน้ันได้หลายวิธีนอกจากนี้รูปแบบรายการสาระละครยังถูกนามาประยุกต์ใชใ้ นรายการสารคดี หรอื รายการวิทยุเพื่อการศึกษาเช่น ละครวทิ ยเุ ชิงวทิ ยาศาสตร์ ใชส้ าหรบั เป็นสอื่ การสอนด้านวิทยาศาสตรใ์ นระดบั ประถมศกึ ษา การเขียนบทจาเป็นต้องใช้บทแบบสมบูรณ์เช่นเดียวกับรายการละครท่ัวไป เนื่องจากมีรายละเอยี ดทัง้ อารมณ์ของตัวละคร เสียงสนทนา เสยี งประกอบทีค่ รบถ้วนสมจรงิ ตามเหตกุ ารณ์ 2.12 สปอต (spot announcement or spot or public service program) สถานีวิทยุกระจายเสียงบางแห่งเรียกสปอตว่า โฆษณาหรือประกาศส้ัน สปอตวิทยุมีความยาวต้ังแต่ประมาณ 15 วินาที ไปจนถึง 1 นาที ขอ้ ความในสปอตวิทยุมักจะเปน็ เน้ือความชักจูงใจหรือแนะนา และ

มักออกอากาศซ้าอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลากระจายเสียงสปอตน้ี โดยทั่วไปใช้การโฆษณาสินค้า แต่ก็นามาใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารหรอื การประชาสมั พนั ธ์ เชญิ ชวน หรอื รณรงค์ให้เกดิ ความรว่ มมอื จากผ้ฟู งั สปอตเป็นข้อความส้ันๆ ท่ีใช้เพลงและเสียงประกอบร่วมด้วย แต่เสนอในช่วงเวลาท่ีสั้นมากฉะน้ันต้องอาศัยการเขียนบทที่สั้น ชัดเจน ส่ือความหมายตรงประเด็น และมีเอกลักษณ์ท่ีแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจ 2.13 รายการโทรศพั ทจ์ ากผฟู้ งั (phoe in program) เป็นรายการที่ให้ผู้ฟังมีโอกาสร่วมรายการด้วยการโทรศัพท์เข้ามาเพ่ือออกอากาศเป็นรายการสดโดยมีจุดประสงคข์ ้อใดข้อหน่ึงดังน้ี คือเพ่ือให้ผู้ฟังตอบปัญหาซ่ึงถามโดยผู้จัดรายการ เพื่อให้ผู้ฟงั ได้ถามปัญหาหรือปรึกษากับผู้เช่ียวชาญในสาขาต่างๆ เช่น การแพทย์ จิตวิทยา เทคโนโลยี การเกษตร เพ่ือเป็นการตอบปัญหาต่างๆ แล้วแต่ผ้ฟู ังจะถามมาเพือ่ ให้ผูฟ้ ังแสดงความคิดเห็นในหัวข้อใดหวั ข้อหนึง่ หรืออาจพบเห็นในลักษณะ Phone in กับรายการรูปแบบอื่นๆ เช่น รายการเพลง รายการสนทนา รายการอภิปรายทั่วๆ ไปก็ได้ การเขียนบทในลักษณะเช่นน้ี อาจใช้เพียงแค่บทประเภทโครงร่างรายการอย่างครา่ วๆ กาหนดเฉพาะหวั ขอ้ หรือประเดน็ ของวนั น้นั ท่เี ปิดโอกาสใหผ้ ฟู้ ังมีสว่ นแสดงความคิดเห็นสรุป บทวิทยุน้ันมีความสาคัญในการผลิตรายการ โดยสามารถถ่ายทอดจินตนาการเป็นส่ือกลางระหว่างผู้สง่ กับผู้รบั ฟงั ซ่ึงไมเ่ ห็นหน้ากนั ดงั นั้น เสียงทกุ เสียงทส่ี ่งไป จึงต้องสื่อความหมายและความเขา้ ใจได้เป็นอย่างดีการทอดจินตนาการไปยังผู้รับฟังจึงเกิดจากการเรียบเรียง ข้อมูลเน้ือหาสาระตลอดจนความรู้สึกนึกคิดที่ถา่ ยทอดลงสู่ “บทวิทยุ” เพอ่ื ใหผ้ รู้ บั ฟังเกดิ การรบั รเู้ ชน่ เดยี วกับท่ผี ูส้ ่งหรือผเู้ ขียนบทต้องการ บทวทิ ยุที่ใชใ้ นงานวทิ ยกุ ระจายเสยี งสามารถแบ่งได้ดังนี้ คอื บทโครงร่างรายการอย่างคร่าวๆ บทแบบก่ึงสมบูรณ์และบทแบบสมบูรณ์ สว่ นประกอบของบทวิทยุกระจายเสียงประกอบด้วยส่วนสาคัญ 3 ส่วน ได้แก่ส่วนหวั สว่ นเน้ือหา และสว่ นปิดทา้ ย ข้ันตอนการเขียนบทวิทยุกระจายเสียง เรม่ิ ต้ังแตข่ ้ันแนะนารายการ ดว้ ยวิธีแนะนารายการสัน้ ๆ ง่ายๆมาเป็นจุดดึงความสนใจ ข้ันต่อมาคือ ข้ันการจัดรูปและตกแต่งรายการเป็นการนาเอาแก่นของเร่ืองมาขยายแล้วจัดใหเ้ ป็นรูปแบบรายการท่ีนา่ สนใจ หลงั จากนั้น ขั้นสรา้ งจุดประทับใจ โดยการเสนอประเด็นสาคัญๆ ของรายการ ข้ันสุดท้ายคือ ข้ันสรุป เป็นขั้นท่ีนาขั้นตอนดังกล่าวท้ัง 3 ข้ันมาตอกย้าหรือทบทวนโดยเรียบเรียงเข้าด้วยกนั อยา่ งมีระเบยี บเพอ่ื ให้ผฟู้ งั กระจ่างชดั แจง้ และจดจาไดง้ ่าย การเขียนบทตามประเภทต่างๆ ของรายการมีความแตกต่างกัน เช่น รายการประเภทข่าวสาร มีหลักการเขียน คือ การตอบคาถาม ใคร-ทาอะไร-ท่ีไหน-เมื่อไหร่-ทาไม-อย่างไร รายการประเภทความรู้ ควรพจิ ารณายึดหลกั ว่าขอ้ ความทอ่ี ธบิ ายตอ้ งสื่อความหมายใหเ้ กดิ ภาพ ส่วนรายการประเภทความบันเทิง การเขียนควรให้เป็นการสนทนาพูดคุย เป็นธรรมชาติเป็นกันเองรายการเพ่ือสาธารณะ มีหลกั คือ เขยี นด้วยภาษากงึ่ ทางการ บอกข้อเท็จจรงิ จุดมงุ่ หมายตรงประเดน็ ท่ตี ้องการอยากจะเสนอ

เอกสารอ้างอิงคณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . (2547). การเขยี นบทวทิ ยแุ ละโทรทศั น์. ขอนแกน่ : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น.คมสันต์ รัตนสมิ ากูล. (2545). การเขียนบทวทิ ยุกระจายเสยี งและวิทยโุ ทรทศั น.์ เชยี งใหม่: โรงพมิ พ์ นนั ทพันธ์.จิราภรณ์ สวุ รรณวาจกกสกิ จิ . (2547). “ข้นั ตอนการเขยี นบทวิทยกุ ระจายเสียง.” ใน เอกสารการสอนชดุ วชิ า การเขียนบทวทิ ยกุ ระจายเสยี ง หนว่ ยท่ี 4. นนทบรุ ี: มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช.บญุ เก้ือ ควรหาเวช. (2540). คูม่ ือผลิตรายการวิทยกุ ระจายเสยี ง. กรุงเทพฯ: ภาควชิ าเทคโนโลยกี ารศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.รว่ มศกั ด์ิ แก้วปล่งั . (2540). เทคนิคการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง.วิศษิ ฐ์ ประสทิ ธสิ์ รจักษ,์ พ.อ (2550). “ข้ันตอนในการเขยี นบทความทางวทิ ยกุ ระจายเสยี ง” [ออนไลน์]. วนั สืบคน้ 20 เมษายน, 2550. จากเว็บไซต์: http://vdo.kku.ac.th บทท่ี 5 การผลิตรายการข่าววิทยุกระจายเสียงการนาเสนอข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนในยุคแห่งสังคมข่าวสาร มีรูปแบบที่พัฒนาปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีการส่ือสารที่ทันสมัย ทาให้ข้อจากัดด้านระยะทางและเวลาไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป ข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนสามารถเลือกเปิดรับได้ตามความต้องการของแต่ละคนการนาเสนอข่าวทางวิทยุกระจายเสียงท่ีรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะตอบสนองความตอ้ งการการบริโภคข่าวสารของคนในสงั คมได้ลักษณะของรายการขา่ ววทิ ยุกระจายเสียง รายการข่าววิทยกุ ระจายเสยี ง เปน็ รายการวทิ ยปุ ระเภทหนง่ึ ท่ีมเี นอื้ หาหลักคือ ขา่ วสารเหตกุ ารณ์หรือข้อเท็จจริงใหม่ๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง มีการนาเสนอออกอากาศเป็นรายการประจา โดยกาหนดช่วงเวลาของรายการไว้อย่างชัดเจน และในกรณีท่ีเป็นข่าวสาคัญเร่งด่วน ก็สามารถออกอากาศสอดแทรกในช่วงเวลาของรายการหนง่ึ รายการใดไดท้ ันที ดงั น้ัน ลักษณะของรายการข่าววิทยกุ ระจายเสียง คอื 1. รายการขา่ ววิทยกุ ระจายเสียง เป็นรายการท่ีมีจุดมุง่ หมายในการนาเสนอขา่ วสารตอ่ ผู้ฟงั โดยการนาเร่ืองราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ จากการสัมภาษณ์แหล่งข่าว จากการแถลงข่าว ประกาศของหน่วยงานราชการรวมถึงข่าวแจก (press release) จากหน่วยงานต่างๆ ท้ังภาครัฐและเอกชนมากาหนดรูปแบบการนาเสนออีกครั้งหนึ่ง 2. รายการข่าววทิ ยุกระจายเสียง สามารถนาเสนอในลักษณะของขา่ วภาคหลกั /ขา่ วภาคย่อย หรือข่าวต้นช่ัวโมง เพื่อความสดใหม่ทันต่อเหตุการณ์ด้วยกระบวนการของการรายงานข่าวจากผู้ส่ือข่าวและมีเสียงแหลง่ ขา่ วประกอบ ซงึ่ จะช่วยให้ข่าวชน้ิ นั้นเกิดความน่าเชอ่ื ถอื มากยิง่ ขึน้ 3. รายการข่าววทิ ยุกระจายเสยี ง เป็นการนาข่าวที่ประชาชนสนใจหรือมผี ลกระทบต่อสงั คมโดยรวม

มากลั่นกรอง เรียบเรยี งเน้ือหาของข่าวใหมใ่ ห้มีภาษาที่เข้าใจง่าย สื่อสารได้ตรงความหมาย โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงหากเป็นข่าวสาคญั ก็อาจนามาสรปุ เนื้อหาให้กระชับในกรณีท่มี แี หล่งข่าวให้สัมภาษณ์ในเร่ืองเดียวกันน้นั หลายคนและหลากหลายความเห็นให้เกิดความเหมาะสมและเปน็ ธรรม เพื่อนาออกอากาศในภาคหลักของทางสถานีต่อไปประเภทของรายการขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสียง รายการข่าววิทยุกระจายเสียง อาจแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ตามประเภทของข่าว แบ่งตามเนื้อหาของข่าว แบ่งตามพื้นท่ีท่ีข่าวเกิดข้ึน แบ่งตามรูปแบบการนาเสนอข่าวหรือรูปแบบของการดาเนินรายการ ซ่ึงปจั จุบันยังไมม่ ีกฎเกณฑ์การแบง่ ประเภทของขา่ วที่ชัดเจนตายตวั 1. รายการข่าววิทยุกระจายเสยี งแบง่ ตามประเภทของขา่ ว 1.1 ขา่ วหนัก (hard news) เปน็ ข่าวทเ่ี ก่ียวกบั เหตกุ ารณ์สาคัญหรือมีผลกระทบตอ่ ผู้คนจานวนมากเป็นเร่ืองราวท่ีเข้าใจค่อนข้างยาก ต้องอาศัยความคิด ความรู้ ความสนใจในภูมิหลังเก่ียวกับเร่ืองนั้นๆพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องทเี่ ก่ียวข้องกบั กฎหมาย ระเบียบวิธปี ฏิบัติราชการ เช่น ขา่ วการเมอื ง ข่าวเศรษฐกิจแรงงาน ต่างประเทศ การศกึ ษา ศาสนา วทิ ยาศาสตร์และสง่ิ แวดล้อม ฯลฯ 1.2 ข่าวเบา (soft news) เปน็ เรื่องราวทีผ่ ้รู ับสารใหค้ วามสนใจและสามารถดงึ ดดู ความอยากรอู้ ยากเห็น มักเน้นให้ผู้คนคล้อยตามให้เกิดความสงสาร ความสงสัย หรือความพิศวงของคนได้ ส่วนความสาคัญหรือผลกระทบของขา่ วต่อสังคม ไม่ได้มีผลกระทบต่อส่วนรวมมากเหมือนข่าวหนัก เน้ือหามักมุ่งผลทางด้านอารมณ์ความรู้สึกของผรู้ ับสารมากกว่า เชน่ ขา่ วอบุ ัตเิ หตุ ขา่ วอาชญากรรม ข่าวกีฬา และข่าวบนั เทิง ฯลฯ 1.3 ข่าวเชงิ สืบสวนสอบสวนหรอื ข่าวเจาะ เป็นขา่ วท่มี ีความสาคัญต่อสาธารณชน และมีวธิ เี ก็บรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเน่ืองด้วยการสืบค้น เจาะลึก เก็บรวบรวมหลักฐาน และรายงานตามข้อเท็จจริง ทั้งกระบวนการผลิตข่าวเชิงสืบสวนมีความยุ่งยากซับซ้อนและใช้งบประมาณมากกว่าข่าวโดยท่ัวไป ดังนั้นการรายงานข่าวเชิงสืบสวนในสื่อวิทยุจึงนิยมนามาเป็นส่วนหนึ่งในรายการนิตยสารข่าว (news magazineprogram) หรือทาเป็นสารคดีข่าวโดยใช้นาเสนอเวลาประมาณ 10-15 นาที เช่น ประเด็นการทุจริตคอรัปชั่นประเด็นขบวนการคา้ ยาบา้ ประเด็นการลกั ลอบค้าแรงงานต่างด้าว ประเด็นการวางทอ่ กา๊ ซไทย-มาเลเซยี ฯลฯ 2. ประเภทของรายการข่าวจาแนกตามเนือ้ หาของขา่ ว 2.1 เนอ้ื หาขา่ วทเ่ี ปน็ ขอ้ มูลขา่ วสารและความเปน็ จริง ได้แก่ ข่าวในพระราชสานัก ขา่ วการเมือง ขา่ วเศรษฐกิจ ข่าวเกษตร การศึกษา อุตสาหกรรม การเงิน การคลัง สาธารณสุข ข่าวสังคม ข่าวอาชญากรรมรายงาน การจราจร ข่าวพยากรณ์อากาศ ฯลฯ 2.2 เนอื้ หาขา่ วทเ่ี ปน็ เรื่องของความบันเทิง เชน่ ขา่ วดารา นกั ร้อง นกั แสดงทค่ี นส่วนใหญใ่ หค้ วามสนใจเน้ือหาข่าวที่เกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เช่น ข่าวบริการ แนะนากิจกรรมและบริการของหนว่ ยงานราชการภาครฐั และเอกชน 3. ประเภทของรายการขา่ วท่ีจาแนกตามพนื้ ท่ีทข่ี ่าวเกิดข้ึน แบ่งได้ 2 กลมุ่ คอื ขา่ วในประเทศและข่าวตา่ งประเทศ 3.1 ขา่ วในประเทศ หมายถึง ข่าวท่เี กดิ ขึ้นในทกุ พ้นื ท่ขี องประเทศไทย แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน คือ 3.1.1 ข่าวจากสว่ นกลางหรือขา่ วระดับชาติ (central news/national news) เปน็ ข่าวที่เกิด

ขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล บุคคลท่ีเก่ียวข้องในข่าวเป็นบุคคลระดับชาติ เช่น คณะรัฐมนตรี ข่าวสงั คมของคนระดับชาติ และผลกระทบจากข่าวมีผลเกย่ี วข้องกับคนจานวนมาก 3.1.2 ขา่ วภูมภิ าคหรือขา่ วท้องถิน่ (local news) ซ่งึ เปน็ เร่อื งราวหรือเหตกุ ารณข์ า่ วทเ่ี กดิ ขึน้ในพื้นท่ีและจังหวัดต่างๆ ท่ัวประเทศ โดยสถานีวิทยุท่ีมีเครือข่ายทั่วประเทศก็จะมีผู้ส่ือข่าวของแต่ละสถานีท่ีทาหน้าท่ีรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละจังหวัดมายังส่วนกลาง สถานีเครือข่าย ได้แก่ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียง อ.ส.ม.ท. สถานีวิทยุกระจายเสียงในเครือสานักงานตารวจแห่งชาติ เปน็ ตน้ 3.2 ขา่ วต่างประเทศ หมายถึง ข่าวท่เี กิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทัว่ โลก ขา่ วส่วนใหญต่ อ้ งซื้อจากสานักขา่ วตา่ งประเทศ นามาแปลและเรียบเรยี งใหก้ ระชับ สว่ นใหญจ่ ะเป็นข่าวทม่ี ีผลกระทบกบั คนจานวนมากท้ังในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการช่วยเหลือระหว่างประเทศ เช่น ข่าวราคาน้ามันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ข่าวการก่อวินาศกรรมในสหรัฐ การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝร่ังเศส อุทกภัยในจีน การจลาจลในอัฟกานสิ ถาน 4. ประเภทของรายการข่าวท่ีจาแนกตามรูปแบบการนาเสนอข่าว เพื่อให้เกิดความหลากหลาย เป็นทีน่ ่าสนใจของผูฟ้ งั แบ่งออกได้ดงั นี้ 4.1 ข่าวอา่ น (the edited news report) มีลกั ษณะเป็นการอ่านขา่ วจากบทข่าวทเี่ รียบเรียงขนึ้ผู้อ่านหรือผู้ประกาศข่าวจะต้องซักซ้อมและศึกษาบทข่าววิทยุน้ันให้เข้าใจ และการอ่านข่าวต้องสามารถใช้น้าเสียงท่ีเหมาะสมเพ่ือให้เกิดความน่าเชื่อถือและน่าฟัง ข่าวอ่านโดยทั่วไปพบได้กับข่าวภาคหลักหรือข่าวต้นช่ัวโมงของทางสถานวี ิทยกุ ระจายเสยี ง 4.2 ข่าวประกอบเสียง คือ รูปแบบการรายงานขา่ วด้วยเสยี งจรงิ ที่เก่ยี วข้องเป็นบางสว่ น เช่น เสียงสัมภาษณ์จากแหล่งข่าวหรือผู้ที่เก่ียวข้องในข่าว รวมถึงเสียงการแสดงความคิดเห็นของประชาชนท่ัวไปเกยี่ วกับประเด็นต่างๆ ของข่าว ข่าวประกอบเสียงมีวิธีการผลิต คือต้องนาเสียงประกอบนั้นมาเรียบเรียงตดั ต่อใหม่ โดยตัดทอนคาพูดที่เยิ่นเย้อ หรือไม่เกี่ยวข้องออก หยิบเฉพาะประเด็นสาคัญมาแทรกระหว่างการนาเสนอข่าว เพ่ือเป็นการยืนยันความเห็นต่างๆ ท่ีผ้สู ่ือข่าวได้ไปสัมภาษณ์มา ซ่ึงจะทาให้ข่าวน้ันๆ น่าเชื่อถือย่ิงข้ึน เช่นเสยี งสัมภาษณ์ประธาน กกต. ประกอบประเดน็ ข่าวการทุจรติ การเลอื กต้งั 4.3 การรายงานข่าวของผูส้ อื่ ขา่ ว (voice report หรอื straight news report) เปน็ การรายงานจากข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน โดยรวบรวมรายละเอียดหรือประเด็นต่างๆ ที่ผู้ส่ือข่าวได้ไปติดตามมาได้และนามาสรุปตัดต่อ เรียบเรียงและเขียนใหม่ด้วยภาษาท่ีกระชับ ได้สาระตรงประเด็น ท้ังน้ี อาจจะมีเสียงประกอบหรือเสียงสัมภาษณ์ผู้คนท่ีมีส่วนเกีย่ วข้องกับเหตุการณ์น้ันๆ ยง่ิ จะเป็นการสร้างความเช่ือมั่นและสีสันให้น่าสนใจย่งิ ขน้ึ เช่น การรายงานขา่ วความคืบหน้าเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ การรายงานข่าวสภาวะภัยแล้งในจงั หวัดทางภาคอีสาน 4.4 การสมั ภาษณ์ข่าว (news interview) เปน็ การสัมภาษณผ์ ูท้ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ข่าวในประเดน็ ที่กาลังอยู่ในความสนใจของผู้ฟังเป็นพิเศษ มาให้สมั ภาษณ์เชิงเจาะลึก ซ่ึงสามารถทาได้ทั้งเป็นการสมั ภาษณ์ออกอากาศสด หรือการบันทึกเทปไว้ นามาประกอบเป็นส่วนหน่ึงของรายการข่าว หรือเป็นรายการสัมภาษณ์ตลอดรายการก็ได้หากเป็นประเด็นท่ีมีเน้ือหามากและเข้าใจยาก เช่น การสัมภาษณ์สดหัวหน้าพรรคการเมืองหลังจากการเลอื กต้งั สน้ิ สุดลง 4.5 การรายงานขา่ วจากสถานท่ีเกิดเหตุการณ์ (on the spot report) หรอื เรียกอีกอยา่ งหน่ึง คือการรายงานข่าวนอกสถานที่หรือการรายงานข่าว ณ จุดท่ีเกิดเหตุโดยเสียงของผู้สื่อข่าวโดยตรง หรืออาจจะใช้เสยี งบุคคลสาคญั เสียงสมั ภาษณ์ เสียงเหตุการณ์ รวมทั้งความเหน็ ของประชาชนประกอบข่าวนั้น ทั้งน้ี อาจจะ

ใช้วิธีบันทึกเสียงล่วงหน้าแล้วนามาตัดต่อก่อนการนาเสนอในรายการข่าวก็ได้ หรืออาจจะเป็นรายงานสด ณจุดท่เี กดิ เหตกุ ็ได้ นอกจากนี้ การรายงานข่าวดงั กลา่ ว ผสู้ อ่ื ขา่ วมักเลือกรายงานข่าวที่น่าตื่นเตน้ และมีความสูญเสยีเกิดข้ึน เช่น กรณีเกิดอุบัติเหตุตามจุดต่างๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เหตุเพลิงไหม้ในย่านชุมชนแออัด อย่างไรก็ตาม เน้ือหาข่าวที่แสดงถึงบรรยากาศที่น่าสนใจก็สามารถนาเสนอให้แก่ผู้ฟังได้เช่นเดียวกัน เช่น บรรยากาศการเปิดงานเทศกาลกินเจ การรายงานผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง ผู้สื่อข่าวสามารถนาเสนอภูมิหลังของเหตุการณม์ าด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผฟู้ งั เกดิ ความสนใจและต่นื เต้นตอ่ เหตุการณ์ท่ีเกดิ ขน้ึ 4.6 รายการนิตยสารข่าว (news magazine) การเสนอข่าวในรูปของนิตยสารข่าวนนั้ เปน็ การสอนที่มีความมุ่งหมายให้เกิดความหลากหลายและเป็นกันเองกับผู้ฟัง โดยมีการอ่านข่าวในห้องส่ง รวมทั้งการใช้เทคนิคการสัมภาษณแ์ ละการรายงานนอกสถานทห่ี รืออาจจะใช้ในลกั ษณะขา่ วประกอบเสียงดว้ ยก็ได้ 4.7 รายการสารคดีข่าว (news documentary) เป็นรายการท่ีนาเอาเหตุการณ์ท่ีเป็นข่าวหรือสภาพสังคมในขณะน้ัน มานาเสนอข้อเท็จจริงให้มีลักษณะสารคดีเชิงข่าวท่ีน่าสนใจด้วยการนาตัวจริงเสียงจริงของบคุ คลทเ่ี ป็นข่าวมาถา่ ยทอดอารมณ์ความรสู้ ึกผ่านกระบวนการตัดตอ่ ดว้ ยเสียงประกอบเสียงดนตรีท่ีสอดคล้องกับรูปแบบสารคดี เช่น สารคดีข่าวเร่ือง “เหย่ือเมาไม่ขับ” สารคดีข่าวเร่ือง “จริยธรรมในวงการแพทย์” ของสถานีวิทยุกระจายเสยี ง อ.ส.ม.ท. กรุงเทพฯ 4.8 รายการวิเคราะหข์ ่าว (news analysis) เป็นการให้สาระมุ่งเนน้ ให้ผู้ฟงั ได้รูถ้ ึงเบื้องหน้า เบื้องหลังและผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นสาคัญ เหตุการณ์ท่ีนามาวิเคราะห์ส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์ที่มีความสาคัญระดับประเทศ ระดับโลก หรือข่าวอื่นๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง เช่น ข่าวการเมืองระหว่างประเทศ วิเคราะห์ข่าวการชิงตาแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา การแข่งขันทางการค้าระหว่างจีนกับสหรฐั การพลกิ โฉมหน้าใหม่ของตลาดลงทุนในเวยี ดนาม เป็นตน้ 4.9 รายการนิวส์ทอล์ก (news talk/talk news) เป็นรายการในรูปแบบใหม่ท่ีกาลังได้รับความนิยมจากผู้ฟัง โดยผู้ดาเนินรายการจะนาข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์มาคุยข่าว หรือเล่าข่าว จะเน้นข่าวทั่วๆ ไป ท้ังขา่ วการเมอื ง เศรษฐกิจ สงั คม และสามารถนาเสนอข่าวโดยเชญิ ผทู้ ี่เกย่ี วขอ้ งเข้ามาร่วมสนทนาได้ 5. แบ่งตามชว่ งเวลาในการนาเสนอขา่ ว สามารถแบง่ ไดด้ ังนี้ คือ 5.1 ข่าวภาคหลกั สถานีวทิ ยกุ ระจายเสยี งจะมรี ายการขา่ วหลักของสถานีโดยปกตกิ าหนดชว่ งเชา้ และช่วงเย็น ซ่ึงยึดจากข่าวภาคบังคับของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กาหนด 2 ช่วงเวลา คือ 7.00 -7.30 น. และ 19.00-19.30 น. ระยะเวลาในการออกอากาศของข่าวภาคหลักประมาณ 25-30 นาที 5.2 ขา่ วต้นชั่วโมง/ขา่ วภาคยอ่ ย รูปแบบของรายการขา่ วภาคย่อย ท่ีกาหนดไว้เพอ่ื ออกอากาศทุกต้นช่ัวโมง ระยะเวลาที่ออกอากาศประมาณ 3-5 นาที นอกจากนี้บางครั้งหากมีเหตุการณ์สาคัญเกิดข้ึนอย่างปัจจุบนั ทนั ดว่ น อาจมกี ารแทรกข่าวด่วนเข้ามาในเวลาของรายการปกติดว้ ยองคป์ ระกอบของรายการขา่ ววิทยุกระจายเสียง การนาเสนอข่าวทางวิทยุกระจายเสียงมีนักวิชาการหลายท่านได้เสนอองค์ประกอบของรายการข่าววิทยุกระจายเสยี งทมี่ คี วามคล้ายคลึงกนั ผู้เขยี นจึงขอสรปุ ข้อควรคานงึ ถงึ องค์ประกอบของข่าว ดังตอ่ ไปน้ี 1. ความสดใหมท่ ันตอ่ เหตกุ ารณ์ (timeliness) หมายถึง ความรวดเร็วในการรายงานขา่ วสามารถรายงานเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนได้ทันท่วงที โดยปัจจุบันอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ ซ่ึงจะทาให้มีคุณค่าในการเสนอข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงอย่างย่ิง โดยปกติการรายงานข่าวทางสถานีวิทยุกระจายเสียงจะข้ึนอยู่กับช่วงเวลาในการออกอากาศ การรายงานสดหรือถ่ายทอดสดจากสถานท่ีจริงตรงตามเวลาที่เกิดเหตุการณ์ก็สามารถทาได้ เช่น รายงานสดจากทาเนียบรัฐบาล ถ่ายทอดเสียงการอภิปรายในสภา รายงานสดจากการเปดิ การแข่งขันกฬี าซเี กมสท์ ่นี ครราชสมี า เป็นตน้

2. ความใกลช้ ิด (proximity) หมายถึง การเสนอเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขึน้ โดยคานงึ ถึงผู้ฟังที่เปน็ กลมุ่ เป้าหมายในพ้ืนที่น้ันๆ เน่ืองจากธรรมชาติของคนมักจะสนใจเหตุการณ์หรือเร่ืองราวที่เกิดข้ึนใกล้ตัวมากกว่าเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในที่ห่างไกล เช่น การเสนอข่าวการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรุงเทพมหานคร ย่อมได้รับความสนใจจากคนในกรุงเทพมากกว่าคนต่างจังหวัด หรือความสนใจประเด็นข่าวการประท้วงเขอื่ นปากมูลของประชาชนใน จ.อบุ ลราชธานี เป็นต้น 3. ความสาคัญหรือความเดน่ (prominence) เนน้ เร่ืองของบคุ คลสาคัญ บุคคลเด่นในท่นี ้หี มายรวมถึง นักร้อง นักแสดง ศิลปิน ซึ่งเป็นท่ีสนใจของประชาชนด้วย เมื่อบุคคลเหล่านี้ทาอะไรที่เก่ียวกับสาธารณชนย่อมเป็นข่าวเสมอ เช่น การนาเสนอข่าวอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร สู้คดีซื้อท่ีดินย่านรัชดา การนาเสนอข่าวดารา เคน ธีรเดช หน่อย บุษกร เข้ารับพระรา ชทานน้าสังข์จากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชนิ ีนาถ 4. ผลกระทบ (consequence or impact) หมายถึง ผลกระทบท่ีเกดิ ขน้ึ ตามมาจากเหตุการณ์ต่างๆ ซ่ึงมีผลกระทบต่อคนจานวนมาก เช่น การข้นึ ราคาน้ามันปาล์มส่งผลต่อราคานา้ มันที่ใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนของประชาชนแพงขึ้น การเสนอข่าวความแห้งแล้งของภาคอีสานส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของประชาชน 5. ความขดั แยง้ (conflict) หมายถึง ความขัดแยง้ ที่เกิดขึน้ ในสงั คม ความแตกตา่ งทางดา้ นความคิด เช่น ข่าวการเมืองจะเน้นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ความขัดแย้งของประชาชนในพ้ืนท่ีกับนโยบายของรัฐบาล เช่น การสร้างโรงไฟฟ้า โรงแยกก๊าซ การสร้างเข่ือน การปรับโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจเป็นต้น อย่างไรก็ตาม การนาเสนอข่าวด้วยองค์ประกอบของความขัดแย้ง ผู้รายงานข่าวต้องระมัดระวังอย่างมาก โดยนาเสนอข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ด้วยความเป็นกลางมากทส่ี ดุ 6. ความสนใจของมนษุ ย์โดยทัว่ ไป (human interesting) หมายถงึ ส่งิ ต่างๆ ท่ีเกิดข้นึ ที่สามารถกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์จะเป็นส่ิงที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะเรื่องท่ีเป็นผลโดยตรงและกระทบต่อความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นการเกิดภัยธรรมชาติ สงครามและอุบัติเหตุร้ายแรง ความลึกลับ ความน่าสงสัยหรอื มเี งือ่ นงา เช่น เหตุการณ์สึนามิ กรณกี ารหายตวั ไปของทนายสมชาย อุบตั เิ หตเุ คร่อื งบินตก เปน็ ตน้ 7. ขา่ วทแ่ี ปลกประหลาดผดิ ธรรมชาติ (unusual) หมายถึง การรายงานเหตุการณท์ ไ่ี ม่เคยขนึ้ มาก่อน คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น เป็นปรากฏการณ์ที่ผิดธรรมชาติแต่มักได้รับความสนใจจากผู้ฟัง เช่น ข่าวหมูมี 2หวั ตน้ ไม้ออกดอก ออกผลผลติ ท่ีผิดแผกจากลักษณะพันธ์เุ ดมิ เป็นต้น 8. เหตุการณท์ ก่ี าลงั อย่ใู นความสนใจ (currency) เปน็ ประเดน็ ขา่ วที่อย่ใู นกระแสความสนใจของประชาชนในช่วงเวลาน้ันหรือเป็นประเด็นใหม่ๆ ที่เพง่ิ จะเกิดข้ึนและกาลงั วิพากษว์ ิจารณ์กนั ในสังคม เชน่ เรื่องการปฏิรูปสื่อ การริเริ่มให้มีทวี ีสาธารณะ การให้หลักประกันสุขภาพ นอกจากน้ี ประชาชนยังสนใจข่าวคราวที่เกิดข้ึนในแต่ละช่วงเวลา เช่น ช่วงที่มีการประกวดหรือแข่งขันกิจกรรมต่างๆ เช่น ช่วงของการ สอบแข่งขันฟุตบอลโลก การประกวด The Star การประกวดนางสาวไทย ช่วงของการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย เป็นตน้ 9. ความก้าวหน้า (progress) เปน็ การนาเสนอเรอื่ งราวความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือเป็นวัตกรรมที่เกิดจากการประดิษฐ์คิดค้นทาให้ผู้รับสารเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถปรับตัวเองให้ทันกระแสความเปลี่ยนแปลง เช่น การนาเสนอความเปล่ียนแปลงทางด้านนาโนเทคโนโลยี รายงานความคบื หน้าของหุน่ ยนต์ชว่ ยค้นหาผูร้ อดชวี ิตจากเหตุประสบภัย 10. องคป์ ระกอบทางเพศ (sex) เสนอขา่ วเพสเปน็ องคป์ ระกอบสาคญั เชน่ ฝา่ ยหญิง ฝ่ายชายประ-สบความสาเร็จในวิชาชีพ ความขัดแย้งระหว่างครอบครัว ความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิง ซึ่งเห็นได้ว่าปจั จบุ ันมกี ารรายงานข่าวเกี่ยวกบั เรือ่ งเพศมากขน้ึ ซ่ึงเปน็ สว่ นหนึ่งของขา่ วท่ีไดร้ ับความสนใจ

แหลง่ ขา่ ว การแสวงหาและรวบรวมข้อมูลเพ่ือนามาผลิตเป็นรายการข่าววทิ ยกุ ระจายเสียง ผูส้ ื่อข่าวจาเป็นต้องรู้วา่ จะหาข้อมลู ดังกลา่ วนน้ั มาจากท่ีใด และจะหาข้อมูลน้ันได้อยา่ งไร น่ันคือการใช้ประโยชน์จากแหล่งข่าวหรือแหลง่ ขอ้ มลู เพ่ือนามาอธิบายเหตกุ ารณ์ต่างๆ ทเี่ กิดข้นึ และนาเสนอต่อผ้ฟู งั ต่อไป แหลง่ ข่าวทสี่ าคัญ ได้แก่ 1. แหล่งข่าวจากสถานท่เี กดิ เหตจุ รงิ ผู้ส่ือข่าวสามารถตดิ ตามและรายงานขา่ วจากสถานทเ่ี กิดเหตุการณ์น้ันด้วยข้อมูลหรอื บรรยากาศท่ีเกิดขึน้ ในขณะเวลาดังกล่าว เช่น รายงานข่าวบรรยากาศการเลือกต้ังวันท่ี 23 ธันวาคม 2550 ตามจุดต่างๆ ในพื้นท่ี จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจังหวัดท่ีน่าจับตามองและประชาชนให้ความสนใจ โดยรายงานให้แก่ผู้ฟังได้ทราบถึงข้อมูลท่ีเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นจานวนผู้สมัครรับเลือกต้ัง ผู้มีสิทธิมาลงคะแนน บรรยากาศในการลงคะแนนเปน็ ไปอยา่ งไร 2. แหล่งขา่ วที่เป็นบุคคล นบั เป็นแหลง่ ข่าวท่ีผสู้ ่ือข่าวใช้มากที่สุด แบง่ ได้ 2 กลมุ่ คือ 2.1 บคุ คลที่เป็นขา่ วหรอื บคุ คลทอี่ ยใู่ นเหตกุ ารณ์ เช่น การสัมภาษณ์ผูเ้ สยี หายจากกรณีถกู ตารวจทาร้าย การสัมภาษณ์โฆษกสานักงานตารวจแห่งชาติจากกรณีท่ีตารวจทาร้ายผู้เสียหาย การสอบถามประชาชนผู้พบเห็นเหตุการณห์ รอื ผู้อยใู่ นเหตุการณไ์ ฟไหม้โรงงานตกุ๊ ตา 2.2 บคุ คลท่ีใกล้ชิดหรอื มีความร้ใู นประเด็นข่าวนั้นๆ เชน่ การปรบั ขึ้นราคาสินค้าทจ่ี าเปน็ ตอ่ การบริโภคของประชาชน ควรติดตามสอบถามข้อเท็จจริงจากกระทรวงหรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องโดยตรง คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรืออธิบดีกรมการค้าภายในหรือบุคคลอ่ืนท่ีได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องดงั กลา่ ว 3. สานักขา่ ว เปน็ องค์การที่บรกิ ารขายขา่ วใหแ้ ก่สมาชกิ ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ 3.1 สานักข่าวภายในประเทศ เช่น สานกั ขา่ วกรมประชาสมั พนั ธ์ สานกั ข่าวไทย (อ.ส.ม.ท.)ศูนย์ขา่ วแปซิฟกิ สานกั ขา่ ว INN สานกั ขา่ วประชาธรรม 3.2 สานกั ข่าวตา่ งประเทศ เช่น สานกั ขา่ ว AP สานกั ขา่ ว UPI ของอเมริกา สานักขา่ วReuters ขององั กฤษ สานักข่าว AFP ของฝรง่ั เศส สานักข่าว Xinhua ของจีน 4. หน่วยงานต่างๆ ท้งั ภาครฐั และเอกชน ผู้สอ่ื ข่าวสามารถแสวงหาข่าวได้จากหน่วยงานต่างๆซ่ึงตอ้ งการประชาสัมพันธ์องคก์ ารโดยอาศัยสื่อเปน็ ตัวกลางในการประชาสัมพันธ์ขา่ วสารใหห้ น่วยงานลักษณะนี้อาจใช้วิธีการส่งข่าวประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อเอง หรือส่ืออาจจะเข้ามาติดตามหากหน่วยงานมีกิจกรรมสาคัญหรือเป็นประโยชนต์ ่อสังคมน่าจะนาไปขยายผลต่อ 5. สื่อมวลชนแขนงตา่ งๆ ผู้สือ่ ข่าววทิ ยุสามารถตรวจสอบข้อมลู ขา่ วจากส่ือมวลชนประเภทอื่นๆ ด้วย เพ่ือความถูกต้องและแง่มุมประเด็นข่าวท่ีมีรายละเอยี ดในการนาเสนอหลากหลายหรือเจาะลึกมากท่สี ดุ 6. ผสู้ ่ือขา่ วท้องถิ่น สถานวี ิทยกุ ระจายเสยี ง ทีเ่ ปน็ ลกั ษณะเครอื ข่าย มกั มผี ู้สือ่ ขา่ วท้องถน่ิประจาจังหวัดต่างๆ ทาหน้าที่รายงานไปยังสถานีแม่ข่าย กรณีเกิดเหตุการณ์สาคัญๆ ในพื้นท่ีต่างๆ สถานีวทิ ยุกระจายเสยี งที่มผี ู้ส่ือขา่ วท้องถ่ิน เช่น สถานีวิทยุกระจายเสยี งแห่งประเทศไทย (สวท.) สถานีวิทยุองค์การสือ่ สารมวลชนแหง่ ประเทศไทย (อสมท.) สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสียงกองทัพบก 7. แหล่งข่าวเอกสาร เป็นแหล่งข่าวท่ีสามารถให้ข้อมูลในเชิงสถติ ิ ตัวเลข รายละเอียดท่ีชัดเจนด้านต่างๆ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการนามาเป็นพื้นฐานก่อนการขยายผลของประเด็นข่าวต่อไป แหล่งข่าวเอกสาร ไดแ้ ก่ นิตยสาร หนังสอื พิมพ์ คู่มือ รายงานประจาปี งานวิจัย เปน็ ต้น 8. แหล่งข่าวออนไลน์ เปน็ แหลง่ ข่าวทไ่ี ด้รบั ความนยิ มมากข้นึ ในยดุ น้ี เนือ่ งจากสามารถเช่ือม-โยงข้อมูลต่างๆ ได้ทั่วโลก สะดวกรวดเร็วในการค้นหามาก อย่างไรก็ตามผู้ส่ือข่าวอาจต้องกลั่นกรองเลือกขอ้ มูลท่เี ปน็ ขอ้ เทจ็ จริงเชือ่ ถอื ไดก้ ่อนนาเสนอแกผ่ ู้ฟังอกี ครั้งหนง่ึ 9. แหล่งขา่ วพเิ ศษ นอกเหนือจากแหล่งขา่ วทง้ั 8 ลกั ษณะท่ีกล่าวมา ยงั มีแหล่งขา่ วพเิ ศษ ซึง่

หมายถึง บุคคลทั่วไป ผู้พบเหตุการณ์ที่แจ้งข่าว รายงานข่าวช้ีเบาะแสให้สื่อมวลชนผ่านทางโทรศัพท์ ซ่ึงผู้สื่อข่าวหรือทีมงานข่าวของส่ือต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากแหล่งข่าวลักษณะนี้ และหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนทจี่ ะรายงานให้ผูฟ้ ังไดร้ บั ทราบกระบวนการในการผลิตรายการข่าววิทยกุ ระจายเสียง กระบวนการผลติ รายการขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสยี ง ถึงแม้จะไมย่ ุง่ ยากซบั ซ้อนเหมือนกับการผลิตรายการ การ การ การเขยี น กระบวน การนาเสนอแสวงหา รวบรวม บทข่าว การตดั ต่อ ขา่ วแก่ผ้ฟู ังขา่ วจาก เรียบเรียงแหลง่ ขา่ ว เสียง ขา่ ว ภาพที่ 5.1 ภาพแสดงกระบวนการในการผลติ รายการข่าววิทยกุ ระจายเสยี ง 1. การแสวงหาขา่ วจากแหลง่ ขา่ ว ผูส้ ่ือขา่ ว หรอื ผู้รายงานขา่ ว (reporter) ออกไปหาขอ้ มูลและหาข่าวจากแหล่งข่าว ตามที่บรรณาธิการข่าวมอบหมาย เมื่อได้ประเด็นท่ีต้องการแล้ว จะต้องรายงานเร่ืองราวหรือข้อเท็จจริงน้ันๆ เข้ามายังกองบรรณาธิการ เพื่อพิจารณานาออกอากาศต่อไป โดยผู้ส่ือข่าวในปัจจุบันนั้นยงั ตอ้ งเปน็ ผู้มคี วามสามารถในการใช้ภาษาและใช้เสยี งของตัวเองรายงานข่าวเขา้ มายังกองบรรณาธิการได้ด้วย 2. การรวบรวมเรยี บเรยี งขา่ ว สถานีวิทยกุ ระจายเสยี งขนาดใหญ่ เช่า สถานวี ิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) สถานีวิทยุองค์การส่ือสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) จะมีกองบรรณาธิการทาหน้าที่เขียนและเรียบเรียงข่าวจากแหล่งข่าวต่างๆ ข้ึนใหม่ให้มีลักษณะเหมาะสมกับการใช้ออกอากาศในรายการข่าว คอื ส้ันกะทัดรัด ชัดเจน ส่วนสถานีวิทยุกระจายเสียงขนาดเล็ก และสถานีวิทยุชุมชนโดยท่ัวไปที่มีบุคลากรจานวนน้อย มีข้อจากัดในการออกไปหาข่าวจากสถานที่เกิดเหตุจริง อาจไม่มีกองบรรณาธิการ จึงใช้วิธกี ารผลิตข่าววิทยุด้วยการแสวงหาแหล่งข่าวจากการประชาสัมพนั ธห์ น่วยงาน แหล่งขา่ วจากส่ือมวลชนต่างๆ หรอื แหลง่ ข่าวออนไลน์เป็นตน้ 3. การเขยี นบทขา่ ว เมื่อได้ขอ้ มูลครบถว้ น มกี ารตรวจสอบความถกู ต้องน่าเชือ่ ถอื ของแหลง่ ขา่ วแลว้ก็นาข้อมูลท้ังหมดมาเรียบเรียงเขียนเป็นบทข่าว (ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อการเขียนข่าววิทยุกระจายเสียงต่อไป)เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านขา่ วหรือผู้ประกาศขา่ วได้นาเสนอใหแ้ กผู้ฟัง 4. กระบวนการตดั ตอ่ เสยี ง เสยี งสมั ภาษณจ์ ากแหล่งข่าวหรือบคุ คลท่ีเก่ียวข้องจะถูกนามาใช้ในข่าวประกอบเสียง ซึ่งต้องนาเสียงประกอบนั้นมาเรียบเรียงตัดต่อใหม่ โดยตัดทอนคาพูดท่ีไม่เกี่ยวข้องออก หยิบเฉพาะประเดน็ สาคญั มาแทรกระหว่างการนาเสนอข่าว 5. การนาเสนอขา่ วแก่ผู้ฟงั ด้วยรูปแบบดงั ตอ่ ไปน้ี 5.1 การอ่านข่าว หมายถึง การเสนอรายการขา่ วโดยผอู้ า่ นข่าวของสถานเี ปน็ ผอู้ ่านจากต้นฉบับท่ีบรรณาธกิ ารจดั ไว้ ซง่ึ จะจัดเป็นรายการสดหรือการบันทกึ เทปไว้ก็ได้ 5.2 การรายงานข่าว หมายถึง การรายงานขา่ วนอกสถานทหี่ รอื การรายงานขา่ ว ณ จุดทเ่ี กิดเหตุโดยสยี งของผู้สื่อข่าวโดยตรงหรอื อาจจะใช้เสียงบุคคลสาคัญ เสียงสัมภาษณ์ เสียงเหตุการณ์ รวมทั้งความเห็นของประชาชนประกอบข่าวนั้น ทั้งนี้ อาจจะใช้วิธีบันทึกเสียงล่วงหน้า แล้วนามาตัดต่อก่อนการนาเสนอในรายการข่าวกไ็ ด้ หรืออาจจะเปน็ รายงานสด ณ จุดทีเ่ กดิ เหตุกไ็ ด้ 5.3 การเสนอขา่ วในรปู ของนติ ยสารข่าวนัน้ เป็นการแสดงที่มีความมงุ่ หมายให้เกดิ ความหลาก

หลายและเป็นกันเองกับผู้ฟัง โดยมีการอ่านข่าวในห้องส่ง รวมท้ังการใช้เทคนิคการสัมภาษณ์และการรายงานนอกสถานทห่ี รอื อาจจะใชเ้ สียงดนตรีประกอบด้วยก็ได้การเขยี นข่าววทิ ยกุ ระจายเสยี ง ข่าววิทยุกระจายเสียง เป็นการเขียนเพ่ือการฟัง ส่วนข่าวหนังสือพิมพ์เป็นการเขียนเพ่ือการอ่านดังนั้น ผู้เขียนควรเขา้ ใจองคป์ ระกอบของขา่ วและวธิ กี ารเขยี นขา่ ว ดงั นี้ 1. องคป์ ระกอบของข่าวและวิธกี ารเขยี นขา่ ววิทยุกระจายเสยี งประกอบด้วย 5W+1H 1.1 เปน็ คาถามเกย่ี วกับบุคคล เช่น ใครทาอะไรท่ีเป็นความสนใจของผฟู้ ัง ใครคือบุคคล หรือหนว่ ยงานที่เก่ียวขอ้ งกบั ข่าว ขา่ วนนั้ มใี ครเกี่ยวขอ้ งหรือได้รบั ผลกระทบบา้ ง 1.2 อะไร (What) เกิดอะไรขึ้น การกระทาหรอื กิจกรรม รวมถึงเหตกุ ารณข์ องขา่ วทเ่ี ปน็ เรอื่ งราวสาคัญนัน้ ๆ คืออะไร 1.3 ท่ีไหน (Where) การกระทาหรอื กิจกรรม เหตุการณน์ ้ันๆ เกดิ ข้ึนท่ีไหน 1.4 เมือ่ ไหร่ (When) การกระทาหรือเหตกุ ารณ์นน้ั ๆ เกิดข้นึ วนั เวลาใด ระยะเวลาท่จี ัดทากจิ -กรรมนนั้ ๆ 1.5 ทาไม (Why) เหตุผล วัตถปุ ระสงค์ เปา้ หมายทเ่ี กิดการกระทาหรอื กจิ กรรมนั้นๆ 1.6 อย่างไร (How) เร่ืองราวหรอื เหตุการณ์ เกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไร รายละเอยี ดในการจดั กจิ กรรมนั้นๆ วธิ ีการเขียนขา่ ววิทยกุ ระจายเสียง นยิ มเขียนโดยลาดบั ความสาคญั จากมากไปหานอ้ ย โดยพยายามเขียนให้ส่ือความหมายของขา่ วอย่างครบถว้ น ไม่ตกหล่นในสาระสาคญั ภาษาท่ีใช้เปน็ ภาษาท่ีเขยี นเพ่ือพูดในลักษณะเป็นการบอกเล่าจากผู้อ่านข่าวไปสู่ผู้ฟังโดยตรงมีใจความสั้น กะทัดรัด และนิยมท่ีจะย่อหน้าบ่อยๆ สาหรับข่าวที่ใช้เสียงในเหตุการณ์ประกอบจะต้องจัดทาบทวิทยุและบันทึกเสียงให้สมบูรณ์ ก่อนนาไปเสนอออกอากาศในรายการข่าว 2. โครงสรา้ งของการเขียนขา่ ววทิ ยุกระจายเสียง การเขียนข่าววิทยกุ ระจายเสยี งในรปู แบบพีรามดิ หัวกลบั (inverted pyramid) มสี ว่ นประกอบสาคัญ คอื Headline หวั ขอ้ ข่าว Lead ความนา Body เน้อื หาขา่ ว ภาพที่ 5.2 ภาพแสดงโครงสร้างของการเขียนวิทยุกระจายเสยี งในรูปแบบพีรามดิ หวั กลบั รายละเอียดของโครงสร้างการเขยี นขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสียงมี ดังน้ี

2.1 หัวข้อขา่ วหรอื พาดหวั ขา่ ว (headline) ทาหนา้ ท่ีบอกใหผ้ ูฟ้ งั รับทราบว่าข่าวน้นั เป็นขา่ วเก่ียวกับอะไร เป็นประเด็นท่ีสาคัญที่สุดของข่าว การเขียนพาดหัวข่าวจึงต้องใช้ภาษาง่ายๆ ให้อารมณ์ สีสันสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ฟังได้เป็นอันดับแรก นอกจากน้ีการเขียนหัวข้อข่าวหรือพาดหัวข่าวเป็นการจดั ลาดบั ความสาคญั เพือ่ ให้ผู้ฟงั สามารถติดตามข่าวที่เราจะนาเสนอตอ่ ไป ตัวอย่าง หัวข้อขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสยี ง “กลมุ่ ต่อตา้ นโรงไฟฟ้าถ่านหินนดั ชุมนุมหน้ากระทรวงพลังงาน 2.2 ความนา (Lead) คอื องค์ประกอบของข่าวทีส่ าคัญทสี่ ดุ สองหรือสามองคป์ ระกอบ ในหนึ่งข่าวที่จะเสนอในความนา เช่น ใครทาอะไรกระทบกับใคร เหตุการณ์อะไรเกิดข้ึน แล้วเกิดขึ้นที่ไหน วันเวลาใดทาไมจงึ เกดิ ข้นึ และเกิดขนึ้ ไดอ้ ย่างไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะเปน็ ส่วนสาคัญในการดงึ ความสนใจจากผฟู้ งั บางคร้ังหวั ข้อขา่ วกท็ าหนา้ ทเ่ี หมอื นกบั ความนาของขา่ ว โดยไม่ต้องมคี วามนาอกี ก็ได้ ตัวอยา่ งการเขยี นความนา “กลุ่มตอ่ ต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา กาลังเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯโดยนดั ชมุ นมุ ทห่ี นา้ กระทรวงพลงั งานรว่ มกับกลุ่มตอ่ ต้านอีกหลายจังหวัด” 2.3 เนื้อเร่ือง (Body) คอื สว่ นท่ีเป็นขอ้ เทจ็ จรงิ หรือรายละเอยี ดของขา่ ว ทีน่ าเสนอใหแ้ กผ่ ้ฟู งั ด้วยการพยายามตอบคาถามให้ได้ว่า ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทาไม และอย่างไร ให้สั้น กระชับ ชัดเจน หน่ึงขา่ วตอ่ หนึ่งประเดน็ เนื่องจากเวลาในการนาเสนอข่าวทางวิทยุกระจายเสียงมจี ากัด ตัวอยา่ งการเขยี นเน้อื เรอ่ื งขา่ ววิทยกุ ระจายเสยี ง ท่ีจังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะนี้กลุ่มผู้ต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินจานวนกว่า 3,000 คน ได้เดินขบวนโดยรถบัสจานวนกว่า 20 คัน เดินทางมุ่งหน้าเข้าไปยังกรุงเทพฯ เพ่ือไปชุมนุมกดดันกระทรวงพลังงานให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินบางปะกง โดยได้ให้ทาง EIA รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบทางส่ิงแวดล้อม โดยผู้ชุมนุมได้เริ่มรวมตัวกันตั้งแต่เวลาเจ็ดนาฬิกาของวันน้ีท่ีบริเวณลานวัดกลางบางปะกง โดยรถบัสจานวน 12 คัน และท่ีบริเวณหน้าอบต.เขาดิน โดยรถบัสจานวน 5 คัน เดินทางมาสมทบกันหลายสายเป็นขบวนใหญ่ โดยมีเป้าหมายยังบริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน เพ่ือชุมนุมร่วมกับกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าจากหลายจังหวัด ท้ังจังหวัดราชบรุ ี สระบุรี ระยอง หนิ กูดและบ่อนอก (ศุภชัย วัดอินจัน(บทข่าววิทยุ(2550) 3. ภาษาข่าววิทยุกระจายเสยี ง การใช้ภาษาในการเขยี นบทขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสียง มขี ้อควรคานึงดงั ตอ่ ไปนี้ 3.1 การใช้ภาษาขา่ ววิทยุใชภ้ าษาเขยี นระดับกงึ่ ทางการจนถึงระดับทางการ ขึน้ อยู่กบั ประเภทของข่าว เช่น ข่าวในพระราชสานัก ข่าวขององค์กรภาครัฐ จะใช้ภาษาเขียนระดับทางการ ส่วนข่าวการเมืองข่าวเศรษฐกิจ ข่าการศึกษา ข่าวการศาสนา จะใช้ภาษาเขียนระดับกึ่งทางการจนถึงระดับทางการ ส่วนข่าวอาชญากรรม ข่าวอุบัติเหตุ ข่าวเพลิงไหม้ ข่าวสังคม จะใช้ภาษาเขียนระดับกึ่งทางการ เป็นต้น โวหารท่ีใช้เขยี นขา่ วจะใชบ้ รรยายโวหารเปน็ หลกั 3.2 ประโยคของขา่ วควรใช้ประโยคความเดยี วส้ันๆ มเี นื้อหาสาระสาคัญเพียงประการเดียว ประ-โยคแต่ละประโยคมีความต่อเนื่องเชอ่ื มโยงกันอย่างดี การเขยี นต้องเว้นวรรคให้ชดั เจน เพื่ออ่านได้สะดวกและได้ความหมายท่ีชัดเจน 3.3 การใชถ้ อ้ ยคาควรใช้ถ้อยคาท่ีส่ือความตรงไปตรงมา ถ้อยคาภาษาง่ายๆ หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เทคนคิ หรือคาพูดเฉพาะกลมุ่ หรือสานวน หรือเล่นคารมโวหาร และควรเลือกคาที่สามารถทาให้มองเห็นภาพได้หรอื การสร้างภาพดว้ ยคา เชน่ เกดิ เหตุนา้ ป่าไหลหลากท่ีจังหวดั พงั งา ทาใหน้ กั ทอ่ งเท่ยี วสูญหายจานวนมาก

3.4 การใช้อักษรยอ่ คาย่อ ควรเขียนคาเตม็ ไวด้ ้วยเพื่อให้อา่ นถกู ต้อง เว้นแตก่ รณีทเี่ ปน็ อกั ษรยอ่หรือคาย่อซ่ึงเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปแล้ว เช่น กพ. (สานักงานข้าราชการพลเรือน) อ.ส.ม.ท. (องค์การสอ่ื สารมวลชนแหง่ ประเทศไทย) เปน็ ต้น 3.5 การกล่าวถงึ บุคคลและตาแหน่ง 3.5.1 หากเปน็ ตาแหน่งของคนไทย จะตามหลังชอ่ื เชน่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมน-ตรี ส่วนตาแหนง่ ต่างประเทศ จะนาหน้าชื่อ เชน่ ประธานาธิบดีจอรจ์ ดบั เบลิ ยู บุช 3.5.2 การกลา่ วชือ่ บคุ คลนน้ั เป็นครัง้ แรกในข่าว ตอ้ งระบุชื่อ นามสกลุ ตาแหนง่ ให้ถกู ต้องและเม่ือมีการกล่าวถึงบุคคลนั้นอีกครั้งในข่าวเรื่องเดียวกัน ให้กล่าวช่ือหรือตาแหน่งแบบย่อได้ตามความเหมาะสม แทนการใชบ้ ุรษุ สรรพนาม 3.6 การแทรกเสียงสมั ภาษณแ์ หล่งขา่ ว หรือบุคคลสาคญั ระหว่างการนาเสนอเนื้อหาข่าว ทาได้โดย 3.6.1 การเขยี นสรุปความคดิ เหน็ หรือประเด็น แลว้ นามาตัดตอ่ เอาเฉพาะสาระสาคญั เชน่นายศิรพิ ล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามตรวจสอบราคาสินคา้ โดยเฉพาะสนิ ค้าทีม่ ีตน้ ทุนจากวตั ถุดิบนาเข้าจากต่างประเทศ 3.6.2 ผูเ้ ขยี นขา่ วระบุใหช้ ัดเจนวา่ เป็นคาพดู ของใคร เชน่ “นาย...ไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ในเรอื่ งน้ไี ว้ว่า” เม่อื กล่าวความน้นั จบ ให้กล่าวย้าชื่อ นามสกลุ อีกคร้งั วา่ “น่ีคือทศั นะของนาย...ต่อกรณี”สรปุ รายการข่าววิทยุกระจายเสียงมีรูปแบบท่ีพัฒนาปรับเปล่ียนไปตามเทคโนโลยีการสื่อสารท่ีทันสมัยประชาชนสามารถเลือกเปิดรับได้ตามความต้องการของแต่ละคน ประเภทของรายการข่าววิทยุกระจายเสียงสามารถแบ่งได้หลายลักษณะ เช่น แบง่ ตามประเภทของข่าว ได้แก่ ข่าวหนัก ขา่ วเบา ขา่ วเชิงสืบสวนสอบสวนหรือข่าวเจาะ หรือหากจาแนกตามพ้ืนที่ที่ข่าวเกิดข้ึน แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ ข่าวในประเทศและข่าวต่างประเทศการจาแนกตามรูปแบบการนาเสนอข่าว ได้แก่ ข่าวอ่าน ข่าวประกอบเสียง การรายงานข่าวของผู้สื่อข่าว การสัมภาษณ์ การรายงานข่าวจากสถานท่ีเกิดเหตุการณ์ รายการนิตยสารข่าว รายการสารคดีข่าว ร ายการวเิ คราะห์ข่าว และรายการนวิ ส์ทอล์ค เปน็ ต้น สาหรบั การจาแนกตามชว่ งเวลาในการนาเสนอข่าว สามารถแบ่งได้ดังน้ี คอื ขา่ วภาคหลกั และขา่ วต้นชวั่ โมง การผลิตรายการข่าววิทยุกระจายเสียง ควรคานึงถึงองค์ประกอบของรายการข่าววิทยุกระจายเสียงได้แก่ ความสดใหม่ทันต่อเหตุการณ์ ความใกล้ชิด ความสาคัญ หรือความเด่น ผลกระทบ ความขัดแย้ง ความสนใจของมนุษย์โดยท่ัวไป ข่าวท่ีแปลกประหลาดผิดธรรมชาติ เหตุการณ์ที่กาลังอยู่ในความสนใจความกา้ วหนา้ องค์ประกอบทางเพศ กระบวนการในการผลิตรายการข่าววิทยุกระจายเสียง เร่ิมจากการแสวงหาข่าวจากแหล่งข่าวเพ่ือนามารวบรวมเรียบเรียงข่าว หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนของการเขียนบทข่าว และเข้าสู่กระบวนการตัดต่อเสียงเพือ่ ใหม้ ีรายการข่าวที่สมบรู ณพ์ รอ้ มสาหรับการนาเสนอข่าวแก่ผู้ฟังต่อไป เอกสารอ้างองิกิตติ สงิ หาปัด. (2549). ประเด็นข่าวร้อน เบ้ืองต้นข่าวลกึ . กรุงเทพฯ: เนช่ันบคุ ส์.ชาตรี แสงเพ็ง. (ผูร้ ายงาน). (2550). รัฐมนตรปี ระจาสานักนายกรฐั มนตรีเตอื น 111 คนระวงั การกระทา. [บทขา่ วต้นชั่วโมง สถานีวิทยกุ ระจายเสียง อ.ส.ม.ท. สรุ นิ ทร์]

ชาตชิ าย ราพงึ . (2547). “การเขยี นบทรายการขา่ ววิทยกุ ระจายเสยี ง.” ใน เอกสารประกอบการสอนชุด วชิ าการเขียนบทวิทยกุ ระจายเสยี ง หน่วยท่ี 8. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.ธรี ารกั ษ์ โพธิสวุ รรณ. (2540). เทคนิคการเขียนข่าววิทยกุ ระจายเสียง. นนทบรุ ี: สาขานเิ ทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช.นรนิ ทร์ นาเจรญิ . (2549). ความรูท้ วั่ ไปเกี่ยวกบั การรายงานขา่ ว. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.ประชัน วัลลโิ ก. (2543 : มกราคม-มิถุนายน). “การเขียนขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสยี ง.” วารสารศรีปทุม. หนา้ 46-56.พอใจ คณุ จักษ.์ (ผรู้ ายงาน). (2550). ผลการตรวจวัดรอบเอวคณะรฐั มนตรี. [บทข่าวต้นช่วั โมง สถานี วิทยกุ ระจายเสยี ง อ.ส.ม.ท.สุรินทร์ คลืน่ 99.75 MHz].รว่ มศกั ดิ์ แกว้ ปลงั่ . (2540). เทคนิคการผลติ รายการวิทยกุ ระจายเสยี ง. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคาแหง.ลาดวน จาดใจด.ี (2543). คูม่ ือนักแปลข่าว. พมิ พค์ รง้ั ที่ 8. กรุงเทพฯ: ธนพลวทิ ยาการ.วโรชา สทุ ธริ ักษ์. (2549). “ข่าววิทยกุ ระจายเสียง.” ใน ประภาคารรวมบทความวิชาการ : 2 ทศวรรษ นเิ ทศ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจันทรเกษม. นนทบรุ ี: ออฟเซต เพรส.วาริศา พลายบัว. (2546). การเขียนข่าว. กรุงเทพฯ: ภาควิชาสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง.วรี พงษ์ พลนกิ รกจิ . (2545). การเขียนขา่ ววทิ ยกุ ระจายเสยี งและวทิ ยโุ ทรทัศน์เบอื้ งต้น. กรงุ เทพฯ: เอดสิ นั เพรสโปรดกั .ศภุ ชัย วดั อินจัน. (ผู้รายงาน). (2550). กลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินนัดชุมนุมหน้ากระทรวงพลังงาน. [บท ขา่ วต้นชว่ั โมง สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสียง อ.ส.ม.ท.สรุ ินทร์ คลน่ื 99.75MHz]. บทท่ี 6 การผลติ รายการสารคดีรายการสารคดเี ป็นรายการท่ีผู้ฟงั สว่ นใหญค่ ิดวา่ เปน็ รายการทม่ี ีสาระ ให้ความรซู้ ่ึงเป็นรายการท่ีมเี นื้อหาคอ่ นข้างหนกั สมอง และคิดว่าเปน็ รายการทม่ี รี ปู แบบเดยี วทาใหฟ้ งั แลว้ นา่ เบื่อ ซ่ึงจริงๆ แล้วรายการสารคดนี น้ัเปน็ รายการทีส่ ามารถให้ความรู้ และความบันเทงิ ในเวลาเดียวกนั ได้ โดยทีค่ วามบนั เทิงนน้ั มีไดห้ ลายลักษณะเชน่ การพูดคยุ อย่างสนกุ สนาน การทีใ่ ชเ้ สียงสัมภาษณ์เพื่อใหน้ กึ ภาพไดใ้ นสถานการณ์ท่ีมกี ารสัมภาษณ์เสยี งเพลงทีเ่ ข้ากบั เหตุการณ์และเน้ือหาท่นี าเสนอ และเสียงประกอบอื่นๆ ทเ่ี กีย่ วข้องกับเนื้อหารายการและเหตุการณต์ อนนน้ั ซึ่งสิ่งเหลา่ นี้เราสามารถทีจ่ ะสอดแทรกเพ่มิ เติมเข้าไปเพื่อใหร้ ายการเราไมน่ ่าเบ่ือและเป็นที่นา่ สนใจมากยิ่งขึ้นรายการสารคดี คืออะไร รายการสารคดี กค็ ือรายการท่ีนาเสนอเน้ือหาสาระในเรอื่ งใดเร่องหน่ึง (one subject) อย่างละเอียดเจาะลึกด้วยวิธกี ารเสนอรายการท่ีหลากหลาย โดยเรือ่ งท่นี าเสนอต้องเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ ใชเ้ สียงจรงิ ของบุคคลหรือจาลองเหตกุ ารณท์ เี่ กยี่ วข้องกบั ในเรอื่ งนนั้ จากความหมายของรายการสารคดี จึงสามารถแบ่งรายการสารคดีออกเปน็ กลุ่ม Documentary และFeature ดงั ต่อไปน้ี 1. รายการสารคดี (documentary) หมายถึง รายการสารคดที ีเ่ ป็นจริงท้ังหมด มีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื

บอกกล่าว (to inform) และเป็นการเสนอเรื่องราวข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เช่น หากจะทาสารคดีเรื่อง“เกษตรอินทรีย์” ก็อาจจะนาเสนอโดยการไปสัมภาษณ์ผู้ท่ีทาเกษตรอินทรีย์ว่ามีแนวคิดอย่างไร มีการพัฒนาเกษตรอินทรยี ์อยา่ งไร เปน็ ตน้ 2. รายการสารคดี (feature) หมายถึง รายการที่มุ่งเสนอเนอ้ื หาบนพ้นื ฐานความเปน็ จริง แตไ่ ม่จาเป็นต้องเป็นเร่ืองจริงท้ังหมด โดยจะเป็นการจาลองเหตุการณ์เพื่อมุ่งสร้างภาพหรือกระตุ้นอารมณ์ให้ผู้ฟังเกิดความบันเทิงและความรู้สกึ ต่อเร่ืองน้ันๆ มากกว่าใช้ขอ้ เท็จจรงิ แต่เพียงอย่างเดียว เช่น สารคดีรณรงค์เรื่องอุบัติภัยบนทอ้ งถนน อาจจาลองเหตกุ ารณล์ ะครเพ่อื ใหผ้ ้ฟู งั ไดห้ ยดุ คดิ หรือเปน็ อุทาหรณ์กไ็ ด้ลักษณะของรายการสารคดี รายการสารคดี เป็นรายการท่ีบรรยายหรือพรรณนาถึงเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งอย่างละเอียดต้ังแต่ต้นจนจบหรืออาจจะเป็นการแจกแจงปัญหาใดปัญหาหน่ึงอย่างลึกซึ้ง โดยมีความมุ่งหมายที่จะแจ้งข่าวสาร หลักฐานข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ฟัง เป็นขั้นตอนตามลาดับหรือเพ่ือจูงใจให้ผู้ฟังมีความเห็นคล้อยตาม และตระหนักในเร่ืองดังกล่าว ทั้งน้เี ร่ืองท่ีนาเสนอน้ันจะต้องเป็นเรื่องจริงหรอตั้งอยู่บนฐานของความจริง ซ่งึ ต้องไม่ใช่เร่ืองที่แต่งขึ้นเอง ส่วนการนาเสนอน้นั กจ็ ะใช้รูปแบบของรายการวทิ ยุหลายๆ รูปแบบมาผสมสานกันให้พอเหมาะพอควรเพ่ือไม่ให้เกดิ ความเบื่อหน่าย แต่ให้ท้ังความบันเทิงและความรู้ที่ไม่หนกั สมอง ดงั นั้น จึงพอจะอธิบายได้วา่ รายการสารคดีมลี กั ษณะสาคญั ดังน้ี 1. โครงสร้าง รายการสารคดี จะเนน้ เฉพาะเรื่องใดเรอ่ื งหนง่ึ ลงลึกทกุ แงม่ ุมทกุ ข้ันตอน แตะจะนาเสนอไดห้ ลายรูปแบบเพื่อไมใ่ หน้ า่ เบ่ือในการฟงั ต้งั แตต่ น้ จนจบเรื่อง 2. สว่ นประกอบของรายการสารคดี เปน็ ส่วนทท่ี าให้รายการมคี วามสมบรู ณ์มากขึ้น ได้แก่ 2.1 ประกอบดว้ ยบทบรรยาย บรรยายเชอ่ื มส่วนต่างๆ เข้าดว้ ยกนั และการเสนอเรือ่ งอาจเปน็บทความ บทสัมภาษณ์ ละคร การรายงานนอกสถานท่ี 2.2 สว่ นดนตรี (the music) ประกอบด้วยเพลงและเสยี งประกอบ เช่น นาเสนอเนือ้ หาความเปน็ มาของเพลงเพื่อชวี ติ อาจเลือกเพลงเพื่อชีวิต 1 เพลงเข้ามาประกอบในรายการ 3. เนอ้ื หาสาระ สารคดเี น้นเพยี งเร่ืองเดียวแตล่ กึ ซงึ้ เช่น เรอ่ื งเก่ียวกบั ประเพณี วฒั นธรรมประวัตศิ าสตร์ ท่องเทย่ี ว เกษตร เปน็ ต้น ตวั อย่าง สารคดีเรื่อง ประเพณลี อยกระทง สามารถแบง่ เปน็ ชว่ งไดด้ ังนี้ 1. บรรยายความเปน็ มา ความสาคัญ 2. การประกวดนางนพมาศ 3. ลอยกระทง จ.สโุ ขทยั 4. กล่มุ ผฟู้ งั รายการสารคดจี ะมีกลมุ่ ผฟู้ งั เปน็ กลุม่ ผู้ฟงั ทวั่ ๆ ไป (general audiences) 5. การนาเสนอ มีลักษณะ ดังนี้ 5.1 เสนอเป็นรายการเดยี วโดยเฉพาะ ความยาวประมาณ 30 นาที เชน่ สารคดเี ชงิ ขา่ ว สารคดีทั่วไป สารคดที ่องเทย่ี ว 5.2 เสนอเปน็ สว่ นหนึ่งของรายการ ความยาว 5-10 นาที เช่น บรรจุไว้เป็นช่วงหนึ่งในรายการนิตยสารทางอากาศ รายการวเิ คราะห์ข่าว รายการสมั ภาษณ์ 5.3 เสนอเนือ่ งโอกาสพิเศษต่างๆ ความยาว 15-30 นาที เช่น วนั สาคัญทางศาสนา วนั พระราช-พธิ ี วนั ครบรอบ.....ปี ของหนว่ ยงานหรอื องค์การทส่ี าคญั เน้นเฉพาะเร่อื งใดเร่ืองหนึง่1. โครงสร้าง

แต่จะนาเสนอไดห้ ลายรปู แบบ2. สว่ นประกอบ คาพูด บทบรรยาย สนทนา ดนตรี เสยี งประกอบ3. เน้ือหาสาระ เน้นเพยี งเรื่องเดียวแต่ลกึ ซึง้4. กลุม่ ผฟู้ งั กลมุ่ ผูฟ้ งั ทั่วๆ ไป รายการเดียวโดยเฉพาะ5. การนาเสนอ เป็นสว่ นหนึ่งของรายการ เสนอในโอกาสพเิ ศษตา่ งๆ ภาพที่ 6.1 ภาพแสดงแผนผังสรุปลกั ษณะของรายการสารคดีประเภทของรายการสารคดี รายการสารคดที มี่ อี ยู่ในปจั จบุ นั โดยเนน้ เน้ือหาเปน็ หลักแบง่ ได้ 5 ประเภท คือ 1. สารคดีทว่ั ไป (general feature) นาเสนอเรื่องราวท่ีอยูใ่ นความสนใจ มคี วามรู้ และมปี ระโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตแก่ผู้ฟัง มีผลกระทบต่อประชาชน เน้นการกระตุ้นให้เกิดการแก้ไข ปฏิบัติตาม เช่น ปัญหาสังคม การเมอื ง เศรษฐกจิ ศลิ ปวฒั นธรรม วถิ ชี วี ติ สขุ ภาพ เปน็ ต้น เนื้อหาจะเป็นเร่อื งท่ัวๆ ไป ไม่จาเพาะเจาะจงเรื่องใดเรื่องหน่ึง อาจอยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนน้ั เช่น การรักษาโรคแบบทางเลอื กใหม่ ประกอบดว้ ยเนือ้ หาเรอ่ื งต่อไปนี้ แพทยท์ างเลือกคืออะไร ยาแผนโบราณ การผสมผสานระหว่างแพทย์แผนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบัน หรือสารคดีทั่วไปชุดสุขภาพกาย :ใกลต้ ัว ประกอบดว้ ยเนอื้ หาเรื่อง แปรงฟนั อยา่ งไรใหม้ ีประสทิ ธิภาพ อาหารกระป๋อง น้าด่มื ช่นื ใจ น้าแข็งสะอาดปลอดภัย 3. สารคดีเชิงข่าว (news documentary) เป็นการนาข่าวที่ประชาชนสนใจมาเสนออย่างละเอียดทั้งเบื้องหนา้ เบ้ืองหลังตามข้อเท็จจรงิ เพ่ือให้ทราบความเป็นมา หาสาเหตุความคบื หน้าของเหตุการณ์ และนามาสรุปข้อคิดเห็นในเชิงวิเคราะห์ ชี้ให้เห็นขอ้ เท็จจริงต่างๆ อย่างเป็นธรรม รายการลกั ษณะน้ีจึงมุ่งตอบคาถามในใจผู้ฟังว่าใคร ทาอะไร ท่ไี หน เมื่อใด ทาไม อยา่ งไร ในกรณีขา่ วนั้นยังไม่เป็นที่สิ้นสุดกท็ ้ิงท้ายแบบปลายเปดิ ให้คาดคะเน เพ่ือสร้างความน่าสนใจน่าติดตามต่อไป ซ่ึงในปัจจุบันนี้รายการสารคดีเชิงข่าวน้ันหาฟังได้ยากข้ึนเนื่องจากประชาชนนิยมเลือกชมรายการสารคดีเชิงข่าวจากส่ือโทรทัศน์มากกว่าประกอบกับการผลิตรายการสารคดีเชิงขา่ วในสอ่ื วิทยุตอ้ งใช้ความประณีต ความพิถีพถิ ันในการหาข้อมูล รายการสารคดเี ชิงข่าวจงึ มีหลักในการปฏบิ ตั ิ ดังน้ี

3.1 การกาหนดประเด็น คอื ประเดน็ ทีเ่ ปน็ เหตุการณ์ หรือเรือ่ งราวทป่ี ระชาชนใหค้ วามสนใจในขณะนั้น 3.2 ลงพื้นทีเ่ กบ็ ข้อมลู เป็นการท่เี ราได้ไปสมั ผัสในสถานท่จี รงิ ๆ โดยจะตอ้ งเตรยี มความพร้อมทกุอยา่ งไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งอปุ กรณ์ ผูด้ าเนนิ รายการ สถานท่ี และอื่นๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั รายการของเรา 3.3 การสมั ภาษณ์เสียงประกอบ คือ การสัมภาษณ์ผทู้ อี่ ยูใ่ นเหตกุ ารณ์ เช่น การสมั ภาษณ์กลมุ่มอ็ บประทว้ ง กต็ อ้ งมีเสยี งสัมภาษณผ์ ู้ประทว้ งในบรรยากาศการประท้วง 3.4 การเขียนบท เป็นการเตรียมขอ้ มลู ก่อนท่ีจะออกอากาศ เพอื่ เปน็ ทศิ ทางให้กับผู้ดาเนินราย-การและเน้อื หาของเรอื่ งจะได้ไม่หลดุ ออกนอกประเดน็ 3.5 ดนตรปี ระกอบ จะเปน็ ส่วนที่จะนาเข้าส่เู ร่อื งราวทจ่ี ะนาเสนอ และช่วยในการสรา้ งภาพใหก้ บัผ้ฟู ังมากยง่ิ ขึน้หลักการผลิตรายการสารคดี การผลิตรายการสารคดีท่ีดี ควรจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้า โดยจะต้องกาหนดส่ิงต่างๆ เหล่านี้เสยี กอ่ น คอื 1. เรอื่ ง (subject) ทจ่ี ะทาเปน็ รายการ คือเร่อื งอะไร อาจจะเปน็ เรอื่ งทอี่ ยู่ในความสนใจ ของประชาชนในขณะนั้น หรอื เปน็ เรื่องที่มปี ระโยชนแ์ ละมีผลกระทบต่อประชาชน 2. ผูฟ้ งั (target audience) เปน็ ใคร ก็คือผทู้ ่ีติดตามฟังรายการของเรา ผู้ทจ่ี ะทาให้ผู้ดาเนนิ รายการทราบว่ารายการของเราน้ันได้รบั การตอบรับจากผูฟ้ งั มากน้อยแค่ไหนและเปน็ อย่างไร 3. หวั ขอ้ เรือ่ ง (topic) คือส่วนท่แี บง่ ออกเป็นหัวขอ้ ย่อยจากชือ่ เร่ือง เพอ่ื ให้เราได้ทราบความละเอียดหรือการเจาะลึกของเรอ่ื งๆ นัน้ ซ่งึ เราสามารถนาหัวขอ้ เรือ่ งไปทาสารคดเี ป็นตอนๆ กไ็ ด้ 4. แนวหรือแกน (theme) ของเร่ืองคอื อะไร ในเน้อื หาของรายการแตล่ ะตอนนัน้ จะต้องมคี วามสอดคลอ้ งกับหวั ขอ้ เร่อื ง และตรงตามความตอ้ งการของผู้ฟัง 5. เน้ือหา (content) เป็นอยา่ งไร แยกเปน็ ประเด็น (items) ออกมาใหเ้ ห็นอย่างชดั เจน พร้อมทั้งจัดลาดบั ทีจ่ ะพดู ให้สอดคลอ้ งกบั หัวข้อเรอ่ื งและแกนของเรื่องท่ีไดว้ างไว้ 6. ช่อื เรื่อง (title) เปน็ สงิ่ สดุ ท้ายที่จะต้องคิดวา่ จะใหช้ ่ืออะไรเพ่ือดงึ ดูดความสนใจของผู้ฟงั จากหลกั 6 ประการเบอื้ งต้นในการกาหนดสงิ่ ต่างๆ เพื่อเตรียมการผลิตรายการสารคดี ผู้ผลิตสามารถวางแผนการค้นหาเร่ืองราวท่ีจะนามาทาเป็นรายการสารคดี ซึ่งอาจจะได้มาจากการค้นคว้าในหนังสือ หรือได้มาจากการสัมภาษณ์ตัวบุคคลที่เก่ียวข้องกับเร่ืองท่ีกล่าวถึง หรือได้มาจากการเดินทางไปสถานที่ท่ีเกิดเหตุจริง แล้วใช้วธิ กี ารเล่าจากส่งิ ที่ได้พบเหน็ โดยพยายามถา่ ยทอดบรรยากาศของสถานที่หรือเหตุการณน์ ัน้ ให้ผูฟ้ ังพรอ้ มท้ังให้ผู้ฟงั สรา้ งมโนภาพตามเราไปดว้ ย และเร่อื งราวทง้ั หมดควรจะจบลงในตอนเดยี ว ส่วนการเสนอรายการน้ัน ผู้ผลิตรายการควรจะต้องคานึงถึงความหลากหลาย (variety) ของรายการโดยผู้ผลิจรายการพยายามหาเพลงเพื่อให้เข้ากับเนื้อเร่ืองหรือเข้ากับบรรยากาศและพยายามใช้เสี ยงต่างๆสอดแทรกเข้าไปในรายการบ้าง เช่น เสียงสัมภาษณ์เสียงบรรยากาศในสถานที่ท่ีเกิดเหตุการณ์จริง เป็นต้นนอกจากนี้ยังอาจจะใช้วิธีการพดู คุยกับผู้สันทดั กรณี หรือเชญิ มาร่วมรายการในฐานะเป็นผูเ้ ก่ียวข้องในเร่อื งน้ันซ่งึ อาจจะทาให้รูปการอภิปราย หรอื พูดคุยกันเกดิ บรรยากาศท่ีเป็นกันเองมากข้ึน สาหรับความยาวของรายการสารคดี ส่วนใหญ่มักจะจัดทากันในระหว่าง 15 นาที 20 นาที หรือ 30นาที เป็นอย่างมาก ท่ีนิยมกันขณะน้ีอยู่ระหวา่ ง 15-20 นาทเี ท่านั้น ถ้ามีความยาวมากเกินไปก็จะเกิดความน่าเบือ่ และทาให้มีประเดน็ มากจนอาจจะทาใหผ้ ู้ฟังจับใจความอะไรไม่ได้ลกั ษณะการนาเสนอรายการสารคดี

รายการสารคดเี ป็นรายการท่คี นส่วนใหญ่คิดว่าเป็นรายการที่มเี น้ือหาท่ีหนักสมอง มีรูปแบบรายการที่ฟังแล้วน่าเบ่ือไม่ค่อยมีความหลากหลายในการนาเสนอ ดังน้ัน การท่ีจะทาให้รายการสารคดีมีรูปแบบท่ีนาเสนอแล้วน่าฟังน่าสนใจ การนาเสนอรายการสารคดจี งึ แบ่งออกได้เปน็ 2 ลักษณะ ดงั ต่อไปนี้ 1. ใช้ในลักษณะเปน็ รายการเดยี วโดยเฉพาะ การนาไปใช้ในลักษณะน้ี โดยปกตจิ ะเปน็ สารคดยี าวประมาณ 20-30 นาที มีรายละเอียดของเนื้อหาเจาะลึกในแง่มุมต่างๆ เพ่ือให้ผู้ฟังได้ความรู้มากท่ีสุด ผู้ผลิตรายการจึงต้องทาการค้นคว้าข้อมูลอย่างเต็มท่ี และข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นลักษณะเสียงจริงมากเท่าไหร่ก็ย่ิงมีคุณค่าแก่ความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น และเนื่องจากจะต้องนาไปใช้ในลักษณะเป็นรายการเดียวโดดๆ และมีความยาวพอควรจงึ ต้องพยายามใชร้ ูปแบบต่างๆ เข้ามาประกอบในเนื้อหาแต่ละชว่ งให้ดูหลากหลายไม่นา่ เบื่อนอกจากนี้เสียงประกอบท่ีเหมาะสมกับเน้ือหา และดนตรีหรือเพลงที่จัดวางไว้ในที่ๆ เหมาะสมก็จะช่วยเพิ่มสีสันให้รายการสารคดีนี้น่าสนใจ และฟังได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้นไปอีก สารคดีประเภทที่นิยมนาเสนอในลักษณะเป็นรายการเดียวโดดๆ เช่นนี้ ได้แก่ สารคดีเน่ืองในโอกาสพิเศษ สารคดีเชิงวิเคราะห์ สารคดีเชิงข่าวและสารคดที ่องเทีย่ ว ซงึ่ จะให้ทงั้ เนื้อหาสาระที่สมบูรณแ์ ละใหค้ วามเพลดิ เพลินไปพร้อมๆ กนั ด้วย 2. ใชใ้ นลักษณะเป็นสว่ นหนึง่ ของรายการใดรายการหนึ่ง สว่ นมากจะเปน็ สว่ นหน่งึ ของรายการนติ ยสารทางอากาศ ดังน้ัน จึงควรมคี วามยาวไมเ่ กนิ 10 นาที และมีเน้ือหาสาระที่ไม่ควรมีรายละเอียดมากนักเพียงแค่พอฟังแลว้ รู้เรอ่ื ง ส่วนจะนาสารคดีลักษณะน้ีบรรจไุ ว้ในส่วนไหนของรายการนิตยสารทางอากาศ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ผลิตรายการจะเห็นเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ในรายการนิตยสารหลากหลาย ซึ่งจะมีเน้ือหาหลายเรื่องและรปู แบบต่างๆ กัน ดงั ตวั อยา่ งนี้ตารางที่ 6.1 การนาเสนอรูปแบบสารคดี ซึ่งเปน็ ส่วนหนึง่ ในรายการนิตยสารหลากหลายลาดับที่ รปู แบบ เนื้อหา ความยาว 1. บทความ โรคไข้เลือดออก 3 นาที 2. รายงานนอกสถานที่ การเลีย้ งโตะ๊ จีนช้าง 10 นาที 3. สารคดี การอนรุ ักษช์ ้างไทย 5 นาที 4. สัมภาษณ์ เหรียญทองเอเชยี่ นเกมส์ 5 นาที จะเห็นได้ว่า รายการสารคดซี ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของรายการนิตยสารหลากหลาย ไดถ้ ูกจัดวางไว้ในลาดบั ท่ี3 หลังรายงานนอกสถานที่และก่อนการสัมภาษณ์ ซึ่งผู้ฟังก็จะสามารถฟังได้โดยมีอารมณ์ต่อเนื่องกับรูปแบบท้ัง 2 รายการสารคดีที่มักจะนาไปใช้ในลักษณะเป็นส่วนหน่ึงของรายการน้ัน มักจะเป็นสารคดีประเภททั่วไปสารคดีท่องเที่ยว และสารคดีเนื่องในโอกาสพิเศษ ทั้งนี้จะไม่บรรจุเน้ือหาละเอียดลึกซ้ึง เพราะมีความยาวไม่เกนิ 10 นาที เปน็ ต้นการกาหนดเนื้อหาและวิธกี ารนาเสนอรายการสารคดี การเลือกเนื้อหาและวิธกี ารนาเสนอรายการสารคดี มีข้อแนะนา ดงั น้ี 1. การกาหนดเรื่องและเน้อื หา รายการสารคดีจะมีความน่าสนใจน่าติดตามน้ัน ก็อยู่ท่ีการกาหนดเรื่องและเน้ือหารวมถึงวิธีการนาเสนอ ดังน้ัน การศึกษาหาข้อมูลเพื่อนามาใช้ในส่วนของการกาหนดเรื่องและเน้ือหาน้ันจึงเป็นส่วนที่สาคัญเพราะจะเป็นสว่ นทีท่ าใหผ้ ู้ฟังทราบถงึ ความสาคัญ ความประทบั ใจ ประโยชน์ของเรอ่ื งท่มี ีตอ่ ผู้ฟงั ผผู้ ลิตจงึ ต้องใส่ใจในการนาขอ้ มูลมาศึกษาให้ขา้ ใจแล้วคิดสร้างสรรคว์ ิธีการนาเสนอต่อไป การกาหนดเร่ืองและเน้อื หาในแต่ละรายการนัน้ ควรมีลักษณะดังน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook