Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความเป็นมานิราศภูเขาทอง

ความเป็นมานิราศภูเขาทอง

Published by jchotiman, 2020-06-22 02:57:06

Description: ความเป็นมานิราศภูเขาทอง

Search

Read the Text Version

ความเป็นมา สนุ ทรภ่แู ต่งนิราศภเู ขาทองในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยหู่ ัว เมื่อราวปลาย พ.ศ. ๒๓๕๓ โดยเล่าถึงการเดินทางเพ่ือไปนมัสการเจดีย์ภเู ขาทองทเี่ มืองกรงุ เกา่ หรือจังหวดั พระนครศรีอยุธยาใน ปจั จุบัน หลังจากจำพรรษาอยู่ทว่ี ัดราช-บุรณะหรือวัดเลียบ นิราศ นริ าศเร่อื งแรกของไทยน้ัน ได้แก่ โคลงนิราศหรภิ ญุ ชยั เนอื้ หาของนิราศส่วนใหญ่มักเปน็ การครำ่ ครวญของกวี ต่อ สตรีอันเปน็ ทร่ี ัก เน่ืองจากต้องพลดั พรากจากนางมาไกล อย่างไรก็ตาม นางในนิราศท่ีกวี พรรณนาวา่ จากมานนั้ อาจมตี ัวตนหรอื ไมม่ ีก็ได้ แต่กวสี ว่ นใหญถ่ ือวา่ นางเปน็ ทรี่ กั เป็นปจั จยั สำคญั ท่จี ะเอ้ือให้ กวีแตง่ นิราศไดไ้ พเราะแม้ในสมยั หลงั กวีอาจไมไ่ ดใ้ หค้ วามสำคญั เรอ่ื งการคร่ำครวญถึงนาง แต่เน้นที่การบันทึก ระยะทางการเดนิ ทาง ลกั ษณะคำประพนั ธ์ แต่งด้วยคำประพนั ธ์ประเภทกลอนนริ าศซึง่ มีลักษณะคลา้ ยกลอนสภุ าพแต่มีความแตกต่างกันตรงที่กลอนนริ าศ จะแตง่ ขึน้ ตน้ เรอื่ งด้วยกลอนวรรครับและจะจบลงด้วยคำว่า”เอย” รับกฐนิ ภิญโญโมทนา เดือนสิบเอด็ เสร็จธรุ ะพระวสา ................................ ชลุ ลี าลงเรอื เหลืออาลยั จงทราบความตามจรงิ ทุกสิ่งสิน้ นกั เลงกลอนนอนเปล่าก็เศรา้ ใจ ................................ อยา่ นึกนินทาแถลงแหนงไฉน จงึ รำ่ ไรเรอ่ื งรา้ งเลน่ บา้ งเอย

เร่อื งย่อ สุนทรภูเ่ ริม่ เรอ่ื งด้วยการปรารภถึงสาเหตทุ ต่ี ้องออกจากวัดราชบรุ ณะและการเดินทางโดยเรอื พรอ้ ม หนพู ดั ซึ่งเปน็ บุตรชาย ล่องไปตามลำน้ำเจา้ พระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึงวัดประโคนปัก ผา่ นโรง เหล้า บางจาก บางพลู บางโพ บ้านญวน วดั เขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวญั บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บ้านใหม่ บางเดอ่ื บางหลวง เชิงราก สามโคก บา้ นงว้ิ เกาะใหญร่ าชคราม จนถึงกรุงเก่าเม่ือเวลาเย็น โดยจอดเรือพักที่ ทา่ น้ำวัดพระเมรุ ครนั้ รุ่งเชา้ จึงไปนมัสการเจดยี ภ์ เู ขาทองส่วนขากลับ สุนทรภู่กล่าวแต่เพียงวา่ เม่ือถงึ กรุงเทพ ได้จอดเทยี บเรอื ทา่ นำ้ หนา้ วัดอรณุ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร เน้ือเร่ืองนิราศภูเขาทอง ๑. ๏เดอื นสบิ เอด็ เสร็จธุระพระวสา รบั กฐนิ ภญิ โญโมทนา ชลุ ีลาลงเรอื เหลืออาลยั ออกจากวดั ทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศยั สามฤดอู ยู่ดีไม่มีภัย มาจำไกลอารามเมอ่ื ยามเยน็ โออ้ าวาสราชบุรณะพระวหิ าร แตน่ น้ี านนบั ทิวาจะมาเห็น เหลอื รำลกึ นึกนา่ น้ำตากระเด็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง จะยกหยิบธิบดีเปน็ ท่ีตั้ง กใ็ ชถ้ ังแทนสัดเห็นขัดขวาง จง่ึ จำลาอาวาสนิราศร้าง มาอ้างวา้ งวิญญาณใ์ นสาครฯ ๑. ถึงเดือน ๑๑ ซ่ึงออกจากการจำพรรษาแลว้ เม่ือรบั กฐินอยา่ งยนิ ดเี สรจ็ แลว้ กต็ ้องลงเรอื ไปด้วยความ เศรา้ โศก ออกจากวัดก็มองดวู ดั ทเี่ คยอาศัย เมื่อปที ผ่ี า่ นมาไดอ้ ย่อู าศัย อีกทง้ั ๓ ฤดูทอ่ี ยู่มากไ็ ม่มอี ะไรมากวนใจ อีกทั้งวัดราชบรุ ณะพระวหิ ารน้ีคงอีกนานกวา่ จะได้มาเหน็ นกึ แลว้ เศร้าใจยิ่งนักทัง้ นเ้ี ปน็ เพราะมคี นพาลมา รังแกใสร่ ้าย คิดจะนำผูใ้ หญ่คอยช่วยเหลือทา่ นก็ไม่มคี วามยุติธรรม จงึ ตอ้ งอำลาวดั ไปจนต้องมาอ้างว้างอยู่ กลางสายน้ำ ๒.๏ ถึงหนา้ วงั ดังหน่งึ ใจจะขาด คดิ ถึงบาทบพติ รอดิศร โอ้ผา่ นเกลา้ เจ้าประคุณของสุนทร แตป่ างก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น พระนิพพานปานประหนึง่ ศรี ษะขาด ด้วยไรญ้ าติยากแค้นถงึ แสนเข็ญ ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบตั เิ ป็น ไม่เล็งเห็นที่ซ่ึงจะพ่ึงพา จะสรา้ งพรตอตส่าห์ส่งสว่ นบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะท้ังวสา เป็นสงิ่ ของฉลองคณุ มุลิกา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททกุ ชาติไปฯ

๒. ถงึ หน้าวังก็เศร้าโศกมาก คิดถงึ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ผซู้ ึง่ มีพระคุณกบั สนุ ทรภู่ อยา่ งมาก เมื่อก่อนเคยเขา้ เฝ้าทา่ นอย่างใกล้ชิดและบอ่ ยครงั้ เมอื่ พระองค์สวรรคตกเ็ หมือนกบั สุนทรภตู่ ายไป ดว้ ยเพราะไมม่ ีญาตหิ รอื คนคอยชว่ ยเหลอื ชีวติ จงึ ยากแคน้ แสนเข็ญ อกี ท้งั มีโรคมีกรรมเข้ามารมุ ล้อม ไมเ่ หน็ ใคร ที่จะพ่ึงพาได้ จงึ ได้บวชเพอ่ื อุทิศส่วนกุศลใหแ้ ก่รัชกาลที่ ๒ ประพฤตติ นอยู่ในศีลธรรมตลอดเวลา เพ่อื เปน็ สิง่ ทดแทนคุณพระองค์ แมเ้ กิดชาตใิ ดใดก็ขอใหเ้ ปน็ ข้ารบั ใชพ้ ระองคต์ ลอดไป ๓.๏ ถึงหน้าแพแลเหน็ เรือท่นี ั่ง คิดถงึ คร้ังกอ่ นมานำ้ ตาไหล เคยหมอบรบั กบั พระจมืน่ ไวย แล้วลงในเรือท่ีนง่ั บัลลงั ก์ทอง เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรบั ราชโองการอ่านฉลอง จนกฐนิ สน้ิ แม่น้ำแลลำคลอง มิ ได้ขอ้ งเคืองขัดหทั ยา เคยหมอบใกลไ้ ดก้ ลน่ิ สคุ นธต์ ลบ ละอองอบรสร่นื ช่ืนนาสา สิ้นแผ่นดินส้นิ รสสคุ นธา วาสนาเราก็สนิ้ เหมอื นกลิ่นสคุ นธฯ์ ๓. เมอ่ื ถงึ หนา้ แพกเ็ ห็นเรือพระที่น่ัง คิดถงึ เม่ือกอ่ นกเ็ ศร้าจนนำ้ ตาไหล เคยหมอบกราบรัชกาลท่ี ๒ กบั พระ จมืน่ ไวย แล้วก็ลงไปในเรือบลั ลังก์ทอง เคยแต่งแปลงบทความ เคยรับราชโองการอา่ นในงานฉลอง จนเรือทม่ี า ทอดกฐนิ หมดแลว้ กย็ ังมิได้ทำใหพ้ ระองค์ขัดใจแตอ่ ย่างใดเคยหมอบกราบใกล้จนได้กล่ินหอมจากพระวรกาย กลิ่นหอมนนั้ หอมจนตดิ จมกู แต่เม่อื พระองค์สวรรคตก็สิน้ กลน่ิ หอมไปด้วย อกี ทั้งยังเหมือนวาสนาของสนุ ทรภู่ กส็ ้ินตามกล่นิ ไป ๔.๏ ดใู นวังยงั เหน็ หอพระอัฐิ ตัง้ สติเตมิ ถวายฝา่ ยกุศล ท้ังปิ่นเกลา้ เจ้าพภิ พจบสกล ให้ผ่องพ้นภัยสำราญผา่ นบุรนิ ทรฯ์ ๔. มองไปในวังยังเหน็ หอที่เก็บพระอัฐิของรัชกาลท่ี ๒ กต็ ง้ั สตถิ วายส่วยบญุ สวยกศุ ล ทัง้ สง่ ส่วนกศุ ลไปให้ รชั กาลท่ี ๓ ให้พ้นภัยในการปกครองบ้านเมือง ๕.๏ ถึงอารามนามวดั ประโคนปัก ไม่เห็นหลักลอื เล่าวา่ เสาหิน เป็นสำคญั ปนั แดนในแผ่นดนิ มิรู้สนิ้ สดุ ชือ่ ทลี่ อื ชา ขอเดชะพระพุทธคณุ ช่วย แมน้ มอดมว้ ยกลับชาติวาสนา อายยุ นื หม่ืนเท่าเสาศลิ า อย่คู ู่ฟ้าดนิ ได้ดังใจปอง ไปพน้ วัดทัศนาริมทา่ น้ำ แพประจำจอดรายเขาขายของ มแี พรผ้าสารพัดสีมว่ งตอง ทงั้ สิ่งของขาวเหลอื งเคร่ืองสำเภาฯ

๕. ถึงวัดประโคนปักก็มองไปไม่เหน็ เสาหนิ ทล่ี ือกัน เป็นเสาที่สำคัญในแผ่นดิน ถงึ จะไมเ่ ห็นกข็ อเดชะพระ พทุ ธคณุ ชว่ ย ขอใหอ้ ายุยืนหม่ืนๆปีเทา่ ดงั เสาศิลา อยคู่ ู่ฟ้าดินไดต้ ลอดไป พอเรือล่องเลยวัดกม็ องดูริมท่าน้ำ มี แพมาจอดขายของอยู่เรียงราย มขี ายท้ังผา้ แพรสมี ่วงและสีอนื่ ๆ ทั้งส่ิงของทีมาจากเมืองจนี ๖.๏ ถึงโรงเหลา้ เตากลน่ั ควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอบ้ าปกรรมนำ้ นรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมอื นหน่ึงบ้าเปน็ น่าอาย ทำบุญบวชกรวดนำ้ ขอสำเรจ็ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ถงึ สุราพารอดไมว่ อดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินกเ็ กินไป ไมเ่ มาเหลา้ แล้วแต่เรายงั เมารัก สุดจะหกั หา้ มจิตคดิ ไฉน ถงึ เมาเหลา้ เช้าสายก็หายไป แตเ่ มาใจนี้ประจำทุกคำ่ คนื ฯ ๖. ถึงโรงเหลา้ ก็มีควันออกมาจากเตากล่นั มากมาย มเี ครื่องตกั นำ้ ผูกไวป้ ลายเสา สนุ ทรภู่เคยด่ืมน้ำเหลา้ จนเมา เหมือนคนบ้า จงึ ไดบ้ วชเพื่อจะได้พ้นจากอบายมุข ขอให้ได้ตรสั รดู้ งั พระพุทธเจา้ แต่เหลา้ เคยทำใหร้ อดชีวิต ดงั น้ันจะเมนิ ไปกเ็ กนิ ไป ถงึ จะไมเ่ มาเหลา้ แตย่ ังเมารกั อยู่ หักห้ามจติ ใจไม่ให้รักไมไ่ ด้ การเมาเหล้านั้นพอรุง่ ขน้ึ ก็ หายไป แต่การเมารกั นจ้ี ะเปน็ ทกุ ๆคนื ๗.๏ ถึงบางจากจากวัดพลัดพน่ี ้อง มามัวหมองม้วนหน้าไมฝ่ า่ ฝนื เพราะรักใคร่ใจจดื ไมย่ ดื ยนื จงึ ตอ้ งขนื ในพรากมาจากเมือง ๗. ถงึ บางจากไม่อยากไดย้ ินคำวา่ จาก เพราะสนุ ทรภู่จากหลายๆอยา่ งมา ต้องมใี จมวั หมองเพราะรักนัน้ ไมย่ นื ยาว จงึ ต้องจากเมืองพรากมา ๘.๏ ถงึ บางพลูคิดถึงคู่เม่ืออยู่ครอง เคยใสซ่ องสง่ ให้ล้วนใบเหลอื ง ถึงบางพลัดเหมือนพ่ีพลัดมาขัดเคอื ง ทง้ั พลดั เมืองพลดั สมรมารอ้ นรน ๘. ถึงบางพลคู ดิ ถงึ นางจนั เมอ่ื แตง่ งานกัน เคยสง่ หมากพลโู ดยใส่ซองให้ท้งั หมดเปน็ ใบเหลอื งซงึ่ อรอ่ ยมาก ถึง บางพลดั ก็ไม่อยากไดย้ ินคำวา่ พลัดเพราะได้พลดั จากนางจนั ท้งั ยงั พลัดจากเมืองและอ่ืนๆอย่างรอ้ นรน ๙.๏ ถึงบางโพธโอ้พระศรมี หาโพธ์ิ ร่มนโิ รธรุกขมูลให้พนู ผล ขอเดชะอานภุ าพพระทศพล ให้ผ่องพน้ ภยั พาลสำราญกายฯ ๙. ถึงบางโพก็คดิ ถึงตน้ โพธ์ใิ ห้รม่ เงาใหค้ วามรม่ เย็นท้ังยงั ทำใหโ้ คนตน้ ไมง้ อกงามได้ ขอเดชะของ พระพทุ ธเจา้ ใหพ้ ้นภยั พาลตลอดไป

๑๐.๏ ถงึ บา้ นญวนลว้ นแต่โรงแลสะพรงั่ มีขอ้ งขังกุ้งปลาไวค้ ้าขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง จะเหลยี วกลับลบั เขตประเทศสถาน ทรมานหมน่ ไหม้ฤทัยหมอง ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พ่งึ ฉลองเลกิ งานเมือ่ วานซืนฯ ๑๐. ถึงบ้านญวนเหน็ มีโรงแลมากมาย มีคนค้าขายของเช่นกุ้งหรือปลาโดยการขังไวใ้ นข้อง ข้างหน้าโรงวางที่ สำหรบั ดักปลาวางเรียงไว้ มีทั้งผหู้ ญิงและผู้ชายมาจบั จา่ ยซื้อของ จะมองกลับไปยงั ประเทศบา้ นเกิดก็ทรมาน เหมอื นโดนไฟไหม้ จิตใจก็หม่นหมอง ล่องเรอื มาจนถึงวัดเขมา กร็ ้วู ่าพ่ึงเลิกงานฉลองไปเมือ่ วานซืน ๑๑.๏ โอ้ปางหลังครั้งสมเดจ็ พระบรมโกศ มาผูกโบสถก์ ็ไดม้ าบชู าชน่ื ชมพระพิมพร์ ิมผนังยงั ยง่ั ยืน ทง้ั แปดหมื่นสพ่ี นั ได้วนั ทา โอค้ รงั้ นมี้ ิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวตอ้ งตกประดาษวาสนา เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวยี น ดูนำ้ วิ่งกลง้ิ เชยี่ วเปน็ เกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉนั ฉวดั เฉวียน บา้ งพลุ่งพลงุ่ วงุ้ วงเหมอื นกงเกวียน ดเู ปลยี่ นเปล่ยี นควา้ งควา้ งเป็นหว่างวน ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลลว่ งเลยทางมากลางหน โอเ้ รือพน้ วนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลาฯ ๑๑. คดิ ถงึ เมอื่ ก่อนซ่ึงรชั กาลท่ี ๒ ได้มาตัดหวายลูกนิมติ ได้ชมพระพิมพท์ ั้ง ๘๔,๐๐๐ องคซ์ ่ึงเท่ากับ จำนวนพระธรรมท่ีอยูใ่ นพระไตรปิฎกที่อยูร่ ิมผนัง แตค่ รง้ั นี้ไม่ไดเ้ หน็ การเลน่ ฉลองเพราะสุนทรภ่ตู ้องหมด วาสนาและลำบาก เปน็ เพราะบุญน้อยกน็ ึกเศรา้ แต่แล้วเรือกต็ ิดน้ำวน มองเหน็ น้ำวิง่ เช่ียวหมุนเป็นเกลยี ว พุ่ง ไปมาตดั กนั บางส่วนก็พ่งุ วนเหมือนกงเกวียน ดเู วียนๆเป็นเหมอื นพายุวน ท้ังหวั ทา้ ยเรอื ได้รบั แจวเรอื ดังน้นั เรือ จึงหลุดน้ำวนออกมาได้ แตถ่ งึ เรอื จะพน้ น้ำวนมาแล้วแตใ่ จก็ยงั ไม่พน้ จากความรกั ๑๒.๏ ตลาดแก้วแลว้ ไม่เห็นตลาดตั้ง สองฟากฝง่ั ก็แตล่ ้วนสวนพฤกษา โอ้รินรนิ กลิ่นดอกไม้ใกล้คงคง เหมือนกลิน่ ผ้าแพรดำรำ่ มะเกลือ เหน็ โศกใหญใ่ กลน้ ้ำระกำแฝง ทง้ั รกั แซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เหมอื นโศกพที่ ีร่ ะกำก็ซ้ำเจือ เพราะรักเร้ือแรมสวาทมาคลาดคลาย ๑๒. ถึงตลาดแก้วแต่ไมเ่ ห็นมีตลาดตั้งขายของทงั้ สองฝ่ังเหน็ แตต่ น้ ไม้พืชพนั ธุต์ ่างๆ ไดก้ ลิ่นดอกไมห้ อมไป เร่อื ยๆตลอดทางและกลิน่ เหมือนผา้ แพรท่ีย้อมด้วยมะเกลอื เห็นตน้ โศกใหญแ่ ละต้นระกำเป็นแผงแตแ่ ปลกทม่ี ี ตน้ รกั ขึน้ แซมอยู่ดว้ ย เหมือนความโศกเศร้าระกำใจที่สนุ ทรภู่ต้องเป็นเพราะรักแม่จนั

๑๓.๏ถงึ แขวงนนทช์ ลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ท้ังของสวนล้วนแตเ่ รือเรียงราย พวกหญิงชายชุมกนั ทกุ วันคืนฯ ๑๓. ถึงจงั หวัดนนทบุรีก็เห็นมตี ลาดน้ำ มแี พอยู่ซ่งึ ขายเสื้อผ้าเครื่องนงุ่ ห่ม มีท้ังเรือจอดอยเู่ พ่ือขายผลไม้จาก สวนแท้ มที งั้ ผ้หู ญิงผ้ชู ายมาประชมุ ซือ้ ของกนั ทุกวันทุกคืน ๑๔. ๏ มาถงึ บางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น โอส้ ุธาหนาแน่นเปน็ แผ่นพืน้ ถงึ สีห่ มน่ื สองแสนท้ังแดนไตร เมอื่ เคราะห์ร้ายกายเรากเ็ ท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศยั ลว้ นหนามเหน็บเจบ็ แสบคับแคบใจ เหมอื นนกไรร้ งั เร่อย่เู อกาฯ ๑๔. มาถึงหมู่บา้ นบางธรณกี ็โศกเศร้ามากขึน้ มาก เพราะตอนลำบากพาใหใ้ จสะอ้ืนมาก ท้ังที่แผ่นดิน หนาขนาดสองแสนส่ีหมื่นโยชน์แตเ่ ม่อื ถงึ คราวลำบากแม้แต่แผ่นดนิ กไ็ ม่มที ี่อาศยั เหมอื นโดนหนามเสียดแทง เจบ็ แสบมาก เหมือนกบั นกไม่มรี ังทจ่ี ะอาศัยต้องเรร่ อ่ นไปเรื่อยๆ ๑๕.๏ ถงึ เกร็ดยา่ นบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผหู้ ญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา เดย๋ี วน้ีมอญถอนไรจกุ เหมือนตกุ๊ ตา ทงั้ ผัดหน้าจับเขม่าเหมอื นชาวไทย โอ้สามญั ผันแปรไมแ่ ทเ้ ทย่ี ง เหมอื นอย่างเยีย่ งชายหญงิ ทง้ิ วิสยั นห่ี รอื จติ คดิ หมายมหี ลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหน่ึงอย่าพงึ คิดฯ ๑๕. ถงึ ตำบลปากเกร็ดซง่ึ เป็นบรเิ วณทช่ี าวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียมผหู้ ญิงมอญจะเกลา้ ผม แต่ สมยั นี้ผูห้ ญิงมอญมาถอนไรผมเหมือนตุ๊กตา ท้ังยงั ใชเ้ ครื่องสำอาง ใชแ้ ป้งผดั หน้าซ่ึงเหมือนกับชาวไทย ทำให้ เห็นได้ว่าสมยั นีท้ กุ สิง่ ทกุ อย่างไม่มีความเท่ยี งแท้ เหมือนดงั ท่ชี าวมอญละทิง้ ประเพณีวฒั นธรรมของตนเองแล้ว จะนบั ประสาอะไรกบั จติ ใจของคน ซึ่งไม่มีใครมีใจเดยี วแต่มีหลายใจ ๑๖.๏ ถึงบางพูดพดู ดเี ป็นศรีศักด์ิ มคี นรักรสถ้อยอร่อยจิต แมน้ พดู ชว่ั ตวั ตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ ๑๖. ถงึ หมู่บ้านบางพูดสุนทรภ่กู ็นึกถงึ คำวา่ พูด ดงั ว่า ถ้าใครพดู ดีก็จะมีคนรกั แต่ถา้ พดู ไมด่ ีก็อาจจะเปน็ ภัยต่อ ตนเองไดอ้ ีกทั้งยงั ไม่มใี ครคบ ไมม่ ีเพ่ือนสนิทมิตรสหาย ทั้งการจะดูวา่ ใครดีไมด่ ดี ูได้จากการพูด ๑๗.๏ ถงึ บา้ นใหมใ่ จจติ ก็คดิ อ่าน จะหาบา้ นใหมม่ าดเหมอื นปรารถนา ขอใหส้ มคะเนเถดิ เทวา จะได้ผาสุกสวสั ดิ์จำกัดภัย

๑๗. ถงึ หมบู่ ้านบ้านใหม่สนุ ทรภ่กู ็คดิ อยากจะได้บ้านซกั หลังตามท่ีต้องการโดยขอกับเทวดาให้สมดงั ปรารถนา เพราะ การมีบ้านใหม่จะได้มีความสุขและมที ่ีอาศยั อย่างปลอดภยั ๑๘.๏ถงึ บางเดอื่ โอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกดิ ชาตแิ มลงหวี่มีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเด่ือเหลือระอา ๑๘.ถึงหมบู่ ้านบางเดือ่ ก็คิดถึงลูกมะเด่อื ทีภ่ ายนอกน้นั ดสู วยงามนา่ รบั ประทานแตภ่ ายในกลับมีแมลง มหี นอนชอนไชอยู่ เหมือนกบั คนพาลท่ปี ากพดู ดีแต่ในใจคิดทำอนั ตราย ๑๙.๏ถงึ บางหลวงเชงิ รากเหมือนจากรัก สู้เสียศกั ดิส์ ังวาสพระศาสนา เปน็ ลว่ งพน้ รนราคราคา ถึงนางฟา้ จะมาให้ไม่ไยดีฯ ๑๙. ถงึ บางหลวงเหมอื นจากนางจนั มานานแล้วเราต้องสละจากยศถาบรรดาศักดิ์เพอ่ื มาบวชเพื่อจะ ไดพ้ ้นจากกเิ ลสท้ังหลายทั้งปวง ถึงจะมนี างฟ้ามายวั่ ก็ไมส่ นใจ ๒๐.๏ ถึงสามโคกโศกถวิลถงึ ป่ินเกลา้ พระพุทธเจ้าหลวงบำรงุ ซ่ึงกรงุ ศรี ประทานนามสามโคกเปน็ เมืองตรี ชื่อปทมุ ธานเี พราะมีบวั โอพ้ ระคณุ สญู ลบั ไม่กลับหลัง แตช่ ่อื ตง้ั ก็ยังอย่เู ขารู้ท่ัว โอเ้ รานี้ท่ีสนุ ทรประทานตวั ไมร่ อดชวั่ เช่นสามโคกยง่ิ โศกใจ สิน้ แผน่ ดนิ ส้นิ นามตามเสด็จ ตอ้ งเทย่ี วเตรด็ เตรห่ าท่อี าศัย แม้นกำเนดิ เกิดชาตใิ ดใด ขอให้ไดเ้ ปน็ ข้าฝ่าธุลี ส้นิ แผ่นดนิ ขอให้สิน้ ชีวติ บ้าง อยา่ รูร้ า้ งบงกชบทศรี เหลืออาลยั ใจตรมระทมทวี ทุกวนั นก้ี ซ็ งั ตายทรงกายมาฯ ๒๐. ถึงสามโคกกค็ ดิ ถึงพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัยซง่ึ พระองค์ปกครองเมืองกรุงเทพฯ พระองค์ ได้พระราชทานนามเมืองจากสามโคกซงึ่ เปน็ หวั เมืองชนั้ สามเป็นเมืองปทุมธานีเปน็ เพราะมบี วั เยอะ ถึงพระองค์ จะเสดจ็ สวรรคตไปแล้วแตช่ อื่ ปทมุ ธานคี งอยู่ตลอดไป แต่ทำไมชื่อของสุนทรภูช่ ื่อขุนสุนทรโวหารทีไ่ ดร้ ับ พระราชทานนามมาแต่กลบั ไม่มีชือ่ ในแผน่ ดินหลังจากพระองค์สวรรคตเลยซ่งึ ตา่ งกับปทุมธานี สุนทรภูต่ ้อง เรร่ ่อนหาท่ีอาศัยเพราะขณะนี้ไม่มบี ้าน สุนทรภูข่ อให้เกดิ ทุกชาติไดเ้ ปน็ ข้ารบั ใช้พระองค์ตลอดไป พอพระองค์ สวรรคตสนุ ทรภู่ก็ขออยากตายตามบ้างเพ่อื จะไดร้ ับใชแ้ ละพง่ึ พระองค์ เดีย๋ วน้ีก็เศรา้ โศกใจทกุ ข์ระทมอยา่ ง ทวีคณู มาก ต้องเรร่ อ่ นไปเรอ่ื ยๆชวี ิตไมม่ ีจุดมุง่ หมาย ๒๑.๏ ถงึ บา้ นงวิ้ เหน็ แต่งวิ้ ละลวิ่ สูง ไม่มฝี ูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นกึ ก็นา่ กลัวหนามขามขามใจ ง้วิ นรกสิบหกองคุลแี หลม ดงั ขวากแซมเสย้ี มแทรกแตกไสว

ใครทำชูค้ ่ทู ่านครั้นบรรลยั ก็ต้องไปปีนต้นนา่ ขนพอง เราเกิดมาอายเุ พียงน้แี ล้ว ยงั คลาดแคล้วครองตัวไมม่ วั หมอง ทกุ วนั น้ีวิปรติ ผิดทำนอง เจียนจะตอ้ งปีนบ้างหรอื อยา่ งไรฯ ๒๑. ถงึ หม่บู ้านบ้านงิ้วก็เห็นมีแตต่ น้ ง้วิ ซ่ึงไม่มีนกหรือสัตว์อื่นๆอยู่บนกง่ิ เลยเพราะตน้ งิ้วมีหนามขน้ึ อยู่ มากมายนึกถงึ กน็ า่ กลัวหนามเพราะถา้ โดนคงเจ็บมาก แต่งิ้วในนรกยาวถงึ ๑๖ ขอ้ นว้ิ แหลมเหมือนกบั ไมไ้ ผ่ เหลาทำกบั ดัก ซง่ึ ใครมชี ู้เม่ือตายไปแล้วกต็ ้องไปปนี ต้นง้วิ ในนรก แตส่ ุนทรภเู่ กิดมาอายุมากแล้วแตย่ ังครองตวั อย่ใู นศีลธรรมไมม่ ชี ู้ แต่ทุกวันนผ้ี ูค้ นวปิ รติ มีชูก้ นั มากคงต้องไปปีนต้นง้ิวในนรกกนั บา้ ง ๒๒.๏ โอค้ ิดมาสารพดั จะตัดขาด ตัดสวาทตดั รกั มยิ ักไหว ถวลิ หวังน่ังนกึ อนาถใจ ถงึ เกาะใหญร่ าชครามพอยามเยน็ ดูหา่ งยา่ นบ้านชอ่ งท้งั สองฝั่ง เปน็ ทีอ่ ยผู่ ้รู า้ ยไมว่ ายเวน้ ระวงั ทงั้ สตั ว์นำ้ จะทำเขญ็ เทยี่ วซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอาฯ ๒๒. ท้งั หมดที่คดิ มาน้ันสนุ ทรภสู่ ามารถตดั ขาดได้แต่การตัดความรักนนั้ ยากยิง่ นักนง่ั นึกอนาถใจไปจน เยน็ ก็ถงึ เกาะใหญ่ราชคราม มองไปเหน็ บ้านเรอื นต่างๆอยูห่ า่ งจากสองฝัง่ มากในทน่ี ต้ี ้องระวังจระเข้จะทำร้าย ทั้งท่ีนย่ี งั เปน็ ทอี่ ยู่ของผรู้ ้ายซึ่งมาคอยดักตเี รือ สุนทรภูค่ ดิ แล้วนา่ เบื่อยง่ิ นัก ๒๓.๏ พระสรุ ิยงลงลบั พยบั ฝน ดมู วั มนมืดมิดทุกทิศา ถึงทางลดั ตดั ทางมากลางนา ท้งั แฝกคาแขมกกขน้ึ รกเรีย้ ว เปน็ เงางำ้ นำ้ เจิง่ ดูเว้งิ ว้าง ทั้งกวา้ งขวางขวญั หายไม่วายเหลียว เห็นดุ่มดมุ่ หนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ลว้ นเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยดื เรือเราฝืดเฝอื มานิจจาเอ๋ย ต้องถ่อคำ้ ร่ำไปท้ังไมเ่ คย ประเด๋ียวเสยสวบตรงเขา้ พงรก กลบั ถอยหลงั รั้งรอเฝา้ ถ่อถอน เรอื ขยอ่ นโยกโยนกระโถนหก เงียบสงดั สัตว์ป่าคณานก นำ้ ค้างตกพร่างพรายพระพายพัด ไม่เหน็ คลองต้องคา้ งอยู่กลางท่งุ พอหยุดยุงฉ่ชู มุ มารมุ กัด เปน็ กล่มุ กลมุ่ กลุ้มกายเหมือนทรายซดั ตอ้ งนงั่ ปัดแปะไปมไิ ดน้ อนฯ ๒๓. เมือ่ พระอาทิตย์ตกกม็ เี มฆมดื ครึ้มมาจนดูมดื มัวไปทกุ ทิศทุกทาง พายเรอื ถงึ ทางลดั ซงึ่ เป็นทางตดั กลางนากเ็ ห็นมตี น้ แฝกต้นคาตน้ แขมต้นกกข้ึนปะปนกันอยู่มากมาย เงาของต้นพวกน้ที อดลงน้ำทำใหด้ เู วงิ้ วา้ ง ดกู ว้างขวางเหลียวมองทีไรกร็ ู้สึกขวญั หายทกุ ที มองเห็นเงาของหญิงชายทงั้ ยังมีเสียงคยุ กัน เรือของพวกเขา เพรียวเล็กและมปี ลาอยบู่ นเรืออีกด้วย พวกเขาถ่อเรือคล่องแคลว่ เดนิ ทางไปอยา่ งรวดเรว็ แตเ่ รือของสนุ ทรภู่ไป ชา้ มากชา่ งนา่ สงสารลกู ศิษยท์ ี่ต้องถ่อเรืออย่างเหน็ดเหนอื่ ยทั้งๆท่ีไม่เคยเส้นทาง บางทเี รือกเ็ สยเข้าพงหญ้ารก รงุ รัง จะถอยหลงั กถ็ อยยาก เรือกโ็ คลงจนกระโถนใสห่ มากหก พอเงีย่ หฟู งั ก็ไม่ได้ยินเสียงสตั ว์เลยซักตวั มแี ต่

นำ้ คา้ งตกเพราะลมพดั มองไปไมเ่ ห็นคลองเลยต้องค้างอยู่กลางทุง่ แต่พอหยดุ เรอื หยดุ ก็มารุมกัดเจ็บเหมือน โดนทรายซดั เลยไม่ได้นอนเพราะตอ้ งน่งั ตบยงุ ๒๔.๏ แสนวติ กอกเอย๋ มาอา้ งว้าง ในทงุ่ กว้างเหน็ แตแ่ ขมแซมสลอน จนดึกดาวพราวพร่างกลางอมั พร กาเรยี นร่อนรอ้ งก้องเมื่อสองยาม ทั้งกบเขยี ดเกรียดกรีดจังหรดี เร่ือย พระพายเฉอื่ ยฉิวฉิววะหวิวหวาม วังเวงจิตคดิ คะนึงรำพึงความ สำรวลกับเพอื่ นรักสะพรักพร้อม ถงึ เมอ่ื ยามยังอุดมโสมนสั อยู่แวดลอ้ มหลายคนปรนนิบตั ิ โอ้ยามเขญ็ เหน็ อยู่แตห่ นูพัด ชว่ ยนง่ั ปดั ยงุ ใหไ้ ม่ไกลกาย จนเดือนเดน่ เหน็ กอกระจบั จอก ระดะดอกบวั เผอื่ นเม่ือเดือนหงาย เหน็ รอ่ งน้ำลำคลองทัง้ สองฝ่าย ข้างหน้าทา้ ยถ่อมาในสาคร จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเหน็ พนั ธุผ์ กั ดูน่ารกั บรรจงสง่ เกสร เหล่าบวั เผื่อนแลสล้างริมทางจร กา้ มกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา สายต่งิ แกมแซมสลบั ต้นตับเต่า เปน็ เหลา่ เหลา่ แลรายทงั้ ซ้ายขวา กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดงั่ ดาวพราย โอ้เชน่ นี้สีกาได้มาเหน็ จะลงเลน่ กลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย ท่มี เี รอื น้อยนอ้ ยจะลอยพาย เทีย่ วถอนสายบัวผนั สันตะวา ถึงตวั เราเล่าถา้ ยังมโี ยมหญงิ ไหนจะนงิ่ ดดู ายอายบุปผา คงจะใชใ้ ห้ศิษย์ที่ติดมา อุตสา่ ห์หาเอาไปฝากตามยากจน นี่จนใจไม่มีเท่าข้ีเล็บ ขเี้ กียจเก็บเลยทางมากลางหน พอรอนรอนออ่ นแสงพระสรุ ิยน ถึงตำบลกรงุ เกา่ ยง่ิ เศรา้ ใจฯ ๒๔. สนุ ทรภู่ร้สู กึ อา้ งว้างมาก มองไปในทุ่งกว้างเห็นมีแต่ต้นแขมขึ้นอยูป่ ะปนกนั จนดึกกม็ ีดาวอยู่ กลางท้องฟา้ มนี กกระเรยี นบินรอ่ นและร้องก้องเม่อื ตอนเที่ยงคนื มเี สียงกบเขียดร้องเรือ่ ยๆ มีลมพดั เฉื่อยๆ สุนทรภู่รู้สกึ วังเวงก็คดิ รำพึงเม่อื ตอนมียศถาบรรดาศกั ด์ิ ได้หัวเราะเฮฮากบั เพ่ือน มคี นคอยปรนนิบัตริ ับใช้ แต่ ยามลำบากเหน็ แตห่ นพู ดั ลูกชายคอยชว่ ยน่งั ปัดยุงให้จนพระจนั ทร์ขึ้นก็เหน็ ตน้ กระจับจอก มดี อกบวั เผอ่ื นข้นึ มากเมื่อคืนเดือนหงาย มองเห็นคลองทั้งสองดา้ นหัวท้ายเรอื ก็รบี ถอ่ เรือลงคลอง จนพระอาทิตยข์ ึน้ ก็เหน็ พนั ธ์ุ ผกั ดนู ่ารกั ส่งเกสรแกก่ นั มบี ัวเผอื่ นอย่สู องข้างทางที่เรือพายไป มตี น้ กา้ มกุ้งข้นึ อยู่กบั สาหร่ายใต้น้ำ มีตน้ สายติง่ ขน้ึ สลับกับต้นตับเตา่ เปน็ กลุ่มๆมองไปเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เหล่านถี้ า้ ผหู้ ญิงไดม้ าเห็นก็คงจะลงเล่นกลาง ทงุ่ ทมี่ เี รือก็คงจะพายไปเก็บสายบัว ถ้าสนุ ทรภมู่ ีโยมผู้หญงิ ก็คงไม่นง่ิ เฉยให้อายดอกไม้ คงจะใช้ให้ศษิ ย์ไปเก็บ ของฝากเทา่ ท่ีทำไดใ้ นตอนนี้ แต่น่ีจนใจไม่มเี งินซักนดิ ทัง้ ยังขีเ้ กยี จเก็บจึงเลยมา พอมีแสงอ่อนๆของพระ อาทิตย์กถ็ ึงกรงุ ศรีอยธุ ยา สุนทรภ่รู ูส้ กึ เศร้าใจ

๒๕๏ มาทางทา่ หนา้ จวนจอมผรู้ ง้ั คดิ ถึงคร้งั กอ่ นมาน้ำตาไหล จะแวะหาถ้าทา่ นเหมอื นเมอ่ื เป็นไวย กจ็ ะได้รับนิมนตข์ ้ึนบนจวน แต่ยามยากหากว่าถา้ ทา่ นแปลก อกมแิ ตกเสยี หรอื เราเขาจะสรวล เหมอื นเข็ญใจใฝส่ ูงไมส่ มควร จะตอ้ งม้วนหน้ากลับอัประมาณฯ ๒๕. เมือ่ ถงึ หนา้ จวนของเพื่อนของสุนทรภู่ สนุ ทรภกู่ ค็ ิดถงึ เม่ือก่อนจนน้ำตาไหล สนุ ทรภูต่ ้ังใจจะแวะหาถา้ ยัง เหมือนเมื่อก่อนก็คงจะได้รบั นิมนต์ขึ้นบนจวน แตถ่ ้าหากว่าท่านแปลกไปก็คงจะโดนหัวเราะเยาะจะต้องอาย มาก รู้สกึ ไม่กลา้ ใฝส่ ูงเปน็ เพ่ือนได้ จึงไดเ้ ดินทางต่อไปยงั เจดยี ์ภูเขาทอง ๒๖.๏ มาจอดทา่ หนา้ วัดพระเมรขุ ้าม ริมอารามเรือเรยี งเคียงขนาน บ้างข้ึนล่องร้องลำเล่นสำราญ ทงั้ เพลงการเกีย้ วแก้กนั แซ่เซ็ง บา้ งฉลองผา้ ป่าเสภาขับ ระนาดรบั รัวคลา้ ยกบั นายเสง็ มโี คมรายแลอร่ามเหมือนสำเพ็ง เม่ือคราวเครง่ กม็ ิใครจ่ ะไดด้ ู อา้ ยลำหนง่ึ คร่ึงท่อนกลอนมันมาก ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหน่ือยหู ไม่จบบทลดเล้ยี วเหมือนเงีย้ วงู จนลกู คขู่ อทุเลาว่าหาวนอนฯ ได้ฟังเลน่ ต่างตา่ งท่ขี ้างวดั จนสงดั เงียบหลับลงกบั หมอน ประมาณสามยามคลำ้ ในอัมพร อ้ายโจรจรจูจ่ ว้ งเข้าลว้ งเรอื นาวาเอียงเสียงกุกลกุ ขน้ึ ร้อง มันดำลอ่ งนำ้ ไปช่างไวเหลอื ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชอื้ เหมอื นเน้อื เบอื้ บ้าเลอะดูเซอะซะ แต่หนพู ดั จดั แจงจุดเทียนส่อง ไมเ่ สยี ของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ ดว้ ยเดชะตบะบญุ กบั คุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปองฯ ๒๖. จอดเรอื ท่ีขา้ งวดั พระเมรุซ่ึงริมวัดมีเรือจอดเรยี งอยู่ บางลำมคี นร้องเลน่ เตน้ สำราญ บางลำกร็ ้องเพลงเก้ยี ว กัน บางลำฉลองผ้าป่าด้วยการขบั เสภา ทง้ั ยงั มคี นตีระนาดซึ่งตีเกง่ เหมอื นนายเสง็ (คนเก่งระนาดสมัยสนุ ทรภ)ู่ มโี คมแขวนอยู่เรยี งรายเหมือนอยสู่ ามเพ็ง เม่ือคราวเครง่ ในพระศาสนาก็ไม่ได้ดู มเี รือลำหน่งึ กลอนมนั มาก ร้อง กลอนยากลากเลอื้ ยฟังแลว้ เหนอื่ ยหู กลอนลดเลยี้ วเหมือนทางงู จนลูกคบู่ อกวา่ ง่วงนอน ได้การละเล่นต่างๆที่ ข้างวัดพอดึกกน็ อน ประมาณสามยามก็มโี จรข้นึ เรือ พอมีเสียงกุกกกั สนุ ทรภู่กล็ ุกข้ึนโวยวาย โจรก็รีบดำน้ำไป อยา่ งว่องไว มองไปไม่เห็นหน้าลูกศษิ ย์กร็ ้สู กึ ทำอะไรไม่ถูกด้วยความกลวั แต่หนพู ัดจุดเทยี นส่องดวู ่ามีอะไร หายไปบ้าง แต่ไม่มเี ลยแมแ้ ตเ่ คร่อื งอฐั บริขาร ทั้งนี้ดว้ ยเดชะตบะบุญและพระพทุ ธ ทำให้ชนะมารได้ ๒๗.๏ ครนั้ รงุ่ เชา้ เข้าเปน็ วนั อุโบสถ เจรญิ รสธรรมาบชู าฉลอง ไปเจดีย์ที่ชอ่ื ภเู ขาทอง ดสู งู ล่องลอยฟา้ นภาลัย อย่กู ลางท่งุ รุ่งโรจน์สนั โดษเด่น เปน็ ท่ีเล่นนาวาคงคาใส

ท่พี ้ืนลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคงลยั ลอ้ มรอบเป็นขอบคัน มีเจดยี ์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวดั วงแขวงกำแพงกนั้ ทอ่ี งคก์ ่อย่อเหลยี่ มสลับกัน เปน็ สามชั้นเชงิ ชานตระหงา่ นงาม บนั ไดมสี ่ดี า้ นสำราญรนื่ ตา่ งชมชืน่ ชวนกนั ขนึ้ ชนั้ สาม ประทักษณิ จนิ ตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบคำนับอภิวันท์ มหี ้องถ้ำสำหรบั จดุ เทียนถวาย เปน็ ลมทกั ษิณาวรรตนา่ อัศจรรย์ ด้วยพระพายพัดเวียนอยเู่ หียนหัน ทั้งองคฐ์ านราญรา้ วถงึ เก้าแฉก แตท่ กุ วนั น้ชี ราหนกั หนานกั โอเ้ จดีย์ท่สี ร้างยงั ร้างรัก เผยแยกยอดทรดุ ก็หลุดหกั กระน้หี รอื ชื่อเสียงเกียรติยศ เปน็ ผู้ดมี ีมากแลว้ ยากเย็น เสยี ดายนกั นึกนา่ น้ำตากระเดน็ จะมหิ มดล่วงหน้าทนั ตาเห็น คดิ กเ็ ป็นอนิจจงั เสยี ท้งั นนั้ ฯ ๒๗. วนั ร่งุ ขนึ้ จะเป็นวันพระซ่งึ จะได้บูชาพระธรรม ได้ไปเจดียภ์ ูเขาทองซ่งึ ดสู งู เสียดฟ้า อย่กู ลางทุง่ ดูโดดเดน่ มี น้ำใสอย่รู อบๆทีฐ่ านพื้นท่ีเป็นรูปกลีบบวั ถัดจากบันไดมนี ้ำไหลลอ้ มรอบเป็นขอบ มีเจดยี ์มีวหิ ารมีลานวดั มี กำแพงกั้นอยู่ การย่อเหลย่ี มไม้ ๑๒ มมุ อยา่ งสวยงาม มีเปน็ สามชัน้ อยา่ งงดงาม บนั ไดมี ๔ ดา้ น คณะของ สุนทรภู่ชวนกันข้นึ ไปช้นั ๓ ต้ังใจเดนิ วนขวา ๓ รอบจนครบก็กราบเจดยี ์ มีห้องที่เป็นถำ้ สำหรับจุดเทยี นเพราะ ลมจะพดั แรงพาธปู เทยี นดับ ตอนน้นั บังเกดิ สิ่งอัศจรรย์มีลมพดั เวยี นขวาราวกบั จะเวียนเทยี นด้วย ทกุ วันนี้พระ เจดีย์เก่าและทรดุ โทรมมาก ท่ีฐานร้าวถงึ เกา้ แฉก ท่ยี อดก็หัก องค์พระเจดยี ์ก็ทรดุ เปน็ เพราะเจดีย์ไมม่ คี นคอย ดแู ล นึกแล้วเสียดายจนนา่ รอ้ งไห้ แล้ววจะเทยี บอะไรกับช่อื เสียงเกียรติยศของมนษุ ย์ ก็คงหมดไปในไม่นาน เหมอื นกบั เป็นผ้ดู ีแล้วลำบาก เป็นคนมง่ั มีแลว้ ยากจน คดิ แล้วทกุ อยา่ งไม่แท้เท่ยี ง ๒๘.๏ ขอเดชะพระเจดยี ์ครี ีมาศ บรรจุธาตุทตี่ งั้ นรังสรรค์ ข้าอตุ สา่ ห์มาเคารพอภวิ นั ท์ เป็นอนนั ตอ์ านสิ งส์ดำรงกาย จะเกดิ ชาติใดใดในมนุษย์ ให้บรสิ ุทธ์สิ มจิตทคี่ ดิ หมาย ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณป์ ระยรู วงศ์ ทง้ั โลโภโทโสแลโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง ขอฟงุ้ เฟื่องเรืองวิชาปัญญายง ท้งั ใหท้ รงศลี ขันธ์ในสันดาน อกี สองสิง่ หญิงรา้ ยแลชายชั่ว อย่าเมามวั หมายรักสมคั รสมาน ขอสมหวังตั้งประโยชนโ์ พธิญาณ ตราบนพิ พานชาติหน้าให้ถาวรฯ ๒๘. ขอเดชะแหง่ เจดียภ์ เู ขาทองซ่ึงบรรจพุ ระบรมสาริกธาตุ สนุ ทรภ่ขู อให้ท่ีได้มากราบในครัง้ น้ีให้เปน็ บุญเพ่ือ เปน็ อานิสงสใ์ ห้พน้ ภยั ต่างๆ ถ้าจะเกดิ ชาติไหนๆก็ขอใหต้ นบริสทุ ธิ์ทั้งกายและใจ ทงั้ ความทุกข์ความโศกอย่า ไดม้ าใกล้ สบายไปตลอดกาล ทั้งความโลภ โกรธ หลง ขอให้ตนชนะได้ ขอใหม้ สี ติปัญญาหลักแหลม ใหม้ ี

ศีลธรรมอย่ใู นใจ ท้ังผหู้ ญิงรา้ ยและผชู้ ายชว่ั กข็ อให้อย่าไดร้ ู้จกั คบหากัน ขอให้สมดังหวงั แม้แตช่ าตหิ น้าก็ขอให้ เป็นดังหวงั ๒๙.๏ พอกราบพระปะดอกปทมุ ชาติ พบพระธาตสุ ถิตในเกสร สมถวิลยินดชี ลุ กี ร ประคองซ้อนเชญิ องค์ลงนาวา กบั หนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว ใส่ขวดแกว้ วางไวใ้ กลเ้ กศา มานอนกรงุ รงุ่ ขน้ึ จะบชู า ไมป่ ะตาตันอกยิ่งตกใจ แสนเสยี ดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคดิ มานำ้ ตาไหล โอ้บญุ น้อยลอยลบั ครรไลไกล เสียนำ้ ใจเจยี นจะดน้ิ ส้ินชวี นั สดุ จะอย่ดู ูอื่นไมฝ่ นื โศก กำเริบโรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝฝ่ นั พอตรู่ตรสู่ รุ ยิ ฉ์ ายข้ึนพรายพรรณ ให้ล่องวันหน่ึงมาถึงธานฯี ๒๙. พอกม้ ลงกราบพระพทุ ธรูปเงยขึ้นมากเ็ ห็นดอกบัวและกเ็ ห็นพระบรมสารีรกิ ธาตุอยู่ในเกสรก็ดีใจมากและ ช้อนประคองลงเรือ พอหนพู ัดกราบไวเ้ สรจ็ แล้วกใ็ ส่พระบรมสารีรกิ ธาตุไวใ้ นขวดแก้วแล้วกว็ างไว้ใกล้ศรี ษะเมอ่ื นอน ตง้ั ใจว่าจะไปนอนทีก่ รุงศรีอยุธยาและรุ่งเชา้ จะบชู าพระบรมสารรี ิกธาตแุ ตพ่ อตืน่ มามองไม่เห็นพระบรม สารีรกิ ธาตกุ ็ตกใจอย่างมากทั้งทว่ี างไว้ใกล้ศรี ษะ สนุ ทรภู่ว่าเป็นเพราะบญุ ตนน้อยทำให้พระธาตุลอยนำ้ ไปไกล สุนทรภคู่ ิดว่าไมส่ ามารถอยู่ที่เจดยี ภ์ ูเขาทองต่อได้เพราะจะย่งิ เศร้าโศกและร้อนใจย่ิงขึน้ พอเชา้ ตรู่พระอาทิตย์ ขนึ้ ส่องฉาย กล็ ่องเรือถึงกรุงเทพฯโดยใช้เวลาเดนิ ทาง ๑ วัน ๓๐๏ ประทบั ท่าหน้าอรณุ อารามหลวง ค่อยสรา่ งทรวงทรงศีลพระชินสีห์ นริ าศเรอ่ื งเมืองเกา่ ของเราน้ี ไวเ้ ปน็ ทโี่ สมนสั ทัศนา ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรปู ทัง้ สถูปบรมธาตพุ ระศาสนา เป็นนิสยั ไวเ้ หมือนเตือนศรัทธา ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ ใช่จะมีท่รี ักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย ซ่งึ ครวญคร่ำทำทีพิร้ีพิไร ตามนสิ ยั กาพย์กลอนแต่กอ่ นมา เหมือนแม่ครวั ค่ัวแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนงั เครื่องมังสา อนั พริกไทยใบผกั ชเี หมือนสกี า ต้องโรยนา่ เสียสกั หน่อยอร่อยใจฯ จงทราบความตามจริงทุกส่งิ สิน้ อย่านึกนินทาแถลงแหนงไฉน นกั เลงกลอนนอนเปล่ากเ็ ศรา้ ใจ จงึ ร่ำไรเรอ่ื งร้างเลน่ บ้างเอยฯ ๓๐. ถึงหน้าวัดอรณุ ก็ค่อยสร่างจากความเศรา้ เพราะไดก้ ราบพระพทุ ธรปู นริ าศภเู ขาทองของสุนทรภเู่ รื่องน้ีไว้ เป็นท่ีอา่ นเม่ือเศร้าจะได้มีความสขุ เพราะได้ไปกราบไวพ้ ระพทุ ธรูป ทง้ั กราบไวพ้ ระบรมสารีรกิ ธาตุ เพราะคนท่ี นับถือศาสนาพุทธเมื่อไมส่ บายใจก็จะกราบไหว้พระพุทธรปู เพ่ือใหส้ บายใจ ตอนนส้ี ุนทรภู่ใชว่ า่ จะมีคนรกั หรือ พง่ึ จะจากรักมา แต่ที่กล่าวถึงผู้หญิงกเ็ พราะเป็นธรรมเนียมการแต่งนิราศแตโ่ บราณ เหมือนแม่ครวั จะปรงุ

อาหารประเภทพะแนงนอกจากจะใสเ่ ครือ่ งปรุงและเน้ือสัตวแ์ ล้วยังต้องใส่พริกไทยใบผกั ชเี พ่ือเพ่ิมความน่า รับประทานแก่อาหาร และผู้หญิงก็เหมือนพริกไทยใบผกั ชีเพื่อนใหน้ ิราศน้นี ่าอา่ น ขอให้ทราบความจรงิ ทุกๆ อยา่ งวา่ สนุ ทรภ่ไู ม่ได้มผี ูห้ ญิงเลยขออย่าได้นินทาให้เสียหาย เพราะคนทม่ี ีความสามรถในเชงิ กลอนจะนัง่ ๆ นอนๆเฉยๆกจ็ ะน่าเบ่ือและเศร้าใจ จึงจะตอ้ งแตง่ กลอนเพือ่ คลายเหงาและคลายความเศร้าใจ และให้ไดผ้ ลงาน เปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ คุณคา่ ด้านเนือ้ หา ๑ สะท้อนวิถีชีวิตและวฒั นธรรมแสดงใหเ้ หน็ ถึงสภาพบา้ นเมอื ง สังคม วัฒนธรรม และวิถชี วี ิตของผู้คน อาทิ ๑.๑ การติดต่อคา้ ขาย ภาพการค้าขายดำเนนิ ไปอย่างคึกคัก ๑.๒ ชุมชนชาวต่างชาติ กล่าวถงึ หญงิ สาวชาวมอญ ซึ่งอาศัยอย่ใู นย่านปากเกร็ด (เขตจังหวัดนนทบุรี) ๑. ๓ การละเล่นและงานมหรสพ อาทิ งานลองผา้ ป่า มีการประดบั ประดาโคมไฟ การขับเสภา ร้องเพลงเรือ เกี้ยวกนั ๒ ตำนานสถานที่ อาทิ วดั ประโคนปัก เหตุที่วดั ช่ือวา่ ประโคนปกั เน่อื งจากมีการเลา่ สืบต่อกันมาว่าบรเิ วณน้ี เปน็ ทป่ี กั เสาประโคนเพื่อปักเขตแดน ๓ ความเชอ่ื ของไทย มักเกยี่ วเน่ืองในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรอ่ื งนรก-สวรรค์ อาทิ ความเชื่อทวี่ า่ หากใคร คบชู้ คอื ผู้น้ันจะตกนรกและต้องปีนต้นงิว้ ๔.แงค่ ดิ เกย่ี วกับความจรงิ ในชีวติ บทประพันธ์ของสุนทรภู่มักได้รับการยกย่องอยู่เสมอว่ามี เนื้อหาทีส่ อดแทรกข้อคดิ คติการดำเนินชีวิต และชว่ ยยกระดับจิตใจของผู้อ่าน สุนทรภยู่ งั ใหแ้ ง่ คิดเรื่องการเลอื กคบคนว่า ไม่ควรประมาทและไมควรวางใจผู้ใดงา่ ยๆเน่ืองจากบางคนพดู หรือ ทำใหเ้ ราเห็น ว่าเขาเปน็ คนดี แต่แทจ้ รงิ แลว้ เขาอาจเปน็ คนท่ีมจี ิตใจไม่ดี คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์

การเล่นเสยี ง เช่น ดนู ำ้ ว่ิงกล้ิงเชยี่ วเป็นเกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉันฉวดั เฉวียน บ้างพลุง่ พลุ่งวุง้ วงเหมอื นกงเกวยี น ดเู ปล่ียนเปล่ยี นคว้างคว้างเป็นหว่างวน เปรยี บเทยี บลึกซง้ึ กินใจ เชน่ เม่ือเคราะห์รา้ ยกายเราก็เท่านี้ ไมม่ ีท่ีพสธุ าจะอาศยั ล้วนหนามเหนบ็ เจ็บแสบคบั แคบใจ เหมอื นนกไร้รงั เร่อยเู่ อกาฯ การใชค้ ำเพื่อสรา้ งจินตภาพหรือเกิดภาพพจนช์ ัดเจน เช่น จนแจม่ แจง้ แสงตะวันเห็นพันธุผ์ กั ดนู า่ รกั บรรจงส่งเกสร เหล่าบัวเผือ่ นแลสลา้ งรมิ ทางจร กา้ มกงุ้ ซ้อนเสียดสาหรา่ ยใตค้ งคา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook