Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชาดกศิษย์-อาจารย์ หน้าเดี่ยว

ชาดกศิษย์-อาจารย์ หน้าเดี่ยว

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-09-01 05:27:27

Description: ชาดกศิษย์-อาจารย์ หน้าเดี่ยว www.kalyanamitra.org
หนังสือ,เอกสาร,บทความ นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

บคุ คลควรเรียนวิชาท่ีควรเรียนทุกอยา่ ง ไม่ว่าจะเลว ดี หรือปานกลาง บคุ คลควรรปู้ ระโยชน์ของวชิ าท่เี รยี นทงั้ หมด แต่ไมค่ วรประกอบใช้ท้งั หมด ศลิ ปะที่ศกึ ษาแล้วน�ำประโยชนม์ าให้ในเวลาใด แมเ้ วลาเชน่ น้นั ยอ่ มจะมีแท.้ ในกาลต่อมา เม่ือพระบิดาสวรรคตแล้ว พระกุมาร กไ็ ด้ด�ำรงอย่ใู นราชสมบตั ิ. ประชมุ ชาดก อาจารย์ทศิ าปาโมกข์ในครั้งน้นั ได้เปน็ เราตถาคต. 50 ศษิ ย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

ศิษยด์ อ้ื ไม่จำ� คำ� เตือนของอาจารย์ ๖) เวนสาขชาดก๑๙ ว่าด้วย ทำ� ดไี ดด้ ี ทำ� ชัว่ ไดช้ ั่ว สถานที่ตรัส เภสกฬาวัน ต.สงุ สุมารครี ี ในแขวงภัคคชนบท ทรงปรารภ โพธิราชกมุ าร สาเหตุทีต่ รสั ครัง้ นน้ั พระโอรสของพระเจา้ อเุ ทนนามวา่ ‘โพธริ าช กุมาร’ ประทับอยู่ ณ สุงสุมารคีรี รับส่ังให้เรียก ช่างไม้ ผชู้ ำ� นาญศลิ ปะ คนหนง่ึ มาใหส้ รา้ งปราสาทชอ่ื ‘โกกนทุ ’๒๐ โดยสรา้ งไม่ใหเ้ หมอื นกบั พระราชาอนื่ ๆ ครน้ั ให้สรา้ งเสรจ็ แลว้ มพี ระทัยตระหนวี่ า่ ‘ช่างไม้คนน้ีจะพึงสร้างปราสาทเช่นน้ีแก่พระราชา องค์อื่น’ จงึ ให้ควกั นยั นต์ าท้ังสองข้างของชา่ งไม้นน้ั เสยี ๑๙ ต้นฉบับ ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาชาดก จตุกกนิบาตชาดก, ล.๕๘, น.๗๒๑, มมร. ๒๐ ชอื่ ของดอกปทุม ๖. เวนสาข 51 www.kalyanamitra.org

52 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

ความทพ่ี ระโพธริ าชกมุ ารใหค้ วกั นยั นต์ าของชา่ งไมน้ น้ั ก็เกิดปรากฏ ในหมู่ภกิ ษสุ งฆ์ เพราะฉะน้นั ภิกษทุ ง้ั หลาย จึงนง่ั สนทนากันในโรงธรรมสภาวา่ “ได้ยินว่า ‘โพธิราชกุมารรับสั่งให้ควักนัยน์ตา ท้ังสองข้างของนายช่างไม้’ โอ ! ช่างกักขฬะ หยาบช้า สาหสั นกั .” พระศาสดาเสดจ็ มาแล้วตรสั ถามวา่ “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันเร่ือง อะไร ?” เม่ือภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบถึงเร่ืองท่ี สนทนากนั จงึ ตรัสวา่ “ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย มใิ ชบ่ ดั นเี้ ทา่ นน้ั แมใ้ นกาลกอ่ น โพธริ าชกมุ ารนก้ี เ็ ปน็ ฃผกู้ กั ขฬะ หยาบชา้ สาหสั เหมอื นกนั และในบัดน้เี ท่านัน้ ยงั ไม่สิน้ เชิง แม้ในกาลก่อน โพธิราชกุมารน้ีก็ให้ควักพระเนตร ของกษัตริย์ ๑,๐๐๐ องค์ ให้ปลงพระชนม์ท�ำพลีกรรม ด้วยเนื้อของกษตั ริย์ ๑,๐๐๐ องคน์ ้ัน.” แลว้ ทรงน�ำเอาเรื่องในอดตี มาสาธก ดังต่อไปนี้ ๖. เวนสาข 53 www.kalyanamitra.org

เนอ้ื หาชาดก ในอดตี กาล เมอื่ พระเจา้ พรหมทตั ครองราชสมบตั อิ ยู่ ในนครพาราณสี พระโพธสิ ตั วไ์ ดเ้ ปน็ อาจารยท์ ศิ าปาโมกข์ อยู่ในเมืองตักกสิลา ขัตติยมาณพและพราหมณ์มาณพ ในพน้ื ชมพทู วปี พากนั เรยี นศลิ ปะในสำ� นกั ของพระโพธสิ ตั ว์ น้ันเอง แมพ้ ระโอรสของพระเจา้ พาราณสี นามวา่ ‘พรหมทตั - กมุ าร’ กเ็ รยี นพระเวท ทงั้ ๓ ในสำ� นกั ของพระโพธสิ ตั วน์ นั้ แต่ตามปกติ พรหมทัตกุมารน้ันได้เป็นผู้กักขฬะ หยาบช้า ทารุณ พระโพธิสัตว์รู้ว่า ‘พรหมทัตกุมารนั้น เปน็ ผ้กู กั ขฬะ หยาบช้า ทารุณ ดว้ ยอำ� นาจวชิ าดูอวัยวะ’ ได้กล่าวสอนวา่ “ดูก่อนพ่อ เธอเป็นผู้กักขฬะ หยาบช้า ทารุณ ความเป็นใหญ่ท่ีได้ด้วยความหยาบช้า ย่อมไม่ด�ำรง อยู่นาน เมื่อความเป็นใหญ่พินาศไป คนผู้หยาบช้านั้น ย่อมไม่ได้ที่พึ่งเหมือนคนเรือแตกไม่ได้ท่ีพึ่งพ�ำนัก ในสมทุ รฉะนนั้ เพราะฉะนน้ั เธออยา่ ไดเ้ ปน็ เชน่ นน้ั .” ดงั น้ี จึงได้กลา่ วคาถา ๒ คาถาวา่ : ดูกรพรหมทัตตกุมาร ความเกษมส�ำราญ (๑) ภกิ ษาหารหาไดง้ า่ ย (๑) และความเปน็ ผสู้ ำ� ราญกายนี้ (๑) ไมพ่ งึ มีตลอดกาลเป็นนติ ย์ 54 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

เมื่อประโยชน์ของตนสิ้นไป ท่านอย่าเป็นผู้ล่มจม เสียเลย เหมือนเรือแตก คนไม่ได้ทพี่ ึง่ อาศยั ต้องจมอย่ใู น ท่ามกลางทะเล ฉะนั้น. บคุ คลท�ำกรรมใด ยอ่ มมองเหน็ กรรมนั้นในตน ผ้ทู ำ� กรรมดี ย่อมไดผ้ ลดี ผู้ท�ำกรรมช่ัว ย่อมได้ผลชั่ว บุคคลหว่านพืชเช่นใด ยอ่ มไดผ้ ลเช่นน้นั . พรหมทัตกุมารน้ัน ไหว้อาจารย์แล้วไปถึงนคร พาราณสี แสดงศลิ ปะแกพ่ ระบดิ า แลว้ ดำ� รงอยใู่ นตำ� แหนง่ อปุ ราช เมื่อพระบิดาสวรรคตแล้ว ก็ได้เสวยราชสมบัติ ท้าวเธอมีปุโรหิตช่อื วา่ ‘ปิงคยิ ะ’ เปน็ คนกระด้างหยาบช้า เพราะความโลภในยศ เขาจงึ คิดวา่ ‘ถ้ากระไร เรายุใหพ้ ระราชาน้ี จับพระราชาทกุ องค์ ในชมพูทวีปท้ังสิ้น เม่ือเป็นอย่างนี้ พระราชานี้จักเป็น พระราชาแต่พระองค์เดียว แม้เราก็จะได้เป็นปุโรหิตแต่ ผู้เดียว’ ปุโรหิตน้ันท�ำให้พระราชานั้นเช่ือถือถ้อยค�ำของตน พระราชาจึงยกกองทัพใหญ่ออกล้อมนครของพระราชา ๖. เวนสาข 55 www.kalyanamitra.org

องคห์ นงึ่ แลว้ จบั พระราชาองคน์ นั้ พระราชานน้ั ยดึ ราชสมบตั ิ ในชมพทู วปี ทั้งสิ้นด้วยอบุ ายนีน้ ่นั แหละ ต่อมาพระเจ้าพาราณสีซึ่งห้อมล้อมด้วยพระราชา ๑,๐๐๐ องค์ ก็ยกกองทพั ไปด้วยหวงั ว่า ‘จักยึดราชสมบัติ ในนครตักกสิลา’ ในครั้งน้ัน พระโพธิสัตว์ก็ปฏิสังขรณ์ซ่อมแซม พระนครกระท�ำให้เป็นนคร ทม่ี นั่ คงแขง็ แรง คนอ่ืนกำ� จดั ไม่ได้ ฝ่ายพระเจ้าพาราณสีเม่ือยกทัพมาถึงก็ให้พักทัพ โดยให้สร้างท่ีพักของพระองค์อยู่ที่โคนต้นไทรใหญ่ รมิ แมน่ ำ้� คงคา ทา้ วเธอแมจ้ ะพาเอาพระราชา ๑,๐๐๐ องค์ ในพ้ืนชมพูทวีปออกรบอยู่ ก็ไม่อาจยึดเมืองตักกสิลาได้ จงึ ตรัสถามปุโรหติ ว่า “ทา่ นอาจารย์ พวกเรามาพรอ้ มกบั พระราชาเหล่านี้ ไมส่ ามารถยดึ เมอื งตักกสิลาไดค้ วรจะทำ� อยา่ งไรดี ?” ปุโรหติ กราบทูลว่า “ขา้ แต่มหาราชเจา้ เราทง้ั หลายจงควักนัยน์ตาของ พระราชา ๑,๐๐๐ พระองคแ์ ล้วปลงพระชนม์เสยี ผา่ ท้อง ถือเอาเน้ืออร่อย ๕ ชนิด กระท�ำพลีกรรมแก่เทวดา ผู้บังเกิดอยู่ที่ต้นไทรน้ี แล้ววงรอบต้นไทรด้วยเกลียว 56 ศิษย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

พระอันตะ๒๑ แล้วเจิมด้วยโลหิต ชัยชนะจักมีแก่พวกเรา อยา่ งเรว็ พลนั ทเี ดยี ว ดว้ ยอบุ ายอย่างน้”ี พระราชาทรงรับวา่ “ดลี ะ” แลว้ วางคนปลำ�้ ผมู้ กี ำ� ลงั มากไวภ้ ายในทพี่ กั ใหเ้ รยี ก พระราชามาทีละองค์ แลว้ ท�ำให้สลบดว้ ยการบีบรัด แล้ว ควกั เอานยั นต์ า แลว้ ฆา่ ใหต้ าย เอาแตเ่ นอื้ ไว้ ลอยซากศพ ไปในแม่น้�ำคงคา ให้ท�ำพลีกรรมมีประการดังกล่าวแล้ว ใหต้ ีกลองบวงสรวงแลว้ เสด็จไปรบ คร้ังนั้น ยักษ์ตนหน่ึงชื่อ ‘อัชชิสกตะ’ มาควัก พระเนตรเบือ้ งขวาของพระเจา้ พาราณสนี ัน้ แล้วกไ็ ป เวทนาใหญ่หลวงเกิดข้ึนแล้ว ท้าวเธอได้รับเวทนา จึงเสด็จไปบรรทมหงายบนอาสนะทีเ่ ขาปูลาดไว้ ณ โคน ต้นไทร ขณะนั้น แร้งตัวหนึ่ง คาบเอากระดูกชิ้นหน่ึงซ่ึงมี ปลายคมกริบ มาจับอยู่บนยอดไม้ กินเน้ือหมดแล้วท้ิง กระดูกลงมา ปลายกระดูกลอยมาตกลงที่พระเนตรซ้าย ของพระราชา ท�ำพระเนตรให้แตกไปเหมือนหลาวเหล็ก แทงฉะนั้น ๒๑ อนั ตะ ไส้ใหญ่ ๖. เวนสาข 57 www.kalyanamitra.org

ขณะนั้น ท้าวเธอจึงนึกได้ถึงถ้อยค�ำของพระโพธิ- สัตว์ พระองคจ์ ึงทรงบน่ เพ้อว่า “อาจารย์ของเรากล่าวไว้ว่า สัตว์เหล่านี้ ย่อมเสวย วบิ ากอนั สมควรแกก่ รรม เหมอื นบคุ คลเสวยผลอนั สมควร แก่พชื ” ดงั นี้ เหน็ จะเป็นเหตุน้จี ึงกลา่ วไว้ แลว้ ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า : ปาจารยใ์ นปางก่อนไดก้ ลา่ วค�ำใดไวว้ า่ ทา่ นอยา่ ไดท้ ำ� บาปกรรมทท่ี ำ� แลว้ จะทำ� ใหเ้ ดอื ดรอ้ น ในภายหลังเลย คำ� นั้น เปน็ ค�ำสอนของอาจารย์เรา ปิงคิยปุโรหิตน้ัน ย่อมบ่นเพ้อแสดงต้นไทรว่า มีก่ิง แผ่ไพศาล (สามารถให้ความชนะได้) เราไดใ้ ห้ฆ่ากษตั รยิ ์ ผปู้ ระดบั ดว้ ยราชาลงั การ ลบู ไลด้ ว้ ยแกน่ จนั ทนแ์ ดง ท้งั พันพระองคเ์ สยี ท่ีตน้ ไมใ้ ด ตน้ ไมน้ ้นั บดั น้ี ไมอ่ าจทำ� การปอ้ งกนั อะไรแกเ่ ราได้ ความทกุ ข์ อันนนั้ แหละกลบั มาสนองเราแล้ว. ท้าวเธอเมื่อทรงคร่�ำครวญอยู่อย่างน้ีแล ทรงหวน ระลึกถึงพระอัครมเหสี จึงกล่าวคาถาวา่ : พระนางอุพพรีอัครมเหสีของเรา มีพระฉวีวรรณ งามดังทองค�ำ ลูบไล้ตัวด้วยแก่นจันทน์แดง ย่อมงาม 58 ศิษย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

เจริญตา เหมือนกับก่ิงไม้สิงคุอันขึ้นตรงไป ไหวสะเทือน อยู่ ฉะนนั้ เรามิได้เห็นพระนางอุพพรีแล้ว คงจักต้องตาย เปน็ แน่ การทเี่ ราไมไ่ ดเ้ หน็ พระนางอพุ พรนี น้ั จกั เปน็ ทกุ ข์ ยิ่งกว่ามรณทุกขน์ ีอ้ กี . พระเจา้ พาราณสนี นั้ ทรงบน่ เพอ้ อยอู่ ยา่ งนี้ ตายแลว้ บังเกดิ ในนรก ปุโรหิตผู้อยากได้ความเป็นใหญ่ไม่อาจท�ำการ ต้านทานพระเจ้าพาราณสีนั้น ไม่อาจท�ำความเป็นใหญ่ แก่ตน พระเจ้าพาราณสนี ้นั พอสวรรคตเทา่ นน้ั พลนกิ าย ต่างพากนั แตกฉานซ่านเซน็ ไป. ประชุมชาดก พระราชาในครง้ั นนั้ ได้เป็น โพธิราชกมุ าร ปงิ คยิ ปโุ รหิต ไดเ้ ป็น พระเทวทตั อาจารยท์ ศิ าปาโมกขใ์ นครั้งน้ัน ไดเ้ ปน็ เราตถาคต ๖. เวนสาข 59 www.kalyanamitra.org

60 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

ศิษยค์ ิดตีเสมอจารย์ จึงตอ้ งพบกบั ความพินาศ ๑ ๗) อปุ าหนชาดก๒๒ ว่าดว้ ย อนารยชน ย่อมใชศ้ ิลปะในทางผดิ สถานท่ตี รัส พระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภ พระเทวทัต สาเหตุทตี่ รสั ความย่อมีว่า ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรม ว่า “อาวโุ สทงั้ หลาย พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์กลับเปน็ ปฏปิ ักษ์ เป็นศตั รตู อ่ พระตถาคต ได้ถึงความพินาศใหญ่.” พระศาสดาเสดจ็ มาตรัสถามว่า “ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย บัดนี้ พวกเธอน่ังสนทนากัน ด้วยเรอ่ื งอะไร ?” เมอื่ ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทลู ใหท้ รงทราบแลว้ จงึ ตรสั วา่ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตมิใช่บอกคืนอาจารย์ เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา ถึงความพินาศใหญ่ในบัดนี้เท่าน้ัน ๒๒ ต้นฉบับ ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาชาดก ทกุ นบิ าตชาดก, ล.๕๗, น.๔๓๑, มมร ๗. อปุ าหน 61 www.kalyanamitra.org

แม้เมื่อก่อนก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเราเหมือนกัน” แล้วทรงน�ำ เรอื่ งอดตี มาตรัสเล่า. เนือ้ หาชาดก ในอดีตกาล คร้ังพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลนาย หัตถาจารย์๒๓ ครน้ั เจรญิ วยั แลว้ ก็สำ� เรจ็ หัตถศี ิลปะ คร้งั นนั้ มมี าณพชาวกาสคิ ามผูห้ น่งึ มาเรยี นศลิ ปะ ในส�ำนกั ของพระโพธิสัตว์ ธรรมดาวา่ พระโพธสิ ัตวท์ ้ังหลายเม่อื จะบอกศิลปะ ยอ่ มไมป่ ดิ บงั วชิ า ใหศ้ กึ ษาวชิ าตามทตี่ นรมู้ าโดยไมม่ เี หลอื เพราะฉะน้ัน มาณพนนั้ จึงไดเ้ รยี นศิลปะความรขู้ อง พระโพธสิ ัตว์จนหมดสิน้ แลว้ กลา่ วกะพระโพธสิ ตั ว์ว่า “ข้าแต่ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจักรับราชการ.” พระโพธสิ ตั ว์กลา่ ววา่ “ดแี ลว้ พ่อ” จงึ ไปเฝ้ากราบทูลพระราชาว่า “ข้าแต่มหาราช ลูกศิษย์ของข้าพระองค์ปรารถนา จะรบั ราชการสนองพระเดชพระคณุ .” ๒๓ หตั ถาจารย์ ผ้ฝู ึกหัดช้าง, ควาญช้าง, หมอช้าง. 62 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

พระราชาตรสั วา่ “ดแี ล้ว” “จงรับราชการเถิด.” พระโพธิสตั ว์กราบทลู วา่ “ถา้ เชน่ น้นั ขอพระองคท์ รงโปรดต้ังเบ้ยี หวัดแก่เขา เถิด.” พระราชาตรัสว่า “ลูกศิษย์ของท่านจะได้เบ้ียหวัดเท่ากับท่านไม่ได้ เมื่อท่านได้หน่ึงร้อย เขาก็ต้องได้ห้าสิบ เม่ือท่านได้ สองรอ้ ย เขากต็ อ้ งได้หนงึ่ รอ้ ย.” พระโพธิสัตวก์ ลบั มาบา้ นบอกเรื่องนัน้ แก่ลูกศษิ ย.์ ลกู ศิษย์กลา่ วว่า “ทา่ นอาจารย์ ข้าพเจ้ารู้ศิลปะเท่ากับทา่ น ถ้าจะได้ เบี้ยหวัดเท่ากับท่านเหมือนกัน ข้าพเจ้าจะรับราชการ ถ้าไมไ่ ดจ้ ะไม่ขอรับราชการ.” พระโพธิสัตวก์ ราบทูลให้พระราชาทรงทราบ. พระราชาตรัสว่า “ถ้าเขาทัดเทียมเท่ากับท่านทุกประการ สามารถ แสดงศลิ ปะเท่ากบั ท่านทีเดียว ก็จะไดเ้ ท่ากนั .” พระโพธสิ ตั ว์จงึ บอกเรอื่ งนั้นแกล่ กู ศิษย์. ๗. อปุ าหน 63 www.kalyanamitra.org

เมื่อลูกศษิ ย์กลา่ วว่า “ดีแล้ว ขา้ พเจ้าจะแสดง” จงึ ไปกราบทลู แด่พระราชา. พระราชาตรัสว่า “ถา้ เช่นนน้ั จงแสดงศิลปะกนั พรงุ่ นเ้ี ถิด.” พระโพธสิ ัตวก์ ราบทลู วา่ “ดแี ลว้ พระเจา้ ขา้ ขา้ พระองคจ์ กั แสดงกนั ขอพระองค์ โปรดใหต้ ีกลองป่าวร้องเถิด พระเจา้ ขา้ .” พระราชาไดใ้ ห้ตีกลองป่าวร้องว่า ‘พรุ่งน้ี อาจารย์กับลูกศิษย์ทั้งสองจะแสดงศิลปะ ผู้ประสงค์จะดู จงพากนั มาดทู ี่สนามหลวง.’ อาจารย์คิดวา่ ‘ลกู ศิษยข์ องเรายงั ไม่รคู้ วามฉลาด ในอบุ าย’ จึงจับ ชา้ งมาเชือกหนึ่ง ฝกึ ใหจ้ ดจำ� กลบั วิธีโดยคืนเดยี วเทา่ นน้ั อาจารยใ์ ห้ช้างส�ำเหนียก๒๔ อย่างน้ี คือ เมือ่ บอกให้เดนิ ก็ใหถ้ อย เมื่อบอกให้ถอยกใ็ หเ้ ดนิ บอกให้เทา๒๕ ก็ให้ลกุ เมื่อบอกให้ลกุ กใ็ หเ้ ทา ๒๔ สาํ เหฺนยี ก ก. ฟงั , คอยเอาใจใส,่ กําหนดจดจํา, เช่น ผ้ใู หญส่ อนอะไรก็ใหส้ าํ เหนยี กไวใ้ หด้ ี ๒๕ ในที่นี้ใช้เป็น คาํ กรยิ า แปลวา่ ยอบตวั ลง, หมอบ, คกุ เข่า. 64 ศษิ ยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

เม่ือบอกใหจ้ ับก็ใหว้ าง เมือ่ บอกให้วางกใ็ หจ้ บั . รงุ่ ขนึ้ จงึ ขน้ึ ชา้ งเชอื กนน้ั ไปทส่ี นามหลวง ฝา่ ยลกู ศษิ ย์ ก็ข้ึนช้างทถี่ ูกใจเชอื กหน่งึ ไป มหาชนประชุมกันแล้ว ทั้งสองคนได้แสดงศิลปะ เท่าๆ กันแล้ว. พระโพธิสัตว์จึงให้ช้างของตนท�ำส่ิง ที่ตรงกันข้ามอีก ช้างน้ันเมื่อบอกว่าจงไปก็ถอยกลับ เมื่อบอกว่าจงถอยกลับได้ว่ิงไปข้างหน้า เม่ือบอกว่า จงยืนขึน้ ไดเ้ ทาลง เมอ่ื บอกว่าจงเทาก็ลุกยืน เมอ่ื บอกว่า จงหยิบกท็ ้ิงเสยี เม่ือบอกว่าจงทง้ิ กไ็ ด้หยบิ . มหาชนกลา่ วว่า “แน่ะศิษย์ผู้ชั่วร้าย ท�ำการแข่งดีกับอาจารย์ ไม่รู้ ประมาณตน เข้าใจวา่ รเู้ สมอกบั อาจารย”์ ต่างก็เอาก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้น ประหารให้ ถงึ แกค่ วามตายในที่น้ันเอง. พระโพธิสัตว์ลงจากช้างเข้าเฝ้าพระราชากราบทูล วา่ “ข้าแต่มหาราช ขึ้นชื่อว่า ‘ศิลปะ’ บุคคลย่อมเรียน เพื่อความสุขแก่ตน แต่ศิลปะท่ีบุคคลบางคนเรียนแล้ว กลับน�ำความพินาศมาสู่ ดุจรองเทา้ ทท่ี ำ� ไมด่ ฉี ะนั้น.” ๗. อปุ าหน 65 www.kalyanamitra.org

ไดก้ ล่าวคาถาสองคาถานี้ว่า :- รองเท้าท่ีคนซื้อมาเพ่ือประโยชน์จะให้สบายเท้า กลับน�ำความทกุ ข์มาให้ รองเท้าน้ันถูกแดดเผาบ้าง ถูกพื้นเท้าครูดสีบ้าง กก็ ลับกัดเท้าของผู้น้นั นั่นแหละ ฉนั ใด ผู้ใดเกิดในตระกูลต�่ำไม่ใช่อารยชน เรียนวิชาและ ศลิ ปะมาจากสำ� นกั อาจารยไ์ ดแ้ ลว้ ผนู้ นั้ ยอ่ มฆา่ ตนเองดว้ ย ศิลปะทเี่ รียนมาในส�ำนักของอาจารยน์ ้นั ฉนั น้นั บุคคลน้ัน บัณฑิตเรียกว่า ‘ไม่ใช่อารยชน’ เปรียบ ด้วยรองเทา้ ทีท่ ำ� ไมด่ ี ฉะนนั้ . พระราชาทรงโปรดปราน ประทานยศย่ิงใหญ่แก่ พระโพธิสัตว.์ ประชุมชาดก. ลูกศิษยใ์ นครงั้ นัน้ ไดเ้ ปน็ เทวทัต ในคร้งั น้ี สว่ นอาจารย์ คอื เราตถาคต น้ีแล. 66 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

ศิษยค์ ิดตีเสมอจารย์ จงึ ตอ้ งพบกับความพนิ าศ ๒ ๘) คตุ ติลชาดก๒๖ วา่ ด้วย ลกู ศษิ ยค์ ดิ ลา้ งครู สถานทต่ี รัส เวฬวุ ันมหาวิหาร ทรงปรารภ พระเทวทัต สาเหตทุ ่ตี รสั คร้งั นน้ั ภกิ ษุทัง้ หลายได้กล่าวกบั พระเทวทตั ว่า “ดกู อ่ นพระเทวทตั พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เปน็ อาจารย์ ของท่าน ท่านพ่ึงพาอาศัยพระพุทธองค์ ศึกษาในธรรม วนิ ัยที่พระพุทธองค์ตรสั สอน จนทำ� ฌาน ๔ (สภาวะสงบ อนั ประณตี ยงิ่ ๔ ขน้ั ) ใหเ้ กดิ ขนึ้ กแ็ ลว้ บดั นที้ า่ นจะมาทำ� ตวั เปน็ ศตั รูต่อผทู้ ่ีชอื่ ว่า ‘เป็นอาจารย์’ นนั้ ไม่สมควรเลย” พระเทวทัตฟังแล้ว ก็กลา่ วแก้เชน่ นีเ้ สมอวา่ “ดูก่อน ท่านทั้งหลาย พระสมณโคดมเป็นอาจารย์ ของเราละหรอื ในเมอื่ ธรรมวนิ ยั ทงั้ ปวง เราเรยี นดว้ ย กำ� ลงั ๒ ๖ ลต.้น๕ฉ๗บ,ับน.ช๔า๙ต๑ก,ัฏมฐมกรถ.า อรรถกถาชาดก ทุกนบิ าตชาดก, ๘. คุตตลิ 67 www.kalyanamitra.org

68 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

ของตนเองทงั้ น้นั มิใชห่ รือ ฌานทงั้ ๔ เราก็ท�ำให้เกดิ ด้วย ตนเองแทๆ้ ” เหตกุ ารณเ์ ปน็ อยา่ งนี้ กระทง่ั วนั หนงึ่ ภกิ ษทุ งั้ หลาย สนทนากันในโรงธรรมว่า “พระเทวทตั ไดบ้ อกคนื ความเปน็ ลกู ศษิ ยแ์ กพ่ ระพทุ ธ- องคเ์ สยี แลว้ หนอ มหิ นำ� ซำ�้ ยงั กลบั เปน็ ศตั รตู อ่ พระพทุ ธองค์ อกี ดว้ ย” ขณะน้ันเอง พระศาสดาเสด็จผ่านมาพอดี ทรง ปฏสิ ันถารว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอกำ� ลงั สนทนากนั ด้วย เรอ่ื งอะไรอยู่ ?” คร้ันภิกษุกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์ จงึ ตรัสวา่ “เทวทตั มิใชบ่ อกคนื อาจารย์ แลว้ มาเปน็ ศัตรูตอ่ เรา ในบดั นเี้ ท่าน้นั แมเ้ มื่อกอ่ นกเ็ คยทำ� เช่นน้ีมาแล้ว” จากนัน้ ทรงนำ� เร่ืองในอดตี มาตรสั เลา่ เน้ือหาชาดก ในอดีตกาล คร้ังเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราช- สมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี ปรากฏทารกน้อยคนหนึ่ง ๘. คตุ ตลิ 69 www.kalyanamitra.org

เกิดในตระกูลนักขับร้อง มารดาและบิดาได้ต้ังช่ือให้ว่า ‘คุตติลกมุ าร’ เมื่อกุมารเจริญวัยขึ้น ได้ศึกษาเล่าเรียนทางดนตรี การดีดสีตีเป่าอย่างช่�ำชอง จนกระทั่งได้ส�ำเร็จศิลปะ การดนตรแี ละขบั รอ้ ง ไดเ้ ปน็ ศลิ ปนิ เพลงชนั้ ยอด มชี อื่ เสยี ง กระจายกอ้ งไปทวั่ ชมพทู วปี จนไดร้ บั ขนานนามวา่ ‘คตุ ตลิ - คนธรรพ’์ ๒๗ คตุ ตลิ ะนนั้ ใชช้ วี ติ อยอู่ ยา่ งเรยี บงา่ ย ประพฤตติ นเปน็ คนโสด ไม่ยอมแต่งงานกับหญิงใด และมีความกตัญญู กตเวทีต่อพ่อแม่ยิ่งนัก แม้ภายหลังเมื่อพ่อแม่ล้มป่วย กระทั่งตาบอด คุตติละก็ยังเล้ียงดูพ่อแม่อย่างเอาใจใส่ เปน็ อยา่ งดี ในกาลนั้นเอง เหล่าพอ่ ค้าชาวพาราณสี ไดเ้ ดนิ ทาง ไปคา้ ขายสนิ ค้าทเ่ี มืองอุชเชนี ซ่งึ ก�ำลังจะจดั ใหม้ มี หรสพ การละเล่นต่างๆ ข้ึน จงึ เรยี่ ไรกนั หาดอกไมข้ องหอมและ เคร่ืองลูบไล้ ตลอดจนของขบเคี้ยวเป็นอันมาก โดยมา ประชุมกัน ณ ลานกว้าง แล้วให้จัดหาว่าจ้างนักดนตรี ชั้นยอดมาแสดงสกั คน ๒๗ คนธรรพ์คอื ชาวสวรรค์ผู้ชํานาญการดนตรีและขับร้อง 70 ศษิ ย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

ณ เมืองอุชเชนีนี้เอง ก็มีเด็กหนุ่มนักร้องช้ันน�ำ คนหนง่ึ ชอ่ื ‘มสุ ลิ ะ’ ดงั นนั้ พวกพอ่ คา้ จงึ จา้ งเขาใหม้ าขบั รอ้ ง และเลน่ ดนตรใี ห้ฟัง ในงานนี้ แม้มุสิละจะพยายามดีดพิณ ให้มีความ ไพเราะสุดฝีมือปานใดก็ตาม เสียงพิณที่มากระทบหู ของเหล่าพ่อค้านั้น ก็ปรากฏดุจดังเสียงเกาเสื่อร�ำแพน ฉะนน้ั เพราะพอ่ คา้ ชาวพาราณสที ง้ั หมด เคยไดฟ้ งั ดนตรี อันไพเราะจับจิตจับใจ จากการดีดสีของคุตติลคนธรรพ์ มาก่อนแล้ว แม้สักคนเดียว จึงไม่ได้แสดงอาการชื่นชม หรอื ชอบใจเสยี งพณิ ของมุสิละเลย มุสิละเม่ือเห็นบรรดาพ่อค้าเฉยเมย มิได้ยินดีกับ เสียงพณิ ของตน จงึ คดิ วา่ ‘เราคงจะดีดพิณท่ีขันสายตึงเกินไป พวกพ่อค้านี้ จงึ ไมส่ นใจเปน็ แน่ เราจะลดลงมาใหเ้ หลอื ระดบั ปานกลาง’ แม้มุสิละดีดพิณเสียงกลางแล้ว พวกพ่อค้าก็ยังนั่ง ฟังเฉยอยู่ เขาจึงคิดเอาเองว่า ‘พวกนคี้ งฟังดนตรไี ม่เปน็ ไม่ร้จู กั ความไพเราะของ เสยี งพณิ ’ คิดดังนั้นแล้ว มุสิละจึงแกล้งท�ำสายพิณให้หย่อน แล้วดีดพิณไปอย่างท�ำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร แต่พวกพ่อค้า กย็ ังคงเฉยเมยดงั เดมิ มไิ ด้วา่ กลา่ วอยา่ งใดเลย ๘. คตุ ตลิ 71 www.kalyanamitra.org

ในทส่ี ุด มุสลิ ะก็อดทนตอ่ ไปไมไ่ ด้ ต้องกลา่ วขึน้ วา่ “ดูก่อนพ่อค้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าได้ดีดพิณให้ฟังแล้ว แตพ่ วกท่านกน็ ัง่ นง่ิ เฉย ไม่เป็นที่พอใจละ่ หรือ ?” พวกพ่อคา้ จึงพากันตอบว่า “ก็ท่านดีดพิณประสาอะไรของท่านเล่า พวกเราฟัง แล้วมิเขา้ ใจเลยว่า ท่านขนึ้ เสียงพณิ ดีดสอี ะไรอยู่” มสุ ลิ ะโดนหมน่ิ เช่นน้นั ก็สวนคำ� ออกไปทนั ที “พวกทา่ น ไมย่ นิ ดใี นเสยี งพณิ เพราะไมร่ จู้ กั ฟงั หรอื เพราะวา่ ไดเ้ คยฟงั อาจารย์ท่เี ก่งกว่าข้าพเจา้ มาแล้ว” พวกพ่อคา้ กต็ อบตามตรงว่า “เสยี งพณิ ของทา่ นนน้ั ฟงั แลว้ เหมอื นสตรกี ลอ่ มเดก็ เม่ือเทียบกับที่พวกเราได้เคยฟังเสียงพิณของคุตติล คนธรรพ์แห่งพาราณสี” มสุ ลิ ะไดฟ้ งั ดงั นนั้ ถงึ กบั ชะงกั งนั สกั ครู่ แลว้ กลา่ ววา่ “ถ้าเช่นน้ัน พวกท่านจงรับเอาค่าจ้างท่ีให้มาคืนไป ขา้ พเจา้ ไมต่ อ้ งการคา่ จา้ งน้ี กแ็ ตว่ า่ หากพวกทา่ นจะเดนิ ทาง กลับพาราณสีเมอื่ ใด ช่วยพาขา้ พเจ้าไปดว้ ย” ดงั นน้ั เอง ในเวลากลบั พวกพอ่ คา้ จงึ พามสุ ลิ ะไปดว้ ย แล้วช่วยพาไปถึงท่ีอยู่ของคุตติลคนธรรพ์ จากน้ันพวก พ่อคา้ จึงค่อยแยกยา้ ยกลับบา้ นของตน 72 ศษิ ยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

มสุ ลิ ะกา้ วเขา้ ไปในบา้ นของคตุ ตลิ คนธรรพ์ แตไ่ มพ่ บ ใคร เห็นเพียงพิณคู่มือของคุตติละวางอยู่ จึงยกข้ึนมา ลองดีดดู เสียงพิณจึงดังกังวานขึ้น เป็นเหตุให้พ่อแม่ ผู้ตาบอดของคุตติลคนธรรพ์ กล่าวเสียงดังออกมาจาก ในหอ้ งว่า “สงสยั พวกหนู จะมากดั สายพณิ เล่นซะแลว้ ” มุสิละได้ยินดังนั้น จึงวางพิณลง แล้วเข้าไปไหว้ ท่านทั้งสอง ทักทายแนะน�ำตัวเอง บอกจุดประสงค์ ในการมาให้รู้ว่า ‘ต้องการจะขอเรียนศิลปะการดนตรี จากคุตติลคนธรรพ์’ ซึ่งขณะน้ันคุตติละ ออกไปท�ำธุระ นอกบา้ นอยู่ มุสิละจึงน่ังรอ ด้วยการพูดคุยเอาใจเป็นอย่างดี ต่อผู้เฒ่าทั้งสอง จนกระทั่งคุตติลคนธรรพ์กลับมาแล้ว จงึ ปฏสิ นั ถารบอกเหตผุ ลทตี่ นต้องการให้รบั รู้ ฝา่ ยคุตตลิ ะนน้ั ไดส้ ังเกตบคุ ลิกทา่ ทาง ลลี าอาการ จริตนิสัยของมุสิละแล้ว ให้มีความรสู้ ึกว่า ‘มุสิละ เปน็ คน ไม่ดนี กั ไมน่ ่าไว้วางใจ’ เมื่อคดิ เช่นนจี้ งึ กล่าววา่ “อยา่ เลยนะ เจ้าจงไปหาอาจารยอ์ ืน่ เถดิ ศลิ ปะของ เรานี้ ไม่เหมาะสมแก่เจ้าดอก” ๘. คตุ ติล 73 www.kalyanamitra.org

มุสิละได้ยินอย่างนั้น เห็นว่าคุตติละไม่ยอมรับตน เป็นศิษย์แน่ จึงรีบคลานไปจับเท้าพ่อแม่ทั้งสองของ คตุ ตลิ ะ ใช้มือลูบไล้ให้สงสารตน แล้วอ้อนวอนวา่ “ขอคุณพ่อคุณแม่ช่วยมีเมตตากรุณา ให้ลูกชาย ของท่านรับข้าพเจ้าเป็นศิษย์ ถ่ายทอดศิลปะ การดนตรี ให้ดว้ ยเถดิ ” เม่ือเป็นเช่นน้ี คุตติลคนธรรพ์จึงถูกพ่อแม่รบเร้า โดยการช่วยพูดจาให้แก่มุสิละ ซึ่งในท่ีสุด ก็ไม่อาจทน ขดั ใจทา่ นทง้ั สองได้ จงึ จำ� ตอ้ งยอมรบั สอนศลิ ปะการดนตรี ให้แกม่ สุ ิละ ต้ังแต่น้ันมา คุตติลคนธรรพ์ก็ถ่ายทอดวิชาดนตรี ตลอดจนน�ำพามุสิละติดตามไปในพระราชวังด้วย ท�ำให้ มุสิละพลอยคุ้นเคยกับพระเจ้าพรมหมทัตมากข้ึน และ ในการอบรม สง่ั สอนนน้ั คตุ ตลิ ะสอนวชิ า ใหท้ กุ อยา่ งทตี่ น มคี วามรูอ้ ยู่ท้ังหมด โดยไมป่ ิดบังอ�ำพรางสง่ิ ใดไวเ้ ลย จนกระทัง่ วันหนงึ่ กล่าวกบั ลูกศิษยว์ า่ “นี่แน่ะมุสิละ เจ้าได้เรียนศิลปะการดนตรีของเรา จนจบหมดสิ้นแล้ว อย่างช่�ำชอง บัดน้ีเจ้าจะท�ำอย่างไร ตอ่ ไป” มสุ ลิ ะคิดข้นึ มาในใจทนั ที 74 ศิษย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

‘ตอนนี้เราเก่งมากแล้ว กรุงพาราณสีนี้ ก็เป็น เมืองใหญ่เลอเลิศในชมพูทวีป ขณะนี้อาจารย์ก็เริ่มมี วยั ชราภาพแลว้ ฉะนน้ั เราควรจะอยู่ในเมอื งน้ีแหละ’ จงึ บอกกบั อาจารย์ว่า “ข้าพเจา้ จะรบั ราชการอยูใ่ นเมืองน้”ี คุตติลคนธรรพ์รับรู้ดังนั้น จึงไปเข้าเฝ้าพระราชา แล้วกราบทลู ใหท้ รงทราบวา่ “ลูกศิษย์ของข้าพระองค์ มีใจปรารถนาจะเข้ารับ ราชการ เพ่ือสนองพระคุณแด่พระองค์ ขอพระองค์ทรง โปรดพระกรณุ าพจิ ารณาเบย้ี หวดั ใหแ้ กเ่ ขาดว้ ย พระเจา้ ขา้ ” พระราชาทรงอนุเคราะห์ รบั ส่งั วา่ “ดแี ลว้ เราจะใหเ้ ขาไดค้ รงึ่ หนง่ึ ของเบยี้ หวดั ทท่ี า่ นได”้ คตุ ตลิ ะจงึ นำ� เรอ่ื งนก้ี ลบั มาบอก แตม่ สุ ลิ ะกลบั กลา่ ว วา่ “ข้าพเจ้าจะเข้ารับราชการ ก็ต่อเมื่อได้รับเบี้ยหวัด เทา่ กบั อาจารยเ์ ทา่ นน้ั ถ้าหากไม่ไดร้ บั เบ้ียหวัดเท่า ก็จะ ไม่ขอรับราชการเลย” “อา้ ว! เพราะเหตใุ ดกนั เล่า ?” “ก็เพราะข้าพเจ้าได้เรียนรู้ศิลปะต่างๆ เท่าที่ท่าน อาจารยม์ ีอยจู่ นหมดสิ้นแล้ว มิใชห่ รอื ?” ๘. คตุ ติล 75 www.kalyanamitra.org

“อืม! ถูกแล้ว ความรู้ของเจ้า รู้เท่าเทียมท่ีเรารู้ ท้ังหมด” มุสลิ ะจึงย�้ำคำ� หนกั แน่นว่า “ก็ในเมื่อเป็นเช่นน้ันแล้ว เหตุใดพระราชาจึง พระราชทานเบ้ียหวัดให้แก่ข้าพเจ้าเพียงคร่ึงหน่ึงของ อาจารยเ์ ล่า ?” คุตติลคนธรรพ์จึงต้องน�ำความนี้ ไปกราบทูลแด่ พระราชาอกี ครง้ั พระเจา้ พรหมทตั ไดส้ ดบั ดงั นนั้ กต็ รสั วา่ “ถ้าหากเขาสามารถแสดงศิลปะการดนตรี มีฝีมือ ทัดเทียมกับท่านได้ เราก็จะให้เบี้ยหวัดแก่เขา เท่ากับ ท่าน” เมื่อมุสิละได้รับการแจ้งบอกดังน้ันจากอาจารย์แล้ว กเ็ ขา้ เฝา้ พระราชาเพ่อื กราบทลู “ข้าพระองค์จะแสดงฝีมือ ให้พระองค์ได้ทรงทอด พระเนตรพระเจ้าข้า โดยจะขอแข่งขันกับอาจารย์ ให้ชม ในวันที่ ๗ นับแต่วนั น้ไี ป” พระเจ้าพรหมทตั ทรงทัดทานต�ำหนวิ า่ “อันการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับอาจารย์นั้น ไม่ดี ไม่สมควรเลย เจ้าคดิ จะทำ� เชน่ นน้ั จริงๆ หรือ ?” 76 ศษิ ย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

มุสิละยังคงยนื ยนั อย่างเดมิ อกี “ขา้ แตพ่ ระองค์ โปรดจดั ใหข้ า้ พระองคไ์ ดแ้ สดงฝมี อื แขง่ เทยี บกับอาจารย์ ในวนั ที่ ๗ น้นั เถิด พระองค์ จะได้ ทรงทราบความจริงวา่ ‘ฝมี อื ใครจะยอดเยย่ี มกวา่ กนั ’ ” เมอื่ เปน็ เชน่ น้ี พระเจา้ พรหมทตั จงึ รบั สงั่ ใหป้ ระกาศ ทั่วพระนครวา่ ‘ในวนั ทเ่ี จด็ นบั แตว่ นั นไ้ี ป คตุ ตลิ คนธรรพก์ บั ลกู ศษิ ย์ จะแสดงศิลปะการดนตรี แข่งขันกันที่ประตูวัง ชาวเมือง ท้งั หลายผสู้ นใจ จงมาประชมุ ฟงั การประชันดนตรเี ถดิ ’ ฝา่ ยคตุ ตลิ ะเมอ่ื ทราบขา่ วแลว้ กบ็ งั เกดิ วติ กกงั วลวา่ ‘ลกู ศษิ ยข์ องเราคนนี้ ยงั หนมุ่ แนน่ มกี ำ� ลงั แขง็ แรงอยู่ สว่ นตัวเราสแิ กช่ ราลง กำ� ลงั กายก็ถดถอย กริ ยิ า อาการ ก็ไมก่ ระฉบั กระเฉงเหมือนเก่าก่อน ในการแข่งขนั นน้ั หากลกู ศิษยแ์ พอ้ าจารย์ ย่อมไม่ แปลกประหลาดอะไร แต่ถ้าอาจารย์เกิดพ่ายแพ้ลูกศิษย์ เข้า กน็ า่ ละอายขายหนา้ ยิง่ นัก เห็นทีเราจะต้องหลบหนา้ หนีไปเสยี ในป่าคงจะดีกวา่ ’ ท่ามกลางความคิดลังเลสับสนน้ัน คุตติลคนธรรพ์ กลัวว่า อาจจะพ่ายแพ้ต้องอับอาย จึงหลบเข้าไปพักอยู่ ในป่า ๘. คุตตลิ 77 www.kalyanamitra.org

คร้ันอยู่ในป่า ก็เกรงกลัวการท�ำผิดต่อพระกระแส รบั สงั่ ของพระราชาทไ่ี ดป้ ระกาศ แลว้ จงึ กลบั มาพกั ทบ่ี า้ นอกี ซงึ่ กระทำ� การกลบั ไปกลบั มาดงั นท้ี กุ วนั จนยา่ งเขา้ วนั ที่ ๖ ด้วยอาการเรา่ รอ้ น กระวน กระวายใจ ตอนน้ันเอง ขณะได้รับทุกข์ใหญ่หลวงอยู่ในป่า ทา้ วสกั กะจอมเทพทรงรบั รู้ เหตกุ ารณน์ นั้ แลว้ จงึ เสดจ็ มา ปรากฏให้เห็นเป็นรัศมีเรืองรองสว่างไสว ตรัสกับคุตติล- คนธรรพ์ว่า “เราคือเทวดาผู้เป็นใหญ่ จะเป็นท่ีพ่ึงให้แก่ท่าน ท่าน จงบอกความทกุ ขใ์ ห้เราฟงั แล้วเราจะชว่ ยทา่ นได”้ คตุ ตลิ ะยนิ ดยี ่ิงนกั รับกม้ ลงกราบแล้วเอ่ยวา่ “ข้าพระองค์ได้สอนศิษย์ชื่อ ‘มุสิละ’ ให้เรียนวิชา ดดี พณิ ๗ สาย จนกระท่ังเขาสามารถดีดพิณ ให้มเี สยี ง ไพเราะ จับจิต จับใจคนฟัง แต่แล้วเขากลับมาขันดดี พิณ แข่งสู้กับข้าพระองค์ ข้าแต่ท่านจอมเทพ พระองค์โปรด เปน็ ทพ่ี ึง่ ให้แก่ข้าพระองคด์ ้วยเถดิ ” ทา้ วสกั กะทรงสดบั แลว้ ชว่ ยตรสั ปลอบประโลมใจวา่ “อยา่ กลวั ไปเลย เราจะเปน็ ทพ่ี งึ่ ของทา่ น จะชว่ ยเหลอื ท่านเอง เพราะเราเป็นผู้บูชาคุณของอาจารย์ ฉะน้ัน ศิษย์จะไม่ชนะท่านได้หรอก แตท่ ่านจะชนะศษิ ย”์ 78 ศิษย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

แลว้ ท้าวสกั กะกท็ รงแนะน�ำวิธีการตา่ งๆ ทงั้ ยังมอบ ห่วงทองค�ำให้อีก ๓ ห่วง เพ่ือใช้ในการแข่งขัน ก่อนจะ เสดจ็ จากไป ไดต้ รัสยำ้� ไว้อีก “ท่านจงกลับไปพักทบ่ี ้านเถดิ ทำ� ใจใหส้ งบ อย่าได้ กงั วลหวน่ั เกรงใดๆ อกี เลย” คร้ันถึงเวลาเช้าวันรุ่งขึ้น พระราชาเสด็จลงจาก ปราสาท แลว้ ประทบั นงั่ กลางบลั ลงั ก์ ณ มณฑป ทปี่ ระดบั ประดาไว้ใกล้ประตูพระราชวัง เหล่าอ�ำมาตย์และสตรี อกี หน่งึ หม่นื นาง พราหมณ์ ชาวเมอื ง ตา่ งมาร่วมชุมนมุ กนั คับคัง่ เช้าน้ีคุตติลคนธรรพ์อาบน้�ำลูบไล้กายแล้ว บริโภค อาหารรสเลิศต่างๆ จากน้ันก็ถือพิณคู่มือ ออกจากบ้าน ตรงไปยังท่ีนง่ั ของตนทีเ่ ขาจดั ไว้ สว่ นมสุ ลิ ะนนั้ ไดม้ านงั่ รออยกู่ อ่ นแลว้ โดยมหี มมู่ หาชน ทัง้ มวลแวดลอ้ มมงุ ดูแนน่ ขนัด พอถึงเวลา ทง้ั สองก็ประชนั ดีดพิณทนั ที แสดงฝีมอื อย่างทัดเทียมกัน จนท�ำให้มหาชนโห่ร้อง ยินดีกับการ บรรเลงอนั ไพเราะน้นั เม่ือฝีมือเสมอกัน คุตติลคนธรรพ์จึงท�ำตามที่ท้าว สกั กะจอมเทพทรงบอกได้ โดยเดด็ พิณสายที่ ๑ ทิง้ ไป ๘. คุตติล 79 www.kalyanamitra.org

เม่ือมุสิละเห็นดังนั้น จึงปลดสายพิณสายท่ี ๑ ของตนออกไปบ้าง แล้วทำ� การบรรเลงพิณแข่งกนั อีก ครานี้ เสยี งพณิ ของคตุ ตลิ ะยงั คงเหมอื นเดมิ แตเ่ สยี ง พิณของมสุ ลิ ะเรม่ิ ลดหายไป ตอนนเ้ี องคุตตลิ ะกเ็ ด็ดสายพณิ สายที่ ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ ทงิ้ ไปอกี เป็นลำ� ดับ ซ่ึงมสุ ิละกท็ ำ� ตามเช่นกัน แต่เสียงพิณของคุตติละน้ัน แม้เหลือเพียงคันพิณ เปล่าๆ กย็ ังคงดังกงั วานก้องไปทวั่ พระนคร ส่วนเสียงพิณของมุสิละค่อยๆ มีเสียงลดน้อยลง จนเม่ือเหลือคนั พิณเปล่า ก็ไรเ้ สียงโดยสิ้นเชิง และแลว้ เสยี งโหร่ อ้ งและธงกโ็ บกสะบดั ขนึ้ ทกุ ทศิ ทาง คตุ ตลิ คนธรรพเ์ หน็ เปน็ โอกาสเหมาะแลว้ จงึ โยนหว่ งทอง ที่ ๑ ข้ึนไปในอากาศ ทันใดน้ัน นางอัปสร ๓๐๐ นาง กป็ รากฏ ออกมาขับฟ้อน เมอื่ โยนหว่ งทองที่ ๒ นางอปั สรอกี ๓๐๐ นาง กล็ อย มาฟ้อนร�ำเบือ้ งหน้า พณิ ของคุตตลิ คนธรรพ์ คร้ันโยนห่วงที่ ๓ นางอปั สรอกี ๓๐๐ นาง ก็ลงมา ฟอ้ นร�ำ ตอ่ หน้าผู้คนทงั้ หลาย บนลานแขง่ ขนั น้นั นั่นคอื ความพ่ายแพต้ กอยกู่ ับมุสิละ อยา่ งเดด็ ขาดชัดเจนแล้ว เมอ่ื ผลออกมาเชน่ นี้ ฝงู ชนกพ็ ากนั ลกุ ฮอื ขน้ึ สง่ เสยี ง ดุดา่ คกุ คามมสุ ิละอยา่ งรนุ แรง 80 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

“เจ้ากล้าแข็งข้อกับอาจารย์ อวดเก่งท�ำตัวตีเสมอ อาจารย์ ไมเ่ คารพอาจารย์ ไมร่ ู้จกั ประมาณตน” จากน้ันก็ขว้างก้อนดิน ก้อนหิน ท่อนไม้ ใส่มุสิละ มากมายท�ำใหถ้ ึงตายได้ ส่วนคุตติลคนธรรพ์นั้น ทั้งพระราชาและชาวเมือง พากนั โยนทรพั ยใ์ หม้ ากมาย ดจุ ฝนลกู เหบ็ โปรยปรายลงมา แล้วพากนั ยกยอ่ งสรรเสริญในฝมี ือดนตรีของคตุ ติละว่า ‘เป็นเลิศยอดเยี่ยมกว่าใครๆ ในชมพูทวีป อีกทั้ง พรรณนาถงึ ศลี และคณุ ธรรมอนั ดงี ามของคตุ ตลิ คนธรรพ์ ที่มีความกตัญญกู ตเวทตี อ่ พ่อแม่ ผู้มพี ระคณุ ด้วย’ ประชุมชาดก มุสลิ ะในครั้งน้ัน คอื พระเทวทัตในบดั น้ี ท้าวสักกะ คือ พระอนรุ ธุ ในบัดน้ี พระเจา้ พรหมทตั คอื พระอานนท์ในบดั นี้ สว่ นคตุ ติลคนธรรพ ์ คอื เราตถาคต ๘. คตุ ติล 81 www.kalyanamitra.org

82 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

วิธีสอนศษิ ย์ถือดีอวดตัว ๙) มูลปริยายชาดก๒๘ ว่าดว้ ย กาลเวลากนิ สตั วพ์ รอ้ มทั้งตัวเอง สถานท่ีตรัส ณ สภุ ควนั อาศัยอกุ กฏั ฐธานี ทรงปรารภ มูลปริยายสูตร สาเหตุทต่ี รัส ไดย้ นิ วา่ ในกาลนน้ั มพี ราหมณ์ ๕๐๐ จบไตรเพทแลว้ ออกบวชในพระศาสดา เรียนพระไตรปิฎก เป็นผู้มัวเมา ด้วยความทะนงตน คิดว่า ‘พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้ พระไตรปิฎก แม้เราก็รู้พระไตรปิฎก เมื่อเป็นอย่างนี้ เรากับพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ จะตา่ งกนั อยา่ งไร ?’ จึงไมไ่ ปเฝ้าพระพทุ ธเจ้า ตงั้ ตนเป็นปฏิปกั ษ.์ อยู่มาวันหน่ึง พระศาสดา เมื่อภิกษุเหล่านั้น ประชุมกันในส�ำนักของพระองค์ ตรัสมูลปริยายสูตร ประดับด้วยภมู ิ ๘. ๒ ๘ ลต.้น๕ฉ๗บ,บั น.ช๕า๐ต๒ก,ฏั มฐกมถร.า อรรถกถาชาดก ทุกนบิ าตชาดก, ๙. มลู ปริยาย 83 www.kalyanamitra.org

ภกิ ษุเหล่านัน้ ก�ำหนดอะไรไม่ได้ จึงมคี วามคิดว่า ‘พวกเราทะนงตนว่า ไม่มีใครฉลาดเท่ากับพวกเรา แต่บัดนี้พวกเราไม่รู้อะไรเลย ช่ือว่าผู้ฉลาดเช่นกับ พระพุทธเจ้าย่อมไมม่ ี ชอื่ วา่ พระพุทธคุณนา่ อัศจรรย์.’ ต้ังแต่นั้นมา ภิกษุเหล่านั้นก็หมดความทะนงตน ส้ินความหลงผิด ดังงพู ษิ ทถี่ กู ถอนเข้ยี วแลว้ ฉะนน้ั . พระศาสดาประทบั อยู่ ณ อกุ กฏั ฐธานี ตามพระสำ� ราญ แล้วเสด็จไปกรุงเวสาลี ตรัสโคตมกสูตรที่โคตมกเจดีย์ ทง้ั หมน่ื โลกธาตหุ วนั่ ไหวแลว้ ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ ฟงั โคตมกสตู ร นั้นแล้ว ได้บรรลุพระอรหัต. เม่ือจบมูลปริยายสูตร พระศาสดายังประทบั อยู่ ณ อุกกฏั ฐธานีน่นั เอง ภิกษทุ ้ังหลายประชมุ สนทนากันในโรงธรรมวา่ “อาวุโสทงั้ หลาย น่าอศั จรรย์ พระพทุ ธานภุ าพ พระ ผู้มีพระภาคเจ้าทรงท�ำให้ภิกษุเหล่าน้ัน เป็นพราหมณ์ ออกบวช มัวเมาด้วยความทะนงตนอย่างนน้ั หมดความ ทะนงตน ด้วยมูลปรยิ ายเทศนา.” พระศาสดาเสด็จมาตรสั ถามว่า “ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากัน ด้วยเร่ืองอะไร ?” เมอื่ ภกิ ษเุ หลา่ นน้ั กราบทลู ใหท้ รงทราบแลว้ จงึ ตรสั วา่ 84 ศษิ ยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

“ดกู อ่ นภกิ ษทุ งั้ หลาย มใิ ชใ่ นบดั นเ้ี ทา่ นน้ั แมเ้ มอ่ื กอ่ น เราก็ได้ท�ำภิกษุเหล่าน้ันผู้มีหัวรุนแรงด้วยความทะนงตน ใหห้ มดความทะนงตนแลว้ .” ทรงนำ� เรื่องอดีตมาตรสั เล่า. เนื้อหาชาดก ในอดตี กาล ครงั้ พระเจา้ พรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยู่ ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ คร้ันเจริญวัยส�ำเร็จไตรเพท เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ สอนมนต์ แก่มาณพ ๕๐๐. มาณพท้ัง ๕๐๐ นั้น คร้ันเรียนจบศิลปะ ผ่านการ ซักซ้อมสอบทานในศิลปะท้ังหลายแล้ว เกิดกระด้างด้วย ความทะนงตนว่า ‘พวกเรารเู้ ทา่ ใด แมอ้ าจารย์กร็ ้เู ท่าน้นั เหมือนกัน ไม่มีความพิเศษกว่ากัน’ ไม่ไปส�ำนักอาจารย์ ไมก่ ระท�ำวัตรปฏิบตั ิ. ครนั้ วนั หนง่ึ เมอ่ื อาจารยน์ งั่ อยโู่ คนตน้ พทุ รา มาณพ เหล่านั้น ประสงค์จะดูหมิ่นอาจารย์ จึงเอาเล็บมือเคาะ ต้นพุทราพูดวา่ “ตน้ ไมน้ ีไ่ ม่มีแกน่ .” พระโพธสิ ตั วก์ ร็ วู้ า่ ‘ดหู มนิ่ ตน’ จงึ กลา่ วกะอนั เตวาสกิ วา่ “เราจกั ถามปัญหาพวกท่านข้อหนงึ่ .” ๙. มลู ปรยิ าย 85 www.kalyanamitra.org

มาณพเหลา่ นนั้ ต่างดีอกดใี จกล่าววา่ “จงถามมาเถดิ พวกผมจกั แก้.” อาจารย์ เม่ือจะถามปญั หา ไดก้ ลา่ วคาถาแรกวา่ :- กาลย่อมกนิ สตั ว์ทงั้ ปวงกับทั้งตัวเองด้วย กผ็ ้ใู ดกนิ กาล ผ้นู ั้นเผาตัณหาทเี่ ผาสัตว์ไดแ้ ล้ว. พวกมาณพเหล่านัน้ ฟังปญั หานี้แลว้ ไมม่ ผี สู้ ามารถ จะรูไ้ ด้แม้คนเดียว. ลำ� ดบั นนั้ พระโพธสิ ตั วจ์ งึ กลา่ วกะมาณพเหลา่ นนั้ วา่ “พวกท่านอย่าได้เข้าใจว่า ปัญหานี้มีอยู่ในไตรเพท พวกท่านส�ำคัญว่า ‘อาจารย์รู้สิ่งใด เราก็รู้ส่ิงนั้นทั้งหมด’ จึงได้เปรียบเราเช่นกับด้วยต้นพุทรา พวกท่านมิได้รู้ว่า ‘เรารู้สิ่งที่พวกท่านยังไม่รู้อีกมาก’ จงไปเถิด เราให้เวลา ๗ วนั จงช่วยกันคิดปัญหาน้ีตามกาลกำ� หนด.” มาณพเหล่านั้นไหว้พระโพธิสัตว์ แล้วกลับไปยัง ทอี่ ยขู่ องตน แม้คดิ กนั ตลอด ๗ วนั กม็ ไิ ดเ้ หน็ ทสี่ ุด มิได้ เห็นเงือ่ นง�ำแหง่ ปญั หา. ครั้นวันท่ี ๗ จงึ พากันมาหาอาจารย์ไหว้แลว้ น่งั ลง เมื่ออาจารยถ์ ามว่า 86 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

“พวกท่านมีหนา้ ตาเบกิ บาน รปู้ ัญหานหี้ รอื ?” กลา่ ววา่ “ยงั ไม่รู้.” พระโพธิสัตว์ เมื่อจะต�ำหนิมาณพเหล่านั้นอีก จึงกล่าวคาถาที่ ๒ วา่ :- ศีรษะของนรชนปรากฏว่า มีมาก มีผมด�ำ ยาว ปกคลมุ ถงึ คอ บรรดาคนทั้งหลายน้ี จะหาคนท่ีมีปัญญาสักคน ก็ไมไ่ ด้. พระโพธสิ ตั วต์ เิ ตยี นพวกมาณพเหล่านนั้ วา่ “พวกท่านเปน็ คนโง่ มแี ต่ช่องหเู ท่านนั้ ไม่มีปญั ญา” ฉะน้แี ลว้ จึงแก้ปัญหา มาณพเหลา่ น้นั ฟงั แลว้ กลา่ วว่า “ธรรมดาอาจารยเ์ ป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างน่าอัศจรรย์” ขอขมาอาจารย์แล้ว ต่างก็หมดความทะนงตน ปรนนิบัติพระโพธิสตั ว์ตามเดิม. ประชมุ ชาดก. มาณพทงั้ ๕๐๐ ในคร้งั นน้ั ได้เปน็ ภกิ ษเุ หลา่ นี้ ส่วนอาจารย์ คือ เราตถาคต. ๙. มูลปรยิ าย 87 www.kalyanamitra.org

88 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

อาจารย์สอนวิธพี จิ ารณาใหล้ ูกศิษย์ เหมอื นกันท้ังอดตี และปัจจบุ ัน ๑๐) สาธุศลี ชาดก๒๙ วา่ ดว้ ย เลอื กเอาผมู้ ศี ลี สถานที่ตรัส พระเชตวันมหาวหิ าร ทรงปรารภ พราหมณค์ นหนงึ่ สาเหตุที่ตรัส ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นมีลูกสาวส่ีคน. มีชายสี่คน ต้องการลูกสาวเหล่านัน้ . ในชายส่ีคนน้ัน คนหนง่ึ รูปงาม ร่างกายสมบูรณ์ คนหนึ่งอายุมากเป็นผู้ใหญ่ คนหนึ่ง สมบรู ณ์ดว้ ยชาติ คนหน่ึงมีศีล. พราหมณ์คดิ วา่ ‘เมอ่ื จะปลกู ฝังลกู สาว ควรจะใหแ้ ก่ ใครหนอ ? ควรใหแ้ กค่ นรปู งามหรอื คนมอี ายุ คนสมบรู ณ์ ดว้ ยชาติ และคนมีศลี คนใดคนหนง่ึ ดี’ ๒๙ ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาชาดก ทุกนิบาตชาดก, 89 ล.๕๗, น.๒๗๑, มมร. ๑๐. สาธุศีล www.kalyanamitra.org

แมเ้ ขาจะพยายามคิด กไ็ มร่ ู้แน่ จงึ คดิ วา่ ‘พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ จกั ทรงทราบเหตนุ ี้ เราจักทูล ถามพระองค์ แล้วยกลูกสาวให้แก่ผู้ท่ีสมควร ในระหว่าง คนเหลา่ นั้น’ จึงได้ถือของหอมดอกไม้เป็นต้น ไปวิหาร ถวาย บังคมพระศาสดา นั่ง ณ ส่วนหน่ึง กราบทูลความนั้น แด่พระผ้มู ีพระภาคเจา้ ตง้ั แต่ตน้ แล้วทูลถามวา่ “ขา้ แตพ่ ระองค์ ควรจะใหแ้ กใ่ ครในชายทง้ั สเ่ี หลา่ น.ี้ ” พระศาสดาตรัสว่า “แต่ปางก่อน บัณฑิตทั้งหลายก็ยังถามปัญหาน้ี แก่พระองค์ แต่เพราะยังอยู่ในหัวเล้ียวหัวต่อของภพ จงึ ไม่อาจจดจำ� ได”้ เมื่อพราหมณ์ทูลอาราธนา จึงทรงน�ำเร่ืองอดีตมา ตรสั เล่า. เนื้อหาชาดก ในอดตี กาล ครงั้ พระเจา้ พรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยู่ ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ เรียนศิลปะในเมืองตักกสิลา แล้วได้มาเป็นอาจารย์ทิศา- ปาโมกข์ในกรุงตักกสิลา. 90 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

ครงั้ นัน้ พราหมณ์มลี กู สาวสีค่ น มชี ายสี่คนตอ้ งการ ลูกสาวเหลา่ นน้ั พราหมณ์ร�ำพึงวา่ ‘จะควรใหแ้ กใ่ คร ?’ เมอื่ ไมแ่ นใ่ จจงึ คดิ วา่ ‘เราจะตอ้ งถามอาจารย์ แลว้ ให้ แก่ผู้ท่ีควรให้’ จึงไปหาอาจารย์ เมื่อจะถามเรื่องน้ัน จึงกลา่ วคาถาแรกวา่ :- เราขอถามทา่ นพราหมณ์วา่ ๑. คนมรี ูปงาม ๒. คนอายุมาก ๓. คนมชี าตสิ ูง ๔. คนมีศีล สีค่ นนนั้ ท่านจะเลือกเอาคนไหน ? อาจารยฟ์ ังพราหมณ์นัน้ แลว้ จึงตอบวา่ “คนมีศีลวิบัติแล้ว แม้เม่ือมีรูปสมบัติก็น่าต�ำหนิ เพราะฉะน้ัน รูปสมบัติหาเป็นประมาณไม่ เราชอบ ความเป็น ผมู้ ศี ีล.” เมอ่ื จะประกาศความน้ี จงึ กลา่ วคาถาท่ี ๒ วา่ :- ประโยชนใ์ นร่างกายกม็ ีอยู่ ขา้ พเจา้ ขอทำ� ความนอบนอ้ มตอ่ ท่านผ้เู จริญวยั ประโยชนใ์ นชาติดกี ม็ อี ยู่ แตเ่ ราชอบใจศีล. ๑๐. สาธศุ ีล 91 www.kalyanamitra.org

พราหมณ์ฟังค�ำของอาจารย์แล้ว ก็ยกลูกสาวให้แก่ คนมีศีลอย่างเดยี ว. พระศาสดานำ� พระธรรมเทศนานมี้ าแลว้ ทรงประกาศ สจั ธรรม เมอื่ จบสจั ธรรม พราหมณต์ ั้งอยใู่ นโสดาปตั ตผิ ล. ประชุมชาดก. พราหมณใ์ นครงั้ น้ัน ไดเ้ ปน็ พราหมณ์ผูน้ ี้แหละ สว่ นอาจารยท์ ิศาปาโมกข์ คอื เราตถาคต. 92 ศิษย์อาจารย์ www.kalyanamitra.org

อาจารย์สอนวิธีแกป้ ัญหาในครอบครัว ๑ ๑๑) อนภิรตชิ าดก๓๐ ว่าดว้ ย จติ ขนุ่ มวั -ไมข่ นุ่ มวั สถานที่ตรสั พระเชตวันมหาวหิ าร ทรงปรารภ กุมารพราหมณ์คนหน่งึ สาเหตทุ ีต่ รัส ในกรุงสาวัตถี มีกุมารพราหมณ์คนหน่ึงเรียนจบ ไตรเพท สอนมนต์พวกกุมาร กษัตริย์และกมุ ารพราหมณ์ เปน็ อันมาก. ตอ่ มาเขาอยคู่ รอบครองเรือน ตกอยู่ในอำ� นาจราคะ โทสะ โมหะ คิดแต่เร่ืองผ้า เคร่ืองประดับ ทาส ทาสี นา สวน โค กระบอื บุตรและภรรยาเป็นตน้ จงึ มีจิตขุ่นมัว ไมอ่ าจสอบทานมนตโ์ ดยลำ� ดบั ได้ มนตท์ ง้ั หลายเลอะเลอื น ไปท้ังขา้ งหนา้ ข้างหลงั . วันหน่ึง เขาถือของหอมและดอกไม้ เป็นต้น หลายอย่างไปพระเชตวัน บูชาพระศาสดา ถวายบังคม แลว้ น่งั ณ สว่ นหน่ึง. ๓๐ ลต.้น๕ฉ๗บ,บั น.ช๑า๙ต๖ก,ฏั มฐมกรถ.า อรรถกถาชาดก ทกุ นบิ าตชาดก, ๑๑. อนภริ ติ 93 www.kalyanamitra.org

94 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

พระศาสดาทรงทำ� ปฏสิ นั ถารกบั เขา แลว้ ตรสั ถามวา่ “ดกู อ่ นมาณพ เธอยงั สอนมนตอ์ ยหู่ รอื มนตข์ องเธอ ยงั คล่องอยหู่ รือ ?” กราบทูลว่า “ขา้ แตพ่ ระองค์ เมอ่ื กอ่ นมนตข์ องขา้ พระองคย์ งั คลอ่ ง ดีอยู่ ตั้งแต่ข้าพระองค์ครองฆราวาส จิตของข้าพระองค์ ขนุ่ มวั ดว้ ยเหตนุ นั้ มนตข์ องขา้ พระองคจ์ งึ ไมค่ ลอ่ งแคลว่ .” ล�ำดับนั้น พระศาสดาตรสั กะเขาวา่ “ดูก่อนมาณพ มิใช่แต่เวลาน้ีเท่าน้ัน แม้เม่ือก่อน มนต์ของเธอคล่องแคล่ว ในเวลาจิตของเธอไม่ขุ่นมัว แต่ในเวลาที่จิตขุ่นมัวด้วยราคะเป็นต้น มนต์ของเธอ กเ็ ลอะเลือน.” เมื่อเขาทูลอาราธนา จึงทรงนำ� เร่ืองอดตี มาตรัสเลา่ . เน้ือหาชาดก ในอดตี กาล ครง้ั พระเจา้ พรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยู่ ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มหาศาล คร้ันเจริญวัย ได้ไปเรียนมนต์ในเมืองตักกสิลา เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ สอนมนต์กะขัตติยกุมารและ พรหมณกมุ ารเปน็ อนั มากในกรุงพาราณสี. ๑๑. อนภิรติ 95 www.kalyanamitra.org

พราหมณม์ าณพคนหนง่ึ ในสำ� นกั ของพระโพธสิ ตั วน์ นั้ ได้ศึกษาไตรเพทจนช�ำนาญ แม้แต่บทเดียวก็ไม่มีสงสัย ได้เป็นอาจารย์สอนมนต.์ ต่อมา พราหมณ์มาณพอยคู่ รองฆราวาส กลบั มจี ติ ขนุ่ มวั ไมส่ ามารถรา่ ยมนตไ์ ด้ เพราะคดิ แตก่ ารครองเรอื น. ครนั้ อาจารย์ถามวา่ “มาณพ มนตข์ องทา่ นยงั คลอ่ งแคล่วอยู่หรอื ?” เมือ่ เขาตอบวา่ “ตงั้ แตค่ รองฆราวาส จติ ของขา้ พเจา้ ขนุ่ มวั ไมส่ ามารถ ร่ายมนต์ได้” จงึ กล่าวว่า “เมอ่ื จติ ขนุ่ มวั แลว้ มนตท์ เี่ รยี นแมเ้ ชยี่ วชาญกเ็ ลอื นได้ แตเ่ มอื่ จติ ไม่ขุน่ มัว จะไมม่ ีเลอะเลือนเลย” แล้วกล่าวคาถาสองคาถาวา่ :- เม่ือน้�ำขุ่นมัว ไม่ใส บุคคลย่อมไม่แลเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และฝูงปลาฉนั ใด เมื่อจิตขุ่นมัว บุคคลก็ย่อมไม่เห็นประโยชน์ตนและ ประโยชน์ผอู้ ื่นฉันน้นั . เม่ือน้�ำไม่ขุ่น ใสบริสุทธิ์ บุคคลย่อมเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทรายและฝูงปลาฉนั ใด 96 ศษิ ยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

เม่ือจิตไม่ขุ่นมัว บุคคลย่อมเห็นประโยชน์ตนและ ประโยชน์ผู้อน่ื ฉนั น้นั . พระศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนาน้ีมาแล้ว ทรง ประกาศอรยิ สัจ ทรงประชมุ ชาดก เมอื่ จบอรยิ สจั พราหมณก์ มุ ารตงั้ อยใู่ นโสดาปตั ตผิ ล. ประชุมชาดก มาณพในคร้งั นัน้ ไดเ้ ปน็ มาณพน้แี ล ในครง้ั นี้ สว่ นอาจารย ์ คอื เราตถาคต น้ีแล. ๑๑. อนภิรติ 97 www.kalyanamitra.org

98 ศิษยอ์ าจารย์ www.kalyanamitra.org

อาจารยส์ อนวิธแี ก้ปัญหาในครอบครวั ๒ ๑๒) อนภริ ติชาดก๓๑ ว่าดว้ ย เปรยี บหญงิ เหมือนของ ๕ อยา่ ง สถานท่ตี รัส พระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภ อบุ าสกอกี คนหนง่ึ ทม่ี ีภรรยาคบชู้ สาเหตทุ ่ตี รัส มีเรื่องเล่ามาว่า อุบาสกคนนั้นเห็นพฤติกรรมของ ภรรยาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เขาจึงเฝ้าคอยจับตา สงั เกตจนทราบวา่ ‘ภรรยาคบช’ู้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ทงั้ แคน้ และเสียใจอย่างยิ่ง สภาพจิตใจของเขามีท้ังความอึดอัด เศร้าหมอง วติ กกงั วลและขนุ่ มวั อยตู่ ลอดเวลา เพราะความทุกข์ดังกล่าว เขาจึงไม่ได้ไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้านานถึง ๑ สปั ดาห์ วนั หนึ่ง เขาไมส่ ามารถทนต่อความทกุ ขท์ ม่ี ากดดนั จงึ ถอื เครอื่ งสกั การะมขี องหอมและดอกไมเ้ ปน็ ตน้ ไปถวาย บังคมพระพทุ ธเจา้ แลว้ น่งั อยู่ ณ ทใ่ี กล้ ๓ ๑ ลต.น้ ๕ฉ๖บ, บั นช.๑า๔ตก๒ัฏ, ฐมกมถรา. อรรถกถาชาดก เอกนิบาตชาดก, ๑๒. อนภิรติ 99 www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook