๖ หอ้ งภาพราชดำเนนิ เม่ือผู้เข้าชมเพลิดเพลินไปกับ การถ่ายภาพจากร้านตัดผม ร้านตัดเส้ือ และร้านจำหน่ายนิตยสาร สามารถเลือก กดปุ่มเพื่อส่ังพิมพ์ภาพ โดยสามารถรับ ภ า พ ที่ น่ า ป ร ะ ทั บ ใ จ ไ ด้ ที่ มุ ม รั บ ภ า พ เพือ่ เกบ็ ไวเ้ ป็นทีร่ ะลึก 247
ผู้เขา้ ชมสามารถกดเลอื กรบั ฟัง เพลงภาษาองั กฤษและเพลงไทย ท่ีได้รับความนยิ มในหมู่คนไทย ในช่วงทศวรรษท่ี ๑๙๖๐ เปน็ ต้นมา 248
๖ สภากาแฟ… แหลง่ ชุมนมุ คนช่างคิด การดม่ื กาแฟแพร่หลายในสังคมไทยช่วงรัชกาลที่ ๗ เปน็ ตน้ มา และเปน็ ยคุ สมยั ทเี่ รม่ิ ปรากฏวา่ ร้านกาแฟซงึ่ ไดถ้ กู เรียกขานในหมู่ผู้นิยมด่ืมกาแฟว่า “สภากาแฟ” อันเป็น สถานที่ซ่ึงผู้คนมานั่งพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกัน และกลายเป็นคำท่ีติดอยู่ในสังคมไทยจนถึงปัจจบุ นั 249
จอวีดทิ ศั น์ จดั แสดงตวั อยา่ ง โรงภาพยนตร์ “เฉลิมรตั น”์ โปสเตอร์โฆษณาภาพยนตร์ไทย จำลองบรรยากาศโรงภาพยนตร์ ท่ไี ด้รบั ความนิยมในอดตี ทถี่ ือวา่ ทนั สมยั ในอดีต 250 โรงภาพยนตร์...มหรสพบนจอเงนิ นบั ตงั้ แตส่ มยั รชั กาลท่ี ๗ เปน็ ตน้ มา ภาพยนตรจ์ ดั เปน็ มหรสพรปู แบบใหม่ ท่ีได้รับความนิยมในหมู่คนไทย จึงมีโรงภาพยนตร์กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ มากกว่า ๒๐ โรง อยา่ งไรกต็ าม โรงภาพยนตรส์ มัยแรกมกั มขี นาดเลก็ เปน็ อาคารไม้ หลงั คา มุงสังกะสี ไม่มีโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานและสวยงามเป็นศรีสง่า แกบ่ า้ นเมอื ง เมอ่ื จะมกี ารฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มี การหารอื กนั ในคณะรฐั บาลเพอ่ื จดั สรา้ งถาวรวัตถุขนาดใหญ่ ซ่ึงสามารถอำนวย สาธารณประโยชน์ รัชกาลที่ ๗ มีพระราชดำริว่าสิ่งบันเทิงท่ีเฟื่องฟูมากที่สุดในโลก ยคุ นน้ั คอื ภาพยนตร์ จงึ พระราชทานพระราชทรัพย์สว่ นพระองคก์ วา่ ๙ ลา้ นบาท เพ่ือสร้างโรงภาพยนตร์ที่มีลักษณะภูมิฐาน เป็นท่ีเชิดหน้าชูตาของประเทศได ้ โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ มอ่ มเจ้าสมัยเฉลมิ กฤดากร สถาปนกิ ผสู้ ำเรจ็ การศึกษาจากประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง และพระราชทานนามโรงมหรสพเพ่ือเป็นเกียรติแก่ผู้ออกแบบและเป็นอนุสรณ์ แห่งงานฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี ว่า ศาลาเฉลมิ กรุง
๖ บรรยากาศภายนอกศาลาเฉลมิ กรงุ เมื่อสมยั แรกมกี ารฉายภาพยนตร์ ศ า ล า เ ฉ ลิ ม ก รุ ง เ ป็ น อ า ค า ร รูปสี่เหล่ียมสูงตระหง่านมั่นคง ภูมิฐาน ตามแบบตะวันตก โครงสร้างแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้ดี ด้วยการใช้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยไม่มีเสาบังตา การออกแบบตกแต่งภายในงดงามด้วย ศิลปะไทยสอดผสานกับศิลปะตะวันตก มรี ะบบปิด - เปิดมา่ นอัตโนมตั ิ และเป็น โรงมหรสพแห่งแรกของไทยที่มีการใช้ เครอ่ื งปรบั อากาศ นอกจากนั้นยังจัดฉาย ภาพยนตร์ชั้นดี โดยเฉพาะภาพยนตร ์ ตา่ งประเทศเสยี งในฟิลม์ ศาลาเฉลิมกรุงสมัยแรกเร่ิมจึงเป็น ท่ีชุมนุมของคนมีการศึกษาดีและผู้ท่ีจบ การศึกษามาจากตา่ งประเทศ 251
๗ ภาพยนตร์...ส่ือสะทอ้ นสังคมรว่ มสมยั ปัจจุบัน วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย ท่ีสอด ประสานอย่างเหมาะสมและกลมกลืนกับธรรมชาต ิ ดังเช่นอดีตที่ผ่านมา เกิดการเปล่ียนแปลงระลอกใหญ่ ด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ท่ีถาโถมผลักดันให้คนไทยพยายามดิ้นรนแหวกว่ายไปสู่ นิยามของความสำเร็จสมัยใหม่ ซ่ึงมีปลายทางอยู่ท ่ี ความพรั่งพร้อมบริบูรณ์ทางวตั ถุ ซึ่งสังคมโลกไร้พรมแดน ทกุ วันนีถ้ อื เปน็ แกนหลักของชวี ิต 252
วันที่ความเร่งรีบวิ่งแซงไฟเขียว วันที่วัตถุบอกความฉลาดเฉลียว อยากให้เหลียวย้อนมองผู้คน ความเร่งรบี สอนใหเ้ ราไม่เปน็ ผเู้ ป็นคน วันที่โลกใหญ่เท่าเดิมแต่มันแคบลง วันท่ีการเขียนรายงานไม่ต้องคัดตัวบรรจง สมมติว่า อยากชวนสาวดูอาทิตย์อัสดง ยกไอโฟนขึ้นถ่ายคลิปแล้วโหลดลง วีมิโอ เฟสบุ๊ค จนกระท่ังยูทูบ หนังสือพิมพอ์ ่านไม่ได้ยกมือถอื อ่านสกูป๊ สนุกสนานทุกทีด้วยเทคโนโลย ี คดิ ถึงกนั เมอื่ ไหร่ลงรถเมล์ตอ่ เอม็ อารท์ ี เพราะโลกรวดเรว็ ด้วยระบบต่างๆ นานา แม้อยู่กันไกลแค่ไหน ก็ยังสามารถสบตา ส่งข่าวสารบ้านเมืองผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส ์ ผ่านปัจจัยผ่านเม็ดเงินจนผ่านวิกฤต เป็นข้อคิดแม้โลกหมุนเร็วเท่าเดิมตลอดมา แต่ความรวดเร็ว เพ่ิมขน้ึ ทกุ การขยบั เข็มนาฬิกา มีทอ้ งฟา้ มพี ื้นดิน ที่ยงั เปน็ ปกึ แผ่น เพราะเม่ือก่อนไม่มีใครเชอื่ ว่ามนษุ ย์ จะบินไดเ้ หมอื นนางแอน่ เม่ือเข้าสู่โรงภาพยนตร์ จะได้รับชมวีดิทัศน์สะท้อนสภาพสังคมปจั จุบัน ประกอบเพลงทขี่ ับรอ้ งโดยณัฐวุฒิ ศรหี มอก หรือ กอลฟ์ สิงห์เหนือ นักร้องแนวฮิปฮอปท่มี ชี ่อื เสียงของเมืองไทย 253
๘ จำลองบรรยากาศภายใน หอ้ งโดยสารของขบวนรถไฟฟา้ 254 พรอ้ มฉายวดี ทิ ัศนป์ ลูกจติ สำนึก ใหค้ นไทยปจั จุบันรำลึก ถึงความเสยี สละของบรรพชน และร่วมมือร่วมใจสรา้ งสรรค ์ ความเจริญกา้ วหนา้ ใหแ้ ก่ บา้ นเมอื งสืบเนื่องต่อไป ธำรงคุณค่าความเปน็ ไทย... ดว้ ยความร่วมมือร่วมใจของทกุ คน ประเทศไทยสามารถรักษาความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตย ได้อย่างยั่งยืนสืบต่อมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ด้วยมีความร่วมแรงร่วมใจ จากเหล่าบรรพบุรุษผู้เสียสละ อุทิศกำลังกายและพลังปัญญา เพ่ือปกป้องและ สร้างสรรค์บ้านเมืองให้ดำรงความรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ ทั้งสืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนวิถีชีวิตอันดีงาม และสามารถปรับประยุกต ์ แ ล ะ พั ฒ น า ใ ห้ ก้ า ว ทั น ก ร ะ แ ส ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ข อ ง ก า ล เ ว ล า เ พื่ อ ใ ห้ มี ความกา้ วหนา้ ทัดเทยี มนานาอารยประเทศ ทุกวันน้ีชาวไทยจึงอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข และพร่ังพร้อมไปด้วยทรัพยากรและสมบัติอันล้ำค่า ซ่ึงจะธำรงอยู่ได้ อย่างม่ันคงด้วยความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวไทย ในปจั จุบัน เพ่อื ใหช้ าติไทยมคี วามวฒั นาสถาพรสืบไป
๙ ปวดงวปงรใะจช า 256
สยามประเทศดำรงเอกราชสบื มา ดว้ ยพระบารมแี หง่ พระมหากษตั รยิ ์ 257 ซ่ึงทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้วยหลักทศพิธราชธรรมตามคำสอน แห่งสมเด็จพระบรมศาสดา ราษฎรจึงอาศัยอยู่อย่างผาสุกสืบมาในบ้านเมือง ที่รุ่งเรืองและงดงามด้วยได้รับการบำรุงและพัฒนาโดยพระราชอุตสาหะ ปวงประชาทกุ หมเู่ หลา่ จงึ เคารพบชู าและเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ ์ เปน็ ดง่ั ศนู ยร์ วม ดวงใจดว้ ยความภกั ดอี ยา่ งไมม่ เี สอ่ื มคลาย
ด้วยพระราชอุตสาหะของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราช จั ก รี ว ง ศ์ ที่ ท ร ง บ ำ เ พ็ ญ พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ เ ป็ น อ เ น ก ป ร ะ ก า ร ด้วยพระราชปณิธานมุ่งหวังตั้งพระราชหฤทัยบันดาลให้บ้านเมือง เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ราษฎรสามารถประกอบกิจการงานที่สุจริต ไดอ้ ย่างอิสระ สยามประเทศจงึ มคี วามม่ันคง สามารถดำรงเอกราช และสืบทอดเอกลักษณ์อันดี พร่ังพร้อมด้วยประเพณีและวัฒนธรรม ที่งดงาม 258
ตลอดระยะเวลากว่า ๒๐๐ ปี ปวงประชาทุกกาลสมัย ล้วนประจักษ์ในพระบารมีและพระบรมโพธิสมภารที่ปกแผ่ไพศาล ไปทั่วขอบขัณฑสีมาพระราชอาณาจักร จึงน้อมใจภักด์ิด้วยสำนึก ในพระมหากรุณาอันหาที่สุดมิได้ พระมหากษัตริย์แห่งพระบรม ราชวงศ์จักรีจึงทรงเป็นที่เคารพรัก ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจอย่างไม่มี เสื่อมคลาย และทรงเป็นเสาหลักอันมั่นคงยิ่งใหญ่ของคนในชาต ิ ทุกชนชั้นสืบมา นับต้ังแต่มีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร ์ เปน็ ราชธานี 259
แ ผ น ผั ง หอ้ งดวงใจปวงประชา ๕ ๔ รชั กาลท่ี ๔ - รชั กาลที่ ๕ มรดกรัชกาลที่ ๓ ทางออก ๑๐ ๑ ทางเขา้ ๔ บา้ นเมอื งรุ่งเรอื ง ดว้ ยรม่ พระบารม ี ๑ ๓ ๕ ๒ ๒ ๓ บำราบราชอริ ธำรงรักษเ์ อกราช รชั กาลท่ี ๑ - รชั กาลท่ี ๓ 260
๑๐ ๙ จากใจ...พสกนิกร เรอ่ื งเลา่ ของในหลวง ๙ ๘ ๗ ๘ รชั กาลท่ี ๘ - รัชกาลปัจจบุ นั ๖ ๗ ๖ รัชกาลท่ี ๗ รชั กาลที่ ๖ 261
บา้ นเมืองรุง่ เรอื ง ด้วยรม่ พระบารมี ๑ ความร่งุ เรอื งของประเทศตราบเทา่ ทกุ วันน้ี บงั เกดิ ข้ึนไดด้ ว้ ยพระบารมี และพระบรมโพธสิ มภารของพระมหากษตั รยิ ท์ กุ รชั กาลแหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ ซ่ึงทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการสืบเน่ืองยาวนาน จึงเป็น หน้าท่ีของราษฎรควรได้ย้อนรำลึกถึงพระราชอุตสาหะที่ทรงทำนุบำรุง และพัฒนาบ้านเมืองให้เฟ่ืองฟูในทุกด้าน ท้ังเศรษฐกิจการค้า การพระศาสนา ขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปวฒั นธรรม ตลอดจนสรรพวทิ ยาทงั้ หลาย ซงึ่ ลว้ น บนั ดาลใหส้ ยามสามารถดำรงเอกราชสบื มาอยา่ งมั่นคง ธำรงเอกลักษณท์ ่ีดงี าม มคี วามเจริญทดั เทยี มนานาอารยประเทศ 262
จดั แสดงวดี ทิ ศั นป์ ระกอบอะนเิ มชน่ั จำลองสภาพบา้ นเมอื งและวถิ ชี วี ติ ของชาวไทย ต้งั แตส่ มยั แรกสรา้ งกรุงรัตนโกสินทร์จวบจนปจั จบุ นั โดยผเู้ ขา้ ชมจะได้ร่วม ย้อนอดตี ไปกบั ยายหลานเพือ่ รำลึกถึงพระราชอุตสาหะของพระมหากษตั ริย์ ผ่านการนำเสนอพระราชประวตั แิ ละพระราชกรณียกจิ ด้านต่างๆ เพื่อการพัฒนาบ้านเมืองและความสงบสขุ รม่ เยน็ ของราษฎร 263
การรบั พระราชทานปรญิ ญาบตั ร จุดจัดแสดง จำลองบรรยากาศ จากพระหตั ถข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภายในบา้ นเรือนของชาวไทย เปน็ หนึ่งในภาพทีป่ ระชาชน ซงึ่ สำเรจ็ การศึกษาจากมหาวิทยาลัย ทฝ่ี าผนังมกั แขวนภาพปชู นียบคุ คล มักแขวนไวภ้ ายในบ้านเสมอ และสงิ่ ศักดสิ์ ิทธอ์ิ นั เปน็ ที ่ ดวงใจปวงประชา ยดึ เหน่ยี วจิตใจ โดยเฉพาะ พระบรมฉายาลกั ษณข์ อง ด้วยพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย ์ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ทกุ รชั กาล บนั ดาลใหป้ ระชาชนทงั้ หลายสามารถอาศยั อยบู่ น แผ่นดินสยามด้วยความร่มเย็น พระมหากษัตริย์จึง เป็นท่รี กั และเทิดทนู เสมอมา มีการปรากฏอย่างเป็นรูปธรรมว่า ทุกบ้านในทุก พ้ืนที่จะมีพระบรมฉายาลักษณ์ประดิษฐานไว้ในตำแหน่ง อนั เหมาะสมสำหรบั สกั การะ เปน็ ศนู ยร์ วมและเปน็ เครอ่ื งยดึ เหนยี่ ว จติ ใจสมาชิกของทกุ ครวั เรือน ด้วยเหตุนี้ จึงเหมือนกับว่าพระมหากษัตริย ์ ไดป้ ระทบั อยู่ทุกแห่งหน เพ่ือทรงเป็นมิ่งขวัญให้ประชาชน ท่ีเคารพรักพระองค์ย่ิงเหนือสิ่งอื่นใดได้รำลึกนึกถึง และดำเนนิ รอยตามพระราชจรยิ วตั รอันงดงาม 264
๑ 265
๒ บำราบราชอริ ธำรงรกั ษเ์ อกราช กว่าท่ีจะสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีที่มีความเป็นปึกแผ่น ม่ันคง พระมหากษัตรยิ ์ต้องทรงพระราชอตุ สาหะปกบา้ นป้องเมอื งจากเง้อื มมือ ของอริราชศตั รทู ย่ี กทัพมารุกรานหลายคร้ัง ต้องทรงวางแผนด้านสรรพกำลัง รวมทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่จะเอาชนะข้าศึก ประกอบกับความฮึกเหิม ของไพร่พลที่ล้วนอุทิศท้ังแรงกายและแรงใจด้วยความจงรักภักดีและรำลึกถึง ผืนแผ่นดินถน่ิ มาตภุ มู เิ ปน็ สำคญั จึงสามารถเอาชนะข้าศึกและดำรงความเป็น เอกราชสบื มา ขณะเดียวกันพระมหากษัตริยต์ ้องทรงประกอบพระราชกรณยี กจิ หลายด้าน เพอ่ื พัฒนาบ้านเมอื งใหร้ ุง่ เรอื งและเพ่ือความผาสกุ ของราษฎร ด้วยเหตุน้ี นับจากที่พระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาลเสด็จเถลิงถวัลย ราชสมบัติ ต้องทรงประกอบพระราชกิจมากมาย ซึ่งล้วนแต่เพื่ออำนวย ประโยชน์สุขให้บังเกิดแก่ราษฎรและประเทศชาติใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เปน็ สำคญั 266
สยามประเทศ ประสบแต่ความร่มเย็นตลอด รัชกาลที่ ๖ ทรงปกครองประเทศด้วยพระราช ระยะเวลากวา่ ๒๐๐ ปี ดว้ ยพระราชกรณยี กจิ ของพระมหา ป ณิ ธ า น ท่ี เ น้ น ก า ร พั ฒ นา ส ติ ปั ญ ญ า ข อ ง ร า ษ ฎ ร กษัตริย์ ซ่ึงแต่ละพระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายที่จะพัฒนา การปรับปรุงการศึกษาจึงเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญ บา้ นเมอื งใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งในทกุ ดา้ น ควบค่กู บั การปลกุ ใจใหร้ าษฎรรักและภมู ิใจในชาต ิ นบั ตงั้ แตส่ มยั รชั กาลที่ ๑ ซงึ่ ทรงปอ้ งกนั บา้ นเมอื ง รัชกาลที่ ๗ ทรงพยายามปรบั ปรงุ วธิ กี ารปกครอง ให้พ้นจากการรุกรานของอริราชศัตรูและทรงฟ้ืนฟูพระราช ให้ทันสมัยตามแบบอย่างตะวันตก จึงทรงพยายามศึกษา อาณาจักรใหก้ ลับคืนส่คู วามรุ่งเรอื ง และดำเนนิ แนวทางบรหิ ารประเทศตามระบอบประชาธปิ ไตย รัชกาลที่ ๒ เป็นช่วงสมัยที่บ้านเมืองเร่ิมมั่นคง จนในท่ีสุดทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้พระราชทาน จงึ ทรงรงั สรรคศ์ ิลปวัฒนธรรมให้งดงามเป็นศรสี งา่ รฐั ธรรมนญู ฉบับแรกแกช่ าวไทย รัชกาลท่ี ๓ ทรงพระปรชี าด้านการค้า จงึ เป็นชว่ ง รัชกาลที่ ๘ แม้จะเป็นพระมหากษัตริย์ท ี่ เวลาท่ีสยามมคี วามมัง่ คง่ั จากการพาณิชย์ ทรงครองราชย์เพียงระยะเวลาอันส้ัน แต่ทรงประกอบ รัชกาลที่ ๔ เป็นช่วงเวลาท่ีสยามเริ่มปรับตัว พระราชกรณียกิจสืบสานพระราชปณิธานแห่งสมเด็จ ให้ก้าวทันกระแสตะวันตก จึงทรงวางรากฐานการพัฒนา พระบรุ พกษัตริยาธิราชดว้ ยพระราชอุตสาหะ เพอื่ ใหบ้ า้ นเมอื งมคี วามรุ่งเรอื งสืบไป รัชกาลท่ี ๙ เป็นพระมหากษัตริย์ท่ีเสด็จ รัชกาลท่ี ๕ เป็นช่วงเวลาท่ีโลกและสยามกำลัง พระราชดำเนนิ ไปทรงเยย่ี มราษฎรในทกุ ถน่ิ ฐาน ทรงเขา้ พระราช เผชิญกับการคุกคามจากจักรวรรดินิยมตะวันตก จึงทรง หฤทัย ในความเป็นอยู่ของราษฎร จึงมีพระราชดำร ิ พยายามนำพาประเทศใหผ้ า่ นพน้ วกิ ฤตดว้ ยกศุ โลบายตา่ งๆ ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และปรับปรงุ ประเทศใหพ้ ัฒนากา้ วทนั อารยประเทศ และนำมาซึ่งความร่มเย็นแก่ราษฎร ตลอดระยะเวลากว่า ๖๐ ปี ของการเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีทรงครองราชย์ ยาวนานทสี่ ุดในโลก 267
รัชกาลท่ี ๑ - รัชกาลที่ ๓ ๓ สมยั แหง่ การฟื้นฟคู วามมั่นคง ธำรงศาสนแ์ ละศิลป ์ สมัยรัชกาลที่ ๑ รัชกาลท่ี ๒ จนถึงรัชกาลที่ ๓ เป็นช่วงสมัยแห่ง การสร้างบ้านแปงเมืองและสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ให้เป็นศูนย์กลางของ พระราชอาณาจักร แต่สยามยังมีศึกสงครามกับอริราชศัตรูท่ีมุ่งหมายจะรุกราน รายล้อมอยู่รอบด้าน ราษฎรจึงต้องการการบำรุงขวัญให้รู้สึกมั่นคงปลอดภัย สามารถดำเนินชวี ติ และประกอบกิจการงานได้อยา่ งอสิ ระและมีความสุข พระราชกรณยี กจิ สำคญั ทพี่ ระมหากษตั รยิ ์ในชว่ งเวลานน้ั จะตอ้ งทรงพระราช อุตสาหะปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วง คือ การบำบัดทุกข์ของราษฎรควบคู่กับ การบำรงุ สขุ และฟน้ื ฟคู วามเจรญิ ทุกดา้ น 268
ด้านวัตถุ สิ่งก่อสร้างและอาคารสถานท่ีต่างๆ ต้องเร่งสร้างให้ม ี ความมน่ั คง แขง็ แรง สวยงาม และเป็นศรสี ง่าแก่บา้ นเมอื ง ด้านจิตใจ อันได้แก่ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียม ประเพณีท่ีมีมาต้ังแต่สมัยโบราณ ต้องเร่งฟื้นฟูให้รุ่งเรืองเหมือนเมื่อคร้ัง “บ้านเมืองยังดี” เฉกเช่นสมัยกรุงศรีอยุธยา เพ่ือเรียกขวัญกำลังใจของราษฎร ใหก้ ลับคืนมาโดยเร็ว 269
จดั แสดงวีดทิ ศั นพ์ ระราชประวัติ รัชกาลท่ี ๑ และพระราชกรณยี กจิ ของรัชกาลท่ี ๑ บนฉากทีจ่ ำลองรูปทรงของประตู ๒๘ ปีของรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และกำแพงเมอื ง เม่ือสมัยต้นกรุง ถือว่าเป็นสมัยของการสร้างบ้านแปงเมืองอย่างแท้จริง ทรงฟื้นฟูศิลป รัตนโกสนิ ทร์ ซึง่ รัชกาลท่ี ๑ วัฒนธรรมของประเทศในทุกด้าน พร้อมๆ กับสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ปกป้อง ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ อธิปไตยของประเทศจากข้าศึกศัตรู ชัยชนะจากการสู้รบป้องกันประเทศ ให้สร้างสำหรับป้องกนั พระนคร ในรัชสมัยของพระองค์ ทำให้ราชอาณาจักรสยามแผ่ขยายไปกว้างใหญ่ท่ีสุด ในประวัติศาสตร ์ ปวงชนชาวไทยจึงพร้อมใจถวายคำแสดงเกียรติยศสูงสุด “มหาราช” ต่อท้ายพระนามเพอ่ื รำลกึ ถงึ พระราชประวตั อิ นั ยง่ิ ใหญข่ องพระองค์ 270
พระไตรปฎิ ก ฉบบั ทอง ซ่ึงรัชกาลท่ี ๑ ทรงพระกรณุ า ๓ โปรดเกล้าฯ ใหช้ ำระและจารลงสมุดไทย เมือ่ พ.ศ. ๒๓๓๑ กฎหมายตราสามดวง ซ่ึงได้รบั การชำระและจารลงสมดุ ไทย สมัยรัชกาลท่ี ๑ เมือ่ พ.ศ. ๒๓๔๗ ราชาธริ าช หนง่ึ ในวรรณคดีท่เี หล่านักปราชญร์ าชบัณฑิต ปอ้ งกันประเทศ รว่ มกันแปลและเรียบเรียงถวาย เมือ่ พ.ศ. ๒๓๒๘ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงบำบดั ทกุ ข์ แกร่ าษฎรในชว่ งเรมิ่ ตน้ สรา้ งกรงุ โดยปอ้ งกนั ขอบขนั ฑสมี าจาก การรุกรานของข้าศึกศัตรู ตลอดรัชสมัยของพระองค์ สยาม ตอ้ งทำศกึ กบั พมา่ ถงึ ๗ ครง้ั ศกึ ครงั้ ใหญท่ สี่ ดุ ในประวตั ศิ าสตร์ คือสงคราม ๙ ทพั ครั้งนั้นพระเจ้าปดุงจัดทัพยกพลแสนสี่หมื่นส่ีพันนาย เขา้ มา ๙ ทพั ๕ ทศิ ทาง แมส้ ยามจะมกี ำลงั พลนอ้ ยกวา่ ขา้ ศกึ หนง่ึ เทา่ ตวั แตก่ ท็ รงนำทพั ตที พั พมา่ จนแตกพา่ ยไป ฟนื้ ฟพู ระพทุ ธศาสนา ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เป็นหลักในการ ดำเนินชีวิตแก่พสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สังคายนาพระไตรปิฎกซ่ึงสูญหายไปมากเม่ือครั้งเสียกรุง ศรีอยธุ ยา ชำระใหถ้ กู ตอ้ งตามแกน่ ของพระศาสนา ชำระกฎหมาย เพื่อจัดระเบียบใหร้ าษฎรไดอ้ ยกู่ นั อยา่ งสขุ สงบ พระองค์ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหร้ วบรวมตวั บทกฎหมายทขี่ าดหายไป และแก้ไขให้ถูกต้องเป็นธรรม แล้วประทับตราสามดวงไว้บน กฎหมายทกุ เลม่ จงึ เรยี กขานกนั ตอ่ มาวา่ กฎหมายตราสามดวง ฟื้นฟศู ลิ ปวฒั นธรรม เม่ือทุกข์ของราษฎรได้รับการขจัดปัดเป่าแล้ว จึงทรง บำรุงสุขโดยฟ้ืนฟูท้ังธรรมเนียมประเพณีและศิลปศาสตร ์ เพอื่ ธำรงความเปน็ ชาตทิ ม่ี อี ารยธรรม ทรงฟน้ื ฟวู รรณคดสี ำคญั หลายเรอ่ื งในสมยั อยธุ ยา และทรงพระราชนพิ นธเ์ รอื่ งรามเกยี รต์ิ ขึ้นใหม่ท้ังหมด นอกจากคณุ คา่ ทางวรรณกรรมแลว้ ประชาชน ยงั ไดศ้ กึ ษาแนวคดิ ดา้ นตา่ งๆ ทเี่ หมาะสมกบั เหตกุ ารณบ์ า้ นเมอื ง เชน่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ ยา่ งเตม็ ความสามารถ เหมอื นเสนาวานร ทป่ี ฏบิ ตั ภิ ารกจิ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากพระรามอยา่ งสดุ กำลงั 271
จดั ฉายวดี ทิ ศั นพ์ ระราชประวตั ิ รชั กาลท่ี ๒ และพระราชกรณยี กจิ ของรชั กาลท่ี ๒ บนฉากทจ่ี ำลองจากเกง๋ นารายณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งรชั กาลที่ ๒ ๑๕ ปี ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในการเสริมสร้างความม่ันคงให้แก่ โปรดประทบั ทรงงานช่างต่างๆ ราชอาณาจักรสยามไปพร้อมกับทรงจรรโลงงานศิลปะและสร้างสรรค์วรรณคดี ท่ีทรงคุณค่าจำนวนมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อฟื้นพระราชพิธ ี 272 วิสาขบูชาซ่ึงถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ด้วยพระราชกรณียกิจ ท่ียังคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและราษฎรท่ีมีมาตราบจนปัจจุบัน องค์การ ยูเนสโก จึงยกย่องพระองค์ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก เม่ือวันที่ ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑
๓ ปอ้ งกนั ประเทศ จติ รกรรมฝาผนงั จำลองภาพป้อมปราการ พระสมุทรเจดีย์ และบริเวณปากแม่น้ำเจา้ พระยาท่ีเมืองสมทุ รปราการ ในช่วงต้นรัชกาลยังมีศึกสงคราม จึงทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งเมอื งและปอ้ มปราการขน้ึ ทส่ี มทุ รปราการ ฉากลงรกั ปิดทอง เขียนเรื่องอเิ หนา ฝพี ระหัตถร์ ชั กาลท่ี ๒ เพ่ือให้เป็นเมืองหน้าด่านปากน้ำป้องกันข้าศึกที่จะเข้ามา ซอสามสาย เครอ่ื งดนตรีไทยชนดิ หนงึ่ ทางทะเล ซึง่ รัชกาลที่ ๒ โปรดเลน่ เป็นพิเศษ เปดิ ประเทศ ช่วงเวลาน้ันประเทศในยุโรปต่างมีนโยบาย ล่าอาณานิคมเพื่อขยายเขตการค้าและหาแหล่งวัตถุดิบ ในทวีปแอฟริกาและเอเชีย สยามก็เป็นหน่ึงในเป้าหมาย ของมหาอำนาจเหลา่ น้ี พระองค์ทรงตระหนักว่าสยามเป็นรองด้าน แสนยานุภาพ จึงทรงใช้วิธีรอมชอมทางการทูต ยอมเปิด การค้ากับอังกฤษ และให้โปรตุเกสตั้งสถานทูตขึ้นใน ราชอาณาจักรสยามได้เปน็ ชาตแิ รก ยุคทองของวรรณกรรมไทย เมื่อบ้านเมอื งสงบจากศึกภายนอก จงึ ทรงทำนุบำรุง ศิลปวิทยาการและการช่างของประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ขึ้นในทุกๆ ทาง ทรงเป็นศิลปินเอกในทุกแขนง ทรงฟื้นฟูการช่างและส่งเสริม กวี ให้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด นั บ เ ป็ น ยุ ค ท อ ง ด้ า น ศิ ล ป วัฒนธรรมอยา่ งแทจ้ รงิ พฒั นาการคา้ ในดา้ นการค้า พระองค์ ท ร ง ข ย า ย ก า ร ค้ า ส ำ เ ภ า กั บ ต่างประเทศ นำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มข้ึน ในการน ี้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้เรอื หลวงท่ีเดนิ ทางไปคา้ ขาย ชักธงช้างเผือกข้ึนเป็นสัญลักษณ์ จึงเป็นมูลเหตุให้ใช ้ ธงชา้ งเผอื กเปน็ ธงประจำชาติ ในเวลาตอ่ มา 273
จุดจดั แสดง จำลองเรือสำเภา รชั กาลท่ี ๓ ของหลวง ซงึ่ ทางราชการใชบ้ รรทุก ล่วงมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า สิ่งของทำการค้าขายกบั ประเทศ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๓ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ เปน็ รชั สมยั ทมี่ เี ขตแดนตดิ ทะเล โดยเฉพาะ แหง่ ความมั่งคั่งรุ่งเรืองและม่ันคงทางเศรษฐกิจยุคหน่ึง ของราชอาณาจักร การค้ากบั จีน ซ่ึงเจริญรุ่งเรือง สมัยรัชกาลที่ ๓ แม้การศึกสงครามระหว่างสยาม ถงึ ขดี สดุ สมยั รชั กาลที่ ๓ กับประเทศใกล้เคียงซ่ึงมีมาเนิ่นนานต้ังแต่กรุงศรีอยุธยา ไดส้ นิ้ สดุ ลง แตก่ ารเขา้ มาของนกั ลา่ อาณานคิ มจากตะวนั ตก เรอื สำเภา ซึ่งรัชกาลท่ี ๓ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ทำให้ประเทศตะวันออกต้องหันมาต่อสู้เพื่อป้องกัน ให้ช่างสรา้ งจำลองไวท้ ่ีวดั คอกกระบอื หรือวัดยานนาวา ผนื แผน่ ดนิ ของตน ในปัจจุบัน 274
๓ เร่มิ การค้าเสรี พระองค์ทรงตระหนักดีว่าไม่อาจสู้รบกับชาต ิ ตะวนั ตกทมี่ อี าวธุ และยทุ ธวธิ อี นั ทนั สมยั ได้ จงึ ทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ใหท้ ำสนธสิ ญั ญาการคา้ กบั องั กฤษเปน็ ครง้ั แรก นบั เปน็ การปูพืน้ ฐานทางเศรษฐกจิ การค้า ในด้านเศรษฐกิจการค้า ทรงส่งเสริมทั้งการค้า สำเภากับจีนและยุโรป สร้างรายได้ให้แผ่นดินเพ่ิมขึ้น เป็น ๓ เทา่ และในปลายรัชกาลมีเงินสะสมทพี่ ระราชทาน ธงชา้ งเผอื กในวงจักรสีขาว สำหรบั อัญเชิญ ไวส้ ำหรบั ใชใ้ นราชการแผน่ ดนิ จำนวนมาก เรยี กวา่ เงนิ ถงุ แดง สูย่ อดเสากระโดง เพ่ือประกาศวา่ เปน็ เรือ รับส่งั ไว้ว่า “สำหรับไถ่บ้านไถเ่ มอื ง” ของทางราชการ บำรงุ พระพุทธศาสนา ในด้านศาสนา พระองค์ทรงเลื่อมใสศรัทธาใน พระพุทธศาสนา ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างมาก มีพระราชดำริให้พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่อบรมส่ังสอนกุลบุตร ให้รู้พระปริยัติถึงเปรียญเอก โท ตรี จัตวา เพื่อจะได้เป็น ธรรมทายาทช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาใหร้ ุง่ เรอื งสบื ไป นอกจากนี้ ยังทรงสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ วัดหลายแห่งให้งดงามอย่างมีเอกลักษณ์ตามพระราชนิยม นับเป็นสมัยของการระดมช่างฝีมือก่อสร้างซ่ึงทำให ้ วัดวาอารามทั้งหลายนน้ั สวยเด่นเปน็ สง่ายิ่งข้ึนดว้ ย วัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลารามเปน็ พระอารามซ่ึงรัชกาลท่ี ๓ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหป้ ฏิสงั ขรณ์ เพ่ือเปน็ สถานท ี่ จารึกความร้เู ผยแพร่แก่ประชาชน รักษาความร้เู ดมิ มใิ ห้สูญหาย หลงั การเปดิ ประเทศ คณะมชิ ชนั นารไี ดเ้ ขา้ มาเผยแผ่ คริสต์ศาสนาและวิทยาการแผนใหม่ แม้พระองค์ จะทรงเห็นคุณค่าและประโยชน์ของวิทยาการตะวันตก แต่ก็ทรงวิตกถึงอันตราย หากประชาชนนับถือเลื่อมใส และเอาอย่างตะวนั ตกทง้ั หมด และทรงเกรงวา่ ความรู้เดิม อนั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาของแผน่ ดนิ จะสญู หาย จงึ ทรงพระกรณุ า โปรดเกล้าให้จารึกความรู้ต่างๆ เหล่านี้ไว้ในวัดโพธ์ิหรือ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ซง่ึ นบั เปน็ มหาวทิ ยาลยั เปดิ แห่งแรกของราชอาณาจกั ร 275
จดุ จัดแสดง จำลองภาพจิตรกรรม ฝาผนังและจารึกเรอื่ งการแพทย์ แผนไทย ในศาลารายด้านหนา้ พระมหาเจดยี ์ ๔ รัชกาล วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จารึกดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม ถือเป็นแหลง่ จติ รกรรมฝาผนังภายในพระอโุ บสถ ทวี่ ดั พระเชตุพนวิมลมงั คลาราม รวบรวมจารกึ ดา้ นวรรณคดี นบั ต้งั แต่วธิ กี าร และวหิ ารพระพทุ ธไสยาส นับเปน็ ตน้ ตำรบั การรกั ษาโรคทม่ี ีชือ่ เสยี ง แตง่ บทประพนั ธ์ เช่น ตำราฉันท์มาตราพฤติ นอกจากมีภาพสวยงาม ยงั เปน็ แหล่งศึกษา และได้รับการยอมรับในหมูค่ นไทย และวรรณพฤติ สภุ าษติ คำสอน เชน่ โคลงโลกนติ ิ แบบอยา่ งของการประพฤตดิ ี ปฏบิ ตั ิชอบ จนถึงปัจจุบนั สภุ าษติ พระรว่ ง และตำนานทางพระพทุ ธศาสนา ของผมู้ ีศรัทธาอย่างแรงกล้า เช่น ประวตั พิ ทุ ธสาวกสาวกิ า เป็นต้น ในพระพทุ ธศาสนา 276
๔ บำรุงพระศาสนา จารกึ สรรพวทิ ยาการ นับตั้งแต่คณะมิชชันนารีเริ่มเข้ามาเผยแผ่ ศาสนาและถา่ ยทอดวทิ ยาการสมัยใหม่ ชาวสยาม เร่ิมได้รับความรู้ ความเชื่อ และอิทธิพลจาก ชาติตะวันตกหลายด้าน ด้วยเหตุน้ี เมื่อครั้งที่ม ี การปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รชั กาลที่ ๓ จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ หลา่ นกั ปราชญ์ราชกวรี วบรวมและเรียบเรียงสรรพวชิ า จารึกไว้บนแผ่นหิน เพ่ือเก็บรักษาภูมิปัญญา อนั ลำ้ คา่ ใหค้ งอย่สู ืบไป สรรพวิชาท่ีจารึกไว้มีหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่ เวชศาสตร์ มีตำรับยาและการรักษาโรค ตามแบบแพทย์แผนไทย อักษรศาสตร์ มีทั้งวิธี การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆ และตัวบท วรรณคดีท่ีทรงคุณค่า พุทธศาสตร์ส่วนใหญ่เป็น ประวัติพระสาวก อุบาสก และอุบาสิกา ในพระพุทธศาสนา 277
เบ้อื งหลงั เรอื สำเภาจำลอง จดั แสดง เครอ่ื งกระเบอ้ื งซง่ึ เปน็ หนึง่ ในสินคา้ ท่ีสยามนำเข้าจากจีนในชว่ งทม่ี ี การตดิ ตอ่ ซื้อขายสนิ ค้าระหวา่ ง ไทยกบั จีนสมัยต้นกรุงรตั นโกสินทร์ การคา้ สำเภา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นช่วงเวลาที่ สยามกำลังก่อร่างสรา้ งพระราชอาณาจักร และยงั ตอ้ งทำ ศกึ สงครามกบั ศตั รรู อบดา้ น ทำใหฐ้ านะของสยามไม่มน่ั คง การค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าสำเภา จึงได้รับ การสนับสนุนจากราชสำนัก นับตั้งแต่สมัยรัชกาลท่ี ๑ ซึ่งทรงฟื้นฟูการค้าระบบบรรณาการกับจีนด้วยวิธีการ ต่างๆ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสยาม เป็นอย่างมาก 278 เครื่องกระเบ้อื งหลากสสี ัน เป็นสินค้าอย่างหน่ึงท่ีไทยนำเขา้ จากจนี ผา่ นการค้าสำเภา โดยส่วนใหญ่มกั นำมาประดับตกแต่ง พระอารามและพุทธสถานสำคัญในกรงุ รัตนโกสินทร์
๔ หนิ แกะสลักและเครอื่ งสังคโลก งานฝมี ือที่ชาวสยามท่ีมีฐานะ นยิ มนำเข้ามาจากจนี เพอ่ื นำไปตกแต่งสถานท่ ี หรือต้งั ประดบั ไว้ในบา้ นเรือน ภาพเรือกำป่ันของฝรง่ั สมัยตน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทร ์ สินค้าท่ีบรรทุกสำเภาค้าขายกับจีน มีหลายอย่าง ฝมี ือชา่ งเขียนสมยั รัชกาลท่ี ๓ เช่น ดบี ุก พรกิ ไทย ครัง่ ข้ผี ึง้ ไมห้ อม รวมท้งั สนิ คา้ อื่นๆ ทจ่ี ัดซ้ือหาเพ่ิมเติมจากประเทศใกลเ้ คียง เชน่ เขมร ญวน และมลายู แลว้ รับซอื้ สนิ คา้ ตา่ งประเทศท่ีต้องการใช้ภายใน ประเทศ ผา้ ถว้ ยชาม มาจำหนา่ ยแกร่ าษฎรอีกทอดหน่งึ การค้าสำเภามีความก้าวหน้าและรุ่งเรืองสืบมา เป็นลำดบั โดยเฉพาะสมยั รชั กาลท่ี ๓ ซง่ึ ทรงพัฒนาระบบ ขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพด้วยการสนับสนุนให้ม ี การต่อเรือกำปั่นแบบฝร่ัง ที่สามารถบรรทุกสินค้าได ้ ครงั้ ละมากๆ และมีความเร็วสูง ผลกำไรจากการค้าสำเภา นับเป็นรายได้ท่ีสำคัญยิ่งของแผ่นดินในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น 279
280
เงนิ ถงุ แดง ๔ เงินถุงแดงเป็นเงินที่พระบาทสมเด็จ เงนิ อะไรอยใู่ นถุงแดง พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับจากผลกำไร ของการค้าสำเภาส่วนพระองค์ ตั้งแต่ยังดำรง เงินในถุงแดงเป็นเงินเหรียญทองคำของ พระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหม่ืนเจษฎา ประเทศเม็กซิโก ด้วยเป็นที่ยอมรับในการแลกเปล่ียน บดินทร์ ทรงเก็บสะสมไว้โดยการนำใส่ถุงแดง ซื้อขายสนิ คา้ ของชาวต่างชาตสิ มยั ตน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ แยกเปน็ ถุง ถงุ ละ ๑๐ ช่งั แล้วตตี ราปิดปากถงุ เงินเหรียญเม็กซิโกนี้ ด้านหนึ่งมีรูปนกอินทร ี เก็บเข้าในหีบกำป่นั ขา้ งพระแท่นบรรทม กางปีกปากคาบอสรพิษ อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เงินถุงแดงที่พระองค์ทรงเก็บสะสมไว ้ เม็กซิโก อยู่ใต้ข้อความว่า ESTADOS UNIDOS ภายหลังมีคุณอย่างใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง MEXICANOS ซ่งึ แปลวา่ สหรฐั เม็กซโิ ก อีกดา้ นหนง่ึ ในการนำมา “ไถ่บ้านไถ่เมือง” ในรัชสมัย เป็นภาพเทพีแห่งเสรีภาพ มือขวาชูมงกุฎอันเป็น พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซง่ึ เกดิ เครื่องหมายถึงเกียรติยศ ส่วนมือซ้ายถือเศษโซ่ตรวน วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๖ ซึ่งหมายถึงอิสรภาพ ฉากหลังเป็นภาพภูเขาไฟโปโปกา ทำให้สยามประเทศรอดพ้นจากการยึดครองของ เตเปตล์และอิซตักซีอวตล์ในเม็กซิโก และมีข้อความว่า ชาวตา่ งชาติ 50 PESOS หรือ ๕๐ เปโซ ซ่ึงเป็นหน่วยเงินตราของ เม็กซิโก กับ 37.5 Gr. ORO PURO ซึ่งแปลว่า ทองคำบรสิ ทุ ธ์ิน้ำหนัก ๓๗.๕ กรัม ตามอตั ราแ ลกเ ปลยี่ น ในเ วลานน้ั เงนิ เมก็ ซิโก ๓ เ หรยี ญ มคี า่ เทยี บกบั เงินไทย ในสมยั รัชกาลท่ี ๓ ประมาณ ๕ บาท 281
จัดแสดงวีดทิ ัศนพ์ ระราชประวตั ิ และพระราชกรณยี กจิ ของรชั กาลท่ี ๔ และรชั กาลท่ี ๕ บนฉากทีจ่ ำลอง สถาปัตยกรรมตะวันตก ซึง่ กำลงั ไดร้ ับความนิยมในสมยั นนั้ 282
๕ รชั กาลท่ี ๔ - รัชกาลที่ ๕ สมยั แห่งการฝา่ มรสุม มหาอำนาจ นำชาตสิ ู่ศิวิไลซ ์ นับแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสดจ็ เถลิงถวลั ยราชสมบตั เิ ปน็ พระมหากษตั ริยร์ ชั กาลท่ี ๔ แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี สยามต้องเผชิญกับกระแส ความเปล่ียนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะการแสวงหา อาณานิคมของชาติตะวันตกอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซง่ึ รกุ คืบยึดดินแดนเพอื่ นบา้ นดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ อยา่ งแยบยล ส่งผลให้สยามอยู่ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันแย่งชิง ดนิ แดนกนั ระหวา่ งชาตทิ ง้ั สอง แตด่ ว้ ยพระราชวิเทโศบาย อันแยบคาย สยามจึงสามารถยืนหยัดอย่างม่ันคงดำรง เอกราชสืบมา เม่ือถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว มหาอำนาจชาติตะวันตกย่ิงพยายามขยาย อำนาจเหนือดินแดนต่างๆ เพ่ือประโยชน์ท้ังทางการค้า และการเข้าครอบครองทรัพยากรอันมีค่าของประเทศ ท่ตี กเป็นเมืองขนึ้ ส ย า ม ต้ อ ง เ ผ ชิ ญ กั บ ม ร สุ ม ก า ร แ ผ่ ลั ท ธิ จักรวรรดินิยมอย่างเลี่ยงไม่ได้ รัชกาลท่ี ๕ จึงต้อง ทรงดำเนินกุศโลบายโดยเฉพาะทางการทูตและปรับปรุง ประเทศให้ก้าวทันตะวันตกอย่างรอบด้าน อันนำมาซึ่ง การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ซ่ึงยังประโยชน์ให้สยาม รอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมเพียงประเทศเดียว ในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ 283
รชั กาลท่ี ๔ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔ เร่ิมต้นขึ้นท่ามกลางกระแส การล่าอาณานิคมของมหาอำนาจชาติตะวันตกท่ีแผ่ขยาย อิทธิพลอย่างมาก แต่สยามสามารถยืนหยัดเป็นประเทศ เอกราชรอดพน้ วกิ ฤตการณต์ า่ งๆ ไดด้ ว้ ยพระปรีชาสามารถ และความเข้าพระราชหฤทัยต่อกระแสการเปลี่ยนแปลง ของโลกในเวลานนั้ ด้วยก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงศึกษาภาษา องั กฤษจนสามารถอา่ นและรบั สง่ั ได้ดี และทรงคบค้าสมาคม กับชาวต่างประเทศมากมาย ทำให้ทรงได้รับความรู้และ วทิ ยาการทางเทคโนโลยีของโลกตะวันตกหลายแขนง รัชกาลที่ ๔ ทรงสง่ เสรมิ และทรงสนบั สนนุ การศกึ ษาตามแบบแผนตะวนั ตก โดยเริม่ ต้ังแต่ระดบั เจา้ นายดว้ ยการจ้างนางแอนนา เลียวโนเวนส์ ชาวอังกฤษ เขา้ มาถวายพระอักษรสมเดจ็ เจา้ ฟา้ จฬุ าลงกรณฯ์ พระราชโอรส พระราชธิดา 284 ตลอดจนเจ้าจอมมารดาและเจ้าจอมในพระบรมมหาราชวัง
๕ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นช่วงเวลาเดียวกับการแผ่ อาณานิคมของชาติตะวันตก พระองค์ทรงดำเนินพระบรมราโชบาย เพื่อถ่วงดุลอำนาจของอังกฤษและฝร่ังเศสโดยผลักดันให้สยามเป็น ดนิ แดนกนั ชนของทงั้ สองประเทศ ทรงดำเนินนโยบายผ่อนปรนการบีบบังคับทางการเมืองและการทูต ของชาตติ ะวนั ตก โดยปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั วฒั นธรรมตะวันตก ปรับปรุงบ้านเมือง ใหก้ ้าวหนา้ ทันสมยั เย่ยี งอารยประเทศ ทรงส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือเป็นสื่อในการรับวิทยาการ และความก้าวหน้าของโลกตะวันตก โดยทรงจ้างครูฝร่ังมาถวายพระอักษรแด่ พระราชโอรส พระราชธิดา ตลอดจนส่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไปศึกษางาน ยังประเทศตา่ งๆ ในยุโรป ทรงสนบั สนนุ การศกึ ษาของประชาชน พระราชทานพระบรมราชานญุ าต ลายพระราชหตั ถเลขาภาษาองั กฤษ ให้คณะมิชชันนารีคริสเตียนต้ังโรงเรียนราษฎรแบบตะวันตกขึ้นเป็นแห่งแรก ซึ่งรัชกาลท่ี ๔ ทรงแลกเปล่ยี นกบั ทบ่ี รเิ วณหลงั วดั อรณุ ราชวราราม อนั เปน็ ตน้ กำเนดิ ของโรงเรยี นกรงุ เทพครสิ เตยี น พระสหายชาวตา่ งชาติ ในปัจจบุ ัน พระราชกรณียกิจท่ีสำคัญยิ่งประการหนึ่งคือการทำให้สยามเป็นที่รู้จัก และเปน็ หนงึ่ ในประชาคมโลกทม่ี ศี กั ดศ์ิ รเี ทา่ เทยี มประเทศทเี่ จรญิ แลว้ ดว้ ยการสง่ ราชทูตให้เดินทางไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศที่มีบทบาทสำคัญ ในประชาคมโลก รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั นบั เปน็ สมยั แหง่ การวาง รากฐานที่เอ้ือต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ ในเวลาต่อมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณท่ีได้ทรงพระราชอุตสาหะบำเพ็ญ พระราชกรณียกจิ เป็นอเนกประการ เครอื่ งราชบรรณาการทีร่ ัชกาลที่ ๔ ทรงส่งไปเจริญทรงพระราชไมตร ี กบั พระนางเจา้ วิกตอเรยี แหง่ อังกฤษ รัชกาลที่ ๔ ทรงสง่ คณะราชทตู เดนิ ทางไปเข้าเฝา้ ฯ จักรพรรดินโปเลียนท่ี ๓ 285 ที่พระราชวังฟงแตนโบล ประเทศฝร่ังเศส
“เทคโนโลยีตะวนั ตก” ท่ีสมเด็จพระนางเจา้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ประทบั หนา้ พลบั พลาท่ีประทับ วิกตอเรยี แห่งอังกฤษส่งมาถวายเพื่อเจริญ เพ่ือทอดพระเนตรสรุ ิยปุ ราคาทีต่ ำบลหว้ากอ อำเภอคลองวาฬ จังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ ์ ทางพระราชไมตร ี ในปจั จบุ ัน ท่ามกลางชาวตะวันตก คณะทตู านทุ ูต และข้าราชการทไี่ ดเ้ ดนิ ทาง ตามเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปด้วย 286 ทรงปราดเปร่อื งเรอ่ื งดาราศาสตร์ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใฝพ่ ระราช หฤทัยศึกษาวิทยาการตะวันตกหลายแขนง โดยเฉพาะ ดาราศาสตร ์ ทรงสามารถคำนวณวันเวลาที่จะเกิด สุรยิ ุปราคาลว่ งหนา้ ถงึ ๒ ปี ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและแม่นยำ ทรงพยากรณ์ว่าการเกิดสุริยุปราคาในวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นสุริยุปราคาเต็มดวง มองเห็น ไดต้ ้งั แตเ่ มอื งปราณบุรีลงไปจนถึงเมืองชมุ พร และสามารถ มองเหน็ ไดช้ ดั เจนทตี่ ำบลหวา้ กอ แขวงเมอื งประจวบครี ขี นั ธ์ ตามพกิ ัดภมู ศิ าสตรท์ ่ี ๙๙ องศา ๔๐ ลิปดา ๒๐ พิลิปดา ตะวนั ออก เสน้ รงุ้ ๑๑ องศา ๔๑ ลปิ ดา ๔๐ พลิ ปิ ดาเหนอื โ ด ย จ ะ เ ห็ น ด ว ง จั น ท ร์ เ ข้ า บั ง ด ว ง อ า ทิ ต ย์ จ า ก ท า ง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วออกทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในเวลา ๑๑.๔๒ นาฬิกา
๕ จดั แสดงวดี ิทัศน์ถา่ ยทอดพระราชประวัติ ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ภายในพระอุโบสถ และพระราชกรณยี กจิ ของรัชกาลท่ี ๔ วดั พระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม หลายดา้ น อาทิ ด้านดาราศาสตร ์ ซง่ึ เขยี นข้ึนเมื่อสมยั รชั กาลที่ ๓ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ซง่ึ ทรงเช่ียวชาญและทรงไดร้ ับการยอมรบั ความสนใจของชาวสยามตอ่ วทิ ยาการตะวนั ตก ในระดับนานาชาต ิ มาตั้งแตต่ น้ สมยั รัตนโกสินทร ์ คร้ังนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร สุริยุปราคาเต็มดวงที่ตำบลหว้ากอ พร้อมด้วยเซอร์แฮร์รี 287 ออด ผู้สำเร็จราชการอังกฤษประจำเมืองสิงคโปร์ คณะทูตานุทูต นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส แขกต่างประเทศ ท่ีทรงเชิญมา และข้าราชบริพารไทย เหตุการณ์ก็เป็นไป ต า ม ที่ ท ร ง ค ำ น ว ณ ซ่ึ ง แ ม่ น ย ำ ก ว่ า นั ก ด า ร า ศ า ส ต ร ์ ชาวฝรง่ั เศสทร่ี ว่ มตามเสดจ็ พระราชดำเนนิ เพอื่ สงั เกตการณด์ ว้ ย ๒ วนิ าท ี ในปัจจุบันน้ี ประชาคมดาราศาสตร์ในระดับสากล ทศี่ กึ ษาดา้ นสรุ ยิ ปุ ราคา ยกยอ่ งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัวด้วยการเรียกสุริยุปราคาเต็มดวงเม่ือ พ.ศ. ๒๔๑๑ วา่ เปน็ “King of Siam’s Eclipse”
จัดแสดงหนุ่ จำลองสถานท่ีสำคัญ รชั กาลที่ ๕ ซงึ่ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระมหากษตั รยิ ร์ ชั กาลท่ี ๕ ให้สร้างขนึ้ ประกอบสื่อผสมท้ังแสง เสียง และวีดิทัศน์ เสดจ็ พระราชสมภพในชว่ งเวลาทภี่ มู ภิ าคอษุ าคเนยต์ อ้ งเผชญิ หนา้ กบั สภาวะวิกฤต อนั เกิดจากการคกุ คามของมหาอำนาจชาตติ ะวนั ตก ดว้ ยพระปรีชาญาณหยั่งรู้การณ์ไกลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว พระบรมชนกนาถ พระราชโอรสจึงทรงได้รับการศึกษาวิชาความร ู้ ท่ีสำคัญซึ่งไม่ปรากฏอยู่ในตำราภาษาไทย โดยทรงว่าจ้างชาวต่างประเทศ มาเป็นครูถวายการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะเป็นเคร่ืองมือ ในการศึกษาวิชาการอันทันสมัย ยังช่วยเปิดโอกาสให้รับทราบความคิดอ่าน และรู้เท่าทันชาติตะวันตก ซ่ึงต่างพยายามขยายอิทธิพลและเข้าครอบครอง ดินแดนตา่ งๆ ท้ังเอเชีย แอฟรกิ า ตลอดจนอเมรกิ าใต้ 288
๕ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ ทรงไดร้ ับการอบรมเรอ่ื งตา่ งๆ จากพระบรมชนกนาถ เมือ่ เสด็จข้นึ ครองราชย์ จึงเปน็ พระมหากษตั ริย์ ซง่ึ ทรงพระปรชี าสามารถและทรงนำพาประเทศชาติ ไปสู่ความเจริญในหลายด้าน ภายหลังเสด็จขนึ้ ครองราชย์ จงึ เรมิ่ เสดจ็ ประพาส ตา่ งประเทศ ดว้ ยทรงเลง็ เหน็ ความสำคญั ของ การเปดิ โลกทศั น์ และเป็นโอกาสที่จะได้ทอดพระเนตรความเจริญของ บ้านเมืองต่างๆ รวมทั้งยังจะได้เจริญทางพระราชไมตรกี ับ ต่างประเทศซ่ึงในเวลาต่อมาไดเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นา และปรับปรุงประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน อันเป็น การพยายามยกระดับความเจริญของบ้านเมืองให้เท่าเทียม อารยประเทศ อย่างไรก็ตาม สยามไม่สามารถหลีกเลี่ยง การรุกรานของชาติตะวันตกซ่ึงต่างมุ่งหน้าแสวงหา อาณานิคมในดินแดนส่วนต่างๆ ทั้งอังกฤษ ฮอลันดา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว สหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ฝรง่ั เศสจนเกิดเป็น ทรงฉายพระรูปร่วมกบั สุลตา่ น เมืองยะโฮร ์ วฤิ ตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ เมือ่ คราวเสดจ็ ประพาสสงิ คโปรแ์ ละชวา ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ 289
วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ เม่ือล่วงมาถงึ พ.ศ. ๒๔๓๖ ซึ่งตรงกับรัตนโกสนิ ทรศ์ กหรือ ร.ศ. ๑๑๒ ฝร่ังเศสได้หาเหตุกระทบกระท่ังตามชายแดนและส่งเรือรบจะรุกเข้าปากแม่น้ำ เจ้าพระยา สยามต้องต่อสู้จนสุดความสามารถ แต่ไม่เป็นผล ฝร่ังเศส ย่ืนคำขาดให้ชดใช้คา่ เสียหายสามล้านฟรงั ก์ ร้ายแรงยิ่งกว่าน้ันคือสยามต้องยก ดนิ แดนบางสว่ นใหฝ้ รงั่ เศส นำความโทมนัสมาสพู่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวอย่างมากถึงกับทรงพระประชวรหนัก แต่ก็ทรงประคับประคอง สถานการณจ์ นผา่ นพ้นวิกฤต ทรงชดใชค้ า่ ปรบั ดว้ ยเงนิ ถงุ แดงในสมยั รชั กาลที่ ๓ สมทบกับเครื่องประดับของเจ้านายหลายพระองค์ และทรงจำยอมสละดินแดน บางส่วนเพื่อรักษาดินแดนสว่ นใหญแ่ ละเอกราชของชาติไว ้ พระสมทุ รเจดีย์ เมืองสมทุ รปราการ ต้ังอยใู่ กล้ปากแมน่ ้ำเจ้าพระยา ซงึ่ เปน็ สมรภมู ิทีช่ าวสยาม ตอ่ สปู้ ้องกนั การรกุ รานของฝร่งั เศส 290
๕ ฉันขอบอกให้ทราบโดยท่ัวกันว่า ถา้ เหตุการณจ์ ะมแี ก่บา้ นเมอื งประการใด ตัวฉันไม่ได้ย่อท้อถดถอยอยา่ งหนึ่งอย่างใด ขอให้ทา่ นทงั้ หลายไว้ใจเถดิ ฉันกบั ทา่ นทง้ั หลาย คงจะชว่ ยกนั รักษาบ้านเมืองของเรา จนสุดกำลังและความคดิ พระราชดำรสั พระราชทานแกข่ า้ ทูลละอองธุลีพระบาท ณ เรือพระที่นงั่ มหาจกั รี ซ่งึ ทอดสมออย่หู นา้ เมืองสมทุ รปราการ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ ซึ่งตรงกบั รตั นโกสินทร์ศก หรอื ร.ศ. ๑๑๒ เรอื ปืนโกแมต (Comete) หนึง่ ในเรอื รบของฝร่งั เศส ทร่ี กุ รานสยาม เม่อื ร.ศ. ๑๑๒ 291
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวทรงวางรากฐานการบรหิ ารราชการแผ่นดิน ดว้ ยการตงั้ สภาท่ปี รกึ ษาแผน่ ดนิ และสภาทป่ี รกึ ษาในพระองค์ โดยมพี ระราชประสงค ์ เพ่อื “ชว่ ยคิดราชการแผน่ ดนิ ...ใหร้ าษฎรอยเู่ ยน็ เปน็ สุข” ประเทศสยามมีการใช้โทรศัพท์ครั้งแรก พฒั นาประเทศ ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๒๔ วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงตระหนักว่า เม่ือไม่สามารถเอาชนะมหาอำนาจชาติตะวันตก ด้วยกำลังได้ ก็ต้องเอาชนะด้วยปัญญา จึงทรงดำเนินพระบรมราโชบาย ๒ ประการ ประการแรก คือ พัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าอย่างตะวันตก ทรงเริ่มต้นด้วยการปฏิรูปการปกครองจากแบบจตุสดมภ์มาสู่การต้ัง กระทรวงข้นึ ๑๒ กระทรวง ทรงวางรากฐานด้านสาธารณูปโภคและการคมนาคมต่างๆ เช่น ปฏิรูปการสื่อสาร สร้างโทรเลขสายแรก คือสายกรุงเทพฯ - สมุทรปราการ และนำโทรศัพท์เข้ามาทดลองใช้เพื่อแจ้งข่าวการเดินเรือผ่านเข้าออก ทป่ี ากแมน่ ้ำเจา้ พระยา ใหท้ างกรุงเทพฯ ทราบได้อยา่ งทนั ท่วงท ี ศลุ กสถาน ตั้งอย่รู ิมแมน่ ้ำเจา้ พระยา เป็นอาคารของทางราชการท่กี ่อสร้างดว้ ยสถาปัตยกรรม แบบตะวันตก เปน็ การส่งเสรมิ ภาพลกั ษณ์ความเปน็ อารยประเทศของสยามไดเ้ ป็นอยา่ งด ี 292
๕ เสน้ ทางรถไฟซึง่ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างขึ้น ชว่ ยขยายความเจริญและเชือ่ มโยงการคมนาคมไปสู่หวั เมืองอยา่ งกวา้ งขวาง ทรงปรับปรุงการคมนาคม โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ม ี การตดั ถนนเพม่ิ ขน้ึ หลายสาย พรอ้ มทง้ั สรา้ งอาคารขนึ้ สองฟากฝงั่ ถนน เพอ่ื สง่ เสรมิ การพาณชิ ย์ควบคกู่ บั การพัฒนาการสัญจรทางบก ทรงวางรากฐานการรถไฟเพ่ือเชื่อมโยงหัวเมืองสำคัญให้เข้าถึงกันได้ อย่างสะดวกรวดเร็ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟสาย กรุงเทพฯ - ปากน้ำ ท่ีเปิดทำการได้เป็นสายแรก เมื่อมีข้าศึกรุกล้ำเข้ามาทาง ปากแมน่ ้ำ ก็จะสามารถลำเลียงกำลงั พลป้องกนั ไดท้ ันทว่ งที สมัยรัชกาลที่ ๕ นับเป็นช่วงเวลาท่ีมีการปรับปรุงสภาพบ้านเมือง ให้เป็นท่ียอมรับของนานาอารยประเทศ นับเป็นการพลิกโฉมประเทศ ครง้ั สำคญั ในประวตั ศิ าสตรข์ องชาต ิ ทศั นยี ภาพบรเิ วณสะพานมัฆวานรงั สรรค์ เม่อื มองไปยงั พระท่นี ่งั อนนั ตสมาคม สะทอ้ นให้เหน็ บรรยากาศของการปรับปรงุ บา้ นเมืองตามแบบอยา่ งของอารยประเทศทางตะวันตก 293
ประทบั รถมา้ พระทีน่ ง่ั กบั พระราชินมี าร์เกริตาแห่งอติ าลี ทอดพระเนตรริ้วขบวนทหารที่กรุงโรม เม่อื คราวเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงเยอื นประเทศอิตาลี พ.ศ. ๒๔๔๐ ทรงฉายพระรูปกับพระเจ้าซารน์ ิโคลัสที่ ๒ เมือ่ คราวเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงเยือนรสั เซีย พ.ศ. ๒๔๔๐ พระบรมราโชบายประการท่ี ๒ คือการเจริญทางพระราชไมตรีเป็นมิตร กับประเทศมหาอำนาจต่างๆ เพ่ือให้เกิด การคานอำนาจกัน โดยได้เสด็จพระราช ดำเนินไปทรงเยือนทวีปยุโรปถึง ๒ คร้ัง ใน พ.ศ. ๒๔๔๐ และ ๒๔๕๐ ทรงแสดง ให้ประจักษ์ชัดแก่ชาวโลกว่า พระมหา กษัตริย์ของกรุงสยามน้ันมิได้ล้าหลัง ไร้ความเจริญ ตรงกันข้าม ทรงรับส่ัง แ ล ะ เ ข้ า พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ได้เป็นอยา่ งดีโดยมติ อ้ งใช้ล่าม นอกจากนี้ ทรงส่งพระราชโอรส แ ล ะ บุ ต ร ห ล า น ข อ ง ขุ น น า ง ชั้ น ผู้ ใ ห ญ่ ตลอดจนสามัญชนจำนวนมากออกไป ศึกษาวิชาการต่างๆ ในยุโรป เพื่อนำ วิ ท ย า ก า ร ท่ี ก้ า ว ห น้ า ก ลั บ ม า พั ฒ น า บา้ นเมือง 294
๕ วิชาความรู้ในหนงั สอื ไทยท่ีมผี ู้แตง่ ไว้นั้น เป็นแตข่ องเก่าๆ มีน้อย เพราะมิไดส้ มาคมกบั ชาตอิ ่ืนชา้ นาน เหมือนวชิ าการในประเทศยุโรป ทีไ่ ด้สอบสวนซ่ึงกันและกันจนเจรญิ รุง่ เรอื ง พระบรมราโชวาท รัชกาลท่ี ๕ พระราชทานพระเจา้ ลกู เธอ ท่จี ะไปทรงศกึ ษา ณ ประเทศอังกฤษ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๒๘ ทรงฉายพระรูปร่วมกับพระราชโอรส ๑๑ พระองคท์ ีเ่ สด็จไปทรงศกึ ษาวิชาการแขนงตา่ งๆ ในทวีปยุโรป เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๐ ณ ปราสาทตาโปลวคอร์ต (Taplow Court) ถนนคลฟิ เดน (Cliveden Road) เมืองเมเดนเฮด (Maidenhead) ประเทศอังกฤษ 295
ทรงสนบั สนนุ ใหข้ ยายการศกึ ษานบั ต้งั แตใ่ นพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปสูโ่ รงเรียนของราษฎรในหัวเมอื งต่างๆ ทรงดำเนินพระบรมราโชบายอันชาญฉลาด ยกเลิกระบบ 296 ไพรท่ าสดว้ ยวธิ คี อ่ ยเปน็ คอ่ ยไป ใชเ้ วลากวา่ ๓๐ ปจี งึ สามารถ ปลดพันธนาการทาง สั ง ค ม ที่ มี ม า ห ล า ย ร้ อ ย ปี ไ ด้ โดยปราศจากการสูญเสียเลือดเน้ือเป็นชาติแรกและ ชาติเดียวในโลก ประกอบกับทรงส่งเสริมการศึกษาของ ราษฎร โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ตงั้ โรงเรยี นหลวง แห่งแรกขึ้นที่วัดมหรรณพาราม จากนั้นก็ได้ขยาย ใหแ้ พรห่ ลายออกไปท้ังในกรุงเทพฯ และหวั เมอื งต่างๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376