เจ้านายราชตระกูลต้งั แตล่ ูกฉนั เปน็ ต้นลงไป ๕ ตลอดจนถึงราษฎรทีต่ ่ำสดุ 297 จะได้มีโอกาสเลา่ เรียนไดเ้ สมอกนั ไมว่ า่ เจา้ ขนุ นางว่าไพร่ เพราะฉะนนั้ จึงขอบอกได้วา่ การเลา่ เรียนในบา้ นเมืองเรานี้ จะเปนขอ้ สำคัญท่ีหนงึ่ ซงึ่ ฉนั จะอตุ ส่าห์จดั ใหเ้ จริญใหจ้ งได ้ พระราชดำรัส รชั กาลท่ี ๕ ในวนั พระราชทานประกาศนยี บตั ร ณ โรงเรียนพระตำหนกั สวนกหุ ลาบ ด้วยพระราชอุตสาหะในการบำเพ็ญพระราช กรณียกิจเป็นอเนกประการ สยามจึงเป็นประเทศเดียว ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถรักษาเอกราชและ อธิปไตยไว้ไดส้ ืบมา ตลอดระยะเวลา ๔๒ ปี แห่งรัชสมัย สยามได้รับ การปรับปรุงเปล่ียนแปลงยิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร ์ ของชาติ พระองค์จึงทรงเป็นพระปิยมหาราช พระมหา กษัตริย์อนั เปน็ ทร่ี ักยิ่งของปวงชนชาวไทยตราบจนทุกวันน้ ี
จดั ฉายวดี ิทัศน์ ถา่ ยทอดพระราชประวัติ และพระราชกรณยี กจิ ของพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั บนผนังท่ีจำลองสถาปัตยกรรม ซึง่ ได้รับความนยิ มในสมัยนน้ั ๖ รัชกาลท่ี ๖ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จข้ึนครองราชย ์ ได้ทรงดำเนินรอยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ซ่ึงนอกเหนือจากการพัฒนาบ้านเมืองให้รุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ ยังทรงสนับสนุนความก้าวหน้าทางด้านความคิดและสติปัญญาของราษฎร ท้ังโดยขยายการศึกษา ทรงพระราชนิพนธ์บทประพันธ์ประเทืองปัญญา เปิดโอกาสให้ราษฎรแสดงความเห็นที่ถือเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาต ิ ผ่านกระบวนการตา่ งๆ ซงึ่ ลว้ นแตเ่ ปน็ การวางรากฐานท่ีสำคญั ในการพัฒนาคน เพื่อร่วมกนั พัฒนาชาติสบื ไป 298
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉายพระรปู พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมอ่ื คราวทพ่ี ระราชโอรสเสด็จไปรบั ที่กรงุ เจนีวา เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๐ เจา้ อยหู่ วั ทรงไดร้ บั การศึกษาจากประเทศอังกฤษตามแนว พระราชดำรขิ องสมเดจ็ พระบรมชนกนาถในการปอ้ งกนั รกั ษา เอกราชของชาติด้วยการสร้างความเจริญแก่บ้านเมือง โดยรับวิทยาการจากชาติตะวันตกแล้วนำมาปรับใช้ ในการพฒั นาประเทศไดอ้ ย่างเหมาะสม โดยทรงเขา้ ศึกษา วิชาการต่างๆ จากสถาบันท่ีมีชื่อเสียง ทั้งวิชาการทหาร จากมหาวิทยาลัยแซนด์เฮอร์สต์ วิชาประวัติศาสตร์ และกฎหมายจากวิทยาลัยไครสต์เชิร์ช ซ่ึงเป็นสถาบัน ในเครือมหาวิทยาลยั ออกซ์ฟอรด์ แห่งประเทศองั กฤษ นอกเหนือจากการเอาพระราชหฤทัยใส่ ในการศึกษาวิทยาการสมัยใหม่ ยังมีพระราชประสงค์ท่ีจะ เข้าใจแบบแผนทางความคิด วิถีชีวิต และวัฒนธรรม ของทางตะวันตก อันจะเป็นการปูทางไปสู่การเสริมสร้าง ความสัมพันธ์ท่ีเท่าเทียมและนำพาประเทศไปสู่การยอมรับ รอดพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบและการคุกคาม ของชาตมิ หาอำนาจทั้งหลาย หนังสอื เร่อื ง The War of the Polish Succession หรือสงครามสบื ราชสมบตั ิโปแลนด์ พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้า เจา้ อย่หู ัวเมอ่ื ครง้ั ยงั ทรงศึกษา ณ มหาวทิ ยาลัยออกซฟ์ อร์ด สะท้อนใหเ้ หน็ ถึงพระปรชี าสามารถดา้ นประวัตศิ าสตร์ การเมือง และอักษรศาสตร์ 299
ชาติไทยทีจ่ ะหวงั ม่นั คงอยตู่ อ่ ไปได ้ ก็ต้องอาศัยกำลัง และความรสู้ ึกรกั ชาติอนั แทจ้ รงิ แห่งบคุ คลซ่งึ เป็นไทยโดยเฉพาะ พระราชนพิ นธ์ เมืองไทยจงต่ืนเถดิ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ไปทอดพระเนตรการซอ้ มรบของกองเสอื ปา่ เจ้าอยู่หวั ปลูกฝังความรักชาต ิ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพยายามปลุกใจประชาชนให้เกิดความรักชาติอย่างเป็น รูปธรรมอยู่เป็นนิตย์ โดยทรงปฏิบัติพระองค์เฉกเช่น สามญั ชนทมี่ คี วามรกั ชาติ ทรงเตอื นใหช้ ว่ ยกนั เตรยี มพรอ้ ม ท่ีจะป้องกันชาติ ดังปรากฏในพระราชนิพนธ์ซ่ึงส่ือสาร สารัตถประโยชน์มุ่งปลุกใจให้ประชาชนมีความรักชาต ิ มคี วามภมู ิใจในประเพณวี ฒั นธรรมของชาติ นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ัง กองเสือป่า โดยทรงมุ่งหมายจะฝึกหัดข้าราชการพลเรือน ให้ได้เรียนรู้วิชาทหารไว้ เป็นกำลังช่วยชาติบ้านเมือง ในยามสงคราม และยามสงบก็ยังอาจช่วยเหลือราชการ ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายและการจลาจล และทรงก่อตั้ง กิจการลูกเสือป่า เพ่ือฝึกอบรมเยาวชนให้เป็นพลเมืองด ี มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความสามัคคีในหมู่คณะอันเป็นรากฐานความมั่นคง ของชาต ิ โครงสยามานสุ สติ พระราชนพิ นธ์ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยูห่ วั มีเนื้อหาเตือนสติและปลูกฝังความรกั ชาต ิ และภมู ิใจในเกียรตภิ มู ขิ องชาติ 300
มีพระราชดำริเห็นสมควรทจ่ี ะขยาย ๖ การศึกษาให้ผู้จะศึกษาขัน้ สูงสามารถเข้าเรยี น ได้ทั่วถึงกัน จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหย้ กโรงเรียนข้าราชการพลเรอื น ขึน้ เป็นจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย ขยายโอกาสการศึกษา สมยั รัชกาลท่ี ๖ การศึกษามิได้อยใู่ นวดั ดังเช่นกาลก่อน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเอาพระราชหฤทยั ใส ่ ใหส้ รา้ งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงข้นึ ในการศึกษาของราษฎรเป็นอย่างย่ิง ทรงขยายการศึกษาซ่ึงสมเด็จ เพื่อเป็นสถาบนั การศกึ ษาและเป็นเสมอื น พระบรมชนกนาถทรงวางไว้ใหก้ วา้ งขวางยงิ่ ขน้ึ กวา่ เดมิ และไมท่ รงมงุ่ ฝกึ คน พระอารามประจำรชั กาล เพ่ือเข้ารับราชการแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทรงสอนให้คนมีคุณธรรม และความรู้ในการประกอบอาชีพโดยควรแก่อัตภาพ และทรงสร้าง จากพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๕ สถานศกึ ษาระดบั ต่างๆ อยา่ งหลากหลายซง่ึ เปน็ การเปดิ โอกาสใหร้ าษฎร ท่ีจะทรงทำนุบำรุงศลิ ปะการชา่ งของไทย ไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งทว่ั ถงึ เชน่ ใหพ้ ฒั นาถาวรสบื ไป โรงเรยี นมหาดเลก็ หลวง ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ รชั กาลท่ี ๖ จึงไดพ้ ระราชทานกำเนดิ แทนวัดประจำรัชกาลและทรงชักชวนผู้มีใจบุญทำบุญด้วยการสร้าง โรงเรยี นเพาะช่าง เพื่อเป็นสถาบัน โรงเรยี นแทนการสรา้ งวัดตามประเพณนี ิยม สำหรบั การศึกษาศิลปกรรมไทยตอ่ ไป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยก ฐานะโรงเรียนข้าราชการพลเรือนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า 301 เจา้ อยหู่ ัวขน้ึ เป็นมหาวทิ ยาลัย นบั เปน็ มหาวิทยาลยั แหง่ แรกของประเทศ โรงเรียนเพาะช่าง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังขึ้น เพ่ืออนุรักษ์และสนบั สนนุ งานศิลปกรรมไทย ทำให้ประเทศยงั มชี ่างฝีมอื ทส่ี บื ทอดและสร้างสรรค์สง่ิ สวยงามของชาตมิ าถึงปัจจุบัน โรงเรยี นเบญจมราชาลยั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขนึ้ เป็นโรงเรียนฝึกหดั ครสู ตรแี ห่งแรกของกระทรวงธรรมการ การศึกษาประชาบาล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็น โรงเรียนระดับประถมศึกษาเพื่อให้ประชาชนในระดับท้องถิ่นได้รับ การศึกษาอยา่ งท่วั ถึง
ทรงพยายามฟ้นื ฟูโขน ซ่งึ ในสมยั นน้ั ซบเซาอย่างมาก วัฒนธรรมนำชาตวิ ัฒนา ทงั้ ยงั ทรงแสดงดว้ ยพระองคเ์ อง เชน่ โขนเรอ่ื งรามเกยี รต์ิ ทรงรบั บทพระรามและทรงฉลองพระองค ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทำนุ ท่ที รงออกแบบเอง บำรุงศิลปวัฒนธรรมไทยทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นนาฏศิลป์ การละคร จิตรกรรรม สถาปตั ยกรรม วรรณกรรมอยา่ งมาก 302 โดยเฉพาะงานวรรณกรรมนน้ั ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทประพนั ธ์ อันทรงคุณค่าทั้งเน้ือหาและวรรณศิลป์ข้ึนถึง ๑,๒๓๖ เร่ือง ด้วยทรงตระหนักในพระราชหฤทัยดีว่า ชาติท่ีมีความเจริญ รุ่งเรืองทางด้านอักษรศาสตร์ย่อมได้รับการนับถือยกย่องจาก นานาชาติ โดยอาจแบ่งบทพระราชนิพนธ์เป็นหลายประเภท ดว้ ยกนั เชน่ บทพระราชนพิ นธล์ ะครรอ้ ง บทพระราชนพิ นธล์ ะครพูด บทพระราชนพิ นธ์สารคดี บทพระราชนพิ นธ์เกีย่ วกับลัทธิ ประเพณี และศาสนา บทพระราชนพิ นธท์ างการทหารและการต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยงั ทรงเลอื กบทพระราช ๖ นิพนธ์มาจัดแสดงละคร โดยทรงแฝง แนวพระราชดำริต่างๆ ท้ังการปกครอง อ้าอรณุ แอรม่ ระเรอ่ื รุจี ประดุจมโนภิรมย์รตี เศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งคติธรรม ณ แรกรัก สำหรับการครองตนอยู่ในสังคมอย่างเป็น แสงอรณุ วโิ รจน์นภาประจกั ษ์ แฉล่มเฉลาและโสภิตนกั พลเมืองดี มีความจงรักภักดีต่อชาติ ณ ฉนั ใด ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ หญงิ และชาย ณ ยามรตีอทุ ยั สว่าง ณ กลางกมลละไม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ก็ฉันน้นั ให้ต้ังกรมมหรสพ เพื่อบำรุงนาฏศิลป์ และดนตรี และไดพ้ ระราชทานบรรดาศกั ดิ์ บทละครพดู คำฉนั ท์ เร่ือง มัทนะพาธา พระราชนพิ นธ์ของ แก่ศิลปิน มีการต้ังโรงเรียนพรานหลวง พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั ไดร้ ับการยกย่อง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับสอนอบรม จากวรรณคดีสโมสร เมือ่ พ.ศ. ๒๔๖๗ ว่าเป็นหนงั สอื แตง่ ดี กุลบุตรให้มีความรู้ทางนาฏศิลป์ดนตรี พรอ้ มกับวิชาสามญั เพราะมีพระราชดำริใช้คำฉนั ท์ แตง่ เปน็ ละครพดู อันเปน็ ของแปลกในกระบวนวรรณคดแี ละแต่งได้โดยยาก ยงั ไมเ่ คยมีกวคี นใดไดพ้ ยายามแตง่ มากอ่ น พระราชวงั สราญรมย์ สถานทต่ี ง้ั กรมมหรสพและโรงละครทวปี ัญญา ซง่ึ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ั้งขน้ึ เพอ่ื บำรุงศิลปะการแสดงของชาติ 303
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ ้งั โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพือ่ ให้เป็นที่บริการรกั ษาพยาบาลผบู้ าดเจบ็ และผู้ปว่ ยไข ้ ท้งั ในยามสงครามและปกติโดยไมเ่ ลือกชาติ ชน้ั วรรณะ ลัทธิ ศาสนา หรอื ความคิดเห็นทางการเมือง พัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานของบา้ นเมอื ง ตลอดชว่ งระยะเวลา ๑๕ ปแี หง่ รชั สมยั พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชอุตสาหะ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ก่อต้งั บรษิ ัทปูนซเิ มนต์ไทย จำกดั ที่จะนำสยามไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้านทัดเทียม ดว้ ยพระราชประสงคท์ ่จี ะให้สยามสามารถผลิตปูนซีเมนต์ใชเ้ อง อารยประเทศ ลดการพง่ึ พาการนำเขา้ จากต่างประเทศ และเพือ่ จัดสรรการใช้ ในการพัฒนาด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรพั ยากรภายในประเทศอยา่ งคุ้มคา่ ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งโรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ วชิรพยาบาล และสถานเสาวภา เพื่อเป็นแหล่งผลิตเซรุ่ม แก้พิษง ู มีการตั้งโรงปนู ซเี มนตไ์ ทย ด้วยมีพระราชดำริว่า ปนู คอื วสั ดสุ ำคญั ทร่ี องรบั กจิ การการกอ่ สรา้ งสาธารณปู โภค จำเป็น อนั เปน็ การพัฒนาโครงสร้างพน้ื ฐานของประเทศ ทรงต้ังกรมรถไฟหลวงและขยายกิจการรถไฟ จนมีการขุดเจาะอุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในประเทศไทย ลอดถ้ำขุนตาล และสร้างทางเดินรถไฟเส้นทางต่างๆ ท่ัวพระราชอาณาจกั รสำเร็จลงเปน็ ลำดบั อุโมงค์ขนุ ตาล เป็นอุโมงคร์ ถไฟทีย่ าวท่ีสดุ ในประเทศ ชว่ ยให้การเดินทางไปยังท้องถิ่นทุรกันดารสะดวกมากขนึ้ สะพานพระราม ๖ สะพานรถไฟข้ามแมน่ ้ำเจา้ พระยา สะพานแรกของไทย ที่ชว่ ยเชื่อมโครงขา่ ย รถไฟท่วั ประเทศใหต้ ิดต่อถงึ กัน 304
๖ พ.ศ. ๒๔๖๒ ได้มีการทดลองทำการบนิ รับ - สง่ ไปรษณยี ร์ ะหวา่ งกรุงเทพฯ กบั จนั ทบุรีดว้ ยเครือ่ งบินเบรเกต์ ๑๔ (Breguet XIV) ซง่ึ เปน็ เครอ่ื งบนิ ทหารทไ่ี ดด้ ดั แปลงมาใชง้ านขนสง่ ทางอากาศ นบั วา่ ประเทศไทยไดก้ า้ วเขา้ สวู่ งการการบนิ ก่อนหน้าประเทศอนื่ ๆ ในภมู ิภาคอุษาคเนย์ ตงั้ สถาบนั การเงนิ โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างคลังออมสิน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรู้จัก การออมทรัพย์ ตลอดจนทรงค้ำจุนแบงค์สยามกัมมาจล ให้มั่นคงจนพัฒนาข้ึนเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในปจั จุบนั ริเริ่มงานชลประทานเพื่อการเกษตร มีการสร้าง เขอ่ื นพระราม ๖ เป็นเข่อื นทดน้ำที่สร้างขนึ้ เป็นแหง่ แรก เข่อื นพระราม ๖ เป็นเขอ่ื นทดและสง่ นำ้ ทีจ่ งั หวัดพระนคร ในประเทศไทย กั้นแมน่ ้ำป่าสกั ท่คี ุ้งยางนม ศรีอยธุ ยาข้ึนเป็นเขอ่ื นแรกของประเทศ ตำบลไกข่ ัน จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เร่ิมการขนสง่ ไปรษณยี ภณั ฑท์ างอากาศ ทรงริเรมิ่ เพอื่ เกบ็ น้ำไว้ใหป้ ระชาชน ใช้การบินในการคมนาคมขนส่งทางอากาศ นอกเหนือจาก ใช้ในการเกษตร จะใช้การบินในการปอ้ งกันประเทศ สร้างสะพานพระราม ๖ เพ่ือเป็นสะพานข้าม แม่น้ำเจ้าพระยาและเพื่อเช่ือมทางรถไฟท้ังสายเหนือและ สายใต้โยงเขา้ สศู่ ูนย์กลางที่สถานีรถไฟหัวลำโพง สรา้ งสวนลมุ พนิ ี โดยพระราชทานทีด่ ิน ใหเ้ ปน็ ท่พี ักผ่อนหยอ่ นใจของประชาชน 305
ฉนั ยงั หวังว่าจะมชี วี ิตอยนู่ านพอ ที่จะได้เหนประเทศสยาม 306 ได้ร่วมเข้าในหม่ชู าตติ า่ งๆ โดยไดร้ บั เกียรต ิ แลความเสมอภาคอย่างจริงๆ ตามความหมายของคำนน้ั ทกุ ประการ พระราชปณธิ านในการปกครองประเทศชาติ ในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระเจา้ น้องยาเธอ เจ้าฟ้าจกั รพงษ์ภวู นาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ท่ีมีลายพระหัตถม์ ากราบบงั คมทูลถวายพระพร ในวันทที่ รงประกอบพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก เครือ่ งอสิ ริยาภรณ์ Croix de Guerre และ Chevalier de la Légion d’Honneur ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสมอบให้เป็นบำเหนจ็ ความชอบ แกผ่ ู้แทนทหารไทยที่ไดร้ ว่ มรบในสงครามโลกครัง้ ที่ ๑ อย่างเตม็ กำลังความสามารถจนประสบชัยชนะในทสี่ ดุ
๖ เกียรตภิ มู สิ ยาม ตลอดรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงพยายามทำทุกวิถีทางเพ่ือให้สยามได้รับ การยอมรับจากประชาคมโลกอย่างแท้จริง ซ่ึงหน่ึงใน พระราชวิเทโศบายท่ีแสดงถึงพระปรีชาสามารถอันสุขุม คัมภีรภาพคือการตัดสินพระราชหฤทยั ประกาศสงคราม ตอ่ ฝา่ ยมหาอำนาจอักษะในสงครามโลกคร้งั ที่ ๑ รว่ มกบั ฝ่าย สัมพันธมิตร ซ่ึงทำให้ประเทศได้รับประโยชน์นานัปการ นับต้ังแต่การเป็นท่ีรู้จักของนานาชาติ การยอมรับฐานะ และสิทธิของสยามเสมอกับอารยประเทศ ท่ีสำคัญคือ การได้ยกเลกิ และแกไ้ ขสนธสิ ญั ญาท่ีไม่เป็นธรรมที่ต่างชาติ ทำไว้ ซง่ึ ผูกพนั มาตัง้ แต่สมัยรัชกาลที่ ๔ อนสุ าวรียท์ หารอาสา พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯใหส้ รา้ งขนึ้ ทม่ี ุมตะวันตกเฉียงเหนือ ของทอ้ งสนามหลวงเพอื่ เปน็ อนสุ รณถ์ ึงความเสยี สละ ของทหารหาญ กองทหารของสยามไดร้ ว่ มเดินสวนสนามเพ่อื ฉลองชยั ชนะกับฝา่ ยสัมพนั ธมิตร ภายหลังสงครามโลกครง้ั ท่ี ๑ สน้ิ สุดลง ทงั้ ที่กรงุ ปารสี ประเทศฝร่งั เศส กรงุ ลอนดอน ประเทศองั กฤษ และกรงุ บรสั เซลส์ ประเทศเบลเยียม ถือเปน็ การประกาศ เกยี รตภิ ูมิของทหารหาญและประเทศสยามแกบ่ รรดาอารยประเทศ 307
เมอื งจำลองดสุ ติ ธานี พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งเพื่อใชท้ ดลองระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย ดุสติ สมิต หนังสือพิมพ์สำหรับเผยแพร ่ ประชาธปิ ไตยในเมอื งดุสิตธาน ี ขา่ วสารภายในเมอื งจำลองดุสิตธาน ี เม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตพระนคร จากการศึกษาวชิ าการในยโุ รป ไดท้ รงทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย 308 โดยทรงจัดสร้าง เมืองมัง ซึ่งเป็นช่ือที่มาจากคำว่า mango ตามสถานที่ต้ัง ที่เป็นสวนมะม่วง ด้านหลังพระตำหนักจิตรลดาองค์เดิม (ปัจจุบันอยู่ในบริเวณ วังปารุสกวัน) โดยพลเมืองคือมหาดเล็กทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ มีการเลือกตั้ง การต้ังคณะปกครอง การปฏิบัติตามเสียงข้างมาก ตลอดจนการฝึกเรื่อง การออมทรพั ย์ แต่ภายหลังไดย้ กเลกิ ไป ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงทดลอง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอีกคร้ัง โดยทรงจัดต้ังเมืองดุสิตธาน ี เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๑ และทรงขยายความรู้เรอ่ื งประชาธิปไตย โดยทรงทดลองกบั ขา้ ราชบรพิ ารและข้าราชการกระทรวงมหาดไทย
๖ นอกจากการจัดให้มีการปกครองโดยการเลือกตั้ง มีธรรมนญู การปกครอง ยังทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญอ่ืนๆ ในการอยรู่ ว่ มกนั เชน่ มวี ดั ธรรมาธปิ ไตย แสดงความจำเปน็ ทที่ กุ คนตอ้ งมธี รรมะ โดยทรงเปน็ พระรามราชมนุ รี บั หนา้ ท ่ี ในการสง่ั สอน รวมถงึ มกี ารออกหนงั สอื พมิ พร์ ายวนั ประจำเมอื ง ๒ ฉบับ คือ ดสุ ิตสมยั และดุสิตสกั ขีหรือดสุ ติ เรคอรเ์ ดอร์ ส่วนอีกฉบับ คือ ดสุ ติ สมติ เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ทั้ง ๓ ฉบับมีการนำเสนอข่าวสาร สาระบันเทิง และ บทวิจารณ์ต่างๆ ดสุ ติ ธานี แมเ้ ปน็ เมอื งทจี่ ำลองการปกครองแบบตะวนั ตก แตย่ งั รกั ษา ๑๕ ปี ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เอกลกั ษณอ์ ยา่ งไทย คอื มวี ดั ในพระพทุ ธศาสนาอยา่ งวดั ธรรมาธปิ ไตย เจ้าอยู่หัวเป็นช่วงเวลาท่ีมีความหมาย เกียรติภูมิของชาต ิ เปน็ ศนู ยร์ วมความศรัทธาของประชาชน ได้รบั การยกยอ่ งขน้ึ เสมอกบั นานาประเทศ บา้ นเมอื งเจรญิ รงุ่ เรอื งพรอ้ มกนั ทกุ ดา้ น ทรงวางรากฐานสำหรบั การปกครอง แบบประชาธิปไตยที่ทรงตระหนักดีว่า ต้องมาถึงสักวัน ในอนาคต โดยทรงสง่ เสรมิ การศกึ ษา ประกาศพระราชนยิ ม ที่จะทรงสร้างโรงเรียนแทนการสร้างวัดประจำรัชกาล ตามโบราณราชประเพณี เพราะทรงเล็งเห็นว่าระบอบ ประชาธปิ ไตยจะดำเนนิ ไปไดด้ ว้ ยดตี อ้ งอาศยั ขอ้ ทปี่ ระชาชน มกี ารศกึ ษาดพี อจะปกครองรกั ษาสทิ ธขิ องตนเปน็ สำคญั ดุสิตธานสี ร้างข้ึนเพอื่ ทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซงึ่ เปน็ การปกครองรูปแบบใหม่ แตย่ ังคงมพี ระมหากษตั ริย ์ เปน็ ศูนยร์ วมจิตใจของชาวเมอื ง ดงั จะเห็นได้วา่ มพี ระราชวงั อยา่ งพระวัชรนิ ทรร์ าชนิเวศน์เปน็ อาณาบรเิ วณสำคญั ของเมือง ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งเมืองดสุ ติ ธานี โดยสมมติให้มี ฐานะเป็นมณฑลหนงึ่ ในราชอาณาจกั ร เป็นการปูพน้ื ฐานทางการเมือง ในระบอบประชาธิปไตยใหแ้ กป่ ระชาชน โดยผา่ นกระบวนการ ของการปกครองทอ้ งถิน่ ในรปู แบบเทศบาล โดยทรงดัดแปลง มาจากธรรมนูญการปกครองเทศบาลของอังกฤษ บนพ้นื ท่ีประมาณ ๒ ไร่ ประกอบดว้ ยพระราชวัง วดั สถานที่ราชการ โรงทหาร โรงเรยี น โรงพยาบาล ตลาด ร้านคา้ ภตั ตาคาร ธนาคาร โรงละคร โรงภาพยนตร์ สโมสร และสำนกั งาน นาครศาลา เปน็ สถานทปี่ ระชุมของชาวเมืองดุสิต เพ่ือเลือกตง้ั \"เชษฐบรุ ุษ\" และ \"นคราภบิ าล\" อันเป็นการดำเนินงาน ตามระบอบประชาธปิ ไตย 309
รชั กาลที่ ๗ นับจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราช สมบตั ิเปน็ พระมหากษตั รยิ ์รชั กาลท่ี ๗ แห่งพระบรมราชวงศจ์ กั รี เป็นชว่ งเวลา ๗ เดียวกับท่ีบ้านเมืองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหานานาประการ โดยเฉพาะ สภาพเศรษฐกจิ ทตี่ กตำ่ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งตง้ั แตส่ น้ิ สดุ สงครามโลกครงั้ ที่ ๑ เปน็ ตน้ มา ซง่ึ ได้สง่ ผลกระทบตอ่ ภาวะจติ ใจของราษฎรเป็นอย่างมาก นอกจากน้ี ความตื่นตัวทางการเมืองของผู้ที่ได้รับการศึกษาทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งต้องการมีส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมืองและความคิด ทจี่ ะเปล่ียนแปลงการปกครองได้เพมิ่ มากขึ้น 310
ฉายวดี ทิ ศั นถ์ า่ ยทอดพระราชประวตั ิ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั และพระราชกรณียกจิ ของ เมื่อคราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั โดยเบอื้ งหลังจอฉายภาพ แม้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะมิได้ จำลองอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เครอื่ งหมายแหง่ การเปลี่ยนแปลง ทรงเตรียมพระองค์เพื่อเป็นพระมหากษัตริย์ต่อจาก การปกครองซึ่งเกิดข้นึ ในรชั กาลน้ ี พระบรมเชษฐาธิราช แต่เม่ือทรงครองราชย์แล้ว ไม่ว่าจะ ทรงประสบปัญหาวิกฤตอย่างหนึ่งอย่างใด พระองคท์ รงใช ้ พระปรชี าญาณและพระบรมราชวินิจฉัยแก้ไขสถานการณ์ ได้ด้วยดีตลอดมา ทรงเป็นนักปกครองที่มีพระราชหฤทัย กว้างขวาง ดังจะเห็นได้จากพระราชประสงค์และพระราช ปณิธานท่ีจะทรงมอบอำนาจการปกครองให้แก่ประชาชน ในรัชกาลของพระองค์และทรงถือเอาประโยชน์สุขของ ราษฎรเป็นท่ีตั้ง ด้วยทรงตระหนักในพระราชภาระหน้าที่ ในฐานะพระมหากษัตริย์ในการทำนุบำรุงประเทศชาต ิ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากพระราชกรณยี กิจตลอดรัชสมัย 311
เสดจ็ พระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยปุ ราคา และทรงเยี่ยมราษฎรทตี่ ำบลโคกโพธ์ิ เมอื งปตั ตาน ี เสด็จประพาสหัวเมอื งพายพั เพ่อื ทรงทราบทุกขส์ ขุ ของราษฎร เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงเยีย่ มและมีพระราชปฏิสันถาร กับราษฎรที่มาเขา้ เฝา้ ฯ ท่วี ดั พระสิงห์ เมืองเชยี งใหม ่ เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนรถไฟพระทน่ี ่งั เพื่อไปทรงเยย่ี มราษฎรท่ีเมืองลำปาง 312
๗ มีพระราชดำรัสตอบในพธิ ีทลู พระขวญั ท่เี มืองเชียงใหม่ เม่อื คราวเสด็จพระราชดำเนนิ ไปมณฑลฝา่ ยเหนอื เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร ต้งั แต่เราได้รบั สืบราชสมบัติ ก็ตัง้ ใจประสงคว์ า่ จะเที่ยวตรวจตราตามหัวเมืองในพระราชอาณาเขต พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้ง พระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการที่จะดำเนินตามรอย ในเวลามโี อกาสจะไปไดใ้ หท้ ั่วทกุ มณฑล พระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เพ่อื จะไดร้ ู้เห็นด้วยตนเอง เ จ้ า อ ยู่ หั ว ใ น ก า ร บ ำ บั ด ทุ ก ข์ บ ำ รุ ง สุ ข แ ก่ ร า ษ ฎ ร แ ล ะ สร้างสรรค์ความเจริญแก่ประเทศชาติ จึงทรงพยายาม ซงึ่ กิจการแลภมู สิ ถานบ้านเมอื ง ใกล้ชิดกับราษฎรให้มากท่ีสุด เพื่อจะได้ทรงทราบสภาพ กับท้ังความทกุ ข์สุขของไพรฟ่ า้ ข้าแผน่ ดิน ความเปน็ อยทู่ ่แี ท้จรงิ ของราษฎร นอกจากนี้ การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยย่ี ม พระราชดำรสั ตอบคณะกรมการเมอื งตรงั ราษฎรในทอ้ งถนิ่ ตา่ งๆ ยงั เปดิ โอกาสใหพ้ ระองค์ไดท้ รงศกึ ษา เมอ่ื คราวเสดจ็ ประพาสหวั เมอื งปกั ษ์ใต ้ และทรงพจิ ารณาถงึ ความพรอ้ มของราษฎรตอ่ การปกครอง แบบประเทศทางตะวนั ตก ซงึ่ สว่ นใหญม่ กี ารปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย โดยทรงพระราชอุตสาหะที่จะดำเนินการ บริหารประเทศด้วยแนวทางที่เหมาะสม เพ่ือเป็นการวาง รากฐานท่ีจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น ระบอบประชาธปิ ไตย 313
มีพระราชประสงคจ์ ำนงค์หมาย จะทรงจำกดั พระราชอำนาจอาชญาสิทธ์ิ ของพระองค์ทา่ น พระราชทานแก่ราษฎร ในการปกครองประเทศ กระแสพระราชดำรสั พระราชทานแกห่ นังสือพิมพ์ ในประเทศสหรฐั อเมริกา เมื่อครัง้ เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงรักษาพระเนตร พ.ศ. ๒๔๗๔ วางรากฐานประชาธิปไตย มพี ระราชดำริใหต้ ง้ั สถานีวทิ ยกุ ระจายเสยี ง นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระบาทสมเด็จ เพอื่ สง่ ขา่ วสารท่เี ปน็ ประโยชน์ตา่ งๆ ให้แก่ประชาชน พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์แน่วแน่ที่จะมอบ การปกครองระบอบประชาธิปไตยแก่พสกนิกร เพื่อสืบทอด 314 พระราชปณธิ านของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวให้สำเร็จ ในสมัยของพระองค์ ทรงเรมิ่ ปพู น้ื ฐานการปกครองระบอบรฐั สภา โดยทรงจดั ตงั้ สภากรรมการองคมนตรีเป็นสภาที่ปรึกษา มีหน้าท่ีประชุม พิจารณากฎหมายหรือเรื่องสำคัญท่ีเก่ียวพันกับสวัสดิภาพ และผลประโยชนข์ องบา้ นเมืองและประชาชน สภากรรมการองคมนตรีมีลักษณะดำเนินการประชุม ลงมติ และหลักการต่างๆ คล้ายกับรัฐสภาในระบอบ ประชาธิปไตย ท้ังนี้เพราะมีพระราชดำริจะให้สภากรรมการ องคมนตรีเป็นสภาฝึกหัดของรัฐสภาในระบอบการปกครอง แบบประชาธปิ ไตยซ่ึงจะมีในอนาคต นอกจากน้ี ยังมีพระราชดำริที่จะฝึกอบรมให้ราษฎร รจู้ กั การปกครองตนเองในระดบั ทอ้ งถน่ิ ดว้ ยรปู แบบประชาภบิ าล หรือเทศบาล
๗ พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหมืน่ พทิ ยาลงกรณ์ เจ้านายพระองคห์ น่ึงในคณะองคมนตรสี ภา ผมู้ ีบทบาทในการวางระเบียบสภา ซ่งึ ยงั คงใช ้ อยใู่ นสภาผูแ้ ทนราษฎรจนถึงปจั จุบัน เพอ่ื เปน็ การใหก้ ารศกึ ษาแกป่ ระชาชนที่จะก้าวไปสู่ การปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการขึ้น ชุดหน่ึง ซ่ึงต่อมาได้ร่วมกันร่างพระราชบัญญัติเทศบาล จนสำเร็จเรียบร้อย แต่เกิดการเปล่ียนแปลงการปกครอง ขน้ึ เสยี กอ่ น อยา่ งไรกต็ าม รัฐบาลสมัยประชาธิปไตยได้นำ รา่ งพระราชบญั ญตั ิฉบบั นี้มาดดั แปลง จงึ เกิดมีเทศบาลขน้ึ สมดงั พระราชหฤทัยใน พ.ศ. ๒๔๗๖ พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการวางรากฐานประชาธปิ ไตย ท่ีสำคัญ คือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการร่าง รัฐธรรมนูญขึ้น ๒ ฉบับ เพ่ือพระราชทานแก่พสกนิกร ในวนั ครบรอบวนั สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ๑๕๐ ปี แตย่ ัง ท ร ง รี ร อ เ พ ร า ะ มี พ ร ะ บ ร ม ว ง ศ า นุ ว ง ศ์ ผู้ ใ ห ญ่ เ ห็ น ว่ า ยังไม่เหมาะแก่เวลา รา่ งรฐั ธรรมนูญฉบับท่ี ๑ ซ่งึ รัชกาลท่ี ๗ ทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ใหร้ ่างถวายใน พ.ศ. ๒๔๖๙ 315
พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั เปล่ยี นแปลงการปกครอง ทรงลงพระปรมาภิไธยในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รสยาม เม่ือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมอื่ วันท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เสด็จข้ึนครองราชย์ ข่าวสารเก่ียวกับเหตุการณ์บ้านเมือง ของประเทศต่างๆ และแนวคิดสมัยใหม่กำลังแพร่หลาย รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรสยามฉบบั แรก ปัญญาชนมีโอกาสได้เห็นแบบอย่างของประเทศตะวันตก ทปี่ ระชาชนมสี ทิ ธแิ ละมสี ว่ นรว่ มในการปกครอง ประกอบกบั 316 มีการเขียนบทความเรียกร้องประชาธิปไตยในหนังสือพิมพ์ อย่างแพร่หลาย ทำให้ประชาชนเร่ิมสนใจกิจการบ้านเมือง เพิม่ ขึน้ เป็นลำดับ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ก เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว มีพระราชปรารภทจี่ ะใหป้ ระชาชนปกครองตนเอง ดงั ปรากฏ ในบทสั ม ภ า ษ ณ์ พ ร ะ ร า ช ท า น ห นั ง สื อ พิ ม พ์ ฉ บั บ ห นึ่ ง เม่ือคราวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรักษาพระเนตร ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า พระองค์กำลังทรงเตรียมการ ทีจ่ ะพระราชทานรฐั ธรรมนญู ให้แกช่ าวไทย อย่างไรก็ตาม ภายหลังงานฉลองพระนคร ครบ ๑๕๐ ปี มบี คุ คลคณะหนง่ึ เรยี กตนเองวา่ คณะราษฎร เขา้ ยดึ อำนาจการปกครอง และมหี นงั สอื กราบบงั คมทลู เชญิ ใหพ้ ระองคเ์ ปน็ พระมหากษตั รยิ ภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู ทรงยอมรบั ตามขอ้ เสนอของคณะราษฎร เพอ่ื ใหป้ ระเทศชาตมิ รี ฐั ธรรมนญู เช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ และพระราชทานอำนาจ แก่ปวงชน โดยพระราชทานพระราชบัญญัติธรรมนูญ การปกครองแผ่นดินสยามช่ัวคราวในวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ นบั เปน็ รฐั ธรรมนญู ฉบบั แรกของไทย ตอ่ จากนนั้ ไดม้ กี ารรา่ งรฐั ธรรมนญู ฉบบั ถาวรและไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ ไป พระราชทานรฐั ธรรมนญู ณ พระทน่ี งั่ อนนั ตสมาคม เมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว พระราชทานรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รสยาม เมือ่ วันท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
๗ 317
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั พระราชทานนำ้ สังข์ ทรงเจมิ และพระราชทานเสมา ปปร. แกพ่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดช ขณะทรงดำรงพระยศ พระองคเ์ จ้าภมู พิ ลอดุลยเดช ขา้ พเจา้ มคี วามเต็มใจท่จี ะสละอำนาจอนั เป็นของขา้ พเจ้าอยแู่ ต่เดิมใหแ้ ก่ราษฎรโดยทัว่ ไป แตข่ า้ พเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทง้ั หลายของขา้ พเจา้ ให้แก่ผใู้ ด คณะใดโดยเฉพาะ เพ่ือใช้อำนาจนน้ั โดยสิทธขิ าดและโดยไม่ฟงั เสยี งอนั แท้จริงของประชาราษฎร พระราชหตั ถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสละราชสมบัติ เมอ่ื วนั ท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๗๗ เวลา ๑๓ นาฬิกา ๔๕ นาที 318
๗ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานนั ทมหดิ ล พระอัฐมรามาธิบดนิ ทร เม่ือแรกทรงครองสิรริ าชสมบัตเิ ปน็ พระมหากษตั รยิ ร์ ัชกาลที่ ๘ แหง่ พระบรมราชวงศจ์ กั รี ขณะมีพระชนมพรรษาเพยี ง ๘ พรรษา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ ๒๔๗๗ และประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษอย่างเงียบๆ นับเป็น พระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวของไทยท่ีเสด็จสวรรคตบนแผ่นดินต่างประเทศ และมิได้ทรงตั้งเจ้านายพระองค์ใดเป็นรัชทายาท คณะรัฐบาลจึงพร้อมใจกัน ทูลเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระโอรสของสมเด็จเจ้าฟ้า มหิดลอดุลเดชฯ เสด็จข้ึนครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลท่ี ๘ แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกท่ีเสด็จขึ้น ครองราชยภ์ ายหลังการเปลยี่ นแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย 319
๘ รชั กาลท่ี ๘ - รชั กาลปจั จบุ นั ม่งิ ขวญั ชาวไทย ดวงใจปวงประชา พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร เป็นพระมหากษตั รยิ พ์ ระองค์แรกที่ทรงครองราชย์ภายหลังการเปล่ียนแปลง การปกครองเป็นระบอบประชาธปิ ไตย ได้ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างอันดี แก่ประชาชนที่รักความเปน็ ประชาธปิ ไตย อกี ทงั้ ไดท้ รงประกอบพระราชกรณยี กจิ เปน็ อเนกประการ บนั ดาลความผาสกุ และรม่ เยน็ แกบ่ า้ นเมอื งและราษฎรโดยทว่ั กนั แมเ้ สวยราชสมบตั ิเพียงไมน่ าน 320
เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระราชอนชุ า เสดจ็ ขนึ้ ครองราชย์สืบต่อมา เป็นพระมหากษัตริยร์ ชั กาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงดำเนินรอยตามพระบรมเชษฐา ด้วยพระราชปณิธานท่ีจะพฒั นาบา้ นเมอื ง และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน จนเกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำรมิ ากมายท่มี ุ่งหมายความสขุ ของราษฎรเป็นสำคญั 321
ขอให้ถอื ประโยชน์ส่วนตนเป็นท่สี อง ลายพระหตั ถ์ สมเด็จพระมหติ ลาธเิ บศร ประโยชน์ของเพ่ือนมนุษยเ์ ป็นกจิ ท่ีหนึง่ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมือ่ ครงั้ ดำรงพระยศ สมเด็จเจ้าฟา้ มหดิ ลอดุลยเดชฯ กรมหลวงสงขลานครินทร์ พระราชทานนักเรยี นทุนสว่ นพระองค์ เมือ่ วนั ที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ คลา้ ยกบั เราไดร้ ับการอบรมจากพอ่ ผ่านทางแม่ พระนิพนธ์ คือกลบั เมืองไทยต้องทำงาน ตงั้ แต่เลก็ เคยไดย้ ินแมร่ บั สัง่ “เจา้ นายเลก็ ๆ - ยุวกษัตรยิ ”์ ของสมเดจ็ พระเจ้าพ่นี างเธอ เรือ่ งตอ้ งทำงานเพ่ือเมอื งไทยอยู่ตลอดเวลา เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร ์ 322
๘ แม่ไมเ่ คยชมเราว่าฉลาดหรืองาม จะชมกต็ อ่ เมื่อ อนั ที่จรงิ ...เธอก็ชอ่ื ภูมพิ ล ประพฤตติ นดี ทำอะไรท่นี ่าสรรเสริญ ท่แี ปลว่าพลังของแผน่ ดนิ แมอ่ ยากให้เธออยูก่ บั ดนิ พระนิพนธ์ “เจา้ นายเลก็ ๆ - ยุวกษัตริย”์ ของสมเด็จพระเจ้าพน่ี างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวฒั นา เมือ่ ฟังคำพูดน้แี ล้ว กก็ ลับมาคิด กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งแมก่ ค็ งจะสอนเรา เมือ่ ทรงพระเยาว ์ และมจี ดุ มงุ่ หมายวา่ อยากให้เราตดิ ดนิ และอยากใหท้ ำงานให้แกป่ ระชาชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระโอรส พระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ในสมเดจ็ พระมหติ ลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก ซึ่งสะทอ้ นให้เห็นว่าทรงคำนึงถึงพระราชดำรัส และสมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี ท่ีพระบรมราชชนนีไดท้ รงอบรม เม่ือสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จสวรรคตน้ัน และแนะนำอยู่เสมอ ทั้งสองพระองค์ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระบรมราชชนน ี จึงทรงเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ให้ความอบอุ่น ดูแลพระโอรส 323 พระธิดาด้วยพระองค์เอง ด้วยทรงมุ่งมั่นในพระราชหฤทัย ว่าการจะทำความดีให้แผ่นดินได้จริง พระองค์จะต้องเลี้ยงดู พระโอรสและพระธดิ าใหเ้ ปน็ คนดี ทรงเพียรอบรมพระโอรสและพระธิดาให้รู้จักเหตุผล มคี วามรบั ผดิ ชอบ รจู้ กั คดิ ไมป่ ลอ่ ยเวลาใหผ้ า่ นเลยไปโดยไรค้ า่ มเี มตตาและรูจ้ กั ชว่ ยเหลือผู้อ่นื
พระราชกรณียกิจสุดท้าย พระบรมฉายาลักษณ์หลังเบื้องพระปฤษฎางค ์ เสดจ็ พระราชดำเนินไปยัง ขณะมพี ระราชดำรสั ตอบประชาชนทเี่ ข้าเฝา้ ฯ สถานีเกษตรกลางบางเขน เม่ือวนั ท่ี ๕ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๙ Coronet Midget กล้องรุ่นแรก ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงใช้ เมอื่ มพี ระชนมพรรษา ๘ พรรษา Elax Lumière กลอ้ งประจำพระองค์ พระราชกรณยี กจิ ประจำ คือ ท่ีทรงใช้ถ่ายพระรปู พระบรมเชษฐา เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงเยยี่ มเกษตรกร เม่อื ตามเสด็จพระราชดำเนนิ ไปในทอ้ งที่ตา่ งๆ ในจังหวดั ใกลเ้ คยี ง เชน่ นนทบุรี ปทมุ ธานี 324
๘ ทรงพอพระราชหฤทยั ทุกคร้ัง ที่ไดม้ พี ระราชปฏสิ นั ถารกบั ราษฎร ทีม่ าเขา้ เฝ้าฯ ตามเส้นทางเสดจ็ พระราชดำเนนิ เมอื่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธิบดนิ ทร เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงเยยี่ มราษฎร ณ สถานท่ตี ่างๆ ในฐานะพระราชอนชุ า จึงทรงเปน็ เสมอื นชา่ งภาพสว่ นพระองค ์ เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช กลอ้ งของพระราชอนุชา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ทุกคร้ังท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้ง มกั โดยเสด็จพระราชดำเนินพระบรมเชษฐา ดำรงพระอสิ รยิ ยศเปน็ สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอฯ โดยเสดจ็ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องทตี่ ่างๆ อย่เู สมอ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐม รามาธิบดินทรเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเย่ียมราษฎร ตามที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด พระองค์จะทรงเป็นช่างภาพ ประจำพระองคส์ มเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าช ทรงคอยถา่ ยภาพ เกบ็ ไวเ้ สมอ กลอ้ งนจ้ี งึ มิใชเ่ พยี งกลอ้ งบนั ทกึ ภาพธรรมดา แตเ่ ปน็ กล้องท่ีบันทึกความทรงจำทนี่ อ้ งมตี อ่ พ ี่ 325
กลอ้ งของพระราชา กล้องนี้มิใช่เพียงกล้องบันทึกภาพธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์สำคัญ ในการปฏิบตั ิพระราชภารกจิ เพ่อื ประโยชน์ของบ้านเมืองและราษฎร ทุกรายละเอียดที่ปรากฏบนภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ สะท้อนให้เห็นว่า ทรงสงั เกตและทอดพระเนตรเห็นรายละเอียดท่ถี กู มองขา้ ม ดังนั้นทุกท้องถ่ินท่ีได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชกิจต่างๆ จึงได้รับการบันทึกภาพตลอดเวลา จึงถือได้ว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย ์ ที่ทรงร้จู ักผืนแผน่ ดนิ และราษฎรยิง่ กวา่ พระมหากษตั ริย์องค์ใดในโลก จึงไม่น่าแปลกใจว่าหากราษฎรท้องที่ใดประสบความเดือดร้อน พระองค ์ จะสามารถบรรเทาทุกข์ของราษฎรได้อย่างเหมาะสมและยังพระราชทาน แนวพระราชดำริในการแกป้ ญั หาใหห้ มดส้ินไปไดอ้ ยา่ งยัง่ ยืน Canon EOS 30D กลอ้ งถา่ ยภาพรุ่นลา่ สดุ ท ี่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงใช้ เม่อื ประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิรริ าช 326
๘ ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถร์ ะหว่างทางที่ทรงขับรถยนต์พระทน่ี ั่ง ดว้ ยพระองค์เอง แสดงให้เหน็ ความสนพระราชหฤทยั ต่อความเปน็ อยขู่ องพสกนกิ รอย่างท่ัวถึง มิไดท้ รงเวน้ แมก้ ระทงั่ เดก็ ชาวบ้านชนบท ภาพถา่ ยฝีพระหัตถ์ ดอยอ่างขาง ระหว่างทรงเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลงั การต้งั สถานเี กษตรหลวง ไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทอดพระเนตร จากทเี่ คยเป็นพน้ื ทปี่ า่ เส่อื มโทรม สถานอี วกาศแวนเดนเบิรก์ ขณะที่ประทบั อยบู่ น ไดก้ ลับฟ้นื คืนสู่ความอุดมสมบูรณ ์ เคร่ืองบนิ พระทน่ี ่ัง ทรงบันทึกภาพไว้ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ บรเิ วณอ่างเกบ็ น้ำ เข่อื นบา้ นวัน ทรงพอพระราชหฤทยั เมื่อได้ทอดพระเนตรเหน็ สะท้อนถงึ ความสนพระราชหฤทัยในการพัฒนาแหล่งน้ำ ราษฎรรูจ้ ักใช้วัสดอุ ปุ กรณ์ในท้องที่ใหเ้ ป็นประโยชน์ จึงปรากฏเปน็ ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถ์ วงลอ้ โพงนำ้ เพอ่ื การกกั เก็บรกั ษาน้ำท่ีมีตามธรรมชาติ ที่โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ไว้ให้ราษฎรมีเพยี งพอใชต้ ลอดปี อำเภอปางมะผ้า จงั หวัดแม่ฮ่องสอน 327
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงอทุ ิศกำลงั พระวรกายให้กับ การจัดการ น้ำ เป็นอย่างมาก จึงได้พระราชทานแนวพระราชดำริ ในการเก็บกกั น้ำและสร้างแหลง่ นำ้ ใหม่เพอื่ ให้ราษฎรมนี ้ำใช้ สำหรับอุปโภคบริโภคอยา่ งพอเพียง รวมทงั้ ยังสนพระราชหฤทยั เรอ่ื งการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและนำ้ เสีย ซ่ึงนบั เป็น ความเดอื ดร้อนอย่างสำคัญของราษฎรในปจั จบุ ัน ทรงใหค้ วามสำคญั กบั การรกั ษา ปา่ ไม้ โดยอาศยั ความร่วมมือ ของราษฎรในพืน้ ท่ี เพอ่ื ใหค้ นอยู่รว่ มกับปา่ และสามารถ ใชป้ ระโยชน์จากปา่ ได้อยา่ งสมดลุ และยั่งยืน ทรงใหค้ วามสำคญั อย่างยิ่งต่อการสง่ เสริมความรู้ในเร่ืองการทำ การเกษตร อย่างมีหลักวชิ าและรจู้ ักใช้เทคโนโลยีการเกษตร สมัยใหม่ ซึง่ จะชว่ ยใหร้ าษฎรมีความสามารถในการผลติ เพมิ่ มากข้ึน ดว้ ยเช้ือเพลิงอย่างนำ้ มนั และกา๊ ซธรรมชาติ นบั วนั จะหมดไป ทรงใช้หลกั ธรรมชาติทเ่ี รยี บง่ายในการรักษา ดิน โดยทรงแนะนำ และมีราคาสงู ขึ้น จงึ มพี ระราชดำริให้ศกึ ษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั การผลิต ใหป้ ลกู หญ้าแฝก ซง่ึ เป็นพชื ทม่ี ีรากแตกแขนงยาวและแข็งแรง เชือ้ เพลิงชวี ภาพ เพ่ือเป็น พลงั งานทดแทน ในยามเกดิ วกิ ฤตนำ้ มัน เพ่อื ชว่ ยป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดนิ 328
๘ ในการพัฒนาประเทศน้นั จำเปน็ ต้องทำตามลำดบั ข้นั เรมิ่ ดว้ ยการสรา้ งพน้ื ฐาน คอื ความมกี นิ มใี ชข้ องประชาชนกอ่ น ด้วยวธิ กี ารท่ีประหยัดระมัดระวัง แตถ่ กู ต้องตามหลกั วชิ า เม่ือพื้นฐานเกิดขึ้นมนั่ คงพอควรแลว้ จึงคอ่ ยสรา้ งเสริมความเจรญิ ขัน้ ทีส่ ูงข้ึนตามลำดับตอ่ ไป หากมุ่งแตจ่ ะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกจิ ข้นึ ให้รวดเร็วแต่ประการเดียว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั พระราชทานพระบรมราชวนิ จิ ฉัย โดยมิไดค้ ำนงึ ถึงความสมดุลยแ์ ละความสมั พนั ธ์ เกีย่ วกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นท่ลี มุ่ น้ำเจ้าพระยา อันสอดคล้องในองคป์ ระกอบต่างๆ อย่างพอเพียง อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำร ิ นับแต่ทรงครองสิริราชสมบัติ ไม่มีท่ีใดในแผ่นดินนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศลม้ เหลวได้ ท่ีพระองค์ไปไมถ่ งึ ไดเ้ สด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกแห่งหน พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ในพ้ืนท่ีทุรกันดาร เพ่ือศึกษาหาทางช่วยเหลือยกระดับ ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ความเป็นอยู่และพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรท่ียากไร้ ด้อยโอกาสทุกภูมิภาคของประเทศให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่ีดีข้ึนอย่างเต็มกำลัง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่าง เม่อื วันศกุ ร์ ท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๑๗ เขม้ แขง็ และยงั่ ยนื อนั จะนำไปสกู่ ารพฒั นาประเทศทแ่ี ทจ้ รงิ ทำให้พระราชฐานที่ประทับในสวนจิตรลดาไม่เหมือน พระราชวังใดในโลก ก่อเกิดโครงการส่วนพระองค์และ โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ ทรงตระหนกั ถงึ ปญั หาความเน่าเสยี ของแหลง่ น้ำ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จึงมพี ระราชดำริใหป้ ระดษิ ฐ์ เครื่องกลเตมิ อากาศท่ผี วิ น้ำแบบหมนุ ช้า (กังหันน้ำชยั พัฒนา) ซง่ึ ถอื เปน็ นวตั กรรมทป่ี ระหยดั ค่าใชจ้ า่ ย สามารถผลิตได้เอง ในประเทศ โดยทรงได้แนวคิดจาก \"หลกุ \" ซึ่งเปน็ อปุ กรณ ์ วิดนำ้ เขา้ นาอนั เป็นภูมิปญั ญาชาวบ้าน 329
ของขวัญพระราชทาน ตลอดระยะเวลาท่ีทรงงานและทรงปฏิบัติพระราชภารกิจท้ังปวง เพื่อชาวไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานข้อคิดและบทเรียน อันมีค่าไม่ว่าในแง่การงานหรือการใช้ชีวิต ท้ังจากพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสที่พระราชทานในวาระต่างๆ รวมทั้งพระราชนิพนธ์ และโครงการ อันเน่ืองมาจากพระราชดำริที่เป็นเสมือนศูนย์ศึกษาสำหรับถ่ายทอดวิชาการ ซง่ึ ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติให้เป็นประโยชน์แกท่ งั้ ตนเองและสงั คม พระราชทานพรปีใหม่ เพอื่ ให้คนไทยมสี ต ิ ส.ค.ส. ฝีพระหัตถ์ ทีพ่ ระราชทานพรปีใหม ่ และเตอื นใจใหเ้ กิดความคดิ และการกระทำที่ดงี าม เทคโนโลยี เพอื่ ประโยชน์สุขของราษฎร ภาพฝพี ระหัตถพ์ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั พระราชทานความร ู้ เรือ่ งการทำฝนเทยี ม กรรมวธิ ี “ซปุ เปอร์แซนด์วิช” ๖ ขนั้ ตอน
๘ พระราชนพิ นธ์ เพอื่ พัฒนาประชาชนใหเ้ ปน็ คนด ี พระราชทานความรู้ เพ่ือเพิ่มพลงั ปัญญา พระราชนิพนธ์เรื่องต่างๆ ลว้ นแตม่ ีคุณค่า มพี ระราชดำรทิ จ่ี ะให้มสี ารานกุ รมไทยที่คนไทยทำ ช่วยเสรมิ สรา้ งความรู้ ความคดิ และขดั เกลาสติปญั ญา ด้วยความมงุ่ หมายท่จี ะให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ เยาวชน และส่งเสรมิ ให้เยาวชนไทยได้หาความรู้ขัน้ พน้ื ฐาน แสดงใหเ้ ห็นแบบอย่างของการประพฤตปิ ฏบิ ัติดี ในเรอ่ื งราวและวชิ าการสาขาต่างๆ ความเจรญิ ของประเทศชาตเิ ปน็ ความเจริญส่วนรวม ซ่งึ เกิดจากผลงานหรอื ผลของการกระทำของคนทงั้ ชาติ ถอื ได้วา่ ทกุ คนแบง่ หน้าที่กนั ทำประโยชนใ์ ห้แกช่ าติ ตามความถนัดและความสามารถ และตา่ งคนต่างกไ็ ด้เก้ือกูลกันและกัน ไม่มผี ู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แกป่ ระเทศชาตไิ ด้โดยลำพังตนเอง พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ หอประชุมจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั วันศุกร์ ท่ี ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ศูนย์ศกึ ษา เพอ่ื การพฒั นา แบบเบด็ เสร็จ ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นา อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริทง้ั ๖ แหง่ (เขาหนิ ซอ้ น หว้ ยทราย อา่ วคุง้ กระเบน ภพู าน ห้วยฮอ่ งไคร้ และพิกุลทอง) นบั เปน็ แหล่งศึกษาค้นควา้ ทดลอง และแสวงหาแนวทางพัฒนา ท่ีเหมาะสมและสอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมและการประกอบอาชีพ ของราษฎรแต่ละทอ้ งถ่นิ เพื่อนำผลการ ทดลองวจิ ยั ไปเผยแพร่แก่ราษฎร ด้วยวธิ ีการที่เขา้ ใจง่ายและ สามารถนำไปปฏิบัติเองไดจ้ ริง 331
หยาดพระเสโททุกหยดแห่งความเพียรพยายามของพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั เปรียบประดุจสายฝนท่ีตกต้องผืนดินอันแห้งผากให้กลับชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์อีกคร้ัง นำความผาสุก ความร่มเย็น และคุณภาพชีวิตท่ีด ี มาสรู่ าษฎรในแผน่ ดนิ และนำมาซงึ่ ความสขุ ในพระราชหฤทัยของพระเจ้าแผ่นดิน ผู้อยู่เคียงข้างประชาชน ผู้เลือกท่ีจะแบกรับทุกข์และปัญหาของราษฎร ดุจดังทุกข์และปัญหาของพระองค์เอง มาตลอดต้ังแต่ต้นรัชกาลถึงปัจจุบัน ดั ง ค ำ สั ญ ญ า ท่ี ใ ห้ ไ ว้ เ มื่ อ ค รั้ ง ที่ พ ร ะ อ ง ค์ ต้ อ ง จ า ก พ ร ะ ร า ช อ า ณ า จั ก ร ไ ท ย ไปทรงศึกษาตอ่ ยงั ประเทศสวติ เซอร์แลนด ์ จดั แสดงดว้ ยเทคนคิ สื่อผสม ซงึ่ ผู้เขา้ ชม จะสมั ผัสได้ถึงสายลมเย็นและความชมุ่ ฉ่ำ ของสายนำ้ ซึ่งเปรียบไดด้ งั ความสุขของคนไทย ที่ไดอ้ าศยั อยู่บนผืนแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมีของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั 332
๘ ตามทางท่ีผา่ นมา ไดย้ ินเสยี งใครคนหน่ึงรอ้ งขนึ้ มาดงั ๆ ว่า “อย่าละทงิ้ ประชาชน” อยากจะร้องบอกเขาไปวา่ “ถา้ ประชาชนไม่ทง้ิ ขา้ พเจ้าแลว้ ข้าพเจ้าจะละทง้ิ อยา่ งไรได้” ความตอนหนงึ่ ในพระราชนพิ นธ ์ “เม่ือขา้ พเจา้ จากสยามมาสสู่ วติ เซอรแ์ ลนด”์ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั 333
ตลอดระยะเวลาแห่งการครองสิริราชสมบัติ พระมหากษัตริยท์ ุกรัชสมัย ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ ด้วยทรงต้ังพระราชปณิธาน มุ่งหมายที่จะอำนวยประโยชน์สุขให้บังเกิดแก่ราษฎร บรรเทาความเดือดร้อน ให้ผ่อนคลาย สามารถอาศยั อยู่บนแผน่ ดนิ ไทยได้อยา่ งรม่ เยน็ เป็นเวลากว่า ๒๐๐ ปี ที่แนวพระราชปณิธานยังคงปรากฏให้เห็น และสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยชาวไทยได้รับความสุขจากโครงการ อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ ตลอดจนพระราชกรณยี กจิ ตา่ งๆ พระมหากษัตริย์จึงทรงเป็นด่ังดวงใจของปวงประชา อันเป็นท่ีเคารพรัก และภักดีอยา่ งไมม่ วี ันเสื่อมคลาย 334
๘ พระปรชี าสามารถของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว เปน็ ศูนยร์ วมแห่งแรงบนั ดาลใจแก่ประชาชนของพระองคต์ ลอดมา ไมว่ า่ จะเป็นในด้านวชิ าการ ศิลปะ วทิ ยาศาสตร์ หรอื แมแ้ ต่การท่ที รงเป็นแบบอย่างทเ่ี รยี บงา่ ย ของการเป็นพ่อผ้มู แี ตค่ วามรัก และความเสยี สละเพ่ือลูก พระราชดำรสั สมเดจ็ พระราชาธิบดแี หง่ บรไู นดารุสซาลาม ในฐานะทรงเป็นผู้แทนพระประมขุ และพระราชวงศต์ า่ งประเทศ ถวายพระพรชยั มงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว เนอื่ งในวโรกาสมหามงคลทรงครองสิรริ าชสมบัติครบ ๖๐ ป ี ๑๔ มิถนุ ายน ๒๕๔๙ พระราชกรณยี กิจของพระมหากษตั รยิ ์ แห่งพระบรมราชวงศจ์ กั รีทีผ่ ้เู ข้าชม มีโอกาสได้ย้อนรำลึกรว่ มไปกับยายหลาน ย่อมเป็นที่ประจักษ์อยา่ งชดั เจนว่า ลว้ นนำมาซงึ่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของชาติ และความสงบสขุ ร่มเย็นของราษฎร ทุกยคุ สมัย ชาวไทยจึงเคารพรักและเทิดทูน พระมหากษัตรยิ ์เป็นดัง่ ดวงใจของปวงประชา 335
ผูเ้ ข้าชมสามารถถ่ายทอดความจงรักภกั ดี และร่วมถวายพระพรแด่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ผา่ นวีดิทศั น์ ซึง่ จะบนั ทึกภาพ และเสียงของผเู้ ข้าชม แลว้ คัดเลอื กนำออกแสดง ในจดุ จากใจ...พสกนกิ ร เรือ่ งเลา่ ของในหลวง ๙ ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ซ่ึงทุกเรื่องราว ของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นท่ีรักย่ิงของปวงชนชาวไทย จะได้รับการรวบรวม บันทึกและถ่ายทอดสู่ชาวไทย เพ่ือจะได้มีโอกาสสัมผัสและซาบซึ้งไปกับ พระราชจริยวัตรนับต้ังแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พระราชดำริ พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท และอีกหลากหลายเร่ืองราวของ “ในหลวง” ที่ประชาชน บนผืนแผ่นดนิ ไทยอาจไมเ่ คยรูม้ ากอ่ น 336
จดั แสดงด้วยระบบจอสมั ผัสซึ่งผู้เข้าชม สามารถเลือกชมและซาบซึ้งกบั พระราชจรยิ วตั รและเรื่องราวต่างๆ เก่ียวกับพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว ผูท้ รงเป็นทร่ี กั ยง่ิ ของปวงชนชาวไทย ภาพท่สี ุดของความทรงจำ คำพ่อสอน จัดแสดงภาพอันน่าประทับใจของชาวไทย จัดแสดงพระราชดำรัสและพระบรม ผู้เคยรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทหรือ ราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะบุคคล มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ในโอกาสต่างๆ ซึ่งยัง และประชาชนในหลายโอกาส ซ่ึงชาวไทย ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเจ้าของรูป สามารถนำมาเปน็ ขอ้ คดิ ตลอดจนแนวทาง อย่างไม่เสือ่ มคลาย ในการดำเนนิ ชีวิตได้เปน็ อย่างด ี ครัง้ หน่งึ ในชีวติ เรือ่ งของในหลวงที่เราไม่อาจรู้ ทำไมเรารักพระเจา้ อยหู่ วั จดั แสดงเรอ่ื งราวอนั นา่ ประทบั ใจของบคุ คล จดั แสดง ๘๐ เรอื่ งราวทช่ี าวไทยหลายลา้ นคน จัดแสดงวีดิทัศน์ถ่ายทอดความรู้สึกของ ที่เคยถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ไม่เคยรู้ เก่ียวกับ “ในหลวง” พระมหา คนไทยหลากหลายสถานะซ่ึงเคารพเทิดทูน และผู้ท่ีน้อมนำพระราชดำริมาเป็นแนวทาง กษัตรยิ ์ผ้ทู รงเป็นท่ีรกั ยิ่งของปวงชน และ “รกั ” พระเจา้ อยหู่ วั อยา่ งหมดดวงใจ ในการดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จ และความสุขในทส่ี ดุ 337
๑๐ จากใจ...พสกนกิ ร พสกนิกรท่ัวหน้าล้วนสำนึกและซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่ีทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นอเนก ประการ เพ่ือความเจริญของบ้านเมืองและความร่มเย็นของราษฎร ความรู้สึก ดังกล่าวปรากฏอยู่ในดวงใจชาวไทยทุกหมู่เหล่าตลอดมา ดังจะเห็นได้จาก ถอ้ ยคำส่วนหน่งึ ท่ีได้เลอื กสรรมาจัดแสดงไว้ ณ ทแี่ หง่ นี้ 338
จดั แสดงถ้อยคำความรู้สึกของประชาชน ที่สำนึกในพระมหากรณุ าธิคุณ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ถ้อยคำที่ประชาชนชาวไทยถ่ายทอดออกมาจากใจ ผทู้ รงเปน็ ที่รักยิ่งของชาวไทย ห ล า ย ล้ า น ด ว ง ล้ ว น แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง ค ว า ม เ ค า ร พ รั ก ความเทดิ ทนู และความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จ 339 พระเจ้าอยู่หัวอย่างหาท่ีสุดมิได้ ซึ่งแสดงให้เห็นเป็นท่ี ประจักษ์อย่างชัดเจนว่า คงไม่มีประชาชนพลเมืองของ ประเทศใดจะรักพระเจ้าแผ่นดินได้มากเท่ากับประชาชน ชาวไทย
340
๓ ตอนที ่ จรรโลล้ำงเวลัฒอนค่าธ รรม ร่วมใจผู้เช่ียวชาญ ผสานเทคโนโลย ี เนรมิตนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ 341
ห้องโถงดา้ นหนา้ ภายในอาคารนิทรรศน์รตั นโกสินทร์ ซ่งึ เปรียบได้กับ “หอ้ งรับแขก” ขนาดใหญ่ ไดร้ ับการออกแบบให้มีความโปรง่ โลง่ โอโ่ ถง ก่อให้เกดิ ความร้สู กึ อบอนุ่ และรว่ มสมยั การออกแบบที่คำนงึ ถึงความโปรง่ โลง่ ยังได้สร้างความตอ่ เนอ่ื งถงึ สว่ นอ่ืนของอาคารอีกดว้ ย 342
ร้อยเรียงอดีตสมัย เพ่ือคนไทยยุคปัจจุบัน นิทรรศน์รตั นโกสินทร์ ได้ร้อยเรยี งเรือ่ งราว กว่า ๒๐๐ ปี ของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นหน่ึงใน หน้าประวัติศาสตร์สำคัญท่ีคนไทยปัจจุบันอาจจะ ลืมเลือน และมักคิดว่าเป็นช่วงเวลาท่ีผ่านพ้นไปแลว้ หนุ่ จำลองพระบรมมหาราชวงั ทหี่ อ้ งเกยี รตยิ ศแผน่ ดนิ สยาม หากทวา่ ในความเปน็ จรงิ ทกุ วนั น้ีชาวกรงุ เทพฯ ตลอดจน เปน็ หนงึ่ ในสอ่ื การจัดแสดง ทำหน้าทถี่ า่ ยทอดประวตั ิความเป็นมา ชาวไทยหลายล้านคนล้วนยังคงดำรงชีวิตอยู่ในสมยั ของพระบรมมหาราชวงั ศนู ย์กลางกรงุ รัตนโกสินทร ์ รัตนโกสินทร์ ซ่ึงเร่ิมต้นข้ึนนับต้ังแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ตลอดระยะเวลากวา่ ๒๐๐ ปี มกี ารพฒั นามาเปน็ ลำดบั จนถงึ ปจั จบุ นั และจะยนื หยดั สบื เนอ่ื งต่อไปในอนาคต เรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดช่วง ๒๐๐ ปี จงึ ยังคงผกู พันกบั วิถชี วี ติ ของผู้คนในปจั จบุ ัน และนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ จะเป็นเสมือน “ประตู” ที่เปิดโอกาสให้ชาวรัตนโกสินทร์ในช่วงศตวรรษ ท่ี ๒๑ ไดย้ อ้ นกลบั สอู่ ดตี ซง่ึ ไม่ใชเ่ พยี งเพอ่ื เรยี นรอู้ ดตี ผ่านโบราณวัตถุ แต่เป็นการเรียนรู้คุณค่าของอดีต ผ่านการจัดแสดงในรูปแบบร่วมสมัย เพื่อหวนรำลึก มมุ อินเทอร์เนต็ ในหอ้ งสมุด เปน็ หนึง่ ในเทคโนโลยที ช่ี ว่ ยให้การค้นควา้ ตรกึ ตรอง และพจิ ารณารากเหงา้ และตวั ตน ตลอดจน ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ เปน็ เรื่องง่ายและสามารถตอบสนองความตอ้ งการของ ภูมิปัญญาอันล้ำค่าที่ได้รังสรรค์และสืบทอดต่อมา คนในปจั จบุ นั ซงึ่ อยู่ในยุคการติดตอ่ ส่อื สารไรพ้ รมแดน เพื่อจะได้ก้าวต่อไปบนแนวทางของอนาคตอันสดใส และมนั่ คงของกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดไป ด้วยเหตุนี้ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร ์ จึงได้รับการออกแบบให้เหมาะสมและสอดคล้องกับ วิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน เพ่ือสร้างความสบื เนอ่ื ง ระหวา่ งอดตี และปจั จบุ นั ไดอ้ ยา่ งกลมกลนื “รื่นรมย์รัตนโกสนิ ทร”์ หนง่ึ ในนทิ รรศการหมนุ เวยี นท่ีจัดขึน้ ตลอดทง้ั ปี ในบริเวณหอ้ งโถงอเนกประสงค์ นอกจากชว่ ยเพ่มิ ความหลากหลาย และขยายเรอื่ งราวทีจ่ ัดแสดงภายในนิทรรศน์รัตนโกสินทร ์ ยงั ดึงดดู ใจผู้เข้าชมใหอ้ ยากกลับมาเยยี่ มชม 343
จัดสรรพื้นท่ี เพ่ือวิถีท่ีเหมาะสม การพลิกฟื้นอาคารประวัติศาสตร์ให้กลับมา โลดแล่นและเป็นส่วนหน่ึงของวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ตอ้ งคำนงึ ถงึ การจดั สรรพนื้ ทก่ี ารใชส้ อยอาคารทกุ ตารางเมตร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเหนือส่ิงอ่ืนใดจะต้องอนุรักษ์ รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่มีอยู่เดิมไว้ให้ได้มากท่ีสุด นับเป็นโจทย์สำคัญท่ีนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ต้องพิจารณา อยา่ งถถ่ี ้วน สว่ นผนังทสี่ รา้ งข้ึนใหม่ นอกจากเพอ่ื หลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกดิ ขน้ึ กบั วิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันเป็นอีกหน่ึงสิ่งท่ีม ี โครงสร้างของอาคารเดิม ยังชว่ ยเปิดใหแ้ สงธรรมชาตสิ ามารถส่องเข้ามา ส่วนสำคัญในการกำหนดแนวทางการออกแบบท่ีจะทำให้ เพ่มิ ความสว่าง และทำให้อาคารมคี วามโปรง่ อาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้มีประโยชน์ใช้สอย สามารถ ตอบสนองความตอ้ งการของผคู้ นในปจั จบุ นั นอกเหนอื จาก การเปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ ศลิ ปะ และวฒั นธรรม ของกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ สง่ิ อำนวยความสะดวกต่างๆ จงึ ได้รบั การจัดสรรข้ึนในอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ไมว่ า่ จะเปน็ พ้นื ทส่ี ำหรับนทิ รรศการหมนุ เวยี น (Event Hall) ท่บี ริเวณ หอ้ งโถงชน้ั ๑ พน้ื ทป่ี ระมาณ ๓๐๐ ตารางเมตร เพอ่ื ใหบ้ รกิ าร แก่สถาบันการศึกษาและองค์กรเอกชนในการจัดกิจกรรม หรือนิทรรศการด้านศิลปะและวัฒนธรรม การให้บริการ เคร่ืองดื่มและอาหารว่างบริเวณชั้น ๑ มีมุมอินเทอร์เน็ต และสามารถเชอื่ มตอ่ สญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ ไรส้ ายความเรว็ สงู ไดด้ ว้ ย นอกจากนี้ ยงั มหี อ้ งสมดุ อนั ทนั สมยั เพอ่ื การคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ และร้านจำหนา่ ยสนิ ค้าที่ระลกึ อกี ด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ อีกอย่างหน่ึงคือ ระบบสาธารณูปโภค เน่ืองจากนิทรรศน์ รัตนโกสินทร์ต้ังอยู่ในอาคารท่ีมีความเก่าแก่และก่อสร้าง การเจาะพ้นื อาคารให้เปน็ ชอ่ งทะลุถงึ กนั นอกจากสรา้ งความแปลกตา ยังเปน็ การออกแบบทชี่ ว่ ยลดความรสู้ กึ อึดอดั เพิ่มบรรยากาศทโ่ี ล่ง มาตง้ั แตเ่ มอื่ ครง้ั ทมี่ เี พยี งสว่ นอปุ กรณอ์ ำนวยความสะดวกอนื่ ๆ โปรง่ สบาย เมอ่ื เขา้ มาภายในอาคาร ระบบสาธารณปู โภคขน้ั พน้ื ฐาน โดยเฉพาะระบบปรับอากาศ ยังไม่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันของ ชาวกรงุ เทพฯ และเปน็ เทคโนโลยสี มยั ใหมท่ ่ียังไม่แพร่หลาย การติดตงั้ ระบบปรับอากาศจึงตอ้ งพิถพี ิถันทุกรายละเอียด จดุ บรกิ ารอาหารวา่ งและเครอ่ื งดืม่ หลากชนดิ พรอ้ มมมุ อนิ เทอร์เน็ต 344
ห้องสมดุ ดา้ นหน้า ทีเ่ น้นความโปร่ง โลง่ สบาย ชวนให้เพลดิ เพลินกับการอา่ นหนังสือ สกายคาเฟ่ บรเิ วณชน้ั ๓ ติดต้งั กระจกใส เพ่อื ใหผ้ ู้เขา้ ชม หอ้ งสมดุ ดา้ นในหรือหอ้ งสมุดเงยี บ อยู่ในบรเิ วณอาคารท่ตี อ่ เตมิ ใหม่ ไดส้ มั ผสั ทัศนียภาพของบรเิ วณโดยรอบไดม้ ากกว่า ๑๘๐ องศา เหมาะสำหรับผู้ท่ตี อ้ งการความเงียบสงบในการอา่ นหนังสือ และยงั เป็นจุดทถี่ ือว่าสามารถมองเหน็ ภูเขาทองและโลหะปราสาท หรอื การคน้ ควา้ ขอ้ มูลต่างๆ วดั ราชนดั ดาได้สวยท่สี ดุ ในกรงุ รัตนโกสินทร ์ รา้ นจำหนา่ ยสินคา้ ที่ระลึกสำหรบั เกบ็ ความประทับใจทไี่ ดร้ ับจาก การเข้าชมนทิ รรศน์รตั นโกสินทร ์ ห้องโถงอเนกประสงค์ ช้นั ๑ พืน้ ท่ีสำหรบั จดั กิจกรรมหลากหลาย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376