Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อุบาสิกา ฉบับราชนิกูล-พระเถรี

อุบาสิกา ฉบับราชนิกูล-พระเถรี

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-06-30 03:21:05

Description: อุบาสิกา ฉบับราชนิกูล-พระเถรี
www.Kalyanamitra.org
หนังสือ,เอกสาร,บทความ นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

พระเถระบอกแกน่ างภกิ ษณุ ที งั้ หลายใหบ้ รรพชาแลว้ . นางครน้ั ไดบ้ รรพชาอปุ สมบทแลว้ มชี อ่ื วา่ ‘กณุ ฑลเกสเี ถร’ี บรรลพุ ระอรหตั พรอ้ มดว้ ยปฏสิ มั ภทิ าทงั้ หลายโดย ๒-๓ วนั เท่าน้ัน. เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถา เหลา่ น้ีว่า :- ก็ผู้ใด พึงกลา่ วคาถาตงั้ รอ้ ย ซงึ่ ไม่ประกอบด้วยบทเป็นประโยชน;์ บทแห่งธรรมบทเดยี วทบี่ คุ คลฟังแล้วสงบระงับได้ ประเสริฐกว่า (การกลา่ วคาถาต้ัง ๑๐๐ ของผูน้ ้นั ). ผใู้ ด พงึ ชนะมนษุ ย์ พนั หนง่ึ คณู ดว้ ยพนั หนงึ่ (คอื ๑ ลา้ น) ในสงคราม ผูน้ ั้น หาชื่อว่า เปน็ ยอดแหง่ ชนผูช้ นะในสงครามไม,่ สว่ นผูใ้ ดชนะตนคนเดยี วได้, ผ้นู ั้นแลเปน็ ยอดแห่งผ้ชู นะในสงคราม. ในเวลาจบเทศนา ชนเปน็ อนั มากบรรลอุ รยิ ผลทงั้ หลาย มโี สดาปตั ตผิ ลเป็นต้น ดังนีแ้ ล. เรื่องพระกณุ ฑลเกสเี ถรี จบ. 151 พระกณุ ฑลเกสเี ถรี www.kalyanamitra.org

152 อบุ าสิกา ฉบับราชนิกลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

๑๓ เรื่องพระธรรมทินนาเถร๓ี ๕ สถานทต่ี รสั พระเวฬุวัน ความโดยละเอยี ดมวี า่ วนั หนง่ึ เมอื่ นางเปน็ คฤหสั ถ์ วสิ าขอุบาสกผเู้ ปน็ สามี ฟงั ธรรมในส�ำนกั ของพระศาสดา บรรลุอนาคามิผลแล้วคิดว่า ‘การที่เราให้นางธรรมทินนา ได้รบั ทรัพย์สมบัตทิ ้ังปวงยอ่ มสมควร’ กอ่ นนนั้ อบุ าสกนนั้ เมอื่ มาเหน็ นางธรรมทนิ นา ผแู้ ล ดอู ยทู่ างหนา้ ตา่ ง ยอ่ มทำ� ความยมิ้ แยม้ แตใ่ นวนั นนั้ ไมแ่ ล ดนู างผยู้ ืนอย่ทู ่หี นา้ ตา่ งเลยไดไ้ ปแลว้ . นางคิดว่า ‘นี้เร่ืองอะไรกันหนอ?’ คิดว่า ‘ข้อน้ัน จงยกไว้ เราจะรู้ในเวลาทานอาหาร’ แล้วนำ� อาหารเขา้ ไป ในเวลาบริโภค. ๓๕ ตน้ ฉบบั ธมั มปทฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท, พราหมณวรรควรรณนา,ล.๔๓,น.๕๖๒,มมร. 153 พระธรรมทินนาเถรี www.kalyanamitra.org

ในวันอื่นๆ อุบาสกนั้นพูดว่า “มาเถิด, เรามาทาน ด้วยกัน.” แต่ในวนั นนั้ เปน็ ผ้นู ิ่งเฉย บรโิ ภคแล้ว. นางคดิ วา่ ‘สามคี งจะโกรธ ดว้ ยเหตอุ ะไรๆ แนน่ อน.’ ครง้ั นนั้ วสิ าขอบุ าสกเรยี กนางในเวลาวา่ งตามสบาย มาแลว้ กลา่ วกับนางวา่ “ธรรมทินนา หลอ่ นจงรับทรพั ย์ สมบตั ทิ ้งั ปวงในเรือนน้ีเถดิ .” นางคิดว่า ‘ธรรมดาว่า คนทั้งหลายโกรธกันแล้ว ย่อมไม่ให้ใครรับทรัพย์สมบัติ นี่เกิดเร่ืองอะไรกันหนอ?’ จึงกลา่ ววา่ “นาย กแ็ ลว้ ทา่ นเล่า?” อุบาสก. “ต้ังแต่นี้ ฉนั จะไมจ่ ดั แจงอะไรๆ.” ธรรมทินนา. “ใครจะรับน�้ำลายท่ีท่านบ้วนทิ้ง เม่ือเป็น อยา่ งนนั้ ทา่ นกจ็ งอนญุ าตใหด้ ฉิ นั บวชเถดิ .” อุบาสกรับว่า “ดีละ นางผู้เจริญ” แล้วน�ำนางไปสู่ส�ำนัก ภิกษุณีด้วยสักการะเป็นอันมาก ให้บวชแล้ว. นางได้ อปุ สมบทแล้ว ได้มชี ือ่ ว่า ‘ธรรมทินนาเถรี.’ นางไปสู่ชนบทกับภิกษุณีทั้งหลาย เพราะความ ต้องการความวิเวก เม่ืออยู่ในชนบทนั้นไม่นานเท่าไร ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาท้ังหลาย กลับมา 154 อบุ าสิกา ฉบับราชนิกูล-พระเถรี www.kalyanamitra.org

ส่กู รงุ ราชคฤห์ อยา่ งเดิมอีก ดว้ ยคดิ ว่า ‘บัดนี้ พวกญาติ อาศัยเราแลว้ จะทำ� บุญทง้ั หลาย.’ อุบาสกได้ทราบความท่ีพระเถรีมาแล้ว คิดว่า ‘พระเถรีมาเพราะเหตุไรหนอ?’ จึงไปสู่ส�ำนักภิกษุณี ไหว้พระเถรีแลว้ นัง่ ณ ส่วนขา้ งหน่งึ คิดวา่ ‘การทเ่ี ราจะ พูดว่า แม่เจ้า ท่านคิดถึงหรือหนอ’ ดังน้ี ก็เป็นการ ไม่สมควร, เราจะถามปัญหาสักข้อหน่ึงกับพระเถรีนั้น แลว้ ถามปัญหาในโสดาปัตติมรรค. อบุ าสกจงึ ถามปญั หาแมใ้ นมรรคทเ่ี หลอื โดยอบุ ายนน้ั น่ันแล เม่ือพระเถรีนั้นกล่าวในเวลาปัญหาอันอุบาสกน้ัน ถามก้าวล่วงวิสัยว่า “วิสาขะผู้มีอายุ ท่านล่วงเลยวิสัย ไปแล้ว” แล้วกล่าวว่า “ เม่ือท่านปรารถนาค�ำตอบ ก็พึง เขา้ ไปเฝา้ พระศาสดาแลว้ ทลู ถามปญั หาน”ี้ ไหวพ้ ระเถรแี ลว้ ลกุ จากอาสนะ ไปสสู่ ำ� นกั พระศาสดา กราบทลู การสนทนา ปราศรยั นัน้ ทัง้ หมด แด่พระผมู้ พี ระภาคเจา้ . พระศาสดาตรัสว่า “ธรรมทินนา ธิดาของเรากล่าว ดีแล้ว ด้วยเราเมื่อจะแก้ปัญหาน่ัน ก็จะพึงแก้อย่างนั้น เหมือนกัน” ดังนแ้ี ลว้ 155 พระธรรมทนิ นาเถรี www.kalyanamitra.org

เมือ่ จะทรงแสดงธรรม จงึ ตรสั พระคาถาน้ีว่า :- ความกังวลในก่อน ในภายหลัง และในท่ามกลาง ของผใู้ ดไมม่ .ี เราเรยี กผ้นู น้ั ซึ่งไมม่ คี วามกังวล ไมม่ คี วามยึดม่นั ว่า เปน็ พราหมณ์. เมอ่ื จบเทศนา คนเปน็ อนั มากบรรลอุ รยิ ผลทง้ั หลาย มโี สดาปตั ตผิ ลเปน็ ดงั นีแ้ ล. เรอ่ื งพระธรรมทนิ นาเถรี จบ. 156 อุบาสกิ า ฉบับราชนิกลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

๑๔ เรื่องพระพหปุ ุตตกิ าเถร๓ี ๖ สถานทีต่ รสั พระเชตวนั เล่ากันว่า มีตระกูลหน่ึง ณ กรุงสาวัตถี ได้มีบุตร ๗ คนและธดิ า ๗ คน บตุ รและธดิ าทัง้ หมดนน้ั เติบโตข้ึน อาศัยอยู่ในเรือน มีความสุขตามธรรมดาของตน. ต่อมา บดิ าของคนเหล่านนั้ ไดล้ ะโลกแล้ว. มหาอุบาสิกา เมื่อสามีล่วงลับไปแล้ว ก็ยังไม่แบ่ง ทรพั ย์ใหแ้ กบ่ ตุ รทง้ั หลายก่อน. ครง้ั นนั้ บตุ รทง้ั หลายกลา่ วกบั มารดานนั้ วา่ “เมอื่ บดิ า ของฉนั ลว่ งลบั ไปแลว้ ประโยชนอ์ ะไรของแมก่ บั ทรพั ยน์ น้ั พวกฉนั ไม่อาจจะดแู ลแม่ไดห้ รือ?” นางฟังค�ำของบุตรเหล่าน้ันแล้วก็นิ่งเสีย ถูกบุตร เหลา่ นนั้ พดู บอ่ ยๆ จงึ คดิ วา่ ‘พวกลกู ๆ จะบำ� รงุ เรา, ประโยชน์ ๓๖ ตน้ ฉบบั ธมั มปทฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท, สหสั สวรรควรรณนา, ล.๔๑, น.๕๐๕, มมร. 157 พระพหปุ ตุ ตกิ าเถรี www.kalyanamitra.org

158 อบุ าสิกา ฉบับราชนิกลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

อะไรของเราด้วยทรัพย์ส่วนหนึ่ง’ ได้แบ่งสมบัติทั้งหมด ครึง่ หน่งึ ใหไ้ ป. เม่ือลว่ งไป ๒-๓ วัน ภรรยาของบตุ รคนโตกล่าวกบั แม่ผัวนั้นว่า “โอ คุณแม่ของพวกเรา มาเรือนน้ีเท่านั้น ราวกบั ใหส้ มบตั ไิ วเ้ พยี ง ๒ สว่ นแกบ่ ตุ รชายคนโตของเรา.” แม้ภรรยาของบุตรท่เี หลอื ก็กล่าวอยา่ งน้ันเหมือนกนั . ตง้ั ตน้ แตธ่ ดิ าคนโตกก็ ลา่ วกบั นางดจุ เดยี วกนั แมใ้ น เวลาทน่ี างไปเรือนของธดิ าเหล่านน้ั . นางถกู ดหู มนิ่ คดิ วา่ ‘จะมปี ระโยชนอ์ ะไร กบั การอยู่ ในเรอื นของคนเหลา่ นี้ เราจะบวชเปน็ นางภกิ ษณุ ’ี แลว้ ไปสู่ สำ� นกั ของนางภกิ ษณุ ขี อบรรพชาแลว้ . นางภกิ ษณุ เี หลา่ นน้ั ใหน้ างบรรพชาแล้ว. เม่ืออุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า ‘พหุปุตติกาเถรี.’ นางคดิ ว่า ‘เราบวชในเวลาแก่ เราไม่ควรเปน็ คนประมาท’ จงึ ทำ� วตั ร๓๗ ปฏิบัตแิ กน่ างภกิ ษุณีทง้ั หลาย คิดว่า ‘จะทำ� สมณธรรมตลอดคนื ยงั รงุ่ ’ จงึ เอามอื จบั เสาตน้ หนง่ึ ทภี่ ายใต้ ปราสาท เดนิ เวยี นเสานั้นทำ� สมณธรรม ๓๗ ก. กระทํากิจท่ีพึงกระทําตามหน้าที่หรือธรรมเนียมเช่นไหว้พระ สวดมนต์เช้า-ค่ําของพุทธบริษัท ทําวัตรพระ ก็ว่า, ทําสามีจิกรรม ตามธรรมเนียมของพระเณร. 159 พระพหปุ ุตติกาเถรี www.kalyanamitra.org

เมอื่ เดนิ จงกรม๓๘ กเ็ อามอื จบั ตน้ ไมด้ ว้ ยคดิ วา่ ‘ศรี ษะ ของเราพงึ กระทบตน้ ไม้หรือท่ไี หนๆ ในทม่ี ดื ‘ดังนีแ้ ลว้ เดินวนเวียนต้นไม้น้ัน ท�ำสมณธรรม นึกถึงธรรม ด้วยคิดว่า ‘จะท�ำตามธรรมที่พระศาสดาทรงแสดง’ ตาม ระลกึ ถงึ ธรรมอยู่เทยี ว ท�ำสมณธรรม. ในเวลานนั้ พระศาสดาประทบั นงั่ ในพระคนั ธกฎุ เี ทยี ว ทรงแผ่พระรัศมีไปดงั ประทบั นงั่ ตรงหน้า เม่อื ตรัสกบั นาง ตรัสว่า “พหุปุตติกา ความเป็นอยู่แม้ครู่เดียวของผู้เห็น ธรรมที่เราแสดง ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ ๑๐๐ ปีของ ผ้ไู มพ่ จิ ารณา ผู้ไมเ่ หน็ ธรรมท่ีเราแสดง” เมอ่ื จะทรงสบื อนสุ นธแิ สดงธรรม จงึ ตรสั พระคาถาน้ี วา่ :- กผ็ ู้ใดไมเ่ หน็ ธรรมอนั ยอดเยยี่ ม พงึ เปน็ อยู่ ๑๐๐ ปี ความเปน็ อยู่วันเดยี วของผ้เู ห็นธรรมอันยอดเยี่ยม ประเสรฐิ กว่า ความเป็นอย่ขู องผนู้ ้นั . เมอ่ื จบคาถา พระพหปุ ตุ ตกิ าเถรดี ำ� รงอยใู่ นพระอรหตั พร้อมดว้ ยปฏิสมั ภทิ าทงั้ หลาย ดงั น้ีแล. เรือ่ งพระพหุปตุ ติกาเถรี จบ. ๓๘ อา่ นวา่ จง-กรฺ ม แปลวา่ ก. เดนิ ไปมา, เดนิ เปลย่ี นอริ ยิ าบถ. น. การเดนิ กลบั ไปกลับมาเพ่อื ท�ำสมาธิ 160 อบุ าสกิ า ฉบบั ราชนิกลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

๑๕ เรอ่ื งพระอตุ ตราเถร๓ี ๙ สถานท่ีตรัส พระเชตวัน เลา่ กนั วา่ พระเถรมี อี ายไุ ด้ ๑๒๐ ปโี ดยกำ� เนดิ เทยี่ ว บิณฑบาตได้บิณฑบาตแล้ว เห็นภิกษุรูปหนึ่งในระหว่าง ถนน ได้ถามโดยเอ้ือเฟื้อด้วยบิณฑบาต เมื่อภิกษุน้ันไม่ หา้ มรับเอา กถ็ วายทง้ั หมด (ส่วนตน) ได้อดอาหารแลว้ แม้ในวันท่ี ๒ ที่ ๓ กไ็ ด้ถวายภตั แก่ภิกษนุ ้ันแหละ ในทีน่ ้นั เหมือนกนั ไดอ้ ดอาหารแลว้ อย่างนั้น. แตใ่ นวนั ท่ี ๔ พระเถรเี ทยี่ วบณิ ฑบาต พบพระศาสดา ในท่ีแคบแห่งหน่ึง เมื่อถอยหลังได้เหยียบมุมจีวรของตน ซึง่ หอ้ ยอยู่ ไม่สามารถต้ังตวั ได้ จงึ ซวนล้มแลว้ . พระศาสดาเสดจ็ ไปสทู่ ใ่ี กลเ้ ธอแลว้ ตรสั วา่ “นอ้ งหญงิ ๓๙ ตน้ ฉบบั ธมั มปทฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท, พาลวรรควรรณนา, ล.๔๒, น.๑๕๔, มมร. 161 พระอุตตราเถรี www.kalyanamitra.org

162 อบุ าสิกา ฉบับราชนิกลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

อัตภาพของเธอแก่หง่อมแล้ว ต่อกาลไม่ช้านัก ก็จะแตก สลายไป” ดังนแี้ ล้ว ตรัสพระคาถาน้ีวา่ รปู น้ีแก่หงอ่ มแลว้ เป็นรงั ของโรค เป่อื ยพงั , กายของตนเปน็ ของเนา่ จะแตก, เพราะชวี ิตมคี วามตายเปน็ ทีส่ ุด ในกาลจบเทศนา พระเถรีบรรลุโสดาปตั ตผิ ลแล้ว. เทศนาได้เป็นกถามีประโยชน์ แม้แก่มหาชนแล้ว ดังนแ้ี ล. เรอ่ื งพระอตุ ตราเถรี จบ. 163 พระอุตตราเถรี www.kalyanamitra.org

ภาคผนวก พระปทมุ ตุ ตรสัมมาสมั พทุ ธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก ในช่วงเศษแสนมหากัป ของอสงไขยปจั จบุ นั กปั สดุ ทา้ ยเจด็ แสนกปั จากกปั นี้ องคก์ อ่ น พระสมณะโคดมพทุ ธเจา้ ๑๕ พระองค์ เปน็ พระพทุ ธเจา้ พระองค์ เดียวในสารกปั พระชนมายุแสนปี ภิกษุณีผู้มีต�ำแหน่งเลิศที่ต้ังความปรารถนา ๑๓ ท่าน ในยุคน้นั ๑) พระมหาปชาบดโี คตมภี กิ ษุณี (เรื่องท่ี ๖) เลิศกวา่ พวกภิกษุณสี าวกิ าของเราผรู้ ู้ราตรีนาน. ๒) พระเขมาภกิ ษณุ ี (เร่ืองท่ี ๘) เลศิ กว่าพวกภิกษณุ สี าวกิ าของเราผมู้ ปี ญั ญามาก. ๓) พระอบุ ลวรรณาภกิ ษุณี (เรื่องที่ ๙) เลิศกวา่ พวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผ้มู ีฤทธิ์. ๔) พระปฏาจาราภกิ ษณุ ี (เรอื่ งท่ี ๑๑) เลศิ กว่าพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผู้ทรงวินัย. ๕) พระธรรมทินนาภกิ ษุณี (เรอื่ งท่ี ๑๓) เลิศกว่าพวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผเู้ ป็นธรรมกถึก. 164 อบุ าสกิ า ฉบบั ราชนิกูล-พระเถรี www.kalyanamitra.org

๖) พระนนั ทาภิกษณุ ี เลิศกวา่ พวกภิกษณุ ีสาวิกาของเราผ้ยู นิ ดีในฌาน. ๗) พระโสณาภิกษณุ ี เลศิ กวา่ พวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผปู้ รารภความเพยี ร. ๘) พระสกลุ าภิกษุณี เลิศกวา่ พวกภิกษณุ ีสาวกิ าของเราผูม้ ีจักษทุ ิพย์. ๙) พระภทั ทากณุ ฑลเกสาภกิ ษุณี (เรอ่ื งท่ี ๑๒ พระกณุ ฑลเกสีเถร)ี เลิศกวา่ พวกภิกษณุ สี าวกิ าของเราผตู้ รัสรู้ ไดเ้ รว็ พลัน. ๑๐) พระภทั ทกาปิลานภี กิ ษณุ ี เลศิ กว่าพวกภกิ ษณุ ีสาวกิ าระลกึ ชาตกิ อ่ นๆ ได้. ๑๑) พระภทั ทากจั จานาภกิ ษณุ ี (พระนางยโสธราพมิ พาเถร)ี เลศิ กว่าพวกภิกษณุ สี าวกิ าผูไ้ ด้บรรลุอภิญญาใหญ.่ ๑๒) พระกีสาโคตมีภิกษณุ ี (เร่ืองที่ ๑๐) เลศิ กวา่ พวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผทู้ รงจวี รเศรา้ หมอง. ๑๓) พระนางสงิ คาลมาตาเถรี เลศิ กวา่ พวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผพู้ น้ กเิ ลสดว้ ยศรทั ธา 165 ภาคผนวก www.kalyanamitra.org

อบุ าสกิ าทีต่ ั้งความปรารถนาในยคุ น้นั ๑๐ ท่าน ได้แก่ ๑) นางสชุ าดาธิดาของเสนานีกุฎมุ พี เอตทัคคะด้านถึงสรณะเป็นคนแรก ๒) นางวสิ าขามหาอบุ าสกิ า เอตทคั คะหญงิ ผอู้ ปุ ฏั ฐายกิ า (ต้งั ความปรารถนากบั พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าอกี ครัง้ ) ๓) ขชุ ชตุ รา เอตทคั คะดา้ นพหูสูต (เรอื่ งท่ี ๔) ๔) พระนางสามาวดี เอตทัคคะด้านอยู่ด้วยเมตตา (เรอื่ งที่ ๓) (ชาติหน่ึงรว่ มกนั เผาพระปัจเจกพทุ ธเจา้ น่ังนิโรธ สมาบตั ิ ตกนรกสิ้นหลายพนั ปี ถกู เผาในเรอื น ๑๐๐ ชาติ) ๕) อุตตราอุบาสิกา (อตุ ตรานนั ทมารดา) (เรอ่ื งที่ ๑๕ ฉบบั สามญั ชน) เอตทคั คะดา้ นยนิ ดใี นฌาน ๖) พระนางสุปปวาสา โกลิยธิดา เอตทคั คะด้านผู้ถวายของมรี สประณตี ๗) นางสปุ ปยิ าอบุ าสกิ า เอตทคั คะดา้ นผอู้ ปุ ฏั ฐากภกิ ษไุ ข้ ๘) นางกาตยิ านอี บุ าสกิ า (โยมมารดาพระโสณกุฎกิ ัณณะ คาถาธรรมบทเร่อื งสมั พหลุ ภกิ ษ)ุ เอตทคั คะ ด้านผเู้ ลื่อมใสอยา่ งแนน่ แฟ้น ๙) นางนกลุ มารดาคหปตานี เอตทัคคะดา้ นผูค้ ้นุ เคย. ๑๐) นางกาฬีอบุ าสกิ า เอตทคั คะผู้เลอื่ มใสโดยฟงั ตามๆ กนั มา 166 อบุ าสกิ า ฉบับราชนกิ ูล-พระเถรี www.kalyanamitra.org

บทสรปุ ๑) เร่ืองพระนางมลั ลกิ าเทวี (ตน้ คิดอสทสิ ทาน แต่หลอกพระสวามีวา่ ไม่ได้เสพเมถุน กับสุนขั ตกนรกอเวจี ๗ วนั กอ่ นไปเกิดดุสิต) ตน้ คดิ อสทสิ ทานใหพ้ ระเจา้ ปเสนทโิ กศลเอาชนะประชาชน แต่หลอกพระสวามีว่าไม่ได้เสพเมถุนกับสุนัข อสันนกรรม ใกลล้ ะโลก เศรา้ หมองเพราะคดิ ถงึ กรรมทตี่ นเองทำ� เอาไว้ ตกนรก อเวจี ๗ วัน ก่อนไปเกดิ ที่สวรรค์ชนั้ ดุสติ พระศาสดาได้ทรงมอบให้เป็นภาระแก่พระอานนท์เถระ. พระเถระไปแสดงพระบาลแี กพ่ ระนางเหลา่ นนั้ เนอื งนติ ย.์ ในปทมุ กุมารเหล่าน้ัน พระนางมัลลิกาเทวีได้เรียน ได้ท่อง (และ) ให้ พระเถระรับรองพระบาลีโดยเคารพ. ส่วนพระนางวาสภขัตติยา (พระธิดาท่ีเกิดจากพระเจ้ามหานามะกับนางทาสี) ไม่เรียน ไมท่ ่อง (ความตอนหน่งึ ในธรรมบทเรื่อง ฉัตตปาณิอบุ าสก) ชาดกท่ีพระศาสดาปรารภ พระนางมัลลิกาเทวี มี ๔ เรื่อง คอื กุมมาสปิณฑชาดก, สัมพลุ าชาดก, สุชาตาชาดก, ภัลลาติก- ชาดก. 167 ภาคผนวก www.kalyanamitra.org

๒) เรือ่ งเจ้าหญิงโรหณิ ี (ทำ� ความสะอาดเสนาสนะรักษาโรค) ชาติในอดีต เป็นอัครมเหสี แกล้งหญิงนักฟ้อนด้วยการ โปรยผงเตา่ ร้างบนที่นอน, ผา้ หม่ , ผา้ ปทู ีน่ อน และบนตวั ท�ำให้ คนั เป็นตมุ่ ตามตัวได้รบั ทุกขเวทนา, ไดพ้ ระอนุรุทธะ พระพ่ีชาย แนะน�ำให้ขายเคร่ืองประดับเพ่ือสร้างโรงฉัน, กวาดพื้นปูอาสนะ ตั้งหม้อน้�ำดื่มเสมอๆ, ได้ฟังพระธรรมจากพระศาสดา จนบรรลุ พระโสดาบัน, ละโลกไปเกิดสวรรค์ช้ันดาวดึงส์, เป็นมเหสีของ ท้าวสกั กะ. ๓) เรือ่ งพระนางสามาวด,ี พระนางวาสลุ ทตั ตา และพระนางมาคันทิยา (แผเ่ มตตาจติ กับผ้คู ดิ ร้าย, กรรมเก่าสง่ ผลถกู ไฟคลอกตาย) เปน็ ลกู สาวของภทั ทวตยิ เศรษฐ่ี หนอี หวิ าตกโรคมาพรอ้ ม ครอบครัวไปเมืองโกสัมพี, เมื่อพ่อและแม่เสียชีวิต, มิตตกุฎุมพี รบั เปน็ ลกู บตุ รธรรม, นางชว่ ยจดั ระเบยี บการเขา้ ควิ เพอื่ รบั อาหาร ด้วยรั้วไม้ จึงได้ช่ือว่า ‘สามาวดี’ เมื่อโฆสกเศรษฐีทราบข่าว จงึ รบั นางเปน็ บุตรบญุ ธรรม เพราะเคยเปน็ เพื่อนทไ่ี มเ่ คยเจอกนั กบั พ่อของนาง. พระเจา้ อเุ ทนเหน็ นางอยากไดม้ าเปน็ มเหส,ี โฆสกไมย่ อม แตน่ างยอมชว่ ยพอ่ จากราชภยั , เมอ่ื มาอยใู่ นวงั ถกู พระนางมาคนั ทยิ า กลนั่ แกลง้ ตา่ งๆ จนพระราชาหลงเชอ่ื คดิ จะประหารพระนางดว้ ย 168 อุบาสกิ า ฉบับราชนกิ ลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

ลูกศร, พระนางแผ่เมตตาจนลูกศรว่ิงย้อนกลับ, พระราชาจึงขอ พระนางเปน็ ทพ่ี งึ่ , พระนางไดแ้ นะนำ� ใหถ้ อื พระรตั นตรยั เปน็ ทพี่ ง่ึ , นางได้ถวายสงั ฆทานในวัง ๗ วนั และได้พรนมิ นตพ์ ระ ๕๐๐ รูป เข้าวังเพ่ือถวายทานและฟังธรรม, ต่อมาพระนางมาคันทิยา วางแผนเผาต�ำหนัก จนพระนางพร้อมบริวารตายทั้งหมด, ก่อนตายหญิงบริวารไดเ้ จริญกัมมฏั ฐาน ได้บรรลุสกทาคามบี า้ ง, อนาคามีบา้ ง. • บรุ พกรรมในอดตี • พระราชานิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ รูป มาฉันในวัง เนอื งๆ, หญงิ รบั ใช้ ๕๐๐ คอยดแู ล, เมอื่ เสรจ็ กจิ กพ็ ากนั ไปเล่นน้�ำ, พระปจั เจกพทุ ธเจา้ ๑ องคย์ งั ไมก่ ลบั นง่ั สมาธอิ ยแู่ ถวนนั้ , พวกนาง ไมร่ ู้ จงึ จดุ ไฟทก่ี อหญา้ แกห้ นาว, เหน็ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ อยทู่ น่ี น้ั , ดว้ ยความกลวั ความผดิ จงึ พากนั หาฟนื มากองและเผาทำ� ลายหลกั ฐาน แตพ่ ระปจั เจกพุทธเจ้าไม่ได้เป็นอะไร, กรรมนั้นส่งผลให้นางท้ัง ๕๐๐ ตกนรกหลายพนั ปี ถกู ไฟไหม้ตายในเรือน ๑๐๐ ชาต.ิ พระนางวาสุลทัตตา พระราชธิดาของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในเมืองอุชเชนี, วางแผนสร้างช้างปลอมหลอกจับพระเจ้าอุเทน, ส่งพระนาง มาเรียนมนต์หัสดีกันต์กับพระเจ้าอุเทน โดยให้ข้อมูลหลอก ทงั้ ๒ ฝา่ ย, ตอ่ มาทง้ั สองรคู้ วามจรงิ และพากนั หนกึ ลบั กรงุ โกสมั พี และไดร้ บั การแตง่ ตงั้ เป็นอัครมเหสอี งค์ท่สี อง. 169 ภาคผนวก www.kalyanamitra.org

พระนางมาคันทิยา เกดิ ในตระกลู พราหมณ์ ชอ่ื เหมอื นแม,่ พอ่ และอาชอื่ มาคนั ทยิ ะ แควน้ กรุ ,ุ พอ่ พราหมณต์ งั้ ใจยกนางให้พระศาสดา, พ่อและ แมฟ่ งั ธรรมจนบรรลพุ ระอนาคามี ออกบวชบรรลพุ ระอรหัตทั้งค,ู่ นางอาฆาตพระศาสดาเพราะคดิ วา่ ตรสั ดถู กู นาง, ตอ่ มาไปอยกู่ บั น้าชื่อ ‘จูฬมาคันทิยะ’, น้าเลยเอานางไปถวายเป็นอัครมเหสี พระเจา้ อุเทน มีบรวิ าร ๕๐๐, พระนางจ้างชาวเมืองให้ตามด่าว่า พระศาสดา เมอ่ื คราวเสดจ็ กรงุ โกสัมพี แต่ไมไ่ ดผ้ ล, จงึ หาอุบาย แกล้งพระนางสามาวดีและบริวาร ผู้เป็นพุทธสาวิกา, สุดท้าย วางแผนฆา่ ทงั้ หมดดว้ ยการจดุ ไฟเผาตำ� หนกั , พระเจา้ อเุ ทนจงึ ออก อุบายจับพระนางและบริวาร ฝังแล้วกลบด้วยฟางจุดไฟเผา แล้วไถ, ส่วนพระนางถูกเฉือนเนื้อจากร่างแล้วทอดด้วยน�้ำมัน จนสิน้ พระชนม.์ ๔) เรอื่ งขุชชุตตรา (กรรมชวั่ ในอดีตสง่ ผลในปัจจุบัน, หยดุ กรรมช่วั มุ่งกรรมด)ี ไดฟ้ งั ธรรมจากพระศาสดาจนบรรลโุ สดาบนั มศี ลี ๕ เปน็ ปกติ ไม่ยักยอกเงินค่าดอกไม้ต่อไป, ได้แสดงธรรมแกพ่ ระนาง สามาวดแี ละหญงิ บรวิ าร ๕๐๐ จนบรรลโุ สดาบนั , สาวใช้อยากเฝ้า พระศาสดา, นางแนะนำ� ใหเ้ จาะชอ่ งทผ่ี นงั เพอื่ ใหเ้ หน็ พระศาสดา เสดจ็ ไปบา้ นเศรษฐ,ี ใหย้ น่ื แขนเพ่อื บชู าพรอ้ มดอกไม้ ของหอม, 170 อบุ าสกิ า ฉบบั ราชนิกูล-พระเถรี www.kalyanamitra.org

• กรรมในอดีต • - ทำ� ทา่ ลอ้ เลยี นพระปจั เจกพทุ ธเจา้ ชาตนิ เี้ ลยหลงั คอ่ ม - สงั เกตออกวา่ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ รอ้ นบาตร ถวายวลยั งา เพอื่ รองบาตรทรี่ อ้ น ชาตนิ มี้ ปี ัญญา สามารถบรรลุธรรม - สมยั พระกสั สปพทุ ธเจา้ เกิดเปน็ ธดิ าเศรษฐี ใชใ้ หพ้ ระอรหันตเถรีหยบิ กระเชา้ เครอื่ งประดับ ชาตนิ ้เี กดิ เปน็ คนรบั ใช้ ๕) เร่อื งมารดาของพระกมุ ารกัสสปเถระ (ตัดอาลัยพระลกู ชายจึงบรรลุธรรม) ธดิ าเศรษฐกี รงุ ราชคฤห์ แตง่ งานและตง้ั ครรภโ์ ดยทเี่ จา้ ตวั ไมร่ กู้ อ่ นออกบวชในสำ� นกั พระเทวทตั , ถกู บงั คบั ใหส้ กึ แตไ่ มย่ อม จงึ เฝา้ พระศาสดา, พระพทุ ธองคใ์ หท้ รงตงั้ คณะกรรมการตรวจสอบ จึงพ้นผิด, เมื่อคลอดลูกออกมา พระเจา้ ปเสนทโิ กศลนำ� ไปเลยี้ งดู ในวงั , เมอ่ื พระกมุ ารเตบิ โตขน้ึ รู้ความจรงิ จึงขอออกบวช และได้ บรรลุพระอรหัต เพราะพระศาสดาทรงแก้ปัญหาที่เพื่อนพรหม ฝากถามทั้ง ๑๕ ข้อ, ต่อมานางเจอพระลูกชายระหว่างทาง, พระลูกชายพูดตัดเย่ือใย นางจึงตัดใจ ตัดความรักในบุตร จนบรรลุพระอรหัตในทส่ี ดุ . 171 ภาคผนวก www.kalyanamitra.org

๖) เร่ืองพระนางมหาปชาบดีโคตรมี (พระศาสดาทรงเป็นพระอาจารย์และพระอุปัชฌายใ์ ห้) พระนางบวชด้วยการรับครุธรรม ๘ ท่ีพระศาสดาทรง บญั ญตั ,ิ ภกิ ษทุ ง้ั หลายสงสยั วา่ ใครเปน็ พระอปุ ชั ฌาย,์ พระศาสดา ตรสั รับรองวา่ ทรงเปน็ พระอาจารย์ และพระอปุ ัชฌาย์. ๗) เรื่องพระนางรปู นนั ทาเถรี (บวชเพราะตดิ ญาติ ไม่อยากไปฟังธรรม) ทรงออกบวชเพราะตามพระญาติท่ีออกบวชก่อน, ได้เฝ้า พระศาสดา ทรงเหน็ หญงิ งามทพ่ี ระศาสดาทรงเนรมติ ไว้ รา่ งคอ่ ยๆ แปลงเปลี่ยนจนชรา ลม้ ลงร้องโอดครวญ พระนางพิจารณาตาม ฟงั พระธรรมจนบรรลโุ สดาบนั , ไดเ้ จรญิ สญุ ญตกรรมฐาน ฟงั ธรรม ต่อจนบรรลุพระอรหตั . ๘) เรอื่ งพระนางเขมา (ตดิ ในรปู พระสวามแี ต่งเพลงหลอกไปวัด) พระสวามใี หค้ นแตง่ เพลงขบั บรรยายความงามของเวฬวุ นั , พระนางจึงปรารถนาท่ีจะเห็น ท�ำให้ได้เฝ้าพระศาสดา ทรงเห็น หญงิ งามทพ่ี ระศาสดาทรงเนรมติ ขนึ้ คอ่ ยๆ แปลงเปลยี่ นจนเหลอื แตก่ ระดกู , พระศาสดาตรสั พระธรรมแรกพระนางบรรลโุ สดาบนั , ฟังพระคาถาที่สองบรรลุพระอรหัต, พระราชาจึงทรงอนุญาตให้ ออกบวชเปน็ ภกิ ษณุ .ี 172 อบุ าสกิ า ฉบบั ราชนกิ ลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

๙) เรอ่ื งพระอบุ ลวรรณาเถรี (พระขีณาสพย่อมไมย่ นิ ดีในกามสขุ ) เกิดเป็นลูกสาวคนสวยของเศรษฐี เป็นที่หมายปองของ พระราชาและเศรษฐที งั้ หลาย, พอ่ เลยแกป้ ญั หาโดยใหล้ กู สาวบวช เปน็ ภกิ ษณุ ,ี นางเจรญิ เตโชกสณิ จนบรรลพุ ระอรหตั , ตอ่ มาเทยี่ ว จารกิ ไปในปา่ พกั ในกระทอ่ ม, ถกู นนั ทมาณพลกู ของลงุ ทห่ี ลงรกั ขม่ ขนื แลว้ ตกอเวจมี หานรก, พระศาสดาตรสั รบั รองวา่ พระขณี าสพ ยอ่ มไมต่ ดิ ในกามรส, ทรงใหภ้ กิ ษณุ มี อี ารามพกั , บญั ญตั ใิ หภ้ กิ ษณุ ี อยูใ่ นเมืองเทา่ นน้ั . ๑๐) เรอ่ื งนางกสิ าโคตรมี (ธิดาตระกูลเกา่ จับถ่านเปน็ ทอง, มลี ูกน้อยตายทกุ ข)์ เด็กสาวชาวสาวัตถแี ต่งงานกับตระกลู เศรษฐี มลี กู แตต่ าย ตงั้ แตเ่ ดก็ คดิ วา่ จะมยี าทจี่ ะทำ� ใหฟ้ น้ื ได,้ มคี นแนะนำ� ให้ทูลถาม พระศาสดา, ทรงแนะใหไ้ ปขอเมลด็ พนั ธผ์ุ กั กาดจากบา้ นทไ่ี มเ่ คย มคี นตาย แตห่ าไมไ่ ด้ เลยไดค้ ดิ ไดฟ้ งั ธรรมบรรลโุ สดาปตั ตผิ ลแลว้ ออกบวช เห็นเปลวประทีป น�ำมาเป็นอารมณ์ พระศาสดาเปลง่ พระรศั มีตรสั สอนจนบรรลพุ ระอรหัต. 173 ภาคผนวก www.kalyanamitra.org

๑๑) เรอื่ งนางปฏาจารา (ครอบครัวตายหมดเลยเปน็ บ้า, สดุ ทา้ ยบวชบรรลพุ ระอรหนั ต์) ลกู สาววยั รนุ่ ของเศรษฐเี มอื งสาวตั ถี หนไี ปกบั คนใชห้ นมุ่ , คนในครอบครัวตายหมดส้นิ , ทกุ ข์ใจสดุ ประมาณ, เคยตง้ั ความ ปรารถนาต�ำแหน่งเลศิ กว่าภกิ ษุณี ด้านทรงวินัยทั้งหลายในสมัย พระปทุมตุ ตรพทุ ธเจา้ , พระศาสดาไดแ้ สดงอนมตคั คปรยิ ายสตู ร จนนางไดบ้ รรลโุ สดาบนั , เมอื่ บวชเปน็ ภกิ ษณุ แี ลว้ ไดเ้ ปรยี บเทยี บ น�้ำท่ีไหลกับวัยทั้งสามเป็นอารมณ์ พระศาสดาเปล่งพระรัศมี ตรัสสอนจนบรรลพุ ระอรหัต. ๑๒) เรอ่ื งพระกณุ ฑลเกสเี ถรี (ฆ่าสามโี จรแลว้ บวชเป็นปรพิ าชกิ า, บวชแลว้ บรรลุอรหันต์) ลูกสาววัยรุ่นของเศรษฐีในเมืองราชคฤห์ได้โจรเป็นสามี, ถูกสามีโจรลวงไปฆ่า ใชส้ ติปัญญาเอาตัวรอดมาได้ผลกั สามโี จร ตกเขาตาย, จงึ หนไี ปบวชเปน็ ปรพิ าชกิ า โตว้ าทะแพพ้ ระสารบี ตุ ร เลยตอ้ งออกบวชเปน็ ภกิ ษณุ ใี นสำ� นกั พระอบุ ลวรรณาเถร,ี ไดบ้ รรลุ อรหัตในทีส่ ดุ . 174 อุบาสิกา ฉบับราชนิกลู -พระเถรี www.kalyanamitra.org

๑๓) เรอ่ื งพระธรรมทนิ นาเถรี (อดตี สามบี รรลอุ นาคามิผลกอ่ น) สามีบรรลุอนาคามีก่อน จึงอนุญาตให้นางออกบวชเป็น ภิกษุณี ในที่สุดก็บรรลุพระอรหัต, เมื่อเจอกันอีกครั้ง อุบาสก อดตี สามถี ามปญั หาทเี่ กนิ ภมู ธิ รรมตวั เอง, นางจงึ บอกใหไ้ ปทลู ถาม พระศาสดาเอง, พระองค์ได้ตรัสรับรองว่า แม้พระองค์ก็จะทรง แก้ปญั หาเชน่ เดยี วกับนาง. ๑๔) เรอื่ งพระพหปุ ตุ ตกิ าเถรี (มีลูกมากก็ใช่วา่ จะสบายในบ้ันปลาย) กอ่ นบวชมลี กู ชาย, ลกู สาวอยา่ งละ ๗, เมอ่ื แบง่ สมบตั ใิ หล้ กู แต่ไม่มีลูกคนไหนเต็มใจยอมรับเล้ียงดู, จึงออกบวช จับต้นไม้ เดนิ เจรญิ สมณธรรมจนเชา้ , พระศาสดาเปลง่ พระรศั มี แสดงธรรม จนนางบรรลุพระอรหตั . ๑๕) เรอื่ งพระอตุ ตราเถรี (อายุ ๑๒๐ ปี อดอาหาร ๓ วนั ฟงั ธรรมบทเดยี วบรรลโุ สดาบนั ) พระเถรสี งู วยั ถวายภตั ตาหารใหพ้ ระภกิ ษจุ นอดอาหาร ๓ วนั , วนั ท่ี ๔ เจอพระศาสดา เหยยี บมมุ จวี รตวั เองจนลม้ , พระศาสดา ตรสั พระคาถา นางฟงั จนบรรลุพระโสดาบัน. 175 ภาคผนวก www.kalyanamitra.org

e-book Free download ๑) เล่าเรอื่ งเศรษฐี คาถาธรรมบทฉบับพิเศษ http://bit.ly/ebookdmc-584 หรอื http://goo.gl/Q54gvs ๒) ทายาทเศรษฐี http://bit.ly/ebookdmc-697 หรอื http://goo.gl/JxQ7tt ๓) ดุสิตบุรี http://bit.ly/ebookdmc-657 หรอื http://goo.gl/gzNa4K ๔) วยั ใส ใจใส http://bit.ly/ebookdmc-693 หรอื http://goo.gl/qthKAf ๕) ปญั ญาบารมี หนทางการสรา้ งปญั ญา http://bit.ly/ebookdmc-585 หรอื http://goo.gl/LX9xYJ ๖) ชาดกเร่อื งโปรด http://bit.ly/ebookdmc-712 หรอื https://goo.gl/gWZyTT ๗) ภพนภ้ี พหน้า ฉบบั เติมเต็ม http://bit.ly/ebookdmc-596 หรอื http://goo.gl/KQrxIt ๘) ทานบารมี สูตรลัดแห่งความสขุ http://bit.ly/ebookdmc-611 หรือ http://goo.gl/TfPejV กรณีทีเ่ ขา้ ถงึ โดยตรงไมไ่ ด้ ให้เข้าไปที่ http://ebook.dmc.tv หมวดธรรมประยุกต์ http://www.kalyanamitra.org/book/index_dhamma book.php?cid=11 หมวดความรูพ้ ระไตรปฎิ ก www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook