¸ÃÃÁ¨ÃÂÔ Ò ¡ÒûÃоĵ¸Ô ÃÃÁ ˹ѧÊÍ× Ê͹¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒá¡à‹ ´ç¡ ¹ÒÂÍ´ÈÔ Ñ¡´ìÔ ·Í§ºÞØ à»ÃÂÕ Þ áµ§‹ “ ”
¡Òø»ÃÃÃÐÁ¾¨ÄõÂÔ ÒÔ¸ÃÃÁ ˹§Ñ ÊÍ× Ê͹¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒá¡‹à´ç¡ ¹ÒÂÍ´ÈÔ Ñ¡´ìÔ ·Í§ºØÞ à»ÃÂÕ Þ áµ‹§ ä´ÃŒ ºÑ ¾ÃÐÃÒª·Ò¹ÃÒ§ÇÑÅªÑ¹é ·Õè ñ 㹡ÒûÃСǴ»ÃШӾ·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõñ÷ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหพ มิ พพ ระราชทาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๙
ธรรมจรยิ า การประพฤตธิ รรม หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ดก็ นายอดิศักด์ิ ทองบุญ เปรียญ แต่ง ได้รับพระราชทานรางวัล ช้ันท่ี ๑ ในการประกวดประจำ�พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗
“…การนำ�ความรู้ไปใช้ ให้ถูกต้องเหมาะสม ว่าต้องประกอบ พร้อมด้วยหลักสำ�คัญ ๒ ประการ ประการแรก ต้องรู้จักพิจารณา เลือกสรรวิชาความรู้ แล้วนำ�ไปปรับใช้ให้พอเหมาะพอควรแก่งานและ ปัจจัยแวดล้อมทุกอย่าง ประการที่สอง ต้องรู้จักพิจารณาแยกแยะ ความดีความเจริญกับความชั่วความเสื่อม แล้วนำ�ความรู้ไปใช้แต่ใน ทางที่ดีที่เจริญ ให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์สูงสุด ไม่ก่อให้เกิดโทษ เสียหาย หลักทั้งสองประการนี้ เป็นส่ิงท่ีทุกคนพึงยึดถือไว้ตลอดไป
เพื่อให้ความรู้ที่แต่ละคนมีอยู่อำ�นวยผล เป็นประโยชน์แท้จริงและ ยงั่ ยืน ทั้งแก่ตนเอง แก่ส่วนรวม และแกป่ ระเทศชาติ…” พระราโชวาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบตั รแกผ่ ู้สำ�เร็จการศกึ ษา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ประจำ�ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๖ ณ ศนู ย์นทิ รรศการและการประชมุ ไบเทค วนั พุธ ท่ี ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
คำ�น�ำ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชประสงค์ท่ีจะให้เด็กไทยสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาให้ มากขึ้น จึงมีพระราชบัญชาให้คัดเลือกหนังสือท่ีชนะการประกวด หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ นบั ตง้ั แตป่ พี ทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๗ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา มาจัดพิมพ์ใหม่ เพอ่ื พระราชทานใหแ้ ก่โรงเรยี นและห้องสมดุ ต่าง ๆ สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม- บรมราชกุมารี ได้คัดเลือกหนังสือเรื่อง ธรรมจริยา การประพฤติ ธรรม ซึ่งแต่งโดย นายอดิศักด์ิ ทองบุญ เปรียญ มาจัดพิมพ์ใหม่ ได้ปรบั ปรุงรูปแบบ ทำ�เชงิ อรรถ การสะกดค�ำ และมภี าพประกอบ เพอ่ื ใหน้ า่ สนใจและเหมาะแกเ่ ดก็ และเยาวชนมากยง่ิ ขน้ึ สว่ นเนอ้ื หา สาระคงไวต้ ามต้นฉบบั เดมิ หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื นจ้ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ เดก็ เยาวชน และผู้สนใจท่ัวไป สมพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตน- ราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ส�ำ นกั งานโครงการ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี พุทธศักราช ๒๕๕๙
สารบญั ๙ ๒๓ บทน�ำ ๔๙ บทที่ ๑ - ธรรมจริยาทางกาย ๖๗ บทที่ ๒ - ธรรมจริยาทางวาจา ๘๓ บทที่ ๓ - ธรรมจริยาทางใจ บทส่งท้าย
ธรรมจรยิ า การธปรรระมพฤติ บทนำ� วนั หยดุ ราชการวนั หนง่ึ ด.ญ.ฉนั ทนา นาครธรรม น�ำ ปน่ิ โต ไปถวายพระอาจารย์คง แห่งวัดประดู่ แทนนางบุญญา ผู้มารดา ซง่ึ เปน็ ผนู้ �ำ อาหารไปถวายเปน็ ประจ�ำ ทกุ วนั เพราะพระอาจารยค์ ง เปน็ ผอู้ ปุ การะนายบญุ ถงึ ผสู้ ามมี าตง้ั แตส่ มยั ยงั เปน็ เดก็ วดั จนส�ำ เรจ็ การศึกษา นางบุญญาและสามีจึงถือเป็นหน้าท่ีจะต้องตอบแทน บุญคณุ ทา่ นประการหนงึ่ 9
อีกประการหน่งึ บำํ�รงุ พระด้วยปัจจัย ๔ ถอื ว่าตนเปน็ เป็นหน้าที่ของชาวพุทธครับ พทุ ธศาสนิกชนคนหนึง่ ต้องมีหนา้ ที่อปุ ถัมภบ์ ำ�รุง พระพทุ ธศาสนา และพระภิกษุสงฆ์ ตามก�ำ ลังทรพั ย์ และก�ำ ลังสติปัญญา ลูก ๆ ของสองสามีภริยานี้ก็พลอยได้เข้าวัดและสนิทสนม กบั พระอาจารยค์ ง เปน็ เสมอื นปขู่ องตนเอง เพราะเขามกั หาโอกาส น�ำ หรือใหล้ กู ๆ ไปหาพระอาจารยค์ งเสมอ ๆ ดังเชน่ คร้ังนี้ เม่อื ด.ญ.ฉนั ทนา เจริญสขุ เถอะลูก วางป่ินโตไวบ้ นหอฉัน เรียบรอ้ ยแล้วก็เข้าไปกราบ นมัสการคะ่ พระอาจารย์คง หลวงปู่ ตามทเี่ คยปฏิบัตมิ า พระเถระผูเ้ ปย่ี มดว้ ยเมตตา จึงทกั ทายขึน้ ว่า “เจริญสขุ เถอะลูก วนั นี้คุณแมไ่ ปไหนละ” 10
ฉนั ทนา “อยบู่ า้ นคะ่ คณุ พอ่ ไมอ่ ยู่ ทา่ นจงึ ใหล้ กู นามาแทน” พระอาจารยค์ ง “ดีแล้ว ลูกนาไมไ่ ดม้ าหาหลวงปเู่ สียนาน” ฉันทนา “ลกู นาต้องดูหนงั สือสอบกลางปีค่ะ เพ่งิ สอบเสรจ็ เมอื่ วานน้เี อง จงึ ไมไ่ ด้มาหาหลวงป่หู ลายวัน” พระอาจารยค์ ง “คุณแมม่ าชมให้หลวงปู่ฟังเสมอวา่ เดีย๋ วนี้ ลกู นาขยนั ขน้ึ ผดิ กบั แตก่ อ่ นมาก การเปลย่ี นแปลงไปทางดอี ยา่ งนแ้ี หละ เปน็ ผลของการเรียนละ” ฉันทนา “จริงค่ะหลวงปู่ แต่ก่อนลูกนาไม่ชอบโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ต้องบังคับบ้าง อ้อนวอนบ้าง จึงไปเรียนได้ บัดน้ี ลูกนารู้สึกว่าการเรยี นเป็นส่ิงดมี ีคุณค่าตอ่ ชีวติ ท�ำ ใหห้ ตู าสว่างขึ้น คนไม่รหู้ นังสือ เหมือนคนตาบอด คนรหู้ นังสือ เหมอื นคนตาดี ซ่งึ มองเหน็ อะไร ๆ รอบ ๆ ตวั ได้ดกี วา่ คนตาบอด อยา่ งนห้ี รอื คะ เรยี กวา่ ผลของการเรยี น ไมใ่ ชส่ อบไดค้ ะแนน มาก ๆ หรอกหรือคะ” พระอาจารยค์ ง “ไมใ่ ชล่ กู ผลของการเรยี นอนั แทจ้ รงิ สว่ นหนง่ึ 11
คอื การเปลย่ี นแปลงความคดิ เหน็ ใหด้ ขี น้ึ เมอ่ื กลา่ วโดยสรปุ ผลแหง่ การเรียนอันแท้จริง ได้แก่ มีวิชาความรู้ดี และมีความประพฤติดี ลกู นาตอบหลวงปซู่ วิ า่ คนทม่ี คี วามรดู้ ี มคี วามประพฤตดิ นี น้ี ะ่ จดั เปน็ คนเจริญสมบรู ณไ์ ด้หรือไม”่ “ได้ค่ะหลวงปู่ คุณพ่อเคยสอนลูกนาในเรื่อง “การงาน ไมอ่ ากลู ”๑ ตอนหนง่ึ วา่ “คนเราจะเจรญิ กา้ วหนา้ ได้ ต้องมวี ิชาความรู้ มคี วามประพฤตดิ ี ตามหลักศลี ธรรม และต้องมีงานทำ� เปน็ หลกั ฐาน พระท่านเรียกผูม้ ีวชิ า มีศีลธรรม และการงานวา่ “ผูม้ ีอดุ มชวี ิต” ค�ำ วา่ “อดุ มชวี ติ ” นี้ คงหมายถงึ คนเจรญิ สมบรู ณไ์ ดใ้ ชไ่ หมคะ หลวงปู”่ ๑ การงานไมอ่ ากลู , หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ , พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ มิ พ์พระราชทานเนอ่ื งในงานพระราชพิธวี สิ าขบูชา พุทธศักราช ๒๕๑๕ 12
“ไดท้ เี ดยี ว ลกู นาของหลวงปจู่ ำ�มาดมี าก คณุ พอ่ ของลกู นา พดู ไวถ้ กู ต้อง แต่คงพูดเน้นถงึ การงานว่า ลูกนานี่ คนท่มี ีวิชาความรดู้ ี ความจํำ�ดีมากเลยนะ เทา่ กบั มีเครอื่ งมอื ดี ในการทำ�งานทด่ี ี ๆ การงานที่ดี ซ่ึงทำ�ด้วยความรู้ดนี ั้น ก็จะส่งผลให้ มีฐานะมนั่ คง และศีลธรรมหรือความประพฤติดีน้ัน ก็จะช่วยส่งเสริม ให้การใช้ความรู้ดีน้ัน ๆ เป็นไปในทางที่ถูกท่ีควร ไม่ใช้ความรู้ไป ในทางท่ีผิด ซ่ึงจะเป็นพิษเป็นภัยแก่ผู้มีความรู้ได้ ลูกนาเคยได้ยิน ใชไ่ หม ลูกจ้าง คนงาน หรือขา้ ราชการ ทมี่ คี วามรดู้ ี ในหน้าทีข่ องตน แต่ถกู ไล่ออกจากงาน เพราะความประพฤตไิ มด่ ”ี 13
“ลกู นาเคยได้ยนิ คณุ พอ่ เล่าใหฟ้ งั คะ่ ว่า ลกู ชายคนหนงึ่ ของ ตาสุก บ้านประดู่นี้ ชื่อสุดใจ ได้ไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ จน ส�ำ เร็จอาชวี ศกึ ษาชัน้ สูง การศึกษาดีถา้ ไมม่ ีธรรมก�ำ กับ แล้วไดเ้ ขา้ ทำ�งาน ตอ่ มาเขาถูกจบั ไดว้ ่า ในธนาคารแหง่ หนึ่ง โกงเงินของธนาคารนนั้ ในตา่ งจงั หวัด เขาท�ำ อยูป่ ระมาณ ๓ ปี กบั ลกู น้อง ๒-๓ คน มเี งนิ เก็บเปน็ เรอื นลา้ น จึงถูกไล่ออก เงนิ ทโี่ กงมาได้ นอกจากน้ียงั ไดส้ ่งมาให้ ซ่ึงยังเหลือกถ็ ูกยึดกลับหมด ตาสกุ ผูเ้ ป็นพ่อทุกเดอื น เดือนละ ๔-๕๐๐ บาท และยงั ถูกขังเสยี ด้วย บัดนีย้ ังอยู่ในคกุ เลยคะ่ ” สักวันก็ตอ้ งรับผลกรรมทีท่ �ำ ไว้ 14
“นั่นแหละเห็นไหม มีความรู้ดีอย่างเดียวไม่อาจทำ�ให้คน เจริญข้ึนได้เสมอไป ท่านจึงต้องสอนให้มีศีลธรรมเข้ากำ�กับด้วย เพื่อจะได้ช่วยให้ใช้ความรู้น้ัน ๆ ไปในทางที่ถูกที่ควรดังกล่าวแล้ว ลูกนาจงจ�ำ ไว้วา่ ความรูต้ ้องมาค่กู บั ความประพฤตดิ ี จึงจะทำ�ใหค้ น เจริญก้าวหน้า คนทมี่ ีความรูด้ ี แต่ประพฤตไิ มด่ ี ก็ไม่เจรญิ ดงั ค�ำ พังเพยทีว่ ่า “ความรู้ท่วมหวั เอาตัวไมร่ อด” น่นั แหละลูก คุณพ่อของลูกคงไม่ได้สอนเน้นหนักในเร่ือง ความประพฤตไิ ว้ใชไ่ หม” “คะ่ หลวงปู่ คณุ พอ่ เคยสอนลกู นาในเรอ่ื ง การงานไมอ่ ากลู แตเ่ พยี งวา่ 15
“ในเบ้อื งตน้ ลูกจงเรียน วิชาความรู้ใหม้ ากพรอ้ มกับ หมั่นฝึกฝนอบรม ทางดา้ นจติ ให้รู้จกั ผิดชอบชว่ั ดี อะไรควรทำ�ไมค่ วรทำ� แล้วต่อไปเม่ือทำ�งาน การงานของลกู จะเจรญิ กา้ วหน้า...” แตค่ ณุ พอ่ ไม่ได้อธิบายว่าฝึกฝนอบรมทางจิตอย่างไร จึงจะ รจู้ กั คดิ วา่ อะไรผดิ อะไรชอบ อะไรชว่ั อะไรดี อะไรควรท�ำ ไมค่ วรท�ำ คณุ พอ่ พดู ถงึ ชนดิ ของงาน และวธิ กี ารท�ำ งานตามหลกั ในพระพทุ ธ- ศาสนาเทา่ นน้ั ซง่ึ ลกู นาเหน็ ผลมาแลว้ วา่ เมอ่ื ทำ�ตามแลว้ ไดผ้ ลตาม ที่คุณพอ่ พูดไวจ้ รงิ ๆ คะ่ ” “ลกู นาอยากจะฟงั ไหมละ่ หลวงปจู่ ะอธิบายให้ฟัง” พระ- อาจารยค์ งถามแลว้ กม็ องดนู าฬกิ าว่าจะถงึ เวลาฉนั เพลแลว้ หรอื ยงั “อยากฟังค่ะหลวงปู่” ผูเ้ ปน็ หลานสาวตอบรับทันที “ถ้าอยากฟัง หลวงปู่จะอธิบายให้ฟัง แต่ตอนนี้จวนจะถึง เวลาฉันเพลแล้ว จะขอพูดเพียงย่อ ๆ ก่อน ลูกนารู้ไหมว่าความ ประพฤตทิ ่ีดีนน้ั ประพฤติอะไร และประพฤตอิ ย่างไร” 16
ประพฤติธรรมใช่ไหมคะ ด.ญ.ฉันทนา หลวงปู่ นิ่งคดิ อยูค่ รู่หน่ึง แล้วตอบอยา่ ง ไมค่ ่อยแน่ใจว่า “ประพฤติธรรม ใช่ไหมคะหลวงปู่” “ใช่...ดมี าก ประพฤตธิ รรม คำ�น้ีในภาษาพระ หรอื ภาษา ทางพระศาสนาเรียกวา่ ธรรมจรยิ า ลูกนาเคยได้ยินไหม” “ไม่เคยได้ยินค่ะ แปลวา่ อยา่ งไรคะหลวงปู่” “ก็แปลว่า การประพฤติธรรมนั่นแหละลูก แต่คำ�แปลนี้ เป็นคำ�แปลกลาง ๆ ใชท้ ว่ั ๆ ไป เรียกว่าแปลตามรูปศพั ท์ คอื จรยิ า แปลว่า การประพฤติ ธรรมจริยา จึงแปลว่า การประพฤติธรรม ถา้ จะแปลใหไ้ ดค้ วามชดั และมองเหน็ แนวปฏบิ ตั ไิ ดด้ ว้ ย คอื ใหเ้ หน็ วา่ ประพฤตอิ ยา่ งไร กต็ อ้ งแปลตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓ ว่า “การประพฤติเปน็ ธรรม การประพฤติถกู ธรรม” นั่นแหละลูก ทีน้ีคำ�ว่า “ธรรม” พจนานุกรมฉบับเดียวกันน้ีให้ ความหมายไว้หลายอย่าง เช่น คุณความดี ความชอบ คำ�สั่งสอน ในพุทธศาสนา การปฏิบัติตามคำ�ส่ังสอนในพุทธศาสนา มรรคผล นพิ พาน ความถูกตอ้ ง เปน็ ตน้ ” “คำ�ว่า การประพฤติเป็นธรรม กับคำ�ว่า การประพฤติ ถกู ธรรมมคี วามหมายเหมือนกนั หรือคะหลวงปู่” 17
“ไมเ่ หมอื นกนั หรอกลกู แตค่ �ำ ทง้ั ๒ ค�ำ น้ี เปน็ ความหมาย ท่ีถกู ต้องของค�ำ ธรรมจรยิ า ดังท่ีกลา่ วมาแล้วจรงิ ๆ” “ลูกนาไมเ่ ขา้ ใจ ขอใหห้ ลวงป่กู รุณาอธิบายหน่อยซิคะ” “ได้ ฟงั ใหด้ นี ะลกู ค�ำ วา่ “ประพฤตเิ ปน็ ธรรม” หมายความวา่ ปรับความประพฤติของตนเข้าหาธรรม ตรงกับท่ีพระท่านเทศน์ว่า นอ้ มตนเขา้ ไปหาธรรมนัน่ เอง กล่าวคอื ใครมหี น้าที่ท�ำ งานอะไร ธรรมะ คอื หน้าทีน่ ะครับ หรอื มอี าชพี อยา่ งไรอยูแ่ ล้ว กค็ งทำ�งานหรืออาชพี ตามเดิม เชน่ ลูกนาเรียนหนงั สืออยู่ ไม่ตอ้ งเปลี่ยนแปลง กใ็ หเ้ รียนใหด้ ีให้ถกู อาชีพใหม่หรอก แต่...พยายามทำ�งาน หรอื คนทที่ ำ�ราชการ หรอื อาชีพนั้น ๆ ให้ดขี น้ึ ก็ท�ำ ให้ดใี ห้ถูก คนคา้ ขาย ให้ถกู ตอ้ งขึ้นกวา่ เดมิ เท่านั้น กค็ า้ ขายใหด้ ีใหถ้ ูก เปน็ นกั เรยี นตั้งใจเรียน คนท�ำ นา ท�ำ สวน กถ็ ือว่าประพฤติ เปน็ ธรรมนะคะ ก็ทำ�ให้ดใี ห้ถกู 18
เขา้ ใจดีแล้วใช่ไหมละ่ สรุปวา่ ไม่วา่ จะทำ�อะไร เป็นตน้ ว่าจะอาบนำ�้ จะหงุ ข้าว จะกิน จะนอน จะพดู จะคิด กพ็ ยายาม ทำ�ให้ดีใหถ้ ูก...อยา่ งนี้ เรียกว่าประพฤติเปน็ ธรรม ทั้งนัน้ แหละลูก ทีน้เี ข้าใจไหมละ่ ลกู ” ด.ญ.ฉนั ทนายมิ้ พลางตอบว่า “เข้าใจแล้วคะ่ หลวงปู่ อีกคำ� ละคะ หมายความว่าอย่างไร” “คำ�ว่าประพฤติถูกธรรม หมายความว่าประพฤติให้ถูก ตามธรรม หรอื ตามหลักค�ำ สง่ั สอนในพระพทุ ธศาสนา คือ การเปลีย่ นแปลงตวั เอง จากธรรมดาสามญั เสยี ใหม่ โดยมุ่งจะปฏิบัตติ นตาม แนวทางของธรรมชน้ั สูงขึ้น ประณตี ขน้ึ ตามลำ�ดบั อยา่ งทพี่ ระทา่ นเทศนว์ า่ นอ้ มธรรมเข้าหาตนนนั่ เอง ตัวอย่างเช่น 19
คนที่เคยทำ�อาชพี บางอยา่ ง กลับตัวกลบั ใจเลิกในสิง่ ชั่ว ซ่ึงผดิ ศลี หา้ ข้อใดข้อหนึง่ อยู่ เอ๊ะ..! คนนน้ั เมอ่ื ก่อน ก็หาทางทำ�อาชีพใหม่ เคา้ เป็นอันธพาลนนี่ ะ หรอื คนท่ีไม่เคยเข้าวดั ถอื ศีลฟังธรรม ก็เขา้ วัดถือศลี ฟงั ธรรม เจรญิ เมตตาภาวนา อะไรทำ�นองนี้แหละลกู เรียกว่า ประพฤติถูกธรรม พอเขา้ ใจไหมละ่ ลูก” “เขา้ ใจดแี ลว้ ค่ะหลวงปู่” “ขอใหจ้ ำ�วา่ ธรรมจรยิ าทั้ง ๒ ความหมายน้ี อย่างแรกเปน็ การประพฤติธรรมเบื้องต้น ส่วนอย่างหลังเป็นการประพฤติธรรม ชน้ั สงู ขน้ึ ไป อยา่ งไรกต็ าม เมอ่ื ใครประพฤตเิ ปน็ ธรรม หรอื ประพฤติ ถกู ธรรม กย็ อ่ มไดร้ บั ผลดตี ามควรแกก่ รณี คอื ไดร้ บั ความดี ความสขุ ความเจริญ สมดังทสี่ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ผ้เู ป็นบรมศาสดา ของเราตรัสไวใ้ นมงคลสตู รวา่ ธมมฺ จรยิ า เอตมฺมงคฺ ลมุตตฺ ม แปลวา่ การประพฤติธรรมเปน็ อุดมมงคล เม่ือพระอาจารย์คงกล่าวถึงตรงน้ี ก็พอดีระฆังสัญญาณ ฉันเพลได้ดังขึ้น ท่านจึงกล่าวทิ้งท้ายกับผู้เป็นหลานสาวว่า “วันนี้ 20
หลวงปขู่ อพดู ไวแ้ คน่ ก้ี อ่ น แตเ่ รอ่ื งการประพฤตธิ รรมนย้ี งั ไมจ่ บนะลกู ถ้าอยากฟังต่อก็ขอให้มาใหม่พรุ่งน้ี หลวงปู่จะอธิบายรายละเอียด ตอ่ ไป” ด.ญ.ฉนั ทนาตอบรบั ค�ำ ของหลวงปู่ พรอ้ มกบั กลา่ วขอบคณุ ท่าน แลว้ กราบลากลับบ้านด้วยความเบิกบานใจยงิ่ ไดฟ้ งั ธรรมจากหลวงปู่แล้ว สบายใจจังเลย 21
คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. ธรรมจรยิ า แปลวา่ อะไร ? ๒. ๓. คำ�ว่า ธรรม การประพฤติเป็นธรรม แปลวา่ อะไร ? หมายความวา่ อย่างไร ? ๔. ๕. การประพฤตถิ กู ธรรม การประพฤตธิ รรม หมายความวา่ ดอี ย่างไร ? อยา่ งไร ? 22
บท๑ท่ี ธรรมจรยิ า ทางกาย วันน้จี ะไปหาหลวงปู่ อกี หรอื เปล่าจ๊ะ ไปคะ่ คุณพอ่ คุณแม่ เมื่อ ด.ญ.ฉันทนา นาครธรรม กลบั มาถึงบ้านกไ็ ด้เลา่ เรอื่ ง การสนทนาระหว่างพระอาจารย์คงกับเธอให้พ่อแม่ฟังทุกประการ นายบุญถึงและนางบุญญาดีใจมาก และแนะนำ�ให้บุตรสาวบันทึก เรอ่ื งราวไว้ วนั รงุ่ ขน้ึ สองสามภี รยิ าจงึ สนบั สนนุ ใหบ้ ตุ รสาวน�ำ อาหาร ไปถวายพระเถระอีก แต่ไม่ลืมตักเตือนว่า “ถ้าหลวงปู่กำ�ลังมีแขก หรือกำ�ลังทำ�งานอยู่ ลูกนาอย่ารบกวนท่านนะลูก” ซ่ึงผู้เป็นบุตร คนสุดท้องก็ได้ตอบรับคำ�ตักเตือนน้ันด้วยความเต็มใจ แล้วลา ผู้บงั เกดิ เกลา้ ทงั้ สองออกจากบา้ นไป 23
คร้ันไปถงึ วดั เหน็ หลวงปขู่ องเธอ กำ�ลงั ประชมุ ศิษย์วัดอยู่ จึงรอจนกระทงั่ การประชมุ นั้นเลิกแล้ว ก็เข้าไปกราบพระเถระ ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ อยา่ งถกู ต้องตามที่ หลวงป่ขู องเธอเคยสอนไว้ ทา่ นหวั เราะดว้ ยอารมณด์ เี ยย่ี งผมู้ ากดว้ ยเมตตากรณุ ากอ่ น กลา่ ววา่ “เจรญิ สขุ ๆ เถอะลกู คงมาฟงั เรอื่ งการประพฤตธิ รรมละซ”ี “ค่ะหลวงปู่ ลูกนากลับไปนอนคิดพิจารณาทบทวนตาม เรื่องที่หลวงปู่พูดเม่ือวานนี้อีกครั้งหน่ึง เห็นว่าเรื่องนี้มีสาระมาก เป็นประโยชน์แก่การศึกษาจริง ๆ แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ถ้า ผสู้ อนเองไมเ่ ขา้ ถงึ จริง ๆ ก็สอนให้คนอื่นเขา้ ใจไมไ่ ด้ ลกู นาโชคดที ่ี มีหลวงป่เู ปน็ ท่ีพ่ึง เพราะ...” “พอ ๆ ถงึ หลวงปจู่ ะมีอายมุ ากเหน็ ปานนี้ กย็ งั ไมต่ อ้ งการ ฉันยาหอมเท่าไรนักหรอก” ท่านพูดขึ้นก่อนที่หลานสาวของท่าน จะพูดจบประโยค แล้วท้ังสองก็หัวเราะกัน “เร่ืองท่ีหลวงปู่พูด เมอื่ วานนี้ ลูกนายงั จ�ำ ไดด้ ีอยหู่ รือ” 24
“จ�ำ ไดค้ ่ะหลวงป”ู่ พรอ้ มกบั คำ�ตอบ เธอไดด้ งึ สมดุ บันทึก ออกมาจากถงุ กระดาษ เปดิ สมุดนนั้ แลว้ อา่ นข้อความยอ่ ท่เี ธอบันทกึ ไวว้ ่า “เม่ือวานน้ีหลวงปู่พูดถึงผลแห่งการเรียนอันแท้จริง ๒ อย่าง คือ มีความรู้และความประพฤติดี และได้อธิบายถึงความ ประพฤติดี ว่าได้แก่การประพฤติธรรม ซึ่งหมายถึง ประพฤติเป็น ธรรม และประพฤติถกู ธรรม ผูป้ ระพฤติธรรมทั้ง ๒ ความหมายน้ี จะได้รับความสขุ ความเจรญิ ซงึ่ เรยี กวา่ อดุ มมงคล แคน่ ้ีแหละค่ะ แตว่ ันนล้ี ูกนาเตรียมคำ�ถามมาเรยี นถามหลวงปู่แยะเชยี วคะ่ ” “ดมี าก ลกู นาบันทึกยอ่ ไว้ดแี ลว้ ดีมากลกู การเรียนทด่ี ผี ูเ้ รียน ทจี่ ดบนั ทึกไว้อา่ น ควรเตรียมตัวล่วงหน้า อยา่ งนีแ้ หละลูก ไม่ใชจ่ ะนั่งฟงั เฉย ๆ ควรคิดตามและเม่ือไมเ่ ข้าใจ กซ็ กั ถามจนเข้าใจ เสร็จแลว้ บันทกึ เก็บไว้ดู เพอื่ ช่วยความจำ�ต่อไป 25
เอาล่ะ ขอเข้าเร่ืองเสียที” ท่านหยุดครู่หน่ึงเพ่ือฉันน้ำ�ชา แล้วพูดตอ่ ไปว่า “วันน้ี หลวงปูจ่ ะพูดขยายความทพ่ี ดู ไวเ้ ม่อื วานใหล้ ะเอยี ด ยิ่งข้ึนว่า การประพฤติเป็นธรรม และการประพฤติถูกธรรมนั้นน่ะ คอื ประพฤตอิ ยา่ งไร หลวงปขู่ อแยกประเดน็ ของการประพฤตธิ รรม หรือธรรมจริยา ออกเป็น ๓ ประการคือ ธรรมจริยาทางกาย ธรรมจริยาทางวาจา และธรรมจรยิ าทางใจ...” “ขอประทานโทษค่ะหลวงปู่ ลูกนายังไม่เข้าใจว่าทำ�ไม จงึ แบง่ เป็นธรรมจริยาทางกาย วาจา ใจ อะไรของหลวงปคู่ ่ะ” “จรงิ ซิ หลวงป่ลู ืมบอกไปวา่ การประพฤติก็คอื วาจา ใจ การปฏิบัตหิ รือการกระทำ� กาย ซ่ึงเปน็ กิรยิ าอาการ ที่แสดงออกทางกาย วาจา และใจ การกระท�ำ ทุกอยา่ ง ไมว่ า่ ดีหรือไม่ดี ย่อมแสดงออกมาในทาง ท้ังสามนีไ้ มท่ างใดก็ทางหน่งึ หรอื พดู สน้ั ๆ การประพฤตกิ ค็ อื การท�ำ การพดู และการคดิ นัน่ เอง ลกู นาพอเขา้ ใจไหม” 26
“คราวน้ีเข้าใจค่ะ ลูกนาเพิ่งนึกได้ คุณครูเคยสอนเร่ือง กรรม ๓ ลกู นาทอ่ งจ�ำ เมอ่ื กอ่ นสอบครง้ั นี้ คือ การกระทำ�ทางกาย เรียกว่า กายกรรม การพูดเรียกว่า วจีกรรม และการคิดเรียกว่า มโนกรรม แต่หลวงปู่ เรียกว่า ธรรมจรยิ าทางกาย ธรรมจริยาทางวาจา ธรรมจรยิ าทางใจ ลูกนา เลยงงคะ่ ” “เม่ือเข้าใจแล้ว หลวงปู่จะอธิบายธรรมจริยาทางกายก่อน ลูกนาจำ�เรื่องกรรม ๓ ได้ก็ดีแล้ว ตอบหลวงปู่ซิว่า กายกรรมหรือ การทำ�มีอะไรบ้าง” ดี ไม่ดี “มี ๒ พวก คือ พวกหน่ึงไม่ดี อีกพวกหนึ่งดี ใช่ไหมคะ หลวงป”ู่ “ใช่ เก่งมาก พวกไม่ดีมอี ะไรบ้าง” พระอาจารย์คงซกั “มกี ารฆา่ สตั ว์ ลกั ทรพั ยเ์ ขา และประพฤตผิ ดิ ลกู ผดิ เมยี เขา” ด.ญ.ฉันทนาท่องเร็วปรื๋อ แต่เธอสารภาพไว้ตอนท้ายว่า “ลูกนา จำ�ได้อย่างเดียวนะคะหลวงปู่ อธิบายไมไ่ ด้” 27
“รีบออกตัวเชียวนะ เอาล่ะ เด๋ียวหลวงปู่จะอธิบายให้ฟัง ลูกนาตอบหลวงปู่กอ่ นวา่ พวกดีมีอะไรบ้าง” “มีการไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์เขา และไม่ประพฤติผิดลูก เมียเขาคะ่ ” “ดมี าก ธรรมจริยาทางกาย กค็ ือการไมฆ่ ่าสตั ว์ ไม่ลักทรพั ย์เขา และไมป่ ระพฤตผิ ิด ลกู เมียเขานีเ้ องแหละลกู ท�ำ ไมเรยี กการไมฆ่ า่ สตั ว์ ไมล่ กั ทรพั ยเ์ ขา และไมป่ ระพฤตผิ ดิ ลกู เมยี เขา วา่ ธรรมจรยิ า หรอื การประพฤตธิ รรม ลกู นาตอบไดไ้ หม” “ไมไ่ ดค้ ะ่ หลวงป”ู่ บตุ รสาวของนายบญุ สง่ ตอบอยา่ งอาย ๆ “ลูกนาคงลืมไปแล้วละซีว่า คำ�ว่า ธรรม แปลว่า ความดี ความถูก หรือคำ�ส่ังสอนในพระพุทธศาสนา การประพฤติธรรม จึงหมายถึงการประพฤติความดี ความถูก หรือประพฤติตาม คำ�ส่งั สอนในพระพทุ ธศาสนา ดงั ท่หี ลวงปูไ่ ด้พดู ไวแ้ ลว้ เมอ่ื วานน้”ี “คำ�แปล และความหมายนั้น ลกู นาไม่ลืมหรอกค่ะ แต่ยงั ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับคำ�ถามที่ว่า ทำ�ไมจึงเรียกการ 28
ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์เขา ไม่ประพฤติผิดลูกเมียเขา ว่าเป็นการ ประพฤติธรรม หลวงปถู่ ามอย่างน้ีไม่ใช่หรอื คะ” “กใ็ ชน่ ะซ”ี พระเถระตอบดว้ ยอาการยม้ิ แยม้ แจม่ ใส “ลกู นา คิดดูซวิ ่าเกีย่ วข้องกันหรือไม่ เมอ่ื ก้หี ลวงปู่บอกวา่ เราควรปฏบิ ตั ิ การประพฤตธิ รรม ตามหลกั คำํ�ส่ังสอนใน กค็ ือการประพฤติ พระพทุ ธศาสนานะลกู ความดี ความถูก หรือประพฤติ ตามคำ�สั่งสอน ในพระพุทธศาสนา ทีน้ีการไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์เขา ไม่ประพฤติผิดลูกเมีย เขาล่ะลูก เป็นการประพฤติความดี ความถูก หรือประพฤติตาม คำ�สงั่ สอนในพระพุทธศาสนาหรือไม่” “อ้อ จริง...เพราะการทำ�ท้ังสามอย่างนั้น เป็นการกระทำ� ทางกายฝ่ายดี แหมไม่น่าโงเ่ ล้ย...ลูกนานีแ่ ย่มากนะคะหลวงปู่” “ลกู นานะ่ ฉลาดออก” ผ้เู ป็นหลวงปปู่ ลอบใจ “แตจ่ งจ�ำ ไว้ คนเราไม่ใช่จะรู้ดีทั้งหมดมาแต่เกิดเมื่อไรเล่า ต้องเรียนต้องฝึกฝน อบรมกันท้ังนั้น จึงจะรู้ในส่ิงท่ีควรรู้ ลูกนาอย่าท้อใจเลยนะ” เม่ือ เห็นผู้เป็นหลานสาวมีอาการร่าเริงขึ้นจึงกล่าวต่อไปว่า “คราวน้ีก็ 29
มาถงึ ปญั หาทล่ี กู นาหา้ มถาม คอื ท�ำ ไมการฆา่ สตั ว์ การลกั ทรพั ยเ์ ขา ประพฤติผิดลูกเมียเขา จึงจัดเป็นการประพฤติท่ีไม่ดี หรือที่ลูกนา เรยี กวา่ กายกรรมพวกไมด่ ี และท�ำ ไมการไมฆ่ า่ สตั ว์ ไมล่ กั ทรพั ยเ์ ขา ไม่ประพฤติผิดลูกเมียเขา จึงจัดเป็นการประพฤติดี หรือท่ีลูกนา เรยี กวา่ กายกรรมพวกด”ี “นน่ั แหละคะ่ ทล่ี กู นาไมเ่ ขา้ ใจ กรณุ าอธบิ ายเถอะคะ่ หลวงป”ู่ “ตกลง หลวงปู่จะอธิบายการฆ่าสัตว์และไม่ฆ่าสัตว์ก่อน ลกู นารูไ้ หมว่า ค�ำ วา่ ฆา่ หมายถึงอะไร” “หมายถึง การท�ำ ใหต้ ายใช่ไหมคะ” “ใชล่ กู ตายซะเถอะ ฆา่ คอื การท�ำ ใหต้ าย เจา้ หมาบ้า แต่ต้องทำ�ให้ตาย ด้วยเจตนานะลกู เจตนาแปลว่า จงใจหรือตั้งใจ คอื จงใจจะให้ตาย ถา้ ไมจ่ งใจกไ็ ม่จดั วา่ ฆา่ ในทนี่ ้ี คำ�วา่ สตั ว์ ละ่ หมายรวมถงึ คนด้วยหรือไม”่ “ไม่ค่ะสัตว์ ก็คือสัตว์เดรัจฉาน เช่น สุนัข สุกร เป็ด ไก่ โค กระบอื ชา้ ง ม้า เป็นต้นเทา่ นัน้ คนไมใ่ ช่สัตวน์ ี่คะ” 30
“ใช่ ถา้ หมายถงึ สตั วเ์ ดรจั ฉาน คนไมใ่ ชส่ ตั ว์ เพราะเจรญิ กวา่ แต่คนเป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉาน ในที่นี้หมายรวมถึงคน ดว้ ย โดยม่งุ ถงึ สิ่งมีชวี ติ ทัว่ ไป ซง่ึ ภาษาพระเรียกว่า ปาณะ ฉะน้ัน การฆา่ สตั วจ์ งึ หมายถงึ การท�ำ ใหส้ ง่ิ มชี วี ติ ทง้ั หลายตายไป ภาษาพระ ใชว้ า่ ปาณาตบิ าต ลกู นาเคยเรยี นเรอ่ื งศลี หา้ มาแลว้ ใชไ่ หม ศลี ขอ้ ๑ ภาษาพระว่า ปาณาติปาตาเวรมณี ซึ่งแปลกันท่ัวไปว่า เว้นจาก การฆา่ สตั ว์หรอื ไมฆ่ ่าสัตว์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นอกจากน้ี สนุกจังเลย การฆ่าสัตว์ ยงั หมายรวมไปถึง การเบยี ดเบียนสัตว์ การทรมานสัตว์ ดว้ ยนะลกู นี่คือความหมาย ของคำ�ว่าการฆา่ สตั ว์ ทีน้ีก็มาถึงประเด็นส�ำ คญั ของปัญหาท่ีว่า ทำ�ไมจึงถือกันวา่ ฆ่าสัตว์ไม่ดี ไม่ฆ่าสัตว์นั้นดี เราจะพิจารณากันว่าไม่ดีอย่างไรและ ดีอย่างไรตอ่ ไปนะลูก” “คะ่ หลวงปู่ ลกู นาก�ำ ลังตง้ั ใจฟังอย่ทู เี ดียวคะ่ ” 31
“ก่อนจะพิจารณาปัญหาดังกล่าว หลวงปู่จะเล่าเร่ืองท่ีเพิ่ง เกิดข้ึนเมื่อคนื น้ใี ห้ฟงั ...” “เรือ่ งอะไรคะ” เธอถามขึน้ อย่างตน่ื เต้น “ลกู นาคงเหน็ พวกเดก็ วดั มาประชมุ ทน่ี ี้ เมอ่ื กน้ี แ้ี ลว้ ใชไ่ หม” “ใช่คะ่ เกดิ เรอ่ื งขน้ึ แก่เด็กวดั หรือคะ” “ใช่ลกู เดก็ วัดคนหนงึ่ ช่ือก�ำ จดั ถูกคนรุมตถี งึ สลบเม่ือคืนน้ี ขณะไปดมู หรสพในหมูบ่ ้าน... ขณะนพ้ี วกเพ่อื นกำ�ลงั ช่วยพยาบาลอยู่ เห็นวา่ กันว่าหวั แตก และบาดเจ็บหลายแหง่ เราตอ้ งไปล้างแคน้ เมื่อเช้านี้ ใหเ้ พื่อนของเรา พวกเด็กวดั รวมกล่มุ กัน จะยกพวกไปบกุ บ้านนนั้ เพอื่ จบั ตวั คนท่ซี อ้ ม เพือ่ นของเขา มารุมซ้อมแก้แค้น แทนนายกำ�จดั บา้ ง 32
แต่หลวงปู่รู้เสียก่อน จึงเรียกมาประชุมพูดจาให้พวกเขา เข้าใจ และรูส้ ึกผดิ ชอบชว่ั ดแี ล้วจึงได้เลิกประชมุ กลบั ไป” “หลวงปู่พดู ว่าอย่างไรคะ เขาจึงเข้าใจ เปิดเผยได้ไหมคะ” “น่ันแหละคือสงิ่ ทห่ี ลวงป่ปู ระสงคจ์ ะเล่าให้ฟังล่ะ พวกเจา้ มาทำํ�ร้ายกนั หลวงปู่ถามเขาว่า ท�ำํ ไม ทำ�ไมจงึ โกรธแคน้ กัน ถึงกบั จะไปฆา่ ไปแกงกนั พวกนน้ั ตอบว่า เพราะเขามารมุ ตี นายกำ�จดั ผเู้ ป็นเพอ่ื น จนได้รับบาดเจ็บมาก หลวงปถู่ ามวา่ ท�ำ ไมพวกเขาจงึ มารมุ ตนี ายก�ำ จดั เลา่ พวกนน้ั ตอบว่า เพราะเคยทะเลาะกันมากอ่ น ครงั้ นน้ั นายกำ�จดั เคยท�ำ เขาไว้ จึงต้องใช้คืน ใชไ้ ม้ตีหัวเขาก่อน จนหัวแตก เขากบั พวกโกรธมาก จงึ มารมุ กันแก้แคน้ นายกำ�จัดคร้งั น้ี 33
หลวงปถู่ ามว่า พวกเจา้ แน่ใจนะ ถา้ พวกเรายกพวก วา่ ทำ�ํ ร้ายเขาแล้วเร่อื งจะจบ ไปแกแ้ คน้ เขาส�ำ เรจ็ เชื่อหรือวา่ พวกเรา จะอยเู่ ป็นสุขสบาย ไมถ่ กู พวกนน้ั ยกพวกกนั มาแกแ้ คน้ อีกหรอื พวกนั้นน่งั นิ่งไปครู่หน่ึง แตแ่ ลว้ คนหนึ่งกล่าวขนึ้ วา่ ถ้าไม่ไปแก้แคน้ ก็ไมห่ ายแค้น หลวงปูจ่ งึ ถามเขาวา่ เม่ือเราหายแค้นแล้ว พวกเขาจะหาย แค้นด้วยหรือ หรือว่าจะกลับทำ�ให้เกิดความแค้นขึ้นมาใหม่ แล้ว พากันมาแก้แค้นกับพวกเราอีก และพวกเราท่ีหายแคน้ แลว้ กก็ ลบั แค้นอีก แล้วยกพวกไปแก้แค้นกับพวกเขาอีก คิดดูซิว่ามันจะหยุด แค้นกันได้อย่างไร การเป็นอย่ดู ้วยการแก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมา อย่างน้ี ดีหรือ มีสุขสบายดีหรือ เปล่าแน่ ๆ สู้อยู่กันด้วยความ สามคั ครี กั ใครป่ รองดองกนั ไมไ่ ด้ อยดู่ ว้ ยกนั แบบมอี ะไรกป็ รกึ ษากนั ช่วยเหลือกัน อย่างท่ีพวกเราเป็นอยู่กันในวัดน้ีจะไม่ดีกว่าหรือ คนหน่ึงสอดขึ้นว่าถ้าเราไม่แก้แค้น พวกน้ันจะหาว่าพวกเราไม่สู้ เป็นอ้ายหน้าตัวเมีย หลวงปู่โต้ไปว่า แล้วพวกเราจะกลายเป็นคน ไม่สู้ เป็นอ้ายหน้าตัวเมียจริง ๆ ตามคำ�เขาว่าขึ้นมากระนั้นหรือ 34
กเ็ ปลา่ ค�ำ กลา่ วนน้ั กลา่ วเพราะทฐิ มิ านะจะเอาชนะใหไ้ ด้ เพอ่ื รกั ษา ศักดิ์ศรีของลูกผชู้ าย ขะ ขะ เขา้ มาเลย..! บางคนรดู้ ีวา่ ฉนั ไมก่ ลวั แกหรอก ถึงส้กู ็แพ้เขา แตต่ ้องสู้ อย่างลกู ผชู้ าย ไมใ่ หเ้ ขาว่า อ้ายหนา้ ตัวเมีย นแี่ หละ ความคดิ ผิดเห็นผดิ และถือผดิ ๆ กนั จำ�ไว้วา่ การต่อสู้ อยูไ่ ม่ได้แล้ว..! และการหนี หนกี อ่ นดีกวา่ เป็นกริ ยิ าสามัญ ของสัตว์ทัง้ หลาย ไม่วา่ คนหรือ สตั ว์เดรจั ฉาน เพราะต่างมีความรกั ตวั และกลัวตายด้วยกนั 35
ทต่ี อ่ สกู้ เ็ พอ่ื ปอ้ งกนั ชวี ติ คอื ปอ้ งกนั ตวั ทห่ี นกี เ็ พอ่ื ปอ้ งกนั ชวี ติ เพราะขนื สกู้ อ็ าจตายได้ สรปุ วา่ ตา่ งกร็ กั ชวี ติ ของตนเหมอื นกนั หมด เรารักชวี ิตเราอยา่ งไร ฮม่ึ ..! ผู้อืน่ สตั ว์อน่ื ก็รกั ชีวติ เขา อย่างเดยี วกับเรา นา่ กลัวจงั เลย เราไมอ่ ยากให้ใคร มาท�ำ ร้ายเรา เขากไ็ ม่อยากให้ใคร ไปทำ�ร้ายเขา ถ้าใครมาทำ�ร้ายเรา เราโกรธ เราต้องแก้แค้นให้สาสมกับ ทม่ี าท�ำ กบั เราหรอื พวกเรา แลว้ พวกอน่ื ละ่ กม็ คี วามคดิ อยา่ งเดยี วกนั นน่ั แหละ เรยี กวา่ มคี วามอยากความประสงคต์ รงกนั พระพทุ ธเจา้ จึงทรงสอนไม่ให้ฆ่าฟันกัน ไม่ให้เบียดเบียนกัน เพราะผิดความ ประสงคอ์ นั ตรงกนั ดังกลา่ วนีเ้ อง การไม่ฆา่ กนั เราขอโทษนะ เรากเ็ ชน่ กนั จงึ เปน็ ธรรมคือ เปน็ ความดี ความถูก ในสงั คมของมนุษย์ ผู้เจรญิ แล้วทง้ั หลาย 36
แต่ในหมู่สัตว์เดรัจฉานยังนึกคิดไม่ประเสริฐเท่ามนุษย์ สัตว์เดรัจฉานจึงยังเบยี ดเบียนกันฆา่ กนั อย”ู่ “มิน่าเล่าพวกศิษย์วัดทั้งหลายจึงเข้าใจ เพราะคำ�อธิบาย ของหลวงปมู่ เี หตผุ ลดมี าก ถา้ ทกุ คนมคี วามรสู้ กึ นกึ คดิ อยา่ งน้ี สงั คม มนุษย์คงจะสงบสุข ไม่มีการเบียดเบียนกัน ไม่ประหัตประหารกัน แน่ ๆ เชยี วคะ่ แตท่ �ำ ไมคนส่วนมากจงึ ไม่รู้สกึ อยา่ งน้ลี ะ่ คะหลวงป”ู่ แกใช่ไหมทีท่ ำํ�ร้าย เปล่านะ เราไม่รู้เรอ่ื ง เพื่อนของเรา “กเ็ พราะมคี วามเหน็ แกต่ วั มาก คอื เหน็ แตเ่ พยี งวา่ ใครอยา่ ทำ�ร้ายพวกตน แต่คนอื่นถูกทำ�ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา เราไม่เกี่ยว ความเห็นแก่ตัวอย่างน้ีแหละลูกทำ�ให้ไม่เห็นความเดือดร้อนของ คนอน่ื พระพทุ ธเจา้ ของเราจงึ ทรงสอนใหม้ ี เมตตากรณุ าตอ่ กนั คอื รกั ใครก่ นั เหน็ ใจกนั เหน็ คนอน่ื เดอื ดรอ้ นกเ็ หมอื นตนเองเดอื ดรอ้ น เมอ่ื มคี วามรสู้ กึ อยา่ งน้ี การฆา่ กนั เบยี ดเบยี นกนั กจ็ ะไมเ่ กดิ ขน้ึ แน่ ๆ เขา้ ใจไหมละ่ ลูก” 37
“เข้าใจดคี ะ่ หลวงปู่ ทง้ั ในข้อที่ว่า ท�ำ ไมการฆ่าสตั ว์จึงถือว่า ไมด่ ี การไม่ฆา่ สตั วท์ ำ�ไมจงึ ถอื วา่ ดี และท้ังในขอ้ ท่ีวา่ ทำ�อยา่ งไรจึง จะไมใ่ หม้ กี ารฆ่าสตั ว์ค่ะ” “เอาละ เมอ่ื ลกู นาเขา้ ใจดแี ลว้ หลวงปจู่ ะอธบิ ายธรรมจรยิ า ทางกายข้อท่ี ๒ คอื การไม่ลักทรพั ยเ์ ขาต่อไป ในข้อน้ี กม็ ีปญั หาท่ี ควรพิจารณาอยู่ ๓ ประการคอื ลกั ษณะของการลักทรัพยเ์ ขาเปน็ เชน่ ไร การลกั ทรพั ยเ์ ขาไมด่ อี ยา่ งไร และการไมล่ กั ทรพั ยเ์ ขาดอี ยา่ งไร ขอใหเ้ ราพจิ ารณากนั ตามลำ�ดับนะลกู ลกู นารไู้ หมว่า คำ� ลกั นี้ คอื การท�ำ อย่างไร” “คอื การขโมยใชไ่ หมคะ” ฉันทนาตอบอยา่ งไมแ่ น่ใจ “ใช่ ลัก กับ ขโมย เหมือนกัน แต่หลวงปู่ถามว่าเป็นการ กระทำ�อยา่ งไร” “อ๋อ...ลูกนาจำ�ได้ว่า คือ การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขา ไม่อนญุ าตหรอื ทต่ี นไมม่ ีสทิ ธ์ิ ลูกนาจ�ำ มาถูกหรอื เปลา่ คะ หลวงป”ู่ “ถกู แตไ่ มส่ มบรู ณท์ เี ดยี ว ตอ้ งเพม่ิ ค�ำ วา่ ดว้ ยเจตนาขโมย ลงไปด้วย เพราะถ้าถือเอาสิ่งของเช่นน้ันด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเป็น ของตนหรือของเพ่ือนตน หรือของคนที่ตนสามารถถือเอาด้วย วิสาสะ คอื ความคุน้ เคยกนั กไ็ มจ่ ดั เป็นการลักหรือการขโมยนะลกู จงจ�ำ ไวว้ า่ เจตนา ซง่ึ แปลวา่ ความตง้ั ใจหรอื ความจงใจน้ี เปน็ เครอ่ื ง บอกถงึ การกระท�ำ ทกุ ๆ อยา่ ง กลา่ วคอื ถา้ ท�ำ ดว้ ยเจตนาดกี จ็ ดั เปน็ กรรมดี ถ้าทำ�ด้วยเจตนารา้ ย ก็จัดเป็นกรรมไมด่ ี เชน่ 38
เหยอื่ มาแลว้ การลกั หรอื ขโมย จัดเป็นกรรมไม่ดี เพราะทำ�ดว้ ยเจตนาร้าย และการฉกชิงวิ่งราว ปล้นจ้ี อะไรนี้กเ็ ป็น ลกั ษณะของการลกั หรอื ขโมยทง้ั น้นั เพราะถือเอาดว้ ย เจตนาจะขโมย คำ�น้ภี าษาพระใชว้ า่ อทนิ นาทาน ลกู นาเข้าใจไหม” “เข้าใจค่ะหลวงปู่” “คราวนี้ก็มาถึงปัญหาท่ีว่า การลักทรัพย์เขาไม่ดีอย่างไร ลูกนาคิดดูซิ ทรัพย์สมบัติของลูกนาไม่ว่าจะมีค่ามากหรือค่าน้อย ลกู นารักและหวงแหนใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ใคร ๆ ก็หวงแหน เพราะเป็นของท่ีหามาได้ด้วย หยาดเหงื่อแรงงาน และหามาเพือ่ ใช้ให้เปน็ ประโยชน์แก่ตน ฉะนนั้ จงึ ต้องเกบ็ รกั ษาไว้อย่างดี เพือ่ มิใหใ้ ครขโมยเอาไปเสีย” “ดมี าก ทนี ีถ้ า้ ใครมาขโมยไปละลูก จะรสู้ กึ อย่างไร” “เสียดาย และโกรธแค้นคนท่มี าขโมยคะ่ ” “ทวี่ า่ โกรธแค้นนัน้ น่ะเปน็ อยา่ งไร” พระเถระซักต่อไป 39
“ก็โกรธนะซีคะ คิดอยากจะไปฆ่าคนท่ีขโมย หรือไม่ก็จะ ไปขโมยของเขาบา้ ง เพอ่ื แกแ้ คน้ นะคะ่ นล่ี กู นาพดู ตามสามญั ส�ำ นกึ นะคะ” “ถกู แลว้ ลกู จติ ของคนทถ่ี กู ขโมยทว่ั ไปจะรสู้ กึ อยา่ งน้ี ลกู นา รจู้ กั นายจวน บ้านบางรักไหม” “ใคร ๆ ก็รจู้ ักคะ่ เพราะเสือจวนดุร้ายมากเทยี่ วปลน้ ฆา่ เขา ไมเ่ ลอื ก คณุ พอ่ บอกว่าตอนน้ี หลบหนเี จา้ หนา้ ทอ่ี ยูใ่ นปา่ คะ่ ” “ลูกนารู้ไหมว่า ทำ�ไมเขาจึงกลายเป็นโจรท่ีร้ายกาจอยู่ใน ขณะน”ี้ “ทราบคะ่ คณุ พ่อเคยเลา่ ให้ฟังวา่ เดิมเป็นคนดี ทราบว่าเค้าเคยโดนปล้น และมเี งนิ ทองมาก มากอ่ นคะหลวงปู่ คนหนง่ึ ในบ้านบางรกั หนูร้จู กั เสอื จวนม้ยั ต่อมามีโจรพวกหน่ึง บกุ ขึ้นปล้นบา้ น เสอื จวนขดั ขวางจึงถกู ยิง แต่ถกู ทีไ่ ม่ส�ำ คญั จึงไม่ตาย แต่พวกโจรก็กวาดเอาทรัพย์สมบัติของเขาไปหมด ทำ�ให้ เขาโกรธแค้นมาก 40
แค้นนตี้ อ้ งช�ํำ ระ พอหายจากบาดแผล ที่ถูกยงิ กอ็ อกสืบ จนรวู้ า่ ใครเปน็ โจรพวกนนั้ เขาก็พาพวกเขา้ ปลน้ ลา้ งแค้น ยงิ ลูกเมียของหัวหนา้ โจร ทเี่ คยปลน้ เขาจนตายหมด แต่หัวหนา้ โจรนัน้ หนไี ปได้ และเขากวาดเอาทรพั ยส์ มบตั ิ ทงั้ หมดไปเหมือนกนั โจรทั้งสองพวกนี้ก็เลยอาฆาตกัน ปล้นกันไปปล้นกันมา หลายคร้ัง เจ้าหน้าที่ตำ�รวจก็จับพวกลูกน้องของทั้งสองฝ่ายได้ หลายคน แต่ตัวหัวหน้าหลบไปได้ทุกคร้ัง พวกน้ีจึงต้องหลบ เจ้าหน้าท่ีอยู่ในป่าออกมาแต่เวลากลางคืน จึงทำ�มาหากินไม่ได้ เท่ยี วปลน้ เขากินมาจนทกุ วันน้ี แต่กค็ งหนเี จ้าหน้าทตี่ �ำ รวจไปไม่ได้ นานหรอกนะคะหลวงปู่” “ใช่แล้วลูก น่ีแหละเป็นคำ�ตอบท่ีดีว่า ทำ�ไมจึงถือว่าการ ลกั ทรัพย์เขาเปน็ การกระทำ�ทไ่ี มด่ ี อย่างทล่ี ูกนาว่ามา ของใครใคร ก็รักและหวงแหน เม่ือใครมาลักไป ก็เสียดายและโกรธแค้น แล้ว เกดิ อาฆาตกนั ดงั เรอ่ื งน้ี นก่ี แ็ สดงวา่ ความประสงคข์ องคนเราตรงกนั การลกั ทรพั ยข์ องกนั และกนั ซง่ึ เปน็ การท�ำ ผดิ ความประสงคร์ ว่ มกนั 41
จงึ ถอื วา่ ผดิ ธรรม การไมล่ กั จงึ ถอื วา่ ประพฤตธิ รรมอยา่ งหนง่ึ ฉะนน้ั พระพทุ ธเจ้าของเราจงึ ตรสั สอนใหค้ นเราอย่าลักของกันและกนั ” “แต่คนท่ขี โมยทรพั ย์สินของคนอ่ืน เพราะความยากจนกม็ ี ไม่ใช่หรือคะ” “ใช่ ความอดอยาก ฝึกหัดใจอยูป่ ระจำ� ทำ�ใหอ้ ดกลั้นตอ่ การท�ำ ชวั่ เปน็ เหตุดลใจให้คน ดนิ้ รนหาทางออก แตค่ นท่มี ีใจสูง มีใจเป็นธรรม เขาจะไม่หาทางออก โดยวิธลี ักขโมย ของเขาหรอกลกู เขาจะหาทางออกอย่างอื่น เช่นหางานท่ีถูกกฎหมายทำ� ตามความสามารถ กจ็ ะพอมเี งินมาเล้ียงตวั ได้ ฉะนัน้ พระพุทธเจา้ จงึ ตรสั สอนใหข้ ยนั ท�ำ งาน แตต่ อ้ งเปน็ งานทช่ี อบ ซง่ึ เรยี กวา่ สมั มา- อาชวี ะ ลองคดิ ดซู ลิ กู ถา้ คนในสงั คมใด ประเทศใด ไมท่ �ำ งานทช่ี อบ แต่เท่ียวลักเท่ียวขโมยของผู้อื่นคนในสังคมน้ัน ประเทศน้ันจะเป็น อยู่อยา่ งสงบสขุ ไหม” “ไมแ่ น่ ๆ เชยี วคะ่ สงั คมทไ่ี มม่ กี ารลกั การขโมยกนั ตา่ งหาก ทีจ่ ะมีความสงบสุข” 42
“นก่ี แ็ สดงวา่ การไมล่ กั ทรพั ยข์ องกนั และกนั เปน็ การกระท�ำ ทดี่ ี หรือเปน็ การประพฤตธิ รรมอยา่ งหนง่ึ จริง ๆ ใช่ไหมลกู ” “ใช่คะ่ เป็นการประพฤติธรรมทมี่ ปี ระโยชน์ ท้งั แก่ตนและ ผอู้ ่นื จึงควรปฏิบัตติ ามกันโดยทัว่ ไป” พระอาจารย์คงมองดนู าฬิกาแล้วกล่าวว่า “เวลาน้ีก็ใกลจ้ ะ ถึงเวลาฉันเพลแล้วนะลูก เรามีธรรมจริยาทางกายอีกหน่ึงข้อคือ การไม่ประพฤติผิดลูกเมียเขา เห็นจะต้องอธิบายอย่างรวบรัด สักหนอ่ ยนะลูก” “ค่ะ ประเดีย๋ วพระรปู อ่นื ๆ ท่านจะคอยหลวงป่”ู “แตธ่ รรมจรยิ าขอ้ นส้ี �ำ คญั มาก ปญั หาในครอบครวั ทเ่ี กดิ ขน้ึ มากมายทุกวันนี้ ก็เพราะไม่ประพฤติธรรมข้อนี้กัน ฉะนั้น จึงขอ ให้พิจารณาให้ดี” ท่านมองดูผู้เป็นหลานสาว เห็นน่ิงฟังอยู่ด้วย ความสนใจ ท่านจึงกล่าวต่อไปว่า “ขอให้พิจารณาถึงลักษณะของ การประพฤติผิดลูกเมียเขากันก่อน คำ�น้ีแปลถอดมาจากคำ�บาลีท่ี พระทา่ นใชใ้ หศ้ ลี วา่ กาเมสุ มจิ ฉฺ าจารา เวรมณี ซง่ึ แปลตามรปู ศพั ท์ ว่า เว้นจากการประพฤติผิดในกาม คำ�ว่า ประพฤติผิด ในที่นี้ หมายถึงประพฤติล่วงเกิน หรือกระทำ�การละเมิดสิทธิในการ คมุ้ ครองรกั ษาของผอู้ น่ื สว่ นค�ำ วา่ กาม แปลวา่ นา่ ใคร่ นา่ ปรารถนา ในที่น้ีหมายถึง ธิดา ภริยาและสามีของผู้อื่นเป็นท่ีรักใคร่หวงแหน ของเขา คอื 43
ธดิ า เปน็ ท่ีรักใคร่ หวงแหนของบิดามารดา ภรยิ าเปน็ ท่ีรักใคร่ หวงแหนของผู้เปน็ สามี และสามีก็เปน็ ท่ีรักใคร่ หวงแหนของผเู้ ปน็ ภรยิ า ผใู้ ดล่วงเกนิ ผู้หญงิ หรือ ผชู้ ายท่มี ีผูอ้ ืน่ คมุ้ ครองเชน่ นี้ ทา่ นเรยี กว่า ประพฤติผดิ ในกาม อน่ึงในสังคมมนุษย์ มีการกำ�หนดสิทธิกัน คือ สิทธิในการ คุ้มครองรักษาทรัพย์สมบัติ คุ้มครองรักษาสามี ภริยา และบุตร เป็นตน้ กล่าวคอื ชาย-หญงิ เมื่อรักชอบกนั เราเปน็ สามภี รรยากนั แลว้ จ้า และเม่อื ผใู้ หญ่ ของทงั้ สองฝ่าย เห็นชอบดว้ ยแล้ว กจ็ ดั การใหม้ พี ธิ แี ตง่ งานขึ้น เป็นการประกาศใหค้ นทัว่ ไป รูว้ า่ ชาย-หญิงค่นู ้ี เปน็ สามี-ภริยากันแลว้ นะ 44
เขามสี ทิ ธทิ จี่ ะคมุ้ ครองรกั ษากนั ตามประเพณแี ละกฎหมาย ผ้ใู ดจะไปลว่ งละเมดิ สทิ ธอิ นั นน้ั ไมไ่ ด้ นา่ รักจงั เลย อยา่ มายงุ่ กบั น้องสาว แฟนเรานะ เชน่ ผชู้ ายอน่ื จะมาลว่ งเกนิ หญงิ คนนน้ั ไมไ่ ด้ หรอื หญงิ คนนน้ั จะไปมีผู้ชายอื่นเป็นสามีอีกในขณะเดียวกันนั้นก็ไม่ได้ ผู้ชายท่ีมี ภริยาแล้วก็เหมือนกัน ถ้ามีหญิงคนอื่นมาแย่งไปเป็นสามีของตัว ก็ช่ือว่าประพฤติผิดในกามเหมือนกัน เมื่อมีบุตรธิดา สามี-ภริยา ก็มีสิทธิคุ้มครองรักษา ใครจะมาล่วงละเมิดไม่ได้เช่นกัน หลวงปู่ อธิบายเสียยาวลกู นาไมซ่ ักเลย เข้าใจไหมล่ะลกู ” “เข้าใจดีค่ะ ลูกนาไม่ซักก็เพราะหลวงปู่อธิบายได้ละเอียด ดอี ยูแ่ ล้วแหละคะ่ ” “เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงปัญหาท่ีว่า ทำ�ไมการประพฤติผิดในกาม จึงถือเป็นการประพฤติไม่ดี ปัญหาดังกล่าวน้ีคงเข้าใจได้ไม่ยาก พูดตามภาษาชาวบา้ นว่า 45
ฮม่ึ ..! กล้ามายุ่งกบั แฟนเราเชยี วรึ ลูกใครใครก็รัก เมียใครใครก็รัก หรือผัวใครใครก็รัก และ ไม่ปรารถนาให้ใครมาล่วงเกิน น่ีเป็นความปรารถนาเหมือนกัน ทุกคน คร้ันใครมาล่วงละเมิดลูกหรือเมียหรือผัวก็ย่อมโกรธแค้น และอาฆาตฆ่าฟันกัน ดังมีข่าวทางวิทยุ และหนังสือพิมพ์อยู่เป็น ประจ�ำ ลกู นาเคยไดย้ นิ ไหม” “เคยไดย้ นิ ค่ะหลวงปู่” “น่ีแหละ เพราะไม่ประพฤติธรรมจริยาข้อน้ีกัน ฉะนั้น พระพทุ ธเจา้ ของเรา จึงตรัสสอนใหเ้ วน้ จากการประพฤติผิดในกาม และสอนให้รู้จกั เคารพในสิทธิของกันและกัน ให้สงั วรระวังไม่ล่วง- ละเมิดในสิทธิของกันและกัน คำ�สอนของพระองค์จึงเป็นไปตาม ความปรารถนาร่วมกันของคนเราเพื่อความสงบสุขของครอบครัว ของสงั คม ของประเทศชาต”ิ ทา่ นอาจารยค์ งพดู จบ ศษิ ยว์ ดั คนหนง่ึ 46
คลานเขา้ ไปกราบแลว้ นมิ นตท์ า่ นไปฉนั เพล การสนทนาธรรมจงึ ตอ้ ง ยุติลงแค่นี้ แต่ก่อนที่ท่านจะลงไปหอฉัน ท่านได้ถามว่า “ลูกนา จะรอไหม หลวงปจู่ ะพดู ถงึ ธรรมจริยาขอ้ อน่ื ๆ อกี ” ด.ญ.ฉันทนา ตอบว่า “ลูกนารบกวนหลวงปู่มานานแล้ว เอาไวพ้ ร่งุ นี้เช้าดกี ว่านะคะ หลวงป่จู ะได้ท�ำ กิจอื่นอกี ” “กด็ เี หมอื นกนั ” ทา่ นตอบ และเตรยี มหม่ จวี ร ด.ญ.ฉนั ทนา ถอื โอกาสลากลบั บ้าน 47
คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. ๒. ๓. ลักษณะเช่นไร ทำ�ไมจงึ ถอื วา่ ท�ำ ไมจงึ ถอื วา่ ฆ่าสตั ว์เปน็ การ ไม่ฆ่าสัตว์เปน็ การ เรียกวา่ ประพฤติไม่ดี ? ประพฤติดี ? การฆ่าสตั ว์ ? ๔. ๕. ๖. ลกั ษณะเช่นไร ท�ำ ไมจึงถอื วา่ ท�ำ ไมจึงถอื วา่ เรียกวา่ การลกั ทรพั ยเ์ ขาเปน็ การไม่ลกั ทรพั ยเ์ ขาเปน็ ลักทรพั ย์ ? การประพฤติไม่ดี ? การประพฤตดิ ี ? ๗. ๘. ๙. ลกั ษณะเช่นไร เรียกวา่ ประพฤติผดิ ท�ำ ไมจึงถอื วา่ ท�ำ ไมจึงถือวา่ การเว้น การประพฤติผิดในกาม จากการประพฤติผิดในกาม ในกาม ? เป็นการประพฤติไม่ดี ? เปน็ การประพฤติดี ? 48
Search