Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระอานนท์ พุทธอนุชา

พระอานนท์ พุทธอนุชา

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-08-24 23:22:25

Description: โดย วศิน อินทสร
www.Kalyanamitra.org
หนังสือ,เอกสาร,บทความ นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

«๔ g “อานนท์ พระศาสดาตรัส “เวลานีส้ ารบี ตุ รอยู่ที่ไหน?** “อยู่ท่เี มอื งสาเกต พระเจ้าข้า*’ พระอานนทท์ ลู “ประมาณก่รี ันสารบี ุตรจงึ จะมาถึงท่ีน่?ี ’’ “ประมาณ ๑๐ รัน พระเจ้าข้า** “ถา้ อยา่ งน้ันเธอจงเกบ็ ไว้เถิด รอคอยสารบี ตุ ร*’ พระศาสดาตรัส แลแล้วพระพทุ ธองคร์ ับสงั่ ไหป้ ระชุมสงฆ์ ทรงผอ่ นผันพทุ ธบญั ญ้ติดว้ ยพุทธพจนว์ ่า “ภิกษุทงั้ หลาย เราอนุญาตใหภ้ กิ ษเุ ก็บอดิเรกจีวรไว้ไดอ้ ย่างมากเพียง ๑๐ รัน ถา้ เกิน กวา่ นนั้ จวี รนน้ั ภิกษตุ อ้ งสละ'เสยี มฉิ ะนัน้ เธอจะตอ้ งอาบตปิ าจติ ตยี ์ เพราะถา้ ไม่สละของ ย่อมไม่ สามารถปลดเปล้ืองอาปตไิ ด*้ * พระสารีบุตรมาทนั ตามกำหนดก่อนจะล่วง ๑๐ รนั เป็นอนั วา่ พระอานนทไ์ ด้ถวาย จีวรแก่พระอคั รสาวกเบือ้ งขวาไดส้ มประสงค์ กระทั้งปัจจุบนั นี้พระสงฆส์ าวกของพระศาสดาก็องั ปฎปิ ้ตดิ ามพระวินัยบัญญ้ติเรอื่ งนี้ อยู่ เม่อื ท่านไดจ้ ีวรพเิ ศษมา ถ้าลว่ ง ๑๐ รันแล้วท่านก็สละใหภ้ กิ ษุอ๋ึนไป หรอื ให้สามเณรก็ได้ และ ตอ้ งแสดงอาบัติด้วย ทเ่ี ผลอเก็บจวี รพิเศษไวเ้ กิน ๑๐ รัน มีวิธีการดังน้ี ภกิ ษุผูเ้ ป็นเจ้าของจวี รน้ันออกมานั่งคุกเขา่ ประนมมือ ภิกษุอกี รปู หนึ่ง ซึ่งเปน็ ผรู้ บั ก็นั่งในท่าเดยี วกนั ภิกษผุ ูเ้ ป็นเจ้าของจีวรวางจวี รไว้ระหวา่ งแขนพับ มือคงประนม อยแู่ ล้วกล่าวว่า “จีวรผนื น้ีของขา้ พเจ้าเกบ็ ไวเ้ กิน ๑๐ รันจำเปน็ ต้องสละ ขา้ พเจา้ ขอสละจวี รผนื นแี ด่ ทา่ น’’ เสรีจแลว้ ดามมรรยาทภกิ ษผุ ูร้ ับกจ็ ะถวายคืน โดยกลา่ ววา่ “จีวรผนื นเี้ ป็นของข้าพเจา้ แล้ว แต่ขา้ พเจา้ ขอถวายแก,ท่านทา่ นจะไขส้ อยหรือจะให้ใคร หรือจะทำอยา่ งไรก็แลว้ แต่ท่านจะเห็นสมควร’’ เสรจ็ แล้วมอบจวี รคืนแก่ภิกษรุ ูปท่ีเปน็ เจ้าของเดิม คราวน้ีมาถึงเวลาทภี่ กิ ษุเจ้าของจีวรจะแสดงอาปติ ท่านจะไปนัง่ ประนมมือคุกเขา่ อย่ ทา่ เดิม กล่าวว่า “ข้าพเจา้ ตอ้ งอาปติเกีย่ วกับของทด่ี อ้ งสละ (นิสสัคคยื ะ) ข้าพเจา้ ขอแสดงอาปตเิ ร่ืองนี คอื ยอมรับสารภาพผดิ ” ภิกษุอีกรปู หนงึ่ จะถามวา่ ท่านเห็นหรือ ภกิ ษุผแู้ สดงอาปติตอบว่าเห็น ผู้รับการแสดง จะบอกวา่ ถ้าอยา่ งน้นั ท่านจงดัง้ ใจสำรวมระรงั ตอ่ ไป ภิกษผุ ู้แสดงจะใหค้ ำนั่นว่า จะดัง้ ใจสำรวมระรัง ต่อไป แต่มวื ธิ ีการที่จะเกบ็ จีวรได้ตลอดไป. โดยไมจ่ ำเป็นอาปตแิ ละไม่ต้องเสียสละอย่อกี วธิ หี นงึ่ เรียกวา่ วกิ ปั ปี ภิกษเุ ม่อื ได้จวี รพิเศษมาจำนวนเท่าใด กน็ ำออกมาแสดงให้ภิกษุรปู หนง่ึ รบั ทราบ และบอกว่า ทา่ นยินดีเสยี สละจีวรและผา้ เหลา่ นี้ให้ภกิ ษ‘ุอ่นื ไดไ้ ข้ ตามทางวชิ าการเรียกว่าวิกปั ปั หมายความวา่ ทำใหเ้ ปน็ ของสองเจา้ ของ มใิ ชเ่ ป็นสีทธขิ องทา่ นแตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว ภกิ ษรุ ปู อ่ืนจะรับ ทราบและมอบใหเ้ จ้าของเดมิ เกบ็ ไวไ้ ขไ้ ด้ตลอดไป เปน็ วิธีการที่งดงามมาก ไม่มอื ะไรนา่ ตำหนเิ ลย www.kalyanamitra.org

o <5i o พระพทุ ธอนุชา ไดท้ ิง้ มรดกเร่อื งน้ไี ว้ให้ภกิ ษทุ ัง้ หลายในกาลตอ่ มาไดร้ บั ประโยชนอ์ ย่าง มหาศาล ช่วยใหส้ ะดวกสบายข้ึนมากทีเดยี ว ควรทีป่ ัจฉมิ าชนตาชนจะพึงระลึกถึงปุพพูปการขอ้ นี้ ของพระอานนทม์ หาเถระ แม้คฤหัสถ์ก็ควรนอ้ มระลกึ ถงึ พระคุณข้อนี้ของพทุ ธอนชุ าทีท่ ่านได้ เปดิ ประตูไว้สำหรับผ้มู ศี รัทธา ได้ท่าบุญดว้ ยจวี รตามปรารถนาตราบเท่าทกุ วนั นี้ การทพี่ ระตถาคตเจ้าทรงพระพทุ ธานญุ าดเร่ืองน้สี ว่ นหนง่ึ เปน็ เพราะพระมหากรุณา และอกี ส่วนหน่ึงเป็นเพราะความดงี ามของพระอานนท์ทก่ี ระทา่ ทกุ อยา่ งเพือ่ พระองคแ์ ละเพื่อความอยู่ ยั่งยนื แหง่ พระศาสนา คณุ ธรรมของผูน้ ้อยเป็นสิ่งสำคญั อย่างย่งี ในการโน้มนา้ วจิตใจของผใู้ หญใ่ ห้ โอนอ่อนผอ่ นดาม สมแล้วทม่ี คี ำกล่าวว่า เอาชนะผสู้ งู คกั ดด้ิ ว้ ยความออ่ นนอ้ ม เอาชนะผดู้ าดอ้ ยดว้ ยการสงเคราะหเ์ ออ้ื เฟอื เอาชนะศตั รดู ว้ ยการยใุ หแ์ ดกความสามคั คี เอาชนะสตรดี ว้ ยการหวา่ นลอ้ มดอ้ ยคำหวานไหเ์ กดิ ความสงสารและเหน็ ใจพรอ้ มดว้ ย คำมน่ั สญั ญาทช่ี วนฟงั จริงทเี ดยี ว ความรกั ของสตรีมักจะเข้าหู ส่วนความรกั ของบุรษุ มกั จะเข้าทางตา ด้วยเหตุ น้ี สตรีที่รูปงามจึงได้เปรยี บอย่มู ากในดา้ นการเรียกร้องความสนใจจากบุรษุ เพศ คำกลา่ วทวี่ า่ “นกโกกลิ าปเี สยี งเปน็ สำคญั นารปี รี ปู เปน็ สำคญั วชิ าเปน็ สง่ิ สำคญั สำหรบั บรุ ษุ และ นกั พรตปคี วามอดทนเปน็ สำคญั ,, นนั้ ยังเป็นความจรงิ ท,ี ด้านได้โดยยากอยู่ ดว้ ยเหตนุ ก้ี ระมงั สตรีทงั้ หลายจึงทุม่ เทท้ังกำลงั ทรพั ย์ กำลังกาย และกำลงั ปญั ญา เพ่อื ดกแตง่ รา่ งกายให้สวยงามชวนมองอย่เู สมอ รวมทัง้ ประดษิ ฐ์คดิ ดน้ แบบและสีของเสอ้ื ฝัาแพรพรรณ สรรื าภรณตี า่ งชนิด เธอจะรสู้ ึกเศร้าและหงอยเหงาเปลา่ เปล่ยี วเหลอื หลาย เมือ่ ประจกั ษว์ ่านยั นต์ า เธอมิไดห้ วาน ใบหน้าของเธอมิได้งามผดุ ผาด ทรวดทรงมิไดอ้ รชร แตเ่ ธอหาเฉลียวใจไม่ว่า ชายท่ี ปองหํมายเธอจะเลย้ี งเธอเพราะเธอสวยน้ัน เขาเลย้ี งเธอและปองหมายเธอเหมอื นสัตว์เลยี้ งทีม่ ี ลักษณะด้องดาเขาเทา่ น้ัน ความดหี รอี คุณธรรมภายในต่างหากเล่า ทเี่ ปน็ สิ่งเชิดชูคณุ คา่ ของเธอให้ หูงเดน่ โสเภณแี ม้จะมคื วามสวยลักปานใด ก็หามืใครดง้ั ใจเลีย้ งจรงิ ไม่ ความสวยเหมอื นดอกไมซ้ ง่ึ ยอ่ มปรี นั เหย่ี วแหงโรยรา แดค่ วามดเี ปน็ สง่ิ ไมจ่ ดื รสแหง่ ความดงี าม เปน็ รสทไ่ี มร่ จู้ กั จดื จาง คอย ผกมดั รดั ตรงึ ดวงใจใหก้ ระชบั แนน่ จนสดุ ทจ่ี ะถา่ ยถอน จงแตง่ เรือนกายแตพ่ อตงู าม แล้วเอาเวลาที่ เหลอื มาแต่งเรือนใจกันม้า.งเถิด มา้ นเรือนทีต่ ูแตภ่ ายนอกสะอาดสวยงามนา่ อาศัย แต่เม่อื เปดิ ประตู เข้าไปตภู ายในมองเหน็ แต่ส่งิ โสโครกรกรงุ รัง จะนา่ พกั ผอ่ นนอนหลับไดไ้ ฉน ตรงกันข้าม แมจ้ ะ มองตูภายนอกไม่สะตดุ ตา แตภ่ ายในสะอาดเรียบรอ้ ย ย่อมเปน็ เรอื นท่นี ่าอยู่นา่ อาศัยกวา่ ฉันใด เรอื นกายกบั เรือนใจกฉ็ นั นน้ั บรุ ุษผู้ยอมปล่อยให้ความรักเขา้ ทางดายอ่ มดาบอด และยงั ทา่ ใหห้ ูพลอยหนวกไปดว้ ย มองไม่เหน็ เจตนาดีของเพอ่ื นสนิท ไมไ่ ดย้ ินเสียงของมดิ รสหาย เม่ือเขาลืมตาข้นึ อกี คร้งั หนง่ึ กม็ ักจะ มองเหน็ เทพธดิ าของเขาแปรรปู เป็นยักษณิ ีใปเสยี แล้ว www.kalyanamitra.org

๑& fi> ส่วนสดรที ี่ปล่อยให้ความรักเข้าทางหู หูของเธอก็หนวกไปสิน้ สำหรับญาตแิ ละมิตรผู้ หวังดี เธอได้ยินแดเ่ สยี งพรารำพันสัญญารักตา่ ง ๆ แหง่ ชายทดี่ นหลงเทา่ น้นั ดาของเธอกพ็ ลอย ฝาื ฟางไปด้วย เธอหารูไ้ มว่ า่ ผ้ทู ม่ี ีความสุจรติ ใจนอ้ ย มกั จะมงั่ ค่ังรารวยและมากไปด้วยคำหวาน แด่ ผ้ทู พ่ี ูดพอประมาณใหค้ ำมน่ั สัญญาแดพ่ อฟังนน้ั ดา่ งหาก ท่มี ีความสุจรติ ใจอยู่จรงิ ๆ ธาตุคนเป็นธาตทุ ่ี แยกไดย้ ากวินิจฉัยไดย้ ากกว่าธาตุใด ๆในโลกนี้ มคี นอยู่เปน็ จำนวนมากอยากจะเรียนรู้เรือ่ งชวี ิตให้ จบ แด่เขาเหล่านนั้ มกั จะจบชวี ิตไปกอ่ นเสมอ ชวี ติ เป็นเรื่องยากและสับสน พระพุทธองค์จึงตรสั วา่ “ชวี ติ เปน็ ของยาก', ผสู้ ามารถสางความยุ่งแหง่ ชีวิตให้เข้าระเบยี บไดม้ ีอยู่จำนวนน้อย กล่าวโดย เฉพาะชีวิตของมนษุ ย์ย่งี ยุ่งยากสับสนขนึ้ ทุกที มนุษยย์ อมเป็นทาสของสังคมจนแทบจะกระติก กระเดี้ยตัวมิได้เสยี แล้ว เมอ่ื ยอมเปน็ ทาสของสงั คมและสงั คมนนั้ มีแด่ความฟงั เฟอ้ หรูหรา ความ หรหู ราเหล่าน้นั ย่อมไดม้ าด้วยเงนิ เขาจงึ ดอ้ งยอมเปน็ ทาสของเงนิ ตราอีกด้วย เงินตรานนโดยธรรมดา มนั เป็นเหมอื นทาสทท่ี ั้งช่ือคงั่ โง่ แล้วแด่จะใชใ้ หท้ า่ อะไรมันทำท้ังนนั้ ใชใ้ ห้ท่าดกี ท็ า่ ใช้ใหท้ า่ ชว่ั ก็ ทา่ จ้างไปฆ่าคนก็ไปโดยไม่มกี ารตัดดา้ นโด้แยง้ ใด ๆ เลย เมือ่ เงนิ ตรามนั เป็นทาสท่ที งั้ ช่ือทัง้ โง่อยู่ อย่างน้ี ใครยอมใหท้ าสคนน้ันมาเป็นนาย ยอมอยูใ่ ด้อำนาจของมนั เขาจะโง่สักเพยี งใด พระตถาคตเจา้ เคยตรสั เรียกเงินตราวา่ “อสรพษิ ” ตงั เร่ืองต่อไปนี้ ท้องฟ้าเริ่มสาง แสงสขี าวสาดทาบเป็นแนวยาวทางบูรพทศิ อากาศแรกร่งุ อรูณเยน็ ยร พระพายรำเพยแผว่ หอบเอากลนิ่ บุปผชาตใิ นเชดวนารามไปตามกระแสรวยริน เสยี งไกป่ า่ ขันอยู่เจ้อื ย แจ้วเคล้ามาตามสายลมวเิ วกวังเวง นํ้าด้างถกู สลดั ลงจากใบไมเ้ ม่ือพระพายพัดผ่านกระทบกับใบไม้ เหลอื ง ช่ืงหล่นร่วงลงแล้วตงั เปาะIVปะ ๆ เชตวนารามเวลานี้ดึ่นตวั แล้วอย่างสงบ ประหนึง่ บุรุษผูม้ ี กำลงั ตืน่ แลว้ จากนทิ รารมถนเด่ยังนอนเฉยอยไู่ มไ่ หวกาย พระมหาสมณะ เอกอัครบุรุษรัตน์อุดมดว้ ยบุญญาธิการ และมหากรุณาต่อสาสัตว์ ประทับหสับพระเนตรนึ่งล่งขา่ ยคือพระญาณ ใหแ้ ผไ่ ปทวั้ จักรวาลโลกธาตุตรวจดูอุปนิสัยแห่งเวไนยสตั ว์ อนั พระองคพ์ อจะโปรดได้ เช้าวันนั้นชาวนาผ้นู า่ สงสารไดเ้ ข้ามาสูพ่ ระญาณของพระองค์ พออรณุ เบกิ ฟา้ พระศาสดามีพระพุทธอนุชาอานนทเ์ ป็นปัจฉาสมณะดามเสด็จ ออก จากเชดวนารามดว้ ยพุทธลีลาอันประเสรฐิ บา่ ยพระพักตร์สบู่ ริเวณนาของบรุ ุษผ้นู ่าสงสารน้นั อีกมุมหนึ่ง กสิกรผยู้ ากไรต้ ่ืนข้ึนแดเ่ ช้าตรู่ บรโิ ภคอาหารช่งื มเี พยี งผักดองและขา้ วแดง พอประทังหิวแล้วน่าโคคู1ออกจากคอก แบกไถถือหม้อนํา้ ออกจากหมู่ม้านสู่บรเิ วณนาเชน่ เดียวกนั พระตถาคตเจา้ หยดุ ยนื ณ บริเวณใกลๆ้ ทเ่ี ขากำลงั ไถนาอย่นู ั้น เขาเห็นพระศาสดา แล้วพักการไถไร้มาถวายบังคม พระศาสดามิไดต้ รสั อะไรกบั เขาเลย กสับเหลียวพระพกั ตร์ไปอีก ดา้ นหน่งึ ทอดทัศนาการดรงดง่ี ไปยงั จุด ๆ หนึ่ง แลว้ ตรสั กบั พระอานนท์ว่า “อานนท!์ เธอจงดเู ถดิ นน่ั อสรพษิ เธอเหน็ ไหม?'' “เหน็ พระเจ้าข้า” พระอานนทท์ ลู เพียงเทา่ น้นั แลว้ พระพุทธเจา้ ก็เสดจ็ ต่อไป www.kalyanamitra.org

๑ &w> ชาวนาได้ยนิ พระพุทธดำรสั ตรัสกบั พระอานนทแ์ ล้วคิดวา่ เราเดินไปมาอยบู่ รเิ วณนี่ เสมอ ลา้ อสรพิษมีอยู่มันอาจจะทำอันตรายแกเ่ รา อยา่ ปล่อยไว้เลย ฆ่ามันเสียเถิด คิดแลว้ เขาก็ นำปฏักไปเพึ่อดีงู แตก่ ลับมองเหน็ ลงุ เงนิ เปน็ จำนวนมากวางกองรวมกันอยู่ เขาดใี จเหลอื เกนิ ยก มอื ข้นึ เหนอื เศียรนอ้ มนมสั การพระพุทธองคท์ ่โี ปรดประทานขมุ ทรพั ยใ์ ห็ “น่ีหรอื อสรพิษ” เขาคดิ อยู่ในใจ พระพุทธองคด์ รสั เป็นปรศิ นาแบบสมณะเทา่ นัน้ เอง “ทแ่ี ทพ้ ระองคค์ งตั้งพระทยั เสด็จมาโปรดเรา” แล้วเขาก็นำลุงเงินนน้ั ไปเอาดินกลบไว้แลว้ ไถนาตอ่ ไปดว้ ยดจงใจเบกิ บาน พระศากยมุนี เมื่อคลอ้ ยไปหนอ่ ยหน่งี แลว้ จงึ ผนิ พระพกั ตร์มาตรสั กบั พระอานนทว์ า่ “อานนท์ เราเรยี กถงุ เงนิ นน้ั วา่ อสรพษิ วนั นเ้ี องมนั จะกดั บรุ ษุ ผนู้ น้ั ใหม้ อี าการสาหสั ปางดาย ถา้ ไมไ่ ดเ้ ราเปน็ ทพ่ี ง่ึ เปน็ พยาน เขาจะดอ้ งดายเปน็ แนแ่ ห”้ ดรสั อยางนแ้ี ลว้ ไมย่ อมตรสั อะไร ดอ่ ไปอกี www.kalyanamitra.org

® & cn 10)๑ ความอศั จรรยแ์ หง่ ธรรมวนิ ยั ยอ้ นหลงั ไปเพยี งเลก็ นอ้ ยจากเวลาทพ่ี ระศาสดาตรสั กบั พระอานนทเ่ รอ่ิ งอสรพษิ ณ ป็จฉิมยามแห่งราตรี ฝนซงตกหนักมาแต่ปฐมยาม ไต่เรม่ิ สร่างซาลงบา้ งแลว้ ทวยนาคร กำลงั เขา้ สนู่ ทิ รารมณอ์ นั สนทิ ใครจะนกิ บา้ งวา่ ในยามนม้ี มี นษุ ยอ์ กี กลมุ่ หนงกำลงั ทำความ พยายามเขา้ ไปสพู่ ระนครเพอทรพั ยส์ มบตั ซิ งตนมไิ ตล่ งแรงหามาเลย ถกู แลว้ ! เขามอี าชพี เปน็ โจร ประตเู มอื งปดี สนทิ มยี ามรกั ษาการณแ์ ขง็ แรง เขาประชมุ ปรกษากนั ตง้ั แตป่ ฐมยาม วา่ จะหาทางเขา้ พระนครไตโ่ ดยวธิ ใี ด ในทส่ี ดุ เมอใกลป้ จ็ ฉมิ ยามเขา้ มา เขาจงตกลงกนั วา่ จะตอ้ งเขา้ ไปทางทอ่ ระบายนา้ํ คนื นน้ั พวกเขามไิ ตน่ อนเลย จรงิ ทเี ดยี ว! บคุ คลผหู้ ลบั นอ้ ยตน่ื นาน หรอิ บางทมี ไิ ดห้ ลบั เลยในราตรนี น้ั มอี ยู่ ๕ จำพวก คอื ๑. หญงิ ผปู้ ฏพิ ทั ธช์ ายหวงั ใหเ้ ขาชม ๒. ชายผปู้ ฏพิ ทั ธห์ ญงิ รำพงึ ถงึ เธอดว้ ยตวงจติ ทจ่ี ดจอ่ ๓. โจรมงุ่ หมายทรพั ยข์ องผอู้ น่ื หาทางจะขโมยหรอิ ปลนั ๙. พระราชากงั วลดว้ ยพระราชภารกจิ ๕. สมณะผทู้ ำความเพยี รเพอ่ึ ละกเิ ลส หญงิ ชายปฐุ พิ ทั ธช์ ู้ หวงั ชม เชยนา ใจรมง่ หมายทรพั ยส์ ม ปดั ปิ ลน้ ราชนั กจิ กงั วล มากอยู่ พระอยากละกเิ ลสพน้ หลบั นอ้ ยตน่ื นาน www.kalyanamitra.org

๑ c( www.kalyanamitra.org

8)& di บุคคล ๓ ประเภทหลงั คือโจร พระราชา และสมณะนนั้ แม้จะหลับนอ้ ย แด่เมื่อถงเวลา ทจี่ ะหลับ คอื สน้ิ ภาระหนา้ ท่ีแล้ว ก็สามารถหลบั ไดอย่างงา่ ยดายและสงบ แตส่ องประ๓ทแรกชิ เมึ่อ ยงั ไมห่ ลับกย็ ากท่จี ะข่มดาหลับลงได้ เมอ่ื หลับกห็ ลบั ไดไ้ มส่ นิท คอยพลิกฟนื ตนึ่ ผวาอยู่ราไป เต็มไป ด้วยความกระลับกระส่ายกระวนกระวายรุ่มรอ้ น ภาพแห่งคนรกั คอยแดฉ่ ายเขา้ มาในความรู้สึก ตลอดเวลา ความรกั เป็นความร้ายท่เี ท่ยี วทรมานคนท้งั โลกใหบ้ อบซาํ้ ดรอมตรม โจรพวกนน้ั เข้าไปอย่ไู นทอ่ น้ัาได้สำเร็จสมประสงคแ์ ลว้ ทำลายอโุ มงค์ในตระกลู ท่มี งั่ ค่ัง ตระกูลหน่งึ ไดแ้ กว้ แหวนเงินทองไปเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งถุงเงินดว้ ย กน็ ำไปแบง่ ก้น ณ ทีแ่ ห่ง หนง่ึ แด่บังเอิญเขาไดล้ มื ถุงเงนิ ไวเ้ พราะมขี องอืน่ มากหลาย จนนำไปแทบจะไมห่ มด เมอื่ เจ้าของทรัพย์ดึน๋ ขึ้นทราบเหตใุ นดอนเขา้ จึงออกตดิ ดาม และมาพบรอ่ งรอยตรงทีโ่ จร แบง่ ของก้น แลว้ ตามรอยของชาวนาคนนั้นไป พอดีรอยเท้าไปหยดุ ลงทก่ี องฝ่น เขาลองเขย่ี ดูก็ ปรากฏถุงเงินมากหลาย จงึ แนใ่ จวา่ ชาวนาซ่งึ กำลงั ไถนาอยู่น้ันเป็นโจร ชว่ ยกน้ ดีเสียจนบอบช้ํา แลว้ นำตัวไปถวายพระเจ้าปเสนฑโิ กคล พระราชาทรงทราบเรื่องราวแล้วร้บค่ังใหป้ ระหารชีวิต ราชบรุ ษุ เฆ่ียนเขาดว้ ยหวายคร้งั ละหลาย ๆ เส้น แลว้ นำตวั ไปสตู่ ะแลงแกง ในขณะทีก่ ำลงั ถกู นำไปท่ฆี ่านัน้ เอง เขาพร่ืาอย่เู ร่อื งเดยี ว คือขอ้ ความที่พระศาสดา ตรัสกบ้ พระอานนท์ “ดกู อ่ นอานนท.1์ เธอเหน็ อสรพษิ ไหม?” “เหน็ พระเจา้ ขา้ ” เมอ่ื ถูกเฆีย่ นด้วย หวายเขากพ็ ดู คำนี้ “ดกู อ่ นอานนท!์ เธอเห็นอสรพษิ ไหม?” “เหน็ พระเจา้ ขา้ ” จนราชบุรษุ ประหลาด ใจจึงถามข้อความน้ัน เขาบอกวา่ ถ้านำเขาไปเฝาื พระราชาเขาจึงจะบอก ราชบรุ ุษนำตวั ไปเฝืา พระเจ้าปเสนทโิ กศล พระองค์ตรัสวา่ “ดูกอ่ นกสะกะ! เพราะเหตไุ รเธอจึงกลา่ วพระดำรัสแห่งพระศาสดาและพระพทุ ธอนชุ า อานนท?์ ” “เทวะ!” เขาทลู “ขา้ พระองค์มไิ ดเ้ ปน็ โจร แตข่ า้ พระองค์เป็นคนทำมาหาเลยี้ งชีพโดย สุจรติ ” แลว้ เขากเ็ ล่าเรอ่ื งทัง้ หมดใหพ้ ระราชาทรงทราบ จอมเสนาแห่งแคว้นโกศลสดับคำนนั้ แลว้ ทรงดำรวิ ่า ชายผู้น้อี า้ งเอกอัครบรุ ุษรัตน์ คือ พระสัมมาลัมพทุ ธเจา้ เป็นพยาน การลงโทษบุรุษเห็นปานนโี้ ดยมิได้สอบสวนให้แน่นอน อาจเป็น เหตุให้เราดอ้ งเสียใจไปจนดลอดชวี ิต ทรงดำรอิ ย่างน้ีแลว้ รับคั่งใหค้ ุมบุรษุ ผู้นัน้ ไวก้ อ่ น เยน็ วนั นน้ั พระองคเ์ สด็จไปเฝืาพระศาสดา และใหน้ ำชาวนาน้ันไปดว้ ย เม่อื ถวายบงั คม แล้วจึงทูลถามวา่ “พระองค์ผูเ้ จริญ เข้าวนั น้ีพระองค์และพระคณุ เจ้าอานนทเ์ สด็จไปทน่ี าของชายผูน้ ้ีหรอิ ?” “อย่างนน้ั มหาบพติ ร” พระศาสดาทรงตอบ “พระองค์ไดท้ รงเห็นอะไรบา้ งพระเจ้าข้า” พระเจ้าปเสนทโิ กศลทูลถาม “เหน็ ถุงเงิน มหาบพติ ร” แล้วพระพทุ ธองคก์ ็ทรงเลา่ เรื่องทง้ั หมดตรงกบั ชาวนาเล่า พระเจา้ ปเสนฑโิ กศลทราบ เร่อื งนี้ ทรงสลดสังเวชพระทัย กราบทูลว่า www.kalyanamitra.org

©£๖ “ขา้ แต่พระองค์ผ้เู ปน็ ที่พึ่งของโลก! ข้าพระองคร์ สู้ กึ เสยี ใจและไมส่ บายใจมากทส่ี ั่งลง โทษบรุ ษุ ผนู้ โ้ี ดยทีเ่ ขาไมม่ ีความผดิ เลย ถา้ เขาถกู ประหารชีวติ และข้าพระองค์มาทราบภายหลงั วา่ เขาเปน็ ผบู้ รสิ ุฑธิ้ ขา้ พระองค์จะตอ้ งเสยี ใจไปตลอดชีวิต พระองคไ์ มเ่ พียงแต่เป็นท่ีพงึ่ ของบุรษุ ผนู้ ี้ เทา่ นัน้ แตฑ่ รงอนเุ คราะหข์ า้ พระองค์ให้พ้นจากบาปอีกดว่ั ย ข้าแต่พระจอมมุนี พระองค์ช่างอุบ้ติ ข้นึ เพ่อื ประโยชน์สุขของโลกโดยแห”้ ตรสั อย่างน้แี ลว้ พระเจ้าปเสนทโี กศลกซบพระเศยี รลงแทบ พระยคุ ลบาทพระศาสดาทรงจุมพติ พระบาทของพระพทุ ธองค์ด้วยความเล่อื มใสอยา่ งสงู ซ่งึ พระองค์ มักทรงกระทำเสมอเมือ่ ไปเผิาพระศาสดา พระตถาคตเจา้ ทรงปลอบ ใหพ้ ระราชาเบาพระทยั ดว้ ยพระพุทธดำรสั เป็นอเนกปริยาย ดอนสุดห้ายตรสั วา่ “มหาบพิตร! คฤหัสถผ์ ู้ยังบริโภคกามเกียจคทน้ ๑ พระราชาทรงประกอบกรณียกิจ โดยมิไต้พจิ ารณาโดยรอบคอบถีถ่ ้วนเสียก่อน ๑ บรรพชิตไมส่ ำรวม ๑ ผูอ้ ้างตน ว่าเป็นบณั ฑติ แตม่ กั โกรธ ๑ สจี่ ำพวกน้ไื มด่ ีเลย” “มหาบพติ ร! กรรมอนั ใดทีท่ ำไปแถว้ ต้องเดอื ดรอ้ นใจภายหลงั ต้องมีหนา้ ทชี ุ่ม ตว้ ยน้าํ ตาเสวยผลแหง่ กรรมนนั้ ตถาคตกลา่ วว่ากรรมน้ันไม่ดี ควรเวน้ เสยี ” “มหาบพติ ร นานมาแลว้ มีพระราชาองค์หนึง่ ทรงพระนามวา่ ‘’ปิงคละ,, ทวยนาคร ถวายสรอ้ ยพระนามให้ว่า ‘‘อกัณหเนตร-ผูป้ พี ระเนตรไมด่ ำ,’ หมายความวา่ ทรงดุร้าย และประกอบ ราชกิจโดยมิไต้ทรงพิจารณา สั่งฆ่าประหารคนโดยมไิ ต้พิจารณาให้รอบคอบ จนเป็นทเ่ี กลียดชัง ของคนทัง้ หลาย เมือ่ พระองค์สน้ิ พระชนม์ ชาวนาครต่างชึ่นชมโสมนัสเลน่ มหรสพเจ็ดวันเจด็ คืน ยกธงทวิ ดามประทีปโคมไฟหลากลี มกี ารเลน่ เตน้ รำอยา่ งเบิกบานใจ ในทา่ มกลางความบนั เทงิ นัน้ เอง คนเผิาประตูคนหนง่ึ ไปยืนเกาะบานประตรู อ้ งไหอ้ ยู่ เมอ่ื ถกู คนทง้ั หลายชักถามถงึ สาเหตุทีร่ อ้ งไห้ เขาตอบว่า เขารอ้ งไห้เพราะพระราชาอกัณหเนตรส้ินพระชนม์ น้ันเอง เขากลัว ■ กลวั ว่าพระองค์ เสด็จไปสยู่ มโลกแลว้ จะไปทำทารณุ กรรมต่าง ๆ จนยมบาลเอาไวไ้ ม่ไหว แลว้ จะสง่ กลับข้นึ มาก่อกวน ความสงบสขุ ในโลกน้ีอกี เขาคิดไปอยา่ งน้ีแล้วจงึ รอ้ งไห้ หาไต้รอ้ งไหเ้ พราะความเลียใจหรอื จงรักภักดี ไม่” “มหาบพิตร! เมตตากรุณาเป็นพรอันประเสริฐในตวั มนษุ ย์” พระเจา้ ปเสนทโี กศลทรงบนั เทงิ ด้วยพระธรรมเทศนาของพระศาสดาเปน็ ทย่ี ่งิ ทรง สนทนาต่อไปอีกครู่หนง่ึ แลว้ ถวายบงั คมลากลับ ส่วนชายชาวนาผนู้ ัน้ สง่ กระแสจิตไปตามพระดำรสั ของพระศาลดา สามารถถอนสังโยชนเ์ บอื้ งตา ๓ ประการไต้ สำเร็จโสดาปัตติผลเปน็ อริยบุคคลชน้ั โสดาบนั ดว้ ยประการฉะน้ี แมจ์ ะทรงมีพระภยั กรณุ าประดจุ ห้วงมหรรณพกดิ าม แตพ่ ระบรมศาสดาทรงรังเกยี จ อยา่ งยิ่งซึ่งบุคคลผไู้ ม่บรสิ ุทธ้ิโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งพระสาวกทที่ รงเพศเปน็ ภิกษุมเี รื่องสาธกดงั นี.้ - วันหนงเป็นวันอุโบสถ พอพระอาทติ ยต์ กดิน พระสงฆ์ท้งั มวลกิประชมุ พรอ้ มกัน ณ อุโบสถคารเพอ่ื พงิ พระโอวาทปาฎิโมกขซ์ ึ่งพระพทุ ธองคท์ รงแสดงเองทกุ กึง่ เดอื น พระมหาสมณเจ้า www.kalyanamitra.org

e>&ฟ้ เสดจ็ ส่โู รงอุโบสถ แตป่ ระทบั อย่เู ฉย หาแสดงพระโอวาทปาฎโิ มกขไ์ ม่ เม่อื ปฐมยามแห่งราตรีลว่ งไป แลัว พระอานนท์พทุ ธอนุชาจงึ นงคุกเขา่ ประนมมอื ถวายบังคมแลว้ กราบทลู วา่ “พระองค์ผูเ้ จรญี ! บดั น้ปี ฐมยามแหง่ ราตรลี ่วงไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายคอยนานแลว้ ขอ พระองคโ์ ปรดทรงแสดงปาฎโิ มกข์เถิด” แต่พระพุทธองคก์ ็ยงั ทรงเฉยอยู่ เมือ่ มชั ฌมิ ยามแหง่ ราตรีล่วงไปแลว้ พระอานนท์กท็ ลู อีก- แตก่ ค็ งประทบั เฉย ไม่ยอมทรงแสดงพระโอวาทปาฎโิ มกข์ เมอ่ื ย่างเข้าสู่ปจั ฉมิ ยาม พระอานนท์ จงึ ทลู ว่า “พระองค์ผูเ้ จรญิ ! บดั นปี้ ฐมยามและมชั ฌิมยามลว่ งไปแล้ว กาลเวลาย่างเข้าสปู่ ัจฉมิ ยาม ภิกษทุ ้ังหลายคอยนานแล้ว ขอพระองค์อาศัยความอนเุ คราะห์แสดงโอววฑปาฎิโมกขเ์ ถดิ ” พระมหามุนีจึงตรัสว่า “ดูกอ่ นอานนท!์ ในชุมนมุ นี้ภกิ ษุผูไ้ ม่บริลฑุ ธม้ิ ือยู่ อานนท์! มิใช่ ฐานะทต่ี ถาคตจะแสดงปาฎโิ มกข์ในท่ามกลางบริษัทอันไมบ่ รลิ ทุ ธิ้” ตรสั อย่างนแี้ ลว้ กป็ ระทับเฉย ตอ่ ไป พระมหาโมคศัลลานะ ยัครสาวกเบ้อื งซา้ ย นงั่ เข้าฌาณตรวจดวู า่ ภกิ ษรุ ูปใดเป็นผไู้ ม่ บริลุฑธอ้ิ ันเป็นท่รี งั เกยี จของพระศาสดา เมื่อไดเ้ ห็นแล้ว จึงกลา่ วขน้ึ ท่ามกลางสงฆว์ ่า “ดกู ่อนภิกษ!ุ ท่านออกไปเสียเถิด พระศาสดาเห็นท่านแลว้ ” แมพ้ ระมหาเถระจะกลา่ วอย่างน้ถี ึง ๓ คร้งั ภิกษุ รปู น้นั ก็ไม่ยอมออกไปจากชมุ นุมสงฆ์ พระมหาโมคศลั ลานะจึงลกุ ขึน้ แล้วดึงแขนภิกษรุ ูปน้นั ออก ไป เมอ่ื ภิกษรุ ปู นัน้ ออกไปแลว้ พระอานนทจ์ งึ ทลู ใหแ้ สดงปาฎโิ มกข์อกี พระศาสดาตรัสวา่ “อัศจรรยจ์ ริง โมคศลั ลานะ หนักหนาจริง โมคศัลลานะ เร่อื งไม่เคยมไี ด้มขี ้นึ แลว้ โมฆ บรุ ษุ ผ้นู น้ั ถึงกับตอ้ งถูกกระชากออกไปจากหม่สู งฆ์ เธอช่างไม่มหื ิริโอตตัปปะสำรวจตนเองเสยี เลย ภกิ ษทุ ั้งหลาย เป็นอฐานะเปน็ ไปไม่ไดท้ ีต่ ถาคตจะพึงทำอุโบสถแสดงปาฎโิ มกขก์ ลางชุมนมุ สงฆท์ ี่ ไมบ่ ริลุทธ้ิ แมจ้ ะมืเพยึ งรูปเดยี วกด็ าม ภิกษทุ ง้ั หลาย. โมฆบุรุษผ้นู นั้ ทำใหเ้ ราลำบากใจ ภิกษทุ ั้งหลาย เราขอประกาศให้เธอท้งั หลายทราบว่า ตงั้ แตบ่ ัดนี้เป็นดน้ เี .ป เราตถาคตจะไมท่ ำอโุ บสถแสดงปาฎโิ มกข์ อกี ขอให้ภกิ ษทุ ั้งหลายทำกนั เอง” แล้วพระองค์ก็ทรงแสดงความอศั จรรย์แหง่ ธรรมวนิ ัย ๘ ประการ เปรยี บดว้ ยความ อศั จรรย์แห่งมหาสมุทรตงั น.ี้ - “ภกิ ษทุ ั้งหลาย! มหาสมุทรยอ่ มลกลงตามลำดบั ลาดลงตามลำดับ ไม่โกรกชนั เหมอื นฎเขาขาดฉันใด ธรรมวินัยนก้ื ฉ็ นั น่นั มกี ารศกึ ษาตามลำดบั การปฏิบัติ ตามลำดบั การบรรลุตามลำดับ ลุ่มสกิ ลงตามลำดับๆ” “ภกิ ษทุ งั้ หลาย! มหาสมทุ รแม้จะมืนา้ํ มากอย่างไรก็ไมล่ น้ ส์งคงรักษาระดบั ไว้ ได้ ฉันใด ในธรรมวินัยนกฉ็ นั นั่น ภกิ ษุสาวกของเรายอ่ มไม่ล่วงละเมิดสิกขาบท ท่เี ราบญั ญตั ไิ ว้แมจ้ ะตองลำบากสงิ เสียชวี ติ ก็ตาม” www.kalyanamitra.org

“ภิกษุท้ังหลาย! มหาสมุทรยอ่ มซดั สาดซากศพทต่ี กลงไปขนสง์ เสีย ไม่ยอม ให้ลอยอยูน่ านฉันใด ในธรรมวนิ ยั นืก้ ็ฉนั น้ัน สงฆย์ อ่ มไม่อยรู่ วมตว้ อภกิ ษผุ ู้ ทศุ ีล มใี จบาป มีความประพฤติไมส่ ะอาดนา่ รงั เกยี จ มีการกระทำทตี่ อิ งปกปดี ไม่ใช่สมณะฺ ปฏญิ าณตนวา่ เปน็ สมณะ ไมใ่ ช่พรหมจารี เปน็ คนเนา่ ใน รุงรงั สางไต้ยากเหมือนกองหยากเยอ สงฆป์ ระชมุ พร้อมกนั แลว้ ยอ่ มขับภิกษนุ ั้น ออกเสียจากหมภ่ กิ ษเุ ช่นนนั้ แมจ่ ะนั้งอย่ทู า่ มกลางสงฆ์กช็ อว่าอย่หู า่ งไกลจาก สงฆ์ และสงฆ์ก็ชอว่าอยหู่ า่ งไกลจากภกิ ษุเช่นกัน” “ภกิ ษุทัง้ หลาย! แมน่ ้าํ สายตา่ งๆยอ่ มหลั่งไหลลงส่มหาสมุทร และเมอพรวม กับน้ําในมหาสมุทรแลว้ ย่อมละชอเดิมของตนเสีย กงี ซงการนับวา่ มหาสมุทร เหมอื นกนั หมดฉนั ใด ในธรรมวนิ ัยนกื้ ็ฉนั น้ัน ภลู บตุ รผูม้ ศี รัทธาปรารถนาจะ บวช ออกจากตระภลู ตา่ งๆวรรณะตา่ งๆ เช่น วรรณะพราหมณ์บ้าง กษัตริย์ บ้าง ไวศยะบ้าง ศูทรบ้าง คนเทหยากเยอบา้ ง จณั ฑาลบา้ ง แต่เมอมาบวชใน ธรรมวินยั นัแ้ ลว้ ละวรรณะ สคลุ และโคตรของตนเสยี ถงซงการนับวา่ สมณะ ศากยบุตรเหมอื นกันหมด” “ภิกษทุ งั้ หลาย! ความพร่องหรฺ อี ความเต็มเออ่ ย่อมไม่ปรากฎแกม่ หาสมทุ ร แม่ พระอาทติ ย์จะแผดเผาสกั เท่าใด นํา้ ในมหาสมทุ รก็หาเหือดแหง้ ไปไม่ แม่แมน่ ้ํา สายต่าง ๆ และฝนจะหลงั่ ลงสม่ หาสมทุ รสกั เทา่ ใด มหาสมุทรก็ไม่เตม็ ฉนั ใด ในธรรมวินัยนก้ี ฉ็ นั น้ัน แม่จะมภี กิ ษุเป็นอันมากนิพพานไปต็วยอบปุ าทิเสส นพิ พานธาตุ แต่นพิ พานธาตกุ ็คงอยอู่ ยา่ งน้นั ไม่พร่องไมเ่ ตม็ เลย แม่1จะมผี ้เู 'ข้า กงี นิพพานอกี สกั เทา่ ใด นพิ พานกค็ งมใี ห้ผ้นู ั้นอยูเ่ สมอไม่ขาดแคลนหรอื กบั แคบ” “ภิกษทุ ั้งหลาย! มหาสมทุ ร มีภตู คือสตั วน์ ้ําเปน็ อันมาก มอี วยั วะใหญ่และยาว เชน่ ปลาตมิ ิ ปลาตมิ งิ คละ ปลาวาฬ เป็นตน้ ฉนั ใด ในธรรมวนิ ัยนีก้ ฉ็ นั น้นั มี ภูตคอื พระอริยบุคคลเปน็ จำนวนมาก มีพระโสดาบนั บ้าง พระสกิทาคามีบ้าง พระอนาคามีบา้ ง พระอรหนั ต์บ้าง จำนวนมากหลายเหลือนบั ” “ภกิ ษุท้ังหลาย! มหาสมุทรมีนานารตั นะ เช่นมกุ ดา มณี ไพฑรู ย์เป็นตน้ ฉนั ใด ในธรรมวินยั นี้ก็ฉนั นนั้ มีนานาธัมมรัตนะ เช่นสติป็ฎฐาน ๔ สมั มัปปาธาน ๔ อิทธิบาท ๔ โพชฌงค์ ๗ มรรคมอี งค์ ๘ เปน็ ต้น “ภิกษุท้งั หลาย! น้าํ ในมหาสมุทรย่อมมรี สเดยี วคือรสเค็ม ฉันใด ธรรมวนิ ยั นื้ กฉ็ ันนน้ั มีรสเดียวคือวมิ ตุ ริ ส หมายถงความหลดุ พน้ จากกิเลสเปน็ จุดมงุ่ หมาย สาั กญั แหง่ พรหมจรรยท์ เี่ ราประกาศแลว้ ” www.kalyanamitra.org

<!>& 6 เพราะเหตุทธี่ รรมวินยั หรอื พรหมจรรยข์ องพระองคส์ มบูรณ์ด้วยนานาคณุ ลักษณะ และ สามารถช่วยแกท้ กุ ขแ์ กผ่ มู้ ที ุกข์ได้นี่เอง พระองค์จึงเรียกพรหมจรรย์ว่าเปน็ กัลยาณมติ ร และเรยี ก กัลยาณมิตรเปน็ พรหมจรรย์ เพราะกลั ยาณมติ รทแ่ี ทจ้ รงิ ของคนคอื ธรรม และบาปมิตรทแ่ี กจ้ รงิ ของคนก็คอื อธรรมหรอื ความช่วั ทุจรติ จะปศี ตั รใู ดแรงรา้ ยเทา่ พยาธคิ อื โรค จะปนี รงใดเสมอดว้ ยแรงกรรม จะปมี ติ รใดเสมอดว้ ยมติ รคอื ธรรม พระอานนทเ์ คยคดิ วา่ กลั ยาณมติ รนน้ั นำจะเปน็ ครง่ึ หนง่ึ ของพรหมจรรย์ แดพ่ ระศาสดา ตรสั วา่ “อยา่ คดิ อยา่ งนน้ั เลยอานนท์ กลั ยาณมติ รเปน็ พรหมจรรยท์ ง้ั หมดทเี ดยี ว เพราะ ผไู้ ดอ้ าศยั กลั ยาณมติ รอยา่ งเราแลว้ ยอ่ มหลดุ พน้ จากๆกขท์ ง้ั มวล” พระอานนทพ์ ุทธอนุชา ได้รับการยกยอ่ งจากพระศาสดามากหลาย เป็นที่ รู้จักกนั ว่าท่านเลิศใน ๕สถานด้วย คือ ๑. เป็นพหูสตู สามารถทรงจำพระพทุ ธพจน์ไว้ได้มาก ๒. แสตงธรรมได้ไพเราะ คนฟังไมอ่ ิ่มไมเ่ บื่อ ๓. มสี ติรอบคอบ รูส้ ่ิงที่ควรทำไมค่ วรทำ ๔. มีความเพียรพยายามติ ๕. อุปัฏฐากบำรุงพระศาสดาติอิ่ง ไมม่ ีขอ์ บกพรอ่ ง เม่อื มโี อกาส ท่านมักจะสนทนาธรรมกับพระสารีบดรเสมอ ในคมั ภรี อ์ งั คุดรนกิ าย มีเรอึ่ ง ที่พระอานนท์สนทนากบั พระสารบี ุดรหลายเร่ือง เชน่ เร่อื งเกยี วกบั นิพพานและสมาธิ ภกิ ษผุ ้ฉู ลาด และภิกษผุ ู้ไมฉ่ ลาด จากการสนทนากนั บอ่ ย ๆ น้ี พระสารบี ตุ รไดป้ ระจกั ษช์ ดั วา่ พระอานนท์ เปน็ ผคู้ วรแกก่ ารยกย่อง และไดย้ กยอ่ งเชดิ ชพู ระอานนท์ว่า มีคุณธรรม ๖ ประการ คือ ๑. เปน็ ผู้ไดย้ ินได้ฟงั มาก ๒. เป็นผู้แสดงธรรมดามทีไ่ ด้ยนิ ได้ฟัง โดยพิสดาร ๓. เป็นผ้สู าธยายโดยพสิ ดาร ๔. เปน็ ผ้ชู อบตรกี ดรองเพ่งพิจารณาธรรม ๕. เป็นผยู้ นิ ดีอยใู่ กล้กบั พระเถระที่เป็นพหสู ดู ทรงธรรม ทรงวินัย ๖ . ทา่ นพยายามเขา้ หาทา่ นท่เี ปน็ พหูสดู ทรงธรรม ทรงวินยั เพี่อเรยี นถามข้อทค่ี วร ถามไนโอกาสอนั สมควร www.kalyanamitra.org

๑๖0 IgdIgd ปจ๋ ฉมิ ทศั นา ณ ทสาล พระอานนทพ์ ุทธอนุชา ได้ตดิ ตามพระศาสดาอยู่เปนี เวลานาน กระทำกิจทกุ อย่าง เพอพระพทุ ธองค์ โดยไม่คำนิงถงึ ความเหนอยยากลำบากใ่ ด ๆ ทา่ นมจี ติ ใจออ่ นโยน บรสิ ทุ ธึ้ สะอาดในพระศาสดา ประดุจมารดาผูป้ ระเสริฐพึงมีตอ่ บตุ รสุดสวาท มีความเคารพยำเกรง ในพระผมู้ พี ระภาค ประดุจบตุ รผู้เลอมใสตอ่ บิดาและอยูใ่ นโอวาทของชนกผู้ให้กำเนิดตน ทา่ นปฏบิ ตั หิ น้าทีข่ องทา่ นอย่างซอสตั ยเ์ ทีย่ งตรงเฉกดวงตะวันและจ'ิ นทรา จะหาผ้ใู ด ปฏิบัติใดเล่าเสมอเหมอี นพระอนชุ าผนู้ ้ื จวบจนพระพรรษายุกาลแห่งพระบรมศาสดาเขา้ ปีที่ ๗๙ ตอนปลาย เหลอื อีกเลก็ นอ้ ย ท่พี ระผ้ปู ระทานแสงสวา่ งแก่โลกจะปรินิพพาน เปรยี บปานดวงสุริยาซ่งึ ทอแสง ณ ขอบฟ้าทศิ ดะวนั ดกกอ่ นจะอำลาทวิ ากาล พระผพู้ ิชิตมารประทับ ณ คืชฌกฎู บรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์ คราวน้ันพระเจ้าอชาดศตั รู เวทหบิ ดุ รกำลังเตรียมตวั จะรุกรานแควน้ วัชชี จงึ ส่งวสั สการพราหมณม์ หาอำมาตย์ไปเฝืาพระผ้มู ี พระภาคเพ่ีอจะหย่งั ดวู ่าพระพทุ ธองค์จะดวัสอย่างไร พระเจา้ อชาตศัตรทู รงเชอื่ ย่นั อยวู่ า่ พระวาจา แห่งพระตถาคตนน้ั ไมเ่ ปน็ สอง วัสสการพราหมณ์รบั พระบัญชาเหนอื เกล้า แลว้ เข้าไปเฝืาพระศาสดาทลู วา่ “เวลานึ๊ พระเจ้าอชาดศตั รูกำลงั เตรยี มทพั จะบุกวัชชี ซงึ่ มีนครเวสาลีเปน็ เมืองหลวง ไดส้ ง่ ข้าพระพุทธเจา้ มา กราบทลู ถามถงึ ผาสวุ หิ ารคือความทรงพระสา่ ราญแหง่ พระองค์ และขอถวายบงั คมพระมงคลบาท ดว้ ยเศยี รเกลา้ ” www.kalyanamitra.org

๑๖๑ www.kalyanamitra.org

สมยั นน้ั พระอานนทพ์ ุทธอนชุ าถวายงานพดั อยู่เบื้องหลัง พระพุทธองค์ไมต่ รสั กบั วสั สการพราหมณ์ แด่กลบั ตรสั ถามพระอานนท์ถึงความเป็นไปแห่งนครเวสาลีว่า “อานนท์ ชาววชั ชยี งั คงประพฤตวิ ชั ชธี รรมอปริหานิยธรรม คอื ธรรมเป็นไปเพอ่ื ความ ไม่เสื่อม แด่เป็นไปเพ่ือความเจริญโดยสว่ นเดยี วอยหู่ รอื ?” “ยงั คงประพฤติอยพู่ ระเจา้ ขา้ ” พระอานนทท์ ลู ตอบ “ดูก่อนอานนท์! ชาววัชชปี ระพฤตมิ ั่นในธรรม ๗ประการ คือ ๑. หม่ันประชมุ กนั เนอื งนิตย์ ๒. เมือ่ ประชุมกพ็ ร้อมเพรยี งกนั ประชมุ เมอื่ เลกิ ประชุมก็เลิกโดยพร้อมเพรียงกัน และ พร้อมเพรยี งกันทำกจิ ของชาววัชชีใหส้ ำเรจ็ สุลว่ งไปดว้ ยดี ๓. ชาววัชชยี ่อมเคารพเชือ่ ฟังไนมัญญ้ติเกา่ ของชาววชั ชที ด่ี ีอยแู่ ลว้ ไม่เพิกถอนเลีย และไม่บัญญ้ตสิ ่งิ ซง่ึ ไม่ดีไมง่ ามข้ึนมาแทน ๔. ชาววชั ชีเคารพลักการะนับถือยำเกรงผ้เู ฒ่าแกผ่ ้ผู ่านโลกมานาน ไม่ลบหลู่ดหู ม่นื หรอื เหยยี ดหยาม ๕. ชาววัชชีประพฤตธิ รรมในสุภาพสตรี คือไม่ข่มเหงน้าั ไจสภุ าพสตรี ๖ . ชาววชั ชรี จู้ ักเคารพลกั การะบชู าปูชนียสถาน ๗. ชาววัชชีใหค้ วามอารักขาคมุ้ ครองพระอรหนั ตส์ มณพราหมณาจารย์ผปู้ ระพฤติ ธรรม ปรารถนาให้สมณพราหมณาจารย์ผมู้ ศี ลี ทย่ี งั ไมม่ าลแู่ คว้นขอให้มา และท่มี าแลวขอไหอ้ ยู่ เปน็ สขุ ดูก่อนอานนท์! ตราบเท่าทีช่ าววชั ชยี งั ประพฤตปิ ฎบิ ้ตวิ ชั ชธี รรมท้ัง ๗ ประการน้อี ยู่ พวก เขาจะไมป่ ระสบความเสอื่ มเลย มแี ด่ความเจรญิ ม่ันคงโดยสว่ นเดยี ว” แล้วพระพทุ ธองคท์ รงผนิ พระพักตรม์ าตรสั กบั วสั สการพราหมณ์ “พราหมณ!์ ครงั้ หนืง เราพกั อยูท่ ส่ี ารันทเจดยี ์ใกลก้ รงุ เวสาลี ไดแ้ สดงธรรมทั้ง ๗ ประการแก่ชาววชั ชี ตราบไตท่ชี าว วชั ชียงั ประพฤติดามธรรมนอ้ี ยู่ พวกเขาจะหาความเสือ่ มมิได้ มีแดค่ วามเจรญิ โดยสว่ นเดยี ว” “ขา้ แด่พระผมู้ ีพระภาค!” วสั สการพราหมณท์ ลู “ไมด่ อ้ งพูดถึงวา่ ชาววชั ชีจะบรบิ รู ณ์ ดว้ ยธรรมทั้ง ๗ ประการเลย แม้มีเพยี งประการเดยี วเท่านนั้ เขากจ็ ะหาความเสอ่ื มมไิ ด้ จะมีแด่ความ เจรญิ โดยส่วนเดยี ว” เมอ่ื วัสสการพราหมณ์ทลู ลาแลว้ พระศาสดารับส่ังให้พระอานนท์ประกาศให้ภิกษุ ทง้ั หมด ซ่ึงอาลยั อยู่ ณ กรงุ ราชคฤท์มาประชมุ พรอ้ มกัน แลว้ พระมหาสมณะทรงแสดงอปรหิ านิยธรรม โดยอเนกปริยายเป็นด้นวา่ “ภิกษุทั้งหลาย! ตราบใดทพ่ี วกเธอยังหม่ันประชมุ กนั เนอื งนติ ย์ พรอ้ มเพรียง กันประชุม เคารพในสิกขาบทบัญญัติ ยำเกรงภกิ ษผุ ูเ้ ป็นสังฆเถระสงั ฆบดิ ร ไม่ www.kalyanamitra.org

๑๖๓ ยอมตนใหต้ กอยูภ่ ายใตอ้ ำนาจแห่งตณั หา พอใจในการอยูอ่ าศยั เสนาสนะปา๋ ปรารถนาใหเ้ พอนพรหมจารมี าส่สู ำนักและอยู่เป็นสุข ตราบน้นั พวกเธอจะไม่ เสอมเลย มแี ตค่ วามเจรญิ โดยสว่ นเดียว” “ภกิ ษุทั้งหลาย! ตราบใดท่เี ธอไม่หมกมุ่นกับงานมๅกเกนิ ไป ไม่พอใจต้วยการ คุยฟ้งซา่ น ไมช่ อบใจ ไม่พอใจในการนอนมากเกนิ ควร ไมย่ ินดใี นการคลุกคลี ตว้ ยหม่คู ณะ ไม่เปน็ ผ้ปู รารถนาลามก ไมต่ กอย่ใู ต้อำนาจแหง่ ความปรารถนา ช่ัว ไม่คบมติ รเลว ไมห่ ยดุ ความเพียรพยายามเพอบรรลุคณุ ธรรมสงุ ๆ ข้นึ ไป แลีว ตราบนั้น'พว จะม๗ ค'ภมเ พระผู้มพี ระภาคประทับ ณ ภเู ขาคิชฌกฏู กรุงราชคฤห์พอสมควรแลว้ โดยมพี ระอานนท์ เป็นปจั ฉาสมณะกเ็ สดจ็ บา่ ยพระพกั ตร์สู่นครเวสาลี ผา่ นเมืองอมั พลฎั ฐิกา เมืองนาลนั ทาและปาฎลคี าม ซง่ึ พระเจ้าอชาตศัตรใู ห้สร้างขนึ้ เพึ๋อเปน็ เมอื งสำหรับใชเ้ ปน็ ที่มนโจมดแ็ ควน้ วัชชี ณ เมอื งนาลันทาน่ีเอง พระสารีบุตรเคยกล่าวอาสภิวาจา คือถ้อยคำที่แสดงถงึ ความ เลอ่ื มใสอย่างยง่ิ ในพระศาสดาว่า ท่านมคื วามเล่อื มใสอยา่ งย่งิ ในพระพุทธองค์ทัง้ ในอดตี อนาคต และปจั จบุ ัน ไม่มสื มณะหรอื พราหมณใ์ ด ๆ เลย ท่จี ะเปน็ ผรู้ ย้ ่งิ ไปกวา่ พระพุทธองคใ์ นเรอื่ งสัมโพธิญาณ ฌอเสด็จถึงปาฎลีคาม อุบาสกอุบาสิกาเป็นจำนวนมากมนฝืา พระพุทธองค์ ทรงแสดงโทษแห่งศีลวิบัติ ๕ประการ คือ ๑. ผ้ไร้ศลี ยอ่ มประสบความเลอื่ มทางโภคะ ๒. ชอี เลียงทางไมด่ ีฟงั ขจรไป ๓. ไมแ่ กลว้ กล้าอาจหาญเมอื่ เชา้ ประชุม ๔. เมื่อจวนจะดายยอ่ มขาดสดีสมั ปชญั ญะคมุ้ ครองสตไิ ม่ได้ เรยี กว่าหลงตาย ๕. เมอ่ื ดายแล้วย่อมไปสู่ทุคติ สว่ นคณุ แห่งศีลสมปัด มนื ยั ตรงกนั ช้ามกับศลี วิปต้ ิศังกล่าวแลว้ พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ผ่านโกฏิคามและนาฑกิ คามดามลำดับ ในระหวา่ งนั้นไดท้ รงแสดง ธรรมอันเป็นประโยชน์ยงิ่ แก่ผู้มาเผา่ บ้าง แกภ่ กิ ษุสงฆ์ แก่พระอานนทบ์ า้ ง เช่น อรยิ สัจและเร่ือง ใหเ้ อาธรรมะเปน็ กระจกเงาดูตนเอง จนกระทั้งเสดจ็ เชา้ สู่เขดเวสาลี ประทับ ณ อมั พปาลีวันของ หญงิ นครโสเภณนี ามอัมพปาลี ไมเ่ สด็จเช้าสนู่ ครเวสาลี แบก้ ษัตรยี ์ลจี ฉวจี ะทูลอาราธนากท็ รงปฏเิ สธ ขา่ วเรอ่ื งพระเจ้าอชาดศัตรเู ตรยี มทพั เพอื่ ดีวชั ชีน้นั ทำใหพ้ ระพุทธองค์ผู้มพื ระมหากรณุ า ดจห้วงมหรรณพทรงหว่ งใยวัชชียงิ่ นัก เปน็ เวลาเกอื บหน่งึ ปีทเ่ี สด็จวนเวียนอยู่ในแควน้ วชั ชี ใน ทสี ดุ เสด็จประทับ ณ เวพวุ คาม ซงึ่ ทง้ั คงพรั่งพร้อมดว้ ยด้นมะตูมเรยี งราย เมื่อจวนจะเช้าพรรษาจึง มพี ระพทุ ธานุญาดให้ภกิ ษทุ ้ังหลายเลอื กท่จี ำพรรษาไดต้ ามชอบใจ สว่ นพระองค์จะประทบั จำพรรษา ในเวพวุ คาม www.kalyanamitra.org

๑๖๔ การทไี่ มเ่ สดจ็ เข้าภายในเมอื งเวสาลีน้ัน น่าจะเปน็ เพราะไมท่ รงปรารถนาดว้ ยเรอื่ ง การบา้ นการเมือง ถ้าเสด็จเขา้ ไปอาจจะเป็นทรี่ ะแวงของพระเจา้ อชาดศัตรูวา่ พระองค์เอาพระทยั เข้าขา้ งเวสาลี แดก่ ารที่พระองคท์ รงวนเวยี นอย่ใู นเขตวชั ชีเป็นเวลาเกือบปนี นั้ กืได้ผลสมพระ ประสงค์ คือพระเจา้ อชาดศัตรูมิได้ยาตราทพั เข้าสู่แคว้นวชั ชีเลย พระบรมศาสดาของเราน้นั มิได้ ทรงเกอกลู หมู่ซนเพียงแดใ่ นทางธรรมเท่านน้ั แดพ่ ระองคท์ รงบำเพญ็ ประโยชนแ์ ก่เทวดาและมนุษย์ แมใ้ นทางโลกอีกดว้ ย สมแล้วทพี่ ระองค์ไดพ้ ระนามวา่ พระโลกนาถผู้เปน็ ท่พี งของโลก แม้ภาย หลังจากทีพ่ ระองคไ์ ด้ปรินพิ พานแลว้ แดบ่ ัดน้ันจนกระทั่งบดั น้ี มมี นุษย์จำนวนนบั ไมไ่ ดท้ ไี่ ดร้ ะลึก กืงคำสอนขุองพระองคแ์ ล้วไดว้ างมือจากการประกอบกรรมชว่ั แล้วด้ังหนา้ ทำความดี พระองคย์ งั ทรงเป็นที่พ่ึงของโลกอยู่ ในพรรษานน้ั เอง ซงึ่ เปน็ พรรษาสุดท้ายแหง่ m ะชนม์ชีพ พระตถาคตเจ้าทรงพระประชวร หนกั ดว้ ยโรคปกั ขนั ทกิ าพาธ คอื มพื ระบงั คนเปน็ โลหิต แด่ทรงพิจารณาเห็นวา่ ยงั ไมถ่ งึ กาลลันสมควร ทพ่ี ระองคจ์ ะปรินพิ พาน จงึ ทรงไขส้ มาธอิ ทิ ธิบาทภาวนาซับไล่อาพาธน้นั ดว้ ยอธิวาสนขันติ (อธวิ าสนขันติ อดทนต่อทุกขเวทนาที่เกิดจากโรคภยั ไขเ้ จ็บ ธดี ขี นั ติ อดทนต่อหนาวร้อน การดรากตรำในการทำงาน ดตี ิกขาขันติ อดทนตอ่ อารมณ์ทก่ี ระทบกระท่ังจิตใ่ จอดทนต่อคำด่าว่าเสยี ดส)ี เรื่องท่ีพระองคท์ รง ใขค้ วามอดทนจนหายอาพาธนเื้ ปน็ ท่ีประจักษ์แก่พุทธบริษัททกุ หมู่เหล่า เมื่อหายแล้ว วันหนงึ่ ประทบั นง้ั ณ รม่ เงาแหง่ วิหารในเวลาเย็น พระอานนท์เขา้ เฝืา กราบฑลู วา่ “ข้าแดพ่ ระองค์ผปู้ ระเสริฐ! ขา้ พระองค์ได้เหน็ ความอดทนของพระองคแ์ ล้ว ความ อดทนอดกลั้นลันใดทพ่ี ระองคท์ รงพราสอนผู้อน๋ึ อยูเ่ สมอ พระองคไ์ ด้ทรงกระทำความอดทนน้ัน ไท้เหน็ เปน็ ตัวอย่างแลว้ สมแล้วที่พระองค์ไดว้ บั การยกยอ่ งวา่ ตรัสอย่างใดทรงกระทำอยา่ งนน้ั ทรง กระทำอยา่ งใดตรัสอย่างนั้น (ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาท)ี ก็แด่วา่ พระองคผ์ ู้เจริญ! ในสมัย ท่ีพระองคท์ รงพระประชวรหนักนั้น ขา้ พระองค์มคี วามวติ กกังวลอย่างยิง่ กายของขา้ พระองค์ งอมระงมไปหมดประหนงึ่ ความรสู้ กึ ของหมู่ปกั ษีซ่งึ อาศัยอยู่บนพฤกษา และดน้ ไม้นน้ั ไกวแกว่ง เพราะแรงลม ทศิ ท่ังหมดปรากฏเหมอื นมดื มนสำหรบั ข้าพระองค์ มองดูพระองค์แลว้ เหมอื น ข้าพระองค์จะเจบ็ ด้วยและเจ็บลกี ยิ่งกวา่ พระองค์เสียอกี แดข่ ้าพระองคย์ งั เบาใจอยู่อย่างหน่ึงว่า พระองค์ ยังไมใ่ ห้ประชุมสงฆ์ปรารภข้อทคี่ วรปรารภในํท่ามกลางมหาสมาคมตราบใด ตราบนั้นพระองค์ คงวักยงั ไมป่ รินพิ พานเป็นแนแ่ ท”้ “อานนทเ์ อย!” พระศาสดาตรัสอยา่ งขา้ ๆ “เธอและภิกษสุ งฆจ์ ะหวังอะไรในเรา อีกเลา่ ธรรมใดทค่ี วรแสดง เราได้แสดงหมดแลว้ ไมม่ ืกำมือของอาจารย์อยใู่ นเราเลย คือเรามไิ ด้ ปดี บังซ่อนเร้น หวงแหนธรรมใด ๆไว้ เราได!้ แจงแสดงเปิดเผยหมดสนิ้ แล้ว ธรรมวินัยซึ่งเปน็ มรดกลนั ประเสริฐของบดิ า ดถาคดไดม้ อบใหเ้ ธอและภิกษทุ ั่งหลายโดยสนิ้ เชิงแล้ว อานนท์เอย! จง ดเู อาเถดิ ดูสรรี ะแห่งตถาคต บดั นีม้ ชื ราลกั ษณะปรากฏอยา่ งขัดเจน ฟนั ทัก ผมหงอก หนังหดเหี่ยว หยอ่ นยาน มอื าการทรดุ โทรมใหเ้ หน็ อย่างเด่นขัด เหมอื นเกวียนที่ชำรดุ แลว้ ชำรุดอีก ได้อาศยั แด่ www.kalyanamitra.org

๑ h dt ไมไ้ ผม่ าซ่อมไว้ ผูกกระหนาบคาบค้าํ ไว้ จะยืนนานไปไดส้ กั เท่าใด การแดกแยกสลายย่อมจะมาถึง เขา้ สกั วันหนง่ึ อานนทเ์ อย! พวกเธอจงมีธรรมเป็นเกาะเป็นท่ีพึง่ เถดิ อยา่ คิดยดึ สิ่งอ่นื เป็นท่พี ึง่ เลย แมเ้ ราตถาคตก็เป็นแต่เพยี งผบู้ อกทางเทา่ น้ัน,, พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เวฬวุ คามเปน็ เวลานานถงึ ๘ เดอื น แม้ออกพรรษาแล้ว กม็ ไิ ด้เสดืจไปทอ่ี ื่น คงประทบั ยับยั้งอยู่ ณ ท่นี นั้ จนสน้ิ ฤดูเหมนั ต์ นบั เป็นเวลานานมากทป่ี ระทบั อย่ใู นหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นเวฬวุ คามนี้ พระองตท์ รงแนพ่ ระทัยว่าคงจะดำรงพระชนมช์ ีพไปไม่ได้นานนัก แดม่ ิไดต้ รสั บอก พระอานนท์ในเวลานน้ั เหลือเวลาอีก ๓ เดอื นทจ่ี ะปรินิพพาน ระหว่างนั้นพระพุทธองต์ทรงถกู อาพาธคอยบบี คัน้ เบียดเบยี นอยู่เสมอ แดก่ ็ทรงดำเนินไปอีกหลายแห่ง เสด็จโดยพระบาทเปลา่ ไม่มี ใครแบกใครหามเลย เมื่อทรงเหนด็ เหน่อื ยมากเข้ากท็ รงหยุดพกั ทุกหนทกุ แหง่ ท่ีเสด็จไป จะมี พระอานนทต์ ามเสดจ็ เสมอื นพระฉายา แม้จะลำบากพระวรกายปานใด แดน่ ้าั พระทยั กรุณาที่มดี ่อ สรรพสตั วเ์ อ่อทนั ในพระมนสั จึงทรงจารกิ เพ่ือประโยชน์สุขแหง่ มวลชน จากเวฬวุ คาม เสดจ็ ไปยงั ถฏู าคารศาลาในป่ามหาวัน ซ่ึงกษตั ริยล์ จิ ฉวแี ห่งเวสาลีสรา้ ง ถวายเปน็ ทปี่ ระทบั เม่อื เสดจ็ มาเปน็ ครั้งคราว รบั สั่งใหพ้ ระอานนท์ประกาศประชมุ สงฆท์ ่อี ยูใ่ น เมอื งเวสาลที งั้ หมด ทรงโอวาทภกิ ษทุ ้ังหลายดว้ ยอภญิ ญาเทสิตธรรม คอื ธรรมทพ่ี ระองค์แสดงไว้ เพอื่ การตรสั รหู้ ลดุ พนั จากกเิ ลสท้งั ปวง ได้แก่ สติปฏั ฐาน ๔ สัมมปั ธาน ๔ อิทธบิ าท ๔ อินทรยี ์ ๕ พละ ๕ โพชฌงต์ ๗ มรรคมีองค์ ๘ ใหภ้ กิ ษทุ ั้งหลายหม่ันอบรมประพฤตธิ รรมดังกล่าวนี้ รงุ่ ขนึ้ เสดจ็ เข้าไปบณิ ฑบาตในเมอื งเวสาลี ชาวนครเวสาลมี ีความร้สู ึกระทกึ ใจเปน็ ทีย่ ่ิง เมือทราบว่าวันนเี ปน็ วันสุดท้ายแลว้ ทพี วกเขาจะไดเ้ ห็น ได้เผ่ารบั โอวาทานุสาสนจ์ ากพระพทุ ธองค์ บางพวกรา่ํ ไห้ บางพวกดือกชกตวั ประหนงึ่ บดิ าบังเกิดเกล้าแหง่ ตนจะเดินทางไปส่สู มรภมู แิ ละรู้ แนน่ อนว่าจะไมก่ ลบั มา พระจอมมุนปิ ระทานเทศนาใหเ้ ขาเหลา่ นนั้ คลายโศก โดยทรงยั้าให้ระลึกถงึ พระโอวาท ท ่เี คยประทานไว้วา่ “สิง่ ใดสง่ิ หนงึ่ มีความเถดิ ขึน้ แลว้ สง่ิ นั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา การเศรา้ โศก คราครวญ ย่อมไม่อาจหน่วงเหน่ยี วสงิ่ ซง่ึ จะตองแตกดบั มีให้แตกดับได,้ , แลแลว้ พระพทุ ธองคก์ เ็ สดจ็ ออกจากนครเวสาลี ทรงยนื อยู่ ณ ประดูเมอื งครหู่ นง่ึ ผิน พระพกั ตว์มองดเู วสาลีเป็นนาคาวโลกนาการ ปานประหนึ่งพญาคชสารตัวประเสริฐเหลียวดูแมกไม้ เปน็ ปัจฉิมทศั นา เมอื่ ถกู นำพาไปสูน่ ครเพ่อื เปน็ ราชพาหนะ พระตถาคตเว้าทอดทัศนาการเวสาลีพลางทรงรำพึงว่า “ดกู อ่ นเวสาลี! นครซึ่งม่งั คั่ง สมบรู ณ์ เป็นนครท่มี ืนามกระเดอื่ งเลือ่ งลือวา่ มืคนแตง่ กายงามที่สุดปานหมเู่ ทพชั้นดาวดืงสึ มี สระโบกขรณมี ากหลายเป็นทร่ี ื่นรมย์ ปราสาทแห่งเว้าลจิ ฉวีเสียดยอดระดะดูงามดาพลิ าสพิไล โดย เฉพาะลิจฉวีสภาซ่ึงจงใจทำอย่างประณีตบรรจงงามวจิ ิตร เป็นทป่ี ระชมุ แห่งกษัตรยิ ล์ จิ ฉวีผพู้ รอ้ มใจ กนั ปกครองบ้านเมอื งโดยสาม'ั าคืธรรม ดกู อ่ นเวสาล!ี นครซึ่งมปื ราการสามชน้ั มืเบอ้ี งหลงั เป็น www.kalyanamitra.org

๑๖๖ ป่าใหญ่ทอดยาวเหยียดสูงขน้ึ ไปจนถึงหมิ าลัยบรรพตอันได้นามว่ามหาวัน ซ่ึงตถาคตแวะเวยี นมา พกั อยเู่ สมอ การได้เหน็ เวสาลีคร้งั นี้เป็นปจั ฉิมทัศนาการสำหรบั ตถาคตแล้ว ตถาคตจะไมไ่ ดเ้ ห็นเวสาลี อกี ,’ ทรงรำพงึ ดังนแี้ ล้วจงึ ผันพระพักตร์มาตรสั กับพระอานนท์ว่า “อานนท์! การมองดเู วสาลคี รงั้ นีเ้ ป็นคร้งั สูดท้ายของตถาคตแลว้ อานนท์เอย! ทกุ ส่ิง ทกุ อยา่ งเม่ือไดม้ ีการเร่มิ ตน้ แล้ว ย่อมจะมกี ารสนิ้ สดุ ใครเลา่ จะสามารถหน่วงเหน่ยี วสิง่ ซ่ึงจะต้อง เป็นมิใหเ้ ปน็ ได้ มาเถิดอานนท!์ เราจักเดินทางไปสู่ปาวาลเจดยี ,์ , พระตถาคตเจา้ ตรัสเทา่ นี้ แล้วเสด็จ ดำเนินดว้ ยพทุ ธลีลาอันประเสรฐิ พระพทุ ธอนชุ าตามเสดจ็ พระศาสดาดว้ ยอาการสงบและเครง่ ขรมึ ใครเลา่ จะทราบวา่ ภายในดวงจติ ของทา่ นจะ!}นปวนรวนเร ซมึ เซา เศรา้ โศก ออ่ นไหวหววิ หวน่ั สกั เพยี งใด www.kalyanamitra.org

®h ฟ่ k)๓ คราเมอื่ ทรงปลงพระชนมายสุ ังขาร พระพทุ ธองค์เสด็จมาลืงปาวาลเจดีย์ ประทับภายใตต้ น้ ไมซ้ ง่ึ มีเงาครมต้นหน่งึ ตรสั กบั พระอานนทว์ ่า “อานนท!์ ผอู้ บรมอทิ ธบิ าท ๔ มาอยา่ งดแี ล้วทำจนแคลว่ คลอ่ งแล้วอย่างเราน้ื ลา้ ปรารถนาจะมชี วี ิตอยูล่ งื ๑ กัป* ค ือ๑๒0ปี ก็สามารถจะมีชีวิตอย่ไู ต้” พระโลกนาถต่รสั กงั น่ึถงสามครง้ั แต่พระอานนท์กค็ งเฉย มไิ ต้ทลุ อะไรเลย ความวติ กกงั วล และความเศรา้ ของทา่ นมีมากเกนิ ไป จนปดี บงั ดวงปญญาเสยี หมดสน์ อา! ความจงรกั กักดีอยา่ งเหลือล้น ท่ที ่านมตี ่อพระศาสดาน้นั บางทีก็ทำใหท้ ่านลมื เฉลยี วถงความประสงคข์ องผทู้ ท่ี ่านจงรกั ภกั ดีนน้ั ปลอ่ ยโอกาสทองให้ลว่ งไปอย่างน่าเสยี ดาย เมอ่ื เหน็ พระอานนทเ์ ฉยอยพู่ ระพทุ ธองคจ์ งึ ตรสั วา่ “อานนท!์ เธอไปพกั ผอ่ นเสยี บา้ ง เถดิ เธอเหนอ่ื ยมากแลว้ แมต้ ถาคตกจ็ ะพกั ผอ่ นเหมอื นกนั พระอานนทจ์ งึ หลกี ไปพกั ผอ่ น ณ โคน ตน้ ไมอ้ กี ดน้ หนง่ึ ณ บดั น้ี พระตถาคตเจาทรงรำพงึ ถงึ อดตี กาลนานไกล ซง่ึ ลว่ งมาแลว้ ถงึ ๙๕ ปี สมยั เมอ่ื พระองคต์ รสั รใู้ หม่ ๆ ทอ้ พระทยั ในการทจ่ี ะประกาศสจั ธรรม เพราะเกรงวา่ จะทรงเหนอ่ื ยเปลา่ แด่ อาศยั พระมหากรณุ าตอ่ สา์ สตั ว์ จงึ ตกลงพระทยั ยา่ ธรรมเภรี และครานน้ั พระองคท์ รงตง้ั พระฑยั ไว้ วา่ ลา้ บรษิ ทั ตง้ั ๔ คอื ภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อบุ าสก อบุ าสกิ า บงั ไมเ่ ปน็ ปกี แผน่ มนคง บงั ไมส่ ามารถยา่ ยี ปรปู วาท คอื คำกลา่ วจว้ งจาบลว่ งเกนิ จากพาหริ สทั ธทิ จ่ี ะพงึ มตี อ่ พระพทุ ธธรรม คำสอนของพระองค์ บงั ไมแ่ พรห่ ลายเพยี งพอตราบใด พระองคก์ จ็ ะบงั ไมน่ พิ พานตราบนน้ั กัป หมายถึงระยะเวลาที่ยาวนานมาก ในที่นื้หมายถึงช่วงอายุของมนุษย์ในยุคนั้นซึ่งยาวนานถึง ๑๒๐ ปี www.kalyanamitra.org

๑bฟ www.kalyanamitra.org

๑b 6 ก็แลบดั น้ี พระธรรมคำสอนของพระองคแ์ พรห่ ลายเพยี งพอแลว้ ภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อบุ าสก อบุ าสกิ า ฉลาดสามารถพอที่จะดำรงพรหมจรรยศ์ าส่โนวาทของพระองคแ์ ลว้ เป็นกาลสมควร แลว้ ท่ีพระองคจ์ ะเข้าสู่มหาปรินิพพาน ทรงดำรดิ งั น้แี ลว้ จงึ ทรงปลงพระชนมายุสงั ขาร คอื ตง้ั พระทัยแนว่ แนว่ า่ พระองค์ จักปรินิพพานในวนั วสิ าขะปรุ ณมีคอื วนั เพ็ญเดอื น๖ อนั ว่าบุคคลผ้มู กี ำลงั กลงิ้ ศลิ ามหึมาแท่งทบึ จากหน้าผาลงส่สู ระย่อมก่อความกระเพ่อื ม ส่นั สะเทอื นแก่น้ีาในสระนั้นฉนั ใด การปลงพระชนมายลุ ังขารอธิษฐานพระบยั วา่ จะปรินพิ พาน ของพระอนาวรณญาณกฉ็ ันน้นั กอ่ ความวปิ ริตแปรปรวนแก่โลกธาตุทัง้ ล้ิน มหาปฐพีมอี าการสนั่ สะเทือนเหมือนหนังสตั ว์ท่เี ขาขงึ ไวแ้ ล้วดดี ว้ ยไมท้ ่อนใหญ่ก็ปานกัน รุกขสาขาหวัน่ ไหวไกวแกวง่ ดว้ ยแรงวายุโบกสะบัดใบอยู่พอสมควร แล้วน่งึ สงบมอี าการประหนึง่ ว่า เศรา้ โศกสลดในเหตการณ์ ครัง้ น้ี เหมอื นกมารนี างน้อยคราครวญปริเวทนาถึงมารดาผ้จู ะจากไปจนสลบแนน่ ่ึง ณ เบืองบน ทอ้ งพีาสีครามกลายเปน็ แดงเข้มตุจเสอื ลำแพนซง่ึ ไลด้ ว้ ยเลอื ดสด ปกั ษาชาตริ อ้ งระงมสนน้ั ไพร เหมือนจะประกาศว่าพระผทู้ รงมหากรุณากำลังจะจากไปในไม่ข้านี้ พระอานนท้ลังเกดเห็นความวปิ ริตแปรปรวนของโลกธาตดุ งั นี้ จงึ เขา้ เผาิ พระจอมมนุ ิ ทูลถามว่า “พระองคผ์ ู้เจรญิ ! โลกธาตุนี้วิปรติ แปรปรวนผิดปกติไม่เคยมืไม่เคยเปน็ ได้แลว้ เพราะเหตุ อะไรหนอ?” พระทศพลเจา้ ตรสั ว่า “อานนทเ์ อย! อย่างนแี้ หละ คราใดท่ดี ถาคดประสติ ตรัสรู้ หมนุ ธรรมจกั ร ปลงอายุลงั ขารและนพิ พาน ครานนั้ ย่อมจะมืเหตกุ ารณ์วปิ รติ อย่างนเ้ี ภิดขึน” พระอานนท์ทราบวา่ บดั นีพ้ ระดถาคดเจา้ ปลงพระชนมายลุ งั ขารเสยี แล้ว ความสะเทอื นใจ และวา้ เหวป่ ระดังขึ้นมาจนอสั สชุ ลธาราไหลหลงสุดทา้ มหกั เพราะความรักเหลือประมาณ ทที่ ่านมใื นพระเชฎฐภาดา ทา่ นหมอบลงทีพ่ ระบาทมูลแลว้ ทลู วา่ “ขา้ แตพ่ ระองค์ผปู้ ระเสรฐิ ! ขอพระองค์อาศัยความกรณุ าในขา้ พระองคแ์ ละหมูล่ ัดว์ จง ดำรงพระชนมช์ พี ตอ่ ไปอีกเถิด อยา่ เพ่ืงดว่ นปรินิพพานเลย” กราบทูลเทา่ น้ีแลว้ พระอานนทก์ ไ็ ม่ อาจทูลอะไรตอ่ ไปอกี เพราะโศกาดูรท่วมทน้ หทยั “ อานนท์เอย!” พระศาสดาตรสั พร้อมดว้ ยทอดทัศนาการไปเบื้องพระพักดวอ์ ย่างสดุ ไกล มแี ววแหง่ ความเด็ดเคีย่ วฉายออกมาทางพระเนตรและพระพักตร์ “เป็นไปไมไ่ ดท้ ่ีจะใท้ดถาคด กลับใจ ดถาคดจะด้องปรินพิ พานในวนั เพ็ญแห่งเดอื นวสิ าขะอีก ๓ เดอื นข้างหนา้ น้ี อานนท์! เราได้ แสดงนิมติ โอภาสอย่างแจม่ แจง้ แกเ่ ธอพอเป็นนยั มาไม่น้อยกว่า ๑'© คร้งั แลว้ ว่า คนอย่างเรานม้ี ื อิทธิบาทภาวนาที่ไดอ้ บรมมาด้วยดี ล้าประสงค์จะอยู่ถึงหนงึ่ กัปคือ ๑๒๐ ปี ก็พออยไู่ ด้ แดเ่ ธอหา เฉลืยวใจไม่ มิได้ทลู เราเลย เราตง้ั ใจไวว้ ่าในคราวก่อน ๆ นีล้ า้ เธอทลู ใทเ้ ราอยูต่ ่อไป เราจะทา้ มเสยี สองครง้ั พอเธอทูลคร้ังที่ ๓ จะริบอาราธนาของเธอ แด่บัดนี้ขา้ เสียแล้ว เราไมอ่ าจกลบั ใจไดอ้ ีก” พระศาสดาหยุดอย่คู รู่หน่ึงแล้วตรสั ตอ่ ไปวา่ www.kalyanamitra.org

๑ ฟจ่ “อานนท!์ เธอยงั จำได้ไหม ครัง้ หนึง่ ณ ภเู ขาซงึ่ มีลกั ษณะยอดเหมือนนกแรง้ อันได้ นามว่า “คิชฌภฎู ” ณ ภเู ขานม้ี ืถํา้ อนั ขจรนามชื่อ สุกรขาดา ทีถ่ ้ํานีเ้ อง สาวกผเู้ ลอื่ งลอื ว่าเลศิ ทาง ปญั ญาของเราคอสารีบุตรได้ถอนตณั หานุลยั โดยสนิ้ เชงิ เพยี งเพราะฟงั คำทเี่ ราสนทนาอับหลาน ชายของเธอผมู้ ีนามว่าฑีฆนขะเพราะไรเ้ ลบ็ ยาว “เมอ่ื สารีบตุ รมาบวชในสำนักของเราแลว้ ฑฆี นขะปริพพาชกเทยี่ วดามหาลุงของตน มาพบลุงของเขาคอื สารบุตรถวายงานพดั เราอยู่ จึงพดู เปรย ๆ เปน็ เชงิ กระทบกระเทียบวา่ พระโคดม! ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งขา้ พเจา้ ไมพ่ อใจหมด ซงึ่ รวมความวา่ เขาไมพ่ ฟจ้ เราดว้ ยเพราะตถาคดกร็ วมอยู่ใน คำวา่ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง เราได้ตอบเขาไปว่า “ล้าอย่างนัน้ เธอควรจะไม่พอใจความคิดเหน็ อันนั้น ของเธอเสียดว้ ย” “อานนท!์ เราไดแ้ สดงธรรมอนึ่ อกี เปน็ อเนกปรยิ าย สารีบุดรถวายงานพดั ไปฟงั ไป จน จติ ของเธอหลุดฟนั จากอาสวะทง้ั ปวง “อานนท์เอย! ณ ภูเขาคิชฌกูฏตงั กลา่ วน้ี เราเคยพูดอับเธอวา่ คนอย่างเราล้าจะอยู่ ต่อไปอกี ๑ กัปหรอื เกินกวา่ นน้ั ก็พอได้ แต่เธอก็หาร้ความหมายแห่งคำท่ีเราพดู ไม่ “อานนท์! ต่อมาท่โี คตมนโิ ครธ ทเ่ี หวสำหรบั ทงิ้ โจร ท่ถี าลดั ดบรรณใกล้เวภารบรรพด ท'่ี กาฬศิลา ใกล้เขาอสิ คิ ิลิ ซ่งึ เลือ่ งลือมาแต่โบราณกาลวา่ เปน็ ที่อยอู่ าศัยของพระปจั เจกพุทธเจา้ เปน็ อนั มาก เมื่อท่านเขา้ ไป ณ ท่นี ัน้ แล้วไม่มใี ครเหน็ ท่านออกมาอีกเลย จึงกล่าวขานอนั วา่ อสิ ิคิลิบรรพต (ภูเขากลนื กินฤาษี) ท่ีเงอื้ มเขาช่ือลปั ปโิ สณทกี า ใกลป้ ่าสดี รนั ทตี่ โปทาราม ทเ่ี วฬวุ ันสวนไผ่อนั ร่มร่นื ของจอมเสนาแห่งแควน้ มคธ ท่สี วนมะม่วงของหมอชีวกโกมารภจั จํ’ ท่ีมทั ทกจฉิมิคทายวนั ท้งั ๑๐ แหง่ นีอ้ ยู่ ณ เขตแขวงราชคฤห์ “ตอ่ มาเมอื่ เราทงิ้ ราชคฤทไ์ รเ้ บอื้ งหลงั แลว้ จาริกสเู่ วสาลีนครอันรงุ่ เรืองย่ิง เราก็ใหน้ ยั แกเ่ ธออีกถึง ๖ แหง่ คอื ที่ อุเทนเจดยี ์ ลัดตัมพเจดยี ์ โคดมกเจดยี ์ พหปตุ ดเจดยี ์ สารนั ทเจดีย์ และ ปาวาลเจดีย์เปน็ แห่งสดุ ห้าย คอื สถานทซ่ี ่งึ เราอยู่ ณ บดั นี้ แต่เธอก็หาเฉลียวใจไม่ ทง้ั นเ้ี ปน็ ความ บกพรอ่ งของเธอเอง เธอจะครา่ื ครวญเอาอะไรอกี ” “อานนท์เอย! บดั นลี้ งั ฃารอนั เปน็ เหมอื นเกวียนชำรดุ นเี้ ราไดส้ ละแล้ว เรือ่ งทจี่ ะดึง กลบั คนื มาอีกนน้ั มใิ ชว่ ลี ยั แห่งตถาคต อานนท์! เรามิได้ปรกั ปรำเธอ เธอเบาใจเถิด เธอไดท้ ำหนา้ ที่ ดีท่สี ุดแลว้ บัดนเ้ี ปน็ กาลสมควรท่ีตถาคตจะจากโลกน้ไี ป แตย่ งั เหลอื เวลาอีกถึง ๓ เดือน บดั นีล้ งั ขาร ของตถาคตเปน็ เสมอื นเรือร้วั คอยแตเ่ วลาจะจมลงส่ทู อ้ งธารเท่านัน้ “อานนท์! เราเคยบอกเธอแลว้ มใิ ชห่ !อวา่ บคุ คลย่อมตอ้ งพลดั พรากจากส์งท่ี รักที่พงุ ใจเป็นธรรมดา หลกี เลี่ยงไมไ่ ต้ อานนท์เอย! ชีวิตนืม้ ีความพลัดพราก เป็นท่สี ดุ สง์ ทงุ หลายมคี วามแตกไป ดับไป สลายไป เป็นธรรมดา จะปรารถนา มิใหเ้ ปน็ อยา่ งที่มันควรจะเปน็ นนั้ เป็นฐานะทไี่ มพ่ ึงหวังไต้ ทุกสงทกุ อย่างดำเนิน ไป เคล่ีอนไปสจุ่ ดุ สลายตัวอยูท่ กุ ขณะ” www.kalyanamitra.org

® ei® แลแล้วพระจอมศาสดาก็เสด็จไปยังภัณฑคุ าม และโภคนครดามลำดบั ในระหวา่ งนัน้ ทรงให้โอวาทภกิ ษุทง้ั หลายดว้ ยพระธรรมเทศนา อันเป็นไปเพื่อโลกุดตราริยธรรม กลา่ วคือศลี สมาธิ ปญั ญา วิมุติ และวิมตุ ิญาณทรรศนะ เปน็ ดน้ วา่ “ภิกษทุ งั้ หลาย! ศลี เปน็ พื้นฐานเปน็ ทีร่ องรบั คุณอนั ย่ง็ ใหญ่ ประหนึง่ แผ่นดนิ เปน็ ท่ี รองรับและตั้งลงแหง่ ส่งี ทง้ั หลายท้งั ทมี่ ีชีพและหาชพี มิได้ เป็นดน้ วา่ พฤกษาลดาวลั ยม์ หาสงิ ขร และสตั วจ์ ตบุ ททวิบาทนานาชนดิ บคุ คลผู้มศี ลี เป็นพืน้ ใจย่อมอย่สบาย มีความปลอดโปรง่ เหมอื น เรือนทีบ่ ุคคลปัดกวาดเชด็ ถเู รยี บรอ้ ย ปราศจากเรือดและฝนุ เป็นทีรบกวน” “ศีลนีเ่ องเป็นพ้ืนฐานให้เภิดสมาธิ คอื ความสงบใจ สมาธิท่ีมีศลี เป็นเบอื้ งดน้ เปน็ พนื้ ฐาน ย่อมเปน็ สมาธทิ ม่ี ผี ลมาก มอี านิสงสม์ าก บุคคลผมู้ ีสมาธิยอ่ มอย่อู ย่างสงบ เหมือนเรอื นทีม่ ีฝาผนัง มีประตูหนา้ ด่างปดิ เปดิ ไดเ้ รียบรอ้ ย มีหลังคาสำหรับปอ้ งกนั ลมแดดและฝน ผู้อย่ใู นเรือนเชน่ นฝ่ี นตก ก็ไมเ่ ปยี ก แดดออกกไ็ มร่ อ้ นฉันใด บคุ คลผู้มจี ิดเปน็ สมาธดิ ิก็ฉนั นน้ั ย่อมสงบอยู่ไดไ้ ม่กระวนกระวาย เมอ่ื ลมแดดและฝน กลา่ วคือโลกธรรมแผดเผา กระพอื พดั ซัดสาดเขา้ มาครงั้ แลว้ คร้ังเลา่ สมาธิ อย่างนยี่ ่อมล่อใหเ้ กดิ ปญั ญาในการฟาดฟันย์ายแี ละเชอื ดเฉือนกิเลสาสวะด่าง ๆให้เบาบางและ หมดส้ินไป เหมอื นบุคคลผมู้ กี ำลงั จบั ศสั ตราอนั คมกริบแล้วถางป่าใหโ้ ลง่ เตยี นกป็ านกัน “ปัญญาซง่ึ มสี มาธเิ ป็นรากฐานนน้ั ย่อมปรากฏตุจไฟดวงใหญ่กำจัดความมดี ใหป้ ลาสนาการ มแี สงสวา่ งรุ่งเรืองอำไพ ซับฝ่นละอองคือกิเลสใหป้ ลวิ หาย ปัญญาจึงเปน็ ประตุจประทีปแห่งดวงใจ” “อนั วา่ จดิ นี่เป็นธรรมชาตทิ ่ีผอ่ งใสอยูโ่ ดยปกตแิ ต่เศร้าหมองไปเพราะคลกุ เคลา้ ดว้ ยกเิ ลส นานาชนิด ศลี สมาธิ และปัญญา เปน็ เครอื่ งฟอกจติ ใจใหข้ าวสะอาดดงั เดมิ จิดทฟ่ี อกแลว้ ดว้ ยศีล สมาธิ และปญั ญา ย่อมหลุดฟันจากอาสวะทงั้ ปวง “ภกิ ษทุ งั้ หลาย! บคุ คลผมู้ จี ิดหลดุ ฟันแล้วจากอาสวะ ยอ่ มพบกับปตี ิปราโมชอนั ใหญห่ ลวง รู้สึกดนวา่ ได้พบชมุ ทรัพย์มหมึ า หาอะไรเปรยี บมไิ ด้ เอบิ อาบ ซาบซ่านด้วยธรรม ดน ของตนเองน้นั แลเป็นผู้รูว้ ่า บดั นก้ี ิเลสานลุ ัยตา่ ง ๆไดส้ ิ้นไปแลว้ ภพใหมไ่ มม่ อี ีกแล้ว เหมือนบคุ คลผู้ ดดั แขนขาด ย่อมร้ดู ว้ ยตนเองวา่ บดั นแี่ ขนของตนขาดแลว้ ” โอวาทานศุ าสนี ของพระผมู้ พี ระภาคสว่ นใหญเ่ ปน็ ไปเยย่ี งน้ี ข่าวการปลงพระชนมายุสงั ขารของพระศาสดาแผ่กระจายไปท้ัวสงั ฆมณฑล ประดจุ บุรษุ ผูม้ กี ำลงั กระพือผ้าขาวคลมุ บรเิ วณเน้อื ที่อันนอ้ ย บดั นสี่ าวกของพระองคท์ ้งั คฤหัสถ์และบรรพชิด รูส้ ึกว้าเหว่ 1หววิ หวั่นและเลือ่ นลอย สาวกทเ่ี ป็นปถุ ุชนไมอ่ าจกลนั้ อัสสุธาราไว้ได้ มีใบหนา้ อาบ ด้วยนั้าตา ประชมุ กนั เปน็ กลมุ่ ๆ รำพึงร่าพนั อยวู่ า่ พระผมู้ พี ระภาคจะปรนิ ิพพานเสียแล้ว พวก เราจะทำอยา่ งไรหนอ ส่วนสาวกผ้เู ป็นขณี าสพส้นิ อาสวะแล้วก็ไดแ้ ด่ปลงธรรมสังเวช คอื ความ สลดใจดามแบบพระอริยะ ภิกษรุ ูปหนึง่ ไดน้ ามว่า ธมั มาราม คิดวา่ อีก ๓ เดือนข้างหน้าพระตถาคตเจ้าจะปรินิพพาน เราบวชในสำนักของพระองค์ แด่ยังมีอาสวะกเิ ลสอยู่ กระไรหนอเราจะพึงเพยี รพยายามเพ่ือบรรลุ อรหัดตผลในเวลาท่พี ระพทุ ธองคย์ ังทรงพระชนม์อยู่ คิดดั่งนี่แลว้ ทา่ นมิได้จบั กลุ่มกับภกิ ษุลื่น ๆ มิไดเ้ ศร้าโศก ปลกี ตนออกไปอยูแ่ ด่ผู้เดียว พยายามทำสมถะและวิปสั สนา www.kalyanamitra.org

๑ฟเ่ ® ภกิ ษทุ ัง้ หล•ายอนื่ เหน็ พฤติการณ์ดงั นี้ เขา้ ใจวา่ ภกิ ษุธัมมารามหาความรกั ความอาลยั ในพระผมู้ พี ระภาคมิได้ จึงนำขอ้ ความน้ันกราบทลู พระพทุ ธองค์ “พระเจา้ ข้า” ภิกษุทูล “ภกิ ษขุ อ้ ธิมมาราม หาความรักความอาลัยในพระองคม์ ิไดเั ลย เม่อึ ทราบวา่ พระองคจ์ ะปรินพิ พานก็หาไดแ้ สดงอาการเศร้าโศกอยา่ งใดไม่ ปลีกดนไปอยู่แดผ่ ูเ้ ดียว ไมเ่ กย่ี วขอ้ งได,ถามเรอ่ื งราวของพระองค์เลย” พระศาสดารับสงั่ ใหพ้ ระธมั มารามเขา้ เผาิ ดรสั ถามว่า “ธัมมาราม! ได้ยนิ วา่ เธอทำ อย่างที่ภิกษทุ ัง้ หลายกล่าวนีห้ ริอ?” “พระพุทธเจ้าข้า” พระธมั มารามทลู รับ “ทำไมเธอจึงทำอยา่ งนั้น เธอไม่อาลยั ใยดีในตถาคดหรอิ ?” พระศาสดาตรสั ถาม “หามิได้พระเจา้ ข้า ข้าพระองคค์ ิดว่า ขา้ พระองค์บวชแลว้ ในสำนักของพระองค์ผู้ สรรเสรญิ ฺความเพียรพยายาม บัดนี้พระองคจ์ ะนิพพานแล้ว ทำไฉนหนอข้าพระองค์จะพึงทำความ เพยี รเพื่อบรรลธุ รรมอันสูงสดุ เพือ่ บูชาพระองค์ดัง้ แด่พระองค์ยงั ทรงพระชนม์อยทู่ ีเดยี ว ด้วยเหตุน้ี ขา้ พระองคจ์ งึ หลกี ออกจากหมู่อยแู่ ด่ผู้เดียว” พระพทุ ธองค์ทรงเปล่งพระอุทานออก ๓ ครั้งว่า “ดีแลว้ ภิกษุ!” แล้วผนิ พระพักตรม์ า ดรสั กับภกิ ษุทัง้ หลายอ่นื ว่า “ภกิ ษุทัง้ หลาย! ผูใดมคี วามเสนห่ าอาลยั ในเรา พึงทำตนอยา่ งธมั มาราม ภกิ ษุนี้ การทำอยา่ งนชี้ อ๋ึ ว่าบูชาเคารพนบั ถือเราดว้ ยอาการอันยอดยง่ี ภกิ ษุทงั้ หลาย! ภกิ ษุผ้ยู นิ ดีในธรรม ตริกดรองธรรม ระลกึ ถงึ ธรรมอยเู่ สมอ ยอ่ มไม่ เสอ่ื มจากพระสัทธรรม ไมเ่ สอ่ื มจากพระนพิ พาน” แมก์ ระนนั้ ภกิ ษุท้งั หลายกไ็ มว่ ายท่ีจะแวดล้อมพระองค์ไปทุกทุกแห่ง พระศาสดาทรง เหน็ ดงั นี้ จึงเตือนภกิ ษเุ หล่านั้นใหพ้ ยายามแสวงหาวิเวกเพอื่ บรรลคุ ณุ ธรรมทีย่ งั มิไดบ้ รรลุ เพอื่ ทำ ตนใหบ้ ริสุทธจิ้ ากกเิ ลสดว้ ยพระพุทธพจน์ว่า ภิกษุทง้ั หลาย! บรรดาทางท้งั หลาย มรรคมอี งค์ ๘ประเสริฐท่ีสุด บรรดาบททั้ง หลาย บทส่ี คอื อรยิ สจั ประเสรฐิ ทส่ี ดุ บรรดาธรรมทั้งหลาย วริ าคะคือ การปราศจาก ความกำหนัดยินดปี ระเสรฐิ ท่สี ดุ บรรดาสัตว์ ๒ เทา้ พระตถาคตเจ้าผมู้ ีจักษุ ประเสรฐิ ท่ีสดุ มรรคมีองค์ ๘นแี้ ลเป็นไปเพอื่ ทรรศนะอนั บริสทุ ธิหาใช่ทางอน ไม่ เธอทง้ั หลายจงเดนิ ไปตามทางมรรคมีองค๘์ นี้ อันเปน็ ทางทที ำมารให้หลง ตดิ ตามไม่ไดี เธอทงั้ หลายจงท้ังใจปฏบิ ตั ิเพ่อื ทำทกุ ขใ์ หส้ ุญส์นไป ความเพียรพยายาม เธอทงั้ หลายตอิ งทำเอง ตถาคตเป็นแต่เพยี งผู้บอกทางเทา่ น้ัน เมอปฏบิ ตั ิ ตนดงั น้ัน พวกเธอจกั พนี จากมารและมว่ งแห่งมาร” พระพุทธองคต์ รสั กบั พระอานนท์ว่า “มาเถิดอานนท!์ เราจักไปกสุ ินารานครดว้ ยกนั ” พระอานนท์รบั พทุ ธบญั ชาแล้วประกาศให้ภกิ ษุท้งั หลายทราบพร้อมกัน แลว้ คมุ่ เดนิ จากสถานที่ นนั้ มุ่งส่กุสินารานคร ในระหวา่ งทางทรงเหน็ดเหนื่อยมากจงึ แวะเข้าร่มพฤกษใ์ บหนาตันหนง่ึ รับสัง่ ให้พระอานนทป์ ูผ้าสังฆาฏทิ ำเป็นสีด่ ้ัน www.kalyanamitra.org

©<r}en “อานนท!์ เราเหน็ดเหน๋อึ ยเหลอื เกนิ อาพาธก็มอี าการรนุ แรงขนึ้ เร็วเขา้ เถดิ รีบปูฝัา สังฆาฏลิ ง เราจะนอนพกผ่อน และขอให้เธอไปนำนา็ มาดม่ึ พอแก้กระหาย*, “พระเจ้าขา้ ** พระอานนทท์ ลู “เกรยี นเปน็ จำนวนมากเพ่งื ผา่ นพ้นลำนาั้ ไปสักครนู่ เี่ อง น้าํ อังข่นุ อยู่ ไม่ควรที่พระองคจ์ ะดึ๋ม ขอเสด็จไปดมื่ ณ แม่นัา้ กๆธานทีเถิด มีนั้าไสจดื สนทิ เย็นด’ี * “อยา่ เลย อานนท!์ ** พระดถาคดดรัสเปน็ เชิงวงิ วอน “อย่าคอยจนถงึ แมนากกธุ านทีเลย เรากระหายเหลอื เกิน รา่ งกายเร่ารอ้ น คอแห้งผาก เธอจงรบี ไปนำน้ัามาเถดิ ** พระอานนท์รบั พทุ ธบญั ชาแล้ว ถือบาตรของพระตถาคดเจา้ ไป ท่านมีอาการเศร้าซมึ และวิตกกงั วล เมอ่ื มาถึงรีมแม่น้าั องั มองเหน็ น้ัาข่นุ อยู่ ท่านมอี าการเหมือนวา่ จะเดนิ กลบั แดด่ ว้ ย ความเช่ือและห่วงไยในพระศาสดาจงื เดินลงไปอกี พอทา่ นทำท่าจะดักข้ึนมาเท่าน้นั น้าั ช่ึงมีสีข่นุ ขาวเพราะรอยเกรียนและโคกป็ รากฏเป็นนัา้ ไสสะอาดเหมอื นกระจกเงาซงึ่ หญงิ สาวผรู้ กั สวยรก งามขดั ไวด้ ีแล้ว ท่านจึงดกั นาํ้ นน้ั มา แลว้ รบี เดนิ กลับนอ้ มบาดรน้าั เขา้ ไปถวายพระศาสดา พระพุทธองค์ทรงด่ืมดว้ ยความกระหาย พระอานนท์มองดูดว้ ยความช่นื ชมในพุทธ บารมีแลว้ ทูลวา่ “พระพทุ ธเจา้ ขา้ อัศจรรยจ์ ริง! ส่ิงที่ไมเ่ คยมีไมเ่ คยปรากฏ ไดม้ ีและปรากฏแลว้ เป็นเพราะพุทธานภุ าพโดยแห้ บารมธี รรมเป็นส่งิ ท่นี ่าส่ังสมแห้’’ แล้วท่านก็เล่าเรื่อง น้าั ทข่ี นุ่ กลบั ไส สะอาดโดยฉับพลนั ไหพ้ ระผ้มู พี ระภาคสดบั พระจอมมุนิคงประทบั สงบน่งี ดว้ ยอาการแห่งผเู้ จน จบและเขา้ ไจในความเปน็ ไปทง้ั ปวง กอ่ นหน้านีเ้ พียงเลก็ นอ้ ย เมื่อพระองค์ผา่ นมาทางเมืองปาวา ประทับ ณ สวนมะมว่ ง ของนายจนุ ทะ บุดรนายชา่ งทอง นายจนทะทูลอาราธนารับกัดตาหาร ณ บา้ นของตน แลว้ อัดแจง ขาฑน็ยโภชนย็ าหารอยา่ งประณตี รุ่งซนึ ไดเ้ วลาแลว้ อาราธนาพระพุทธองค์และภกิ ษุสงฆ์เพ่ือเสวย พระพทุ ธองค์ทอดทัศนาการเห็นสกรมัทวะ อาหารชนิดหนงึ่ ซึ่งยอ่ ยยาก จืงรบั ส่งั ไห้ถวายแด,พระองค์ แด่ผเู้ ดยี ว มไิ ห้ถวายแก่ภกิ ษุรปู อนี เมื่อพระองคเ์ สวยแลว้ กร็ ับส่ังไห้ฝงั เสยี ดเู ถดิ ! พระมหากรณุ าแหง่ พระองคป์ ถี งึ ปานน้ี สำหรบพระองคน์ น้ั มไิ ดห้ ว่ งใยในชวี ติ แลว้ เพราะถงึ อยา่ งไร ๆ กจ็ ะตอ้ งนพิ พานในคนื วนั นแ้ี นน่ อน ทรงเปน็ หว่ งภกิ ษสุ าวกวา่ จะสำบาก ลา้ ฉนั อาหารทย่ี อ่ ยยากชนดิ นน้ั ประหนง่ึ มารดาหรอื บดิ าผเู้ ปยี มดว้ ยเมตตาธรรมในบตุ รของตน ทราบวา่ อะไรจะทำใหบ้ ตุ รธดิ าสำบาก ยอ่ มพรอ้ มทจ่ี ะวบั ความสำบากอนั นน้ั เสยี เอง www.kalyanamitra.org

etc) ๔ พระอานนทร์ ้องไห้ สกู รมทั วะใหผ้ ลในทนั ที อาการประชวรของพระองคท์ รุดหนกั ลงอย่างน่าวติ ก มพี ระบังคนเป็นโลหติ แตถ่ ึงกระนน้ั ก็ยงั เสดัจตว้ ยพระบาทเปลา่ จากปาวาสูค่ สุ นิ ารานคร ดังกล่าวแล้ว พระองค์ตอ้ งหยดู พักเป็นระยะๆหลายครงั้ ก่อนจะถึงคสุ ินารา ราชธานีแห่ง มลั ลกษตั รยิ ์ ณ ใต้รม่ พฤกษแหง่ หนั้ง ขณะพี่พระองค์หยุดพัก มีบุตรแห่งมลั ลกษัตริย์ นามว่าปกุ คสุ ะ เคยเปน็ ศิษย์ของอาฬารดาบส กาลามโคตร เดนิ ทางจากคุสนิ าราเพอี่ ไปยงั ปาวานคร ไตเ้ ห็นพระผม้ ีพระภาคแลว้ เกิดความเลอมใส จงื นอี มนำผา้ กง่ ามซงมีสีเหมอื น ทองสิงคเี ขา้ ไปถวาย รบั สัง่ ให้ถวายแกพ่ ระอานนท์ผนื หนงแก่พระองคผ์ นื หนง พระอานนทไ์ ด้เห็นว่าผา้ นั้นไม่ควรแกต่ น จึงน้อมเข้าไปถวายพระผู้มพี ระภาคอีกผนื หน่งึ พระพทุ ธองคท์ รงนงุ่ และหม่ แลว้ ผา้ นนั้ สวยงามย่ีงนัก ปรากฎประดจุ ถ่านเพลิงทป่ี ราศจาก ควันและเปลว พระฉวขี องพระพุทธองค์เลา่ ก็ชา่ งผดุ ผอ่ ง งดงามเกนิ เปรยี บ ท่านได้เหน็ ดังน้ัน จึง กราบทลู พระพุทธองค์วา่ “ขา้ แต่พระผมู้ ีพระภาคผู้ประเสรีฐ! ข้าพระองค์สงั เกตเหน็ พระฉวขี องพระองค์ผุดผอ่ ง ยี่งนัก เกนิ ที่จะเปรียบดว้ ยสงี่ ใด เปลง่ ปลัง่ มีรศั มี พระองค์ผปุ ระเสรฐิ ! บดั นึพ๊ ระองค์มีพระชน มายุถึง ๘0 แล้ว อย่ใู นวัยชราเต็มที่ เหมอื นผลไมส้ ุกจนงอม อนงเลา่ เวลานี้พระองค์ทรงพระประชวร หนกั มีอาการแหง่ ผู้มโี รคเบยี ดเบียน แตเ่ หตไุ ฉน ผวิ พรรณของพระองคจ์ ึงผุดผอ่ งยึ่งนัก?” www.kalyanamitra.org

๑ <r) & www.kalyanamitra.org

๑ e)h “ อานนท!์ ” พระศาสดาตรัสตอบ “เปน็ ธรรมดาของพระพทุ ธเจา้ ท่ีเปน็ อย่างน้ี คอื คราวจะตรัสรู้คราวหน่ึง- และกอ่ นทีจ่ ะนพิ พานอีกคร้ังหน่งึ ผวิ พรรณแหง่ ตถาคตย่อมปรากฏงดงาม ประดุจรศั มแี ห่งสรุ ิยาเมือ่ แรกร่งุ อรุณและจวนจะอัสดง ตกู ่อนอานนท์! ในยามสุดท้ายแหง่ ราตรนี ี้ ตถาคตจะตอ้ งปรนิ ิพพานในระหว่างดน้ สาละทัง้ ตู่ซ่ึงโนม้ กิ่งเชา้ หากนั มใี บใหญห่ นา มดี อกเป็นชอ่ ชน้ั ” ตรัสดังน้นั แลว้ จึงเสดจ็ นำพระอานนทไ์ ปสู่มงื่ น้าํ กกธุ านทเี สด็จลงสรงเสวยสำราญตามพระ- พุทธอธั ยาศยั แลว้ เสดจ็ ขน้ึ จากกกุธานที ไปประทับ ณ อัมพรัน รบั ส่งั ใหพ้ ระจุนทะน้องชายพระ- สารบี ุตรปลู าดสงั ฆาฏเิ ป็น ๙ ชน้ั แลว้ บรรทมดว้ ยสีหไสยา คอื ตะแคงขวาเอาพระทตั ถร์ องริบพระ.เศยี ร ซ้อนพระบาทใหเ้ หล่ือมกัน มีพระสตสิ มั ปชัญญะ ต้ังพระทัยวา่ จะลกุ ข้ึนในไมช่ า้ ขณะนั้นเอง ความปรวิ ิตกถงึ นายจุนฑะผูถ้ วายสกู รมิ'ทวะก็เกิดขนึ้ จงึ ตรัสกบั พระอานนท์ วา่ “อานนท!์ เมอ่ื เรานิฬพานแล้วอาจจะมีผกู้ ล่าวโทษจนุ ทะว่าถวายอาหารท่ีเปน็ พษิ จนเป็นเหตุ ใหเ้ ราปรินพิ พาน หรอื มฉิ ะนั้น จุนทะอาจจะเกิดวปิ ฏิสาร เดอื ดร้อนใจไปเองว่า เพราะเสวยสกู รมฑั วะ อันตนถวายแลว้ พระตถาคตจึงนพิ พาน ตูก่อนอานนท์! บณิ ฑบาตทานที่มีอานสิ งสม์ าก มีผลไพศาล มีอยู่ ๒ คราวดว้ ยกัน คอื เม่ือนางสุชาดาถวายกอ่ นเราจะตรัสรู้คร้ังหนึ่ง และอกี ครัง้ หนง่ึ ทีจ่ นุ ทะ ถวายน้ี คร้ังแรกเสวยอาหารของสชุ าดาแล้วตถาคตก็ถงึ ซงึ่ กเิ ลสนพิ พาน คือการดบั กิเลส ครัง้ หลงั นี้เสวยอาหารของจุนทะบุตรชา่ งทองแล้ว เราก็นิพพานด้วยชนั ธนิพพานคอื ดบั ขนั ธ์ อันเป็น วิบากทอ่ี งั เหลอื อยู่ ล้าใคร ๆ จะพงิ ตำหนจิ ุนทะ เธอพงิ กล่าวใหเ้ ขาเชา้ ใจดามน้ี และลา้ จุนทะจะพงิ เดอื ดรอ้ นใจ เธอก็พิงกล่าวปลอบใหเ้ ขาคลายวติ กกงั วลเรื่องนี้ อาหารของจนุ ทะเปน็ อาหารม้อื สดุ ทา้ ยสำหรบั เรา” คร้นั แล้วพระผู้มพี ระภาคเจ้า มีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ และมภี กิ ษุสงฆห์ มู่ ใหญ่เปน็ บรวิ ารเสด็จชา้ มแม่น้ัาหิรญั ญวดื ถงึ กรงุ กุสนิ ารา เสด็จเข้าสสู่ าลวโ่ นทยานคอื อทุ ยานซงึ่ สะพรึบพร่ังด้วยต้นสาละ รบั สงั่ ให้พระอานนท์จัดแทน่ บรรทมระหวา่ งด้นสาละ ซงึ่ มกี ่งิ โน้มเข้าหา กนั ใหห้ นั พระเศียรทางทศิ อุดร คร้ังน้ัน มบี ุคคลเป็นอันมาก จากทิศตา่ ง ๆ เดนิ ทางมาเพื่อบูชาพระพทุ ธสรีระเป็น ปจั ฉิมกาล แผ่เปน็ ปรมิ ณฑลกว้างออกไปสุดสายตา สมเด็จพระมหาสมณะทรงเหน็ เหตนุ แ้ี ลว้ จงึ ตรัสกบั พระอานนท์เปน็ เชิงปรารภวา่ “อานนท์! พทุ ธบรษิ ัททง้ั ๔ คือ ภกิ ษุ ภิกษุณี อบุ าสก อบุ าสกิ า ทำสักการะบูชาเรา อยดู่ ้วยเคร่ืองบูชาสกั การะท้งั หลายอนเปน็ อามสิ เชน่ ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นด้น หาซือ่ ว่าบชู า ตถาคตดว้ ยการบชู าอนั ยง่ี ไม่ อานนทเ์ อย! ผ้ใู ดปฏิบต้ ดิ ามธรรมปฏบิ ้ติชอบยง่ี ปฏิบ้ตธิ รรมให้เหมาะสม ผนู้ น้ั แลซื่อว่าสักการะบชู าเราด้วยการบูชาอันยอดเยยี่ ม” พระอานนท์ทลู ว่า “พระองคผ์ ูเ้ จริญ! เม่ือก่อนน้ีออกพรรษาแลว้ ภิกษุทงั้ หลายต่างพา กันเดนิ ทางมาจากทศิ านุทิศเพอ่ื เฝาื พระองค์ ฟงั โอวาทจากพระองค์ บัดน้พี ระองคจ์ ะปรินิพพาน เสยี แลว้ ภิกษุทัง้ หลายจะพงิ ไป ณ ทใ่ี ด?” www.kalyanamitra.org

“อานนท!์ สถานทอ่ี ันเป็นเหตใุ หร้ ะลกึ ถึงเรากม็ ีอย่คู อื สถานทท่ี ่เี ราประสตู แิ ลว้ คอื ลมุ พินีรัน- สถาน สถานท่ีท่เี ราต้ังอาณาจักรแห่งธรรมขน้ึ เป็นคร้งั แรก คอื อสิ ปิ ดนมคิ ทายะ แขวงเมอื งพาราณสี สถานทีท่ เ่ี ราตรสั รอู้ นุตตรสมั มาสัมโพธญิ าณ บรรลุความรู้อันประเสริฐ ทำกเิ ลสให้สิน้ ไปคือโพธ- มณฑล ตำบลอุรเุ วลาเสนานคิ ม และสถานทีท่ เ่ี ราจะนิพพาน ณ บดั น้ี คอื ปาไมส้ าละ ณ นคร- กสนิ ารา อานนทเ์ อย! สถานทท่ี ง้ั ๙ แหง่ น้เี ป็นสงั เวชนยี สถานสารานิยสถานสำหรบั ให้ระลึกถงึ เราและเดนิ ดามรอยบาทแหง่ เรา” “ขา้ แตพ่ ระผูม้ พี ระภาค! ในพรหมจรรย์น้มี สื ภุ าพสตรีเป็นอนั มากเข้ามาเก่ียวข้องอยู่ ในฐานะดา่ ง ๆ เป็นมารดาบา้ ง เปน็ พีห่ ญงิ นอ้ งหญงิ บา้ ง เป็นเครอื ญาตบิ ้างและเปน็ ผู้เลอ่ื มใสใน พระรดั นดรยั บ้าง ภิกษุจะพงึ ปฎบิ ้ติตอ่ สตรอี ย่างไร?” “อานนท์! การที่ภิกษจุ ะไม่ดูไมแ่ ลสตรีเพศเสยี เลยนน้ั เป็นการด”ี “ถา้ จำเป็นต้องดตู อ้ งเหน็ เลา่ พระเจ้าข้า” พระอานนทท์ ูลซกั “ถ้าจำเปน็ ต้องดตู ้องเห็น ก็อยา่ พดู ด้วย อยา่ สนทนาด้วย นั้นเป็นการดี” พระศาสดา ตรสั ตอบ “ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยเล่า พระเจ้าข้า จะปฎบิ ้ตอิ ยา่ งไร” “ถา้ จำเปน็ ต้องสนทนาด้วยก็จงมืสตไิ ว้ ควบคุมสตใิ หด้ ี สำรวมอนิ ทรยี ์และกายวาจาให้ เรียบร้อย อยา่ ให้ความกำหนัดยินดี หรอื ความหลงใหลครอบงำจติ ใจไต้ อานนท์! เรากล่าววา่ สตรที ี่ บรุ ษุ เอาใจเข้าไปเกาะเกย่ี วนัน้ เป็นมลทินของพรหมจรรย์” “แลว้ สตรที ี่บุรษุ มไิ ตเ้ อาใจเขา้ ไปเก่ยี วเกาะเลา่ พระเจา้ ข้า จะเปน็ มลทนิ ของพรหมจรรย์ หรอื ไม่?” “ไมเ่ ป็นซิ อานนท์! เธอระลึกไตอ้ ยหู่ รอื เราเคยพูดไวว้ ่า อารมณอ์ นั วจิ ิตร ส่ีงสวยงามใน โลกนม้ี ิ1ใช่กาม แด่ความกำหนัดท่เี กดิ ขนึ้ เพราะความดำรดิ ่างหากเล่าเปน็ กามของคน เมื่อกระชาก ความพอใจออกเสยี ไต้แล้ว สงี่ วิจติ รและรปู ท่สี วยงามกค็ งอยูอ่ ยา่ งเก้อ ๆ ทำพิษอะไรมไิ ตอ้ กี ต่อไป” พระผมู้ ืพระภาคบรรทมสงบนงึ่ พระอานนทก์ ็พลอยน่ึงดามไปด้วย ดูเหมือนท่านจะ ตรกี ดรองทบทวนพระพุทธวจนะทตี่ รัสจบลงสักครนู่ ้ี จรงิ ทีเดียว การไม่ยอมดไู ม่ยอมแลสตรเี สยี เลยนน้ั เป็นการดมี าก แดใ่ ครเลา่ จะทำไต้ อย่างนัน้ ผูใ้ ดมใื จไมห่ วนั่ ไหวดว้ ยความเบ่งบานของดอกไม้งาม ดนตรี และอาการเยือ้ งกรายแห่ง สตรสี าว ผูน้ ั้นถา้ มใิ ชน่ กั พรตกเ็ ป็นสัตว์ตริ จั ฉาน แด่ลูเหมอื นผเู้ ปน็ นักพรตทัง้ กายและใจนัน้ มืนอ้ ย เหลือเกิน เมือ่ มเื รึอ๋ งท่จี ำเป็นต้องคูต้องแล เรอ่ื งตดิ ตอ่ เกย่ี วข้องก็เกิดข้นึ การติดตอ่ เกี่ยวขอ้ งและ คลุกคลดี ว้ ยสตรเี พศน้นั ใครเลา่ จะหกั ห้ามใจมิใหห้ วนั่ ไหวไปดามความอ่อนช้อย นิ่มนวลและออ่ น- หวานของเธอ มืคำกล่าวไว้มใิ ช่หรือวา่ ความงามน้นั เปน็ อำนาจทคี่ ุกคามจติ ใจของปถุ ชุ นใหแ้ พ้ ราบ และการย้มิ นน้ั คือคมดาบของเธอเมอ่ื ใดพบความงาม ถา้ ความงามนั้นยงั ไมย่ ้ิมก็ยงั มทื างจะ รอดพน้ ไปไต้ แดเ่ ม่ือความงามนน้ั ยม้ิ ออกมา ย่อมหมายถงึ เธอส่งคมดาบออกมาแลว้ และยังมคื ำ กลา่ วอกี วา่ เมอ่ื สตรงี ามยิม้ ย่อมหมายถงึ ถุงเงินของผู้ชายรอ้ งไห้ ทำไมนะ สัตว์โลกจงึ หลงใหลใน รปู เสยี ง กลน่ื รส เสียจริง ๆ สตรีที่พราวเสนห่ ์แด่ไร้มโนธรรม จติ ใจสกปรกจึงเป็นเพชฌฆาตมอื น่มุ ซ่ึงมยื มิ้ และกิรยิ าทีย่ ียวนเป็นคมดาบ มืนัา้ ดาเปน็ หลมุ พรางสำหรับใหช้ ายตกลงไปในหลมุ นน้ั www.kalyanamitra.org

๑๗๘ บางทีเธอจะมคี วามสุขรา่ เริงเหมือนนกนอ้ ย ในขณะที่หวั ใจของชายทเ่ี ธอเคยปองร้าว สลายลงดว้ ยความผิดหวงั บางทีเธอจะทำเปน็ โกรธชายท่เี ธอแสนจะหลงรักเพยี งเพอ่ื พรางสายดา ของคนอ่นื บางทเี ธอจะยม้ิ อย่างออ่ นหวานในขณะที่ในความรสู้ ึกของเธอแสนจะเคียดแด้นและ ชิงชังเขา และบางทเี ธอจะร้องไห้นัา้ ดาอาบแกม้ ในขณะท่ีใจของเธออ่มี เอิบไปด้วยปีตปิ ราโมช อา! จะเอาอะไรเล่ามาวัดความลกึ แห่งหวั ใจของสตรี พระศาสดาตรัสไรม้ ใิ ชห่ รอื อาการของสตรีน้นั รยู้ ากเข้าใจยากเหมือนการไปของปลาในนั้า ปราชญ์ผู้ทรงวิทยาคุณกร้างขวางลกึ ซ้งึ สามารถหย่ังรูด้ ินฟ้ามหาสมทุ ร เหมือนมอง เศษกระดาษบนฝ่ามอื แด่ปราชญเ์ ชน่ นนั้ จะกล้าอวดอา้ งได้ละหรือวา่ ดนสามารถหยงั่ รคู้ วามสกึ ล้ํา ในหัวใจของสดรี อยา่ มวั กล่าวอะไรใหม้ ากเลย ธรรมชาตขิ องเธอเป็นอยา่ งนัน้ เอง มหาสมทุ รเต็มไปด้วย ภยั อ้นตราย แตม่ หาสมทุ รกม็ ีคุณแกโ่ ลกอยูม่ ใิ ช่นอ้ ย การคน้ หาความจรงิ ตามธรรมชาติของสง่ิ นนั้ ๆ แลว้ ปฎบิ ดให้ถกู ดอ้ งดา่ งหากเลา่ เป็นทางด่าเนินของผู้มืปัญญา ความเงียบสงดั ปกคลมุ อยู่ครหู่ นง่ึ แล้วพระอานนทก์ ท็ ลู ว่า “ขา้ แด่พระผ้มู ืพระภาค! เม่ึอพระองค์ปรนิ พิ พานแล้ว จะปฎิปต้ เกี่ยวกบั พุทธสรรี ะ อยา่ งไร” “อย่าเลยอานนท”์ พระศาสดาทรงหา้ ม “เธออยา่ กังวลกบั เรอื่ งนเ้ี ลย หนา้ ที่ของพวก เธอคือคมุ้ ครองตนด้วยดี จงพยายามทำความเพยี รเผาบาปใหเ้ ร่ารอ้ นอยูท่ กุ อริ ิยาบถเถิด สำหรบั เรื่องสรรี ะของเราเปน็ หนา้ ทขี่ องคฤหัสถท์ ีจ่ ะพีงทำกนั กษัตริย์ พราหมณ์ และคหบดีเป็นจำนวน มาก ทเี่ ลอ่ื มใสตถาคตกม็ ีอยู่ไมน่ อ้ ย เขาคงทำกันเองเรยี บรอ้ ย” “พระเจ้าข้า” พระอานนท์ทลู “เร่ืองนเี้ ป็นหนา้ ทีข่ องคฤหสั ถก์ จ็ รงิ อยู่ แดถ่ ้าเขาถาม ขา้ พระองค์ ขา้ พระองคจ์ ะพงี บอกอยา่ งไร” “อานนท!์ ซนทัง้ หลายเมื่อจะปฏบิ ต้ ต่อพระสรรี ะแหง่ พระเจา้ จักรพรรดิอยา่ งไร กพ็ งี ปฏิบ้ติดอ่ สรรี ะแห่งตถาคตอยา่ งนนั้ เถดิ ” “ทำอย่างไรเล่า พระเจ้าข้า” “อานนท์! คอื อยา่ งนี้ เขาจะพันสรรี ะแห่งพระเจ้าจักรพรรดดิ ้วยผา้ ใหมแ่ ล้วชบั ดว้ ย สำลี แลว้ พันดว้ ยผา้ ใหมอ่ ิก ทำอยา่ งน้ถี งิ ๕๐๐ คู่ หรอื ๕๐๐ ช้ันแล้วนำวางในรางเหลก็ ซ่ึงเตม็ ไป ดว้ ยนา้ั มนั แลว้ ปิดครอบด้วยรางเหล็กเปน็ ฝา แลว้ ทำจติ กาธารด้วยไมห้ อมนานาชนดิ แล้วถวาย พระเพลงิ เสร็จแลว้ เชิญพระอฐ้ ธิ าตุแหง่ พระเจ้าจกั รพรรตนิ นั้ ไปบรรจสุ ถปู ซ่ึงสร้างไร้ ณ ทาง ๔ แพรง่ ในสรรี ะแห่งตถาคตก็พงี ทำเช่นเดียวกัน ทงั้ นีเ้ พือ่ ผู้เล่อื มใสจกั ไดบ้ ชู าและเปน็ ประโยชนส์ ขุ แก่เขาดลอดกาลนาน” แลแล้วพระพทุ ธองคท์ รงแสดงถปู ารหบคุ คล คือบคุ คลผู้ควรบรรจุอเิ ธาตไุ ร้ในพระสถปู เพอื่ เปน็ ท่ีสกั การะบชู าของมหาชนไร้ ๔ จำพวก คอื พระสมั มาสม้ พุทธเจ้า พระปัจเจกพทุ ธเจ้า พระอรหันตสาวก และพระเจา้ จักรพรรติ www.kalyanamitra.org

&cr)6 ตรสั แล้วบรรทมนิ่งอยู่ พระอานนท์ถอยออกจากท่เี ฝาื เพราะความเศร้าสลตสุดทจ่ี ะ อดกลนั้ ไล้ ทา่ นไปยนื อยทู่ ่ปี ระตูวิหารมอื จับลม่ิ สลักนงิ่ อยู่ น้ําดาไหลพรากจนอาบแก้ม แลว้ เสยี ง สะอน้ื เบา ๆ กต็ ามมา บดั นี้ ท่านมีอายุในรยั ชรานับไล้ ๘๐ แลว้ เท่ากับพระชนมายขุ องพระผ้มู ี พระภาค อุปสมบทมานานถึง ๔๔ พรรษา ไลย้ ินไลฟ้ งั พระธรรมและอบรมจติ ใจอย่เู สมอ ไลบ้ รรสุ คณุ ธรรมขน้ั ลน้ เปน็ โสดาบันบุคคล ผมู้ ีองคป์ ระกอบดังกลา่ วน้ี ถา้ ไมม่ เี รอื่ งกระเทือนใจอยา่ งแรงคง จะไมเ่ ศรา้ โศกปรเิ ทวนาการถึงขนาดนี้ ท่านสะอกึ สะอืน้ จนส่นั เท้มิ ไปทง้ั องค์ บางคราวจะมองเหน็ ผา้ สีเหลอื งหมน่ ท่ีคลุมกาย สัน่ นอ้ ย ๆ ดามแรงสั่นแหง่ รปู กาย แน่นอนท่านร้สู กึ สะเทอื นใจและว้าเหว่อย่างยิ่ง เปน็ เวลานาน เหลือเกินทีท่ า่ นและพระศาสดาไล้ทำประโยชน์และเอ้อื เพีอ่ ต่อกัน การจากไปของพระผ้มู ีพระภาค จึงเปน็ เสมือนกระชากดวงใจของท่านไหห้ ลดุ ลอย “โอ! พระองค์ผเู้ ป็นทีพ่ ึ่งของโลกและของขา้ พระองค์** เสียงครวญเคล้าออกมากบั เสยี งสะอ้ืน “ดั้งแต่บัดนไ้ี ป ขา้ พระพุทธเจ้าจักไม่ไลเ้ ห็นพระองคอ์ ึกแลว้ พระองคผ์ ทู้ รงพระมหา- กรุณาดจุ ห้วงมหรรณพมาด,วนจากข้าพระองค์ ทงั้ ๆ ทข่ี า้ พระองคย์ ังมีอาสวะอยู่ เหมอื นพเึ่ ล้ยี ง สอนไห้เดก็ เดนิ เมอื่ เด็กน้อยพอจะหดั กา้ วเท่านัน้ พเ่ี ส้ยิ งกม็ ีอันพลัดพรากจากไป ข้าพระองค์ เหมอื นเดก็ น้อยผู้นนั้ ’’ พระอานนท์คร่าื ครวญอยา่ งน่าสงสาร เมอื่ พระอานนท์หายไปนานผดิ ปกดิ พระศาสดาจงึ ตรสั ถามวา่ “ภิกษทุ งั้ หลาย! อานนท์หายไปไหน?’’ “ไปยนื รอ้ งไหอ้ ยทู่ ่ีประตพู ระวหิ ารพระเจา้ ขา้ ” ภิกษุทัง้ หลายทลู “ไปตามอานนท์มาน่ิเถิด” พระศาสดาตรัส พระอานนท์เข้าลท่ ี่เผิาล้วยไบหนา้ ทย่ี ังชุม่ ด้วยน้ัาตา พระศาสดาตรสั ปลอบไจวา่ “อานนท์! อยา่ คราครวญนักเลย เราเคยบอกไว้แล้วมใิ ช่หรอิ ว่า บุคคลย่อมลอ้ งพลัดพรากจากล่งิ ท่ีรกั ท่ีพอใจ เป็นธรรมดา ในโลกนแุ ละไนโลกไหน ๆ ก็ดาม ไมม่ อื ะไรยัง่ ยนื ถาวรเลย ลิง่ ท่ีมีการเกดิ ยอ่ มมีการดบั ไนทส่ี ุด ไม่มอี ะไรยบั ย้ังล้านทาน” “ขา้ แตพ่ ระองค์ผเู้ ป็นประดจุ ดวงตะวัน” พระอานนทท์ ลู ลว้ ยเสียงสะอ้ืนนอ้ ย ๆ “ขา้ - พระองค์มารำพงึ วา่ ตลอดเวลาทพี่ ระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ขา้ พระองคเ์ ทยี่ วตดิ ตามประดจุ ฉายา ต่อไปนีข้ ้าพระองค์จะพงึ ตดิ ตามผู้ใดเล่า จะพงึ ดัง้ น้ัาใขน้ ้ัาเสวยเพอี่ ผ้ไู ด จะพึงปดั กวาดเสนาสนะ ที่หลับที่นอนเพีอ่ ผใู้ ด อนงึ่ เวลาน้ีขา้ พระองคย์ งั มอี าสวะอยู่ พระองคม์ าต่วนปรนิ พิ พาน ใครเล่าจะ เปน็ ท่พี ี่งของข้าพระองคเ์ พ่อี ทำท่สี ดุ แห่งทุกข์ กำจัดกเิ ลสใหห้ มดสิ้น ข้าพระองคค์ งอยูอ่ ยา่ งวา้ เหว่ และเดยี วดาย เม่อื คำนงึ อยา่ งน้แี ลว้ กส็ ุดจะหักห้ามความโศกกำสรดไล”้ “อานนท์! เธอเปน็ ผมู้ บี ารมธี รรมไลส้ ง่ั สมมาแลว้ มาก เธอเป็นผูม้ บี ุญที่ไล้ทำไว้แล้วมาก อยา่ เสยี ใจเลย กิจอนั ใดทค่ี วรทำแก่ดถาคด เธอไลท้ ำกจิ น้นั อย่างสมบรู ณด์ ว้ ยกายกรรม วจึกรรม และมโนกรรม อนั ประกอบด้วยเมดดาอยา่ งยอดเยยี่ ม จงประกอบความเพยี รเถิด เมอื่ เราลว่ งลบั ไป www.kalyanamitra.org

๑๘© แลว้ เธอจะตอ้ งสำเรจ็ อรหตั ตผลเป็นพระอรหนั ตใ์ นไม่ช้า” ตรสั ดังนี้แลว้ จงึ เรียกภกิ ษทุ ้ังหลายเช้า มาสู่ท่ใี กลแ้ ลว้ ทรงสรรเสรญิ พระอานนท์โดยอเนกปริยาย เปน็ ตน้ ว่า “ภกิ ษุท้งั หลาย! อานนท์เป็นบณั ฑิต เปน็ ผูร้ อบรู้และอุปัฏฐากเราอย่างยอดเย่ียม พระ- อรหันดล้มมาล้มพทุ ธเจา้ ทงั้ ในอดีตและอนาคตซึง่ มืภิกษผุ ู้อ!ุ )ฎฐากน้นั ๆ ก็ไมด่ ีเกนิ ไปกวา่ อานนท์ อานนทเ์ ป็นผดู้ ำเนินกิจตว้ ยปัญญารกู้ าลทคี่ วรไมค่ วร รกู้ าล'ทีเ่ หมาะสมสำหรับผูท้ ี่มาเฝาื เรา ว่า กาลนี้สำหรับกษตั รยิ ์ กาลนสี้ ำหรบั ราชามหาอำมาตย์ กาลนีส้ ำหรบั คนท้ัวไป ควรไตร้ ับการยกยอ่ ง นานาประการมคี ณุ ธรรมน่าอศั จรรย์ ผู้ที่ยงั ไมเ่ คยเห็นไมเ่ คยสนทนาก็อยาก สนทนาด้วย อยากฟัง ธรรมของอานนท์ เม่อื ฟังก็มีจิดใจเพลติ เพลนิ ยินดีในธรรมที่อานนทแ์ สดง ไม่อิ่มไม่เบ่อื ด้วยธรรมวารี รส....ภกิ ษทุ ั้งหลาย! อานนท์เป็นบุคคลทหี่ าไต้ยากผู้หนงึ่ ” พระอานนทผ์ ้มู ีความหว่ งใยในพระศาสดาไมม่ ที ี่สน้ิ สดุ กราบทลู ต้วยน้ัาเสียงทย่ี งั เศร้า อยวู่ ่า “พระองคผ์ ู้เจรญิ ! พระองค์เป็นประดจุ พระเจ้าจกั รพรรดิในทางธรรม ทรงสถาปนา อาณาจกั รแหง่ ธรรมขน้ึ ทรงเป็นธรรมราชา สูงยงิ่ กว่าราชาใด ๆในพืน้ พภิ พนี้ ช้าพระองคเ์ หน็ วา่ ไม่ สมควรแกพ่ ระองค์เลยท่จี ะปรนิ ิพพานในเมืองกสุ ินารา อันเป็นเมอื งเล็กเมอื งน้อย ขอพระองคไ์ ป ปรินิพพานในเมอื งใหญ่ ๆ เช่น ราชคฤท์ สาวตั ถี จำปา สาเกต โกล้มพี พาราณสี เป็นตน้ เถดิ พระ- เจา้ ช้า ในมหานครเหล่านั้น กษัตรยิ ์ พราหมณ์ เศรษฐี คหบดี และทวยนาครทุกชัน้ ที่เลือ่ มใสพระองค์ ก็มอี ยู่มาก จกั ไตท้ ำมหาสกั การะแดส่ รีระแห่งพระองคเ์ ป็นมโหฬาร ควรแกค่ วามเปน็ พระลม้ มา­ สมพุทธเจา้ ซ่ึงเป็นอุดมบรุ ุษรตั น์ในโลก” “อานนท!์ เธออย่ากล่าวอย่างนัน้ เลย ชีวติ ของตถาคตเป็นชวี ติ แบบอยา่ ง ตถาคตนิพพาน ไปแดเ่ พยี งรปเทา่ นนั้ แด่เกียรติคณุ ของเราคงอย่ดอ่ ไป เราตอ้ งการให้ชีวิตน้งี ามทง้ั ในเบื้องต้น ท่าม กลางและทสี ุด อานนทเ์ อย! ตถาคตอุบ้ดแิ ลว้ เพีอประโยชนส์ ุขแห่งมหาชน เมือ่ อบุ ดมิ าสู่โลกนี้ เรา เกดิ แลว้ ในปา้ นามว่าสมุ พินเี มอ่ื ตรัสรอู้ นตุ ตรลม้ มาลม้ โพธญิ าณ เรากไ็ ต้บรรลแุ ล้วในป่าตำบลอรุ เุ วลา- เสนานิคม แขวงเมองราชคฤทม์ หานคร เมอ่ื ดัง้ อาณาจกั รแห่งธรรมขน้ึ เป็นคร้ังแรก ไต้สาวกเพยี ง ๕ คน เราก็ด้ังลงแลว้ ณ ป่าอิสปิ ดนมคิ ทายะ เขตเมืองพาราณสี ครงั้ น้ีเปน็ ครง้ั สดุ ห้ายแหง่ เรา เรา ก็ควรนิพพานในปา่ เชน่ เดยี วกัน “อน่ึง กุสนิ ารานี้ แมบ้ ัดนี้จะเปน็ เมืองนอ้ ย แด่ในโบราณกาล กสินาราเคยเปน็ เมอื งใหญ่ มาแล้ว เคยเปน็ ทปี่ ระหับของพระเจา้ จกั รพรรดิ นามว่ามหาสหุ สั สนะ นครนเ้ี คยช่อื กุสาวดี เปน็ ราชธานีท่ีสมบรู ณ์ ม่ังดง้ั มืคนมาก มีมนษุ ยน์ ิกรเกลอื่ นกลน่ พรัง่ พร้อมด้วยธัญญาหาร มืรมณีย­ ลถานท่ีบนั เทิงจติ ประดุจดงั ราชธานีแหง่ ทิพยนคร กุสาวดรี าชธานนี น้ั กึกก้องนฤนาททงั้ กลางวนั และกลางคืนดว้ ยเสียง ๑๐ ประการ คอื เสียงคชสาร เสียงภาชี เสยี ง๓รแี ละรถ เสียงดะโพน เสียงพณิ เสียงขบั รอ้ ง เสยี งกงั สดาล เสียงสงั ข์ รวมทง้ั สำเนยี งประชาชน เรียกกันบริโภคอาหารด้วยความ สำราญเบิกบานจติ “พระเจา้ มหาสุหัสสนะองค์จักรพรรดเิ ลา่ ก็ทรงเป็นอสิ ราธบิ ดีในปฐพีมณฑล ทรง ชำนะปัจจามิตรโดยธรรม ไม่ต้องใช้หณั ฑแ์ ละศสั ตรา ชนบทสงบราบคาบปราศจากโจรผู้ร้าย มารดา www.kalyanamitra.org

ร) d 6) ยังบตุ รใหฟ้ อ้ นอย่บู นอกด้วยความเพลดิ เพลนิ ประตบู ้านปราศจากล่ิมสลกั เปน็ นครทรี่ ่นื รมย์รม่ เยน็ สมเปน็ ราชธานีแหง่ พระเจ้าจกั รพรรดริ าชอยา่ งแห้จริง “อีกอย่างหน่งึ อานนทเ์ อย! เมอื่ มองมาทางธรรมเพือ่ ให้เกดิ ลังเวชสลดจติ ก็พอคดิ ได้ ว่า สิง่ ท้งั หลายไมเ่ ท่ียงไม่ยง่ั ยนื มุ่งไปสู่จุดสลายตัว อานนทจ์ งตเู ถิด พระเจา้ จักรพรรดิมหาสุทัสสนะ ก็สนิ้ พระชนม์ไปแลว้ เมืองกุสาวดกี เ็ ปล่ียนมาเป็นกสินาราแลว้ ประชาชนชาวกสุ าวดีก็ดายกนั ไป หมดแล้ว น่ึแลไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มือะไรยง่ั ยนื ดถาคดเองกจ็ ะนิพพานในไมช่ ้านี้’’ แลว้ พระศาสดากร็ ับสง่ั ให้พระอานนท์ไปแจง้ ขา่ วปรนิ พิ พานแก่มลั ลกษัตริยว์ ่า พระ- ดถาคดเจา้ จักปรนิ พิ พานในยามสุดหา้ ยแห่งราดรี เมอื่ มัลลกษัตรยิ ผ์ คู้ รองนครกสุ ินาราสดบั ขา่ วนี้ ตา่ งกท็ รงกำสรดโี ศกาดรู ทกุ ขโ์ ทมนสั ทบั ทวี สยายพระเกศา ยกพระพาหาท้งั สองข้นึ แล้วครา่ื ครวญ ล้มกลิง้ เกลือกประหนงึ่ บุคคลที่เท้าขาด ราไรรำพนั ถงึ พระโลกนาถว่า “พระโลกนาถดว่ นปรินิพพานนัก ดวงตาของโลกตบั ลงแลว้ ประดจุ สรุ ิยาซ่งึ ให้แสงสว่างตบั วบู ลง” ดว้ ยอาการโศกาดรู ดง่ั น้ี มลั ลกษตั รยิ ต์ ามพระอานนทไ์ ปเฝา็ พระศาสดา ณ สาลวโนทยาน พระอานนทจ์ ดั ใหเ้ ขา้ เมาิ เปน็ ตระกลู ๆไป แลว้ กลบั สสู่ ณั ฐาดาร คนื นน้ั มลั ลกษตั รยิ ป์ ระชมุ กนั อยจู่ น สวา่ งมไิ ดบ้ รรทมเลย www.kalyanamitra.org

๑๘1® ป๋จฉิมสาวกอรหนั ต์และพวงดอกไม้มาร ย่างเขา้ ยามท่ีสองแห่งราตรี ลมเย็นพดั ผา่ นมาเปีนครงั้ คราว รอบ ๆ อทุ ยาน สาลวันเปยี กชุม่ ไปด้วยอสั สชุ ลธาราแหง่ มหาชนผู้เศร้าสลดสุดประมาณ เขาหล่ังนา้ํ ตา ออกมาดว้ ยความรักและรันทดใจ พระจนั ทร์วนั เพ็ญแหง่ เดอื นวิสาขะโผล่ฃ้นึ เหนือทวิ ไม้ ทางทิศตะวันออกแล้ว โตเต็มดวงสาดแสงสีนวลใยลงสูอ่ ุทยานสาลวันพรมไปทวั่ บรเิ วณ มณฑล ตอ้ งใบสาละซงไหวนอ้ ย ๆ ดูงามตา แต.่ ..บรรยากาศในยามนี้สลดเกนิ ไปทใี่ คร ๆ จะสนใจกบความงามแหง่ แสงโสมทส่ี าดสอ่ งเหมอื นจงใจจะบูชาพระสรีระแห่งจอมศาสดา นน้ั เงยี บสงบวงั เวง จะไดย้ นิ อยบู่ า้ งกค็ ือ เสียงสะอึกสะอ้นื และทอดถอนใจของคนบางคนท่ี เพืง่ มาถงึ ทา่ มกลางบรรยากาศดงั กล่าวน๊ึ นักบวชเพศปรพิ าชกหน่มุ คนหนง่ึ ขออนญุ าตผา่ น ฝงู ชนเขา้ มา เม่อื เข้ามาใกลเ้ ขาบอกวา่ ขอเผ่าพระศาสดา พระอานนท์ได้สดับเสยี งนัน้ จงึ ออกมารับ และขอร้องวงิ วอนวา่ อย่ารบกวนพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย “ขา้ แด,ท่านอานนท์!” ปริพาชกผู้นั้นกล่าว “ข้าพเจ้าขออนญุ าตเขา้ เผ่าพระผู้มี พระภาคเจา้ เพื่อทลู ถามข้อข้องใจบางประการ ขอท่านไดโ้ ปรดอนุญาตเถิด ข้าพเจา้ สภุ ัททะปริพาชก” “อย่าเลย สุภทั ทะ ท่านอย่ารบกวนพระผู้มพี ระภาคเจ้าเลย พระองค์ทรงลำบากพระ- วรกายมากอยูแ่ ลว้ พระองค์ประชวรหนกั จะปรินิพพานในยามสุดบ้ายแห่งราตรนี ี้แน่นอน” www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

๑๘๔ “ทา่ นอานนท์]’, สภุ ัททะทา้ วอนตอ่ ไป “โอกาสของขา้ พเจา้ เหลอื เพยี งเล็กนอ้ ย ขอท่าน อาศัยความเอ็นดูโปรดอนญุ าตให้ข้าพเจา้ เฝืาพระศาสดาเถดิ ” พระอานนทค์ งทดั ทานอย่างเดมิ และสุภัททะก็อ้อนวอนครงั้ แล้วครง้ั เลา่ ไมย่ อมย่อทอ้ จนกระทงั่ ได้ยินถงึ พระศาสดา เรอ่ื งก็เป็นอยา่ งท่เี คยเป็นมา พระศาสดามพี ระมหากรุณาอนั ไม่มที ่ีสิ้นสดุ รบั ส่ังกบั พระอานนทว์ า่ “อานนท]์ ให้สุกัททะเขา้ ม'ไหาเ^าเสิด” เพียงเท่าน้ีสกุ ัททะปริพาชกกไ็ ด้เขา้ เฝาื สมประสงค์ เขากราบลงใกล้เตยี งบรรทมแล้ว ทลู วา่ ขา้ แด,พระจอมมุน]ี ขา้ พระองคน์ ามวา่ สภุ ทั ทะ ถือเพศเปน็ ปรพิ าชกมาไม่นาน ไดย้ ินกติ ติศพั ท์ เล่าลือเกยี รตคิ ุณแห่งพระองค์ แด่กห็ าไดเ้ คยเข้าเฝืาไม่ บดั นี้พระองคจ์ ะดับขันธปรินิพพานแลว้ ข้าพระองค์ขอประทานโอกาสช่ึงมีอยนู่ อ้ ยนี้ ทลู ถามข้อข้องใจบางประการ เพ่อื จะได้ไม่เสียใจภาย หลัง” “ถามเถดิ สภุ ัททะ” พระศาสดาตรสั “พระองค์ผู้เจรญิ คณาจารยท์ งั้ ๖ คือ ปูรณะกัสสป'ะ มักขลิโคศาล อชิตเกสกัมพล ปกุทธะ- กัจจายนะ สัญขยั เวลฏรูบตุ ร และนิครนถน์ าฏบุตร เปน็ ศาสดาเจ้าลัทธิท่มี คี นนับถอื มาก เคารพ บชู ามาก ศาสดาเหล่านย้ี ังจะเปน็ พระอรหนั ตห์ มดกเิ ลสหรอื ประการใด” “ เร่ืองน้หี รือ สกุ กั ทะ ทเี่ ธอดิ้นรนขวนขวายพยายามมาหาเราดว้ ยความพยายามย่ีง ยวด” พระศาสดาตรัสยังหลบั พระเนตรอยู่ “เรือ่ งน้ีเองพระเจา้ ขา้ ” สุภทั ทะทลู รับ พระอานนท์รู้สกึ กระวนกระวายทันที เพราะเร่อื งทสี่ กุ ทั ทะมารบกวนพระศาสดาน้นั เปน็ เรื่องทไี่ ร้สาระเหลอื เกน ขณะทพี่ ระอานนท์จะเชิญสุภทั ทะออกจากท่ีเฝืานนั้ เอง พระศาสดาก็ ตรัสขนึ้ ว่า “อย่าสนใจกับเรอื่ งนั้นเลย สุกฑั ทะ เวลาของเราและของเธอยังเหลือนอ้ ยเตม็ ทแี ลว้ จง ถามสง่ี ทเ่ี ป็นประโยชน์แกเ่ ธอเองเถดิ ” “ข้าแต่ท่านสมณะ! ถ้าอยา่ งนัน้ ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหา ๓ ข้อ คือรอยเท้าในอากาศ มีอยหู่ รือไม่ สมณะภายนอกศาสนาของพระองค์มีอยู่หรือไม่ สังขารท่เี ทีย่ งมอี ยหู่ รอื ไม่?” “สุภทั ทะ! รอยเท้าในอากาศน้ันไมม่ ี ศาสนาใดไมม่ ีมรรคมอี งค์ ๘ สมณะผู้สงบถืงที่สดุ ก็ ไม่มีในศาสนานน สังขารทเี่ ทีย่ งนน้ั ไม่มีเลย สุกทั ทะ ปัญหาของเธอมีเท่าน้หี รอื ?” “มีเท่าน้ีพระเจา้ ขา้ ” สภุ ทั ทะทลู แล้วนงิ่ อยู่ พระพทุ ธองคผ์ ู้ทรงอนาวรณญาณ ทรงทราบอปุ นิสยั ของสภุ ฑั ทะแล้วจึงตรัสต่อไปวา่ “สุกฑั ทะถา้ อยา่ งนน้ั จงตงั้ ใจฟังเถิด เราจะแสดงธรรมให้ฟงั แตโ่ ดยย,อ ดูกอ่ นสุภัททะ! อรยิ มรรค ประกอบดว้ ยองค์ ๔ เป็นทางประเสรฐิ สามารถใหบ้ คุ คลผูเ้ ดินไปตามทางนถี้ งึ ซงึ่ ความสุขสงบเย็น เตม็ ท่ี เปน็ ทางเดนิ ไปส่อู มตะ ดกู ่อนสกุ ฑั ทะ ถา้ ภิกษหุ รือใคร ๆ กด็ ามพงึ อยู่โดยชอบ ปฏิบตั ิดำเนนิ ตามมรรคาอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์ ๘ นอี้ ยู่ โลกกจ็ ะไมพ่ งึ วา่ งจากพระอรหันต”์ www.kalyanamitra.org

๑d ๕ สุภทั ทะฟังพระพุทธดำรัสนแ้ิ ลว้ เลือ่ มใส ทลู ขอบรรพชาอุปสมบท พระพทุ ธองคต์ รสั วา่ ผู้ท่เี คยเป็นนักบวชในศาสนาอืน่ มากอ่ น ล้าประสงคจ์ ะบวชในคาสนาของพระองคจ์ ะตอ้ งอยู่ติด ถยิ ปริวาส คอื บำเพ็ญตนทำความดีจนภกิ ษุท้ังหลายไวใ้ จเปน็ เวลา ๔'เดอื นก่อน แล้วจึงจะบรรพชา อปุ สมบทไต้ น้ีเป็นประเหเณที พ่ี ระองคท์ รงต้งั ไว้เปน็ เวลานานมาแลว้ สภุ ัททะทลู ว่าเขาพอใจอย่บู ำรงุ ปฏบิ ตํ ิภิกษทุ งั้ หลายลกั ๔ ปี พระศาสดาทรงเห็นความตั้งใจจริงของสภุ ิททะดังนัน้ จงึ รบั ส่งั ใหพ้ ระอานนท์นำสุภทิ ทะ ไปบรรพชาอุปสมบท พระอานนท์รับพุทธบัญชาแลว้ นำสุภิททะไป ณ ท่สี ่วนหนง่ึ ปลงผมและ หนวดแลว้ บอกกรรมฐานให้ ให้ตง้ั อยใู่ นสรณคมน์และศลี สำเร็จเป็นสามเณรบรรพชาแลว้ นำมาเผิา พระศาสดา พระผท้ รงพระมหากรุณาให้อปุ สมบทแก่สุกฑั ทะเป็นภิกษุโดยสมบรู ณแ์ ล้ว ตรัสบอก กมั มฏั ฐานอีกคร้งั หนงึ สกุ ทั ทะภิกษุใหม่ ต้ังใจแน่วแนว่ ่าจะพยายามให้บรรลุพระอรหัดตผลในคืนนี้ กอ่ นที่ พระศาสดาจะนิพพานจงึ ออกไปเดนิ จงกรมอยใู่ นท่ีสงัดแห่งหนึ่ง ในบริเวณอุทยานสาลวันนน้ั จงกรมนั้นคอื เดินกลับไปกลบั มา พรอ้ มด้วยพจิ ารณาข้อธรรมนำมาทำลายกเิ ลสใหห้ ลดุ รว่ ง บัดน้ี รา่ งกายของสกุ ัฑทะภิกษหุ ่อห้มุ ดว้ ยผากาสาวพัสตร์ เมอ่ื ต้องแสงจันทรใ์ นราดรนี นั้ ดู ผวิ พรรณของท่านเปลง่ ปส่ังงามอำไพ มัชฌมิ ยามแห่งราดรีจวนจะสน้ิ อยแู่ ล้ว ดวงรัชนีกลมโดเคลือ่ น ยา้ ยไปอยูท่ างห้องฟา้ ต้านตะวนั ดกแลว้ สกุ ัททะภิกษุตัง้ ใจอยา่ งแน่วแนว่ า่ จะบำเพญ็ เพียรคืนนี้ ดลอดราดรี เพอ่ื บชู าพระศาสดาผูจ้ ะนพิ พานไปปลายปัจฉิมยาม ดงั นั้น แมจ้ ะเหน็ดเหนอ่ื ยอยา่ งไรก็ ไม่ยอ่ ห้อ แสงจนั ทร์นวลผ่องสกุ สกาวเมอ่ื ครนู่ ค้ี ูจะอบั รศั มลี ง สุกัฑทะภกิ ษุแหงนขึ้นดูห้องฟ้า เมฆกอ้ นใหญก่ ำลังเคลื่อนเข้าบดบงั แสงจนั ทร์จนมิดดวงไปแล้ว แต่ไม่นานนักเมฆกอ้ นน้นั กเ็ คลือ่ น คล้อยไป แสงโสมสาดส่องลงมาสว่างนวลดงั เดิม หันใดนัน้ ดวงปญั ญาก็พลุ่งโพลงขนึ้ ในดวงใจของสกุ ฑั ทะภกิ ษุ เพราะนำดวงใจไปเทยี บ ดว้ ยดวงจันทร์ “อา!” ทา่ นอทุ านเบาๆ“จติ น้ีเปน็ ธรรมชาดิที่ผอ่ งใส มรี ศั มเี หมอื นจันทร์เจา้ แต่อาศยั กเิ ลสท่ีจรมาเปน็ คร้งั คราว จิตนจี้ ึงเศรา้ หมอง เหมอื นก้อนเมฆบดบังดวงจนั ทรใ์ หอ้ บั แสง” แลแล้ววปิ สั สนาปญั ญาก็โพลงข้นึ ชำแรกกิเลสแทงทะลบุ าปธรรมท้ังมวลทห่ี อ่ หมุ้ ดวงจติ แหวกอวชิ ชาและโมหะอนั เปน็ ประดจุ ดาขา่ ยดว้ ยศสั ตรา คอื วปิ สั สนาปญั ญาชำระจิตให้ บรสิ ฑุ ธจ้ิ ากกเิ ลสสวะท้งั มวล บรรลุอรหัดดผลพรอ้ มดว้ ยปฏสิ มั ภทิ า แลว้ ลงจากท่ีจงกรมมาถวาย บงั คมพระมงคลบาทแหง่ พระศาสดาแลว้ นึง่ อยู่ สุกัฑทะภกิ ษุ ปจั ฉมิ สาวกอรหันคผ์ ้นู ้ี ชอื่ พอ้ งกับสกุ ัททะอีกผ้หู นึ่ง ซงึ่ เป็นบตุ รแหง่ สหาย ของพระผู้มีพระภาคผู้มนี ามว่าอุปกะ มปี ระว้ติเกี่ยวเนอ่ื งด้วยพระพุทธองคอ์ ันนา่ สนใจย่ีงผูห้ น่ึง ดังนี้ www.kalyanamitra.org

๑db นับถอยหลงั จากน้ีไป ๔๕ ปี สมัยเม่ือพระพุทธองค์ตรสั ร้ใู หม่ ๆ ทรงดำรจิ ะโปรด ปัญจวัคคยี ์ ณ อสิ ิปดนมคิ ทายะ เสด็จดำเนนิ จากบริเวณโพธิมณฑลไปลูแ่ ขวงเมอื งพาราณสึ ใน ระหว่างทางได้พบอาชวี กผ้หู นง่ึ นามว่า อปุ กะ อยูใ่ นวัยคอ่ นข้างชราแลว้ เขาเหน็ พระผู้มพี ระภาคเจ้า เดนิ สวนทางไปจึงถามว่า “สมณะ! ผวิ พรรณของท่านผอ่ งใสยี่งนัก อนิ ทรยี ์ของท่านสงบน่าเลื่อมใส ท่านบวชในสำนักของใคร ใครเป็นศาสดาของทา่ น?” “สหาย!” พระศาสดาตรัสตอบ “เราเปน็ ผูค้ รอบงำไวท้ กุ ส่งี ทกุ อยา่ งเป็นใหญ่ในดนเอง เตม็ ท่ี เรารทู้ ุกสิ่งทกุ อย่างในทางธรรม เราหักกรรมแห่งลงั สารจักรเปน็ เหตใุ หเ้ วยี นวา่ ยดายเกดิ ได้ แลว้ ดว้ ยตนเอง เม่อื เปน็ เชน่ น้จี ะพงึ อ้างใครเลา่ ว่าเปน็ ศาสดา” อาชวี กไดฟ้ งั ดงั นี้แลว้ นกึ ดหู มน่ื อยใู่ นใจวา่ สมณะผ้นู ชี้ ่างโอหัง ลบหลู่คุณของศาสดาตน นา่ จะลองถามช่อื ดู เผ่ือว่าจะมีคณาจารยเ์ จา้ ลทั ธิใหม่ ๆ จะจำได้บา้ งวา่ เคยเป็นศษิ ยข์ องตน คิด ดงั นแี้ ลว้ จงึ กล่าวว่า “สมณะ! ทท่ี ่านกลา่ วมานีก้ ็น่าฟงั อยดู่ อก แตจ่ ะเป็นไปไดห้ รือ คนที่รู้อะไรๆไดเ้ องโดย ไมม่ ีครูอาจารย์ แตช่ า่ งเถดิ ข้าพเจา้ ไม่ติดใจในเร่อื งน้นี กั ดอก ข้าพเจ้าปรารถนาทราบนามของท่าน เผ่อื ว่าพบกันอีกในคราวหนา้ จะไดท้ ักทายกนั ถูก” พระศากยมนุ ี ผมู้ อี นาคดงั สญาณทราบเหตุการณภ์ ายหนา้ ไดโ้ ดยดลอด ทรงคำนงึ ถึง ประโยชนบ์ างอยา่ งในอนาคตแลว้ ตรัสบอกว่า “สหาย! เรามนี ามว่าอนันตชิน ท่านจำไว้เถิด” “อนันดชนิ !” อปุ กะอทุ าน “ชอ่ื แปลกดนี ี่” แลว้ อุปกาชวี กกเ็ ดินเลยไป พระศาสดากเ็ สดจ็ บ่ายพระพกั ดร์ไปลูพ่ าราณสี อุปกะเดินทางไปถึงหมู่บา้ นพรานเนี้ออาศัยอย่ใู นแนวป่าแห่งหน่ึงใกล้หม่บู ้านนั้น ดอนเข้าเขาเขา้ ไปภิกขาจารในหมู่บ้านพรานเน้อื นนั้ หวั หนา้ พรานเหน็ เข้าเกิดความ เลือ่ มใสจงึ อาราธนาใหม้ ารับภกิ ษาท่บี ้านของตนทกุ เขา้ ๆ อุปกะรับอาราธนาด้วยความยนิ ดี แต่ ชอ่ นความร้สู ึกนั้นไวภ้ ายใน ตามวิลัยแห่งนักบวชผ้ยู งั มคี วามละอายอยู่ ต่อมาไม่นาน นายพรานเนอื้ จำเป็นดอ้ งเข้าป่าใหญ่เป็นเวลาหลายวนั เพือ่ ล่าเนอ้ื จงึ เรียกลกู สาวมาแลว้ กล่าววา่ “สชาวดลี กู รัก พอ่ จะตอ้ งออกปา่ เปน็ เวลาหลายวนั พ่อเป็นหว่ งพระ ของพ่อ คอื ทา่ นอุปกะ ขอให้ลกู รับหน้าท่แี ทนพอ่ คือดลอดเวลาท่ีพอ่ ไมอ่ ยู่ ขอใหล้ ูกถวายอาหารแก่ ท่านแทนพอ่ ปฎิบดบิ ำรงุ ท่านเหมือนอย่างทีพ่ อ่ เคยท่า” เมือ่ สชุ าวดี สาวงามบา้ นปา่ รับคำของพอ่ แลว้ นายพรานก็เข้าปา่ ดว้ ยความโล่งใจ รุง่ ขนึ้ อุปกะกม็ ารับภิกษาตามปกติ สชุ าวดเี ขอึ้ เชญิ ใหน้ ัง่ บนเรือนแลว้ ถวายภกิ ษาอนั ประณตี สนทนา ดว้ ยอาการยิม้ แยม้ แจม่ ใส อปุ กะเห็นอาการของนางดงั นั้นกย็ ินดีย่ิงนัก เพราะท่านย่อมวา่ ปหี นา้ ตายม้ิ แยม้ แจม่ ใส ปใี จอารี ปคี วามยนิ ดที จ่ี ะสนทนา เปลง่ วาจาไพเราะ ปกี ริ ยิ า สภุ าพ เหลา่ นเ้ี ปน็ เครอ่ื งหมายของผตู้ ง้ั ใจคบ ปหี นา้ ตาจดื บง้ึ ไมย่ ม้ิ แยม้ ลมื ความหลงั ปกี ริ ยิ าอนั นำชงั เอาความเสยี ไปนนิ ทา เวลา สนทนาชอบนำเอาเรอ่ื งคนอน่ื มาพดู ใหย้ ง่ ไบ่ เหลา่ นเ้ี ปน็ เครอ่ื งหมายของผมู้ ใิ ชม่ ติ ร www.kalyanamitra.org

Ifid d สุชาวดีงามอยา่ งสาวบ้านปา่ ผมดกดำ นัยน์ดากลมโด ใบหนา้ อ่ิมเอิบมเี ลอื ดฝาดมอง เห็นชดั ทีพ่ วงแกม้ อปุ กะมองเธอดว้ ยความรสู้ กึ กระวนกระวาย แบอ้ ายจุ ะเหยยี บย่างเขาสู่วัยชรา แตก่ ็ยงั ตัดอาลัยในเรื่องนไ้ี ม่ได้ สุชาวดอี ยใู่ นวัยสาวและสวยสด เปน็ ดอกไบท้ ไี่ มเ่ คยมีแมลงตัวใดมา กลา้ํ กราย นางสังเกตเห็นอาการของอุปกะแล้วกพ็ อจะลว่ งรถู้ งึ ความนน้ั ป่วนภายในของนักพรด วัยชรา แด่ดว้ ยมรรยาทแห่งเจ้าของบ้านอย่างหนงึ่ และอีกอยา่ งหนงึ่ เป็นนกั บวชที่บดิ าเคารพนับถอื นางจงึ คงสนทนาพาทอี ยา่ งละมุนละไมตามเดมิ จรงิ ทเี ดียว สตรสี ามารถเขา้ ใจวิถีแหง่ ความรักได้อย่างรวดเรว็ แบ้เธอจะไม่ชอบชายท่ี รกั เธอ แดเ่ ธอก็อดภูมิใจมไิ ด้ทมี่ ชี ายมารกั หรือสนใจ แบส้ ชุ าวดีจะเปน็ เดกี สาวชาวป่า แด่เล่หแ์ ห่ง โลกียน์ ้ันเปน็ เรือ่ งธรรมดาของน้ัาสัตวท์ ่พี อจะเข้าใจได้ มนษุ ย์และสตั ว์เกดิ มาจากกามคณุ จึงงา่ ยที่ จะเขา้ ใจในเรื่องกามคณุ และจิตใจกค็ อยดน้ิ รนทจ่ี ะลงไปคลกุ เคลา้ กบั กามคณุ นน้ั เหมือนวานรเกดิ ในปา่ ปลาเกดิ ในน้าั กพ็ ยายามทีจ่ ะดนิ้ รนเข้าป่าและกระโดดลงนา้ั อยเู่ สมอ สตรเี ปรยี บประดจุ น้ัามัน บุรุษเลา่ ก็อุปมาเหมอื นเพลิง เม๋อื เพลงิ อยูใ่ กล้นาั้ มนั ก็อดทจี่ ะลามเลียมไิ ด้ ในวันที่ ๒ และวันท่ี ๓ อุปกะคงมารบั ภกิ ษาทีบ่ ้านของสชุ าวดตี งั เดมิ และอาการก็คง เป็นไปทำนองนัน้ \"สชุ าวดี” ดอนหนึง่ อุปกะถามขึ้น ‘‘พอจะทราบไหมวา่ คุณพ่อของเธอจะกลบั วนั ไหน?” ‘‘ไม่ทราบ พระคุณเจ้า” สุชาวดดี อบกม้ หน้าเอานี้วขดี พ้นื ด้วยความขวยอาย “ธรรมดา ท่ีเคยไํ ปกไ็ มเ่ กิน ๗ วัน” “เธอคดิ ถึงคุณพ่อไหม?” อุปกะถามเพง่ มองสุชาวดีอย่างไม่ กระพริบดา “คิดถงึ ” สชุ าวดตี อบ “คณุ พ่อของเธอมบี ญุ มาก” อปุ กะเปรย “เรอื่ งอะไร พระคณุ เจ้า?” สุชาวดีถาม เงยหนา้ ขึ้นนดิ หนอ่ ย “มลื กู สาวดี ทำอาหารอร่อย” อปุ กะชม “สภุ าพเรยี บรอ้ ย อยใู่ นโอวาทของบิดา” สุชาวดีกม้ หนา้ นงึ่ คงเอานิ้วขีดไปขดี มาอย่กู ับพ้นื ทช่ี านเรือน “แลว้ ก”็ อุปกะพดู ตอ่ “สุชาวดสี วยด้วย สวยเหมือนกล้วยไม้ในพงไพร” “น” สชุ าวดีอา้ ปากดา้ ง ไมน่ กิ วา่ นักพรดวัย ๔๕ จะพดู กบั เธอซ่ึงรนุ่ ราวคราวลกู ดว้ ย ก้อยดำอยา่ งนี้ “จริง ๆ นะ สุชาวด”ี อุปกะยงั คงพล่ามตอ่ ไป “ฉันทอ่ งเทย่ี วไปแทบจะทุกหนทุกแหง่ ใน ชมพูทวปี ยงั ไม่เคยพบใครสวยเหมอื นเธอเลย” พูดเท่าน้ันแล้วอุปกะก็ลากสบั เขาจากไปดว้ ยความอาลยั สุชาวดมี องอุปกะดว้ ยสายตา ท่บี รรยายไมถ่ ูก ชันก็ชนั สงั เวชก็สงั เวช แดค่ วามรู้สึกภมู ิใจซงึ่ ซ่อนอยูอ่ ยา่ งมดิ เมน้ น้ันกด็ เู หมือน จะมอื ยู่ เมือ่ อปุ กะเลยเขดร้วั บา้ นไปแล้ว นางจึงว่งี เขา้ หอ้ งนอนหยบิ กระจกส่องหน้าขึน้ มาดู “เออ! เราสวยจริงซนี ะ” นางเปรยกบั ตวั เอง พลางสำรวจไปทัว่ สรรพางค์ อย่างนเ้ี องผหู้ ญิง!! คงเปน็ ผหู้ ญิงอยนู่ ัน้ เอง ไม่วา่ มหาราชนิ ีหรือคนหกั ฟืนขาย เมอ่ื ถกู ชมว่าสวยก็อดจะลงิ โลดไมไ่ ด้ เธอปกั ใจเสยี เหลอื เกินว่ารปู ของเธอเป็นทรัพย์ แตค่ วามจรงิ ก็นา่ จะ เปน็ เช่นนั้น มสื ดริมากหลายท่กี า้ วขนึ้ สู่ความรุ่งโรจน์เพราะรูปงาม www.kalyanamitra.org

๑๘๘ โกกลิ านิ สททฺ ํ รปู ี นกโกกลิ าสำคญั ทเ่ี สยี ง นารี รปู ี สรุ ปู ตา นารสี ำคญั ทร่ี ปู วชิ ชา รปู ปรุ สิ านิ บรษสำคญั ทว่ี ทิ ยาคณุ ขมา รปู ี ตปสฺสนี ิ นกั พรตสำคญั ทอ่ี ดทน ถา้ สามอยา่ งถูกต้อง เรือ่ งนารสี ำคัญท่รี ปจะผดิ ไปไตอ้ ย่างไร แตน่ ารที ีท่ รงโฉมสะคราญ ดานั้น ถ้าไรเ้ สียแลว้ ซ่ึงนารธี รรม เธอจะเป็นสดรีฑีสมบูรณไ์ ต้ละหรอื เหมือนดอกไมง้ ามแตไ่ รก้ ล่นี ใครเลา่ จะยนิ ดีเกบ็ ไวช้ มเชย ของจะมคี า่ ตอ่ เมอ่ื มีผูต้ ้องการ วนั นั้นสชุ าวดมี คื วามสุขสดช่นื รน่ื เริงไปทั้งวัน แต่เธอหาร้ไู ม่ว่าขณะเดยี วกันอุปกะกำลัง เศร้าซึมอยู่ท่อี าศรม อปุ กะกเ็ หมือนผู้ชายโง่ ๆ ทว่ั ไป ทพ่ี อเหน็ สตรที ำดตี ว้ ยกท็ กึ ทกั เอาว่าเขารักตน บัดนี้ ศรกามเทพไตเ้ สยี บแทงอุปกะเสยี แลว้ ความรักไม่เคยปรานใี คร เที่ยวเหยียบยาทำลายมนุษย์ และลัดว้ทั่วหน้า เขา้ ตง้ั แต่กระท่อมน้อยของขอทาน ไปจนถงึ พระราชวงั อันโออ่ ่าของภษตั รียาธริ าช ผ้ทู รงคักดิ้ กัดกนิ หวั ใจของคน ไมเ่ ลือกว่าวยั เดก็ หนมุ่ สาวหรอื วยั ชรา ใชด้ อกไม้ของมาร ๕ ดอก เป็นเครือ่ งมอื เท่ียวไปในคามนิคมราชธานตี ่างๆดอกไม้๕ ดอกนน้ั คอื รปู เสียง กลิ่น รส และ โผฏฐัพพะล'มผัสทางกาย เม่ือใครหลงใหลมึนเมาแล้วก็หํ้าทน่ั ยา์ ยจี นพินาศลง บดั น้ี อุปกะไตห้ ลงใหลมึนเมาในพวงดอกไม้ของมาร คือรปู และเสียงของสุชาวดี แมจ้ ะ ไม่เคยไตก้ ลิ่นแก้มและสมั ผัสกาย อย่างนีเ้ สียอีกทท่ี ำให้มจื นิ ตนาการอนั เตลิดเจิดจา้ และก็ซมึ เซา เศร้าหมอง คนไมเ่ คยรบกม็ กั จะทะนงวา่ ตนกลา้ คนทีไ่ มเ่ คยงานมกั จะทะนงว่าดนเกง่ คนทไี่ มเ่ คย รักกม็ กั จะทะนงว่าตนรักไต้โดยไม่มทื กุ ข์ ทัง้ น้เี พราะคนประเภทแรกไมเ่ คยรกู้ ำลงั ของศตั รู ประเภท ที่สองไมเ่ คยรูค้ วามยากและความละเอยี ดของงาน ประเภททส่ี ามเพราะไมเ่ คยรู้ซ้งึ ถึงกำลังของ นารี จริงทีเดยี ว ท่านกลา่ วไว้วา่ พระอาทดิ ยม์ ืกำลังในเวลากลางวัน พระจนั ทร์มกี ำลังในยามราตรี แดน่ ารมี ีกำลงั ทัง้ กลางวนั และกลางคืน ท้งั บนบกและในนาั้ ทั้งในเวหาและป่ากว้าง มฉิ ะนน้ั แลว้ ทำไมเล่า ขนุ พลผูเ้ กรียงไกรเอาชนะคัสกรไต้ทัง้ ทางบกและทางน้าั ทง้ั บนเวหาและป่าใหญ่ แต่มา ยอมแพแ้ กห่ ัตถน์ ้อยทีไ่ กวเปล มแื ต่ความงามและนา้ั ตาเปน็ อาวธุ ประจำตน บางที นกั พรตผทู้ รงศลี ปตี บะปอี ำนาจและปวี าจาคกั ดส้ิ ทิ ธ้ิ แตเ่ มอ่ื ถกู พษิ แหง่ ความรกั แทรกซมึ เขา้ สหู่ วั ใจโดยสตรเี ปน็ ผหู้ ยบิ ยน่ื ให้ ศลี กพ็ ลนั เศรา้ หมอง ตบะและอำนาจกพ็ ลนั เสอ่ื ม วาจา คกั ดส้ิ ที ธก้ิ ท็ ลายเปน็ กลบั กลอก สง่ิ ใดเลา่ ในโลกนจ๊ึ ะสามารถทำลายความเขม้ แขง็ เดด็ เดย่ี วของ ชายไดเ้ ทา่ กบั กำลงั แหง่ สตรี ชายใดไมต่ กอยใู่ นอำนาจแหง่ สตรี ไมย่ นิ ดใี นลาภและยศ ชายนน้ั ชอ่ื วา่ ผเู้ ขม้ แขง็ อยา่ งแหจ้ รงิ เปน็ ผชู้ นะโลก www.kalyanamitra.org

๑๘5 hob อุปกาชีวกกับพวงดอกไม้มาร อปุ กะ นัง่ เศรา้ ซมอยู่หนา้ อาศรม ความรม่ รนของราวป่าในยามนื้ ซงเคยเป็น ทีพ่ ออกพอใจของเขายิง่ นักนั่น ไดก้ ลายเป็นท่ีทรมานไปเสยี แลว้ เสียงนกเลก็ ๆวิง่ ไล่ จับกัน และสง่ เสียงร้องดว้ ยความชนบานบนก่งิ ไม้ เขาเคยมองดูและฟ้งเสยี งมันด้วยความ นิยมชมชน แตบ่ ัดน้ีมนั เปน็ ของแสลงสำหรบั เขา นาน ๆ เขาจะสะดุ้งขนื้ ครัง้ หนง้ี เพราะ ไดย้ นิ เสยี งหวาดแว่วเหมอื นสำเนยี งของสุชาวดี แตแ่ ล้วเขาคงเศร้าซมื ต่อไป เพราะมนั เป็นเพียงเสยี งลมหวีดหวิวพดั ฝานมาเท่าน่นั เขาก้มลงสำรวจตัวเอง เอามือลูบคลำแขน และปลีน่อง รส้ กิ ตวั วา่ อา่ งเข้าส่วัยชราแลว้ แมจ้ ะไมม่ ากนักก็ตาม แตค่ วามรกั เพงิ่ จะเกดิ ฃืน้ เปน็ ครั้งแรกในชวี ิตของเขา ในโลกยิ วิสัย อะไรเล่าจะทำให้คนซมเศรา้ และชนบานมากไปกวา่ ความรกั ใน ความรกั มทื ัง้ ความขมและความหวาน มืท้งั เรองร้อนเร่า ตนเดน้ และเยอื กเย็นละเมยี ดละไม ความรกั จะเป็นอย่างไรก็ตาม มันยงั มือทิ ธิพลครอบคลุมจติ ใจของมนษุ ยท์ ุกยคุ ทุกสมยั แทรกแซงอยใู่ นทกุ หนทุกแห่งไมว่ ่าในทุ่งนา หรอื ป่าเขา ในปราสาทราชมณเฑียรอันโออ่ า่ ของวีรกษตั รยิ ์ หรอื กระท่อมของขอทาน ในหมู่โจรผเู้ หย้ี มโหด หรือในหมูน่ กั พรตผู้มื กาสาวพัสตรเ์ ปน็ ธงชัย ความรักเปน็ ความหวงั เป็นความชุ่มชน แม้มันจะกลบั กลายเปน็ ขมขนปวดรา้ วระบมในภายหลัง แต่กย็ ังเป็นความหลงั ทใ่ี หบ้ ทเรียนอนั ล้นคา่ ควรแกก่ าร ทรงจำและระลกี ถง ความรักเหมือนนํา้ ใสเยน็ จืดสนิท แต่มืพิษยาแทรกซมอยู่ด้วยเพยี งบาง ๆ เย้ายวนชวนเชิญให้กระหายใครด่ ม แล้วยาพิษกค็ อ่ ย ๆ แสดงฤทธึ้ทลี ะน้อยพอกระวน- กระวาย ด่ังท่อี ุปกะกระวนกระวายอยู่ ณ บดั น้ี www.kalyanamitra.org

๑6 o ความรกั เหมือนสุรา ผู้ท่ดี ่มื แกว้ แรกแล้วก็อยากจะดม่ื อีก และด่ืมอีก การเมารกั ก็เหมือน เมาเหลา้ ทำใหใ้ จกลา้ และดาลาย ตดั สนิ ใจอะไรง่าย ๆ ขาดสตคิ ้มุ ครองตน คิดเอาแตค่ วามสขุ เฉพาะหน้า ใบหนา้ และกริ ยิ าพาทขี องสุชาวดนี อ้ ยปรากฏไนห้วงนกึ เหมือนภาพจำลอง เขาน่ัง และเดนิ กลับไปกลบั มาดว้ ยความรสู้ ึกทว่ี ุน่ วายและเศร้าหมอง ความจริงคนอายวุ ยั นี้ มีความสำนึก ในการสำรวมตน และหกั หา้ มใจไดด้ ีพอใชแ้ ล้ว แตน่ ้ํารกั ก!็ เหมือน'น้าั สรุ า มกั ทำใหค้ นนนั่ เหเื อนหลงใหล และปลอ่ ยตัว ขาดพลงั ในการหนว่ งเหนีย่ วจติ ใจ เขาเดินกระวนกระวายอยจู่ นยาสนธยา ท้องฟา้ ทางทศิ ตะวนั ตกเปน็ สแี สดเช้ม ฝงู วหิ ค นกกาเร่ีมทยอยกลับสูร่ วงรงั เสยี งชะนโี หยหวนกอ้ งป้า วิเวกวงั เวงเตอื นใหอ้ ุปกะระสึกถึงตนวา่ ช่างเหมอื นชะนีน้อยเสียเหลอื เกิน ทนิ กรลบั ขอบฟา้ ไปแลว้ ความมดื ปกคลมุ อยทู่ วั่ บรเิ วณไพร ไม่นานนกั ดวงจนั ทร์กแ็ ผ่รัศมกี ระจายไปทั่ว อปุ กะนัง่ อยหู่ น้าอาศรมมองดดู วงจันทร์ แตใ่ จนั้น ระลึกถงึ สชุ าวดีอยู่มไิ ด้ว่างเว้น จันทราและหนา้ นางนัน้ ด่างลันมากนกั เมือ่ มองดจู นั ทร์งาม ความ รสู้ กึ จะมีเพียงว่าสดชนื่ แจ่มใส และรม่ เยน็ .คลายกงั วลได้บา้ ง และไมเ่ คยมใื ครอยากไดต้ วงจนั ทร์ มาเปน็ ของตน แต่ใบหน้าจันพร้ิมเพรางามเฉดิ ฉายของสาวน้อย เม่อื มองดูแล้วทำใหจ้ ิตใจกระวน- กระวายเร่ารอ้ นด้ินรน แมจ้ ะแฝงไวด้ ว้ ยความสุขท่รี ะคนด้วยความระทกึ ใจก็ตาม และแล้วความ รสู้ ึกท่ีใคร่ไดใ้ ครเ่ ป็นเจ้าของกม็ ขื ึ้น แต่ที่ยับยัง้ ไวไ้ ดก้ ็เพราะศลี ธรรม มโนธรรมคอยกระซบิ อยู่ ถา้ ไร้ เสยี ซ่ึงศลี ธรรมและมโนธรรม และประกอบด้วยความม่งั คั่งพรั่งพรอ้ มดว้ ยเงินและอำนาจ บุคคล ผนู้ ั้นจะปล่อยตวั ปลอ่ ยใจใหไ้ หลเลอ๋ื นไป ดามความปรารถนาในโลกยิ ารมณจี นั หาขอบเขตมิได.้ .. โลกิยารมณซี ึ่งประกอบด้วย กาม กนิ และเกียรติ เรอ่ื งทัง้ สามน้ีเป็นปัญหาใหญ่ยงิ่ ของโลกยี ชน บดั นอี้ ปุ กะแม้จะอยใู่ นเพศและภาวะแหง่ ผู้สละแล้วซึ่งโลกีย์ แตจ่ ิตใจของเขาได้ดมื่ ดื่า ลํ้าลึกลงไปในโลกิยารมณจ์ ันสุดจะถอน อะไรเล่าจะเปน็ ความทกุ ขท์ รมานยิ่งไปกวา่ น้ี ประดุจพยัคฆราช ซ่งึ ถูกลกั ขงั อยู่ในกรงเหลก็ กำลงั หิวกระหาย มองดนู างกวางเย้ืองยา่ งอยู่ไปมา มนั จะกระวนกระวาย ลักปานใด หรือประหนง่ึ บุคคลผูเ้ ดินทางไกลลนั ดารเหนด็ .เหนือ่ ยเรา่ รอ้ นมเี หงอ่ื โทรมกาย มองดู สระโบกขรณีท่หี วงห้าม ดว้ ยความกระวนกระวายสดุ กงั วล กง่ึ มัชฌิมยามแห่งราตรีแล้ว อากาศซึง่ เยียบเย็นได้เยน็ เยยี บลงไปอกี อปุ กะดีงผา้ หม่ ข้ึนคลมุ ร่างพลิกกลบั ไปกลับมา กระลับกระสา่ ย ไมอ่ าจจะหลับดาลงสนู่ ิทรารมณ์ได้ แนน่ อนทีเดียว หู ตา จมกู ลิ้น กายและใจ เป็นของร้อน รอ้ นเพราะไฟ คอื ราคะบา้ ง โทสะบา้ งโมหะบ้าง... ไฟท่ี ปราศจากควนั และไร้แสง แต่มคื วามรุนแรงเผาใจให้ร้อนรม่ คือไฟราคะนีเ่ องไม่อาจจะตบั ไดด้ ้วย น้าํ ศกั ดิส้ ทิ ธิใ้ ด ๆในโลกน้ี จนกระทง่ั อรณุ รุ่ง ลมเช้าพดั แผว่ กระทบกายประสาท อปุ กะสลดั ผา้ ห่มลุกข้นึ นั่งตริกดรอง อยู่อย่างลึกซึ้งตลอดราดริผา่ นมาเขามิได้หลบั เลย คำกล่าวท่วี า่ “ความรักเปน็ ปอเกดิ แหง่ ความ กระวนกระวาย ด้ินรนหนกั หนว่ งและซึมเศรา้ ” น้ัน ชา่ งเปน็ ความจริงเสียเหลอื เกิน เขามไิ ด้ไปรบั ภิกษาท่บี ้านของสชุ าวดใี นเชา้ วนั นนั้ แต่ไปแสวงหาภกิ ษาท่ีอึ่น ท้งั น้ี เพราะความละอายตอ่ สุชาวดแี ละละอายตนเอง นักพรตผ้มู ืภาชนะภกิ ษาในมือเมอื่ มคี วามรักเกดิ ข้นึ www.kalyanamitra.org

๑6 ๑ คนที่เขาละอายท่สี ดุ คือคนทีเ่ ขาหลงใหลน่ันเอง เพราะเพศและภาวะไดป้ ระกาศอยอู่ ย่างชดั แจง้ แล้ว;ฑ่ เขาไมค่ วรปลอ่ ยใจไปในเร่อื งรกั ใคร่เสน่หา ถา้ ใครล่วงรู้ถงึ ความรสู้ ึกภายในอนั ชัดกบั อาการ ภายนอกทป่ี รากฏแก,ตาโลก ก็จะรสู้ ึก'สังเวชเศร้าสลดและพศิ วง ประดจุ ผ้มู ีอาการภายนอกเป็น บุรษุ เพศ แด่ความจริงเขาเป็นสตรีที่บุรษุ พงึ ชมเชยได้ แมจ้ ะไม่สู้สนิทใจนัก และอาจจะเปน็ ที่สนิท เสน่หาของบุคคลบางพวกทม่ี ีความร้สู ึกแปลกไป จรงิ อยคู่ นที่มีความรกั ย่อมอยากอยูใ่ กลค้ นทดี่ นรัก แดเ่ มอื่ ความละอายเกิดข้ึน ดูเหมอื น เขาอยากจะไปให้ห่างมากกวา่ อยากพบ โดยเฉพาะนักพรดอยา่ งอุปกะนี้ แด่ความรักกม็ อื ิทธิพล มากพอท่จี ะหน่วงเหนยี่ วอุปกะใหว้ นเวยี นอยู่ในหมมู่ ้านพรานเน้ือนนั่ เอง ๗ วนั ล่วงไป นายพรานกลบั มาพรอ้ มดว้ ยเนื้อจำนวนมาก มืคนหาบหามกันมาเปน็ ทิวแถว คำแรกทนี่ ายพรานถามเมือ่ พบสุชาวดคี อื “พระของพอ่ มารับอาหารอยูห่ รือลูกรัก?” “ตง้ั แตพ่ อ่ ไปแลว้ เขามารับภกิ ษาเพียง ๒ วัน แล้วไมเ่ หน็ มาอิกเลย” สุชาวดรี ายงาน สวมกอดพ่อดว้ ยความรกั และคดิ ถึง นายพรานมทื า่ ตรองก่อนจะพูดว่า “ลกู มไิ ดไ้ ปดทู อ่ี าศรมของทา่ นหริอ?” “กล็ กู เปน็ ผู้หญิงจะใหไ้ ปอย่างไร” “เออ จรงิ ซนิ ะ พอ่ ลมื ไป” นายพรานพูดเรือ่ ย ๆ “เออ, แลว้ ลกู มไิ ดใ้ ห้คนไปดูหริอ?” “ไม่ พ่อ” สชุ าวดตี อบ “น่เี ป็นข้อบกพรอ่ งของลูก” สชุ าวดมี ีอาการตกใจ นายพรานเหน็ ดงั นน่ั จงึ กล่าวว่า “เพยี งเลก็ นัอยเท่าน่ัน ลูกรกั อย่าตกใจเลย คืออยา่ งนื้ ทา่ นอุปกะน่ันเหมอื นุมาอาศยั เราอยู่ เราเป็นเจ้าของถี่น เมือ่ ทา่ นหายไปไมไ่ ดม้ ารับอาหารอยา่ งเคย ถา้ ทา่ นจาริกไปทีอ่ นึ่ ก์ ็แล้วไป แดถ่ ้าเจ็บไขไ้ มส่ บาย ท่านจะใหใ้ ครมาบอก ทา่ นอยคู่ นเดียว คราวน้ืจะเป็นขอ้ บกพร่องของเรา ลูกรกั แม้เราจะเป็นชาวปาชาวเขา หาเน้อื ขายและกนิ แดเ่ รอ่ื งปฏิสนั ถาร เราดอ้ งเคารพและกระท่าให้ เหมาะสมเสมอ ลกู จำไดม้ ิใช่หรือทพี่ อ่ เคยสอนวา่ บา้ นใดแขกกลบั ไปดว้ ยความเสยี ใจ ชอ่ื วา่ ทง้ิ เอา อปั มงคลไวท้ บ่ี า้ น สว่ นบา้ นใดแขกกลบั ไปดว้ ยความชน่ื บาน ชอ่ื วา่ ไดท้ ง้ิ มงคลไวท้ บ่ี า้ น ลกู รัก ขึน้ ชือ่ วา่ อาคนั ตุกะแลว้ ไม่วา่ จะเป็นเดก็ หรือผู้ใหญ่ ไพร่หรือผู้ดีอยา่ งไร เราต้อนรับและกระทำให้ เหมาะสมเสมอ” นายพรานพดู เทา่ นน่ั แล้ว รบี ไปหาอุปกะที่อาศรม ขณะนั่นจวนคาแลว้ เหน็ ประตู อาศรมปิด ด้วยความเกรงใจ นายพรานไม่กลา้ เรียก นงั่ คอยอยหู่ น้าอาศรม คิดว่าถ้าทา่ นอยู่คงจะ ออกมาในไม่ขา้ ครู่หนงึ่ ผา่ นไป นายพรานได้ยินเสียงครางและเสียงเพ้อดามออกมาเหมือนคนจบั ไข้ นายพรานถ้าวเข้าไปจะเปดิ ประตู กพ็ อดีได้ยนิ เสยี งออกชอื่ สุชาวดี เขาจงึ หยดุ ชะงัก “สชุ าวด.ี ..” เสียงออกมาจากอาศรม “สชุ าวดี ฉันคดิ ถงึ เธอ ฉันรกั เธอ” อปุ กะพดู เพอ้ วนเวียนอยูอ่ ยา่ งนื้ ในท่สี ดุ นายพรานกด็ ดั สินใจเปดิ ประตูเข้าไปมอง เห็นอุปกะนอนกระสับกระส่ายอยู่บน เตียงนอ้ ย นายพรานนง่ั ลงนมสั การแล้วถามวา่ www.kalyanamitra.org

“พระคณุ เจา้ ไม่สบายไปหรือ?,, อุปกะพลิกตัวกลับมา “สชุ า...,, พอมองอย่างชัดเจนอปุ กะต้องอ้าปากค้าง ลกุ ขึ้นนงั่ เฉยอยู่ “พระคุณเจา้ ไมส่ บายไปหรือ?,, นายพรานถามช้ํา “ปวดศีรษะเลก็ น้อย ท่านกลับมานานแล้วหรือ?,, อุปกะพดู “กลบั มายงั ไม่ไตน้ ั่งที่บ้าน ทราบจากสชุ าวดวี ่าพระคณุ เจ้าไมไ่ ปรบั ภกิ ษาทีบ่ ้านหลาย รันแลว้ คิดว่าคงไมส่ บายจงึ รีบมาเยีย่ ม ลกั ครู่นี้ขา้ พเจา้ ไต้ยนิ เสียงพระคุณเจา้ ออกช่ือสชุ าวดีบตุ รี ของขา้ พเจ้า นางไต้ท่าอะไรใหพ้ ระคณุ เจ้าเดอื ดร้อนหรอื ,, “ไม1เลย นางมไิ ต้ทำอะไรใหข้ า้ พเจา้ เดือดรอ้ น แด่...,, อปุ กะหยุดคดิ นิดหนงึ่ แล้วพดู ต่อ ไปว่า “แดด่ ูเหมอื นนางจะเปน็ สาเหตใุ หข้ า้ พเจา้ เดอื ดร้อนอยูบ่ ้าง, “เรือ่ งอะไรหรอื พระคุณเจา้ ข้าพเจ้าจะลงโทษเธอเอง,, นายพรานพดู อยา่ งหนักแน่น ช่อนย้มิ ไว้ในหนา้ “ท่านจะใหข้ ้าพเจา้ พดู ตรง หรอื พูดออ้ มค้อม?,, อุปกะน เม “พดู ตรงดีกวา่ พระคณุ เจา้ ,, “ข้าพเจ้าเคยตง้ั ใจไว้วา่ จะมอบกายมอบชีวิตในเพศนักพรด,, อุปกะหยดุ นิดหนง่ึ เหมือน จะตรองหาคำพดู ‘‘แด่แล้วคงจะรกั ษาความตั้งใจน้ัน่!วไ้ ค้ไม่ตลอด เพราะความรสู้ ึกไต้เปล่ียนแปลงไปมาก” “เพราะเหตไุ รหรือ พระคุณเจ้า?,, นายพรานถาม “เพราะสุชาวดี ธิดาของทา่ น,, “แปลวา่ ท่านพอใจในธดิ าของขา้ พเจ้าหรอื ?,, อุปกะนึง่ การนง่ึ ของนกั พรต ถือว่าเป็นการรชั คำ นายพรานรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ตว้ ยความเจนรดั ในชวี ติ เพราะมีรยั สงู นายพรานมืใตก้ ลา่ วโทษอปุ กะเลยแมแ้ ด่นอ้ ย เพยี งแด่ถามวา่ “แล้วพระคุณเจา้ จะทำอยา่ งไร?,, “ขา้ พเจา้ คดิ วา่ จะสละเพศนกั บวชในไมข่ า้ นี้,, “เวลาน้พี ระคณุ เจา้ อายุเท่าไร?,, “๔๕” อุปกะดอบ รสู้ กึ กระดากใจมากอยู่ “พระคณุ เจ้ามีศลิ ปวทิ ยาอะไรบา้ งไหมในการทจ่ี ะนา่ ไปใขใ้ นเพศคฤหสั ถ์,, “ไมม่ เี ลย” อุปกะดอบ “เม่อื ไมม่ ืศิลปศาสตร์ พระคณุ เจา้ จะอย่คู รองเรอื นไตอ้ ยา่ งไร” “หาบเนอ้ื พอจะไต้ แมอ้ ายุจะยา่ งเขา้ ๔๕ แล้ว แดก่ ำลงั ยงั ดือย่,ู , “หาบเนื้อพอจะไต”้ นายพรานทวนคำเบา ๆ เหมือนครางอยูใ่ นลำคอ “ เรื่องสำคัญยงั มอื ยอู่ ีกเรอื่ งหนง่ึ ” นายพรานปรารภ “คือสุชาวดีเขาจะปลงใจกบั พระคุณเจา้ หรอื ไม่ ขา้ พเจ้าไมท่ ราบ” “ดทู า่ ทางทีแ่ สดงออกมาก็ดไู ม่น่าจะรงั เกียจ” อุปกะพ'ู ดแล้วยิ้มออกมานิดหน่งึ “พระคุณเจา้ ร้ไู ต้อย่างไรวา่ เขาไมร่ ังเกยี จ” นายพรานถาม “ลงั เกดจากกริ ยิ าท่าทเี มื่อข้าพเจา้ สนทนาดว้ ย” อุปกะตอบ www.kalyanamitra.org

G)£ CO “พระคณุ เจ้าเปน็ นักพรต ใคร ๆ เขากต็ ้องใหเ้ กียรติ แสดงอาการคารวะสงบเสงี่ยมและ ตอ้ นรับดี เป็นเร่ืองของคนที่มีมารยาทดี” “ เรือ่ งน้กี ็แล้วแตท่ ่านจะช่วยเหลือ แต่ข้าพเจ้าแนใ่ จในสตปิ ัญญาและความสามารถ ของทา่ น ขา้ พเจา้ ไม่อาจมชี วี ิตอยู่ต่อไปไต้ ล้าไมไ่ ต้สชาวดี ท่านให้ขา้ พเจ้าพดู ตรง ๆ ขา้ พเจา้ ก็พดู ตรง ๆ อย่างน”้ื สังเกตจากอาการซบู ผอมลงของอปุ กะ ท่าให้นายพรานเชื่อวา่ อปุ กะอาจจะตายไตจ้ รงิ ล้า ไมไ่ ต้ธดิ าของตน ประกอบด้วยความรักทมี่ ีในอุปกะ นายพรานจงึ รับคำว่า จะลองไปพูดกับสชาวดี ล้าตกลงจะส่งขา่ วให้ทราบวันพรุ่งน้ี ขณะรบั ประทานอาหาร นายพรานมไิ ต้พดู อะไรเลย เขาคงนง่ั รับประทานอาหาร อย่างเคร่งขรึมจนผดิ สงั เกต สุชาวดสี าวนอ้ ยจึงกลา่ วขึน้ ว่า “พอ่ เป็นอะไรไป วนั น้ไี มเ่ ห็นชวนลูกสนทนาเหมอื นกอ่ น ๆ เลย พอ่ ไม่สบายหรือ?” “มีไต้ลกู รกั การเขา้ ปาครั้งน้ที ่าให้พอ่ รู้สึกวา่ กำลงั ของพ่อเหลือนอ้ ยเพราะชรา เหมือนไม้ ใกลส้ ง์ ไม่เท่าไรนกั พอ่ คงดาย พ่อคดิ ถึงลูกว่าจะอยูอ่ ย่างว้าเหวเ่ ดยี วดาย แม่ของเจา้ ก็ดายไปนานแล้ว เราเหลอื กนั เพียงสองคนเท่านั้น” “พอ่ อย่าพดู อยา่ งนน้ั ซคิ ะ พลอยทำใหล้ ูกไม่สบายใจไปด้วย พ่อยังจะคงอยู่อีกนาน พอ่ ยงั แข็งแรง” สชุ าวดปี ลอบพอ่ แตก่ ็อดเศรา้ มิไต้ เมื่อนึกถงึ แมท่ ด่ี ายไปแลว้ และคิดตอ่ ไปว่า ล้าบดิ า ส้นิ ชีวิตลงอกี เธอจะอยอู่ ย่างไร “ลูกจำไตไ้ หม?” นายพรานถาม “วา่ พอ่ อายเุ ทา่ ไรแลว้ ”' “ดูเหมอื น ๖๒ ใชไ่ หมคะ?” “ใช่” นายพรานรับ “คนอายุ ๖๒ จะอยู่ตอ่ ไปไต้อีกสกั กป่ี ี พอ่ เปน็ ห่วงลูก” สุชาวดที ำดาแดง ๆ เหมือนจะร้องไห้ เธอรสู้ ึกเศรา้ ซึมดามคำปรารภของพ่อไปด้วย “เวลานล้ี กู อายุเท่าไรแล้ว?” นายพรานถาม “๑๗ คะ่ พ่อ” สุชาวดมี องหน้าพอ่ อยา่ งสงสัย “ท่าไมรคึ ะ?” “พอ่ คดิ วา่ ” นายพรานหยุดนิดหน่งึ เหมือนจะสรรหาคำพูดทเ่ี หมาะสม “ลกู ควรจะมี ครอบครวั ไตแ้ ลว้ ” “พอ่ เกลยี ดลกู รึคะ จึงอยากให้ลกู แต่งงาน มีครอบครวั เพอ่ื จะไตพ้ ้นความรับผิดชอบ ของพอ่ ลูกอยู่อยา่ งน้เี ปน็ ที่น่าหนกั ใจของพอ่ หรือ?” สชุ าวดีพูดด้วยเสยี งออ่ นโยนระคนน้อยใจ แลว้ เธอกร็ ้องไห้ น้าํ ดาหลั่งไหลลงล่ภู าชนะอาหารโดยเธอมไิ ตร้ สู้ ึก “ลูกรัก” นายพรานปลอบ ลุกขนึ้ มาโอบไหล่ของสุชาวดนี ้อยอย่างถนอมรัก “มีหรอื ทพี่ ่อไม่รกั ลูก โดยเฉพาะพ่อคนนรี้ กั ลกู สชุ าวดีเปน็ ท่ีสุด จะสรรหาคำใดมาพดู ให้สมกับทพี่ ่อรักลกู นนั้ หาไมไ่ ต้แลว้ เพราะพ่อรกั ลูกนนั่ เอง พ่อจึงอยากใหล้ กู เปน็ ฝังเปน็ ฝา ดั้งแตเ่ วลาทีพ่ อ่ ยังมืชีวิดอยู่ ลูกอยา่ น้อยใจเลย พดู ถงึ เร่ืองรักพอ่ มคื วามรักทมุ่ เทใหล้ ูกมากทีส่ ุด” “ลูกยังไมเ่ คยรกั ผูช้ ายคนใด นอกจากพ่อ” สุชาวดหี าทางออก แต่กสบั เปิดชอ่ งให้ นายพรานเดนิ www.kalyanamitra.org

๑6 ๔ “แด่มผี ชู้ ายเขารักลูก,* นายพรานพูดอย่างหนกั แนน่ สชุ าวดตี กใจ เธอไมเ่ คยนกึ ว่าจะมีใครปองรกั เธอ เพราะไมเ่ คยเก่ยี วข้องกบั ชายใดเลย “ใครคะพ่อ,, สุชาวดีถาม “พระคุณเจ้า อุปกะ,, นายพรานตอบไมค่ ่อยเต็มเสียงนัก “พระคุณเจา้ อปุ กะ!!,, สชุ าวดอี ทุ าน นยั นด์ าเบกิ กว้าง อาหารซ่ึงเธอกำลงั จะสง่ เข้า ปากอยูแ่ ล้วร่วง‘หลน่ ลงมา “ทำไมหรือลกู รัก ทำไมลกู ดน่ื เตน้ ดกใจเหลือเกนิ ?,, นายพรานถามดว้ ยน้ัาเสยี งธรรมดา “ก็ท่านเปน็ นักพรด,, สุชาวดีพดู เสียงเครือ “แล้วก.็ ..เอ้อ...แลว้ กท็ ่านกแ็ ก่มากแล้วดว้ ย,, “๔๕ เทา่ นั้น ลกู รัก ผ้ชู าย ๔๕ ยังไมแ่ ก่,, “แด่แก่กวา่ ลกู ถง ๒๘ ปี เปน็ พอ่ ของลกู ได้,, สุชาวดีแยง้ “ก็ไม่เห็นเป็นไร ผ้ชู ายสงู อายมุ ักจะเอาใจดามใจภรรยาสาวดี ความรักของคนวยั นุเป็น ความรักทีม่ ั่นคงไม่เหมือนความรกั ของวยั รน่ ซึง่ เกิดเร็วและดับเร็ว อกี อยา่ งหนงึ่ ลูกเช๋อื ไดอ้ ยา่ งหน่ึงว่า เขาจะไมท่ ารุณโหดรายตอ่ ลูก,, “แด่การที่พ่อจะใหล้ ูกแต่งงานกับคนคราวพ่อน้ัน เป็นการโหดรา้ ยเกินไปมิใช่หรอื ลกู ขอประทานโทษดว้ ฺย ทก่ี ล่าวคำน้กี ับพอ่ ลูกไมอ่ ยากพดู คำนเ้ี ลย,, “ไม1เป็นไรลูกรัก พ่อเขา้ ใจลูกดี แดท่ ีพ่ อ่ พูดถึงพระคุณเจ้าอปุ กะ กเ็ พราะทา่ นรักลกู มาก การแตง่ งานกับคนท่ีเขารกั เรานั้น ดกี วา่ แตง่ กับคนทเ่ี รารกั เขา เมอื เขาเปน็ คนดี ลูกอยไู่ ปกร็ ก้ เขาเอง,, “รอไว้จนกวา่ จะรักกันทั้งสองฝ่ายจะมิดีกว่าหรือพอ่ ลกู กย็ ังไมแ่ กเ่ ฒ่าอะไร,, สุชาวดีห้วง “ผู้หญงิ ในแถบนี้ คราวลูกเขาแต่งงานกันไปหมดแล้ว เหลอื แต่ลกู คนเดยี ว อีกอย่างหน่ึง ลา้ ลกู ยอมแต่งงานกับท่านอปุ กะ ซ่อึ วา่ ลูกไดช้ ่วยชีวติ ของคน ๆ หนง่ึ ไว,้ , “ช่วยชวี ติ ใครคะ,, สชุ าวดถี าม “ชีวติ ของท่านอุปกะ,, “ท่านถึงกบั จะด้องตายทเี ดียวหรอื ลา้ ไมไ่ ดล้ ูก,, “เห็นจะเปน็ อย่างน้ัน,, นายพรานยืนยัน “ลกู ไมเ่ ชอ ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา,, สุชาวดีย้าํ คำหลงั อย่างหนกั แน่น “ลกู ยังมคี วามเข้าใจในชวี ิตนอ้ ยเกินไป คนที่ฆา่ ดัวตายเพราะเรอ่ื งรักก็มอี ยู่มาก เปน็ แต่ แตกต่างกนั ในวิธีตายเท่านน้ั ,, “นนั้ เป็นเรือ่ งการฆ่าตัวดาย ไม่ใช่ตายเพราะอดเสน่หา,, สชุ าวดแี ยง้ เธอมีอารมณส์ นกุ ขนึ้ มาบา้ งแล้ว “แต่ความเสน่หาเปน็ เหตใุ ชไ่ หมลกู ?,, คราวน้สี ุชาวดีนงึ่ ภาพและวยั ของอุปกะนกั พรตปรากฏขนึ้ ในห้วงนึกของเธอ เธอไม่ เคยเถียงพอ่ ถึงจะข้ดแยง้ บา้ งก็เปน็ ไปอยา่ งสภุ าพออ่ นโยน แม้เธอจะเป็นสาวซาวป่าไม่เคยได้รับ แสงสีแหง่ อารยธรรมท่ีมนษุ ยบ์ างกลุ่มหลงใหลกันยง่ี นกั กต็ าม แต่เธอก็เข้าใจดวี า่ มารดาบิดามี บญุ คณุ ต่อบตุ รธดิ าอย่างไร เคยถนอมเลยื้ งตนเองมาอย่างไร จงึ เป็นการไมส่ มควรอย่างย่ีงทบ่ี ุตร จะพึงกล่าววาจาหยาบคาย ขาดความเคารพต่อท่าน การทำใหท้ า่ นผูม้ ีคณุ ช้ําใจ ปวดรา้ วใจ เพราะ วาจาของตนนน้ั ถือวา่ เปน็ บาป โดยเฉพาะเกีย่ วกับมารดาบดิ าแล้ว บุตรธิดาควรจะยา่ เกรงอยูเ่ สมอ www.kalyanamitra.org

®6 การไม่เช่ึอฟังบิดามารดา แสดงอาการโอหงั อวดดดี อ่ พ่อแมน่ ัน้ เปน็ การประกาศความเลวทราม ของดนเอง “ลกู รกั ” นายพรานทำลายความเงยี บขนึ้ “ลูกเขา้ นอนเสียกอ่ นกไ็ ด้ พรุ่งนเ้ี ขา้ ค่อย พดู กันใหม่ พ่อกเ็ หนอื่ ยเหลือเกิน เด๋ยี วจะเขา้ นอนเหมอื นกัน” สุชาวดเี ข้านอนแตเ่ ธอนอนไม่หลบั ความรู้สกึ ของเธอขณะนี้สบั สนวุน่ วาย ไมร่ ู้จะดดั สนิ ใจ อย่างไร เรอ่ื งรักน้ันเธอพูดไดอ้ ยา่ งเต็มปากวา่ เธอมิไดร้ ักอุปกะเลย อยากจะหนีไปเสยี ใหฟ้ นั แด่ สงสารพอ่ จะอย่ตู ่อไปและจะด้องแต่งงานกับอปุ กะ ก็รสู้ กี สงสารความสวยและความสาวของตน ท่จี ะด้องถกู ทำลายลงด้วยนา้ั มือคนชรา ปญั หาคงเหลอื อยู่สองอยา่ ง คือจะเสอื กเอาพอ่ แลว้ ยอม สละตวั หรือจะยอมสละพ่อแล้วรกั ษาตวั ไว้ เธอตดั สินใจไม่ถูก ลดั อน้ั ตนั ใจ ในทสี่ ดุ ก็ดอ้ งระบายความ อดึ ลดั นัน้ ดว้ ยนาั้ ดา...เธอวอ้ งไห้ ผหู้ ญงิ เมอ่ื ระทมทกุ ขต์ รอมใจกห็ นั เขา้ หาเพอ่ื นคอื นา้ํ ตา ดเู หมอื นความระทมเศรา้ ของ เธอจะไหลหลง่ั ดามนา้ํ ตาออกมาดว้ ย นแ่ี หละโลก! โลกซง่ึ ระงมอยดู่ ว้ ยพษิ ไข.้ . ความรกั มไิ ดก้ อ่ ทกุ ข์ ใหเ้ พยิ งแกผ่ รู้ กั เทา่ นน้ั แมผ้ ไู้ มร่ กั กด็ อ้ งระทมทกุ ขเ์ พราะความรกั อยปู่ อย ๆ เหมอื นกนั ดชู วี ติ ของ สชาวดนี อ้ ยนเ่ี ปน็ ตวั อยา่ งเถดิ www.kalyanamitra.org

อุปกาชวี กกับพระอนนั ตชนิ ในขณะทสี่ ุชาวดีกำลังระทมทุกขเ์ พราะเกรงวา่ จะตอ้ งประสบด้วยสิง่ อนั ไม่ เป็นท่รี กั อยู่น้นั อกี มมุ หนง้ั อปุ กะกำลังกระวนกระวายด้วยเกรงวา่ จะพลัดพรากจะผดิ หวงั ในสิ่งอันเปน็ ทรี่ กั ในเรองเดยี วกันบุคคลบางคนอาจจะเศรา้ บางคนอาจจะสุข หรืออาจจะ ทกุ ข์ดว้ ยก้น แตท่ กุ ขก์ ้นไปคนละอยา่ งเท่านั้น ร่งุ ข้ึนขณะรับประทานอาหารเชา้ นายพรานพูดขึน้ วา่ “สุชาวดี เรอื่ งทีพ่ ดู เมอ่ื ดีนนี้ ลูกพอจะตดั สินใจไดแ้ ลว้ หรือยัง?” “ลูกคิดวา่ ...” สชุ าวดีพดู เสียงอ่อย ๆ “ลกู เปน็ สมบดีของพอ่ พ่อเล้ียงลกู มา ลกู จึงคดิ เสยี วา่ แลว้ แตพ่ อ่ จะเหน็ ดเี หน็ ชอบอยา่ งไร?” พดู เท่าน้แี ลว้ สชุ าวดกี ้มหนา้ น่ึง นา้ํ ตาซ่ึงเพง่ี จะ เหือดแห้งไปเม่ือใกล้รงุ่ นเ้ี องเร่มี จะหล่ังไหลออกมาอีก “ลกู รัก” นายพรานพดู เพอื่ ปลอบโยน “ลกู อย่าคิดว่าพ่อใจไม้ไลร้ ะกำเลย พอ่ อยากให้ ลูกมีความสุข พอ่ คิดว่า การแต่งงานกับทา่ นอุปกะคงทา่ ใหล้ กู มีความสุขได้ เขาเป็นคนดีนะลูก อายุแตกต่างกันบ้างกไ็ ม่เป็นไร ผ้หู ญงิ แกเ่ รว็ ถา้ เขาอายุ ๖๕ ลูกก็แก่แล้วเหมือนกนั ” อุปกะดใี จเหมือนได้เทพธดิ า เมื่อนายพรานมาบอกว่าสชุ าวดไี มข่ ดั ช้อง ถ้าตอ้ งการก็ ให้รืบสละเพศบรรพชิตหรือนักบวชเสีย อุปกะสละเพศนักพรด นงุ่ หม่ ฝาั อย่างคฤหสั ถ์ท่วั ไป แล้ว ดดี ตามนายพรานมาดว้ ยความรสู้ ีกอ่ึมเอิบ ชน่ึ บาน www.kalyanamitra.org

๑ www.kalyanamitra.org

เขาไดอ้ ยู่กินกับสชุ าวดีฉันสามภี รรยา บางคราวเขาจะพาสชุ าวดีนอ้ ยไปชมพันธไ์ ม้ นานาชนิดไนปา้ แต่ฟานเอย จะมสี ตรที ี่สาวที่สวยสดคนใดเล่า จะเกิดความนยิ มชมชอบรักใครเ่ สนห่ า ในสามชี ราดว้ ยความจริงใจ เขาจะทำดีหรือฉอเลาะอ่อนหวานก็เพียงเพอ่ื ความประสงคบ์ างอย่าง ซึ่งสิง่ น้นั อาจจะเป็นทรพั ย์ ยศ หรือ ชอี๋ เสียงเกียรติคุณ ว่าได้เปน็ ภรรยาของคนใหญค่ นโตเทา่ นน้ั มน้ มใิ ช่เพราะความสนทิ สนมเสน่หาอย่างแน่นอน ถ้าย่ิงผชู้ ายน้นั ไรท้ รัพย์อัปยศและยังชราเขา้ อกี จะช้าํ ร้ายสกั เพียงใด แต่ม้นเปน็ กรรมของโลกหรือของมนุษยชาติหรือไฉน จึงมกั จะบิดเบือนหันเหจติ ใจ ของชายชราไห้มกั พอใจในสตรสี าววยั รุ่น ย่ิงเขาแก่มากลงเพยี งใด ก็ยิ่งดอ้ งการสาวท่ีเยาว์วยั และไรเ้ ดียงสา ตอ่ โลกเพยี งนนั้ อุปกะพยายามเอาอกเอาใจสุชาวดีสมกบั ทตี่ นรกั แตส่ ุชาวดีซิ เหน็ การเอาใจของอปุ กะ เป็นสิง่ ทไ่ี รค้ ่าและรำคาญ “สชุ าวดี!,’ อปุ กะพดู ในขณะทชี่ มพันธไ์ มอ้ ยู่ไนปา้ “ดดู อกไมด้ อกนนั้ ซิมันช่างสวยงาม เบ่งบานดเี หลือเกนิ ,, “เห็นแล้ว,, สุชาวดีตอบสะมดั ๆ “แต.่ ..,, อปุ กะพยายามพูดใหถ้ กู ไจเธอ “ดอกไม้ดอกน้นั ยังสวยน้อยกว่าสุชาวดี มนั อาจจะอ่อนแต่ไม่หวาน สชุ าวดีทง้ั อ่อนด้วยหวานด้วย จงึ สสู้ ุชาวดีไมไ่ ด้ไมว่ า่ จะมองในแง่ได ๆ ” “พูดยืดยาวนารำคาญเสียจริง เขาจะชมดอกไม้ใหเ้ พลินเสยี หนอ่ ย ก็มาพราอะไรก็ ไม,ร้,ู , สชุ าวดพี ูดอยา่ งมะนาวไม่มนี าั้ อปุ กะรู้สึกนอ้ ยไจ แต่กน็ ้อยใจไปเถดิ นอ้ ยใจไปจนดาย ดอนทม่ี าร่วมกินร่วมนอนอย่าง สามภี รรยานั้นก็นึกเอาแต่ความพอใจของตัว ไม่คำนึงถึงความรู้สกึ ของอกี ฝา่ ยหน่ึงบางเลย ว่าจะมี ความร้สู กึ รักชอบประการใด ผู้ชายแบบนึม่ กั จะไดร้ บั ผลตอบแทนอยา่ งน๊เึ สมอ แตจ่ ะรักหรอื ไม่รกั จะชอบหรอื ไม่ชอบกต็ ามที เมื่ออยดู่ ว้ ยกนั อยา่ งสามีภรรยา สิง่ ทต่ี าม มากค็ อื ลกู สชุ าวดีเกลยี ดพ่อของเด็ก จึงรกั ลกู ได้เพียงครึง่ เดียว ในขณะทเี่ ธอกฺ ำลงั นยิ มชมชน่ื อยู่ กับสภุ ัททะเดกน้อย คราใดทีร่ ะลกึ ถึงพอ่ ของเขา เธอจะหนา้ เผอื ดใจแห้งลงหันที ความรา่ เริงหายไป สกุ ฑั ทะกช็ า่ งดีแห้ หนา้ ตาเหมือนพ่อประดจุ พิมพ์ สองปที ี่อยดู่ ้วยกันมา อปุ กะไมเ่ คยไดร้ บั ความชื่นใจจากภรรยาสาวท่ีเขาหลงรกั เลย สชุ าวดคี อยพดู เสียดสใี ห้กระทบกระเทือนใจอยูเ่ สมอไม่เรน้ แตล่ ะวนั เมอ่ื เห่กล่อมลูก เธอกจ็ ะ สรรหาคำทท่ี มี่ แทงใจอุปกะให้ปวดร้าวระบม แต่เขาก็อดทน ทนเพราะความรกั ลกู และภรรยา “สภุ ทั ทะเจ้าเอย เจา้ นนั้ เป็นลกู ของคนจรทห่ี ลับที่นอนกไ็ มม่ ี ขาดสงา่ และราศเี หมือน กาโกกากที ่รี ึา่ รอ้ งเพราะหลงรงั ชราพาธขาดพลงั กำลังกห็ ย่อนยานอีก ธนสารสมปตกิ ็ไม1มทื ตี่ ดิ ตวั ญาติพืน่ อ้ งผเกย่ี วขอ้ งและพวั พนั ก็แลไมเ่ หน็ ผูใ้ ด เออ! เจา้ ลกู คนหาบเนอ้ื เจา้ จะทำไฉนเมื่อเติบโด เจา้ ลกู คนหาบเนึอเอย!...นอนเสียเถิด,, คำเห่กล่อมลูกตามนือ้ ปุ กะไดย้ นื ทุกวัน วันละหลาย ๆ ครงั้ คืนหน่ึงเขานอนไม่หลบั เขาคดิ ... •คิดถึงชีวติ ของเขาเองตั้งแตด่ น้ มาจนมดั นืเ้ คยไดร้ บั การยกย่องเคารพนบั ถอื ประดุจเทพเจ้า คำน้อยไมเ่ คยมใี ครลว่ งเกนิ มามดั นื้ หมดแล้วซงึ่ เกียรตยิ ศ ถูกเหยียดหยามกล่าวรา้ ยจากเดก็ ผมู้ วี ยั เสมอด้วยบุตรของตน เราเปน็ คนไม่มญี าตพิ ่นี ้อง ไม่มที รพั ย์ สมปติ แมจ้ ะทำงานสายตัวแทบขาดเพอ่ื ลูกและภรรยา แตเ่ ธอกห็ าเห็นใจแมแ้ ต่นอ้ ยไม่ www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook